หมอดูยอดอัจฉริยะ 560-561
ตอนที่ 560 เริ่มร่ายค่ายกลคาถา (3)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ยื่นปลายนิ้วมือทั้งสองข้างออกไป นิ้วหัวแม่มือยื่นออกไปด้านใต้นิ้วชี้ เยี่ยเทียนส่งพลังต้นกำเนิดทั้งหมดไปบนมุทราสิงโตนอก
มีดสั้นอู๋เหินที่กลางฝ่ามือได้รับแรงกระตุ้นจากพลังต้นกำเนิด เกิดแสงสีทองกระจายออกมา ทำให้มือทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนนั้นโปร่งใส สามารถมองเห็นกระดูก เส้นลมปราณและเนื้อได้
“โต่ว !”
ในขณะที่ทำมุทราสิงโตนอก เยี่ยเทียนร้องตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง ท่าทางอันทรงพลังเปลี่ยนแปลงไปทั่วร่างทันที
เยี่ยเทียนเมื่อครู่นิ่งไม่ไหวติงราวกับภูเขาสูงใหญ่ หลังจากตะโกนคาถาอักษรโต่ว เสื้อขาวปลิวขึ้นทั่วร่างของเยี่ยเทียน เส้นผมตั้งชัน พลังจิตสังหารท่วมท้นร่างของเขา
จากการปลุกเสกเบิกเนตรที่มีดสั้นอู๋เหิน เยี่ยเทียนที่ยืนอยู่ใต้เสาฮวงจุ้ยราวกับพระพุทธรูปปางมารวิชัย พลังแห่งแสงสีทองนั่นเหมือนกับจะสามารถฉีกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ให้เป็นชิ้นๆ
ในขณะเดียวกัน ดาวไถเก้าดวงที่ต้องหลบซ่อนสุดขอบฟ้าก็ระเบิดแสงโชติช่วงแสบตาแสงหนึ่งในทันใด เหมือนพลังของดาวทั้งเก้าถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นคู่หนึ่งลากตรงไปทางเยี่ยเทียนซึ่งอยู่ใต้เสาฮวงจุ้ย
จุดแสงดวงดาวราวกับดินแดนเทพนิยายห้อมล้อมเยี่ยเทียนเอาไว้ ล้นเอ่อเข้าไปในร่างกายของเขาไม่หยุด ทำให้พลังจิตสังหารบนตัวเยี่ยเทียนยิ่งรุนแรงขึ้น
ราวกับว่าต้นไม้ในแปลงดอกไม้ที่ห่างจากร่างกายของเขาไปสิบกว่าเมตร ทนรับพลังจิตสังหารนี้ไม่ไหวกลายเป็นแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิต
“พรุ!”
ต่อให้การฝึกตนของเยี่ยเทียนจะเข้าขั้นสูงสุด แต่ก็ยากที่จะต้านทานการเบิกเนตรของพลังฟ้าดินดวงดาวแบบนี้ เลือดสดพุ่งออกมาจากปาก ย้อมเสื้อตรงแผ่นหน้าอกของเขาให้เป็นสีแดง
แต่เลือดสดที่พุ่งออกมาไม่ทำให้พลังจิตสังหารที่อยู่บนตัวเยี่ยเทียนน้อยลงไปแต่กลับเพิ่มขึ้น พลังจิตสังหารซึ่งใกล้ชิดเนื้อแท้ผสานกันเป็นกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่งอยู่เหนือศีรษะเยี่ยเทียน
“ธาตุทั้งห้าบนฟ้าขัดขวางกันและกัน ดวงดาวเคลื่อนย้าย ธาตุทั้งห้าบนดินขัดขวางกันและกัน มังกรและงูโผบิน!”
เยี่ยเทียนท่อง “คัมภีร์หวงตี้ยินฝู” เสียงเบา ดวงตาจ้องเขม็ง ราวกับว่ามีแสงไฟสองเส้นสาดไปทางทะเล ปากร้องตะโกนเสียงดังว่า “ธาตุทั้งห้าในกายขัดขวางกันและกัน ฟ้าถล่มดินทลาย!”
จากเสียงตะโกนนี้ของเยี่ยเทียน คาดไม่ถึงว่ากระบี่แหลมคมเล่มนั้นที่ก่อตัวจากความกระหายสงครามซึ่งอยู่บนศีรษะของเขาจะฟันทำลายความว่างเปล่า บินขึ้นไปยังขอบฟ้าเหนือทะเลใหญ่
ในจังหวะที่เยี่ยเทียนตะโกนนั้น ดาวไถกลับสู่ความมืดมิดอย่างเป็นทางการ ไท่ไป๋จินซิงตกลงมา ฟากฟ้าเรืองรองแสงอาทิตย์สาดส่อง เข็มนาฬิกาบนหอนาฬิกากลางฮ่องกงบอกเวลาตีห้าตรง ยามเช้ามาถึงแล้ว
“ศิษย์…ศิษย์น้องเขา…เขาต้องการจะทำอะไรน่ะ”
จั่วเจียจวิ้นรู้สึกถึงพลังจิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างของเยี่ยเทียนกระทั่งพูดจาตะกุกตะกัก เยี่ยเทียนอยากใช้พลังของตัวเองมาทัดทานอำนาจสวรรค์เชียวหรือ?
“ความสามารถด้านวรรณกรรมยอดเยี่ยม กล้าหาญชาญชัย กำลังแกร่งกล้า!!!”
ใบหน้าโก่วซินเจียปรากฏความตื่นตกใจ เขาเดาเจตนาของเยี่ยเทียนออก กำมือขวาแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน พูดตัวหนังสือสามคำติดต่อกัน เห็นได้ชัดว่าในใจยังคงตกตะลึง
การกระทำครั้งนี้ของเยี่ยเทียนกลับต้องการใช้พลังที่เกิดจากแสงแรกของดวงอาทิตย์มากระตุ้นค่ายกลซานฉายที่อยู่ใต้เท้าของเขา เพียงแต่วิธีแบบนี้รุนแรงเกินไป ก่อนหน้านี้โก่วซินเจียไม่กล้าแม้แต่จะคิด!
ไม่ต้องพูดถึงความตกใจของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้น เพราะด้านล่างภูเขาเกิดเรื่องไม่คาดฝันอีกแล้ว
เมื่อแสงแดดกำลังจะโผล่จากขอบฟ้า คาดไม่ถึงว่ามีดสั้นอู๋เหินของเยี่ยเทียนที่มีพลังดาวไถทั้วเก้าแฝงอยู่ ทำให้แสงแรกของวันใหม่ดับมืดลงไป
พละกำลังของเยี่ยเทียนแข็งแกร่งเช่นนี้ แต่แสงดาวที่เขาหยิบยืมไม่มีทางจะกดดวงอาทิตย์ที่ถูกขนานนามว่าเป็นมารดาของสรรพสิ่งได้
ในเวลาศูนย์จุดศูนย์ไม่กี่วินาที ขอบฟ้าก็สว่างขึ้นทันใด เส้นแสงนับหมื่นเส้นปรากฏขึ้นที่สุดขอบทะเลใหญ่ ทำลายพันธนาการแห่งความมืดมิด พลังจิตสังหารที่เยี่ยเทียนปล่อยออกมาถูกกำจัดจนไร้รูปร่าง
นับแต่โบราณพลังหยินหยางก็อยู่ตรงข้ามกัน พลังดวงดาวกับดวงอาทิตย์ก็เป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้เช่นกัน
ราวกับว่าการกระทำนี้ของเยี่ยเทียนยั่วโมโหดวงอาทิตย์ที่ปรากฏขึ้นครั้งแรก พลังจิตมงคลที่เยี่ยเทียนสูดหายใจเข้าไปนั้นต่างจากเวลาปกติ เหมือนกับว่ามันมีสติปัญญา พุ่งตรงมาทางเยี่ยเทียน
เมื่อสัมผัสถึงพลังที่เหมือนกับจะสามารถทำลายล้างฟ้าดิน ใบหน้าของเยี่ยเทียนจึงแน่วแน่ สองมือเปลี่ยนท่ามุทรา นิ้วชี้สองข้างขัดกันและงอส่วนปลายนิ้ว ใช้สองนิ้วหัวแม่มือกดปลายด้านหน้านิ้วชี้ทั้งสอง ทำท่าดีดนิ้วกลายเป็นมุทรากุณโฑสมบัติ
“เฉียน!” ในชั่วพริบตาที่พลังนั่นเข้าปกคลุมพื้นที่ร้อยกว่าเมตรนี้ เยี่ยเทียนตะโกนคาถาออกมา เหมือนกับว่าเขาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ พลังจิตมงคลมหาศาลนั่นราวกับเสียศัตรูไปกะทันหัน
“ท้องฟ้าและมนุษย์ผสาน ความเปลี่ยนแปลงหวนกลับ ค่ายกลซานฉาย จงเปิดออก!!!”
ในตอนที่พลังจิตมงคลพุ่งเข้ามาไม่ถอยกลับ เสียงของเยี่ยเทียนก็ดังขึ้นฉับพลัน
จากเสียงตะโกนของเยี่ยเทียน ค่ายกลซานฉาย สี่ปรากฏการณ์กับของขลังของค่ายกลจิ่วกงปากว้าถูกเขากระตุ้น พลังฟ้าดินที่ไร้รูปร่างไหลวนอยู่ระหว่างค่ายกลทั้งสาม ทำให้ยันต์ของค่ายกลคาถานับพันเริ่มทำงาน
เดิมทีเสาฮวงจุ้ยที่มีเพียงแสงขมุกขมัวก็เหมือนกับเกิดลำแสงนับหมื่นเส้นขึ้นกะทันหัน ค่ายกลทั้งสามเปิดพร้อมกัน พลังกลืนกินขนาดใหญ่ราวกับหลุมดำ ได้ดูดพลังจิตมงคลซึ่งกำลังตามหาเป้าหมายนั่นเข้าไป
แต่ในขณะที่พลังจิตมงคลถูกกลืนกินเข้าไปนั้น มันก็พบเยี่ยเทียนที่เพิ่งยั่วยุตัวเอง พลังจิตรุนแรงมหาศาลกระแสหนึ่งได้พุ่งเขาไปในร่างของเยี่ยเทียนในชั่วพริบตา
“เอื้อก !” เยี่ยเทียนที่เดิมทีใช้มุทราพรางตัว กลับไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้อีก
ตอนที่พลังจิตวิญญาณนั้นจู่โจม ร่างกายของเยี่ยเทียนก็เหมือนกับหุ่นฟาง ถูกโจมตีจนลอยขึ้นฟ้า กระโจนไปไกลยี่สิบกว่าเมตร
ถ้าไม่ใช่ว่าตกลงไปในแปลงดอกไม้พอดี ต่อให้เยี่ยเทียนจะหนังหนาแข็งแค่ไหน เกรงว่าร่างกายอาจถูกกระแทกจนกระดูกแตกร้าว
ร่างของเยี่ยเทียนที่ลอยอยู่กลางอากาศได้แค่มองไปบ้านบนภูเขาจากนั้นก็สลบไป ค่ายกลซานฉายเปิดแล้ว เรื่องที่เหลือคงต้องให้ศิษย์พี่โก่วซินเจียกับศิษย์พี่จั่วเจียจวิ้นแล้วล่ะ
มีพลังยิ่งใหญ่อันเป็นพลังจิตมงคลเช่นนี้ขับเคลื่อน ในที่สุดค่ายกลซานฉายก็ทำงานโดยสมบูรณ์ ค่ายทั้งสามเปิดพร้อมกัน การทำงานเป็นไปอย่างมีระบบขึ้น
หลังจากผ่านการแปรเปลี่ยนค่ายกลจิ่วกงปากว้า ค่ายกลสี่สัตว์เทพและค่ายกลซานฉาย พลังมงคลอันบริสุทธิ์เต็มที่ก็ได้เติมเต็มด้านในเสาฮวงจุ้ยทั้งเสา อีกทั้งยังคงสร้างขึ้นมาไม่หยุด
เมื่อเทียบกับพลังจิตวิญญาณเหล่านั้นที่เรือนสี่ประสานในเมืองหลวงกับพลังจิตวิญญาณ ณ ที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนหรือคุณภาพนั้นห่างไกลกันมาก อบอวลไปด้วยพลังจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งเสาฮวงจุ้ยราวกับอยู่ท่ามกลางเมฆหมอกรายล้อม
หลังจากโก่วซินเจียที่อยู่บนลานจุดชมวิวของภูเขาที่ห่างไกล ก็รู้สึกถึงพลังมงคลบริสุทธิ์ที่ไกลสิบกว่าลี้ พร้อมกับพูดตะโกนเสียงดังว่า “ศิษย์น้องจั่ว ค่ายกลซานฉายเปิดแล้ว ยังไม่รีบร่ายค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงอีก จะต้องรอถึงเมื่อไรกัน?”
เปิดค่ายกลซานฉายได้สำเร็จ เวลาของการทดสอบพวกเขาก็มาถึงแล้ว
ถ้าไม่สามารถเปิดค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง แล้วดูดเอาพลังจิตมงคลของค่ายซานฉายเข้ามา เมื่อพลังจิตวิญญาณที่ค่ายกลรับไว้ถึงขีดสุด สำหรับตรงกลางภูเขาแล้ว นั่นจะเป็นหายนะอย่างหนึ่ง
“ครับ ศิษย์พี่!”
จั่วเจียจวิ้นก็คิดไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะเปิดค่ายกลซานฉายได้เร็วขนาดนี้ พยายามข่มความตื่นเต้นในใจ จากนั้นเขาก็กระตุ้นพลังวิญญาณรอบตัว กระตุ้นของขลังเหรียญต้าฉีทงเป่าในมือขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน เข็มทิศที่อยู่ในมือของโก่วซินเจียก็ไม่กล้ารอช้า จับไว้ในมือข้าหงนึ่ง เข็มทิศที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของสำนักเสื้อป่านได้อยู่ในมือตอนนี้แล้ว
ทั้งสองใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีส่งพลังจิตวิญญาณในตัวทั้งหมดไปในของขลัง ผ่านการปลุกเสกของขลัง สะท้อนไปหาที่เยี่ยเทียนที่กำลังสร้างค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง
“กลวิชาดาวเก้าดวง เปิด!”
หลังจากพลังงานล้อมรอบค่ายกลแล้ว โก่วซินเจียจึงแผดเสียงออกมา ทันใดนั้นมีแสงเปล่งประกายออกจากดวงตาค่ายกล และค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงก็ถูกเปิดจนสำเร็จ
หลังจากเปิดค่ายกลแล้ว ตัวกลืนกินขนาดมหึมาจากคฤหาสน์หลังนั้นของเยี่ยเทียนก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ เดิมทีพลังจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมในภูเขาพลันถูกดูดเข้ามาในชั่วพริบตา ทำให้ทั่วทั้งยอดเขาวิคตอเรียเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
แต่นี่เป็นเพียงแค่นิมิตที่เกิดขึ้นเมื่อเริ่มค่ายกลเท่านั้น พลังวิญญาณที่ล้นเอ่อตรงเสาฮวงจุ้ยที่อยู่ห่างไกล ค่อยๆ ท่วมเข้าไปตรงไหล่เขา ฟื้นฟูสภาพเหมือนดังเดิม
แต่โก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นที่อยู่บนจุดชมวิวในเวลานี้กลับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เพราะการเริ่มค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงเป็นเพียงขั้นแรก ขั้นตอนที่อันตรายที่สุดนั้นอยู่ถัดไป
จากการเริ่มต้นค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง ไข่มุกมังกรในปากมังกรบนจุดชมวิวก็กระจายลำแสงสีทองแสบตาออกมาอย่างกะทันหัน ยิงตรงไปยังเสาฮวงจุ้ยที่ห่างออกไปสิบกว่าลี้
หลังจากที่แสงสีทองสัมผัสกับเสาฮวงจุ้ยก็ละลายหายเข้าไปด้านในอย่างไร้เสียง ราวกับว่าระหว่างทั้งสองอย่างนี้ได้สร้างสะพานเอาไว้
พลังวิญญาณที่เสาฮวงจุ้ยสร้างขึ้นถูกส่งผ่านไปในปากมังกรอย่างไม่ขาดสาย โดยผ่านสะพานสายนี้ อีกทั้งผ่านค่ายกลที่เชื่อมระหว่างปากมังกรและบ้าน รวมกันเข้าไปในค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง
แม้ว่าค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงที่เยี่ยเทียนจัดสร้างไว้จะเป็นค่ายกลรวมพลังชนิดหนึ่งในค่ายกลที่มีความแข็งแกร่งที่เขาสืบต่อมาก้ตาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังวิญญาณที่มีพละกำลังราวทะเลเช่นนี้ก็ยังอ่อนแออยู่บ้าง
มันเหมือนกับคนผอมคนหนึ่งทานอาหารที่ไม่พอดีกับร่างกายเข้าไปกะทันหัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการย่อยไม่ดี ต่อให้เป็นกระเพาะก็ยัดเข้าไปไม่ได้ หลังจากพลังวิญญาณนั้นเข้าไปแล้ว จึงทำให้ค่ายกลรวมวิญญาณทั้งหมดที่ไม่มีความมั่นคง
“ศิษย์น้องจั่ว หยุดพลังจิตวิญญาณซะ!”
โก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นมองตากัน ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกัน คนหนึ่งชูแขนข้างเดียวขึ้น อีกคนหนึ่งสองมือยันท้องฟ้า ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นพลังวิญญาณรอบกายผ่าลงไปที่ปากมังกรอันว่างเปล่า
พลังที่มาจากการฝึกวรยุทธ ท้ายที่สุดก็ไม่อาจเทียบกับพลังที่ฟ้าดินสร้างขึ้น
แม้ว่าการฝึกวรยุทธของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นรวมกันได้หนึ่งร้อยกว่าปี พลังชี่แท้ของพวกเขารวมกันสามารถหยุดพลังวิญญาณนั้นได้ในพริบตา แต่เวลาแค่ครู่เดียวก็ฟื้นฟูกลับมาเหมือนในตอนแรก
หลังจากที่ทั้งสองอย่างโจมตีกัน ร่างกายของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นเหมือนได้รับการปะทะอย่างหนัก ถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวติดต่อกัน อีกนิดเดียวก็ตกลงไปในแม่น้ำฮวงจุ้ยที่ล้อมรอบบ้านทั้งหลังไว้
เมื่อยืนได้มั่นคงแล้ว เลือดสดจึงทะลักออกมาจากรูจมูกทั้งสองคน แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าพลังวิญญาณฟ้าดินที่ใช้บำรุงกายอยู่ทุกวันจะมีด้านที่น่ากลัวเช่นนี้
แต่การกระทำนี้ของทั้งสองไม่ใช่สิ่งที่ไร้ประโยชน์
แม้ว่าพวกเขาจะขวางการไหลเวียนของพลังวิญญาณได้เพียงครู่เดียว แต่ค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงกลับเปลี่ยนเป็นมั่นคงขึ้นมา และพลังวิญญาณที่ส่งมาจากเสาฮวงจุ้ยก็ไม่โหมกระหน่ำแล้ว
ตอนที่ 561 บาดเจ็บสาหัส
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงคงที่แล้ว พลังวิญญาณที่ทะยานขึ้นท้องฟ้าก็พุ่งขึ้นและตกลงมาปกคลุมบ้านของเยี่ยเทียนหลังนั้น
ในตอนที่เมฆสีม่วงจากทิศตะวันออกปะทะเสาฮวงจุ้ย สนามแม่เหล็กทั้งโลกก็เกิดความเปลี่ยนแปลง สัตว์แต่ละพื้นที่ต่างก็อลหม่านขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะสั้นมาก แต่ก็สร้างความสนใจให้กับผู้มีปณิธานบางส่วน
นอกจากนี้ ในชั่วพริบตาที่ค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงสำเร็จ บ้านของเยี่ยเทียนหลังนี้ราวกับว่าหายไปจากดาวเทียมอย่างไร้เงา ดาวเทียมที่คอยตรวจตราที่โคจรเหนือโลกเหล่านั้น ไม่มีทางจับภาพของบ้านได้อีก
ในส่วนลึกของภูเขาชิงเฉิง นักพรตเต๋าผู้ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้ารูปหนึ่งเงยหน้ามองฟ้า หลังผ่านไปเนิ่นนานจึงพูดพึมพำว่า “ธาตุทั้งห้าบนฟ้าขัดขวางกันและกัน ดวงดาวเคลื่อนย้าย นะ…นี่คือฝีมือมนุษย์ใช่ไหม?”
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในป่าดึกดําบรรพ์ที่ประเทศไทย มีชายร่างเปลือยเปล่าความสูงเกือบสองเมตรคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น บนร่างกายของเขามีแมลงมีพิษสีสดหลากสีหลายชนิดปีนป่ายเต็มไปหมด
เมื่อแสงแรกบนขอบฟ้าสาดส่อง ทันใดนั้นพวกแมลงมีพิษก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ต่างพากันมุดเข้าไปในปาก จมูกและหูของชายคนนั้น
ปากของคนแก่รูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งท่องคาถาลึกลับออกมาเสียงดังอยู่ตลอด ในขณะเดียวกันมือขวาก็สั่นกระดิ่งไปด้วย ผ่านไปนานถึงจะสามารถทำให้แมลงมีพิษเหล่านี้สงบลงได้
“อะไรกันที่กระทบกับพลังงานสนามแม่เหล็ก? เกือบทำให้ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของฉันต้องสูญเปล่า?”
ใบหน้าหมองหม่นของคนแก่คนนั้นมองไปยังทิศตะวันออก เมื่อสามปีก่อน เขาเคยรับมือกับปรากฏการณ์แบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่การเคลื่อนไหวนั้นน้อยกว่าครั้งนี้มากนัก
สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมีสภาพธรรมชาติเลวร้ายสุดขีดในทิเบต มีวัดลามะขนาดเล็กมากวัดหนึ่ง ลามะสูงอายุรูปหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจนมองไม่ออกว่าอายุเท่าไหร่ซึ่งอยู่ภายในวัด ก็สามารถสัมผัสได้และลืมตาขึ้น
ภายในโบสถ์ใหญ่หลังนั้นซึ่งเต็มไปด้วยพลังศรัทธาจากทั่วโลกในนครรัฐวาติกัน พระสันตะปาปาซึ่งอายุเกินแปดสิบปีรู้สึกว้าวุ่นใจในฉับพลัน แต่กลับไม่สามารถอนุมานได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ท่ามกลางภูเขาลึกสายน้ำใหญ่ทุกที่บนโลก สัตว์ป่าดุร้ายที่ไม่ให้มนุษย์รับรู้กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้นต่างรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังงานฟ้าดิน พวกมันต่างก็ใช้ปัญญาที่เพิ่งเกิดนั่นขบคิด
ความผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นในทั่วทุกมุมโลก แม้ว่าเวลาจะสั้นมาก แต่ก็สร้างความตกใจให้กับคนมากมายที่เป็นประเภทเดียวกับพวกเยี่ยเทียน
แต่คฤหาสน์ที่ไหล่เขาหลังนั้นของเยี่ยเทียนซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุของเรื่องนี้กลับสงบเงียบ ดูจากภายนอกก็เป็นคฤหาสน์ที่เพิ่งตกแต่งเสร็จ ซึ่งสามารถเห็นได้ทุกที่ในไหล่เขาแห่งนี้
แต่ทั่วทั้งไหล่เขายังคงเกิดความเปลี่ยนแปลง นั่นเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนพลังวิญญาณซึ่งหนาแน่นอยู่ภายในภูเขาเบาบางลงกะทันหัน ต่างกับเสาฮวงจุ้ยซึ่งอยู่ระหว่างการสร้างที่แตกต่างกันมาก
ทำให้มหาเศรษฐีที่ตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าบางส่วนรู้สึกแปลกใจมาก เมื่อไม่กี่วันก่อนสูดลมหายใจสะอาดเต็มหัวใจเฮือกหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่มีแล้ว
………………
“สำเร็จแล้ว?!”
โก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นซึ่งกำลังฝืนประคองร่างกายภายในที่บอบช้ำต่างก็มองตากัน ตะโกนออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัด หมาย พร้อมกับใบหน้าปรากฏความตกใจและยินดี
คำตอบต้องใช่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะทุกที่รอบตัวพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยพลังงานฟ้าดินหนาแน่นสุดขีด
เมื่อสูดพลังวิญญาณเฮือกหนึ่งเข้าปอด ราวกับว่าความเจ็บปวดช่วงระหว่างอกและท้องที่เกิดจากพลังงานย้อนกลับเมื่อครู่ เหมือนจะเบาบางลงไปสองสามส่วน รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น
หลังจากอ้าปากกว้างสูดพลังวิญญาณหลายเฮือกอย่างโลภมาก ใบหน้าของโก่วซินเจียจึงปรากฏความพึงพอใจ ปริมาณและคุณภาพของค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงที่รวมตัวกัน อย่างน้อยก็มากกว่าที่เรือนสี่ประสานของเยี่ยเทียนในเมืองหลวงสิบเท่า
และพลังวิญญาณอันบริสุทธิ์เหล่านี้แปรเปลี่ยนมาจากมหาสมุทรใหญ่อันไร้ขอบเขต จึงไม่ต้องกลัวสักนิดว่าวันหนึ่งมันจะหายไป ขอเพียงแค่โลกยังคงอยู่ เพียงแค่ค่ายกลไม่ถูกทำลาย พวกเขาสามารถใช้พลังวิญญาณเหล่านี้ได้เต็มที่
“เจียจวิ้น ศิษย์น้องเป็นยังไงบ้าง?”
โก่วซินเจียยืนฟื้นฟูบาดแผลอยู่ที่เดิมสักพักหนึ่ง หลังจากผ่านไปประมาณสิบยี่สิบนาที ทันใดนั้นก็นึกถึงเยี่ยเทียน
ต้องเข้าใจว่ารยุทธของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้น ตอนที่แปรเปลี่ยนติดต่อกับค่ายกลทั้งสองนั้นต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่เยี่ยเทียนฝืนลิขิตพลิกชะตา คาดไม่ถึงว่าจะใช้วิชาอักษรโต่วต่อสู้กับสวรรค์ ทำให้เมฆสีม้วงสัญลักษณ์มงคลนั่นเปิดค่ายกล พลังการย้อนกลับของการฝ่าฝืนกฎแบบนี้เกรงว่าจะน่ากลัวมากกว่า
เมื่อได้ยินโก่วซินเจียพูดถึงเย่เทียน สีหน้าของจั่วเจียจวิ้นก็เปลี่ยนไป มองไปยังทางเสาฮวงจุ้ย พูดว่า “ศิษย์พี่ ถ้าศิษย์น้องไม่เป็นอะไรก็ควรรีบมาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ยสิ”
โก่วซินเจียร้อนใจ ไม่สนใจการฟื้นฟูบาดแผลแล้ว พลางเอ่ยว่า “เร็ว รีบโทรหาเซี่ยวเทียนให้เขาไปรับศิษย์น้อง!”
“นี่…นี่ไม่มีสัญญาณเลยสักนิด?”
หลังจากหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จั่วเจียจวิ้นก็โกรธจนแทบจะปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง สาวเท้าออกไปข้างนอก “ศิษย์พี่ใหญ่ พี่พักก่อนเถอะ ผมจะไปรับศิษยืน้องมาเอง!”
พละกำลังของจั่วเจียจวิ้นยังอ่อนอยู่เล็กน้อย บวกกับอายุน้อยกว่าโก่วซินเจีย บาดแผลที่ได้จากพลังย้อนกลับจึงเบากว่าอยู่บ้าง แม้ว่าตอนนี้ช่วงระหว่างอกและท้องยังเจ็บตื้อๆ อยู่ แต่การเดินไปขับรถกลับไม่เป็นปัญหาอะไร
“แค่กๆ รอ…รอฉันก่อน!”
โก่วซินเจียใช้มือประคองแผ่นอกไว้ หลังจากไอต่อเนื่องสองสามทีจึงพูดว่า “ฉันไปกับนายด้วย สำนักเสื้อป่านไม่มีพวกเราสองคนก็ไม่เป็นไร แต่จะขาดศิษย์น้องไม่ได้!”
ตั้งแต่รู้จักกับศิษย์น้อง ฝีมือที่เผยให้เห็นอย่างไม่ขาดสายของเยี่ยเทียนก็สยบโก่วซินเจียได้ ในตอนนั้นต่อให้เป็นตัวอาจารย์หลี่ซั่นหยวน เขาก็ไม่มีทางได้เห็นวรยุทธเช่นนี้
แท้จริงแล้วโก่วซินเจียรู้ดีว่าเยี่ยเทียนต้องเคยเจอเรื่องอะไรบางอย่าง แต่เยี่ยเทียนก็แค่ไม่พูด และเขาก็ไม่สามารถไปถามอะไรได้ บนโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่มีความลับของตัวเอง?
รถยนต์พุ่งทะยานออกจากคฟหาสน์ เสียงแตรรถดังต่อเนื่องบนเส้นทางภูเขา ทำให้มหาเศรษฐีพวกนั้นพากันมองมาไม่ขาดสาย
แต่หลังจากที่เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นป้ายทะเบียนรถของจั่วจียจวิ้น ในใจของมหาเศรษฐีพวกนี้ต่างคาดเดากันไม่หยุด เรื่องอะไรกันที่ทำให้จั่วเจียจวิ้นขับรถเร็วเหมือนวัยรุ่นแบบนี้?
“ปรมาจารย์จั่ว เมื่อ…เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงทางแยกซึ่งห่างจากเสาฮวงจุ้ยประมาณห้าร้อยเมตรก็ถูกขวางเอาไว้ หลังจากที่นายตำรวจชั้นสูงจากสถานีตำรวจคนหนึ่งเห็นจั่วเจียจวิ้นก็รีบเดินมาหา
นายตำรวจชั้นสูงคนนี้ได้รับความไว้วางใจจากจั่วเจียจวิ้นให้เป็นหัวหน้าตำรวจในการล้อมพื้นที่หนึ่งพันเมตรบริเวณรอบเสาฮวงจุ้ย แม้ว่าความวุ่นวายของพลังงานในตอนแรกสุดจะไม่ได้สร้างความสนใจให้กับคนธรรมดาพวกนี้ แต่หลังจากที่ค่ายกลดาวเก้าดวงและค่ายกลซานฉายรวมตัวกัน แสงสีทองลำแสงนั้นกลับทำให้พวกเขาตกใจ
“ไม่มีอะไร แค่ตอนจัดเตรียมเสาฮวงจุ้ยเกิดปรากฏการณ์บางอย่าง พวกคุณไม่ต้องกังวลหรอก” จั่วเจียจวิ้นลดกระจกลง พลางยิ้มพูด “คุณตำรวจหลิว วันนี้รบกวนพวกคุณด้วยนะ วันหลังผมจะเชิญคุณมาดื่มชา!”
หลังจากที่จั่วเจียจวิ้นพูดอย่างขอไปทีไม่กี่ประโยค ก็ให้คนดึงเส้นกันเขตออกแล้วขับรถเข้าไป ปล่อยให้ตำรวจสองสามคนมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอวิธีการแปลกประหลาดเช่นนี้
รถยนต์จอดอยู่หน้าลานกว้างเสาฮวงจุ้ย จั่วเจียจวิ้นกับโก่วซินเจียลงจากรถ ราวกับว่าบนลานกว้างใหญ่เสาฮวงจุ้ยมีเพียงแค่เสาฮวงจุ้ยความสูงเกือบสามสิบเมตรต้นนั้นตั้งอยู่ที่เดิม รอบด้านไม่พบเงาของเยี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย
เสาฮวงจุ้ยที่อยู่ตรงหน้าตกอยู่ในสายตาของพวกเขา ราวกับมีบางอย่างไม่เหมือนกับเมื่อไม่กี่วันก่อน รูปปั้นพวกนั้นที่อยู่บนเสาฮวงจุ้ยเหมือนกับมีชีวิตขึ้นมาบางส่วน พลังจิตวิญญาณที่อยู่ระหว่างค่ายกลทั้งสามยังคงหมุนเวียนไม่หยุด
แต่สองคนนี้กลับไม่สนใจตรวจสอบให้ละเอียด เพราะการที่ไม่เห็นเงาของเยี่ยเทียน ทำให้พวกเขารู้สึกใจไม่ดี
ต้องเข้าใจว่าตอนที่สัญลักษณ์มงคลปะทะเสาฮวงจุ้ย ต่อให้เป็นวรยุทธของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นต่างก็เกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง นับประสาอะไรกับเยี่ยเทียนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุนั้นล่ะ?
“ศิษย์น้องเล็ก นายอยู่ไหน?”
“เยี่ยเทียน นายอยู่ไหน ตอบสิ!”
เสียงของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้นดังขึ้น แต่ภายในสถานที่ที่เงียบแบบนี้ นอกจากเสียงตะโกนของพวกเขาสองคนแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของเยี่ยเทียนเลย
“ศิษย์พี่ ตรงนี้มีรอยเลือด!” จั่วเจียจวิ้นเริ่มสำรวจจากจุดหัวใจหลักของค่ายกลซึ่งเป็นจุดแรกที่เยี่ยเทียนยืนอยู่ จากนั้นก็พบรอยเลือดบนพื้นกองหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เจอแล้ว ศิษย์น้อง นะ…นายเป็นไงบ้าง?” จากเลือดสดที่เยี่ยเทียนพ่นออกมา ทั้งสองคนซึ่งอยู่ในแปลงดอกไม้มองเห็นยี่ยเทียนที่ดวงตาทั้งสองข้างหลับสนิท เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้
“ยังมีลมหายใจอยู่…” โก่วซินเจียลองใช้นิ้วมืออังที่จมูกของเยี่ยเทียนซึ่งใบหน้าดูราวกับกระดาษเงินกระดาษทองและพูดอย่างร้อนใจ “เร็ว รีบอุ้มเขาออกมา จะได้รีบกลับเร็วเข้า !”
คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บจากภายใน ปกติสีหน้าภายนอกจะเป็นสีขาวซีด นี่คือได้รับการโจมตีจากพลังชั่วร้าย หลังจากที่ค่อยๆ รักษาจะฟื้นตัวค่อนข้างง่าย
แต่ถ้าสีหน้าเป็นสีเหลืองราวกับกระดาษเงินกระดาษทอง นี่คือการได้รับการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากพลังภายนอก และยังถูกโจมตีรุนแรงจนกระเทือนต่ออวัยวะภายใน ถ้าไม่ระวังก็จะตายได้
พูดกันตามตรง แม้ว่าตอนนี้เยี่ยเทียนจะยังมีลมหายใจแต่ก็โรยแรงมาก มิเช่นนั้นจากแค่วรยุทธของเขา เกรงว่าหากยังไม่ผ่านครึ่งชั่วยามก็คงจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาโอยอัตโนมัติ
จั่วเจียจวิ้นแบกเย่เทียนขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ร่างกายเขาเล็กและเตี้ยกว่าเยี่ยเทียนมาก ทำให้ขาทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนยังคงลากไปกับพื้น
“เบาหน่อย รู้อย่างนี้วันนี้น่าจะให้เซี่ยวเทียนกับติ้งติ้งอยู่ที่บ้านซะก็ดี!”
โก่วซินเจียกำชับจั่วเจียจวิ้นตลอด คนที่อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ ห้ามเคลื่อนย้ายเป็นอันขาด วิธีที่ดีที่สุดคือใช้เปลหามยกไป แต่เวลานี้พวกเขาไม่ได้ใส่ใจเยอะแยะขนาดนั้น
พอแบกเยี่ยเทียนมาถึงรถ จั่วเจียจวิ้นเหนื่อยจนเหงื่อโทรมกาย ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน โก่วเจียซินวางสายโทรศัพท์จากโจวเซี่ยวเทียน เขากับจั่วเจียจวิ้นจริงๆ ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็พยายามควบคุมน้ำเสียงเท่านั้นเอง
หลังจากกลับมาถึงบ้าน จั่วเจียจวิ้นขึงแบกเยี่ยเทียนลงมาอย่างระมัดระวัง พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงหายใจหอบฮั่กจากทางด้านหลัง
“ศิษย์น้องเล็ก นายตื่นแล้วเหรอ?”
จั่วเจียจวิ้นดีใจอย่างมาก เขาวางเยี่ยเทียนลง ทุกที่ในอาณาบริเวณหนึ่งพันเมตรรอบบ้านล้วนเต็มไปด้วยพลังวิญญาณจากฟ้าดินที่เกือบจะเป็นแก่นแท้ ดังนั้นจะเข้าไปพักในห้องหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
“แค่ก…แค่กๆ ผมไม่รอบคอบเอง!” เยี่ยเทียนยังไม่ทันได้อ้าปากพูดก็ไอต่อเนื่องสองสามครั้ง แล้วเลือดสดๆ ก็พ่นออกมาอีก
แต่เมื่อเห็นเลือดสดนี้ ใบหน้าของโก่วซินเจียกลับมีสีหน้าที่ยินดีออกมา
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น