หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 572-579
บทที่ 572 เป่าเล่อ เจ้าเข้าใจไหม
ขณะที่พวกหวังเป่าเล่อกลับออกจากจุดที่ได้ประมือกับโจวชู่เต๋า ที่ลานกว้างของสำนักวังเต๋าไพศาลนั้นตกอยู่ในความเงียบงัน ได้ยินเพียงแต่เสียงลมหายใจ แม้จะมีเสียงพูดคุยกันอยู่บ้าง แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ล้วนนิ่งเงียบกันหมด
พวกเขาเห็นการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อและโจวชู่เต๋าในช่วงต้นเป็นไปอย่างสูสีคู่คี่ ก่อนจะมีชุดเกราะที่สร้างจากเส้นปราณสีเลือดปรากฏขึ้นบนร่างกายหวังเป่าเล่อ สิ่งนี้เองที่เป็นตัวทำให้สถานการณ์ทั้งหมดพลิกผันไปหมด!
จะถือว่าชุดเกราะนี้เป็นต้นกำเนิดของพลังรบทั้งหมดก็ไม่ได้ แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏในสายตานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนยากจะทำใจเชื่อได้
เหล่าพันธุ์กล้าสหพันธรัฐนิ่งเงียบ คลื่นความรู้สึกถาโถมเข้าภายใน พวกเขาต่างคิดว่าพลังของหวังเป่าเล่อนั้นเป็นเรื่องเกินจริง
เฟิ่งชิวหรันแปลกใจอยู่ลึกๆ เช่นกัน ความรู้สึกมากมายกรูเข้าสู่จิตใจ นางจ้องหวังเป่าเล่อผ่านจอภาพพลางครุ่นคิดเกี่ยวกับพลังของกระบวนเวทเกราะจักรพรรดิ ลึกๆ ก็ยังแปลกใจที่หวังเป่าเล่อสามารถเอาชนะคนอื่นได้!
นางไม่ได้ตั้งความหวังกับพวกหวังเป่าเล่อเท่าไหร่ในตอนแรก กลับคิดว่าถ้าไม่มีปาฏิหาริย์อะไรเกิดขึ้น เด็กทั้งสามคงไม่สามารถขึ้นไปเป็นสามอันดับแรกได้โดยพึ่งแค่พลังของตนเอง
แต่ตอนนี้ เฟิ่งชิวหรันก็ต้องยอมรับว่าตนนั้นคิดผิดไป นางได้ประเมินความสามารถของสหพันธรัฐที่เป็นพันธมิตรของตนเองต่ำไป!
พวกเขาส่งยอดฝีมือเช่นนี้มายังสำนักวังเต๋าไพศาล ตัวข้าช่างน่าละอายเสียจริงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความใจกว้างของสหพันธรัฐ! เฟิ่งชิวหรันคิดว่าหากเป็นตนคงไม่คิดส่งคนมากความสามารถเช่นหวังเป่าเล่อออกไปแน่ เพราะหากมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นจะกลายเป็นการสูญเสียที่ยากเกินรับมือได้ไหว
แต่นางก็มองว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสหพันธรัฐเช่นกัน!
เมี่ยเลี่ยจื่อเองก็คิดคล้ายๆ กันขณะมองหวังเป่าเล่อผ่านหน้าจอเงียบๆ สหายแห่งเต๋าโยวหรันเองก็เช่นกัน แตกต่างกันที่ลึงลงไปในตาของเขามีแสงเย็นเยียบแฝงไปด้วยจิตสังหารซ่อนอยู่!
มีคนเหลืออยู่บนสนามทดสอบประมาณร้อยต้นๆ หลังการเคลื่อนย้ายครั้งแรกจบลง การทดสอบวันแรกเป็นไปอย่างดุเดือดทำให้มีการเก็บสะสมกุญแจไปได้มากมาย
กลุ่มคนที่เหลือรอดกระจัดกระจายกันไปตามแต่ละที่ พวกเขาต่างเฝ้าระวังการโจมตีจากพวกไร้กุญแจ เนื่องจากวันแรกเป็นไปอย่างดุเดือด วันที่สองจึงค่อนข้างสงบเงียบตามการคาดการณ์ของเจ้าเยี่ยเหมิง
แม้จะมีการต่อสู้และเข้าปะทะกันบ้างเป็นช่วงๆ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าในสนามทดสอบแห่งนี้มีอยู่สี่คนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วย สามในสี่เป็นศิษย์เอกที่เหลืออยู่ ส่วนอีกคนคือหวังเป่าเล่อ ศิษย์เอกจากสหพันธรัฐ!
‘ศิษย์เอกของสหพันธรัฐ’ เป็นคำยกย่องที่ผู้คนในสนามทดสอบใช้เรียกหวังเป่าเล่อ สำหรับพวกเขาแล้ว คำว่า ‘ศิษย์เอก’ นั้นดูเหมาะสมกับตัวตนของชายหนุ่มดี
ดังนั้น จุดที่หวังเป่าเล่อและศิษย์เอกอีกสามคนอยู่จึงกลายเป็นเขตต้องห้ามสำหรับศิษย์คนอื่นๆ พวกเขาไม่กล้าย่างกรายเข้าไปใกล้ แค่เห็นเงาหนึ่งในสี่คนนั้นอยู่ลิบๆ ก็รีบวิ่งแจ้นหนีไปแล้ว
หลังจากท่องนภาอยู่สักพักและสังเกตเห็นเหล่ากุญแจที่กระจัดกระจายอยู่บนแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีรีบหนีห่างออกไป หวังเป่าเล่อก็บอกให้เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าลงไปพักบนยอดเขาลูกหนึ่ง
สำหรับคนอื่น การหากุญแจเพิ่มถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย นอกจากนี้ยังไม่มีใครกล้ามาชิงเอากุญแจไปจากเขาอีกด้วย ชายหนุ่มรู้ว่าในตอนนี้เหลือศัตรูเพียงแค่สามคน!
ซึ่งก็คือ ตู้กูหลิน ลู่หยุน และเนื้อคู่แห่งเต๋าของโจวชู่เต๋า หวงหยุนซาน!
หวังเป่าเล่อไม่ได้ดูถูกทั้งสามคนนี้เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะตู้กูหลิน ชายหนุ่มมองว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจที่สุด!
“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามอันดับแรกคงจะมาจากพวกเจ้าสี่คน” ขณะหวังเป่าเล่อกำลังมองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรี เจ้าเยี่ยเหมิงก็เอ่ยขึ้นเสียงนิ่มนวล
“เป่าเล่อ แล้วเจ้าอยากจะขึ้นไปอยู่ในสามอันดับแรก หรือจะเลือกเดินทางสายโดดเดี่ยว” ดวงตาของเจ้าเยี่ยเหมิงสว่างวาบขณะจ้องมองหวังเป่าเล่อ
กงเต๋าก็หันมองชายหนุ่มเช่นเดียวกัน หากหวังเป่าเล่อเลือกทำอย่างหลังจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองมากทีเดียว…
หวังเป่าเล่อหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะขึ้น
“ข้าอยากจะเดินทางสายโดดเดี่ยวเพื่อกำจัดทุกคนทิ้ง จะได้มีต้องมีอันดับสองหรือสาม มีแค่อันดับหนึ่งเพียงเท่านั้น! พอการทดสอบสิ้นสุด พวกเราแต่ละคนจะได้ใบต้นไฮยาซินมาครอบครอง!”
“ลงมือเลย!” กงเต๋าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เจ้าเยี่ยเหมิงลูบหน้าผาก เหมือนนางจะคาดไว้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มต้องเลือกทำเช่นนี้ พอได้ยินคำตอบของหวังเป่าเล่อ นางก็สบายใจขึ้น ไม่มันคิดเรื่องกฎเกณฑ์อะไรให้มากมายอีกต่อไป
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเลิกวิเคราะห์สถานการณ์ เจ้าจัดการด้วยตนเองได้เลย แต่ขอเตือนไว้ว่าคู่ต่อสู้คนต่อไปอาจจะมาปรากฏตัวก่อนการเคลื่อนย้ายครั้งที่สอง ถ้าเดาไม่ผิด น่าจะเป็นหวงหยุนชาง เนื้อคู่แห่งเต๋าของโจวชู่เต๋า!”
“มาตามแก้แค้นหรือ” กงเต๋าเลิกคิ้วสูง
“มาให้กุญแจเรามั้ง! กงเต๋า พักหลังมาเจ้าฉลาดน้อยลงเยอะนะ” เจ้าเยี่ยเหมิงพูดน้ำเสียงราบเรียบ
กงเต๋าเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับ ในใจก็แอบคิดไปว่าไม่ว่าใครก็คงต้องยอมก้มหัวให้กับสองคนนี้ คนหนึ่งไร้เทียมทานด้านการสู้รบ ส่วนอีกคนก็มีสติปัญญาเหนือชั้นกว่าผู้ใด แล้วตัวเขาจะไปเถียงอะไรกลับได้ หากเป็นคนอื่นคงจะลืมไปแล้วว่าตนยังมีตัวตนอยู่บนโลก
พอเห็นท่าทีแปลกๆ ของกงเต๋า หวังเป่าเล่อก็กระแอมไอ เกือบจะเอื้อมไปหยิบเอาขนมออกมากินตามสัญชาตญาณ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเหลือขนมอยู่นิดเดียว แถมสถานการณ์ก็ยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ จึงได้แต่หักห้ามใจตนเอง เขาเชิดหน้าขึ้น พยายามรักษาท่าทีทะนงตนดังเดิม
แล้วก็เป็นจริงตามที่เจ้าเยี่ยเหมิงคาดการณ์เอาไว้ หลังจากพักผ่อนกันได้ครึ่งวันก็เห็นดาวดวงหนึ่งที่มีกุญแจรวมกันอยู่มากกว่าสามสิบดอกบนแผนที่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
ฝูงชนทั้งในและนอกสนามทดสอบต่างให้ความสนใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พวกหวังเป่าเล่อเห็นดังนั้นก็นั่งรอไม่หนีไปไหน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาก ดาวดวงนั้นก็เข้ามาใกล้ทั้งสามก่อนจะเผยให้เห็นร่างของหวงหยุนซานที่พุ่งมาดั่งเปลวเพลิง
นางรวดเร็วยิ่งนัก เมื่อครู่ยังอยู่ไกลออกไป แต่เพียงพริบตาเดียวก็เข้าใกล้ทั้งสาม ก่อนจะลงเหยียบลงบนยอดเขา นางหันมองเจ้าเยี่ยเหมิงเป็นผู้แรก แทนที่จะเป็นหวังเป่าเล่อ
เจ้าเยี่ยเหมิงยิ้มให้ หวงหยุนซานเองก็ยิ้มตอบ จากนั้นก็หันไปมองหวังเป่าเล่อหัวจรดเท้า ส่วนหวังเป่าเล่อก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน
ทันใดที่สายตาทั้งคู่ประสานกัน หวงหยุนซานก็หัวเราะขึ้น
“ถ้าคนรักของข้าพ่ายแพ้ให้กับเจ้า ข้าเองก็คงสู้เจ้าไม่ได้เช่นกัน เช่นนั้นข้าขอมอบกุญแจของข้าให้ เจ้าชนะคนรักของข้าได้ ฉะนั้นจงสู้ต่อไปและคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้!” หวงหยุนซานยกมือขวาขึ้นโบกส่งกุญแจหลายสิบชิ้นไปให้หวังเป่าเล่อ
นางมองหวังเป่าเล่ออีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้และหันกลับออกไป
ตั้งแต่มาถึงจนกลับออกไป นางพูดเพียงแค่นั้น กงเต๋ามองหวังเป่าเล่อสลับกับเจ้าเยี่ยเหมิงพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หวังเป่าเล่อเองก็เหมือนจะกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเสียงของกงเต๋าจะดังขึ้น
“เป่าเล่อ นางต้องตกหลุมรักเจ้าแน่…มิเช่นนั้น ทำไมนางต้องลำบากเดินทางมาตั้งไกลเพิ่มมายกกุญแจให้เจ้า…”
หวังเป่าเล่อกะพริบตา กำลังจะอ้าปากพูด แต่เจ้าเยี่ยเหมิงก็ส่งเสียงแค่นจมูกขัดขึ้นก่อน
“กงเต๋า เจ้าฉลาดน้อยลงจริงๆ ด้วย”
“พูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร เจ้าเยี่ยเหมิง!” กงเต๋าแสร้งทำเป็นโกรธ เขาพูดไปอย่างนั้นเพื่อแกล้งเจ้าเยี่ยเหมิง
“ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไร แต่ถ้าคนรักของข้าพ่ายแพ้ให้กับคนอื่น ข้าก็คงคิดว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการทดสอบ ซึ่งก็หมายความว่าคนรักของข้าพ่ายแพ้ให้กับยอดฝีมือ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ข้าก็จะเสียชื่อเสียงไปไม่มาก คนรักของข้าเองก็จะไม่เสียกำลังใจไป ในอนาคตจะต้องกลับมาแก้มือได้สำเร็จ!” เจ้าเยี่ยเหมิงพูดเสียงเรียบ กงเต๋าไม่รู้จะเถียงอะไรกลับจึงได้แต่พูดพึมพำ
“เจ้าก็บ้าไม่แพ้กัน…”
“เพราะเจ้าไม่เข้าใจต่างหาก!” เจ้าเยี่ยเหมิงหัวเราะ นางหันมองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนจะถามขึ้น “เป่าเล่อ เจ้าเข้าใจใช่ไหม”
หวังเป่าเล่อใจเต้นแรงเมื่อเห็นสายตาที่มองมา ขณะที่ตนเองก็แอบเหลือบมองเจ้าเยี่ยเหมิงที่กำลังนั่งลง…
บทที่ 573 เก็บกวาดพื้นที่!
หวังเป่าเล่อกำลังจะเอ่ยปากตอบ ทันใดนั้น ดวงดาวบนแผนที่ที่แสดงจุดที่ตู้กูหลินอยู่ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว!
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าตอนที่มุ่งห้นาไปหาสวีหมิงเสียอีก เป้าหมายของชายหนุ่มคือศิษย์เอกที่เหลืออยู่คนสุดท้ายของเฟิ่งชิวหรัน ลู่หยุน!
ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ห่างกันมาก ฝูงชนที่จับตาดูอยู่ต่างตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มออกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่ตู้กูหลินทะยานผ่านต่างตกใจไม่ต่างกัน พวกเขาได้ยินเสียงกัมปนาทสะท้อนขึ้นในหูพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่พุ่งผ่านไป!
“ตู้กูหลินเปิดฉากต่อสู้อีกแล้ว!”
หวังเป่าเล่อหันมองเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋า ก่อนทั้งสามจะหันไปมองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรี เห็นดาวดวงที่ระบุตำแหน่งของลู่หยุนหยุดนิ่งทั้งที่ก่อนหน้านี้กำลังเคลื่อนตัวไปช้าๆ ราวกับว่าตัดสินใจได้แล้ว จากนั้นก็เปลี่ยนทิศมุ่งหน้าไปทางตู้กูหลิน!
เขาไม่ได้พยายามหลบหนีไม่เข้าปะทะ แต่กำลังมุ่งหน้าไปประจันหน้ากับตู้กูหลิน!
ผู้เข้าร่วมการทดสอบทราบสถานการณ์ได้จากแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีเพียงเท่านั้น แต่ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่ด้านนอกต่างตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด
พวกเขาเห็นตู้กูหลินพุ่งทะยานมาจากด้านหนึ่ง ขณะที่ลู่หยุนเองก็พุ่งมาประจันหน้าจากอีกฝั่งหนึ่งพร้อมกับแววตาพร้อมสู้รบ ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดน้อยลงเรื่อยๆ!
ทั้งสองเป็นดังอุกกาบาตที่กำลังจะพุ่งเข้าชนกันและกัน!
“ที่หวงหยุนซานยกกุญแจให้เมื่อครู่คงจะเป็นจุดไฟให้ตู้กูหลินเริ่มลงมือตามแผนเร็วขึ้น!”
“ลู่หยุนดูพร้อมประจันหน้า!”
“สถานการณ์ตอนนี้บอกได้เลยว่าโชคเข้าข้างหวังเป่าเล่อ ที่เขาต้องทำก็เพียงแค่รอก็จะได้ขึ้นไปอยู่ในสองอันดับต้น!”
ขณะที่เหล่าศิษย์นอกสนามทดสอบกำลังพูดคุยกันอย่างดุเดือด เมี่ยเลี่ยจื่อดูสงบนิ่ง แต่ในใจจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ไม่น้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง แม้หวังเป่าเล่อจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในการทดสอบไปหมด แต่เขาก็เชื่อว่าตู้กูหลิน ศิษย์ของตนเองจะต้องได้อันดับหนึ่งมาครอง!
ด้านเฟิ่งชิวหรันนั้นกำลังถอนหายใจ เหล่าศิษย์ยังคงตกอยู่ในความโกลาหลแม้สวีหมิงจะถูกส่งกลับมายังลานกว้างแล้ว เขารีบกลับออกไปทันที เหมือนว่าจะอับอายขายหน้าอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้เหลือศิษย์เอกของเฟิ่งชิวหรันเพียงคนเดียวในสนามทดสอบ การตัดสินใจของหวงหยุนซานทำให้เริ่มเห็นผลการทดสอบชัดขึ้น มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากนี้
หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ สามอันดับแรกจะตกเป็นของ ตู้กูหลิน หวังเป่าเล่อ และลู่หยุน!
แต่การที่ตู้กูหลินพุ่งตัวออกไปพร้อมจิตสังหารบ่งบอกแน่ชัดแล้วว่าเขาไม่ได้ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสามอันดับแรก แต่ต้องการให้เหลือเพียงแค่อันดับเดียว ตัดอันดับอื่นทิ้งไปให้หมด!
ตู้กูหลิน! เฟิ่งชิวหรันเหลือบมองโยวหรันด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นางเห็นว่าอีกคนยังคงปิดตาสนิท ตอนที่ศิษย์เอกตนพ่ายแพ้ก็แค่เพียงถอนหายใจ ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรแม้แต่น้อย
ท่ามกลางความเงียบ เฟิ่งชิวหรันต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์มากมายในจิตใจ นางตั้งความหวังกับศิษย์เอกทั้งสองไว้ แต่สวีหมิงก็โดนคัดออกไปแล้ว ส่วนลู่หยุนนั้น ถึงจะเก่งกาจแต่ก็ไม่อาจเทียบฝีมือกับตู้กูหลินที่ล้มสวีหมิงลงได้ เฟิ่งชิวหรันเองก็รู้ว่าตอนนั้นตู้กูหลินยังออมมืออยู่
ลู่หยุนต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แต่หวังเป่าเล่อที่นางไม่ได้สนใจเท่าไหร่ในตอนแรกกลับหยัดยืนขึ้นมาอย่างองงอาจ หมัดเกราะจักรพรรดิที่ใช้จัดการโจวชู่เต๋าทำให้นางคิดว่าการทดสอบนี้น่าจะสร้างมาเพื่อตู้กูหลินกับหวังเป่าเล่อ หากตู้กูหลินชนะ เขาก็จะได้เป็นผู้นำเหล่าศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล เรืองอำนาจขึ้นมาเคียงข้างกับเมี่ยเลี่ยจื่อ
หากหวังเป่าเล่อชนะ ตำแหน่งและตัวตนในสำนักวังเต๋าไพศาลของเขาก็จะเปลี่ยนไป ศิษย์จากสหพันธรัฐจะได้ลืมตาอ้าปาก ไม่มีใครในสำนักวังเต๋ากล้าไปกลั่นแกล้งอีกต่อไป ทางสหพันธรัฐจะมีศิษย์เอกที่เหนือชั้นกว่าเหล่าศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล เป็นรองเพียงแค่ขั้นจุติวิญญาณ!
ขณะที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับอารมณ์มากมาย ตู้กูหลินและลู่หยุนก็ทะยานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ครึ่งชั่วโมงถัดมา ทั้งคู่ก็มาเผชิญหน้ากันที่เขตกึ่งกลางสนามทดสอบ ก่อนจะเปิดฉากต่อสู้ส่งเสียงดังสนั่น!
ลู่หยุนเตรียมพร้อมสู้ ต่างจากตอนที่เข้าปะทะกับสวีหมิง ทำให้ตู้กูหลินลงมืออย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เขาตั้งผนึกมือ ความดุร้ายที่แผ่ออกมาทวีคูณเพิ่มขึ้น มังกรสีดำเก้าเศียรตัวปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าใส่ลู่หยุนพร้อมกับร้องคำราม
ในสนามทดสอบมีคนไม่มากที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คนที่อยู่แถวนั้นก็พอจะเห็นได้จากไกลๆ มีเพียงศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลที่อยู่ด้านนอกสนามทดสอบเท่านั้นที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน
แต่ยิ่งได้เห็นชัดก็ยิ่งต้องตื่นตกใจ ลู่หยุน ศิษย์เอกของลู่หยุนนั้นมีฝีมือเก่งกาจ สามารถล้มผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในได้ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าตู้กูหลินกลับห่างชั้นอยู่มาก!
ตั้งแต่เริ่มจนจบ ตู้กูหลินเพียงแค่ต่อยหมัดใส่ลู่หยุนที่โดนมังกรสีดำล้อมรอบ เหมือนเช่นตอนที่สู้กับสวีหมิง เขาไม่ได้ใช้กระบวนเวทใดๆ ใช้แค่มือต่อยก็เพียงพอที่จะทำให้ลู่หยุนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แม้จะโดนต่อยจนล้มไปกองกับพื้นอยู่หลายครั้ง ชายหนุ่มก็ยังไม่ย่อท้อ กระโจนกลับเข้าใส่
ศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นว่า ไกลออกไป สวีหมิงในสภาพเจ็บหนักได้กลับมาปรากฏตัวพร้อมกับเหล่าลูกน้อง เขามองการต่อสู้ของสองคนตรงหน้าอยู่เงียบๆ ราวกับว่าเห็นภาพตนเองอยู่ ณ จุดนั้น
เมื่อลู่หยุนโดนส่งล้มไปกองจนมีสภาพไม่ต่างจะสวีหมิง ตู้กูหลินที่ลอยอยู่กลางอากาศเอ่ยถามคำถามที่เคยใช้กับสวีหมิงขึ้น ลู่หยุนหัวเราะด้วยความขมขื่น แต่ก็ไม่หนีจากการสู้ เขากระโจนเข้าหาอย่างบ้าคลั่ง!
สวีหมิงตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นลู่หยุนไม่คิดหนีเพราะเกรงกลัวต่อความตายเหมือนตนเอง
ชายหนุ่มหลับตาลงเงียบๆ พร้อมกับความขมขื่นในใจ
การต่อสู้ระหว่างลู่หยุนและตู้กูหลินจบลง อาจเป็นเพราะยอมรับในตัวอีกฝ่าย ตู้กูหลินไม่ได้ปล่อยหมัดปิดฉาก ทำแค่เพียงตบลู่หยุนลงพื้นจนหมดสติ
เมื่อศึกครั้งนี้จบลง ทั้งลานกว้างก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเสียงเฮของเหล่าศิษย์ฝั่งเมี่ยเลี่ยจื่อจะดังขึ้น ส่วนศิษย์ฝั่งเฟิ่งชิวหรันและโยวหรันต่างนิ่งเงียบ ในใจเต็มไปด้วยคลื่นความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน
ตู้กูหลินเป็นผู้กล้าเกร่งเกินจินตนาการ เขาไม่ได้ใช้กระบวนเวทอื่นกับสวีหมิงและลู่หยุนเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แค่หมัดและมังกรล้อมรอบก็เพียงพอที่จะมอบความพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย
ทุกคนเห็นว่าตู้กูหลินยังไม่ได้ใช้ความสามารถเต็มที่ แต่ก็ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่าชายหนุ่มใช้พลังไปประมาณเท่าใดในศึกทั้งสองครั้งที่ผ่านมา
“ร้อยละสามสิบมากสุด!” สวีหมิงพึมพำขึ้นก่อนจะกลับออกไป
ขณะทุกคนกำลังนิ่งอึ้ง เหล่าศิษย์ในสนามทดสอบต่างตกอยู่ในความเงียบงัน พวกหวังเป่าเล่อที่พักอยู่บนยอดเขาต่างเคร่งเครียดขึ้นมา
“เจ้าตู้กูหลินเก่ง เก่งมาก!” กงเต๋าสูดหายใจลึกก่อนจะพูดขึ้น
“เป่าเล่อ เจ้ามั่นใจไหม” เจ้าเยี่ยเหมิงหันมองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเป็นกังวล
หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบไป ไฟแห่งความมุ่งมั่นพลันลุกโชนขึ้นในตา ริมฝีปากค่อยๆ เหยียดยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวก็ได้รู้หลังสู้เสร็จ” หวังเป่าเล่อหลับตาทำสมาธิ เขาอยากจะอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด หากตู้กูหลินไม่มาหา ชายหนุ่มก็จะออกไปตามหาเอง
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองไม่ได้เป็นเพียงจุดสิ้นสุดการทดสอบ แต่ยังเป็นช่วงที่สำคัญมากที่สุดของการทดสอบ!
ตู้กูหลินต้องการให้มีเพียงแค่อันดับหนึ่ง หวังเป่าเล่อเองก็คิดเช่นนั้น!
เวลาล่วงผ่าน เหลืออีกไม่ถึงห้าชั่วโมงจะถึงการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป ทั่วทั้งสนามรบตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง!
ต้นตอของความวุ่นวายนี้ก็ยังเป็นตู้กูหลิน หลังจากล้มลู่หยุนลง เขาก็ออกล่ากุญแจมาได้กว่าร้อยดอก ถึงกระนั้นก็ยังเดินหน้ากวาดล้างต่อไปไม่หยุด!
เป้าหมายของชายหนุ่มคือจัดการศิษย์ของเฟิ่งชิวหรัน!
ศิษย์ของเฟิ่งชิวหรันที่เหลือรอดในการทดสอบต่างต้องจำใจยื่นกุญแจให้ กลายเป็นกลุ่มคนไร้กุญแจไป พวกเขาได้แต่มองจำนวนกุญแจของตู้กูหลินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บนแผนที่ กุญแจที่กระจายตัวอยู่เริ่มลดน้อยลง
เหล่าผู้ฝึกตนด้านนอกเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะตื่นตกใจแต่ก็รู้ดีว่ามีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเหลือรอด!
บทที่ 574 สองยอดเขา หนึ่งภูผา!
หวังเป่าเล่อมองตู้กูหลินจัดการคนอื่นๆ บนแผนที่ ก่อนจะหัวเราะขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ดีเหมือนกันที่จัดการคนที่เหลือให้!” ผลลัพธ์จากการต่อสู้ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดศึกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างตู้กูหลินและหวังเป่าเล่อ ที่ตู้กูหลินจัดการเก็บกวาดคนอื่นๆ ให้พ้นทางก็เพราะไม่ต้องการให้ใครมายุ่งวุ่นวาย หวังเป่าเล่อเองก็คิดว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียวและลุกยืนขึ้น
“พวกเราก็มาจัดการเก็บกวาดพวกที่เหลือด้วยดีกว่า เล็งคนจากฝ่ายเขาเป็นหลัก!” พูดจบ ชายหนุ่มก็ทะยานขึ้นฟ้า เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าตามหลังไปไม่ห่าง ทั้งสามมุ่งหน้าไปทุกจุดบนแผนที่ที่มีกุญแจ
แผนที่เริ่มโล่งขึ้นเรื่อยๆ จากการเคลื่อนไหวของหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินที่อยู่คนละทิศ!
กลายเป็นประสบการณ์อันขมขื่นของเหล่าศิษย์ของเฟิ่งชิวหรันและเมี่ยเลี่ยจื่อ ก่อนหน้านี้ หวังเป่าเล่อเป็นเพียงแค่คนไม่สำคัญในสายตาของพวกเขา แต่ในการทดสอบนี้ ชายหนุ่มกลับกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง สามารถล้มโจวชู่เต๋าลงได้และก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสองยอดฝีมือของสนามทดสอบแห่งนี้
ผู้ฝึกตนฝ่ายเมี่ยเลี่ยจื่อต่างตื่นตกใจเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อ แม้พวกเขาจะพยายามดิ้นรน แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าจากความสามารถของตนเองคงเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านการทดสอบนี้ แต่ลึกๆ ก็ยังหวังว่าอาจจะบังเอิญโชคช่วยพาขึ้นไปติดสามอันดับบน
ยิ่งถ้าเกิดหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลินเกิดพลาดท่า ก็อาจจะมีโอกาสขึ้นไปถึงที่สอง แต่ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าทั้งคู่คงไม่เปิดโอกาสให้เป็นเช่นนั้น!
การ ‘เก็บกวาด’ ที่ว่านี้จึงเป็นเพียงแค่การรวมรวบกุญแจ ไม่ว่าจะเป็นคนจากฝั่งเมี่ยเลี่ยจื่อหรือฝั่งเฟิ่งชิวหรันต่างไม่มีใครโง่ขนาดจะคิดขัดขืน เมื่อหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลินตามมาเจอเข้า พวกเขาก็จะมอบกุญแจให้อย่างง่ายดาย
แต่ในหมู่ศิษย์เหล่านี้ก็ยังมีคนที่ไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่อยู่ เมื่อเจอกับคนจำพวกนี้ ตู้กูหลินกับหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ฆ่าทิ้งแต่อย่างใด เพียงแค่หักขาให้พิการไป
เมื่อมองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีจะเห็นดาวที่แสดงจุดของชายหนุ่มทั้งสองกำลังเก็บกวาดพื้นที่บริเวณของตนอยู่ห่างกันออกไป สามชั่วโมงต่อมา ศิษย์ฝ่ายเมี่ยเลี่ยจื่อและเฟิ่งชิวหรันก็ค่อยๆ เสียกุญแจที่มีไปจนหมด
ศิษย์ฝั่งโยวหรันเองก็ยอมจำนนไม่ต่างกัน แม้พวกเขาจะเป็นกลาง แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเป็นการประโยชน์ที่จะดิ้นรนในการทดสอบนี้ต่อไป ทุกคนเป็นเพียงแค่มือใหม่ การช่วยยอดฝีมือทั้งสองถือเป็นการแสดงคุณค่าของตนเองอย่างหนึ่ง!
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลินก็จะไม่ขัดขืน และเอากุญแจออกมายื่นให้อย่างอ่อนน้อม เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยๆ จนเหลืออีกเพียงหนึ่งชั่วโมงจะถึงการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป กุญแจที่กระจัดกระจายบนแผนที่ก็หายวับไปหมด
เหลือเพียงดาวสองดวงที่ส่องประกายจากกุญแจมากมายมารวมตัวกัน และเหล่าผู้ไร้กุญแจที่รอคอยการเคลื่อนย้ายมาถึง
ตอนนี้พวกเขาต่างเงยหน้ามองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีและรอคอยอย่างเงียบเชียบ
หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองฟ้า ก่อนจะหันมามองเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋า
เจ้าเยี่ยเหมิงหยิบกุญแจทั้งหมดที่มีออกมาให้อย่างไม่ลังเลใจ กงเต๋าสูดหายใจลึกก่อนจะหยิบเอากุญแจออกมาให้เช่นกัน
“เป่าเล่อ เจ้าต้องชนะให้ได้!” กงเต๋าเอ่ยเสียงทุ้ม
เจ้าเยี่ยเหมิงผุดยิ้มขึ้น สายตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หวังเป่าเล่อหันมองทั้งสองและเก็บเอากุญแจทั้งหมดมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“เดี๋ยวกลับไปเจอกันข้างนอก!” พูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเหาะขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นก็ปลดปล่อยความเร็ว ออกตัวทะยานเหมือนดังดาวหาง มุ่นหน้าไปทางทิศเหนือที่ตู้กูหลินอยู่!
ตู้กูหลินที่นั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความปราถนาอยากสู้รบ ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตัวเอง
“เจ้าผู้ที่ล้มโจวชู่เต๋าลงได้…ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะมีความสามารถพอที่จะทำให้ข้าต้องปล่อยพลังเทพที่สองหรือไม่!” ตู้กูหลินยิ้มและลุกยืนขึ้น ก่อนจะพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มุ่งหน้าตรงไปหาหวังเป่าเล่อ
ผู้หนึ่งมาจากทางทิศเหนือ ผู้หนึ่งมาจากทางทิศใต้ ทั้งสองทะยานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ในสนามรบต่างตื่นตกใจ แม้จะไม่ผ่านการทดสอบ แต่แค่ได้เป็นสักขีพยานร่วมชมการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือทั้งสองก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว
เพราะศึกครั้งนี้เป็นการแย่งชิงกันเป็นอันดับหนึ่งของศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลและผู้ฝึกตนจากทางสหพันธรัฐ!
พวกเขาต่างหวังให้ตู้กูหลินเป็นผู้ชนะ แต่ก็ตระหนักถึงความเก่งกาจของหวังเป่าเล่อด้วยเช่นกัน จึงบอกได้ยากว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ!
หวังเป่าเล่อและตู้กูหลินเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ต่างมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ทั้งสองจะเผชิญหน้ากัน จากความเร็วของทั้งคู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะประเมินหาว่าทั้งสองจะไปพบกันที่ใด
ขณะที่ศึกระหว่างหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินกำลังจะเริ่มขึ้น และคนมากมายได้ไปรวมตัวกัน ในลานกว้างก็เต็มไปด้วยเสียงถกเถียงวุ่นวาย ทุกคนต่างจับตาดูร่างของหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินที่กำลังทะยานแหวกท้องนภาผ่านหน้าจอขนาดใหญ่!
ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ผืนฟ้าแทบจะแหวกออกเพราะทานทนความเร็วไว้ไม่ไหว
พลังแกร่งกล้าทวีคูณพุ่งขึ้นขณะทั้งคู่พุ่งทะยานตรงไป!
“พวกเขาพร้อมสู้เต็มที่!”
“ศึกทั้งสองครั้งที่ผ่านมา ตู้กูหลินใช้เพียงแค่กระบวนเวทเดียว ช่างไร้เทียมทานเสียจริง ส่วนเกราะสีโลหิตที่หวังเป่าเล่อใช้จัดการโจวชู่เต๋าก็น่าเกรงกลัวไม่แพ้กัน!”
“ถ้าเกราะสีโลหิตของหวังเป่าเล่อสามารถทนได้นาน ผลก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ถ้าทนไม่ได้ ตู้กูหลินก็จะกลายเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!”
เหล่าศิษย์ในลานกว้างต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือด กลุ่มพันธุ์กล้าใจเต้นระส่ำ ความรู้สึกมากมายผสมปนเปจนกลายเป็นความวิตกกังวล
ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจากสำนักวังเต๋าไพศาลก็ตื่นตกใจไปเพราะทั้งหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินต่างได้แสดงฝีมือเทียบเท่ากับขั้นจุติวิญญาณให้ได้ประจักษ์
ประสบการณ์ของพวกเขาเหนือชั้นกว่าเหล่าศิษย์ขั้นกำเนิดแก่นในอยู่มาก พอได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองก็ได้ข้อสรุปอยู่ในใจ
“หวังเป่าเล่อจะเป็นฝ่ายแพ้”
“เขายังอยู่ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลาง ส่วนตู้กูหลินอยู่ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์!”
“ศึกระหว่างคนสองคน ความสามารถเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายมีฝีมือทัดเทียมกัน ก็ต้องวัดกันว่าใครจะอึดกว่ากัน!” กลุ่มผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณร่วมประเมินสถานการณ์ เฟิ่งชิวหรันสูดหายใจลึกขณะหันมองเมี่ยเลี่ยจื่อ
“เมี่ยเลี่ยจื่อ ถึงขั้นนี้ต้องยุติการต่อสู้แล้ว”
“ถึงจะทำตามกฏ เราก็ต้องรอให้จบการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป ยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสชิวหรัน เจ้าดูกังวลเกินไปแล้ว” เมี่ยเลี่ยจื่อเอ่ยปฏิเสธเสียงเรียบ
เฟิ่งชิวหรันเห็นความคาดหวังในสายตาศิษย์รอบกาย พอหันมองหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินผ่านทางจอ ก็พบกับความปราถนาอยากสู้รบอันแรงกล้า จึงนิ่งเงียบไป
บรรดาผู้ชมต่างจับจ้องสนามทดสอบไม่วางตา ห้านาทีต่อมา แผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีก็ปรากฏภาพดาวสองดวงจากทิศเหนือและทิศใต้เข้าปะทะกันในที่สุด!
อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือชะตาได้กำหนดไว้ก็ไม่ทราบเมื่อทั้งสองได้มาเผชิญหน้ากัน ณ ภูเขาสองยอด!
ภูผาสองยอดเขาตั้งสูงเฉียดฟ้าอย่างองอาจ!
หวังเป่าเล่อปรากฏตัวบนยอดเขาด้านขวาพร้อมกับเสียงดังสนั่น ขณะที่ตู้กูหลินลงเหยียบบนยอดเขาด้านซ้าย เป็นดังเทพลงมาจุติ ห่างจากอีกฝ่ายไม่ถึงสามร้อยเมตร!
“หวังเป่าเล่อ!”
หวังเป่าเล่อจ้องกลับ ประสานสายตา พลันรอบกายทั้งสองก็เกิดเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
“ตู้กูหลิน!”
บทที่ 575 ศึกตัดสิน!
ทั้งคู่ร้องตะโกน ปลดปล่อยพลังเต็มขั้น ทะเลสีเลือดที่มีปลาไนเก้าตัวว่ายวนอยู่พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าตู้กูหลิน คลื่นสีโลหิตพัดสาดกระเซ็นทุกครั้งที่ปลาไนกระโจนพ้นน้ำ
ภาพมายาเบื้องหน้าส่งกลิ่นโลหิตคลุ้งไปทั่วพื้นที่ ยอดเขาใต้เท้าตู้กูหลินเปรอะเปื้อนไปด้วยสีเลือด!
ด้านหวังเป่าเล่อก็ไม่แพ้กัน รอบกายชายหนุ่มมีสายฟ้าฟาดผ่ารอบทิศ เกิดเป็นเขตอัสนีขนาดใหญ่ ฟ้าปิดมืดสนิทขณะนำพาคลื่นสายฟ้าปกคลุมไปทั่วยอดเขา!
มองไกลๆ เห็นเป็นยอดเขาโลหิตและยอดเขาอัสนี มีพลังขนาดสั่นคลอนผืนดินและสรวงสวรรค์ไม่ต่างกัน!
เหล่าผู้ชมต่างตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า ขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่นๆ ก็มาถึงบริเวณยอดเขาคู่ พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ ได้แต่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ ร่างกายของผู้ฝึกตนนั้นแตกต่างจากคนทั่วไป แม้จะมองจากไกลห่างก็สามารถเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน
แต่ก็ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความกดดันจนสั่นคลอนในใจ เริ่มหายใจถี่รัวขึ้นขณะหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินปลดปล่อยพลังออกมาบนยอดเขาสีเลือดและยอดเขาอัสนี!
“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
“นี่เป็นการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับต้นๆ รองจากขั้นจุติวิญญาณในสำนักวังเต๋าไพศาล!”
“ผู้ชนะในศึกครั้งนี้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากขั้นจุติวิญญาณ!”
เหล่าศิษย์ทั้งในและนอกสนามรบต่างคอยจับตาดูศึกครั้งนี้ พวกที่เอาใจช่วยตู้กูหลินต่างรู้สึงกังวลใจ
สานุศิษย์จากสหพันธรัฐเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องไปที่ยอดเขาแฝด หวังเป่าเล่อก็หัวเราะขึ้น เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นโบกไปมา
ชายหนุ่มไม่ได้ลงมือโจมตี แต่กลับโยนกุญแจทั้งหมดที่มีลงหุบเขาที่กั้นระหว่างทั้งสอง กุญแจมากมายสองแสงเป็นประกาย ร่วงหล่นไปก้นหุบเขาราวกับดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ!
ภาพเบื้องหน้าทำให้เหล่าผู้ชมแปลกใจ พวกเขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะโยนกุญแจทิ้งไป แต่หลังจากหยุดคิดสักพัก ก็ตระหนักได้ว่าเป็นการกระทำที่มีเหตุผลทีเดียว!
กฏของการทดสอบนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว พูดให้ถูกก็คือ หวังเป่าเล่อและตู้กูหลินไม่จำเป็นต้องสนใจกฏ เพราะทั้งสองมีกฏเป็นของตนเอง!
นั่นก็คือ…มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเหลือรอดไปได้!
ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะกล้าโยนกุญแจทิ้งไปง่ายๆ เหมือนหวังเป่าเล่อ การกระทำเช่นนั้นส่งผลให้เข้าดูองอาจมากขึ้นไปอีก เพราะเป็นการบอกชัดเจนว่าจะไม่มีการถอยหลังกลับ!
บรรดาผู้ชมที่รายล้อมอยู่หยุดหายใจไป เหล่าศิษย์ที่อยู่นอกสนามรบก็มีสภาพไม่ต่าง แม้หวังเป่าเล่อจะเป็นผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐ แต่ก็ได้รับความเคารพจากใครหลายคนเลยทีเดียว!
“ใจกล้าจริงๆ…ข้าได้ประเมินหวังเป่าเล่อต่ำไป!”
“ถ้ามีโอกาส ไม่ว่าหวังเป่าเล่อจะชนะหรือแพ้ ข้าก็อยากเป็นเพื่อนกับเขา!”
ทัศนคติของผู้คนมากมายที่มีต่อหวังเป่าเล่อพลันเปลี่ยนไป ตู้กูหลินเองก็รู้สึกยกย่องการกระทำของชายหนุ่ม
เขาหัวเราะเสียงดังก่อนจะยกมือขึ้นโบก ส่งกุญแจทั้งหมดที่ได้มาลงหุบเหวไปราวกับเป็นของไร้ค่า ไม่แม้จะเหลียวตามองตาม เหลือกุญแจอยู่บนยอดเขาแค่เพียงหนึ่งดอก ชายหนุ่มชี้มือขวาไปที่กุญแจดอกนั้น ส่งมันลอยไปหยุดส่องสว่างอยู่บนก้อนหินระหว่างสองยอดเขา!
ผู้ชนะจะได้ครอบครองกุญแจดอกนี้ไป!
พลังที่แผ่ออกจากร่างตู้กูหลินทวีคูณขึ้นหลังโยนกุญแจไป เหล่าศิษย์ผู้ไร้กุญแจรอบๆ ต่างตื่นตะลึงกับการกระทำของทั้งคู่จนหยุดหายใจไปชั่วขณะ พวกเขารู้สึกว่าตนเองช่างไร้ค่าเมื่อได้มาอยู่ต่อนหน้าชายทั้งสอง
“พวกเขาเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง!” ใครคนหนึ่งพูดพึมพำขึ้น กลุ่มคนรอบๆ ต่างเห็นพ้องกับประโยคดังกล่าว
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแกร่งกล้าจากชายทั้งสองและเข้าใจได้ว่าทำไมทั้งคู่จึงทำเช่นนั้น
ศึกครั้งนี้จะจบลงด้วยการเคลื่อนย้ายรอบต่อไป จะต้องตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะก่อนการเคลื่อนย้าย มิเช่นนั้นทั้งคู่จะถูกกำจัดออกจากการทดสอบ!
ไม่มีใครกล้าไปหยิบเอากุญแจใต้หุบเขาเพราะถือเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ แม้จะมีกฏว่าไว้ แต่คนทั้งสำนักต่างจับตาดูทุกสิ่งอยู่ หากมีใครใช้โอกาสนี้ถีบตัวเองขึ้นไปเป็นสามอันดับต้น อนาคตเบื้องหน้าคงจะเป็นไปอย่างลำบากแน่นอน!
เหล่าผู้ฝึกตนที่เข้ารับการทดสอบคุ้นหน้าคุ้นตากันดี จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเสีย ส่วนพวกที่เหลือรอดอยู่ล้วนฉลาดกันแทบทั้งนั้น
ทุกคนต่างพยายามหักห้ามความโลภและจัดการกับความคิดของตนเองแม้จะรู้สึกเสียดาย!
ผู้ชนะการทดสอบจะต้องเป็นหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลิน ผู้ที่ชนะในศึกครั้งนี้จะได้มีสิทธิ์หยิบเอากุญแจที่ส่องประกายเหนือก้อนหินไป คนผู้นั้นจะได้เฝ้าดูอีกคนถูกเคลื่อนย้ายออกไปและกลายเป็นที่หนึ่งในทันที!
“หวังเป่าเล่อ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!” ตู้กูหลินแผดเสียงขึ้นหลังจากโยนกุญแจทิ้งไป แววตาส่องประกายความกระหายพร้อมต่อสู้ เขาก้าวเหยียบอากาศ พุ่งทะยานไปทางหวังเป่าเล่อ ก่อนจะยกมือขึ้นคว้า ปลาในทั้งเก้าในทะเลโลหิตเบื้องหลังกระโจนพ้นน้ำในทันใด!
ปลาในเก้าตัวในทะเลโลหิตกลายร่างเป็นมังกรเก้าเศียรพันรอบแขนขวาเสริมพลังให้ตู้กูหลิน!
เขาพุ่งตัวไปหาหวังเป่าเล่อเหมือนตอนที่ประมือกับสวีหมิงและลู่หยุน!
จวบจนปัจจุบัน ในสำนักวังเต๋าไพศาล ชายหนุ่มยังไม่เคยเจอใครที่ทำให้ตนต้องปล่อยคาถาที่สองเลยสักคน ความคาดหวังที่เก็บงำมาตลอดจึงส่งผ่านมาถึงหวังเป่าเล่อ ตอนนี้ตู้กูหลินแทบไม่ได้สนใจเรื่องใบต้นไฮยาซิน เขาสนแค่เพียงร่วมศึกนี้อย่างเต็มที่และใช้ชัยชนะครั้งนี้ในการประกาศศักดาของตนเอง!
ความคิดในหัว ความปราถนาอยากสู้รบ และความตั้งมั่น ส่งให้ตู้กูหลินปลดปล่อยพลังแกร่งกล้าจนทะเลโลหิตเบื้องหลังสั่นไหว ก่อนจะกระโจนเข้าไปต่อยหวังเป่าเล่อ!
หมัดที่ปล่อยออกไปทำให้ฟ้าดินสั่นคลอนจนเกิดหลุมดำ สั่นสะเทือนขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์ มังกรเก้าเศียรร้องคำรามขณะแผ่พลังปราณกังวาลออกมาจากภายใน!
มันพุ่งทะยานตรงไปข้างหน้าราวกับหอกที่ไม่มีวันแตกพัง!
“เข้ามาเลย!” ความปราถนาอยากต่อสู้ฉายวาบขึ้นในสายตาของหวังเป่าเล่อ เส้นสายฟ้ามากมายร่ายรำไปมาในเขตอัสนี น้ำเสียงของหวังเป่าเล่อเปี่ยมไปด้วยพลังมากล้นและเด็ดขาดกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มก้าวออกไปทันทีที่พูดจบ!
พลังจากช่วงเอวพวยพุ่งขึ้นมารวมอยู่ที่มือขวา พลังปราณปะทุเต็มขั้น แก่นในอัสนี แก่นในแห่งความมืด และแก่นในแห่งหัวใจตื่นขึ้นพร้อมกัน เสริมพลังให้กับกำปั้นของชายหนุ่ม!
ระเบิดกำเนิดดวงดารา!
เสริมพลังจากปราณกังวาลสองเท่า!
ฟ้าดินสั่นไหว ลมพัดปั่นป่วน เมฆหมอกฉีกขาด หลุมดำถูกบดขยี้ หวังเป่าเล่อในตอนนี้เป็นดั่งหอกอันไร้เทียมทาน หมัดของเขาเปรียบเหมือนกับปลายหอกแหลมคมที่กำลังพุ่งไปทางตู้กูหลิน!
ทั้งสองที่อยู่บนยอดเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงสามร้อยเมตร เมื่อออกพุ่งทะยานปรากฏภาพเป็นเหมืองดังหอกแหลมเข้าปะทะกัน!
ฟ้าดินสั่นไหว ส่งรอบบริเวณสั่นสะเทือนตาม!
นี่คือการเข้าสู้กันของทะเลโลหิตและเขตอัสนี!
นี่คือการเข้าปะทะกันของยอดเขาโลหิตและยอดเขาอัสนี!
นี่คือ…ศึกตัดสินหาผู้เป็นหนึ่งในบรรดาศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาล!
บทที่ 576 แสงเงาทับซ้อน!
ช่างน่าตื่นตะลึงจนลืมหายใจ!
ผู้เข้าร่วมทดสอบที่ยืนอยู่รอบๆ ยอดเขาแฝดต่างคิดเช่นนั้น ยอดเขาเบื้องหน้าที่แปรเปลี่ยนไปเพราะพลังของหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินทำให้ในหัวของพวกเขามีแต่ความตื่นตะลึง!
พลันเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นเมื่อหวังเป่าเล่อกับตู้กูหลินพุ่งเข้าปะทะ ปล่อยหมัดมังกรทั้งเก้าและระเบิดกำเนิดดาราใส่กันและกัน!
มังกรเก้าเศียรแหลกสลาย ระเบิดกำเนิดดวงดาราทลายไป การปลดปล่อยพลังทั้งหมดของชายทั้งสองได้สร้างสิ่งที่คล้ายกับหลุมดำระเบิดออกทั่วทิศ ส่งพลังรุนแรงแผ่พุ่งออกไปรอบๆ!
คลื่นพลังที่แผ่ออกมากล้าแกร่งเหลือหลาย หากผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอยู่ใกล้แถวนั้นอาจจะตายทันที!
แม้คลื่นพลังจะน่าพรั่นพรึงเพียงใดก็ไม่สามารถโค่นหวังเป่าเล่อที่มีแก่นในหัวใจลงได้ ตู้กูหลินเองก็เช่นกัน แม้เขาจะไม่ได้มีแก่นในหัวใจ แต่กายาละอองจักรวาลก็ช่วยป้องกันแทนได้ ขณะเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว ชายทั้งสองกลับไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย แตกต่างกับที่คิดไว้!
ผู้ที่ล่าถอยจะสูญเสียการควบคุมการต่อสู้ไปซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก โดยเฉพาะกับศึกระหว่างคู่ต่อสู้ที่มีความสามารถเทียบเท่ากัน!
ทั้งสองนั้นเปิดฉากโจมตีอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เริ่ม ไม่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย!
ตู้กูหลินหัวเราะขึ้นเสียงดังด้วยความตื่นเต้น รู้สึกมุ่งมั่นกับการต่อสู้มากกว่าตอนประมือกับสวีหมิงและลู่หยุน เขาหันมาเอ่ยเสียงดัง
“หวังเป่าเล่อ เจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสม!” พูดจบ ชายหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับพุ่งทะยานไปหาหวังเป่าเล่อ ทันใดนั้นทะเลโลหิตก็ปั่นป่วน ก่อนปลาคุนนกเผิงจะคลายผนึกออกมา!
ทันใดที่สิ่งมีชีวิตตนนั้นปรากฏกายออกมา ทั้งคนที่อยู่รอบๆ และฝูงชนด้านนอกต่างตื่นตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกที่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในสามารถสร้างอะไรกล้าแกร่งเช่นนี้ขึ้นมาได้ หลายๆ คน คิดว่ามีเพียงผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้!
แต่ผู้สรรค์สร้างสิ่งกล้าแกร่งนี้ขึ้นมากลับเป็นตู้กูหลิน เพียงแค่ร่างยาวหลายหมื่นเมตรของมันก็น่าตื่นตะลึงแล้ว มันร้องคำรามทันใดที่ปรากฏ มันไม่ได้พุ่งไปหาหวังเป่าเล่อ แต่หันหลังยกหางขึ้นเหวี่ยงใส่แทน!
เหมือนดังมีพัดขนาดใหญ่สร้างลมปั่นป่วนขยี้ทุกสิ่งที่ขวางทาง ปลาคุนนกเผิงเคลื่อนตัวแหวกอากาศ ทะเลโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว แต้มพื้นที่เป็นสีแดง!
อสูรร้ายรวดเร็วกว่าตู้กูหลินเสียอีก พริบตาเดียว หางของมันก็ไปปรากฏเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ!
ชายหนุ่มพลันสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่ไม่ได้มาจากเบื้องหน้า แต่เป็นด้านหลัง!
ขณะที่หางปลาคุนนกเผิงเหวี่ยงเข้าใส่เต็มกำลัง ขวางทางเบื้องหน้าไว้หมด ตู้กูหลินก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง!
เขาปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังหวังเป่าเล่อได้เช่นไรก็ไม่รู้ รู้เพียงว่ารูปลักษณ์ดูแปลกประหลาดไป รอบกายชายหนุ่มมีขนขึ้นปกคลุม ก่อนจะพลันแปลงกายเป็นวานรบ้าคลั่งสูงหลายร้อยเมตร!
ดวงตาของวานรแดงก่ำ สัมผัสได้ถึงความกระหายอยากต่อสู้อันมากล้น มันเหวี่ยงแขนขึ้นด้วยความคึกคะนอง กำปั้นทั้งสองเป็นดั่งถังน้ำขนาดมหึมาทุ่มเข้าใส่หวังเป่าเล่อพร้อมกับเสียงหัวเราะ!
ปลาคุนนกเผิงอยู่ด้านหน้า วานรยักษ์อยู่เบื้องหลัง เป็นสถานการณ์สุดคับขันที่ไม่เปิดโอกาสให้หวังเป่าเล่อได้ตอบโต้อะไร หากเป็นผู้อื่นคงจะสับสนไม่รู้จะทำเช่นไร ตู้กูหลินนั้นมากล้นไปด้วยประสบการณ์ การโจมตีทุกครั้งไม่เคยเสียเปล่า!
แต่หวังเป่าเล่อก็เคยผ่านสถานการณ์เสี่ยงตายเช่นนี้มามากมาย ขณะที่วิกฤตอันตรายกำลังพุ่งเข้ามา ชายหนุ่มกลับสงบนิ่ง พยายามข่มใจไม่ให้ใช้กระบวนเวทเกราะจักรพรรดิ ไม่ใช่ว่าไม่ควรใช้ แต่เขาคิดว่าหากเก็บไว้ใช้เป็นไพ่ตายลับคงจะรู้สึกยอดเยี่ยมยิ่งกว่า!
แสงสว่างฉายวาบในดวงตาชายหนุ่มขณะตั้งผนึกมือขึ้นโดยไม่ลังเลใจ ทันใดแถบผ้าก็ปรากฏ หมุนวนพันรอบพื้นที่ กระบี่บินสามสีส่องแสงเป็นประกายขณะพุ่งตรงไปหาปลาคุนนกเผิง หวังเป่าเล่อหันหลังกลับไปมอบกำปั้นให้วานรยักษ์ที่ตู้กูหลินจำแลงกายมาเป็นการต้อนรับ!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ตั้งแต่อันตรายบังเกิดจนถึงโจมตีสวนกลับ เสียงดังสนั่นระเบิดก้องกังวาล แถบผ้าที่มีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่ากับอาวุธเวทระดับแปดมีพลังป้องกันเฉพาะตัว กระบินสามสีที่เป็นอาวุธเวทระดับเก้าก็แกร่งกล้าไม่แพ้กัน อาวุธเวททั้งสองชิ้นเสริมพลังให้แก่กัน ช่วยต้านหางของปลาคุนนกเผิงที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเด้งถอยกลับไป
หมัดของหวังเป่าเล่อทะยานตรงออกไปโดยปราศจากความลังเลใดๆ พุ่งเข้าปะทะวานรยักษ์เข้าอย่างจังด้วยแรงประสานจากพลังกายและพลังปราณ
เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ปราณเลือดในกายหวังเป่าเล่อปั่นป่วน เขารู้ดีว่าตนเสียเปรียบอยู่เล็กน้อยในศึกครั้งนี้ จึงตั้งใจจะใช้แรงปะทะถอยหนีไปตั้งหลักก่อนจะเข้าโจมตีใหม่อีกครั้ง แต่ตู้กูหลินก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำตามที่หวัง
“เหมือนว่าทั้งหมดจะยังไม่พอให้เจ้าดึงไพ่ตายออกมาใช้อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเพิ่มความกดดันขึ้นไปอีก!” ตู้กูหลินอ้าปากพ่นลูกประคำออกมาสามลูก!
ลูกประคำสีเขียวทั้งสามมีร่างเรือนรางผนึกไว้ด้านใน เป็นตัวตนที่แปลกประหลาด สร้างแรงกดดันมหาศาลจนใจหวังเป่าเล่อสั่นไหว ยังไม่ทันจะมองได้ทันว่ามีอะไรอยู่ด้านใน ตู้กูหลินก็ตะโกนขึ้น
“แตกออก!”
ทันใดนั้น ลูกปัดทั้งสามก็แตกออกพร้อมเสียงระเบิด ตัวตนรูปลักษณ์เหมือนตู้กูหลินสามตนพลันปรากฏกาย แต่ละตนแผ่พลังกล้าแกร่ง ทั้งสี่และปลาคุนนกเผิงพุ่งเข้าล้อมหวังเป่าเล่อจากห้าด้านพร้อมกับปล่อยพลังทรงอำนาจ!
สัญญาณอันตรายกว่าครั้งก่อนดังขึ้นในหัว การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ประจักษ์แล้วว่าตู้กูหลินนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แม้หวังเป่าเล่อจะเตรียมใจไว้พร้อม แต่ลึกๆ ก็ยังสั่นกลัว หากเปลี่ยนเอาโจวชู่เต๋ามาแทนที่ คงจะพลาดท่าไปนานแล้ว!
ช่างเป็นคนที่ควรค่าแก่การต่อสู้! ชายหนุ่มหรี่ตา สังเกตว่าถ้าลูกปัดไม่ได้แตกออก คงจะสามารถนำมาใช้หใม่ได้หลายครั้ง แต่พลังคงไม่มากล้นเท่ากับตอนนี้ เขาตระหนักว่าตู้กูหลินนั้นแน่วแน่เด็ดเดี่ยว สนเพียงแค่เอาชนะให้ได้โดยไม่สนใจว่าจะเสียอะไรไป!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อพลันฉายแววดุดัน เขาไม่มัวคิดเล็กคิดน้อย รีบตั้งผนึกมือชี้ไปทางแถบผ้าพร้อมกับร้องตะโกนขึ้น
“จงระเบิด!”
ทันใดนั้น แถบผ้าก็พลันระเบิด วัตถุชิ้นนี้ไม่ใช่อาวุธเวทระดับแปดแบบใช้ได้ครั้งเดียว แต่เป็นสมบัติของอารยธรรมต่างดาว แถบผ้าระเบิดเป็นพายุหมุนรอบหวังเป่าเล่อ กระบี่บินสามสี่พุ่งแหวกอากาศจนเกิดเสียงตรงไปทางร่างอวตารทั้งสามของตู้กูหลิน
ยังไม่จบเพียงแค่นั้น หวังเป่าเล่อรีบหยิบเอาอาวุธเวทระดับแปดแบบใช้ได้ครั้งเดียวห้าชิ้นออกมาระเบิดเพิ่ม พายุที่หมุนรอบตัวขยายขนาดพุ่งสูงเฉียดฟ้า ปล่อยพลังแกร่งกล้าพัดไปรอบทิศ!
วานรยักษ์สั่นกลัวเมื่อเห็นพายุทรงอำนาจ ตู้กูหลินนึกแปลกใจที่ได้เห็นความแน่วแน่ของหวังเป่าเล่อ เขาสัมผัสได้ว่าแถบผ้าเป็นวัตถุระดับใด หากระเบิดแค่ชิ้นเดียวคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่อีกฝ่ายกลับระเบิดเพิ่มอีกห้าชิ้น ความเด็ดเดี่ยวนี้ทำให้ตู้กูหลินต้องตะลึงงันเป็นนครั้งแรก ชายหนุ่มไม่กล้าเข้าไปปะทะกำพลังระเบิดจากอาวุธเวท ได้แต่ล่าถอยกลับไป
ร่างอวตารทั้งสามถอยหนีไปเมื่อเห็นพายุก่อตัวขึ้นและกระบี่บินสามสีที่พุ่งเป้ามา ช่องโหว่จากการโจมตีของตู้กูหลินพลันปรากฏ นั่นก็คือระยะห่างของตู้กูหลินและร่างอวตารทั้งสาม แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้เล็งที่จุดนั้น เขาถอยหลังไปปะทะกับหางของปลาคุนนกเผิงจนกระอักเลือดสดออกมา ทิ้งระยะห่างจากตู้กูหลินและร่างอวตารที่เว้นช่องว่างห่างจากกัน!
จากนั้น เขาก็โยนเหรียญไปทางช่องว่างนั่น!
ตู้กูหลินหรี่ตาเล็ก แววตาแฝงไปด้วยความตื่นเต้น เขายกมือขึ้นโบก พลันด้ายที่เกือบจะมองไม่เห็นก็ปรากฏก็ขึ้นตรงช่องว่างระหว่างชายหนุ่มกับร่างอวตาร ก่อนจะเข้าล้อมรอบเหรียญทองแดงไว้อย่างแน่นหนา!
“หวังเป่าเล่อ ข้าชักจะสนใจในตัวเจ้า!” ตู้กูหลินหัวเราะก่อนจะกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!
บทที่ 577 วิญญาณจงมา!
“ที่เจ้าพูดทำให้คนเข้าใจผิดได้นะรู้ไหม” ขณะที่ตู้กูหลินกำลังพุ่งเข้ามา หวังเป่าเล่อก็หัวเราะขึ้น เลือดที่ไหลอยู่มุมปากทำให้รอยยิ้มของเขาดูชั่วร้ายยิ่งนัก ชายหนุ่มยกมือขวาชี้ไปทางเหรียญทองแดงที่ถูกด้ายตรึงเอาไว้!
ขณะที่เขาชี้นิ้วไป เหรียญทองแดงก็สั่นไหว อักขระเวทมากมายพวยพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ พลังมหาศาลปะทุออกมาทลายด้ายที่ตรึงอยู่และพุ่งตรงไปทางตู้กูหลิน!
พลังขั้นจุติวิญญาณแผ่พุ่งออกมาจากอักขระเวทมากมายที่ทะลักออกมาจากเหรียญทองแดง เกิดเป็นพลังกดดันถาโถมเข้าใส่ตู้กูหลิน!
มองไกลๆ จะเห็นว่าอักขระมากมายได้ทับซ้อนกันเป็นรูปเหรียญทองแดงขนาดมหึมากลางอากาศ ทุกคนตื่นตะลึงไปเมื่อได้เห็น ผู้ชมด้านนอกอึ้งไป เมี่ยเลี่ยจื่อถึงกับเบิกตากว้าง
“ขุนพลอักขระเวทโบราณ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบก่อนเขาจะร้องคำรามขึ้น!
“วิญญาณแห่งขุนเขา เทพเจ้าแห่งสายฟ้า จงสังหารผีสางวิญญาณเหล่านี้ให้คุกเข่ายอมจำนน ทำลายปีศาจร้ายและปัดเป่าทมิฬมารให้สิ้นซาก ปกป้องเทพไท้อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีชีวิตนิรันดร์!”
สิ้นคำ เหรียญทองแดงขนาดมหึมาที่เกิดจากอักขระเวทประกอบรวมกันก็ปล่อยสายฟ้าฟาดออกมาใส่ตู้กูหลิน ชายหนุ่มตื่นตะลึงไป แต่ก็ยกมือขึ้นกวาดพร้อมกับต่อยสายฟ้าฟาดมากมายที่กระหน่ำเข้าใส่ เหรียญทองแดงอักขระเวทเริ่มเคลื่อนตัวลงมาขังตู้กูหลินไว้ภายใน!
ยังไม่จบแค่นั้น หวังเป่าเล่อตั้งผนึกมือชี้ไปทางเหรียญทองแดงก่อนจะร้องคำรามขึ้นอีกครั้ง
“สายอัสนีเบื้องหน้า ผังแปดทิศเบื้องหลัง จงผนึก!”
ทันใดที่พูดจบ แผนผังแปดทิศก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเหรียญทองแดง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวตามมาทันใดที่มันร่วงทับตู้กูหลิน พลังกดดันทวีคูณแรงขึ้น เส้นสายฟ้ามากมายฟาดฝ่าใส่ไม่หยุดยั้ง ตู้กูหลินเกือบจะพ่ายให้พลังดังกล่าว!
ทันใดนั้น ดวงตาของตู้กูหลินก็ฉายแสงวาบ เขามองลึกเข้าไปในตาหวังเป่าเล่อก่อนจะยกมือขึ้น เผยให้เห็นดอกไม้ดอกหนึ่ง!
เป็นดอกไม้ห้ากลีบห้าสี!
ทันใดที่ดอกไม้ปรากฏ พลังเทียบเท่าอาวุธเวทระดับเก้าก็พวยพุ่งออกมา หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงไปเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของดอกไม้ ก่อนเสียงตู้กูหลินจะดังก้องขึ้น
“เจ้าทำให้ข้าต้องใช้สมบัติชิ้นนี้ หวังเป่าเล่อ ถ้าเจ้าไม่มีการโจมตีรูปแบบอื่นแล้ว ก็จงแพ้ลงตรงนี้!” ตู้กูหลินฉีกกลีบสีน้ำเงินของดอกไม้ห้าสีโดยไม่ได้สนใจผังแปดทิศที่ล้อมรอบ เหรียญทองแดงด้านบนหัว หรือแสงสายฟ้ารอบกายเลยแม้แต่น้อย กลีบดอกไม้สีฟ้าปลิวไสวไปตามลมเมื่อเขาปล่อยมือ
ทุกอย่างหยุดนิ่งไปขณะกลีบดอกไม้ปลิวตามลม ก่อนฟองอากาศสีฟ้ามากมายจะปรากฏขึ้นบนผังแปดทิศ เหรียญทองแดงอักขระเวทขนาดมหึมาบนฟ้าเองก็โดนฟองอากาศสีฟ้าเข้าห้อมล้อม
สายฟ้ารอบๆ เองก็กลายเป็นฟองอากาศไป ขณะที่ทุกสิ่งรอบตัวตู้กูหลินแปรสภาพเป็นฟองอากาศ ชายหนุ่มก็กระแอมไอ ฟองอากาศพลันระเบิดออกพร้อมกัน ทำลายทุกสิ่ง ทิ้งเหรียญทองแดงที่เหมือนโดนกัดกร่อนร่วงลงพื้น
หวังเป่าเล่อจ้องดอกไม้ที่เหลือเพียงสี่กลีบในมือตู้กูหลิน เขาสนใจกลีบสีดำเป็นพิเศษ แม้จะรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายร้ายแรงจากดอกไม้ แต่ก็ยังยับยั้งใจไว้ไม่ปล่อยเกราะจักรพรรดิออกมา ชายหนุ่มกำลังจะเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ทันใดแสงเย็นชาก็ปรากฏในดวงตาตู้กูหลิน เขาฉีกกลีบดอกไม้สีแดงข้นราวกับเลือดออก
“ดูดเลือด!” ตู้กูหลินเอ่ยขึ้น หวังเป่าเล่อผงะไป ดวงใจสั่นเทิ้มเมื่อเห็นกลีบดอกไม้หลุดออกจากมือ เขารู้สึกว่ากลีบดอกไม้ได้สร้างความเชื่อมโยงบางอย่างกับตนเอง
การเชื่อมโยงนี้เกิดขึ้นทันทีที่กลีบดอกไม้ถูกฉีกออก ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ตู้กูหลินเปิดปาก พลันกลีบดอกไม้ก็กลายเป็นมือโลหิตเข้าจับอีกฝ่าย ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้ม ใบหน้าเริ่มซีดเผือด หมอกโลหิตผุดออกมาจากรูขุมขนของเขา!
หมอกโลหิตพวยพุ่งออกมาจากหู จมูก ปาก ชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมเลือดที่โดนดึงออกไปด้วยพลังประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้!
หวังเป่าเล่อได้สัมผัสพลังประหลาดจากสมบัติเวท เขาหายใจถี่รัว ตู้กูหลินผู้มากประสบการณ์ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาฉีกกลีบที่สามออกในทันที!
กลีบที่สามมีสีขาว!
“หักกระดูก!”
ทันใดที่กลีบร่วงหล่น แสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้นก่อนจะกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวฉีกยิ้มให้หวังเป่าเล่อ เลือดในกายชายหนุ่มโดนดูดออกไปเป็นจำนวนมาก กระดูกโดนพลังไม่ทราบแหล่งที่มาเข้าโจมตี เกิดรอยแตกมากมายขึ้นบนกระดูกราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
หากเป็นผู้อื่นคงจะสิ้นลมไปแล้วเมื่อโดนการโจมตีเหล่านี้ แต่หวังเป่าเล่อมีแก่นในหัวใจในครอบครองจึงมีร่างกายอันแข็งแกร่ง ดอกบัวสีเขียวในกายสั่นไหว ปล่อยพลังชีวิตเพื่อฟื้นฟูเลือดที่เสียไปและกระดูกที่แตกร้าว!
แต่ก็ทำได้แค่เพียงให้ร่างกายสมดุลอีกครั้ง หากการโจมตีของตู้กูหลินจบเพียงแค่นี้ก็คงจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาลงมือต่อ ร่างของเขาจะเสียสมดุลทำให้ตัวสั่นเทิ้ม เลือดเหือดหาย กระดูกป่นปี้เป็นผุยผง!
แม้จะพบกับสถานการณ์เช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็ไม่ยอมปล่อยเกราะจักรพรรคิ เขาร้องคำรามพร้อมกับพุ่งเขาหาตู้กูหลินที่กำลังรู้สึกเหนื่อยหน่าย
“เจ้าคิดว่าจะเข้ามาหาซึ่งๆ หน้าทั้งที่ข้าถือดอกแทนสวรรค์ไว้อย่างนั้นหรือ” เขาส่ายหน้าพร้อมกับฉีกกลีบสีดำที่สี่!
“วิญญาณจงมา!”
สิ้นคำ กลีบดอกไม้สีดำก็สลายหายไป ก่อนหมอกสีดำจะกระจายไปทั่ว ลูกไฟสีดำน่าพรั่นพรึงปะทุขึ้น ด้านในมีเรือเดียวดายขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏอยู่ บนเรือมีชายชุดคลุมดำถือไม้พายตะเกียง ชายผู้นั้นยกมือขึ้นชี้หวังเป่าเล่อแต่ก็ต้องตัวสั่นเทิ้มไป!
หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นเมื่อเรือสีดำและชายชุดคลุมดำขนาดจิ๋วปรากฏ ดวงตาฉายแสงวายเมื่อเวลาที่เฝ้าคอยมาถึง!
แก่นในแห่งความมืดในร่างตื่นขึ้นทันใด เปลวไฟสีดำปะทุออกมาจากร่าง เรือสีดำและชายบนเรือจากกลีบสีดำกลับหลังหันไปร้องคำรามใส่ตู้กูหลินในทันใด ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อด้วยความตื่นตะลึงขณะชายตัวจิ๋วชี้ไม้พายตะเกียงใส่!
ตู้กูหลินตัวสั่นเทิ้ม ในหัวอื้ออึวไปหมด เขาตื่นตกใจ อยากจะถอยหนีแต่ก็ช้าเกินไป หวังเป่าเล่อร้องคำรามลั่นพร้อมกับพุ่งตัวออกไป ร่างของเขาเป็นดั่งดาวตกที่มีอนุภาพทำลายจักรวาล ชายหนุ่มยมือขวาขึ้นกำหมัด ทันใดนั้น เส้นปราณสีโลหิตก็กระจายปกคลุมรอบตัว ไอชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา เกราะจักรพรรดิลักอัคคีพลันปรากฏ!
ทันใดที่เกราะจักรพรรดิลักอัคคีปรากฏขึ้น พลังในกายหวังเป่าเล่อก็สูบฉีดเต็มกำลัง เพิ่มพลังทวีคูณขึ้นหลายเท่าจากก่อนหน้า เสริมพลังจากเกราะจักรพรรดิไปอีกสามเท่า!
พลังทั้งหมดสอดประสาน สร้างเป็นพลังทำลายล้ายน่าสะพรึงกลัวตรงเข้าใส่ตู้กูหลิน!
ทุกแห่งที่ผ่านถูกทำลายย่อยยับ ฟ้าดินสั่นไหวรุนแรง!
ตู้กูหลินตื่นตกใจเกินบรรยาย อยากจะปัดป้อง แต่วิญญาณของตนกำลังสั่นไหวเกือบจะหลุดลอยออกไป ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อโผล่มาแย่งดอกไม้ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งกลีบไป ก่อนร่างจริงของหวังเป่าเล่อจะปล่อยหมัดผ่านเกราะจักรพรรดิลักอัคคี กลุ่มศิษย์ที่จับตาดูอยู่รอบๆ และเหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลด้านนอกตื่นตะลึงไป!
ชายหนุ่มรวดเร็วและทรงพลังมากราวกับได้หยิบยืบพลังฟ้าดินมา ตู้กูหลินกระอักเลือดกองใหญ่ กระเด็นถอยหลังไป หวังเป่าเล่อพุ่งตามไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับต่อยเข้าอีกครั้ง!
หมัดเมื่อครู่สร้างรอยโหว่ตรงทรวงอกของตู้กูหลิน เผยให้เห็นกระดูกด้านใน แรงปะทะรุนแรงส่งร่างชายหนุ่มกระเด็นไปอีกยอดเขา ร่วงกระแทกพื้นจนเป็นหลุม หวังเป่าเล่อพุ่งตามไปพร้อมกับพลังมากล้น!
บทที่ 578 คลายผนึก!
สถานการณ์พลิกผัน!
ผู้ชมรอบๆ และผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลด้านนอกอ้าปากค้าง ศึกระหว่างตู้กูหลินและหวังเป่าเล่อพลิกผันกลับไปกลับมา ตอนแรกตู้กูหลินเหมือนจะขึ้นนำอยู่ กดดันหวังเป่าเล่อได้มากทีเดียว
เหล่าผู้ฝึกตนจากนอกโลกรู้จักเกราะเส้นปราณสีโลหิตที่ใช้จัดการโจวชู่เต๋าของหวังเป่าเล่อดี พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมปลดปล่อยออกมาสักทีแม้จะเข้าตาจน บางคนคิดไปว่าอาจจะมีข้อด้อยจึงไม่ใช้ เพราะขนาดโดนดอกไม้ห้าสีสูบเลือดหักกระดูกไปจนจะแพ้ก็ไม่ยอมใช้!
แต่สถานการณ์ก็กลับตาลปัตรจนทุกคนตื่นตะลึงไป ไม่รู้ทำไมกลีบสีดำจึงเปลี่ยนพวกเสียอย่างนั้น!
การทรยศครั้งนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยน หวังเป่าเล่อใช้โอกาสนี้ปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อทำลายล้างทุกสิ่ง เกราะสีโลหิตนี่ไม่ได้เห็นเสียทีก็พลันปรากฏ ระหว่างเข้าโจมตีก็ชิงกลีบดอกไม้ที่เหลืออยู่กลีบสุดท้ายไป แถมยังสร้างความเสียหายรุนแรงจากหมัดทั้งสองได้อีก!
หมัดที่ปล่อยไปทำให้ตู้กูหลินกระอักเลือดกองใหญ่ ทรวงอกถูกทะลวง ร่างหล่นกระแทกพื้น หวังเป่าเล่อพุ่งตามไปราวกับหอกแหลม เตรียมเข้าโจมตีต่ออีกครั้ง!
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ทุกคนที่จับตาดูอยู่หายใจถี่รัว แต่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงฮือฮา ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็หรี่เล็กเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่พุ่งออกมาจากตู้กูหลินที่ร่วงอัดภูผาตรงหน้า
แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่หยุดรอ แสงเย็นเยียบสว่างวาบขึ้นในตาขณะพุ่งเข้าไปใกล้ตู้กูหลิน ส่งกำปั้นพุ่งไปตรงทรวงอกที่ถูกทะลวงไว้ก่อนหน้า
ทันใดนั้น ตู้กูหลินก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองจางๆ แสงที่ส่องประกายออกมาแฝงไปด้วยความแกร่งกล้าและความคึกคะนอง!
“ผนึกที่หนึ่ง จงคลายออก!”
สิ้นคำ พลังทรงอำนาจก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างของตู้กูหลินในทันใด ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ยกมือขวาที่ส่องแสงสีทองแบบเดียวกันขึ้นต่อยหวังเป่าเล่อที่กำลังพุ่งเข้ามา!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น หวังเป่าเล่อแค่นเสียงทางจมูกขณะถูกส่งถอยหลังไปไกล เกราะจักรพรรดิลักอัคคีส่องแสงสีเลือดขณะที่ชายหนุ่มพุ่งตรงกลับไปหาตู้กูหลินที่กำลังพุ่งมาโจมตีอีกครั้ง!
หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันกลางอากาศส่งร่างของทั้งคู่หล่นกระแทกยอดเขา ก่อนจะลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่กันอีกครั้งภายใต้แผนที่บนฟากฟ้ายามราตรี ผ่านไปพักหนึ่ง ผืนพสุธาเบื้องล่างถูกทลายย่อยยับ ภูผารอบข้างสั่นไหว มีเพียงยอดเขาแฝดที่ยังตั้งตระง่านเพราะชายทั้งสองพยายามหลบเลี่ยง
ในช่วงห้านาทีที่ผ่านไปนั้น หวังเป่าเล่อและตู้กูหลินลืมไปและว่าได้ปล่อยหมัดไปมากเท่าใดแล้ว ทั้งสองสู้กันสุดความสามารถ แม้จะหายใจถี่รัว แต่ไฟนักสู้ก็ยังลุกโชนโชติช่วงไม่แปรเปลี่ยน
และจะไม่ดับแสงจนกว่าจะหาผู้ชนะได้!
“เอาอีก!” หวังเป่าเล่อหัวเราะขึ้นขัดเสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับแลบลิ้นเลียเลือดสดตรงมุมปาก เขาพุ่งเข้าไปหาตู้กูหลินที่กำลังขมวดคิ้วอยู่อีกครั้ง แม้จะเพลิดเพลินกับศึกครั้งนี้มาโดยตลอด แต่ก็ต้องตื่นตะลึงอยู่หลายครั้ง
ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมากหลังจากคลายผนึกแรก แต่หลังจากโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดห้านาทีก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มตามการต่อสู้ไม่ทัน!
พูดให้ชัดเจนคือร่างกายของเขาฟื้นฟูสภาพได้ไม่เร็วเท่าหวังเป่าเล่อ!
หวังเป่าเล่อสามารถโจมตีได้เรื่อยๆ เพราะร่างกายของเขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แม้ตู้กูหลินจะสามารถทานทนได้ แต่ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ตนก็จะหมดแรงในที่สุด!
ข้าสู้พลังกายเขาไม่ได้! ตู้กูหลินหรี่ตาพร้อมกับยกมือขวาต่อยไปเต็มแรง ใช้แรงสะท้อนในการถอยไปตั้งหลัก ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังพุ่งตามกลับมาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก็หยุดชะงัก พลันแสงดุดันก็สว่างวาบขึ้นในตา เขาตั้งผนึกมือพร้อมกับร้องคำรามขึ้น
“แดงชาด!”
ทะเลเพลิงสีม่วงไหลหลากออกมาจากร่างของเขาทันใดที่พูดจบ เปลวเพลิงสีม่วงลุกโชติช่วง ทั่วพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ผืนดินหลอมละลาย หินภูผากลายเป็นลาวา ทุกสิ่งถูกไอร้อนเข้าห้อมล้อม!
ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏให้เห็นเค้าร่างของหงส์ไฟ คลื่นพลังที่เกิดจากการบิดเบี้ยวสร้างเค้าโครงไร้สี โปร่งใสขึ้น!
เปลวเพลิงพวยพุ่งไปแต้มสีให้หงส์ไฟตัวใหญ่ราวสามร้อยเมตร กลายเป็นสีม่วง มันห้อมล้อมตู้กูหลินไว้ภายใน ก่อนจะร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!
มองจากไกลๆ เห็นเพียงสีม่วงของหงส์ไฟ ไม่สามารถเห็นตู้กูหลินที่อยู่ภายใน มันสยายปีกพุ่งเข้าใส่เกราะจักรพรรด์พร้อมกับทะเลเพลิงเดือดปะทุ!
ผู้ชมด้านนอกตะลึงงันไป เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณตื่นตกใจเมื่อตระหนักว่าตู้กูหลินได้ปลดปล่อยพลังเทียบเท่ากับขั้นจุติวิญญาณออกมา!
หากเป็นพวกตนก็คงต้องใช้พลังทั้งหมดในการต้านการโจมตีนี้ไว้ บางคนจึงคาดว่าหวังเป่าเล่อจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่!
ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องหงษ์ไฟ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงที่มองไม่เห็น เขารู้ดีว่าไม่มีทางหลบพ้นได้ จึงร้องคำรามเสียงดังพร้อมกับกำหมัดต่อยออกไป!
หมัดที่ปล่อยออกไปเสริมพลังขึ้นสองเท่าบวกด้วยพลังจากเกราะจักรพรรดิซ้อนขึ้นไปอีกสามเท่า เกราะจักรพรรดิลักอัคคีหดเล็กลงไปถึงร้อยละเจ็ดสิบ!
ก่อนหน้านี้เกราะจักรพรรดิมีขนาดสูงหลายร้อยเมตรแต่ตอนนี้หดเล็กเหลือยี่สิบเมตร พลังจากเกราะจักรพรรดิมารวมอยู่ที่หมัดของเขา!
เบื้องหน้าหงษ์ไฟปรากฏเป็นภาพหมัดมายาขนาดใหญ่ราวสามสิบเมตรพุ่งตรงเข้าใส่ ทันใดที่ทั้งสองสิ่งเจ้าปะทะกัน หวังเป่าเล่อก็กระอักเลือดสดออกมา เกราะจักรพรรดิส่งเสียงปริแตกขณะร่างของเขากระเด็นถอยหลังไป
หงษ์ไฟได้รับความเสียหายหนัก แต่ก็ยังไม่สลายหายไป ตรงอกปรากฏรูกว้าง มันหันมองตู้กูหลินด้วยความตื่นตกใจ
ยังไม่จบแค่นี้หรอก! ตู้กูหลินสูดหายใจลึก สำหรับตนแล้ว หวังเป่าเล่อเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยเจอมา สำหรับคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งเพียงนี้ เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีอีกไม่ได้ จึงพุ่งตรงไปหาหวังเป่าเล่อพร้อมกับหงษ์ไฟที่บาดเจ็บสาหัส!
ทันใดที่เขาเข้าไปใกล้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบ เขาท่องคาถาขึ้นในหัว
จงเบิกตาตื่น นักโทษแห่งสรวงสวรรค์เต๋า ผู้เป็นปรปักษ์ต้องพบกับความพินาศ…
เคล็ดวิชาแห่งเต๋า!
แม้ชายหนุ่มจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่นี่ก็เป็นรูปแบบการโต้กลับที่เขาคิดเอาไว้ พลังเกินบรรยายตื่นขึ้นจากลึกสุดของจักรวาลขณะหวังเป่าเล่อท่องเคล็ดวิชาในหัว ก่อนจะพวยพุ่งผ่านระบบสุริยะ ตรงมายังกระบี่สำริดเขียวโบราณ เข้ามาในสำนักวังเต๋าไพศาล และลงมายัง…วงแหวนปราณคาถาไร้ขอบเขต!
ตูม!
ฝูงชนด้านนอกหัวตื้อไปหมด พวกเขาล้วนตื่นตกใจ ยิ่งมีระดับการฝึกตนสูง ยิ่งตื่นตกใจหนักขึ้นไปอีก เมี่ยเลี่ยจื่อและเฟิ่งชิวหรันลุกขึ้นยืนพร้อมกับลั่นวาจาขึ้น
“นี่มันพลังอะไรกัน!”
ทุกคนต่างตื่นตกใจจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าสหายแห่งเต๋าโยวหรันกระอักเลือดสดออกมาจากปาก แม้จะพยายามต้านทานก็ไม่สามารถทานทนแรงปะทะจนเผยอปากขึ้นเล็กน้อย พลันปากของเขาก็กลายเป็นทรงสี่เหลี่ยม!
เลือดสดหายวับไปในทันใด!
ร่างของตู้กูหลินสั่นเทิ้ม ในหัวอื้ออึงไปหมด พลังปราณปั่นป่วน หงษ์ไฟสลายไปเพราะไม่สามารถทานทนพลังได้ไหว นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงเย็นเยียบ เขาพุ่งตรงไปหาตู้กูหลินอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นลำแสง!
บทที่ 579 ขีดจำกัด
ทั้งสองปล่อยการโจมตีสวนกันไปมา พลัดกันขึ้นนำ ก่อนพลังกดดันมหาศาลจะปรากฏขึ้นทีนใดพร้อมกับหวังเป่าเล่อที่พุ่งทะยานแหวกอากาศเข้าไปหาตู้กูหลินอีกครั้ง!
เขารวดเร็วจนเหมือนกับว่าได้หายวับไป เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ปลดปล่อยแก่นในแห่งความมืดในกาย เรียกเปลวไฟสีดำให้ตื่นขึ้นเพื่อรังสรรค์ทะเลเพลิงออกมาเบื้องหน้า
ทะเลเพลิงสีดำสนิท ไม่มีกลิ่นไอความร้อน มีเพียงความเย็นเยียบที่สามารถผนึกทุกสิ่งอย่างไว้ได้ เกิดเสียงปริแตกหลายครั้ง เหมือนว่าฟ้าดินและช่องว่างระหว่างทั้งสองถูกแช่แข็งไปในพริบตา!
เปลวไฟสีดำทำให้พลังปราณและสติสัมปชัญญะของตู้กูหลินปั่นป่วนหนักขึ้น เขากระอักเลือดสดกองใหญ่อีกครั้ง พยายามคุมร่างถอยห่างจากอีกฝ่าย แต่คู่ต่อสู้กลับตามมาไม่หยุด หวังเป่าเล่อยกมือขวา แววความดุดดันฉายขึ้นในตาขณะท่องคาถาในใจ!
หัตถ์สื่อวิญญาณ!
เคล็ดวิชาแห่งศาสตร์มืดหัตถ์สื่อวิญญาณ!
มือเลือนรางขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากหน้าอกของหวังเป่าเล่อในทันใด ราวกับมันได้ผุดออกมาจากนรก เปลวไฟสีดำถูกดึงดูดเข้าหา ลมพัดโหมกระหน่ำ ไม่ได้จะดับไฟให้มอด แต่พัดให้ปะทุแกร่งกล้าขึ้น!
พริบตาต่อมา เปลวไฟสีดำก็ลุกโชติช่วง ลุกลามไปทั่วทุกทิศ หัตถ์สื่อวิญญาณดูดเปลวไฟสีดำเข้าไป ก่อนจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นหลายพันเมตร!
แม้หัตถ์มหึมาจะดูเลือนราง แต่ก็แผ่พลังรัศมีกล้าแกร่งขนาดทำให้ตู้กูหลินสั่นเทิ้ม การโจมตีของหวังเป่าเล่อนั้นทั้งดุดันและยากเกินจะคาดเดา หัตถ์สื่อวิญญาณผสานรวมกับเปลวไฟสีดำกลายเป็นหัตถ์ขนาดมหึมาเสริมด้วยพลังแกร่งกล้าจากหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าจับตู้กูหลินทันทีที่เคลื่อนเข้าไปใกล้!
ขณะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ตู้กูหลินไม่มีเวลาคิดหาวิธีรับมือมากนัก วิกฤตถึงตายตรงหน้าทำให้แสงสีทองในตาแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด เขาร้องคำรามลั่นเมื่อหัตถ์สื่อวิญญาณเคลื่อนเข้าหา!
“ผนึกที่สองจงคลายออกเป็นเวลาชั่วสิบลมหายใจ!”
ทันใดที่พูดจบ พลังที่สะสมอยู่ในกายมาเนิ่นนานก็ปะทุออกมา เป็นพลังแกร่งกล้าที่มากกว่าครั้งก่อนถึงสิบเท่า ตู้กูหลินกลายเป็นดั่งทะเล พลังของเขาก่อตัวเป็นกระแสลมวนก่อให้เกิดพายุพัดกระจายไปทั่วทุกทิศ!
เกิดเสียงดังสนั่นก้องพื้นพิภพและสรวงสวรรค์ พายุสุมตัวใหญ่ขึ้นราวสามร้อยเมตรพร้อมด้วยพลังมากล้น!
หัตถ์สื่อวิญญาณของหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้ม ไม่สามารถบีบมือจับได้ เริ่มจะทลายลง หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตรายจึงถอยกลับไปทันที
ชายหนุ่มพบว่ามีอะไรแปลกไปขณะมองร่างตู้กูหลินที่ลอยขึ้นฟ้ากลางพายุหมุนขนาดใหญ่!
เส้นผมของเขาพัดปลิวไปตามสายลม สีตาไม่ได้เรืองแสงสีทองจางๆ อีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วยสีทองอร่ามที่กำลังกระจายแสงออก ส่งให้ทั้งตัวเปล่งแสงสีทอง พลังกดดันมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากตู้กูหลินที่ตอนนี้เป็นดั่งเทพแห่งสงคราม!
ภาพเบื้องหน้าไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจไป สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึงไปคือตู้กูหลินที่กำลังเปล่งแสงทองอร่ามได้ทำให้พลังกดดันมหาศาลและพายุขนาดใหญ่หายวับไปเพียงแค่ยกมือขวาขึ้น!
ทุกสิ่งหายวับไปหมด ราวกับว่าชายหนุ่มแค่รอยอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ปล่อยพลังใดๆ ออกมา สัมผัสวิญญาณของหวังเป่าเล่อไม่สามารถรับรู้ได้ถึงร่องรอยพลัง!
หวังเป่าเล่อหยุดหายใจไป ในหัวส่งสัญญาณเตือนภัยอันตรายร้ายแรงกว่าที่เคยพบก่อนหน้า ร่างกายเต้นกระตุกราวกับจะบอกว่าให้หลบเลี่ยนชายเบื้องหน้าไป!
ผู้ชมรอบๆ และภายนอกต่างตื่นตะลึงไป ยังไม่ทันจะส่งเสียงร้องฮือฮา ตู้กูหลินก็เริ่มขยับตัว!
เขาไม่ได้อ้าปากพูด เพียงแค่ก้าวเท้าออกไปเงียบๆ หวังเป่าเล่ออยากจะหลบหนี แต่ตู้กูหลินก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าในพริบตา!
จากนั้นก็ยกมือขึ้นต่อย!
ภาพหมัดเมื่อครู่เทียบกับภาพหมัดมังกรเก้าเศียรไม่ได้เลยแม้ตาน้อย แต่กลับสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า หวังเป่าเล่อไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ตัวของเขาแข็งทื่อ ราวกับว่าถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องรับหมัดนี้!
ทั้งหมดเป็นเพราะตู้กูหลินได้ปลดผนึกที่สองทำให้พลังทุกอย่างของเขาแข็งแกร่งเกินหวังเป่าเล่อไปมาก!
หวังเป่าเล่อทำได้เพียงยกมือขวาของเกราะจักรพรรดิลักอัคคีขึ้นมาทานการโจมตี พลังทั้งหมดเสริมด้วยพลังจากเกราะจักรพรรดิปะทุขึ้น เมื่อหมัดของตู้กูหลินเข้าปะทะ หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าโดนเรือบินพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเต็มพิกัด เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น มือขวาของเกราะจักรพรรดิถูกทำลายป่นปี้!
หวังเป่าเล่อกระอักเลือดสด ล่าถอยหลังไปไกลจากแรงปะทะ ยังไม่ทันจะถอยไปได้ไกล ตู้กูหลินก็เข้าประชิดอย่างเงียบเชียบและยกมือขึ้นต่อยหมัดที่สอง!
ครั้งนี้เล็งไปที่ช่วงอกของเกราะจักรพรรดิ เสียงปริแตกดังก้องไปทั่วถูกทิศขณะเกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อแตกเป็นชิ้นๆ หมัดที่สามของตู้กูหลินพุ่งทะลวงทรวงอกของคู่ต่อสู้ที่เผยให้เห็นจากเกราะที่แตกออกอย่างไม่ลังเลใจ!
แรงปะทะรุนแรงจนวิสัยทัศน์ของหวังเป่าเล่อมืดดับ เขากระอักเลือดสด ร่างกายไร้เรี่ยวแรงถูกซัดถอยหลังไป ชายหนุ่มเป็นดั่งว่าวที่ถูกตัดออกจากสาย ร่วงหล่นลงบนยอดเขาที่เป็นตัวแทนของตนเอง!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ภูผาร้าวแตก ส่งหินร่วงกราว หวังเป่าเล่อนอนกองเกือบไร้สติไปอยู่บนยอดเขา เลือดสดไหลออกจากปากไม่หยุด แต่ตู้กูหลินก็ไม่ได้หยุดมือเพียงแค่นั้น!
ตู้กูหลินพุ่งเข้าไปต่อยอีกครั้ง!
หมัดนี้ไม่ได้เล็งไปที่หวังเป่าเล่อ แต่เป็นผืนดินข้างๆ ก้อนหินถูกบดขยี้เป็นฝุ่นผง พื้นพสุธาสั่นสะเทือนส่งร่างไร้เรี่ยวแรงกระเด็นขึ้นฟ้า!
ตู้กูหลินทะยานตามขึ้นไปเหนือร่างของชายหนุ่ม เขาก้มมองหวังเป่าเล่อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาของเขาฉายแววเย็นเยียบขณะต่อยหมัดที่ห้าไป!
หมัดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ อีกทั้งยังเสริมแรงด้วยความเร็วเกิดพิกัดเมื่อครู่จนเกิดเป็นพลังสั่นสะท้านฟ้าดิน เกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อโดนทำลายย่อยยับ ร่างพุ่งกระแทกพื้นจนเกิดเป็นหลุมลึก!
เลือดสดไม่ได้ไหลออกจากปากแต่เป็นทั่วร่าง ชายหนุ่มแทบจะสิ้นสติไป ตู้กูหลินที่ปลดผนึกที่สองแข็งแกร่งเกินจินตนาการ แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณยังนึกสะพรึงกลัว
แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ยอมแพ้ ดอกบัวในกายพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มหอบหายใจพร้อมกับลืมตามองตู้กูหลินที่ลอยอยู่บนฟ้า
“หวังเป่าเล่อ!” ตู้กูหลินก้มมองด้วยแววตาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เขาจ้องหวังเป่าเล่อที่กำลังหยัดยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล
“ต่อไปเป็นหมัดที่หกซึ่งเป็นขีดสุดของพลังข้า ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้เสีย ถ้ายังดื้อด้านต่อไป เจ้าจะต้องได้พบกับความตาย แต่ก็ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะปล่อยพลังเต็มขั้นออกมาได้เมื่อต้องพบกับสถานการณ์เป็นตาย!”
“ข้าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของเจ้า!” พูดจบ ตู้กูหลินก็ยกมือขวาขึ้นกำหมัด ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามก็ดังก้องขึ้นจากด้านหลัง ภาพวานรยักษ์ปรากฏขึ้น ตามด้วยมังกรเก้าเศียรสีนิล หงษ์ไฟ และปลาคุนนกเผิง ภาพอสูรทั้งสีบดบังทั่วทั้งผืนฟ้า ห้อมล้อมตู้กูหลิน พลันเคลื่อนทับซ้อนกันกลายเป็นกำปั้นมายาใหญ่ยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่น!
กำปั้นเบื้องหน้าเป็นดั่งทัณฑ์สวรรค์ที่พุ่งตรงใส่หวังเป่าเล่อ!
ผ่านไปครบชั่วสิบลมหายใจแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น