ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 591-611

 บทที่ 591 กล้ามเนื้อของฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอได้ฟังความสงสัยของฉินสือโอวแล้วเหมาเหว่ยหลงก็วิเคราะห์เขาฟัง “อาวุธที่ประเทศอเมริกาคัดออกมีเยอะก็จริง แต่คุณภาพของที่คัดออกก็ยังถือว่าล้ำหน้าสำหรับหลายประเทศ ดังนั้นแค่ขายออกไปก็ได้ รัสเซีย? ฮ่า การคอร์รัปชันในการทหารของพวกเขาสาหัสมาก อาวุธไม่ต้องรอคัดออกก็ขายไปแล้ว ทางยุโรปก็คัดอาวุธออกเยอะ แต่พวกมันราคาแพงเกินไป…”


“สรุปว่าอุปกรณ์ดับเพลิงของประเทศอื่นประสิทธิภาพดีกว่าราคาสูงกว่าของเรา ที่ประสิทธิภาพสู้เราไม่ได้ก็ราคาแพงกว่าเรา ดังนั้นพวกเราใช้ราคาในการโจมตีคู่แข่งในตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงนานาชาติ สุดท้ายก็กลายเป็นสถานการณ์ที่สำคัญของพวกเรา” คนขายคนหนึ่งได้ยังเหมาเหว่ยหลังคุยกับฉินสือโอวก็เข้ามาใกล้แล้วพูดพลางยิ้ม


ฉินสือโอวจับมือถามไถ่กับเขาคนคนนี้ไม่ธรรมดา เขาชื่อเซี่ยงห่าว เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทการบินและอวกาศแห่งประเทศจีน มิสไซล์ดับเพลิงที่ประเทศจีนนำมาในครั้งนี้ก็เป็นสินค้าของบริษัทพวกเขา


พอรู้เรื่องนี้ฉินสือโอวก็ถามอย่างสนใจ “มิสไซล์ดับเพลิงนี่มีอานุภาพอย่างไร? สามารถโจมตีเรือประมงร้อยตันได้ไหม?”


เขามองฉินสือโอวอย่างตะลึงพลางถาม “อะไรนะครับ? โจมตีเรือประมง?”


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะพลางพูดรีบแก้ไขสถานการณ์ให้เขา “เพื่อนผมล้อเล่นน่ะครับ ที่จริงเขาจะถามว่ามิสไซล์อันนี้สามารถทะลุผ่านผนังสิ่งก่อสร้างได้ไหม? ถ้ายิงเข้าไปในสิ่งก่อสร้างไม่ได้ก็ใช้ดับไฟไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ?”


เซี่ยงห่าวแนะนำ “เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแม้จะถอดส่วนที่ใช้รบออกแล้วเปลี่ยนเป็นส่วนที่ใช้ดับไฟประสิทธิภาพสูงแต่ความเร็วและความแข็งแรงของตัวมิสไซล์มีเพียงพอสามารถยิงทะลุกระจกนิรภัยเทมเปอร์หนายี่สิบสองมิลลิเมตรและผนังคอนกรีตหนายี่สิบสองเซนติเมตรได้”


“อย่างนั้นรัศมีการยิงของมิสไซล์ล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงถามอีก


เซี่ยงห่าวมองไปรอบๆ แล้วพูดเสียงต่ำ “ผมเห็นว่าทั้งสองเป็นพี่น้องร่วมชาติก็จะไม่ปิดบัง ของของพวกเราเปลี่ยนจากการใช้ทางทหารเป็นทางพลเรือนถ้าใช้แรงขับเคลื่อนปกติรัศมีการยิงที่มากที่สุดก็ห้าร้อยกิโลเมตร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแรงขับเคลื่อนพลังงานสูงห้าร้อยกิโลเมตรก็เกินไปหน่อยแต่ห้าสิบกิโลเมตรไม่มีปัญหา!”


สำหรับผลสรุปนี้ฉินสือโอวผิดหวังอยู่บ้างแค่ห้าสิบกิโลเมตร? แล้วยังต้องเปลี่ยนเป็นแรงขับพลังงานสูงอีก รัศมีการยิงใกล้เกินไป


เหมาเหว่ยหลงใช้ขาเตะเขาพลางพูด “ยังไม่พอใจอีก?”


ฉินสือโอวส่ายหน้าพลางพูด “ห้าสิบกิโลเมตรสำหรับฟาร์มปลาแล้วใกล้เกินไป”


เหมาเหว่ยหลงกลอกตา “แกมีสามัญสำนึกหน่อยได้ไหม? ถ้าไอ้สิ่งนี้สามารถยิงได้ห้าร้อยกิโลเมตรจะสามารถเข้าตลาดของใช้พลเรือนได้อย่างไร? แบบนี้ทำเนียบขาวก็ถูกผู้ก่อการร้ายระเบิดเป็นเสี่ยงๆ แล้ว!”


ฉินสือโอวคิดดูแล้วก็ใช่เขาถามเซี่ยงห่าวว่ามิสไซล์ดับเพลิงนี้ราคาเท่าไร เซี่ยงห่าวยื่นมือออกมาพลางพูด “หนึ่งเครื่องติดตั้งบาซูก้าสำหรับยิงสี่ชิ้นมิสไซล์แปดลูกราคาต่ำที่สุดคือห้าล้าน!”


“แม่เอ้ย แพงขนาดนี้?” ฉินสือโอวพึมพำเบาๆ


เหมาเหว่ยหลงก็งงพลางชี้ไปที่ตารางราคา “พี่ชาย จะรังแกกันไปหน่อยหรือเปล่า? ในตารางราคาแค่หนึ่งล้านสองแสนไม่ใช่เหรอ?”


“นั่นคือดอลลาร์แคนาดา ที่ผมพูดคือเงินหยวนจีน!” เซี่ยงห่าวพูดอย่างแน่วแน่


ฉินสือโอวได้ยินแล้วก็ใจชื้นขึ้นมาแล้วพูด “ซื้อแค่มิสไซล์อย่างเดียวเท่าไร?”


มองเขาอย่างสงสัยพลางพูด “คุณไม่ได้อยากซื้อหรอกมั้ง?”


ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างแน่วแน่เซี่ยงห่าวยิ้มอย่างจนใจ “ผมว่าคุณไม่ควรซื้อนะ ตามนโยบายการป้องกันประเทศของแคนาดาอุปกรณ์ดับเพลิงแบบโจมตีพวกนี้สามารถขายให้ได้แค่หน่วยงานของรัฐเท่านั้นไม่สามารถซื้อส่วนบุคคลได้!”


ได้ยินแบบนี้ฉินสือโอวก็ตะลึงเขาคิดเรื่องนี้ง่ายไปหน่อยคิดว่าพวกของอย่างมิสไซล์ดับเพลิง รถดับเพลิงล้วนเป็นของใช้ทางพลเรือนที่แคนาดาแม้แต่ปืนเอ็มหกสิบก็ยังสามารถซื้อได้ อย่างนั้นของใช้ทางพลเรือนพวกนี้ก็ควรจะง่ายยิ่งกว่าถึงจะถูก


ได้รับคำเตือนจากเซี่ยงห่าวฉินสือโอวก็โทรสอบถามเออร์บัก เออร์บักไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องพวกนี้เขาเลยโทรไปถามเพื่อนร่วมงานของตัวเองแล้วโทรกลับมาบอก “ใช่ครับ อุปกรณ์ดับเพลิงแบบโจมตีไม่อนุญาตให้ขายให้ส่วนบุคคลหรือหน่วยงานที่ไม่ใช่ของรัฐ”


ฉินสือโอวกำลังผิดหวังเออร์บักก็พูดอีก “แต่ว่าถ้านายอยากซื้อก็มีวิธีอยู่”


“พูดมาเลยครับ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม”


“ง่ายมาก ให้ทางเมืองแฟร์เวลยื่นคำร้องต่อทางนครเซนต์จอห์นขออุปกรณ์ดับเพลิงแบบโจมตีเพื่อป้องกันภูเขา เทือกเขาเคอร์บัล เกิดไฟไหม้ได้ง่ายในฤดูใบไม้ผลิโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มีนักท่องเที่ยวอยู่มากการเกิดไฟไหม้อันตรายมาก ตามที่ฉันรู้ นครเซนต์จอห์นไม่มีอุปกรณ์ดับเพลิงขนาดใหญ่อย่างนั้นต้องอนุญาตให้เมืองแฟร์เวลซื้อเองแน่”


เออร์บักพูดอย่างเรียบๆ ชี้ทางให้ฉินสือโอว


ฉินสือโอวโทรไปพูดเรื่องนี้กับแฮมเล็ตทันที เดิมทีแฮมเล็ตก็ลังเลอยู่หน่อยๆ ฉินสือโอวพูดออย่างไม่พอใจ “ผมยอมรับนะพวกว่าผมอยากซื้อของพวกนี้ไว้ปกป้องรักษาฟาร์มปลา คุณก็รู้พื้นที่ฟาร์มปลาของผมถ้าไม่ใช้ของพวกนี้ผมจะรักษามันไว้อย่างไร?


แฮมเล็ตได้ฟังเขาพูดอย่างนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผลเลยบอกจะไปดำเนินการยื่นคำร้องต่อฝ่ายป้องกันอัคคีภัยที่นครเซนต์จอห์นตอนบ่าย


เซี่ยงห่าวเชี่ยวชาญเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของฉินสือโอวเมื่อโทรศัพท์เสร็จก็ลากเขาไปดูรถยิงมิสไซล์อีกคันอย่าง “รถดับเพลิงคันนี้เจ๋งกว่า เป็นโมเดลของเครื่องบินทหารสอดแนม มันใช้ระบบนำทางระยะไกลด้วยอินฟราเรดมีจุดเด่นที่ระบบการจัดการแบบบูรณาการ และเทคโนโลยีชั้นสูงแค่คันเดียวก็สามารถจัดการดับเพลิงได้อย่างสมบูรณ์…”


“รถคันนี้ติดตั้งใกล้เคียงกับมิสไซล์ที่ใช้ทางทหารมากที่สุดสามารถเปิดและปิดได้ด้วยการกดแค่หนึ่งครั้ง ถอดส่วนที่ใช้รบออกแล้วแต่ยังเหลือความสามารถในการตรวจจับความร้อนและดำเนินการดับไฟไว้ ราคาเจ็ดล้านแถมเครื่องส่งรังสีอินฟราเรดนำทางหนึ่งเครื่อง”


ฉินสือโอวยังไม่ตอบรับเขาดูอย่างสนใจแล้วก็ไปดูที่อย่างอื่นต่อ


พวกคนขายที่เข้าร่วมงาจัดแสดงสินค้าล้วนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญของบริษัทพวกเขาเบื่อหน่ายกันทั้งเช้า คนส่วนมากที่มาไม่ได้สนใจอุปกรณ์ที่สุดยอดพวกนี้สุดเช่นนี้พวกขาเลยยังไม่ได้ทำรายเลย ท่าทางของฉินสือโอวทำให้พวกเขามีหวังเลยมาดึงเขาไปดูอุปกรณ์ของตัวเองรายแล้วรายเล่า


“พี่ชายมาดูรถดับเพลิงเทอร์โบของพวกเราสิครับ เป็นดาวของอุปกรณ์ดับเพลิงอย่างแน่นอน รู้ไหมว่าเครื่องยนต์ฉีดน้ำของมันคืออะไร? นั่นสุดยอดมากที่ใช้คือเครื่องยนต์ของเครื่องบินรบถึงเจเซเว่น รู้จักไหมครับเครื่องบินรบเจเซเว่น? สุดยอดเป็นที่สุดเลยล่ะ!” ชายสวมแว่นขอบทองคนหนึ่งพูดน้ำไหลไฟดับแนะนำรถดับเพลิงคันใหญ่ของตัวเอง


รถดับเพลิงคันนี้ขนาดพอๆ กับรถบรรทุกแปดล้อส่วนหลักคือเครื่องเทอร์โบที่ส่วนหน้ารถสามารถหมุนวนได้สามร้อยหกสิบองศาเส้นผ่านศูนย์กลางส่วนหน้าสี่สิบเซนติเมตร ตรงกลางมีปืนฉีดน้ำอยู่รอบๆ ส่วนหลังเป็นส่วนพ่นอากาศที่แข็งแกร่งยอดเยี่ยมเหมือนกัน


ฉินสือโอวดูการแนะนำรถคันนี้ถังน้ำมันบรรจุเต็มถังได้สองตัน หลักการทำงานเหมือนหลักการทำงานของเครื่องบินรบตอนที่เทอร์โบทำงานสามารถสร้างแรงดันได้สามตันตอนที่ส่วนหลังพ่นอากาศออกจะมีปืนฉีดน้ำคอยพ่นน้ำออกกระบอกสูบรวมกระแสน้ำที่ด้านหน้าจะพ่นสายน้ำออกมาประมาณสี่สิบเซนติเมตร


จุดเด่นของรถดับเพลิงรุ่นนี้อยู่ระยะเป้ายิงสามารถยิงน้ำออกมาได้ถึงสองร้อยเมตรพละกำลังแรง ฉินสือโอวดูวิดีโอสาธิตแล้วก็เกิดความคิดอย่างหนึ่ง


ถ้าเอาเทอร์โบน้ำและเรือกลไฟรวมกันจะเป็นอย่างไร?


บทที่ 592 เรือวิจัย

โดย

Ink Stone_Fantasy

วันรุ่งขึ้นแฮมเล็ตบินมาถึงมอนทรีออล เขานำใบอนุญาตใช้อุปกรณ์ดับเพลิงแบบโจมตีมาจากนครเซนต์จอห์น


นี่ต้องขอบคุณแมทธิว จิน เออร์บักโทรไปหาเขาแล้วพูดเรื่องที่ฉินสือโอวคิดจะใช้อุปกรณ์ดับเพลิงแบบโจมตีในการป้องกันรักษาฟาร์มปลาคร่าวๆ


หัวหน้าฝ่ายการประมงและทะเลคนนี้เงียบไปครู่หนึ่งแล้วติดต่อไปทางนครเซนต์จอห์นให้พวกเขาอนุญาตให้เกาะแฟร์เวลซื้ออุปกรณ์ดับเพลิงแบบโจมตี แม้ว่าการให้เจ้าของฟาร์มปลาใช้อุปกรณ์ประเภทนี้มีความเสี่ยงมาก แต่แมทธิว จินก็หวังให้พวกเจ้าของฟาร์มปลามีความสามารถในการปกป้องฟาร์มปลาของตัวเอง


ตอนนี้แมทธิว จินมีความกดดันมากถ้าสถานการณ์ประมงในนิวฟันด์แลนด์ยังไม่แก้ไขให้ดีขึ้น เขาคงต้องปิดฟาร์มปลาและก็จะเป็นการแสดงว่าการประมงชายฝั่งของแคนาดาปิดตัวลง!


ดังนั้นเขาต้องสนับสนุนให้พวกเจ้าของฟาร์มปลาสร้างฟาร์มปลา ขอเพียงฟาร์มปลาส่วนบุคคลยังคงเปิดอยู่อย่างนั้นก็อาศัยฟาร์มปลาส่วนบุคคลในการกระตุ้นฟาร์มปลาสาธารณะฟาร์มปลาที่นิวฟันด์แลนด์ก็ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้


พอได้ใบอนุญาตมาฉินสือโอวก็กวัดแกว่งบัตรธนาคารสั่งสินค้า


อย่างแรกคือรถมิสไซล์ดับเพลิงในส่วนนี้ต้องใช้สินค้าของจีนไปก่อน ไม่ใช่ว่าฉินสือโอวรักประเทศแต่ระยะการยิงของประเทศอื่นใกล้เกินไปแม้แต่จะติดตั้งตัวเสริมแรงดันยังอาจจะไม่มี


สามล้าห้าแสนดอลลาร์แคนาดาถูกทิ้งไปแล้วเกาะแฟร์เวลมีรถมิสไซล์ดับเพลิงสองคันและมิสไซล์สามสิบสองลูก


ทางด้านรถดับเพลิงเทอร์โบฉินสือโอวไม่ได้เลือกใช้รถที่ทำจากเครื่องยนต์เครื่องบินรบเจเซเว่นเขาไม่ได้สนใจตัวรถต้องการเพียงเครื่องยนต์เทอร์โบเพราะเขาสามารถนำไปผสมรวมกับเรือได้


การใช้มิสไซล์โจมตีดูจะเกินไปแต่สิ่งที่ฉินสือโอวใช้ปกป้องฟาร์มปลาหลักๆ เป็นปืนเทอร์โบเขาเตรียมเรือกลไฟไว้สี่ลำและซื้อรถดับเพลิงของฮังการีสองลำรถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ของเครื่องบินมิโคยัน 23S ที่ปลดประจำการ เครื่องยนต์ทูมันสกายR-27-F2M-300


เขายังซื้อรถดับเพลิงรุ่น T-6 ที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกันเจเนอรัลใช้เครื่องยนต์แพทท์แอนด์ วิทนีย์ TF30-P-412 รุ่นที่เจ้าของคือเครื่องบินรบทอมแคท F-14 ที่โด่งดัง


ก้าวหน้าเทียบกันแล้วเครื่องยนต์แพทท์แอนด์ วิทนีย์ TF30-P-412 เป็นรุ่นที่ก้าวหน้าที่สุดของรถดับเพลิงเทอร์โบในงานจัดแสดงครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเครื่องยนต์คัดออกที่ก้าวหน้ากว่านี้แต่เครื่องยนต์พวกนั้นไม่ได้เข้าสู่ระบบทำอุปกรณ์ดับเพลิง


เรื่องนี้ต้องอธิบายตั้งแต่แรกโดยทั่วไปอัตรากำลังและมวลเครื่องยนต์ของรถดับเพลิงตามปกติไม่มีทางเพิ่มไปกว่า30KW/t ไม่อย่างนั้นการเพิ่มแรงบิดจะต้องเพิ่มน้ำหนักของตัวกระตุ้นและตัวถังด้วยซึ้งอาจทำให้ประสิทธิภาพที่ดีลดลง


รถดับเพลิงรุ่น T-6 ที่บริษัทเจเนอรัลนำมามีมวลอยู่ที่ 19.2 ตัน อัตรากำลังของเครื่องยนต์ 367 กิโลวัตต์ อัตรากำลังต่อมวลอยู่ที่ หนึ่งกิโลวัตต์ต่อตัน เพื่อสำรองอัตรากำลังรถดับเพลิง T-6 ใช้เครื่องยนต์สองอย่างแยกเป็นสำหรับการขับเคลื่อนและการฉีดพ่นแต่อัตราความเร็วต่อมวลโดยรวมแล้วจะไม่เกิน 30kw/t นี่เป็นเครื่องยนต์ที่อัตรากำลังมากที่สุด


เดิมทีฉินสือโอวอยากซื้อรถดับเพลิง T-6 แม้ว่าราคารถจะแพงที่สุดถึงหนึ่งล้านแปดแสนดอลลาร์แคนาดาแต่รถดับเพลิงขอเบนซ์คันหนึ่งก็หนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดาแล้ว ราคานี้ไม่ถือว่าแพง


เสียดายที่บริษัทเจเนอรัลไม่ได้ดูตลาดรถดับเพลิงให้ดีฝ่ายนโยบายและแผนคิดว่าคงไม่มีประเทศไหนโง่จ่ายเงินเยอะขนาดนั้นเพื่อซื้อรถดับเพลิงพวกเขาเลยผลิตรถแบบนี้ออกมาเพียงสองคันถ้าอยากซื้ออีกต้องรอถึงครึ่งปี


ฉินสือโอวไม่อยากรอเลยซื้อรถดับเพลิงโอดินที่ผลิตโดยฮังการีซึ่งราคาถูกกว่าเพียงคันละ 1,100,000 ดอลลาร์แคนาดา


เห็นฉินสือโอวไปรูดบัตรที่บริษัทของฮังการีทางตัวแทนของบริษัทเจเนอรัลก็อดกัดฟันด่าไม่ได้ “ไอ้ฝ่ายนโยบายขี้หมา! กลับไปกินขี้หมาเถอะไป! ไม่มีคนซื้อ? ได้รับการตอบรับมากต่างหาก! สวรรค์ต้องลงโทษพวกมัน ฉันอดเงินไปตั้งเท่าไร!”


ซื้อรถมิสไซล์ดับเพลิงและรถดับเพลิงเทอร์โบแล้วฉินสือโอวก็หยุดการซื้ออุปกรณ์ดับเพลิงครั้งใหญ่แล้ว


รถถังดับเพลิงเผด็จการจริงๆ แต่เจ้าสิ่งนั้นอยู่ในทะเลแล้วไม่มีประโยชน์สักนิด เขาก็ซื้อมาไว้ในสวนคันหนึ่ง นั่นไม่ใช่การอวดรวย นั่นคือสมองมีปัญหา


จากนั้นฉินสือโอวยังซื้อบาซูก้าดับเพลิงอีกจำนวนหนึ่งซึ่งใช้เหมือนกับบาซูก้าเป็นการเปลี่ยนส่วนที่ใช้รบเป็นส่วนที่ใช้ดับเพลิงเหมือนกัน ฉินสือโดอวมองดูรัศมีการยิงของสิ่งนี้คือหนึ่งพันห้าร้อยเมตรสามารถจัดการกับพวกเรือขโมยปลาได้


ซื้อบาซูก้าเสร็จสายตาของฉินสือโอวก็มองไปที่เครื่องมืออื่นๆ แฮตเล็ตกลัวเลยรีบดึงเขาไว้ให้หยุด


“ฉิน นี่นายเตรียมไปรบหรือเตรียมไว้ป้องกันภัยอย่างที่พูดกันแน่? ถ้าเป็นแค่การป้องกันภัยก็พอแล้วล่ะ ถ้ายังซื้อต่อไปตำรวจม้าแห่งแคนาดาจะมาตรวจสอบพวกเราได้นะ!” แฮมเล็ตจะร้องไห้แล้ว


เช่นนี้ฉินสือโอวก็ทำได้แค่หยุด


แต่พอซื้อเสร็จแล้วไปคิดบัญชีฉินสือโอวซื้อไปอย่างนี่รวมกับภาษีที่ต้องจ่ายภายหลังแล้วก็สิบล้านดอลลาร์แคนาดา แต่เขาไม่เสียดายนี่เป็นเรื่องเร่งด่วนมีอาวุธที่น่าตกตะลึงพวกนี้ถึงจะสามารถปกป้องฟาร์มให้สงบสุขได้


จ่ายเงินเสร็จก็เหลือแค่จัดส่งเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของแฮมเล็ตส่วนฉินสือโอวกลับไปที่ฟาร์มปลาก่อน


ในที่สุดเรดาห์ก็สร้างเสร็จแล้วฟรังโก สตาร์ครอเขากลับมาแล้วพาเขาไปที่อาคารของสนามบินเรดาห์มีหน้าจอที่แจ่มชัดหน้าจอหนึ่ง ด้านบนเหมือนกับในทีวีบนจอมีแสงกะพริบไม่หยุดและมีเข็มที่หมุนวนไปเรื่อยๆ


“การหมุนวนหนึ่งรอบเท่ากับหกสิบวินาทีหรือก็คือทุกๆ หนึ่งนาทีเรดาห์จะทำการสแกนฟาร์มปลาของคุณสามร้อยหกสิบองศา เว้นแต่ว่าจะเป็นเดอะแฟลช[1]ที่มาขโมยปลาไม่อย่างนั้นใครก็อย่าได้คิดจะหนีการตรวจตราของเรดาห์ไปได้” ฟรังโกแนะนำ


บนจอปรากฏตามเข็มที่หมุนไปเป็นสัญลักษณ์คล้ายเรือประมงสองลำลำหนึ่งมีแสงสีขาวอีกลำปกติ


ฟรังโกอธิบายว่าลำที่มีแสงสีขาวคือเรือที่ไม่มีการบันทึกในเรดาห์หรือก็คือเรือแปลกหน้าไม่อย่างนั้นขอเพียงบันทึกไว้เรดาห์ก็จะสแกนปล่อยไปเป็นเรือที่ปกติ


ฉินสือโอวขมวดคิ้วมองจอ “ก็คือว่าเรือที่ไม่ได้บันทึก คือเรือที่ไม่เคยมาที่เกาะแฟร์เวล?”


“ใช่ครับ”


“เบิร์ด ไปตรวจดูว่าเรือลำนี้มีเรื่องอะไร?” ฉินสือโอวหยิบวิทยุขึ้นมาพูด


“ได้ครับบอส” ในวิทยุมีเสียงของเบิร์ดตอบกลับมาจากนั้นที่จอเรดาห์ก็ปรากฏจุดเล็กๆ ที่ปกติเห็นได้ชัดว่าเรดาห์ก็บันทึกเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้วด้วย


ผ่านไปกว่าชั่วโมงครึ่งก็มีเสียงของเบิร์ดตอบกลับมาจากวิทยุอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นเรือวิจัยครับบอส เป้าหมายพวกเขาคือฟาร์มปลาของเรา ยังห่างจากท่าเทียบเรือหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลเมตร”


เรือวิจัย? ได้ยินสิ่งที่เบิร์ดพูดฉินสือโอวก็ใจเต้น เรือวิจัยมาทำอะไรที่ฟาร์มปลาของเขา? หรือว่าความลับของฟาร์มปลาเปิดเผยแล้ว?!


……………………………………


[1] เดอะแฟลช ตัวละครในซีรีส์เดอะแฟลช มีคุณสมบัติเคลื่อนที่ได้เร็วมาก


บทที่ 593 คณะผู้เชี่ยวชาญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวที่หนักใจยืนอยู่บนท่าเทียบเรือ หู่จือเป้าจือฉงต้าทั้งสี่ตัวยืนแหงนหน้าไปมองทางฟาร์มปลาไกลๆ พวกมันสามารถรับรู้ได้ถึงความหนักใจของพ่อและอยากรู้ว่าอะไรทำให้พ่อตกใจจนเหมือนนก


เรือใหญ่ยาวห้าสิบเมตรลำหนึ่งปรากฏต่อสายตาฉินสือโอว มิน่าล่ะถึงสามารถระบุตัวตนของมันได้อย่างมั่นใจเพราะที่ลำเรือมีชื่อเขียนไว้ว่า ‘วิจัย2’ชัดเจนว่าเป็นเรือวิจัย


อีกอย่างฉินสือโอวก็รู้จักเรือลำนี้ วิจัย2คือเรืออันดับหนึ่งในชุดเรือวิจัยแคนาดา ก่อนหน้านี้เรือวิจัย1ถูกพบว่ามีอันตรายแฝงอยู่ในกระบวนการสร้างจึงถูกเลิกใช้จากนั้นจึงมีเรือวิจัยหมายเลข2


เรือลำนี้มีชื่อเสียงมากในอเมริกาเหนือเป็นเรือวิจัยขนาดเล็กอันดับต้นๆ ของโลกร่วมกับของ Sikuliaq อเมริกา สำรวจขั้วโลกใต้และขั้วโลกเหนืออยู่หลายครั้ง บนเรือนอกจากกัปตันเรือแล้วคนที่เหลือก็เป็นนักวิจัยทางทะเลที่มีชื่อเสียงของแคนาดา


เรือวิจัยหมายเลข2บนดาดฟ้ามีคนสูงวัยที่ดูสุขภาพดีอยู่ไม่กี่คนคนเหล่านั้นส่วนมากอายุสักห้าหกสิบแล้วยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวาดวงตาเป็นประกาย


พอเห็นฉินสือโอวผู้สูงวัยคนหนึ่งก็ลงเรือมาจับมือฉินสือโอวพร้อมถาม “อ้าว สวัสดีเจ้าหนุ่มพวกเราคือคณะวิจัยทางทะเลของประเทศ ขอโทษที่รบกวน คุณชื่ออะไร? ผมชื่อบาลซัก ซาดา”


ผู้สูงวัยคนนี้มีชื่อเสียงมากฉินสือโอวเห็นเขาอยู่บ่อยๆ ตอนอ่านข่าวเกี่ยวกับทะเลเขาคือประธานนักวิจัยของเรือวิจัยหมายเลข2เป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทางทะเลของแคนาดาและเป็นรองผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยโตรอนโตและคณะบดีคณะสิ่งมีชีวิตและวิศวกรรมทางทะเล


ไม่ว่าจะชื่อเสียงด้านไหนของบาลซักก็ล้วนน่าตกตะลึง ความสุดยอดของเขาอย่างหนึ่งคือการเป็นรองผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยโทรอนโต ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของแคนาดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วอเมริกาเหนือ


มหาวิทยาลัยโตรอนโตก่อตั้งขึ้นในปี 1827 โดยสแทรชานได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อตั้งคิงส์คอลเลจภายหลังวิทยาลัยนี้กลายเป็นมหาวิทยาลัยโตรอนโต


ผ่านการพัฒนามาเกือบสองร้อยปีที่แคนาดามหาวิทยาลัยโตรอนโตเป็น “ถ้าฉันเป็นที่สองก็ไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่ง” มหาวิทยาลัยแห่งนี้เชี่ยวชาญตั้งแต่เทคโนโลยีการบินไปจนถึงสัตวศาสตร์นับว่าเป็นเลิศ จำนวนศาสตราจารย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลก็เยอะที่สุดในแคนาดา


เห็นบาลซักในใจของฉินสือโอวก็ยิ่งไม่สงบแต่เขารู้จักเก็บสีหน้า หลังจากจับมือกับบาลซักเขาก็ชื่นชม “ผมรู้จักคุณ ศาสตราจารย์บาลซัก ผมชอบรายการ ‘พูดคุยกับท้องทะเล’ ของคุณมาก ไม่พลาดสักตอนเลยครับ”


‘พูดคุยกับท้องทะเล’ เป็นรายการที่สถานีโทรทัศน์เคเบิลจัดรายการให้บาลซักโดยเฉพาะเวลาออกอากาศไม่แน่นอนเมื่อไรที่เขามีเวลามีอารมณ์หรือมีหัวข้อก็จะมาทำ


บาลซักนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะดังถึงเกาะเล็กๆ ที่ไกลอย่างนี้ เขาหัวเราะอย่างมีความสุขพลางพูด “ฮ่าฮ่า ขอบคุณที่ชมสามารถได้รับความชื่นชอบจากพวกคุณได้รายการที่ผมทำก็มีความหมายแล้ว อย่างนั้นดูรายการผมแล้วคุณคิดว่ามีอะไรต้องพัฒนาไหม?”


ฉินสือโอวหัวเราะพลางพูด “มีแน่นอนครับ นั่นก็คือตอนใหม่มาช้าเหลือเกินผมหวังว่าจะได้ดูอาทิตย์ละตอน อย่างนั้นก็จะสมบูรณ์แบบ”


บาลซักทำท่าทางคิดอย่างจริงจังแล้วส่ายหน้า “นี่ยากมากเลยพ่อหนุ่ม เพราะมหาหัวข้อที่เหมาะสมไม่ได้ มหาสมุทรกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตมากมายแต่ต้องพูดให้พวกมันดูน่าชมนั้นไม่ง่ายเลย”


ด้านหลังมีนักวิชาการวัยกลางคนเดินหอบมาแล้วพูดพลางยิ้ม “คณบดี ผมว่าเราควรไปพบผู้ว่าการเมืองแล้วพูดเรื่องการวิจัยของพวกเราสักหน่อย”


บาลซักได้ยินที่คนวัยกลางคนพูดก็ตอบกลับ “คุณพูดถูกดอล์ฟ พวกเราต้องทำอะไรให้กระชับหน่อย เอ้อพ่อหนุ่มฟาร์มปลานี้คือฟาร์มปลาสาธารณะของเมืองพวกคุณใช่ไหม?”


ฉินสือโอวยักไหล่พลางพูด “ไม่ใช่ครับ นี่คือฟาร์มปลาส่วนตัวของผม”


คนวัยกลางคนหัวเราะพลางถาม “ฟาร์มปลาของคุณคือตรงไหน?”


ฉินสือโอวชี้ไปด้านหลังแล้วพูดอย่างจริงจัง “นอกจากฝั่งตรงข้ามโน่น ที่เหลือก็เป็นฟาร์มปลาของผมทั้งหมด”


บาลซักและดอล์ฟตาโต พื้นที่ฟาร์มปลาบนเกาะแฟร์เวลไม่ใช่เล็กๆ ที่จริงแล้วใหญ่มาก ผลสุดท้ายฟาร์มปลาที่กว้างใหญ่ไพศาลผืนนี้เป็นของหนุ่มผิวเหลืองตรงหน้าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสักหน่อย


ดอล์ฟพิจารณาฟาร์มปลาครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างอดไม่ได้ “แม้ว่าพูดอย่างนี้จะไม่สุภาพ แต่ผมก็ยังอยากถาม พ่อหนุ่ม คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? คุณจะบอกว่าทะเลผืนนี้เป็นของคุณ?”


“ใช่ครับ เป็นของผมทั้งหมด”


บาลซักได้ยินเขาตอบอย่างแน่ใจก็พูดอย่างตื่นเต้น “อย่านั้นก็ดี หนุ่มเจ้าของฟาร์มปลาคนเก่งพวกเราอยากจะทำโครงการวิจัยที่ฟาร์มปลาของคุณ ไม่ทราบว่าได้ไหม?”


“โครงการอะไรครับ?” ขุนนางใหญ่ฉินลืมตาแล้วยิ้มอ่อนในตามีประกายที่เย็นยะเยือก


บาลซักไม่ได้สังเกตเห็นแล้วพูดต่อไป “คืออย่างนี้ครับ ตอนที่พวกเรากำลังทำวิจัยอยู่แถบยุโรปได้เจอเข้ากับเต่ามะเฟืองจำนวนหนึ่ง คุณก็รู้ว่านี่คือสัตว์มีกระดองที่มีคุณค่ามากประเภทหนึ่ง”


“พวกเราเลยติดจีพีเอสไว้ที่ตัวพวกมัน ผลสุดท้ายพวกเราพบว่าเมื่อไม่นานมานี้เต่ามะเฟืองพวกนี้ต่างมาอยู่ที่ฟาร์มปลาของคุณทำให้พวกเราแปลกใจมาก คุณอาจจะรู้ว่าเต่ามะเฟืองจะไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งพวกมันเป็นพวกร่อนเร่ในทะเล แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ที่ฟาร์มปลาของคุณหลายเดือนแล้ว!”


ที่แท้ความผิดปกติในฟาร์มปลาของตัวเองก็เริ่มดูงดูดความสนใจจากโลกภายนอกแล้ว ฉินใจคอไม่ดีก่อนหน้านี้เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนตามอำเภอใจไปหน่อย


เขาไม่อยากให้คนพวกนี้มาอยู่ทำวิจัยแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ดีพอเพราะตามคำขอของสถาบันวิจัยแคนาดาการวิจัยประเภทนี้ต้องการความร่วมมือจากเหล่าเจ้าของฟาร์มปลา


ดังนั้นเขาเลยได้แต่จงใจสร้างปัญหาให้พวกเขา “ถ้าพวกคุณอนุญาตให้ผมเข้าไปสำรวจในเรือวิจัยลำนี้ได้ผมก็จะอนุญาตให้คุณทำวิจัยอยู่ที่ฟาร์มของผม พวกคุณต้องตกลงว่าจะไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในฟาร์มปลา”


เขาเพียงหวังว่าบนเรือวิจัยหมายเลข2จะมีความลับอะไร และว่ากันโดยทั่วไปแล้วบนเรือวิจัยจะมีความลับทางการวิจัยอยู่ ไม่ต้อนรับคนนอกขึ้นเรือ”


ผลสุดท้ายบาลซักพิจารณาอย่างจริงจังแล้วในที่สุดก็พยักหน้าพลางพูด “โอเคเจ้าหนุ่ม คำร้องขอของคุณก็ไม่ได้เกินไป คุณได้รับสิทธิให้ขึ้นเรือได้! แต่ถ้าคุณอยากจะหากัปตันนีโมบนเรือเราก็อาจจะยากใหญ่”


กัปตันนีโมเป็นตัวละครหลักในนิยายฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงเรื่อง ‘ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์’ ของนักเขียนนิยายชื่อดังฌูล กาเบรียล แวร์น เขาเป็นกัปตันเรือนอติลุสผ่านมุมมองของศาสตราจารย์ปิแอร์ แอรอนแนกซ์ นักชีววิทยาผู้โดยสารไปกับเรืออันที่จริงก็คือจะพูดว่าบนเรือของพวกเขาไม่มีความลับอะไร


ฉินสือโอวคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับง่ายๆ แบบนี้หลังจากนั้นก็พูดอีกเรื่อง “แล้วก็พวกคุณห้ามทำร้ายสิ่งมีชีวิตในฟาร์มปลาของพวกเรา”


ดอล์ฟมองหู่จือเป้าจือฉงต้าที่น่ารักแล้วพูด “ถ้าคุณหมายถึงพวกมัน ไม่มีปัญหาครับ”


บทที่ 594 เป๋าฮื้อที่ทรงคุณค่าที่สุด

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวรีบกัดฟันบอกว่าไม่ใช่แค่พวกเจ้าตัวแสบแต่ยังมีปลากุ้งปูหอยเต่าในฟาร์ม บาลซักหัวเราะพลางพูด “เรื่องนี้คุณวางใจเถอะพวกเรามาทำวิจัยไม่ได้มาเป็นคนฆ่าสัตว์”


เขาถึงกับรับประกันฉินสือโอวไม่มีอะไรจะพูดแล้วก็ให้เรือวิจัยหมายเลข 2 จอดที่ท่าเทียบเรือ พาพวกเขาไปทานข้าวหาที่พัก แน่นอนว่าพวกเขาออกเงินกันเอง


ทานข้าวเสร็จฉินสือโอวก็ตั้งใจพาพวกเขาไปหาคุณลุงฮิคสันและตั้งใจกำชับคุณลุงให้โหดใส่คนพวกนี้ หวังว่าจะทำให้พวกเขารีบจากไป


ผลสุดท้ายบนเรือวิจัยไม่มีคนจนพวกเขาไม่ต้องใช้เงินที่ประเทศให้ แค่เงินที่ได้จากการเป็นที่ปรึกษาให้นิตยสารชื่อดังอย่าง ‘อิสระ’ ‘มหาสมุทร’ และอื่นๆ ก็พอให้ใช้อย่างฟุ่มเฟือยได้


ความรู้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้


ทานข้าวเสร็จเดินเล่นที่ถนนของเมืองเล็กๆ ในฤดูใบไม้ผลิใบหน้าของบาลซักและดอล์ฟเคลิบเคลิ้ม ดอล์ฟพูดพึมพำ “ว้าว ลมฤดูใบไม้ผลิ หญ้าเขียวขจี ดอกไม้สีแดงแล้ว ยังมีเสียงนกร้องทัศนียภาพของชนบท ช่างทำให้คนหลงใหล”


บาลซักพูด “ใช่แล้ว นี่สวยมากพวกเราทำงานกันก็เพื่อรักษาความสวยงามเหล่านี้ รักษาท้องทะเลที่สวยกว่านี้”


ฉินสือโอวได้ฟังเขาพูดเช่นนี้ก็รู้สึกว่าที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้มาเพื่อโจมตีฟาร์มปลาของเขา ดูเหมือนว่าท่าทางตัวเองจะใจแคบไปหน่อยคิดร่วมมือกับเจ้าของเกสท์เฮ้าส์กลั่นแกล้งพวกเขา


ถือโอกาสที่พวกคนที่เรือวิจัยยังไม่เริ่มทำงานรีบใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนส่งเจ้าพวกไม่ค่อยมีใครเห็นไปที่ทะเลน้ำลึกที่ก้นทะเล ตัวอย่างเช่นฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงิน งูทะเลที่ดุร้าย เฮยป้าหวังที่ทำให้คนตกใจ…


วันรุ่งขึ้นพวกบาลซักไม่ได้ตรงออกไปวิจัยเต่ามะเฟืองเลยแต่จัดเก็บข้อมูลบนเรือของพวกเขาก่อน


บาลซักพูดจริงทำจริงเขาเชิญฉินสือโอวขึ้นเรือมาเยี่ยมชมพอวินนี่ขอมาด้วยเขาก็ไม่ปฏิเสธ เป็นผู้สูงวัยที่ใจกว้างตรงไปตรงมาและจริงใจมาก


เดิมทีฉินสือโอวคิดว่าเรือวิจัยหมายเลข 2 มีความยาวประมาณห้าสิบเมตร แต่พอเขาได้ขึ้นเรือมาถึงพบว่าตัวเองดูถูกเรือลำนี้ไปแล้ว เรือนี่ดูรวมๆ แล้วยาวประมาณเจ็ดสิบเมตร ห้าเมตร กว้างสิบสาม แปดสิบสี่เมตรลึกแปด สามเมตร ต้องการความลึกเจ็ด สิบเจ็ดเมตร ระวางขับน้ำสามพันสี่ร้อยยี่สิบสี่ตันแต่ให้ที่อยู่อาศัยกับนักวิจัยยี่สิบหกคน


ดอล์ฟเป็นคนบุคลิกท่าทางดีเขาพาฉินสือโอวและวินนี่เที่ยวชมด้วยตัวเอง แนะนำของใช้สิ่งอำนวยความสะดวกบนเรืออย่างกระตือรือร้น


“เพื่อรองรับของที่มีขนาดใหญ่ที่หัวและท้ายเรือของพวกเราจะมีเครนสามารถยกหอยก้นทะเลหนักสิบตันได้อย่างง่ายดาย จำอุกกาบาต DD42 ได้ไหม? เป็นมันนี่ล่ะที่จับขึ้นมาอุ้งเท้าใหญ่ๆ ของมันมีพลังมาก!”


“บนเรือใช้ระบบระบุตำแหน่งแบบไดนามิก DPS1 และติดตั้งระบบโซนาร์แบบคลื่นแสงชั้นเลิศและเครื่องวัดกระแสน้ำด้วยคลื่นเสียงแบ่งเป็น 75kHz และ 150kHz และมีความสามารถในการขุดเจาะได้ยาวไกล ถ้าเรือของคุณต้องเปลี่ยนระบบระบุตำแหน่งผมขอแนะนำ DPS1”


“เรือของพวกเรามีเสียงรบกวนน้อยสตาร์ทครั้งหน้าจะเชิญคุณขึ้นเรือมาสัมผัสด้วยตัวเอง แบบนี้สามารถทำวิจัยพวกปลาได้อย่างสะดวก แม้จะไม่ใช่เรือตัดน้ำแข็ง แต่ก็สามารถตัดน้ำแข็งหนาห้าฟุตในเขตเดินเรือเป็นสองส่วนได้ เจ๋งมากเลยใช่ไหม?”


“บนเรือติดตั้งเครื่องกว้างโมเดิร์นสายยาวหนึ่งเมตรประกอบไปด้วยเครื่องกว้านทะเลลึก เครื่องกว้านเทอร์โมฮาไลน์ เครื่องกว้านไฮโดรลิก เพื่อนร่วมงานของเราสามารถเก็บตัวอย่างจากก้นทะเลได้โดยตรงสามารถใช้รีโมตควบคุมการทำงานของเครื่องกว้านผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อยกและควบคุมอุปกรณ์วิจัยในน้ำหรือที่ก้นทะเล”


“ที่สำคัญที่สุดคือบนเรือของพวกเรามีเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมในตัว แม้อยู่ที่ขั้วโลกใต้หรือขั้วโลกเหนือก็สามารถส่งข่าวแบบเรียลไทม์ไปห้องแลบได้ทั่วโลก…”


ดอล์ฟพาทั้งสองไปชมสิ่งอํานวยความสะดวกบนเรือจากนั้นก็เดินไปที่ห้องพักผู้โดยสารด้านในล้วนเป็นตัวอย่างสิ่งมีชีวิตหายากในทะเลแต่ละชนิดที่เก็บมาวิจัย


แบบนี้ฉินสือโอวก็ได้เปิดโลกเขาได้เห็นสิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่ตอนใช้จิตสำนึกโพไซดอนที่ก้นทะเลมองไม่เห็นมีปลาเรืองแสงที่ส่องแสงอยู่ท่ามกลางความมืด ปลาค้างคาวที่หน้าตาน่ากลัวปลาหมึกที่เหมือนหินปะการัง มีประกระเบนไฟฟ้าที่โมโหร้ายเป็นต้น


“นี่คือปลาอะไร?” วินนี่ชี้ไปที่ปลาสีเขียวอ่อนรูปร่างเป็นวงรีที่ด้านหลังของส่วนหัวมีตุ่มกลมๆ


ดอล์ฟยิ้มอ่อนกำลังจะแนะนำฉินสือโอวก็ยักไหล่พลางพูด “ปลาชีพส์เฮดแคลิฟอร์เนีย เป็นปลาประหลาดมากประเภทหนึ่ง ว่ากันว่าตอนเกิดพวกมันเป็นตัวเมียทั้งหมดพอโตขึ้นถึงมีบางส่วนกลายเป็นตัวผู้”


ได้ยินฉินสือโอวพูดดอล์ฟก็พยักหน้าพลางพูด “ใช่ครับ คุณพูดถูกนิสัยของพวกมันประหลาดมากเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่พวกเราวิจัยอยู่ครับ พวกเราอยากรู้ว่าการเปลี่ยนเพศของพวกมันเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนส์หรือไม่”


“นี่จะมีประโยชน์อะไรเหรอคะ?” วินนี่ถาม


ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่มีคำพูด ดอล์ฟหัวเราะพลางพูด “ประโยชน์เยอะมากครับ ปัจจุบันพวกสัตว์และปลามากมีจำนวนเพศเมียหรือเพศผู้มากกว่ากันไม่สมดุล ถึงขนาดเหลือเพศผู้หรือเพศเมียแค่ตัวสองตัวอาจจะสูญพันธ์ได้ตลอดเวลา”


“หากวิจัยสาเหตุการเปลี่ยนแปลงของปลาเฮดชีพส์แคลิฟอเนียร์ได้ก็อาจจะสามารถเอามาใช้กับปลาและสัตว์ที่จะสูญพันธ์ได้ใช่ไหม?” ฉินสือโอวเสริม


ดอล์ฟดีดนิ้วหัวเราะ “ถูกต้องแล้วครับ!”


ฉินสือโอวปลาเดินต่อไป ด้านหน้าด้านหลังกระดูกแข็งก็เป็นพวกสัตว์น้ำจำพวกมีเปลือก เขามองตาเป็นประกายพลางชี้ไปที่เป๋าฮื้อไม่กี่สิบตัวในตู้ตรงหน้า “พระเจ้า อย่าบอกนะว่านี่คือเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana?”


เป๋าฮื้อพวกนี้ร่างกายห่อหุ้มด้วยเปลือกแคลเซียมคาร์บอเนตหนารูปร่างคล้ายใบหูขนาดใหญ่ เปลือกด้านนอกของเป๋าฮื้อส่วนมากเป็นสีเขียวเข้าอมน้ำตาลแต่เป๋าฮื้อพวกนี้กลับมีรอบหยักที่งดงามบนเปลือกดูแล้วสวยงามเหมือนเป๋าฮื้อในตำนาน


ฉินสือโอวถามเสร็จดอล์ฟก็ยิ้มอ่อนพลางพูด “คุณนี่ความรู้กว้างขวางจริงๆ เจ้าหนุ่ม ใช่แล้วนี่คือเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana ที่พบได้น้อยในปัจจุบัน หอยห้าสิบห้าตัวนี้พวกเราพบที่อลาสกาไปหาอีกทีอาจจะไม่มีแล้ว”


เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana เป็นสุดยอดเป๋าฮื้อของโลก ได้ฉายาว่าเป็นที่หนึ่งในเจ็ดมหาสมุทรไม่เพียงแต่รสชาติดีคุณค่าสารอาหารก็เยอะด้วย


เป๋าฮื้อพวกนี้ต้องการสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตอยู่ที่เคร่งครัดต้องอยู่ที่ทะเลน้ำเย็นที่สะอาดและยังมีการเติบโตที่ช้ามากจากลูกหอยจนโตเท่าฝ่ามือใช้เวลาถึงสิบปี!


ที่แคนาดาเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana เคยเป็นอาหารทะเลชั้นยอดที่เป็นสมบัติของชาติ น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกมันหายไปจนเหลือน้อยจากมลพิษสิ่งแวดล้อมและการจับที่บ้าคลั่งของคน สิบปีก่อนกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาจึงมีคำสั่งห้ามค้าขายและจับเป๋าฮื้อชนิดนี้


ตอนนี้ฟาร์มปลาของฉินสือโอวมีสัตว์ชิดต่างๆ มากมายปลากุ้งปูหอยเต่าทะเลปลิงทะเลอะไรก็ล้วนมีทั้งหมดแต่สิ่งที่เขาอยากเลี้ยงมาตลอดก็คือเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana เพราะเขาเชื่อว่าภายใต้การดูแลรักษาของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเป๋าฮื้อพวกนี้จะสามารถกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ใหม่


น่าเสียดายที่เขาหามากว่าหนึ่งเดือนก็ไม่เห็นแม้เงาของเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana วันนี้ในที่สุดโอกาสก็มาถึงแล้ว


บทที่ 595 เต่ามะเฟืองที่ไว้ตัว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเดินลงมาจากเรือวิจัย 2 จิตก็ไม่อยู่กับร่องกับรอยเหมือนมีภาพเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana พวกนั้นแวบมาที่ตาของเขาตลอด เจ้าพวกนั้นดูไปแล้วน่าเกลียดแต่ทำไมถึงดึงดูดตัวเองขนาดนี้?


ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่ควรคิดจากนั้นก็ใช้ความน่าเกลียดมาขยายความเจ้าเป๋าฮื้อพวกนี้เขารู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ถ้าสามารถเอาออกมาจากเรือลำนั้นหอยเป๋าฮื้อพวกนี้…


แต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเรือจอดอยู่ที่หน้าประตูบ้าเขา ถ้ามีของหายคนบนเรือก็ต้องมาหาเขา


เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana ในฝันอยู่ตรงหน้าตัวเองกลับเอามาไม่ได้ ความรู้สึกพวกนั้นช่างทรมานเหลือเกินฉินสือโอวทำได้แค่หาอะไรทำเอาเบ็ดตกปลาพาตั๋วตั่วไปตกปลา


ตอนนี้ตั๋วตั่วกับกระรอกดินกลายเป็นคู่ซี้กันไปแล้ววินนี่ซื้อกระเป๋าเล็กๆ ให้เธอเอาไว้ใส่เจ้ากระรอกดินฃ เวลาออกไปเล่น นอกจากตอนที่เข้าห้องแล้วเธอก็เอาติดตัวไปตลอด


ฉินสือโอวนั้งลงที่ท่าเรือแล้วหยอกตั๋วตั่วด้วยการเอากระรอกดินมาทำเหมือนจะแขวนเป็นเหยื่อปลาโยนลงไปในน้ำ ทีแรกตั๋วตั่วไม่เข้าใจหัวเราะพลางมองดูฉินสือโอวจับเจ้ากระรอกดินพอเข้าใจแล้วก็ตกใจมาก


ตั๋วตั่วยื่นมือมาจับชายเสื้อฉินสือโอวพลางส่ายหน้าดวงตาโตเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วเหมือนกระต่ายหน้ากลม มือข้างหนึ่งขอเธอทำสัญญาณอย่างรวดเร็วและมองฉินสือโอวอย่างขอร้อง ปากเล็กๆ อาพะงาบๆ ไร้เสียงออกมาก้มหัวอย่างเศร้าโศก


ฉินสือโอวฉินสือโอวเห็นอย่างนี้ตัวเองก็ไม่สามารถหยอกโลลิน้อยต่อได้วางมือลงตรงหน้าเธอกระรอกดินนอนอยู่ด้านในอย่างเชื่อฟัง


ตั๋วตั่วเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะเปิดกระเป๋าหนังแข็งให้มันกระโดดเข้าไปจากนั้นตบกระเป๋าอย่างวางใจ เห็นฉินสือโอวมองตัวเองก็ค่อยๆ เอากระเป๋าไปไว้ด้านหลังตัวเองอย่างระวังแล้วถึงนั่งดูเขาตกปลา


เหมาเหว่ยหลงถือเบ็ดตกปลามาพลางถามจากไกลๆ “ไอ้เวร แกรังแกอะไรตุ๊กตาน้อยของฉันหรือเปล่า?”


ฉินสือโอวกรอกตามองบนพลางพูด “ตุ๊กตาของแกอะไร นี่มันเจ้าสาวของลูกชายฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับแก”


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “แต่แกไม่มีลูกนี่ ดังนั้นคำพูดของแกไม่มีประโยชน์อะไร!”


ตกเบ็ดไม่กี่ครั้งฉินสือโอวก็ได้ปลาเทราต์สายรุ้งสองตัวอย่างรวดเร็วเล็กตัวหนึ่งใหญ่ตัวหนึ่งตัวใหญ่ยาวสี่สิบเซนติเมตรตัวเล็กแค่เจ็ดเซนติเมตร


ฉินสือโอวโยนตัวเล็กกลับทะเลไปแล้วเอาตัวใหญ่ใส่กล่องที่ด้านหลังจากนั้นตกเบ็ดต่อไป


ตกปลาไปได้พักหนึ่งตอนที่ฉินสือโอวกำลังจดจ่อกับการคิดว่าจะเอาเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana มาได้อย่างไรตั๋วตั่วก็ใช้มือน้อยๆ ผลักเขาทำตาโตมองกล่องปลาที่อยู่ด้านหลัง


ฉินสือโอวหันมาในกล่องก็ไม่มีปลาเทราต์สายรุ้งแล้วฉงต้าที่กำลังนั่งเขมือบอยู่ตรงนั้นพอเห็นฉินสือโอวหันมาก็ใช้อุ้งเท้าอ้วนๆ ปิดปากยัดปลาเทราต์สีรุ้งตัวอ้วนลงคอไป


“ปลาเกือบสี่กิโลกรัมนายกินไปอย่างนี้เหรอ?” ฉินสือโอวเบิกตามองฉงต้าฉงต้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยักไหล่ให้เขาแล้วปีนป่ายไปทางเหมาเหว่ยหลง


ฉินสือโอวรู้สึกว่าฉงต้าทั้งน่ารักทั้งน่าชังเขามองไปทางตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วก็ยักไหล่เลียนแบบ


ตอนบ่ายนักวิจัยเริ่มวิจัยเรื่องเต่ามะเฟือง บาลซักมาถามฉินสือโอว “เจ้าหนุ่ม คุณเจอเต่ามะเฟืองพวกนี้ครั้งแรกตอนไหน?”


ฉินสือโอวตอบ “พวกมันมาที่ฟาร์มปลาช่วงนี้เมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นก็มีเต่าแบบนี้แล้วจากนั้นพวกมันอยู่จนถึงฤดูร้อนถึงได้จากไป”


บาลซักทำเสียงจิ้จ้ะ “ไม่น่าเป็นอย่างนั้น พบได้ในทะเลทุกที่แต่หลักๆ จะกระจายอยู่ที่เขตร้อน แม้จะมีบางครั้งที่พบได้ในเขตอบอุ่นแต่ก็ไม่น่าอยู่นานขนาดนี้”


“อาจจะเป็นเพราะฟาร์มปลาของผมมีเสน่ห์?” ฉินสือโอวตั้งใจพูดเล่น


ระหว่างพูดเบ็ดในมือเขาก็ขยับฉินสือโอวออกแรงดึงขึ้นมาอย่างรวดเร็วครู่หนึ่งก็ยกปลาดุกทะเลตัวอ้วนขึ้นมา


บาลซักสอบถามเกี่ยวกับเต่ามะเฟืองอีกฉินสือโอวตอบอย่ากำกวมลากประเด็นออกจากฟาร์มปลาที่จริงนี่เป็นการเล่นตุกติกเพียงหวังว่าบาลซักจะไม่สงสัยความเกี่ยวข้องระหว่างเต่ามะเฟืองกับฟาร์มปลา


ดอล์ฟที่อยู่ทางหลังโทรศัพท์มาให้เขาไปช่วยหาฝูงเต่ามะเฟืองจะได้เริ่มวิจัยเร็วหน่อย


พวกเขาติดจีพีเอสบอกพิกัดไว้ที่ตัวของเต่ามะเฟืองแต่พิกัดพวกนี้ไม่ค่อยแม่นยำได้แค่ประมาณตำแหน่งเอาเท่านั้นพอเข้าใกล้แล้วก็ต้องอาศัยความสามารถตัวเองในการหา


แนวชายฝั่งของฟาร์มปลาต้าฉินยาวเหลือเกินพวกคณะผู้เชี่ยวชาญหาอยู่พักใหญ่ก็หาเต่ามะเฟืองไม่เจอสักตัวได้แต่ใช้วิธีล่อให้มาติดเบ็ด


ฉินสือโอวไม่ได้เรียกเต่ามะเฟืองขึ้นมา นี่ไม่มีประโยชน์ พวกเขามาหาแล้วตรงกันข้ามยิ่งปิดบังยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ปกติ


พวกผู้เชี่ยวชาญหาเต่ามะเฟืองไม่เจอได้แต่บอกว่าพวกเขาโชคไม่ดีช่วงนี้แมงกระพรุนที่ฟาร์มปลาเยอะพวกเต่ามะเฟืองเลยออกไปจัดการแมงกะพรุนแล้ว


ฉินสือโอวชื่นชอบพวกเต่ามะเฟืองเพราะพวกมันเป็นคนงานที่ยอดเยี่ยมพวกมันทำอะไรสุดความสามารถโดยไม่ต้องบอก


พวกผู้เชี่ยวชาญก็มีแผนพวกเขารู้ว่าอาหารหลักของเต่าคือพวกปลากุ้งปูหมึกหอยกาบปลาดาวปลิงทะเลสาหร่ายแมงกะพรุนก็เตรียมจะเอามาล่อจับเต่ามะเฟือง


ฉินสือโอวรีบยั้งไว้ส่ายหน้าบอกว่าไม่สามารถจับปลาได้เพราะตอนนี้เป็นช่วงห้ามจับปลา


“ตอนนี้เป็นช่วงห้ามจับปลาเหรอ? ไม่ใช่มั้ง? นี่เพิ่งจะเดือนพฤษภาคมนะ”ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งพูดอย่างประหลาดใจ


ฉินสือโอวอธิบาย “ขอโทษทีพวก นี่เป็นช่วงห้ามจับปลาของฟาร์มเรา ช่วงนี้ไม่สามารถจับปลาได้ ขอโทษด้วย ”


พวกผู้เชี่ยวชาญไม่ทำให้เขาลำบากใจพวกเขาก็พิถีพิถันรีบให้คนไปซื้อปลาหมึกกล้วย ปลาหมึกสายกุ้งและปูตัวเล็กๆ กลับมาแล้วขับโปรยอาหารพวกนี้


เจ้าพวกเต่ามะเฟืองที่เห็นแก่กินติดกับแล้วไม่นานพวกมันก็ปรากฏตัวออกมามีไม่กี่ตัวที่ในปากยังเคี้ยวแมงกะพรุนอยู่เลยดูท่าทางสุขใจมาก


เพราะเต่ามะเฟืองต้องว่ายน้ำระยะไกลพวกมันเลยมีความต้องการพลังงานมากขอเพียงมีโอกาสก็จะกิน


บาลซักอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง “สถาบันวิจัยสิ่งมีชีวิตในทะเลของมหาวิทยาลัยดู คิดว่านี่เป็นสาเหตุที่เผ่าพันธุ์ของพวกมันอาจจะสูญพันธุ์ภายในสิบห้าปี เจ้าพักนักกินพวกนี้กินอยู่ตลอดเวลา การมองเห็นของพวกมันแย่มากแยกไม่ออกระหว่างแมงกะพรุนและขยะพลาสติก สุดท้ายก็จะกินผิดไปกินถุงพลาสติกทำให้ลำไส้อุดตันและตาย!”


ทุกคนคิดว่าเจ้าเต่ามะเฟืองจะเซ่อซ่าตามเหยื่อปลอมเข้ามาในกับดักที่พวกผู้เชี่ยวชาญทำไว้ ผลสุดท้ายพวกเต่ามะเฟืองว่ายน้ำมาแล้วก็ไม่ได้กินเหยื่อปลอมพวกนั้นว่ายวนสองรอบแล้วจากไปอย่างสง่างาม…


ถ้ามีตัวเดียวที่เป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไรแต่เต่ามะเฟืองไม่กี่สิบตัวล้วนมาแบบนี้แล้วก็จากไปแบบนี้


พวกผู้เชี่ยวชาญไม่เข้าใจว่าแผนการผิดพลาดตรงไหนแต่พวกเขารู้แล้วว่าใช้เหยื่อปลอมจับเจ้าพวกนี้ไม่ได้เลยรีบพายเรือแคนูออกไปจับ


พวกเต่ามะเฟืองดูทึ่มๆ เซ่อๆ ซ่าๆ ที่จริงแล้วฉลาดมากพวกมันสายตาไม่ดีมองเห็นเรือแคนูที่อยู่ไม่ไกลได้ไม่ชัดแต่ผิวหนังที่เป็นเหมือนเครื่องรับสัญญาณสามารถรับรู้ได้รีบมุดไปในน้ำลึกทันที


พวกผู้เชี่ยวชาญพยายามยกใหญ่ผลสุดท้ายก็ยังจับเต่ามะเฟืองไม่ได้สักตัว


จนตอนที่พวกเขาพายเรือแคนูกลับก็มีเต่ามะเฟืองว่ายลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างเชื่องช้า


บทที่ 596 มีเรือหาปลาอีกแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ความฉลาดของพวกเต่ามะเฟืองทำให้บาลซักต้องเกาท้ายทอยนักวิจัยมือหนึ่งที่วิจัยท้องทะเลมาครึ่งชีวิตคนนี้มึนไปหมดแล้ว เขาพูดด้วยความสงสัย “ไม่สิพวก นี่มันไม่ถูกพวกเราต่างก็รู้ว่าเต่ามะเฟืองเป็นพวกเซ่อซ่าและชอบกิน แต่พวกคุณดูสิ นี่พวกมันฉลาด!”


ฉินสือโอวนั่งยองอยู่บนชายฝั่งดูความตลกของพวกผู้เชี่ยวชาญ คนกลุ่มหนึ่งหมดปัญญาจับเต่ามะเฟืองไม่กี่ตัวช่างสนุกจริงๆ


“ต้องการความช่วยเหลือไหมครับ?” ฉินสือโอวถาม “ผมมีวิธีช่วยให้พวกคุณจับมันได้”


ดอล์ฟหัวเราะพลางพูด “ถ้าคุณเต็มใจก็ดีสุดๆ เลย”


ฉินสือโอวยักไหล่พลางยื่นข้อเงื่อนไขอย่างเจ้าเล่ห์ “พวกคุณต้องยอมให้หอยเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana กับผม”


ได้ฟังคำพูดนี้พวกผู้เชี่ยวชาญก็ทำสีหน้าไม่ชอบใจ ดอล์ฟทำท่าเสียดายที่เคยให้เขาขึ้นไปบนเรือวิจัย


ที่จริงแล้วความประทับใจที่บาลซักมีต่อฉินสือโอวก็ไม่เลว คนรุ่นใหม่ที่สุขุมหนักแน่นเขาจึงพูด “พ่อหนุ่ม คุณยังไม่จำเป็นต้องบำรุงสารอาหารและรสชาติของเป๋าฮื้อก็ไม่ได้ดีอย่างที่เขาว่ากัน ดังนั้นผมคิดว่าคุณไม่ควรสนใจมันอย่างนั้นนะ”


ฉินสือโอวรู้ว่าความตั้งใจของตัวเองถูกเข้าใจผิดแล้วก็รู้สึกน้อยใจ หรือในสายตาของคนพวกนี้ตัวเองเป็นพวกเห็นแก่กิน? เขาอธิบาย “ผมเป็นเจ้าของฟาร์มปลาไม่ใช่นักชิม! ผมต้องการหอยเป๋าฮื้อเพราะอยากเพาะเลี้ยงพวกมัน เข้าใจไหมครับ? ให้พวกมันอาศัยและขยายพันธุ์ที่ฟาร์มปลาของผม!”


นักวิจัยอายุน้อยคนหนึ่งยักไหล่พลางหัวเราะ “ยังไงพวกเราก็ไม่เชื่อ”


ฉินสือโอวก็ยักไหล่พวกคุณจะเชื่อไม่เชื่อก็ไม่สนโลกใบนี้ไม่ได้มีแค่บนเรือของพวกคุณที่มีหอยเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana


แบบนี้อยู่ต่อก็ไม่มีอะไรน่าสนใจฉันสือโอวหันหลังเดินจากไป พวกคุณไม่เชื่อใจผม ผมก็ไม่เชื่อใจพวกคุณ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเคลื่อนที่ไล่ต้อนเต่ามะเฟืองเข้าสู่ก้นทะเล ผมจะคอยดูว่าพวกคุณจะจับเต่าทะเลอย่างไร!


ตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจแล้วฟาร์มปลาของตัวเองมีความแปลกประหลาดที่ไม่สามารถถูกโลกภายนอกศึกษาได้จริงๆ ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าพวกผู้เชี่ยวชาญจะคิดเชื่อมโยงอะไรต่างๆ แต่จากการสัมผัสเขาเข้าใจแล้วกรอบความคิดที่ไม่สามารถทำลายได้มากที่สุดคือพวกนักวิชาการระดับสูงพวกนี้


แม้ปากคนพวกนี้จะตะโกนเรียกพระเจ้าที่คอจะห้อยพระเยซูแต่ที่จริงพวกเขาคือกลุ่มคนที่ไม่เชื่อในการมีอยู่ของพระเจ้ามากที่สุด


แม้ว่าพวกผู้เชี่ยวชาญพบความผิดปกติของฟาร์มปลาก็ไม่สามารถคิดเชื่อมโยงไปทางเรื่องเหนือธรรมชาติได้พวกเขาจะทำการอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ถึงจะไม่สามารถอธิบายได้กระจ่างและผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา


การสืบหาปริศนาเป็นหน้าที่ของนักวิทยาศาสตร์การทำให้คนเข้าใจและเชื่อถือนั้นเป็นเรื่องของพระเจ้า


ความสามารถในการจัดการของแฮมเล็ตนั้นสูงพอตัวฉินสือโอวจ่ายเงินที่มอนทรีออลแล้วเขาก็ทำสัญญาซื้อขายกับแต่ละประเทศได้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบว่ารถดับเพลิงและบาซูก้าดับเพลิงไม่มีปัญหาอะไรก็เอาขึ้นเรือสินค้านำกลับไปที่เกาะแฟร์เวล


เรือสินค้ามาถึงท่าเทียบเรือดั้งเดิมรถดับเพลิงขนาดใหญ่ขับลงมา


คันแรกที่ขับมาคือรถขีปนาวุธดับเพลิงที่ตู้บรรทุกมีผ้าคลุมไว้ ฉินสือโอวดึงออกเผยให้เห็นเครื่องยิงขีปนาวุธที่ติดตั้งอยู่ทั้งสี่ด้าน


ผู้เชี่ยวชาญรอบๆ เห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงกันใหญ่มีคนตะโกนว่า “พระเจ้า เขาคือพ่อค้าอาวุธ!”


ที่จริงแล้วรถยิงขีปนาวุธคันนี้ก็มีความตื่นตาตื่นใจอยู่เหมือนกันหน้ารถที่องอาจ เครื่องยิงขีปนาวุธที่ตั้งฉากกับท้องฟ้า ลายพรางสีเทาปนเขียวทำให้มันดูโหดเหี้ยม


แฮมเล็ตมองคนกลุ่มนี้อย่างดูถูกพลางพูด “แม้แต่รถขีปนาวุธดับเพลิงก็ไม่รู้จัก? พวกคุณเป็นคนบ้านนอกมาจากไหน?


ฉินสือโอวลูบจมูกแล้วชี้ไปที่เรือวิจัยที่จอดอยู่ใกล้ๆ เสาคานท่าเทียบเรือแล้วแนะนำ “นั่นคือคณะศึกษาทะเลน้ำลึกของประเทศคนที่คุณบอกว่าบ้านนอกนั่นคือบาลซักรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยโตรอนโต”


แฮมเล็ตตะลึงท่าทางไม่พอใจบนใบหน้ากลายเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ เขาจัดระเบียบเสื้อกั๊กสไตล์อังกฤษและสูททางการบนตัวแล้วเดินไปทักทายอย่างกระตือรือร้น “เฮ้ ผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน ยินดีต้อนรับพวกคุณมาเป็นแขกของเกาะแฟร์เวล ผมแฮมเล็ต เป็นผู้ว่าการเมืองและเป็นตัวแทนเมืองเล็กๆ ของพวกเราต้อนรับพวกคุณ!”


ที่แคนาดาคำว่าผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่คำที่มีความหมายไม่ดีสำหรับที่นี่ต้องเป็นนักวิชาการอยู่ในระดับต้นๆ เท่านั้นถึงจะได้รับการเรียกขานที่มีเกียรติแบบนี้แต่ที่ประเทศจีน… นักวิชาการถูกพวกไม่เอาถ่านแย่งไปหมดแล้ว


ฉินสือโอวเข้าไปนั่งในรถยิงขีปนาวุธแผงควบคุมในห้องขับเคลื่อนมีไม่เยอะไม่เหมือนรถยิงขีปนาวุธจริงๆ และยังมีต้องมีเรดาห์การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และระบบการยิงในการนำทาง


เขาซื้อรถยิงขีปนาวุธมาสองรุ่นรุ่นหนึ่งใช้มนุษย์ในการเล็งยิงก็คือเมื่อกดแป้นยิงขีปนาวุธก็จะพุ่งออกไปในระยะห้าถึงหกร้อยเมตร อีกรุ่นหนึ่งคือใช้รังสีอินฟาเรดในการนำยิงออกไปแล้วก็จะเข้าไปค้นหาผู้ก่อความไม่สงบเองจัดอยู่ในขีปนาวุธประเภทซื่อบื้อ


แต่ตอนที่เขาซื้อเคยบอกกับเซียงห่าวแล้วว่าขีปนาวุธพวกนี้ต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องเสริมกำลังประสิทธิภาพสูงเพราะระยะห้าถึงหกร้อยเมตรสำหรับเขาแล้วไม่มีประโยชน์ เขาพูดตามความจริงที่ซื้อรถดับเพลิงพวกนี้มาก็เพื่อจัดการกับเรือหาปลา


ด้านในของส่วนที่เป็นขีปนาวุธล้วนเป็นสารดับเพลิงแบบฟองพอชนไปที่เรือประมงแล้วจะทำให้ทั้งเรือเต็มไปด้วยฟอง อย่างนั้นเรือประมงก็ไม่มีทางจับปลาต่อได้แน่นอนไม่ออกไปก็ไม่ได้เป็นเครื่องโจมตีประเภทที่ค่อนข้างนุ่มนวล


แต่การเปลี่ยนขีปนาวุธก็ยุ่งยากมาก ไม่ใช่เปลี่ยนแค่เครื่องเสริมกำลังก็จะสามารถแก้ไขได้ หากต้องการจัดการกับคู่ต่อสู้ในระยะห้าสิบกิโลเมตรจำเป็นต้องมีเรดาห์นำทางและระบบการยิงที่กำหนดการบินได้


เซียงห่าวพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อขายรถดับเพลิงของบริษัทตัวเองเขารับปากกับฉินสือโอวว่ากลับไปแล้วจะพาวิศวะกรด้านการปรับเปลี่ยนการติดตั้งจากบริษัทมาที่ฟาร์มปลาของเขาเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนรถดับเพลิงสองคันนี้และมอบระบบยิงขีปนาวุธหนึ่งชุด


รถดับเพลิงเทอร์โบที่ใหญ่โตลงตามหลังมาจากบนเรือฉินสือโอวให้คนขับสาธิตการเชื่อมต่อกับน้ำทะเล เขาอยากเห็นอานุภาพของละอองน้ำที่ก่อนหน้านี้ได้เห็นจากแค่วิดีโอสาธิตไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไร


อันดับแรกทำการสาธิตรถดับเพลิงโอดินจากฮังการีโดยใส่ท่อน้ำลงไปในทะเลแล้วปล่อยจากเครื่องยนต์มิโคยัน 23S มาที่เครื่องยนต์ทูมันสกาย R-27-F2M-300 เครื่องยนต์หมุนอย่างบ้าคลั่งแรงมหาศาลดูดน้ำขึ้นมามีเสียงดังกึกก้องขึ้นเพียงหนึ่งครั้งแล้วสายน้ำครึ่งเมตรก็พุ่งออกมาจากท่อยิงพุ่งไปยังทะเลลึก!


สายน้ำสีขาวราวหิมะพุ่งออกไปพุ่งไปไกลถึงร้อยเมตรก็ยังไม่ตกนับเป็นอาวุธอย่างหนึ่งได้เลย


สำหรับอานุภาพของรถดับเพลิง ฉินสือโอวพอใจมากพนักงานขายที่รับผิดชอบมาส่งรถดับเพลิงอธิบาย “รถดับเพลิงรุ่นนี้ใช้ดับไฟป่าและเพลิงไหม้ในตึกสูงร้อยเมตรแรงดันน้ำค่อนข้างมากทำให้คนตายได้ในระยะร้อยเมตรดังนั้นต่อไปเวลาคุณใช้ต้องระวังความปลอดภัยด้วย!”


ฉินสือโอวแสดงออกว่าเข้าใจแล้วให้นีลเซ็นไปเรียนวิธีควบคุมรถไม่กี่รุ่นนี้กับพนักงานขายต่อไปให้เขารับผิดชอบอสูรร้ายพวกนี้


เพิ่งจะรับรถดับเพลิงมาในวิทยุก็มีเสียงของแซ็กดังขึ้น “กัปตัน มีเรือประมงสองลำเข้ามาในฟาร์มปลาของเราประมาณสี่ร้อยกิโลเมตรที่ทะเลทางตะวันตกเฉียงใต้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรือหาปลา”


ฟังแล้วฉินสือโอวก็ดีใจ เฮ้ เป็นพรหมลิขิตจริงๆ ทางพวกฉันเพิ่งซื้ออาวุธมาพวกหัวขโมยก็มาถึงประตูบ้านแล้ว อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูด จัดการพวกเขา!


เบิร์ดเอาเฮลิคอปเตอร์บินมา นีลเซ็นเอาบาซูก้าดับเพลิงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปนั่งที่นั่งด้านหลังส่วนฉินสือโอวนั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วเฮลิคอปเตอร์ก็บินไปทางเขตน้ำลึกของฟาร์มปลา


บทที่ 597 ผู้คนพลุกพล่านไม่ขาดสาย

โดย

Ink Stone_Fantasy

AC-310N คือเฮลิคอปเตอร์ธุรกิจระดับต่ำที่สุดความสบายในการโดยสายยังพอได้แต่เครื่องยนต์นั้นไม่ได้เลยอัตราความเร็วในการบินช้าเกินไประยะทางสี่ร้อยกิโลเมตรต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมงครึ่งฉินสือโอวอยู่บนเฮลิคอปเตอร์อย่างร้อนใจอดที่จะถามไม่ได้ “อัตราความเร็วในการบินช้าเกินไปอีกไม่กี่วันพอมีเวลาว่างพวกเราไปกันสักเที่ยวมอนทรีออลสกายซิตี้ฉันอยากซื้อเฮลิคอปเตอร์ที่มีเครื่องยนต์เยอะๆ!”


ทรมานไปพักหนึ่งในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ก็บินมาถึงด้านบนเรือประมงสองลำก่อนหน้านี้เรดาห์อัตโนมัติสแกนเจอเรือสองลำนี้แล้วระวางน้ำหนักอยู่ที่ประมาณห้าร้อยตันเป็นเรือสองลำที่เชื่อมลากตาข่ายจับปลามาหาเงินจากฟาร์มปลาต้าฉินอย่างแน่นอน


ที่จริงก่อนหน้านี้ฟาร์มปลาต้าฉินไม่ได้เผชิญกับการขโมยจับปลาแบบนี้ฉินสือโอวกระตือรือร้นที่จะซื้อรถดับเพลิงมาไว้ป้องกันก็เพราะเขาเห็นรายงานของปีก่อนๆ ว่าฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิของทุกปีเป็นช่วงที่ฟาร์มปลาส่วนบุคคลง่ายต่อการถูกขโมยจับปลามากที่สุด


ทำไม? เพราะพวกปลาและกุ้งจะขยายพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิรัฐบาลแคนาดาจึงให้ช่วงนี้เป็นช่วงห้ามจับปลาแบบนี้ชาวประมงจำนวนหนึ่งที่ไปที่ฟาร์มปลาของประเทศไม่ได้ก็มาขโมยที่ฟาร์มปลาส่วนบุคคลแทน


เพื่อส่งเสริมการพัฒนาฟาร์มปลากฎหมายแคนาดามีการคุ้มครองการประมงที่ค่อนข้างเข้มแข็งแม้เรือขโมยปลาจะถูกตำรวจชายฝั่งจับได้ก็จะไม่ถูกลงโทษหรือยึดเรือสถานการณ์แบบนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าของฟาร์มปลาและเรือหาปลา


บางครั้งฉินสือโอวก็รู้สึกว่ากฎหมายของแคนาดาไร้แก่นสารเวลาเผชิญหน้ากับเจ้าของฟาร์มปลาก็บอกว่าจะปกป้องฟาร์มปลาส่วนบุคคลเผชิญหน้ากับชาวประมงรายย่อยก็จะบอกว่าพวกเราปกป้องผู้ที่ด้อยกว่าพอทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันก็จะไหลไปตามน้ำทำให้คนหมดคำพูด


เฮลิคอปเตอร์บินมาถึงด้านบนเรือสองลำฉินสือโอวหยิบโทรโข่งขึ้นมาตะโกน “เรือด้านล่างฟังนะพวกคุณเข้ามาในฟาร์มปลาส่วนบุคคลแล้วโปรดรีบเก็บตาข่ายดักปลาของพวกคุณออกไป ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ!”


จัดการกับหัวขโมยไม่ต้องพูดดีๆ ฉินสือโอวไม่ได้ลงมือโดยตรงก็ถือว่าเป็นคนมีคุณธรรมแล้ว


คนบนเรือทำเป็นหูทวนลมกับคำเตือนของเขาตอนที่เฮลิคอปเตอร์บินไปใกล้ฉินสือโอวยังเห็นว่ามีคนชูนิ้วกลางให้เขาไม่ต้องไว้ตัวเกินไปแล้ว!


ฉินสือโอวแจ้งตำรวจทะเลแล้วพูดกับนีลเซ็น “พวก พวกเราไม่ทนแล้ว ลงมือ! จัดการไอ้พวกเวรนี่!”


เบิร์ดหยุดเฮลิคอปเตอร์อยู่ด้านบนเรือประมงประมาณสี่ห้าเมตรบนเรือมีคนรีบหยิบปืนลูกซองออกมาทำท่าว่าถ้าแกกล้าเข้ามาใกล้พวกเราก็จะใช้ปืนจัดการแกให้ร่วง


ประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออกนีลเซ็นแบกบาซูก้าสีเทาออกมาแล้วหัวเราะอย่างเลือดเย็นมองไปทางคนบนเรือ


ฉินสือโอวพูดด้วยความกังวล “เฮ้ ระวังด้วยเปลวไฟตรงท้ายจะเผาเฮลิคอปเตอร์ของพวกเราเป็นจุณหรือเปล่า?”


เบิร์ดพูดพลางหัวเราะ “คุณคิดว่านี่คือ RPG?” สิ่งที่เขาใช้คือเครื่องขับเคลื่อนแบบไอพ่นด้านในมีตัวทำปฏิกิริยาทางเคมีที่ยิงพ่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากออกมาเพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในขณะเดียวกันก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็สามารถทำการดับไฟได้


ฉินสือโอวคิดๆ ดูแล้วก็ใช่ตัวเองทำให้ของพวกนี้กลายเป็นอาวุธจริงๆ ถ้าเป็นเครื่องขับเคลื่อนแบบพ่นไฟนั่นยังเรียกว่าอุปกรณ์ดับเพลิงไม่สู้เรียกว่าเครื่องจุดไฟดีกว่า


เสียงดังแสบแก้วหูดังขึ้นหนึ่งครั้งนีลเซ็นเหนี่ยวไกปืนแล้วบาซูก้าก็ปะทุเหมือนประทัด‘ซู่’แล้วบินออกไป


“พระเจ้า! บาซูก้า!”คนบนเรือตกใจจนร้องอย่างสิ้นหวังครั้งนี้ไม่มีใครกล้าชูนิ้วกลางทั้งหมดต่างหมอบอยู่ที่เรือ


เพราะบาซูก้าดับเพลิงประเภทนี้ใช้แรงไอพ่นในการขับเคลื่อนอัตราความเร็วเลยไม่เร็วเท่าไรอย่างไรเสียก็ใช้จัดการกับสิ่งก่อสร้างเกิดเพลิงไหม้ที่ขยับไม่ได้ระยะห่างห้าสิบกว่าเมตรใช้เวลาสองวินาทีกว่าแล้วถึงชนไปที่ท้องเรือประมง


หัวกระสุนโจมตีท้องเรืออย่างหนักจากนั้นบาซูก้าก็แยกเป็นเสี่ยงๆ ยิงพ่นน้ำแข็งแห้งจำนวนมากออกมาแล้วทั้งฟาร์มปลาก็อบอวลไปด้วยควันในเวลาอันสั้นนั่นไม่ใช่ควันจริงๆ แต่เป็นผงเคมีที่ทำปฏิกิริยาในการดับไฟ


คนบนเรือกลิ้งไปกลิ้งมาแต่ละคนสำลักจนน้ำตาไหลพวกเขาวิ่งไปที่กาบเรืออย่างบ้าคลั่งหาทิศทางแล้วกระโดดลงน้ำไปว่ายออกห่างเรือประมงอย่างไม่คิดชีวิต


นีลเซ็นผิวปากแล้วตะโกน “บิงโก! เข้ากลางเป้าเป๊ะเลย!”


ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้เขาแล้วให้เบิร์ดบินไปทางเรือประมงอีกลำ


ประโยชน์ของอาวุธไม่ใช่การฆ่าแต่เป็นการทำให้ตื่นตระหนก


เมื่อครู่บาซูก้าสีเทาบรรลุหน้าที่ของมันแล้วคนบนเรืออีกลำเห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายของเรือเพื่อนแล้วก็รีบหันเรือไปทางที่มาอย่างกับพายุและยังมีคนตะโกนขึ้นมา “พวกเรายังไม่ได้เข้าไปในฟาร์มปลาของคุณเลย! นี่คุณเจตนาโจมตี! นี่คุณทำผิดกฎหมายนะ!”


ฉินสือโอวขี้เกียจตอบแกจะเข้าหรือไม่เข้ามาในฟาร์มปลาฉันแล้วใครสน?


ฟาร์มปลาไม่เหมือนฟาร์มเกษตรไม่มีรั้วล้อมไว้ขอบเขตเลยไม่ชัดเจนความขัดแย้งล้วนมาจากแบบนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่พูดได้แกคุกคามฟาร์มปลาของฉัน ฉันก็สามารถจัดการแกได้!


นี่คือเหตุผลว่าทำไมโจรสลัดถึงน่ากลัวกว่าโจรปล้นหรือหัวขโมย โจรปล้นหรือหัวขโมยส่วนมากเป็นการกระทำของกลุ่มเล็กๆ โจรสลัดโบราณโดยพื้นฐานแล้วล้วนสามารถสร้างเป็นเมืองได้เพราะความขัดแย้งบนทะเลมีมากทุกคนต่างเป็นโจรสลัดเช่นนี้ที่ที่ทุกคนอยู่ล้วนเป็นเมืองโจรสลัด


ที่ทะเลต้องกำปั้นใหญ่ถึงจะอยู่สูงที่สุดได้หลังจากรู้ว่าตัวเองได้เจอกับตอขนาดใหญ่เข้าแล้วเรือประมงทั้งสองลำก็ออกจากฟาร์มปลาต้าฉินไปไกล


เฮลิคอปเตอร์จับตาดูอยู่ด้านหลังพอพบเรือลาดตระเวนความเร็วสูงที่ตำรวจทะเลส่งมาพวกเขาถึงกลับ


หลังกลับถึงฟาร์มปลาฉินสือโอวก็อารมณ์ดีเงินที่เสียไปก็มีประโยชน์บาซูก้าสีเทาอันนี้อานุภาพพอดูเลยทีเดียวอีกหน่อยถ้าใช้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิงจะเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนเนี่ย?


คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆ


รถขับมาสองวันแล้วฉินสือโอวจอดพวกมันทั้งหมดไว้ที่สนามบินหลังจากนั้นก็ไม่มีเรือหาปลาอีกเลยอุปกรณ์ขั้นเทพพวกนี้เลยไม่ได้ออกโรงอีก


บัตเลอร์โทรมาหาเขาบอกว่าสถานการณ์การขายปลาที่จับชุดแรกที่นิวยอร์กไปได้ดีมากเกือบจะขายหมดแล้วให้เขาเตรียมจับปลาชุดที่สองอีกไม่กี่วันเขาจะมาเอาไปที่นิวยอร์ก


ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเหมาเหว่ยหลงก็ว่างจนเบื่อทั้งสองอยู่ที่บ้านคนหนึ่งพาหมาไปเดินเล่นคนหนึ่งเลี้ยงเด็กวินนี่และหลิวซูเหยียนไปทำงานในเมืองทิ้งพวกสัตว์และเด็กไว้ให้เขาสองคน


ตอนที่ไม่มีอะไรทำฉินสือโอวเอาปืนและธนูรอกไปเดินรอบๆ ในป่าเล็กๆ เหมาเหว่ยหลงที่ไว้ใจไม่ได้เหนี่ยวปืนAWP อยู่ปืนนี้ไม่ได้ใช้ในภูเขาสัตว์ป่าเล็กๆ ทั่วไปถูกยินเข้าจะแหลกเป็นจุณได้อย่างนั้นจะยังได้กินอะไร?


ที่จริงแล้วมีหู่จือเป้าจือฉงต้าและบุชอยู่การล่าสัตว์ก็ไม่ต้องอาศัยมีดหรือปืนก่อนหน้านี้บุชจะส่งกระต่ายป่าสโนว์ชูไก่ป่าเฮเซลและนกป่าต่างๆ มาที่บ้านทุกวัน


ฉินสือโอวกลัวว่าสัตว์ป่าเล็กๆ บนเทือกเขาเคอร์บัลจะถูกล่าจนหมดเลยไม่อนุญาตให้มันไปจับสัตว์เล็กๆ พวกนี้อีกบุชถึงได้หยุด


ไม่รู้ว่าพวกผู้เชี่ยวชาญจับเต่ามะเฟืองได้หรือไม่อย่างไรเสียแค่เพียงฉินสือโอวเจอเจ้าพวกนี้ก็จะให้มันหลบไปที่ทะเลลึก อย่าว่าแต่พวกผู้เชี่ยวชาญเลยขนาดฉลามก็ไม่มีทางหาพวกมันเจอ


วันนี้พระอาทิตย์ไม่เลวเลยแสงแดดส่องมาที่ร่างอย่างอบอุ่นฉินสือโอวลากเก้าอี้นอนไปตากลมทะเลที่ชายหาด


ที่ที่เขาไปคือฟาร์มปลาแกธเธอริงแม้จะเกลียดชังไอ้ทุเรศอัลเบิร์ตที่ทำให้แนวปะการังที่ชายฝั่งและที่น้ำลึกทรุดโทรมและยังใช้สารพิษ PDPA แต่ก็ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าทำแบบนี้ทำให้น่านน้ำชายฝั่งสวยงามเป็นสีฟ้าใสเหมือนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่


เพิ่งจะนอนลงได้ไม่เท่าไรในวิทยุก็มีเสียงของเออร์บักพูด “ฉิน มีชายที่มาจากนิวยอร์กสามคนมาหาคุณ คุณกลับมาหน่อยสิ”


บทที่ 598 รายได้เล็กน้อยของฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

นิวยอร์ก มาทำอะไร? ฉินสือโอวกลับบ้านไปอย่างสงสัยเห็นคนขาววัยกลางคนสวมชุดสูททางการรอเขาอยู่


“คุณฉิน สวัสดีครับผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมานานแล้วผมชื่อชาร์ล มอลลี มารบกวนกะทันหันแบบนี้หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ” ชายหน้าคนขาวหน้าผากกว้างเบ้าตาลึกวัย 34-35 ยืนขึ้นพูด


คนคนนี้หน้าตาไม่ค่อยดีแต่บุคลิกท่าทางดีมาก แม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุดในบรรดาสามคนแต่กลับดูภูมิฐานที่สุดคนอื่นอีกสองคนให้เขาเป็นผู้นำอย่างชัดเจน


ฉินสือโอวเชิญพวกเขานั่งแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “ขอโทษนะครับพวกคุณมีเรื่องอะไร?”


ชาร์ล มอลลีสูดหายใจเข้าพร้อมพูด “คืออย่างนี้ครับคุณฉินคุณอาจจะจำไม่ไม่ได้ แต่ที่จริงพวกเราไม่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก เราเคยเจอกันก่อนหน้านี้แล้วครับ…”


คำพูดนี้ทำไมถึงคุ้นเคยขนาดนี้? ฉินสือโอวนึกย้อนครู่หนึ่งแล้วนึกขึ้นได้กะทันหันช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อะไรนั่นที่มาหาเขาก็พูดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ? เขาเลยถามตามสัญชาตญาณ “คุณก็อยากจะพัฒนาฟาร์มปลาแกธเธอริงร่วมกับผม?”


ชาร์ล มอลลีพยักหน้าพลางพูด “ใช่ครับพวกเราอยากร่วมมือกับคุณ แต่ฟาร์มปลาแกธเธอริงคือ? ฟาร์มปลาของคุณชื่อฟาร์มปลาต้าฉินไม่ใช่เหรอ?”


ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ฉินสือโอวถึงรู้ว่าตัวเองคงปล่อยไก่แล้วพลางถาม “พวกคุณไม่ใช่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหรอ?”


ชายวัยกลางคนอีกคนยิ้มอ่อนแล้วพูด “ไม่ใช่ครับ พวกเราไม่ใช่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์พวกเราคือพ่อค้าอาหารทะเล”


ฉินสือโอวกระอักกระอ่วน ตัวเองเพิ่งขัดจังหวะพวกเขาไปดูอวดดีไปหน่อยเลยพูดต่อ “สวัสดีครับ อย่างนั้นพวกคุณเชิญต่อเลย พวกเราเคยเจอกันก่อนหน้านี้? ที่ไหนครับ?”


“ที่ญี่ปุ่นครับ ที่ตลาดปลาสึคิจิโตเกียว” ชาร์ล มอลลีพูด “คุณจำไม่ได้แน่นอน ตอนนั้นพวกเราเข้าร่วมการประมูลปลาทูน่าครีบดำ แต่น่าเสียดายที่คนญี่ปุ่นต่อต้านชาวต่างประเทศมาก พวกเราเลยไม่มีโอกาสได้ประมูลราชาปลาทูน่าครีบดำ”


ปลาทูน่าครีบดำก็คือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เป็นชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งของปลาทูน่า


ฉินสือโอวถาม “แล้วยังไงครับ? ตอนนี้ที่พวกคุณอยากจะร่วมมือกับผมคือ?”


“พวกเราอยากได้สิทธิ์ในการซื้อปลาทูน่าครีบดำในฟาร์มปลาของคุณ แน่นอนว่าคุณวางใจได้พวกเราเต็มใจให้ราคาที่คุณต้องการ” ชาร์ล มอลลีพูด


พอได้ฟังอย่างนี้ของฉินสือโอวก็สีหน้าไม่ดี แม่เจ้า เรื่องที่ฟาร์มปลาของตัวเองมีปลาทูน่าครีบดำเป็นความลับไม่ใช่เหรอ? กลายเป็นเรื่องที่รู้ไปทั่วได้อย่างไร?


ชาร์ล มอลลีมองฉินสือโอวอย่างเฝ้ารอหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยถาม “ฟาร์มปลาของผมไม่มีปลาทูน่าครีบดำหรอกครับ ขอโทษด้วยพวกคุณมาหาผิดคนแล้ว ถ้าพวกคุณต้องการปลาทูน่าครีบดำจำนวนมากผมแนะนำให้พวกคุณที่ไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์หรือชายหาดน้ำตื้นจอร์จ อ่าวเคปค้อดก็ได้ครับ”


สิ่งที่ฉินสือโอวพูดเท่ากับว่าเป็นการปฏิเสธการเจรจาครั้งนี้ ชาร์ล มอลลีไม่ยอมถอยเขาพูดต่อ “คุณฉิน โปรดเชื่อในความจริงใจของพวกเรา พวกเรามีช่องทางการขยายตลาดที่ยอดเยี่ยมมากขอแค่ได้รับการจัดหาสินค้าจากคุณพวกเราก็มีโอกาสอยู่เหนือตลาดปลาทูน่าครีบดำที่โตเกียว”


คนวัยกลางคนที่พูดก่อนหน้านั้นก็พูด “ใช่ครับฉิน ตอนนี้พวกเราได้พบกับโอกาสทองที่หาได้ยาก ถ้าคุณจับตามองข่าวสารของตลาดอาหารทะเลที่ญี่ปุ่นก็น่าจะรู้อุตสาหกรรมปลาทูน่าครีบดำในประเทศของพวกเขากำลังประสบกับความซบเซานี่คือโอกาสดีในการเข้าตีตลาดของพวกเขา”


ฉินสือโอวไม่ได้จับตามองตลาดญี่ปุ่นก็รู้เรื่องนี้คนที่ริเริ่มก็คือเขาเองถ้าเขาไม่ทำการเพาะเลี้ยงปลาทูน่าครีบดำที่เกาะโอชิมะพังพินาศตอนนี้อุตสาหกรรมปลาทูน่าครีบดำของญี่ปุ่นคงยังรุ่งเรืองอยู่


แต่สำหรับการเข้าตีตลาดปลาทู่น่าครีบดำของญี่ปุ่นตอนนี้ฉินสือโอวไม่ได้คิดเขาต้องการทำแบรนด์อาหารทะเลของตัวเองก่อนแล้วค่อยเข้าตลาดอาหารทะเลญี่ปุ่น


และถึงตอนที่ฉินสือโอวเข้าตีตลาดอาหารทะเลญี่ปุ่นก็จะไม่ใช่แค่สำหรับปลาทูน่าครีบดำเขาจะโจมตีครั้งใหญ่ทั้งหมดของตลาดคนญี่ปุ่น


สำหรับพวกมอลลีทั้งสามคนฉินสือโอวสนใจแค่ว่าพวกเขาไปรู้ข่าวมาจากไหนว่าฟาร์มปลาของตัวเองมีปลาทูน่าครีบดำ


น่าเสียดายที่ทั้งสามคนปิดปากเงียบฉินสือโอวตรวจสอบอย่างลึกแล้วก็รู้เพียงว่าพวกเขาถามคนมาแต่ไม่รู้ว่าใครเปิดเผยข่าวนี้


ทั้งสองฝ่ายคุยกันไม่จบไม่สิ้นชาร์ล มอลลีมารยาทดีเหมือนกับผู้จัดการฝ่ายของธนาคารแห่งประเทศแคนาดาคนนั้นเขาหาวิธีติดต่อฉินสือโอวและเชิญเขาไปเที่ยวที่นิวยอร์กเมื่อมีเวลาว่าง


ตอนบ่ายหลังจากที่พวกชาร์ล มอลลีจากไปบัตเลอร์ก็นั่งเครื่องบินมา


พอเห็นฉินสือโอวบัตเลอร์ก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชมพร้อมตะโกน “เพื่อนรักของฉัน ไม่เจอแค่วันเดียวเหมือนชีวิตฉันเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บ…”


“ไม่เจอหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง พูดอย่างนี้” ฉินสือโอวแก้ให้เขา


บัตเลอร์หัวเราะคิกคักพลางพูด “โอเค คุณพูดถูก สุภาษิตของพวกคุณลึกซึ้งเหมือนคำสแลงของพวกเราชาวผิวสีเป็นวัฒนธรรมที่สุดยอดจริงๆ พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องวัฒนธรรมเลยมาพูดเรื่องเงินกันดีกว่า คุณรู้ไหมว่าจับปลาชุดแรกพวกเรามีรายได้กันเท่าไร?”


ฉินสือโอวโบกมือมองบัตเลอร์อย่างระแวงพร้อมพูด “พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องเงินเลยพูดเรื่องชาร์ล มอลลีกันก่อนดีกว่า คุณรู้จักเขาไหม?”


มอลลีบอกว่าได้ข่าวนี้มาจากปากคนคนหนึ่งคิดไตร่ตรองแล้วฉินสือโอวก็นึกถึงเจ้าหนุ่มผิวสีหนวดเฟิ้มบัตเลอร์คนนี้


ได้ยินชื่อชาร์ล มอลลีบัตเลอร์ก็หน้าเสีย “คุณเจอเจ้าเวรนี่แล้ว?”


“เขาบอกว่าเขาได้ข่าวว่าฟาร์มปลาของผมมีปลาทูน่าจากปากคนคนหนึ่ง”ฉินสือโอวจ้องบัตเลอร์ถ้าข่าวนี้บัตเลอร์เป็นคนแพร่งพรายเขาก็จะหยุดการร่วมมือทางธุรกิจกับเขา เจ้านี่ปากสว่างเกินไปร่วมงานกับคนแบบนี้อันตรายมาก


ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดบัตเลอร์ก็อ้าแขนพร้อมพูด “ไม่ ผมเข้าใจความหมายของคุณ แต่ไม่ใช่ผมที่แพร่งพรายเด็ดขาด! ผมแค่พูดกับเทซึกะ โกดะตอนที่อยู่โตเกียวหลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับฟาร์มปลาของคุณอีกเลย แม้กระทั่งตอนนี้คนในตลาดอาหารทะเลที่นิวยอร์กก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้อาหารทะเลที่ผมขายได้มาจากจากที่นี่!”


ดูท่าทางบัตเลอร์ไม่เหมือนโกหกฉินสือโอวขมวดคิ้วถาม “ไม่ใช่คุณที่บอกเขาจริงๆ นะ?”


บัตเลอร์แกว่งแขนอย่างแรงพร้อมพูด “ผมอาจจะบอกหมาสักตัวแต่ไม่ได้บอกคนไหนในตระกูลมอลลี!”


“ตระกูลมอลลี?”


“พวก ไม่ใช่มั้ง? พวกเขาไม่ได้แนะนำตัวเองเหรอ? ชาร์ล มอลลีเป็นคุณชายคนที่สามของตระกูลมอลลีตระกูลของพวกเขาเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดทั้งชายฝั่งทางตะวันออกของอเมริกาทำอะไรไร้ยางอาย ไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ ไม่รักษาสัญญาแม้แต่น้อย ไอ้พวกเวรตะไลเอ๊ย!”


บัตเลอร์ด่าขึ้นมาด้วยความโกรธนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเห็นเขาเดือดดาลขนาดนี้ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่ค่อยดี


พอแน่ใจว่าบัตเลอร์ไม่ได้เป็นคนแพร่งพรายข่าวฉินสือโอวก็วางใจแล้วพูด “พูดเรื่องนั้นต่อสิ ได้รายได้เท่าไร?”


“สองล้านสองแสน!” บัตเลอร์พูดโพล่งออกมา “ดอลลาร์สหรัฐ!”


ฉินสือโอวคำนวณ ขาดไม่เท่าไรอย่างไรเสียการจับปลาครั้งนั้นหลักๆ คือปลาค็อดแอตแลนติกที่ราคาถูกที่ราคาแพงน่าจะเป็นประเภทปลาแซลมอน


รายได้ที่บัตเลอร์พูดไม่ใช่รายได้รวมแต่เป็นเงินที่หักต้นทุนแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่น้อยเลย


ในที่สุดฟาร์มปลาก็เริ่มทำกำไรแล้ว


บทที่ 599 กิจกรรมของเจ้าของฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายฉินสือโอวจัดหาสินค้าบัตเลอร์ให้ช่องทางรายได้แบ่งตามอัตราส่วน 6.5 ต่อ 3.5.5


แบบนี้มีข้อดีอย่างหนึ่งฉินสือโอวไม่ต้องวิ่งวุ่นหาช่องทางการจำหน่ายแค่เลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งให้ดีก็พองานอื่นๆ มีคนอื่นมาทำเมื่อได้เงินก็จะเข้าบัตรธนาคารเขาเองโดยอัตโนมัติ


จะว่าไปแล้ว อัตราส่วนรายได้ 6.5 สำหรับฉินสือโอวแล้วไม่ถือว่าสูงคุณภาพอาหารทะเลของเขาที่วางเรียงอยู่ที่นั่นต่อให้เขาต้องการเจ็ดส่วนต่อสามส่วนก็ยังมีคนเต็มใจร่วมมือกับเขา


แต่ตอนนี้ฉินสือโอวไม่ได้ต้องการเงินมากมายนักเขาขี้เกียจออกทะเลไปค้นหาเรือที่จมแล้วและแค่รายได้จากการขายของโบราณก็ไม่รู้ว่าจะได้เท่าไร


ความคิดของฉินสือโอวเรียบง่ายมากเงินหาเมื่อไรก็ได้และสำหรับเขาแล้วก็หาได้ง่ายมากด้วย ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือสนุกกับชีวิตใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ


ไม่มีใครเต็มใจร่วมมือกับคนอย่างเขาบัตเลอร์มาครั้งนี้มีของขวัญมาให้ฉินสือโอวเป็นบัตรเชิญงานเลี้ยงระดับสูงที่นิวยอร์ก


“ผมจะเอานี่มาทำไม?” ฉินสือโอวถามอย่างไม่สนใจ


บัตเลอร์อธิบาย “ช่วงนี้คุณยุ่งอยู่กับไร่องุ่นใช่ไหม? หัวข้อของงานเลี้ยงครั้งนี้คือการอภิปรายเรื่องไวน์คุณไปงานนี้ไม่ใช่แค่จะได้รู้จักกับเจ้าของไร่องุ่นมากมายแต่ยังได้รู้จักกับนักชิมไวน์ระดับสูงอีกด้วยนี่จะช่วยเรื่องการสร้างไร่องุ่นของคุณได้”


ฉินสือโอวแอบหัวเราะในใจช่วยบ้าอะไรไร่องุ่นเล็กๆ ขนาดหกหมื่นกว่าตารางเมตรของตัวเองนั่นใครจะเห็นอยู่ในสายตา? เขาแค่ทำเล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะหมักเป็นไวน์ที่ดีเลิศอะไรอย่างไรเสียสิ่งที่เขาให้ความสำคัญก็คือฟาร์มปลาไม่ใช่ฟาร์มเกษตร


แต่ถึงอย่างไรบัตเลอร์ก็เจตนาดีและบัตรเชิญลายดอกไม้เคลือบทองนี่ก็ดูชั้นสูงมากเขาเลยรับไว้พร้อมขอบคุณ


ตอนนี้บัตเลอร์ยุ่งอยู่กับตลาดอาหารทะเลที่นิวยอร์กและการบุกเบิกช่องทางที่ไมอามี มาครั้งนี้เลยอยู่แค่คืนเดียวจับปลาครั้งที่สองส่งขึ้นเครื่องบินแล้วก็กลับนิวยอร์กไปกับเครื่องบินทันที


ตอนค่ำย่างสาหร่ายจีฉ่ายและหอยตลับอยู่บนชายหาดเหมาเหว่ยหลงหัวเราะพลางพูด “แกว่าตอนนี้แกทำธุรกิจใหญ่โตพอแล้วอเมริกาแคนาดามีคนทั้งอเมริกาเหนือมาหาแกแล้ว? ฉันว่าแกกลายเป็นราชาแห่งท้องทะเลไปแล้ว”


ฉินสือโอวหัวเราะอย่างเย็นชาสองครั้งแล้วยืนขึ้นอ้าแขนต่อหน้าท้องทะเลที่กว้างใหญ่พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “ราชาแห่งท้องทะเล? ไม่ ฉันคือราชาแห่งภูผาสูง! ราชาแห่งแผ่นดินใหญ่! สุดยอดแห่งเทือกเขาร็อกกี? ธุรกิจของฉันก็บุกขยายไปถึงที่นั่นแล้วเหมือนกัน!”


“เสแสร้งต่อไป”เหมาเหว่ยหลงหัวเราะ


ฉินสือโอวจับหอยตลับที่ล้างสะอาดแล้วตัวหนึ่งปาใส่ตัวเขาเหมาเหว่ยหลงโจมตีกลับฉินสือโอวส่งเสียงหาผู้ช่วยทันทีหู่จือเป้าจือฉงต้าและเจ้าหมาป่าทั้งสี่ตัวส่งเสียงโห่วๆ ทักทาย


เสี่ยวหลัวปอฮึกเหิมที่สุดตอนนี้มันเป็นหมาป่าสีขาวที่ค่อนข้างจะตัวใหญ่ฟันงอกยาวกระดูกแข็งแรง แบบนี้สัญชาตญาณสัตว์ป่าของมันก็ตื่นแล้วช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรก็ฝึกล่าสัตว์แน่นอนว่าเป้าหมายเป็นพวกปลาไม่ก็ของที่ขยับไม่ได้อย่างก้อนหิน


ค่ำนี้เหมาเหว่ยหลงกลายเป็นเป้าหมายของมัน มันทั้งคลานทั้งกระโดดทั้งเห่า เหมาเหว่ยหลงถูกมันจัดการจนรับไม่ไหวเลยเอาปลาย่างมาให้ฉงต้าตัวหนึ่งแล้วชี้ไปที่เสี่ยวหลัวปอพร้อมพูด “จัดการมันวันนี้ลุงจะย่างปลาให้แกกิน!”


ฉงต้าคํารามใส่เสี่ยวหลัวปอพร้อมทำเกรี้ยวกราดหันไปหาปลาในมือเหมาหว่ยหลงแล้วเอาเข้าปากไป


กินปลาไปแล้วฉงต้าก็นอนหมอบอยู่บนหาดเหมาเหว่ยหลงผลักฉงต้าพลางพูด “แกกินปลาไปแล้วต้องทำงานสิ ไป จัดการมัน!”


ฉงต้าส่งเสียงเบาๆ สองครั้งนอนเอื่อยอยู่บนชายหาดเสี่ยวหลัวปอเห็นว่าไม่มาทำอะไรมันก็อวดเก่งกระโจนขึ้นมาแผดเสียงใส่เหมาเหว่ยหลง “โห่วโห่ว โฮ่งโฮ่ง โห่วโห่ว โอ่งโอ่งโฮ่ง!”


“นี่แกเป็นหมาป่าหรือหมาบ้านกันแน่?” หลิวซูเหยียนพูดอย่างประหลาดใจ “เจ้านี่หอนเหมือนหมาป่าอยู่เหมือนกัน”


ไม่สามารถเปิดเผยเรื่องหมาป่าขาวนิวฟันด์แลนด์ได้วินนี่เลยหัวเราะพลางพูด “เป็นหมาบ้านแน่นอนอยู่แล้วลูกสาวฉันเป็นลูกผสมหมาป่าและหมาบ้านที่สวยที่สุด แน่นอนว่าอาจจะมีเลือดหมาป่าอยู่บ้างอย่างนั้นก็ดีเลย”


หยอกเย้าเล่นกับพวกเด็กๆ ฉินสือโอวเกือบจะอยู่ที่หาดทรายทั้งคืนมีเสียงวาฬและนกอยู่ไกลๆ มีเสียงคลื่นซัดอยู่ใกล้ๆ ชีวิตยามค่ำคืนก็ไม่เดียวดายแม้แต่น้อยสุขใจกว่าการไปผับร้องคาราโอเกะตั้งเยอะ


แต่ชีวิตสบายๆ มักจะถูกทำลายตอนปลายเดือนพฤษภาคมเจ้าของฟาร์มปลาที่เคยมาเยี่ยมเขาโทรมาบอกเขาว่าพวกเจ้าของฟาร์มปลาคิดต่อกันเรียบร้อยแล้วว่าสุดสัปดาห์นี้จะจัดเดินขบวนที่หน้าสำนักงานของรัฐที่นครเซนต์จอห์นเรียกร้องให้รัฐบาลและกรมประมงหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องวันหยุดของฟาร์มปลา


ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกตอนนี้เขาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฟาร์มปลาที่นิวฟันด์แลนด์ต้องไปร่วมอย่างแน่นอน


วันเสาร์ฉินสือโอวพานีลเซ็นและเบิร์ดขับเรือเด็คเออร์บักไปที่นครเซนต์จอห์นอย่างเอื่อยเฉื่อย ครั้งนี้เขาไม่ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปการโอ้อวดดึงดูดความเกลียดชังได้ง่าย


ฟาร์มปลาฟาร์มเกษตรและฟาร์มปศุสัตว์สำหรับคนเอเชียฟังดูแล้วยิ่งใหญ่อันที่จริงสำหรับอเมริกาเหนือโดยเฉพาะที่ที่พื้นที่มากแต่ประชากรน้อยอย่างแคนาดาการทำอะไรพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดามากเจ้าของฟาร์มปลาฟาร์มเกษตรส่วนมากไม่ได้ร่ำรวยอะไรฟาร์มของพวกเขาก็ไม่ได้ใหญ่โต


พูดถึงเจ้าของฟาร์มปลาแล้วพวกสี่ห้าคนที่มาหาฉินสือโอวครั้งก่อนมีสองคนในนั้นที่ทำฟาร์มปลาเป็นเพียงงานพิเศษพวกเขายังมีงานอื่นอีก มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ชื่อโดนัลบราวน์เป็นตัวแทนขายประกันของท่าเรือบาสก์


ตอนที่ฉินสือโอวขับเรือมาใกล้ท่าเทียบเรือพวกโดนัลบราวน์ก็เพิ่งจะถึงพอดีเขายื่นมือไปทักทายฉินสือโอว “ฉินมีคุณเข้าร่วมด้วยก็ดีเลยพวกเราต้องสั่งสอนพวกนักการเมืองปัญญาอ่อนพวกนั้นให้ดู!”


ฉินสือโอวหัวเราะพลางพยักหน้าพูดเห็นด้วยเขาเห็นพวกเจ้าของฟาร์มปลาอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงก็กังวลใจหันไปถามนีลเซ็นด้วยเสียงเบา“ ต่อไปการเดินขบวนจะมีเรื่องมีราวหรือเปล่า? ถ้ามีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นก็จะวุ่นวาย”


นีลเซ็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีทาง เจ้าของฟาร์มปลาส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางพวกเขาจะไม่ไปวุ่นวายบนถนนแบบไม่มีอะไรและจะไม่แข็งข้อต่อรัฐบาล”


เซนต์จอห์นเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของนิวฟันด์แลนด์แต่ในความคิดของฉินสือโอวแล้วพื้นที่เล็กมาก ขึ้นฝั่งไปแล้วขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็เข้าสู่ถนนควีนแมรีที่สำนักงานรัฐของเมืองตั้งอยู่


สำนักงานตำรวจของเมืองได้ข่าวแล้วก็ส่งรถตำรวจสี่ห้าคันมาจัดระเบียบล่วงหน้า เจ้าของฟาร์มปลาที่มาถึงก่อนหน้าทักทายทั้งสองฝ่ายแล้วหาคนที่สนิทคุยด้วยส่งเสียงตะโกนด่ารัฐบาลและกรมประมงบ้างบางครั้ง


ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ก็สนุกดีระบอบประชาธิปไตยที่แคนาดาอาจจะดีกว่าที่อเมริกาเพราะมีการอพยพเข้าเมืองเยอะรัฐบาลไม่ค่อมเข้มงวดกับการควบคุมความคิด แน่นอนถ้าคุณต่อต้านรัฐบาลก็ต้องระวังตัวหน่อยตำรวจม้าของแคนาดาก็ไม่ได้น่ามีเรื่องด้วยเลย


การร่วมกิจกรรมเดินขบวนครั้งนี้ท่าทางฉินสือโอวเรียบเฉยมากเขามาถึงเร็วพอหาประตูร้านสะดวกซื้อเจอแล้วก็รออยู่อย่างสงบมองดูพวกเจ้าของฟาร์มปลาร้องตะโกนอย่างร้อนรนเหมือนดูละคร


นีลเซ็นเท้าคางพูด “เฮ้อเจ้านาย พวกเรามาร่วมเดินขบวนหดตัวอยู่ด้านในอย่างนี้ไม่ค่อยดีมั้งครับ?”


ฉินสือโอวสะบัดมือพร้อมพูด “ไปเดินขบวนบ้าอะไร นี่เป็นกิจกรรมเข้าสังคมของเจ้าของฟาร์มปลานายคิดว่าพวกเราไม่ออกไปเป็นสิ่งไม่ดีใช่ไหม? ไปร้านเครื่องดื่มเย็นกับฉันหน่อย”


“ทำอะไรครับ ดื่มเบียร์เหรอ?” นีลเซ็นถามอย่างเบิกบาน


ฉินสือโอวหัวเราะผ่านไปครู่หนึ่งเขากับเบิร์ดนั่งดื่มเบียร์อยู่ในร้านเครื่องดื่มจริงๆ ส่วนนีลเซ็นยืนชูป้ายกระดาษอยู่ตรงประตู ประชาชนชาวจีนจะแสดงการต่อต้านการละเลยหน้าที่ของรัฐบาล!


บทที่ 600 การค้นพบใหม่ของพวกผู้เชี่ยวชาญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

นีลเซ็นยืนอยู่ด้านนอกอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดชาวประมงคนหนึ่งเดินมามองเขาครั้งหนึ่งแล้วเดินไปจากนั้นกลับมาถามอย่างรวดเร็ว “คุณเป็นเพื่อนของฉินเหรอ? ผมคือแอนดรูว์ ทัคเกอร์จำผมได้ไหม? ผมเคยไปที่ฟาร์มปลาของพวกคุณ…”


ความสามารถในการจดจำของนีลเซ็นเป็นเลิศเขามองครั้งเดียวก็จำชาวประมงคนนี้ได้แอนดรูว์ ทัคเกอร์คือคนที่ไปที่ฟาร์มปลาต้าฉินเพื่อติดต่อให้ฉินสือโอวมาร่วมงานเดินขบวนครั้งนี้


เช่นนี้นีลเซ็นก็ทักทายเขาแอนดรูว์ ทัคเกอร์บอกว่าเขาเพิ่งมาถึงเพราะวันนี้ที่ฟาร์มปลาต้องให้อาหารสัตว์พอดีแล้วถามว่าฉินสือโอวอยู่ที่ไหน


นีลเซ็นชี้ไปที่ร้านเครื่องดื่มด้านหลังแอนดรูว์ ทัคเกอร์เดินเข้าไปเห็นฉินสือโอวกำลังดื่มอยู่กับเบิร์ดก็ยิ้มพลางพูด “พวกคุณนี่ชิคจริงๆ ดูท่าคุณคงเข้าใจความหมายที่แท้จริงของงานเดินขบวนแล้ว”


ฉินสือโอวสั่งเบียร์สดแก้วใหญ่ให้เขาแล้วพูด “กินดื่มให้อิ่มก่อนถึงจะมีแรงทำกิจกรรมไม่ใช่เหรอ?”


แอนดรูว์ ทัคเกอร์ยกนิ้วโป้งให้เขาแล้วเงยหน้ากระดกหนึ่งอึกใหญ่จากนั้นคุยกับฉินสือโอวเรื่องข่าวเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงการประมงระหว่างประเทศ


นั่งอยู่ที่ร้านเครื่องดื่มเย็นกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วพวกฉินสือโอวก็เดินออกมาเข้าสู่การเดินขบวนอย่างเป็นทางการป้ายที่นีลเซ็นชูอยู่ในมือเป็นตัวอักษรภาษาจีน นี่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจพอชาวประมงจำนวนหนึ่งเข้าใจความหมายของตัวอักษรภาษาจีนแถวนั้นแล้วก็ตั้งใจเชิญให้เขาไปอยู่ด้านหน้านำขบวนด้วยความจริงใจ


ในที่สุดนีลเซ็นก็คว้าโอกาสเป็นจุดสนใจมาได้ หน้าตาเคร่งขรึมก้าวเท้าอย่างองอาจเอาป้ายกระดาษมาเป็นธงชาติชูอยู่บนหัวเหมือนผู้นำทหารสามเหล่าทัพตอนที่กลุ่มคนมุงดูเยอะยังเตะขาไปด้วย…


ครั้งนี้พวกเจ้าของฟาร์มปลาจัดเดินขบวนกันอย่างยิ่งใหญ่อลังการที่หน้าอาคารสํานักงานของรัฐมีเวทีอยู่เวทีหนึ่งและมีคนยืนพูดอยู่ด้านบน ชาวประมงที่อยู่ด้านล่างก็ส่งเสียงตอบกลับไปด้วยเช่น ‘ต้องแก้ไขปัญหา’ ‘เอาวันหยุดของฟาร์มปลากลับมา’ ฉินสือโอวเองก็ร่วมด้วยส่งเสียงอย่างเบาๆ


แคนาดาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายประเทศนี้สามารถมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นได้เยอะเช่นการเดินขบวน


การเดินขบวนของแคนาดาไม่เหมือนประเทศอื่นผู้เดินขบวนเพียงต้องการใช้โอกาสนี้ปลดปล่อยความรู้สึกจัดให้ยิ่งใหญ่อลังการดึงดูดความสนใจของสื่อมวลชนกระแสหลักและรัฐบาลแม้ว่าผลสุดท้ายจะไม่ได้ใส่ใจจริงๆ


เป็นแบบนี้บ่อยเข้าพวกชาวบ้านก็รู้สึกว่าการเดินขบวนไม่มีอะไรน่าสนใจพวกเขาเห็นจนชินตาแล้ว คุณเดินขบวนของคุณไปฉันก็ทำธุระของฉันขอเพียงไม่เกี่ยวกับฉันก็จะไม่เข้าไปก้าวก่าย


ดังนั้นแม้ว่าครั้งนี้พวกเจ้าของฟาร์มปลาจะทั้งตั้งเวทีทั้งส่งเสียงโวยวายและภายหลังยังมีคนไปล้อมเดินขบวนที่ถนนควีนแต่ก็มีคนมุงดูไม่มาก


ฉินสือโอวที่เดินอยู่ในขบวนรู้สึกว่ากิจกรรมนี้ไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่น้อยยังสู้การเดินขบวนประท้วงที่เกาะแฟร์เวลไม่ได้เลย


แต่มองจากภายนอกการเดินขบวนในครั้งนี้ยังถือว่ายิ่งใหญ่ด้านหน้ามีรถตำรวจเปิดทางด้านหลังมีรถตำรวจปิดท้ายมีสื่อเจ้าใหญ่อยู่ตลอดทาง ฉินสือโอวคิดว่าข่าวท้องถิ่นของนครเซนต์จอห์นคืนนี้ต้องเป็นกิจกรรมเดินขบวนของวันนี้ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เลว


เป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้การเดินขบวนที่แคนาดามีความเป็นเอกลักษณ์ ตอนเริ่มไม่มีอะไรแต่ไม่นานผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมก็แสดงความแตกต่างออกมา


เหมือนที่ย้ำตลอดอยู่แคนาดาเป็นประเทศของผู้อพยพมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประเพณีขนาดการเดินขบวนยังมีความแตกต่าง


ผู้ร่วมเดินขบวนหลักๆ ของครั้งนี้คือคนอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน แคนาดาและมีเจ้าของฟาร์มปลาที่เป็นคนเอเชียอยู่มากแต่ความสามารถในการปรับตัวของคนเอเชียค่อนข้างดีไม่ชอบก่อเรื่องจึงมีมาเข้าร่วมไม่เยอะ


คนอังกฤษไม่พูดแล้วผู้ดีที่หยิ่งทะนงพวกนี้เรียกร้องให้ขบวนไปนั่งชุมนุมอย่างสงบที่หน้าประตูสำนักงานรัฐจนกว่าทางรัฐจะประนีประนอม ความคิดที่เรียบง่ายจนน่าสงสารของพวกเขาคิดว่าทางรัฐจะประนีประนอม


นิสัยคนฝรั่งเศสชอบผสมโรงในแคนาดาถ้าเห็นว่ามีคนเพิ่มความยุ่งยากในการเดินขบวนคนคนนั้นก็คือคนฝรั่งเศส


แต่การเข้าร่วมเดินขบวนของคนฝรั่งเศสมีเหตุผลพวกเขาเข้าร่วมเดินขบวนเพื่อไปร่วมสนุกอยู่ด้วยกันกับคนที่สนิทและคนแปลกหน้าไม่ได้ต้องการทำอะไรจริงๆ เจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้หลังจากเดินมาถึงถนนควีนแล้วก็ขอให้ทุกคนกระจายตัวแล้วไปสังสรรค์กันเองหรืออะไรก็ว่าไป


คนเยอรมันค่อนข้างยึดมั่นในเมื่อพูดแล้วว่าต้องการเดินขบวนอย่างนั้นทุกคนก็ต้องทำให้ถึงที่สุดเพิ่งจะเดินมาได้ครึ่งถนนควีนก็จะจบแล้ว? ไม่ได้ เดินต่อไป! ไม่เพียงแต่ต้องเดินไปตามถนนควีนแต่ยังต้องเดินล้อมลานและตึกสำนักงานของรัฐด้วยถึงอย่างไรก็ต้องเดินขบวนต่อไป


เช่นนี้ต่างกลุ่มก็ต่างความคิดเจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้เริ่มถกเถียงกันอย่างรุนแรงฉินสือโอวรู้สึกว่าคนพวกนี้เชื่อถือไม่ได้ดูเวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเขาเลยจะกลับฟาร์มปลาไปกับเบิร์ดก่อน


นีลเซ็นโยนป้ายทิ้งอยากจะไปเหมือนกัน ฉินสือโอวยั้งเขาไว้พร้อมพูด “ไม่พวก นายต้องอยู่ต่อ ไปกับพวกเขาต่อ”


“ทำไมล่ะครับ?”


“เพราะพวกเราฟาร์มปลาต้าฉินพูดไว้แล้วว่าจะร่วมเดินขบวนให้ตลอดดังนั้นนายที่เป็นตัวแทนฟาร์มปลาของเราต้องอยู่ต่อ นายไม่อยู่ต่อหรือจะให้ฉันอยู่ต่อ?” ฉินสือโอวพูดอย่างแน่วแน่


นีลเซ็นพูดด้วยความน้อยใจ “แน่นอนสิครับเจ้านาย คุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลานะผมน่ะเป็นลูกน้องคุณ”


ฉินสือโอวพยักหน้า “ดูสินายก็รู้นี่ว่านายเป็นลูกน้องฉัน ในเมื่อนายเป็นลูกน้องฉันนายจะไม่ฟังสิ่งที่ฉันพูดได้เหรอ? เบิร์ดถ้าฉันออกคำสั่งกับนาย นายจะไม่ฟังไหม?”


เบิร์ดตะเบ๊ะพร้อมพูดเสียงดัง “ไม่ครับท่าน! ผมจะเชื่อฟังคำสั่งท่านทุกอย่างครับ!”


“ดีมาก อย่างนั้นนีลเซ็นนายไปกับฉัน เบิร์ดอยู่ที่นี่เป็นตัวแทนฟาร์มปลาเข้าร่วมกิจกรรม”


เบิร์ด“…”


หลังกลับถึงบ้านวันนี้วินนี่ไม่ได้ไปทำงานพอดีพอเห็นฉินสือโอวกลับมาอย่างฮึกเหิมเธอก็อดถามไม่ได้ “กิจกรรมการเดินขบวนจัดได้สำเร็จดีเหรอ? พวกคุณได้รับการรับประกันอะไรจากรัฐบาลแล้วใช่ไหม?”


ฉินสือโอวยักไหล่พลางพูด “ใครจะไปรู้ล่ะ? ผมไม่ได้รอจนการเดินขบวนสิ้นสุดก็กลับมาแล้ว นั่นเป็นการเล่นของเด็กๆ ผมกลับมาดูฟาร์มปลาของมดีกว่า”


“อ้อ พูดถึงเรื่องนี้ คุณบาลซักมาหาคุณบอกว่าเป็นเรื่องเจรจาอะไรกับคุณสักอย่าง” วินนี่ส่งน้ำผลไม้ให้เขาแล้วพูด


ฉินสือโอวไปหาพวกผู้เชี่ยวชาญพวกเขามีความเด็ดขาดและเพียรพยายามจริงๆ แยกกันนั่งเรือคายักตามหาเต่ามะเฟืองที่ซ่อนตัวอยู่


อย่างไรเสียก็เป็นคณะนักวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากประเทศพวกเขามีเครื่องมือที่ทันสมัยอยู่ในมือเยอะมากวางเครื่องค้นหาใต้ทะเลพวกนั้นลงในฟาร์มปลาก็สามารถมองเห็นสภาพใต้ทะเลได้ผ่านทางไอแพดที่อยู่ในมือ


ฉินสือโอวขับเจสกีเข้าไปแล้วตะโกนพูดกับบาลซัก “เฮ้ ศาสตราจารย์ คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”


พอเห็นร่างของเขาบาลซักก็ตาเป็นประกายส่งรูปรูปหนึ่งในไอแพดให้เขาดูพร้อมพูดอย่างตื่นเต้น “พ่อหนุ่ม ดูสินี่คืออะไร? การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ พวกเราอาจจะพบสัตว์ชนิดใหม่ที่ฟาร์มปลาของคุณ”


บทที่ 601 ชิงไหวชิงพริบ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวรับไอแพดมาดู ในรูปเป็นกุ้งหลากสีสันตัวหนึ่ง ล็อบสเตอร์!


ล็อบสเตอร์ตัวนี้เป็นสีเขียวทั้งตัวแต่ที่เปลือกหลังมีจุดและก้อนหลากสีดูแล้วสวยงามมาก สีสันที่หลากหลายพวกนี้ผสมปะปนกันอยู่ทำให้ล็อบสเตอร์ดูสว่างไสวราวกับท้องฟ้าที่มีดาว


เขาปัดหน้าจอ ภาพด้านหลังในอัลบั้มนั้นล้วนเป็นภาพที่ถ่ายล็อบสเตอร์ ล็อบสเตอร์พวกนี้มีจำนวนประมาณไม่กี่สิบตัวซ่อนตัวและกำลังอยู่ตามซอกหินโสโครก มองดูก็รู้ว่านี่เป็นฝูงเล็กๆ ฝูงหนึ่ง


ฉินสือโอวคุ้นเคยกับล็อบสเตอร์ชนิดนี้มากนี่คือล็อบสเตอร์กลุ่มแรกที่ถูกพลังแห่งโพไซดอนช่วยชีวิตหลังจากติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกชนิดหนึ่ง ตอนแรกเขาพบว่าสีที่เปลือกของล็อบสเตอร์พวกนี้มีความเปลี่ยนแปลง ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงก็ชัดขึ้นตามการเติบโต


พวกบาลซักมองฉินสือโอวอย่างตื่นเต้นแล้วถามไม่หยุด “เป็นไงบ้าง? เป็นไง? เป็นสัตว์ชนิดใหม่ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้พวกมันไม่เคยถูกพบมาก่อนใช่ไหม? คุณดูสิแม้จำนวนจะไม่เยอะแต่ก็ชัดเจนพอจะกลายเป็นฝูงเล็กๆ ได้เลย แปลกจังเลย!”


เรือวิจัยล่องไปทั่วโลกเพื่ออะไร? ค้นหาสัตว์ทะเลที่ลึกลับ! สำหรับพวกเขาแล้วเกียรติยศที่สำคัญที่สุดก็คือการค้นพบสัตว์ชนิดใหม่


สัตว์ชนิดใหม่จะใช้ชื่อของผู้ค้นพบเป็นชื่อท้าย บนเรือวิจัยมีผู้เชี่ยวชาญพบแมวน้ำชนิดใหม่ที่ขั้วโลกใต้ แต่ทางบาลซักยังไม่เคยสร้างความดีความชอบในเรื่องนี้เลย


ลองคิดดูหากบนโลกนี้มีล็อบสเตอร์ชนิดหนึ่งชื่อว่าล็อบสเตอร์บาลซักและยังสวยงามขนาดนี้ ภาพนั้นงดงามจนบาลซักมัวเมาแล้ว


ฉินสือโอวไม่ได้คิดเรื่องมีชื่อต่อท้ายสัตว์ แต่เห็นพวกผู้เชี่ยวชาญที่ตื่นเต้นแล้วเขาก็หัวเราะ “พวกคุณอยากทำวิจัยมันเหรอ? โอเค ถ้าพวกคุณยอมให้เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana กับผม พวกคุณก็สามารถทำวิจัยได้ตามสบาย”


ดีที่เขายังขาดโอกาสที่จะทำให้ล็อบสเตอร์ที่เปลือกหลังเหมือนฟ้าที่มีดาวชนิดนี้ปรากฏตัว ถ้าพวกผู้เชี่ยวชาญให้คำอธิบายไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ล้วนดีมาก


ได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้พวกผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ชอบใจ พวกเขาวนอยู่ที่ทะเลบริเวณอเมริกาเหนือตั้งนานขนาดนี้ถึงจะเก็บเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana พวกนี้มาได้ จะยอมเอาให้ฉินสือโอวได้อย่างไร?


บาลซักพูดเกลี้ยกล่อม “ดูสิ นี่คือโอกาสดีที่จะทำให้ฟาร์มปลาของคุณมีชื่อเสียงเลยนะ ถ้าค้นพบล็อบสเตอร์ชนิดใหม่ที่ฟาร์มปลาของคุณ คุณก็จะมีชื่อเสียงและได้ประโยชน์ ล็อบสเตอร์แบบใหม่ชนิดนี้สวยมาก คุณสามารถขายได้ในราคาสูงเลยนะ”


ฉินสือโอวพูด “ถ้าพวกคุณอยากจะจับล็อบสเตอร์ของผม งั้นก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน สิ่งที่ผมต้องการคือหอยเป๋าฮื้อ นี่เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมมากไม่ใช่เหรอ?”


ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมกัน การเจรจานั้นจึงไม่เป็นที่พอใจ


ฉินสือโอวคิดว่าคนในคณะผู้เชี่ยวชาญต้องเสียดายมากที่ไม่ได้ฉวยโอกาสจับล็อบสเตอร์พวกนี้ขึ้นมาก่อนที่เขาจะกลับ ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องพวกนี้เหรอ?


เขาคาดว่าคนพวกนี้ก็อาจจะคิดอะไรไม่ดี เห็นท่าทางแปลกๆบนหน้าของพวกผู้เชี่ยวชาญแล้วเขาจะเดาไม่ออกเหรอว่าคนพวกนี้คิดคำนวณทุกอย่างให้ตัวเองได้ประโยชน์?


แต่ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่สั่งหู่จือและเป้าจือให้พวกมันหลบอยู่แถวๆชายหาดแล้วเฝ้าดูเจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้


ตอนพลบค่ำในที่สุดพวกผู้เชี่ยวชาญก็จับเต่ามะเฟืองได้ แต่พอเอาขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเต่าตัวนี้ไม่มีสัญลักษณ์ของพวกเขา ดังนั้นจึงได้แต่วางเต่าตัวนี้ลงน้ำไปอย่างไม่พอใจ


เต่ามะเฟืองประหลาดใจ นี่เอาตัวมันขึ้นมาลูบคลำๆแล้วโยนทิ้งทำไม? มันจ้องมองพวกผู้เชี่ยวชาญอย่างดูถูกครั้งหนึ่งแล้วเอาหัวมุดลงไปในทะเลลึก


ข่าวภาคค่ำของนครเซนต์จอห์นถ่ายทอดกิจกรรมการเดินขบวนของเจ้าของฟาร์มปลาวันนี้ ช่วงบ่ายกิจกรรมรุนแรงขึ้น มีเจ้าของฟาร์มปลาจากรัฐโนวาสโกเชียและเขตควิเบกมาสนับสนุนพวกเขาในครั้งนี้ด้วยจึงทำให้รัฐบาลตกใจและรับปากจะปรึกษากับกรมประมงแล้วจะแถลงต่อพวกเขา


สองทุ่มพระอาทิตย์ล่วงลับทะเลไปแล้ว บนเรือวิจัยเอาเรือคายักลำหนึ่งลงมา บาลซักมองไปทางบ้านอย่างลับๆล่อๆ พอไม่มีใครพบเห็นก็พาผู้ช่วยสองคนขึ้นเรือไป


“ว้าว เจ้าเด็กนั่นยังไงซะก็ยังอ่อน เขาคิดว่าพวกเราหัวดื้อเหรอ? ใช่ พวกเรารับปากจะไม่แตะต้องของในฟาร์มปลาของเขา แต่นั่นคือข้อเสนอก่อนหน้านี้ ข้อเสนอก่อนหน้านี้ฟาร์มปลาของเขายังไม่มีผลกระทบกับการวิจัยของเรา” ผู้ช่วยคนหนึ่งพูดอย่างได้ใจ


บาลซักพูดเสียงต่ำด้วยความรู้สึกผิด “ช่างเถอะ ยังไงซะพวกเราก็กำลังทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง นอบน้อมหน่อยเถอะ”


ผู้ช่วยวัยรุ่นอีกคนชี้แจง “ไม่ครับอาจารย์ พวกเรากำลังทำวิจัยวิทยาศาสตร์ มีแต่จะอุทิศให้ประเทศชาติไม่มีการลักขโมย พวกเราไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่น่าอับอาย”


บาลซักยอมรับความคิดของทั้งสองคนโดยปริยายพร้อมพูด “สิ่งที่ผมกังวลใจตอนนี้คือล็อบสเตอร์ฝูงนี้มีการกลายพันธุ์เพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นอย่างนั้นสิ่งที่พวกเราทุ่มเทไปก็ไม่คุ้มค่า”


ทั้งสามคนถกกันอย่างจดจ่อจนมองไม่เห็นเงาของร่างเล็กๆที่จากไปอย่างเงียบๆ


ตัวที่ไปคือหู่จือ มันหมอบลงบนพื้นแล้วแอบคลานไปอย่างระมัดระวัง พอออกห่างจากชายทะเลแล้วถึงได้ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว


เห็นหู่จือรีบร้อนมาหาตัวเอง ฉินสือโอวก็เข้าใจว่าพวกบาลซักลงมือแล้ว การเผชิญหน้ากับสิ่งล่อใจอย่างสัตว์ชนิดใหม่ คนที่ปลาบปลื้มกับการวิจัยพวกนี้จึงทนไม่ไหวในที่สุด


ฉินสือโอวตามหู่จือไปพบกับเป้าจือที่มองเรือคายักอยู่ตลอด เป้าจือกำลังนอนอยู่ที่ชายหาด บนพื้นผิวน้ำทะเลที่อยู่ไม่ไกลมีเรือคายักลำหนึ่งกระเพื่อมตามคลื่นน้ำและมีเงาคนสามคนกำลังวุ่นวายกันอยู่


ฉินสือโอวพยักหน้าเบาๆ ให้เป้าจือสองครั้ง ทันใดนั้นเสียงเห่าดังกังวานสองครั้งก็ทำลายความเงียบงันของค่ำคืนที่มืดมิด “โฮ่งโฮ่งโฮ่งโฮ่ง!”


เมื่อได้ยินเสียงหมาเห่า ทั้งสามคนบนเรือที่กำลังจับตาข่ายดักกุ้งอย่างเงียบๆ ก็สะดุ้งพร้อมกันทันใด ต่อมาแสงสว่างจากโคมไฟก็ส่องผ่านความมืดมาที่ร่างของพวกเขา บาลซักหันหน้าไปดูผล สุดท้ายก็ถูกแสงไฟจากหลอดไฟทังสเตนส่องจนลืมตาไม่ขึ้นและได้แต่ปิดหน้า


ฉินสือโอวเห็นบาลซักปิดหน้ายังคิดว่าผู้สูงวัยคนนี้คงไม่มีหน้ามาเผชิญหน้ากับเขาก็เลยไว้หน้าพวกเขาแล้วพูดอย่างผ่อนคลาย “เห้อ คุณศาสตราจารย์ พวกคุณมาที่ทะเลในเวลานี้เพราะต้องการมาชมจันทร์เหรอ?”


พอได้ฟังเสียงเย้าแหย่ของฉินสือโอว บาลซักก็หน้าแดงแล้วหัวเราะพลางพูดขึ้น “ใช่สิ เอ่อเอ่อ สีพระจันทร์……”


เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดมิดไร้แสง อากาศไม่ดีจึงไร้ซึ่งพระจันทร์โดยสิ้นเชิง


หลังจากถูกจับได้ บาลซักก็รีบกลับไปที่เรือวิจัยหมายเลขสอง ฉินสือโอวมองตามหลังพวกเขาออกจากฟาร์มปลาไปที่เกสท์เฮ้าส์ในเมืองก็อดหัวเราะไม่ได้


แม้จะเป็นเช่นนี้แต่พวกผู้เชี่ยวชาญที่ดื้อรั้นก็ไม่ยอมให้หอยเป๋าฮื้อพวกนี้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนในการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนกับฉินสือโอว


ทรัพย์สินส่วนบุคคลไม่สามารถบุกรุกได้ นี่เป็นกฎในรัฐธรรมนูญของแคนาดา ดังนั้นถ้าฉินสือโอวไม่อนุญาตให้จับปลาและกุ้งในฟาร์มปลาของตัวเอง พวกผู้เชี่ยวชาญก็ไม่มีทางทำได้


แต่พวกเขาก็มีวิธีโดยใช้การร้องขออำนาจในการจับสัตว์น้ำเพื่อวิจัยที่ฟาร์มปลาต้าฉินต่อกรมประมงในนามของการค้นพบสัตว์ชนิดใหม่เช่นกัน


พวกเขามีวิธีฉินสือโอวก็มีวิธี เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมหอยเป๋าฮื้อพวกนี้ให้เข้าสู่สภาวะจำศีล


สภาวะจำศีลของหอยเป๋าฮื้อเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่น้ำอุ่นหรือออกซิเจนในน้ำไม่พอ ซึ่งพบได้ไม่บ่อยในทะเล แต่พบได้ไม่น้อยในตู้ปลา


บทที่ 602 แผนการสำเร็จ

โดย

Ink Stone_Fantasy

การจำศีลแกล้งตายของหอยเป๋าฮื้อกลายเป็นจุดหักมุมที่สำคัญในการเจรจาของทั้งสองฝ่าย


คนที่ค้นพบเรื่องนี้คือนักวิชาการที่มีชื่อว่าเคอร์ลี เขาพบว่าอยู่ๆ หอยเป๋าฮื้อที่ทรงคุณค่าพวกนี้ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ปกติ


เป๋าฮื้อไม่เหมือนกับหอยชนิดอื่น มันไม่ใช่สัตว์ประเภทที่เมื่อเลือกสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงอีก พวกมันเป็นสัตว์ประเภทซ่อนตัวตอนกลางวัน ออกมาตอนกลางคืน ตอนที่มีแสงอาทิตย์ส่องจะหลบซ่อนอยู่ในรัง สะสมกำลังไว้เมื่อถึงตอนกลางคืนถึงออกมาหาอาหาร


อีกอย่างสภาพแวดล้อมที่บาลซักจัดให้เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana อยู่ก็ไม่เลวเลย ตู้ปลาที่พวกมันอยู่ยาวเจ็ดถึงแปดเมตร กว้างสี่ถึงห้าเมตร ว่ากันว่าก่อนหน้านี้ใช้เลี้ยงฉลามตัวเล็ก แบบนี้ก็สามารถรับประกันได้ว่าการใช้ชีวิตของหอยเป๋าฮื้อพวกนี้จะไม่ถูกจำกัด


เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana ชอบอาศัยอยู่ในที่น้ำไหลเชี่ยว แนวหินที่มีสาหร่ายชุกชุมและซอกหินตามชายฝั่งที่น้ำซัด ในตู้ปลาจะมีมุมที่วางก้อนหินที่มีสาหร่ายสีน้ำตาลเติบโตไว้ นี่คือบ้านของหอยเป๋าฮื้อ


นอกจากการซ่อนตัวช่วงกลางวันและออกมาตอนกลางคืนแล้วเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana ยังมีพฤติกรรมการกลับบ้านอีกอย่างหนึ่งคือไม่ว่าจะไต่ไปหาอาหารไกลแค่ไหน เมื่อฟ้าเริ่มสางพวกมันจะทยอยกลับบ้านไม่หยุดอยู่ข้างนอก


หอยเป๋าฮื้อในตู้ปลาต่างลดพลังในการดำรงชีวิตลง พวกมันเปลี่ยนจากเชื่องช้าเป็นเชื่องช้าเป็นพิเศษ วางอาหารลงไปก็ไม่ไปแตะต้อง กระจัดกระจายกันอยู่ในตู้โดยไม่ขยับเขยื้อน


พอพวกผู้เชี่ยวชาญพบปัญหาก็รีบทำการช่วยชีวิตหอยเป๋าฮื้อทันที แต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิจัยอย่างไรก็หาสาเหตุที่หอยเป๋าฮื้อเข้าสู่การจำศีลไม่ได้


พอบาลซักเห็นสถานการณ์ไม่ดีก็ได้แต่เอาพวกเป๋าฮื้อที่เสียแล้วมาใช้ใหม่โดยการไปเจรจากับฉินสือโอวอีกครั้ง


“ถ้าคุณอยากได้เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana งั้นไม่ใช่แค่คุณต้องอนุญาตให้เราจับล็อบสเตอร์หลากสีพวกนั้น แต่ต้องช่วยพวกเราจับเต่ามะเฟืองด้วย พวกเราจะไม่ทำร้ายเต่ามะเฟืองอย่างแน่นอน ส่วนล็อบสเตอร์ก็จะพยายามรักษาการใช้ชีวิตตามปกติของพวกมันอย่างสุดความสามารถ” บาลซักพูด


ฉินสือโอวถามพอเป็นพิธี “ทำไมอยู่ๆพวกคุณก็อยากจะเจรจาอีกล่ะ? ผมคิดว่าต้องมีปัญหาอะไรแน่นอน”


เขาไม่กังวลว่าคนพวกนั้นจะสงสัยว่าเขาใช้กลอุบาย เพราะตั้งแต่รู้ว่าเขาสนใจหอยเป๋าฮื้อ พวกนั้นก็เอาตู้หอยเป๋าฮื้อเข้าไปล็อกไว้ในห้องกัปตันและมีคนอยู่เวรตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉินสือโอวไม่มีโอกาสได้สัมผัสหอยพวกนั้นเลย


บาลซักหัวเราะเยาะเย้ยพลางพูด “ไม่ไม่ไม่ พวกเราก็แค่ซาบซึ้งใจในความจริงใจของคุณ ไม่กี่วันนี้พวกเราถามเรื่องพฤติกรรมของคุณกับคนในเมือง คุณฉิน ความรักที่มีต่อฟาร์มปลาของคุณทำให้พวกเราเชื่อว่าคุณอยากเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana จริงๆไม่ได้จะเอามันไปกิน”


ฉินสือสือโอวด่าในใจว่าสำนึกดีของปัญญาชนนี่คงพังแล้ว พวกนายซาบซึ้งใจในความจริงใจของฉันเนี่ยนะ? งั้นทำไมถึงรอจนหอยเป๋าฮื้อมีสภาพใกล้ตายถึงค่อยซาบซึ้งล่ะ?


แต่เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตอนนี้เป้าหมายของเขาคือเอาหอยเป๋าฮื้อพวกนั้นมาต่อรองกับบาลซักอย่างรวดเร็วเขาช่วยเรือวิจัยหมายเลขสองจับเต่ามะเฟืองกับล็อบสเตอร์แล้วก็เอาเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana ที่เหมือนไม่มีชีวิตชีวาให้เขา


พวกผู้เชี่ยวชาญยังรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบอีก การเคลื่อนไหวของหอยเป๋าฮื้อเชื่องช้ามาก ดังนั้นหลังถูกจับออกมาก็ยังไม่ขยับจนดูไม่ออกเลยว่าตายหรือไม่ตาย


พอได้หอยเป๋าฮื้อมาแล้ว ฉินสือโอวก็หัวเราะพลางวางลงไปที่แนวปะการัง


แน่นอนว่าเพื่อลดความสงสัยของพวกผู้เชี่ยวชาญลง เขาเลยทำเป็นตรวจดูสภาพของเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana


ที่ฉินสือโอวตรวจดูคืออายุของหอยเป๋าฮื้อ ซึ่งก็เหมือนกับต้นไม้ ทุกๆ ปีที่ผ่านไปหอยเป๋าฮื้อจะทิ้งรอยเว้าไว้ที่เปลือกหอย รอยเว้านี้เรียกว่าวงเปลือกหอย สำหรับต้นไม้จะเรียกว่าวงปี


ภายใต้สถานการณ์ทั่วๆไป วงเปลือกหอยจะชัดเจนหรือไม่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่อยู่ ฤดูกาลและอาหารการกินของหอยเป๋าฮื้อ ในฤดูกาลที่มีการเจริญเติบโตเร็ว วงเปลือกหอยก็จะชัดเจน ระยะห่างจะค่อนข้างกว้าง ในทางกลับกันในฤดูกาลที่การเจริญเติบโตช้า วงเปลือกหอยก็จะเลือนราง ระยะห่างก็จะค่อนข้างใกล้กัน


ฉินสือโอวดูแล้วหอยเป๋าฮื้อพวกนี้ตัวที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ประมาณฝ่ามือของเขา บนกระดองมีวงเปลือกหอยสี่สิบถึงห้าสิบเส้น มันเป็นตัวที่อายุยืนมากในเผ่าพันธุ์นี้ มิน่าล่ะก่อนหน้านี้พวกผู้เชี่ยวชาญถึงไม่ยอมให้หอยเป๋าฮื้อพวกนี้กับเขาเพราะพวกมันทรงคุณค่ามากนี่เอง


“โอเค หอยเป๋าฮื้อพวกนี้ไม่มีปัญหา” ฉินสือโอวพยักหน้า พวกผู้เชี่ยวชาญหัวเราะพลางพูดว่าไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว ในใจแอบหัวเราะในความไร้ฝีมือของฉินสือโอว ดูจากเรี่ยวแรงของเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana แล้วต้องเอาใส่ในน้ำสะอาด ไม่อย่างนั้นพวกมันจะไม่ขยับ


ฉินสือโอวก็แอบหัวเราะอยู่เหมือนกัน หลังจากเอาหอยเป๋าฮื้อใส่ลงไปในน้ำ เขาก็ถอนจิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่ใช้ควบคุมพวกมันออกและถือโอกาสส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไปจำนวนมาก จากนั้นพวกเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana ก็ตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอใส่เข้าไปที่แนวปะการังมันก็เริ่มออกหาอาหารทันที


เป๋าฮื้อพวกนี้มีหนวดคู่หนึ่งอยู่ที่ส่วนหัว มีตาอยู่ตรงโคนปากระหว่างหนวดและส่วนท้อง นอกจากนี้เป๋าฮื้อยังมีแขนใหญ่ๆอีกหนึ่งเส้น ด้านบนมีกรามและแรดูลา[1]จํานวนมากตั้งอยู่บนแถบแรดูลา ดูรวมๆแล้วคล้ายตะไบ


หอยเป๋าฮื้อใช้แถบแรดูลาในการจับอาหาร หลักๆเป็นพวกแพลงก์ตอน สาหร่ายแดง สาหร่ายเขียว สาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายทะเลต่างๆ


เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือเปลือกของพวกมันจะมีสีคล้ายสิ่งที่พวกมันกินเข้าไป ดังนั้นเปลือกของหอยเป๋าฮื้อประเภทนี้จึงคล้ายรอยด่างๆ เพราะพวกมันกินสาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายทะเลเข้าไปจนสีเปลี่ยน


แหล่งสาหร่ายทะเลแถวแนวปะการังอุดมสมบูรณ์มากเช่นนี้ เกรงว่าไม่ถึงกลางคืนพวกเป๋าฮื้อที่ได้รับการกระตุ้นจากพลังแห่งโพไซดอนคงจะค่อยๆเคลื่อนที่หาอาหารแล้ว


กินดื่มอิ่มแล้วพวกหอยเป๋าฮื้อก็หาโพรงไว้เป็นบ้านที่แนวปะการังเช่นนี้ ถ้าต่อไปสภาพแวดล้อมรอบๆไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก มันก็จะเอาที่นี่เป็นที่อยู่หลัก ไม่ว่าตอนกลางคืนจะไปที่ไหนกลางวันก็จะกลับมาที่นี่


เป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana เนื้อเยอะ รสชาติดี พวกมันดึงดูดสัตว์ที่หาอาหารอยู่รอบๆอย่างรวดเร็วปลาและกุ้งที่กินสัตว์มีเปลือกเป็นอาหารล้วนรีบมา


อย่าเห็นว่าหอยเป๋าฮื้อรูปร่างงุ่มง่าม ที่จริงแล้วความสามารถในการป้องกันตัวของมันไม่เลวเลย เพียงแปะตีนไว้บนหินก็จะสามารถสร้างแรงดูดกว่าสองร้อยกิโลกรัมได้แล้ว พวกปลาใหญ่จะอาศัยแรงดูเพื่อกินพวกมันไม่ได้เด็ดขาด


สิ่งเดียวที่สามารถส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของเป๋าฮื้อพันธุ์ Haliotis kamtschatkana คือกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีเจ้าพวกนี้เชี่ยวชาญในการทำลายเปลือกของเหยื่อและเปลือกของหอยเป๋าฮื้อก็ไม่แข็งแรงเท่าไร มันจึงไม่สามารถโจมตีกั้งตั๊กแตนได้


ฉินสือโอวได้แต่ลงมือเองด้วยการถ่ายพลังจิตไปที่พวกกั้งตั๊กแตนไม่ให้มาหาอาหารที่แนวหินปะการัง


แบบนี้พวกกั้งตั๊กแตนก็จะหลบเลี่ยงแนวปะการังตามสัญชาตญาณ และไม่เข้ามาในบริเวณนี้ตามคำสั่งของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน


นายท่านใหญ่ฉินท่องยุทธจักรโดยอาศัยความบริสุทธิ์และศักดิ์ศรี ความบริสุทธิ์ถูกวินนี่พรากไปแล้ว ที่เหลือคือศักดิ์ศรีอันล้ำค่า


ในเมื่อรับปากไว้ว่าจะช่วยพวกผู้เชี่ยวชาญจับล็อบสเตอร์และเต่ามะเฟืองเขาก็จะทำเช่นนั้น


การจับล็อบสเตอร์นั่นเป็นเรื่องง่าย ถ้าหาพื้นที่ทะเลหรือเขตน้ำตื้นที่ล็อบสเตอร์อยู่เจอ เขาดำน้ำลงไปจับมาก็ได้แล้ว ถ้าน้ำลึกก็วางตาข่ายดักกุ้งลงไป ครึ่งวันก็จับได้แล้วเหมือนกัน


ที่ค่อนข้างยากคือการจับเต่ามะเฟืองต่างหาก


……………………………………………


[1] แรดูลา อวัยวะบดเคี้ยวเหมือนฟันซี่เล็กใช้บดย่อยอาหารของสัตว์จำพวกหอย


บทที่ 603 ความคิดของฉงต้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

พวกผู้เชี่ยวชาญคิดว่าตัวเองรู้จักเต่ามะเฟืองดีพอ พวกเขาคิดว่าตัวเองจับเจ้าเต่ายักษ์ไม่ได้แล้วจะมีชาวประมงไร้ปัญญาคนไหนทำได้


 “คุณคิดว่าจะใช้วิธีไหน? ลากตาข่ายไปจับ?” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถามเย้ยฉินสือโอว


ที่พวกเขาใช้ก่อนหน้านี้คือวิธีล่อใจ เนื่องจากเต่ามะเฟืองเป็นสัตว์อพยพ พวกมันจึงชอบว่ายน้ำร่อนเร่อยู่ในทะเล แต่ละปีสามารถว่ายได้ถึงหนึ่งหมื่นหกพันกิโลเมตร เฉลี่ยทุกวันมันว่ายไปประมาณสี่สิบห้ากิโลเมตร เพราะแบบนี้จึงมีความต้องการปริมาณอาหารมาก


ในสถานการณ์ปกติปริมาณอาหารเต่ามะเฟืองสามารถกินได้ในหนึ่งวันก็คือร้อยละเจ็ดสิบสามของน้ำหนักตัวมัน เท่ากับหนึ่งหมื่นหกพันแคลอรี มากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถึงเจ็ดเท่า พลังงานพวกนี้จะใช้เผาผลาญตอนที่พวกมันเดินทาง


ดังนั้นส่วนใหญ่วิธีใช้อาหารล่อจะมีประโยชน์ในการจับเต่ามะเฟืองมาก และมันก็มีประโยชน์ต่อพวกนักกินทั้งหมดด้วย


น่าเสียดายที่วิธีของพวกผู้เชี่ยวชาญต้องมาพบกับความพ่ายแพ้ที่ฟาร์มปลาต้าฉิน พวกเต่ามะเฟืองได้ดื่มกินอย่างดีทุกวัน แล้วของที่พวกมันดื่มกินก็ล้วนมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ใครจะสามารถทำให้พวกมันสนใจปลาตายกุ้งตายพวกนั้นได้?


ฉินสือโอวมองพวกผู้เชี่ยวชาญที่อยากรู้อยากเห็นแล้วเริ่มทำการหักหน้า เขาหัวเราะพลางพูด “ง่ายมาก พวกเราต้องตกเต่าทะเล”


“ตกเต่าทะเล? ตกยังไง? ใช้ปลาเป็นเหยื่อ?” ในที่สุดพวกผู้เชี่ยวชาญก็มีสิ่งที่ไม่เข้าใจ แต่ละคนต่างอึ้งไปตามๆ กัน


พวกชาวประมงเอาตะขอเบ็ดชั่วคราวที่ทำเสร็จแล้วออกมา ที่จริงแล้วไม่ได้มีตะขอหรอก แต่เป็นเอ็นตกปลาผูกกับซังข้าวโพดแบบหยาบๆ พันแมงกะพรุนตัวใหญ่ๆ ที่ซังข้าวโพดแล้วโยนลงน้ำไปก็ได้แล้ว


เต่ามะเฟืองชื่นชอบแมงกะพรุนเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าสัตว์ประเภทนี้จะไม่ได้ให้พลังงานกับพวกมันมากนักก็ตาม


แมงกะพรุนลอยอยู่ในน้ำมักจะมีโอกาสเจอเต่ามะเฟืองได้โดยบังเอิญ พอถึงตอนนั้นเต่ามะเฟืองก็จะฉวยโอกาสอ้าปากเขมือบแมงกะพรุนพวกนี้


พอกินแมงกะพรุนเข้าไปแล้วเต่ามะเฟืองก็จะอิ่มจนหนีไปไม่ไหวและได้แต่ถูกชาวประมงดึงขึ้นเรือ


เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของร่างกายพวกมัน อย่าเห็นว่าภายนอกของเจ้าพวกนี้ดูทึ่มๆ น่ารัก ดูท่าทางเหมือนไม่ทำร้ายคน แต่ที่จริงเบื้องหลังใบหน้าน่ารักนั้นกลับซ่อนฟันคมๆ ไว้นับร้อย นับว่าเป็นช่องปากที่น่าตกใจมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว


ตั้งแต่ช่องปากไปกระเพาะอาหารจนถึงลำไส้ อวัยวะพวกนี้ของเต่ามะเฟืองมีฟันที่แหลมและขรุขระอยู่มากมายนับร้อยเหมือนหินงอกหินย้อยที่กลับหัวอยู่


เต่ามะเฟืองกินแมงกะพรุนด้วยการกลืนโดยไม่เคี้ยว เมื่อปากงับแมงกะพรุนไว้แล้วซังข้าวโพดที่เอาแมงกะพรุนพันไว้จะติดอยู่ที่ฟันของพวกมัน แบบนี้พวกมันก็จะไม่สามารถอ้าปากคายซังข้าวโพดได้และได้แต่ถูกสายบนซังข้าวโพดจูงไป


พวกชาวประมงพายเรือเล็กอยู่บนผิวน้ำอย่างใจเย็น บางครั้งเมื่อดึงเอ็นตกปลาขึ้นด้านบนก็มักจะตกเต่ามะเฟืองได้ ตัวใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกระดองสองเมตรกว่า ส่วนตัวเล็กอยู่ที่สามสิบสี่สิบเซนติเมตร ส่วนตัวที่เล็กกว่านั้นไม่มีความจำเป็นต้องตกขึ้นมา


เห็นภาพแบบนี้แล้วพวกผู้เชี่ยวชาญต่างมองหน้ากันพลางยักไหล่ แต่ละคนก็มีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน


ใช้เวลาไปสองชั่วโมง ชาวประมงก็ตกเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ขึ้นมาได้สองร้อยกว่าตัว ฉินสือโอวเองก็ไม่คิดว่าที่ฟาร์มปลาของเขาจะมีเต่าประเภทนี้อยู่เยอะขนาดนี้


บาลซักได้เห็นพวกเต่ามะเฟืองเรี่ยวแรงดีพวกนี้ก็อารมณ์ดีมาก “ขอเพียงพวกเราปกป้องรักษาให้ดี เต่ามะเฟืองพวกนี้ก็จะไม่สูญพันธุ์ไปในเวลาอันสั้น ดูสิ ฟาร์มปลาของคุณนี่ดึงดูดเจ้าพวกนี้ได้ไม่น้อยเลย”


ฉินสือโอวไม่เห็นด้วยกับเขา ทะเลทั้งโลกใบนี้จะสามารถสะอาดบริสุทธิ์ได้เหมือนที่ฟาร์มปลาของเขาเหรอ? จะมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเหรอ? นอกจากว่ามนุษย์จะตั้งใจทำความสะอาดทะเลเป็นวงกว้าง ไม่อย่างนั้นสภาพแวดล้อมที่พวกเต่ามะเฟืองอาศัยอยู่ก็จะยังคงย่ำแย่ต่อไป


แต่เขาก็เต็มใจที่จะอยู่กับพวกผู้เชี่ยวชาญพวกนี้เพราะได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่งานในฟาร์มปลามีเยอะเหลือเกิน เขาไม่สามารถตามพวกผู้เชี่ยวชาญไปเรื่อยๆ ได้


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักท่องเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามอากาศอันอบอุ่น งานของวินนี่ก็ยุ่งจนเธอไม่มีเวลาดูแลเจ้าพวกตัวแสบ หน้าที่นี้จึงต้องมอบให้ฉินสือโอว


เจ้าตัวแสบพวกนี้ฉินสือโอวเลี้ยงมากับมือ เดิมทีเขาคิดว่าการดูแลเจ้าพวกนี้เป็นเรื่องง่ายมาก แต่ที่จริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ต้องพูดถึงตัวอื่น แค่ฉงต้าเขาก็รับมือไม่ไหวแล้ว


ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ฉงต้าทำท่าจะเป็นสัตว์ตื่นตัวกระวีกระวาดอยู่ตลอด มีหรือไม่มีเรื่องอะไรก็จะวิ่งวุ่นไปทั่วฟาร์มปลาทำให้ห่านตกใจและเอาแต่แกล้งหมาโดยไม่ทำเรื่องอะไรดีๆ เลย


พอทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากก็ต้องการอาหารมาก แต่ฉินสือโอวและวินนี่คิดว่าฉงต้าอ้วนเกินไปแล้วเลยควบคุมปริมาณอาหารของมัน


ฉงต้าไม่พอใจที่เป็นอย่างนี้ ครู่หนึ่งก็วิ่งมาทางฉินสือโอวแล้วทำท่าน่ารักเพื่อขออาหารกิน


ฉินสือโอวแบมือพลางพูด “ไม่มีแล้วลูก ตอนนี้พ่อจน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเนื้ออยู่เจ็ดสิบกิโลกรัม ถ้าลูกหิวก็กินพ่อเถอะ”


ฉงต้าจ้องฉินสือโอวด้วยความโมโหแล้วอ้าปากส่งเสียงขู่ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงที่พื้นพร้อมกอดต้นขาฉินสือโอวไว้แล้วเริ่มถูไถ


ฉินสือโอวใจแข็งไม่หยิบของกินให้มัน ตอนนี้เจ้าตัวแสบนี่อ้วนเกินไปแล้ว นั่งลงทีเหมือนภูเขาก้อนเนื้อ ขนสีน้ำตาลอมเหลืองมันเป็นเงา เวลาวิ่งทีไขมันที่ตัวก็กระเพื่อมไปทุกทิศทางเหมือนมีน้ำไหลอยู่ใต้ผิว


แน่นอนว่าใต้ผิวหนังของฉงต้าไม่มีน้ำ ที่มีคือไขมันหนาๆ


ฉินสือโอวกำลังปลอบใจฉงต้าอยู่ หู่จือก็คาบไข่นกวิ่งมา ช่วงนี้นกจมูกหลอดหางสั้นวางไข่บนชายหาดอยู่เรื่อยๆ หู่จือและเป้าจือไปพบก็จะเก็บกลับมาแบบนี้ ฉินสือโอวเลยได้เงินจากการขายไข่นกไข่เป็ดอยู่มาก


พอรับไข่ที่หู่จือพบแล้ว ฉินสือโอวก็เอาเนื้อแห้งป้อนให้หู่จือ


ฉงต้าเห็นของกินก็ตาเป็นประกาย ยื่นอุ้งเท้าอ้วนๆ จะมาแย่ง หู่จือเตรียมตัวไว้แล้ว มันอ้าปากงับเนื้อแห้งไว้แล้วมุดเข้าไปใต้โต๊ะทันที พอกินหมดแล้วถึงค่อยกระโดดออกมา


โต๊ะเตี้ยเกินไป ฉงต้าอ้วนเกินไปเลยมุดเข้าไปไม่ได้


เมื่อแย่งเนื้อแห้งมาไม่ได้ฉงต้าก็หันกลับมาร้องโห่วโห่วใส่ฉินสือโอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มันไม่ได้ยืนคัดค้านแต่นอนอยู่บนพื้น ขี้เกียจผิดปกติจริงๆ


ฉินสือโอวเขกหัวมันไปหนึ่งทีแล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย “แกยังมีหน้ามาร้องอีกเหรอ ไม่ใช่เพราะอ้วนเกินหรือไงถึงมุดเข้าใต้โต๊ะไม่ได้?”


ฉงต้าเอียงหัวมองเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยืนขึ้นก่อนจะจากไปอย่างกะทันหันโดยไม่เซ้าซี้เขาอีก จากนั้นมันก็วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากบ้าน


ฉินสือโอวรู้สึกว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นเลยตามไป


ฉงต้าออกมาจากบ้านแล้วก็วิ่งไปทางเหนือ เจ้านี่อึดมาก มันวิ่งตามแนวชายฝั่งไปถึงสิบกว่ากิโลเมตร ยังดีที่ฉินสือโอวออกกำลังกายทุกวันถึงได้ตามทัน


พอวิ่งมาถึงฟาร์มปลาข้างๆ ที่ห่านไท่หูรวมตัวกันอยู่ ฉงต้าก็ลดความเร็วลง มันมองฝูงห่าน เมื่อหาที่ที่ฝูงห่านรวมตัวกันอยู่เยอะที่สุดเจอแล้วก็เข้าไปใกล้


ฉินสือโอวสงสัย ไม่ใช้มั้ง ฉงต้าหิวจนเป็นแบบนี้เลยเหรอ? คิดจะจับห่านกินอย่างนั้นเหรอ? เขาปฏิเสธความคิดนี้ทันที นี่ไม่ใช่นิสัยของฉงต้า มันอยากได้ของกินตลอดที่จริงไม่ใช่เพราะหิวมาก แต่ตะกละเกินไปต่างหาก!


ที่มันอยากกินคือของอร่อยอย่างเนื้อแห้ง ปลาแห้ง สลัดผลไม้ ไม่ใช่เนื้อห่านที่มีกลิ่นคาว


เห็นฉงต้าเข้ามาใกล้ห่านไท่หูเพศผู้ที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆ ก็จ้องฉงต้าด้วยความระแวงพร้อมส่งเสียง ‘ก๊าบก๊าบ’เหมือนต้องการจะขู่ฉงต้า


ความกล้าของฉงต้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามไขมันที่ตัว มันไม่ใช่หมีน้อยที่โดนฝูงห่านรุมตีแล้วทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้มันโตขึ้นแล้ว เพราะงั้นอย่าว่าแต่ฝูงห่านเลย แม้แต่ฝูงนกอินทรีมันก็ไม่กลัว


บทที่ 604 ฝึกฝนเสี่ยวหลัวปอ

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากเข้ามาใกล้ ฉงต้าก็ประมาทห่านไท่หูที่ตื่นตระหนกพวกนี้ด้วยการพุ่งพรวดเข้าไปท่ามกลางฝูงห่านแล้วอ้าปากชุ่มเลือดไปทางด้านหน้าและซ้ายขวาพร้อมส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “โหวโห่วโหว!!! โหวโห่ว!!”


เสียงอันทรงพลังของเจ้าป่าเข้าโจมตีฝูงห่าน พวกห่านสีขาวตัวใหญ่กระพือปีกแตกกระเจิงด้วยความตกใจไม่กล้ากระตุกหนวดเสือ ฝูงห่านที่อยู่แถวนั้นต่างตกใจแตกซ่านกันไปคนละคนละทิศคนละทาง


ด้วยเหตุนี้ไข่ห่านสีเขียวอ่อนจึงปรากฏอยู่บนชายหาด ฉงต้าเลือกฟองที่ใหญ่ที่สุดอย่างเบิกบานใจแล้วอ้าปากงับไข่ห่านไว้ก่อนจะจากไปอย่างองอาจ


ฝูงห่านที่อยู่ด้านหลังเหมือนจะขาดใจและทำได้เพียงส่งเสียงร้องประท้วง แต่ไม่กล้าเข้าไปรุมตีฉงต้า


ฉงต้าวิ่งไปด้านหลัง พอพบกับฉินสือโอวเข้าก็เดินเตาะแตะเอาไข่ห่านส่งให้ฉินสือโอวแล้วนั่งลงกับพื้นทำท่าน่าเอ็นดูเลียนแบบหู่จือพลางส่งสายตามองเขา


ฉินสือโอวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่อันที่จริงนี่ก็ช่วยได้บ้างเพราะเขาชอบกินไข่ห่านที่มีรสชาติหอมอร่อย แต่ฝูงห่านไม่ชอบเขา ถ้าเขามาเอาไข่ก็จะถูกรุมตี แบบนี้ต่อไปเขาก็สามารถมอบหน้าที่ยิ่งใหญ่นี้ให้ฉงต้าไปชิงไข่มาให้เขาได้แล้ว


ที่สำคัญที่สุดคือที่ที่ห่านไท่หูรวมตัวกันอยู่ห่างจากบ้านพอสมควร ถ้าฉงต้าตะกละจะวิ่งกลับมาเอาไข่ห่านอีก แบบนั้นไม่นานก็น่าจะสามารถลดน้ำหนักได้ด้วย


พอคิดแบบนี้ฉินสือโอวก็เอาเนื้อแห้งให้ฉงต้า พอได้รับการส่งเสริม ฉงต้าก็วิ่งกลับไปเอาไข่ห่านแล้ววิ่งมาอีก


มีห่านไท่หูที่ไม่ดูกำลังตัวเองอยากเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง ฉงต้าเลยลงมืออย่างเหยียดหยาม มันก้มหัวลงแล้วพุ่งไปอย่างฉับพลัน ครู่หนึ่งก็ชนแหวกไปเป็นทาง


ฉินสือโอวไม่อยากให้ฉงต้าได้เนื้อแห้งเป็นรางวัลอย่างง่ายๆ เลยรีบกลับบ้านให้มันได้วิ่งเยอะๆ


ตอนค่ำพอวินนี่กับหลิวซูเหยียนเลิกงานกลับมา ฉินสือโอวก็เล่าเรื่องนี้ให้พวกเธอฟัง หลิวซูเหยียนกับเหมาเหว่ยหลงหัวเราะกันใหญ่ ส่วนวินนี่พยักหน้าอย่างจริงจังพร้อมพูดขึ้น “นี่เป็นวิธีที่ดี ถ้าฉงต้าอ้วนต่อไปอย่างนี้อาจจะหาแฟนไม่ได้แล้ว”


ตัดสินใจเรื่องลดน้ำหนักของฉงต้าเสร็จ วินนี่ก็พูดถึงเสี่ยวหลัวปอเจ้าหมาป่าสีขาวตัวเล็กที่กำลังมองฟอสซิลไดร์วูล์ฟอย่างชิงชัง เธอปรึกษากับฉินสือโอว “ดูสิ ลูกสาวของเราถึงเวลาต้องเรียนล่าสัตว์แล้ว พรุ่งนี้คุณเริ่มฝึกเธอหน่อยสิ?”


ฉินสือโอวใจอ่อนกับวินนี่ เขาตบอกแล้วพูดเสียงดัง “รอดูผมเถอะ ไม่มีปัญหา ผมต้องทำให้เสี่ยวหลัวปอกลายเป็นโลโบ้ตัวใหม่แน่นอน!”


โลโบ้คือราชาหมาป่าของอเมริกาเหนือในตำนาน โลโบ้ตัวใหม่แน่นอนว่าก็ต้องเป็นราชาหมาป่าตัวใหม่


ฉินสือโอวพูดจริงทำจริง วันรุ่งขึ้นพอส่งวินนี่ไปทำงานแล้วเขาก็พาเสี่ยวหลัวปอไปที่โรงเพาะเลี้ยงเล็กๆ ให้มันไปนอนเกลือกกลิ้งกับเป็ดไก่ด้านใน


แต่เสี่ยวหลัวปอยังเด็ก โอเค ก็ยังเข้าใจได้ว่ามันยังเด็ก


ตอนเผชิญหน้ากับฟอสซิลไดร์วูฟที่ขยับไม่ได้ มันเห่าอย่างกล้าหาญ ทำได้แม้กระทั่งกัดตะครุบ ข่วนและยังเตะได้อย่างที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน


ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงเป็ดไก่ดุร้ายที่โรงเพาะเลี้ยง แถมยังมีไก่งวงที่ตีมันไปหลายรอบ เสี่ยวหลัวปอก็็็ขนตั้งชัน หางที่ตั้งชี้ก็ลู่ลง


ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือให้เสี่ยวหลัวปอพุ่งไปข้างหน้า


เสี่ยวหลัวปอฮึดขึ้นมาอีกครั้ง มันอ้าปากส่งเสียงขู่ ‘โหวโห่ว’ จากนั้นก็มีหมาป่าตัวหนึ่งกระโดดออกมาอยู่ห่างออกไปสองร้อยกว่าเมตร มันช่างมีความองอาจคล้ายพ่อแม่ของมันตอนต่อสู้กับหู่จือเป้าจือเมื่อครั้งพวกมันยังเด็ก


แต่ที่มันทำได้ก็มีแค่นี้แหละ หลังจากกระโดดออกมาเป็ดไก่ที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้กลัวเจ้าก้อนไหมพรมสีขาวที่ใหญ่กว่าตัวเองไม่เท่าไรแม้แต่น้อย โดยเฉพาะไก่โต้งที่ดุดันพวกนั้น พวกมันไม่ถอยแต่กลับจะเข้ามาจิกมันด้วย


เสี่ยวหลัวปอตกใจรีบวิ่งหางตั้งมาซ่อนหลังขาของฉินสือโอวแล้วเห่าขู่


ฉินสือโอวนึกถึงภาพตอนที่บุชบินครั้งแรก การฝึกฝนเจ้าพวกนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามเขาเลยพาเสี่ยวหลัวปอกลับไปที่สนามหญ้าในบ้าน


เมื่อครู่นี้เสียหน้าที่โรงเพาะเลี้ยง พอเสี่ยวหลัวปอมาถึงสนามหญ้าก็เลยอยากแก้หน้าโดยการปีนขึ้นไปบนต้นเมเปิลแล้วยื่นอุ้งเท้าไปตะกุยที่ลำต้นอยู่หลายครั้ง


เสียดายที่เปลือกของต้นเมเปิลหนามาก และอุ้งเท้าของเสี่ยวหลัวปอก็นุ่มเกินไป มันใช้ฟันน้ำนมกัดที่ลำต้นแล้วตะครุบไปตะครุบมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร


เจ้ากระรอกเสี่ยวหมิงที่กำลังอุ้มลูกสนกินอย่างสุขใจอยู่บนต้นเมเปิลมองเสี่ยวหลัวปอแปลกๆ มันไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวติ๊งต๊องยิ่งกว่าเด็กนี่เป็นบ้าอะไรถึงได้มาสู้กับต้นไม้


ฉินสือโอวค้นหาวิธีฝึกสุนัขในอินเทอร์เน็ต เขาคิดว่าหมาป่าและหมาบ้านคงไม่ต่างกันเท่าไร ใช้วิธีฝึกสุนัขมาฝึกเสี่ยวหลัวปอก็คงไม่มีปัญหา


ดูวิดีโอไปไม่กี่อันฉินสือโอวก็ไปหาถุงมือหนาๆ มาใส่แล้วยื่นไปด้านหน้าเสี่ยวหลัวปอ “มา ลูกสาว มากัดมือพ่อมา!”


เสี่ยวหลัวปอมองฉินสือโอวอย่างงุนงง ไม่เข้าใจความหมายของเขา จากนั้นมันก็หันกลับไปสู้กับต้นเมเปิลต่อ


ฉินสือโอวเดินเข้าไปแล้วใช้ถุงมือขวางเสี่ยวหลัวปอไว้พร้อมทำสัญญาณให้มันโจมตีที่ถุงมือของตัวเอง


เสี่ยวหลัวปอไม่สนใจ มันยกอุ้งเท้าที่กดบนถุงมือออกแล้วมองฉินสือโอวด้วยความไม่พอใจพร้อมเห่าออกมาสองครั้งราวกับจะสั่งสอนฉินสือโอวว่าอย่ามาก่อกวน


ฉินสือโอวขัดขวางอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยวหลัวปอไม่กัดเขาเพียงแต่ใช้อุ้งเท้าผลักถุงมือออก ผลักไม่ออกมันก็ตะกุย


แบบนี้ฉินสือโอวเองก็จนใจ ก่อนหน้านี้วินนี่สอนเจ้าตัวแสบให้เชื่องเกินไปจนตอนนี้มันไม่กัดคนแล้ว


เมื่อกลับถึงบ้านฉินสือโอวก็ค้นหางานสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกสุนัขเพื่อดูการฝึกอย่างเป็นทางการ


ตามที่ในการสัมมนาแนะนำ ปกติเวลาฝึกสุนัขจะฉวยโอกาสตอนที่กำลังสุนัขพักผ่อน ผู้ช่วยฝึกจะแต่งตัวเป็นคนแปลกหน้าแล้วทำท่าทางแปลกๆ และน่ากลัวเข้ามาใกล้หรือส่งเสียงใส่สุนัขเพื่อเรียกความสนใจ


ฉินสือโอวมองเสี่ยวหลัวปอที่อยู่ด้านนอก เจ้านี่ฉลาดมาก ถ้าตัวเขาปลอมตัวไปมันก็คงสามารถดูออกได้ว่าเป็นเขา?


เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ด้านหลังถามว่าเขาทำอะไรอยู่ ทีแรกฉินสือโอวจะให้เหมาเหว่ยหลงทำ แต่เสี่ยวหลัวปอก็คุ้นเคยกับเขามาก คงไม่มีประโยชน์ เขาเลยทิ้งความคิดนี้ไปแล้วบอกความลำบากของตัวเองออกมา


พอฟังสิ่งที่ฉินสือโอวพูดแล้วเหมาเหว่ยหลงก็โบกมืออย่างดูถูก “นี่ถือว่าเป็นเรื่องลำบากเหรอ? นายไม่ได้อยากปลอมเป็นคนแปลกหน้าเหรอ? ไปเช่าชุดมาสคอตในเมืองก็ได้แล้ว?”


ชุดมาสคอตก็คือชุดใหญ่ๆ ที่มักใส่เพื่อการโปรโมตโดยให้คนแต่งเป็นตัวตลก ชุดโบราณ การ์ตูนหรือสัตว์ต่างๆ อะไรประเภทนี้


ฉินสือโอวรู้สึกว่าความคิดนี้ใช้ได้จึงดูต่อไป


ผู้มีประสบการณ์ในงานสัมมนาบอกว่าเข้าไปใกล้แล้วต้องทำให้สุนัขตื่นตัว จากนั้นฉินสือโอวก็เริ่มลงมือเย้าแหย่มัน


จากการหยอกล้อเล็กน้อย เมื่อสุนัขเริ่มระวังตัวหรือทำท่าจะกัดผู้ช่วยฝึกที่ปรากฏตัวแล้ว ผู้ช่วยฝึกจะเริ่มแกล้งทำเป็นจู่โจม กระตุ้นปฏิกิริยาการป้องกันตัวจากศัตรูของสุนัข


ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ไม่น่าใช้ได้ เสี่ยวหลัวปอถูกวินนี่สอนมาอย่างกุลสตรี ฝีมือในการทำท่าน่ารักของเจ้านี่เป็นหนึ่ง ถ้าคุณไปรังแกมัน มันก็แค่คิดว่าคุณหยอกล้อกับมันเท่านั้นและคงไม่โมโห


บทที่ 605 ยอมแพ้แล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่วินนี่กลับมา เธอก็ถามฉินสือโอวว่าการฝึกเสี่ยวหลัวปอมีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว เธอหวังว่าหลังจากที่มันฟื้นฟูร่างกายและกลับไปยังป่าแล้ว มันจะสามารถกลายเป็นผู้นำที่ดีได้ เธอต้องการสอนให้มันเรียนรู้ที่จะล่า แต่ต้องไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน


หมาป่าไม่ใช่สัตว์ที่จะสามารถสอนตามคู่มือที่อยู่ในหนังสือได้ ในหนังสือพูดถึงแต่สัญลักษณ์อะไรสักอย่างของชาวมองโกเลียและความเชื่อของชาวอินเดียแดง แต่ความเป็นจริงแล้วในปัจจุบัน เหล่าชาวนาและเจ้าของที่ดินต่างเกลียดหมาป่าเป็นที่สุด นั่นก็เพราะพวกมันโลภมากและโหดร้าย


ฉินสือโอวบอกว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี แต่คงจะไม่เห็นผลสัมฤทธิ์เร็วขนาดนั้น เพิ่งจะฝึกเสี่ยวหลัวปอได้แค่วันเดียวเอง ถ้าเขาสามารถสอนให้เจ้าหมาป่าตัวนี้เชื่องเหมือนสุนัขตำรวจที่ทั้งฉลาดและกล้าหาญได้ เขาก็คงไม่ใช่เทพโพไซดอนแต่เป็นพระเจ้าแทนแล้ว


วินนี่กอดและจูบฉินสือโอวเบาๆ เธอยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันเชื่อว่าคุณสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ คุณคือผู้ชายที่เก่งที่สุดสำหรับฉันเลยนะ”


ฉินสือโอวดีใจกับประโยคที่ได้ยินทันที เขาถามกลับว่า “เก่งที่สุดงั้นเหรอ?”


“อืมอืม ใช่แล้ว เก่งที่สุดเลย เอาละ ตอนนี้คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ” วินนี่เตรียมน้ำสำหรับอาบเหมือนกับที่เตรียมให้เด็กๆ แล้วเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ


เมื่อฉินสือโอวเข้าไป วินนี่ก็ส่ายหัวพลางพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจ “และก็เป็นเด็กที่ซื่อบื้อที่สุดสำหรับฉันด้วย”


เพื่อให้สมกับที่วินนี่ไหว้วาน วันต่อมาฉินสือโอวก็เข้าไปในเมืองเพื่อไปหาซื้อชุดมาสคอต เมื่อก่อนของพวกนี้ไม่มีขายในเมือง แต่ตอนนี้เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะเป็นการดึงดูดลูกค้า ดังนั้นร้านค้าส่วนมากจึงมีของพวกนี้


ฉินสือโอวซื้อชุดมาสคอตที่เป็นคนสีเหลืองมาหนึ่งชุดจากร้านขายของชำของฮิวจ์ มันมีตาโตและฟันอันใหญ่โต นอกจากจะน่ารักแล้วยังน่ากลัวอยู่นิดหน่อยด้วย เจ้าตัวนี้เหมาะที่สุดแล้วที่จะเอามาแกล้งเสี่ยวหลัวปอ


หมาป่าที่น่ากลัวอย่างเสี่ยวหลัวปอกำลังวิ่งไปมาอย่างคึกคักทั่วห้องโถง ฉินสือโอวเห็นท่าทางของมันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงวัยเด็ก เจ้าหมาป่าตัวนี้ยังคงประพฤติตัวดีอยู่ แต่หากหมาป่าที่น่าเกรงขามตัวนี้ไม่สามารถต่อสู้ได้ แบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร?


หากยึดตามคำแนะนำของเว็บบอร์ดแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาต้องทำให้เสี่ยวหลัวปอเกิดอาการตื่นตระหนกเสียก่อนโดยการไปแอบอยู่หลังต้นเมเปิลต้นใหญ่แล้วค่อยกระโดดออกมา


แต่ปัญหาในตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้เสี่ยวหลัวปอโผล่หัวออกมา วิธีที่ดีที่สุดคือเขาจะให้เหมาเหว่ยหลงพาเด็กๆ ขึ้นไปบนบ้าน หลังจากนั้นเขาก็จะหาเวลาล่อไดร์วูล์ฟออกจากห้องโถงไปยังหน้าต้นเมเปิลทันที แล้วจากนั้นฉินสือโอวที่สวมชุดมาสคอตสีเหลืองก็จะหลบอยู่หลังต้นเมเปิล


ตอนนั้นเองฉงต้าก็วิ่งเข้ามาอย่างร่าเริง เมื่อมันวิ่งมาถึงหน้าฉินสือโอวมันก็เงยหน้ามองเขาและอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นไข่ห่านอีกหนึ่งใบ


ฉินสือโอวไม่อยากให้มันมาทำลายแผนการดีๆ ของตัวเอง เขาจึงรีบหยิบไข่ห่านนั้นออกมาและให้เนื้อหมูแห้งแก่มันหนึ่งคำก่อนจะไล่มันให้ออกไปวิ่งเล่นที่อื่น


เมื่อฉงต้าได้รับเนื้อแห้งมันก็เคี้ยวจ๊อบแจ๊บไปมาอย่างพอใจ จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ ไปทางที่พวกฝูงห่านอาศัยอยู่อีกครั้ง


เมื่อเสี่ยวหลัวโบหลุดพ้นจากเหมาเหว่ยหลงที่ยืนขวางมันไม่ให้มันวิ่งเข้าไปในห้องโถงแล้ว พอลงมาจากชั้นสองมันก็มองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ ทำไมไดร์วูล์ฟที่พึ่งพ่ายแพ้ให้แก่มันเมื่อครู่ถึงไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ?


หรือมันกลัวเราจนหนีไปแล้ว? เสี่ยวหลัวปอคิดอย่างภาคภูมิใจ แต่เมื่อมันวิ่งออกไปนอกบ้าน ทันใดนั้นมันก็เห็นว่าไดร์วูล์ฟกำลังยืนอยู่หน้าต้นเมเปิลและมองไปยังต้นไม้ต้นนั้นเขม็ง


ทันใดนั้นเจ้าหมาป่าตัวเล็กที่ทั้งกล้าหาญและเชี่ยวชาญการต่อสู้ก็เกิดความรู้สึกไม่ยอมขึ้นมา มันเงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงออกมาสองสามครั้ง หางของมันตั้งขึ้นราวกับธงขนาดเล็กราวกับจะโอ้อวด เป็นอีกครั้งที่หมาป่าผู้กล้าหาญและแข็งแกร่งสมชายชาตรีพุ่งเข้าไปหาไดร์วูล์ฟเฒ่าตัวนั้น!


“อะอู๊ว โฮ่งโฮ่ง!” เสี่ยวหลัวปอวิ่งไปข้างหน้าพลางเห่าหอนไปด้วย ท่าทางของมันดูดุร้ายเป็นอย่างมาก


ฉินสือโอวคำนวณจากเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลัวปอได้มาอยู่ข้างหน้าแล้ว เขาจึงรีบกระโดดออกมาทันที พร้อมร้องออกมาด้วยเสียงอันแปลกประหลาด “ว๊าก ว๊าก ว๊าก ว๊าก ว๊าก ว๊าก!”


เมื่อเสี่ยวหลัวปอที่กำลังวิ่งเข้ามาได้ยินเสียงร้องนั้นมันก็หยุดลงทันที มันเงยหน้ามองตัวประหลาดที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเรียวเล็กเปลี่ยนเป็นดวงตาเบิกกว้างราวกับระฆัง ปากของมันอ้ากว้าง ขาของมันพันกันไปมาจนทำให้สะดุดล้มลงไปกับพื้น!


เมื่อเห็นท่าทางเซ่อซ่าของเสี่ยวหลัวปอ ฉินสือโอวก็เกิดความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา…


ผลปรากฏว่าเสี่ยวหลัวปอทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก หลังจากที่มันลุกขึ้นมาได้มันยังจะกล้าบุกเข้ามาอย่างนั้นเหรอ? มันรีบวิ่งหนีกลับบ้านไปอย่างรวดเร็วเพราะความกลัวต่างหาก เรียกได้ว่าวิ่งราวกับจะบินได้เลยทีเดียว!


หลังจากที่มันวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ปรากฏว่าขาของมันก็อ่อนระทวยลงไปและสะดุดขาตัวเองล้มลงอีกครั้ง มันร้องเอ๋งๆ ออกมาแล้วรีบลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับลากสายยางที่อยู่ด้านหน้าไปด้วยอย่างพะรุงพะรัง….


ฉินสือโอวมองตามมันไปจนสุดทาง ให้ตายเถอะ นี่คือลูกหลานของหมาป่านักล่าผู้ดุร้ายที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความตื่นตระหนกให้ประเทศอังกฤษจริงเหรอ? แล้วสายยางด้านหลังนั่นคืออะไรกัน? ใครก็ได้บอกหน่อยสิว่าทำไมมาสคอตสีเหลืองน่ารักนี้ถึงทำให้หมาป่ากลัวได้?!


เสี่ยวหลัวปอวิ่งหนีสุดชีวิต มันเดินขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเล หลังจากเข้าไปในบ้านแล้วมันก็มุดเข้าไปอยู่ใต้โซฟาที่ใกล้ที่สุดที่หาได้ นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามีฝีมือ!


ฉินสือโอวจนปัญญาแล้วจริงๆ จู่ๆ เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าไม่ต้องกังวลเลยว่าหลังจากที่มันฟื้นฟูร่างกายเสร็จแล้วกลับเข้าป่าไปมันจะไปทำร้ายผู้คน มันขี้ขลาดขนาดนี้ หากมันยืนอยู่ต่อหน้าคนแล้วร้องขู่ออกมาได้สักทีสองทีก็ถือว่าใช้ได้แล้ว!


แต่ว่าเรื่องนี้ยังไม่สามารถบอกอะไรได้แน่นอน ตอนที่ฉงต้าเล็กๆ มันก็ขี้ขลาดเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันเก่งขึ้นตั้งเยอะ มันสามารถสร้างความตื่นตระหนกให้ฝูงห่านแล้วไปเอาไข่ห่านออกมาได้แล้ว การที่มันทำเรื่องนี้ได้ถือว่ามันมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด หากพูดอย่างไม่เกรงใจล่ะก็ ทั่วทั้งฟาร์มปลาแห่งนี้มีเพียงมันตัวเดียวที่ทำได้ นิมิตส์กับบุชนั้นอาจจะทำให้พวกห่านกลัวได้ แต่ก็ไม่สามารถเอาไข่ของพวกมันมาได้


ฉินสือโอวหาข้อมูลเรื่องนี้ในอินเทอร์เน็ต และมันก็มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่จริงๆ ชาวแคนาดานั้นไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรพวกเขาก็เลี้ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่ามอนิเตอร์ที่ยาวห้าฟุต สกังก์อายุสองปี แมงมุมที่มีขนาดตัวเท่าจานอาหารขนาดกลาง นอกจากนี้ยังมีหมูป่าด้วย….


ในอินเทอร์เน็ตมีคนจำนวนมากตอบกลับว่าในตอนที่สัตว์เลี้ยงของพวกเขายังเล็กนั้นขี้ขลาดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อโตขึ้นความกล้าของพวกมันก็ระเบิดออกมา นอกจากนี้ยังสร้างเรื่องให้เจ้าของรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่หลายครั้ง


มีบทวิเคราะห์จากโรงเรียนฝึกสอนสัตว์เลี้ยงบอกว่า นี่เป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์ป่า ถ้าหากว่ามันไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เกิด ตอนที่มันยังเล็กก็จะขี้ขลาด เพราะพวกมันรู้สึกขาดความปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อสัตว์ป่าพวกนั้นเริ่มไว้วางใจเจ้าของมากขึ้น ความมั่นใจของมันก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ความดุร้ายที่ฝังอยู่ในสายเลือดของพวกมันจะถูกกระตุ้นขึ้นเหมือนที่เขียนอยู่ในหนังสือ ‘เสียงเพรียกจากพงไพร’


หลังจากที่ฉินสือโอวอ่านจนเข้าใจชัดแล้ว เขาก็เลิกฝึกเสี่ยวหลัวปอ แต่กลับเข้าไปกอดมันเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์


แต่เขายังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าบทวิเคราะห์นี่ถูกจริงเหรอ? ตอนนี้เสี่ยวหลัวปอรู้สึกไม่ปลอดภัยงั้นเหรอ? ตอนนี้เจ้าตัวน้อยรู้สึกโดดเดี่ยวงั้นเหรอ? เขาไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติเลยสักนิด….


อาหารที่มีรสชาติอร่อยนั้นสามารถล่อใจฉงต้าที่รักการกินอาหารได้ดีมากกว่าที่คนทั่วไปจะคาดเดาได้ หลังจากที่มันเข้าใจว่าไข่ห่านสามารถทำให้แห้งได้แล้ว มันก็วิ่งออกไปยังฝูงห่านไม่หยุดหย่อน จากนั้นสองวันมันก็จะนำไข่ห่านใบใหญ่กลับมานับสี่สิบกว่าใบ


ฉินสือรู้สึกว่าจะปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาคิดอยากจะไปหาฉงต้าแล้วสั่งให้มันหยุดทำเรื่องนี้ที่สุด


รสชาติของไข่ห่านนั้นอร่อย แต่เขาไม่อยากรีบฆ่าห่านเหล่านั้นให้สูญพันธุ์ ถ้าหากห่านพวกนั้นไม่เพิ่มจำนวนเลย แบบนั้นถ้ากินห่านพวกนี้จนหมดแล้วเขาก็ต้องไปซื้อห่านฝูงใหญ่เพื่อมากินอีกน่ะสิ


ในตอนที่ฉินสือโอวเห็นฉงต้า มันกำลังวิ่งเข้าไปในพื้นที่ของห่านไท่หูพอดี


คราวนี้ห่านพวกนั้นหมดความอดทนและเลือกที่จะต่อสู้กลับในที่สุด!


พวกมันตั้งรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่ห่านที่กำลังกกไข่อยู่ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ส่วนพวกห่านตัวผู้ก็ค่อยๆ เข้ามาล้อมรอบห่านตัวเมียทีละชั้นๆ พวกมันใช้ร่างกายเบียดเข้าหากันจนกลายเป็นกำแพงกั้นฉงต้าเอาไว้


ฉงต้าคำรามออกมาสองสามที ห่านพวกนั้นก็เกิดอาการหวาดกลัว แต่พวกมันกลับไม่ยอมหนีไปเหมือนครั้งก่อนหน้านี้


ฉงต้ารู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้น่าเบื่อหน่าย มันรู้สึกหมดสนุกกับห่านพวกนั้น มันจึงเดินไปทางทิศเหนือ ฝูงห่านหัวสิงโตอยู่ไม่ไกล ฝูงห่านหัวสิงโตครอบครองพื้นที่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ที่นั่นยังมีไข่ห่านอยู่มากมายเช่นกัน


บทที่ 606 การต่อสู้ ณ ทุ่งหญ้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉงต้าวิ่งเข้าไปยังที่อยู่ของฝูงห่านอย่างกล้าหาญ หญ้าสีเขียวชอุ่มปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณเนินเขาขนาดเล็ก เมื่อฉงต้าพุ่งเข้าไปหาฝูงห่านแล้ว หลังจากนั้นมันก็สะบัดหัวไปมา กระดูกส่วนคอและสันหลังทำงานสัมพันธ์กันอย่างคล่องแคล่ว มันเตรียมเข้าไปขโมยไข่ห่านแล้ว


คำว่า ‘ขโมย’ คำนี้ นอกจากจะไม่เหมาะสมแล้ว ในมุมมองของฉงต้าตอนนี้ ไข่ห่านพวกนี้เป็นเหมือนอาหารว่างของมัน มันจะถูกนำไปเปลี่ยนเป็นเนื้อแห้ง ผลไม้แช่อิ่ม เป็นฟรุตสลัดที่เปรียบเหมือนเงินทอง ใช่แล้ว ในหัวของมันนั้นคิดว่าของเหล่านี้เป็นของมันทั้งหมด


ห่านไท่หูตามหลังฉงต้าไป พวกมันเดินส่ายก้นไปมาตามฉงต้าไปจนถึงที่อยู่ของห่านหัวสิงโต ที่พวกมันเดินส่ายก้นตามฉงต้าไปก็เพราะต้องการสังเกตการณ์ดูเหตุการณ์อันโหดร้ายนี้ พวกมันต้องการดูว่าห่านหัวสิงโตพวกนั้นจะมีจิตสำนึกที่จะทำเพื่อความอยู่รอดของลูกหลานตนเองหรือไม่


ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากห่านไท่หูกล้าบุกเข้าไปในที่อยู่ของห่านหัวสิงโตล่ะก็ แบบนั้นคงเกิดความวุ่นวายเป็นแน่ และจะต้องโดนห่านขาวพวกนั้นโจมตีกลับแน่นอน พื้นที่อาศัยของพวกมันทั้งสองสายพันธุ์แบ่งอาณาเขตกันอย่างชัดเจน ใครกล้าบุกไปยังเขตของอีกฝ่ายรับรองได้ว่าเกิดสงครามแน่นอน


แต่การเป็นศัตรูกันนั้นไม่ยั่งยืนเท่ากับการมีศัตรูคนเดียวกันอย่างฉงต้า ตอนนี้ศัตรูทั้งสองได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว ตอนนี้ห่านทั้งสองสายพันธุ์มีศัตรูคนเดียวกันก็คือฉงต้า ดังนั้นพอฉงต้าปรากฏตัวขึ้น ห่านหัวสิงโตก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที พวกมันไม่สนใจศัตรูของตัวเองที่อยู่ด้านหลังของฉงต้า แต่กลับจ้องมองไปที่ฉงต้าและร้องออกมาเสียงดัง


เมื่อห่านปุกปุยทั้งสองร้องคำรามใส่ฉงต้า หูกลมๆ ทั้งสองข้างของมันก็ขยับไปมา มันหันไปมองฝูงห่านหัวสิงโต จากนั้นก็พุ่งกระโจนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหลายสิบเมตร


เมื่อฝูงห่านสิงโตที่อยู่ด้านหน้าถูกฉงต้าพุ่งเข้ามาหา พวกมันก็กระพือปีกหนีไป พวกห่านหัวสิงโตที่อยู่ด้านหลังกระพือปีกตัวเองขยับมาข้างหน้าเพื่อจะสนับสนุนเพื่อนของพวกมัน แต่ฉงต้ากลับกางกรงเล็บออกและตะปบเข้ายังพื้นดินอย่างรุนแรง มันอ้าปากใหญ่โตอันน่ากลัวและคำรามออกมาด้วยความโมโห “โฮกกกก!”


สองสามวันมานี้ฉงต้ามักจะคำรามใส่ห่านไท่หูเสมอ ดูเหมือนว่าจากประสบการณ์การขู่คำรามของมันแล้ว หลังจากที่มันอ้าปากเสียงอันหนาและทรงพลังของมันก็จะถูกเปล่งออกมา เสียงของมันทุ่มต่ำและฟังดูแข็งแรงจนทำให้รู้สึกถึงจิตวิญญาณของราชาแห่งป่าเขาที่แสดงออกมา


ห่านหัวสิงโตมีความกล้าน้อยกว่าศัตรูของมันอย่างห่านไท่หูที่อยู่ด้านหลังเสียอีก เดิมทีพวกมันไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับฉงต้าเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เสียงคำรามที่ฉงต้าร้องออกมาจึงทำให้พวกมันกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ฝูงห่านวิ่งแตกไปทั่วทิศอย่างอลหม่านจนทำให้ทุ่งหญ้าแห่งนี้นั้นว่างเปล่า


ดวงตากลมโตสีดำขลับฉายแววฉลาดของเสี่ยวหลัวปอที่อยู่ในอ้อมกอดของฉินสือโอวจ้องมองไปยังฉงต้า สีหน้าที่แสดงออกมาบ่งบอกถึงความอิจฉา นี่คงไม่ใช่ศัตรูที่แข็งแรงของมนุษย์หรอก แต่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งของพวกห่านต่างหาก ถ้ามันแข็งแกร่งได้ขนาดนี้จะดีแค่ไหนกันนะ


มันมองไปยังฉงต้าที่เดินฝ่าวัชพืชเข้าไปทั่วทุ่งหญ้าที่ไม่มีใครอยู่ ในที่สุดเสี่ยวหลัวปอก็มีความกล้าขึ้นมาบ้าง มันดิ้นไปมาในอ้อมกอดของฉินสือโอวแล้วกระโดดออกมา จากนั้นก็วิ่งพุ่งเข้าไปยังฝูงห่านที่อยู่รอบๆ ทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวตั้งตรง จากนั้นมันก็เห่าหอนออกมา


ช่วยไม่ได้ เสียงของเสี่ยวหลัวปอยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ เสียงร้องแหลมสูงของมันเหมือนเสียงเด็กร้อง ไม่ได้ทุ้มหนาเหมือนฉงต้า


ฝูงห่านที่อยู่รอบๆ วิ่งหนีกันอย่างชุลมุน เสี่ยวหลัวปอวิ่งไล่ตามพวกมันจากด้านหลังพลางร้องคำรามออกมาจนทำให้ห่านหัวสิงโตผู้หวาดกลัววิ่งหนีเร็วขึ้น


ผลปรากฏว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เสี่ยวหลัวปอรู้สึกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในที่สุดมันก็ค้นพบความมั่นใจจากการกลั่นแกล้งคนอื่น มันวิ่งไปรอบๆ พลางเห่าหอนออกมาไม่หยุด ท่าทางของมันในตอนนี้ดูดุร้ายขึ้น นี่มันสุดยอดไปเลย


ฉินสือโอวมองภาพนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม นี่หมายความว่ายังไงกัน? หมาป่าเลียนแบบอำนาจของหมี? หมาป่าแข่งกับหมี?


แต่เขาไม่สามารถทำลายความมั่นใจของเสี่ยวหลัวปอได้ ไม่ง่ายเลยที่เด็กคนนี้จะรวบรวมความกล้าและเข้าไปเผชิญหน้ากับฝูงห่าน แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าห่านหัวสิงโตนั้นตัวใหญ่กว่าเสี่ยวหลัวปอหลายเท่าตัว ทว่าผลลัพธ์แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ฉินสือโอวภาคภูมิใจแล้ว


ดังนั้นเขาจึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วรีบอัดวิดีโอทันที พอตอนเย็นเขาก็จะให้วินนี่ดูวิดีโอนี้เพื่อเป็นหลักฐานว่าตัวเองฝึกเสี่ยวหลัวปอสำเร็จแล้ว


ฉินสือโอวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หึหึ ทำไมเขาถึงได้ฉลาดขนาดนี้นะ


เสี่ยวหลัวปอวิ่งไล่ฝูงห่านที่หนีหัวซุกหัวซุนอย่างมีความสุข แต่ฉงต้าที่อยู่ในทุ่งหญ้ากลับรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นที่สุด


มันก้มหัวหาไข่บนกอหญ้า วัชพืชขึ้นทั่วทุ่งหญ้าเต็มไปหมด อีกทั้งหญ้าพวกนั้นยังเต็มไปด้วยใบหญ้าแห้งตั้งแต่ปีก่อนๆ ที่ทับถมกันมา ใบหญ้าและรากของหญ้าพันกันอีนุงตุงนังกลายเป็นก้อนกลมๆ ยุ่งเหยิง ไข่ห่านถูกห่ออยู่ในกอหญ้าพวกนั้น ฉงต้าจึงไม่สามารถนำไข่ออกมาได้


มันเอื้อมมือออกไปและพยายามที่จะเอาไข่ห่านพวกนั้นออกมา แต่ดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก หากออกแรงเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อยอาจจะทำให้ไข่ห่านใบนั้นแตกออกได้ แบบนั้นฉงต้าก็ไม่มีความสุข มันมองไปยังฉินสือโอวที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายตากังวล นั่นก็เพราะพ่อของมันไม่อนุญาตให้ทำลายไข่ห่าน ไข่เป็ดและไข่ไก่ทุกชนิด


เมื่อมันรู้สึกหดหู่ ฉงต้าก็ร้องครวญครางออกมา “อะวู่ววว!”


ห่านขาวตัวใหญ่เกิดอาการตื่นตระหนกและพือปีกหนีอีกครั้ง เสี่ยวหลัวปอร้องตามฉงต้าออกมาอีกสองสามครั้ง หลังจากนั้นมันก็วิ่งไล่พวกห่านไปอย่างมีความสุข มันวิ่งไล่ฝูงห่านอย่างโหดร้ายจนทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว


ฉงต้าที่ไม่สามารถนำไข่ห่านออกมาได้เดินออกมาจากทุ่งหญ้าอย่างไม่มีความสุข มันเดินไปหาฉินสือโอวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย หลังจากที่ขึ้นมาจากทุ่งหญ้ามันก็ทำหน้าตาน่ารักเพื่ออ้อนฉินสือโอวให้ปลอบใจตัวเอง


ฉินสือโอวลูบหูกลมๆ ของมัน หลังจากที่ให้เนื้อแห้งมันไปหนึ่งคำเขาก็เตรียมพามันกลับ ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็ผิวปากเรียกเสี่ยวหลัวปอให้มาหา


เสี่ยวหลัวปอกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน จะให้มันตามฉินสือโอวกลับได้อย่างไร?


มันเงยหน้าขึ้นมองฉินสือโอวอย่างไม่พอใจ เจ้านี่ช่างวุ่นวายจริงๆ ไม่เห็นเหรอว่าราชาหมาป่าอย่างเรากำลังทำอะไรอยู่? ไม่สนแล้ว แสดงพลังต่อไปดีกว่า เราจะต้องทำให้เหยื่อผู้น่าสงสารพวกนี้รับรู้ถึงความร้ายกาจที่แท้จริงของราชาหมาป่าให้ได้


ห่านไท่หูที่อยู่ไม่ไกลมองไปยังฉงต้าเขม็ง พวกมันเห็นว่าฉงต้าหาไข่ห่านอยู่ในทุ่งหญ้าเป็นเวลานานแต่สุดท้ายก็หมุนตัวกลับไปโดยไม่ได้ไข่ออกไปสักใบ ทันใดนั้นพวกมันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที


สัตว์ป่าประเภทสัตว์ปีกจะมีสัญชาตญาณในการสืบพันธุ์แตกต่างจากสัตว์ประเภทอื่นๆ พวกมันสามารถหาพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผสมพันธุ์เพื่อสร้างรังได้ แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกมันคือการปกป้องลูกหลานของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าตอนนี่ห่านไท่หูเข้าใจแล้วว่าชายหาดที่โล่งโจ้งของพวกมันไม่เหมาะจะสร้างรัง พื้นที่ทุ่งหญ้าตรงนี้ต่างหากที่เหมาะสม!


เมื่อเห็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างรัง เป้าหมายเดียวของพวกมันก็คือไข่ของพวกมันจะต้องไม่ถูกฉงต้าพบและขโมยไป


เมื่อเข้าใจถึงจุดประสงค์นี้แล้ว ห่านไท่หูก็เริ่มส่งหน่วยทหารของตัวเองเข้าไป พวกมันวิ่งกลับไปยังรังของตัวเองแล้วร้องโวยวายออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับต้องการเรียกร้องฝูงทหารของพวกตน


นอกจากห่านที่ต้องปกป้องห่านตัวเมียแล้ว ภายใต้การนำของห่านพวกนั้น ห่านโตเต็มวัยส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ นับร้อยตัวก็วิ่งไปยังทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ทั่วฟาร์มปลา


การจากไปของฉงต้าทำให้ฝูงห่านหัวสิงโตที่ตื่นตระหนกสงบลง ผลปรากฏว่าพวกมันจิตใจสงบลงได้ไม่นาน ห่านไท่หูจำนวนมากก็บุกเข้ามาอีก….


ห่านไท่หูไม่กล้าจัดการกับฉงต้า เนื่องจากข้อจำกัดทางธรรมชาติด้านสายพันธุ์ หมีสีน้ำตาลและนกอินทรีคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกมัน เมื่อเผชิญหน้าต่อศัตรูต่างสายพันธุ์ทางธรรมชาติ พวกมันจึงทำได้เพียงหลบหนีไปเท่านั้น นี่เป็นแนวทางการหลบหนีที่อยู่ในสายเลือดของพวกมัน


แต่ถ้าหากพวกมันต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตามธรรมชาติของพวกมันแล้วเลือกที่จะต่อสู้แทนที่จะหลบหนี หากเป็นแบบนั้นพวกมันคงถูกธรรมชาติตัดออกจากระบบห่วงโซ่อาหารไปนานแล้ว


แต่ห่านไท่หูไม่ใช่ศัตรูของห่านหัวสิงโต โดยเฉพาะในสายตาของพวกห่านหัวสิงโต ห่านไท่หูพวกนี้ถือว่าด้อยกว่าพวกมัน และเห็นพวกมันเป็นเพียงฝูงเด็กน้อยเท่านั้น


ห่านไท่หูนั้นคิดไม่เหมือนกัน พวกมันคิดว่าพวกห่านหัวสิงโตตัวใหญ่กว่าแล้วเกี่ยวอะไรด้วย? เจ้าพวกห่านโง่! ความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันจะสู้กับพวกตนได้เหรอ? ตลกน่า แน่นอนว่าสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกมันไม่รู้สึกกดดันอะไรเลยแม้แต่น้อย


ฉินสือโอวเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว เมื่อเขาและฉงต้าเดินไปได้ครึ่งทางก็เจอห่านไท่หูฝูงใหญ่กำลังวิ่งเข้ามา เพราะไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นพวกเขาจึงตามฝูงห่านกลับไปยังทุ่งหญ้าอีกครั้ง


ห่านหัวสิงโตกำลังรอคอยการต่อสู้อยู่แล้ว เมื่อพวกห่านไท่หูมาถึง พวกมันก็รีบพุ่งเข้าหาทันที


ห่านขาวตัวใหญ่ทุกตัวต่างพากันอ้าปากส่งเสียงร้องโวยวายเสียงดังออกมา การเผชิญหน้าของพวกนั้นเหมือนกับสงครามสมัยโบราณที่เอาแต่ด่าทอกันไปมา


หงอนของห่านตัวผู้ที่เดิมทีเป็นสีส้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเลือดที่ขึ้นไปสูบฉีด พวกมันพุ่งไปข้างหน้า ใช้สายตาอันดุดันมองไปยังคู่ต่อสู้ เมื่อทั้งสองฝั่งเข้าใกล้กัน สงครามก็ระเบิดขึ้นทันที!


สงครามในครั้งนี้กลายเป็นสงครามกลางทุ่งหญ้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วฟาร์มปลาต้าฉิน…


บทที่ 607 การใช้งานอันเยี่ยมยอดของรถดับเพลิง

โดย

Ink Stone_Fantasy

การต่อสู้ระหว่างฝูงห่านดุเดือดรุนแรงเป็นอย่างมาก!


ห่านสีขาวตัวใหญ่หลายร้อยตัวกำลังต่อสู้กันอยู่ในทุ่งหญ้า ห่านทั้งสองสายพันธุ์มองไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาเย็นชา รังสีอาฆาตแผ่กระจายไปทั่ว ทันใดนั้นเสียงร้อง “แคว๊กแคว๊ก” ทุ้มต่ำก็ดังสนั่นไปทั่วฟ้าราวกับเสียงกลองในสงคราม เพื่อปลุกขวัญกำลังใจให้แก่ฝูงห่านของตน!


เดิมทีเสี่ยวหลัวปอกำลังไล่ตามห่านหัวสิงโตอย่างสนุกสนาน แต่ปรากฏว่าจู่ๆ พวกห่านหัวสิงโตที่มันไล่อยู่ก็หยุดวิ่งหนีและหันกลับมา…


ทันใดนั้นเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของหมาป่าสีขาวก็พลุ่งพล่านไปทั่ว เสี่ยวหลัวปอรู้สึกว่าตัวเองถูกไล่ล่าขึ้นมาทันที มันกะพริบตาปริบๆ มองไปยังห่านหัวสิงโตที่กำลังโมโหอยู่แล้วหันไปมองห่านไท่หูที่แผ่รังสีอาฆาตออกมา จากนั้นมันก็หดหัวลงอย่างว่าง่ายทันที มันรีบซอยเท้าพลางแกว่งหางไปมาแล้ววิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว


แต่สงครามในครั้งนี้เกิดการปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันที่พึ่งจะวิ่งเล่นกับห่านหัวสิงโตจนเข้าไปอยู่ในวงล้อมของพวกห่านคิดหรือว่าจะหนีออกไปจากตรงนี้ได้ง่ายๆ?


ฝูงห่านทั้งสองสายพันธุ์เหมือนคลื่นขนาดใหญ่สองลูก เมื่อพวกมันพัดผ่านเข้าหากัน การปะทะอันรุนแรงก็เกิดขึ้น!


ตอนนี้ฉินสือโอวมองไม่เห็นเงาของเสี่ยวหลัวปอผู้น่าสงสารอีกต่อไป ราวกับว่ามันถูกกลืนหายเข้าไปในคลื่นสีขาวพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว


ห่านไท่หูนั้นเร็วกว่าห่านหัวสิงโต ความสามารถในการต่อสู้ก็แข็งแกร่งกว่า ปากของพวกมันเหมือนกริช ทุกครั้งที่แทงเข้าไปก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บ ห่านหัวสิงโตก็ไม่ได้อ่อนแอ พวกมันมีพลังเยอะพอสมควรจึงมีแรงมากมายมหาศาล มันไม่เพียงแค่กัดเท่านั้น แต่ยังกระพือปีกขึ้นและฟาดลงมาอย่างแรงอีกด้วย


ทันใดนั้นเอง ขนของห่านหัวสิงโตก็ปลิวกระจายไปทั่วราวกับหิมะตก ส่วนห่านไท่หูก็ถูกชนจนตัวลอยขึ้นฟ้า ห่านหัวสิงโตหลายตัวชนพวกมันจนลอยสูงขึ้นไปหลายเมตรจนเหมือนว่าห่านไท่หูกำลังกระโดดแทรมโพลีนอยู่…


เมื่อเห็นเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้ ฉินสือโอวก็อดยิ้มแหยะๆ ออกมาไม่ได้ เขารีบถอยหลังไปหลายก้าว ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีเลือดห่านเปื้อนบนร่างกายได้


ฉงต้าผู้กล้าหาญก็ตกใจเหมือนกัน เสียงร้องโวยวายดังลั่นจนสะเทือนไปทั่วฟ้าคือเสียงของเครื่องจักรผลิตไข่ห่านงั้นเหรอ? โอ้ ให้ตายเถอะ พวกมันดูสุดยอดไปเลยแฮะ


เมื่อเห็นสงครามอันวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นฉินสือโอวก็นึกถึงเสี่ยวหลัวปอขึ้นมาได้ เขามองไปรอบๆ พลางคิดในแง่ดีว่า ไม่แน่เสี่ยวหลัวปออาจจะออกมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วก็ได้?


แต่เขาก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากหัวของเสี่ยวหลัวปอที่โผล่ออกมาจากฝูงห่าน


เขามองไปยังฉงต้า มันมองไปยังสงครามระหว่างห่านทั้งสองสายพันธุ์ไม่วางตาพลางเคี้ยวเนื้อแห้งแสนอร่อยไปด้วย ท่าทางราวกับกำลังดูภาพยนตร์อย่างมีความสุข


“กินๆ เข้าไป! อย่ามัวชักช้า รีบเข้าไปหาเสี่ยวหลัวปอเร็วสิ!” ฉินสือโอวตีเข้าไปที่ก้นของฉงต้า


เขาเกือบจะด่าออกมาแล้ว โว้ว สงครามดุเดือดขนาดนี้ เสี่ยวหลัวปอคงไม่ด่วนชิงตายไปก่อนหรอกนะ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวหลัวปอจริงๆ ฉินสือโอวรู้ได้ทันทีว่าเขาก็จะมีอันเป็นไปเหมือนกัน วินนี่คงไม่ปล่อยเขาไปแน่!


เขามองออกไปยังที่ไกลๆ แต่ทั้งห่านพวกนั้นและเสี่ยวหลัวปอผู้เคราะห์ร้ายต่างก็มีขนเป็นสีขาวราวหิมะ ตอนนี้สีขาวของสัตว์ทั้งสองผสมปนเปกันไปหมดจนเขาแสบตาจนตาจะบอดอยู่แล้ว แบบนี้จะหาเสี่ยวหลัวปอเจอได้ยังไงกัน?


ยังโชคดีที่เสี่ยวหลัวพยายามเอาตัวรอดสุดชีวิต เพราะในตัวของลูกหมาป่าสีขาวตัวนี้นั้นมีสายเลือดของหมาป่าอยู่ มันจึงยังมีความเก่งกาจอยู่บ้าง


ในตอนที่ห่านทั้งสองสายพันธุ์ปะทะกันนั้น ลูกหมาป่าอย่างเสี่ยวหลัวปอก็กระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของห่านตัวโตเต็มวัยสีขาวผู้โชคร้ายตัวหนึ่ง มันใช้อุ้งเท้ากอดคอห่านตัวนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมมันถึงไม่กล้ากางกรงเล็บงั้นเหรอ นั่นก็เพราะต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะหนีรอดจากการถูกเหยียบตายได้น่ะสิ!


ฉงต้าที่ถูกฉินสือโอวตบเข้าที่ก้นจำเป็นต้องลุกขึ้น เพื่อกระตุ้นความสามารถในการดมกลิ่นของตน การดมกลิ่นของมันดีกว่าสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์อยู่มาก ไม่นานมันก็หาตำแหน่งของเสี่ยวหลัวปอเจอ มันสะบัดแผงคอของแล้วพุ่งตัวเข้าไปยังฝูงห่าน


ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉงต้าที่เป็นหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ขนาดนี้ ฝูงห่านพวกนั้นคงตกใจหนีกระเจิงไปนานแล้ว


แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับที่อยู่ของพวกมัน ฝูงห่านที่กำลังเดือดดาลอยู่จึงไม่เพียงไม่กลัวฉงต้าแล้ว แต่มันยังตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่หยุดหย่อนด้วย พวกมันทั้งกัดทั้งตี นอกจากนี้ยังมีห่านอยู่หนึ่งตัวที่กระพือปีกตีฝ่ายตรงข้ามจนตัวเองบินมาอยู่บนหลังกว้างๆ ของฉงต้าอีก จากนั้นมันก็โจมตีฝ่ายตรงข้ามจากด้านบน


ฉงต้านับว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก มันไม่ได้เข้าไปผสมโรงการต่อสู้ของฝูงห่าน มันรีบเข้าไปหาเสี่ยวหลัวปอแล้วอ้าปากงับหัวของเจ้าตัวเล็กก่อนจะยกตัวมันขึ้นมา จากนั้นก็สะบัดหัวดึงเสี่ยวหลัวปอออกมาแล้ววิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว


ตอนที่กำลังออกมา เหล่าห่านสีขาวพวกนั้นไม่ได้สนใจฉงต้าเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ศัตรูที่สำคัญที่สุดของพวกมันไม่ใช่ฉงต้าที่เข้ามาขโมยไข่ แต่เป็นศัตรูที่ต้องการแย่งที่อยู่ของพวกมันต่างหาก


เสี่ยวหลัวปอร้องออกมาอย่างน่าสงสาร หัวของมันอยู่ในปากของฉงต้า ขาหน้าของมันทั้งสองข้างกอดคอของฉงต้าแน่น…หรือว่ากระดูกระหว่างคอกับหลังของมันจะหักไปแล้วกันนะ เหมือนว่าตอนนี้หัวของมันกำลังถูกแขวนเอาไว้ ส่วนตัวของมันก็ถูกดึงแยกออกจากกัน


ฉินสือโอวมองภาพนั้นพลางรู้สึกปวดคอแทน ฉงต้านี่ชักจะสร้างสรรค์เกินไปหน่อยแล้ว หรือว่าเวลาที่หมีน้ำตาลงับลูกของมันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน?


หลังจากที่วิ่งออกมาแล้ว ฉงต้าก็อ้าปากแล้วปล่อยเสี่ยวหลัวปอลงกับพื้น จากนั้นมันก็นั่งลงกับพื้นพร้อมร้องครางออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ


สภาพของเสี่ยวหลัวปอน่าเวทนาเกินกว่าจะรับไหว ขนที่หัวเปียกชุ่มและจับตัวกันเป็นก้อน ส่วนขนที่ร่างกายก็ถูกห่านกัดจนยุ่งเหยิงไปหมด มันนอนลงกับพื้นพลางมองไปยังฉินสือโอวด้วยท่าทางหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันน่ากลัวมากเลยนะ!


ฉินสือโอวทำได้เพียงอุ้มเสี่ยวหลัวปอขึ้นมากอดแล้วตบก้นมันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจราวกับปลอบเด็กเล็ก ส่วนฉงต้าก็ยกก้นของตัวเองขึ้นแล้วออกวิ่งกลับบ้านไป คาดว่ามันคงไม่อยากโดนฉินสือโอวจับเป็นทหารบุกเข้าไปยังฝูงห่านเพื่อทารุณมันอีก


จะปล่อยให้ฝูงห่านสู้กันต่อไปแบบนี้ไม่ได้ ห่านไม่ใช่ไก่หรือเป็ด พวกมันจะตีกันจนตายกันไปข้างอย่างควบคุมไม่ได้


ดังนั้นเขาจึงต้องให้บุชและนิมิตส์ออกโรง แต่เมื่อฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ตอนนี้บุชและนิมิสต์ที่ควรจะอยู่บนท้องฟ้าก็กลับไปต่อสู้ที่เทือกเขาเคอร์บัลแล้ว!


ฉินสือโอวรีบหันกลับมามองรอบๆ อย่างร้อนใจ ทันใดนั้นเขาก็หันไปเห็นรถดับเพลิงในฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทที่เข้ามาจอดอยู่ข้างใน เขารีบวิทยุหานีลเซ็นเพื่อให้เขารีบขับรถเข้ามาข้างใน


รถดับเพลิงขนาดใหญ่ขับเข้ามาพร้อมเสียงดังลั่น นีลเซ็นปรับหัวสปริงเกอร์อย่างรวดเร็วจากที่ไกลๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เปิดน้ำก่อนกดสวิตช์เปิดเพื่อใช้น้ำแรงดันสูงเข้าจัดการฝูงห่านพวกนั้น


ห่านฝูงใหญ่แยกออกจากกันทันที อย่าว่าแต่พายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเลย เจ้านี่สามารถเป็นเข็มจากสวรรค์ได้เลยทีเดียว!


นีลเซ็นรู้สึกว่าแบบนี้ยังไม่ค่อยได้ผล เขาจึงเพิ่มปริมาณน้ำไปอีก มันเลยกลายเป็นปืนใหญ่น้ำไปทันที น้ำจากสายยางพรั่งพรูออกมาซึ่งน้ำพวกนั้นก็พุ่งเข้าไปยังตัวห่านโดยตรงจนพวกมันกระเด็น


ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกตำรวจจะใช่ปืนน้ำแรงดันสูงในการสลายการชุมนุม เจ้านี่ใช้งานได้ดีจริงๆ นอกจากจะไม่ทำอันตรายพวกห่านจนถึงแก่ชีวิตแล้ว ยังสามารถแยกพวกมันออกจากกันได้อีกด้วย มันเหมาะสำหรับการหยุดการจลาจลมากที่สุด


ปืนน้ำยังคงมีน้ำพุ่งออกมาไม่หยุด ฝูงห่านที่ล้มลงไปลุกขึ้นมาและทำท่าจะต่อสู้กันอีกครั้ง แต่ผลปรากฏว่าพวกมันกลับต้องมาเผชิญหน้ากับกระแสน้ำอันรุนแรงอีกครั้ง พวกมันยืนไม่อยู่อีกต่อไป เมื่อลุกขึ้นได้ก็ถูกน้ำทำให้ล้มกระเด็นไปอีก จนสุดท้ายพวกมันก็ยอมแพ้ จากนั้นพวกมันก็เปลี่ยนมาเก็บปีกแล้วว่ายน้ำหนีแทน


ขนสีขาวลอยอยู่ในน้ำสีเขียว เท้าของมันเป็นดั่งไม้พาย….


จนถึงตอนนี้ยังไม่มีห่านตัวไหนกล้าลุกขึ้นมาต่อสู้กันอีกเลย นีลเซ็นเห็นแบบนั้นจึงปิดก๊อกน้ำ เขาคอยสังเกตการณ์อยู่ในทุ่งหญ้าอยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่าสงครามของห่านเหล่านั้นได้จบลงแล้ว


จากนั้นเขาก็กลับไปหาฉินสือโอวเพื่อบอกเรื่องนี้กับเขาและเหล่าคนงานในฟาร์มปลา เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้นอีกเป็นแน่ ครั้งนี้พวกห่านต่อสู้กันก็เพราะเรื่องพื้นที่อยู่อาศัย เรื่องนี้สามารถบอกได้ถึงสัญชาติการเอาชีวิตรอดที่ค่อนข้างสูงของพวกมัน แล้วแบบนี้จะไม่ทะเลาะกันอีกได้เหรอ?


เขาถามเหล่าพนักงานฟาร์มปลาว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร บูลโบกมือไปมาพลางพูดออกมาว่า “จะไปยากอะไรล่ะ? คุณก็กำจัดทุ่งหญ้านั่นทิ้งไปเสียสิ ไม่ได้เหรอ?”


ฉินสือโอวตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย “แบบนั้นสู้สร้างทุ่งหญ้าให้ห่านไท่หูเพิ่มขึ้นอีกที่หนึ่งไม่ดีกว่าเหรอ ให้พวกมันอยู่ฝั่งแม่น้ำ”


เหล่าคนงานในฟาร์มปลามองหน้ากันไปมาแล้วค่อยๆ พากันพยักหน้า “เป็นความคิดที่ดีเลย บอส งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน”


“พวกนายทำไมถึงได้ขี้เกียจแบบนี้นะ!” ฉินสือโอวอดที่จะรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาไม่ได้ แต่พวกนั้นเห็นด้วยกับความคิดของเขาก็ดีแล้ว ฝูงห่านชอบทุ่งหญ้าไม่ใช่เหรอ? แบบนั้นก็ทำทุ่งหญ้าให้มันเพิ่มสิ


บทที่ 608 ทุ่งหญ้าในฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการแย่งชิงพื้นที่ทุ่งหญ้าครั้งที่สองหรือสงครามกลางทุ่งอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น ฉินสือโอวได้โทรหาบิลตั้งแต่วันเกิดเหตุเพื่อให้เขาส่งเมล็ดหญ้าจำนวนหนึ่งสำหรับปลูกหญ้ามาให้


บิลทำงานเสร็จรวดเร็วอย่างง่ายดาย เขารีบติดต่อไปยังบริษัทเพื่อเตรียมเมล็ดหญ้าไรย์โดยจำนวนนั้นต้องเพียงพอกับการปลูกในพื้นที่สี่สิบเอเคอร์ วันต่อมาเขาก็นำเมล็ดหญ้าพวกนั้นก็ลงเรือส่งมายังฟาร์มปลาต้าฉิน


เมื่อเจอกับฉินสือโอวเขาก็พูดแนะนำว่า “เมล็ดหญ้าไรย์พวกนี้ใช้ปลูกทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้ดีเลย แถมยังสามารถปลูกเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ได้ด้วย สนามกอล์ฟในประเทศแคนาดาที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมด ครึ่งหนึ่งในจำนวนสนามกอล์ฟพวกนั้นก็ใช้หญ้าชนิดนี้”


ฉินสือโอวมองไปยังเมล็ดหญ้าสีดำที่ส่องประกายแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ บิลพึ่งพาได้จริงๆ เมล็ดหญ้าที่เขาเลือกถูกใจฉินสือโอวเป็นที่สุด


อันที่จริงแล้วบิลชอบซื้อสินค้าทางการเกษตรมาให้ฉินสือโอวที่สุด เพราะขอเพียงซื้อของที่ดีที่สุดมาให้ เรื่องราคานั้นฉินสือโอวไม่เกี่ยง


เช่นเดียวกันกับหญ้าไรย์เหล่านี้ หญ้าไรย์เป็นหญ้าชั้นดีที่ใช้เลี้ยงสัตว์และเป็นหญ้าที่มีคุณภาพสูงเหมาะแก่การทำสวน ราคาของเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้มีราคาแพงกว่าเมล็ดหญ้าชนิดใกล้เคียงกันอย่าง หญ้าทิโมธี หญ้าคา หญ้าเมโดว์ ข้าวสาลี หญ้าเฟสตูกา กก หญ้าหางหมาจอก แอลแฟลฟา โคลเวอร์ ถั่วมะแฮะ และเถา


แต่มันก็มีเหตุผลที่มันมีราคาแพง หญ้าชนิดนี้เป็นหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่ดีมากซึ่งพบได้ทั่วไปในยุโรป อเมริกาและเอเชีย หญ้าพวกนี้ไม่เพียงแต่ใช้เลี้ยงวัวเลี้ยงแกะเท่านั้น อันนี้ที่จริงมันยังมีข้อดีอีกมากมาย


เช่นว่า การพัฒนาส่วนรากของหญ้าไรย์ พวกมันโตไวมากจนทำให้สารอินทรีย์ที่อยู่ในพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มจำนวนมากขึ้น และยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของพื้นดินด้วย ถ้าหากปลูกเอาไว้บริเวณที่ลาดชัน ก็จะช่วยป้องกันความลาดชันของหน้าดิน ป้องกันการกัดเซาะ และลดการพลังทลายของหน้าดินด้วย


อีกอย่างหญ้าไรย์เป็นหญ้าสายพันธุ์ฤดูหนาวที่ค่อนข้างโดดเด่น และก็ถือว่าเป็นพืชที่ทนทานต่ออากาศหนาว แม้ว่าจะอยู่ในฤดูหนาวก็ยังสามารถมีใบสีเขียวได้ พวกมันมักถูกนำมาใช้เป็นสนามหญ้าในฤดูร้อน และใช้เป็นวัสดุเสริมสำหรับรักษาความเขียวของพื้นหญ้าในช่วงฤดูหนาว


ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของฟาร์มปลาต้าฉิน เพราะฤดูหนาวในนิวฟันด์แลนด์นั้นหนาวมาก


บิลเลือกหญ้าไรย์ให้ฉินสือโอว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือหญ้าชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หน้าดินที่มีโครงสร้างมากมาย มันสามารถโตในดินที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยได้ เติบโตในดินที่หนาวเหน็บและเนื้อดินที่เป็นด่างได้ เพียงแต่จำนวนหญ้าที่ขึ้นจะลดลงหน่อยก็เท่านั้น


ที่ดินของฟาร์มปลาส่วนใหญ่เป็นพื้นทราย พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่เหมาะที่จะทำทุ่งหญ้า อย่าคิดว่าพื้นทรายที่อยู่ใกล้ทะเลนั้นจะอุดมไปด้วยน้ำ อันที่จริงแล้วพื้นทรายไม่อุ้มน้ำ แต่แน่นอนว่าหญ้าไรย์นั้นทนต่ออากาศหนาวและอากาศแห้งแล้ง


การปลูกหญ้าไรย์นั้นง่ายมาก ชาร์คขับรถไถมาไถหน้าดิน ส่วนซีมอนสเตอร์ก็คอยโปรยเมล็ดตามหลังมา เรื่องการชลประทานนั้นไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอะไรอีก พวกเขามีรถดับเพลิงตั้งสี่คัน แค่ไปสูบน้ำจืดมา จากนั้นก็พ่นน้ำลงมาด้านบนก็ใช้ได้แล้ว


ฉินสือโอวมองภาพตรงหน้า แล้วหันมาพูดกับเหมาเหว่ยหลงอย่างพอใจ “ดูสิ นี่คือพลังของเทคโนโลยีล่ะ นี่คือเครื่องจักรกลทางการเกษตร!”


เหมาเหว่ยหลงทำเสียงขึ้นจมูกแล้วพูดออกมา “เครื่องจักรกลทางการเกษตร คำว่า ‘เกษตร’ ที่พูดออกมานั่นนายแน่ใจได้ยังไงว่ามันหมายถึงการเกษตร?”


มันอาจจะไม่ใช่การเกษตร แต่เป็นเพียงเครื่องจักรกลก็ได้


นีลเซ็นรดน้ำ ส่วนเบิร์ดก็ขับรถแทรกเตอร์เข้ามา แล้วนำปุ๋ยที่บิลให้มาไปโรยบนพื้นที่ปลูกหญ้า ทุ่งหญ้าขนาดห้าสิบเอเคอร์ใช้เวลาทำงานเพียงครึ่งวันก็เสร็จลุล่วง ส่วนแรงงานคนที่ใช้ก็เพียงแค่สี่คนเท่านั้น!


หลังจากที่จัดการงานนี้เสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ลากเก้าอี้นวมยาวไปยังชายหาดเพื่อรับลมทะเล อีวิลสันช่วยเขาตั้งร่มกันแดด เขาคั้นน้ำผลไม้ไปพลางหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ที่เหลือก็แค่รอให้ฉินสือโอวเอนหลังลงนอนเท่านั้น…


เหมาเหว่ยหลงพูดออกมาอย่างอิจฉา “แหม ดูน้องชายคนนี้สิ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็คิดว่าแกเป็นไก่อ่อนเลยไม่กล้าเปิดเผยฐานะของตัวเองเพราะกลัวว่าแกจะรู้สึกด้อยกว่า แต่ตอนนี้แกดีกว่า และเป็นฉันที่ด้อยกว่า!”


ฉินสือโอวส่ายหน้าไปมาแล้วพูดขึ้น “แบบนี้ฉันก็ต้องถ่อมตัวหน่อยน่ะสิ ฟาร์มปลาแกธเธอริงมีบ้านที่ทำจากกระเบื้องหลากสีอยู่หลายหลัง วันนี้ฉันจะย้ายไปอยู่ที่นั่น ส่วนบ้านที่นี่ก็ให้นายแล้วกัน เป็นไงดูมีน้ำใจขึ้นมาบ้างไหม?”


ล้อเล่นหรอกนะ ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเหมาเหว่ยหลงอย่างลึกซึ้ง


ช่วงเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ นอกจากจะต้องเริ่มทำวิทยานิพนธ์ฉบับจบแล้ว เมื่อก่อนเหมาเหว่ยหลงก็ไม่เคยพูดเรื่องที่บ้านของเขาเลย บางครั้งก็ยังมายืมเงินและมาขอข้าวกินฟรีเป็นครั้งคราวด้วย ถ้าหากก่อนหน้านี้เขารู้ว่าเหมาเหว่ยหลงเป็นลูกชายของรองหัวหน้ากององครักษ์เสื้อแพรของเมืองหลวงล่ะก็ ความสัมพันธ์ของฉินสือโอวกับเขาคงไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้แน่


เมื่อลากเก้าอี้มาถึงชายหาด ฉินสือโอวก็มองเห็นปอหลัวกำลังนอนกรนอยู่ใต้ร่มเงาของร่มกันแดด เท้าทั้งสี่ของมันกางออก หางสะบัดไปมา ใบหน้าที่มีผมหน้าม้าของมันเต็มไปด้วยความสุข


“ให้ตายสิ!” ฉินสือโอวรู้สึกเหนื่อยใจกับภาพที่เห็น ยังดีที่เขาพกร่มของตัวเองมาด้วย


เมื่อเอนกายลงบนเก้าอี้ ฉินสือโอวก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเกียจคร้าน เขากับเพื่อนร่วมชั้นอย่างเหมาเหว่ยหลงร้องเพลงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยภายใต้บรรยากาศอันครึกครื้น


ช่วงนี้ข่าวคราวของกลุ่มเพื่อนเงียบหายไป ตอนที่มาแคนาดาครั้งแรก ฉินสือโอวรู้สึกว่ากลุ่มเพื่อนนักเรียนของเขาเป็นศูนย์กลางที่ทำให้เขากับประเทศแห่งนี้ต่อกันติดได้ แต่หลังจากนั้นคนในกลุ่มก็พูดคุยกันน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้บางครั้งเขาก็เลิกคุยกับเพื่อนในกลุ่มและออกมาจากบทสนทนาอย่างช้าๆ


จู่ๆ เหมาเหว่ยหลงที่เล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ก็พูดขึ้นมา “เฮ้ นายรู้เรื่องนี้หรือยัง ซ่งจวินเหมยถูกเจ้าเด็กเยียนเฟยนั่นขอแต่งงาน ได้ยินว่าทั้งสองคนจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ล่ะ”


ฉินสือโอวอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา “ฉันไม่รู้ ไม่มีใครบอกฉันเลยสักคน ว้าว สงสัยไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วล่ะมั้งแบบนี้!”


เหมาเหว่ยหลงอ้าปากพะงาบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองต่อไป


ฉินสือโอวรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ มนุษยสัมพันธ์ของเขาในช่วงมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างดี แม้ว่าที่บ้านจะไม่มีเงินขนาดที่จะสามารถเลี้ยงข้าวเพื่อนๆ ได้ แต่เขาเป็นคนง่ายๆ สนุกสนาน ชอบช่วยเหลือ ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนๆ จึงค่อนข้างดีทีเดียว


แต่ตอนนี้เขารู้ว่าช่องว่างของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นกับเขาคืออะไรกับ แม้ว่าหลังจากเรียนจบเขาจะขอให้เหมาเหว่ยหลงช่วยให้เขาเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาก็ยังเป็นคนธรรมดา จากนั้นจู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนรวยขึ้นมา เพื่อนๆ เลยพากันรับไม่ได้ ที่บอกว่าพวกเขาไม่อิจฉาไม่ริษยานั้นเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น


อีกอย่างพวกเขายังมีความเย่อหยิ่งในสถานศึกษาของพวกเขาเองเลยไม่อยากเข้าใกล้ฉินสือโอว เพราะกลัวว่าจะโดนเพื่อนคนอื่นๆ หาว่ามาประจบสอพลอเขา


เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของฉินสือโอวเย็นลงแล้ว เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ข้างๆ ก็เอื้อมมือมาตบบ่าของเขา “เอาล่ะๆ น้องพี่ อย่าขมวดคิ้วแบบนั้นสิ พวกเขาก็ไม่ได้บอกฉันเหมือนกัน ฉันรู้เรื่องนี้มาจากเฉินเหลย เรื่องนี้จะไปตำหนิพวกเขาก็ไม่ได้หรอกนะ พวกเราวันๆ อยู่แต่ในคิวคิว พวกนั้นก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง แล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเองด้วย”


ฉินสือโอวพ่นลมหายใจออกมาก่อนพูดขึ้น “ฉันรู้ เมื่อก่อนฉันอาจจะยังอารมณ์เหมือนเด็ก นายช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี? ความสัมพันธ์ของพวกเรากับเพื่อนๆ ไม่ได้แย่เลยนะ แต่ฉันไม่อยากเป็นพระราชาผู้โดดเดี่ยวในวังต้องห้ามหรอกนะ”


เมื่อได้ยินดังนั้นเหมาเหว่ยหลงก็ชูนิ้วกลางใส่เขาแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “นายคิดว่าตัวเองเป็นพระราชาหรือไง? ไปไกลๆ เลย! เรื่องของเพื่อนพวกเราเดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ตอนนี้พ่อของฉันไม่รู้จักลูกชายของตัวเองแล้ว สถานการณ์ของฉันเลวร้ายกว่านายซะอีก”


ในขณะที่ฉินสือโอวคิดหาทางที่จะสานความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนร่วมชั้น บาลซักที่สวมกางเกงขาสั้นก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมถือซองเอกสารหนึ่งฉบับเอาไว้ในมือ


“คุณเจ้าของฟาร์มปลา ชีวิตของคุณนี่น่าอิจฉาจังเลยนะ เมื่อไรผมจะมีเวลามานั่งพักผ่อนแบบนี้บ้างก็ไม่รู้” บาลซักพูดกลั้วหัวเราะ


ในใจของฉินสือโอวยังคงว้าวุ่นอยู่ แต่เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกของเขาให้บาลซักเห็นได้ เขาทำได้เพียงยิ้มฝืนๆ ออกมาแล้วพูดขึ้น “ไม่หรอกครับศาสตราจารย์ คุณเห็นแค่ด้านนี้ด้านเดียวเท่านั้นแหละ อันที่จริงผมมีเรื่องให้ทุกข์ใจอีกมากมายเลยล่ะ อีกอย่างถ้าคุณอยากมีชีวิตแบบนี้ ที่จริงมันง่ายมากเลยนะ จากที่ผมรู้มาคุณมีเงินมากพอที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตแบบนี้ได้เหมือนกันนี่นา”


บาลซักส่ายหัวพลางพูดขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิตเชียวนะ ใช่แล้ว นี่เป็นข้อมูลงานวิจัยของสัตว์ทะเลจำนวนหนึ่งในฟาร์มปลาของคุณ คุณเห็นหรือยัง? มันน่าสนใจมากทีเดียว”


บทที่ 609 ควรแต่งงานได้แล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อได้ยินว่าเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับฟาร์มปลาของตน ฉินสือโอวก็รีบลุกขึ้นมารับเอกสารวิจัยไปอ่านทันที


หัวข้อแรกคืองานวิจัยที่เกี่ยวกับล็อบสเตอร์สีรุ้ง ใช่แล้ว ล็อบสเตอร์สีรุ้ง นี่คือชื่อใหม่ของกุ้งมังกรที่มีเปลือกหลากสีซึ่งอยู่ในฟาร์มปลาต้าฉิน ความฝันที่จะตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ๆ ของบิลได้พังทลายลงไปแล้ว….


ล็อบสเตอร์สายพันธุ์นี้กับเมนล็อบสเตอร์ธรรมดาไม่มีอะไรแตกต่างกัน ทั้งทางสายพันธุ์และยีนของพวกมัน ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่ที่เปลือกของมันเปลี่ยนสีได้นั้นเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะพลังของจิตสำนึกโพไซดอนและแบคทีเรียที่เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วจะส่งผลต่อพวกมัน


บิลและทีมของเขาวิจัยล็อบสเตอร์ตัวนี้ด้วยความตื่นเต้น ผลปรากฏว่าเมื่อพบว่าล็อบสเตอร์ที่เปลือกเปลี่ยนสีได้พวกนี้คือเมนล็อบสเตอร์ พวกเขาจึงไม่สามารถตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ได้ พวกมันก็เหมือนกับล็อบสเตอร์ผีและล็อบสเตอร์สีฟ้าเป็นเพียงเมนล็อบสเตอร์ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ก็เท่านั้น


เรื่องนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างผิดหวังเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะถ้าพวกเขาไม่เจอล็อบสเตอร์สายพันธุ์ใหม่ พวกเขาก็ไม่สามารถตั้งชื่อสายพันธุ์ของมันได้ หมายความว่าพวกเขาตื่นเต้นกันโดยสูญเปล่า


ส่วนฉินสือโอวไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อย เขารู้ผลของมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถ้าหากว่าล็อบสเตอร์พวกนี้เปลี่ยนเป็นล็อบสเตอร์สายพันธุ์ใหม่จริงๆ เขาจะเปิดเผยให้ผู้เชี่ยวชาญรู้เหรอ?


โชคดีที่เขาเคยเรียนชีววิทยาสมัยอยู่ชั้นมัธยมปลาย ฉินสือโอวรู้ว่ามีเพียงการข้ามสายพันธุ์เท่านั้นถึงจะก่อให้เกิดสัตว์สายพันธุ์ใหม่ๆ การข้ามสายพันธุ์เป็นเงื่อนไขที่สำคัญของการเกิดสายพันธุ์ใหม่ ฝูงล็อบสเตอร์พวกนี้เดิมทีไม่ได้ผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์กับล็อบสเตอร์พันธุ์อื่นๆ อยู่แล้ว


แต่ฉินสือโอวไม่สามารถให้ผลงานวิจัยนี้เผยแพร่ไปข้างนอกได้ เขาจึงแกล้งทำเป็นพูดออกมาอย่างตกใจว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ? พระเจ้า ที่แท้ก็ไม่ได้เป็นเพราะสายพันธุ์ของมันหรอกเหรอ? ผมไม่อยากจะเชื่อเลย!”


บิลเป็นคนซื่อ เขาตกอยู่ภายใต้การแสดงหลอกๆ ของใต้เท้าฉินจนต้องถอนหายใจออกมา “การเกิดสัตว์สายพันธุ์ใหม่ต้องเกิดมาจากการวิวัฒนาการทางชีวภาพ แต่การเกิดการวิวัฒนาการได้ต้องมีสามสิ่ง หนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงของความถี่ในยีนประชากร สองคือการกลายพันธุ์และการรวมตัวกันของยีน และสามคือการคัดสรรและการข้ามสายพันธุ์ทางธรรมชาติ”


“แบบนั้นล็อบสเตอร์สีรุ้งกับเมนล็อบสเตอร์ก็มียีนที่เหมือนกันเหรอ?” ฉินสือโอวถาม


บิลส่ายหัวไปมาอย่างผิดหวังแล้วพูดอธิบาย “ไม่ใช่ พวกมันต่างกัน แต่ต่างกันน้อยมาก ธรรมชาติของโลกใบนี้ การกลายพันธุ์และการรวมตัวกันของยีนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการวิวัฒนาการทางชีวภาพ การคัดสรรทางธรรมชาติจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของการเกิดยีนประชากรและส่งผลต่อทิศทางการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต การจะเกิดสัตว์สายพันธุ์ใหม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขสองข้อนี้”


“แต่ว่า!” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาเสียงดังแล้วอธิบายต่อไป “แต่ว่าการคัดสรรจากธรรมชาติที่ทำให้ความถี่ของยีนเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดสัตว์สายพันธุ์ใหม่เสมอไป ตราบใดที่การเชื่อมต่อของยีนไม่ถูกตัดขาด การวิวัฒนาการของสัตว์พวกนั้นก็จะไม่สามารถข้ามข้อจำกัดของสายพันธุ์ได้”


ใต้เท้าฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจทันที ความจริงแล้วเขาไม่ได้เข้าใจสิ่งที่สุภาพบุรุษมีอายุคนนี้พึมพำออกมาเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะลึกซึ้งมากไปหน่อย


อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจแล้วว่าหลังจากงานวิจัยนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็คิดว่าล็อบสเตอร์สีรุ้งคือล็อบสเตอร์ที่ถูกกระตุ้นโดยล็อบสเตอร์กาฟคีเมียทำให้โครงสร้างยีนของมันเกิดการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงสีสันของมันก็เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพภายนอก


นี่เป็นคำอธิบายจากการเฝ้าดูการพัฒนาของล็อบสเตอร์กาฟคีเมียที่มีมาอย่างต่อเนื่อง แบคทีเรียชนิดนี้เข้าไปยังร่างกายของล็อบสเตอร์โดยการแทรกตัวเข้าผ่านรอยแตกของเปลือกและแผลบนร่างกายของมัน ถ้าเปลือกของล็อบสเตอร์แข็งแรงพอที่จะลดความเสียหายลงได้ หรือมีเปลือกเพิ่มขึ้นอีกชั้นเพื่อที่จะป้องกันการแทรกซึมของแบคทีเรียได้ โดยธรรมชาติแล้วล็อบสเตอร์กาฟคีเมียก็จะไม่ทำงาน


เปลือกของล็อบสเตอร์สีรุ้งในตอนนี้มีสารชนิดนี้อยู่ บิลและทีมของเขายังไม่ได้วิจัยเรื่องนี้จนรู้แน่ชัด พวกเขารู้เพียงว่ามันเป็นสสารไคทินที่ส่งผลต่อความสามารถของมัน อย่างความสามารถในการรับรู้และต้านศัตรูของล็อบสเตอร์ ดังนั้นพวกมันจึงสามารถเอาชีวิตรอดจากการรุกรานของแบคทีเรียนี้ได้


แม้ว่าไม่มีทางที่จะมีการเกิดสายพันธุ์ใหม่แล้ว แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็ยังได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ พวกเขาศึกษาหัวข้อนี้เพราะพวกเขาคิดว่าสสารนี้สามารถสกัดแล้วนำมาวิจัยได้ และอาจจะสร้างผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงได้ในอนาคต เช่นการใช้สสารนี้ในการส่งเสริมสสารชนิดอื่น อย่างเซลล์มะเร็งและเชื้อเอชไอวีพวกนั้น เมื่อนำสสารนี้ไปรวมเข้ากับยา พวกมันอาจจะสามารถโจมตีเซลล์ที่ก่อให้เกิดโรคพวกนี้ได้ก็เป็นได้


อีกทั้งบิลยังแนะนำฉินสือโอวว่าเขาไม่ควรขายล็อบสเตอร์พวกนี้ แต่ควรนำพวกมันมาเพาะพันธุ์และขายลูกของพวกมันดีกว่า


การทำลายของล็อบสเตอร์กาฟคีเมียทำให้ราคาล็อบสเตอร์ทั่วโลกตกต่ำลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การปรากฏตัวของล็อบสเตอร์สายรุ้งอาจจะทำให้สถานการณ์อันเลวร้ายนี้ดีขึ้นได้


เหล่าผู้เชี่ยวชาญไม่มีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม เพราะในท้องทะเลนั้น สัตว์บางสายพันธุ์มักจะเกิดการวิวัฒนาการขึ้นในทางใดทางหนึ่งเพื่อต่อสู้กับธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พวกเขาคิดอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ ว่าฟาร์มปลาต้าฉินนั้นโชคดีมากที่ล็อบสเตอร์ของฟาร์มปลาแห่งนี้เกิดการวิวัฒนาการ พวกเขาไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งเลยแม้แต่น้อย


แต่งานวิจัยที่เกี่ยวกับเต่ามะเฟืองนั้นค่อนข้างซับซ้อน พวกเขาทำการวิเคราะห์จากเผ่าพันธุ์ทางธรรมชาติ อาหาร ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและอื่นๆ อีกมากมาย จนสุดท้ายผลก็ออกมาว่าเต่ามะเฟืองถูกการกระตุ้นจากมลพิษทางทะเลทำให้พวกมันฉลาดขึ้นเล็กน้อย ทำให้พวกมันเรียนรู้ที่จะจดจำ พวกมันจะจดจำตำแหน่งของน่านน้ำที่สะอาดๆ ไว้ระหว่างที่พวกมันเดินทาง และจะกลับไปยังที่แห่งนั้นทุกปี แบบนี้อัตราการเสียชีวิตของพวกมันจึงลดลง


ฉินสือโอวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่างานวิจัยของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไม่เลวเลย เขารู้สึกว่าการที่ฝูงเต่ามะเฟืองกลับมานั้นเกี่ยวกับการที่พวกมันฉลาดขึ้นเหมือนกัน ที่นี่มีของกินมากมาย น้ำสะอาด ศัตรูก็น้อย ทำไมถึงจะไม่กลับมาล่ะ?


เรื่องงานวิจัยอื่นๆ นั้นค่อนข้างสับสนปนเปกันไปหมด งานวิจัยที่ฉินสือโอวให้ความสำคัญมากที่สุดคืองานวิจัยเกี่ยวกับสาหร่ายทะเล แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ใช่แล้ว การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสาหร่ายไม่ได้เห็นได้ชัด จึงไม่มีใครคิดว่ามันจะส่งผลต่อเนื้อของกุ้งและปลาจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสาหร่ายทะเลพวกนี้


เมื่อรับเอกสารงานวิจัยมา ฉินสือโอวก็ไปส่งบิลขึ้นเรือ พาวเวลล์และเด็กคนอื่นๆ มากมายต่างพากันวิ่งตรงเข้ามาทางนี้ เมื่อเห็นว่าบิลกำลังกลับไปยังเรือวิจัย เขาก็ถามออกมาว่าจะขอขึ้นไปดูเรือนั้นได้หรือไม่


วิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาตินั้นต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ชาวแคนาดาและชาวอเมริกาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก ในสายตาของพวกเขา ความรู้ที่สำคัญที่สุดคือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สิ่งนี้และเทววิทยาศาสตร์มีความสำคัญมากพอกัน


ดังนั้นบิลจึงไม่ได้ปฏิเสธ เขาพาเด็กๆ ขึ้นเรือไปด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง แบบนี้ถือเป็นการดีที่พวกเขาจะได้เริ่มรู้ซึ้งในวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ


ฉินสือโอวกลับมายังเก้าอี้ที่ชายหาดแล้วเอนตัวลง เสี่ยวหลัวปอเดินเข้ามาหาเขาอย่างเกียจคร้าน หลังจากพบเจอกับเหตุการณ์ความรุนแรงของพวกห่าน มันก็ไม่ค่อยสนใจการล่าเหยื่อเท่าไร การเล่นสนุกนี้ค่อนข้างอันตราย มันยังเด็กอยู่ จึงไม่เหมาะที่จะเล่นอะไรแบบนี้


ฉินสือโอวกวักมือเรียกเสี่ยวหลัวปอ มันจึงวิ่งเหยาะๆ มาหาเขา ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อนข้างดีและดูอบอุ่นขึ้นเยอะ


เสี่ยวหลัวปอนอนลงข้างๆ แต่ฉินสือโอวกลับอุ้มเสี่ยวหลัวปอขึ้นมาวางไว้บนตัก จากนั้นก็เล่นโทรศัพท์มือถือต่อไปเรื่อยๆ


ทำไมเสี่ยวหลัวปอถึงไม่เข้าใจความหมายของเจ้านายกันนะ? มันทำหน้าปั้นปึ่งแล้วย่ำเท้าไปมาบนขาของฉินสือโอวอย่างหนักแน่น นี่เป็นวิธีการนวดชนิดหนึ่งที่ฉินสือโอวค่อนข้างชอบ


ลมทะเลพัดผ่านไปมาตลอดเวลา ฉินสือโอวปล่อยให้จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปใจกลางทะเล ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้ไปลาดตระเวนบริเวณน้ำลึกเลย นั่นก็เพราะตอนนี้เขากำลังวุ่นกับผลผลิตและกำไรจากปลา เขาจึงเพิ่มพลังโพไซดอนไปในพวกปลา กุ้งและสาหร่ายทะเลที่อยู่ในพื้นที่จับปลา นับว่าเป็นวิธีพิเศษที่ทำให้พวกมันอุดมสมบูรณ์


หลังจากที่ฉินสือโอวตรวจตราดูฟาร์มปลาและไม่พบปัญหาอะไร เขาก็ดำลงไปในน้ำลึกเพื่อดูว่าจะเจอกับอะไรใหม่ๆ หรือไม่


ที่แรกที่เขาลงไปคือบริเวณที่เรือไททานิคจมลงใต้ท้องทะเล ก่อนหน้านี้เหล่าหมึกสายทำงานกันอยู่ที่นี่อย่างขยันขันแข็ง พวกมันค่อยๆ ทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในเรืออับปางลำนี้


ฉินสือโอวดูทรัพย์สินพวกนั้น หลังจากที่เขาตรวจสอบเรือไททานิคเขาก็คิดว่าหลายปีมานี้เรือลำนี้คงโดนแรงดันของน้ำทะเลและการไหลทะลักของน้ำเข้าไปทำลายมันจนพังย่อยยับ


เพราะเหตุนี้เขาจึงคิดว่าอย่างไรเรือลำนี้ก็ต้องล่มสลาย งั้นเขาก็ทำการรื้อมันด้วยตัวเองซะเลยก็สิ้นเรื่อง นอกจากนี้ยังนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย ดูสิว่าข้างในยังจะมีของล้ำค่าอะไรอยู่อีกหรือเปล่า


บทที่ 610 ลาก่อน เรือไททานิก

โดย

Ink Stone_Fantasy

เรือไททานิกอยู่ในสภาพผุพังเกินกว่าจะรับไหว สนิมน้ำแข็งที่เหมือนกับเชื้อโรคมีอยู่ทั่วทุกซอกทุกมุมของเรืออับปางรวมไปถึงสมอเรือ


ก่อนหน้านี้มีบริษัทกู้ซากเรือใช้ประโยชน์จากการถ่ายภาพแบบอะคูสติค รวมถึงการใช้รังสีโซนาร์และการใช้กล้องที่มีเทคโนโลยีสามมิติเข้ามาถ่ายภาพเพื่อวิจัยสภาพความเป็นอยู่ของเรือลำนี้ มีการคาดการณ์ไว้ว่าเรือลำนี้จะค่อยๆ พังทลายลงไปเรื่อยๆ หลังจากห้าถึงสิบปีนี้


ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ข่าวที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความตื่นตระหนก เขาสังเกตดูรอบๆ เรืออับปางอันสวยงามลำนี้อยู่เงียบๆ นับจากครั้งล่าสุดที่เขาเข้ามาดู มันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับซากเรืออับปางลำนี้เล็กน้อย


ครั้งที่แล้วที่เขาได้นำภาพวาดของมันมาด้วย เสากระโดงหน้าของ ‘เรือไททานิก’ เอนมาข้างหลังเล็กน้อย แต่ตอนนี้เสานั้นกลับล้มลงจนเป็นเหมือนสะพานไปเรียบร้อยแล้ว


ตอนนี้สิ่งเปลี่ยนไปมากที่สุดคือคราบสนิมน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามซากเรือ ว่ากันว่าตัวเรือไททานิกนี้ทำจากแผ่นเหล็กสองพันแผ่นประกอบเข้าด้วยกัน แผ่นเหล็กทุกแผ่นยาวสามสิบฟุต กว้างหกฟุต และหนาหนึ่งนิ้ว การจะต่อแผ่นเหล็กทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันต้องใช้หมุดย้ำทั้งหมดสามล้านชิ้น


แต่ตอนนี้เขามองไม่เห็นของเหล่านั้นอีกแล้ว สิ่งที่เห็นในตอนนี้คือสนิมหนาหลายชั้น ทำให้รู้สึกถึงความเสื่อมโทรมที่มีอยู่ทั่วเรือลำนี้


อีกอย่างนอกจากน้ำทะเลที่เข้ามากัดเซาะเรือลำนี้แล้วยังมียังมีจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ อีกด้วย พวกมันสร้างที่อยู่อาศัยของตัวเองอยู่ทั่วเรืออับปาง ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่เรือลำนี้ไม่น้อยกว่าน้ำทะเลเลย


คลื่นน้ำใต้ทะเลยังเป็นฆาตกรอีกคนหนึ่งที่คอยทำลายเรือลำนี้ ฉินสือโอวเคยอ่านเจอข้อมูลพวกนี้จากคนที่พบซากเรืออับปางทั้งหลาย ซากเรืออับปางลำนี้เคลื่อนตัวไปมากกว่าสี่ร้อยเมตรในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา เท่ากับว่ามันถูกคลื่นใต้น้ำทำให้มันเคลื่อนที่ไปช้าๆ เฉลี่ยยี่สิบเมตรต่อปี


ฉินสือโอวออกคำสั่งให้พวกไร้กระดูกถอดส่วนประกอบด้านนอกของเรือไททานิกออกให้หมด แทนที่จะปล่อยให้ซากเรืออับปางอันมีชื่อเสียงโด่งดังถูกน้ำทะเลและจุลินทรีย์ทำลาย สู้ให้เขาทำลายมันด้วยตัวเองยังจะดีเสียกว่า


นี่คือชะตากรรมของทุกสรรพสิ่ง มีทั้งผู้สร้าง ย่อมมีผู้ทำลาย


มนุษย์เป็นคนสร้างเรือไททานิกขึ้นมา สุดท้ายคนที่ลายมัน ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ดี


เหตุผลที่ฉินสือโอวมายังรอบๆ ซากเรือไททานิกในวันนี้ นอกจากเขาจะมาพักผ่อนแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะเสากระโดงที่หักลงมาแล้วเสานั้นนั่นเอง ไม่นานเสานั้นก็จะตกลงสู้ก้นทะเลและถูกสายน้ำพัดพาไป


การอับปางของเรือลำนี้ถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เหตุการณ์หนึ่ง เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ณ เสากระโดงเรือ เวรยามอย่างเฟรเดอริก ฟรีตเป็นผู้มองเห็นภูเขาน้ำแข็งแห่งประวัติศาสตร์จากที่แห่งนี้


เมื่อเสากระโดงเรือล่มลง มันก็ทำให้น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ เกิดการสั่นไหว ฉินสือโอวมองไปยังเรือลำใหญ่เงียบๆ เขาพูดขึ้นมาในใจว่า ลาก่อน ไททานิก


มีหลุมขนาดใหญ่กว้างราวสี่ถึงห้าตารางเมตรปรากฏขึ้นที่ตัวเรือ ข้างใต้เสากระโดงเรือคือห้องเก็บของ ฉินสือโอวสั่งให้พวกไร้กระดูกเข้าไปในรูขนาดใหญ่ของซากเรืออับปางเพื่อหาของที่อยู่ข้างในเรือลำนั้น


ของสะสมที่อยู่ในห้องเก็บของของเรือไททานิกคือเนื้อหมูสดประมาณสามหมื่นสี่พันกิโลกรัม เนื้อปลาสดห้าพันกิโลกรัม เนื้อสัตว์ปีกหนึ่งหมื่นหนึ่งพันกิโลกรัม ไข่ไก่สี่หมื่นฟอง น้ำตาลสี่พันห้าร้อยกิโลกรัม มันฝรั่งสี่สิบตัน กาแฟหนึ่งตัน ไวน์หนึ่งพันห้าร้อยขวด เบียร์อีกสองหมื่นขวดและของอื่นๆ อีกมากมาย


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของพวกนี้ถูกทำลายไปจนหมดแล้ว ฉินสือโอวกำลังมองหาเครื่องลายคราม ห้องอาหารในเรือเวลานั้นมีจานหนึ่งหมื่นสองพันใบ ช้อนส้อมแปดพันคู่ ถ้วยชาสามพันใบและแก้วไวน์อีกแปดพันใบ


ปรากฏว่าเครื่องลายครามพวกนี้ไม่ได้ถูกห่ออย่างแน่นหนา ของพวกนี้ไม่สามารถถูกน้ำทะเลทำลายได้ ตอนนั้นคงไม่มีใครคิดว่าเรือลำนี้จะจมลงสู่ใต้ท้องทะเลและไม่มีใครคิดว่าหนึ่งร้อยปีต่อมาจะมีคนมากอบกู้เรือลำนี้ ดังนั้นเครื่องลายครามเหล่านี้จึงถูกน้ำทะเลเข้าไปเต็มๆ บนเครื่องลายครามมีจุลินทรีย์ปกคลุมไปทั่วทำให้ของพวกนี้ดูไร้ค่าไปเลย


ที่มุมห้องเก็บของมีถังไม้โอ๊กใบใหญ่วางเรียงซ้อนกันอยู่มากมาย ถังไม้โอ๊กพวกนี้ถูกเรียงซ้อนกันขึ้นไป เมื่อเรือลำนี้จมลงใต้น้ำ เนื่องจากความหนักและการอัดแน่นของพวกมันจึงทำให้พวกมันอยู่ที่เดิมไม่ลอยออกไปไหน แม้ว่าตำแหน่งการวางจะเอียงไปบ้าง แต่พวกมันก็ไม่ได้รับความเสียหาย


ฉินสือโอวตรวจสอบของพวกนั้นอยู่ครู่หนึ่ง สิ่งที่อยู่ในถังไม้โอ๊กพวกนี้จะต้องเป็นเบียร์หรือไม่ก็ไวน์องุ่นแน่นอน แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร การที่พวกมันอยู่ใต้น้ำมาร้อยกว่าปีแบบนี้คงดื่มไม่ได้แล้วเป็นแน่ เรื่องนี้ทำให้เขาค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย


ไม่ใช่เหล้าทุกชนิดที่ยิ่งเก็บไว้นานแล้วจะยิ่งมีค่า ยังดีที่ฉินสือโอวเป็นคนที่ค่อนข้างรู้เรื่องไวน์องุ่นอยู่บ้าง เขาศึกษาเรื่องเกี่ยวกับเหล้าและไวน์อยู่บ้างเล็กน้อย เขารู้ว่าโดยทั่วไปนั้นไวน์องุ่นไม่สามารถเก็บได้นานขนาดนั้น


ในสายตาของนักชิมไวน์ ไวน์องุ่นก็เหมือนกับการเติบโตของคน มันมีช่วงเวลาที่สุกงอมและหมดอายุ พวกมันไม่ได้มีระยะเวลาในการเก็บรักษา แต่มีระยะเวลาในการดื่ม การดื่มให้หมดในระยะเวลาที่กำหนดถือว่าดีที่สุด การดื่มหลังจากผ่านระยะเวลานั้นไปแล้วอาจทำให้รสชาติที่ได้รับเปลี่ยนไปได้


การดื่มไวน์องุ่นนั้นก็เพื่อชิมรสชาติและเพื่อสุขภาพของผู้ดื่ม ถ้าหากรสชาติของมันไม่อร่อยและไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย แบบนั้นยังจะไม่มีใครดื่มเครื่องดื่มเช่นนี้ต่อไปอีก


จากที่ฉินสือโอวรู้มา ไวน์องุ่นธรรมดานั้นมีระยะเวลาในการดื่มห้าถึงสิบปี ไวน์ที่ดีจะต้องถูกบ่มเป็นระยะเวลาแปดถึงสิบปีจนสุกงอมถึงจะมีรสชาติที่น่าดึงดูด ดังนั้นระยะเวลาเก็บก็จะต้องนานขึ้นไปอีก


แต่มีไวน์ชั้นเยี่ยมอยู่ไม่กี่ชนิดที่สามารถเก็บได้นานนับสิบปีจนถึงร้อยปีหากบ่มอย่างถูกต้อง แต่ไวน์เหล่านี้มักพบเห็นได้น้อย เมื่อฉินสือโอวตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ ไวน์ที่ถูกบ่มไว้เป็นร้อยปีที่มีข้อมูลระบุอยู่ก็คือไวน์ในงานแต่งงานของวิลเลี่ยมแห่งประเทศอังกฤษเมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้านี้


จิตสำนึกโพไซดอนเคลื่อนย้ายถังเหล้าพวกนี้ช้าๆ ถังไม้โอ๊กแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันทีที่ได้รับแรงกระแทก การโดนน้ำทะเลแทรกซึมมาเป็นระยะเวลากว่าร้อยปีทำให้แม้ว่าถังเหล้าพวกนี้จะยังคงอยู่ในสภาพเดิม แต่ความจริงมันเป็นไม้ที่ผุพังแล้ว


เมื่อถังไม้โอ๊กถูกทำลาย ของเหลวที่ไหลออกมารวมกับน้ำทะเลนั้นมีสีสันหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีอะไรบางอย่างสีดำๆ ลอยออกมาด้วย ไม่รู้ว่าในสมัยนั้นพวกเขาใส่อะไรลงไปข้างในระหว่างทำการต้มไวน์กันแน่


เมื่อเก็บกวาดถังไม้โอ๊กพวกนั้นเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็เตรียมตัวกลับ แต่ทันใดนั้นเขาก็เจอเข้ากับถังไม้โอ๊กใบหนึ่งที่ข้างในมีถังใบเล็กๆ อยู่ข้างในสองสามใบ


มีถังใบเล็กๆ ทั้งหมดสี่ใบ ความสูงประมาณสามสิบเซนติเมตร พวกมันเป็นถังอ้วนๆ เตี้ยๆ ดูน่ารักเป็นอย่างมาก พวกมันเหมือนถังไม้โอ๊กขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆ ซึ่งด้านนอกมีการทาสีไว้หนึ่งชั้น มีถังสองใบถูกทาด้วยสีทองเหลืองอร่ามและอีกสองใบทาด้วยสีเงินประกายขาวดุจหิมะ มองดูก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกมันเป็นของมีค่า


ฉินสือโอวเข้าไปดูใกล้ๆ เขารู้สึกว่าถังใบเล็กทั้งสี่ใบนี้จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ บนถังไวน์เหล่านั้นมีตัวอักษรที่ถูกแกะสลักเอาไว้ว่าชาโต เปตรุส นอกจากคำนี้แล้วก็ไม่ได้มีเครื่องหมายอื่นๆ อีก


ฉินสือโอวเรียกพวกไร้กระดูกมาสี่ตัวแล้วให้พวกมันกลิ้งถังไวน์ขนาดเล็กทั้งสี่นี้ให้ลอยขึ้นมา จากนั้นพวกมันก็นำถังพวกนี้ไปวางไว้ที่พื้นราบที่ก้นทะเล นอกจากนี้พวกมันยังนำกล่องเล็กๆ และตู้ขนาดเล็กต่างๆ มาวางไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน ของทุกชิ้นอาจจะเป็นของมีค่าที่พวกไร้กระดูกรวบรวมมาได้ก่อนหน้านี้


เมื่อออกมาจากห้องเก็บของ ฉินสือโอวก็ไปยังห้องโดยสารชั้นหนึ่ง ที่แห่งนี้เมื่อก่อนเคยถูกตบแต่งด้วยไม้อย่างดี อีกทั้งยังมีเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งหรูหรามากมาย แต่หลังจากที่มันจมอยู่ใต้ทะเลมาร้อยกว่าปีแล้ว ที่ห้องโดยสารชั้นหนึ่งก็อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ไปแล้ว


อันที่จริงข้างบนนั้นยังมีเครื่องประดับอย่างทองและเงินบางชนิดที่ยังไม่ถูกสนิมกินอยู่ แต่พวกมันก็เกิดการหลุดหลอกเป็นรอยด่าง นั่นก็เพราะจุลินทรีย์สามารถเติบโตได้บนพื้นผิวพวกนี้นั่นเอง


แม้ยุงจะตัวเล็ก แต่มันก็ยังมีเนื้อ ฉินสือโอวเรียกให้พวกไร้กระดูกกลุ่มหนึ่งเข้ามาแล้วสั่งให้พวกนั้นหยิบเครื่องประดับเงินทองเหล่านี้ออกไปรวมกันไว้ข้างนอก


นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมายังเรือไททานิกแห่งนี้ ฉินสือโอวจึงตั้งใจที่จะไปยังตำแหน่งของบันไดที่ขึ้นไปยังห้องโดยสารชั้นหนึ่งอีกครั้ง


ในเวลานี้สถานที่ที่หรูหราที่สุดในเรือก็คือปล่องที่อยู่ระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นสอง บันไดที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตบแต่งด้วยไม้โอ๊กและราวบันไดที่ทำจากทองคำทอดยาวไปจนถึงชั้นดาดฟ้าของเรือ ด้านบนสุดคือโดมแก้วที่มีเหล็กดัดรองรับอยู่ ไม่ว่าตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน ขอเพียงมีแสง ที่แห่งนี้ก็จะสามารถเห็นแสงที่ตกกระทบลงมาได้


แม้จะเห็นมันในตอนนี้ ฉินสือโอวก็ยังคงรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อลังการของมันได้อยู่ หลังจากที่ซึมซับบรรยากาศอันยิ่งใหญ่นี้เรียบร้อยแล้ว เขาก็มองหาเครื่องประดับที่ทำจากเงินและทองบริเวณบันไดอันใหญ่โตนี้ต่อไป จากนั้นเขาก็เรียกพวกไร้กระดูกมาเก็บของมีค่าพวกนั้นออกไป…


บทที่ 611 การทำฟาร์ม

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากถังไวน์ถังเล็กที่ถูกทาสีไว้ทั้งสี่ถังถูกนำออกมาจากซากเรือ พวกมันก็ลอยขึ้นไปข้างบน ฉินสือโอวคิดว่าไวน์ที่อยู่ในถังพวกนั้นก็คงเสียแล้วเช่นกัน แต่ถังไวน์ขนาดเล็กอ้วนๆ กลมๆ แบบนี้น่ารักมากเลย เขาจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนกระตุ้นให้คลื่นทะเลพัดพาพวกมันไปยังเกาะแฟร์เวล


ของที่อยู่ในเรือไททานิกมีจำนวนเยอะมาก แต่เสียดายที่ของส่วนใหญ่โดนน้ำทะเลและจุลินทรีย์ทำลายจนหมดแล้ว ฉินสือโอวให้พวกไร้กระดูกเข้าไปสำรวจภายในเรือแล้วให้พวกมันนำของพวกเครื่องเงินและเครื่องทองออกมา


เครื่องเงินเครื่องทองพวกนี้เกิดรอยด่างจนเสียคุณค่าของพวกมันไปหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามพวกมันก็เป็นโลหะที่มีค่า ฉินสือโอวอยากจะรวบรวมพวกมันทั้งหมดแล้วกลั่นโลหะออกมา จากนั้นค่อยนำไปขาย เงินที่ได้มาก็คงมากพอสมควร


เครื่องเงินเครื่องทองที่อยู่บริเวณด้านนอกเรือนั้นมีค่อนข้างน้อย จุดมุ่งหมายฉินสือโอวก็คือกล่องเก็บของที่อยู่ในห้องโดยสาร โดยเฉพาะห้องโดยสารชั้นหนึ่ง ที่นั่นเป็นที่ที่คนรวยอาศัยอยู่กันเยอะ ตอนนั้นเรือล่องไปได้เพียงสี่สิบนาทีก่อนที่เรือจะจมลง พวกคนรวยจึงเก็บของมีค่าของตนเองเอาไว้ที่ตู้นิรภัยในห้องพัก


คนรวยที่อยู่ในห้องโดยสารชั้นสองก็มีจำนวนไม่น้อย ไททานิกเป็นเรือสำราญที่หรูหราที่สุดในเวลานั้น เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์และการตบแต่งของห้องโดยสารชั้นสองจะเหมือนกับห้องโดยสารชั้นหนึ่งของเรือสำราญธรรมดาทั่วไป


เพราะเหตุนี้เมื่อผู้โดยสารหลายคนที่เดิมทีได้ทำการจองห้องโดยสารชั้นหนึ่งของเรือลำอื่นแล้วได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนมาจองห้องโดยสารชั้นสองของเรือไททานิกทันที


ฉินสือโอวเดินดูรอบๆ ห้องทีละห้องเป็นครั้งสุดท้าย ในบรรดาตู้นิรภัยที่อยู่ทั้งห้องโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นสอง เขาหยิบออกมาได้เพียงสองกล่องเท่านั้น ปรากฏว่าทั้งสองกล่องนี้มีของมีค่าอยู่เยอะพอสมควร หนึ่งในนั้นเป็นจดหมายของครอบครัวสเตราส์ ส่วนอีกเป็นภาพวาดอันมีชื่อเสียงของแวนโก๊ะ


น่าเสียดาย พวกไร้กระดูกยังตัวไม่ใหญ่พอ พวกมันตัวยาวที่สุดเพียงสองเมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับพวกกล่องที่มาพร้อมกับซากเรืออับปาง พวกมันจึงไม่มีแรงมากพอที่จะลากมันออกมา


เมื่อเขาเห็นภาพนั้น ในขณะที่กำลังคิดเสียดายอยู่นั้นเขาก็เริ่มใช้สมองคิดหาวิธี หลังจากนั้นเขาก็คิดได้ว่า ครั้งต่อไปที่เขาลงไปเขาจะนำค้อนลงมาด้วย แล้วบังคับให้พวกไร้กระดูกใช้ค้อนในการเปิดกล่องพวกนั้น


ตอนนี้ต้องให้พวกไร้กระดูกเก็บรวบรวมเครื่องเงินเครื่องทองด้านนอกนั้นให้หมดเสียก่อน จากนั้นฉินสือโอวก็เรียกจิตสำนึกโพไซดอนกลับมาแล้วเริ่มพักผ่อนจริงๆ


เมื่อถึงเวลากินอาหารเช้า เหมาเหว่ยหลงก็ขยิบตาให้ฉินสือโอวหนึ่งทีเพื่อบ่งบอกว่าเขามีเรื่องที่ต้องการจะคุยด้วย


เพราะเป็นช่วงเช้า ฉินสือโอวจึงพาเหมาเหว่ยหลงมานั่งอยู่ใต้ต้นเมเปิล เขาถามขึ้น “มีอะไรเหรอ?”


เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจออกมาแล้วพูดออกมา “ฉันอยากปรึกษานายหน่อย ฉันกำเตรียมตัวจะหางานทำ พวกทำธุรกิจหรือไม่ก็ไปเป็นแรงงานอะไรพวกนั้นน่ะ ฉันเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่มานานพอควรแล้ว”


ฉินสือโอวถามออกมาอย่างไม่พอใจ “นายหมายความว่าไง? เที่ยวเล่นอยู่ที่นี่มานานแล้วยังไง? ฉันไม่ให้นายเที่ยวเล่นอยู่ที่นี่หรือไง?”


เหมาเหว่ยหลงกลอกตาหนึ่งทีแล้วพูดออกมา “ฉันแค่รู้สึกว่าแบบนี้มันน่าเบื่อไปหน่อย อีกอย่างผู้ชายน่ะจะทำตัวเสเพลไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ใช่นายนะ แล้วหลิวซูเหยียนก็ไม่ใช่วินนี่….ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยว่าวินนี่เป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนั้น ทำไมถึงได้มาชอบผู้ชายที่ไม่มีความทะเยอทะยานอย่างนายกันนะ?”


ฉินสือโอวทำท่าทางดูถูกคำพูดเหล่านั้น แต่ในใจของเขานั้นแอบพอใจอยู่เงียบๆ นายคิดว่าฉันจะเป็นผู้ชายมีคุณธรรมเหมือนนายงั้นสิ? ฉันเป็นผู้ชายที่จะกลายเป็นเทพโพไซดอน แบบนี้ทะเยอทะยานสูงไปหรือเปล่าล่ะ?


แต่ที่เหมาเหว่ยหลงคิดนั้นก็มีส่วนถูก วันๆ เขาเอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ที่นี่ไม่ทำอะไรจริงจัง ไม่มีรายได้ ไม่มีสังคม ไม่มีพลัง และไม่มีอนาคต


เหมาเหว่ยหลงไม่เหมือนกับเขา เขาเหมือนจะสุขสบายดี แต่อันที่จริงแล้วเขาเก็บเรื่องวุ่นวายไว้ในใจ บางครั้งที่เห็นว่าเขามานอนที่ชายหาดเพื่อรับลมทะเลนั้น แท้จริงแล้วเขากำลังถอดจิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปจัดการเรื่องในฟาร์มปลาต่างหาก อีกอย่างฟาร์มปลาก็มีขนาดใหญ่ถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ต่างก็มีการประกันเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำมันด้วยความมั่นใจ


“งั้นนายวางแผนจะทำอะไรล่ะ?” ฉินสือโอวคิดไปคิดมาเขาก็เข้าใจความคิดของเหมาเหว่ยหลง


เหมาเหว่ยหลงพูดขึ้น “ตอนนี้แค่คิดไว้คร่าวๆ น่ะ นายก็รู้ว่าฉันไม่สามารถย้ายที่อยู่ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่ฉันจะทำฟาร์มปลาเหมือนนายได้ได้ แต่ให้ทำฟาร์มทั่วไปยังพอได้อยู่ แค่มีกรีนการ์ดก็สามารถกู้เงินเพื่อซื้อฟาร์มขนาดเล็กได้แล้ว ฉันอยากทำฟาร์มเล็กๆ น่ะ นายคิดว่าไง?”


อิทธิพลจากการดูภาพยนตร์ของอเมริกาและฮอลลีวูดบล็อกบัสเตอร์ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่ากรีนการ์ดเป็นใบอนุญาตในการพำนักอยู่ที่อเมริกาอย่างถาวร แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น


กรีนการ์ดมีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากใบอนุญาตผู้พำนักถาวรในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ดั้งเดิมนั้นเป็นใบอนุญาตสีเขียว ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่า ‘กรีนการ์ด’


อันที่จริงแล้วตอนนี้ชื่อนี้มีความหมายที่กว้างมาก ประเทศอื่นๆ ยังใช้คำอธิบายเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา ใบอนุญาตในการพำนักถาวรนั้นก็เรียกว่ากรีนการ์ดเหมือนกัน สิ่งนี้เป็นใบอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้ามาพำนักอย่างถาวรในประเทศนั้นๆ การถือบัตรกรีนการ์ดหมายความว่าผู้ถือบัตรมีถิ่นที่อยู่ถาวรในประเทศผู้ออกบัตร ในขณะเดียวกันนั้นผู้ถือกรีนการ์ดยังสามารถยกเว้นวีซ่าสำหรับเข้าประเทศนั้นๆ ในช่วงเวลาหนึ่งได้อีกด้วย


แน่นอนว่ากรีนการ์ดของแต่ละประเทศมีชื่อเล่นของตัวเอง อย่างกรีนการ์ดของแคนาดาก็มีชื่อเล่นว่าบัตรใบเมเปิล


อันที่จริงแล้วบัตรทั้งหมดของประเทศแคนาดาต่างมีชื่อเล่นว่าบัตรใบเมเปิล นั่นก็เพราะตราบใดที่เป็นบัตรจากทางการ บัตรพวกนั้นก็ถูกประทับตราใบเมเปิลลงไปนั่นเอง….


“นายอยากทำฟาร์มงั้นเหรอ?” ฉินสือโอวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ พูดถึงการทำฟาร์มเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนคนหนึ่ง โอวหยางไห่


โอวหยางไห่เป็นทายาทรุ่นที่สองผู้เก่งกาจที่กลับมายังแคนาดาเมื่อปีที่แล้ว และในตอนนั้นเขากับโอวหยางไห่ก็ได้แย่งชิงกันเช่าที่ของเจ้าของที่หน้าโง่คนนั้น โอวหยางไห่มีฟาร์มขนาดสามแสนเอเคอร์อยู่ที่รัฐมอนตานา ประเทศสหรัฐอเมริกา


หลังจากได้รู้จักกัน โอวหยางไห่กับฉินสือโอวก็ติดต่อกันบ้างเป็นครั้งคราว ฉินสือโอวเคยพูดขึ้นมาตอนที่อยู่บนเครื่องบินว่าเขาสนใจการทำฟาร์มด้วยเช่นกัน บางครั้งเมื่อโอวหยางไห่เจอฟาร์มดีๆ เขาก็จะโทรมาหาฉินสือโอวเพื่อที่จะแสดงความมีน้ำใจของตน นอกจากนี้โอวหยางไห่ยังไม่มีความหยิ่งยโสและความเย่อหยิ่งจากการเป็นรุ่นที่สองเลยแม้แต่น้อย


เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดไว้แบบนั้น ช่วงนี้ฉันเพิ่งจะไปถามข้อมูลบางอย่างจากเพื่อนมา” เขาพูดพลางมองไปยังฉินสือโอวแล้วยิ้มออกมา “นายยังจำเขาได้อยู่ใช่ไหม โอวหยางไห่น่ะ?”


ฉินสือโอวพยักหน้า เขาก็เพิ่งจะคิดถึงโอวหยางไห่พอดี


“ต้องใช้เงินเท่าไรล่ะ?” ฉินสือโอวถามขึ้นมาอีก ที่เหมาเหว่ยหลงพูดถึงโอวหยางไห่ ในเรื่องการทำฟาร์มนั้นสามารถพึ่งพาเขาได้จริงๆ ฉินสือโอวมองออก โอวหยางไห่เป็นคนเก่งคนหนึ่ง ถ้าหากว่าเขาทิ้งจิตสำนึกโพไซดอนไป คนคนนั้นคงเก่งกว่าเขาหลายเท่า


เหมาเหว่ยหลงพูดกลั้วหัวเราะออกมา “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ยังไม่จำเป็นที่จะต้องคิดตอนนี้ อีกอย่างถ้าฉันจะทำจริงๆ คงเริ่มจากฟาร์มขนาดเล็กก่อน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะหรอก”


“ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไรฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่านายจะมีเงินขนาดนั้น ดังนั้นนายต้องใช้เท่าไรก็บอกฉัน ฉันไม่มีภาระอะไร” ฉินสือโอวมองไปยังเหมาเหว่ยหลงแล้วพูดออกมาตรงๆ


ใบหน้าของเหมาเหว่ยหลงปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่นขึ้นมา เขาตบบ่าของฉินสือโอวเบาๆ “วางใจได้ ถ้ามีอะไรฉันมาหานายแน่นอน ใช่แล้ว ระหว่างนายกับวินนี่คิดกันไว้แล้วหรือยังว่าจะเอายังไงต่อ? ดูเหมือนว่านายน่าจะอยากมีลูกนะ เรื่องแต่งงานก็เตรียมการไว้แล้วใช่ไหม?”


ฉินสือโอวเข้าใจดี เหมาเหว่ยหลงตั้งใจที่จะเปลี่ยนหัวข้อ เขาไม่อยากมีข้อพิพาทเรื่องเงินกับฉินสือโอว แต่เขาเลือกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ดี พูดถึงเรื่องแต่งงานฉินสือโอวก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันที


ความสัมพันธ์ของเขากับวินนี่เป็นไปได้ด้วยดี ทางเดินของพวกเขาทั้งสองจะต้องมาบรรจบกันอย่างแน่นอน และวินนี่ก็ต้องยอมให้กำเนิดลูกของเขาแน่นอนเช่นกัน แถมไม่ใช่หนึ่งหรือสองคนด้วย แต่ต้องมากพอที่จะตั้งทีมบาสเกตบอลได้เลยทีเดียว


จากมุมมองของฉินสือโอว แบบนี้พวกเราก็สามารถแต่งงานกันได้แล้วน่ะสิ? อีกอย่างพ่อแม่ของเขาก็ชอบวินนี่ด้วย ส่วนเขาก็ได้ติดต่อกับพ่อแม่ของวินนี่เป็นการส่วนตัวหลายต่อหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ได้ผลผลิตจากฟาร์มปลา เขาก็จะรีบส่งของพวกนั้นไปให้พวกเขาทันที


แต่เมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานกับวินนี่แล้ว เธอมักจะพูดอะไรที่คลุมเครือออกมาเสมอ ราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเข้าสู่พิธีแต่งงานในเร็วๆ นี้


……………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)