ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 577-583
บทที่ 577 จับปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากตื่นนอนในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นเตรียมจะไปออกกำลังกาย ฉินสือโอวก็รู้ว่าทำไมเมื่อคืนพวกชาวประมงถึงพูดคุยกันอย่างมีความสุขขนาดนี้
ว่ากันตามปกติแล้วดูจากระยะเวลาหนึ่งเดือนในตอนคืนเดือนมืดหรือพระจันทร์เต็มดวงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ในแนวเดียวกันหรือตรงกันข้ามมีแรงดึงดูดกันทำให้เกิดน้ำขึ้น แต่ในตอนข้างขึ้นหรือข้างแรมแรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่กระทำต่อแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ทำให้เกิดน้ำลงแต่ละรอบมีระยะเวลาประมาณครึ่งเดือน
ดูจากระยะเวลาหนึ่งปีก็มีน้ำขึ้นน้ำลงสองครั้งเช่นกัน
ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงถ้าโลก ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์อยู่ในแนวเดียวกันนี้จะมีแรงดึงดูดกระแสน้ำที่มากกว่าเดือนอื่นๆ ทำให้เกิดน้ำขึ้นสองครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงในหนึ่งปี
น้ำขึ้นน้ำลงในช่วงเวลาอื่นๆ จะไม่ใหญ่มากขนาดที่ปกติแล้วจะไม่สามารถรู้สึกได้เลย
แต่หลายครั้งก็จะมีข้อยกเว้นขนาดความเล็กใหญ่ของน้ำขึ้นน้ำลงมีความสัมพันธ์กับระยะความใกล้ไกลของโลก ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เป็นอย่างมาก
อย่างที่รู้กันว่าดวงจันทร์มีเส้นทางการโคจรเป็นวงรีเข้าใกล้และออกห่างจากโลกหนึ่งครั้งทุกๆ ครึ่งเดือนโดยประมาณ กระแสน้ำขึ้นน้ำลงในตอนที่เข้าใกล้โลกจะใหญ่กว่าตอนที่อยู่ไกลโลกประมาณร้อยละสามสิบเก้า น้ำขึ้นในช่วงที่เข้าใกล้โลกจะมีความต่างของกระแสน้ำขึ้นลงมากเป็นพิเศษถ้าน้ำลงในช่วงที่ออกห่างโลกจะมีความต่างของกระแสน้ำขึ้นลงน้อยเป็นพิเศษ
เช่นเดียวกันกับวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ก็เป็นวงรี ในตอนที่ยู่ใกล้พระอาทิตย์ แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์เยอะกระแสน้ำขึ้นน้ำลงจะรุนแรง ในตอนที่อยู่ไกลแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์น้อยกระแสน้ำขึ้นน้ำลงก็จะอ่อน
พูดอย่างง่ายๆ ถ้าวันไหนตำแหน่งของโลกอยู่ใกล้กับวงโคจรของดวงจันทร์ที่สุดดวงอาทิตย์ก็จะอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ดวงอาทิตย์ด้วย ก็คือตอนที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลกอยู่ในแนวเดียวกันวันนี้น้ำทะเลจะได้รับแรงดึงดูดกระแสน้ำขึ้นน้ำลงมากที่สุด น้ำขึ้นน้ำลงที่ใหญ่นั้นก็จะเผยให้เห็นสภาพที่แท้จริง
น้ำขึ้นน้ำลงครั้งใหญ่ครั้งนี้ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
น้ำเริ่มลงตั้งแต่เช้าตรู่ ฉินสือโอววิ่งออกกำลังกายตอนเช้าไปถึงชายหาดก็เห็นว่าน้ำลดไปไกล เผยให้เห็นเสากินขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างของคานหลักเขต
น้ำทะเลลงไปเผยให้เห็นก้นทะเลในอดีต
แนวหินของฟาร์มปลากระจัดกระจายไม่เสมอกันด้านบนเต็มไปด้วยสาหร่ายทะเลและพวกหญ้าทะเลไม่ได้ไปกับน้ำที่ลดลง ส่วนชายหาดอีกด้านก็ยังมีพวกปลากุ้งปูอยู่เยอะมาก
แนวหินสีน้ำตาลแดงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนชายหาดพวกมันไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันนานแล้ว คุณภาพดินก้นทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินดีมากล้วนมีแต่ทรายฉินสือโอวสามารถใส่รองเท้าผ้าใบวิ่งไปได้ หยิบหินมาก้อนหนึ่งด้านล่างก็มีปูโผล่ออกมา
ข้างๆ แนวหินปลาสเมลท์สี่ห้าตัวกำลังดีดดิ้นอยู่อย่างลำบากพวกมันยังไม่ตายอาศัยน้ำทะเลเฮือกสุดท้ายจากสาหร่ายทะเลที่อยู่ข้างๆ
นอกจากปลาสเมลท์แล้วรอบๆ ยังมีปลาแฮร์ริ่งสีเงิน หู่จือคาบขึ้นมาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตัวหนึ่งบุชบินลงมาโฉบเอาปลาบินขึ้นไปแล้วเอาเข้าปากอย่างแม่นยำ
ฉงต้าวิ่งหาวมาหลังจากเห็นว่าบนหาดทรายมีปลาอยู่มากมายขนาดนี้ก็รู้สึกเปรมปรีดิ์ในชั่วพริบตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีปลาแซลมอนชัมที่ลงทะเลไม่ทันน้ำลงเหลืออยู่ที่ชายหาดเป็นอาหารอันโอชะในสายตาหมีสีน้ำตาล ฉินสือโอวเล่นเป็นเพื่อนเจ้าพวกเด็กๆ อยู่ที่นี่สักพักวินนี่ก็เรียกเขาไปกินข้าว หลังจากที่เขากลับไปเชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ก็กระโดดโลดเต้นลงบันไดมาสวมรองเท้าแตะเตรียมตัวไปจับปลาเก็บหอยเชลล์
ตั๋วตั่วอยู่ข้างหลังของเชอร์ลี่ย์ราวกับหางน้อยๆ มือเล็กๆ จับชายกระโปรงเชอร์ลี่ย์ไว้แน่น ฉินสือโอวโบกมือทักทายเธอ เธอก็พยักหน้าตอบพร้อมยิ้มหวาน
ฉินสือโอวยื่นนมรสผลไม้เล็กๆ ให้ตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วชะโงกหน้ามาจุ๊บที่มือของเขาเธอพูดไม่ได้ได้แค่เพียงใช้การกระทำแสดงอารมณ์ของตัวเอง แต่คนทั่วไปไม่เข้าใจภาษามือเธอจึงแสดงออกต่อคนที่เธอชอบด้วยการจุ๊บ
วินนี่อุ้มตั๋วตั่วมาที่เก้าอี้ กระรอกดินไม่กี่ตัวกลิ้งเข้ามาราวกับก้อนไหมพรมค้นหาเปลือกผลไม้ ตั๋วตั่วมองพวกมันอย่างประหลาดใจ กระรอกดินเงยหน้าขึ้นมาก็ลืมตากลมๆ สีดำเล็กๆ มองตั๋วตั่วอย่างประหลาดใจ
วินนี่แบ่งแอปเปิลออกเป็นห้าส่วนแบ่งให้เหล่าพี่น้องกระรอกดิน พวกมันกอดแอปเปิลไว้กินไปจ้องมองตั๋วตั่วไป ปากขยับอย่างรวดเร็วดูแล้วน่ารักมาก
“ลืมแนะนำให้ตั๋วตั่วรู้จักกับเหล่ากระรอกไปเลย” ฉินสือโอวพูดพลางยิ้มเขาอุ้มตั๋วตั่วลงมา ตั๋วตั่วนั่งย่อลงบนพื้นใช้มือลองลูบกระรอกดินทันที
กระรอกดินไม่หลบแต่หันมามองเธอแล้วกินแอปเปิลอย่างรวดเร็วต่อไป
ตั๋วตั่วแบมือขวาที่กุมอยู่ตลอดออกด้านในมีแบล็กเบอร์รีอยู่ไม่กี่ผลเธอยื่นมือน้อยๆ ไปตรงหน้ากระรอกดิน กระรอกดินมองแบล็กเบอร์รีแล้วยื่นแอปเปิลที่เหลือแค่ครึ่งชิ้นของตัวเองให้ตั๋วตั่วอย่างไม่ลังเลแลกกับแบล็กเบอร์รีแสนอร่อย
เหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนทางด้านหลังก็เดินลงมาเห็นตั๋วตั่วกำลังเล่นสนุกกับพวกกระรอกดินหลิวซูเหยียนจึงพยักหน้ายิ้มให้ฉินสือโอวพลางพูด “ขอบคุณที่คุณช่วยดูแลตั๋วตั่วนะคะ”
ฉินสือโอวยิ้มพลางพูด “ดูแลอะไรกันครับ? หนูน้อยสานสัมพันธ์ด้วยตัวเองน่ะ มาครับ พวกเราทานข้าวกันเถอะ ทานเสร็จแล้วพวกเราไปเก็บปลาที่ชายหาดกันหน่อย”
ได้ยินคำพูดนี้พวกเชอร์ลี่ย์กับกอร์ดอนก็งอแง “ฉิน พวกเราไม่ไปโรงเรียนแล้ว พวกเราอยู่จับปลาที่บ้านด้วยได้ไหม?”
“ใช่ เมื่อครู่ผมมองเห็นจากหน้าต่างมีปลาและกุ้งมากมายของฟาร์มปลาเราอยู่บนชายหาดเยอะกว่าฟาร์มปลาในเมืองเสียอีก” มิเชลพูด
ฉินสือโอวตบโต๊ะให้พวกเขารีบกินอาหารของตัวเองแล้วพูด “จะอยู่ก็ไม่มีปัญหาแต่พวกเธอต้องดูแลน้องตั๋วตั่วให้ดีเข้าใจไหม?”
เงื่อนไขสำเร็จอย่างรวดเร็ว พวกเด็กๆ กินอาหารเช้าของตัวเองเสร็จด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วกระโดดโลดเต้นออกไป
ตั๋วตั่วรีบดื่มนมผลไม้ในแก้วของตัวเองให้หมดแล้วกดเก้าอี้กระโดดลงไปไล่ตามอยู่ด้านหลัง วิ่งไปไม่กี่ก้าวคิดดูแล้วก็กลับมาพาพวกกระรอกดินไปด้วย
ฉินสือโอวตะโกนไปครั้งหนึ่ง เชอร์ลี่ย์ก็นึกถึงเงื่อนไขเมื่อครู่ขึ้นมาได้เลยรีบกลับมาจูงตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วชี้ไปที่พวกกระรอกดินอย่างรีบร้อน เชอร์ลี่ย์ตะโกนเรียกกอร์ดอนกลับมาให้เขาและพาวลิสพาพวกกระรอกดินไป
“เอาพวกมันไปทำไม?” กอร์ดอนถามอย่างไม่พอใจ
เชอร์ลี่ย์พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “นายคันหูหรือไง?”
กอร์ดอนหดคอแล้วรีบพูดพลางยิ้ม “แต่เอาไปก็ได้”
ฉงต้าวิ่งเล่นบนหาดทรายอย่างสนุกสนานทั้งเช้าใบหน้าอ้วนๆ เต็มไปด้วยความสุขในปากคาบปลาแซลมอนโคโฮอยู่หนึ่งตัวที่อุ้งเท้ายังจับปลาแซลมอนแอตแลนติกขนาดกลางอยู่อีกหนึ่งตัวด้วยต้าป๋ายอยู่ที่ด้านหลังของมันกำลังกดปลาแซลมอนซ็อกอายอยู่หนึ่งตัว
พวกเด็กๆ วิ่งมาถึงแนวหินพวกเขาจับไปอย่างชิลๆ ก็เป็นปลาตัวใหญ่
ชายฝั่งยาวสุดลูกหูลูกตาน้ำทะเลลงไปอย่างน้อยสองสามร้อยเมตรแล้ว หาดทรายโล่งที่โผล่ออกมามองเห็นแนวหินและพวกปลากุ้งที่เกยตื้นได้ทั่วไป
ฟาร์มปลาเจริญรุ่งเรืองอย่างที่สุดเป็นประจักษ์ต่อสายตาผู้คนพวกชาวประมงด้านหลังที่รีบมาถอนหายใจด้วยความตื้นตัน “สิบกว่าปีแล้ว จากครั้งแรกที่ผมเห็นปลาที่เหลือจากตอนน้ำลงเยอะขนาดนี้”
ชาร์คเปิดกระบะดึงกล่องเก็บความอุณหภูมิออกมาในกล่องมีน้ำแข็ง รวบรวมปลาใหญ่ที่มีมูลค่าใส่เข้าไปเพื่อเอาไปขายต่อไป
เด็กๆ ไม่กี่คนขึ้นมาแต่ละคนลากกล่องเก็บอุณหภูมิคนละใบวิ่งเข้าไปที่แนวหินก้นทะเลอย่างมีความสุข วินนี่ตะโกน “ระวังหน่อยนะ ห้ามถอดรองเท้า ห้ามทำหินแตกมากเกินไปเข้าใจไหม?”
พวกเด็กๆ โบกมือแสดงว่าตัวเองรู้แล้วไม่แม้แต่จะหันหน้ามา สำหรับพวกเขาฟังก็ไม่ได้ฟังอย่างนั้นคงมีแต่วิญญาณที่รู้
บทที่ 578 ของที่ระลึกจากน้ำลง
โดย
Ink Stone_Fantasy
พวกเด็กๆ ทำเรื่องพวกนี้ได้กระตือรือร้นที่สุด ในมือของพวกเขาลากกล่องพลาสติกเอาปลาใหญ่ปลาเล็กใส่เข้าไป
ใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาตามสบายพวกเขายังรู้จักฟาร์มปลาไม่มากดังนั้นพอเจอพวกปลาเล็กๆ สีสันฉูดฉาดรูปล่างแปลกประหลาดก็โวยวายด้วยความตกใจ
“มาดูเร็ว นี่คือปลาอะไร? ฉันเดาว่ามันชื่อปลาสายรุ้ง มันดูสวยดีจัง!”
“ฉันว่าตัวนี้มันไหม้แล้วหรือเปล่า? ทำมันถึงแดงไปทั้งตัวขนาดนี้?”
“ปลาไหลตัวนี้แปลกจริงๆ! มันมุ่นเข้าไปในทรายแล้ว รวดเร็วจริง ดวงตาของมันล่ะ? ไม่มีตายังเร็วได้ขนาดนี้?”
ฉินสือโอวหัวเราะไปกับเด็กๆ พอเจอปลาที่พวกเขาไม่รู้จักก็อธิบายให้ฟัง มีปลาจำพวกหนึ่งที่ไม่สามารถเอาไปกินหรือขายได้เช่นปลานกแก้วพวกนั้นขอแค่ยังไม่ตายก็จะโยนกลับไปในทะเล
เริ่มแรกตั๋วตั่วไปกล้าแตะปลาที่ยังมีชีวิตและดีดดิ้นพวกนี้ต่อมาพบว่าปลาพวกนี้กัดคนไม่ได้พวกพี่สาวพี่ชายต่างจับขึ้นมากันตามใจชอบก็เลยเรียนรู้ที่จะยื่นมือไปแตะปลาเพิร์ชตัวอ้วน
ปลาเพิร์ชสะบัดหางเต็มที่อ้าปากพะงาบๆ ตั๋วตั่วเห็นว่ามันไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงอะไรก็จับมือไว้ในมืออย่างเบาๆ จากนั้นจ้องมองอย่างประหลาดใจครู่หนึ่งแล้ววิ่งเอากลับมาให้เหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนด้วยความดีใจ
เหมาเหว่ยหลงลูบตั๋วตั่วอย่างอ่อนโยนและยกนิ้วโป้งให้เธอ ปากเล็กๆ ของตั๋วตั่วยิ้มอย่างชอบใจหลิวซูเหยียนหยิบปลานกแก้วแล้วพูด “ปลาพวกนี้ออกจากฝั่งนานเท่าไรแล้ว? ตอนนี้ยังไม่ตาย พละกำลังแข็งแรงจริงๆ ”
วินนี่อธิบาย “ศัตรูตามธรรมชาติของปลาทะเลมีมากมายการดำรงชีวิตอยู่ไม่ง่าย พละกำลังของพวกมันเลยค่อนข้างแข็งแรง”
ฉินสือโอวเห็นพวกเขาคุยกันเลยถามว่าคุยอะไร เหมาเหว่ยหลงตอบว่าไม่มีอะไรแกพาเด็กๆ ไปเล่นก็พอแล้ว ฉินสือโอวยกนิ้วกลางให้เขาเหมาเหว่ยหลงรีบส่งสัญญาณให้เขาเอามือลง มองบนพลางพูด “ทำอะไรส่งเดช เด็กๆ เยอะขนาดนี้!”
ฉินสือโอวหันกลับไปมอง พวกเด็กๆ มีใครสนใจเขาล่ะ? ล้วนลากกล่องไปจับปลากันทั้งนั้น
จะว่าไปแล้วครั้งนี้ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหมาเหว่ยหลงโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องดูแลตั๋วตั่วหรือเปล่า เขาเปลี่ยนจากเพื่อนติ้งต๊องเป็นชายชาตรีได้สักพักแล้ว
ทรัพยากรประมงของน่านน้ำชายฝั่งฟาร์มปลาอุดมสมบูรณ์มากเลยมีปลามากมายที่ตามช่วงน้ำลงกลับไปไม่ทันหลงเหลืออยู่ที่พื้นกลายเป็นเหยื่อของพวกเด็กๆ
ปลาแฮดดัคและปลาค็อดแอตแลนติกตัวใหญ่ๆ ก็จะยาวถึงหนึ่งเมตรกล่องพลาสติกพวกนี้ใส่จนเต็มไปครึ่งกล่องพวกเด็กๆ ก็ลากไม่ไหวแล้วจึงตะโกนเรียกฉินสือโอว “ฉิน ฉิน มาเร็ว ช่วยพวกเราเปลี่ยนกล่องหน่อย”
รถกระบะไม่สามารถใช้ได้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ชาร์คเปลี่ยนเป็นรถเอทีวีพอกล่องเต็มแล้วก็เอาวางข้างบน
พาวลิสเห็นเช่นนี้ก็รีบวิ่งกลับไปขับซีบิสกิตที่รักของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนจะไกลๆ “เอามาที่กระบะรถฉัน ซีบิสกิตจะพาพวกมันไปส่งที่น้ำแข็ง!”
ชาร์คน้อยเห็นพาสลิสขับซีบิสกิตไปมาอยู่รอบๆ ก็อิจฉา วิ่งไปหาพ่อแล้วพูดอย่างแน่วแน่ “พ่อ ผมคิดว่าต่อไปผมจะกลายเป็นนักแข่งรถF1ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง…”
“พูดอะไร ฉันไม่ซื้อรถเอทีวีให้แกหรอก!” ชาร์คเห็นลูกชายก้มโค้งไปทางนั้นก็รู้เลยว่าเขาต้องการอะไร
ชาร์คน้อยรีบตะโกนทันที “ทำไม? พ่อต้องสนับสนุนความสนใจของผมสิ! พ่อจะมาทำลายพรสวรรค์ของมไม่ได้นะ! ผมอาจจะกลายเป็นนักแข่งรถที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง!”
ชาร์คพูด “โอเค อย่างนั้นฉันจะบอกแกให้ นักแข่งรถต่างก็เป็นนักกีฬาระดับต้นๆ ของโลก พวกเขาไม่สามารถกินอาหารที่มีแคลอรีสูงได้เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันสะสม เช่น สเต๊ก เนื้อสันในหรือไส้กรอกก็ล้วนกินไม่ได้!”
“เหมือนตกนรกเลยนะ ใช้ชีวิตแบบนั้นจะมีความหมายอะไร?” ชาร์คน้อยล้มเลิกความคิดที่จะเป็นนักแข่งรถของตัวเองทันที
นอกจากพื้นที่ตรงทะเลแล้วบนชายหาดยังมีพวกปลาดาวและหอยเม่นอยู่จำนวนหนึ่ง เต่ามะเฟืองไม่กี่ตัวก็โชคร้ายเกยตื้นอยู่เหมือนกันแต่พวกมันไม่ได้ใส่ใจอะไรเที่ยวเดินเตร่ไปบนชายหาด
เต่ามะเฟืองตัวที่ใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางกระดองอยู่ที่หนึ่งเมตรยี่สิบสามเซนติเมตรเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา เชอร์ลี่ย์อุ้มตั๋วตั่วขึ้นไปให้เธอนั่งบนกระดองเต่า
เต่าตัวใหญ่ที่น่าสงสารตื่นตกใจรีบหดขาทั้งสี่และหัวเข้ากระดองขดคว่ำอยู่บนชายหาดไม่ขยับเขยื้อน
เชอร์ลี่ย์เห็นว่าไม่สนุกก็พาตั๋วตั่วจากไปอย่างท้อแท้ ต้าป๋ายเดินขึ้นไปอย่างสง่ามันมองเต่ามะเฟืองตัวใหญ่แล้วกระโดดขึ้นไปขย่มเหมือนมันกลายเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง
เจ้าเต่าตัวใหญ่รู้สึกว่ารอบๆ ไม่มีอันตรายแล้วก็ยื่นหัวและขาทั้งสี่แล้วเริ่มคืบคลาน
ต้าป๋ายกระโดดด้วยความตกใจก้นนั่งอยู่บนกระดองเต่ามันมองไปรอบๆ อย่างงงงวยพอรู้สึกว่านี่เหมือนกับการนั่งรถก็นั่งอยู่ข้างบนอย่างสุขใจ
หู่จือมองอยู่สักครู่มันก็รู้สึกว่าน่าสนุกเลยวิ่งกระโดดขึ้นไปบนกระดองเต่าอย่างรวดเร็วเบียดต้าป๋ายตกลงไป
เจ้าเต่ามะเฟืองตัวใหญ่พบว่าเจ้าพวกตัวแสบรอบๆ ที่น่ากลัวนั้นที่จังไม่ได้มีอันตรายเลยก้มหน้าก้มตาคลานพร้อมแบกหู่จือไปอย่างไม่เดือดร้อนอะไร
เป้าจือก็วิ่งมาด้วยความตื่นเต้น พอหู่จือขยับที่ว่างให้ครึ่งหนึ่งมันก็ขึ้นไปนั่ง
วินนี่หัวเราะชอบใจพร้อมถ่ายรูป
ฉินสือโอวอุทาน “มิน่าล่ะเต่าในตำนานสัตว์ป้าเซี่ยที่บรรพบุรุษของพวกเราเล่าถึงสามารถแบกภูเขาได้ พละกำลังของพวกมันมีมากจริงๆ”
ฉงต้าที่กินอิ่มแล้วในที่สุดก็ปล่อยปลาแซลมอนชัมพวกนั้นแล้วเริ่มของของจากนั้นตาของมันก็จ้องไปที่เจ้าตัวมะเฟืองตัวใหญ่ตัวนั้น
ฉงต้าเลียอุ้งเท้าอ้วนๆ ปีนขึ้นไปแล้ววิ่งเหยาะๆ มาข้างๆ เจ้าเต่ามะเฟือง ต้าป๋ายมาอยู่ข้างๆ มันอย่างน้อยใจเต่าตัวนี้เป็นพาหนะของมันนะ
ฉงต้าเริ่มออกหน้าให้น้องชายพอตะปบขึ้นไปหู่จือและเป้าจือก็ถูกดึงกลิ้งเหมือนลูกโบว์ลิ่งลงมาอยู่บนหาด ฉงต้าจัดการให้มีที่ว่างแล้วก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตัวเต่ามะเฟืองอย่างสุขใจ
‘งุ่มง่าม’เจ้าเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรจนถูกกดเข้าไปในหาดทรายแล้ว!
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะฉินสือโอวพลางพูด “พูดเสียดิบดีว่าพละกำลังมากมายไงล่ะ? ไหนว่าเป็นสัตว์ในตำนานป้าเซี่ยไง?”
ฉินสือโอวเมินเขา สอนให้พวกเด็กๆ เก็บปลาเข้ากล่อง
บนชายฝั่งที่ไกลออกไปอีกหน่อยพวกห่านขาวและนกจมูกหลอดหางสั้นกำลังหาอาหารกันอย่างสบายใจนี่ง่ายกว่าการที่พวกมันต้องหาปลากินในเวลาปกติมากแถมปลาที่เหลืออยู่บนหาดส่วนมากก็เป็นปลาเล็กซึ่งถูกปากพวกมันพอดี
เห็นพวกเด็กๆ เอาปลากุ้งปูเข้ากล่องพลาสติกกันอย่างกระตือรือร้น ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดกับพวกเขา “ทำไมพวกเธอไม่มีความเห็นใจเลย? ครั้งก่อนพวกเธอยังเอาปลาคาพีลินที่เกยตื้นโยนกลับไปในทะเลอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
มิเชลพูดอย่างตั้งใจ “ปลาพวกนั้นพวกเราไม่กินไม่ขายและพี่วินนี่ก็เคยบอกว่าพวกมันเป็นสัตว์ในธรรมชาติขึ้นฝั่งมาเพื่อสืบพันธุ์มีลูก แต่ปลาพวกนี้ล้วนเป็นปลาที่คุณเลี้ยง ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ ปลาแซลมอนชัม ปลาค็อด พวกมันเป็นของคุณ”
ตั๋วตั่วมองทั้งสองคนอยู่ข้างๆ อย่างสับสน เห็นเชอร์ลี่ย์พยักหน้าก็พยักหน้าตาม
ฉินสือโอวได้แต่ชื่นชมว่าพวกเขามีความคิดแต่เห็นพวกเด็กๆ จับแต่ปลาเขาก็แนะนำ “สาหร่ายและของทะเลบนแนวหินพวกนี้ก็เก็บได้พวกมันกินได้เหมือนกัน ไว้ตอนเที่ยงจะทำสาหร่ายย่างให้พวกเธอกินกัน”
เชอร์ลี่ย์ถาม “สาหร่ายที่พวกเรากินกันทำมาจากสาหร่ายทะเลนี่เหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มพลางพยักหน้าส่วนพวกเด็กๆ ก็เริ่มไชโยโห่ร้องพลางเก็บสาหร่ายทะเลที่อยู่บนแนวหินขึ้นมา
บทที่ 579 ปลาเล็กที่คืบคลานได้
โดย
Ink Stone_Fantasy
สาหร่ายจีฉ่ายเป็นชื่อเรียกรวมของสาหร่ายที่มีลักษณะใบเรียงสลับในทะเลจัดอยู่ในพวกสาหร่ายสีแดงโดยทั่วไปจะมีสีม่วงหรือเขียวอมน้ำตาลมีรูปร่างที่หลากหลาย ในฟาร์มปลาต้าฉินก็จะมีสาหร่ายใบ สาหร่ายแห้งอื้อ สาหร่ายเทเนอราและอื่นๆ หลายชนิด ที่ฉินสือโอวสอนเด็กๆ เลือกคือสาหร่ายใบ
เขาอธิบายให้พวกเด็กๆ ฟังก่อนว่าสาหร่ายแผ่นทำมาจากสาหร่ายจีฉ่ายตากแห้งย่าง นี่ไม่ผิด แต่ไม่ใช่สาหร่ายจีฉ่ายทุกชนิดจะทำเป็นสาหร่ายแผ่นได้เพราะมีบางชนิดที่ไม่สามารถกินได้ ที่ค่อนข้างเหมาะกับฟาร์มปลาต้าฉินคือสาหร่ายใบสาหร่ายจีฉ่ายประเภทนี้แตกออกได้ดีเถายาวประมาณยี่สิบกว่าเซนติเมตรมีสีม่วงอมแดงพันกันอยู่เป็นกลุ่มแถวๆ แนวหิน
พาวลิสจะถอนสาหร่ายใบขึ้นมาแม้แต่รากฉินสือโอวเลยรีบยั้งไว้ ให้นีลเซ็นไม่เอามีดเล่มเล็กมาแล้วพูด “ตัดพวกมันก็ได้แล้ว เหลือรากพวกมันไว้ เดี๋ยวพอน้ำขึ้นพวกมันก็จะยังโตขึ้นได้อีก”
ปกติแล้วสาหร่ายใบยิ่งใบหนายิ่งรากใหญ่ก็ยิ่งดีไม่อย่างนั้นพอแสงแดดส่องมาก็ไม่มีเนื้ออะไรให้กินแล้ว อีกอย่างใบหนาเนื้อก็จะเยอะแบบนี้พอเอาไปทำเป็นสาหร่ายแผ่นก็จะมีอะไรให้เคี้ยว
สาหร่ายจีฉ่ายที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีคุณภาพสูง รากใหญ่ยาวอย่างไรเสียก็ได้รับจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ชาร์คเอาขึ้นมาดมแล้วพูดด้วยความชื่นชม “อื้ม เจ้านาย กลิ่นสดใหม่มากครับ ย่างสุกแล้วต้องอร่อยแน่นอน”
เนื่องจากกินปลาทะเลเยอะแล้วพวกเด็กๆ เลยสนใจสาหร่ายแผ่นมากกว่า สิ่งนี้เป็นอาหารทานเล่นกินกับข้าวโพดคั่วตอนเล่นเกม ความสดใหม่และกลิ่นหอมได้รับการต้อนรับอย่างมาก
ฉินสือโอวเอากล่องไม่กี่ใบมาแล้ววางสาหร่ายลงไปอย่างชำนาญ วินนี่ยิ้มให้หลิวซูเหยียนแล้วพูด “ตอนบ่ายพวกเราจะได้กินซุปสาหร่ายใส่ไข่ คุณชอบกินไข่ไก่ไข่เป็ดหรือไข่นก?”
“อย่าเกรงใจเลยค่ะ…” หลิวซูเหยียนรีบโบกมือ
วินนี่หัวเราะ “เปล่า ไม่ได้เกรงใจ ที่นี่พวกเรามีไข่เยอะเกินไปจริงๆ ได้มาทุกชนิดทุกประเภททุกวันจนกินกันไม่ไหว หวังว่าคุณจะชอบ”
พวกเด็กๆ เก็บสาหร่ายราวกับเป็นการแข่งขัน เชอร์ลี่ย์ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ “เฮ้ มาดูเร็ว ตรงนี้มีปลาที่คลานบนชายหาดได้!”
พวกเด็กๆ รอบๆ วิ่งไปมุงดู ชาร์คพูดโพล่งสุ่มสี่สุ่มห้า “นี่มีอะไรแปลก? เป็นปลาไหลอเมริกันอย่างแน่นอนฉันกับพ่อเธอเคยเห็นปลาแบบนี้ปีขึ้นรถมาแล้ว… อ้าว ไม่ใช่ปลาไหลอเมริกันเหรอ?!”
ถิ่นอาศัยของปลาอยู่ที่ทะเลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่สามารถอยู่บนบกได้เลย
ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของดาร์วิน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมล้วนวิวัฒนาการมาจากปลา หรือพูดได้ว่าตั้งแต่เริ่มยุคดีโวเนียนเมื่อสามร้อยห้าสิบล้านปีก่อน มีพวกปลาโบราณบางส่วนออกจากน้ำแล้วค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมบนบก จากนั้นก็พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นมนุษย์
ตามที่ฉินสือโอวรู้ตอนนี้มีปลากระดูกแข็งบางส่วนที่สามารถมีชีวิตอยู่นอกน้ำได้ในระยะเวลาหนึ่ง ไม่รู้ว่าหากมีปัจจัยเอื้ออำนวยพวกมันจะสามารถวิวัฒนาการจนกลายเป็นคนได้หรือเปล่า…
เห็นเด็กๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ตรงนั้นเขาก็เดินไปดูด้วย ตอนแรกเขาก็เดาว่าเป็นปลาไหลอเมริกันปลาชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่นอกน้ำได้สิบนาทีกว่าก่อนหน้านี้เขาเคยพบอยู่ไม่กี่ตัว แต่ปลาไหลพวกนี้มุดเข้าไปในทรายที่เปียกชื้นอย่างฉลาดสามารถอดทนอยู่ได้ถึงเวลาน้ำขึ้นเขาเลยจับไม่ได้
พอเดินมาถึงตรงหน้าปลาตัวนี้ฉินสือโอวก็ไขว้เขวอยู่บ้าง เฮ้ ไม่ใช่ปลาไหลอเมริกันจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปลาชนิดนี้ปรากฏออกมาเลย
ปลาชนิดนี้ลักษณะแปลกประหลาดเหมือนกบไม่มีขาที่ถูกดึงให้ยาวส่วนหลังเป็นสีน้ำตาลดำท้องสีเทา ด้านหลังมีตุ่มสีดำหกตุ่มและมีจุดสีเขียวน้ำตาลอยู่ประปรายทั่วตัว
ดวงตาของมันเล็กมากอยู่ระหว่างหัวกับหลัง เปลือกตาล่างโต เผยให้เห็นฟันเวลาอ้าปาก แม้กระทั่งตอนที่ฉินสือโอวไปพบมันก็อ้าปากแยกเขี้ยว ครีบหางกว้างเป็นรูปลิ่มสามารถคืบคลานบนชายหาดได้
ยังดีที่ฉินสือโอวก็ถือว่าเป็นคนรอบรู้ปลาชนิดนี้ไม่เคยพบที่ฟาร์มปลาแต่กลับรู้จัก เขาอธิบาย “มันชื่อว่าปลาตีน พวกเธอเรียกมันว่าปลากระโดดก็ได้พบได้น้อยที่ฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ปกติจะพบมากในทะเลเขตร้อน มันอาจจะตามกระแสน้ำอุ่นจากอ่าวเม็กซิโกมาที่นี่”
ใช่เจ้าปลารูปล่างประหลาดตัวนี้คือปลาตีน แม้มันจะดูไม่เหมือนปลาแต่มันมีทั้งเหงือกและครีบเป็นปลาโบราณที่มีวิวัฒนาการต่ำชนิดหนึ่ง
ลักษณะวิสัยของปลาตีนนั้นไม่เหมือนกับปลาทั่วไปผิวของพวกมันเพียงแค่รักษาความชุ่มชื้นก็จะสามารถรับออกซิเจนเพื่อใช้หายใจจากอากาศผ่านผิวได้โดยตรง อีกอย่างด้านข้างเหงือกของพวกมันมีช่องเล็กๆ สามารถเก็บน้ำไว้หายใจได้เหมือนกับการกลั้นหายใจของมนุษย์
ที่ฟาร์มปลาต้าฉินไม่มีป่าชายเลนไม่เช่นนั้นมันคงได้แสดงความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการปีนป่าย พวกมันคืออัจฉริยะในหมู่ปลาทางด้านนี้สามารถใช้ครีบท้องเป็นตัวดูดจับยึดต้นไม้ไว้และใช้ครีบอกปีนขึ้นไปถึงยอดไม้
ฉินสือโอวเห็นว่าพวกเด็กๆ สนใจปลาตีนตัวนี้เลยอธิบายทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้ฟัง อธิบายเสร็จเขาก็ถาม “โอเค พวกเธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกไหม? พูดมาเลย”
“อร่อยไหม?” ชาร์คน้อยถามขึ้นมา “ผมรู้สึกว่ามันอ้วนมาก”
ฉินสือโอวเหงื่อตก พูดกับเขาอย่างห้วนๆ “รู้จักแต่เรื่องกินๆๆ กลับไปฉันจะให้พ่อนายเอานายไปตุ๋นกิน!”
พูดจบเขาก็แย่งปลาตีนตัวนี้เอาไปไว้ในตะพังน้ำ น้ำพวกนี้จะช่วยลดผลกระทบจากเวลาทำให้พวกมันสามารถอยู่รอจนถึงเวลาน้ำขึ้นได้
ชาร์คไม่ได้เห็นปลาตีนเป็นครั้งแรกแต่กลับเห็นที่เกาะแฟร์เวลเลยถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมปลาชนิดนี้ถึงมาปรากฏที่ทะเลเขตอบอุ่นอย่างฟาร์มปลาของพวกเรา? อุณหภูมิน้ำในตอนนี้ไม่เพียงพอเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่พลางเดา “อาจจะตามกระแสน้ำอุ่นอ่าวเม็กซิโกมาถึงที่นี่ แล้วมันโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ นายคิดว่าอย่างไร?”
ชาร์คก็ยักไหล่ “คิดได้แค่อย่างนี้แหละ ผมหัวไม่ดีไม่เข้าใจชีววิทยา สมุทรศาสตร์อะไรพวกนี้หรอก”
เด็กๆ จัดการอย่างรีบร้อนกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็เหนื่อยล้า ฉินสือโอวให้พวกเขาขึ้นฝั่งไปแล้วย่างสาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายคอมบุให้พวกเขากิน
ฟาร์มปลาต้าฉินมีหอยน้อยบนชายหาดก็มีหอยเชลล์อยู่ไม่เท่าไร นี่ทำให้ความสนุกของการตกปลาลดลงมาก
มิเชลเดินไปตามแนวชายฝั่งครู่หนึ่งแล้วเจอผู้ใหญ่สองคนกำลังเก็บหอยแมลงภู่สีเหลืองทั้งตัวเล็กและใหญ่ดูแล้วช่างสวยงาม เปลือกหอยสะอาดลวดลายเรียบลื่น เป็นสีไข่แดงให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์
มิเชลวิ่งกลับไปอย่างมีความสุขเพราะเจอหอยแมลงภู่สองตัวนี้พวกเด็กๆ ไปมุงดูกัน ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูด “กลับไปโทรหาบิลให้ซื้อหอยแมลงภู่มาเพาะเลี้ยงสักจำนวนหนึ่งสิ ไม่แน่ฟาร์มปลาของเราอาจจะเปลี่ยนเป็นฟาร์มไข่มุกก็ได้”
แม้จะแค่พูดไปตามอารมณ์แต่จริงๆ แล้วฉินสือโอวก็สนใจอยู่มาก เลี้ยงหอยก็ไม่เลวนอกจากจะกินได้แล้วยังสามารถให้ผลผลิตเป็นไข่มุกได้ด้วย
ไปๆ มาๆ ก็ไม่เห็นหอยสองตัวแล้วมิเชลร้องด้วยความตะลึง “เปลือกหอยของฉันล่ะ? เปลือกหอยสองอันนั้นของฉันไปไหนแล้ว?”
พวกเด็กดื้อแบมืออย่างจนใจด้วยความงงงวย ชาร์คน้อยชี้ไปที่กอร์ดอนแล้วพูด “ต้องอยู่ที่นายแน่ๆ เมื่อครู่ฉันเห็นนายเอาใส่กระเป๋าเสื้อ!”
“นายพูดมั่ว ชาร์คน้อยต้องเป็นนายที่เอาไปมีแต่นายนั่นแหละที่โลภขนาดนี้!” กอร์ดอนค้านอย่างไม่ยอม
บทที่ 580 มองท้องฟ้าอย่างเงียบสงบ
โดย
Ink Stone_Fantasy
นอกจากตั๋วตั่วน้อยแล้วเด็กคนอื่นๆ ที่อายุน้อยที่สุดก็สิบขวบแต่ละคนฉลาดซุกซนอย่างกับลิง
ชาร์คน้อยและกอร์ดอนกล่าวหากันไปมาไม่กี่ครั้งก็เริ่มผลักกันพูดไปด่าไปต้องการจะสู้กัน
ตั๋วตั่วตกใจจนหน้าน้อยๆ ขาวซีดเชอร์ลี่ย์เลยอุ้มเธอออกจากพวกเด็กๆ ไปแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “หุบปากกันให้หมดเลย! ใครกล้าลงมือฉันจะให้หู่จือกับเป้าจือกัดคนนั้น!”
กอร์ดอนมองพาวลิส “เพื่อน พวกเขารังแกคนอย่างพวกเรา หรือว่าเธอไม่คิดจะช่วย?”
ชาร์คน้องก็หาผู้ช่วย “พระเจ้ารู้ คราเคนน้อย ปกติพวกเราถูกรังแกมากพอแล้ว วันนี้ต้องจัดการเรื่องทั้งหมด!”
มิเชลรู้สึกกลัวเลยยกมือพลางพูดอย่างขมขื่น “โอเค โอเค ใจเย็นๆ เถอะเพื่อนๆ ฉันไม่อยากได้เปลือกหอยสองอันนั้นแล้วโอเคไหม? พวกเธอไม่ต้องทะเลาะกัน! คุณพ่อโอเคยบอกว่าการทะเลาะเป็นสิ่งไม่ดี!”
เชอร์ลี่ย์พาตั๋วตั่วมาไว้อีกด้านแล้วเดินไปถามพาวลิสและคราเคนน้อยด้วยหน้าเคร่งขรึม “พูดมาสิว่าเปลือกหอยสองอันนั้นไม่ได้อยู่ในมือพวกนายสองคน?”
“พระเจ้าเป็นพยานได้ว่าฉันบริสุทธิ์!” พาวลิสพูด
คราเคนน้อยชูไม้กางเขนที่คอขึ้นมา “ถ้าฉันเอาไปขอให้พระเจ้ามาลงโทษฉัน!”
ฉินสือโอวที่อยู่ไม่ไกลเห็นแล้วก็กลอกตา พระเจ้าท่านคงยุ่งมาก แต่จะให้พวกเด็กๆ ทะเลาะกันต่อไปก็ไม่ได้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเล็กแต่ก็เป็นเรื่องใหญ่กระทบกับความเชื่อใจกันระหว่างพวกเด็กๆ อย่างนั้นก็ไม่ดี
แต่ว่าตอนนี้ไม่สามารถค้นตัวเด็กๆ ได้แม้จะชัดเจนว่าเปลือกหอยอยู่บนตัวพวกเขาแต่ศักดิ์ศรีและความเคารพในตัวเองนั้นสำคัญกว่าเปลือกหอยสองอันนั้น เรื่องที่คลุมเครือนี้ยังสามารถใช้วิธีอื่นในการจัดการได้หากไปทำลายศักดิ์ศรีของพวกเขาเพราะเรื่องนี้ก็จะมีผลกระทบอย่างมาก
ฉินสือโอวคิดแล้วก็เดินมาแขนหนึ่งคล้องอยู่ที่ไหล่ของชาร์คน้อยอีกแขนคล้องอยู่ที่ไหล่ของกอร์ดอนแล้วพูด “โอเคโอเค พวก ไม่ต้องวุ่นวายแล้วเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ไปเถอะพวกเราไปย่างสาหร่ายกินกันดีกว่า ลุงชาร์คของพวกเราย่างไปเยอะเลย”
แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด “กินมื้อเที่ยงแล้วรอน้ำให้อุ่นฉันจะพาพวกเธอไปที่ที่ดีที่หนึ่ง ที่นั่นมีหอยเชลล์และหอยตลับเยอะมากถึงตอนนั้นพวกเธอสามารถเก็บได้ตามใจชอบเลย เป็นไง?”
“จริงหรอ อยู่ที่ไหน?” คราเคนน้อยถามอย่างตั้งตารอ
ฉินสือโอวขยิบตาให้เขาแล้วพูด “นี่เป็นความลับ กินข้าวเสร็จพวกนายก็จะรู้”
ขึ้นฝั่งแล้วฉินสือโอวก็ให้พวกเขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เชอร์ลี่ย์พูดอย่างรีบร้อน “ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะหาเปลือกหอยของมิเชลไม่เจอแล้ว”
ฉินสือโอวตบไหล่เชอร์ลี่ย์พลางพูด “วางใจเถอะ ฉันมีวิธีที่จะหาได้”
ชาร์คหาเตาเล็กๆ มาและวางพัดลมไว้ข้างๆ เปิดพัดลมปรับมุมให้ดีก่อน ฉินสือโอวถามเขา “นายทำอะไร?”
ชาร์คอธิบาย “สาหร่ายจีฉ่ายมีน้ำเยอะเกินไป แค่ย่างอย่างเดียวจะย่างได้ไม่แห้งต้องใช้ลมแรงๆ เป่าอยู่ตลอด อย่ามองว่าพัดลมของผมตัวนี้เล็กนะ ที่จริงมันหมุนได้เร็ว ใช้ในการย่างสาหร่ายจีฉ่ายได้ดีมาก”
เขาพูดพลางเอาสาหร่ายแผ่นหนึ่งมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ตามรอยแล้ววางกระจายไปบนตะแกรงย่าง จากนั้นวางบนเตาย่างด้วยถ่าน ในขณะเดียวกันพัดลมก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็วด้วยแรงลมที่แรงมากแต่เพราะเลือกวางในมุมที่พอดีลมจึงพัดไม่โดนถ่านด้านล่าง
ซีมอนส์เตอร์เอาสาหร่ายคอมบุที่เก็บมามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เสียบไม้แล้วก็เอาเตาเล็กๆ มาเริ่มย่าง ที่ฟาร์มปลามีสาหร่ายคอมบุเป็นสาหร่ายคอมบุแอตแลนติกเหนือจำนวนหนึ่งที่ฉินสือโอวปลูก ตอนนี้เริ่มเก็บออกขายแล้วแต่เขารอข่าวจากบัตเลอร์สาหร่ายคอมบุพวกนี้เลยยังไม่ได้เคลื่อนย้าย
การย่างสาหร่ายคอมบุนั้นไม่ยุ่งยากเท่าสาหร่ายจีฉ่ายซีมอนส์เตอร์ทาน้ำมันมะกอกที่ด้านบนเอาไปย่างไฟสักครู่แล้วโรยงาและผงยี่หร่าที่ด้านบนก็ได้แล้วไม่ต้องใส่ซอส การกินสาหร่ายคอมบุย่างคือกินรสชาติธรรมชาติดั้งเดิมของมัน
พอสุกแล้วไม่กี่ไม้ฉินสือโอวเดินถือไปแบ่งให้วินนี่กับหลิวซูเหยียนก่อน เหมาเหว่ยหลงถือเบียร์บลูริบบ้อนมาโยนให้เขาเปิดฝาแล้วนั่งลงบนชายหาดดื่มเบียร์ไปกินสาหร่ายคอมบุไปพร้อมชมอย่างไม่ขาดปาก “อื้ม อร่อย! ที่แท้สาหร่ายคอมบุก็อร่อยได้ขนาดนี้เลยเหรอ? รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ”
ฉินสือโอวกัดไปคำหนึ่งสาหร่ายคอมบุนี้ไร้ซึ่งกลิ่นคาวเนื้อเยอะกัดเข้าไปในปากเล้วเหมือนกินเหลียงผี[1]แต่สดกว่าและเพราะเป็นสาหร่ายคอมบุที่สดใหม่เลยชุ่มช่ำมาก
นั่งตากลมทะเลอยู่บนหาดมองวิวท้องฟ้าและทะเลบรรจบกันอยู่ไกลๆ ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงกระดกเบียร์มองท้องฟ้าสีครามที่อยู่ไกลๆ เงียบๆ อย่างใจลอย
ดื่มเบียร์หมดไปหนึ่งกระป๋องเหมาเหว่ยหลงก็อุทานออกมา “แม่เจ้า การลาออกครั้งนี้ของฉันเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ มาหาแกที่นี่มีความสุขมาก! มองทะเลสีมรกตฟ้าสีครามเล่นกับเด็กๆ และเลี้ยงหมาอีกสองตัววันนี้ช่างสวยงามไร้ที่สิ้นสุดเลย”
ฉินสือโอวบีบกระป๋องเบียร์โยนออกไปแล้วพูดอย่างภาคภูมิ “แน่นอน นายไม่ดูล่ะว่านี่เป็นชีวิตที่ใครเลือก”
หู่จือและเป้าจือที่กำลังจับปลากันอย่างสนุกสนานเห็นกระป๋องเบียร์ถูกโยนมาบนหาดก็ทิ้งปลาในปากตัวเองโดยพร้อมกันไม่ได้นัดหมายพุ่งไปที่กระป๋องเบียร์อันนั้นอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มแย่งกัน
หู่จือพุ่งไปด้านหน้าสุดดูแล้วเกือบจะงับถึงกระป๋องเบียร์เป้าจือกระโดดขึ้นแล้วไถลไปตามหาดทรายที่ลื่นยื่นอุ้งเท้าไปด้านหน้าแตะกระป๋องเบียร์ก่อนครู่หนึ่งก็กระทุ้งออกไป
หู่จือทำเสียงดัง ‘กร๊อบ’ ทีหนึ่งผลสุดท้ายก็งับไปถึงกระป๋องเบียร์มันจามฟึดฟัดอย่างไม่พอใจเป้าจือใช้หัวชนปีนขึ้นไปจากข้างๆ ตัวมัน ตัวหลังไม่ยอมรั้งท้ายกระโดดกลับไปยืนขึ้นเหมือนคนพลางขู่สองทีและยื่นอุ้งเท้าไปข่วนพี่ชาย
เสี่ยวหลัวปอที่อยู่ไม่ไกลกำลังประชันฝีมือกับปลาพอลลอคตัวหนึ่งในที่สุดมันก็หาคู่ต่อสู้ในการล่าที่เหมาะสมได้แล้ว มันทั้งคลานทั้งกระโดดเข้าใกล้ปลาพอลลอคแยกเขี้ยวกัดปลาพอลลอคอยู่บ้างกระชากลากถูแสดงความเก่งกาจของตัวเอง
การต่อสู้ของหู่จือและเป้าจือกระทบมันเจ้าตัวแสบเลยวิ่งมาดูมันตั้งใจมองกระป๋องเบียร์ที่รออยู่บนชายหาดอย่างสงบอันนั้นแล้วคาบไว้ในปากวิ่งเอาไปให้ฉินสือโอวอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวหัวเราะอุ้มเสี่ยวหลัวปอไว้ในอ้อมกอดแล้วจูบแรงๆ ไปสองครั้ง เสี่ยวหลัวปอคายกระป๋องเบียร์แล้วใช้อุ้งเท้าดันฉินสือโอวออกอย่างรังเกียจยกหางขึ้นราวกับเสาธงเล็กๆ พลางวิ่งไปสู้กับปลาพอลลอคต่อ
ทางด้านหู่จือในที่สุดก็เอาชนะเป้าจือน้องชายได้ผลสุดท้ายหันกลับมาก็งงงวย กระป๋องเบียร์ล่ะ?
สาหร่ายจีฉ่ายแผ่นหนึ่งย่างครึ่งชั่วโมงกว่าถึงจะสุกและกระบวนการทำก็ไม่รวดเร็วเหมือนพวกสาหร่ายโนริ
ฉินสือโอวลองชิมไปหนึ่งคำรสชาติสดอร่อยเหมือนกันและมีกลิ่นหอมหวานที่สาหร่ายโนริทั่วไปไม่มีเคี้ยวแล้วสู้ฟันเป็นอาหารเลิศรสอย่างหนึ่ง
หลิวซูเหยียนพูดจากความรู้สึกหลังกินเข้าไป “ฉันเข้าใจสิ่งที่เสี่ยวฉินพูดเมื่อครู่แล้ว เป็นความจริง ที่นี่ไม่เพียงแต่ทัศนียภาพดีรสชาติอาหารดียิ่งกว่า”
วินนี่หัวเราะ “อาหารที่คุณได้กินตอนนี้ยังน้อย อยู่ที่นี่ให้นานหน่อย สักปีหนึ่งได้เป็นดีที่สุด เพราะหนึ่งปีสี่ฤดูก็จะได้กินอาหารที่ไม่เหมือนกันน่ะ”
หลิวซูเหยียนมองวินนี่อย่างซาบซึ้งแล้วพูด “ขอบคุณ”
วินนี่ฉีกสาหร่ายจีฉ่ายย่างเป็นแผ่นเล็กๆ ป้อนให้ตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วกินคำใหญ่อย่างชอบใจเป็นที่สุดใบหน้ากลมๆ เต็มไปด้วยรอยยิ้มชอบใจ
……………………………………
[1] เหลียงผี อาหารจีนเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวผัดน้ำมันเผ็ด
บทที่ 581 สัมผัสแนวปะการัง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฤดูใบไม้ผลิเหมาะแก่การอาบแดดเป็นเป็นอย่างยิ่งแดดในตอนเที่ยงก็ไม่ร้อนฉินสือโอวนั่งอยู่บนชายหาดข้างๆ คือเหมาเหว่ยหลง ทั้งสองมีกระป๋องเบียร์เปล่าไม่กี่กระป๋องอยู่รอบตัว
บางครั้งลมทะเลก็พัดแรงไปหน่อยจนกระป๋องเบียร์เปล่าหล่นเต็มพื้น หู่จือและเป้าจือเลยกระโจนมาแย่งขวดเบียร์กันอย่างตื่นเต้น
ฉินสือโอวไม่ได้กินข้าวกลางวันวินนี่เข้าเมืองไปซื้อพิซซ่าที่เพิ่งออกจากเตามาให้พวกเด็กๆ แบ่งกับหู่จือและเป้าจือกินกัน รอจนพวกเขากินอิ่มแล้วฉินสือโอวก็ลองลงน้ำไป เมื่อน้ำทะเลไม่เย็นก็พาเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนลงน้ำ
น้ำลงทำให้แนวปะการังอยู่ใกล้ผิวน้ำหากน้ำลงกว่านี้อีกสักห้าหกเมตรก็สามารถเผยแนวปะการังออกมาได้แล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้ระยะห่างระหว่างแนวปะการังและผิวน้ำใกล้มากมีบางที่ที่ยอดเล็กๆ โผล่ออกมา
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเสริมให้แนวปะการังเติบโตสีสันสวยงามอยู่ในทะเลน้ำใส แสงอาทิตย์ส่องสว่างอยู่ด้านบนเป็นประกายสว่างไสวสวยงามราวกับดอกไม้สดที่เบ่งบาน
พวกโพลิปที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าคว้าโอกาสที่เข้าใกล้ผิวน้ำในการดูดซับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นสาหร่ายรอบๆ คลายใบยื่นออกมาปลาเล็กและกุ้งน้อยจำนวนหนึ่งแหวกว่ายที่แนวปะการังอย่างอิสระโดยไม่รู้เลยว่าอีกแค่นิดเดียวก็จะถูกทอดทิ้งจากทะเลผู้เป็นแม่
ฉินสือโอวก็เห็นแนวปะการังพวกนี้ด้วยตาเปล่าเป็นครั้งแรกแม้จะไม่ชัดเท่าการใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแต่อยู่ในน้ำก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
น้ำทะเลใสราวคริสตัลถูกลมทะเลพัดไหวเป็นคลื่นเล็กๆ แบบนี้แนวปะการังเลยดูเหมือนเคลื่อนไหวเบาๆ กิ่งก้านสาขาที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ด้วยความเร็วของพวกโพลิปใช้จับแพลงตอนที่มากับคลื่นเข้าปากถือโอกาสกินอย่างอิ่มเอม
อย่าเห็นว่าปะการังสวยแต่อ่อนแอ ที่จริงแล้วเมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บจะมีเซลล์พิษ แต่ละเซลล์พิษเมื่อได้รับการกระตุ้นจะปล่อยเข็มพิษออกมามีผลทำให้เป็นอัมพาตนี่ คือวิธีที่พวกมันใช้เพื่อจับแพลงตอนและป้องกันตัว
โพลิปคือส่วนหลักและส่วนควบคุมของปะการัง พวกมันจับอาหารและให้พลังงานกับเซลล์ที่สร้างกระดูกของผิวภายนอกไม่หยุด ทำให้มีแคลเซียมและคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดูดซับได้จากน้ำผสมกันเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต จากนั้นเซลล์สร้างกระดูกของพวกมันยังสามารถปล่อยแร่คาร์บอเนตออกมาแล้วค่อยๆ กลายเป็นกระดูกที่คอยยึดแนวปะการังไว้
พวกตัวทำลายเช่นพวกหอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่หิน หอยเสียบก็อาศัยอยู่รอบๆ แนวปะการังพวกนี้
ฉินสือโอวหนีบหอยหลอดที่ขนาดเกือบเท่านิ้วกลางของเขาขึ้นมาแล้วพูด “ดูสิ ของพวกนี้สามารถทำลายแนวปะการังของพวกเราได้ดังนั้นพวกเราต้องดึงพวกมันออกมาให้หมด อีกอย่างเจ้าสิ่งนี้ก็อร่อยมากด้วยพรุ่งนี้จะต้มให้พวกนายกินโอเคไหม?”
“หอยเชลล์ล่ะ?” มิเชลถาม
ฉินสือโอวหาหอยเสียบตัวใหญ่ตัวหนึ่งส่งให้มิเชลพลางหัวเราะ “นี่ก็นับเป็นหอยเชลล์ ใช่ไหม?”
มิเชลพูดด้วยความผิดหวัง “แต่น่าเกลียดเกินไปหรือเปล่า?”
เชอร์ลี่ย์จับหอยรูปลิ่มสามเหลี่ยมตัวหนึ่งให้มิเชลดู “นายไม่ต้องเรียกร้องอะไรมาก หอยตัวนั้นของฉินสวยกว่าตัวนี้ไหม?”
ฉินสือโอวมองดูที่จอมโลลิจับได้คือหอยกาบคู่เปลือกหอยของมันใหญ่แต่บางด้านหน้าแหลมด้านหลังกว้างดูเหมือนหอยเชลล์ตัวเล็ก ที่ผิวเปลือกหอยมีแนวลายสีดำน้ำตาลมองดูแล้วน่าเกลียดมาก
แต่เจ้าสิ่งนี้รสชาติอร่อยมาก สุดท้ายก็ถามอย่างตะลึง “เจ้านี่คือหอยจอบ ที่รัก รสชาติของมันยอดเยี่ยมมากที่บ้านเก่าของฉันมีคำพังเพยว่า ‘ปลิงทะเลหอยเป๋าฮื้อหอยจอบ’ ว่ากันว่าพวกมันเป็นสุดยอดของหอยเลยนะ”
ฉินสือโอวอธิบายไปควานหาไปไม่นานก็เห็นเงาของหอบจอบ
หอยชนิดนี้มีตีนเป็นใยมันใช้เปลือกที่แหลมสอดไปในโคลนทรายและใช้ชีวิตในนั้นใช้ตีนยึดพื้นทะเล เนื่องจากลักษณะคล้ายหินปะการัง หากเชอร์ลี่ย์ไม่ดึงขึ้นมาเขาก็คงไม่เจอ
หลังจากสังเกตพบหอยจอบแล้วการหาก็ง่ายขึ้นเยอะ มีบางที่ที่พวกหอยจอบจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ พวกมันกลับหัวแทรกตัวเจริญเติบโตอยู่ที่พื้นทะเล ดูแล้วเหมือนสวนหินขนาดย่อมแห่งพื้นทะเล
ได้ยินว่าอร่อยชาร์คน้อยและคราเคนน้อยก็จะลงมือจับแต่ฉินสือโอวยั้งไว้ ให้พวกเขาเก็บพวกหอยหลอดและพวกหอยต่างๆ ที่อยู่บนหอยเชลล์ก่อน หอยพวกนี้สามารถทำลายแนวปะการังได้
สำหรับหอยจอบนั้นไม่จำเป็นต้องรีบจัดกานพวกมันไม่ได้สนใจแนวปะการังเพียงแต่ชอบตามมาอยู่กับหอยเสียบเท่านั้น ปล่อยพวกมันไว้ก่อนต่อไปถ้าอยากกินค่อยมาเก็บไปก็ได้อย่างไรเสียก็อยู่ที่เขตน้ำตื้น
ฉินสือโอวเรียกปอหลัวมาดูพวกเด็กๆ มันเก่งในการดำน้ำเมื่อมีเด็กไม่ระวังตกไปตรงน้ำลึกปอหลัวก็จะสามารถพาขึ้นมาได้ใครให้มันทั้งว่ายน้ำเก่งทั้งพลังเยอะล่ะ?
ในมือของพวกเด็กๆ มีถังพลาสติกเล็กๆ เก็บหอยพวกนี้อย่างไม่หยุด ฉินสือโอวหาถังใหญ่มาหนึ่งถัง เวลามีใครที่ถังเล็กเต็มเขาก็จะไปเก็บมารวบรวม
พวกหอยมีทั้งเล็กและใหญ่ตัวที่ใหญ่ก็ใหญ่ขนาดปากชามตัวที่เล็กๆ ก็เล็กเหมือนเล็บ แต่ละขนาดมีวิธีกินของตัวเอง
ฉินสือโอวให้พวกเด็กเก็บแบบไม่ต้องแยกเล็กใหญ่แค่เจอก็เก็บขึ้นมาเลย ถึงจะกินไม่ได้ ก็ไม่สามารถปล่อยหอยพวกนี้ไว้ที่นี่ให้ทำลายแนวปะการังได้
หลังจากเก็บได้สองถังใหญ่ในที่สุดพวกเด็กๆ ก็เบื่อแล้ว ด้านในของหอยแต่ละตัวมีความสวยงาม แต่ละล้วนแตกต่างกันด้านบนมีลวดลายที่แปลก บางตัวพอจะเป็นลวดลายแอบส์แตรกได้เลย
แบบนี้พวกเด็กก็ดีใจกัน หลังจากมิเชลหาหอยกาบรูปหัวใจเจอหนึ่งตัวก็ลืมเรื่องหอยแมลงภู่สีเหลืองที่หายไป เขาชูไว้อในมือแล้วร้องเจี๊ยวจ๊าว
เล่นพอแล้วฉินสือโอวก็พาพวกเขาขึ้นฝั่งจากนั้นเรียกพวกเขาไปข้างหน้าแล้วพูด “มา พวก ตอนนี้พวกเรามาคุยปัญหาเรื่องหอยเชลล์กัน หอยเชลล์หายไปไม่ได้ใช่ไหม?”
จอมโลลิรีบพูด “ใช่ ไม่มีทางหายไปแน่”
“อย่างนั้นพวกมันไปไหนล่ะ?” ฉินสือโอวมองเด็กๆ ไม่กี่คน “ฉันไม่ถามหรอกว่าใครเอาไป เพราะทุกคนก็ทำผิดพลาดได้ แต่พวกเธอต้องจำไว้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองห้ามเอาไป ถ้าพวกเธออยากได้อย่างนั้นก็ไปพยายามดิ้นรนเองแบบตอนนี้อย่างนี้ของที่ได้มาถึงจะเป็นของของตัวเอง เข้าใจไหม?”
กลุ่มเด็กๆ พยักหน้ามีคนอยากพูดแต่ฉินสือโอวโบกมือไม่ให้พวกเขาพูดต่อไป “คืนนี้ฉันจะให้ตั๋วตั่วอยู่ที่ห้องฉันใครเอาไปก็ไปหาตั๋วตั่วแล้วเอาให้เธอ เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ ถูกไหม?”
เชอร์ลี่ย์แบมือพลางพูด “นี่เป็นความคิดที่ดีที่สุดแล้ว”
ฉินสือโอวขึ้นฝั่งแล้ววินนี่ก็ขึ้นมากอดพร้อมจูบเขาครั้งหนึ่งแล้วพูดด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “วันนี้คุณทำดีมาก ฉันอยากให้ต่อไปคุณสั่งสอนเบบี้น้อยของพวกเราให้เติบโตเป็นคนดี”
“อันดับแรก พวกเราต้องพยายามมีเบบี้ให้ได้ก่อน” ฉินสือโอวพูดพลางหัวเราะ “อันดับแรกอีกอย่างคือเราต้องแต่งงานกันก่อน ท้องก่อนแต่งไม่ได้หรอกมั้ง?”
วินนี่ได้ยินเขาพูดอย่างสนุกก็หัวเราะออกมาแต่ความคิดเห็นของเธอไม่เหมือนเขา “ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับคุณอย่างโดดเดี่ยวอย่างนี้หรอก พวกเราต้องมีลูกกันสักสองคนก่อนแล้วค่อยแต่งงาน ตอนนั้นพวกเราจูงมือพวกเขาเข้าไปในโบสถ์ต้องสวยงามมากแน่ๆ”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ แล้วถาม “คุณไม่ได้จริงจังใช่ไหม?”
วินนี่พูดอย่างแน่วแน่ “แบบนี้ไม่ดีเหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างจนใจ แม่เจ้า สภาพบ้านเมืองของเราไม่เหมือนกันนะถ้าพ่อแม่เขารู้ว่าเขามีลูกแล้วแต่ยังไม่แต่งงานคงต้องฉีกเนื้อเขาจิ้มน้ำจิ้มกินแน่
บทที่ 582 น้ำขึ้นแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
น้ำทะเลหยุดนิ่งอยู่ไกลๆ ตลอดทั้งวันนี่คือน้ำนิ่งพื้นผิวทะเลเข้าสู่ช่วงนิ่งสงบทั้งสองฝั่ง
ตั้งแต่พลบค่ำมหาสมุทรก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา
ตอนน้ำลงนั้นเงียบสงบน้ำทะเลลดลงมหาสมุทรไปเงียบๆ อย่างนั้นตอนนี้น้ำก็เริ่มขึ้นมาตามพระอาทิตย์ที่ลับภูเขาไป มหาสมุทรแสดงความโหดเหี้ยมอย่างรุนแรงออกมา เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพิโรธแล้ว มาแล้ว!
ฉินสือโอวและคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ท่าเทียบเรือบลอคคอนกรีตมองอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ เขาไม่เคยเห็นน้ำขึ้นด้วยตาตัวเองมาก่อนเลยรู้สึกตื่นตัว ถามชาร์คและพวกชาวประมงอย่างไม่วางใจ “พวกนายแน่ใจนะว่าไม่มีเรื่องอะไร? คลื่นทะเลจะพุ่งมาถึงท่าเรือไหม?”
เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในประเทศเห็นข่าวว่าทุกปีที่สังเกตดูตอนที่แม่น้ำเฉียงถางมีน้ำขึ้นน้ำลงครั้งใหญ่ ก็มักจะมีคนถูกคลื่นดูดลงไปทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันก็เลยกังวลใจอยู่นิดหน่อย
ชาร์คหัวเราะแล้วพูด “คุณคิดมากไปแล้วเจ้านาย น้ำขึ้นน้ำลงที่ทะเลของพวกเราไม่ใช่น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำคงคาของอินเดียหรือแม่น้ำอเมซอน พวกเราอาจจะได้เห็นคลื่นลูกใหญ่แต่มันจะไม่รุนแรงมากหรอก”
แลนซ์เองก็ปลอบเขา “แม้ว่านี่จะเรียกว่าน้ำขึ้น แต่อันที่จริงแล้วเป็นการฟื้นฟูน้ำทะเลเท่านั้น ฟื้นฟูพื้นผิวทะเลให้เหมือนแต่ก่อนและจะไม่เกินขอบเขตของพื้นผิวทะเลเดิม”
คนในกลุ่มกำลังคุยกันอู่ก็มีเสียงดังราวกับกลองรบดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ พื้นผิวทะเลด้านล่างท่าเทียบเรือที่แต่เดิมสงบอยู่ก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ทีแรกพื้นผิวทะเลแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้นไม่ช้าคลื่นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มาแล้ว!” พวกชาวประมงตะลึง พวกเขาไม่ได้เห็นภาพที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว เลยต้องคว้าโอกาสมองดูให้ดีเป็นธรรมดา
เสียงดังราวกลองรบดังขึ้นเรื่อยๆ ที่พื้นผิวทะเลไกลๆ มีเส้นยาวๆ สีขาวปรากฏอยู่ไม่รู้ว่ายาวเท่าไรอย่างไรก็ตามฉินสือโอวใช้กล้องส่องทางไกลมองไปก็ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเห็นเพียงว่าเส้นสีขาวนี้ยาวขนานกับแนวชายฝั่งของฟาร์มปลาไปตลอดทั้งแนว
แน่นอนว่าเส้นสีขาวนี้ก็คือคลื่นทะเลที่พัดขึ้นมาที่ข้างๆ เขายังมีฟองคลื่นมากมายกำลังม้วนไปมาและยังมีเส้นขาวๆ ที่เยอะกว่ากำลังขึ้นๆ ลงๆ
เสียงดังราวกลองรบดังขึ้นเรื่อยๆ คลื่นค่อยๆ ซัดเข้ามาใกล้
คลื่นทะเลใหญ่ลูกหลังชนลูกหน้าความเร็วของคลื่นลูกหลังมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแรงต้านของพื้นผิวทะเลความเร็วของคลื่นลูกแรกก็เลยลดลงในที่สุดคลื่นพวกนี้ก็ชนกัน คลื่นยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในตอนนี้สายขาวๆ สายแรกยกตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากครึ่งเมตรเป็นสามสี่เมตร!
ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง คลื่นลูกนี้ส่งเสียงราวกับจะออกรบ เรียกกองกำลังทหาร? นี่เป็นการเรียกกองกำลังทหาร!
ฉินสือโอวไม่เคยเห็นภาพทหารม้านับหมื่นของทัพหลวงออกรบ แต่ตอนนี้เขาเชื่อว่าต่อให้รวบรวมทหารม้าที่เก่งที่สุดในโลกมาโจมตีก็สู้คลื่นที่กว้างไกลไร้ขีดจำกัดลูกนี้ไม่ได้
พลังธรรมชาติยิ่งใหญ่ขนาดนี้นี่เองคนลิขิตเหนือฟ้าคำนี้ ฉินสือโอวรู้สึกว่าแค่เอาไว้ใช้ตอนอยู่ในบ้านดื่มเหล้าดื่มน้ำชาคุยกันเท่านั้น หากเอาคนมาไว้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้จริงๆ จะมีใครสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้
ฟองคลื่นลูกแล้วลูกเล่าน้ำทะเลมืดฟ้ามัวดินคลื่นลูกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคลื่นยักษ์สูงเจ็ดแปดเมตรก็ปรากฏออกมา!
คลื่นยักษ์แบบนี้สามารถซัดมาที่ท่าเทียบเรือได้พัดฟองคลื่นดูเหมือนในน้ำมีระเบิดทำให้คนรู้สึกหวาดหวั่น
คลื่นซัดขึ้นชายฝั่งซัดตีทรายขึ้นมาม้วนมาในอากาศแล้วลากลงไปอีกดูเหมือนมือมนุษย์ยักษ์กำลังสาดแป้งในกำมือ
ฉงต้าที่รออยู่กับผู้คนที่ท่าเทียบเรืออย่างตื่นตัวถูกทำให้ตกใจ มันยื่นอุ้งเท้ามากอดเอวฉินสือโอวไว้เอาหัวใหญ่ๆ ปุกปุยเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ฉงต้าที่น่าสงสารไม่เคยคิดมาก่อนว่าทะเลจะมีช่วงเวลาที่น่ากลัวแบบนี้ด้วย
ฉินสือโอวตบที่หลังของฉงต้าเบาๆ แข็งแกร่งดั่งภูผาน้อยๆ อย่างฉงต้าเผยให้เห็นความอ่อนแอเล็กๆ ของมัน มันออกแรงกอดฉินสือโอวปากร้องครวญครางแทบจะร้องไห้โฮ
หู่จือและเป้าจือเหยียดหยามท่าทางของฉงต้าพวกมันทั้งสองไม่กลัวคลื่น ดูอยู่ด้านหน้าด้วยกันอย่างตั้งใจแต่หลังจากนั้นมีคลื่นลูกใหญ่ลูกหนึ่งซัดมาโดนหน้าซัดมาข้างๆ พวกมัน เช่นนี้พวกมันทั้งสองก็เกิดระแวงขึ้นมารีบถอยไปด้านหลัง
แค่มีสมองสักหน่อยก็รู้แล้วว่าในสถานการณ์แบบนี้หากถูกน้ำซัดไปก็จบเห่เตรียมไปเฝ้าพระอินทร์ได้เลย
ตลอดสินสี่ชั่วโมงคลื่นทะเลซัดสาดบนพื้นผิวทะเลลูกแล้วลูกเล่าก้นทะเลที่ว่างเปล่าเมื่อเช้าตอนถูกน้ำทะเลครอบคลุมอีกครั้ง พวกปะการังที่เคยโผล่ให้เห็นหายไปแล้วฟาร์มปลาค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นสภาพเดิม
ด้านหลังยังคงมีคลื่นทะเลเคลื่อนไหวอยู่แต่ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นแล้วเป็นเพียงฟองคลื่นธรรมดาที่ซัดขึ้นลง ฉินสือโอวและคนอื่นๆ เคยเห็นฉากที่น่าตกตะลึงก่อนหน้านี้แล้วพอเห็นอะไรเล็กๆ แบบนี้ก็เลยไม่สนใจ
ฉินสือโอวลากฉงต้าที่ฉี่ราดเดินไปด้านหน้าด้วยความลำบากแล้วอุทาน “มหาสมุทรยิ่งใหญ่เหลือเกินเห็นมันแสดงอานุภาพความยิ่งใหญ่ออกมาในบางครั้งก็ทำให้คนหวาดกลัว”
“ไม่ใช่แค่นี้นะเจ้านายปรากฏการณ์น้ำขึ้นในมหาสมุทรมีการเคลื่อนไหวที่งดงามเวลาน้ำขึ้นปรากฏการณ์น้ำลงมีความสวยงามราวภาพวาดของช่วงเวลาที่น้ำลง ไม่ต้องมองผมผมไม่ได้พูดเองหรอก เป็นคำพูดของนักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แวร์ซายใน ‘ก้นทะเลสองหมื่นลี้’ แต่ผมรู้สึกว่ามีเหตุผลดี ใช่ไหม?” บูลลูบท้ายทอยพลางพูด
ฉินสือโอวมองเขาอย่างตกตะลึงแล้วถาม “นายอ่านก้นทะเลสองหมื่นลี้ด้วย?”
บูลได้ฟังก็นึกว่าตัวเองโดนดูถูกเลยโวยวาย “เจ้านาย นี่มันหมายความว่าไง?”
ฉินสือโอวรีบขอโทษ “โทษทีพวก ฉันพูดผิดอย่างนั้นถามใหม่นะ นายอ่านหนังสือด้วยเหรอ?”
แลนซ์และคนอื่นๆ หัวเราะกันเกรียว บูลประท้วงด้วยท่าทางไม่พอใจแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ได้แค่ยอมรับไปอย่างซื่อสัตย์ “โอเค ผมพูดความจริงก็ได้คำพูดนี้เป็นสิ่งที่แอนนาพูดกับฉันเมื่อเช้า แต่ฉันก็อ่านหนังสืออยู่บ้างโอเคไหม?”
“‘คุณชายนักรัก’ เหรอ?” แซ็กเพิ่มมีดเข้าไปอีกด้าม
ฉินสือโอวแปะมือกับ เขาคนในกลุ่มเริ่มเอาชาร์คมาพูดเล่น
พวกปลาวาฬขึ้นมาพ่นน้ำบนผิวน้ำท่ามกลางมหาสมุทรด้านหลังเขาทำให้เกิดเสียงเพลงทีทุ้มต่ำวาฬขาวสองตัวที่เพิ่งแหวกว่ายตามใจชอบเรียนรู้ที่จะงัดข้อกับคลื่นทะเล
ยังมีวาฬสีน้ำเงินตัวใหญ่ปลาโลมาที่สง่างามและฉลามที่องอาจ ปลาใหญ่พวกนี้แหวกว่ายอยู่ในผิวน้ำอย่างสุขใจตามกันไปเป็นระลอก
กินมื้อเย็นเสร็จหลิวซูเหยียนบอกให้ตั๋วตั่วไปเล่นเกมอยู่ในห้องคนเดียวจากนั้นฉินสือโอวให้เด็กๆ เรียงกันเข้าไปให้โอกาสพวกเขาแก้ไขความผิด
รอจนมิเชลเข้าไปเป็นคนสุดท้าย ตอนออกมาเขาถือหอยเชลล์สีเหลืองสองตัวไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มพอใจ
เห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็โล่งใจเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีของเขาจะใช้ได้หรือเปล่า หากมีเด็กคนไหนซ่อนเปลือกหอยไว้ไม่เอาออกมาอย่างนั้น ต่อไปความสัมพันธ์ของพวกเด็กๆ ก็คงไม่ดีแล้ว
ตอนนี้ดีแล้ว อาจจะมีเด็กคนไหนที่ทำผิดไปแต่สุดท้ายเขาก็รู้ตัวแล้ว
ก่อนนอนฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในทะเลสิ่งที่เห็นคือทัศนียภาพใต้ท้องทะเลที่มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
น้ำลงน้ำขึ้นทำให้สารอาหารในทะเลกระจัดกระจายและพาปลาน้ำลึกจำนวนหนึ่งขึ้นมา แบบนี้สัตว์ในฟาร์มปลาต้าฉินก็อุดมสมบูรณ์มากขึ้น เหยื่ออุดมสมบูรณ์แสดงว่าการหาอาหารของพวกปลาสบายขึ้นเติบโตได้รวดเร็ว
บทที่ 583 วันที่ไม่ต้องออกทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงไม่ได้มีผลกระทบเพียงวันเดียว พื้นที่ทะเลของนิวฟันด์แลนด์ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาทางทะเลของเมืองเซนต์จอห์นออกประกาศเตือนเรื่องระดับคลื่นน้ำทะเลเป็นพิเศษ บอกให้พวกชาวประมงอย่าออกทะเลในช่วงนี้เป็นดีที่สุด
แบบนี้ฉินสือโอวและพวกชาวประมงก็ใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลาย ไม่เหมาะแก่การออกหาปลาก็ไม่มีใครมาขโมยปลาในฟาร์ม อย่างนั้นพวกเขาก็ได้มีเวลาว่าง
ชาร์คติดต่อบิลเพื่อคุยเรื่องปัญหาการเลี้ยงหอย หลักๆ คือเรื่อง ‘ไข่ไก่แห่งท้องทะเล หอยแมลงภู่ที่กินได้’ ‘นมวัวแห่งมหาสมุทร หอยนางรม’ ‘ความอร่อยที่หนึ่งใต้หล้า หอยตลับ’
หอยทั้งสามชนิดค่อนข้างได้รับความนิยมไม่เพียงแต่รสชาติดีแต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงประกอบด้วยโปรตีน ไอโอดีน แร่ธาตุและวิตามิน
ยังมีองุ่นอีกนิดหน่อยที่ยังไม่ได้ปลูกแลนซ์กับซีมอนส์เตอร์ไม่ได้ออกทะเลเลยพาพวกชาวประมงไปปลูกองุ่นที่เหลือและสูบน้ำด้วย ฉินสือโอวถือโอกาสเติมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปในองุ่นพวกนี้
เถาองุ่นที่เคยเหี่ยวเฉาเพราะการปลูกพอได้รับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างรวดเร็วสีสันที่ซีดจางก็กลางเป็นเขียวขจี
พวกชาวประมงไม่เข้าใจยังนึกว่าเป็นเพราะกล้าองุ่นที่เลือกมาแข็งแรงดีชื่นชมกันต่างๆ นาๆ ฉินสือโอวที่มองอยู่ส่ายหัว
การสร้างสวนองุ่นนั้นยุ่งยากกว่าการปลูกแบบโรงเรือนมากต้นกล้าองุ่นปลูกขึ้นแล้วแต่ยังไม่เสร็จเรื่อง ฉินสือโอวจ้างคนเข้าไปติดตั้งพัดลมที่สูงสามสี่เมตรสิบห้าตัว
พัดลมพวกนี้ใช้ประโยชน์ตอนกลางคืนเอาไว้เป่าไล่หมอกและความชื่นที่เข้ามาในสวนป้องกันพวกมันควบแน่นบนองุ่นเพราะจะส่งผลต่อรสชาติขององุ่น
ฉินสือโอวแค่จ่ายเงินส่วนงานที่เหลือเขาไม่ต้องเข้าไปยุ่งเขาไปที่สถานีเรดาห์ดำเนินการสัญญาทั้งหมดของฟรังโกอย่างราบรื่นแล้วก็ขับรถพาพวกเหมาเหว่ยหลงทั้งสามคนเข้าเมืองไปซื้อของ
เหมาเหว่ยหลงบอกว่าไม่อย่างนั้นฉันจะมาเป็นชาวประมงกับแกที่นี่ ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่ “แกล้มเลิกซะเถอะ ไม่ใช่ว่าคุณชายใหญ่ทนลำบากไม่ได้นะแต่สมองน้อยๆ ของแกจะรู้จักปลาได้กี่ชนิด? ลอบส์เตอร์ตัวผู้หรือตัวเมียดูอย่างไร? ความรู้ทั่วไปพวกนี้แกรู้ไหม? แกไม่รู้แกก้มาเป็นนกตัวหนึ่งเท่านั้น”
เหมาเหว่ยหลงอายจนโกรธบอกว่าตัวเองไม่เข้าใจก็ถามได้เรื่องพวกนี้ใช้เวลาไม่นานก็เรียนรู้เป็นแล้ว
ฉินสือโอวเบะปากพูด “อย่าดูถูกท้องทะเลนะ ฉันเรียนรู้มาปีหนึ่งแล้วยังรู้อะไรได้ไม่มากเลย แกว่าทำไมฉันต้องให้เงินเดือนพวกชาร์คซีมอนส์เตอร์และแลนซ์สูงขนาดนั้น? เพราะพวกเขาเป็นชาวประมงเก่าประสบการณ์เยอะนี่เป็นสิ่งจะเป็นในการออกทะเลและจับปลาไงล่ะ”
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจแล้วพูด “อย่างนั้นฉันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว?”
ฉินสือโอวปลอบเขา “อย่าพูดอย่างนี้ ก็มีประโยชน์อย่างเช่น แกดื่มเหล้าเป็นเพื่อนฉันได้ไง”
“ไปให้พ้น!” เหมาเหว่ยหลงโมโห
ฉินสือโอวหัวเราะ เหยียบคันเร่งรถก็ขับมาใกล้เมืองแล้ว ไปร้านสะดวกซื้อช่วยพวกเหมาเหว่ยหลงทั้งสามคนซื้อของ
ฉินสือโอวเข้าร้านสะดวกซื้อไปแล้วเห็นว่าฮิวจ์ไม่อยู่ มีเพียงภรรยายืนอยู่ที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเลยถามว่าเขาไปไหน
คุณนายฮิวจ์ยิ้มอ่อน “พวกเขาไปเก็บฟันม้าทางตะวันตกเฉียงเหนือ น้ำลงเมื่อเร็วๆ นี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในรอบไม่กี่สิบปีในการเก็บฟันม้า ตอนนี้นักท่องเที่ยวในเมืองเยอะความต้องการมาก เมื่อวานพวกเขาเก็บฟันม้าขายได้กว่าหนึ่งพันสามร้อยดอลลาร์”
ฟันม้าคือเพรียงตีนเต่าเพราะมีลักษณะคล้ายฟังของม้าคนในท้องถิ่นเลยเรียกมันว่าฟันม้า
เหมาเหว่ยหลงเคยกินไปตอนเขามาเมื่อครั้งที่แล้วเขาจดจำรูปร่างที่น่าเกลียดและรสชาติที่อร่อยจะทำให้ตะลึงนั่นได้ หัวเราะพลางพูด “ไม่ได้การล่ะฉันไปขุดสิ่งนั้นสักหน่อย บัตรเครดิตฉันวงเงินเต็มแล้วตอนนี้ขาดแคลนเงินอย่างมาก”
ฉินสือโอวเตือนเขา “อย่าพูดมั่ว ทำสิ่งนั้นน่ะอันตรายมาก อย่าเอาชีวิตของแกไปล้อเล่นกับเงินเพียงเล็กน้อย”
เหมาเหว่ยหลงพูด “แกไม่ได้ยินแม่ค้าพูดเหรอ ในเมืองมีคนมากมายที่ไปขุดเพรียง จะมีอันตรายเหรอ?”
ฉินสือโอวพูด “แกไปเปรียบกับพวกเขาได้เหรอ? อย่าคิดว่างานที่คนที่นี่ทำไม่เกี่ยวกับการประมง ที่จริงแล้วเป็นชาวประมงเก่าทั้งนั้นเด็กเจ็ดแปดขวบพวกนั้นว่ายน้ำเก่งกว่าแกอีก แกใจเย็นๆ หน่อยเถอะ”
เหมาเหว่ยหลงไม่ยอมถอดใจพูดโน้มน้าวเขา “ไปดูหน่อยถ้าซื้อมากินได้สักหน่อยก็ดีไม่ใช่เหรอ?”
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ฉินสือโอวจ่ายเงินเสร็จก็เหยียบคันเร่งขับไปที่โรงงานเคมีชุนเทียนเก่าสถานที่เหล่านี้เป็นของเขาแล้วหลังจากได้ฟาร์มปลาแกธเธอริงมา เขาก็เข้าออกได้ทั้งเกาะแฟร์เวล
โรงงานสามารถเคมีที่เคยรุ่งเรืองมีคนพลุกพล่านทั้งสองกลายเป็นร้างไม่ได้เปิดทำการมาหนึ่งปีโรงงานสารเคมีสูญเสียความนิยมอย่างรวดเร็ว หน้าประตูและในลานมีวัชพืชขึ้นเต็มไปหมดประตูใหญ่ที่โอ่อ่าถูกลมทะเลและไอน้ำทำให้เป็นสนิทเขรอะ
พวกหมาอัลเซเชียนตัวใหญ่องอาจที่แต่ก่อนอยู่ในลานหายไปแล้วที่หายไปด้วยอีกอย่างคือคนเฝ้าประตู ประตูที่มีในโรงงานตั้งแต่ด้านนอกถึงด้านในแขวนกุญแจไม่ได้แล้วบอกถึงความวังเวงด้านใน
เหมาเหว่ยหลงไม่เข้าใจความเป็นมาของโรงงานเคมี หลังจอดรถเขามองโรงงานเคมีชุนเทียนแล้วถาม “โรงงานนี้ไม่มีใครใช้เหรอ? ถ้าฉันเช่าแล้วเปิดขึ้นมานายคิดว่าเป็นไง?”
ฉินสือโอวหัวเราะใหญ่ “ไม่เป็นไงหรอก เชื่อฉันสิว่านายจะถูกคนในเมืองฉีกกิน!”
เขาเล่าเรื่องความขัดแย้งของชาวเมืองกับโรงงานเคมีให้เหมาเหว่ยหลงฟังพอฟังจบเหมาเหว่ยหลงก็ส่ายหัวอย่างครุ่นคิด “เปิดโรงงานเคมีไม่ได้แต่ทำธุรกิจอย่างอื่นได้ขอแค่รักษาไม่ให้มีมลพิษก็พอแล้ว ไม่ใช่เหรอ?”
“โรงงานที่ไหนไม่มีมลพิษล่ะ?” ฉินสือโอวพูดอย่างมีเหตุผล
เหมาเหว่ยหลงไม่อธิบายก่อนหน้านี้เขาทำงานที่สำนักงานอุตสาหกรรมก็ต้องเข้าใจธุรกิจด้านนี้มากกว่าเป็นธรรมดา
ลานจอดรถหน้าโรงงานมีรถจอดอยู่ไม่น้อยและยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวรอบๆ กันเป็นครอบครัว มักจะมีคนปีนขึ้นไปเก็บเพรียงตีนเต่าจากที่ลาดชันแล้วนักท่องเที่ยวก็จะขึ้นไปซื้อ
เพราะเป็นเพียงอาชีพเสริม พวกชาวประมงเลยไม่ค่อยสนใจเรื่องราคานัก ตัวที่ใหญ่หน่อยครึ่งกิโลกรัมหนึ่งร้อยดอลลาร์ ตัวเล็กก็หนึ่งห้าสิบดอลลาร์ต่อครึ่งกิโลกรัม ราคาต่ำกว่าตลาดข้างนอกหลายเท่าตัว มิน่าพวกนักท่องเที่ยวถึงต้องแย่งกันซื้อ
ฉินสือโอวเห็นพวกฮิวจ์นั่งสูบบุหรี่อยู่ใต้ต้นไม้ก็เดินเข้าไปถามสถานการณ์ฮิวจ์เปลือยท่อนบนหายใจหอบพูด “แม้จะไม่ต้องกังวลเรื่องคลื่นซัดแต่ไอ้พวกฟันม้าที่สมควรตายพวกนี้ยึดติดแน่นเหลือเกิน! พระเจ้า ข้อมือฉันจะขาดแล้ว!”
ฮิวจ์เห็นเหมาเหว่ยหลงก็ทักทายแล้วถามพวกเขาเคยเจอกันและยังเคยเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน “พวกนายอยากมาเก็บฟันม้าเหรอ? ทางฉันมีอยู่นิดหน่อยแต่ไม่เยอะ พวกนายเอาไปกินก่อนเถอะ”
ฉินสือโอวถอดเสื้อกีฬาออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่งดงามแล้วพูดพลางหัวเราะ “ไม่ต้องหรอกพวก เดี๋ยวพวกเราลงไปเก็บกันเองก็ได้”
แม้ว่าจะสามารถเก็บเพรียงตีนเต่าได้ทุกปีแต่เพราะคลื่นทะเล จำนวนเพรียงตีนเต่าที่เก็บได้แต่ละปีเลยไม่เยอะ ตุนสะสมไว้ไม่กี่สิบปี ด้านล่างของทางลาดชันมีเพรียงตีนเต่าอยู่ไม่น้อย เพรียงที่ชาวเมืองเก็บกันอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยด้านบน ยังมีอีกมากที่อาศัยอยู่ด้านล่าง
ฉินสือโอวยืมเชือกเส้นหนึ่งผูกไว้ที่เอวจากนั้นให้เหมาเหว่ยหลงปล่อยเชือกให้เขา เขาปีนผนังที่สูงชันลงไปช้าๆ แล้วควักมีดออกมาเริ่มแคะเพรียง
…………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น