ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 570-576

 บทที่ 570 การเปิดไร่องุ่น

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากส่งเฮย์วู้ดทั้งสองไปแล้ว ฉินสือโอวจึงกลับไปวางแผนสร้างฟาร์มปลาต่อ ในขณะเดียวกันก็โทรเรียกบิล ซาทชี่ผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเล แม้ว่าธุรกิจของเขาจะเกี่ยวกับพันธุ์พืชน้ำทะเลเป็นหลัก แต่อย่างไรมันคือการเกษตรเหมือนกัน ดังนั้นการปลูกไร่องุ่นเขาก็ต้องรู้


เมื่อรู้ว่าฉินสือโอวจะเปิดไร่องุ่น บิลที่รีบเดินทางมาจนหกล้มคะมำมาตลอดทางจึงยิ้มพร้อมโบกมือ แล้วพูดขึ้น “ไม่ได้ๆๆๆ ฉิน นี่มันไม่เหมาะ ไร่องุ่นในแคนาดาส่วนใหญ่จะไม่ตั้งอยู่ทางใต้ เกาะแฟร์เวลยิ่งตั้งอยู่ทางใต้ของทางใต้ นี่มันยิ่งไม่เหมาะสม”


“ทำไมล่ะ?”


“ที่ตรงนี้ของคุณอยู่ริมทะเลไงล่ะ! ที่ริมทะเลไม่สามารถปลูกไร่องุ่นได้ ตอนกลางคืนจะมีความชื้นมาก องุ่นไม่สามารถทนความชื้นแบบนี้ได้ จริงอยู่ที่พวกมันอาจจะไม่ตาย แต่รสชาติตอนสุกจะไม่อร่อยและมีรสขมมาก!” บิลอธิบาย


เมื่อฟังบิลพูดเช่นนั้น ฉินสือโอวกลับยักไหล่และไม่สนใจคำอธิบายของเขา ใช่ เขารู้อยู่แล้วว่าริมทะเลไม่เหมาะกับการปลูกไร่องุ่น ไร่องุ่นในแคนาดาส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับเขตทะเลสาบทางใต้ ซึ่งเป็นเพราะว่าน่านน้ำขนาดใหญ่สามารถบรรเทาอากาศที่หนาวจัดของฤดูหนาวและต้นฤดูใบไม้ผลิในแคนาดา ดังนั้นมันจึงช่วยปกป้องเถาองุ่นได้


นอกจากนี้ ทะเลสาบกับมหาสมุทรก็ไม่เหมือนกัน มันเป็นน้ำเหมือนกันก็จริง แต่ที่หนึ่งไม่มีลมที่หนึ่งมีลมแรง ที่หนึ่งไม่มีทะเลสาบที่หนึ่งมีกลิ่นอายของทะเลสาบมาก ดังนั้นทั้งสองที่จึงมีสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน


ในความเป็นจริงแคนาดาไม่เหมาะกับการทำไร่องุ่น แคนาดามีพื้นที่มากกว่า 10 ล้านตารางกิโลเมตร แต่กลับมีแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญเพียงสี่แห่ง ซึ่งแบ่งออกเป็นรัฐออนแทรีโอ รัฐบริติชโคลัมเบีย รัฐโนวาสโกเชียและรัฐควิเบก


รัฐออนแทรีโอเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญที่สุด ซึ่งสัดส่วนปริมาณการผลิตทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 75% และสถานที่ผลิตเป็นไปตามมาตรฐาน VQA ของสมาคมคุณภาพไวน์ในแคนาดา ซึ่งมีแค่เพียงรัฐออนแทรีโอและรัฐบริติชโคลัมเบียเท่านั้น


ถึงแม้ว่าสองรัฐนี้ จะผลิตไวน์แดงแห้งและไวน์ขาวแห้งคุณภาพดีได้น้อย แต่ไวน์ที่ผลิตหลักๆ คือไอซ์ไวน์ และแน่นอนว่าที่ฉินสือโอวเปิดไร่องุ่น นอกจากการจะปลูกองุ่นไว้สำหรับการรับประทานแล้ว ยังใช้องุ่นในการสกัดไอซ์ไวน์อีกด้วย


ฉินสือโอวไม่สนว่ารสชาติของผลองุ่นที่ผลิตออกมาจากบริเวณชายฝั่งจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการคือให้มันยืนต้นอยู่รอดต่อไปได้ ขอแค่มันไม่ตาย เขาจะใช้พลังแห่งโพไซดอนถ่ายทอดให้กับเถาองุ่น ดังนั้นองุ่นที่ผลิตออกมาก็จะมีรสชาติที่อร่อยอย่างแน่นอน


บิลอธิบายแล้วแต่ฉินสือโอวก็ยังไม่ฟัง จึงทำได้แค่ถามเขาว่าจะเปิดไร่องุ่นอย่างไรและเลือกองุ่นพันธุ์ไหนมาปลูกถึงจะเหมาะสม


ฉินสือโอวเคยหาข้อมูลมาว่าในช่วงก่อนปี 1980 องุ่นที่ประเทศแคนาดาปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์อเมริกันที่ทนหนาวได้ แต่องุ่นสายพันธุ์เหล่านี้ถ้าสกัดออกมาแล้วรสชาติจะค่อนข้างฝาดอมเปรี้ยว ดังนั้นหลังจากปี 1980 ไวน์องุ่นสายพันธุ์ยุโรปจึงค่อยๆ เข้ามาและกลายเป็นกระแสหลักในการเพาะปลูก


แน่นอนว่าเจ้าของไร่องุ่นในแคนาดาจึงเลือกองุ่นสายพันธุ์ยุโรปหรือพันธุ์ลูกผสมเป็นหลัก เช่นสายพันธุ์องุ่นแดงบาโก้นัวร์ผสมพันธุ์กับมาร์เชล ฟอช์ องุ่นขาวเชอนินบลังค์ผสมพันธุ์กับวิดัลบลังค์ สายพันธุ์เหล่านี้ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่ทนความหนาวเย็นได้


อย่างสายพันธุ์องุ่นขาว เช่น รีสลิ่ง โซวีญงบล็อง ชาร์ดอนเนย์ เกเวอร์ทรามีเนอร์และปีโนกรี และสายพันธุ์องุ่นแดง เช่น แมร์โล กาแบร์เนโซวีญงและชีราซ ภายใต้สภาพอากาศหนาวเย็นของแคนาดาทำให้คุณภาพของยีสต์ในองุ่นสกัดสายพันธุ์ยุโรปเหล่านี้ไม่สามารถอยู่รอดได้


ฉินสือโอวไม่สนสิ่งเหล่านี้ เขาสนแค่ว่าสายพันธุ์ไหนดีเขาก็จะเลือกสายพันธุ์นั้น เขาจึงขอให้บิลแนะนำพันธุ์องุ่นที่ดีที่สุดให้โดยตรง


บิลเห็นเขาดึงดันจะทำให้ได้ จึงทำได้แค่ยักไหล่ใส่แล้วท่องไว้ว่า ‘ลูกค้าคือพระเจ้า’ จากนั้นเขาก็รีบโทรหาเพื่อนที่ทำไร่องุ่นทันทีเพื่อให้เพื่อนของเขาแนะนำพันธุ์องุ่นให้กับฉินสือโอว


ฉินสือโอวได้ทำการเลือกสายพันธุ์องุ่น ซึ่งสายพันธุ์ที่กินได้หลักๆ จะเลือกเป็นองุ่นแดงในอเมริกาเหนือ เป็นองุ่นรสชาติดีจากแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา ปัจจุบันมีการส่งออกขายแล้วทั่วโลก แต่องุ่นชนิดนี้ไม่ทนต่อความหนาวเย็น ซึ่งบิลดูแล้วว่ามันจะไม่สามารถปลูกบนเกาะแฟร์เวลได้


ส่วนการสกัดไวน์ ฉินสือโอวเลือกมาสองสายพันธุ์คือสายพันธุ์องุ่นแดง ซึ่งเป็นกาแบร์เนโซวีญงและสายพันธุ์องุ่นขาวเป็นรีสลิ่ง องุ่นทั้งสองสายพันธุ์นี้เป็นองุ่นสกัดที่มีชื่อเสียงที่สุด


บิลแนะนำฉินสือโอวว่าให้เลือกวิดัลบลังค์ ซึ่งเป็นองุ่นสายพันธุ์ผสม และตอนนี้โรงสกัดไอซ์ไวน์ในรัฐออนแทรีโอส่วนใหญ่จะปลูกองุ่นชนิดนี้


ฉินสือโอวศึกษาค้นคว้าอยู่สักพัก วิดัลบลังค์องุ่นชนิดนี้เติบโตได้ช้า สามารถทนต่อความหนาวเย็นได้มากและสามารถปรับตัวในแถบอากาศหนาวเย็นได้ดี นอกจากนี้ยังมีเปลือกหนา เน่าเสียได้ยากและง่ายต่อการเก็บรักษา หลังจากที่มันเจริญเติบโตได้เต็มที่แล้วยังสามารถอยู่บนต้นได้อีกสามถึงสี่เดือนเพื่อต่อต้านการถูกรุกล้ำที่รุนแรงจากอากาศหนาวเย็นบริเวณละติจูดสูงได้ ดังนั้นจึงมักใช้องุ่นพันธุ์นี้ในการผลิตไอซ์ไวน์


แต่ระดับการสกัดไอซ์ไวน์จากวิดัลบลังค์มีความเป็นกรดต่ำ มีความหวานมากเกินไปและขาดกลิ่นหอมของไวน์ ซึ่งจุดนี้ฉินสือโอวไม่ค่อยพอใจมากนัก


จากการเปรียบเทียบ รีสลิ่งองุ่นพันธุ์นี้จะดีกว่ามาก มีการเติบโตช้าเหมือนกัน แต่ไวน์ที่สกัดด้วยองุ่นชนิดนี้จะมีรสชาติและกลิ่นที่ละเอียดอ่อนมาก


ยิ่งกว่านั้น รีสลิ่งเป็นองุ่นนี้ต้องการสภาพอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานเพื่อสร้างรสชาติที่พิเศษ ในระหว่างนั้นยังสามารถรักษาความเป็นกรดที่ค่อนข้างสูงในองุ่นได้และรักษาความหวานของไอซ์ไวน์ให้มีความสมดุลได้ดี ทำให้ความรู้สึกตอนดื่มไวน์เต็มไปด้วยความซับซ้อนและมีกลิ่นหอมจนน่าประหลาดใจ


 เพียงแต่รีสลิ่งค่อนข้างบอบบาง โดนแสงแดด อุณหภูมิและโรคติดต่อได้ไม่เท่าไรก็ทำให้การผลิตลดลง ดังนั้นในแคนาดาจึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก


แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ เขายังยืนยันที่จะเลือกสายพันธุ์ที่เปราะบางเหล่านี้


นอกจากนี้ การเลือกรีสลิ่งและกาแบร์เนโซวีญง นอกจากจะมีชื่อเสียงและมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือเหมาะสำหรับปลูกในดินทรายและเหมาะกับสภาพแวดล้อมของฟาร์มปลา


หลังจากเลือกพันธุ์องุ่นเสร็จ ฉินสือโอวจึงให้บิลช่วยเขาเลือกต้นองุ่น เขาและกลุ่มชาวประมงจะไปถางที่ดินบนที่ราบสูงเล็กๆ เพื่อเตรียมเพาะปลูก ตามความต้องการในการสร้างไร่องุ่น


องุ่นชอบแสงแดด ไร่องุ่นจึงต้องการลมและสภาพแสงที่ดี ดังนั้นที่ราบสูงเล็กๆ นี้จึงตรงตามมาตรฐานอย่างสมบูรณ์ โดยที่ตรงนี้มีลักษณะภูมิประเทศสูงจึงยากที่จะเกิดน้ำท่วมขัง หลังจากสร้างท่อระบายน้ำแล้ว ต่อให้ฝนตกหนักแค่ไหน ผลกระทบที่ตามมาก็จะไม่ร้ายแรงมาก


ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการนำต้นองุ่นลงปลูกคือช่วงหลังใบไม้ร่วงในฤดูใบไม้ร่วงหรือก่อนใบไม้จะผลิใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ผลิของแคนาดาจะมาค่อนข้างช้า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังจะผลิใบ ดังนั้นการนำต้นองุ่นลงปลูกจึงยังไม่สำเร็จ


ในพื้นที่ราบสูง 150 หมู่นี้ ฉินสือโอวแบ่งพื้นที่ปลูกออกเป็นแปดส่วน โดยทั่วไปพื้นที่ปลูกหนึ่งส่วนจะมีขนาดประมาณ 20 หมู่ ดังนั้นพื้นที่หนึ่งส่วนจะปลูกองุ่นที่สามารถกินได้ โดยจะปลูกองุ่นดำ องุ่นเขียวและพันธุ์อื่นๆ แต่จะปลูกองุ่นแดงเป็นหลัก ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่ใช้ทั้งหมดมีมากกว่า 20 สายพันธุ์


พื้นที่เพาะปลูกยังเหลืออีกเจ็ดส่วน พื้นที่ทั้งหมดนี้จะใช้ปลูกองุ่นสำหรับสกัด ชาร์คขับเครื่องพรวนดินไถดินไปทั่วทั้งพื้นที่ ด้วยการไถจอบหมุนจะทำให้กลิ้งหมุนได้อย่างรวดเร็วและไถหน้าดินทรายที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานานให้ร่วนซุย


บางครั้งในบางพื้นที่จะเจอพวกเศษหินและเปลือกหอยต่างๆ ซึ่งด้านหลังจะมีซีมอนสเตอร์ขับรถที่ติดตั้งคราดเพื่อกำจัดพวกมัน


ซึ่งตอนนี้รถกระบะจะสำคัญมาก เพราะเครื่องมือทางการเกษตรเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อกับรถกระบะเพื่อใช้งานได้


เมื่อไถหน้าดินเสร็จแล้ว ชาร์คจึงตั้งขอบเขตของพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งจะใช้เครื่องบดถนนทุบทางทีละเส้น จากนั้นคนและรถจะใช้เส้นทางจากถนนเหล่านี้ในการเข้าสวน


ถนนในพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นทางตรงดิ่ง ถนนแต่ละเส้นถ้าไม่ขนานกันก็จะเป็นแนวตรงดิ่ง ดังนั้นไร่องุ่นทั้งหมดจึงตัดกันเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ


การทำงานได้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เพื่อการเตรียมพร้อม ฉินสือโอวซื้อไม้จากเซนต์จอห์นมาอย่างเพียงพอ หลังจากนั้นจึงใช้เครื่องตอกเสาเข็มปักไม้ลงดิน ระหว่างกลางใช้ลวดตาข่ายขึงเพื่อให้องุ่นเลื้อยขึ้นไป


เมื่อเป็นเช่นนี้ งานที่เหลือก็แค่รอให้ต้นองุ่นมาถึงเท่านั้น


บทที่ 571 ฉงต้าแสนรู้

โดย

Ink Stone_Fantasy

บิลทำงานได้อย่างราบรื่น เขาสั่งจองเถาองุ่นรีสลิ่ง องุ่นดำ องุ่นแดง กาแบร์เนโซวีญงและสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีชื่อเสียงแบบสำเร็จรูปแล้วมาจากเมืองแฮลิแฟกซ์ รัฐโนวาสโกเชีย หลังจากได้ใบจองแล้วจะมีเรือเข้ามาส่งสินค้า


แฮลิแฟกซ์เป็นเมืองแห่งการท่าเรือ ที่อยู่ไม่ไกลจากเซนต์จอห์น หากมีการสั่งซื้อสินค้าในวันเดียวกัน รับประกันเลยว่าจะต้องมีสินค้าจัดส่งให้ในวันถัดไปอย่างแน่นอน


นีลเซ็นกับแลนซ์และคนอื่นๆ ทำเครื่องหมายตามระยะห่างในไร่องุ่น และด้านหลังจะมีเครื่องตอกเสาเข็มค่อยๆ ตามมาติดๆ เพื่อนำไม้ที่มีความหนาบางไม่เท่ากันแต่ละท่อนมาปักลงดิน


ไม้เหล่านี้บางท่อนมีความหนาแค่เท่าแขนของผู้ใหญ่ บางท่อนก็มีความหนาเท่าต้นขาและมีความยาวประมาณสองเมตร ซึ่งความสูงประมาณนี้จะเหมาะกับการเจริญเติบโตของเถาองุ่นและถ้าสูงกว่านี้จะทำให้การเก็บองุ่นไม่สะดวก


สำหรับฉินสือโอวแล้ว ไม้ที่ใช้ตอกเสาเข็มลงเพื่อค้ำยันเหล่านี้ล้วนเป็นไม้ดีชั้นหนึ่ง ส่วนใหญ่จะมาจากต้นไป๋หยาง ต้นไวท์เบิร์ช ต้นสน ต้นสนลาร์ช ต้นโอ๊กและต้นเมเปิล ถ้าไม้เหล่านี้อยู่ในประเทศแน่นอนว่าราคาจะแพงมาก แต่ที่เซนต์จอห์นกลับบอกว่าไว้ว่า ไม้เหล่านี้มีราคาถูกมาก ถูกอย่างกับแจกให้ฟรีๆ


และเรื่องนี้ยังเกี่ยวกับสภาพของประเทศแคนาดา ทรัพยากรป่าไม้ในแคนาดามีความอุดมสมบูรณ์มาก สัดส่วนของการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่ามีเกือบ 100% พื้นที่ป่าครอบคลุมถึง 4.4 ล้านตารางกิโลเมตรและพื้นที่ผลิตป่าไม้ 2.86 ล้านตารางกิโลเมตร โดยแบ่งสัดส่วนเป็น 44% และ 29% ตามพื้นที่ของประเทศ มีพื้นที่ป่าไม้สะสม 24.7 พันล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณการกักเก็บไม้มีทั้งหมด 17.2 3 พันล้านลูกบาศก์เมตร


ทำให้ทราบว่าในปี 2005 พื้นที่ป่าไม้ทั่วโลกครอบคลุมพื้นที่ถึง 4 พันล้านเฮกตาร์ พื้นที่ป่าของแคนาดามีพื้นที่มากกว่า 400 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งเฉลี่ยพื้นที่ป่าต่อคนคือ 7. 25 เฮกตาร์!


ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์นี้ราคาไม้ในแคนาดาจึงมีราคาต่ำเป็นปกติ


หลังจากมาถึงแคนาดา สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกตื่นเต้นมากคือประเทศนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ


สำหรับแหล่งทรัพยากรน้ำจืด แหล่งพลังงานไฟฟ้าและแหล่งทรัพยากรป่าไม้ในปัจจุบัน เดิมทีชาวแคนาดาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเห็นคุณค่า หรือต้องประหยัด สวนสาธารณะหลายแห่งใช้ตะเกียง เช่นเดียวกับสวนสาธารณะบางแห่งกลับยังเปิดน้ำพุตลอด 24 ชั่วโมง


ฉินสือโอวมองดูชาร์คกับซีมอนสเตอร์ขับรถแทรกเตอร์และรถกระบะไปมาบนที่ราบ ทางฝั่งเขาไม่มีปัญหาอะไร เขามองเห็นเจ้าหลัวปอกำลังเล่นทรายนุ่มๆ อยู่ในไร่ของตัวเอง จึงเผลอยิ้มออกมาพลางถือไม้มาเสียบลงดิน


ตอนนี้เจ้าหลัวปอโตขึ้นเล็กน้อย พวกมันเป็นหมาป่าขาวจึงไม่กลัวความสูง แต่ปัญหาคือมันยืนอยู่บนยอดไม้ไม่ได้ เพราะความยาวที่ตัดมาของไม้สั้นเกินไปและร่างเล็กตัวอ้วนของมันทำได้แค่ขดตัวเท่านั้น นี่เป็นการป้องกันการหกล้มของมัน


เมื่อเป็นเช่นนี้พอมันยืนไม่มั่นคงก็จะรู้สึกไม่สบายตัว มันจึงร้องตะโกนขึ้นด้วยความโศกเศร้า เมื่อวินนี่หันกลับมา สิ่งที่เห็นคือฉินสือโอวผู้เจ้าเล่ห์กับเจ้าหลัวปอจอมน้อยใจ


วินนี่ขึ้นมากอดเจ้าหลัวปอแล้วผลักฉินสือโอวอย่างแรงให้ฉินสือโอวกลับเข้าไปดูหนังในวิลล่า


ฉินสือโอวกลับกอดและจูบวินนี่อย่างไม่อาย หลังจากเจ้าหลัวปอเท้าถึงพื้นมันก็กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง มันขยายปากเล็กๆ ของมันออกแล้วกัดเชือกรองเท้าของฉินสือโอวพลิกไปมาให้ขาด


ฉินสือโอวก็ถูกมันกัดอยู่ครู่หนึ่งจนทำตัวไม่ถูก ทางที่ดีเขาควรจะพาหู่จือและเป้าจือไปเดินเล่นบนชายหาด


เมื่อเห็นฉินสือโอวกำลังออกไป ฉงต้าจึงสะบัดก้นเดินตามออกไปด้วย


ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ในที่สุดฉงต้าก็มีท่าทีครึกครื้นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าสาเหตุเป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงติดสัดของมันหรือเปล่า ช่วงนี้ไม่ทำอะไรนอกจากวิ่งไปทั่วทุกที่ ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่เป็นแบบนี้


หู่จือและเป้าจือกระโดดโลดเต้นอยู่บนหาดทราย พวกมันใช้ขาออกแรงขุดทราย จึงทำให้บางครั้งเห็นไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นสีเทาขี้เถ้าอยู่ใบสองใบ จากนั้นพวกมันจึงคาบไว้ในปากอย่างตื่นเต้นแล้วเอาไปให้ฉินสือโอว


ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมลูบที่หัวของเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองอย่างเอ็นดู และเมื่อคลำดูในกระเป๋าก็เจอเนื้อสองสามชิ้น จึงเอาออกมาใส่ปากเจ้าสองตัวนี้


ฉงต้ากะพริบตาปริบๆ มันยื่นหน้าออกมาร้องใส่หู่จือและเป้าจือแล้วแลบลิ้นเลียปากของหู่จือ เพราะมันก็อยากกินเนื้อชิ้นนั้นเหมือนกัน


หู่จือมีสีหน้าที่รังเกียจจึงถอยออกมา แล้วใช้ขาปัดปาก เหมือนกับว่าต้องการจะปัดน้ำลายของฉงต้าออก


ฉินสือโอวเห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะดังขึ้น ฉงต้าอ้าปากออกเพื่อที่จะกินเนื้อ แต่เขากลับเอาไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นให้มันดู แล้วบอกว่าไข่นกหนึ่งใบแลกกับเนื้อหนึ่งชิ้น


ฉงต้ามองดูชายหาดอันเงียบสงบอย่างสิ้นหวัง มันยื่นขาออกไปขุดทราย ผลคือไม่เจอไข่นกสักใบ


หู่จือและเป้าจือทำอย่างทำอย่างชำนาญ ดวงตาเล็กๆ ของมันจ้องที่ชายหาด เมื่อถึงช่วงวางไข่ของนกจมูกหลอดระยะแรก มันก็จะไปขุดหลุมไว้ก่อน จากนั้นก็วางไข่ไว้ในหลุมนี้


เนื่องจากตอนนี้ลมพัดแรงจนทรายปกคลุมไข่นก จะหาให้เจอจึงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ถ้ามองดูหลุมดีๆ จะเห็นว่ายังมีร่องรอยอยู่ เมื่อเจอหลุมก็จะเจอไข่นก


หู่จือและเป้าจือละเอียดรอบคอบมาก พวกมันมักจะหาหลุมทรายเจอเสมอ ซึ่งฉงต้ามีความอดทนกับสติปัญญาแบบนี้ที่ไหน? มันขุดทรายอย่างหน้ามืดตามัวขนาดนั้น นอกจากจะทำให้ฝุ่นพัดขึ้นแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย


แต่อย่างไรก็ตามฉงต้าก็ไม่ได้โง่ หลังจากหามานานแต่ไม่ประสบความสำเร็จสักที มันจึงนั่งพักหายใจหอบบนชายหาด อยู่ๆ มันก็พบวิธีดีๆ ในการหาไข่นก นั่นก็คือ เฝ้าดูหู่จือและเป้าจือ


ขอเพียงแค่หู่จือและเป้าจือหาหลุมทรายเจอแล้วเริ่มขุด มันก็จะใช้ร่างกายที่แข็งแรงอ้วนท้วมของมันพรวดพราดเข้าไปแยกเจ้าสองตัวนี้ออกทันที แล้วยื่นขาของตัวเองออกมาขุดหลุมทรายนั้นเอง


หู่จือและเป้าจือโกรธมาก พวกมันทั้งสองจ้องฉงต้าอย่างเกลียดชังแล้วอ้าปากจะกัดฉงต้า แต่เมื่อนึกถึงความเป็นเพื่อนที่กินข้าวด้วยกันนอนด้วยกันทะเลาะกันในทุกๆ วัน จึงทำให้มันหุบปากลงอย่างด้วยความแค้นใจแล้วไปหาหลุมทรายอื่น


เดิมทีฉงต้าภูมิใจมาก แต่ไม่นานมันก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเองทำแบบนี้


ไข่ของนกจมูกหลอดหางสั้นมีขนาดเล็กกว่าไข่ไก่ปกติ ขาเล็กๆ หู่จือและเป้าจือจึงไม่สามารถทำลายไข่นกในขณะที่ขุดทรายได้


ฝ่ามือใหญ่ๆ ของฉงต้าจึงไม่เหมาะสมเท่าไร เพราะอุ้งมือหมีเป็นหนึ่งในอาวุธที่มีกำลังต่อสู้มากที่สุดในป่าเขา ฝ่ามือที่กดลงหลุมทราย ต่อให้ห่างจากชั้นทรายแต่ก็สามารถทำให้โดนไข่นกแตกได้


คราวนี้ฉงต้าจอมซื่อบื้อ มันมองไปที่ทรายเหนียวๆ และไข่นกที่แตกละเอียดด้วยความสงสัยแล้วยกมือขึ้นอย่างงุนงง จากนั้นมันก็นั่งลงบนชายหาดและแล้วตกตะลึงขึ้นมาเล็กน้อย


ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจใหญ่ หู่จือพลิกหาไข่แล้วเอาให้เขาอีก ฉินสือโอวจึงเอาชิ้นเนื้อแบ่งให้กับหู่จือ


หู่จือชำเลืองมองไปที่ฉงต้า แล้วปากของมันก็ขยับเคี้ยวเนื้อกินอย่างมีความสุข


ฉงต้าตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วลุกขึ้นอย่างอิ่มอกอิ่มใจ สะบัดขาทั้งสี่ข้างแล้วพรวดพราดเข้าไปที่ด้านหลังของฝูงนกจมูกหลอดหางสั้น


เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นเห็นผู้บุกรุกตัวโตตัวนี้แล้วจึงรีบส่งเสียงแควกๆ ขึ้นเพื่อเตรียมรุมโจมตีกลับ


คราวนี้ฉงต้าไม่ยอมจัดการเงียบๆ อีกแล้ว ขนสีน้ำตาลตามร่างกายมันตั้งชันขึ้นราวกับเข็มแหลม หัวใหญ่ๆ ของมันยื่นออกมาข้างหน้าแล้วอ้าปากกว้างพร้อมส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห ‘โฮกโฮก!’


ความโมโหที่น่ากลัวของราชาแห่งป่าที่แสดงออกด้วยการคำรามออกมาขนาดนี้ ต่อให้อยู่ห่างถึงหนึ่งหรือสองร้อยเมตรก็ตาม ฉินสือโอวยังรู้สึกได้ถึงความดุเดือดกระหายเลือดของฉงต้าที่ส่งกลิ่นออกมา


หนึ่งปีกว่า ตัวของฉงต้าโตและสูงขึ้นมากกว่าเมตรครึ่งและมันคงหนัก 150 กิโลกรัมแล้ว ทั้งตัวมันล้วนมีแต่ไขมันอ้วน หัวโตๆ ปากใหญ่ๆ เท้าอ้วนๆ ถ้ามองเผินๆ มันอาจจะดูน่ารัก ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ถ้ามันโกรธหรือโมโหขึ้นมาเมื่อไร สิ่งที่มันจะแสดงให้เห็นกลับเป็นอารมณ์และท่าทางที่คลุ้มคลั่งขึ้นมา


ฝูงห่านที่อวดดีก่อนหน้านี้ก็วิ่งแตกตื่นหนีทันที พวกมันกระพือปีกค่อยๆ หนีออกไป เพราะลมหายใจดุเดือดของราชาแห่งป่าทำให้พวกมันตกใจกลัวอย่างถึงที่สุด!


ในขณะฝูงห่านที่วิ่งหนีอย่างตกใจกลัว อยู่ๆ ก็มีไข่ห่านฟองใหญ่ที่กระจัดกระจายก็ปรากฏขึ้นบนชายหาด ฉงต้าอ้าปากกว้างออกแล้วอมไข่ซ่อนไว้ในปากสองฟอง จากนั้นมันจึงวิ่งกลับมาหาฉินสือโอวอย่างมีความสุขแล้วเอาไข่ที่อยู่ในปากออกมา


เอา! เนื้อ! มา! กิน!


บทที่ 572 น้องชายที่พลัดพราก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวถือไข่ห่านที่ฉงต้าเอามาให้แล้วหัวเราะขึ้น จากนั้นเขาจึงแบ่งเนื้อยัดเข้าไปในปากของฉงต้าสองชิ้น


พอฉงต้าปิดปากงับ เนื้อก็หายไปแล้ว…


เมื่อเห็นสายตาอันไร้เดียงสาของฉงต้า ฉินสือโอวจึงบีบหูเล็กๆ อันอวบอ้วนของมัน เขาใช้ผ้าห่อไข่นกฟองที่เหลือแล้วพูดว่า “ไป กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพ่อจะให้เนื้อแห้งกินอีก”


ฉงต้ายื่นคอออกไปร้องตะโกนอาวู อาวู ดึงฉินสือโอวไว้แล้วอ้าปากจนมีน้ำลายไหลออกมา จากนั้นจึงร้องขึ้นด้วยความน้อยใจเพราะเมื่อกี้มันไม่ได้รู้สึกถึงเนื้อชิ้นนั้นเลย


ฉินสือโอวหมดหนทาง เขาทำได้เพียงลากขาของฉงต้าเดินตามมา ยังวางใจไม่ได้เลยจริงๆ


เมื่อพาเจ้าสัตว์เลี้ยงพวกนี้กลับมาถึงวิลล่า ด้านหลังก็มีปอหลัวตามกลับมาเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงเห็นฟอสซิลไดร์วูล์ฟที่จัดเรียงอยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ถึงกับร้องขึ้นด้วยความเศร้าโศกเสียใจ


เมื่อหมาป่าขาวเติบโตขึ้นจนโครงสร้างกระดูกของมันแข็งแรง มันก็จะเริ่มฝึกล่าสัตว์และต่อสู้ นี่คือธรรมชาติของพวกมัน วินนี่ที่ดูแลปกป้องปอหลัวก็ยังไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้


สองสามวันมานี้ ในช่วงที่ปอหลัวไม่มีอะไรทำมันจะไปเล่นงานฟอสซิลไดร์วูล์ฟที่ยืนนิ่งๆ ไม่ขยับ แน่นอนว่าการเล่นงานของมันคือการวิ่งไปกัดแล้วใช้กรงเล็บเท้าข่วนพักหนึ่ง จริงๆ แล้วเจ้าปอหลัวนี้มีความสามารถเพียงแค่นี้เท่านั้น


ฉินสือโอวที่กำลังคิดหาวิธีฝึกปอหลัวอย่างหนัก อยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งคนที่โทรเข้ามาก็คือเหมาเหว่ยหลงนั่นเอง


หลังจากผ่านไปหลายปี ฉินสือโอวก็ไม่ได้ติดต่อกับเหมาเหว่ยหลงอีกเลย ฝากข้อความในคิวคิวไว้ก็ไม่ตอบ โทรหาก็ไม่รับ ทำให้เขาคิดว่าที่บ้านของเหมาเหว่ยหลงต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ เขาจึงรีบค้นหาข่าวของพ่อเหมาเหว่ยหลงบนอินเทอร์เน็ต


จากที่หาข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้วก็ทำให้รู้ว่า ตำแหน่งที่นั่งของพ่อเขาก็มั่นคงดี แม้กระทั่งช่องข่าวในโทรทัศน์ยังเห็นเขาอยู่ นี่ก็ทำให้เห็นได้ชัดแล้วว่าที่บ้านของเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ไปหาเหมาเหว่ยหลงที่โรงเรียนฝึกพรรคคอมมิวนิสต์อะไรทำนองนั้นแหละ


จนในที่สุดตอนนี้ก็ได้รับสายจากเหมาเหว่ยหลง หลังจากฉินสือโอวรับสายก็พูดด้วยความโกรธ “ไงโคโกโร่ ในที่สุดแกก็นึกได้แล้วสินะว่ายังมีฉันเป็นผู้ติดตามอยู่ ว่ามาสิ ที่โทรมาจะสั่งงานอะไรล่ะ?”


ทางฝั่งเหมาเหว่ยหลงยังคงเงียบอยู่สองสามวินาที จากนั้นจึงพูดขึ้น “ช่วงนี้แกเป็นไงบ้าง?”


 “ฉันสบายดี ฉันอยากบอกแกว่าตอนนี้ฟาร์มปลาของฉันมันเยี่ยมมากและผลผลิตจากการจับปลาก็ขายดิบขายดีทั่วนิวยอร์กแล้ว แล้วแกล่ะ? ไปเที่ยวเล่นอยู่ไหนมา? ทำไมไม่ส่งข่าวกลับมาบ้างเลย โทรหาก็ไม่รับ?” ฉินสือโอวว่า


เหมาเหว่ยหลงได้แต่ถอนหายใจ ไม่มีเสียงตอบกลับมาในทันที


ฉินสือโอวทนไม่ไหวจึงถามกลับอีกว่า “เป็นอะไร ก่อนหน้านี้งานยุ่งเหรอหรือไปอบรมฝึกฝนการศึกษาระดับสูงที่ไหนมา? แกอย่ามาโกหกฉันนะ มีอะไรก็พูดมาเถอะ ถ้าไม่มีก็แล้วไป แล้วที่แกถอนหายใจใส่ฉันแกมีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่า?”


เขาเงียบอีกครั้ง แต่ได้ไม่นาน เสียงแหบๆ ของเหมาเหว่ยหลงก็ดังขึ้น “ฉันลาออกแล้ว พอดีมีปัญหากับที่บ้าน ก่อนหน้านี้ถูกขังไว้ในบ้าน ทั้งโทรศัพท์ทั้งคอมพิวเตอร์ก็ถูกตัดขาดหมด”


เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวถึงกับตกใจไปพักหนึ่ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ระยะห่างทางโทรศัพท์ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความเศร้าซึมของอารมณ์เหมาเหว่ยหลงได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไร


ฉินสือโอวเงียบเพื่อให้เหมาเหว่ยหลงพูดต่อ แต่เขาไม่ได้อธิบายอะไร เขาเพียงแค่ถามว่า “ฉันไปอยู่ที่นั่นสักพัก ได้ไหม?”


“อย่าพูดอะไรเหลวไหลแบบนั้น แกมาได้เลยจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ทั้งเนื้อย่าง อาหารทะเล เหล้า ฉันมีเหลือเฟือ แกจะมาเมื่อไรล่ะ? ถ้าครั้งนี้มาอยู่นาน นายต้องจีบสาวเซ็กซี่คนนั้นติดแน่นอน พูดแล้วก็บังเอิญจริงๆ เมื่อสองวันก่อนฉันกับวินนี่ยังคิดหาทางให้แกกับสาวเซ็กซี่คนนั้นได้ติดต่อกันอยู่เลย…”


ฉินสือโอวเริ่มพูดแต่เรื่องไร้สาระ เขาหาทางหยอกให้เหมาเหว่ยหลงมีความสุขให้เหมือนกับเมื่อก่อนที่เหมาเหว่ยหลงเคยทำกับเขาตอนที่อยู่เมืองไหเต่า


เหมาเหว่ยหลงแทรกคำพูดของเขาขึ้น “ไม่จำเป็นหรอก ฉันมีภรรยาแล้ว ที่ฉันมีปัญหากับที่บ้านครั้งนี้ก็เกี่ยวกับเธอด้วย”


ฉินสือโอวเกาศีรษะด้วยความงงเล็กน้อย ปัญหาเรื่องความรักไม่ได้แก้ไขกันได้ง่ายๆ และเขาก็ไม่ใช่พวกหลายใจ อย่างบิลลี่กับเบลค ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปอย่างตรงๆ ว่า “ฉันจะให้วินนี่จองตั๋วเครื่องบินให้แก จะมาตอนไหนล่ะ?”


“ตอนนี้ฉันอยู่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง ฉันซื้อตั๋วแล้ว เราสามคนจะบินเย็นวันนี้ พรุ่งนี้ถึงจะไปหาแก”


“สามคนเหรอ? ใครบ้าง?”ฉินสือโอวยังคงงงอยู่เล็กน้อย ถ้าไม่บอกก่อนหน้านี้ว่ามีปัญหากับที่บ้าน เขาคงคิดว่าหมอนี่คงพาครอบครัวมาที่นี่เพื่อรีดไถเงินตัวเองซะอีก


“ฉัน ภรรยาและลูกสาว” คำตอบของเหมาเหว่ยหลงสั้นกระชับได้ใจความแต่เต็มไปด้วยความตกใจ


ฉินสือโอวถึงกับอ้าปากค้าง หู่เป้าฉงที่กำลังเล่นกันอยู่ถึงกับต้องเอียงหัวมองเขาด้วยความประหลาดใจ ท่าทางที่แสดงแบบนี้ของพ่อแทบจะไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ


ในสายโทรศัพท์ไม่ควรถามอะไรเยอะ อีกอย่างฉินสือโอวยังรู้สึกได้ว่าตอนนี้เหมาเหว่ยหลงคงไม่อยากจะพูดถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจ เขาถึงรีบตอบแล้ววางสายไป


จากที่เขารู้จักเหมาเหว่ยหลงมา หมอนี่มีอะไรก็ชอบเก็บไว้ในใจคนเดียว รอให้เขามาถึงเมืองแฟร์เวลก่อนเถอะ แล้วจะมอมเหล้าให้เมา ถึงตอนนั้นอยากรู้อะไรก็จะได้รู้สักที


หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว ฉินสือโอวจึงไปสนามบินเล็กเพื่อดูที่ส่วนท้ายของรันเวย์รูปตัวทีที่กำลังเร่งก่อสร้างเรดาห์ในฟาร์มปลา


แม้ว่าสิ่งที่ฟาร์มปลาซื้อจะเป็นเรดาห์ทางพลเรือน แต่ก็ยังมีความซับซ้อนอยู่มาก ซึ่งหลักๆ จะประกอบด้วยทรานสมิตเตอร์ อุปกรณ์ส่งสัญญาณแบบไร้สาย อุปกรณ์รับสัญญาณ อุปกรณ์รับสัญญาณแบบไร้สาย เครื่องปรับแต่งสัญญาณรวมถึงอุปกรณ์แสดงผลหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเช่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หน่วยรับข้อมูลและเครื่องรบกวนสัญญาณ


ฟรังโกพาวิศวกรและคนงานมาสองสามคนเพื่อเอาทรานสมิตเตอร์มาสร้างเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมขึ้น การติดตั้งหลักๆ คือการเชื่อมต่อทรานสมิตเตอร์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเบิร์ดกำลังเรียนรู้และทำตามเพราะหลังจากนี้ถ้าเกิดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อะไรขึ้นมา เขาจะได้เป็นคนจัดการ


เมื่อเห็นฉินสือโอวกำลังเดินมา ฟรังโกจึงตั้งใจแนะนำเรดาร์พิเศษสำหรับฟาร์มปลานี้ให้กับเขา สรุปคือโยนเทคนิคทิ้งไป เหลือไว้เพียงแค่หลักสูตรก็พอ จากนั้นฉินสือโอวจึงตกตะลึงขึ้นมาทันที


ฟังไปฟังมา ในที่สุดฉินสือโอวก็นึกได้สองเรื่อง เรื่องแรกคือการกำหนดความถี่ของเรดาห์เป็นงานที่สำคัญที่สุด ซึ่งฟรังโกกำลังตั้งใจทำสิ่งนี้เป็นพิเศษ เมื่อความถี่คงที่ ก็จะกลายเป็นรากฐานของระบบทั้งหมดและไม่สามารถคลาดเคลื่อนได้ง่ายๆ ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างจากทรานสมิตเตอร์โดยสิ้นเชิง


ส่วนเรื่องที่สอง เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือของเบิร์ด จึงทำให้การสร้างเรดาห์ความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและยังใช้เวลามากสุดแค่ห้าวัน หลังจากทดสอบใช้ระบบเรดาห์แล้วก็สามารถใช้งานได้เลย


เมื่อรู้สองจุดนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงบอกทุกคนว่าให้ตั้งใจทำงานแล้วรีบกลับไปเตรียมอาหารเย็น


เหมาเหว่ยหลงกำลังจะมา ฉินสือโอวจึงไปลงทะเลเอากรงตาข่ายมาตกกุ้งและปูราชินี เพื่อเตรียมต้อนรับน้องชายแสนซื่อบื้อเป็นอย่างดี


นอกจากนี้ยังไปตามแนวปะการังเพื่อควานหาเพรียงทะเล เพราะเพรียงทะเลนี้มีรสชาติอร่อยมาก เพรียงทะเลที่เพิ่งเกิดใหม่ในแนวปะการังเมื่อผ่านไปหนึ่งปีมันจะเจริญเติบโตขึ้นจึงสามารถนำมาเป็นอาหารได้


เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มีเรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็กเข้าจอดเทียบท่าเรือ เหล่าคนงานจึงไปรับพัสดุต้นองุ่นที่ห่อด้วยพลาสติกที่กำลังลำเลียงเข้ามา งานที่สำคัญที่สุดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งก็คือการปลูกองุ่นนั่นเอง


ฉินสือโอวไม่มีเวลามาจัดการดูแล จึงให้ชาร์คพาคนงานไปทำความสะอาดต้นองุ่นก่อน แล้วเขาจะให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินเซนต์จอห์น เมื่อถึงสนามบินจะได้รับบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ แล้วมีพนักงานมารับเขาทันที จากนั้นก็จะพาเขาไปที่เลานจ์วีไอพี


หลังจากเครื่องบินขนาดเล็กที่เหมาเหว่ยหลงนั่งมาได้ลงที่สนามบินเซนต์จอห์น ไม่นานนัก ตามการแนะนำของแอร์โฮสเตส เหมาเหว่ยหลงจึงลากกระเป๋าและพาสาวสวยทั้งสองไปหาฉินสือโอว


เมื่อเห็นสาวสวยทั้งสองแล้ว ฉินสือโอวจึงมองไปที่เหมาเหว่ยหลงและกระซิบข้างหูในขณะที่เขากำลังกอดเขาอยู่ “ว้าว ไอ้น้องชาย ลูกสาวแกไม่ใช่ตัวเล็กๆ แล้วนะ!”


บทที่ 573 เด็กน้อยน่ารักและผองเพื่อนตัวน้อย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ที่ฉินสือโอวบอกว่าลูกสาวของเหมาเหว่ยหลงไม่ใช่ตัวเล็กๆ แล้ว ไม่ใช่เพราะอายุเยอะ แต่เป็นเพราะอายุของเหมาเหว่ยหลง


เด็กหญิงตัวเล็กดูท่าน่าจะมีอายุประมาณห้าขวบ สวมชุดกระโปรงเจ้าหญิงน้อยผ้าชีฟองโปร่งบาง บนหัวติดกิ๊บหนีบผมผีเสื้อสีส้ม ใส่รองเท้าหนังคู่เล็กๆ ดวงตากลมโต แก้มกลมๆ ผิวอ่อนนุ่มราวกับว่าถ้าบีบแล้วจะมีน้ำไหลออกมา


ถ้าใช้ภาษาอินเทอร์เน็ต คงเรียกว่าน่ารักแอ๊บแบ๊ว


ไม่แปลกใจที่เด็กหญิงตัวเล็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกสาวที่เพิ่งเกิดของเหมาเหว่ยหลงอย่างแน่นอน เพราะดูเหมือนว่าอายุจะไม่สอดคล้องกันเท่าไร


ส่วนคนที่ยืนข้างหลังของเหมาเหว่ยหลงเป็นสาวสวยสวมแว่นตากรอบสีดำ เธอน่าจะอายุประมาณสามสิบกว่าปี ผมของเธอเกล้าม้วนขึ้นเป็นมวย คิ้วโก่งบาง ริมฝีปากแดงเรื่อและแต่งหน้าอ่อนๆ มีลักษณะของผู้หญิงที่มีความสง่างาม


ฉินสือโอวกอดเหมาเหว่ยหลงไว้แน่น เขายิ้มกว้างแล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับโคโกโร่มาป่วนนิวฟันด์แลนด์”


ย้อนกลับไปในช่วงเวลานี้เมื่อหนึ่งปีก่อน ก็เป็นช่วงที่เหมาเหว่ยหลงเคยต้อนรับฉินสือโอวแบบนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งตอนนี้กลับเป็นฉินสือโอวที่ต้องมาต้อนรับเขาแทน


เมื่อเห็นฉินสือโอว สีหน้าอมทุกข์ของเหมาเหว่ยหลงก็หายไป เขาหัวเราะดังออกมา “ฉันไม่ได้มาป่วนนิวฟันด์แลนด์ฉันมาป่วนแกต่างหาก! ครั้งนี้ฉันมาเกาะแก และอาจจะนานด้วย แถมยังจะเกาะแกทั้งบ้านอีก”


“อาหารทะเล ผัก เนื้อไก่เป็ดห่าน ผลไม้ เลี้ยงพอแน่นอน! มีมากพอให้แกกินจนอยากอาเจียนไปเลยล่ะ!” ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมพูดต่อว่า “เออใช่สิ ปีหน้าก็เริ่มดื่มไวน์ได้แล้วอีกด้วย อาจจะทำให้แกดื่มจนอยากจะอาเจียนด้วยเหมือนกัน!”


เหมาเหว่ยหลงตบที่ไหล่ของฉินสือโอวเบาๆ และแนะนำให้ฉินสือโอวรู้จักกับหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังเขา “นี่คือหลิวซูเหยียน พี่สะใภ้แก และนี่ตั๋วตั่ว หลานสาวแก”


“ล้อเล่นหน่า!” ฉินสือโอวจ้องไปที่เหมาเหว่ยหลง จากนั้นจึงจับมือกับหญิงสาวอย่างสุภาพพร้อมกับแนะนำตัว “ฉันชื่อฉินสือโอว หรือจะเรียกว่าพี่ฉินก็ได้ ฉันเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหลง เขานับถือฉันมาก ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็สามารถนับถือฉันร่วมกับเขาได้”


หญิงสาวยิ้มพร้อมพูดว่า “ฉันนับถือคุณมานานแล้ว หลงมักจะพูดถึงคุณทุกวันเป็นร้อยๆ รอบ มักบอกแต่ว่าอยากไปอยู่กับคุณ ถึงแม้ว่าจะถูกคุณแกล้งเป็นประจำ แต่เขากลับมีความสุขมากเลยล่ะ เขาไม่ได้รู้สึกทุกข์หรือเศร้าใจอะไรเลย”


ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจ จากนั้นจึงค่อยๆ นั่งยองๆ ลงแล้วบีบปลายจมูกของเด็กน้อยน่ารักเบาๆ แล้วหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ว่าไงสาวน้อย หนูชื่ออะไรจ๊ะ? อายุเท่าไรแล้ว? พอเห็นลุงแล้ว ลุงหล่อไหม?”


ดวงตากลมโตไร้เดียงสาของเด็กน้อยคนนี้จึงมองไปที่เขา หลิวซูเหยียนทำสัญญาณมือตรงหน้าอก เด็กน้อยจึงยิ้มออกมาอย่างเขินอาย แล้วเข้ากอดคอของฉินสือโอว จากนั้นก็หอมลงที่แก้มของเขาแล้วใช้มือน้อยๆ แสดงท่าทางออกมา


เมื่อเห็นท่าทางเหล่านี้จึงทำให้ฉินสือโอวรู้ว่า เด็กคนนี้พูดไม่ได้ อีกอย่างความสามารถในการอาจจะไม่ค่อยดีอีกด้วย


ฉินสือโอวกอดเธอให้ฟุบตรงหน้าอกแล้วให้เธอฟังเสียงหัวใจเต้นของตัวเอง จากนั้นก็ดึงเหมาเหว่ยหลงเข้ามากอดเธอด้วยกัน


เขาไม่เข้าใจภาษามือ จึงทำได้แค่ใช้วิธีนี้ในการแสดงความรู้สึกของตัวเอง


หลังจากรับทุกคนมาแล้ว ฉินสือโอวจึงช่วยเหมาเหว่ยหลงลากกระเป๋าหนังไปข้างนอกสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องอีกครั้ง


แม้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะเป็นสี่ที่นั่ง แต่จริงๆ แล้วมันมีพื้นที่กว้างขวางมาก ฉินสือโอวอุ้มเด็กน้อยไปนั่งที่นั่งคนขับนักบิน เฮลิคอปเตอร์ได้รับอนุญาตให้อุ้มเด็กนั่งที่นั่งด้านหน้าได้ ถึงต่อให้ไม่ได้รับอนุญาต แต่ใครจะสามารถมาตรวจสอบได้?


พอนั่งลงบนเครื่อง เหมาเหว่ยหลงจึงยิ้มและพูดว่า “หมอนี่มีชีวิตดีจริงๆ แม้แต่เครื่องบินยังซื้อ? เรือยอชต์ก็มี แล้วต่อไปจะมีอะไรอีกล่ะ”


“ก็กำลังเตรียมทำเรือบรรทุกเครื่องบิน” ฉินสือโอวหัวเราะล้อเล่น เมื่อเฮลิคอปเตอร์บินขึ้น จะมีเสียงดังมากจนคนที่ใส่หูฟังอยู่ก็ไม่สามารถพูดคุยกันได้


เครื่องบินบินไปถึงเกาะแฟร์เวลได้อย่างรวดเร็ว เกาะเล็กๆ ในฤดูใบไม้ผลิเต็มไปด้วยความคึกคักและมีชีวิตชีวา น้ำทะเลใสสะอาดกำลังม้วนคลื่นขึ้นมาตามชายฝั่ง ฝูงนกนางนวลก็บินผ่านผิวน้ำทะเลอย่างรวดเร็ว และทุกครั้งที่พวกมันบินขึ้น ก็จะเห็นพวกมันคาบปลาตัวเล็กๆ มาด้วย


ลึกเข้าไปในฟาร์มปลา จะบังเอิญมีปลาวาฬหลังค่อมสองตัวลอยอยู่บนผิวน้ำเพื่อระบายอากาศพอดี เด็กน้อยใช้สองมือทาบประตูกระจกมองดูปลาวาฬตัวใหญ่สองตัวนั้นอย่างตื่นเต้นและแปลกใจ พอหันหลังกลับมาก็จะเห็นเหมาเหว่ยหลงกับหลิวซูเหยียนโบกมือไปมาให้


หลิวซูเหยียนยิ้มออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู


ฉินสือโอวก็ตั้งใจมองที่เหมาเหว่ยหลงด้วยสายตาเอ็นดูเช่นเดียวกัน เหมือนเขารู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเหมาเหว่ยหลง


บนเกาะเล็กๆ ผืนนี้ที่เต็มไปด้วยสีเขียวมรกต สีเขียวแบบนี้ไม่ใช่สีเขียวเข้มในช่วงฤดูร้อน แต่เป็นสีเขียวสดใสที่เต็มไปด้วยพลัง พืชพันธุ์กำลังเจริญงอกงาม ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานในสวนของบ้านแต่ละหลัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ความสุขในช่วงฤดูกาลนี้มีเพิ่มมากขึ้น


เมื่อเครื่องบินกำลังจะลง หลิวซูเหยียนช่วยตั๋วตั่วจัดเสื้อผ้าพลางถอนหายใจไปด้วย “พระเจ้า ที่นี่สวยมาก ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลใสสะอาด ต้นหญ้าเขียวชอุ่ม แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ”


ฉินสือโอวยิ้มพร้อมพูดว่า “ถ้าชอบที่นี่ คุณกับครอบครัวก็อยู่ที่นี่เลยสิ รอให้ถึงช่วงรับประทานอาหารก่อนเถอะ แล้วคุณจะพบว่า ที่แท้แล้วผักและอาหารทะเลที่นี่อร่อยขนาดไหน!”


เมื่อเห็นเครื่องบินกำลังลงสู่พื้นดิน หู่จือเป้าจือฉงต้าและลูฟพาต้าป๋ายปอหลัววิ่งเข้ามา หลิวซูเหยียนเห็นเช่นนั้น จึงรีบดึงตั๋วตั่วมาไว้ในอ้อมอก เหมาเหว่ยหลงพูดปลอบใจเธอ “อย่าห่วงเลย นี่คือหู่จือเป้าจือ ฉงต้า ต้าป๋าย มันไม่ทำร้ายคน พวกมันเหมือนกับพี่น้องของฉัน พวกมันมันรู้เรื่อง”


ฉินสือโอวดึงมือตั๋วตั่วมาลูบหัวเจ้าสัตว์พวกนี้ แล้วบอกว่าถึงพวกมันจะเพื่อนตัวเล็ก แต่จริงๆ แล้วพวกมันโตกันหมดแล้ว หู่จือเป้าจือก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ฉงต้าก็ตัวอ้วนใหญ่แล้ว ปอหลัวก็เริ่มแสดงรูปร่างสูงใหญ่ของกวางอูฐออกมาแล้ว หรือแม้แต่หลัวปอก็มีหัวแล้ว


แต่ในสายตาของฉินสือโอว ไม่ว่าพวกมันจะโตแค่ไหน ก็ยังคงเป็นเจ้าตัวเล็กอยู่ดี


ตั๋วตั่วลูบพวกมันเรียงตัว หู่จือและเป้าจือก็ค่อยๆ เลียที่มือน้อยๆ ของเธอเบาๆ ฉงต้าก็กะพริบตามองไปที่เด็กน้อยน่ารัก จากนั้นจึงยื่นขาอ้วนๆ ของมันไปชนกับกำปั้นของเธอแล้วเปิดยิ้มกว้างออกมา


สำหรับความฉลาดของฉงต้า มันอาจจะแปลกไปบ้างแต่เหมาเหว่ยหลงก็เห็นจนชินแล้ว แต่สำหรับหลิวซูเหยียนเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น จึงตกใจจนต้าค้างแล้วส่ายหัวไปมาอยู่อย่างนั้น


ฉินสือโอวพาตั๋วตั่วไปแนะนำให้เจ้าเพื่อนตัวน้อยให้รู้จัก จากนั้นก็พูดว่า “เอาล่ะๆ นี่คือเพื่อนใหม่ของพวกเรา จากนี้ไปต้องเล่นกับเธอด้วย เข้าใจไหม?”


ตั๋วตั่วมองไปที่หลัวปอตัวอ้วนตุ้ยนุ้ยขนสีขาวราวกับหิมะ แล้วรู้สึกว่ามันน่ารักมากจึงอยากจะกอดมัน


หลัวปอไม่ชอบให้ใครกอดนอกจากวินนี่ แม้แต่ฉินสือโอวมันยังไม่ให้กอด ดังนั้นมันจึงรีบถอยหลังออกไป


หู่จือรีบเดินอ้อมไปข้างหลังแล้วยื่นขาออกมาตีหัวหลัวปอเบาๆ ท่าทางเหมือนพี่ชายสอนว่ามันไม่สุภาพ


แต่ตั๋วตั่วไม่ได้บังคับฝืนใจ เธอหัวเราะแล้ววิ่งไปกอดต้าป๋าย เพราะต้าป๋ายก็น่ารักเหมือนกัน แถมทั้งตัวมันยังมีขนสีขาวเหมือนกันอีกด้วย อีกอย่างมันยังรู้เรื่องอีก ไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธกอดของเธอแล้ว มันยังเอาหัวที่มีขนปุกปุยมาถูแก้มของเด็กน้อยน่ารักคนนี้อีกด้วย


หลังจากรู้จักกันแล้ว ฉินสือโอวจึงโบอกมือส่งสัญญาณบอกให้เจ้าเพื่อนตัวน้อยไปได้แล้ว เขาเตรียมของว่างและเครื่องดื่มไว้ให้กับเหมาเหว่ยหลงและครอบครัว รอพวกเขากินลองท้องแล้วก็จะพาพวกเขาทั้งสามคนไปห้องพักที่เตรียมไว้ให้


เหมาเหว่ยหลงบอกว่าไม่ค่อยเหนื่อย ฉินสือโอวจึงตอบกลับว่า “บินมาสิบกว่าชั่วโมง แกไม่เหนื่อยแล้วลูกกับภรรยาก็จะไม่เหนื่อยด้วยเหรอ? เอาล่ะๆ ไปพักเถอะ ฉันจะไปปลูกองุ่นฝั่งนู้นละ ไม่มีเวลามาปรนนิบัติแกหรอกนะ! พักผ่อนเยอะๆ ตอนเย็นจะเตรียมเหล้าดีๆ อาหารชั้นเลิศมาต้อนรับ!”


เนื่องจากความต่างของเวลา หลังจากรับเหมาเหว่ยหลงมาก็เที่ยงแล้ว ดังนั้นข้าวมื้อต่อไปก็คือข้าวเย็น


เหมาเหว่ยหลงบีบไหล่เขา แล้วพูดอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณมากพี่ชาย!”


ฉินสือโอวหันหลังกลับมาแล้วใส่เขากลับหนึ่งหมัด พร้อมหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “แกมาที่นี่กับฉัน แล้วยังจะขอบคุณอีก ฉันไม่ใช่พี่น้องของแกแล้วเหรอ? ขอบคุณอะไรกัน ถ้าอยากขอบคุณฉันจริงๆ ก็จ่ายเงินให้ฉันสิ ยังจะมาพูดเกรงใจฉันอะไรมากมาย”


บทที่ 574 เถาองุ่นหนึ่งร้อยหมู่

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากพาเหมาเหว่ยหลงไปพักแล้ว ฉินสือโอวก็ไปที่ไร่องุ่นต่อ


ฝั่งทางไร่องุ่นยังไม่ได้เริ่มปลูก อันดับแรกจะต้องใช้กระบวนการวางตำแหน่งซึ่งก็คือการเชื่อมต่อไม้แต่ละท่อนก่อน เพราะมันจะสะดวกเมื่อถึงช่วงที่องุ่นเติบโตพันเข้าหากัน


ฉินสือโอวปลูกองุ่นขนาดเล็กไว้ที่นี่ องุ่นที่กินได้จะเลือกใช้วิธีการทำเป็นโครง เพื่อทำให้มีระยะห่างที่ค่อนข้างกว้างและองุ่นแต่ละต้นจะได้ดูดซับสารอาหารได้มากยิ่งขึ้น เมื่อถึงช่วงขุดดินเพื่อป้องกันความเย็นในฤดูหนาว จะสามารถขุดดินได้โดยตรงเพื่อปกป้องระบบรากจากการถูกทำลายจากความเย็นจัดเนื่องจากการขุดดินจำนวนมาก


ขนาดของการสกัดองุ่นจะมีขนาดใหญ่เล็กน้อย ฉินสือโอวจึงเลือกใช้การปลูกเป็นรั้วตามแนวยาว ตามคำแนะนำของบิล ซึ่งถ้าทำแบบนี้ระยะห่างของแถวจะมีขนาดเล็ก สามารถปลูกองุ่นได้มากและดูแลสะดวกได้สะดวกขึ้น สภาพลมและแสงยังค่อนข้างดีอีกด้วย


เมื่อใช้เครื่องจักรปักโครงลงดินเรียบร้อยแล้ว จากนั้นยังต้องขุดร่องน้ำคูเพื่อทำการเพาะปลูกด้วย ซึ่งก็คือที่ปลูกต้นองุ่นนั่นเอง


สิ่งที่ต้องรู้คือองุ่นเป็นไม้เลื้อยยืนต้นที่มีอายุยืน ฉินสือโอวเชื่อในพลังของโพไซดอนว่าจะสามารถทำให้พวกมันอายุยืนได้มากกว่านี้อีก ด้วยวิธีนี้หลังจากปลูกต้นองุ่นแล้วเติบโตในตำแหน่งคงที่เป็นเวลาหลายปีแล้ว จำเป็นต้องมีพื้นที่ในการขยายและปริมาณสารอาหารใต้ดินที่ค่อนข้างมาก


นอกจากนี้ ระบบรากและต้นอ่อนขององุ่นก็ไม่เหมือนกัน เนื้อเยื่ออ่อนที่แตกแขนงจะเจริญเติบโตรวมกันเป็นเนื้อองุ่น เมื่อถึงช่วงผลผลิตยืดและแผ่ขยายออก จะพบว่าแรงต้านจะทำให้มันหยุดแผ่ขยาย


ดังนั้นองุ่นบางชนิดจึงเหมาะกับการเจริญเติบโตในดินทราย ซึ่งดินทรายจะมีแรงต้านต่อการขยายตัวของระบบรากต่ำ แน่นอนว่าเพื่อให้รากองุ่นในดินเติบโตได้ดีขึ้น ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าการทำร่องน้ำมันค่อนข้างดี


ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนใช้เครื่องจักรในการดำเนินงาน เครื่องจักรที่ใช้ในการขุดร่องน้ำโดยเฉพาะจะคล้ายกับเครื่องขุดดิน ก็คือมีสายพานเล็กๆ สองสายดึงรถและมีพลั่วหงายอยู่หน้ารถ ซึ่งเมื่อฉินสือโอวและชาร์คลากเส้นเครื่องหมายสัญลักษณ์เสร็จ จากนั้นจะใช้เครื่องขุดดินเดินเครื่องตามแนวเครื่องหมายและเริ่มใช้พลั่วขุดตาม


การทำงานของเครื่องจักรต้องมีความรวดเร็วอยู่แล้ว พลั่วที่ขุดลงและตักขึ้นในแต่ละครั้ง ทุกครั้งที่ขุดจะเกิดขึ้นเป็นหลุมที่มีความยาวความกว้างและความลึกประมาณหนึ่งเมตร และนี่ก็คือร่องน้ำ แม้มีคำว่า‘ร่อง’คำนี้ แต่จริงๆ แล้วมันคือแต่ละหลุมที่จะใช้ในการปลูก


ด้านหลังของรถตักดินยังมีเครื่องจักรอีกหนึ่งเครื่องตามมาติดๆ เครื่องจักรนี้จะทำหน้าที่กลบดิน เอาดินที่ขุดออกมากลบไว้ในหลุม ไม่ใช่ว่าจะกลบดินลงไปได้เลย แต่ต้องเอาเครื่องกรองน้ำวางลงไปก่อน


ดินทรายแถบชายฝั่งทะเลจะมีน้ำเยอะ เมื่อระบบรากขององุ่นเริ่มอ่อนแอมันก็จะง่ายต่อการเน่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีเครื่องกรองน้ำช่วยปกป้องได้ ก่อนที่องุ่นจะเจริญเติบโตเต็มที่ไม่ควรแช่รากไว้ในน้ำ แต่ถ้ามันเจริญเติบโตเต็มแล้ว จะแช่หรือไม่แช่น้ำ มันก็จะไม่เน่า


หลังจากวางเครื่องกรองน้ำแล้วจึงค่อยกลบดินทับเพิ่มสองชั้น ดินชั้นแรกคือดินทราย อีกชั้นจะเป็นดินผสมปุ๋ยที่ต้องกลบไว้ชั้นบนสุดเพื่อบำรุงการเจริญเติบโตก้าวแรกให้กับต้นองุ่น


เมื่อกลบดินทรายจะต้องให้ห่างจากพื้นผิวดินประมาณสิบเซนติเมตร จึงสามารถลงปลูกต้นองุ่นได้อย่างเป็นทางการ


ในร่องน้ำหนึ่งหลุมจะปลูกองุ่นได้แค่หนึ่งต้น เนื่องจากดินทรายมีความอ่อนนุ่ม จึงทำได้เพียงลงต้นไปในหลุมดินทรายก็พอ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักร ใช้มือเท่านั้น ฉินสือโอวจึงพาชาวประมงและคนในครอบครัวมาเริ่มปลูกช่วยกัน


เมื่อลูกๆ ของเชอร์ลี่ย์เลิกเรียนแล้ว จึงพากันเล่นรถยืนไฟฟ้า พวกเขาส่งเสียงร้องกันอย่างมีความสุขพร้อมกับลื่นไหลไปข้างหน้า


เมื่อกำลังอยู่ในช่วงที่มีความสุขมากๆ มักจะมีเรื่องมาขัดเสมอ วินนี่เรียกพวกเขาให้เข้ามาช่วยงาน พวกเด็กๆ จึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก้มหัวอยากหนีออกไป


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ทั้งตีทั้งดุลูกๆ ให้เดินตามมา ดึงลูกชายตัวเองมาอย่างกับลากสัตว์เลี้ยงให้รีบมาแล้วตวาดใส่ว่า “ทำงาน ถ้าไม่ทำเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!”


“ไม่เพียงแต่จะไม่ให้กินข้าวแล้ว ยังยึดของเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ของพวกเขาด้วย” แลนซ์พูดพร้อมหัวเราะดังลั่น


หลายคนเริ่มทำงานเสร็จแล้ว เพียงแค่เอารากของต้นองุ่นลงหลุมทราย ข้างๆ ฉินสือโอวก็มีหู่จือและเป้าจือตามมาด้วย ทั้งสองตัวผลัดกันคาบต้นองุ่นส่งให้ฉินสือโอว แบบนี้จึงสะดวกเขาไม่ต้องวิ่งกลับไปกลับมา


หลัวปอเอียงคอมองดูอยู่สักพัก มันรู้สึกว่าน่าสนุกดี จึงไปคาบต้นองุ่นแล้วส่งให้วินนี่บ้าง


ตัวมันใหญ่เล็กน้อย แรงก็มีมาก แต่กลับคาบต้นองุ่นไม่ขึ้น จึงวิ่งลากไปตามทางบนพื้น กว่ามันจะส่งถึงมือวินนี่ ต้นองุ่นก็ถูกลากมาจนตายหมดแล้ว…


วินนี่กลับรู้สึกซาบซึ้งใจ จึงอุ้มหลัวปอขึ้นมากอดแล้วพูดอย่างอิ่มเอมใจว่า “เด็กดีจริงๆ เลยนะ หลัวปอของบ้านเรา รู้จักดูแลแม่ด้วย มา มาให้แม่หอมสักทีสิ คืนนี้แม่จะนอนกอดทั้งคืนเลยดีไหม?”


หลัวปอส่งเสียงร้องฮือฮือ หัวเล็กๆ ของมันมุดเข้าไปที่หน้าอกของวินนี่ มุดไปมุดมาแล้วรู้สึกสบายมาก ฉินสือโอวเห็นจึงจ้องตาเป็นมัน


พื้นที่ 150 หมู่ อาจจะดูเหมือนขนาดใหญ่มาก แต่จริงๆ แล้วภายใต้การเดินเครื่องจักร ในช่วงบ่ายสามารถทำเสร็จได้แค่ครึ่งเล็กๆ พรุ่งนี้จึงเป็นเช้าที่งานยุ่งอีกวัน ไร่องุ่นนี้ถึงจะสามารถปลูกเสร็จได้


เมื่อมองดูใบอ่อนของต้นองุ่นที่ปลิวไหวตามสายลมยามเย็น อยู่ๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา มิน่าล่ะถึงมีคนบอกว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกำลังผลิตที่สำคัญอันดับแรก เขาจำได้ว่าที่บ้านเกิดของเขาเมื่อก่อนปลูกองุ่น เนื้อที่แค่สี่ห้าหมู่ก็ทำงานกันทั้งวันแล้ว


ตอนนี้ใช้ทั้งเครื่องจักร ทั้งคนกว่ายี่สิบชีวิต ทำจนถึงบ่ายเพิ่งจะทำได้แค่ร้อยหมู่นิดๆ เอง


ความจริงแล้วอยากรีบทำรีบเสร็จ ถ้าจะให้เสร็จภายในเย็นวันนี้คงไม่น่าเป็นไปได้ แต่ทำไมล่ะ? สิ่งที่ฉินสือโอวมีคือเวลา ซึ่งตอนนี้พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดินแล้ว งั้นรีบไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่า


น้องรักมาแล้ว อีกอย่างเหล่าชาวประมงยังพาครอบครัวมาช่วยปลูกองุ่นอีกด้วย ฉินสือโอวจึงจัดอาหารเต็มโต๊ะเพื่อต้อนรับเป็นอย่างดี


อย่างไรก็ตามหมูป่าก็ตัวอ้วนโตแล้ว ฉินสือโอวจึงให้เบิร์ดและชาร์คไปจัดการมาสักตัว เย็นนี้จะย่างหมูป่ากินกันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เขายังตั้งหม้อสเตนเลสอยู่ลานบ้าน ซึ่งเป็นหม้อที่เพิ่งซื้อมาจากเซนต์จอห์น ได้เอามาใช้ตุ๋นห่านพอดี


งานยุ่งมาทั้งวัน ฉินสือโอวจึงไม่อยากเข้าครัวทำอาหารเอง จึงโทรศัพท์หาลุงฮิคสันให้เตรียมโต๊ะสองโต๊ะ จากนั้นจะให้ซีมอนสเตอร์และบูลขับรถไปในเมืองแล้วลากกลับมา


บูลพาภรรยามาช่วยงานด้วย ฉินสือโอวจึงเทน้ำส้มแก้วหนึ่งให้กับผู้หญิงที่ดูเหมือนขี้อายคนนั้นและยิ้มพร้อมถามขึ้น “เฮ้ แอนนา สตาเซีย อาเลฟใช่ไหม? ช่วงนี้บูลยังโมโหใส่คุณอยู่ไหม?”


หญิงสาวยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “ไม่ ไม่เลยค่ะ เรากลับมาแต่งงานกันใหม่อีกครั้งแล้ว หลังจากที่เขาได้ทำงานกับคุณ เขาก็เปลี่ยนไปเยอะมาก อารมณ์โมโหของเขาก็ดีขึ้น เขาไม่ค่อยขึ้นเสียงใส่ฉันแล้วค่ะ”


“ไม่ค่อย? งั้นแสดงว่ายังมีอยู่บ้างน่ะสิ?” ฉินสือโอวพูดติดตลก “แลนซ์พาอีวิลสันไปอบรมบูลหน่อยสิ!”


อีวิลสันที่กำลังนั่งยองๆ ดูเบิร์ดจัดการกับหมูป่าอยู่ข้างๆ นั้นก็ได้ยินฉินสือโอวพูดจึงลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ แล้วถามว่า “บอส จะให้ผมไปตีใคร?”


ฉินสือโอวเห็นหน้าแอนนาเริ่มถอดสี ทำให้รู้ว่าไม่สามารถล้อเล่นต่อได้อีก เขาจึงโบกมือให้สัญญาณอีวิลสันเล่นต่อ แต่ไม่ต้องล้อเล่นแอนนาและบูลอีก


แลนซ์เดินไปยั่วยุฉินสือโอว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงถอดใจว่า “บูลเปลี่ยนไปเยอะมาก บอสได้ช่วยชีวิตลูกวัวหลงทางได้ตัวหนึ่งเลยนะ ฮ่าๆ”


ฉินสือโอวจึงตอบกลับว่า “ไม่ใช่สักหน่อย จริงๆ แล้ว ลึกๆ บูลเป็นคนจิตใจดี แค่เมื่อก่อนความลำบากมันบังคับให้เขาต้องอารมณ์เสียไปหมดทุกอย่าง ซึ่งตอนนี้เขาก็มีเงินเดือนที่มั่นคงแล้ว ได้ซื้อรถที่ชอบ ได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากใช้ เพราะฉะนั้นโดยปกติแล้วก็จะไม่อารมณ์เสียอีก”


เมื่อคนเริ่มเยอะขึ้น ลานบ้านจึงยิ่งครึกครื้นมาก เหมาเหว่ยหลงที่ไปพักผ่อนเมื่อช่วงบ่าย หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จก็พาตั๋วตั่วออกมา แล้วมองดูเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงหยอกเล่นกันอย่างใจจดใจจ่อ


บทที่ 575 น้ำเน่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวโบกมือให้ตั๋วตั่วแนะนำเธอให้รู้จักกับเชอร์ลี่ย์


แม้บางครั้งจอมโลลิจะแสดงออกเป็นสาวห้าวอยู่บ้าง แต่ส่วนมากก็เชื่อใจได้ วินนี่กำลังบรรยายความเป็นกุลสตรีของเธอ ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่ค่อยสำเร็จเท่าไรแต่ให้เธอดูแลตั๋วตั่วก็ยังเหมาะสมมาก


ตั๋วตั่วยืนอยู่ข้างๆ จอมโลลิอย่างกลัวๆ จอมโลลิยื่นมือไปหาเธอ หนูน้อยหันหน้ากลับไปมองแม่พอเห็นรอยยิ้มของแม่ก็วางมือเล็กๆ ลงในมือของเชอร์ลี่ย์อย่างกล้าหาญ


กอร์ดอนตบอกพูดขึ้นมาสุ่มสี่สุ่มห้า “คนมาใหม่ ฉันจะแนะนำตัวให้นายรู้จัก ฉันคือพี่ใหญ่ของที่นี่… โอ้ย เจ็บๆๆ เชอร์ลี่ย์ เธอมันบ้า…”


เชอร์ลี่ย์มือไวอย่างกับลมยื่นมือไปบิดหูลากกอร์ดอนมาด้านหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “นายเป็นอะไร? พี่ใหญ่? นายทำไมไม่บอกล่ะว่านายเป็นเครื่องอินเตอร์คอม? ต่อไปอยู่ที่นี่กับพี่สาวต้องนอบน้อม เข้าใจไหม?”


ชาร์คน้อยเห็นตั๋วตั่วน่ารักก็หัวเราะฮ่าฮ่าพลางพูด “สวัสดี น้องสาวตัวน้อยฉันเป็นพี่ชายของหนูนะ ฉันจะดูแลหนูให้ดี… โอ๊ย บ้าเอ้ย! เชอร์ลี่ย์ เธอบิดหูฉันทำไม?”


เชอร์ลี่ย์รีบปล่อยมือและยักไหล่พูด “ขอโทษทีชาร์ค ฉันชินแล้ว”


พูดจบเธอก็หันมาจูงตั๋วตั่วออกไปอย่างเชิดๆ ชาร์คน้อยด่าออกไปอย่างไม่พอใจ พ่อเขาอยู่ข้างๆ พอดีเลยตบไปที่ท้ายทอยเขาหนึ่งฉาดแล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราด “อย่าด่าใครหยาบคาย! พระเจ้าท่านรู้ เด็กเวรถ้าครั้งหน้าให้พ่อได้ยินแกพูดคำหยาบอีกจะไม่ทำความสะอาดกางเกงที่เต็มไปด้วยอึของแกให้!”


ซีมอนสเตอร์เดินมาตำหนิชาร์ค “ดูๆ ดูเอาเถอะ แบบนี้นายจะสั่งสอนลูกให้ดีได้อย่างไร? นายไม่ชอบให้ลูกพูดคำหยาบแต่ทำไมตัวนายเองถึงพูดจาหยาบคาย?”


ชาร์คน้อยพยักหน้า ใช่แล้วๆ คุณลุงซีมอนสเตอร์พูดได้ดีจริงๆ


ซีมอนสเตอร์พูดต่อ “ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคืออย่าพูดคำหยาบคาย เด็กเวรอะไรพวกนี้น่ะต้องถูกตี! อย่าพูดเยอะ จับเขาได้ครั้งหนึ่งก็ตีครั้งหนึ่ง ตีจนต่อไปก่อนเขาจะอ้าปากด่าใครต้องนึกถึงความโหดของนายขึ้นมาก่อน!”


ชาร์คน้อยร้องครวญคราง เจ้าบ้านี่ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ นายไปตีลูกนายไป พ่อใช้คำพูดเป็นอาวุธสั่งสอนฉันแล้วเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?


ในสนามครึกครื้นเหมาเหว่ยหลงเห็นพวกเขาพูดคุยหัวเราะกันครื้นเครงบนใบหน้าก็เผยความอิจฉาพลางพูดกับฉินสือโอว “ความสัมพันธ์ของนายที่นี่ดีจริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนว่าพวกนายเป็นครอบครัวเดียวกันเลย”


ฉินสือโอวพูดตามปกติ “เพื่อนรัก ใจคนเรามันมีความรู้สึก นายดีกับเขา เขาก็ดีกับนายเป็นธรรมดา พวกเราไม่ได้เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ!”


นีลเซ็นหยิบเบียร์หิมะของนิวฟันด์แลนด์มาสองขวดให้ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลง ทั้งสองนอนพิงอยู่ที่ราวบันไดของบ้านมองแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าทั้งสี่ทิศของฟาร์มปลา ไม่พูดไม่จากันชั่วขณะ ฉินสือโอวรอให้เหมาเหว่ยหลงพูดส่วนเหมาเหว่ยหลงก็ไม่รู้จะพูดอะไร


ดื่มเบียร์หมดไปเหยือกหนึ่ง ฉินสือโอวนั่งคร่อมที่ราวบันไดแล้วถาม “แกไม่อยากพูดอะไรกับฉันหน่อยเหรอ?”


เหมาเหว่ยหลงจำใจหัวเราะ “มีอะไรให้น่าพูดล่ะ น้ำเน่าเหลือเกิน ฉันอยากจะสู่ขอหลิวซูเหยียน ทางบ้านฉันหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เห็นด้วย ยังจัดแจงคู่เดตไว้ให้ฉันอีกคนหนึ่ง ฝ่ายหญิงนายก็คงรู้จัก ชื่อจงฉูชู่ เป็นสาวแอ๊บแบ๊วคนหนึ่ง”


ฉินสือโอวนิ่งไปแล้วหัวเราออกมา “หญิงสาวคนนี้ฉันรู้จักจริงๆ เธอเคยมาที่เกาะแฟร์เวล แม้ว่าเธอจะชอบแอ๊บแบ๊วแต่ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่เลวเลยนะ”


เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจพลางส่ายหน้า “ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย อันที่จริงฉันรู้จักสาวสวยเยอะนะ เล่นๆ กับพวกเธอน่ะไม่มีปัญหาหรอกแต่ถ้าคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับพวกเธอจริง อย่างนั้นฉันคงเป็นบ้า!”


จุดนี้ทั้งสองคนเป็นเหมือนกัน เมื่อก่อนที่เมืองไหเต่า ฉินสือโอวไม่ได้รันทดถึงขนาดจะหาแฟนไม่ได้ อย่างไรเสียก็เสียก็เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ บอกสถานะไปก็ยังยอดเยี่ยมมาก ถ้าอาศัยแบคอัพก็เป็นถึงหนึ่งในสองบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่


แต่ฉินสือโอวมีมาตรฐานในการคบหาผู้หญิงนั่นคือหลังจากสนิทกันแล้วจะคิดดูว่าทั้งสองคนจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นสิบๆ ปีอย่างเข้ากันได้ดีหรือไม่ เป็นการจำลองอนาคตนั่นเอง


ล้วนเป็นเช่นนี้ หญิงสาวเหล่านั้นล้วนไม่สามารถจับมือร่วมกันไปทั้งชีวิตได้ จนต่อมาได้มาเจอกับวินนี่ที่เดิมทีเขาถูกดึงดูดด้วยความสวยสง่าของเธอเป็นรักแรกพบโดยแท้ แต่หลังจากได้รู้จักกันเขารู้สึกว่าวินนี่คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่จะอยู่กับเขาทั้งชีวิตคนนั้น


แน่นอนว่าถ้าจะพูดว่าฉินสือโอวใช้รูปร่างหน้าตาในการเลือกคนก็ไม่ผิด ผู้หญิงแบบวินนี่จะมีผู้ชายที่ไหนปฏิเสธได้?


และก็แน่นอนว่าคำพูดนี้ไม่สามารถพูดอย่างเด็ดขาดเกินไปได้ เหมาเหว่ยหลงอาจจะปฏิเสธดูอย่างตอนเรียนที่เขาชอบส่งเสื้อไหมพรมไปขอความรักจากนักเรียนสาวนั่นคือเขากำลังเล่นสนุก อย่างไรเสียก็เป็นคุณชายองครักษ์ผ้าแพรเมืองหลวง ผู้หญิงแบบไหนจะรอดมือเขาไปได้?


“แกมีความรู้สึกกับหลิวซูเหยียนเหรอ? ตั๋วตั่วคืออะไรกัน?” ฉินสือโอวถามเน้น


เหมาเหว่ยหลงยิ้มอย่างจนใจ “ใช่สิ ฉันมีความรู้สึกต่อเธอมาก แกไม่รู้หรอกว่ารู้สึกมาก! แกก็รู้ว่ามีบางครั้งที่ฉันโง่ เดิมทีฉันแค่รู้สึกว่าหลิวซูเหยียนเซ็กซี่ มีครั้งหนึ่งตอนที่ฉันจีบเธอเพื่อนของเธอคนหนึ่งพูดว่ากระเป๋าของหลุยส์วิคตองที่ใหม่สวยมาก ฉันพูดเหยียดหยามไปว่า ‘SCARไม่ได้น้อยสวยไปกว่ากระเป๋าพังๆ นั่น’…”


“แกมันเสแสร้งจริงๆ!” ฉินสือโอวอดที่จะขัดจังหวะเหมาเหว่ยหลงไม่ได้


SCAR คือตัวย่อของ SOF-Combat-Assault-Rifle เรียกเต็มๆ ว่า ‘ปืนไรเฟิลจู่โจมสำหรับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ ที่ FNH บริษัทผู้ผลิตอาวุธปืนที่มีชื่อเสียงของประเทศเบลเยียมสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการตามแผนการประกอบอาวุธของหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองทัพสหรัฐ เป็นปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ที่สุดยอดออกมาไม่กี่ปีแต่มีชื่อเสียงมากในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับการทหาร


อย่างที่เหมาเหว่ยหลงพูดปืนนี้สวยงามมาก ใชการออกแบบด้วยระบบสำเร็จรูปกระฉับกระเฉงเป็นอย่างมาก


เหมาเหว่ยหลงหัวเราะแล้วพูดต่อ “ตอนนั้นผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างถามฉันว่า SCAR คือกระเป๋าแบรนด์เนมเจ้าไหน มีแต่หลิวซูเหยียนที่หัวเราะและตอบกลับมาประโยคหนึ่ง แกรู้ไหมว่าเธอตอบว่าอะไร?”


“เธอพูดว่า SCAR เป็นชื่อของปืน?” ฉินสือโอวเดา


เหมาเหว่ยหลงส่ายหน้า “ไม่ เธอบอกว่าRFBสวยกว่า”


RFB คือตัวย่อของ ‘ปืนไรเฟิลบุลพัป’ ปืนบุลพัปที่วิจัยผลิตโดยบริษัทอุตสาหกรรมซีเอ็นซีเคลเทค ความโดดเด่นของปืนนี้ก็คือ ‘ความสวยงาม’ ถูกยอมรับว่าเป็นปืนมาตรฐานที่พวกสาวสวยในภาพยนตร์ฮอลลีวูดจะใช้กันในอนาคต


ปืนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนการผลิต เพียงแค่เผยโฉมในวงการพัฒนาปืนไม่กี่ครั้งเท่านั้น คนที่รู้จักปืนนี้ได้ถือว่าไม่ธรรมดาจริงๆ อย่างน้อยฉินสือโอวก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าปืนนี้คืออะไร


“จากนั้นฉันก็รู้สึกว่าระหว่างเรามีสิ่งที่เหมือนๆ กันอยู่ จากนั้นฉันก็ตั้งใจไปหาเธอไม่กี่ครั้ง ยิ่งรู้จักเธอมากขึ้นฉันก็ยิ่งชอบเธอ มีครั้งหนึ่งฉันลองคิดภาพดูว่าถ้าฉันกับเธอใช้ชีวิตร่วมกันมันจะเป็นอย่างไร? ที่ฉันคิดได้คือนั่นจะต้องดีมากๆ แน่ๆ ก็เหมือนแกกับวินนี่แบบนั้น” เหมาเหว่ยหลงพูดไปตามความปรารถนา


“เธอแต่งงานแล้วหรือว่าอย่างไร เธอมีลูกแล้วหรือเปล่าคนที่บ้านแกถึงไม่เห็นด้วย?” ฉินสือโอวมองเหมาเหว่ยหลงด้วยความเห็นใจ


เหมาเหว่ยหลงมองเขาพลางยิ้มแล้วพูด “จำที่ฉันพูดประโยคแรกได้ไหม? ‘น้ำเน่ามาก’ หลิวซูเหยียนเป็นแม่เล้าในไนต์คลับ ตอนที่ฉันเจอเธอครั้งแรกคือตอนที่ฉันพาพวกเพื่อนๆ ไปฉลอง ตอนนั้นผู้หญิงทุกคนในนั้นล้วนเป็นผู้หญิงที่เธอพามา”


บทที่ 576 น้ำลง

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหมาเหว่ยหลงน้ำเสียงอ่อนลงฉินสือโอวท่าทางชะงัก


“น้ำเน่าใช่ไหมล่ะ?” เหมาเหว่ยหลงถามอีก


ฉินสือโอวมองเขา จับกระป๋องเบียร์ขึ้นมาก็ไม่มีเหลือแล้วเลยตะโกนเรียกนีลเซ็นให้เขาเอามาอีกโหลหนึ่ง พอเปิดกระป๋องก็กระดกเข้าไปหลายอึก


เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เดิมทีรู้ว่าเหมาเหว่ยหลงถูกที่บ้านเจ้ากี้เจ้าการอยู่ระยะหนึ่งเขายังรู้สึกว่าตระกูลเหมาไม่ค่อยมีเหตุผล


ใช่ สำหรับทายาทของวงศ์ตระกูลแล้วการรักผู้หญิงที่มีลูกแล้วนั้นไม่เหมาะสม แต่เขารู้สึกว่าวิธีการที่คุณพ่อเหมาและคุณแม่เหมาใช้มันรุนแรงไปหน่อย วัยรุ่นหลงรักผู้หญิงก็เป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?


แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่เหมาทำถูกต้อง ถ้าเป็นเขาเองการที่ลูกชายกล้าคิดจะไปสู่ขอผู้หญิงที่เป็นแม่เล้าในไนต์คลับนั้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด! หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ได้!


ดูท่าทีของฉินสือโอวแล้วเหมาเหว่ยหลงก็เข้าใจความหมายของเขา ยิ้มพลางพูด “ดูแล้วฉันก็คงอยู่ที่นี่กับแกไม่นาน”


ฉินสือโอวลืมตามองเขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูท่าทางของแกแล้วเหมือนกับว่าฉันทอดทิ้งแก แกอยากจะอยู่นานแค่ไหนก็อยู่นานเท่านั้น ที่สำคัญคือโคโกโร่ แกทำอะไรวางใจไม่ได้ขนาดนี้ จริงๆ เลย!บัดซบ ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีแต่แกน่าจะรู้ความหมายของฉัน หลิวซูเหยียนนั่น ใช่ไหม? แกเข้าใจหรือเปล่า?”


บัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เขาไม่สามารถใช้คำพูดที่ชัดเจนเกินไปได้


“ใช่อะไร?” เหมาเหว่ยหลงมองเขา “แกไม่รู้จักเธอดี ฉันพูดจริงๆ ถ้าแกรู้จักเธอดีแกจะเข้าใจการเลือกของฉัน วินนี่คือผู้หญิงที่ดีที่สุดในสายตาของแก ในสายตาของฉันก็ซูเหยียนเป็นแบบนี้”


อันที่จริงฉินสือโอวก็ไม่รู้จักหลิวซูเหยียน ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนอย่างไรแต่เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่เป็นแม่เล้าในไนต์คลับทำร้ายผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงที่ดีได้!


แต่เขาก็ไม่อาจพูดออกไปโต้งๆ ได้ ยัยหนูน้อยเพิ่มคะแนนให้หลิวซูเหยียนไม่น้อย เขารู้สึกว่าผู้หญิงที่สามารถดูแลลูกสาวที่หูหนวกเป็นใบของตัวเองได้ดีขนาดนี้ก็ไม่น่าจะเลวร้ายไปสักเท่าไร


ย้อนแย้งอยู่มากฉินสือโอวจึงไม่พูดไปมั่วๆ เขาตบไหล่เหมาเหว่ยหลงพลางพูด “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพื่อนรักฉันจะคอยสนับสนุนแก! ไม่ว่าแกจะทำอะไรฉันก็จะสนับสนุนแก!”


เหมาเหว่ยหลงยิ้มอย่างอบอุ่นพร้อมจับมือเขาแล้วพูด “มีคำพูดของแกก็พอแล้ว”


ฉินสือโอวพูด “นับอะไรกับคำพูดนี้ แกจำที่พวกเราสัญญากันไว้ตอนมหาลัยไม่ได้เหรอ?”


เหมาเหว่ยหลงเกาหัวยิกๆ ด้วยความสงสัยแล้วถามหยั่งเชิง “รวยแล้วอย่าลืมเพื่อน?”


“ไม่ใช่”


“ไอ้เวร!”


ทั้งสองทะเลาะกันไปจนกลับถึงสนามหญ้าของบ้าน เชอร์ลีย์เล่นกับตั๋วตั่วอย่างสนุกสนาน พาวลิสโอ้อวดซีบิสกิตของเขาแล้วอุ้มตั๋วตั่วหมุนรอบหนึ่งทำให้ใบหน้าน้อยๆ ของตั๋วตั่วยิ้มจนกลายเป็นดอกไม้เล็กๆ


คุณลุงฮิคสันตั้งใจเตรียมอาหารอย่างตั้งใจส่งมาให้ ออมเล็ต เห็ดโข่วหมออบเนย หอมหัวใหญ่ย่าง เบคอนม้วนเนื้อ มันฝรั่งอบชีส เห็ดโข่วหมอยัดไส้เนื้อ ปลาหมึกกรอบ บล็อคโคลีอบชีส ลูกชิ้นสวีเดน หอยนางรมย่าง… อาหารมื้อใหญ่นานาชนิด


การรับประทานอาหารร่วมกันของชาวประมงจะขาดเบียร์ไปไม่ได้ ฉินสือโอวดื่มไอซ์ไวน์อยู่ไม่เท่าไรก็ถูกพวกเขาชักนำให้เปลี่ยนไปเป็นเบียร์


เมื่อก่อนฉินสือโอวรู้สึกว่าเบียร์ไม่ได้อร่อยอะไรแต่ตอนนี้อยู่กับพวกชาวประมง บางครั้งคุยไปหัวเราะไปกระดกเบียร์ไปพลางจริงๆ แล้วก็สดชื่นดี


วินนี่อยู่กับหลิวซูเหยียนเดิมทีอยากจะช่วยแปลให้เธอผลสุดท้ายพบว่าภาษาอังกฤษของหลิวซูเหยียนไม่เลวเลย ขอแค่ไม่พูดเร็วเกินไปโดยพื้นฐานแล้วเธอก็สามารถตามทัน


ชาร์คกับอีวิลสันย่างหมูป่าอยู่ที่นั่น ย่างไปตะโกนว่าไม่ยุติธรรมไป “ทำไม ทำไมต้องเป็นฉันที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานบริการทุกครั้งเลย? ไม่ เจ้านาย ฉันต้องการได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม!”


ฉินสือโอวถือเบียร์มาวางไว้ตรงกลางโต๊ะขวดหนึ่งแล้วพูดกับผู้คน “โอเค ต่อไปนี้พวกเราจะเข้าสู่การเล่นรูเล็ตต์ ขวดเบียร์หมุนไปที่ใครคนนั้นก็ไปทำแทนชาร์ค มีปัญหาอะไรไหม?”


“ไม่มีปัญหา ก็เอาอย่างนี้แหละ!” คนทั้งกลุ่มหัวเราะกราวพลางพูด


พอฉินสือโอวออกแรงหมุนขวดเบียร์สีเขียวมรกตก็หมุนไปอย่างรวดเร็ว พวกชาวประมงจ้องปากขวดอย่างเอาเป็นเอาตาย ซีมอนส์เตอร์สูดหายใจลึก แผ่นอกที่แข็งแรงพองขึ้นมาราวกับลูกโป่ง


ขวดค่อยๆ หยุดหมุน พอปากขวดชี้ไปด้านหน้าซีมอนส์เตอร์ ซีมอนส์เตอร์ก็ขึ้ไปพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างแรง…


“ปัดโธ่โว้ย! เล่นลูกไม้หน้าด้านๆ!” นีลเซ็นที่นั่งอยู่ด้านล่างซีมอนส์เตอร์พูดตะคอก


ซีมอนส์เตอร์ตักออมเล็ตเข้าปากแล้วพูดอย่างใจเย็น “นี่เรียกว่าการใช้ประโยชน์อย่างชอบธรรม เพื่อน นี่ไม่ใช่การเล่นลูกไม้!”


นีลเซ็นมองไปที่ฉินสือโอว ฉินสือโอวตบโต๊ะแล้วพูด “ฉันเป็นเจ้านาย ฉันพูดไปแล้ว ซีมอนส์เตอร์ นายไปแทนชาร์ค ต่อไปนอกจะฉันแล้วไม่อนุญาตให้ใครแตะรูเล็ตต์!”


นีลเซ็นและเบิร์ดแปะมือฉลอง ซีมอนส์เตอร์ไปแทนที่ชาร์คด้วยความโกรธ ชาร์คถือเนื้อย่างจานใหญ่กลับมา


ฉินสือโอวเลือกชิ้นที่นุ่มที่สุดให้ตั๋วตั่ว เกาคางยกหน้าหนูน้อยขึ้น


ตั๋วตั่วกินจนปากมันแผล่บมองแม่อย่างอายๆ กอดฉินสือโอวแล้วจุ๊บไปที่แก้มเขาอย่างแรง


เหมาเหว่ยหลงดึงฉินสือโอวกลับมาอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “สาวน้อยของฉันถูกแกเอาเปรียบหมดแล้ว”


ฉินสือโอวโบกมืออย่างผ่าเผยพลางพูด “นี่จะนับเป็นเรื่องอะไร? ฉันกับวินนี่มีลูกด้วยกันแล้วจะให้ไปขอตั๋วตั่วของแก ดีไหมตั๋วตั่ว?”


เขามองไปที่ตั๋วตั่ว ตั๋วตั่วไม่ได้ยินเสียงของเขาหลิวซูเหยียนยิ้มพลางใช้ภาษามือแปลให้ หลังจากเข้าใจความหมายแล้วหนูน้อยก็ไปหลบอยู่หลังหลิวซูเหยียนหน้าน้อยๆ แดงจนไม่กล้าโผล่หน้าออกมา


วินนี่ยิ้มมองฉินสือโอวแล้วถาม “อย่างนั้นพวกเราจะมีลูกกันเมื่อไร?”


ฉินสือโอวมองเบียร์ในมือ ยื่นให้เหมาเหว่ยหลงแล้วพูดอย่างแน่วแน่ “เลิกเหล้า! เตรียมมีลูกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”


“แต่จุ๊บลูกสะใภ้ของตัวเองก็ดูไม่ค่อยจะดีหรือเปล่า?” เออร์บักยักไหล่ถาม


เบิร์ดพูดแทรก “ผมเพิ่งจะเรียนมาคำหนึ่ง เป็นชู้!”


พวกชาวต่างชาติแปลกใจ ทางฉินสือโอวกระอักกระอ่วนเป็นที่สุดรีบโบกไม้โบกมืออธิบาย “ฉันไม่ใช่คนอย่างนี้ ไม่ใช่คนอย่างนี้นะ!”


“คำนี้แปลว่าอะไร ทำไมคุณถึงกลัวขนาดนี้?” นีลเซ็นถามอย่างประหลาดใจ


ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้น ชี้ไปที่พระจันทร์ดวงกลมที่สว่างอยู่กลางท้องฟ้าแล้วพูด “โอ้โห พระจันทร์กลมดีจัง!”


พระจันทร์ที่ขึ้นอยู่กลางฟ้าเหมือนกับจานกลมๆ ใบใหญ่จริงๆ ท้องฟ้ามีแสงดาวสลัวๆ สีของดวงจันทร์เด่นชัด พระจันทร์สีขาวนวลดูแล้วสวยงามเป็นพิเศษ


แลนซ์คายม้วนยาสูบออกแล้วพูด “โอ้ว พวกเราควรดูพยากรณ์อากาศกันหน่อย ฉันว่าพรุ่งนี้จะมีน้ำลงและน้ำขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ อย่างนั้นอีกสักครู่ทานข้าวกันเสร็จตาข่ายปลาและเรือเล็กของพวกเราที่ชายฝั่งก็จะเปิดออก”


เชอร์ลีย์พูดอย่างดีใจ “ใช่ค่ะ คุณลุงแลนซ์ คุณครูบอกว่าพรุ่งนี้จะเริ่มมีน้ำลงครั้งที่ใหญ่ที่สุดในรอบสิบปี พวกเราไม่ไปเรียนแต่ไปดูน้ำลงกันค่ะ”


เดิมทีฉินสือโอวแค่อยากจะเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น ผลสุดท้ายทำให้แลนซ์และเชอร์ลีย์พูดเรื่องนี้หัวข้อสนทนาของทุกคนเลยกลายเป็นเรื่องน้ำขึ้นน้ำลงในทันที


การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำเป็นเรื่องธรรมดามากในเวลาปกติก็มี ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเคยเจอแต่น้ำลง


ดูจากวันนี้แล้วเมื่อได้รับอิทธิพลจากการโคจรรอบตัวเองของโลกและการโคจรรอบโลกของดวงจันทร์กระแสน้ำจะไหลจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตกตามการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ การเกิดน้ำขึ้นน้ำลงหนึ่งครั้งกินเวลาไปครึ่งวันฉินสือโอวสามารถเห็นน้ำทะเลขึ้นลงสองครั้งเป็นกิจวัตรได้ทุกวัน ดังคำที่ว่าไว้ “กระแสน้ำตอนเช้าเพิ่งจะลงกระแสน้ำตอนกลางคืนก้มา เดือนหนึ่งไหลหกสิบรอบ” ตอนนี้เขาเข้าใจสุภาษิตประโยคนี้ของไป๋จวีอี้[1]อย่างถ่องแท้


ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าน้ำขึ้นน้ำลงในวันพรุ่งนี้มีอะไรให้พวกชาวประมงพูดกัน


…………………………


[1] ไป๋จวีอี้ เป็นกวีจีนเลื่องชื่อท่านหนึ่งในยุคราชวงศ์ถัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)