เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 6 ตอนที่ 40-41
ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข...
ตอนที่ 40 วิจารณ์มั่วซั่ว
ในเมื่อตระกูลอวิ๋นใช้ไม้เกียรติยศอี๋จ้างย่อมต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ อวิ๋นเยี่ยเป็นขุนนางบู๊ย่อมนั่งรถไม่ได้ การขี่ม้าจึงเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น ถึงต้าถังแล้วเขาจึงได้รู้ว่าอี๋จ้างที่น่าหัวเราะนั้นใช้ทำประโยชน์อะไรได้ ขุนนางออกนอกเมืองหลวงจะต้องมีอี้จ้างเบิกทาง การต้อนรับแขกสำคัญก็ต้องใช้อี๋จ้างมาต้อนรับ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทเขา
ทุกครั้งที่หลี่กังกลับมาบ้านอวิ๋นจะโวยวายตลอดว่าตระกูลอวิ๋นไร้มารยาท เขามาแล้วไม่มีอี๋จ้างอะไรเลย หากรู้ถึงพวกขุนนางฉางอันคงถูกหัวเราะเยาะ เหล่าเฉิงก็เคยโวยเช่นนี้เหมือนกัน
ระยะหลังอวิ๋นเยี่ยเลยนำอี๋จ้างตั้งไว้ที่ประตูใหญ่ หากใครมาก็ให้บ่าวไพร่ยกขึ้นต้อนรับ ใครจะรู้ว่าแทบจะทำให้นายอำเภอหลานเถียนที่มาเยี่ยมเยียนหัวใจวายตาย เห็นอี๋จ้างแต่ไกลก็รีบเผ่นหนี ทั้งยังเขียนจดหมายร้องทุกข์อวิ๋นเยี่ยว่าบ้านอวิ๋นจะทำให้เขาเดือดร้อน เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องตลกในเมืองฉางอันอีก อี๋จ้างของตระกูลอวิ๋นกลายเป็นของไร้ค่าในทันใด ด้วยเหตุนี้อวิ๋นเยี่ยเลยโดนฮ่องเต้ออกโองการตัดเงินปีไปหนึ่งปี
เรื่องในโลกนี้ไม่ว่าเรื่องใดล้วนราวกับว่าเสียแล้วกลับได้เพิ่ม เมื่อมีทางร้ายก็จะมีทางดีอีกด้าน พออี๋จ้างไร้ค่า แขกเหรื่อบ้านอวิ๋นก็มากขึ้นมาทันที ไม่มีใครยกเรื่องอี๋จ้างมาพูดกันอีก คนทั้งฉางอันแม้แต่ขอทานก็ยังอยากมา อยากมาประตูบ้านอวิ๋นเพื่อเห็นสิ่งของที่วิจิตรพิสดารเหล่านี้
อวิ๋นเยี่ยนึกอยากทำให้บ้านอวิ๋นออกแนวชาวบ้าน แต่พบกับแรงต้านมหาศาล นำโดยท่านย่าที่เป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมโบราณสุดขั้วรวมหัวลงคะแนนคัดค้านความคิดที่ไร้สาระของอวิ๋นเยี่ย การออกเดินทางครั้งนี้เป็นการตีคืนของพลังอนุรักษ์นิยมโบราณสุดขั้ว อะไรที่นำไปได้ล้วนนำไปหมด สาวใช้แปดคน บ่าวไพร่สิบหกคน ทั้งยังคนแก่เลี้ยงทารกอีกสองคน เด็กชายกำพร้าที่ตระกูลอวิ๋นเลี้ยงไว้อีกสี่คน พวกทหารที่มีฝีมือล้วนไปกันเกลี้ยง แม้แต่ทหารชราเกษียณที่ทำงานเบาๆในโรงกลั่นสุราก็ยังไม่เว้น
แค่เสบียงกรังก็บรรทุกไปเจ็ดแปดคันรถ อีกทั้งกระโจม โต๊ะเก้าอี้ หมอนผ้าห่มพรม ตะเกียง ถังส้วม ก็อีกห้าหกคันรถ ม้าลากรถต้องการเฉพาะที่สวยงามไม่ต้องมีกำลังก็ได้ จนกระทั่งเหล่าเฉียนขี่ลาตามมา อวิ๋นเยี่ยก็รู้ว่าเมืองฉางอันมีเรื่องตลกให้เล่ากันอีกแล้ว
เฉิงฉู่มั่วไม่ต้องนับ เขาพาภรรยาน้อยมาจึงไม่มีสิทธิ์เฉิดฉาย ตระกูลหนิวก็เป็นขบวนรถม้ายาวเหยียด เสี่ยวหนิวฮูหยินยังเอิกเกริกกว่าบ้านอวิ๋นอีก ผู้หญิงทั้งสามคนเจอกันคุยกันจ้อกแจ้กไม่ยอมหยุด สุดท้ายแล้วตกลงกันว่ารถม้าบ้านอวิ๋นใหญ่ที่สุดสบายที่สุด ผู้หญิงทั้งสามคนจึงมุดเข้าไปในรถม้าใหญ่ของบ้านอวิ๋น ผ่านไปสักพักซินเย่ว์ยังเรียกป้าดูทารกของบ้านอวิ๋นเข้าไปอีกคน คราวนี้เสียงกระทบกันของไพ่มาจองก็ดังขึ้น
ขบวนรถไปถึงทางเอกอย่างรวดเร็ว ทางเอกของฉางอันไปลู่หยางทั้งกว้างทั้งเรียบ สองฝั่งถนนปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้เต็ม การมีร่มเงาต้นไม้ทำให้การเดินทางกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่ง มองดูบ้านไร่ปลายนาสองข้างทางทั้งทุ่งกว้างที่ไม่รู้จบทำให้จิตใจปลอดโปร่งยิ่งนัก
“เยี่ยจื่อ ทำไมพวกเราจึงต้องไปวัดเส้าหลินเล่า การสนทนาของเจ้ากับบิดาข้า จนป่านนี้ข้าก็ยังไม่เข้าใจ หลังจากเจ้าไปแล้วมารดาข้าร้องไห้ทั้งคืนว่าบิดาข้าไร้น้ำใจ ตัวเองนำทัพอยู่ข้างนอกเลยไม่สนใจชีวิตคนทั้งบ้านว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร บิดาข้าต้องคอยปลอบโยนทั้งคืน”
สมองของเฉิงฉู่มั่วท่าจะเริ่มหมดสภาพ จนป่านนี้ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ หนิวเจี้ยนหู่เห็นเฉิงฉู่มั่วยังงุนงงอยู่จึงบอกว่า “ครั้งนี้ ลุงอาพวกเราไม่รู้ทำไมจึงหามอวิ๋นเยี่ยขึ้นย่างไฟ แต่ก่อนไม่มีใครยอมใคร เจอหน้ากันต่างคอยจ้องฟันกัน เดี๋ยวนี้กลายเป็นดี สามัคคีชุมนุมกัน ตระกูลอวิ๋นได้เป็นเบอร์หนึ่งกลับยิ้มย่องผ่องใสยอมให้สั่งการยอมกันหน้าชื่นตาบาน จะต้องมีปัญหาอะไรข้างในแน่นอน ลูกพี่พวกเราอายุน้อยหากไม่ใช่เพราะลุงเฉิงดูออกก็ถูกหลอกกันไปแล้ว”
ได้ยินหนิวเจี้ยนหู่พูดเช่นนี้แล้วเฉิงฉู่มั่วหน้าแดงเรื่อบีบเสียงพูดว่า “ไอ้แก่พวกนี้ดูเรากระโดดเข้ากองไฟไม่เตือนเลยสักนิดทั้งยังช่วยคนอื่นเล่นงานเราอีก”
เขาถามอวิ๋นเยี่ยอยากฟังความเห็นอวิ๋นเยี่ยในเรื่องนี้ เขาออกจะไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องถูกคนที่เรียกลุงเรียกอาทั้งหลายรวมหัวกันมาเล่นงาน
“ฉู่มั่ว เจี้ยนหู่พูดถูกแล้ว พวกลุงอาทั้งหลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถึงแม้ยังไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขา แต่ข้าก็ราวกับรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้ประสงค์ร้าย เรียกว่าเป็นการลองเชิงน่าจะเหมาะสมกว่า ต้องรู้ว่าการกลับไปหลิ่งหนานครั้งนี้ ลูกมือที่สำคัญล้วนเป็นคนของพวกเขา เงินทองส่วนใหญ่พวกเขาก็เป็นคนจ่าย หากข้ามีความคิดเลวร้ายอะไร พวกเขาก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบ ไม่มีใครยอมทำเช่นนี้หรอก ทุ่มเงินหมดกระเป๋าแล้วยังต้องเสี่ยงชีวิต การออกจากฉางอันครั้งนี้ก็เพื่อให้ใจนิ่งสงบ คิดทบทวนให้ละเอียดถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าพวกสุนัขจิ้งจอกเฒ่าทั้งหลายกำลังดีดลูกคิดอะไรอยู่”
ในเมื่อไม่มีเป้าหมายไม่มีกำหนดการ ขบวนรถของทั้งสามบ้านจึงเลี้ยวเข้าทางเล็กตามที่เฉิงฉู่มั่วชักนำ ถนนสายหลักแม้จะดีแต่ไม่มีวิวอะไรให้ชมมากนัก ทางเล็กลำบากหน่อยแต่มีวิวสวยงามมากมายอีกทั้งระยะทางก็สั้นกว่ามาก
ควบกันอย่างเร็วในถนนเล็กระหว่างเขา กอหญ้าข้างทางมักจะมีไก่ป่ากระต่ายป่าวิ่งออกมา เฉิงฉู่มั่วยิงธนูไม่มีพลาด แค่ไก่ฟ้าพุ่งขึ้นมาก็จะโดนธนูเขายิงตกลงมา หนิวเจี้ยนหู่ก็ไม่เลวถึงขนาดยิงกระจงตัวหนึ่งตาย อวิ๋นเยี่ยรู้ว่าตัวเองไม่มีปัญญาเรื่องนี้จึงกำหมัดยิ้มดูเขาทั้งสองคนแสดงฝีมือยิงธนูกัน
พวกเหล่าเจียงหรี่ตาไม่สนใจ น้ำเต้าสุราถูกส่งไปมาในกลุ่มเพื่อนผองน้องพี่เก่าแก่ แต่ละคนต่างเมาจนได้ที่ ไม่ได้สนใจเรื่องวุ่นวายของคนหนุ่ม
ซ่านอิงดูถูกการโชว์อ๊อฟของเฉิงฉู่มั่วอย่างมาก แค่ปา**่เล็กๆไม่ได้น่าสนใจเลย คงจูงวั่งไฉขึ้นเขาลงเนินฝึกซ้อมร่างกาย วั่งไฉไม่เคยทนทุกข์เช่นนี้มาก่อน นึกอยากวิ่งไปเบื้องหน้าอวิ๋นเยี่ยแต่สู้แรงซ่านอิงไม่ได้ ได้แค่หอบแฮ่กวิ่งตามไป ด้วยเหงื่อท่วมตัว
วั่งไฉเป็นสิ่งบันเทิงใจของบ้านทั้งยังเป็นของรักของหวงอีก อวิ๋นเยี่ยทำเป็นมองไม่เห็น ซินเย่ว์ดูจนทนไม่ไหวจึงให้สาวใช้ส่งชามน้ำข้าวหมากแช่เย็นให้วั่งไฉเพื่อให้มันคลายร้อน
“ไม่ได้ มันวิ่งมาร้อนๆ กินของเย็นไม่ได้” ซ่านอิงปฏิเสธความหวังดีของซินเย่ว์ทั้งยังยกชามน้ำข้าวหมากขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดเกลี้ยง วั่งไฉร้อนรนจนเอาหัวไปดุนซ่านอิงแต่ถูกเขาผลักออกไป ทิ้งชามให้สาวใช้แล้วพาวั่งไฉไปขึ้นเขาลงเนินต่อ
เขาที่อยู่ตรงหน้าคือเขาหลีซัน เป็นสถานที่โจวโยวอ๋องราชวงศ์โจวก่อควันไฟรบหยอกล้อเหล่าจูโหว เพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของตัวเอง เพียงต้องการให้สาวงามหัวเราะรื่นรมย์ อ๋องโง่เง่าน่าสงสารคนนี้สุดท้ายแล้วต้องตกเป็นเชลยของคนหรง ทนทุกข์ทรมานมากมายจนตาย
น่าประหลาดมาก ทั้งเฉิงฉู่มั่ว หนิวเจี้ยนหู่ ซ่านอิง กับผู้หญิงอีกสามคนที่นั่งอยู่รอบกองไฟฟังอวิ๋นเยี่ยเล่าเรื่อง ต่างแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อเปาซื่อในการกระทำที่ทำให้ชาติย่อยยับ ซ่านอิงยังพูดว่าหากหญิงชั่วร้ายคนนี้อยู่ตรงหน้าจะต้องใช้ดาบสังหารเสีย ภรรยาอวิ๋นเยี่ย ภรรยาเสี่ยวหนิว ภรรยาน้อยเฉิงฉู่มั่วต่างเห็นด้วยกับซ่านอิง ไม่รู้ว่าคงเพราะสมองแต่ละคนเสียไปหมดแล้ว
“หากมีวันหนึ่งเพื่อให้เจ้าชอบใจแล้วข้าจุดไฟเผาบ้าน ทุกคนต่างด่าเจ้าไม่ด่าข้า ฉู่มั่ว เจี้ยนหู่ อีกทั้งเมียพวกเขาต่างว่าข้าหลงเจ้าปิศาจจิ้งจอกจนเสียสติ ต้นเหตุภัยร้ายเกิดขึ้นเพราะเจ้า แล้วมีจอมยุทธมากมายเช่นซ่านอิงมาเอาศีรษะเจ้า แล้วเจ้ายังรู้สึกว่าเจ้าสมควรตายเพราะเรื่องนี้หรือไม่”
“ข้าจะยอมให้ท่านจุดไฟเผาบ้านได้อย่างไร หากทำเช่นนั้นจริงต่อให้ถูกด่าถูกฆ่าก็สมควรทั้งนั้น ท่านคิดไม่เหมือนคนอื่นหรือเพราะหุบเขานี้มีปิศาจร้ายสิงสู่ทำให้คิดเพี้ยนไป”
คำตอบของซินเย่ว์ทำให้อวิ๋นเยี่ยเป็นไปทางสติฟั่นเฟือน ไม่ได้การวันนี้จะต้องอธิบายให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้นเปาซื่อที่น่าสงสารถูกคนก่นด่ามานานถึงเพียงนี้ วิญญาณที่ไม่สงบต่อให้ไม่อยากก่อความวุ่นวายก็ยังต้องโมโหจนออกมาก่อความวุ่นวายแน่นอน
“อะไรกันที่ว่าสาวงามทำให้ชาติล่มจม ทั้งยังโยนเรื่องทั้งหมดให้ผู้หญิงน่าสงสารที่สามีรักรับไปคนเดียว ข้าดูถูกพวกนักบันทึกประวัติศาสตร์เช่นนี้มากที่สุด เห็นชัดๆว่าผู้ชายเองไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองให้ดี กลับโยนขี้ใส่ตัวผู้หญิง พวกใจเสาะที่ไม่มีความรับผิดชอบตายแล้วจึงสมควร แม้แต่ชาวไร่ชาวนายังรู้ว่าหากเมียตัวเองทำชั่วตัวเองยังต้องแบกรับไว้ รู้จักพูดว่าตระกูลพ่อตาแม่ยายไม่เกี่ยวด้วยมีอะไรให้มาหาตัวเองได้เลย แต่ทำไมพอไปถึงฮ่องเต้ขุนพลแล้วเรื่องกลับกลายเป็นเช่นนี้ ผู้หญิงคนเดียวจะไปทำอะไรได้ แค่คุยบ่นหลังเรือน รังแกภรรยาน้อย ทุบตีสาวใช้ก็พอใจแล้ว เรื่องชาติบ้านเมืองการทหารจะเกี่ยวอะไรกับพวกนางด้วย
ฉู่มั่ว เจี้ยนหู่ ซ่านอิง พวกเจ้าจะเอาเรื่องชาติบ้านเมืองการทหารมาเล่นตลกกันไหม พวกเจ้าจะให้บรรดาจูโหววิ่งไปวิ่งมาเป็นของเล่นสนุกกันไหม คงไม่หรอก ทั้งๆที่ตัวเองโง่เง่าก็ยังอยากว่าตัวเองนั้นฉลาดปราดเปรื่อง เพียงแต่โดนผู้หญิงหลอกเท่านั้น ถุย”
หนิวเจี้ยนหู่เห็นอวิ๋นเยี่ยพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เบะปากดื่มเหล้าองุ่นไปอึกใหญ่แล้วจึงพูดว่า “คนเขียนประวัติศาสตร์ไม่ผิด คนสืบต่อประวัติศาสตร์ก็ไม่ผิด การปกปิดเพื่อเบื้องบน การปกปิดเพื่อผู้สูงส่ง การปกปิดเพื่อเครือญาติ นี่เป็นกฎของมนุษย์ กฎของมนุษย์เป็นรากฐานมาทุกยุคทุกสมัย บ้านไหนเลยที่จะไม่ปฏิบัติตาม ทำไมพอมาถึงเจ้าก็หยิบเอาเหตุผลผิดเพี้ยนมาให้ร้าย ข้าจึงจะถุย”
“ใช่แล้ว คนเป็นภรรยา การแบกรับคำด่าว่าแทนสามีเป็นสิ่งสมควร ผู้ชายต้องออกไปทำมาหากิน หากเขาเสียหน้าไปแล้ว ครอบครัวจะอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นเรื่องร้ายเช่นนี้ สมควรให้ผู้หญิงแบกรับ”
ภรรยาเสี่ยวหนิวก็ออกมาว่าความคิดอวิ๋นเยี่ยไม่ถูกต้องต้องทบทวนใหม่ ทำให้ซินเย่ว์ไม่ยอมด้วย นางไม่ยินยอมให้สามีตัวเองถูกคนอื่นตำหนิติเตียน นางใช้ไม้เขี่ยกองไฟแล้วถามอวิ๋นเยี่ยว่า “ก้อนดินโคลนที่ท่านฝังอยู่ไม่รู้ว่าสุกทั่วถึงแล้วยัง ข้าชักหิวแล้ว”
อวิ๋นเยี่ยกำลังแหงนดูเทือกเขาดำมะเมื่อมขอโทษเปาซื่อหญิงงามที่ถูกใส่ร้ายว่าช่วยไม่ได้ ข้าพูดสู้พวกเขาไม่ได้ พวกเขายกทั้งกฎของมนุษย์ออกมาใช้เป็นหลักฐานยืนยัน ขอโทษที่เรื่องการถูกใส่ร้ายของเจ้านั้นข้าไม่สามารถช่วยได้ ข้าจะไปกินไก่ขอทานแล้วท่านต้องอดทนรอก่อน จนถึงราชวงศ์ชิงจะมีนักปราชญ์ชื่อว่าหยวนเหมยมาแก้ไขชื่อเสียงให้ท่าน
เขี่ยกองไฟออกแล้ว ก้อนดินโคลนที่อยู่ใต้กองเถ้าถ่านถูกเผาจนแห้งแล้ว ใช้ไม้ง่ามจิ้มเอาไปไว้บนแท่นหินสีเขียว ผู้หญิงทั้งสามมุงดูด้วยความแปลกใจเตรียมตัวดูว่าก้อนดินโคลนจะกลายเป็นของเลิศรสได้อย่างไร เฉิงฉู่มั่วเคยลิ้มรสมาก่อนแล้วจึงไม่รู้สึกประหลาด หนิวเจี้ยนหู่กับซ่านอิงต่างเฝ้ารอเนื่องจากเฉิงฉู่มั่วบอกว่าเลิศรสระดับโลกทีเดียว
อวิ๋นเยี่ยใช้ก้อนหินทุบก้อนดินให้แตกออก กลิ่นหอมตลบอบอวลโชยออกมาทันที น้ำมันใสแจ๋วไหลออกมาจากช่องว่าง พอแกะเปลือกดินออกแกะใบบัวทิ้งไป เนื้อไก่สีขาวปรากฏต่อหน้าพวกเขาทันที
ซ่านอิงมือไวไม่กลัวลวกมืออุ้มก้อนดินโคลนอันหนึ่งแล้ววิ่งหายไป หนิวเจี้ยนหู่เห็นแล้วก็ไม่รอช้าอุ้มอีกอันหนึ่งไปแบ่งกินกับภรรยาตัวเอง จิ่วอีถองหลังเฉิงฉู่มั่วนางก็อยากกินมาก เฉิงฉู่มั่วหัวเราะแหะๆ รีบเอาไม้จิ้มอีกอันไปแท่นหินอื่นทุบออกอย่างชำนาญ เวลานี้ อวิ๋นเยี่ยได้ฉีกขาไก่ออกมาแล้วหนึ่งข้าง ส่งให้ซินเย่ว์ที่กำลังกลืนน้ำลายอยู่
พวกผู้ชายไม่ได้กินอะไรมาก ไก่ป่าตัวอ้วนทั้งตัวโดนพวกผู้หญิงกินกันจนเกลี้ยง แต่ละคนทั้งเขินทั้งสนุกกับการเช็ดปากมันแผล็บของตัวเอง
ส่วนที่ 6 ข้ารักครอบครัวข...
ตอนที่ 41 ผลได้จากการละเล่น
อวิ๋นเยี่ยตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มานั่งยองๆอยู่ริมลำธารใช้กิ่งหลิวทำความสะอาดฟัน หมอกยามเช้าในภูเขาหนามากสัมผัสร่างกายแล้วเย็นชื่นใจ ใช้ปากแตะผิวน้ำแล้วดูดน้ำคำใหญ่เหมือนม้า บ้วนในปากถึงคอแล้วพ่นออกไปสุดแรงจนเกิดหมอกคลุ้งไปทั่ว มักจะเห็นหลีสือทำเช่นนี้หลังจากวาดภาพไปแล้วก็กรอกน้ำเต็มปากแล้วแหงนคอพ่นออกไป มองเห็นละอองน้ำจับหมึกสีเข้มทำให้สีหมึกเจือจางปลดปล่อยพลังอึมครึมออกมาแล้วรู้สึกชอบใจยิ่งนัก
ภาพเขียนสมัยถังส่วนใหญ่ใช้คนเป็นเอกทั้งยังวาดให้คนตัวเอกมีขนาดใหญ่มากทำให้เกิดพลังเหนือกว่ากลุ่มคนทั้งหมด ‘ภาพงานเลี้ยงของอ๋องข้า’ก็เป็นเช่นนี้ ครั้งที่เห็นหลี่ซื่อหมินโชว์ภาพเหยียนลี่เปิ่นนี้ให้เขาเห็น ความโกรธของอวิ๋นเยี่ยเกิดขึ้นทั่วร่าง เหล่าเหยียนจอมประจบคนนี้วาดหลี่ซื่อหมินองอาจผ่าเผยสุดกำลัง เฝิงอั้งมีพลังเหลือล้ำ ฝางเสวียนหลิงฉลาดเฉลียวหาใครเทียบ พอถึงอวิ๋นเยี่ยเป็นแค่นายกอเดินถนนที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของหลี่ซื่อหมินความกว้างก็ครึ่งหนึ่งกำลังหยิบปูแทะอย่างเพลิดเพลิน ด้านหลังยังมีเด็กสาวสวยคอยทุบหลังให้ ช่างน่าทุเรศมาก น่าทุเรศจริงๆ
ขอร้องหลี่ซื่อหมินยกภาพนี้ให้กลับบ้านจะได้กราบไหว้เช้าเย็น หลี่ซื่อหมินตอบคำเดียวว่าไปเลย เขารู้จักอวิ๋นเยี่ยดีว่าใจแคบหากเอาภาพนี้ไปแล้วคงไม่มีโอกาสได้คลี่ออกมาอีกต่อไป
กลับถึงบ้านแล้วอวิ๋นเยี่ยก็เชิญหลีสือมาอยากให้เขาวาด‘ภาพงานเลี้ยงของอ๋องข้า’ไม่ต้องการให้เน้นอะไร ขอให้แสดงออกตามความเป็นจริงในสถานที่อย่างถูกต้องก็พอแล้ว หลีสือเวลานี้เป็นท่านอาชายจึงสามารถพูดได้ยกพู่กันวาดตามคำบรรยายของอวิ๋นเยี่ย พอวาดเสร็จก็โดนฉีกทิ้งโดยอวิ๋นเยี่ยที่โกรธสุดขีดเพราะไม่ได้ต่างอะไรกับของเหยียนลี่เปิ่น แต่ตัวอวิ๋นเยี่ยยิ่งทุเรศมากขึ้น
หลีสือย่อมโกรธจัดคว้าอวิ๋นเยี่ยไว้แล้วกำลังจะลงมือแต่ถูกท่านอาหญิงห้ามไว้ อวิ๋นเยี่ยไม่หายโมโหตัดสินใจวาดเอง จึงใช้น้ำหมึกวาดให้พวกกบในกะลาเหล่านี้ได้ชมภาพหมึกน้ำที่ขึ้นชื่อลือชา ให้วั่งไฉที่กำลังยื่นคอมองอวิ๋นเยี่ยจากนอกหน้าต่างเป็นแบบใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็แล้วเสร็จ ควักตราออกมาประทับไว้ข้างบนตั้งชื่อว่า’ภาพม้าวิเศษยอดอาชาวั่งไฉ’
ให้วั่งไฉดูแล้วมันพอใจมาก ใครจะรู้ได้หลีสือกระโดดออกมายกแผ่นกระดานจะตีอวิ๋นเยี่ยใครห้ามก็ไม่ฟัง เอาผลงานของอวิ๋นเยี่ยบอกท่านย่าว่า “นี่เป็นม้า? ข้าดูเป็นหมู หูม้าจะเหมือนพัดโบกหรือ” พูดจบก็จะตีอีกทั้งยังบอกว่าจะต้องทำหน้าที่ผู้อาวุโส
กำลังพูดอยู่ก็หยุดปากกะทันหัน ตัวเองหยิบพู่กันเริ่มวาดตามรูปร่างของวั่งไฉ ใช้หมึกดำล้วนเพียงแต่ความเข้มจางต่างกันเท่านั้น หลังจากวาดแล้วเกิดความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องดูเหมือนกระด้างเกินไปหน่อย จึงลากตัวอวิ๋นเยี่ยที่กำลังดื่มน้ำเข้ามาให้เขาดูว่ามีอะไรผิดพลาด อวิ๋นเยี่ยถึงแม้วาดภาพไม่ได้เรื่องแต่สายตานับว่าสุดยอด
วั่งไฉบนกระดาษขาวนับได้ว่าราวกับมีชีวิต อวิ๋นเยี่ยตกใจจนพ่นน้ำออกไปละอองน้ำบางส่วนตกอยู่บนภาพ หลีสือแค้นจนอยากขยี้อวิ๋นเยี่ยให้ตายคามือ ภาพนี้มีความสำคัญมากสำหรับเขา เพียงแค่ขจัดข้อเสียเล็กน้อยก็สามารถเปิดสำนักตั้งค่ายใหม่ได้เลยแต่โดนน้ำที่อวิ๋นเยี่ยพ่นออกมาทำลายสิ้น
เขาพยายามกลั้นความโกรธหลับตาตั้งสมาธิ แต่ได้ยินเสียงท่านอาหญิงร้องเอ๊ะแล้วลากเขามาที่หน้าภาพ พอลืมตาดูภาพวั่งไฉที่เขาคิดว่าถูกทำลายไปนั้นกลายเป็นมีชีวิตชีวา โทนสีที่เห็นดูนุ่มนวลขึ้นมาอย่างมาก
นึกถึงเรื่องนี้แล้วอวิ๋นเยี่ยก็ชื่นใจนักที่ตัวเองสามารถจับเคล็ดลับของภาพได้โดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าหลีสือคงไม่สามารถดูน่าเกลียดได้มากกว่านี้อีก ท่านย่ากอดอวิ๋นเยี่ยหอมไปหนึ่งฟอด หลานรักของตัวเองก่อเรื่องยุ่งมากกว่าหลานบ้านอื่นมากมายนัก
ท่ามกลางความชื่นอกชื่นใจอวิ๋นเยี่ยนึกอยากพ่นน้ำอีกครั้ง กำลังดูดน้ำอยู่ก็พบหัวม้าเบียดเข้ามาร่วมดื่มน้ำด้วย กำลังจะไล่ไปพบว่าเป็นวั่งไฉ ไม่มีปัญหาพี่น้องร่วมกันดื่มน้ำ อวิ๋นเยี่ยสูดได้ไม่นานเท่าวั่งไฉปากก็ไม่ใหญ่เท่าเวลาสูดน้ำย่อมไม่นานเท่าวั่งไฉ สูดจนเต็มปากแล้วแหงนหน้าพ่นออกไป ให้ตัวเองรับความรู้สึกละอองน้ำเต็มฟ้าช่างน่าสบายจริงๆ วั่งไฉไม่สามารถทำได้คงเพียงออกเสียงฟืดฟาดในจมูก
“ข้ารู้จนได้ว่านิสัยเสียในตัววั่งไฉมาจากไหนทั้งขี้โกงขี้เกียจตะกละกะล่อน ที่แท้มีพื้นฐานมาจากท่านนี่เอง” เสียงดังฟังชัดของซ่านอิงดังแว่วมา เจ้าเบื๊อกนี่ไม่เคยรู้เลยว่าอะไรที่เรียกว่าเกรงใจ
อวิ๋นเยี่ยจึงหันกลับไปดูกลับพบว่าริมลำธารมีคนยืนอยู่มากมาย ศีรษะซินเย่ว์แทบจะซุกลงไปในอก เฉิงฉู่มั่วกับหนิวเจี้ยนหู่ท่าทางฉงนเต็มหน้า ภรรยาพวกเขาทำหน้าเหรอหรา ส่วนพวกบ่าวไพร่สาวใช้ต่างหันไปที่อื่นทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ยังไม่สามารถชะล้างกิเลสในจิตใจปุถุชนอย่างพวกเจ้าได้หรือ เห็นเขาชื่นชมเขา เห็นน้ำลงเล่นน้ำ จึงจะไม่เสียแรงที่พวกเราอุตส่าห์ออกมานับพันลี้เพื่อท่องเที่ยว หากยังไม่สามารถปล่อยกายปล่อยใจชื่นชมทั้งเขาทั้งน้ำให้เต็มที่ สู้อยู่ที่ฉางอันก็พอแล้วจะออกมาให้ลำบากทำไมกัน”
เมื่อเจอเรื่องกระอักกระอ่วนต้องทำให้คนอื่นกระอักกระอ่วนมากกว่าจึงจะถูก ต้องทำให้ทุกคนอยู่ในเส้นสตาร์ทพร้อมกันจึงจะสามารถเข้าถึงด้วยกันได้ ตำราพิชัยสงครามว่า ข้าศึกรุกเราถอย ข้าศึกถอยเรากวน ข้าศึกเพลียเราตี เป็นถ้อยคำปานทองคำแท้จริงทีเดียว
จริงดังนั้น เหล่าบ่าวไพร่สาวใช้เป็นกลุ่มแรกที่ถูกอวิ๋นเยี่ยชักนำมาก่อน ต่างใช้แววตาที่นับถือบูชามองอวิ๋นเยี่ย นี่จึงเป็นผู้สูงส่งแท้จริงโหวเหยียบ้านเราเป็นคนสูงส่งตลอดมา มองบ่าวไพร่บ้านเฉิงบ้านหนิวทั้งสองบ้านด้วยสายตาดูแคลน ความรู้ลึกซึ้งเช่นนี้ใช่ที่ปุถุชนอย่างพวกเจ้าจะเข้าใจหรือ พวกเราติดตามโหวเหยียมาแล้วหลายปีจึงซึมซับได้บ้าง
อวิ๋นซันเป็นผู้ติดตามประจำตัวโหวเหยียย่อมได้รับการซึมซับมากที่สุด ก้มตัวลงที่ผิวน้ำดูดน้ำจนเต็มปากแล้วแหงนหน้าพ่นละอองน้ำออกมาเต็มท้องฟ้าท่ามกลางสายตาคนทั้งหมด ยืนอยู่ในละอองน้ำรับความรู้สึกอ่อนนุ่มเย็นฉ่ำนั้น ช่างน่าสบายจริงๆเลย
พอละอองน้ำหายไปอวิ๋นซันร้องเสียงดังแล้วก้มตัวลงไปดูดน้ำอย่างเร่งรีบ คราวนี้คนที่ก้มตัวลงดูดน้ำบนผิวน้ำมีมากยิ่งขึ้น เพียงประเดี๋ยวเดียวทั้งลำธารมีแต่ละอองน้ำ แม้แต่เหล่าสาวใช้ที่ใจกล้าก็ยังพ่นกันจนหน้าดำหน้าแดง
จากนั้นทุกอย่างก็ยุ่งเหยิง เจ้าพ่นข้า ข้าพ่นเจ้า จนมั่วกันไปหมด เฉิงฉู่มั่วดูพวกเขาเล่นกันสนุกสนานก็อยากลองดู หลังจากเห็นอวิ๋นเยี่ยพ่นน้ำใส่พวกเขาสองคนแล้ว เฉินฉู่มั่วก็ระเบิดออกมาดูดน้ำเต็มปากแล้วหาอวิ๋นเยี่ยไม่เจอจึงหันไปพ่นใส่ศีรษะหนิวเจี้ยนหู่ การตะลุมบอนขยายตัวออกไปจนกระทั่งภรรยาเสี่ยวหนิวก้มลงดูดน้ำ ซ่านอิงก็ออกอาการงงงันหญ้าที่เพิ่งตัดให้วั่งไฉตกพื้นโดยไม่รู้ตัว รู้แค่อ้าปากค้างอยู่
ซินเย่ว์ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่นี้สามีตัวเองกำลังทำขายหน้า แต่เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นการละเล่นในป่าเขาได้แต่ลืมตาโตจนกลมดิก อวิ๋นเยี่ยตบไหล่นางแล้วพูดว่า “หลายวันนี้ทำให้เจ้าลำบาก ถือโอกาสเล่นกันให้สนุกสนานสักพัก ให้เจ้าคลายเครียดได้”
ซินเย่ว์ยิ้มหวานให้อวิ๋นเยี่ยแล้วเช็ดน้ำตาที่หางตา ไม่สนใจว่าน้ำจะทำให้เสื้อผ้าเปียก ก็ก้มลงดูดน้ำบนผิวน้ำราวกับเด็กคนหนึ่งแล้วพ่นออกไปให้ละอองน้ำหุ้มห่อตัวเองไว้ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดหย่อน
อวิ๋นเยี่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งแล้วเดินออกมาจากกระโจม เดินไพล่มือข้างหลังค่อยๆเข้าไปในมือซ่อนขนมอิ๋งชุนก้อนหนึ่ง อาศัยจังหวะที่ซ่านอิงเกาศีรษะยัดขนมใส่ปากวั่งไฉ วั่งไฉฉลาดมากเคี้ยวสองสามทีก็กลืนลงท้อง พอเห็นซ่านอิงมองมาก็หยุดขยับปากทันที เพียงแต่ฟองขนมที่มุมปากออกจะเห็นชัดเจนไปหน่อย
“ตระกูลอวิ๋นดูแลบ่าวไพร่กันเช่นนี้หรือ” ซ่านอิงชี้สาวใช้หลายคนที่กำลังพ่นน้ำใส่ซินเย่ว์
“ใช่แล้ว เป็นเช่นนี้เอง ขอให้พวกเขาทำงานประจำวันของตัวเองให้ดีก็จะไม่มีใครไปตอแยพวกเขา ขอให้สบายใจก็พอแล้ว” อวิ๋นเย่ว์โบกมือให้ซินเย่ว์ที่โบกมือมาที่ตัวเองแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านไม่กลัวว่าจะขาดระเบียบวินัยทำให้บ้านยุ่งเหยิงหรือ” ซ่านอิงไม่ยอมหยุดยังถามต่อ
“ตระกูลอวิ๋นตั้งแต่เริ่มมีมาไม่เคยมีบ่าวไพร่ที่ไม่ดี ขณะที่ตระกูลอวิ๋นเดือดร้อนที่สุดก็ยังไม่มีบ่าวไพร่คนไหนออกไป อีกทั้งไม่มีบ่าวไพร่ที่ทรยศตระกูลอวิ๋น ตอนที่ข้าติดคุกพวกเขายินดีที่จะอยู่บ้านรอฟ้าลิขิต แต่ไม่มีใครหาทางออกให้ตัวเอง บ่าวไพร่เช่นนี้บ้านผู้ดีมีสกุลในเมืองฉางอันคงมีไม่กี่คน แต่ตระกูลอวิ๋นเป็นทุกคน”
ตรรกะของซ่านอิงยุ่งเหยิงไปหมด อาจารย์ของเขามารดาของเขาไม่เคยสอนเขาว่ามีเจ้านายเช่นอวิ๋นเยี่ย ตระกูลซ่านจะต้องรุ่งเรืองไม่ช้าก็เร็วเขามีความเชื่อมั่นในตัวเองเพียงพอ หากไม่ใช่เพราะอวิ๋นเยี่ยใช้สถานศึกษามัดเขาไว้ เขาเตรียมจะกลับเหอเป่ยเพื่อสร้างเอ้อร์เสียนจวงขึ้นมาใหม่ อาศัยฝีมือตัวเองเอาชนะพวกโจรหัวแข็งที่ไม่ยอมใครให้หมดสิ้น กลับคืนอำนาจปกครองเหล่าโจรของตระกูลซ่าน นี่เป็นธรรมเนียมสืบทอดของตระกูลซ่านทั้งเป็นหน้าที่ของเขาด้วย
เวลานี้เขารู้สึกว่าความคิดตัวเองผิดเพี้ยนไปจะขอศึกษาจากอวิ๋นเยี่ยก็ไม่ได้ เป็นนิสัยของยอดฝีมือที่ชอบชักนำตัวเองไปสู่ทางตัน จะต้องออกห่างผู้คนยิ่งไกลยิ่งดี ทันใดนั้นเขารู้สึกโดดเดี่ยวหงอยเหงา เขาเป็นคนผิดแปลกจากกลุ่มคนเหล่านี้พวกเขาช่างมีความสุขเหลือเกิน มีแต่ตัวเองที่ต้องแบกรับภารกิจในการฟื้นคืนตระกูลไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อยนิด เวลานี้เขาช่างคิดถึงอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขายิ่งนัก คิดถึงวันเวลาง่ายๆที่อยู่ร่วมกับอาจารย์
เหล่าเจียงเดินถือน้ำเต้าสุรามา บอกเขาว่า “ไอ้หนู ทำไมไม่ไปเล่นด้วยกับพวกเขา เจ้าดูพวกอวิ๋นซันตอนนี้เริ่มใช้อ่างสาดน้ำกันแล้ว หากข้าอายุอ่อนกว่านี้สามสิบปีจะต้องไม่ยอมพลาดแน่นอน คนแก่แล้วขาดอารมณ์ มาดื่มสุรากันเพิ่มอารมณ์ให้คนหนุ่ม หากไม่สบายใจอะไรบอกข้าได้ ข้าอายุมากแล้วเห็นเรื่องราวมามากไม่แน่ว่าอาจแก้ปมในใจเจ้าได้”
ซ่านอิงดื่มสุราคำใหญ่โดยไม่รู้ตัว พอน้ำสุราที่ร้อนผ่าวไหลลงท้องรู้สึกสบายขึ้นมาทันที ถูกเหล่าเจียงจูงไป สองคนนั่งคุยกันบนแท่นหินใหญ่ คนแก่คนหนุ่มหัวเราะกันเป็นระยะๆราวกับคุยถูกคอกันมากนัก
อวิ๋นเยี่ยไม่ได้มองทั้งคู่ เพียงแต่ยื่นนิ้วหัวแม่โป้งให้เหล่าเจียงที่หันหน้ามาทางตัวเองแล้วรีบกลับเข้าไปร่วมต่อสู้ใหม่ ดูเหมือนฝั่งสาวใช้เริ่มเปียกกันจนโชก หุ่นแต่ละคนอรชรอ้อนแอ้นน่าดูน่าชมมาก
น่าผิดหวังมาก มีหญิงชราเลี้ยงทารกพุ่งออกมาจากกระโจมหลายคน ในมือถือผ้าม่านรีบกันกลุ่มผู้หญิงออกจากกลุ่มผู้ชาย ใครกล้ามองมาทางนี้อีกจะต้องโดนด่ายับ
การละเล่นต่อเนื่องไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ แต่ละคนจึงรู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งหิว สวมชุดเปียกปอนพยายามทำอาหารที่ไม่รู้เป็นมื้อเช้าหรือมื้อเที่ยง กินกันเสร็จแล้วก็นอนผึ่งบนแท่นหินที่เย็นสบายรอเสื้อผ้าแห้ง
เดินทางต่อไม่ไหวแล้ว เฉียนทงถลึงตาไปยังบ่าวไพร่ที่นอนกันระเนระนาดบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “โหวเหยีย วันนี้น่ากลัวจะเดินทางไม่ได้แล้ว สู้กางเต็นท์ค้างที่นี่สักคืนดีไหม”
อวิ๋นเยี่ยมองซ่านอิงที่เมาจนหาทิศทางไม่เจอจึงยิ้มแล้วพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะนับถือพวกผู้ชราที่สามารถทำให้นักสังหารเมาได้ขนาดนี้ นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น