เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 6 ตอนที่ 56-57

ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข...

 

ตอนที่ 56 โชคสองชั้นต่อเนื่อง

 

เหล่าชุยโดนเหล่าเจียงลากตัวขึ้นม้าขี่ซ้อนกันกลับมา เดิมทีเขากำลังหาสมุนไพรในป่าเพื่อให้คนในขบวนคาราวานต้มกินลดธาตุไฟลดอาการร้อนใน ฟ้าใกล้ค่ำแล้วจึงออกจากป่ามองเห็นเหล่าเจียงขี่ม้ามาอย่างเร่งรีบ คิดว่าเขามีธุระอะไรกำลังจะทักทาย ที่ไหนได้พอมาถึงตรงหน้าไม่ทันพูดอะไรก็โดนเหล่าเจียงจับตัวลากขึ้นคร่อมคอม้าขี่กลับมาเลย


 


 


เหล่าชุยเป็นหมอประจำตระกูลอวิ๋นเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน หลังจากติดตามฝึกการแพทย์กับหมอเทวดาซุนแล้วยิ่งอยู่ในฐานะหมอมีชื่อเสียง คนในตระกูลในหมู่บ้านเห็นเหล่าชุยต้องค้อมตัวเรียกหมอชุย เหล่าชุยเองก็ตั้งใจรักษาลูกบ้านตระกูลอวิ๋นเป็นอย่างดี ถึงแม้ทั้งหมอเทวดาซุนกับอวิ๋นโหวต่างเป็นยอดฝีมือในวงการแพทย์ แต่ถ้าเจ้าเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยเช่นปวดหัวตัวร้อนก็ไปหาทั้งสองท่านนี้ก็ไม่เหมาะสมแน่นอน ดังนั้นคนที่รักษาคนไข้มากที่สุดในตระกูลก็ยังต้องเป็นหมอชุยนั่นเอง


 


 


คนหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นเองก็ถือตัวมากเชื่อถือแต่คนของตัวเอง หมอนอกหมู่บ้านต่อให้เก่งกาจเพียงไหนก็ไม่อยู่ในสายตา ถิ่นที่อยู่ของหมอเทวดาซุนกับอวิ๋นโหวจะปล่อยให้หมอจากที่อื่นมาทำกร่างได้อย่างไร


 


 


พอได้ยินว่าฮูหยินน้อยไม่สบาย เหล่าชุยที่ฟืนไฟกำลังจะขึ้นก็พลันหายไปรีบเรียกคนไปหยิบล่วมยาในกระโจมของเขา ส่วนตัวเองล้างมือแล้วก็จะเข้ากระโจมดูว่าฮูหยินน้อยไม่สบายเพราะอะไร


 


 


ก่อนเข้ากระโจม เหล่าเฉียนคนดูแลบ้านสกัดเหล่าชุยกำชับแล้วกำชับอีกว่าให้ดูอย่างละเอียดลออ ดูซ้ำสักสองรอบก็ไม่มีปัญหา ต้องหาสาเหตุได้ชัดเจน หากผิดพลาดอะไรขึ้นมาคนทั้งหมู่บ้านจะไม่ยอมให้อภัยแน่นอน


 


 


“ไม่ต้องไปฟังพวกเขา หมอชุย อย่าให้มีความกดดัน ให้ดูเหมือนที่เคยทำปกติ ฮูหยินน้อยไม่ได้ป่วยหนักหนาอะไร แค่รู้สึกร่างกายไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น ธรรมเนียมหมอไม่รักษาคนครอบครัวตัวเองเจ้าก็รู้ ดังนั้นให้เจ้าดูให้เต็มที่ไม่ต้องห่วงอะไร” อวิ๋นเยี่ยที่รออยู่นอกกระโจมเห็นเหล่าชุยโดนขู่จนเหงื่อตกจึงออกปากปลอบโยน


 


 


อวิ๋นเยี่ยไม่ได้เข้ากระโจมไปด้วย คงเดินไปมาอยู่ข้างนอก เฉิงฉู่มั่วกับหนิวเจี้ยนหู่เดินตามอย่างเงียบๆ พวกเขาต่างรู้กันอยู่ว่าการที่ซินเย่ว์มีครรภ์มีความหมายต่อตระกูลอวิ๋นมากมายเท่าไร


 


 


 บ่าวไพร่ที่วุ่นวายกับงานต่างหยุดงานทั้งหมดในมือแล้วจับจ้องที่กระโจมฮูหยินน้อย โหวเหยียมีทายาทสำคัญต่อตระกูลอวิ๋นรวมทั้งบริวารทั้งหมดอย่างมหาศาล เท่ากับบุญบารมีของตระกูลอวิ๋นไม่เพียงแค่แผ่มาถึงตัวเอง แต่จะตกไปชั่วลูกชั่วหลานที่ยังอาศัยบุญบารมีนี้ต่อไปได้อีก แต่ละคนล้วนแต่ท่องคำสวดให้พระช่วยนับไม่ถ้วนรอบ ขอให้อาการฮูหยินน้อยเป็นจริงตามที่ทุกคนหวังไว้ ไม่ใช่ดีใจเสียเปล่ากัน


 


 


มีเสียงเฮของเสี่ยวหนิวฮูหยินดังออกมาจากในกระโจมทั้งจิ่วอีก็เฮด้วย สือสือเปิดม่านกระโจมวิ่งออกมาบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “อาจารย์ อาจารย์ อาจารย์แม่มีครรภ์จริงๆ หมอที่มาตรวจดูแล้วหลายหนบอกว่าไม่ผิดแน่นอน”


 


 


อวิ๋นเยี่ยยิ้มแย้มดีใจเต็มที่ เฉิงฉู่มั่วอุ้มสือสือหมุนไปรอบๆ หนิวเจี้ยนหู่ตะโกนแสดงความยินดี เหล่าบ่าวไพร่สาวใช้ต่างกระโดดโลดเต้นคล้ายผีเข้า ค่ายพักแรมระเบิดเสียงหัวเราะดีใจออกมากันทั้งค่าย


 


 


อวิ๋นเยี่ยถามคำหนึ่งกะทันหัน “ทำไมหมอชุยไม่ออกมาแจ้งข่าวดี”


 


 


สือสือพูดทันทีว่า “หมอชุยกำลังดูอาการอาหนิว เห็นว่าอาหนิวก็ไม่สู้สบายเหมือนกัน”


 


 


คราวนี้กลายเป็นหนิวเจี้ยนหู่ตกตะลึง ครั้งก่อนภรรยามีครรภ์ ใครจะรู้ว่าพอกลับบ้านพ่อตาแม่ยายไม่ทันระวังหกล้มไปทีเดียวเด็กก็หายไป เหล่าหนิวฮูหยินร้องไห้ไปสามวัน เสี่ยวหนิวฮูหยินเลิกยิ้มไปครึ่งปีเต็ม บ่าวไพร่ที่ติดตามเสี่ยวหนิวฮูหยินกลับบ้านพ่อตาแม่ยายโดนไล่ออกไปหมด หากไม่ใช่เสี่ยวหนิวห้ามไว้อาผู้หญิงจะต้องฆ่าคนแน่ๆ ตอนที่อวิ๋นเยี่ยไปเยี่ยมโดนอาผู้หญิงลากตัวไปร้องห่มร้องไห้เล่าเรื่องตั้งหลายชั่วยาม หากครั้งนี้มีครรภ์จริงพวกตระกูลหนิวคงต้องดีใจเจียนคลั่งเหมือนกัน


 


 


คนทั้งสามตระกูลล้วนรู้เรื่องของสามตระกูลอย่างดี ได้ยินสือสือพูดเช่นนี้แล้ว เหล่าเฉียนรีบกางแขนออกให้ทุกคนเงียบเพื่อรอฟังข่าวต่อไป เหล่าบ่าวไพร่ต่างไม่สามารถกลบเกลื่อนความยินดีในแววตาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ขอเพียงให้ทั้งสามตระกูลนี้มีทายาทกันให้คับคั่งก็จะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับชุมนุมเล็กๆนี้


 


 


เหล่าชุยเดินปากสั่นออกมา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะโชคดีอะไรขนาดนี้ บุตรชายหรือบุตรสาวคนโตของสองตระกูลใหญ่ล้วนมาจากที่ตัวเองวินิจฉัยออกมา ไม่พูดไม่จากำมือแสดงความยินดีกับอวิ๋นเยี่ยและหนิวเจี้ยนหู่ชนิดปากคอสั่นไม่หยุด


 


 


“เจ้านี่พูดทีสิ พี่หนิวข้าจะมีทายาทใช่ไหม” เฉิงฉู่มั่วเขย่าไหล่เหล่าชุยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว


 


 


“ยินดีกับโหวเหยีย ยินดีกับหนิวเสี่ยวโหวเหยีย ฮูหยินทั้งสองต่างมีครรภ์ ถึงแม้ชีพจรเบามากๆเพราะเพิ่งเริ่มมีครรภ์ แต่ข้ายืนยันได้แน่นอนว่าฮูหยินทั้งสองมีครรภ์แน่ๆ”


 


 


เพิ่งพูดจบ ทั้งอวิ๋นเยี่ยกับหนิวเจี้ยนหู่ต่างยัดแผ่นหยกให้เหล่าชุยคนละอัน บ่าวไพร่ข้างๆต่างดูจนตาร้อนผ่าว หยกสองแผ่นนี้พอที่จะให้เหล่าชุยหาเมียน้อยได้อีกสองคน


 


 


ภรรยาเหล่าหนิวถูกจิ่วอีพยุงออกมาจากกระโจมด้วยสีหน้าแดงก่ำ ดูออกได้ว่านางกำลังอยู่ท่ามกลางความสุขยิ่งนัก เสี่ยวหนิวอ้าปากหัวเราะร่าจนอวัยวะทั้งหมดบนใบหน้ารวมเป็นกระจุก รีบไปพยุงภรรยากลับกระโจมตัวเอง


 


 


เฉิงฉู่มั่วไม่ได้ชอบใจเลย เขารู้สึกว่าสวรรค์เป็นปรปักษ์กับตัวเองเรื่องนี้ ภรรยาของพี่น้องทั้งสองคนต่างมีครรภ์ ภรรยาตัวเองก็ต้องมีครรภ์ด้วยจึงจะถูก แล้วทำไมตัวเองถึงได้หลุดรอดไป กำลังอารมณ์บูดอยู่กับจิ่วอี


 


 


“ดีแล้ว จะมาโวยวายอะไร หากจิ่วอีมีครรภ์ท่านจะลำบาก ชิงเหอใกล้จะแต่งเข้ามาแล้ว เวลานี้จิ่วอีมีอีหนูข้างตัวคนเดียวดีที่สุดแล้ว ถ้ามีไอ้หนูขึ้นมาจะเป็นโชคร้ายของท่าน ถึงเวลาแล้วบุตรชายคนโตไม่ใช่ผู้สืบทอดแล้วท่านจะจัดการอย่างไรกัน”


 


 


หลี่ซื่อหมินแต่งบุตรสาวเพราะมีเป้าหมายที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับกลุ่มศักดินาเหล่านี้ เพื่อรวบรวมกลุ่มผลประโยชน์ร่วมกันให้ใกล้ชิด เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการปกครองระยะยาวของตระกูลหลี่


 


 


เฉิงฉู่มั่วนิ่งไปพักหนึ่งก็ลากจิ่วอีกลับกระโจมตัวเอง


 


 


เหล่าเฉียนนำสือสือไปอย่างผู้ช่ำชอง บอกว่ามีกระโจมลายดอกให้สือสือดูว่าชอบหรือไม่ อีกทั้งยังต้องจัดสาวใช้ให้คุณหนูจิ๋วสองคนกับรถม้าอีกหนึ่งคัน ต่อไปเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่โตแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนต้องมีไว้ใช้


 


 


ซินเย่ว์ในกระโจมค้นข้าวของเละเทะราวกับหนูยักษ์คุ้ยดิน เปิดดูข้าวของทุก**บห่อทั้งเสื้อผ้าเครื่องประดับโยนไปทั่วพื้น ทั้งยังค้นดูก้น**บอีกไม่รู้ว่าค้นหาอะไรกัน


 


 


“หยุดพักสักครู่เถอะ คนท้องที่ไหนจะวุ่นวายไม่หยุดเหมือนเจ้า ระวังอย่าหกล้มด้วย” อวิ๋นเยี่ยเห็นข้าวของเกลื่อนพื้นแล้วกลุ้มมาก นี่เพิ่งจะเริ่มต้น ดอกหมู่ตันหลากสีที่ไม่กี่วันก่อนยังเห็นเป็นของวิเศษตอนนี้โดนเหยียบเละเทะ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเห็นท่าจะแย่


 


 


“ท่านยังจำได้ไหมว่าข้าเก็บที่ห้อยคอผิงอันอิงลั่วไว้ที่ไหนแล้ว จำได้ว่าเก็บอยู่ใน**บแต่ทำไมหาเท่าไรก็ไม่เจอ ท่านมาช่วยหาให้หน่อยสิ” ซินเย่ว์ซุกศีรษะไว้ใน**บพูดเสียงงึมงำกับอวิ๋นเยี่ย


 


 


พอมีครรภ์ก็เปลี่ยนทันที แต่ก่อนต่อให้บ้านถูกไฟเผาซินเย่ว์ก็ยังไม่เรียกอวิ๋นเยี่ยไปช่วยดับไฟ วันนี้แค่หาอิงลั่วกระจอกๆอันเดียวถึงขนาดกล้าสั่งเจ้าบ้านแล้ว


 


 


อวิ๋นเยี่ยอุ้มนางวางเบาๆไว้บนเตียงแล้วบอกนางว่า “หาของเจ้าให้สาวใช้ช่วยเจ้า ไม่ต้องมาบงการข้า ข้ามีเรื่องสำคัญมากมายต้องไปทำ” พูดจบก็แกล้งทำเป็นจะออกไป


 


 


ซินเย่ว์คว้าอวิ๋นเยี่ยไว้ เอาหน้าแนบเข้ามาว่า “ไม่ได้ ผู้หญิงใช้อารมณ์กับผู้ชายได้ก็แค่ไม่กี่วันนี้เท่านั้น ระหว่างนี้ท่านด่าไม่ได้ตีไม่ได้ ท่านยังไม่ยอมให้ข้าปล่อยอารมณ์ได้อีกหรือ” พูดจบยังลูบท้องอย่างภาคภูมิใจโชว์พาวให้อวิ๋นเยี่ยดู


 


 


“โจโฉอ้างฮ่องเต้สั่งเหล่าโหว เจ้าเอาอย่างได้ไม่มีที่ติ เอาลูกชายมาขู่เข็ญพ่อหลานเถียนโหว ก็ได้ ปล่อยให้เจ้าผยองสักพัก บอกมาเลยอยากทำอะไร ข้ายินดีรับคำสั่ง”


 


 


หญิงมีครรภ์อารมณ์ผันผวน นึกถึงความลำบากที่พวกนางอุ้มท้องสิบเดือน อวิ๋นเยี่ยรู้สึกว่าถ้าเวลานี้ยังมาขบกับภรรยาอีกก็เกินไปแล้ว มือวางอยู่บนท้องซินเย่ว์ค่อยๆลูบเบาๆ ถึงแม้ยังคงแบนราบไม่ได้ต่างอะไรกับเมื่อก่อน แต่การรับรู้ทางใจต่างกันแล้ว ชีวิตที่อุบัติขึ้นใหม่ใต้ชั้นผิวนี้กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เป็นครั้งแรก อวิ๋นเยี่ยก็ยังคงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณที่สวรรค์ประทานให้


 


 


ซินเย่ว์เห็นอวิ๋นเยี่ยเงียบไปนาน แค่เพียงลูบคลำท้องนางอย่างเหม่อลอย ก็รีบมุดเข้าด้านในของเตียงด้วยใบหน้าแดงเรื่อเพราะเข้าใจว่าอวิ๋นเยี่ยเริ่มเกิดอารมณ์ใคร่ ทั้งเอาผ้าห่มพันตัวอย่างแน่นหนาจนเหลือเพียงศีรษะโผล่ออกมา กัดริมฝีปากพูดว่า “ต้องอีกปีหนึ่งเลยที่ท่านแตะตัวข้าไม่ได้ ท่านมีคู่ขาอยู่ข้างนอกไม่ใช่หรือ แต่ก็น่าสงสารนะ คนหนึ่งอยู่ทุ่งหญ้า อีกคนอยู่หลิ่งหนาน ปล่อยให้สามีหงอยเหงาหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว เสี่ยวชิวก็ไม่อยู่ในสายตาท่านอีกด้วย”


 


 


คำพูดชนิดปากไม่ตรงกับใจเลย หากอวิ๋นเยี่ยกล้าไปทุ่งหญ้าหรือหลิ่งหนานจริงๆ นางไม่เผาบ้านตระกูลอวิ๋นให้เหลือแต่เถ้าถ่านสิจึงจะแปลก เอาผ้าเช็ดหน้าคลุมใบหน้านาง ตบศีรษะนางแล้วถามว่า “อยากกินอะไรบอกมาได้เลย ข้าจะลงครัวทำให้เอง อาศัยตอนนี้ข้ายังพอมีแรงใจอยู่ รีบบอกเลย ถ้าพลาดโอกาสแล้ว ร้านนี้หายเลยนะจะบอกให้”


 


 


ได้ยินอวิ๋นเยี่ยพูดเช่นนี้แล้วซินเย่ว์ดึงผ้าปิดหน้าออกทันที ลุกขึ้นมานั่งพูดว่า “ไม่ได้กินอาหารที่ท่านทำนานแล้ว นึกขึ้นมาแล้วน้ำลายไหล ซี่โครงหมูตุ๋นเยี่ยมมาก ลูกชิ้นเปรี้ยวหวานก็ดี ซุปลูกบัวท่านก็ทำได้ดีกว่าใคร ปลาช่างเถอะ ก้างเยอะกินลำบาก ผักเสี่ยวเหยี่ยไช่ของท่านก็หอม ไก่ชิ้นต้มก็อร่อย เอาเท่านี้ก่อน ท่านไปทำข้าขอพักก่อน ทำเสร็จแล้วท่านให้สาวใช้มาตามข้า” ซินเย่ว์ปิดปากหาว บิดขี้เกียจเหมือนหนอนแล้วมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มอีก


 


 


อวิ๋นเยี่ยนึกขำ ก่อนซินเย่ว์มีครรภ์ไม่เคยเลยที่จะมาสั่งการให้ตัวเองทำโน่นทำนี่มากมาย ตอนนี้มีเด็กทำให้นางมีเหตุผลมากพอ ตัวเองเป็นคนทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้เอง มีเปลือกนอกของนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าในราชสำนักหรือในบ้านล้วนทำตัวสูงส่งจนน่าสะอิดสะเอียน ทำให้มีแรงกดดันต่อซินเย่ว์อย่างสูง นี่ไม่ใช่วิธีการพึงปฏิบัติของสามีภรรยา จะต้องมีการปรับปรุงใหม่


 


 


หลังจากสั่งสาวใช้ให้เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นเยี่ยก็เข้าครัวพบว่าสือสือกำลังถือชามกินข้าวอยู่ เป็นข้าวที่หุงจนไหม้ดำทำให้อวิ๋นเยี่ยโมโหทันที “ใครเป็นคนทำ” อวิ๋นเยี่ยตวาดแว้ด


 


 


เหล่าเฉียนวิ่งมาตามเสียง รีบแย่งชามข้าวในมือสือสือมา บอกอวิ๋นเยี่ยว่า “โหวเหยีย เมื่อครู่นี้พวกคนครัวมัวแต่ห่วงฟังเรื่องมงคลของฮูหยินทั้งสองจนลืมดูไฟทำให้ข้าวไหม้ ข้าให้พวกเขาหุงใหม่แล้ว ข้าเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูจิ๋วจึงได้กินข้าวที่ไหม้”


 


 


“อาจารย์ ไม่ใช่พวกเขาเอาให้ข้า ข้าเป็นควักขึ้นมาเอง เห็นพวกเขาต่างก็กินก็เลยกินไปด้วย อาหารจะปล่อยให้เสียของไม่ได้” ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะคนอื่นทำให้สือสือลำบาก อวิ๋นเยี่ยจึงไม่ได้ถือสา ทั้งเห็นข้าวที่เหล่าเฉียนกินก็คล้ายกัน จึงพยักหน้านำสือสือเข้ากระโจมทำครัวเตรียมทำอาหารด้วยฝีมือตัวเอง


 

 

 


ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข...

 

ตอนที่ 57 พระสงฆ์สองรูป

 

เลือกวัตถุดิบได้แล้วอวิ๋นเยี่ยก็เริ่มทำอาหาร นำซี่โครงหมูที่หั่นแล้วต้มในหม้อล้างเลือดทิ้งก่อน สั่งคนครัวสับเนื้อทำไส้ เด็ดผักเหยี่ยไช่สดที่เพิ่งเก็บมา ลูกบัวที่แช่น้ำแล้วถูกดึงไส้ออกไปใช้มีดตบๆแล้วใส่ในหม้อดินตุ๋นรวมกับข้าวเหนียวด้วยไฟอ่อน ไก่นั้นง่ายมากต้มเสร็จแล้วแค่ใช้มือฉีกออกก็เสร็จ อวิ๋นเยี่ยทำทุกรายการไว้มากพอที่จะกินได้สามคน


 


 


สือสือปอกต้นหอมต้นใหญ่มาก ที่อยู่ข้างๆวางขิงที่ปอกแล้ว เป็นเด็กที่ชอบทำงานดีจริง เปรียบเทียบกันแล้วเสี่ยวยาชอบกินอย่างเดียวเรื่องทำอาหารเป็นเรื่องทุกข์ทรมานสำหรับนาง


 


 


ผู้หญิงพวกนี้ทำไมจึงชอบอาหารที่มันมาก เคยคิดว่าลูกชิ้นแค่จุ่มน้ำมันทอดให้มีสีนิดเดียวแล้วใส่รังถึงนึ่งสุกก็พอแล้ว ครั้งก่อนสั่งคนครัวทำเช่นนี้แต่ละคนบ่นกันว่าไม่อร่อยไม่มีน้ำมันกินแล้วแห้งไม่มีรสชาติ ครั้งนี้เลยสั่งให้ทอดสุกไปเลย


 


 


ดูลูกชิ้นในหม้อทอดน้ำมันผุดขึ้นลงเริ่มออกสีเหลืองแล้วน้ำลายสือสือหยดติ๋งๆลงมา จึงเอาตะแกรงช้อนลูกชิ้นที่สุกแล้วขึ้นมาแบ่งไว้ในชามเล็กของสือสือบางลูก ดูนางถือชามเป่าลูกชิ้นอย่างตั้งใจแบบว่าอยากให้รีบเย็นลงแล้วอวิ๋นเยี่ยรู้สึกสบายใจ นี่จึงเป็นท่าทางของเด็กๆ พวกหัวโล้นนั้นสอนเด็กจนกลายเป็นท่อนไม้ไปแล้ว


 


 


สือสือกินลูกชิ้นหมดแล้วดูอิ่มอกอิ่มใจมาก ถือช้อนเล็กค่อยๆคนซุปลูกบัว อวิ๋นเยี่ยใส่เห็ดหูหนูขาวเพิ่มลงไป สือสือที่ไม่เคยเห็นของเหล่านี้รู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก


 


 


อาจารย์ลูกศิษย์สองคนแอบแทะกระดูกชิ้นใหญ่คนละชิ้นในห้องครัว จนซุปลูกบัวเสร็จรวมทำอาหารสามชอหนึ่งเจอีกหนึ่งซุป เป็นอาหารเย็นที่อวิ๋นเยี่ยปลอบขวัญให้หญิงมีครรภ์ที่ถูกกดขี่สองคน ถึงแม้จะช้าไปหน่อยแต่ว่าอาหารอร่อยไม่กลัวช้าไม่ใช่หรือ


 


 


ให้คนครัวไปตามเฉิงฉู่มั่วกับหนิวเจี้ยนหู่มาให้ถาดคนละใบ หนิวเจี้ยนหู่ออกจะเกรงใจเพราะรู้สึกว่าจะหลู่เกียรติอวิ๋นเยี่ยไปหน่อย เฉิงฉู่มั่วมือหนึ่งยกถาดอีกมือหนึ่งเอาซี่โครงใส่ปากตัวเอง


 


 


“เรื่องเกียรติเอาไว้ให้คนนอกดู พวกเราพี่น้องกันมัวห่วงเรื่องนี้ก็ตลกแล้ว รีบเลย เอาของไปให้เอาใจเมียตัวเองหน่อย ซินเย่ว์ยังรอกินอยู่เลย”


 


 


ดึงมือเฉิงฉู่มั่วที่ยื่นไปบนจานอีกครั้งลงมาแล้วไล่ทั้งสองไป อวิ๋นเยี่ยเอากระดูกหมูที่ผัดเสร็จอีกกะละมังหนึ่งให้คนครัวเอาไปให้ซ่านอิง เขาไม่พิถีพิถันเรื่องกิน ขอให้รสชาติดีปริมาณมากพอก็ได้แล้ว เจ้านี่กินจุมากจริงๆ มื้อหนึ่งกินไก่ได้สามตัวยังต่อเพิ่มหมั่นโถวอีกหนึ่งรังถึงจึงจะอิ่ม ดูแล้วคนวิทยายุทธสูงย่อมกินจุ ยอดฝีมือต้องอาศัยการกินจุด้วย หากกินไม่พอยอดฝีมือก็ยืนไม่อยู่เหมือนกัน มื้อเย็นกินข้าวแฉะไปเต็มท้องย่อมกินไม่อิ่ม ตอนนี้จะได้กินกระดูกบำรุงหน่อย


 


 


ซินเย่ว์กำลังเคาะผลไม้เปลือกเขียวที่คนดูแลบ้านนำมาจากลั่วหยาง รอจนอวิ๋นเยี่ยยกถาดอาหารเดินเข้ามาจึงนั่งหน้าโต๊ะถือตะเกียบเตรียมกินข้าว


 


 


สือสือจัดวางอาหารทีละอย่างจนเสร็จ เรียกอาจารย์แม่จนซินเย่ว์ทั้งรักทั้งเอ็นดู ลากสือสือนั่งอยู่ข้างๆแล้วเอากระดูกชิ้นใหญ่ให้นางแทะ ควรรู้ว่ากระดูกชิ้นใหญ่ปกติเป็นของซินเย่ว์คนเดียวโดยที่นางแทะกินไขกระดูกได้ทั้งชั่วยาม เวลานี้ยอมเอาของที่ชอบมากสุดให้สือสือย่อมเห็นได้ว่านางชอบสือสือมากเท่าไหน


 


 


สือสือที่เพิ่งกินของไปแล้วมากมายก็เริ่มแทะกระดูกอย่างเอร็ดอร่อย ซินเย่ว์เองก็ใช้ทั้งสองมือชนิดที่ไม่มีมาดผู้ดีเหลืออยู่แม้แต่นิดยัดของมันย่องใส่ปากจนทนดูไม่ไหวจริงๆ ถอนใจคิดว่าถ้ากินกันแบบนี้ไม่เตรียมน้ำซันจาให้นางทั้งสองคนไว้ก่อนคงไม่รอดแน่


 


 


เหล่าเจียงก็ชอบแทะกระดูกนั่งคู่กับซ่านอิงใต้แสงดาวสุราคำเนื้อคำกินอย่างสบายอารมณ์ อากาศภูเขากลางคืนค่อนข้างเย็น บ่าวไพร่ก่อไฟเป็นกองๆนั่งล้อมวงคุยกันรอบกองไฟ คนตระกูลอวิ๋นไม่ขาดสุรา บ่าวไพร่ที่นิยมดื่มจะมีสุราชามเล็กให้ทุกวันเพื่อไว้คลายเหงา ตระกูลเฉิงกับหนิวก็คล้ายกัน แต่ละคนควักน้ำเต้าสุราอันเล็กออกมาจิบสุราคุยกัน จิตใจปลอดโปร่งวันเวลาผ่านไปอย่างสุขสบาย


 


 


วัดเส้าหลินข้างหลังมืดสนิทไม่มีแสงไฟแม้แต่นิด เหล่าพระสงฆ์ต่างเคยชินกับนิสัยทำงานตอนดวงอาทิตย์ขึ้น พักผ่อนตอนดวงอาทิตย์ตกเช่นเดียวกับชาวบ้านต้าถังทั้งหมด เพียงแต่คืนนี้จะต้องมีพระสงฆ์ที่นอนไม่หลับสองคน อวิ๋นเยี่ยมองประตูใหญ่วัดที่ปิดสนิทแล้วแอบหัวเราะ


 


 


ไม่ต้องค้นหาหรอกกิ่งไม้บนต้นสนมีพระสงฆ์ที่นอนไม่หลับคนหนึ่งนั่งอยู่ เรื่องห่วงใยลูกเต้าแม้แต่พระสงฆ์ก็ไม่เว้น ขณะที่อวิ๋นเยี่ยเข้ามาซ่านอิงใช้นิ้วชี้ไปที่กิ่งไม้ ดังนั้นอวิ๋นเยี่ยก็รู้แล้วว่าเจวี๋ยหย่วนจะต้องอยู่ข้างบนนั้น ไม่รู้ว่าเขานั่งมานานเท่าไรแล้วแต่คาดว่าคงไม่ได้น้อยนัก ภาพที่อวิ๋นเยี่ยกับสือสือทำอาหารด้วยกันกินข้าวด้วยกันคงทำให้เขาสะท้อนใจมาก ความสุขนี้ความจริงต้องเป็นของเขา ไม่รู้ว่าในใจเขาความคิดฝ่ายพระกับฝ่ายฆราวาสฝ่ายไหนหนักเบากว่ากัน


 


 


“อาจารย์เจวี๋ยหย่วนมีความคิดขอเมาสักครั้งไหม” อวิ๋นเยี่ยหยิบน้ำเต้าสุราดื่มไปอึกหนึ่งแล้วส่งเสียงถามไป


 


 


ความสูงสามจั้ง เจวี๋ยหย่วนโดดลงมาตรงๆมีเสียงกระทบพื้นเบามาก แย่งน้ำเต้าสุราจากอวิ๋นเยี่ยแล้วแหงนคอกรอกสุราเต็มที่ ซ่านอิงดูอยู่ไกลกระซิบกับเหล่าเจียงแล้วหัวเราะลั่นออกมา


 


 


สุราตระกูลอวิ๋นแรงมากซ่านอิงรู้รสมาแล้ว เขายินดีที่จะรอพระสงฆ์มีอาการเมาสุราให้เห็น คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ให้ดูเพียงชั่วยามเดียวก็โดนเก็บไปช่างใจแคบจริงๆเลย


 


 


เป็นจริงดังนั้น ใบหน้าเจวี๋ยหย่วนแดงก่ำทั้งสำลักสุราที่แรงจัดจนไออย่างรุนแรง ทำให้เจ้าสองคนนั้นหัวเราะเสียงดังยิ่งขึ้น เจวี๋ยหย่วนระงับอาการแล้วนอกจากไม่โกรธกลับยกนิ้วหัวแม่โป้งชมว่า“สุราดี”


 


 


มองเห็นท่าทางเจวี๋ยหย่วนเช่นนี้แล้วเหล่าเจียงก็ชมกลับมาว่า“คอทองแดง” สำหรับคอสุราด้วยกันเขาไม่เคยตระหนี่ น้ำเต้าสุราเล็กสีน้ำตาลที่คาดเอวปลิวมาพร้อมส่งเสียงมาจากทางไกลว่า “พระสงฆ์ใหญ่ นี่เป็นสุราโถวเต้าของโรงบ่มสุราตระกูลอวิ๋นมีรสชาติดีหนักหนา เสียแต่ดื่มแล้ววันรุ่งขึ้นจะปวดศีรษะแทบแยกเป็นเสี่ยงๆ แต่สำหรับพวกคอสุราอย่างเราๆ การที่ได้ลิ้มรสสุราดีเช่นนี้เพียงปวดศีรษะแค่นี้จะเป็นไรไปเล่า เชิญชิม”


 


 


เจวี๋ยหย่วนรับน้ำเต้าสุรา สองมือพนมขอบคุณเหล่าเจียงแล้วเปิดน้ำเต้าออก จิบไปหนึ่งคำให้น้ำสุรากลอกกลิ้งในปากไปมา ให้ต่อมรับรสรับรู้ถึงรสชาติของสุราแล้วจึงกลืนลงไป รู้สึกถึงกระแสความร้อนตั้งแต่ลำคอจนถึงกระเพาะแล้วแผ่ซ่านไปทุกส่วนของร่างกาย นับว่าสุดยอดในโลกทีเดียว


 


 


อวิ๋นเยี่ยอมยิ้มดูวิธีปฏิสันถารของเหล่าชาวยุทธ สิงโตกับสิงโตย่อมมีภาษาที่เข้าใจกัน พวกเขาอาจจะรุนแรง อาจจะใจกว้าง อาจจะยอมตายแทนกัน หรืออาจจะต่อสู้เอาชีวิตกัน ล้วนอยู่ในพริบตาเดียวเท่านั้น หากถูกชะตากันสุราชามเดียวก็เป็นเพื่อนตายกันได้ พูดจาผิดหูกันจนชักมีดดาบสู้กันก็เป็นเรื่องธรรมดา พวกเขายังดูบริสุทธิ์กว่า อย่างน้อยอวิ๋นเยี่ยก็คิดเช่นนี้


 


 


“อวิ๋นโหว สือสือสามารถเป็นลูกศิษย์ท่านได้นับเป็นวาสนาของนาง ข้าไร้สิ้นทุกอย่างได้เพียงสวดอวยพรให้ท่านได้ทุกวันในวัดโบราณแห่งนี้ วันหน้ารอให้สือสือเติบใหญ่แล้ว ขอรบกวนอวิ๋นโหวหาคนที่เหมาะสมให้นางแต่งงานไปมีชีวิตที่ดีมีลูกมีหลาน ให้นางลืมบิดาที่ทำเรื่องโสมมเอาไว้ชาตินี้ไม่ต้องพูดถึงอีก”


 


 


สุราดื่มมากแล้วการควบคุมตัวเองก็จะลดลง ดูท่าทางน้ำตาตกของเจวี๋ยหย่วนแล้วอวิ๋นเยี่ยไม่ได้สบายใจนัก เจวี๋ยหย่วนกังวลที่มีบิดาเช่นตัวเองจะทำให้ครอบครัวดีๆดูถูก เกิดปัญหาต่อการมีคู่ครองของสือสือ คนเป็นบิดาทำได้ขนาดนี้ก็คือบิดาที่ผ่านเกณฑ์สมควรแล้ว ไม่ว่าเขาเป็นพระสงฆ์หรือไม่ก็ตาม


 


 


อวิ๋นเยี่ยชี้เนินดินข้างๆบอกเจวี๋ยหย่วนว่า “ความผูกพันทางสายเลือดนั้นตัดไม่ขาดหรอก ท่านหาบดินสร้างเนินมาห้าปี เนินสร้างเสร็จแล้วความผูกพันกลับรุนแรงขึ้น พระสงฆ์อาวุโสทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะทั้งเมาสุรา ยังจะมีฐานรากอะไรเหลืออีก ฝ่ายพุทธไม่ใช่ว่าจะต้องตัดรอนทุกอย่างจึงสามารถบรรลุได้ พระอริยสงฆ์ที่สิ้นไปแล้วถูกคนระลึกถึง มีคนไหนที่ไม่มีจิตใจเมตตาสร้างสิ่งดีงามมากมายจึงได้พุทธจิต หากแค่เคาะมู่อวี๋สวดมนตร์แล้วก็บรรลุได้โลกนี้ก็คงมีพระพุทธมากเกินไปแล้ว การบรรลุขึ้นอยู่กับว่าท่านทำอย่างไรไม่ใช่พูดอย่างไร”


 


 


“นโมอมิตตพุทธ อวิ๋นโหวเป็นผู้มีปัญญาของโลกอย่างแท้จริง เจวี๋ยหย่วน ตัวเจ้าอยู่ในกลองยังไม่ยอมตื่นอีกหรือ” พระสงฆ์ผอมดำเดินออกมาจากความมืด แววตาซ่านอิงเริ่มมีความระแวดระวังเป็นครั้งแรก


 


 


“พระสงฆ์นี้ท่องคำต่างจากท่าน อาจารย์เจวี๋ยหย่วน” ไม่ได้สนใจพระชราที่อยู่ดีๆโผล่ออกมา ตัวเองขอพบตั้งสองหนสามหนก็คอยหลบไกลห่างตลอด เห็นข้าเป็นตัวเชื้อโรคหรือ


 


 


“อาจารย์เต้าซิ่นมาจากเทียนไถจงเป็นสายหลักที่มีชื่อเสียงฝ่ายพุทธ ไม่ใช่วัดเส้าหลินจะเทียบเคียงได้” เจวี๋ยหย่วนทำความเคารพเต้าซิ่นแล้วอธิบายให้อวิ๋นเยี่ย ความหมายในคำพูดบอกอวิ๋นเยี่ยว่าพระสงฆ์คนนี้ไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย


 


 


ความไร้มารยาทของอวิ๋นเยี่ยราวกับไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อพระชราแม้แต่นิด เขายังคงยิ้มร่าเดินเข้ามาในมือกำลูกประคำพวงหนึ่งที่ดูไม่ใช่ของธรรมดา ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องเกิดแสงสีระยิบระยับ


 


 


พระชราที่สมควรตายคนนี้ ไม่รู้ไปรู้มาจากไหนว่าตัวเองไร้ภูมิคุ้มกันพวกของวิเศษมหัศจรรย์เหล่านี้แม้เพียงนิดเดียว เดินถือของวิเศษฝ่ายพุทธมาทั้งพวงเพื่อเจรจากับข้าแล้วจะให้ข้าแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อได้อย่างไร


 


 


“อ๋อๆๆ ที่แท้เป็นอาจารย์เต้าซิ่น ข้าอวิ๋นเยี่ยขอคารวะอาจารย์ ไม่รู้ว่าลูกประคำพวงนี้ท่านซื้อมาจากไหน ท่านย่าข้าใส่ใจแต่พระพุทธ มักจะบ่นว่าพวงลูกประคำไม้จันทน์ของตัวเองไม่เหมาะมือ มีหลายครั้งที่นับจำนวนบทสวดสับสน หากมีผู้มีฝีมือทำลูกประคำเช่นนี้ ข้าจะต้องซื้อไปให้ท่านย่าแน่นอน


 


 


ได้ยินคำพูดที่ไร้ยางอายของอวิ๋นเยี่ยเช่นนี้แล้ว อาการเมาของเจวี๋ยหย่วนหายไปดังปลิดทิ้ง ชักสงสัยว่าตัวเองฝากลูกสาวผิดคนหรือเปล่า กระดูกในมือซ่านอิงตกหายไปก็ยังไม่รู้ตัว คงมีแต่เหล่าเจียงที่นับถือฝีมือตบทรัพย์ของเจ้านายจากก้นบึ้งของหัวใจออกปากชื่นชมไม่หยุดหย่อน


 


 


เต้าซิ่นเองความจริงก็เป็นพระสงฆ์อาวุโสที่มีมนุษยสัมพันธ์ดียิ่ง แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับพระสงฆ์วัดเส้าหลินที่รู้จักแต่เคาะมู่อวี๋สวดมนตร์อย่างเฉื่อยชา ได้สัมผัสผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่มากมาย ช่ำชองธรรมเนียมวิธีปฏิบัติของคนเหล่านี้ อวิ๋นเยี่ยอ้างเรื่องลูกประคำเพื่อปลดปล่อยความแค้นเคืองที่พยายามเข้าพบครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่ได้พบ มีหรือที่เขาจะไม่รู้ ว่าไปแล้วนี่ก็เป็นเรื่องปกติ การร้องขอหากไม่มีอะไรติดมือจะสำเร็จได้อย่างไร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)