ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 578-579

 ตอนที่ 578 ท่านตา...................?

 

นั่น……ท่านเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนยังมีชีวิตอยู่? 


 


 


ก่อนหน้านี้ พวกเขาทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ท่านเจ้าสำนักและตู๋กูซิงหลัน ประกอบกับหมอกสีดำข้างหลังคนทั้งสองเองก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่เสียงอะไรทั้งนั้น พวกเขาจึงเข้าใจกันไปเองว่า หมอกสีดำนั้นเป็นของเจ้าสำนักหยินหยางนั่นเอง 


 


 


เพราะว่าทั้งท่านเจ้าสำนักหยินหยางและเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ต่างก็มีไอหยินเข้มข้น หมอกสีดำของทั้งสองมิได้แตกต่างกันมากนัก ยากที่จะแยกแยะ 


 


 


ตอนนี้พอฟ่านอิงเอ่ยออกมา ผู้คนทั้งหลายจึงพากันตกตะลึงไป 


 


 


นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? 


 


 


เจ้าสำนักจับตัวเจ้าตำหนักเอาไว้ คิดจะทำอะไรขึ้นมาอีก? 


 


 


ไม่แปลกเลยที่ในใจของผู้คนต่างก็พากันคาดเดาไปต่างๆนานาเพราะทั้งท่านเจ้าสำนักและฮ่องเต้หญิงน้อยที่เป็นศิษย์ของเขา ดูไปแล้วไม่เพียงแต่มิได้เดือดร้อน ท่าทางก็ดูสุขสบายดีไม่น้อย 


 


 


แต่พอท่านเจ้าตำหนักเอ่ยปาก น้ำเสียงที่ผ่านหมอกสีดำออกมากลับดูอ่อนล้า คล้ายผ่านการต่อสู้มาระยะหนึ่ง 


 


 


ต้าซือมิ่งเองก็ตกตะลึงไปแล้ว พอนึกขึ้นได้คนค่อยได้สติขึ้นมา เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง “ท่านเจ้า….” 


 


 


“ตัวมารร้ายสำนักหยินหยางผู้นั้นทำอะไรกับท่านหรือ?” 


 


 


เขาสอบถามออกไปอย่างรีบร้อน 


 


 


เพราะบุรุษที่สามารถกำจัดวังตันติ่งกงได้ด้วยเพียงฝ่ามือเดียงผู้นี้ ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่ง 


 


 


“ไม่มีอะไร” ฟ่านอิงซ่อนตัวอยู่ในหมอกสีดำ ยืนอยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน 


 


 


สาวน้อยรูปร่างสะโอดสะองค์ผอมบาง คล้ายคลึงกับเย่วอิงเมื่อก่อน 


 


 


ใต้แสงอาทิตย์เช่นนี้ นางงดงามจนบาดตา 


 


 


แสงอาทิตย์…..เขาจำไม่ได้ว่า ตนเองไม่ได้เห็นมันมานานเท่าไหร่แล้ว 


 


 


คล้ายกับว่านับตั้งแต่ที่แคว้นกู่เย่วล่มสลาย คนทั่วทั้งแคว้นถูกสังหาร อาเย่วถูกแย่งชิงไปแต่งงานกับผู้อื่น เขาก็ไม่เคยได้เห็นแสงอาทิตย์อีกเลย 


 


 


เขาเงยหน้าขึ้นมามองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ความอบอุ่นนี้เดิมสามารถเผาผู้คนได้เลย 


 


 


“ท่านเจ้ามิได้เป็นอะไรเช่นนั้นก็ดีแล้ว” ต้าซือมิ่งหรี่ดวงตาลง ในแววตาของเขาทอประกายออกมา จับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันแวบหนึ่ง 


 


 


จากนั้นก็ได้ยินเขาเอ่ยว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะนังมารน้อยฮ่องเต้หญิงผู้นั้นล่อลวงเจ้าสำนักหยินหยาง สตรีผู้นี้ไม่อาจไว้ใจได้ ขอท่านเจ้าตำหนักโปรดลงอาญา” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนอยู่ๆก็ถูกเข็มตำขึ้นมา นางเองก็อดไม่ได้ที่จะมองดูต้าซือมิ่งอีกหลายแวบ 


 


 


มันออกจะเป็นอริกันจนเกินไปแล้ว ระหว่างนางกับเขาเคยมีความแค้นที่ลึกล้ำใดหรือ พอคิดดูให้ละเอียด ก็ยังไม่เคยถึงขั้นเป็นปรปักษ์กันมาก่อนเลยนี่? 


 


 


พอมีต้าซือมิ่งนำขบวน เหล่าคนที่เป็นอริกับเจ้าสำนักหยินหยางอย่างชัดเจนต่างก็พากันออกเสียงตาม 


 


 


นางมารน้อยผู้นี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากไม่รีบกำจัด เกรงว่าอาจก่อให้เกิดเภทภัยในภายหลัง 


 


 


ดูฝีมือในการล่อลวงผู้คนของนางสิ นี่มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาคิดไม่ถึงเลยเสียด้วยซ้ำ 


 


 


เจ้าสำนักหยินหยางดูๆแล้วยังพอจะชักชวนให้กลับใจได้อยู่ ….. ของเพียงสตรีผู้นี้ตายไป เขาก็คงไม่หลุดกรอบถึงเพียงนี้ 


 


 


ครั้งนี้เจ้าแคว้นทองคำไม่ได้รีบร้อนพุ่งเข้าไปก่อเรื่องแล้ว เพราะว่า….เขากำลังตกตะลึงกับความงดงามของตู๋กูซิงหลัน 


 


 


ก่อนหน้านี้ตอนที่เคยได้ยินมาว่าฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณงดงามจนถึงขั้นทำให้อดีตฮ่องเต้แคว้นต้าโจวสิ้นไป ก็ยังรู้สึกว่าข่าวลือเกินจริงไปอยู่บ้าง 


 


 


แต่ว่าตอนนี้พอได้เห็น ถึงได้เข้าใจว่าข่าวลือนั่นสมควรเป็นเรื่องจริงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน 


 


 


สตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ หากว่าตายไป ย่อมน่าเสียดายถึงเพียงไหน ต้าซือมิ่งผู้นั้นช่างไม่รู้จักรักบุปผาถนอมหยกเอาเสียเลย โฉมงามเช่นนี้ยังจะลงมือได้ลงคออีกหรือ? 


 


 


แต่ก็มีบางคนให้กลุ่มถึงกับถูกล้างสมองไปแล้วเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่านางมารร้ายที่งดงามจนเกินไปเช่นนี้สมควรกำจัดเสีย เพราะว่าเมื่อพวกเขาเห็นแล้ว ต่างก็ไม่อาจควบคุมจังหวะหัวใจของตนเองเอาไว้ได้…..ความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว 


 


 


ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดกันอยู่เล็กน้อย ต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน 


 


 


“ขอท่านเจ้าตำหนักกำจัดนางมาร” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…..” นางมารกับผีน่ะสิ! 


 


 


ที่นางมายืนอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะยอมให้พวกมันมาเรียกว่าเป็นนางมารนะหรือ? 


 


 


สีหน้าของท่านเจ้าสำนักเองก็ไม่พอใจมากแล้ว ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่กำจายออกมาจากร่างของเขา 


 


 


หากไอสังหารนี้เกิดควบคุมไม่อยู่ขึ้นมา เกรงว่าคงต้องมีระเบิด 


 


 


ไม่ใช่ว่านางพูดโอ้อวด แต่พอถึงตอนนั้นผู้คนที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมดอย่าได้คิดว่าจะวิ่งหนีพ้น 


 


 


ดังนั้นนางจึงได้ขยับเท้าก้าวเล็กๆ เขยิบเข้าไปใกล้ท่านเจ้าสำนักอีกนิด 


 


 


เอ่ยเพียงเบาๆว่า “พี่ชาย พวกเราเย็นลงหน่อย….การฆ่าคนจะอย่างไรมิใช่เรื่องที่ดี” 


 


 


ท่านเจ้าสำนัก “พวกเขาด่าเจ้า ข้าไม่พอใจ มันย่อมสมควรตาย” 


 


 


ทั้งๆที่เขาเป็นคนลงมือ ไยคนเหล่านี้จะต้องผลักไสความผิดไปที่ศิษย์น้อย หรือเพราะศิษย์น้อยจำต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ ดึงดูดเคราะห์ร้าย? 


 


 


ว่าแล้ว เขาก็ทำท่าจริงจังขึ้นมา “ข้าเป็นอาจารย์ ไม่ใช่พี่ชาย เจ้าและข้าไม่ใช่พี่น้อง จงเรียกว่าอาจารย์” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…..” 


 


 


ระหว่างพวกเขาสองคนพูดอะไรกัน คนอื่นๆล้วนไม่ได้ยิน แต่พอเห็นท่าทางที่กระซิบกระซาบเช่นนั้นก็ยิ่งเข้าใจไปว่านางมารน้อยผู้นี้กำลังยุยงท่านเจ้าสำนักอีกแล้วใช่หรือไม่? 


 


 


ดูเอาสิ พวกเขาจ้องตาโตกันอยู่ตรงนี้ นางก็ยังกล้าทำเช่นนั้น หากปล่อยให้อยู่ในที่รโหฐานก็ไม่รู้ว่าจะยั่วยุท่านเจ้าสำนักถึงเพียงไหน 


 


 


ต้าซือมิ่งกำลังจะสบช่องพูดออกไป 


 


 


แต่ว่าท่านเจ้าตำหนักที่เงียบงันไปครู่หนึ่งพลันเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง 


 


 


“หลานสาวของข้า กลายเป็นนางมารให้พวกเจ้าเรียกขานกันได้อย่างไร?” 


 


 


ต้าซือมิ่ง “? ? ?” 


 


 


ผู้คนทั้งหลาย “! ! !” 


 


 


นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว! 


 


 


หลานสาว หลานแท้ๆหรือว่ารับเป็นหลานกัน? 


 


 


มิใช่ว่าพวกเขาไม่รู้จักนางเสียหน่อย ทุกคนต่างก็รู้ว่าฮ่องเต้หญิงน้อยใช้แซ่ตู๋กู มีนามว่าซิงหลัน เป็นหลานสาวของแม่ทัพคุณูประการแคว้นต้าโจว ตู๋กูถิง แล้วอยู่ดีๆก็จะมากลายเป็นหลานสาวของท่านเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร? 


 


 


พริบตานั้น ในใจของพวกเขาพลันเกิดความเป็นคิดที่เป็นไปได้ขึ้นมาข้อหนึ่ง 


 


 


หรือว่าเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน……. จะเป็นตู๋กูถิง? 


 


 


เป็นไปไม่ได้มั้ง…..แม่ทัพที่เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง จะมาเป็นเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนได้อย่างไร 


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น การส่งข่าวในดินแดนจิ่วโจวนับว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ตู๋กูถิงผู้นั้น ตอนนี้ก็ยังอยู่ในดินแดนโบราณอยู่เลย 


 


 


ฟ่านอิงที่มิสนใจในความตกตะลึงของผู้คน เสริมขึ้นมาอีกคำหนึ่ง “หลานแท้ๆ” 


 


 


ถุย! แท้กับผีน่ะสิ! 


 


 


ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ต่างก็ไม่มีใครยอมเชื่อ 


 


 


พวกเขาต่างก็คิดไปว่า นางมารผู้นี้จะต้องใช้ฝีมือที่ไม่อาจบ่งบอกผู้คน ทำให้แม้แต่เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนก็ยังถูกล่อลวงจนหลงใหล 


 


 


หากไม่เชื่อเจ้าก็คอยดูสิ นางสามารถล่อลวงได้แม้กระทั่งเจ้าสำนักหยินหยางเลยเห็นหรือไม่? 


 


 


ดังนั้นหากว่าจะล่อลวงเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ความเป็นไปได้ก็มีอยู่มาก 


 


 


กลับเป็นพี่รองที่นิ่งเงียบไป ตอนนี้ดวงตาของเขาถึงกับเต็มไปด้วยความพิศวง 


 


 


ท่านตา….ถูกสวมเขา? 


 


 


เขามีความทรงจำเกี่ยวกับท่านยายไม่มากนัก จำได้แต่ว่าท่านยายเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมและนุ่มนวลนางหนึ่ง แต่ว่าอุปนิสัยเย็นชา 


 


 


แม้แต่กับท่านตา ยามปกติก็ยังไม่ค่อยตอบคำ 


 


 


ที่เขาจดจำได้แม่นยำที่สุดก็คือ มีอยู่ปีหนึ่ง ท่านยายป่วยเป็นหวัด เนิ่นนานก็ไม่ยอมหาย 


 


 


ท่านตาของเขาไปในถ้ำหินภูเขาไฟด้วยตนเอง เพื่อตามหาวิหคเพลิงมาขจัดความเหน็บหนาวให้กับนาง 


 


 


แต่ว่าวิหคเพลิงที่ตามหามาอย่างยากลำบากเหล่านั้น ท่านยายกลับไม่ได้เหลือบแลแม้แต่ครั้งเดียว ปล่อยพวกมันไปทั้งหมด เหลือแต่เพียงไข่เอาไว้ใบหนึ่ง 


 


 


ท่านยายที่มีนิสัยเย็นชาเช่นนั้น มีหรือจะไปมีความสัมพันธ์กับบุรุษอื่นได้? 


 


 


น้องเล็กคิดทำอะไรที่ผู้อื่นนึกไม่ถึงอีกหรือไม่? 


 


 


……………… 


 


 


ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงว่า ฟ่านอิงจะประกาศออกไปต่อหน้าผู้คนว่านางก็คือหลานสาวแท้ๆของเขา 


 


 


ในใจของนางตอนนี้พลันเกิดความละอายขึ้นมา 


 


 


แต่ว่าบนใบหน้ากลับยังคงเรียบนิ่ง พอฟ่านอิงเอ่ยออกไปเช่นนั้น นางก็เรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ใกล้ชิดและคุ้นเคยคำหนึ่ง “ท่านตา!” 


 


 


น้ำเสียงหวานใสปานน้ำผึ้ง ซาบซึ้งไปถึงหัวใจ 


 


 


แต่ว่านางกลับไม่ยอมจบเพียงเท่านั้น หากแต่ขยับเข้าไปใกล้ฟ่านอิงอีกนิด พลางร้องว่า “ท่านตา พวกเขาคิดจะลงไม้ลงมือถึงขั้นฆ่าฟัน ข้ากลัวจังเลยเจ้าค่ะ” 

 

 

 


ตอนที่ 579 ตู๋กูฉุยอะไรนะ?

 

คราวนี้กระทั่งคนที่เดิมทีไม่คิดจะทำร้ายนาง ตอนนี้ก็ชักจะกระเ**้ยนกระหือรือที่จะฆ่านางขึ้นมาแล้ว 


 


 


ดูเอาเถอะ ความสามารถในการปลุกปั่นจิตใจผู้คนเช่นนี้ ช่างไร้ยางอายเสียจริงๆ! 


 


 


มันจะมากเกินไปแล้ว! 


 


 


พวกเขาอยากจะรู้จริงๆว่า ตกลงแล้วนางใช้วิธีการใดกันแน่ จึงได้สามารถล่อลวงบุรุษที่สุดแสนจะเก่งกาจทั้งสองเอาไว้ได้ 


 


 


หรือจะอาศัยเพียงใบหน้าที่งดงามนั่นเท่านั้นจริงๆ? 


 


 


สีหน้าของต้าซือมิ่งเหมือนดั่งคนที่กลืนแมลงวันลงไป เขาถึงกลับสะอิดสะเอียนอย่างแรงแล้ว 


 


 


ในตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ไม่เคยมีใครที่กล้าออดอ้อนท่านเจ้าตำหนักเช่นนี้มาก่อนเลย ไยนางจึงกล้ามีความคิดที่อาจเอื้อมเช่นนี้! 


 


 


“ท่านเจ้าตำหนัก ท่านจะมีหลานสาวได้อย่างไร….โดยเฉพาะอย่างนางมารนี่….” 


 


 


ต้าซือมิ่งไม่มีทางเชื่อ เขายังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นก็พบว่าทั่วร่างมีไอหยินโอบล้อมเข้ามา 


 


 


ท่านเจ้าตำหนักขยับมาตรงหน้าเขาในชั่วพริบตา หมอกสีดำบนร่างกลายเป็นอสรพิษสีดำขดล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ 


 


 


“แล้วไยข้าจึงไม่อาจมีหลานสาวได้กัน?” 


 


 


“นางชื่อหลันหลัน ไม่ใช่นางมาร จดจำไว้ให้ดี!” 


 


 


อสรพิษจากหมอกสีดำตัวหนาเท่าแขนเด็กทารกขดอยู่บนรอบลำคอของเขาอย่างแน่นหนา จนยกร่างของเขาลอยขึ้นจากพื้น 


 


 


ดวงหน้านั้นกลายเป็นสีแดงเข้มเห็นเส้นเลือดบนลำคอของเขาปูดโปน หายใจไม่ออก 


 


 


คนผู้นั้นคือ……ต้าซือมิ่งของตำหนักซิวหลัวเตี้ยนเชียวนะ! 


 


 


ทั้งที่คุณสมบัติของเขาอยู่ใต้คนเพียงคนเดียว และอยู่เหนือกว่าผู้คนอีกนับหมื่น แต่ว่าเพื่อนางมารน้อยผู้นั้น เจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนกลับไม่ไว้หน้าของเขาเลยสักนิด! 


 


 


นี่จึงทำให้ผู้คนทั้งหมดตกตะลึงอย่างแท้จริง 


 


 


พวกเขาแทบไม่อาจเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า …..ว่าตามจริงแล้ว ความสามารถของเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนอยู่ในระดับใด ทุกคนต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้ว คนอย่างเขาย่อมไม่มีทางถูกล่อลวงได้โดยง่าย 


 


 


ที่เขาขุ่นเคืองขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ก็แสดงว่า บางที….นางมารน้อยนั่นอาจจะเป็นหลานสาวของเขาจริงๆ? 


 


 


เรื่องประหลาดใดๆในโลกนี้ล้วนมีอยู่เต็มไปหมด บ้านใดบ้างที่ไม่เคยมีเรื่องชู้สาว? 


 


 


ต่างก็เห็นอยู่กับตาว่าใบหน้าของต้าซือมิ่งในตอนนี้แดงก่ำ ดวงตาถลนออกมา นัยตามีเลือดออก คล้ายจะตายได้ทุกเมื่อ 


 


 


ฟ่านอิงถึงได้ปลดปล่อยเขา 


 


 


ต้าซือมิ่งร่วงลงไปบนพื้นอย่างแรง เขากำลำคอของตนเองเอาไว้ รอยช้ำดำบนนั้นเด่นชัดอยู่บนผิวหนัง 


 


 


หากว่าเมื่อครู่ท่านเจ้าตำหนักเพิ่มแรงขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง ศีรษะของเขาก็คงจะหล่นลงไปบนพื้นแล้ว 


 


 


ตลอดหลายปีมานี้ เขาติดตามอยู่ข้างกายท่านเจ้าตำหนัก ได้รับความเคารพจากผู้คนในตำหนักซิวหลัวเตี้ยน ท่านเจ้าตำหนักก็ให้ความเกรงใจกับเขาอยู่เสมอ จึงไม่เคยได้รับความอับอายดั่งเช่นในวันนี้มาก่อนเลย 


 


 


แต่ว่าเพื่อตู๋กูซิงหลัน…… 


 


 


นางมารน้อยผู้นั้น…..เป็นหลานสาวของเจ้าตำหนักจริงๆ? 


 


 


ถึงตอนนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว 


 


 


ได้แต่ใช้ดวงตาที่มีแต่เส้นเลือดทั้งคู่จดจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลันเขม็ง ราวกับว่าจะมองนางให้ทะลุ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันยักไหล่อย่างไม่สนใจไยดี ท่าทีเช่นนั้นยังยิ่งกว่าการซ้ำเติม 


 


 


ท่านเจ้าสำนักคอยจับจาดูอยู่ตลอดเวลา เขาก็รู้สึกแค่ว่าศิษย์ของตนช่างน่ารักอย่างยิ่ง 


 


 


ก่อนหน้านี้ยิ่งดูยิ่งสบายตา ยามนี้ยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารักขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


ความรู้สึกบางอย่างอัดแน่นอยู่ในทรวงอกจนแทบจะทะลักออกมา เป็นความรู้สึกที่ทั้งแปลกประหลาดและคุ้นเคย 


 


 


ราวกับว่าแต่ก่อนก็เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน แต่เขาก็คิดไม่ออกว่ามีมาได้อย่างไร 


 


 


……………. 


 


 


ถึงตอนนี้ ฟ่านอิง ก็ไม่คิดจะสนใจเหลือบตามองดูต้าซือมิ่งแม้แต่แวบเดียวอีกต่อไป เขาหันไปทางฝูงชน เอ่ยอย่างหนักแน่นอีกประโยคว่า “หลันหลันพึ่งจะมาถึงจิ่วโจว หากว่ามีที่ล่วงเกินทุกท่านในที่ใด….พวกเจ้าต้องทนไป ต่อไปในภายหน้าหากมีที่ล่วงเกินอีก….” 


 


 


“พวกเจ้าก็ได้แต่ทนรับไว้เท่านั้น” 


 


 


ผู้คนทั้งหลาย “…..” พวกเขาสามารถปฏิเสธได้หรือไม่? 


 


 


แต่ก็ชัดเจนเลยว่าฟ่านอิงไม่คิดจะเปิดโอกาสนั้นให้พวกเขาอย่างแน่นอน 


 


 


เพราะน้ำเสียงที่แหบสากของเขากล่าวต่อไปว่า  


 


 


“เบื้องหลังของนาง คือตำหนักซิวหลัวเตี้ยนของข้า คือตัวข้า….ฟ่านอิง” 


 


 


ฟ่านอิง…..นี่เป็นครั้งแรกที่เขาประกาศนามของเขาออกมาในดินแดนจิ่วโจว 


 


 


เพราะแม้แต่ต้าซือมิ่งก็ยังไม่รู้จักนามของเขา แต่ว่าตอนนี้ เพื่อตู๋กูซิงหลัน เขากลับบอกออกมา 


 


 


หากไม่ได้สนใจมองดูโฉมหน้า ฟ่านอิงก็เหมือนกับท่านอ๋องผู้อหังการที่ก้าวออกมาจากในหนังสือนิยาย 


 


 


แม้แต่ตู๋กูซิงหลันยังเกือบจะหลงใหลเข้าแล้ว 


 


 


เขาถึงกับเชื่อใจนางอย่างไม่มีความหวาดระแวง ให้การสนับสนุนปกป้องคุ้มครองถึงเพียงนี้? 


 


 


ท่านเจ้าสำนักเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า 


 


 


เขายืนอยู่ข้างกายศิษย์น้อย “เบื้องหลังของนาง ก็คือข้า…..ตู๋กูต้าฉุย” 


 


 


ผู้คนทั้งหลาย “? ? ?” 


 


 


เล่นอะไรกันอยู่? ตู๋กูฉุยเฉยอะไรกัน? ต้าฉุยอะไรที่ไหน? 


 


 


พูดใหม่อีกครั้งซิ 


 


 


ท่านเจ้าสำนักเองก็เสมือนจะมีพลังอ่านใจผู้คน ให้ความร่วมมือถึงขนาดเอ่ยซ้ำอีกครั้ง “จงจดจำชื่อนี้เอาไว้ให้ดี ….ข้าคือตู๋กูต้าฉุย คือผู้ที่พวกเจ้าไม่อาจหาเรื่องได้” 


 


 


“ศิษย์ของข้า คือผู้ที่พวกเจ้าไม่อาจล่วงเกินได้” 


 


 


ใช่แล้ว ประเด็นหลักคือหนุนหลังศิษย์น้อย 


 


 


ศิษย์น้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ หากไม่กางม่านเหนือท้องฟ้าเอาไว้ หากอยู่ในจิ่วโจวแล้วนางถูกฝนพรำหรือฟ้าผ่าขึ้นมา จะได้อย่างไร? 


 


 


ฝูงชนต่างก็อยากร่ำไห้ขึ้นมาแล้ว….. 


 


 


พ่อคุณเอ๋ยหน้าตาหรือก็ออกจะดีเสียขนาดนี้ ไม่มีชื่อเรียกหาที่ดีกว่านี้หน่อยหรือ? 


 


 


ต้าฉุย? ต้าฉุย เสี่ยวฉุย ที่หมูบ้านหวังข้างๆมีอยู่มากมายจนสามารถตั้งกลุ่มเตะลูกบอลได้แล้ว ขอบคุณนะ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองถูกสายฟ้าสองสายห้อมล้อมปกป้องเอาไว้ 


 


 


นางไม่อาจบรรยายความรู้สึกในตอนนี้ออกมาได้ มันทั้งซับซ้อนและอันตราย 


 


 


เดิมทีที่คิดเอาไว้นั้น งานหมื่นบุปผชาติในวันนี้น่าจะต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น….จนกลายเป็นสนามรบขนาดใหญ่ เลือดไหลเป็นท้องธารอะไรทำนองนั้น 


 


 


แต่แล้วกลับเป็นสายฟ้าสองสายผู้เป็นเจ้าสำนักและเจ้าตำหนักร่วมกันคุ้มครอง…. 


 


 


จะอย่างไรย่อมรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆอยู่ 


 


 


เมื่อเรื่องราวกลายเป็นเช่นนี้ ผู้อื่นยังจะพูดอะไรได้อีก? 


 


 


ดูสิ แม้แต่ต้าซือมิ่งของตำหนักซิวหลัวเตี้ยนยังต้องหุบปาก แม้ว่าในใจของเขาจะไม่ยินยอม ก็ยังได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ชนิดที่ลมก็ยังไม่กล้าผายเสียด้วยซ้ำ 


 


 


เจ้าแคว้นทองเองก็มีสีหน้าตื่นตะลึง ตัวเขานั้น เดิมทีแอบคิดเอาไว้ว่า หากนางถูกบีบคั้นอยู่ท่ามกลางสงคราม เขาก็จะหาวิธีการพาตัวนางออกมา จากนั้นก็นำตัวกลับไปเป็นสนมก็คงจะดีไม่น้อย…… 


 


 


แต่แล้วใครจะไปคิดกันว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นเช่นนี้ไป นางถึงกับเป็นหลานสาวแท้ๆของเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนจริงๆ? 


 


 


เรื่องราวช่างซับซ้อนสับสนจนน่าปวดหัวไปหมดแล้ว 


 


 


มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่เป็นสิ่งที่แน่นอน นั่นก็คือ….นางมารน้อยผู้นี้มิใช่ผู้ที่จะสามารถคิดอาจเอื้อมเอาได้ 


 


 


เกรงว่าแผนการของเขายังไม่ทันได้เริ่มขึ้น มือก็คงจะถูกเจ้าสำนักหยินหยางและเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนสับจนไม่เหลือเป็นชิ้นแล้ว 


 


 


แม้แต่ศีรษะของตนเอง จะยังมีสองมือประคองเอาไว้ ก็ยังรู้สึกว่าไม่มั่นคงเท่าไหร่เลย 


 


 


โดยเฉพาะในใจยามนี้รู้สึกหวาดหวั่นจนสั่นสะท้านไปหมดแล้ว 


 


 


ช่างเถอะ ยามนี้มาคิดๆดูแล้ว ….การจะลงมือคงจะทำไม่ได้แล้ว เอาไว้สวรรค์ประทานโอกาศให้เมื่อไหร่ เขาค่อยหาทางฉกฉวย 


 


 


เจ้าว่า….ฮ่องเต้หญิงน้อยผู้นี้จะชื่นชอบภูเขาเงินภูเขาทองหรือไม่? 


 


 


เผื่ออย่างไร พรุ่งนี้ส่งทองไปให้นางสักภูเขา นางงดงามถึงเพียงนี้ หากได้พูดคุยกันสักหลายๆประโยค เช่นนั้นก็คงจะดีแน่แท้ 


 


 


สาวงามยามพูดจา น้ำเสียงช่างน่าฟังและหอมหวนจนผู้คนเมามาย 


 


 


………….. 


 


 


พอถึงยามเที่ยง ดอกไม้ต่างๆในสวนทั้งหมดก็พากันผลิบานอย่างพร้อมเพรียง 


 


 


บนกลีบดอกไม้ยังมีหยาดน้ำค้างเกาะพราว พอกลีบดอกไม้ผลิบานออกมา ถูกแสงอาทิตย์ส่อง ก็ทอประกายระยิบระยับ จากนั้นจึงระเหยเป็นหมอกน้ำค้างอยู่ในอากาศ 


 


 


หมอกน้ำค้างต้องแสงอาทิตย์สาดส่อง ถักทอกลายเป็นสายรุ้งเจ็ดสี ทั้งแสงเหล่านั้นยังเหมือนจะผ่านการปรึกษากันมาเป็นอย่างดี จึงส่องลงมาบนร่างของตู๋กูซิงหลันอย่างพร้อมเพรียง 


 


 


ชั่วขณะนั้นตู๋กูซิงหลันเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน หากจะหาถ้อยคำใดมาบรรยายละก็ นางรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองกลายเป็น แมรี่ซู ปิงซิน และเมิ่งเสีย ไปแล้ว 


 


 


ทั่วร่างมีรัศมีส่องสว่างรายล้อมราวกับ แมรี่ซู โอ้ว้าว! สวรรค์โปรด! ดูสิสายรุ้งที่งดงามเหล่านี้ พากันรายล้อมอยู่รอบกายนาง 


 


 


ราวกับว่านางคือผู้ที่สวรรค์กำหนดเอาไว้ 


 


 


คราวนี้นางถึงกับทนไม่ไหวอีกต่อไป ขยับริมฝีปากหัวเราะออกมาเบาๆว่า “อ้ายย่าห์ นี่ข้ากลายเป็นเทพธิดาไปแล้วจริงๆสินะ” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)