ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 569-584
ตอนที่ 569 ลำดับความสำคัญ
จ้างอิงหนานโกรธจนอยากจะลุกมาสั่งสอนผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้แรงๆ สักที ถึงพ่อแม่ของเธอจะไม่ยอมเสียหน้าแต่เธอไม่สนหรอก หวงอวี้เหลียนไม่คู่ควรกับพี่ใหญ่ของเธอ!
อดีตที่เคยมีชีวิตคู่ระยะสั้นกับผู้หญิงคนนี้ ในมุมมองเธอช่วงเวลานั้นเป็นความอัปยศของพี่ชายเธอ!
ฮูหยินผู้เฒ่าปรายตามองจ้าวอิงหนานเป็นการตักเตือนแวบหนึ่ง จ้าวอิงหนานจำต้องนั่งลงโดยถลึงตาจ้องหวงอวี้เหลียนอย่างแค้นเคือง คุณพ่อสยงรีบไปลูบแขนปลอบเธอเสียงเบา
“เรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วก็อย่าพูดถึงอีกเลยนะ อิงต๋าตายไปตั้งหลายปี อวี้เหลียนเธอเองก็มีครอบครัวใหม่ ชีวิตเราต้องมองไปข้างหน้า อย่าพูดถึงแต่เรื่องอดีตบ่อยๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเสียงเนิบช้าและใบหน้าที่แต้มยิ้มใจดีเช่นเดิม หยิบพวงองุ่นลูกสวยในจานให้โอหยางซานซาน
“ซานซานทานองุ่นสิ หวานดีนะ ทานเยอะๆ เลย!”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า”
โอหยางซานซานยิ้มหวานออดอ้อน เมื่อก่อนหากเธออ้อนแบบนี้คุณย่าจะลูบหัวเธอ มองเธออย่างรักใคร่ และทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองอาจเป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณย่าจริงๆ เพราะรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
เหมยเหมยเบ้ปาก ทั้งที่ไม่ใช่คนตระกูลจ้าวกลับเรียกสนิทสนมขนาดนี้ ไม่ได้หน้าหนาธรรมดานะเนี่ย มิน่าพวกพี่ๆ ถึงเกลียดโอหยางซานซานนักหนา
ฮูหยินผู้เฒ่ามองโอหยางซานซานแวบหนึ่งพลางขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หยิบองุ่นอีกพวงมาไว้ตรงหน้าก่อนจะเด็ดหนึ่งลูกมาปอกเปลือกให้คงสภาพเนื้อข้างในไว้อย่างสวยงาม ส่งถึงปากเหมยเหมย
“เหมยเหมยทานเยอะหน่อย ปากของหลานเป็นร้อนใน ทานผลไม้เยอะๆ จะได้ช่วยลดร้อนในนะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเธออย่างใจดีแต่มือกลับไม่หยุดพัก เริ่มปอกลูกใหม่ เหมยเหมยปากอมองุ่นไว้ขณะเดียวกันก็รีบปอกอีกลูกส่งไปที่ปากของฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมพูดยิ้มตาหยี “คุณย่าก็ทานสิคะ”
“อร่อยมาก องุ่นที่หลานสาวฉันปอกนี่หวานจริงๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าทานองุ่นอย่างอิ่มเอมใจ หน้ายิ้มบานเป็นดอกไม้พลางปอกองุ่นป้อนเรื่อยๆ แต่เดิมเหมยเหมยไม่อยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าปอกให้ตน แต่เธอแอบเหลือบสังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของโอหยางซานซานรวมถึงรอยยิ้มฝืนใจของหวงอวี้เหลียนจึงเปลี่ยนใจ ต้องตอกย้ำสองแม่ลูกนี่สักหน่อยก็เลยทำตัวเป็นลูกแมวลูกสุนัขตัวน้อยแสนเชื่อง อ้าปากกว้างรอฮูหยินผู้เฒ่าป้อนองุ่นทีละลูกๆ ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง
เหมยเหมยทานไปหลายคำแล้วมองไปทางโอหยางซานซานอีกครั้ง เด็กสาวคนนั้นโกรธจนแทบจะกำองุ่นในมือให้แหลกเหลวเป็นน้ำ รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก แอบทำหน้าตลกๆ ใส่โอหยางซานซานอีกที!
ลองให้เธอมาด่าฉันว่ายายบ้าอีกสิ!
โกรธให้อกแตกตายไปเลย!
หวงอวี้เหลียนยิ่งรู้สึกย่ำแย่ เดิมทีเธอคิดว่าอย่างไรเสียเหมยเหมยที่ไม่ได้เติบโตในบ้านตระกูลจ้าวตั้งแต่เกิด ความสัมพันธ์กับคนแก่สองท่านของตระกูลจ้าวจะดีกันสักเท่าไรเชียว?
ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างคนเราต้องใช้เวลาในการเข้าหากัน ต่อให้ไม่มีสายเลือดเดียวกัน หากไปมาหาสู่กันเป็นเวลานานก็สามารถสนิทสนมยิ่งกว่าญาติแท้ๆ ได้
เลี้ยงสุนัขยังเรียกสุนัขว่าลูกชายได้เลย!
หวงอวี้เหลียนแค่คิดว่าในใจของฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ว่าอย่างไรลูกสาวเธอจะต้องมีความสำคัญกว่ายายเด็กบ้าจากไหนไม่รู้เป็นร้อยเท่า!
ลูกสาวเธออยู่ข้างฮูหยินผู้เฒ่ามาแต่เด็ก อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ดีกับซานซานมาก ปกติมักเรียกหลานสาวจนติดปาก ต่อให้เหมยเหมยเป็นหลานสาวแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าแต่สำหรับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างไรก็เป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น จะเทียบกับลูกสาวเธอได้อย่างไร!
แต่ภาพที่คุณย่าใจดีหลานสาวกตัญญูตรงหน้ากลับทำเธอเจ็บยิ่งกว่าโดนตบหน้าฉาดใหญ่ แม้ฮูหยินผู้เฒ่าปากไม่ว่าอะไรแต่เธอกลับทำให้เห็น!
บอกเธออย่างชัดเจนว่าในใจฮูหยินผู้เฒ่านั้น ลูกสาวของเธอกับยายเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนี้ใครมีความสำคัญมากกว่ากัน!
………………
ตอนที่ 570 หมูตัวเล็กที่น่ารัก
เหมยเหมยเริ่มอิ่มจากการถูกป้อนองุ่นทีเดียวหลายสิบลูก เธอส่ายศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่า “คุณย่าคะ หนูทานต่อไม่ไหวแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวย่าค่อยปอกให้ใหม่ เหมยเหมยต้องทานผลไม้ให้มากกว่านี้นะ อย่าทานแต่เนื้อ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหยุดปอกเปลือกองุ่นก่อนเอาผ้าเช็ดปากให้เธอ ขณะเดียวกันปากก็ไม่วายขมุบขมิบบ่นว่าเหมยเหมยเพิ่งอยู่บ้านหลังนี้ไม่กี่วันฮูหยินผู้เฒ่าก็จับนิสัยเสียอย่างหนึ่งของหลานสาวเธอได้เสียแล้ว ไม่ชอบทานผักผลไม้ ผักยังพอทานได้บ้าง แต่ผลไม้กลับไม่ยอมทานแม้แต่คำเดียวตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเลยไล่จับเหมยเหมยมาทานผลไม้ทุกวันเหมือนนกอินทรีย์ไล่ต้อนลูกไก่ตัวน้อยแบบที่คนหนึ่งวิ่งหนี อีกคนหนึ่งวิ่งตาม
เหมยเหมยกระดิกปลายจมูก ถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนเธอก็ชอบทานผลไม้นะ แต่พอถึงฤดูหนาวเธอกลับไม่อยากทานอีกแล้ว เพราะมันเย็นจนเสียวฟัน ทางภาคใต้ไม่เหมือนภาคเหนือที่ฤดูหนาวก็สามารถเปิดฮีตเตอร์ในบ้านได้ อบอุ่นยิ่งกว่าฤดูร้อนเสียอีก
นานวันเข้าเธอเลยติดนิสัยไม่ชอบทานผลไม้ในฤดูหนาว ต่อให้ตอนนี้จะอยู่บ้านตระกูลจ้าวที่เปิดฮีตเตอร์อย่างเต็มที่ก็ตาม เธอก็ยังไม่ชอบทานผลไม้อยู่ดี
“ต้องการเสริมอะไรก็ทานอันนั้น คุณพ่อบอกว่าหนูผอมเกินไปต้องทานเนื้อเยอะๆ ถึงจะได้มีเนื้อมีหนังค่ะ”
เหมยเหมยปากอมเนื้อผลไม้พูดเสียงอู้อี้ทำเอาฮูหยินผู้เฒ่าหลุดขำ บีบจมูกเธออย่างขบขัน “หลานก็ฟังพ่อของหลานพูดเหลวไหลไปสิ ระวังอ้วนเป็นหมู เดี๋ยวก็เสียใจทีหลังหรอก”
จ้าวอิงหนานพูดหยอกเย้าตาม “ต่อให้กินจนอ้วนเป็นหมูก็เป็นหมูน่ารัก มีคนจ้องจะแย่งกันตรึมเหมือนเดิม”
“ใช่สิ หลานสาวฉันสวยขนาดนี้!”
ฮูหยินผู้เฒ่ามองเหมยเหมยตาหยี ความรักที่แสดงผ่านสายตาแทบล้นออกมาทำเอาโอหยางซานซานที่นั่งตรงข้ามกัดฟันจนปวดไปทั้งสันกราม ไฟริษยาในใจลุกโชน
คุณย่าจ้าวไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น เธอหลงคิดว่าเมื่อก่อนคุณย่าจ้าวดีกับเธอมากพอแล้ว ดีกับเธอยิ่งกว่าคุณย่าแท้ๆ ของเธอเสียอีก แต่ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าที่แท้คุณย่าจ้าวดีได้ยิ่งกว่านี้ เหมือนที่ทำดีกับยายบ้านั่นตอนนี้
โอหยางซานซานมองจนปวดตาตุบๆ เธอไม่อยากทนอยู่ต่อไปอีกแล้ว ศักดิ์ศรีของเธอทำให้เธอรับไม่ไหว!
หวงอวี้เหลียนเองก็ไม่พอใจอย่างมาก เธอคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าน่าจะถูกจ้าวอิงหนานเป่าหูจนเปลี่ยนใจ เมื่อก่อนตอนจ้าวอิงหนานไม่อยู่ ฮูหยินผู้เฒ่าดีกับซานซานของเธอมากจนไม่ต้องสาธยายว่าดีขนาดไหนเลยเชียว
แต่ตอนนี้พอจ้าวอิงหนานกลับบ้านท่าทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีต่อซานซานก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หากไม่ใช่เพราะจ้าวอิงหนานปั่นหัวแล้วจะมีสาเหตุอะไรอีก?
จ้าวอิงหนาน!
หวงอวี้เหลียนกัดฟันกรอดจนแทบหักเพราะอารมณ์โกรธ แต่เธอกักเก็บอาการปกปิดสีหน้าได้ดี อมยิ้มกล่าวลาฮูหยินผู้เฒ่าและชักชวนเหมยเหมยไปเล่นที่บ้านเธอ
“เหมยเหมย ถ้าว่างก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านได้นะ ให้พี่ซานซานพาหนูไปเที่ยว เมืองหลวงยังมีที่สนุกๆ อีกเยอะเลย!”
เหมยเหมยปฏิเสธอย่างมีมารยาท “เรื่องนี้ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกพี่ๆ จะพาหนูไปเอง”
ให้เธอออกไปเที่ยวกับโอหยางซานซานจอมเสแสร้งนั่น แค่ได้ยินเสียงของเด็กสาวคนนั้นก็ทำเอาขนลุกซู่ทั้งตัว เธอไม่เอาด้วยหรอก!
หลังออกจากประตูใหญ่บ้านตระกูลจ้าว โอหยางซานซานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป โอดครวญกับหวงอวี้เหลียน “แม่คะ ทำไมแม่ถึงชวนยายบ้านั่นมาที่บ้านเรา? หนูไม่เล่นกับเธอหรอก!”
“ซานซานลูกต้องรู้เรื่องบ้างแล้วนะ แม่ไม่มีวันยืนอยู่ข้างหลังหนูได้ตลอด มีบางเรื่องที่หนูต้องรู้จักคิดให้มาก ฟังให้มาก และดูให้มาก” หวงอวี้เหลียนเสี้ยมสอนอย่างหวังดี
โอหยางซานซานเบ้ปากอย่างน้อยใจโดยไม่ปริเสียงใดๆ หวงอวี้เหลียนเห็นท่าทางเธอแบบนี้ก็ใจอ่อนยวบ ซานซานเป็นลูกสาวที่เธอเสี่ยงตายคลอดออกมาและเป็นลูกเพียงคนเดียวของเธอ เป็นลูกรักสุดหวงที่สำคัญต่อเธอมากกว่าสิ่งไหน เธอย่อมเห็นลูกสาวตัวเองรู้สึกแย่ไม่ได้
“ซานซานเองก็อย่ารู้สึกแย่ไป รอยายเด็กที่ชื่อเหมยเหมยไปจากเมืองหลวง เธอไม่มีทางอยู่ข้างคุณย่าจ้าวของลูกนานหรอก รอยายนั่นไปเราค่อยไปหาคุณย่าจ้าวกัน”
หวงอวี้เหลียนไม่ได้เก็บเรื่องเหมยเหมยมาคิดมาก สิบสองปีที่จากกันไปแล้วยังอยู่เคียงข้างกันระยะสั้นๆ จะมีความสัมพันธ์แนบแน่นขนาดไหนเชียว?
เทียบกับซานซานของเธอไม่ได้หรอก ดูจากท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อสักครู่ ไม่แน่อาจจะแค่แสดงให้สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวดูเท่านั้น!
…………………
ตอนที่ 571 แขกงานเลี้ยงฉลอง
หลังสองแม่ลูกโอหยางซานซานกลับไป จ้าวอิงหนานก็อดบ่นไม่ได้ “แม่นี่จริงๆ เลย เก็บหมาแมวที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยงในบ้าน ไม่กลัวทำให้ตระกูลจ้าวแปดเปื้อนหรือไง!”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างใจเย็น “หมาแมวอะไร? ยังไงอวี้เหลียนก็เคยรักกับพี่ชายของแก อีกอย่างบ้านเราเป็นตัวถ่วงของเธอ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ต้องแต่งงานกับโอหยางเซี่ยงหมิงหรอก”
“โอหยางเซี่ยงหมิงไม่ดีเท่าไหร่ก็จริง แต่ถ้าให้คู่กับหวงอวี้เหลียนก็เหลือเฟือ ผู้หญิงหลายใจแบบนั้น โอหยางเซี่ยงหมิงจะต้องโชคร้ายไปแปดชาติที่ได้แต่งงานกับเธอ”
จ้าวอิงหนานพูดอย่างเคียดแค้น ทั้งโกรธทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ แม่ของเธอถูกนังผู้หญิงแพศยาหวงอวี้เหลียนหลอกจนหลงเชื่อทั้งใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อสิ่งที่เธอพูด น่าโมโหจริงๆ!
ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มไม่พอใจ หวงอวี้เหลียนเป็นผู้หญิงที่ลูกชายคนโตเคยรัก จ้าวอิงหนานกล่าวหาหวงอวี้เหลียนแบบนี้เท่ากับกำลังบอกว่าลูกชายคนโตของเธอตาต่ำถึงได้ไปชอบผู้หญิงแบบนี้
เธอย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว!
“คำพวกนี้อย่าพูดอีก ไม่มีหลักฐานอะไร พูดไปมีแต่จะแสดงให้เห็นว่าตระกูลจ้าวเราไร้ศีลธรรม”
ฮูหยินผู้เฒ่าหน้าตึงแบบนี้จ้าวอิงหนานจะกล้าว่าอะไรอีก ทำได้แค่ปิดปากเงียบและนึกโกรธตัวเองที่ตอนนั้นไม่เก็บหลักฐานไว้ ถึงต้องกลายเป็นฝ่ายผู้ตามในยามนี้!
หึ!
แน่จริงหวงอวี้เหลียนอย่าให้เธอจับได้อีกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเธอต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้จบไม่สวยแน่ๆ
ไม่นานก็มาถึงวันที่แปดของปีใหม่ วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใสพระอาทิตย์เจิดจ้า คนตระกูลจ้าวมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาและจัดโต๊ะเรียงรายเต็มพื้นที่ลานหน้าบ้านได้สิบโต๊ะพอดี กับข้าวถูกส่งมาจากร้านอาหารโดยตรง ท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวต่างเดินไปต้อนรับแขกด้วยตัวเอง ทำเอาแขกที่มางานวันนี้ทำตัวไม่ถูก
สองท่านนี้ไม่ออกงานนานหลายปีแล้ว ไม่คิดว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับหลานสาวที่ถูกเลี้ยงโดยคนอื่นมาตลอดสิบสองปีมากขนาดนี้!
จากการกระทำเช่นนี้ของท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ทำให้แขกหลายคนที่ติดจะดูถูกดูแคลนเหมยเหมยในทีแรกรีบเปลี่ยนท่าทีฉับพลัน เริ่มคาดคะเนค่าตัวหลานสาวตระกูลจ้าวคนนี้ใหม่อีกครั้ง
งานฉลองเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ท่านผู้เฒ่าจ้าวก็จูงมือเหมยเหมยมาที่ลานหน้าบ้าน ตะโกนพูดเสียงดัง “ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามางานในวันนี้ วันนี้ที่เชิญทุกท่านมาเพราะต้องการจะบอกทุกท่านเรื่องหนึ่ง หลานสาวของฉันจ้าวหวายซานกลับบ้านแล้ว ก็คือยายหนูที่อยู่ข้างฉันในตอนนี้ ทุกคนดูให้ดี คราวหลังอย่าจำผิดเชียวล่ะ!”
ท่านผู้เฒ่ามีเจตนาพูดเช่นนี้ ทุกคนในงานเป็นคนฉลาด ต่างหันไปมองสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนอย่างพร้อมเพรียงด้วยสายตาดูถูก หวงอวี้เหลียนใจหล่นวูบพลางยิ้มเก้อ แสร้งคุยกับคนข้างๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่าได้กลัวไป ขอแค่หลอกล่อฮูหยินผู้เฒ่าให้อยู่หมัดก็พอ งานเลี้ยงพวกนี้อย่างไรก็ของจอมปลอม สิ่งที่เธอต้องการคือผลประโยชน์อย่างแท้จริง แค่นี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เพียงแต่หากมือของหวงอวี้เหลียนที่วางอยู่ใต้โต๊ะไม่กำแรงขนาดนี้ ประโยคนี้ก็คงจะฟังดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
ท่านผู้เฒ่าจ้าวลอบมองสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนแวบหนึ่ง แม้เขาไม่เคยยุ่งเรื่องพวกนี้มาตลอดหลายปีแต่ใช่ว่าจะตาบอดหูตึง สองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนอ้างตระกูลจ้าวทำตัวเหิมเกริมไร้ขอบเขต มีคนมาบอกเรื่องนี้กับเขาอยู่ไม่น้อย
เพียงแต่หวงอวี้เหลียนยังไม่เคยทำเรื่องที่เลยเถิดมากเท่าไร เห็นแก่ลูกชายคนโตเขาถึงทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง อีกอย่างภรรยาเขาดูชอบอกชอบใจลูกสาวของหวงอวี้เหลียนเหลือเกิน ปกติสองแม่ลูกนี่มักมาคุยเป็นเพื่อนภรรยาเขาบ่อยครั้ง ภรรยาเขาอารมณ์ดี สุขภาพกายก็จะดีตาม
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว หลานสาวแท้ๆ กลับมาแล้ว เขาย่อมไม่จำเป็นต้องตามใจอีกต่อไป จะให้เหมยเหมยน้อยใจไม่ได้ ต้องจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้ทุกคนได้รู้
ว่าใครคือเจ้าหญิงที่แท้จริงของตระกูลจ้าว!
…………………..
ตอนที่ 572 สองครอบครัวที่แสนโชคร้าย
การกลับมาของหลานสาวตระกูลจ้าวได้ก่อคลื่นกระแสระลอกใหญ่ในเมืองหลวง และสร้างหัวข้อสำหรับพูดคุยเวลาน้ำชาแก่ชาวเมืองหลวงไม่น้อย ลับหลังทุกคนต่างวิพากษ์กันว่าเจ้าหญิงตัวน้อยท่านนั้นของตระกูลจ้าวหน้าตาสวยปานนางฟ้าขนาดไหนเชียวถึงได้ทำให้ผู้อาวุโสสองท่านแห่งตระกูลจ้าวต้องจัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้
ความเคลื่อนไหวในเมืองหลวงถูกส่งข่าวไปยังเมืองจินในเวลาไม่นาน เพราะจ้าวอิงหัวจะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมืองจินอีกไม่ช้า แม้เจ้าตัวยังไม่มา แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขารวมไปถึงพ่อแม่ภรรยาลูกหลานของเขา ผู้คนของเมืองจินก็ได้ทำการสืบข่าวไว้ชัดเจนทุกอย่างแล้ว
หนึ่งในนั้น คนที่พวกเขาให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ เจ้าหญิงท่านนี้ เป็นเรื่องราวรัชทายาทที่ถูกเปลี่ยนตัวในชีวิตจริง หรือเรียกอีกอย่างว่าจากสาวรับใช้ซินเดอเรลล่าผันตัวเป็นเจ้าหญิง คนบางส่วนที่รู้เรื่องภายในอย่างเช่นเหยียนโฮ่วเต๋อก็กำลังรอดูเรื่องตลกร้ายของตระกูลอู่
มีคนบางส่วนอาจจะช่วยเหยียบย่ำซ้ำเติมอีกที ต้องถือโอกาสสั่งสอนและเอาใจจ้าวอิงหัว ดังนั้น…
เวลานี้กลายเป็นโศกนาฏกรรมของตระกูลอู่แล้ว!
แม้คืนสิ้นปีจะผ่านไปหลายวันแต่กลิ่นอายปีใหม่ตามท้องถนนกลับเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะวันเทศกาลหยวนเซียว ผู้คนคับคั่งตามท้องถนนเสียงจอแจอึกทึก เรียกได้ว่าเป็นอีกวันที่ครึกครื้นมากที่สุดของปี
โดยเฉพาะที่วัดเฉิงหวงก็ยิ่งแออัดจนแทบแทรกตัวไม่เข้า ไม่มีแม้แต่ที่ให้ยืนทรงตัวเพราะที่นี่จะมีงานโคมไฟช่วงกลางคืนรวมไปถึงงานแสดงต่างๆ สำหรับชาวบ้านผู้เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งปีและต้องการที่พึ่งทางจิตใจ วัดเฉิงหวงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา
ต่อให้เป็นครอบครัวยากจนแร้นแค้นก็จะมีรอยยิ้มประดับในวันนี้เช่นกัน จูงมือพากันมาชมการแสดง ณ ที่แห่งนี้ทั้งบ้าน หรืออาจจะใจป้ำซื้อของทานเล่นจำนวนหนึ่งเพื่อให้คนทั้งครอบครัวได้สนุกสนานสักหน
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครอบครัวจะได้ใช้เวลาในวันเทศกาลได้อย่างมีความสุข อย่างน้อยมีสองครอบครัวที่ไม่เป็นเช่นนั้น
ตระกูลอู่และตระกูลเหอ!
พูดถึงตระกูลเหอก่อนแล้วกัน ช่วงสองวันก่อนคืนส่งท้ายปี ทั้งครอบครัวถูกขับไล่ออกจากบ้าน ด้วยเหตุการณ์เร่งด่วนฉุกเฉิน จึงหาบ้านเช่าไม่ได้ และฮูหยินผู้เฒ่าเหอเองก็ไม่ยอมเสียเงินค่าที่พัก ฉะนั้น…
คนทั้งครอบครัว ผู้ใหญ่ และเด็กเล็กต่างนั่งเฝ้ากองสัมภาระตากลมหนาว ยืนอยู่ข้างถนนเหมือนคนขอทาน
เพื่อนบ้านละแวกนั้นแม้จะสงสารครอบครัวนี้แต่ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่ง ถึงขนาดไม่มีแม้แต่น้ำอุ่นให้พวกเขาได้ดื่มสักนิด ใครให้ปกติฮูหยินผู้เฒ่ากับลูกสะใภ้บ้านนี้ไม่เป็นผู้เป็นคนกันล่ะ!
ลูกสะใภ้ที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปพาสามีและลูกชายกลับบ้านตัวเอง ฮูหยินผู้เฒ่าเหอ เหอปี้อวิ๋น และอู่เยวี่ยอยู่ฝ่าฟันความหนาวข้างนอกตลอดคืนจนแทบสังเวยชีวิต
พอถึงวันที่สองก็ทนไม่ไหวจริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเหอกัดฟันเช่าห้องห้องหนึ่งที่เป็นห้องหนึ่งในตึกเล็กราคาถูก ขนาดพื้นที่ไม่ถึงสิบตารางเมตร ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีห้องครัว และไม่มีห้องเก็บน้ำ ทั้งหมดล้วนเป็นของใช้ส่วนรวม
บริเวณลานบ้านประตูหินแห่งเดียวก็มีครอบครัวใช้ชีวิตร่วมอยู่นับสิบบ้าน ล้วนเป็นครอบครัวที่ฐานะยากจน หรือวัยรุ่นที่ไม่มีงานการทำว่างไปวันๆ ซึ่งก็คือพวกอันธพาลนั่นเอง
กล่าวโดยรวมแล้วที่แห่งนี้มีคนหลายประเภท สุขอนามัยย่ำแย่ อากาศมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยคละคลุ้ง อู่เยวี่ยไม่อยากแม้แต่จะย่ำกรายลงพื้น เธอไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในที่แบบนี้ หากเพื่อนๆ รู้เข้าต้องดูถูกเธอแน่เลย
เธออยากกลับบ้าน กลับบ้านที่ตึกสำหรับครอบครัวบุคลากรโรงเรียนอี้จง ที่นั่นมีห้องน้ำส่วนตัว เธอมีห้องเป็นของตัวเองและมีของใช้ครบครัน ในห้องเรียนมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีห้องเป็นของตัวเอง เมื่อก่อนเพื่อนๆ อิจฉาเธอไม่รู้เท่าไร
แต่ตอนนี้…
อาศัยในที่แบบนี้มีแต่จะสร้างความอับอายแก่เธอ!
เธอต้องหาวิธีกลับบ้านตระกูลอู่!
แล้วตอนนี้ฝั่งตระกูลอู่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?
อู่เจิ้งซือกับคนทั้งตระกูลอู่ใช้เวลาช่วงปีใหม่อย่างหวาดผวา เมื่อไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นใจเขาเริ่มปล่อยวาง คิดว่าเรื่องนี้จะผ่านไปเสียที
ต้องเป็นซินหย่ากับเหมยเหมยที่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าเลยขอความเห็นใจแก่เขา
อู่เจิ้งซือคิดดังนี้ แต่…
เพิ่งจะเป็นวันที่หกของปีใหม่ ทางตำรวจก็ตามมาถึงบ้าน ไม่พูดพร่ำทำเพลงจับกุมตัวอู่เจิ้งซือไปทันที
…………………..
ตอนที่ 573 เรื่องสะเทือนใจตามมาติดๆ
หลังอู่เจิ้งซือถูกจับกุมตัวไป เขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยหลายวัน อู่เจิ้งต้าวไหว้วานคนรู้จักไปทั่วแต่ไม่มีใครยอมช่วยเหลือ ใครจะกล้ามีเรื่องกับว่าที่นายกเทศมนตรีในอนาคตกันล่ะ!
พยานหลักฐานมีครบและผู้ต้องสงสัยเองก็ยอมรับทำให้คดีนี้ปิดลงได้อย่างรวดเร็ว อู่เจิ้งซือถูกตัดสินโทษหนึ่งปี ควบคุมความประพฤติหนึ่งปี และนี่ก็เป็นสิ่งที่จ้าวอิงหัวต้องการ
ในเมื่อเหมยเหมยถูกชุบเลี้ยงในตระกูลอู่ ต่อให้เหอปี้อวิ๋นกับอู่เจิ้งซือจะทำไม่ดีต่อเหมยเหมยขนาดไหนบุญคุณของการเลี้ยงดูก็ยังมี ฉะนั้นเขาจะใจร้ายเกินไปไม่ได้ และต้องป้องกันไม่ให้มีคนวิจารณ์ในเรื่องนี้
แต่จะให้เขาปล่อยอู่เจิ้งซือไปง่ายๆ ก็เป็นไม่ได้ ดังนั้นจ้าวอิงหัวจึงได้ตกลงกับทางสถานีตำรวจให้จับตัวอู่เจิ้งซือไปและลงโทษเขาเล็กน้อยก็พอ สำหรับคนทั่วไป ตัดสินโทษหนึ่งปีคุมพฤติกรรมหนึ่งปีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ต่างจากอู่เจิ้งซือ เขาเป็นคนที่ทระนงตัวมากและเป็นคุณครูคนหนึ่ง ขอแค่เคยทำผิดกฎหมายมาก่อนไม่ว่าจะกี่ปีก็ต้องถูกบันทึกลงในประวัติ ไม่มีโรงเรียนใดกล้าจ้างคุณครูที่มีประวัติติดตัว ดังนั้นอู่เจิ้งซือไม่อาจทำอาชีพคุณครูได้อีกต่อไป สำหรับอู่เจิ้งซือผู้ที่รักในอาชีพคุณครู การไม่สามารถเป็นคุณครูได้อีกก็เพียงพอที่จะทำเขาปวดใจเจียนตายได้
อีกอย่างอู่เจิ้งซือที่เคยมีประวัติติดตัวคงยากที่จะหางานได้อีก เมื่อไม่มีงานก็จะไม่มีแหล่งรายได้ นับจากนี้ชีวิตของอู่เจิ้งซือไม่มีหลักประกันใดๆ อีก ชีวิตที่ยากลำบากของเขาเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น!
สิ่งที่ตามมาหลังการพังทลายของอู่เจิ้งซือ อู่เจิ้งต้าวเองก็ได้รับข่าววงในมาว่าตำแหน่งศาสตราจารย์ที่เขาพยายามไขว่คว้ามาตลอดหลายปี ทั้งที่ใกล้ได้มันมาแต่กลับถูกคู่อริของเขาแย่งชิงไป เป็นเรื่องที่ถูกตัดสินไว้แล้ว
เรื่องสะเทือนใจไม่พอเท่านี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ปกติสนิทกับอู่เจิ้งต้าวไม่น้อยนั้นแอบตักเตือนเขาลับๆ ว่าไม่ใช่เพียงแค่สูญเสียตำแหน่งศาสตราจารย์ไป บางทีอาจต้องเสียงานในมหาวิทยาลัยจินไปด้วย ใบแจ้งให้ย้ายตำแหน่งงานจะถูกส่งมาหลังวันหยุดช่วงปีใหม่ อู่เจิ้งต้าวจะถูกย้ายไปประจำตำแหน่งงานมหาวิทยาลัยแห่งอื่นในเมืองจิน
หากไม่มีเรื่องผิดพลาดก็น่าจะเป็นสถาบันวิชาชีพครูแห่งหนึ่ง เท่ากับว่าอู่เจิ้งต้าวจะกลายเป็นเพียงรองศาสตราจารย์สถาบันวิชาชีพครูที่ไร้ซึ่งศาสตร์แขนงอื่นๆ เฉพาะทาง จากที่เคยอยู่ในตำแหน่งรองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีหน้ามีตามาก่อน
แม้เป็นรองศาสตราจารย์เหมือนกันแต่ปริมาณรายได้กลับหดตัวลงมหาศาล เมื่อที่แห่งหนึ่งคือมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศหรือระดับโลก อีกแห่งคือสถาบันวิชาชีพครูที่แม้แต่คนเมืองจินยังไม่ให้ราคา
สองแห่งนี้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเปรียบเทียบใดๆ กันได้เลย!
ขณะที่อู่เจิ้งต้าวได้รับข่าวนี้นั้นก็แทบกลั้นใจตาย เขาจะมีกะจิตกะใจไปสนใจเรื่องคอขาดบาดตายของน้องชายอย่างไรไหว ตลอดช่วงวันหยุดต่างวิ่งวุ่นหาทางเพื่อได้อยู่มหาวิทยาลัยจินแต่กลับได้รับคำตอบเหมือนกัน ทุกคนพูดประโยคเดียวกันว่า…
ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้!
หลังจากอู่เจิ้งต้าวก็คืออู่เจิ้งหง เดิมทีเธอเป็นคุณครูซื่อจงของเมืองจิน แม้ซื่อจงจะเทียบอี้จงไม่ได้แต่ก็ดีมากแล้ว
แต่เธอกลับได้รับหมายแจ้งจากทางโรงเรียนเช่นกันว่าหลังเปิดเทอมให้เธอไปทำงานที่โรงเรียนระดับสิบห้าแถบชานเมืองแห่งหนึ่งได้เลย อย่างแรกคือ โรงเรียนแห่งนี้ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมปลายแต่เป็นโรงเรียนมัธยมต้น อีกทั้งโรงเรียนระดับสิบห้านี้ต้องนั่งรถบัสประจำทางสามต่อจากเมือง หากอู่เจิ้งหงไม่พักที่โรงเรียน อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสามชั่วโมงขึ้นไปกับการเดินทางไปทำงานและหลังเลิกงาน
หรือบอกได้ว่าหลังจากนี้อู่เจิ้งหงจะต้องใช้ชีวิตที่แสนลำบากอย่างแท้จริง นอกเสียจากว่าเธอจะไม่ทำงานอีกแล้ว
ต่อมาก็คือคุณปู่อู่ เขาเองก็ได้รับใบแจ้งจากทางโรงเรียนว่าให้เขาย้ายออกจากบ้านสไตล์ยุโรปหลังเก่าที่พักในตอนนี้ เพราะบ้านพวกนี้ต้องแบ่งให้เหล่าศาตราจารย์อาวุโสผู้มีคุณธรรมและบารมีได้พักอาศัย
อีกความหมายก็คือคุณปู่อู่แก่แล้วแต่กลับไม่มีคุณธรรมและบารมี ไม่มีสิทธิ์พักอาศัยอีกต่อไปแล้ว!
……………………
ตอนที่ 574 ไม่มีสิทธิ์อาศัยที่บ้านพัก
แต่ตระกูลอู่ยังโชคดีกว่าตระกูลเหออยู่บ้างไม่ถึงกับต้องเตร็ดเตร่ทนหนาวทนหิวกลางถนน มหาวิทยาลัยจินได้จัดที่พักแห่งใหม่แก่คุณปู่อู่ เป็นที่พักสำหรับบุคลากรมหาวิทยาลัยเช่นกันแต่เป็นอาคารสุดโทรมเก่าแก่
ในอาคารแบ่งสองห้องให้สองสามีภรรยาโดยที่มีห้องครัวอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ห้องน้ำกับห้องกักเก็บน้ำใช้ร่วมกันทั้งชั้น ตึกสำหรับบุคลากรแบบนี้ปกติจะแบ่งให้อาจารย์วัยรุ่น คนอายุมากแล้วหรืออาจารย์ที่อยู่ระดับศาสตราจารย์ไม่มีทางถูกจัดให้มาอยู่ที่นี่เด็ดขาดเพราะจะเป็นการลดศักดิ์ศรี!
ทางมหาวิทยาลัยให้เวลาคุณปู่อู่ย้ายบ้านเป็นเวลาครึ่งเดือน คุณปู่อู่รู้สึกถูกเหยียดหยามได้แต่ทอดถอนหายใจตั้งแต่เช้ายันหัวค่ำ เขาไม่อยากย้ายไปอยู่ตึกทรุดโทรมแห่งนั้นสักนิด
พักอยู่บ้านเดี่ยวสไตล์ยุโรปแบบนี้นอกจากสะดวกสบายแล้วยังเป็นสัญลักษณ์ของสถานะ การที่สามารถอาศัยอยู่บ้านเดี่ยวสไตล์ยุโรปในพื้นที่ราคาแพงอย่างเมืองจินได้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมาก!
แต่ตอนนี้เกียรติยศและความภาคภูมิใจนี้ใกล้หมดลงแล้ว เขาต้องย้ายไปอยู่ตึกแถวที่เปรียบดั่งรังหนู เป็นเพื่อนบ้านร่วมกับเด็กวัยรุ่นพวกนั้น จะให้เขาเอาหน้าแก่ๆ นี้ไปไว้ไหน?
แล้วยังมีนักเรียนเก่าของเขาที่จะมาเยี่ยมเยียนเขาทุกวันเทศกาล บ้านแบบนั้นจะต้อนรับแขกได้อย่างไร?
คุณปู่อู่ไปหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองด้วยใจที่หวังอยากให้อีกฝ่ายผ่อนปรน แต่อธิการบดีมหาวิทยาลัยจินใช่ว่าจะมายุ่งเรื่องวุ่นวายนี้ อีกอย่างเขาเองก็ไม่ชอบใจคุณปู่อู่ที่ได้ดิบได้ดีจากวาสนาเก่าคนนี้อยู่แล้ว ได้แต่ให้เลขานุการช่วยเป็นด่านหน้าให้เขา ไม่แม้แต่จะยอมไปพบ
แต่อธิการบดีได้ฝากข้อความไว้ให้เลขานุการด้วยเนื้อหาประมาณว่าหากคุณปู่อู่ไม่พอใจบ้านพักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้ สามารถไปพักข้างนอกได้ ทางมหาวิทยาลัยกำลังติดขัดเรื่องนี้พอดีเพราะมีอาจารย์วัยรุ่นมากมายไม่มีบ้านพักอาศัย หวังว่าคุณปู่อู่จะยอมสละที่พักให้เด็กวัยรุ่นตามวิถีผู้อาวุโสที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี
คุณปู่แทบเลือดขึ้นหน้าเพราะคำของเลขานุการก่อนจะกลับบ้านอย่างขุ่นเคือง ให้ภรรยาเอาสมุดบัญชีทั้งหมดของที่บ้านออกมานับเป็นสิบรอบ สองสามีภรรยามีเงินในบัญชีทั้งหมดสี่ร้อยแปดสิบห้าหยวนหกสิบสตางค์ เป็นจำนวนเงินที่รวมเงินยิบย่อยทั้งหมดของบ้าน
เงินพวกนี้ไม่เพียงพอที่จะซื้อบ้านสักหลังด้วยซ้ำ อย่างไรเสียคุณปู่อู่ก็ไม่คิดจะไปอาศัยที่ตึกแถวนั่น เขาให้ลูกชายคนโตช่วยตามหาบ้านที่มีราคาค่าเช่ารายเดือนสิบหยวน เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ยุโรปหลังเล็กที่มีสวนดอกไม้ในตัว สภาพแวดล้อมไม่เลวร้ายเท่าไร
แม้ค่าเช่ารายเดือนสิบหยวนจะแพงไปเสียหน่อยแต่เงินบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณของเขากับภรรยามีหนึ่งร้อยกว่าหยวนต่อเดือน ก็ยังพอจะจ่ายค่าเช่าไหว
สิ่งสำคัญคือต้องอยู่บ้านแบบนี้ถึงจะมีหน้า อู่ชิงหาง คนอย่างเขาไม่มีวันเป็นตัวตลกของคนอื่นเด็ดขาด!
คุณปู่อู่กลับไม่รู้ว่าตระกูลอู่ของพวกเขาได้กลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งเมืองจินไปนานแล้ว เขากลับยังวุ่นวายกับเรื่องบ้านพักอาศัย ช่างน่าขันเสียจริง!
คนทั้งตระกูลอู่ไม่อาจรอดพ้นจากความโชคร้าย ยกเว้นเสียแต่เว่ยชิงเยวี่ยกับจี้เจี้ยนโปที่ยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่ไม่ถูกย้ายงาน ยังทำงานเดิมไม่เปลี่ยน พวกเขาถึงพอจะยกภูเขาออกจากอก ลอบดีใจอยู่ลึกๆ
เป็นเหตุให้ตระกูลอู่ไม่มีอารมณ์ฉลองในวันเทศกาลหยวนเซียว เดิมทีเทศกาลหยวนเซียวเป็นเทศกาลสำหรับครอบครัวให้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แต่อู่เจิ้งซือกลับถูกคุมขังอยู่ จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาได้อย่างไร?
อีกอย่างเมื่อยิ่งเข้าใกล้วันกำหนดย้ายบ้านที่ทางมหาวิทยาลัยมอบให้ พวกเขาก็มัววุ่นอยู่กับเรื่องย้ายบ้านนั่นแหละ!
วันเทศกาลสำหรับพวกเขาเป็นวันที่ฟุ่มเฟือยมากเกินไป!
เทียบกับความโชคร้ายของตระกูลอู่แล้วตระกูลจ้าวที่อยู่เมืองหลวงกลับรื่นรมย์ปรีดา จ้าวอิงหัวซื้อประทัดกลับมาจำนวนหนึ่ง เหมยเหมยกับสยงมู่มู่พวกเขาปล่อยประทัดกันในสวนถึงสองชั่วโมงเต็ม คืนนั้นเธอเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างแท้จริง ทั้งกระโดดโลดเต้น ทั้งหัวเราะ มีความสุขเหลือเกิน
ทว่าเวลาแสนสุขมักผ่านไปเร็วนัก หลังเทศกาลหยวนเซียวพวกจ้าวอิงหัวต้องเตรียมตัวกลับเมืองจินแล้ว พวกจ้าวอิงสยงกลับค่ายทหารทันทีหลังคืนก่อนปีใหม่ เมื่อจ้าวอิวหัวไปที่บ้านก็เหลือเพียงพวกจ้าวเสวียไห่อยู่เป็นเพื่อนท่านผู้เฒ่าจ้าวกับภรรยา
……………………
ตอนที่ 575 คุณย่าออกเงินค่าตั๋วเครื่องบิน
ฮูหยินผู้เฒ่าอาลัยอาวรณ์เหมยเหมยอย่างมาก บอกเธอแค่ว่าหากปิดเทอมก็มาอยู่เมืองหลวง “เหมยเหมยนั่งเครื่องบินมานะ ค่าตั๋วเดี๋ยวคุณย่าออกให้เอง เที่ยวหนึ่งก็สามชั่วโมง เร็วมาก”
จ้าวอิงหนานพูดหยอก “แม่ตัดใจเถอะ กลับมาครั้งนี้หนูกับพี่เล็กต้องกัดฟันเพื่อนั่งเครื่องบินมาเชียว เมืองจินบินมาเมืองหลวงทีต้องใช้เงินตั้งหกสิบแปดหยวน เงินเดือนของแม่จะบินได้สักกี่เที่ยวเชียว? เงินทอง แม่กับพ่อไม่คิดจะกินจะใช้กันแล้วหรือคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจใหญ่ “โอ้โห! ทำไมตั๋วเครื่องบินแพงขนาดนี้ล่ะ? แพงกว่ารถไฟเยอะเลย”
“นั่นสิ นั่งเครื่องบินเที่ยวเดียวหนูนั่งรถไฟได้ตั้งสิบกว่าเที่ยว ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาเร่งด่วนใครจะยอมนั่งเครื่องบินกัน!” ถึงตอนนี้จ้าวอิงหนานยังเจ็บใจอยู่เลย!
ต่อให้จ้าวอิงหนานไม่สนใจเรื่องเงินทองเพราะปกติก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอยู่แล้วแต่ราคาตั๋วเครื่องบินที่แพงหูฉี่กลับทำให้ใจของเธอถดถอย คิดว่าหลังจากนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่นั่งเครื่องบินอีกแล้ว!
นั่งเครื่องบินเที่ยวเดียวก็แทบจะใช้เงินเดือนทั้งเดือนของเธอ หากไม่ใช่เงินที่ขอเบิกได้ใครจะนั่งไหวกัน?
ทุกคนต่างคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคงไม่คิดเรื่องนั่งเครื่องบินอีกแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันออกรสฮูหยินผู้เฒ่าได้แอบดึงเหมยเหมยหลบไปที่ไร้ผู้คน พูดอย่างเขินอาย “เหมยเหมยช่วยย่านับนะว่าเงินเดือนหนึ่งเดือนของย่าสี่ร้อยหกสิบกว่าหยวน หกสิบกว่าหยวนเก็บไว้เป็นเงินใช้จ่าย หลานลองคำนวณสิว่าสี่ร้อยหยวนนั่งเครื่องบินได้กี่เที่ยว?”
เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าฮูหยินผู้เฒ่ายังติดอยู่เรื่องที่ให้เธอนั่งเครื่องบิน จู่ๆ ก็รู้สึกแสบจมูกแทบปิดเรื่องที่ว่าเธอมีเงินไว้ไม่อยู่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ก่อนหน้าที่มาเหยียนหมิงซุ่นเคยบอกเธอไว้ว่าอย่าไปบอกใคร รอดูสถานการณ์ในอนาคตค่อยหาโอกาสบอกทีละหน่อย!
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เธอรออีกสักหน่อยแล้วกัน!
“คุณย่าคะ นั่งเครื่องบินก็ไม่ได้เร็วมาก หนึ่งวันมีแค่เที่ยวเดียวแล้วยังต้องดูสภาพอากาศอีกว่าดีมั้ย อีกอย่างหนูไม่ชอบนั่งเครื่องบิน ไม่สบายเท่านั่งรถไฟ รอฤดูใบไม้ผลิที่หนูอาจจะได้มาแข่งที่นี่ ถึงตอนนั้นหนูจะกลับมานอนที่บ้าน ดีมั้ยคะ?”
เหมยเหมยลากหางเสียงยาวเป็นการออดอ้อน ฮูหยินผู้เฒ่าจะตั้งรับอย่างไรไหว ใจของเธอแทบละลาย เธอยิ้มตาหยีหยิกแก้มหลานสาวไปมา “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ย่าอยากให้หลานอยู่บ้านทุกวัน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อหลานไม่ยอม ย่าจะให้หลานมาเรียนหนังสือที่นี่แล้ว อยู่กับย่าทุกวันดีจะตาย!”
“หลังจากปิดเทอมทุกครั้งหนูจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่า อีกอย่างยังมีพี่อยู่ทางนี้ด้วยแหนะ!”
เธอไม่อยากมาเรียนหนังสือที่เมืองหลวงเท่าไร แม้คนตระกูลจ้าวจะดีต่อเธอมากก็ตาม แต่เธอก็อยากอยู่เมืองจิน เธอต้องคอยจับตาดูอู่เยวี่ยให้ดี จะต้องไม่ให้โอกาสเธอได้ลุกขึ้นใหม่
อีกอย่างเธอก็ไม่อยากแยกจากเหยียนหมิงซุ่น เธอจำได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ได้สอบจบชั้นมัธยมปลายด้วยซ้ำ หลังเรียนจบต้องไปเกณฑ์ทหารแล้ว นับแล้วยังเหลือเวลาไม่ถึงสองปี สองปีนี้เธออยากใช้เวลาสนุกๆ กับเหยียนหมิงซุ่น!
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ฝืนใจเหมยเหมย ขอแค่ให้เธอโทรกลับมาหาบ่อยๆ ยังดีที่ข้างกายก็มีหลานชายหลายคน เธอคงไม่เหงาเท่าไร เพียงแต่…
ระหว่างมื้ออาหาร จ้าวเสวียหลินพูดขึ้น “คุณปู่คุณย่าครับ ผมไม่คิดจะเรียนต่อที่เมืองหลวงแล้ว ผมจะไปเมืองจิน”
“ทำไมล่ะ?” ท่านผู้เฒ่าจ้าวถาม
“ผมต้องปกป้องเหมยเหมย ถ้ามีคนรังแกเธอจะทำยังไง!” จ้าวเสวียหลินพูดเสียงจริงจัง
ความจริงจ้าวเสวียหลินอยากพูดว่าเพราะน้องสาวตัวเองหน้าตาดีเกินไป เขาต้องไปช่วยไล่พวกหมาป่าจอมกระหายพวกนั้นต่างหาก อย่างเช่นเหยียนหมิงซุ่น
จ้าวเสวียไห่กับจ้าวเสวียกงเองก็เสริมทัพ “พวกผมก็จะไปเรียนที่เมืองจิน เสวียหลินคนเดียวดูแลเหมยเหมยไม่ไหวหรอก ต้องให้สองพี่น้องอย่างพวกผมไปถึงจะไหว”
“กินข้าวของพวกแกไป จะที่ไหนก็มีแต่เรื่องของพวกแกนั่นแหละ!”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวเขกหัวเป็นรางวัลให้ทีละคน ถ้าพวกเด็กๆ หนีหายไปหมดจนที่บ้านเหลือแค่เขากับภรรยาสองคนมันใช่เรื่องที่ไหน!
สุดท้ายจ้าวเสวียหลินก็ได้ไปเรียนหนังสือที่เมืองจิน เหยียนซินหย่าไม่อยากอยู่ห่างจากลูกชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้จ้าวเสวียหลินเสนอออกมาด้วยตัวเอง เธอย่อมดีใจเป็นที่สุด
……………………..
ตอนที่ 576 มีข่าวดี
วันที่สิบหกของเดือน ครอบครัวเหมยเหมยกับครอบครัวจ้าวอิงหนานกลับเมืองจินพร้อมกัน ขากลับพวกเขายังคงนั่งเครื่องบินเช่นเดิมเพราะพวกเหมยเหมยใกล้เปิดเทอมแล้ว หากนั่งรถไฟอาจจะไม่ทันเวลา
จ้าวอิงหนานกัดฟันซื้อตั๋วเครื่องบินขากลับอีกหน ลอบคิดในใจว่าต้องลดค่าซื้อเสื้อผ้าของปีนี้ครึ่งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเงินคงไม่พอใช้แล้ว!
เหมยเหมยที่ขึ้นเครื่องบินก็ซัดน้ำอัดลมเต็มท้องจนมีกลิ่นน้ำอัดลมขณะที่พูด เหยียนหมิงซุ่นรอที่โถงใหญ่แต่เช้าพร้อมกับหัวหน้าเลขาฯ ของโรงละครคนก่อน เขามารับจ้าวอิงหัวโดยเฉพาะ
จ้าวอิงหัวจะดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีอย่างเป็นทางการเดือนหน้าแล้ว เขาย่อมต้องสานสัมพันธ์กับหัวหน้าของเขาล่วงหน้าที่เป็นถึงลูกชายของตระกูลจ้าวเชียว พระเจ้าส่งคนระดับนี้มาอยู่ตรงหน้าเขา หากเขายังไม่คว้าโอกาสให้ดีก็เสียแรงที่เป็นถึงเลขาฯ มาตลอดชีวิต!
“รองนายกเทศมนตรีจ้าวครับ…”
หัวหน้าเลขาฯ เพิ่งเอ่ยปากก็ถูกจ้าวอิงหัวห้ามไว้
“ตอนนี้ยังไม่ได้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ คุณเรียกชื่อผมเถอะ วันนี้ลำบากคุณแย่แล้ว”
“ที่ไหนกันครับ นี่เป็นงานของผมอยู่แล้วนี่นา คุณจ้าวรีบขึ้นรถเถอะครับ ผมได้สั่งให้คนทำความสะอาดบ้านพักของคุณเรียบร้อย พร้อมเข้าพักได้ตลอดครับ คุณจะไปตอนนี้เลยมั้ยครับ?”
หัวหน้าเลขาฯ เป็นคนไหวพริบดีจึงรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที แต่ยังคงท่าทีมารยาทนอบน้อมเหมือนเดิม ความกระตือรือร้นมากล้นเป็นเท่าตัว
“ไปบ้านพักเถอะ!”
จ้าวอิงหัวกล่าวก่อนจะเตรียมขึ้นรถแต่กลับพบว่าลูกสาวตนไม่รู้วิ่งหายไปไหน ส่วนลูกชายกลับทำหน้าตึง จ้องไปที่จุดๆ หนึ่งข้างหน้าด้วยสายตาดุดัน
เขามองไปตามสายตาของจ้าวเสวียหลินและพบว่าเหมยเหมยอยู่ด้วยกันกับเหยียนหมิงซุ่นอย่างเบิกบาน
“พี่หมิงซุ่น ฉันจะบอกข่าวดีหนึ่งอย่างให้พี่นะ พี่ได้ยินแล้วต้องดีใจมากแน่ๆ”
เหยียนหมิงซุ่นมองยายหนูที่ยิ้มตาโค้งตรงหน้า ใบหน้าเล็กกลมกลึงขึ้นมากจนมีเหนียงแล้ว แถมยังขาวใสเนียนเด้งแทบกลั่นออกมาเป็นน้ำได้
เขารู้สึกคันที่ปลายนิ้วอย่างมาก อยากหยิกจมูกของยายหนูสักหน่อย แต่ว่า…
จ้าวเสวียหลินคอยยืนจ้องอยู่ข้างๆ ไม่วางตา เกรงแต่เขายื่นมือไปแล้วเจ้าหมอนั่นจะพุ่งมาหา!
เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างนึกเสียดายและสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้ยื่นมือออกไป คิดในใจว่ารอจ้าวเสวียหลินไม่อยู่ค่อยหาเวลาคุยกับยายหนูดีๆ รวมถึงแก้คันที่มือ
“ข่าวดีอะไร? เหมยเหมยได้เงินอั่งเปาเยอะมากเหรอ?”
เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกตายิ้ม เหมยเหมยมองค้อนใส่เขาที แต่แรกอยากเล่นตัวสักหน่อยแต่เธอกลับเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง เขย่งปลายเท้าเป็นเชิงให้เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าลง เธอขยับใบหน้าไปกระซิบเสียงเบา
“พี่หมิงซุ่น ฉันจะบอกให้นะ มีโสมร้อยปีให้คุณยายของพี่แล้วล่ะ คุณปู่ของฉันได้มา พ่อของฉันเอามา พ่อบอกว่าอีกสองวันจะเชิญพี่ไปทานข้าวด้วย ถึงตอนนั้นจะเอาโสมให้พี่นะ”
ไอร้อนจากเด็กสาวกระทบใบหูของเหยียนหมิงซุ่น ไออุ่นร้อนผ่าวที่ทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกร้อนรุ่มในใจมากกว่าเดิม ความดีใจที่พุ่งพรวดขึ้นมากลางอกทำให้เขาหลงลืมไปว่าตนกำลังอยู่ที่แห่งใด อยู่ๆ ก็ยกตัวเหมยเหมยโยนขึ้นกลางอากาศ
เขาทำเหมือนเวลาเขาเล่นกับอาฮวาที่บ้านเมื่อก่อน แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับลืมไปว่าอาฮวาเป็นแมวตัวหนึ่ง เหมยเหมยเป็นคน!
“กรี๊ด”
เหมยเหมยตกใจจนหลุดเสียงร้องออกมาแต่ไม่นานเธอก็ตั้งตัวทันว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่กลัวอีกต่อไป ทั้งยังรู้สึกท้าทายอย่างมาก รู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ
“นายทำอะไร? ถ้าทำเหมยเหมยตกพื้นจะทำยังไง ทำไมนายไม่น่าไว้วางใจแบบนี้นะ เหมยเหมยไม่เป็นไรนะ?”
จ้าวเสวียหลินตกใจยิ่งกว่ารีบพุ่งตัวมาอย่างร้อนรนก่อนจะตำหนิเหยียนหมิงซุ่นไประลอกหนึ่ง แล้วรีบมองเหมยเหมยที่เท้าแตะพื้นอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวเธอตกใจจนเสียขวัญ
……………..
ตอนที่ 577 เหมยเหมยต้องทานเยอะอีกหน่อย
เหมยเหมยสนุกจนตาวาว เธอส่ายศีรษะอย่างแรงแล้วบอกกับเหยียนหมิงซุ่นว่า “พี่หมิงซุ่น โยนสูงกว่านี้หน่อยสิ สนุกจังเลย!”
ขณะที่จ้าวเสวียหลินพุ่งมาเหยียนหมิงซุ่นก็นึกเสียใจทีหลังแอบตำหนิตัวเองว่าวู่วามเกินไป หากทำยายหนูตกใจจะทำอย่างไร! แต่เห็นท่าทางเหมยเหมยสนุกสนานแบบนี้เขาก็โล่งอก เห็นทียายหนูก็ใจกล้าพอสมควรนี่นา!
“ได้ พี่จะโยนสูงกว่านี้นะ!”
เหยียนหมิงซุ่นเองก็เริ่มอยากแกล้ง ออกแรงโยนเหมยเหมยขึ้นกลางอากาศอีกครั้งที่อย่างน้อยก็น่าจะสูงเท่าตึกหนึ่งชั้น เหมยเหมยร้องอย่างสนุกสนาน
จ้าวเสวียหลินกัดฟันกรอดมอง แค่โยนเอง เขาก็ทำได้!
รอเหมยเหมยลงมาจ้าวเสวียหลินชิงแย่งตัวเหมยเหมยไปก่อนหนึ่งก้าว นิสัยความอยากเอาชนะของเด็กหนุ่มทำให้เขาพูดอย่างไม่ลังเล “เหมยเหมย พี่ก็ทำได้ หนูดูไว้นะ!”
ว่าแล้วเขาก็รวบรวมพลังก่อนจะใช้แรงแทบทั้งตัวจนเกือบตดออกมาถึงโยนเหมยเหมยขึ้นกลางอากาศได้เพียงนิด ไม่ได้ครึ่งของรอบก่อนหน้าของเหยียนหมิงซุ่นด้วยซ้ำ
เหมยเหมยกลับไม่พอใจ “พี่ พี่แรงน้อยเกินไป พี่หมิงซุ่นโยนหนูได้สูงขนาดนี้เลยนะ!”
เธอว่าแล้วก็ชี้นิ้วเทียบความสูงเพราะรู้สึกไม่พอใจต่อพี่ชายตนอย่างมาก ดูร่างบึกตัวสูงใหญ่และแข็งแรงกว่าเหยียนหมิงซุ่นมากโขแต่กลับไม่คิดเลยว่ารูปร่างที่เห็นก็เป็นแค่สิ่งภายนอก มีแรงไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของเหยียนหมิงซุ่นเสียด้วยซ้ำ
จ้าวเสวียหลินอับอายเหลือเกินที่ถูกน้องสาวตนดูถูก แต่เขายังปากแข็งตอบกลับไป “ไม่ใช่ว่าพี่แรงน้อย แต่เหมยเหมยช่วงนี้ทานเยอะจนอ้วน อย่างน้อยก็อ้วนขึ้นห้ากิโล ถ้าเป็นก่อนปีใหม่พี่ต้องโยนได้สูงแน่ๆ”
เหมยเหมยเปลี่ยนสีหน้ารีบก้มมองเอวคอดของตัวเองแล้วดึงเสื้อกันหนาวตัวหนา มิน่าช่วงนี้เสื้อตัวนี้คับขึ้น ที่แท้ก็อ้วนขึ้นนี่เอง!
แต่ทำไมพี่ชายต้องพูดต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นด้วยล่ะ?
เธอไม่ขายหน้าตายเลยหรือ?
“พี่น่ารำคาญที่สุด ไม่สนใจพี่แล้ว!”
เหมยเหมยที่รู้สึกขายหน้าถลึงตาใส่จ้าวเสวียหลินทีพลางวิ่งเหยาะๆ กลับมาหาพวกจ้าวอิงหัว ลืมบอกลาเหยียนหมิงซุ่นไปด้วย
ความจริงไม่ได้ลืมแต่เธออาย!
อ้วนขึ้นห้ากิโลกรัมเธอต้องไม่สวยแล้วแน่ๆ เมื่อกี้ยังให้เหยียนหมิงซุ่นโยนอีก ต้องทำเขาเหนื่อยแน่เลยสินะ เธอช่างไม่รู้จักเจียมตัวเอาเสียเลย!
จ้าวเสวียหลินลูบจมูกปอยๆ เพราะถูกเหมยเหมยตอกกลับอย่างงุนงง เขาไม่ได้พูดผิด น้องสาวอ้วนขึ้นไม่น้อยจริงๆ นี่นา!
เขาแค่พูดความจริงเท่านั้น อีกอย่างน้องสาวในตอนนี้สวยกว่าเดิมขนาดไหน หยิกตรงไหนก็มีเนื้อหนัง ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มีแค่หนังหุ้มกระดูก
เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่จ้าวเสวียหลินที ปากพล่อยจริงๆ!
เขาเดินไปหาจ้าวอิงหัวก่อนจะทักทายสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวถึงหันไปมองเหมยเหมยที่ก้มหน้างุด พูดยิ้มๆ “เหมยเหมยไม่อ้วนเลย ต้องทานเยอะกว่านี้อีกหน่อยนะ”
เหมยเหมยที่กำลังเริ่มวางแผนลดความอ้วนในใจพอได้ยินคำของเหยียนหมิงซุ่นก็เงยหน้าอย่างนึกดีใจ “ไม่อ้วนจริงๆ เหรอ? แต่พี่ของฉันบอกว่าฉันอ้วนขึ้นห้ากิโล”
เหมยเหมยเครียดจนหน้างอไปหมด ฮูหยินผู้เฒ่าวันหนึ่งให้เธอทานห้ามื้อพร้อมทั้งพลิกแพลงเมนูอาหารไม่ซ้ำ ทั้งเกี๊ยวเอย บัวลอยเอย ปอเปี๊ยะเอย ล้วนเป็นของโปรดของเธอทั้งนั้น ไม่อ้วนขึ้นสิแปลก!
“พี่ของเธอตาบอด พูดเหลวไหล!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเด็ดขาดและไม่สนจ้าวเสวียหลินที่หน้าตึงอยู่ข้างๆ เหมยเหมยมองดวงตาจริงใจของเหยียนหมิงซุ่นก็สบายใจขึ้นมาก
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางโกหกตัวเอง ว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่ในอนาคตจะโกหกใครได้อย่างไร!
ต้องเป็นพี่ชายของเธอตาบอดไปแน่ๆ ไม่ผิด ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ!
“เหมยเหมยยังผอมไปอีกนิด ต้องทานอีกหน่อยนะ!”
ว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่ในอนาคตพูดด้วยความจริงใจ เขารู้สึกว่ายายหนูต้องอ้วนกลมถึงจะดูดี ขาวๆ อ้วนๆ ดีจะตาย ตอนหยิกถึงจะสบายมือ!
…………………………
ตอนที่ 588 อำนาจช่างเป็นของดีเสียจริง
จ้าวอิงหัวเชื้อเชิญเหยียนหมิงซุ่นว่ารอพวกเขาจัดการทุกอย่างเสร็จก็ให้เหยียนหมิงซุ่นไปทานข้าวร่วมกัน เหยียนหมิงซุ่นตอบตกลงก่อนจะขอตัวลากลับไปก่อน
เขาเดินตัวลอยเพราะอารมณ์ดีมาก นอกจากอาการป่วยของคุณยายมีโอกาสที่จะถูกรักษาแล้วยังเป็นเพราะเขาได้เจอยายหนู ตลอดทั้งปิดเทอมฤดูหนาวนี้เขาไม่ค่อยมีความสุขมากนัก เพราะเป็นกังวลว่าเหมยเหมยอยู่ที่เมืองหลวงจะสบายดีไหม และยิ่งเป็นกังวลว่าตระกูลจ้าวอาจจะให้เหมยเหมยอยู่ร่ำเรียนที่เมืองหลวงไม่กลับเมืองจินอีกต่อไป
ในเมื่อเมืองหลวงเป็นจุดศูนย์รวมทุกอย่าง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน ยิ่งไปกว่านั้นสังคมของตระกูลจ้าวล้วนอยู่เมืองหลวง เหมยเหมยเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าว อยู่เมืองหลวงถึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเธอ!
หากคิดอย่างมีเหตุมีผลก็ควรเป็นเช่นนี้ แต่หากตัดสินจากความรู้สึกเขากลับไม่หวังให้เป็นเช่นนี้สักนิด เขาไม่อยากแยกจากยายหนู!
เหยียนหมิงซุ่นในขณะนี้ยังไม่รู้ใจตัวเอง คิดเพียงว่าเขาอาลัยเพื่อนเท่านั้น!
บอกได้แค่ว่า ว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่ในอนาคตคนนี้ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มโง่เขลาผู้ไม่รู้ใจตัวเอง!
เหมยเหมยที่อยู่บนรถยู่ปากตลอดทางไม่ทำหน้าดีๆ ให้จ้าวเสวียหลิน เหยียนซินหย่าคอยมองแล้วรู้สึกขบขัน พลางหยิกปลายคางกลมกลึงมีเหนียงของลูกสาว ลูกชายพูดไม่มีผิด เดือนนี้ลูกสาวอ้วนขึ้นอย่างน้อยห้ากิโลกรัมเป็นอย่างต่ำ แต่เธอมีความคิดเดียวกับเหยียนหมิงซุ่นว่าลูกสาวไม่อ้วนเลยสักนิด ต้องอ้วนอีกหลายกิโลกรัมถึงจะดี!
“พี่ชายของลูกน่ะตาบอด เหมยเหมยอ้วนตรงไหนกัน? ยังค่อนไปทางผอมอยู่ดี หลังจากนี้ทานเนื้อเยอะๆ ทานอะไรจะได้บำรุงอันนั้นนะ!”
จ้าวอิงหัวหยิกแก้มอูมของเหมยเหมยไม่หยุด หยิกอย่างไรก็ไม่พอ หากอ้วนกว่านี้อีกหน่อยตอนหยิกถึงจะเด้งสู้มือมากกว่านี้!
หัวหน้าเลขาฯ ที่นั่งแถวหน้าปากกระตุก จู่ๆ ก็เริ่มมีความมั่นใจต่อการร่วมงานกับว่าที่รองนายกเทศมนตรีในอนาคตคนนี้
รองนายกเทศมนตรีนอกจากจะตกเป็นทาสภรรยาแล้วยังเป็นทาสลูกสาว หัวหน้าแบบนี้ต้องอยู่ร่วมกันได้ไม่ยาก!
ว่าแต่ลูกสาวของรองนายกเทศมนตรีสวยมากจริงๆ ถึงจะกลมไปหน่อยแต่ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดลงเลย หากเขามีลูกสาวหน้าตาสวยงามแบบนี้ก็ต้องคอยประคบประหงมลูกสาวอย่างดีอยู่แล้ว
ทางรัฐบาลจัดแบ่งบ้านสำหรับอยู่อาศัยให้จ้าวอิงหัวอยู่ในชุมชนเทศบาล ตามตำแหน่งของจ้าวอิงหัวแล้ว ที่พักอาศัยของเขาก็ย่อมไม่ธรรมดา เป็นบ้านเดี่ยวขนาดสองชั้นแถมยังมีลานหน้าบ้านกับสวนหลังบ้านที่แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่เพียงพอที่จะปลูกเป็นสวนดอกไม้แสนงดงามได้
“สวนนี้ไม่เลว เหมยเหมย ไว้พ่อจะทำชิงช้าให้ลูกไว้ตรงนี้ ลูกว่าดีมั้ย?” จ้าวอิงหัวพึงพอใจกับบ้านหลังใหม่อย่างมาก
เหมยเหมยพยักหน้าอย่างดีใจ “ดีค่ะ แล้วเราปลูกองุ่นอีกหน่อย เอาชิงช้าไปผูกอยู่ด้านหลังต้นองุ่น”
วันอากาศร้อนนั่งชิงช้าเล่นอยู่ใต้ต้นองุ่นแสนสบาย ดื่มน้ำเย็นๆ ไปพลาง คงไม่ต้องพูดเลยว่าจะดื่มด่ำขนาดไหน!
“ได้ ตามใจเหมยเหมยเลย ฤดูใบไม้ผลิเราก็ไปซื้อต้นองุ่นแล้วตั้งคานสำหรับไว้ต้นองุ่นกัน” จ้าวอิงหัวจะไม่ตกลงได้อย่างไร ขอแค่เป็นสิ่งที่ลูกสาวอยากได้ เขาต้องหาทางเติมเต็มให้ได้
หัวหน้าเลขาฯ รีบหยิบสมุดบันทึกมาจดไว้ก่อนกล่าว “เรื่องเล็กแบบนี้ไม่ต้องให้คุณจ้าวลงมือเองหรอกครับ รอถึงฤดูใบไม้ผลิผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ถ้าครอบครัวของคุณยังมีความต้องการอื่นบอกผมได้หมดเลย ผมจะทำให้”
“งั้นลำบากคุณหน่อยนะ”
จ้าวอิงหัวเองก็ไม่เกรงใจ เลขาฯ คนนี้เขาเคยทำความรู้จักมาก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องความสามารถไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ก้ำกึ่งระหว่างไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ลำบากเพราะขาดคนคอยหนุน
หากคนคนนี้ซื่อสัตย์พอ เขาก็ไม่คิดอะไรมากหากแต่ต้องช่วยสักหน่อย!
หัวหน้าเลขาฯ เป็นคนละเอียดอ่อนอย่างมาก ทำความสะอาดทุกซอกมุมและเฟอร์นิเจอร์บ้านเป็นของใหม่ทั้งหมด ทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้ากับหนังสือตำราที่ขนมาจากทางใต้เองก็จัดวางไว้หมดแล้ว นอกจากตู้เสื้อผ้าที่ยังไม่ถูกเปลี่ยน
ขอแค่ปูผ้ารองกับผ้าปูบนเตียงพวกเขาก็สามารถเข้าพักได้ทันที ช่วยประหยัดพลังงานไปได้มากทีเดียว
ณ เวลานี้เหมยเหมยถึงเห็นได้ว่าอำนาจช่างเป็นของดีจริงๆ มิน่าถึงมีคนมากมายที่ต้องการมัน!
…………………
ตอนที่ 579 ความคิดใหม่ต่อห้องใหม่
ห้องใหม่ของเหมยเหมยอยู่ชั้นสองโดยจ้าวอิงหัวให้เธอเลือกห้องเอง ผลสุดท้ายเธอกลับเลือกห้องนี้อย่างน่าแปลก เพราะ…
ข้างหน้าต่างห้องนี้มีท่อน้ำขนาดใหญ่ ห้องอื่นไม่มี
“เหมยเหมย ห้องนี้แสงไม่ดีเท่าไหร่ เรามาเปลี่ยนกันมั้ย!” จ้าวอิงหัวกลับไม่พอใจเท่าไร
“ไม่ต้องหรอกค่ะห้องนี้แหละ หนูไม่ชอบตากแดด”
เหมยเหมยยืนกรานจะเอาห้องนี้ จ้าวอิวหัวเลยตามใจเธอ คิดว่าวันหน้าจะเปลี่ยนหลอดไฟที่สว่างกว่านี้ให้ห้องของลูกสาว
วันรุ่งขึ้นหลังเข้าพักบ้านหลังใหม่ จ้าวอิงหัวก็ให้เหมยเหมยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นให้เขามาทานข้าวที่บ้าน
ระหว่างนี้เหยียนโฮ่วเต๋อมาพักอยู่กับพ่อแม่ ปากบอกเพราะถานซูฟางต้องทำงานทุกวันเขาเลยไม่มีที่ให้ทานข้าว แต่เหยียนหมิงซุ่นแค่ฟังก็รู้แล้วว่าเขากำลังโกหก
ไม่ใช่วันแรกที่ถานซูฟางทำงานสักหน่อย เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเหยียนโฮ่วเต๋อจะเคยกลับมาอยู่สักครั้ง
เหยียนหมิงซุ่นรู้ดีว่าเหยียนโฮ่วเต๋อคิดจะทำอะไร!
นับจากวันปีใหม่ที่เหมยเหมยโทรมาสวัสดีปีใหม่กับเขา เหยียนโฮ่วเต๋อก็วิ่งแจ้นมาทุกๆ สามวัน พอจ้าวอิงหัวกลับเมืองจิน เหยียนโฮ่วเต๋อก็ตัดสินใจย้ายมาทันที
“หมิงซุ่น ช่วงนี้ลูกสาวตระกูลจ้าวโทรหาลูกบ้างมั้ย?”
ขณะทานข้าวเหยียนโฮ่วเต๋อก็อดสอดแนมไม่ได้ วันนี้สำนักงานศึกษาธิการจะทำการเปลี่ยนคนภายในครั้งใหญ่ เขาดำรงตำแหน่งรองปลัดมาห้าหกปีแล้ว หวังแค่ว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นสักหน่อยก็พอ
เดิมทีเขาไม่คาดหวังอะไรแล้วเพราะผลลัพธ์ในการทำงานของเขาไม่เป็นที่ถูกใจนัก สายสัมพันธ์ของคนรู้จักและเบื้องหลังก็ยิ่งอ่อนด้อยนัก อยู่จนเกษียณมาได้ก็ดีมากแล้ว
แต่ตอนนี้ไฟแห่งความต้องการในเรื่องการงานของเขากลับจุดติดใหม่ พระเจ้ายังดีกับเขาไม่น้อย เมื่อจู่ๆ ก็ส่งมอบโอกาสดีๆ มาให้ ขอแค่เขาคว้าไว้ให้ดี อย่าว่าแต่เลื่อนตำแหน่งขึ้นสักหน่อยเลย อาจได้ย้ายไปอยู่ในสำนักก็เป็นได้!
เหยียนหมิงซุ่นลอบแค่นหัวเราะ พูดเสียงจาง “เปล่า ผมกับเธอไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีขนาดนั้นสักหน่อย”
“เป็นไปได้ยังไง? ไม่งั้นยายหนูคนนั้นจะโทรมาหาลูกแต่เช้าตรู่วันปีใหม่เลยเหรอ? หมิงซุ่นเอ๋ย ลูกเป็นผู้ชายต้องรู้จักเป็นฝ่ายเข้าหาหน่อย วันหยุดสัปดาห์นี้พายายหนูไปเที่ยวข้างนอกสิ ไม่อย่างนั้นพามาทานข้าวที่บ้านก็ได้นี่นา!”
เหยียนโฮ่วเต๋อเสี้ยมสอนวิธีเอาใจผู้หญิงให้ลูกชายอย่างทุ่มเท ทั้งยังล้วงธนบัตรสิบหยวนยับๆ ออกมาอย่างใจป้ำ
“ลูกเอาเงินติดตัวไว้เยอะหน่อยนะ พายายหนูไปดูหนัง เดินเล่นที่สวนสาธารณะสิ เงินนี้ลูกเอาไว้ก่อน ไม่พอค่อยมาขอพ่ออีก!”
เหยียนโฮ่วเต๋อปากพูดเหมือนจะใจกว้างแต่กลับเจ็บใจลึกๆ เงินที่บ้านถูกถานซูฟางคุมไว้ทั้งหมด หนึ่งเดือนเขามีเงินใช้จ่ายแค่ยี่สิบหยวน สิบหยวนนี้เขาจำต้องถอนจากคลังเงินเก็บน้อยๆ ซึ่งในคลังเงินเก็บนั่นก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไรเลย!
“พ่อว่าพามาทานข้าวที่บ้านดีที่สุด ให้คุณยายของลูกทำของอร่อยๆ แม่ว่าอย่างนั้นดีมั้ย?”
สุดท้ายเหยียนโฮ่วเต๋อก็เสียดายเงินเลยคิดหาวิธีที่จะช่วยประหยัดเงิน หมายให้ลูกชายคนโตพาลูกสาวตระกูลจ้าวมาเที่ยวเล่นที่บ้าน ถึงตอนนั้นเขาจะได้คุยกับลูกสาวตระกูลจ้าวด้วย!
ว่ากันว่ารองนายกเทศมนตรีรักลูกสาวดั่งชีวิต ขอแค่ผูกมิตรกับคุณหนูจ้าวให้ดีจะยังต้องกลัวจับจ้าวอิงหัวไม่อยู่อีกหรือ?
เหยียนโฮ่วเต๋อวางแผนไว้ดิบดี เพียงแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ให้เขาได้ใจ รับเงินมาตามนั้น ไม่มีปัญหาที่จะชวนเหมยเหมยไปดูหนัง แต่อย่าคิดจะใช้ชื่อของเขาไปรังควานเหมยเหมย!
“ถึงตอนนั้นค่อยว่าอีกทีแล้วกัน!”
เหยียนหมิงซุ่นรับเงินมาแล้วพูดเรียบๆ ประโยคก้ำกึ่งแบบนี้ทำให้เหยียนโฮ่วเต๋อร้อนใจเป็นอย่างมาก!
แต่เดิมเขาคิดจะออกไปใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาเหมยเหมยว่าหลังจากนี้เธออย่าโทรมาบ่อย จะได้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาของเหยียนโฮ่วเต๋อ แต่โทรศัพท์กลับแผดเสียงดังกะทันหัน
เหยียนหมิงซุ่นชิงรับสายก่อนจะถึงมือเหยียนโฮ่วเต๋อ เหมยเหมยโทรมาจริงๆ ด้วย
…………………
ตอนที่ 580 เตรียมไปทานข้าว
เหยียนหมิงซุ่นคุยกับเหมยเหมยตามปกติแต่เอามือมาป้องหูโทรศัพท์เพื่อไม่ให้เหยียนโฮ่วเต๋อได้ยินเสียงจากสาย
“พี่หมิงซุ่น พรุ่งนี้ตอนค่ำมาทานข้าวบ้านฉันนะ ตอนพี่มาก็โทรมาก่อน ฉันจะไปรับพี่ที่หน้าประตูนะ!” เหมยเหมยพูดเสียงระรื่นใจ
“ได้ ฉันไปแน่ๆ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดมากไปกว่านี้ก่อนจะวางสายไป กลับมานั่งทานข้าวเหมือนเดิม
“หมิงซุ่น ใครโทรมา? ใช่คุณหนูตระกูลจ้าวมั้ย?” เหยียนโฮ่วเต๋อเหมือนสัตว์ป่าที่คอยจ้องเหยื่อ ได้ยินเสียงจากสายเลือนลางฟังดูคล้ายจะเป็นเสียงของผู้หญิง
“เปล่า แค่เพื่อนมาถามผมว่าจะไปทัศนศึกษาประจำฤดูใบไม้ผลิด้วยมั้ย” เหยียนหมิงซุ่นตอบเสียงเรียบ
เหยียนโฮ่วเต๋อเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มองเหยียนหมิงซุ่นอยู่นานหลายสิบวินาทีแต่กลับไม่พบสิ่งแปลกปลอมเลยคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องทัศนศึกษาประจำฤดูใบไม้ผลิจริงๆ ลอบถอนหายใจอย่างผิดหวังไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นเหยียดยิ้มมุมปากสูงมองเหยียนโฮ่วเต๋ออย่างค่อนแคะ ผู้ชายธรรมดาที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่ง รู้สึกอับอายเพราะมีพ่อแบบนี้จริงๆ!
เหยียนหมิงต๋าที่ช่วงนี้ซึมลงไปอย่างมากอยู่ๆ ก็พูดขึ้น “พ่อ พ่อให้เงินผมบ้างสิ เงินผมไม่พอใช้แล้ว!”
“แม่ของลูกเพิ่งให้เงินค่าขนมลูกไม่ใช่เหรอ? ไปไหนหมดแล้วล่ะ?” เหยียนโฮ่วเต๋อถามเสียงเข้ม
สายตาของเหยียนหมิงต๋าฉายแววลุกลน แสร้งตอบอย่างใจเย็น “เพิ่งเปิดเทอมต้องซื้ออุปกรณ์การเรียนเยอะ แล้วยังต้องซื้อหนังสืออีก เงินที่แม่ให้ไม่พอใช้เลย”
แม้เหยียนโฮ่วเต๋อจะทำงานอยู่สำนักงานศึกษาธิการแต่เขาไม่ได้ลงมาศึกษางานระดับล่างตั้งหลายปีแล้วจะไปรู้สถานการณ์ที่โรงเรียนที่ไหนกัน หลงคิดว่าลูกชายคนเล็กเอาเงินไปซื้ออุปกรณ์การเรียนกับหนังสือจริงๆ
“ก็ได้ ให้เงินอีกห้าหยวนนะ ไม่รู้จริงๆ ว่าโรงเรียนพวกลูกนี่มันยังไงถึงต้องซื้อหนังสือมากมายขนาดนี้ ตอนนี้บางโรงเรียนก็เหมือนกัน บอกกี่ครั้งแล้วว่าต้องลดภาระให้นักเรียน แต่ละคนยังทำเป็นหูทวนลมอีก”
เหยียนโฮ่วเต๋อบ่นอุบอย่างไม่พอใจแต่ก็หยิบเงินห้าหยวนออกมา หัวใจหลั่งเลือดอีกครั้ง
“วันหลังขอเงินค่าขนมแม่ให้เยอะกว่านี้นะ” เหยียนโฮ่วเต๋อพูดสั่ง
ล้วงอีกไม่กี่ทีคลังเงินเก็บของเขาก็จะหมดแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นมองเหยียนหมิงต๋าอย่างสงสัย เหยียนโฮ่วเต๋อไม่รู้แต่เขารู้ ถานซูฟางให้เงินเหยียนหมิงต๋ามากกว่าห้าหยวนทุกครั้งหรือบางทีให้ถึงสิบหยวน เพิ่งเปิดเทอมไม่กี่วันก็ใช้เงินหมดไปได้อย่างไร?
เหยียนหมิงต๋ารับเงินมาอย่างดีใจ เขากล้าขอถานซูฟางที่ไหนกันล่ะ ยังไม่พ้นหนึ่งสัปดาห์ดีก็ใช้เงินหมดไปสิบหยวนแล้ว แม่ของเขาไม่สงสัยสิถึงจะแปลก
ตกดึกเหยียนหมิงซุ่นไปห้องน้องชายโดยเฉพาะ เหยียนหมิงต๋ากำลังนั่งทำการบ้านซึ่งเหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่ถามเขา แค่เปิดกล่องดินสอของเขา ปากกาด้ามเก่า ดินสอเหลือเพียงครึ่งท่อน ไม่เห็นไม้บรรทัดกับไม้บรรทัดสามเหลี่ยมด้วยซ้ำ
กล่องดินสอเก่าๆ แบบนี้จะเพิ่งซื้อได้อย่างไร?
ทั้งที่เป็นของเหลือใช้จากเทอมก่อน แล้วเงินของเหยียนหมิงต๋าใช้เงินหมดไปกับอะไรกันแน่?
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ไล่ถามต่อแค่เดินออกไปเงียบๆ คิดว่าวันหลังค่อยหาโอกาสเดินตามเขา ดูว่าเขากำลังทำอะไร!
หลังเลิกเรียนอีกวันเหยียนหมิงซุ่นเตรียมไปเลือกภาพวาดของปาต้าซานเหรินในคลังของเขาแล้วไปซื้อผลไม้ที่ร้านขายผลไม้สักหน่อย แต่ขาเพิ่งก้าวออกจากประตูโรงเรียนมัธยมอี้จงไม่ทันไร ก็ถูกเหมยซูหานขวางไว้
“หมิงซุ่น บ้านคุณครูอู่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมครูประจำชั้นห้องเราถึงเปลี่ยนคน? ไม่เห็นคุณครูอู่มาสอนด้วย บ้านของครูก็มีครอบครัวอื่นมาอยู่ นายรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เหมยซูหานถามคำถามมาเป็นพรวนอย่างร้อนใจ เขาหาคนที่จะให้คำตอบไม่ได้เลยต้องมาหาเหยียนหมิงซุ่น
………………….
ตอนที่ 581 ดั่งคนในภาพวาด
ความจริงเหมยซูหานอยากถามว่าเหมยเหมยไปไหนเสียมากกว่า?
ตลอดช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เหมยซูหานกำลังวุ่นกับธุรกิจตัวเอง เขาไม่ได้ไปเก็บขยะขายอีกแต่ไปซื้อกลอนคู่ติดประตูกับตัวอักษรฝูหรือภาพวาดปีใหม่รวมถึงของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เป็นมงคลต่างๆ จำนวนมาก เขาปั่นจักรยานไปเร่ขายที่หมู่บ้านชนบทละแวกนี้ แม้จะได้กำไรน้อยแต่ก็ยังขายดิบขายดีจนได้ปริมาณมาก หนึ่งวันขายได้นับร้อยชิ้น ได้กำไรสี่สิบห้าสิบหยวนสบายๆ
ธุรกิจค้าขายนี้เขาทำถึงก่อนวันปีใหม่ซึ่งทำให้ได้กำไรมาหลายร้อยหยวน วันปีใหม่เหมยซูหานได้ซื้อของขวัญชิ้นโตไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านตระกูลอู่รวมถึงของขวัญสำหรับเหมยเหมย…เป็นกิ๊บติดผมคริสตัลประดับขนาดกะทัดรัด เขาซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งของเมืองจิน เห็นว่าเป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ กิ๊บติดผมชิ้นเดียวราคาห้าหยวนกว่า
แต่เมื่อเขาไปถึงบ้านตระกูลอู่กลับว่างเปล่า เตาทำกับข้าวก็ไม่มีกลิ่นควันโขมง เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนอยู่มาหลายวันแล้ว ถามเพื่อนบ้านไม่มีใครยอมบอกแถมยังทำหน้าแปลกประหลาด
หลังจากนั้นเขาไปอีกหลายครั้งก็ยังไม่เห็นใคร กระทั่งหลายวันก่อนเปิดเทอมก็มีคนเข้ามาอยู่ แต่กลับเป็นคุณครูอีกท่านของโรงเรียน บอกว่าห้องนั้นทางโรงเรียนได้มอบให้เขาแล้ว
หลังจากนั้นก็คือตอนเปิดเทอมครูประจำชั้นถูกเปลี่ยน ครอบครัวอู่เจิ้งซือหายไปอย่างไร้ร่องรอยจากรั้วโรงเรียนมัธยมอี้จง
เหมยซูหานใช่ว่าจะไม่รู้ข่าวสักนิด เรื่องของตระกูลอู่ใหญ่โตขนาดนั้นแค่สอบถามนิดหน่อยก็รู้ แต่เหมยซูหานยังไม่ยอมเชื่อ
อู่เจิ้งซือเป็นคนที่เขาให้ความเคารพนับถือมากที่สุดในชีวิต เขาจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างขโมยลูกคนอื่นได้อย่างไร?
ระหว่างนี้ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ เขาไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าอู่เจิ้งซือเป็นคนแบบนี้ ไม่เชื่อเด็ดขาด!
เขายิ่งไม่มีวันเชื่อว่าเหมยเหมยเป็นลูกของบ้านอื่น แบบนี้แล้วเขาจะไปหาเหมยเหมยจากที่ไหนล่ะ?
เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยซูหานที่ทำหน้าร้อนใจก็ขมวดคิ้ว ไม่ชอบใจจริงๆ ที่เจ้าหมอนี่คิดไม่ซื่อต่อเหมยเหมย แต่เขาก็พูดไปตามความจริง
“ฉันไม่เชื่อว่านายไม่รู้ข่าวลือข้างนอก ก็ตามนั้นเลย เหมยเหมยเป็นลูกบ้านอื่น อู่เจิ้งซือแอบขโมยมาแต่กลับไม่ทำดีกับเหมยเหมย ทั้งยังให้เหอปี้อวิ๋นทารุณเธอ ตอนนี้พ่อแม่แท้ๆ ของเหมยเหมยมาหาถึงบ้าน พาเหมยเหมยกลับไปที่บ้านตัวเองแล้ว”
หลังจากที่รู้ว่าอู่เจิ้งซือได้ทำเรื่องไร้ศีลธรรมเช่นนี้เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ยอมเรียกเขาว่าคุณครูอู่อีกต่อไป
คนชั่วร้ายไร้คุณธรรมที่ขโมยลูกคนอื่นไม่คู่ควรกับคำเรียกว่าคุณครู!
เหมยซูหานตะลึง เหมือนโดนเอาหินทุบหน้าอกอย่างแรงและตอบกลับทันควันโดยไม่รู้ตัว “เป็นไปได้ยังไง? ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้”
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ยังไงความจริงของเรื่องก็เป็นแบบนี้”
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลากับเหมยซูหาน เขาต้องรีบไปบ้านตระกูลจ้าวไม่อย่างนั้นเหมยเหมยคงรอจนร้อนใจ
เหมยซูหานรีบดึงเบาะหลังจักรยานของเหยียนหมิงซุ่นไว้ก่อนจะไล่ถาม “เหมยเหมยตอนนี้อยู่ไหน?”
“ไม่รู้!”
เหยียนหมิงซุ่นปั่นจักรยานขับออกไปไกล เขาไม่ได้ใจดีขนาดบอกให้เหมยซูหานรู้ เผื่อเจ้าหมอนี่ตามรังควานเหมยเหมยทุกวัน แค่เห็นก็รำคาญจะแย่!
เหมยซูหานยืนค้างอยู่กับที่นานด้วยสีหน้าถมึงทึง เขาไม่เชื่อที่เหยียนหมิงซุ่นบอก อีกฝ่ายต้องรู้แน่ๆ ว่าเหมยเหมยอยู่ไหนแค่จงใจไม่บอกเขาเท่านั้น!
ให้ตายสิ!
ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นที่เตรียมของขวัญไว้ก็ปั่นจักรยานมาถึงชุมชนเขตเทศบาล เห็นเด็กสาวใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาสีแดงแต่ไกลยืนชะเง้อมองอยู่หน้าประตูบานใหญ่ จู่ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นใจ
ความรู้สึกที่มีคนคอยรออยู่มันดีจริงๆ!
เสียงกริ่งดังขึ้น เท้าของเด็กหนุ่มแตะพื้นก้มมองเด็กสาวที่ใบหน้าดั่งคนในภาพวาด ลุงยามหน้าประตูมองภาพตรงประตูอย่างเรียบเฉยก่อนจะขยี้ตา หยิบแว่นตาหนาเตอะมาใส่ถึงมองเห็นได้ชัดขึ้น
“โอ้โห! เด็กสองคนนี้ลูกบ้านใครกัน หน้าตาดีจริงๆ!”
……………….
ตอนที่ 582 คู่สร้างคู่สม
เหมยเหมยพาเหยียนหมิงซุ่นไปลงบันทึกที่ลุงยาม เธอเขียนชื่อจ้าวอิงหัวลงในสมุด ลุงยามเฝ้าประตูใจเต้นตึกตัก โอ้พระเจ้า! ลูกสาวท่านรองนายกเทศมนตรีหน้าตางดงามจริงๆ!
“คุณลุงคะ เขาคือเพื่อนหนู วันหลังคงมาเที่ยวหาที่บ้านหนูอีกบ่อยๆ ค่ะ”
เหมยเหมยจงใจพูดแบบนี้ ยามประตูชุมชมเขตเทศบาลแม้จะไม่ได้เข้มงวดเท่ากับบ้านท่านผู้เฒ่าจ้าวแต่ก็ยังเข้มงวดไม่น้อย ใครเข้าใครออกต้องมีการลงบันทึกซักถามประวัติ เธอบอกลุงยามไว้ล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องให้เธอออกมารับทุกครั้งไป
ลุงยามหน้าประตูมองคู่ชายหญิงตรงหน้าตาหยีแล้วเผยสีหน้าเป็นเชิงเข้าใจ คนวัยอย่างเขาก็เคยผ่านช่วงวัยนั้นมาก่อน ต้องรู้อยู่แล้ว!
“รู้แล้ว หลังจากนี้เดี๋ยวจะปล่อยเข้าไปเลย พ่อหนุ่มมาลงบันทึกหน่อย!”
ลุงยามเห็นเด็กน้อยหน้าตาดีก็ชอบใจใหญ่ก่อนจะตอบตกลงอย่างไม่ชักช้า เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบอกขอบคุณถึงพาเหมยเหมยปั่นจักรยานเข้าไปในเขตชุมชน
“พี่หมิงซุ่น บ้านหลังสีแดงนั่นคือบ้านฉันเอง แม่ของฉันทำกับข้าวเสร็จแล้ว เราเข้าไปก็ทานได้เลย” เหมยเหมยชี้ทางอย่างดีใจ ปากน้อยๆ พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดเหมือนนกกระจอก
มุมปากของเหยียนหมิงซุ่นเหยียดสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาที่ชื่นชอบความเงียบสงบมาโดยตลอดกลับไม่รู้สึกว่านกกระจอกตัวน้อยด้านหลังเสียงดังสักนิด เสียงเจื้อยแจ้วนั่นน่าฟังเสียจริง!
เหยียนซินหย่ากับจ้าวอิงหัวยกจานอาหารหอมฉุยจากห้องครัว วันนี้แม่ครัวหลักคือซินหย่า จ้าวอิงหัวเห็นใจภรรยาเลยรับผิดชอบหน้าที่ล้างผักหั่นผักทั้งหมด สองสามีภรรยาวุ่นวายอยู่ชั่วโมงกว่าถึงได้กับข้าวเต็มโต๊ะ
“น้องสาวของลูกล่ะ? เธอวิ่งไปไหนแล้ว?”
จ้าวอิงหัวจัดโต๊ะเสร็จก็พบว่าลูกสาวหายไป ทั้งที่เมื่อกี้ยังแอบขโมยเนื้อซี่โครงในครัวทานอยู่เลย!
จ้าวเสวียหลินที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่ตอบกลับเสียงฉุน “เหมยเหมยออกไปรับเหยียนหมิงซุ่น พ่อครับ พ่อต้องสอนเหมยเหมยให้ดีนะ เหยียนหมิงซุ่นอะไรนั่นแค่ผมดูก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีอะไร เหมยเหมยถูกมันหลอกจนหัวปักหัวปำ ทำดีกับหมอนั่นมากกว่าผมอีก พ่อ เราจะปล่อยให้เหมยเหมยหลงผิดแบบนี้ไม่ได้นะครับ ต้องดึงเธอขึ้นมาจากโคลนตม!”
ยิ่งพูดจ้าวเสวียหลินยิ่งจริงจัง กำหมัดแน่น ท่าทางกัดฟันกรอดนั่นคล้ายมีเรื่องให้แค้นเคืองกับเหยียนหมิงซุ่นนักหนา
จ้าวอิงหัวมุ่นคิ้วน้อยๆ ลูกสาวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหยียนหมิงซุ่นดีไปหน่อยก็จริงซึ่งแน่นอนว่าเขาเองก็เข้าใจได้ ขณะที่ลูกสาวกำลังลำบากมีเพียงเหยียนหมิงซุ่นที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่เธอ
เพิ่มดอกไม้บนลายผ้าทอเป็นเรื่องง่าย แต่ส่งถ่านกลางหิมะกลับยาก!
ช่วงลำบากถึงพบมิตรแท้ เหมยเหมยพึ่งพาเหยียนหมิงซุ่นทุกทีไปก็เป็นเรื่องปกติที่เขาเข้าใจได้ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกหวงแปลกๆ?
“อืม เสวียหลินพูดมีเหตุผล ลูกสาวเราต้องรู้จักระวังตัวหน่อย ค่ำๆ ไว้พ่อจะคุยกับเหมยเหมย”
จ้าวอิงหัวอดพยักหน้าไม่ได้แสดงจุดยืนฝั่งเดียวกับลูกชาย ต่อต้านคนภายนอกร่วมกัน
เหยียนซินหย่าตำหนิ “แต่ฉันว่าหมิงซุ่นดีมากเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเหมยเหมยจะกลับบ้านไวขนาดนี้เหรอ? พวกคุณไม่รู้จักขอบคุณ เดี๋ยวหมิงซุ่นจะมาแล้ว ห้ามสะบัดสีหน้าใส่เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคอยดูแล้วกันว่าฉันจะจัดการพวกคุณยังไง!”
“รับทราบ!”
สองพ่อลูกจ้าวอิงหัวตอบรับเสียงแปลกๆ ทำเอาเหยียนซินหย่าหลุดหัวเราะพลางถลึงตาใส่พวกเขาเป็นการเตือน
“พ่อคะ แม่คะ หนูพาพี่หมิงซุ่นกลับมาแล้ว กับข้าวเสร็จหรือยังคะ?”
เสียงใสของเหมยเหมยดังขึ้นที่นอกประตูทำให้สองพ่อลูกจ้าวอิงหัวเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ยิ้มกว้างเสียจนเหยียนซินหย่าอดมองตามไม่ได้
ไม่นานเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู แสงอาทิตย์ยามโพล้เพล้สะท้อนเป็นฉากหลังงดงามเหมือนเดินออกมาจากภาพวาด ต่อให้สองพ่อลูกจ้าวอิงหัวจะไม่พอใจขนาดไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกสาว (น้องสาว)ของตัวเองกับเหยียนหมิงซุ่นช่างเหมาะสมดั่งคู่สร้างคู่สมกันจริงๆ!
ไม่มีความยุติธรรมเลย!
……………….
ตอนที่ 583 ไอ้เจ้าเล่ห์ปากหวาน
เหยียนหมิงซุ่นทักทายอย่างมีมารยาทพร้อมทั้งส่งของขวัญที่เขาเอาติดมือมาด้วย กล้วยสีเหลืองหวีหนึ่งกับแอปเปิ้ลผลแดงถุงหนึ่งล้วนไม่ใช่ของราคาถูก หากเป็นครอบครัวทั่วไปซื้อมาทานก็คงไม่ไหว
เหยียนซินหย่ากล่าว “เด็กนี่จริงๆ เลย มาทานข้าวแล้วเอาของมาทำไมอีกล่ะ ของพวกนี้คงเสียเงินไม่น้อยสินะ เดี๋ยวเธอเอากลับไปทานเองนะ”
เหมยเหมยแกล้งพูดยิ้มๆ “แม่คะ พี่หมิงซุ่นเขามีเงิน หนูอยากทานกล้วยพอดีเลย!”
“ลูกน่ะไม่รู้มารยาทเลย รีบไปชงชามาให้พี่หมิงซุ่นของลูกเร็ว”
เหยียนซินหย่าเคาะศีรษะเหมยเหมยเบาๆ ทีหนึ่งพลางต้อนรับเหยียนหมิงซุ่นอย่างอบอุ่น “รีบเข้ามาทานข้าวสิ นี่เป็นกับข้าวบ้านๆ แต่หมิงซุ่นก็ทานไปก่อนนะ!”
“ไม่หรอกครับ น้าเหยียนถ่อมตัวเกินไปแล้ว แค่ได้กลิ่นหอมก็รู้แล้วว่าฝีมือทำกับข้าวของน้าเหยียนต้องอร่อยมากแน่ๆ”
เหยียนหมิงซุ่นยกยอปอปั้นด้วยใบหน้าจริงจัง เอาอกเอาใจเหยียนซินหย่าเสียจนยิ้มหน้าบาน ยิ่งมองก็ยิ่งชอบใจเหยียนหมิงซุ่น ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้!
จ้าวเสวียหลินกระซิบข้างพ่อตัวเอง “พ่อดูสิ ผมบอกแล้วว่าหมอนี่ไม่ใช่คนดีอะไร อ้าปากทีก็พูดประจบประแจง เดี๋ยวแม่ผมต้องเสร็จหมอนี่แน่ๆ!”
“ไปๆๆ พูดอะไรอย่างนี้!”
จ้าวอิงหัวโกรธจนตบลูกชายไปเสียฉาดใหญ่ รู้สึกไม่สบายใจสักนิด ภรรยาเป็นของเขา ลูกสาวก็เป็นของเขา ใครก็อย่าหวังมาแย่งไปจากเขา!
เหยียนหมิงซุ่นหยิบภาพวาดที่ห่อมาอย่างดีออกมายื่นให้เหยียนซินหย่า “รูปนี้ผมได้มันมาโดยบังเอิญ เก็บไว้ที่ผมก็เป็นแค่ของดีที่เสียของ คิดไปคิดมา หากได้อยู่กับน้าเหยียนถึงจะเป็นที่ของมัน”
เหยียนซินหย่าเปิดภาพวาดอย่างฉงนใจ แต่เห็นลายเซ็นคนวาดใจเธอก็เริ่มเต้นตึกตัก ทำหน้าจริงจังก่อนจะกางรูปออกพลางชมภาพอย่างละเอียด ยิ่งดูตาเธอยิ่งวาวด้วยความดีใจปนตกใจ
“นี่มันลายเส้นจริงๆ ของปาต้าซานเหริน!”
เหยียนซินหย่ามั่นใจอย่างมากเพราะเธอคอยดูงานศิลปะจากศิลปินที่หลากหลายตามคุณพ่อมาตั้งแต่เด็ก ย่อมดูออกว่าอันไหนของจริงหรือของปลอม โดยเฉพาะภาพวาดของปาต้าซานเหรินเพราะอาจารย์เหยียนชื่นชอบศิลปินมากความสามารถคนนี้อย่างมาก สไตล์การวาดรูปก็ได้รับอิทธิพลจากปาต้าซานเหริน ที่บ้านก็เก็บสะสมภาพวาดของปาต้าซานเหรินไว้ไม่น้อย เพราะผ่านหูผ่านตามาแต่เด็กแค่ลองจับดูเหยียนซินหย่าก็รู้ทันทีว่าจริงหรือปลอม
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าว “น้าเหยียนตาดีจังนะครับ เป็นลายเส้นจริงๆ ของปาต้าซานเหริน ผมเคยให้คนพิสูจน์มาแล้ว ไม่มีผิดแน่นอน!”
แม้เหยียนซินหย่าชื่นชอบภาพวาดนี้มากแต่เธอรู้ว่าภาพวาดนี้มีค่ามากเกินไป เธอไม่อาจรับของขวัญล้ำค่านี้ของเด็กไว้ได้ อีกอย่างเธอคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นเอาของสะสมของผู้ใหญ่ที่บ้านมาให้เป็นของขวัญแทน
ถ้าเป็นเช่นนี้เธอยิ่งรับไว้ไม่ได้!
“น้าขอรับน้ำใจของหมิงซุ่นไว้นะ แต่รูปนี้เธอเอากลับไปเถอะ เก็บให้ดี วันหน้าสืบทอดเป็นสมบัติประจำตระกูลไว้ให้ลูกหลานได้” เหยียนซินหย่าพูดอย่างจริงใจ
เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความหมายของเธอและรีบแก้ว่าเป็นของสะสมของตน ที่บ้านไม่มีใครรู้ว่าเขามีภาพนี้ อธิบายอยู่พักหนึ่งอีกทั้งได้เหมยเหมยช่วยพูดเหยียนซินหย่าถึงได้ยอมรับไว้ เก็บภาพวาดนี้อย่างระมัดระวัง
หลังมื้ออาหารจ้าวอิงหัวก็เอาโสมออกมา สมกับเป็นโสมร้อยปีที่ขนาดใหญ่และรูปทรงคล้ายคนมากจริงๆ สมกับเป็นของวิเศษที่ซึมซับส่วนดีๆ ของฟ้าและพื้นดิน
“ขอบคุณครับลุงจ้าว ผมขอรับไว้แบบหน้าด้านๆ เลยแล้วกัน คุณหมอกู้บอกว่าไม่ต้องใช้ทั้งอัน แค่ครึ่งอันก็พอ รอคุณหมอกู้ผสมยาเสร็จอีกครึ่งอันผมจะเอามาคืนนะครับ”
แม้เหยียนหมิงซุ่นรู้จักโสมมานานแล้ว แต่ในมือที่เป็นถึงโสมร้อยปีอย่างแท้จริงก็ทำให้เขาตื่นเต้นมากได้ เขารู้สึกขอบคุณตระกูลจ้าวจากใจจริง โค้งตัวขอบคุณสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวไม่หยุด
……………….
ตอนที่ 584 ต้องแยกแยะชัดเจน
จ้าวอิงหัวย่อมไม่มีทางรับโสมครึ่งเดียวนั่นคืน แม้โสมร้อยปีจะหายากแต่ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไรสำหรับครอบครัวอย่างพวกเขา หากต้องการตามหาก็พอจะหาได้
แม้จะไม่ได้หาง่ายขนาดนั้นก็ตาม ในเมื่อโสมร้อยปีในตอนนี้นับวันน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าต้องการโสมดีๆ คงต้องไปหาตามป่าลึกที่แท้จริง ซึ่งเต็มไปด้วยความอันตราย นานทีปีหนถึงจะเจอสักอัน
โสมร้อยปีนี้เดิมทีท่านผู้เฒ่าจ้าวตามหามาเพื่อให้ภรรยาได้บำรุงร่ายกาย ได้ยินเรื่องคุณยายของเหยียนหมิงซุ่นจากจ้าวอิงหนานจึงตัดสินใจเอาให้เหยียนหมิงซุ่น ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ได้รีบร้อนจะใช้ อนาคตยังมีโอกาสหาใหม่
ความหมายของท่านผู้เฒ่าคือเหยียนหมิงซุ่นมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อตระกูลจ้าว โสมร้อยปีแค่เรื่องเล็กน้อย แค้นไม่ชำระได้แต่บุญคุณต้องรู้จักตอบแทน!
“ในเมื่อให้หมิงซุ่นไปแล้วก็เป็นของเธอแล้ว ให้เธอจัดการเองแล้วกัน”
จ้าวอิงหัวปฏิเสธรับโสมครึ่งเดียวคืนแบบอ้อมๆ เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งคิดได้ก็แอบขำตัวเองว่าเจ้าซื่อบื้อ คนอย่างตระกูลจ้าวจะรับของขวัญที่ส่งมอบออกไปกลับคืนมาได้อย่างไร?
เขาเองที่รู้น้อยเกินไป!
“ขอบคุณลุงจ้าวน้าเหยียนนะครับ บุญคุณนี้ผมจะจำเอาไว้ หวังว่าอนาคตผมจะมีโอกาสได้ตอบแทน!” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างจริงจัง
จ้าวอิงหัวพูดกลั้วหัวเราะ “หมิงซุ่น เธอก็พูดเกินไป เธอมีบุญคุณกับเราก่อน เทียบกับเหมยเหมย โสมอันเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”
เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรอกครับ เหมยเหมยคือเพื่อนของผม ทำเพื่อเพื่อนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่บุญคุณอะไร และจะหวังผลตอบแทนไม่ได้ คนละเรื่องกับโสม”
เขาไม่อยากเอาโสมร้อยปีไปเกี่ยวพันกับเหมยเหมย!
สิ่งที่เขาทำเพื่อยายหนูนั้นมาจากใจ จะเอาไปโยงกับสิ่งของได้อย่างไร? ไม่ได้เด็ดขาด!
หากจ้าวอิงหัวยืนยันจะใช้โสมเป็นของขวัญตอบแทนเขา เขายอมไม่เอาโสมนี้ดีกว่า
หากไม่ได้จริงๆ เขาจะไปหาตามเขาไป๋ซานด้วยตัวเอง อย่างไรก็คงหาได้!
จ้าวอิงหัวชะงัก ไม่นานก็เข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่น จึงทั้งรู้สึกชื่นชมและหนักใจกับเด็กหนุ่มคนนี้!
แยกแยะชัดเจนขนาดนี้ก็กำลังสื่อว่าตนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหมยเหมยไม่ใช่หรืออย่างไร!
หมอนี่เจ้าเล่ห์นัก เอาโสมของเขาไปแล้วยังจับจ้องลูกสาวของเขาอีก!
“มันก็เรื่องเดียวกันไม่ใช่หรือไง ไม่เห็นต้องแยกแยะขนาดนั้นเลย มาๆๆ ทานข้าวกันเถอะ ถ้าไม่ทานตอนนี้เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมดแล้วนะ!”
จ้าวอิงหัวหัวเราะเสียงดังรีบบอกให้ทุกคนทานข้าว
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ เขารู้สึกว่าหากรอบนี้เขาไม่แสดงจุดยืนให้ถึงสุดท้าย อนาคตต้องมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแน่ๆ เขาพูดไม่ได้ว่าเรื่องเลวร้ายอะไรแต่เขารู้สึกว่าแบบนี้ไม่ดีเลย
“ลุงจ้าวพูดไม่ถูก นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ต้องแยกแยะให้ชัดเจน เหมยเหมยคือเหมยเหมย โสมคือโสม เอามาปะปนกันไม่ได้ ผมช่วยเหมยเหมยเป็นเรื่องระหว่างผมกับเหมยเหมย ผมรับโสมของลุงจ้าวไว้เท่ากับว่าผมติดหนี้บุญคุณลุงจ้าว อนาคตผมจะตอบแทนให้มากกว่านี้!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิมพร้อมทำตาใสวาว ไม่ยำเกรงต่อจ้าวอิงหัว
ต่อให้จ้าวอิงหัวไม่พอใจ เขาก็ต้องพูดมันออกมา!
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าจ้าวอิงหัวเป็นเหมือนลูกชายเขาที่ไม่ชอบที่ตนอยู่ใกล้ชิดกับเหมยเหมยเกินไป คิดอยากใช้โสมอันเดียวปัดความสัมพันธ์ของเขากับเหมยเหมย ไม่มีทาง!
จ้าวอิงหัวแสร้งทำหน้าเข้มพูดเสียงนิ่ง “เธอต้องรู้ไว้ว่าที่ให้โสมกับเธอหลักๆ เพราะต้องการขอบคุณเธอที่ช่วยครอบครัวฉันไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ โสมร้อยปีของบ้านเราที่ไม่ได้ตกจากฟ้ามา ยังไงก็ไม่มีทางให้คนอื่นง่ายๆ!”
ความหมายก็คือ แค่เด็กธรรมดาอย่างแก เหยียนหมิงซุ่นไม่มีสิทธิ์ให้ตระกูลจ้าวยอมลดตัวเสียสละโสมให้!
……………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น