จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 575-579
ตอนที่ 575
แก่นแท้แห่งดาบที่ส่องประกาย
หลังจากบรรลุปราณดาบสิบเล่มแล้ว หลิงฮันก็สร้างปราณดาบขึ้นมาอีกเก้าเล่มได้อย่างราบลื่นและรวดเร็ว แต่การจะทะลวงผ่านสร้างเล่มที่ยี่สิบนั้นเป็นคอขวดที่ผ่านได้ยากลำบากมาก
เฟิงผั่วหยุนนั้นเอาใจใส่หลิงฮันที่เป็นน้องชายร่วมสาบานเป็นอย่างมาก เขาประทับเจตจำนงแห่งเต๋าของตนเองเอาไว้ในสุราวานร เมื่อหลิงฮันดื่มเข้าไป เจตจำนงแห่งเต๋าก็ทะลักท่วมภายในร่างของเขาและช่วยเสริมสร้างความใจเกี่ยวกับวิถีวรยุทธ
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลิงฮันตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เมื่อบรรลุระดับห้วงจิตวิญญาณ จอมยุทธจะสามารถประทับเจตจำนงของตนลงไปยังอาวุธเพื่อสร้างอาวุธวิญญาณขึ้นมา เมื่อบรรลุระดับบุปผาผลิบาน จะสามารถประทับเจตจำนงของตนไปยังวัสดุพิเศษเพื่อสร้างเครื่องรางหรือยันต์อาคมขึ้นมาได้
ระดับตัวอ่อนวิญญาณนั้นทรงอำนาจยิ่งกว่า พวกเขาสามารถสร้างตราประทับม้วนคำสั่งขึ้นมาได้!
แน่นอนว่าระดับก้าวสู่เทวาหรือระดับสวรรค์ก็ทำได้เช่นกัน และม้วนของสั่งของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับตัวอ่อนวิญญาณด้วย
แต่ถ้าหากเจตจำนงแห่งเต๋าถูกประทับลงในสุรา… ก็หมายความว่าหลิงฮันสามารถดูดซับมันได้โดดตรง
แม้ผลึกก่อเกิดจะมีเจตจำนงของผู้ที่ควบแน่นมันขึ้นมาหลงเหลืออยู่ แต่ก็เบาบางจนแทบสัมผัสไม่ได้
และที่สำคัญก็คือ เฟิงผั่วหยุนเป็นปรมาจารย์ผู้ใช้ดาบ!
เหตุผลที่เขาทิ้งตราประทับแห่งเต๋าของตนเองเอาไว้ก็เพราะรู้ว่าหลิงฮันเป็นผู้ใช้ดาบเช่นกัน ดังนั้นเฟิงผั่วหยุนจึงตั้งใจที่จะช่วยเหลือเขา เจตจำนงของเฟิงผั่วหยุนนั้นบริสุทธิ์และทรงพลังเป็นอย่างมาก
สำหรับหลิงฮันแล้ว สิ่งนี้คือของขวัญที่ไม่อาจตีค่าได้!
ในวันที่ห้า พลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็เพิ่มสูงขึ้น แม้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งเหมือนที่กินสุราวานรครั้งแรก แต่พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมาสองขั้นเล็ก นั่นก็คือระดับบุปผาผลิบานขั้นหก
เมื่อผ่านไปอีกห้าวัน หลิงฮันก็พยายามศึกษาวิถีแห่งดาบของเฟิงผั่วหยุนโดยที่ไม่คิดจะดูดซับเจตจำนงของเฟิงผั่วหยุนเข้าไปโดยตรง
ถ้าหากหลิงฮันดูดซับมันเข้าไปโดดตรง วิถีแห่งดาบของเฟิงผั่วหยุนจะส่งผลกระทบต่อวิถีสู่การเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา หลิงฮันทำได้เพียงศึกษาใช้เจตจำนงของเฟิงผั่วหยุนเป็นแนวทาง
เมื่อเขาลองตรวจสอบเจตจำนงแห่งดาบของเฟิงผั่วหยุนดู หลิงฮันก็พบว่าเจตจำนงของอีกฝ่ายนั้นอยู่เหนือปราณดาบและรัศมีดาบแล้ว มันคือแก่นแท้แห่งดาบ
แก่นแท้แห่งดาบของเฟิงผั่วหยุนส่องสว่างอยู่ภายในตันเถียนของหลิงฮัน และหลิงฮันกำลังใช้แก่นแท้แห่งดาบนี้เสริมแกร่งให้กับวิถีดาบของเขาพร้อมกับสร้างปราณดาบเล่มถัดไปขึ้นมา
ผ่านไปอีกห้าวัน หลิงฮันชูมือขวาขึ้นมา ปราณดาบทั้งสิบเก้าเล่มล่องลอยอยู่บนนิ้วมือของเขา ในขณะที่ปราณดาบเล่มที่ยี่สิบสามารถมองเห็นได้เพียงเลือนราง
หลิงฮันขยับนิ้วมือฝึกฝนไปเรื่อยๆจนในที่สุดปราณดาบเล่มที่ยี่สิบก็ค่อยแข็งแกร่งจนมองเห็นได้ชัดขึ้น
“ปราณดาบยี่สิบเล่มคือประตูสู่ระดับใหม่ หลังจากก้าวผ่านมาได้แล้ว พลังของปราณดาบจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า” หลิงฮันพยักหน้าในใจ เมื่อตอนที่เขาปะทะกับซวนหยวนจื่อกวง เขาได้รับแรงกดดันอย่างมหาศาล ซึ่งเหตุผลหลักๆเลยก็เป็นเพราะอีกฝ่ายสร้างปราณได้มากกว่ายี่สิบอัน
“ตอนนี้ถ้าหากข้าต้องสู้กับหมอนั่น ข้ามีโอกาสชนะห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“นั่นเพราะข้าไม่สามารถใช้ทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มที่เป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงชนะได้อย่างไม่ยากเย็น”
“เอาล่ะ ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ ข้าต้องควบแน่นปราณดาบต่อ ในเมื่อก้าวผ่านปราณดาบเล่มที่ยี่สิบมาได้แล้ว ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ข้าคงสร้างเล่มต่อไปได้อย่างไม่ยากเย็น”
ในขณะที่แก่นแท้แห่งดาบของเฟิงผั่วหยุนยังหลงเหลืออยู่ แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมไม่ทิ้งมันเอาไว้ให้สูญเปล่า นี่คือโอกาสครั้งเดียวในชั่วชีวิต เพราะเฟิงผั่วหยุนคงไม่สามารถประทับเจตจำนงแห่งดาบของตนเองได้บ่อยนัก ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเขาเอง
หลิงฮันอดที่จะรู้สึกขอบคุณพี่ใหญ่ของเขาคนนี้ไม่ได้ เพียงเพื่อน้องชาย อีกฝ่ายถึงกับยอมมอบโอกาสเช่นนี้ให้เขา
ในอนาคตข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณพี่ชายคนนี้แน่นอน
ผ่านไปอีกสามวัน ในที่สุดแก่นแท้แห่งดาบของเฟิงผั่วหยุนก็สลายหายไป
หลิงฮันหยุดควบแน่นปราณดาบและขยับมือขวา ปราณดาบทั้งยี่สิบสามเล่มปรากฏออกมาพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว
“น่าเสียดายจริงๆ ถ้ามีเวลาให้ข้าอีกสักหนึ่งเดือน ข้าจะต้องสร้างปราณดาบได้ถึงขีดจำกัดยี่สิบเก้าเล่มแน่นอน!”
“แต่ยี่สิบเก้าเล่มคือขีดจำกัดจริงๆรึ?”
หลิงฮันไม่แน่ใจ เขาจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อไปถึงจุดๆนั้นแล้ว ซึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าขีดจำกัดนั้นมีเอาไว้เพื่อทะลวงผ่าน สำหรับบางคนสิบเล่มคือขีดจำกัด และบางคนยี่สิบเล่มก็คือขีดจำกัด
เมื่อเขาเดินออกไป จูเสวียนเอ๋อก็มาทักทายเขาทันที “พี่ชายฮัน ในที่สุดท่านก็ออกมาเสียที พี่สาวหงรอท่านจนจะตรอมใจตายแล้ว อีกสองวันการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น”
หลิงฮันยิ้มและพูด “งั้นก็ปล่อยนางไป ข้ายังไม่ได้รับค่าจ้างจากนางเสียหน่อย”
“จริงสิ” จูเสวียนเอ๋อนำหินมากมายออกมาจากแหวนมิติ หินเหล่านั้นมีหลายหลากสี มีทั้งดำ เหลือง และม่วง “นี่คือเศษดวงดาวที่พี่ชายเฟิงทำให้มันร่วงหล่นลงมาจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ผู้คนในเมืองไม่กล้าแอบซ่อนมันเอาไว้เลยช่วยกันเก็บมาให้พี่ชายฮัน”
แร่เหล็กดาวตก!
หลิงฮันมีความสุขทันที เขาหยิบพวกมันออกมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง “แร่โลหิตสายรุ้ง แร่เขี้ยวมังกร แร่ทองแดงโลหิตเมฆา ฮ่าๆๆ พวกมันทั้งหมดคือแร่เหล็กระดับเจ็ด”
“น่าเสียดายที่ไม่มีแร่เหล็กระดับแปดเลย ฮ่าๆ ดูเหมือนข้าจะโลภเกินไปเสียแล้ว แค่แร่เหล็กระดับเจ็ดก็นับว่าไม่เลวแล้ว”
หลิงฮันพูดกับจูเสวียนเอ๋อ “เจ้าควรจะเปลี่ยนดาบได้แล้ว แร่เหล่านี้คือแร่เหล็กระดับเจ็ด ด้วยการประทับเจตจำนงของเจ้าลงไป มันจะกลายเป็นอาวุธวิญญาณระดับเจ็ดในอนาคต!”
“ขอบคุณพี่ชายฮันมาก!” จูเสวียนเอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน นางมองไปยังหลิงฮันอย่างยั่วยวน
“อย่าอ่อยพี่ฮันของเจ้า พี่ฮันของเจ้าคนนี้จิตใจหนักแน่นมาก!” หลิงฮันหยิกแก้มของนางและนำนางเข้าไปยังหอคอยทมิฬ เขาต้องการหลอมเหล็กเหล่านี้ให้กลายเป็นอาวุธ
การจะขัดแร่เหล็กเหล่านี้ให้บริสุทธิ์และหลอมมันให้เป็นอาวุธนั้น แม้แต่ช่างตีเหล็กที่เชี่ยวชาญก็นับว่าเป็นงานยาก อาจจะใช้เวลามากกว่าครึ่งปีในการหลอมขึ้นมา เพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นถึงแร่เหล็กระดับเจ็ด
แต่ภายในหอคอยทมิฬ ทุกอย่างสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
หลิงฮันราวกับพระเจ้า แร่เหล็กเหล่านั้นถูกขัดให้บริสุทธิ์และหลอมละลายอย่างราบลื่น ผ่านไปเพียงครึ่งวันกระบวนการทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
“เจ้าต้องการดาบรูปร่างแบบไหน?” หลิงฮันถามจูเสวียนเอ๋อ
ภายใต้ความคิดของจูเสวียนเอ๋อ หลิงฮันได้สร้างดาบบางเล่มหนึ่งขึ้นมา แม้จะใบดาบแหลมคมแต่มันไม่ใช่อาวุธวิญญาณ มันต้องถูกสลักเจตจำนงลงไปเสียก่อน
หลิงฮันเองสร้างดาบสำหรับตนเองเช่นกัน พละกำลังของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นดาบที่หนักร้อยปอนด์ สำหรับเขาก็ไม่ต่างอะไรกับการการถือเข็ม เขาไม่รู้สึกถึงความหนักแม้แต่น้อย
อาวุธอีกอย่างหนึ่งที่หลิงฮันสร้างขึ้นคือคันธนูและลูกศรสิบดอก แต่คันธนูยังไม่มีสายเพราะต้องไปหาวัตถุดิบทีหลัง
หลังจากนี้ ในที่สุดการแข่งขันของตำหนักสมบัติวิญญาณในรอบสามปีก็จะเริ่มต้นขึ้น
ตอนที่ 576
หมื่นแปรผันเป็นหนึ่ง
หลิงฮันมาพบกับหยินหงและบอกกันนางว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาเท่านั้น แต่จะเข้าร่วมการแข่งขันวรยุทธด้วย
“ข้ารู้เรื่องนั้นแล้ว และข้าได้ใส่ชื่อของเจ้าลงไปแล้ว” หยินหงกล่าว
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะตกตายระหว่างการต่อสู้เลยหรือถึงใส่ชื่อของข้าลงไปโดยที่ไม่ถามข้าก่อน?” หลิงฮันยิ้ม
“หึ่ม เจ้าดูเป็นคนประเภทที่ชื่นชอบการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบกับอัจฉริยะในรุ่นเดียวกัน นี่ยังไม่พูดถึงซวนหยวนจื่อกวงเลยนะที่ต้องการแย่งชิงภรรยาของเจ้า!”หยินหงจ้องมองหลิงฮัน
“นางไม่ใช่ภรรยาของข้า” หลิงฮันถอนหายใจ
“ถ้าไม่ใช่ภรรยาของเจ้า แล้วทำไมพวกเจ้าถึงติดหนึบกันขนาดนี้?” หยินหงไม่เชื่อคำพูดของหลิงฮันแม้แต่น้อย นางยังคงยืนอยู่ด้านหลังหลิงฮันและจับชายเสื้อของเขา ส่วนมืออีกข่างหนึ่งถือก้อนหิน
หลิงฮันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเกาะเขาไม่ปล่อยยิ่งกว่าฮูหนิวเสียอีก อย่างน้อยฮูหนิวยังใช้อาหารหลอกล่อได้ แต่วิธีนั้นใช้กับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนไม่ได้
“ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว! พวกเจ้าคือคู่แต่งงานใหม่ ข้ารู้สึกอิจฉาพวกเจ้ายิ่งนัก!” หยินหงกล่าว “โปรดจำให้ขึ้นใจด้วยว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคือการแข่งขันปรุงยา เจ้าอย่าหักโหมใช้พลังงานมากเกินไปล่ะ เพราะมันอาจทำให้เจ้าปรุงเม็ดยาไม่ได้”
“ผู้หญิงอันธพาล!” หลิงฮันเถียงสู้นางไม่ไหว
สำหรับเขาที่เป็นจักรพรรดินักปรุงยา เรื่องปรุงยาถือเป็นเรื่องเล็กน้อย และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน ในตอนกลางคืน หลิงฮันใช้เวลาอยู่กับการฝึกฝนวรยุทธ เขาต้องการผสานอาคมกระดูกเข้ากับปราณดาบ
อักขระอสูรพังพอนเฒ่านั้นน่าทึ่งมาก มันสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้เป็นสองเท่า
ถ้าสามารถผสานอาคมกระดูกได้ เขาก็จะมีความมั่นใจที่จะจัดการซวนหยวนจื่อกวงมากขึ้น จากความมั่นใจห้าสิบเปอร์เซ็นต์
“ตั้งแต่ที่ข้าสามารถควบแน่นปราณดาบได้ มันสามารถเรียกได้ว่ากึ่งรัศมีดาบได้หรือไม่และสามารถใช้หมื่นแปรผันเป็นหนึ่งได้หรือไม่?”
“โดยพื้นฐานของทักษะดาบลึกลับสามพันเล่มแล้ว การโจมตีสามพันครั้งจะเท่ากับครั้งเดียว…ข้าเชื่อว่าการโจมตีดังกล่าว แม้แต่จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณยังต้องถูกฆ่า!”
“และอีกอย่างเจ้าต้องระวังผู้คนจากนิกายดาบสวรรค์ให้ดี นิกายโบราณนี้มีมานานมากกว่าสองหมื่นปี”
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันสร้างได้แค่กึ่งรัศมีดาบ ปราณดาบของเขาไม่มีความเสถียรแม้แต่น้อย
หลิงฮันตั้งชื่อดาบเล่มใหม่ว่า “ดาบปีศาจม่วง” เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากแร่เหล็กมังกรม่วง แต่ด้วยพลังของมันในปัจจุบันยังเทียบกับดาบกระดูกที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับหกไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ดาบปีศาจม่วงนั้นมีประสิทธิภาพที่จะเหนือกว่าดาบกระดูก ตราบใดที่หลิงฮันผนึกเจตจำนงของตัวเองลงไปอย่างต่อเนื่อง มันก็จะกลายเป็นอาวุธวิญญาณ
“หยุดคิดนอกเรื่องได้แล้ว ทำจิตใจของเจ้าให้สงบและฝึกฝนดาบต่อ”
ภายในหนึ่งคืน ทักษะหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งมีความก้าวหน้าเล็กน้อย แต่หลิงฮันเชื่อว่าวันหนึ่งมันจะต้องสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ท้องฟ้าได้สางแล้ว และในไม่ช้าก็ถึงเวลาเที่ยงวัน
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ หลังจากกินข้าวเสร็จ เขาก็ไปเข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาพร้อมกับหญิงสาวทั้งสามคน
ตำหนักสมบัติวิญญาณแต่ละภูมิภาคได้มารวมตัวกันที่ตำหนักสมบัติภูมิภาคกลาง มีผู้คนมากกว่าร้อยคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างสาขาและความรุ่งโรจน์ของสำนักงานใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญบางอย่าง โดยที่คะแนนที่ได้จะเป็นตัวตัดสินหยินหงและคนอื่นให้เป็นผู้นำตำหนักสมบัติวิญญาณในอนาคต
ดังนั้น หยินหงจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก
รุ่นเยาว์ที่รับผิดชอบตำหนักสมบัติวิญญาณภาคตะวันออกคือหยินเฮ่าฉี ตำหนักสมบัติวิญญาณภายตะวันตกคือหยินจือหมิง ตำหนักสมบัติวิญญาณภาคใต้คือหยินเล่อ ตำหนักสมบัติภูมิภาคกลางคือหยินซือ เมื่อรวมกับหยินหงแล้วพวกเขาคือผู้นำรุ่นเยาว์ทั้งห้าคน
พวกเขาทุกคนมีอายุยี่สิบปี ในท้ายที่สุดจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นผู้นำตำหนักสมบัติวิญญาณ คนอื่นจะถูกคัดออก แล้วจะเลือกรุ่นเยาว์ตระกูลหยินห้าคนเพื่อคัดเลือกเป็นผู้นำคนต่อไป
ในบรรดาผู้อาวุโสสูงสุด หากมีคนใดเสียชีวิตไม่ว่าจะด้วยอุบัติเหตุหรืออะไรก็ตามจะมีคนสืบทอดตำแหน่งต่อตามลำดับและมีหลายคนรอสืบทอดตำแหน่งอยู่
สำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันปรุงยา พวกเขาทุกคนต่างเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่ง คนที่มีระดับสูงสุดคือนักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูงและมีอายุเพียงแค่ยี่สิบเก้าปีเท่านั้น
คนผู้นั้นมีนามว่าเสวียนจี้หยุนจากภูมิภาคใต้ ส่วนนักปรุงยาอีกสามคนที่เหลือเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง
หากได้เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงก่อนอายุสามสิบปีเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก และมันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสัมผัสสวรรค์หรือจำนวนเม็ดยาที่ปรุงได้ในแต่ละครั้ง
แต่ทว่าการแข่งขันปรุงยาในครั้งนี้มันดูน่าสงสัยมากที่สุด เพียงแค่สถานะนักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูงก็ฟังดูเหมือนเป็นผู้ชนะแล้ว ส่วนนักปรุงยาอีกสามคนนั้นสูญเสียจิตใจที่จะต่อสู้ของพวกเขาไป แต่ทว่าหยินหงเพียงคนเดียวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
นางคงไม่ได้เชิญนักปรุงยาระดับสวรรค์มาหรอกใช่หรือไม่?
ตอนที่ 577
เลือกวัตถุดิบและเปิดหม้อปรุงยา
“นั้นคือคนของเจ้า?” หยินเล่อพูดอย่างเฉยเมย นางมั่นใจในคนของตัวเองมาก
ในการแข่งขันปรุงยา นางได้เชิญนักปรุงยาระดับปฐพีเข้าร่วม และในการแข่งขันวรยุทธ นางได้เชิญซวนหยวนจื่อกวง ส่วนการแข่งขันรูปแบบอาคมเขาลงแข่งด้วยตัวเอง ซึ่งเขาเป็นถึงปรมาจารย์อาคมระดับหกแล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การแข่งขันนี้นางจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว” หยินหงตอบกลับ
“ดูเหมือนว่าการแข่งขันครั้งนี้พี่หยินเล่อจะเป็นฝ่ายชนะ” หยินเฮ่าฉีกล่าว
ภายใต้การดูแลของเหล่าผู้อาวุโส การแข่งขันปรุงยาเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
แต่ละคนสามารถส่งนักปรุงยาเข้าร่วมได้สามคนแล้วเลือกคนที่เก่งที่สุดมาหนึ่งคน หยินเล่อนั้นเต็มไปด้วยความมันใจ นางเลือกซวนจี้หยุนเข้าร่วมเพียงคนเดียว และหยินหงเชื่อมั่นใจตัวหลิงฮัน นางจึงส่งเขาเข้าร่วมแค่คนเดียวเช่นกัน
ส่วนนักปรุงยาอีกสามคนที่เหลือหมดจิตวิญญาณที่จะต่อสู้และกลัวล้มเหลว
มันเป็นเรื่องปกติที่นักปรุงยาจะทำหม้อปรุงระเบิด อันตราความสำเร็จของนักปรุงยาระดับสวรรค์อย่าง คังสื่อฉี และหนงโป๋ยังไม่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนอื่น
การแข่งขันปรุงยามีโอกาสมีแค่ครั้งเดียว หากล้มเหลวคือพ่ายแพ้ทันที
เริ่มแรกคือการเลือกวัตถุดิบและตัดสินใจว่าจะปรุงเม็ดยาอะไร
โดยทั่วไปแล้ว นักปรุงยาระดับปฐพีขั้นต่ำจะมีอัตราสำเร็จประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์หากปรุงเม็ดยาที่ต่ำกว่าระดับของตัวเอง เทียบได้ว่าหากปรุงยาสามเตาจะมีเพียงแค่เตาเดียวเท่านั้นที่จะปรุงสำเร็จ
ดังนั้น ถ้าซวนจี้หยุนเลือกที่จะปรุงเม็ดยาที่ต่ำกว่าระดับตัวเองแล้วประสบความสำเร็จ นักปรุงยาคนอื่นคงทำได้แค่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ถ้ามันล้มเหลวล่ะ?
ดังนั้น เม็ดยาที่เลือกปรุงไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับของตัวเองเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะเลือกปรุงเม็ดยาอะไรด้วย
หลังจากนั้น นักปรุงยาที่เข้าร่วมการแข่งขันปรุงยาเดินไปที่ตู้เก็บวัตถุดิบและหยิบวัตถุดิบจนเต็มตระกร้า
มีเพียงแค่หลิงฮันคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ไหวติง และเลือกวัตถุดิบที่ต้องใช้ปรุงยาเท่านั้น
แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีวัตถุดิบสำหรับปรุงเม็ดยาระดับสวรรค์อยู่ในตู้!
นั้นเป็นเพราะวัตถุดิบปรุงเม็ดยาระดับสวรรค์นั้นมีค่ามาเกินไป ใครมันจะนำออกมาใช้ในการแข่งขันกัน? อย่างที่ทุกคนรู้ ในตอนนี้ทั้งโลกมีนักปรุงยาระดับสวรรค์เพียงแค่สามคนเท่านั้น
อย่างมากคนที่เข้าร่วมการแข่งขันสามารถปรุงเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูงได้
หลิงฮันหยิบวัตถุดิบและไม่สนใจคนอื่นแม้แต่น้อย การแข่งขันนี่เป็นเพียงแค่การแข่งขันฆ่าเวลาสำหรับเขา เป้าหมายของเขาคือการต่อสู้กับซวนหยวนจือกวงในอีกหกวันเพื่อดูว่าใครเป็นรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด
หลิงฮันกลับไปที่ของตัวเองและเปิดหม้อปรุงยาทันที
“เจ้าหมอนี่มันโง่หรือเปล่าถึงเริ่มปรุงยาเลย?”
“มันมีเวลาแข่งขันปรุงยาถึงสามวัน วันแรกเป็นแค่การดูเชิง มันจะดีกว่าถ้าปล่อยให้คู่ต่อสู้ทำผิดพลาดและเลือกปรุงเม็ดยาที่ยากขึ้น ความเป็นไปได้ที่หม้อปรุงยาจะระเบิดนั้นสูงมาก”
“ดูเหมือนว่าตำหนักสมบัติวิญญาณภูมิภาคเหนือไม่อยากได้รับชัยชนะ”
“ครั้งล่าสุดพวกเขาได้ที่โหล่ ข้าเกรงว่าครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน”
“อันดับหนึ่งคงจะเป็นตำหนักสมบัติวิญญาณภูมิภาคใต้นักปรุงยาระดับปฐพีขั้นสูงได้เปรียบกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเขาเลือกปรุงยาระดับดำขั้นสูงไม่เพียงแค่อันตราความสำเร็จจะสูงขึ้นเท่านั้น แต่คนอื่นเองก็จะถูกบังคับให้ปรุงเม็ดยาที่มีระดับสูงกว่าเม็ดยาระดับดำขั้นสูง ซึ่งมีโอกาสล้มเหลวมาก”
“จริงสิ ซวนหยวนจื่อกวงเองก็มาจากตำหนักสมบัติวิญญาณภูมิภาคใต้ การแข่งขันวรยุทธเขาน่าจะเป็นอันดับหนึ่ง”
“ส่วนความแข็งแกร่งด้านรูปแบบอาคมของหยินเล่อเองก็ไม่ธรรมดา ถ้าเขาไม่ได้รับอันดับหนึ่ง อย่างน้อยก็เป็นอันดับสอง อันดับหนึ่งสองคนบวกกับอันดับสองหนึ่งคน พวกเขาจะต้องเป็นอันดับหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้อย่างแน่นอน”
ตำหนักสมบัติวิญญาณแน่นไปด้วยผู้คน แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่แสดงสีหน้าของพวกเขาออกมา อย่างเช่นยิ่นเฉวยางที่กำลังจ้องมองหลิงฮันอยู่
การได้เป็นพี่น้องกับจอมยุทธระดับทลายมิติ เขาจะธรรมดาได้อย่างไร?
“เดี๋ยวก่อน เทคนิคของเจ้าหนูนั่นมันน่าอัศจรรย์มาก!” ในไม่ช้าบางคนส่งเสียโห่ร้องออกมา แม้ว่าตำหนักสมบัติวิญญาณจะไม่มีนักปรุงยาของตัวเอง แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสมาคมนักปรุงยา ดังนั้นจึงมีนักปรุงยาแวะเวียนอยู่บ่อยครั้ง
วิธีการของหลิงฮันนั้นน่าทึ่งมาก!”
“มีไหวพริบ!”
“รื่นไหล!”
“สำเร็จกระบวน เพียงหนึ่งลมหายใจ!”
ผู้คนจำนวนมากที่เห็นต่างรู้สึกตกใจ เจ้าเด็กนี่อายุเพียงแค่ยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปีเท่านั้น ทำไมถึงเชี่ยวชาญขนาดนี้?
“เขากำลังปรุงเม็ดยาอะไรอยู่?”
“ดูจากวัตถุดิบของเขาแล้ว…ดูเหมือนว่าจะเป็นเม็ดยาห้าหยกพลิกผัน”
“มันเป็นเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูงมิใช่หรือ?”
“หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะบ้าไปแล้วถึงต้องการปรุงเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูง?”
การเคลื่อนไหวของหลิงฮันนั้นทั้งคล่องแคล่วและเชี่ยวชาญ ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความงดงาม ราวกับว่ามันไม่ใช่การปรุงยา แต่เป็นศิลปะ
มันน่าอัศจรรย์เกินไป
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการคัดแยกและทำให้วัตถุดิบบริสุทธิ์แล้ว หลิงฮันก็เริ่มลงมือปรุงยา
ตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน การปรุงเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูงไม่จำเป็นต้องใช้จิตวิญญาณเปลวเพลิงเข้าช่วย แค่ความแข็งแกร่งของเขาก็เพียงพอแล้ว
กระแสพลังของสวรรค์และปฐพีถูกชักนำเข้าไปในหม้อปรุงยา ซึ่งมันเป็นการผสมผสานที่งดงามมาก
“น่าทึ่ง เทคนิคของเขาช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก หรือว่าเขาจะเป็นความหวังของเหล่านักปรุงยา?”
“แต่ว่าจากนี้เป็นต้นไปมันอาจเกิดความผิดพลาดได้ทุกเมื่อ”
“เฮ้อ มีอัจฉริยะปรากฏออกมาอีกคนแล้ว ตอนนี้ความสามารถของเขาอยู่ที่ระดับปฐพีขั้นสูงด้วยอายุยี่สิบปี และเป็นไปได้มากกว่าในอนาคตเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับสวรรค์”
“เจ้าอย่าลืม ความสามารถด้านวรยุทธของเขาเองก็ไม่เลวเช่นกัน”
หลิงฮันไม่ไหวติงและจดจ่ออยู่กับการปรุงยา หลังจากนั้นไม่นาน เม็ดยาได้ลอยอยู่เหนือกระแสพลังปราณที่ปรากฏภาพของภูเขา แม่น้ำ นกและสัตว์อสูร มันดูวิเศษมาก
“หรือว่ามันจะเป็นเม็ดยา….!” ทุกคนอุทานออกมา
ซวนจี้หยุนและนักปรุงยาคนอื่นรู้สึกตกตะลึง การปรุงยากับการฝึกฝนวรยุทธนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันมีช่องว่างที่ไม่อาจเทียบได้อยู่ และทำให้ทุกอย่างอยากจะเทิดทูนหลิงฮัน
ตอนที่ 578
ปะทะซวนหยวนจื่อกวง
หนึ่งวันต่อมา เม็ดยาเม็ดยาห้าหยกพลิกผันก็ถูกหลอมสำเร็จ
โชคดีที่เม็ดยานี้เป็นเพียงเม็ดยาระดับปฐพีเท่านั้น จึงไม่ชักนำไปสู่การถูกแย่งชิง แต่เพราะคุณภาพของมันยอดเยี่ยมเกินไป มันสามารถชักนำสวรรค์และปฐพีได้ ภายในเม็ดยามีก้อนเมฆอสนีที่ไร้สายฟ้าสถิตอยู่
‘ฟุบ’
หลิงฮันตบไปที่ฝาเตาทำให้เม็ดยาทั้งเม็ดลอยออกมาจากเตาหลอมราวกับมันมีปีก
เขาโยนเม็ดยาออกไปและพูด “ตรวจสอบเม็ดยาของข้า”
การตรวจสอบคุณภาพของเม็ดยานั้นเป็นหน้าที่ของตำหนักสมบัติวิญญาณ ทันในนั้นผู้ตรวจสอบสามคนก็รีบปรากฏตัวทันที พวกเขาตรวจสอบเม็ดยาอย่างถี่ถ้วนและได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว
เม็ดยาทั้งสามมีคุณภาพสูงถึงสิบดาว พวกมันเป็นเม็ดยาที่มีคุณภาพสมบูรณ์แบบ
นี่เป็นเพียงแค่การหลอมเม็ดยาอย่างลวกๆของหลิงฮันเท่านั้น ไม่เช่นนั้นการจะทำให้มันมีคุณภาพสิบสามดาวย่อมไม่ใช่ปัญหา
การแข่งขันแรก ได้ผู้ชนะแล้ว!
เสวียนจี้หยุนและคนอื่นๆไม่เลือกวัตถุดิบต่อแล้ว พวกเขาทุกคนยอมแพ้และบูชาเทิดทูนหลิงฮันแทน ถึงแม้’ฮันหลิง’จะไม่ใช่นักปรุงยาระดับสวรรค์ แต่การที่สามารถหลอมเม็ดยาระดับปฐพีคุณภาพสิบดาวขึ้นมาได้ ประตูแห่งนักปรุงยาระดับสวรรค์ของเขาคงอยู่เพียงไม่กี่เอื้อม
เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับนั้นในอนาคต พวกเขาจะยังมีความกล้าแข่งขันต่ออีกรึ?
ไม่มีใครเคยคิดว่าการแข่งขันปรุงยาจะมีผลลัพธ์เช่นนี้!
การแข่งขันรอบนี้สาขาภูมิภาคเหนือได้รับชัยชนะไปสามสิบแต้ม ส่วนสาขาอื่นๆอีกสี่สาขานั้นไม่ได้รับแต้มเลยแม้แต่แต้มเดียว ดังนั้นตราบใดที่สาขาภูมิภาคเหนือชนะการประลองอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาก็จะเป็นผู้ชนะการแข่งขันในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลิงฮันเก็บเม็ดยาห้าหยกพลิกผันกลับมาหลังจากตรวจสอบแล้ว นี่คืออีกเหตุผลที่ว่าทำไมนักปรุงยาถึงยอมเข้าร่วมการแข่งขันนี้ นั่นเพราะพวกเขาจะสามารถใช้วัตถุดิบสมุนไพรของคนอื่นเพื่อหลอมเม็ดยาให้กับตนเอง
หลิงฮันกลับที่พักและเข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อฝึกฝนหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งและศึกษาอักขระกระดูกต่อ
การแข่งขันปรุงยามีเวลาให้สามวัน รูปแบบอาคมก็มีเวลาให้สามวันเช่นกัน ดังนั้นหลิงฮันจึงยังมีเวลาเหลืออีกห้าวัน ภายในห้าวันนี้เขามั่นใจมากว่าจะสามารถผสานอักขระกระดูกเข้ากับกึ่งรัศมีดาบได้
หลิงฮันฝึกฝนและพยายามอย่างหนัก ผ่านไปห้าวันเขาก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ
“หลิงฮันใจร้าย!” ฮูหนิวมีท่าทีไม่พอใจ หลิงฮันไม่ยอมเล่นกับหนิวหนิวที่น่ารักคนนี้ถึงห้าวัน!
“ฮันฮันคนใจร้าย!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนปรากฏตัวตามมา
หลิงฮันยิ้มและพูด “การแข่งขันรูปแบบอาคมเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พี่สาวหงได้รับอันดับสาม ซึ่งนับว่าเพียงพอแล้ว” จูเสวียนเอ๋อเอ่ยขึ้นจากบริเวณด้านข้าง
หลิงฮันพยักหน้า หยินหงจะได้อันดับหนึ่งหรือไม่นั้น เขาไม่ได้สนใจอะไรตั้งแต่แรกแล้ว แต่ในเมื่อเขาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยแล้ว สาขาภูมิภาคเหนือจะต้องเป็นอันดับหนึ่ง!
ซวนหยวนจื่อกวง ได้เวลาสู้กันแล้ว!
ไฟต่อสู้ของหลิงฮันลุกโชน ซวนหยวนจื่อกวงเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง บางทีอาจจะไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิดาบและจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่นๆในชีวิตที่แล้วของหลิงฮันเลยด้วยซ้ำ
พวกหลิงฮันมุ่งหน้าไปยังลานฝึกขนาดใหญ่
อัจฉริยะรุ่นเยาว์อย่างซวนหยวนจื่อกวงและผังเซี่ยงหมิงมาถึงแล้ว แต่ก็ยังมีรุ่นเยาว์หลายคนที่หลิงฮันไม่รู้จัก แต่พวกเขาทุกคนล้วนแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่แห่งราชันออกมา
“พี่ชายผัง!” หลิงฮันทักทายผังเซี่ยงหมิง ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีนิสัยบ้าระห่ำ แต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา หลิงฮันค่อนข้างถูกใจชายคนนี้
“น้องชายฮัน!” ผังเซี่ยงหมิงไม่กล้าที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง เขารีบก้มหน้าให้หลิงฮัน
ถึงแม้หลิงฮันจะเป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานเช่นเดียวกับเขา แต่เขาได้ยินมาว่าเมื่อไว้กี่วันก่อนหลิงฮันหลอมเม็ดยาระดับปฐพีขั้นสูงได้สำเร็จ นั่นไม่ได้หมายความว่าหลิงฮันเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีหรอกรึ? สถานะเช่นนี้ทัดเทียมกับตัวตนระดับก้าวสู่เทวาเลย
หลิงฮันหัวเราะและพูด “พี่ชายผัง หลังจากการประลองเสร็จสิ้น พวกเราไปดื่มกันเถอะ”
“แน่นอน! แน่นอน!” ผังเซี่ยงหมิงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“เตรียมตัวเริ่มการแข่งขัน” ยิ่นเฉวยางประกาศ “การประลองเป็นการต่อสู้แบบแพ้คัดออก ผู้เข้าแข่งขันอันดับหนึ่งจะต้องปกป้องลานประลองเอาไว้ ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันจากอีกสี่สาขาเข้าไปท้าประลองเพื่อให้ได้ชัยชนะ ใครที่ยืนอยู่บนลานประลองเป็นคนสุดท้าย จะได้รับอันดับหนึ่งของการประลองยุทธครั้งนี้”
ผู้ชนะอันดับหนึ่งในการประลองครั้งที่แล้วคือสาขาใหญ่ภูมิภาคกลาง เพราะงั้นหญิงสาวคนหนึ่งจึงเดินขึ้นไปยังจุดกึ่งกลางของลานประลองเพื่อรอผู้ท้าชิง
แต่ละสาขาสามารถส่งคนไปท้าสู้ได้สามคน แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจะเปิดเผยไพ่ลับส่งผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกไปแต่แรก
หลังจากต่อสู้รอบแรก ผู้ชนะและแพ้ก็ถูกตัดสิน ผู้ชนะคือสาขาภูมิภาคใต้
หลิงฮันหาวอย่างรู้สึกเบื่อ สาขาภูมิภาคเหนือนั้นเรียกได้ว่าเป็นสาขาที่ผู้เข้าประลองแข็งแกร่งที่สุด นั่นคือหลิงฮัน ฮูหนิว และเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน สิ่งที่หลิงฮันกลัวก็คือนิสัยที่ป่าเถื่อนเกินไปของหญิงสาวทั้งสอง
“ฮันหลิง ข้ากำลังรอเวลานี้อยู่เลย!” ซวนหยวนจื่อกวงกล่าว กลิ่นอายและจิตวิญญาณที่ทรงพลังของมันถูกปลดปล่อยออกมา “คราวนี้ ข้าจะเหยียบเจ้าอยู่ใต้ฝ่าเท้า และทำให้เจ้ารับรู้ถึงรสชาติของการพ่ายแพ้”
“อย่าโม้เยอะจะดีกว่า” หลิงฮันแขะหูอย่างไร้แยแส “ตอนนี้เข้าชักจะสงสัยแล้วว่ามันเป็นจอมยุทธหรือนักแสดงกันแน่?”
ซวนหยวนจื่อกวงกลายเป็นเกรี้ยวกราด แต่มันก็สะกดความโกรธของมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว มันไม่คิดจะทำอะไรผลีผลามเพื่อสร้างโอกาสให้หลิงฮันได้ประโยชน์
“ลูกผู้ชายต้องพูดกันด้วยหมัด” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างเย็นชา
“นี่เจ้ายังจะพูดไร้สาระอยู่อีกรึไง?” หลิงฮันกล่าวเยาะเย้ย
ซวนหยวนจื่อกวงจ้องมองไปยังหลิงฮัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เห็นแก่หน้าของปรมาจารย์เฟิง ข้าจะเมตตาเจ้าไม่ทำให้เจ้าได้รับความอัปยศมากเกินไป!”
“เหอะ!” หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและโจมตีออกไป “อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งนัก!”
“ระดับบุปผาผลิบานขั้นหก!” ซวนหยวนจื่อกวงตกตะลึง เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันพลังบ่มเพาะของหลิงฮันได้เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หวาดกลัว เขามั่นใจว่ากับจอมยุทธที่มีระดับพลังบ่มเพาะเท่ากัน เขาจะไม่พ่ายแพ้ใครทั้งนั้น
“ตาย!” ซวนหยวนจื่อกวงยกฝ่ามือขึ้นมาและโจมตีใส่หลิงฮัน
สองราชันแห่งยุคเข้าปะทะกันอีกครั้ง และครั้งนี้จะไม่มีใครหยุดพวกเขาได้
ตอนที่ 579
การต่อสู้แห่งเกียรติยศ
หมัดของหลิงฮันสั่นไหวพร้อมกับปลดปล่อยคชสารคลั่งสงครามทั้งยี่สิบเอ็ดตัวออกมา
การต่อสู้ครั้งนี้ย่อมเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานไม่ผิดแน่ ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่รีบที่จะใช้ทักษะดาบไม้ตายของเขา
ซวนหยวนจื่อกวงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก มันไม่แสดงออกถึงความเร่งรีบออกมาให้เห็น
จากการต่อสู้ครั้งนี้ ทุกคนต่างก็คิดกันไปว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาหลายปี เพราะทั้งสองคนสู้กันโดยไม่ใช้ไพ่ตายออกมาราวกับกำลังทดสอบพลังกันอยู่
แต่ยิ่งปะทะกันนานไป กระบวนท่าของทั้งสองก็กลายเป็นรุนแรงมากขึ้น
ซวนหยวนจื่อกวงทรงพลังเป็นอย่างมาก ฝ่ามือของเขาและปราณหมัดทั้งยี่สิบสองราวกับภูเขาที่หล่นลงมา
หลิงฮันตอบโต้กลับไปอย่างไม่แยแส เพราะถึงแม้วิถีแห่งหมัดของเขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่ากับวิถีแห่งดาบ แต่เขาก็สร้างปราณหมัดได้ถึงยี่สองอัน และบวกกับทักษะกายาเก้ามังกรทรราช พลังทำลายของเขาต้องไม่แพ้แน่นอน
‘ตูม! ตูม! ตูม!’
ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างต่อเนื่อง
“สองคนนั้นช่างแข็งแกร่ง!”
“จะมีรุ่นเยาว์สักกี่คนเชียวที่สามารถทัดเที่ยมกับพวกเขาได้?”
“รุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้แข็งแกร่งจนสามารถเทียบเท่ารุ่นเยาว์ของยุคบรรพกาลได้แล้ว”
“เหอะ เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะมาทัดเทียมกับข้า!” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างเย็นชา มันปล่อยหมัดพยัคฆ์เพลิงขนาดใหญ่ออกมา
มันอัดแน่นปราณหมัดทั้งยี่สิบสองให้กลายเป็นการโจมตีเดียว ทำให้อำนาจของมันทรงพลังเป็นอย่างมาก
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้าลืมขอบคุณเจ้าที่สอนเคล็ดลับเช่นนี้ให้ข้าไปเลย” หลิงฮันปล่อยหมัดออกไปพร้อมกับร่างของมังกรคชสารสีทองที่มีขนาดมหึมาราวกับภูผา
ไม่ว่าจะเป็นพยัคฆ์เพลิงหรือมังกรคชสาร ร่างของพวกมันก็ถูกอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงอันทรงพลัง
‘ตูม!’
พยัคฆ์เพลิงปะทะเข้ากับมังกรคชสาร การปะทะเช่นนี้คือการปะทะกันของเจตจำนง คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นจึงรุนแรงมากจนทำให้ร่างของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากมายสั่นสะท้าน
แต่มังกรคชสารนั้นเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่า จมูกที่ยืดยาวของมันม้วนพันร่างของพยัคฆ์เพลิงและเหวี่ยงออกไป
“เป็นไปได้อย่างไร!” ซวนหยวนจื่อกวงอุทานออกมา นั่นคือกระบวนท่าที่เกิดจากการอัดแน่นปราณทั้งยี่สิบสองของเขาซึ่งมีจำนวนมากกว่าปราณของหลิงฮัน แต่ทำไมเขาถึงเป็นฝ่ายอ่อนแอกว่า?
ไม่อาจยอมรับได้!
ซวนหยวนจื่อกวงปล่อยหมัดออกไปอีกครั้งเพื่อต่อต้านมังกรคชสาร แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียด
“ไม่ใช่!” ซวนหยวนจื่อกวงพบว่ามังกรคชสารนั้นถูกปกคลุมไปด้วยอักขระลึกลับบางอย่าง ซึ่งเป็นกุญแจที่ทำให้อำนาจของมังกรคชสารเพิ่มมากขึ้น
แต่เมื่อคิดได้เช่นนั้น ความมั่นใจในตนเองของซวนหยวนจื่อกวงก็กลับมา ไม่ใช่เพราะปราณของหลิงฮันแข็งแกร่งกว่าของเขา แต่เพราะอีกฝ่ายเชี่ยวชาญทักษะลับบางอย่างทำให้พลังของปราณแข็งแกร่งขึ้น
“ข้าซวนหยวนจื่อกวง ไม่เคยอ่อนแอกว่าใคร!” ซวนหยวนจื่อกวงคำรามและปลดปล่อยพายุคลั่งออกมา
หลิงฮันยิ้มและพูด “วันนี้ข้าจะเหยียบย่ำเจ้า!” เขากระตุ้นใช้งานเนตรแห่งสัจธรรม ภายในพายุคลั่งนั่น จุดอ่อนเล็กๆน้อยๆของซวนหยวนจื่อกวง ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
ร่างของเขาคือกายาเหล็กไหล แถมยังฝึกฝนทักษะกายาเก้ามังกรทรราชด้วย เพราะงั้นร่างของเขาจึงไม่ใช่แค่ทนทานแต่พลังแฝงไปด้วยอำนาจทำลายล้างที่ทรงพลังอีกด้วย หากเป็นการต่อสู้ระยะประชิด ด้วยหมัดที่เกิดจากกายาเหล็กไหลและปราณหมัดทั้งยี่สิบหมัดนั้น แม้แต่ระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นต้นก็ไม่อาจต้านทานได้
ซวนหยวนจื่อกวงรู้ว่าร่างของหลิงฮันแข็งแกร่ง เขาจึงพยายามเคลื่อนไหวเพื่อสร้างระยะห่างกับหลิงฮัน
ภายใต้การจ้องมองของเนตรแห่งสัจธรรม จุดอ่อนของซวนหยวนจื่อกวงเริ่มขยายให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้หลิงฮันกำลังรอโอกาสมอบความพินาศครั้งใหญ่ให้กับอีกฝ่าย
ซวนหยวนจื่อกวงคำรามอีกครั้ง เขาไม่เคยต้องลงมือจริงจังขนาด ซึ่งทำให้เขาคลั่งจนแทบบ้า
“เจ้าทำให้ข้าโกรธ!” ผมของซวนหยวนจื่อกวงสยายออก คิ้วของมันกลายเป็นคมกริบราวกับกระบี่ยาว
หรือว่าซวนหยวนจื่อกวงจะเป็นผู้ใช้กระบี่?
หลิงฮันตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ซวนหยวนจื่อกวงไม่เคยใช้อาวุธแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงคิดไปว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ามือ
“บังคับให้ข้าใช้กระบี่ได้ นับว่าเจ้าไม่เลวจริงๆ” ซวนหยวนจื่อกวงพูดอย่างหยิ่งยโสพร้อมกับกระบี่ที่ปรากฏขึ้นในมือ
“แล้วมันต่างจากเดิมยังไง?” หลิงฮันยิ้ม
“เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง!” กระบี่ของซวนหยวนจื่อกวงเคลื่อนไหว ‘พรึบ’ ปราณกระบี่ยี่สิบเก้าเล่มปรากฏและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
ยี่สิบเก้าเล่ม!
หลิงฮันรีบใช้ย่างก้าวเทพธิดาปีศาจเพื่อหลบหลีกปราณกระบี่เหล่านั้น
ไม่ใช่แค่จำนวนของปราณกระบี่ที่มาก แต่กระบี่ที่ซวนหยวนจื่อกวงใช้ยังเป็นอาวุธวิญญาณระดับเจ็ดอีกด้วย เพราะงั้นถึงแม้กายหยาบของหลิงฮันจะเทียบได้กับแร่เหล็กระดับหก ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะรับปราณกระบี่เหล่านั้นตรงๆ
“ปราณกระยี่สิบเก้าเล่ม!”
“พระเจ้า… ทำไมพรสวรรค์ของหมอนั่นถึงได้ราวกับสัตว์ประหลาดขนาดนี้!”
“ข้าคิดมาตลอดว่าเขาเป็นผู้ใช้ฝ่ามือ ไม่เคยคาดคิดเลยว่าที่จริงแล้วจะเป็นผู้ใช้กระบี่ แถมวิถีพระบี่ของเขายังน่ากลัวขนาดนั้นอีกด้วย!”
“ข้าเกรงว่าแม้แต่ราชากระบี่น้อยของนิกายกระบี่ไร้พ่ายก็ยังไม่ทรงพลังเท่าซวนหยวนจื่อกวง?”
ทุกคนอุทานออกมาเนื่องจากตกตะลึงกับความสามารถของซวนหยวนจื่อกวง ความสามารถของรุ่นเยาว์ผู้นี้ยังยากจะหยั่งถึง ใครจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วเขาจะเป็นผู้ใช้กระบี่?
หลิงฮันนำดาบปีศาจม่วงออกมาถือในมือ มือขวาของเขาเคลื่อนไหวพร้อมกับปลดปล่อยปราณดาบยี่สิบสามเล่มออกมา
“สัตว์ประหลาดอีกคนนึง!” ฝูงชนอุทานออกมาอีกครั้ง
‘ตูม’ ปราณดาบและปราณกระบี่เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องจนแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ซวนหยวนจื่อกวงไม่หวั่นไหว ด้วยจำนวนของปราณกระบี่ที่มากกว่าและความคมของอาวุธกระบี่วิญญาณ พลังทำลายของปราณกระบี่จึงมหาศาลจนน่าสะพรึงกลัว
“กระบี่ตัดนรก!” ซวนหยวนจื่อกวงคำราม ปราณกระบี่ทั้งยี่สิบเก้าเล่มควบแน่นรวมเป็นหนึ่งกลายเป็นรัศมีกระบี่ที่ทรงพลังพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันสะบั้นดาบในมือ ปราณดาบทั้งยี่สิบสามเล่มควบแน่นรวมเป็นหนึ่งและผสานเข้ากับอักขระกระดูกเพื่อต้านทานปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น