จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 572 - 574
ตอนที่ 572
ทวงคืน
“ในเมื่อผู้นำของเจ้ามาไม่ได้ เจ้าก็ไส้หัวไปซะ!” เฟิงผั่วหยุนพูดและสะบัดมือ
มีรึที่ไป๋หยวนจะกล้าต่อต้าน? โชคดีที่อีกฝ่ายเป็นคนนิสัยอย่างเฟิงผั่วหยุน ถ้าหากเป็นตัวตนระดับทลายมิติคนอื่นล่ะก็ มันคงจะตกตายไปหลายร้อยรอบแล้ว
ถึงแม้รูปแบบอาคมสังหารที่สี่จะสามารถสังหารได้แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติขั้นสูง แต่ตอนนี้มันยังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่ ดังนั้นแม้จะเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นต้นก็สามารถทำลายรูปแบบอาคมนี้ได้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋หยวนก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ด้วยพลังของมันแล้ว มันจะสร้างปาฏิหาริย์ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้รึ?
ในโลกนี้ ตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่ต่างอะไรกับพระเจ้า
เฟิงผั่วหยุนเดินตรงเข้าไปยังจุดกึ่งกลางของหมอกสีดำที่เกิดจากรูปแบบอาคมสังหารที่สี่
ภายในประตูเมือง ทุกคนกำลังรู้สึกสับสน ในเมืองที่ถูกวางกับดักแบบนี้ ไม่มีใครคิดว่าจู่ๆจะมีตัวตนระดับทลายมิติปรากฏตัวออกมา
ภายในจิตใจของทุกคน ตัวตนระดับทลายมิติก็ไม่ต่างอะไรกับตำนาน
ผ่านไปสักพัก ทุกคนก็มองเห็นประกายแสงที่น่าสะพรึงกลัวจากระยะไกล คลื่นพลังทำลายเหล่านั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก คลื่นกระแทกที่เกิดการประกายแสงเหล่านั้นปะทะเข้ากับข่ายอาคมป้องกันของเมืองทำให้ทุกคนสั่นกลัว
มันคือการต่อสู้ของตัวตนระดับทลายมิติ ถ้าหากไม่มีข่ายอาคมป้องกันเมืองเอาไว้ คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์กระอักโลหิตออกมา และหากเป็นระดับก้าวสู่เทวาก็คงจะร่างกายแตกสลาย
พลังทำลายล้างของการโจมตีของตัวตนระดับทลายมิตินั้นทรงพลังจนไม่สามารถเพ้งตาจ้องมอง
‘ตูม! ตูม! ตูม!’
การปะทะที่รุนแรงยังคงดำเนินต่อไป รัศมีแห่งแสงระเบิดไปทั่วท้องฟ้าจนราวกับสวรรค์กำลังสั่นสะเทือน ทุกคนสามารถมองเห็นว่าช่องว่างมิติกำลังถูกฉีกขาดพร้อมกับมีเศษดวงดาวร่วงหล่นลงมาเป็นอุกกาบาต
หลิงฮันรู้สึกขนลุกทันที ในทวีปฮงเทียนแห่งนี้ อาวุธวิญญาณระดับสูงที่สุดซึ่งก็คือระดับสิบนั้นถูกหลอมขึ้นจากแร่อุกกาบาต และแร่อุกกาบาตนั่นมาจากไหน? แต่นอนว่าพวกมันคือเศษดวงดาวที่ร่วงหล่นลงมา
แต่ต้องรู้ก่อนว่าเหนือต้องฟ้านั้นมีชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นปกคลุมอยู่ แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถบินขึ้นเหนือชั้นบรรยากาศนั่นขึ้นไปได้ แต่แล้วจะนำดวงดาวเหล่านั้นมาได้อย่างไร? มีเพียงตัวตนระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถทำได้
เฟิงผั่วหยุนและรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ปะทะกันอย่างดุเดือด ดวงดาวมากมายถูกทำลายจนกลายเป็นเศษอุกกาบาต ถึงแม้จะไม่ใช่ดวงดาวทุกดวงที่สามารถนำมาหลอมเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบได้ แต่ในหมู่อุกกาบาตเหล่านั้นคงต้องมีซักหนึ่งหรือสองก้อนที่ใช้ได้ล่ะน่า
ช่างน่าเสียดายอย่างมากที่รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ยังไม่ถูกทำลาย ไม่เช่นนั้นหากเขาผลิผลามออกจากเมืองไปตอนนี้ เขาคงถูกสังหารเป็นแน่
มีคนไม่น้อยที่มีเป้าหมายเช่นเดียวกับเขา แววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความเร่าร้อน แต่ทุกคนก็ต้องยับยั้งความคิดเหล่านั้นเอาไว้… ใครกันจะกล้าไปเก็บเกี่ยวสิ่งของจากตัวตนระดับทลายมิติ? พวกเขาเบื่อชีวิตแล้วรึไง
แสงแห่งการทำลายล้างช่างทรงพลังยิ่งนัก จะมีสักที่คนที่เคยเห็นตัวตนระดับทลายมิติลงมือต่อสู้?
จนถึงทุกวันนี้ คนที่โชคดีก็คงเคยเห็นเพียงผ่านรูปแบบอาคมบางอย่าง ไม่มีใครเลยที่เคยเห็นการต่อสู้ของจริง
หลังจากการปะทะอันดุเดือด จู่ๆสถานการณ์ก็กลายเป็นเงียบสงบ
จบแล้ว?
“ดูนั่น หมอกเริ่มจางหายไปแล้ว!” ใครบางคนอุทานออกมา
เมื่อมองไปด้านหน้าจะเห็นหมอกที่กำลังกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจหมอกสีดำที่ล้อมรอบทั่วท้องฟ้าเอาไว้ก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์
รูปแบบอาคมสังหารที่สี่ถูกทำลายแล้ว!
บริเวณที่ห่างไกลออกไป เฟิงผั่วหยุนกำลังยืนอยู่อย่างสงบนิ่ง ทุกคนที่มองไปยังเฟิงผั่วหยุนรู้สึกราวกับว่าการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่สำหรับเขาแล้วมันไม่นับเป็นอันใดแม้แต่น้อย เฟิงผั่วหยุนหันหน้าและเดินกลับมายังประตูเมือง
หลิงฮันต้องยอมรับเลยว่าพลังของพี่ชายคนนี้ของเขาช่างเหนือกว่าจินตนาการของเขาไปไกลนัก
“นี่เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกระซิบ
“หืม นี่เจ้ารู้จักเขา?” จูเสวียนเอ๋อประหลาดใจ
“ข้าพบเขาพร้อมกับฮันฮันเมื่อวาน ฮันฮันกับชายคนนั้นดื่มสุราและปฏิญาณว่าจะเป็นพี่น้องกัน” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนกล่าว
‘แค่กๆ!’
จูเสวียนเอ๋อสำลักทันที กลายเป็นพี่น้องกับตัวตนระดับทลายมิติ? เรื่องที่ราวกับความฝันเช่นนั้นน่ะรึ! แต่เมื่อคิดดีๆแล้ว หลิงฮันเองก็เป็นถึงนักปรุงยาระดับสวรรค์ หากเทียบกับตัวตนระดับทลายมิติแล้ว สถานะของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก พวกเขาล้วนแต่เป็นตัวตนสูงส่งที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพ
หลิงฮันชะงักเล็กน้อย ฮันฮัน? เมื่อใดกันที่นางตั้งชื่อเช่นนี้ให้กับเขา?
ทุกคนกระโดดลงจากกำแพงเมืองและเปิดประตูเพื่อต้อนรับการกลับมาของเฟิงผั่วหยุน
“ปรมาจารย์เฟิง!”
“ปรมาจารย์เฟิง!”
ยิ่นเฉวยางและจอมยุทธระดับสวรรค์ทำการคารวะ ส่วนจอมยุทธคนอื่นๆนั้น พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเปิดปากพูด ทำได้เพียงยืนมองจากระยะไกล
เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและพูด “ข้าติดหนี้บุญคุณหยินสามเอาไว้ ก่อนหน้านี้เขาได้ขอร้องข้าเอาไว้ว่าถ้าหากมีวิกฤตใดเกิดขึ้นกับเมืองหมื่นสมบัติ ขอให้ข้าลงมือช่วยเหลือให้ที เพราะงั้นพวกเจ้าจึงไม่ต้องรู้สึกขอบคุณข้าขนาดนั้น”
หยินสามไม่ใช่ชาวเมืองทั่วไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีคุณสมบัติจะทำให้ตัวตนระดับทลายมิติติดหนี้บุญคุณ! เขาคือผู้อาวุโสที่สามของตำหนักสมบัติวิญญาณ แซ่หยิน นามอีเก้อเทียน ผู้คนที่ใกล้ชนิดกับเขาจะเรียกเขาว่าหยินสาม
แต่ก็แน่นอนว่ามีเพียงตัวตนระดับทลายมิติเท่านั้นที่จะกล้าเรียกเขาแบบนั้น
ยิ่นเฉวยางเข้าใจทันที ถึงว่าทำไมผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักถึงกล้าพาผู้อาวุโสอีกเจ็ดคนไปด้วยทั้งหมด ที่แท้เขาก็มีการเตรียมการเอาไว้แล้วนี่เอง
มีตัวตนระดับทลายมิติคอยคุ้มกันเมืองอยู่ยังมีอะไรต้องกังวลอีกรึ? เพียงแต่ทำไมเฟิงผั่วหยุนถึงไม่ปรากฏตัวให้เร็วกว่านี้ พวกเขานึกว่าพวกเขาจะต้องตายเสียแล้ว แต่ใครกันจะกล้าเอ่ยปากถามคำถามกับตัวตนระดับทลายมิติ?
เฟิงผั่วหยุนมีจอมยุทธระดับสวรรค์หลายคนคอยรับรอง ส่วนจอมยุทธคนอื่นๆนั้นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้น แถมยังมีคนบางคนที่มีธุระอื่นต้องทำอีกด้วย
“ฮันหลิง คืนผลึกก่อเกิดข้ามา!” ใครบางคนตะโกนใส่หลิงฮัน
“ใช่แล้ว พวกเราไม่ต้องการตำแหน่งแล้ว พวกเราต้องการผลึกก่อเกิดของพวกเราคืน!”
“คืนผลึกก่อเกิดมา!”
ผู้คนที่ประมูลตำแหน่งในการหลบหนีออกจากเมืองร้อยเมื่อวานหนึ่งร้อยแปดสิบตำแหน่งตะโกนใส่หลิงฮัน เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป พวกเขาจึงต้องถูกขูดเลือดขูดเนื้อโดยหลิงฮัน แต่ตอนนี้วิกฤตได้หายไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการนำผลึกก่อเกิดคืนมา
นอกจากนั้นแล้ว หลิงฮันก็ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แม้เขากับหญิงสาวรอบกายเขาจะมีพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังอ่อนแอเกินไป แค่ใช่อำนาจของจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็เพียงพอแล้ว
แถมที่นี่ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับก้าวสู่เทวาอยู่มากมาย
“ผลึกก่อเกิด!” ผู้คนนับไม่ถ้วนตะโกนใส่หลิงฮัน
ตอนที่ 573
กลับคำ
หลิงฮันส่ายหัวและพูด “พวกเราทำการค้าขายกัน ตำแหน่งเหล่านั้นถูกพวกเจ้าซื้อไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจคืนให้ได้!”
“ไร้สาระ!” ใครบางคนคำรามออกมา “เป็นแค่จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอันกระจ้อยร่อย คิดจะต่อต้าน?”
“มอบผลึกก่อเกิดมา แล้วเจ้าจะมีชีวิตต่อไปได้!”
“หนุ่มน้อย อย่าแส่หาความตายเพียงเพราะของนอกกาย”
ผู้คนมากมายพูดจาข่มขู่และหว่านล้อมหลิงฮันเพื่อที่จะได้รับผลึกก่อเกิดคืน
หลิงฮันยิ้มและพูด “ตำหนักสมบัติวิญญาณเองก็ได้รับค่าธรรมดาสิบเปอร์เซ็นต์ไป พวกเจ้ากล้าไปทวงคืนจากพวกเรารึไม่?”
“นั่นมันเรื่องของเจ้า ไม่เกี่ยวกับพวกข้า!” ผู้คนเหล่านั้นพูดออกมาทันที
บ้ารึเปล่า? ตำหนักสมบัติวิญญาณมีตัวตนระดับทลายมิติคอยดูแลอยู่ ใครจะไปกล้าทวงเงินคืนจากพวกเขา?
“แล้วถ้าข้าไม่คืนล่ะ?” หลิงฮันยิ้ม
“เจ้าก็ไม่อาจไปจากที่นี่ได้!” ทุกคนคำรามออกมา
ผลึกก่อเกิดจำนวนขนาดนั้น แม้จะเป็นตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณหรือก้าวสู่เทวาก็นับว่ามีค่ามหาศาล สำหรับตัวตนระดับสวรรค์นั้น ผลึกก่อเกิดเหล่านั้นมีผลต่อตระกูลของพวกเขา
หลิงฮันยิ้มและพูดอย่างไม่หวาดหวั่น “พวกเจ้ากล้าข่มขู่ข้า อย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ!”
“ฮ่าๆ เจ้าจะทำอะไรได้?” ทุกคนหัวเราะลั่น
“เจ้าหนู คืนผลึกก่อเกิดมา!”
“และเจ้าต้องจ่ายค่าชดเชยให้พวกเราด้วยที่กล้าขัดขืน มอบทักษะบ่มเพาะของเจ้ามา!”
“ใช่แล้ว รวมถึงทักษะยุทธด้วย!”
ดวงตาของทุกคนเปล่งประกาย ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้แสดงพลังต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวออกมา ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันของร่างกายหรือพลังโจมตีล้วนแต่เกินกว่าระดับของบุปผาผลิบานขั้นสองไปไกล… บัดซบ!
เจ้าหนูนี่กลายเป็นระดับบุปผาผลิบานขั้นสี่ตั้งแต่เมื่อใด?
เพียงผ่านไปค่ำคืนเดียว พลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็เพิ่มขึ้นถึงสองขั้น ใครจะไปทำใจเชื่อเรื่องนี้ลง!
ดวงตาของทุกคนเร่าร้อนอีกครั้ง ชายหนุ่มผู้นี้มีความลับซ่อนเอาไว้มากมายขนาดไหนกัน? ถ้าได้รับมันมาล่ะก็… บางทีโชคชะตาของตระกูลพวกเขาอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้
ทุกคนยืนล้อมรอบหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหยิบก้อนอิฐขึ้นมาและพูด “พวกเจ้าอย่าได้ทำอะไรโง่ๆ ชายสุดแข็งแกร่งคนนั้นคือพี่ใหญ่ของฮันฮัน!” นางเรียนรู้การพูดข่มขู่ได้ไวมาก
เมื่อทุกคนได้ยิน พวกเขาก็หัวเราะออกมาทันที
พี่ใหญ่? ไร้สาระ!
จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานจะไปเป็นพี่น้องกับตัวตนไร้พ่ายอย่างจอมยุทธระดับทลายมิติได้อย่างไร? อายุของพวกเขาห่างกันตั้งหลายร้อยปี
“ถ้าไม่ส่งมา ก็จงตายไปซะ!” ผู้คนเหล่านั้นยังคงพูดจาข่มขู่
“โอ้ เจ้าคิดจะทำอะไรกับน้องชายข้า?” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากระยะที่ค่อนข้างไกล
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ร่างของผู้คนส่วนใหญ่ได้สั่นสะท้านทันที แต่ก็ยังมีบางคนที่เอาแต่จดจ้องไปยังหลิงฮันและไม่รู้ตัว พวกเขาตำโกนออกมา “แน่นอน ก็บังคับให้เขามอบผลึกก่อเกิดอละทักษะบ่มเพาะมาไงล่ะ!”
“ช่างกล้าหาญนัก!” เฟิงผั่วหยุนเดินใกล้เข้ามา กลิ่นอายของจอมยุทธระดับทลายมิติของเขาแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
‘ตุบ’ ทุกคนคุกเข่าลงทันที
เฟิงผั่วหยุนเดินมายังหลิงฮันและยิ้ม “น้องข้า มีใครข่มขู่เจ้ารึ?”
หลิงฮันยิ้มและจ้องไปยังฝูงชน “พี่ชายของข้าถามว่าพวกเจ้ากำลังข่มขู่ข้าอยู่รึเปล่า?”
ทุกคนร้องไห้ออกมา เจ้าหนูนี่กลายเป็นพี่น้องกับตัวตนระดับทลายมิติได้อย่างไร? ถ้ารู้มาก่อน ต่อให้มีความกล้ามากว่านี้หมื่นเท่าพวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินหลิงฮัน! ทุกคนรีบส่ายหัวและพูด “ไม่กล้า! ไม่กล้า!””
“งั้นพวกเจ้ามายืนล้อมข้าทำไม แถมยังปลดปล่อยจิตสังหารออกมาด้วย?” หลิงฮันจงใจพูด
จิตใจของผู้คนมากมายเริ่มสั่นไหวและรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “พวกเราต้องการมอบผลึกก่อเกิดให้เจ้า!”
“ใช้แล้ว มอบผลึกก่อเกิด!” ทุกคนฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าหลิงฮันจงใจพูดเช่นนั้นเพื่อเปิดช่องทางให้พวกเขาใช้เงินซื้อชีวิตตนเอง
หลิงฮันยิ้ม “พี่ใหญ่ คนพวกนี้ช่างใจดียิ่งนัก!”
เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและพูด “อืม ใครก็ตามที่กล้ารังแกน้องชายข้า ซากศพของพวกมันจะไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
ทุกคนรู้สึกหวาดกลัวต่อคำพูดของตัวตนระดับทลายมิติ
หลิงฮันหัวเราะและพูด “งั้นก็ส่งผลึกก่อเกิดผ่านทางตำหนักสมบัติวิญญาณแล้วกัน ข้าอาศัยอยู่ที่นั่น พี่ใหญ่ เราไปดื่มกันเถอะ”
“ก็ไม่เลว!” เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและเดินแยกไปกับหลิงฮัน
ยิ่นเฉวยางและจอมยุทธระดับสวรรค์คนอื่นทำได้แต่มองทั้งสองคนเดินจากไป มีเพียงจูเสวียนเอ๋อ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวที่เดินตามพวกหลิงฮันไปด้วย
ใบหน้าของซวนหยวนจื่อกวงกลายเป็นมืดมนพร้อมกับกำหมัดแน่น เขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะเป็นพี่น้องกับตัวตนระดับทลายมิติ แล้วแบบนี้มันจะกล้าสังหารหลิงฮันรึ?
เจ้าหมอนี่มีอะไรดีกัน ถึงได้เข้าตาเฟิงผั่วหยุน!
……
หลิงฮันและเฟิงผั่วหยุนเดินทางกลับไปยังที่พักของหลิงฮันในตำหนักสมบัติวิญญาณ หลิงฮันนำวัตถุดิบต่างๆออกมาจากหอคอยทมิฬและทำอาหารกินด้วยกัน
ฮูหนิวไม่หวาดกลัวผู้ใด เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนเองก็เป็นคนที่ไม่เชื่อฟังใครเช่นกัน มีเพียงจูเสวียนเอ๋อเท่านั้นที่มีท่าทีหวาดหวั่นและเกร็ง
เฟิงผั่วหยุนรู้สึกประหลาดใจและพูด “เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!” เขามองไปยังฮูหนิวและแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา
แม้แต่ตัวตนระดับทลายมิติก็ยังพูดเช่นนั้น
“หนิวสุดยอดที่สุดอยู่แล้ว!” ฮูหนิวไม่อ่อนน้อมถ่อมตน นางกางแขนเล็กๆของนางออกและทำท่าทีน่าเกรงเกรงขาม
เฟิงผั่วหยุนหัวเราะและพูด “น้องชาย ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะโชคดีขนาดนี้ สตรีเหล่านี้ช่างงดงามนัก!”
จูเสวียนเอ๋อมีท่าทีเอียงอาย ส่วนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นไม่สนใจและแย่งอาหารกับฮูหนิว นางต่อสู้แย่งชิงอย่างดุเดือดจนไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฮูหนิว
“หนิวงดงามอยู่แล้ว! หลิงฮันคือของหนิว!” ฮูหนิวกอดหลิงฮันด้วยมือเล็กๆของนาง
เฟิงผั่วหยุนประหลาดใจ เด็กสาวคนนี้ช่างมีความคิดเกินวัยยิ่งนัก เขามองไปยังใบหน้าของเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและพูด “น้องชาย เผ่าใต้สมุทรนั้นยากที่จะหยั่งถึงนัก เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
หลิงฮันตกตะลึงและพูด “พี่ชาย ท่านรู้จักตัวตนของสวินเสวี่ยนน้อยด้วย?”
“ตระกูลขุนนางของเผ่าใต้สมุทร ผู้สืบเชื้อสายของมังกรที่แท้จริง” เฟิงผั่วหยุนกล่าวอย่างเรียบง่าย
สมกับที่เป็นตัวตนระดับทลายมิติ ไม่สามารถซ่อนอะไรกับเขาได้เลย
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “หญิงสาวผู้นี้สูญเสียความทรงจำ” เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเหมืองโบราณของแคว้นเพลิงและแมงมุมยักษ์สีเงินให้เฟิงผั่วหยุนฟัง
“โอ้?” เฟิงผั่วหยุนแสดงสีหน้าสงสัยขึ้นมาทันที “ข้าคงต้องลองไปดูเสียหน่อย”
“พี่ชาย ระวังตัวให้มาก!” กลิ่นอายที่แมงมุมยักษ์สีเงินปลดปล่อยออกมานั้นเรียกได้ว่าไร้พ่ายอย่างแท้จริง เพียงแค่การเคลื่อนไหวของมันก็เกือบจะทำให้วิญญาณของเขาแตกสลาย
ตอนที่ 574
กังวล
“ฮ่าๆๆ น้องชาย เจ้าไม่มั่นใจในตัวพี่ใหญ่คนนี้รึไง?” เฟิงผั่วหยุนหัวเราะ
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าจะไม่มั่นใจในตัวท่านได้อย่างไร? แต่ข้าเห็นแมงมุมยักษ์สีเงินนั่นด้วยตาตนเอง มันต้องเป็นอสูรระดับทลายมิติเป็นแน่ แถมยังขั้นสูงมากอีกด้วย”
เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและยิ้ม “น้องชายจงสบายใจได้ พี่ใหญ่คนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นเจ็ด!”
ระดับทลายมิติคือตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของมนุษย์ และระดับทลายมิติขั้นเจ็ดนั้นต้องเป็นระดับสูงในจุดสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเรียกได้ว่าเกือบจะไร้พ่าย
แววตาของหลิงฮันส่องประกายและพูด “ข้าไม่นึกเลยว่าพี่ใหญ่ของข้าจะแข็งแกร่งเช่นนี้!”
ถึงแม้ลักษณะรูปร่างจะไม่ได้แสดงถึงอายุที่แท้จริง แต่พี่ชายของเขานั้นยังอยู่ในวัยที่เลือดร้อน เห็นได้ชัดว่ายังมีอายุไม่มากนัก ถ้าหากเขาบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าได้ล่ะก็ เขาอาจจะบดขยี้ช่องว่างมิติและกลายเป็นพระเจ้าได้เลยก็ได้
เฟิงผั่วหยุนพยักหน้าและพูด “น้องชาย พลังต่อสู้ของเจ้าช่างฝืนสวรรค์นัก พรสวรรค์ของเจ้าก็ราวกับสัตว์ประหลาด เพียงแค่อายุยี่สิบปีกลับบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว แม้แต่พี่ชายคนนี้ก็เทียบเจ้าไม่ได้ ในอนาคตเจ้าจะต้องกลายเป็นระดับทลายมิติได้แน่นอน”
“แต่ว่า…” เฟิงผั่วหยุนหยุดพูดไปชั่วขณะ “ข้ารู้สึกมาตลอดว่าถ้าหากข้าทำการบดขยี้มิติ ผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้น!”
หลิงฮันมึนงง “ไม่ใช่ว่าต้องบรรลุระดับทลายมิติขั้นเก้าก่อนรึ ถึงจะสามารถบดขยี้มิติได้?”
เฟิงผั่วหยุนส่ายหัว “เมื่อใดที่เข้าบรรลุระดับทลายมิติแล้ว เจ้าก็จะได้รับความสามารถในการบดขยี้ช่องว่างมิติ แต่ยิ่งขั้นพลังสูงขึ้น ความยากก็จะลดลง เฟิงผั่วหยุนพูดน้ำเสียงหวนคิดถึงและหวาดกลัว”
“ในเมื่อการบรรลุระดับทลายมิติสามารถก้าวขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ พี่ใหญ่ที่เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเจ็ดก็น่าจะมีความสามารถพอที่จะบดขยี้มิติสิ?” หลิงฮันถามอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” เฟิงผั่วหยุนส่ายหัว “ข้าเคยไปถามคนอื่นมาบ้างแล้วว่าทำไมถึงไม่สามารถบดขยี้มิติเพื่อขึ้นไปโลกเบื้องบนได้”
คนอื่นๆที่เฟิงผั่วหยุนต้องหมายถึงตัวตนระดับทลายมิติคนอื่นเป็นแน่
“เพียงแต่แม้จะดูเหมือนว่ามีบางคนที่รู้เหตุผล แต่พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะพูดออกมา” เฟิงผั่วหยุนพูดอีกครั้ง
“ใครกันที่รู้เหตุผล?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัย
“ราชันดาบแห่งนิกายดาบสวรรค์ จักรพรรดินีนกอมตะสวรรค์ครามแห่งนิกายนกอมตะเมฆาสวรรค์ จอมกระบี่ผ่าสวรรค์แห่งนิกายกระบี่ไร้พ่าย จักรพรรดิอัสนีบาตแห่งนิกายอัสนีบาตสีคราม ราชันอสรพิษมารแห่งนิกายมังกรปฐพี” เฟิงผั่วหยุนกล่าว “จักรพรรดิอัสนีบาตและจักรพรรดินีนกอมตะสวรรค์ครามสมควรเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นสูงสุด พวกเขาเป็นคนที่น่าจะเร่งรีบบดขยี้มิติเพื่อขึ้นไปโลกเบื้องบนให้เร็วที่สุด แต่พวกเขากลับไม่ทำเช่นนั้น น่าแปลกเป็นอย่างมาก!”
นั่นก็จริง ถ้าเกิดขัดเกลาระดับพลังจนกลายเป็นระดับทลายมิติขั้นสมบูรณ์แล้ว การจะอยู่ในทวีปฮงเทียนต่อไปก็คงเป็นเพียงการรอความตาย แต่ถ้าหากขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ โชคชะตาของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไป ด้วยพลังวิญญาณของสวรรค์และปฐพีที่ไร้ขีดจำกัด พลังบ่มเพาะและอายุขัยของพวกเขาจะเพิ่มไปอีกขั้น
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “แปลกจริงๆด้วย”
“น้องชาย เผ่าใต้สมุทรนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเขามีตัวตนระดับทลายมิติมากกว่าเผ่ามนุษย์หลายเท่า เจ้าต้องระวังตัวเองให้ดี!” เฟิงผั่วหยุนแตะไหล่หลิงฮันอย่างหนักแน่น
หลิงฮันอดคิดในใจไม่ได้ว่าเป็นเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนต่างหากที่ตามติดเขาไม่ปล่อย นางเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ขั้นสูง การมีนางติดสอยห้อยตามก็เหมือนกับการพกระเบิดเวลาเอาไว้กับตัว
“ข้าจะไปยังดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวเป็นอันดับแรก” เฟิงผั่วหยุนลุกขึ้นและเดินจากไป ภายในพริบตาร่างของเขาก็อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ความเร็วของตัวตนระดับทลายมิติช่างน่ากลัวยิ่งนัก
หลิงฮันจ้องไปยังเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน แววตาของเขาเปลี่ยนไปและพูด “สวินเสวี่ยนน้อย มาเล่นเกมสาบานกัน”
“เล่นยังไงรึ?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนถามอย่างไร้เดียงสา
“เจ้ายกมือขึ้นชี้ฟ้าและพูดว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็จะไม่ทำร้ายฮันฮันแม้แต่ผมเส้นเดียว” หลิงฮันทำการหลอกล่อนาง
……
ถึงแม้เฟิงผั่วหยุนจะจากไปแล้ว แต่เหล่าคนที่ล้วงเกินหลิงฮันเอาไว้ก็ไม่กล้าที่จะกลับคำ พวกเขาส่งผลึกก่อเกิดมาให้หลิงฮันในช่วงค่ำคืน หลิงฮันนับดูและพบว่าจำนวนของผลึกก่อเกิดมีถึงสามแสนผลึก แถมยังเป็นผลึกก่อเกิดระดับสามอีกด้วย
นี่คือความน่าเกรงขามของตัวตนระดับทลายมิติ!
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้ นิกายพันศพคงจะยังไม่ลงมือใดๆ แต่พวกมันถึงกับยอมลงมืออย่าเปิดเผยและติดตั้งรูปแบบอาคมสังหารที่สี่เอาไว้รอบเมือง สิ่งที่พวกมันเล็งเอาไว้จะมีค่าขนาดไหนกัน? พวกมันจะต้องไม่ยอมแพ้และกลับมาอีกแน่นอน
ทุกคนคาดเดาไปว่าสิ่งที่นิกายพันศพเล็งเอาไว้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่ๆ ดังนั้นทั่วทั้งเมืองจึงกลายเป็นคึกครื้น ทุกคนล้วนแต่กำลังลงมือตามหาสมบัติ
แต่ปัญหาก็คือไม่มีใครรู้ว่านิกายพันศพกำลังตามหาสมบัติอะไร แม้ว่าจะพบเจอแต่พวกเขาก็อาจจะมองข้ามมันไปก็ได้
หลิงฮันเองก็สงสัยเป็นอย่างมาก แต่เขาคิดว่าสมบัติสำหรับนิกายพันศพนั้นคงไม่มีประโยชน์ใดๆต่อผู้ฝึกตนทั่วไปเป็นแน่
อะไรคือสิ่งที่นิกายพันศพต้องการมากที่สุด?
อย่างแรกคือซากศพของปรมาจารย์จอมยุทธ ยิ่งแข็งแกร่งพวกมันก็ยิ่งต้องการ อย่างที่สองคือปราณซากศพซึ่งเป็นแหล่งพลังงานเสริมแกร่งให้กับทหารซากศพของพวกมัน
ดังนั้นภายใต้เมืองหมื่นสมบัติแห่งนี้จะต้องมีซากศพของจอมยุทธระดับทลายมิติมากมายถูกฝังเอาไว้แน่ หรือไม่ก็ต้องมีแห่งพลังงานของปราณซากศพถูกซ่อนเอาไว้ใต้ดิน ซึ่งจะช่วยให้กำลังของนิกายพันศพเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ไม่ว่าจะอันไหน หลิงฮันก็ไม่สนใจ
ในตอนนี้ ในที่สุดผู้อาวุโสทั้งแปดของตำหนักสมบัติวิญญาณและปรมาจารย์นักปรุงยาของสมาคมนักปรุงยาก็กลับมา แถมดูเหมือนพวกเขาจะกลับมามือเปล่าเสียด้วย ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะแม้แต่ตัวของหลิงฮันเองก็ยังไม่รู้ว่าตระกูลของเขาเป็นใครเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขากลับมา การแข่งขันที่ตำหนักสมบัติวิญญาณจะจัดขึ้นก็ถูกกำหนดขึ้นทันที แม้จะมีวิกฤตของนิพันศพเกิดขึ้นการแข่งขันก็ไม่ถูกยกเลิก นั่นเพราะตอนนี้ตัวตนระดับทลายมิติได้กลับมาแล้ว เมืองหมื่นสมบัติจึงมั่นคงเป็นอย่างมาก นอกเสียจากนิกายพันศพจะนำตัวของรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ที่แท้จริงมา
ดังนั้นในตอนนี้สถานการณ์ของเมืองหมื่นสมบัติจึงกลับกลายเป็นปกติ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่านิกายพันศพจะกลับมาลงมืออีกครั้งเมื่อใด
หลิงฮันเก็บตัวบ่มเพาะพลัง เฟิงผั่วหยุนได้ทิ้งสุราวาระที่เหลือเอาไว้ให้เขา ถึงแม้การดื่มมันอีกครั้งจะทำให้ประสิทธิภาพที่ได้รับลดลงกว่าครั้งแรก แต่พลังบ่มเพาะของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ดี และที่สำคัญคือวิถีแห่งดาบของเขาได้ทะลวงผ่านคอขวดแล้ว
ปราณดาบเล่มที่ยี่สิบควบแน่นสำเร็จเรียบร้อย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น