เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 6 ตอนที่ 47-48

ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข...

 

ตอนที่ 47 นกอินทรีที่ถูกผูกติดไว้บนพื้น

 

 


 


โหวจวิงจี๋ฉีกน่องไก่ออกมาน่องหนึ่งเข้าปากบ้วนทีเดียว ถ่มออกมาอีกทีเหลือเพียงเศษกระดูกอันเดียว โยนกระดูกไว้บนโต๊ะมองอวิ๋นเยี่ยสามคนแล้วพูดว่า “ไอ้หนู ตอบเช่นนี้ถูกแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทดีที่สุดก็ต้องตอบเช่นนี้ นี่เรียกว่ายอมให้คนรู้แต่ไม่ยอมให้คนเห็น ฆ่าอันธพาลที่ทำชั่วมากมายไม่กี่คนจะมีอะไรกันฆ่าแล้วก็ฆ่าไป ลูกหลานขุนพลอนาคตก็ต้องฆ่าคนอยู่แล้ว พวกที่ทำความชั่วร้ายให้เด็กๆหากข้าพบก็ต้องจับพวกมันมาใช้ห้าม้าแยกร่างแน่นอน


 


 


เจ้าหนูอวิ๋น เจ้ากับข้าเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกพอเจอหน้าก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา ลูกเจี๋ยต้องพยายามใกล้ชิดพี่เยี่ยมากๆหน่อย ยากนักที่ครอบครัวขุนพลจะมีคนที่มีอุบายร้ายเต็มหัว ออกความคิดชั้นเยี่ยมให้เว่ยโซ่วกับตู้เอี๋ยน เรื่องใหญ่เทียมฟ้าก็กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างแก๊ง? ไอ้หนู คิดจะให้เรื่องเงียบก็อย่าออกหน้าเองแค่หาใครสักคนแกล้งปล่อยข่าวให้พวกเขาได้รู้ก็พอแล้ว มีบรรดาศักดิ์สูงถึงระดับโหวแล้วยังไม่รู้จักหลบหลีกไม่ให้ตัวเองถูกพัวพันได้”


 


 


ดูแล้วโหวจวิงจี๋ยังไม่สู้เข้าขั้นนัก อวิ๋นเยี่ยแอบถอนใจ หากเป็นหลี่จิ้งหรือเฉิงเหย่าจินจะดูออกทันทีว่าทำไมอวิ๋นเยี่ยจึงต้องเดินหน้าลุยเอง คงมีแต่โหวจวิงจี๋ยังคงคิดแค่ผิวเผินว่าควรจะต้องหลบไปใช้วิธีลับในที่มืด


 


 


การก่อกบฏของเขาในอนาคตก็คงเพราะจิตใจของเขาคิดแต่จะต้องได้รับผลดีโดยไม่ยอมรับความเสียหาย ในโลกนี้ไม่มีหรอกที่คนจะได้รับความสำเร็จอย่างง่ายดายนัก หากไม่มีความเสียหายเลยย่อมเป็นไปไม่ได้ การที่อวิ๋นเยี่ยวางตัวเองไว้ในแนวหน้า หนึ่งคือต้องการประกันความสำเร็จให้แน่ชัดว่าสามารถกลบเกลื่อนเรื่องให้จบไปได้ สองคือต้องการให้ทุกคนได้เห็นทั้งเว่ยโซ่วกับตู้เอี๋ยนได้เห็นว่าแม้แต่โหวเหยียคนหนึ่งยังเจ็บแค้นพวกคนชั่วเหล่านี้ ตัวเองซึ่งเป็นขุนนางท้องถิ่นยิ่งสมควรมีความเจ็บแค้นร่วมด้วย สามคือหากวันใดวันหนึ่งความลับแตกขึ้นมา การตรวจสอบต้นเหตุก็ง่ายดายมากเพราะไม่มีการวางแผนซับซ้อนมาก มีเพียงเด็กหนุ่มไร้สมองคนหนึ่งที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนให้พ้นจากความยุ่งยาก การให้อภัยก็จะง่ายดายขึ้น หากทำจนซับซ้อนมากเกินไปอาจทำให้หลี่ซื่อหมินคิดมากเรื่องขึ้นไปอีกนั่นจึงจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ปัญญาของโหวจวิงจี๋มีสูงพอแต่ความช่ำชองยังน้อยเกินไป


 


 


หากหลี่ซื่อหมินถามขึ้นมา ดูจากนิสัยที่สุขุมรอบคอบของเขาไม่มั่นใจว่าจะไม่ถาม หากถามขึ้นมาก็หมายความว่าเขาจะต้องมีหลักฐานที่เพียงพอ หากเป็นเช่นนี้แล้วยังจะโกหกต่ออีกก็จะเป็นการเปิดเผยจุดอ่อนตัวเองต่อหน้าเขาชนิดล่อนจ้อน ดังนั้น หากหลี่ซื่อหมินถามขึ้นมาอวิ๋นเยี่ยจะสารภาพชนิดที่ไม่ปกปิดอะไรแม้เพียงนิดเดียว ต้องเป็นเช่นนี้เท่านั้นจึงจะรอดพ้นมหันตภัยได้


 


 


ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าแผนกบฏของโหวจวิงจี๋ถูกเปิดโปงนานแล้ว หลี่ซื่อหมินถามเขาไปสองครั้งแต่เขาไม่ได้ยอมรับ ดังนั้นหลังจากเรื่องถูกเปิดเผยออกมาชัดเจนทั้งหมด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็สูญสลายไปด้วย ความตายจึงเป็นคำตอบสุดท้าย


 


 


“ข้าใช้กำปั้นเหล็กดูแลลู่หยางมาแล้วสามปี ลู่หยางมีปิศาจมารร้ายอะไรเกิดขึ้นมีหรือที่ข้าจะไม่รู้ ไอ้หนูเอ๋ย ก่อนที่พวกเจ้าจะมาวันเดียวก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น หากข้าไม่สงสัยพวกเจ้าแล้วจะสงสัยใคร ในบ้านแต่ละคนล้วนแต่เป็นสถานที่เสือซ่อนมังกรซุ่มทั้งนั้น การที่มีผู้เยี่ยมยุทธสักคนสองคนไม่เป็นเรื่องแปลก ถึงแม้เขาใช้ผมปิดหน้าทำให้คนไม่สามารถเห็นชัด แต่หากตรวจสอบยอดฝีมือบ้านเจ้าที่อายุต่ำกว่าสามสิบปีทุกคนแล้วย่อมจะสามารถรู้ความจริงได้


 


 


แต่ในเมื่อผู้ว่าหลิวได้รายงานเรื่องนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างแก๊งแล้วก็เป็นการต่อสู้ระหว่างแก๊งแล้วกัน เรื่องนี้ถือว่าจบเพียงเท่านี้แต่ถ้าหากมีคลื่นลมเกิดขึ้นอีก ข้าจะจับพวกเจ้าทั้งสามคนมัดไว้แล้วส่งให้จวนผู้ว่าฉางอันถามว่าบรรพชนสอนพวกเจ้าไว้อย่างไร”


 


 


โหวจวิงจี๋เห็นผู้อ่อนอาวุโสทั้งสามต่างงกๆเงิ่นๆฟังคำสั่งสอนของเขาแล้วไม่ได้อ้าปากพล่ามอะไร จึงพยักหน้าอย่างพอใจแล้วน้ำเสียงอ่อนโยนลง “เสี่ยวเยี่ย เจ้าเป็นคนสถานศึกษาอวี้ซัน เวลาไปให้นำเจี๋ยเอ๋อร์ไปด้วย ให้เขากราบเป็นลูกศิษย์เหล่าอาจารย์อวี้ซันเพื่อจะได้มีความก้าวหน้า พวกเจ้าทั้งหมดก็เกื้อหนุนกันช่วยเหลือกันให้เป็นคนที่เอางานเอาการอย่าได้มั่วสุมเอาแต่เที่ยวสนุกรายวัน พวกเจ้าไปวัดเส้าหลินนมัสการ? วัดที่มีพระสงฆ์สอนวิทยายุทธกินเนื้อทั้งวันจะมีความศักดิ์สิทธิ์หรือ มั่วกันมาก”


 


 


ราวกับว่าวันทั้งวันเขามีแต่โทสจริตที่คนอื่นต้องคอยรองรับอารมณ์ของเขา เมื่อครู่ขณะที่เขาพูด อวิ๋นเยี่ยพบว่าขาทั้งสองข้างของโหวเจี๋ยสั่นพั่บๆ เห็นได้ชัดว่าเขาเผด็จการเพียงไรในบ้าน


 


 


 โหวจวิงจี๋พูดกับเฉิงฉู่มั่วอีกว่า “ครั้งก่อนบิดาเจ้าให้ข้าหาคริสตัลขาวจากซีอวี้ ข้าหามาได้บ้างแล้ว ตอนไปให้เอาไปด้วย เท้าเจี้ยนหู่มีแผลเก่า ข้าหาคนทำยากอเอี๊ยะกระดูกเสือมีประโยชน์ต่อร่างกายดีมาก เอาไปใช้มากหน่อยจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ผลิตทายาทให้ตระกูลหนิวอีกหลายๆคน มีแค่ลูกโทนในยามที่ยังไม่สงบจะทำให้คนเป็นกังวล”


 


 


ทั้งคู่รีบกราบขอบคุณ โหวจวิงจี๋ตบบ่าพวกเขาแสดงความใกล้ชิดแล้วบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “ในเมื่อมาแล้วก็อยู่สักหลายวันหน่อยเป็นเพื่อนอาผู้หญิงเจ้า เหลียนเอ๋อร์น้องสาวเจ้าจะแต่งงานแล้ว นางไม่สบายใจเท่าไร ช่วยคุยๆให้หน่อย ข้าเคยใช้แต่ไม้แข็งใช้ไม้อ่อนไม่เป็น”


 


 


 ถอนใจแล้วเหล่าโหวก็เดินออกไป มีเสียงสั่งให้เตรียมม้าดังแว่วมาจากนอกประตู มีเสียงบ่าวไพร่รับคำสั่ง จากนั้นก็เงียบเชียบไปเลย


 


 


คนทั้งสี่ในห้องต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงเฮกันออกมา บารมีเหล่าโหวเมื่อครู่นี้กดดันมากเกินไป จริงๆ รังมีพิฆาตที่มีมาหลายปีเหมือนมีตัวตนจริง เพียงมองอวิ๋นเยี่ยแวบเดียวเขาก็รู้สึกเหมือนถูกตัวต่อหัวเสือต่อยทีเดียว


 


 


เฉิงฉู่มั่วแกะของขวัญออกแล้วควักชุดไพ่นกกระจอกออกมาชุดหนึ่ง ลากหนิวเจี้ยนหู่ไปหลังเรือนเป็นเพื่อนโหวฮูหยินเล่นไพ่นกกระจอก เขารู้ว่าอวิ๋นเยี่ยมีธุระต้องจัดการจึงไม่ได้นับรวมไปด้วย


 


 


กลับมาถึงบริเวณที่พักอาศัยแล้วอวิ๋นเยี่ยจึงเริ่มพิจารณาสภาพแวดล้อมที่นี่ เรือนสี่ประตูตั้งอยู่ที่ถนนอวี้ฉวน ที่นี่เป็นที่มั่นทางการค้าที่สำคัญของตระกูลอวิ๋นที่หนึ่ง สินค้าของตระกูลตัวเองส่งจากที่นี่ไปทุกแห่งทั่วประเทศ ลูกชายคนโตของเฉียนทงอายุสิบเก้าปีแล้ว ถูกส่งมาอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้การเป็นผู้ดูแลกิจการที่เข้าเกณฑ์ หากมีความสามารถก็จะรับสืบทอดจากผู้ดูแลกิจการเดิมมาเป็นผู้ดูแลกิจการที่นี่


 


 


ซินเย่ว์กำลังเรียกผู้ดูแลกิจการต่างๆมาประชุมกัน นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลอวิ๋นมาแต่ดั้งเดิม ผู้หญิงดูแลธุรกิจครอบครัวส่วนผู้ชายไม่ยุ่งเกี่ยว แน่นอนว่าสาเหตุเนื่องจากตระกูลอวิ๋นมักมีผู้ชายเพียงคนเดียว


 


 


ยืนอยู่ใต้ต้นทับทิมฟังซินเย่ว์พูดอยู่ข้างใน เสียงดังฟังชัดรัศมีเรืองรอง วางท่าเป็นคุณนายน้อยได้จริงจังมาก คาดว่าเดินแนวทางเดียวกับเหล่าโหวคือบีบคั้นก่อนแล้วค่อยยื่นพุทราหวานให้ ขี้เกียจฟัง เหล่าฮั่วสมุหบัญชีของเหล่าเฉียนกับตระกูลอวิ๋นวันเดียวสามารถดูบัญชีได้แปดรอบ อีกทั้งตระกูลอวิ๋นใช้วิธีจดบัญชีชนิดใหม่ที่จะต้องกระทบยอดตรงกัน โอกาสผิดพลาดจึงมีได้น้อยมาก


 


 


อีกทั้งได้ไม่คุ้มเสียหากผิดพลาด เนื่องจากพวกผู้ดูแลกิจการเหล่านี้หากขยันขันแข็งทำงานครบยี่สิบปี ก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลอวิ๋น ลูกหลานรุ่นต่อไปก็จะสามารถทำงานต่อในวงการธุรกิจของตระกูลอวิ๋นได้ หากลูกหลานคนไหนมีแววเป็นใหญ่เป็นโต ก็จะถูกโหวเหยียคัดเลือกให้ไปสถานศึกษาอวี้ซัน อนาคตมีโอกาสได้เป็นขุนน้ำขุนนางได้ด้วย เพื่อการนี้แล้วต่อให้พวกเขาทำงานตระกูลอวิ๋นให้เปล่ายี่สิบปีก็ยังยินดี


 


 


ต่างห่วงแต่เรื่องครอบครัวตัวเอง การก้าวกระโดดจากพ่อค้าเป็นขุนนางเป็นมิ่งมงคลสุดยอดที่เหล่าพ่อค้าทั้งหลายต่างเฝ้าฝันกัน ที่ว่าเมื่อเข้าสู่ประตูพ่อค้าแล้วทุกอย่างล้วนจบสิ้นไม่ใช่เป็นเรื่องตลก แต่เป็นเสียงเรียกร้องที่เคล้าด้วยเลือดและน้ำตาของเหล่าพ่อค้าต้าถังทีเดียว


 


 


อวิ๋นเยี่ยลูบคลำผลทับทิมสีเขียวเบาๆ ผลทับทิมโตขนาดกำปั้นเด็กทารก กลีบดอกที่ติดอยู่ปลายผลยังไม่ได้ร่วงจนหมด คงติดคาอย่างแห้งเ**่ยวราวกับแม้ตายก็ไม่ทิ้งกัน


 


 


อวิ๋นเยี่ยชอบกินทับทิมมากที่สุด ทุกปีท่านย่ามักจะต้องเลือกทับทิมผลใหญ่ที่สุดดีที่สุดให้อวิ๋นเยี่ย เพียงใช้มีดเล็กฝานปลายมงกุฎของผลออก แล้วกรีดทางเล็กๆที่เยื่อแบ่งช่องสีขาวแต่ละช่อง ผลทับทิมก็จะเบ่งขยายออกมาเองราวกับดอกไม้ที่ผลิบานออก แม้บางครั้งอวิ๋นเยี่ยไม่กินเองก็ยังชอบกรีดผลทับทิมออก เลยเป็นลาภปากของวั่งไฉที่ขลุกอยู่แต่ในห้องอวิ๋นเยี่ยไม่ยอมไปไหน


 


 


อวิ๋นเยี่ยกำลังรอซ่านอิงกลับมา ก่อนที่ซ่านอิงจะเข้าเมืองสังหารหลงซันนั้นคนดูแลบ้านอวิ๋นคนหนึ่งได้ล่วงหน้าออกเดินทาง เขาต้องการตรวจสอบดูว่าในเมืองลั่วหยางยังมีคนที่ต้องกลายเป็นกำพร้าหรือขาดผู้อุปถัมภ์เนื่องจากเรื่องซ่านสยงซิ่นเท่าไร


 


 


การรายงานของคนดูแลบ้านวันนี้ทำให้หัวใจเขาเย็นวาบ มีสี่ร้อยกว่าคนซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนตระกูลอวิ๋นสิบกว่าเท่า ทั้งหมดต่างกลายเป็นกากเดนมนุษย์ในเมืองลั่วหยางเวลานี้ ครั้งนั้นซ่านสยงซิ่นได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากเหลือเกิน ชาตินี้ทั้งชาติซ่านอิงก็ยังไม่สามารถชดใช้ได้ทั้งหมด


 


 


จริงดังนั้นซ่านอิงที่เก่งกาจไร้เทียมทานคอตกกลับมา จิตใจของหนุ่มน้อยคนนี้จะต้องบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เขาถือกำเนิดมาเป็นโจรเสี่ยงหม่าก็ตาม เวลานี้จิตใจเขายังคงสั่นสะท้านไม่จบสิ้น


 


 


“อวิ๋นเยี่ย ข้าคงต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าจะสามารถใช้คืนเงินยืมท่านได้ หวังว่าท่านคงจะให้ข้ายืมเพิ่มอีกสองพันก้วน ข้าต้องการใช้ด่วน อนาคตหากท่านต้องการอะไรจากข้าแล้วข้าจะไม่ปฏิเสธเลย”


 


 


การที่จะให้ซ่านอิงผู้หยิ่งยโสก้มหัวลงมายังยากกว่าฆ่าเขาเสียอีก คำพูดเหล่านี้คงต้องผ่านการต่อสู้ทางใจเขาอยู่นานจึงหลุดออกจากปากได้


 


 


“เสี่ยวอิง ที่เจ้ายอมออกปากมายืมเงินข้านั้นทำให้ข้าดีใจอย่างยิ่ง แสดงว่าเจ้าเห็นข้าเป็นพี่น้องจึงยอมออกปาก เงินสองพันก้วนได้เลยเจ้าจะเอาไปเมื่อไรก็ได้ แต่เจ้าจะต้องคอยช่วยเหลือพวกเขาเช่นนี้หรือ คงทำให้เจ้าเหนื่อยตายแน่นอน”


 


 


“แล้วจะให้ข้าทำอย่างไรเล่าข้าทำได้แค่ฆ่าหมูหรือฆ่าคน ท่านรู้ไหมว่ามีคนถึงสี่ร้อยกว่าคน ข้าไม่มีปัญญาหาอะไรมายัดปากพวกเขาจนเต็ม ทำได้แค่ค่อยๆดูเอา”


 


 


นัยน์ตาซ่านอิงแดงก่ำ คนในยุทธจักรสนใจเพียงมีแค้นต้องชำระ มีบุญคุณต้องชดใช้ ต่อให้เลือดอาบเต็มศีรษะก็ไม่ถอย เวลานี้เขาเพิ่งค้นพบว่าการตายเป็นเรื่องง่ายดายนัก แต่การทำให้คนสี่ร้อยกว่าคนอิ่มท้องจึงเป็นเรื่องยากเย็นสุดแสนในโลกมนุษย์


 


 


นกอินทรียังไม่ทันกางปีกโผบินก็โดนโซ่ใหญ่ผูกติดแน่นอยู่ที่พื้น


 


 


“ตระกูลอวิ๋นวางแผนจะเปิดโรงงานทำไม้ขีดไฟที่ลั่วหยาง ต้องการแรงงานสตรีและเด็กจำนวนมากมาทำไม้ขีดพร้อมทั้งทำกล่องไม้ขีด ถึงแม้ไม่สามารถร่ำรวยได้แต่เรื่องกินอิ่มนอนอุ่นนั้นไม่มีปัญหา เสี่ยวอิงเห็นเป็นเช่นไร”


 


 


คิดอยากให้เด็กสตรีเหล่านี้กินอิ่มนอนอุ่น ทำได้เพียงต้องอาศัยแรงงานพวกเขาให้ช่วยตัวเอง อวิ๋นเยี่ยตัดสินใจผลิตไม้ขีดไฟเพื่อให้เด็กสตรีเหล่านี้สามารถมีทางรอดได้ อวิ๋นเยี่ยไม่ได้เป็นคนคิดไม้ขีดไฟขึ้นมา แต่ก่อนนั้นขณะที่เมืองฉีเหนือแพ้สงครามเกิดปัญหาสารพัดแม้แต่เชื้อไฟก็ยังขาดแคลน เหล่านางกำนัลในวังต่างใช้ฟอสฟอรัสเหลืองกับกำมะถันผลิตไม้ขีดไฟก้านแรกในโลก ในบันทึกฉีเหนือ’ลู่อี้จื้อ’มีการบรรยายไว้แต่ไม่ได้เขียนละเอียดชัดเจน อวิ๋นเยี่ยจึงไม่ได้ใส่ใจแต่ใครจะนึกว่า นักศึกษาชื่อจี้อวี่หนิงหรือมู่เฉิงถึงขนาดสร้างไม้ขีดไฟขึ้นมา


 


 


ขณะที่เขาวิ่งด้วยอารามตื่นเต้นดีใจไปขีดไม้ขีดไฟเบื้องหน้าอวิ๋นเยี่ย อวิ๋นเยี่ยแทบจะถูกฟอสฟอรัสเหลืองรมจนสลบไป หลังจากจับเขาคว่ำบนโต๊ะอัดไปพักหนึ่งแล้วบอกเขาว่า หากเขาสามารถแยกฟอสฟอรัสเหลืองออกจากกำมะถัน แล้วไม้ขีดไฟยังสามารถจุดติดได้ สถานศึกษาจะจ่ายเงินสองร้อยก้วนซื้อสิ่งประดิษฐ์จากเขา


 


 


เรื่องจริงพิสูจน์ได้ว่าความสามารถแฝงในตัวมนุษย์นั้นมีอยู่ไม่สิ้นสุด จี้อวี่หนิงหลังจากถูกฟอสฟอรัสเหลืองรมจนเลือดกำเดาไหลแล้วก็สามารถประดิษฐ์ไม้ขีดไฟที่ปลอดภัยก้านแรกในโลก เขาทิ้งฟอสฟอรัสเหลืองที่ทำให้เลือดกำเดาเขาไหล แต่ใช้ฟอสฟอรัสแดงแทน โดยบดกำมะถันกับฟอสฟอรัสผสมกันแล้วใช้กาวทาติดบนก้านไม้ เมื่อขีดบนแผ่นกระดาษที่ทาด้วยฟอสฟอรัสแดงก็จะมีเปลวไฟเกิดขึ้นมา


 


 


มองดูซ่านอิงที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย อวิ๋นเยี่ยควักกระเป๋าหยิบกล่องไม้ออกจากอกเสื้อ หยิบไม้ขีดออกมาก้านหนึ่งแล้วขีดเบาๆที่กล่อง เกิดเปลวไฟวูบวาบอยู่บนก้านไม้นั้น 

 

 


ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข...

 

ตอนที่ 48 ดอกหมู่ตันฤดูร้อนบานสะพรั่ง

 

อวิ๋นเยี่ยพบว่าความจริงแล้วสิ่งประดิษฐ์ใหม่จำนวนมากล้วนเกิดขึ้นจากความคิดเพียงแวบเดียวในสมอง เช่นไม้ขีดไฟเป็นต้น นี่เป็นของที่ต้องใช้แรงงานคนมากมายจึงจะทำสำเร็จ ไม่ต้องการเทคนิคที่สูงส่ง ไม่ต้องการความฉลาดหลักแหลม ต้องการเพียงความขยันอดทนเท่านั้น คนขยันอดทนเป็นสิ่งที่ต้าถังไม่เคยขาดแคลนเลยอย่างมากที่สุด สำหรับราษฎรที่ต้องหน้าสู้ดินหลังสู้ฟ้าเหงื่อไหลโทรมกายก็ยังไม่สามารถอิ่มท้องได้แล้ว การผลิตไม้ขีดไฟยังไม่แน่ว่าจะนับว่าเป็นการใช้แรงงานหรือไม่ด้วยซ้ำไป การเพิ่มผลผลิตชนิดใหม่เพื่อสร้างทรัพย์สินใหม่จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาปากท้องของเหล่าผู้หญิงและเด็กได้อย่างดีที่สุด


 


 


ซ่านอิงรับไม้ขีดไฟแล้วตัวเองลองขีดอีกก้านหนึ่ง ยังคงมีเปลวไฟลุกติดขึ้นมาส่องจนนัยน์ตาของเขามีแสงแวววับ จากนั้นเขาควักมีดสั้นกะทัดรัดออกมาจากอกเสื้อใช้สองมือยื่นให้อวิ๋นเยี่ย “นี่เป็นมรดกที่มารดาข้าเหลือไว้ให้ยังไม่เคยห่างจากกายข้า ถือว่านี่เป็นของจำนำที่ข้าซ่านอิงกู้หนี้จากตระกูลเยี่ย หลังจากชำระหนี้ได้แล้วจึงจะมารับมีดสั้นนี้คืน” พูดจบก็หันหน้าออกไปแล้วใช้ความพยายามอย่างสูงจัดจึงคลายมีดที่กำไว้ออกมา


 


 


“ควรเป็นเช่นนั้น เจ้ายืมเงินข้าไปมากมาย ไม่มีของจำนำเลยจะได้อย่างไร”


 


 


อวิ๋นเยี่ยรับมีดแล้วกดที่สปริง มีดนี้ก็ยื่นออกมาหนึ่งนิ้วทันที ใบมีดถูกทาด้วยไขมันบางๆชั้นหนึ่ง ชักมีดแล้วอวิ๋นเยี่ยวาดมีดกลางอากาศสองครั้งตัดกิ่งไม้เล็กๆออกมากิ่งหนึ่งโดยมีดไม่มีร่องรอยเสียหาย แต่ซ่านอิงดูจนรู้สึกปวดร้าวในหัวใจ


 


 


อวิ๋นเยี่ยลองรำมีดด้วยท่าไร้ชื่ออยู่พักหนึ่งจึงใส่มีดคืนปลอกมีดแล้วโยนให้ซ่านอิงอย่างไม่ใส่ใจ “จำไว้ตอนนี้มีดนี้เป็นของข้า เพียงแต่มอบให้เจ้ารักษาไว้ห้ามไม่ให้ทำหาย”


 


 


พูดจบยังไม่ทันมองหน้าซ่านอิงที่ตื่นเต้นดีใจก็จะไปรับซินเย่ว์ที่เพิ่งประชุมแล้วเสร็จ แอบคิดในใจว่าแต่ละคนล้วนซื่อบื้อทั้งนั้น เห็นมีดโกโรโกโสนั้นสำคัญกว่าชีวิตเสียอีก ทำราวกับคนจะแย่งของวิเศษจากเจ้า ช่างเหมือนแผ่นแป้งปิ่งกันในมือขอทานหรือกระดูกในปากสุนัขดุ แต่พอเห็นซินเย่ว์ที่อรชรอ้อนแอ้นเดินออกมาจากในบ้านก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที นี่สิจึงเป็นกระดูกของข้า หากใครคิดแย่งต้องโดนปลิดชีพแน่นอน


 


 


พักอยู่ในลั่วหยางสามวัน โหวฮูหยินเชิญซินเย่ว์ไปบ้านผู้ลากมากดีที่ปลูกต้นสมุนไพรเสาเย่าฤดูร้อนเป็นกรณีพิเศษ ต้นยุคต้าถังยังไม่ได้แยกแยะสมุนไพรมากนักจึงเรียกรวมๆกันว่าสมุนไพรเสาเย่า


 


 


เสาเย่าบ้านอื่นล้วนบานสะพรั่งเดือนสี่เดือนห้า มีแต่บ้านเขาที่บานสะพรั่งเดือนหก เล่ากันว่ามีไม้ดอกบางชนิดสามารถออกดอกได้ปีละสองครั้ง เป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก พอซินเย่ว์กลับมาก็รบเร้าอวิ่นเยี่ยไม่เลิกราว่าจะเอาดอกหมู่ตัน ทั้งยังว่าดอกหมู่ตันสีม่วงของบ้านนั้นเข้ากับนางได้มากที่สุดหากได้มาประดับกายแล้วคงจะงามมากเลย ปกติซินเย่ว์เป็นคนมีวินัยจัดไม่เคยเรียกร้องเอาโน่นเอานี่จากอวิ๋นเยี่ย ระยะนี้เกิดอะไรขึ้นจึงได้หย่อนยานลง


 


 


แต่นี่ก็เป็นนิสัยของคนตระกูลอวิ๋นแท้ๆเลย เรื่องหรูหราฟู่ฟ่าไม่ยอมตามติดคิดแต่เรื่องต้องใช้ให้คุ้มไม่เสียของ เพราะเห็นๆอยู่แล้วว่าอีกสองวันก็จะพ้นช่วงดอกไม้บาน ความสวยงามทั้งหมดจะกลายเป็นโคลนตมแล้วซินเย่ว์ก็สุดแสนจะเสียดาย สู้เอามาประดับประดาให้สวยงามจะดีกว่า ตระกูลอวิ๋นมีน้ำยารักษาดอกไม้ให้สดได้ถึงสี่ห้าวัน


 


 


เสี่ยวชิวที่ติดตามซินเย่ว์ไปได้โบ้ยใบ้กับเจ้าของบ้านหลายรอบแล้ว บ้านซ่งที่ปลูกดอกไม้ก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจทำให้ทั้งนายบ่าวต่างรู้สึกลำบากใจ ในเมื่อภรรยาที่ไม่เคยปริปากได้เอ่ยปากออกมา อวิ๋นเยี่ยก็เห็นว่าภรรยาพูดถูกต้องแม้ต้องแย่งชิงก็จะแย่งชิงมาให้ได้


 


 


ทั้งคนดูแลบ้านทั้งคนดูแลร้านได้ยินที่อวิ๋นเยี่ยเล่าแล้ว เฉียนทงกับผู้ดูแลร้านไป๋ต่างอดรนทนไม่ได้ นายหญิงบอกแล้วว่าอยากได้ดอกสมุนไพรเสาเย่าอย่างมากเตรียมนำกลับไปแช่น้ำยาแล้วปักไว้บนศีรษะ เจ้าของบ้านนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ไม่รู้จักรีบตัดออกมาให้นายหญิงน้อยไว้ปักบนศีรษะ ดอกไม้บ้านเขาได้ปักบนศีรษะนายหญิงน้อยเท่ากับให้เกียรติบ้านเขาเต็มที่ ช่างเป็นเรื่องที่สุดแสนจะทนทานได้ ไม่เคยเห็นบ้านไหนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมากเท่านี้มาก่อน ไม่รู้ว่าทำไมจึงสร้างฐานะได้ดีมากมายเช่นนี้ได้


 


 


ผู้ดูแลบ้านยังไม่คุ้นเคยเรื่องลั่วหยางแต่ผู้ดูแลร้านก็ออกอารมณ์ก่อนแล้ว ก่นด่าบ้านซ่งโขมงโฉงเฉงว่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีรู้จักแค่ปลูกต้นเสาเย่า ตั้งแต่บรรพบุรุษมาไม่รู้กี่ชั่วคนเห็นดอกไม้ไม่กี่ต้นสำคัญกว่าชีวิต เขาจะไปเด็ดดอกไม้ที่บ้านซ่งด้วยมือตัวเอง จะเก็บทุกดอกที่บานสะพรั่งเพื่อให้นายหญิงน้อยได้เปลี่ยนทุกวัน จะไม่ทำให้ดอกไม้เหล่านั้นต้องสูญเสียทิ้งเปล่า


 


 


ซินเย่ว์ก็พยักหน้าผสมโรงด้วยทั้งกำชับให้ผู้ดูแลร้านไป๋เด็ดกลับมามากๆ สีเหลืองก็ดี สีชมพูก็งาม ได้มาแล้วจะแบ่งให้ภรรยาเสี่ยวหนิวกับภรรยาน้อยเฉินฉู่มั่วไปบ้าง


 


 


เห็นผู้ดูแลร้านไป๋นำทหารออกจากบ้านด้วยอารมณ์คุกรุ่นแล้วอวิ๋นเยี่ยพูดว่า “เราสองคนสามีภรรยาช่างเหมาะสมกันมาก สามีเจ้าฟันต้นชาชาวบ้าน ภรรยาข้าเด็ดดอกไม้ของหวงชาวบ้าน ทั้งคู่ต่างพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ฮ่าๆ ยอดเยี่ยมจริงๆ จริงสิที่รัก เจ้าไม่กลัวชาวบ้านจะเรียกพวกเราว่าโจรปล้นดอกไม้หรือ”


 


 


ซินเย่ว์ปิดปากหัวเราะพูดว่า “สามีข้าเป็นภัยร้ายสามประการแห่งฉางอันที่ชื่อเสียงโด่งดัง ข้าเป็นภรรยาถ้ามีชื่อเสียงดีเกินไปก็ใช้ไม่ได้แล้ว หลักการสังคมสามีภรรยาย่อมต้องไปในแนวทางเดียวกันเสมอ”


 


 


อวิ๋นเยี่ยบิดจมูกซินเย่ว์หนึ่งทีแล้วมองดูผลทับทิมสักพัก เห็นไม่มีผลที่จะสุกในวันสองวันนี้จึงหันมาพูดช้าๆว่า “เจ้านี่ ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าจึงใจร้อนอะไรนักหนา เรื่องในบ้านไม่ว่าช้าหรือเร็วก็ต้องอยู่ในมือของเจ้า ท่านย่าอายุมากแล้ว ตั้งแต่พวกเราแต่งงานท่านก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในบ้านแล้ว ทุกอย่างแล้วแต่เจ้าจัดการ ที่บีบคั้นผู้ดูแลร้านไป๋ขนาดนี้เป็นเพราะอะไรหรือ”


 


 


ซินเย่ว์บิดผ้าเช็ดหน้าอย่างขวยเขินเบียดเข้าใกล้อวิ๋นเยี่ยพูดว่า “ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องท่านย่า ท่านรักเอ็นดูข้าขนาดนี้ ของทุกอย่างในบ้านช้าเร็วก็ต้องมอบให้ข้าหมด ข้าห่วงเพียงถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง ไม่เป็นที่ชื่นชอบของท่านต่างหาก”


 


 


อวิ๋นเยี่ยพูดอย่างงงงวย “ถูกทิ้งอยู่ข้างหลังใคร ใครจะแย่งไปอยู่ข้างหน้าเจ้า”


 


 


“ท่านไม่รู้หรือว่าผลประโยชน์ในทุ่งหญ้ามีมากมาย วัวที่ส่งมาเข้าด่านมีถึงห้าร้อยตัวส่วนขนแกะที่ท่านว่าพวกเขาก็เริ่มส่งมาแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ก็จะมีขนแกะชุดแรกส่งเข้ามา อาจารย์กงซูของสถานศึกษากำลังคิดหาวิธีปั่นขนแกะให้เป็นเส้นด้ายเพื่อใช้ทอให้เป็นผ้าผืน ก่อนพวกเราออกเดินทางอาจารย์กงซูให้คนส่งผ้าขนสัตว์พับเล็กๆมา เวลานี้เนื้อผ้ายังหยาบมาก อาจารย์บอกว่าขอให้ค่อยๆคิดค้นหาวิธีต่อไปก็จะสามารถทอเป็นผ้าละเอียดอ่อนนุ่มได้


 


 


ตระกูลบิดาข้าทำการค้าผ้าแพรไหมทำไมข้าจะไม่รู้ว่ามีผลกำไรแค่ไหน อีกทั้งขนแกะนอกจากเสียค่าขนส่งกับค่าแรงงานแล้วก็ไม่ต้องเสียต้นทุนอื่นอีก ข้าลองคำนวณดูแล้วได้กำไรมากมาย อนาคตจะเป็นสินค้ารายได้สูงกว่าสินค้าชนิดอื่นทั้งหมด


 


 


อีกทั้งหลี่อันหลานที่สมควรตายนัก ท่านก็เตรียมปูลู่ทางเก็บทองคำให้นางไว้ทำธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินทุน มีแต่ข้าที่ช่างน่าสงสาร ธุรกิจตระกูลอวิ๋นต้องการชื่อเสียงทั้งเมืองฉางอันก็ต้องการชื่อเสียง หากข้าบกพร่องต่อคนงานเพียงเล็กน้อยท่านก็จะโกรธท่านย่าก็จะโกรธด้วย ท่านดูสิว่าทั้งเมืองฉางอันมีคนงานตระกูลไหนได้มากเท่าของเรา ทั้งหมดนี้ต้องนับรวมเป็นต้นทุนทั้งนั้น


 


 


พวกนางทั้งคู่สบายเลย คนหนึ่งได้แรงงานเปล่าๆแค่ให้ข้าวกินก็ถือเป็นบุญเป็นคุณ อีกคนเล่นเอากองทหารเป็นโจรทำธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินทุน ข้าสิต้องทำธุรกิจตามแบบตามแผนแล้วจะไปแข่งชนะพวกนางได้อย่างไรกัน”


 


 


อวิ๋นเยี่ยโดนซินเย่ว์กล่าวหาจนหน้าแดงเป็นกวนอู แต่ละคำล้วนแต่ว่าอวิ๋นเยี่ยเป็นคนทรยศไร้น้ำใจ มีแต่ส่วนดีให้ผู้หญิงนอกบ้านที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ในบ้านมีแต่ภรรยาที่ถูกต้องทนทุกข์ลำบากอยู่คนเดียว


 


 


“พูดอะไรเลอะเทอะไปหมด ข้าแต่งงานมีภรรยาคนเดียวเท่านั้น เรื่องไร้สาระอย่ามาพูดมั่ว สองคนนั้นเป็นผู้หญิงโชคร้ายต่างหาก”


 


 


“โชคร้าย? โชคร้ายจนมีลูกกับท่านแล้ว ข้าเป็นเมียใหญ่กลับยังท้องแบนแห้งอยู่ คนที่อยู่ทุ่งหญ้าฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ก็จะมาฉางอันมาให้ท่านทำเด็กให้ สามีเอ๋ยช่างมีฝีมือแน่จริงๆ” พูดจบยังถือจดหมายแกว่งไปมา


 


 


อวิ๋นเยี่ยยื่นมือแย่งมาได้ถือโอกาสตีก้นซินเย่ว์ได้หนึ่งที ถลึงตาว่า “ดูเจ้าถูกตามใจจนเสียนิสัยเริ่มขโมยอ่านจดหมายข้าแล้ว ไม่มีมารยาท”


 


 


หากเป็นเรื่องอื่นซินเย่ว์อาจเกรงกลัว แต่พอเป็นเรื่องครอบครัวนางกล้าที่จะบุกเดี่ยวร้องทุกข์ถึงสวรรค์ได้ ตัวเองถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี แค่พูดเท่านั้นก็ยังโดนตี เดิมนึกจะร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง แหงนหน้าสี่สิบห้าองศามองฟ้าไม่พูดไม่จา


 


 


ไม่สนใจยายบ้านี้อีกแล้ว สองวันนี้ไม่รู้เป็นอะไรอารมณ์เสียตลอดเวลา รีบดึงจดหมายออก ทุ่งหญ้านั้นเกี่ยวพันกับความหวังของอวิ๋นเยี่ย การที่จะทำให้ทุ่งหญ้าผูกติดกันอย่างเหนียวแน่นกับพื้นที่ส่วนกลางให้มีผลประโยชน์ร่วมกันนั้น ก็ต้องดูว่าเร่อมู่แต่ละปีจะสามารถส่งขนแกะในปริมาณมากเพียงพอหรือไม่ หากสามารถทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ จะต้องกลายเป็นฝันร้ายที่ยิ่งใหญ่ของชนเผ่าทุ่งหญ้า


 


 


ในเมื่อยุโรปสามารถเกิดโศกนาฏกรรม‘แกะกินคน’ได้ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เกิดขึ้นในทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่นั้นได้ เผ่าฮั่นไม่ใช่ไม่มีกำลังในการรุกรานทุ่งหญ้า แต่เพราะขาดผลประโยชน์ที่เพียงพอ หากมีผลประโยชน์เพียงพอต่อให้คนในทุ่งหญ้าต่างหลบอยู่ในรูตุ่น ทหารต้าถังที่นัยน์ตาแดงก่ำก็ยังจะขุดพวกเขาออกมาทีละคนส่งเข้าไปในฟาร์มปศุสัตว์เพื่อเอามาเลี้ยงแกะให้ตัวเอง


 


 


พื้นที่รกร้างจะไม่ใช่พื้นที่รกร้างอีกต่อไป พื้นที่ว่างเปล่าจะกลายเป็นสวนดอกไม้ที่มีทั้งน้ำนมและน้ำผึ้ง คนขี้ขลาดจะกลายเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ใคร ตั้งแต่ทุ่งหญ้ามงโกลจนถึงขั้วโลกเหนือล้วนเป็นฟาร์มปศุสัตว์ของต้าถัง


 


 


เจ้าเร่อมู่จัดการได้ดีทำให้วัวแกะเพิ่มจำนวนขึ้นมามาก ทั้งยังรู้จักจัดสรรผลประโยชน์ มักจะส่งวัวแกะที่เก็บมาได้ให้ค่ายทหาร ข้าวของที่อวิ๋นเยี่ยให้กองคาราวานส่งไปทุ่งหญ้าก็แบ่งบางส่วนให้เหล่าทหารชายแดน ทำให้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมาก


 


 


ส่วนการที่เหล่าขุนพลพบว่าครอบครัวตัวเองอยู่ดีๆมีฟาร์มปศุสัตว์เล็กๆเพิ่มขึ้น ในนั้นมีแกะหลายสิบตัวเดินว่อนไปมา บอกว่าเป็นของครอบครัวตัวเองเพียงแต่เร่อมู่ดูแลวัวแกะของพวกเขาแทนให้เท่านั้นเอง ส่วนที่ดินฟาร์มปศุสัตว์ผืนนี้ เหล่าขุนพลในค่ายทหารใช้นิ้วมืออ้วนใหญ่ขีดผ่านแผนที่ขนาดเล็กที่สุด พบว่าขนาดเท่ากับที่แม่ทัพใหญ่หลี่จิ้งแบ่งให้เร่อมู่แต่แรกนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ไม่เชื่อก็ลองดูนิ้วพวกข้าที่วาดผ่านแผนที่เป็นเส้นทางเดียวกับของท่านแม่ทัพใหญ่เลยทีเดียว


 


 


คนเก็บวัวแกะเพิ่มขึ้นมากะทันหันโดยเฉพาะพวกทหารชายแดน พวกเขาเริ่มเก็บวัวแกะในทุ่งหญ้า มีหลายครั้งที่ในพื้นที่ของเซวียเหยียนถัวเก็บได้หลายร้อยตัว


 


 


นี่คงเป็นความคิดของภรรยาขุนพล เด็กสาวที่ขับเคี่ยวอยู่ในวงการอำนาจบารมีมานานจนกลายเป็นหญิงสูงวัย ได้ปลดปล่อยสติปัญญาอันเลิศล้ำของนางออกมาทั้งหมด มิน่าที่นางไม่ยอมกลับไปพื้นที่ส่วนกลาง ที่แท้เพราะอยากทดสอบความสามารถของตัวเองนั่นเอง


 


 


 อวิ๋นเยี่ยหัวเราะออกมา ล้วนเป็นเจ้านายที่ถูกแสงแม้เพียงเล็กน้อยก็ระยิบระยับได้ คนชนิดนี้ช่างมีมากเกินไปแล้วในโลกนี้


 


 


“เจ้าหัวเราะอะไร คำพูดของหญิงคนรักน่าประทับใจนักหรือ”


 


 


อวิ๋นเยี่ยหันศีรษะไปเห็นซินเย่ว์ที่เพิ่งกำลังแหงนหน้ามองฟ้า เวลานี้กำลังฟุบอยู่บนบ่าตัวเอง ถลึงตากลมโตจ้องหน้าตัวเองอยู่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)