ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 559-568
ตอนที่ 559 เปาะแปะ เปาะแปะ
เมื่อถึงคราวเสียงประทัดยามค่ำคืนดังขึ้น ขณะที่คนทั้งบ้านมานั่งทานข้าวร่วมโต๊ะอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเหมยเหมยถึงได้เข้าใจ
หลังทุกคนประจำตำแหน่งที่นั่งแต่กลับไม่รีบเร่งลงมือทานข้าว ฮูหยินผู้เฒ่าจัดถ้วยชามหนึ่งชุดแล้วเติมเกี๊ยวสดใหม่ร้อนๆ เต็มถ้วยวางไว้ที่ตำแหน่งว่าง
“เจ้าหนึ่ง หลานสาวของแกกลับบ้านแล้ว วันดีๆ แบบนี้แกกินเยอะๆ หน่อยนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าดูท่าทางเศร้าโศกอย่างมาก คนอื่นเองก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน
เหมยเหมยเริ่มเข้าใจแล้ว ดูท่าทางเธอจะมีคุณลุงอีกหนึ่งคนและคุณลุงคนนี้คงไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรเท่านั้น!
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้รู้สึกย่ำแย่จนทานอะไรไม่ลงเหมือนปีที่ผ่านมา ไม่นานกลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิมพลางตักผักให้เหมยเหมยอย่างกระตือรือร้น บรรยากาศกลับมาครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
หลังทานอาหารอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเสร็จทุกคนมาร่วมนั่งดูรายการปีใหม่ด้วยกัน รายการปีใหม่ทั้งประเทศในขณะนี้แม้จะมีเวทีขนาดเล็กไม่อลังการแต่กลับมีนักแสดงที่มีฝีมือมากมาย ต่อให้ขาดเวทีโอ่อ่าและองค์ประกอบชุดสุดหรู แต่รายการสนุกของพวกเขากลับพาเหล่าผู้ชมในยุคสมัยนี้ให้ได้ฟังผลงานระดับชั้นยอด คนทั้งครอบครัวมือตบท้องระเบิดเสียงหัวเราะเพราะการแสดงบทสนทนาตลกขนาดเล็กนี้
“การเต้นรำของเหมยเหมยของผมไม่แย่ไปกว่าคนพวกนั้นเลย เธอเคยร่วมงานแสดงเทศกาลปีใหม่ของเมืองจินด้วยแน่ะ!”
จ้าวอิงหัวอวดลูกสาวตัวเองตลอดเวลา ความจริงเขาพูดถ่อมตัวไปด้วยซ้ำ ในมุมมองของเขาการเต้นรำของลูกสาวงดงามกว่าคนในโทรทัศน์หลายร้อยเท่า
“ทำไมไม่เคยได้ยินเจ้าสามพูดถึงเลย ไม่น่าเลยจริงๆ!”
ทุกคนไม่สนใจโทรทัศน์อีกต่อไปต่างเรียกร้องให้เหมยเหมยแสดงให้พวกเขาดูสักท่อน เทียบกับนักแสดงในโทรทัศน์แล้วพวกเขายอมดูเจ้าหญิงตัวน้อยของบ้านตัวเองมากกว่านี่นา!
เหมยเหมยลุกยืนอย่างเขินอาย เธอถลึงตาใส่จ้าวอิงหัวที่ยิ้มปากไม่หุบอย่างคาดโทษ ขี้โม้จนตัวจะลอยอยู่แล้ว เธอเต้นรำเป็นแค่น้อยนิดเท่านั้นจะเทียบกับนักแสดงมืออาชีพได้อย่างไร!
“หนูเรียนมาแค่สองเดือนกว่า เต้นไม่ดีอย่าหัวเราะเยาะหนูนะ!”
เหมยเหมยพูดอ้ำอึ้งเป็นเชิงบอกกล่าวไว้ล่วงหน้า หากถ้าพลาดขึ้นมาเธอจะได้ไม่ขายหน้าเกินไป
“ไม่หัวเราะเยาะหรอก ใครกล้าหัวเราะปู่จะตบมันให้!” ท่านผู้เฒ่าจ้าวพูดยิ้มตาหยี เขารู้สึกว่าต่อให้หลานสาวยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับก็ดูดีกว่าคนในโทรทัศน์ตั้งมาก!
มีคำมั่นสัญญาของท่านผู้เฒ่าแล้วเหมยเหมยก็สบายใจไม่น้อย ทุกคนเปิดทางเว้นพื้นที่ขนาดใหญ่ให้เธอ โชคดีที่บ้านตระกูลจ้าวกว้างมากพอ ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่เต้นรำเลย แค่หมุนรอบตัวเองยังยาก!
สยงมู่มู่เองก็อุ้มกู่เจิงของตัวเองมาดีดดนตรีประกอบ เหมยเหมยถอดเสื้อไหมพรมออกเหลือเพียงเสื้อตัวข้างใน ตั้งท่าเต้นรำอย่างดีเผยให้เห็นท่วงท่าสง่างาม แม้คนตระกูลจ้าวไม่รู้เรื่องเต้นรำแต่ก็แยกความสวยกับความน่าเกลียดได้ และพอได้ดูแล้วหยุดพยักหน้าไม่ได้
“สวย หลานสาวของฉันสวยจริงๆ!”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวพูดชมไม่ขาดปาก เขาบอกแล้วว่าแค่หลานสาวยืนนิ่งไม่ขยับก็ดูดีแล้ว!
รอเสียงดนตรีบรรเลงขึ้นเหมยเหมยเริ่มขยับท่าตามเสียงดนตรีประกอบ ตระกูลจ้าวที่แต่แรกไม่ได้ใส่ใจมากนักก็ถูกท่วงท่าเต้นรำแสนสง่างามนี้ดึงดูดความสนใจไปในชั่วพริบตา เริ่มชมอย่างตั้งใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเหมยเหมยเต้นรำได้สวยขนาดนี้ จ้าวอิงหัวพูดไม่ผิดเลย ดูดีกว่าพวกคนในจอโทรทัศน์ร้อยเท่า!
เหมยเหมยหมุนรอบสุดท้ายเสร็จก็ลุกจากพื้นหอบเบาๆ ใบหน้าดวงเล็กแดงปลั่ง หานซู่ฉินเอาเสื้อกันหนาวมาคลุมตัวเธอไว้แล้วยิ้มตาโค้ง
“รีบใส่เสื้อเร็ว เด็กนี่ก็ไม่เวียนหัวเลยนะ ฉันแค่ดูก็เวียนหัวแล้ว อย่างน้อยต้องหมุนไปหลายสิบรอบเลยใช่มั้ย?”
คนตระกูลจ้าวที่ทำหน้าอึ้งอยู่ถึงดึงสติกลับมาได้ ท่านผู้เฒ่าตวาดเสียงทุ้มต่ำ “มัวนิ่งทำไม ปรบมือสิ!”
เสียงปรบมือดังเปาะแปะถึงดังกระหึ่มขึ้นมาทันท่วงที ทุกคนต่างปรบมือจากใจจริงพร้อมดวงตาฉายแววชื่นชมเหมยเหมย
เจ้าหญิงตัวน้อยของพวกเขามีดีทั้งหน้าตาและความสามารถ นำหน้าลูกสาวบ้านอื่นไปตั้งหลายขุม!
…………………….
ตอนที่ 560 หญิงมากความสามารถของบ้านเรา
ฮูหยินผู้เฒ่ากอดเหมยเหมยไว้อย่างปลื้มใจ “เจ้าตัวร้าย ชอบโกหกหลอกเรา ขนาดนี้แล้วยังบอกเต้นไม่ดี ถ้าหนูฝึกดีกว่านี้คงลอยทะลุฟ้าไปแล้วละมั้ง!”
จ้าวอิงหนานยิ้มกล่าว “แม่คะ เหมยเหมยไม่ได้หลอกแม่นะ เธอเพิ่งเรียนเต้นรำมาได้แค่สองเดือนกว่า คนที่จุดประกายเธอคือเหวินจิ้ง ลูกสาวของลุงเฮ่อ แม่ยังจำได้ใช่มั้ย ทักษะการวาดรูปและเต้นรำของเหมยเหมยได้เหวินจิ้งมาช่วยจุดประกายทั้งนั้น เหวินจิ้งบอกว่าเหมยเหมยของเรามีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปแล้วก็เต้นรำ เธอเกิดมาเพื่อด้านนี้โดยเฉพาะเลยนะ”
ทันใดนั้นคนที่เหลือก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หลังได้ชมการเต้นรำของเหมยเหมยพวกเขาต่างรู้สึกว่าที่เหมยเหมยบอกว่าเรียนเต้นรำแค่สองเดือนกว่านั่นเป็นคำพูดแสดงความถ่อมตนทั้งนั้น
ในเมื่อลักษณะการพูดจาของชาวจีนดั้งเดิมเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ก่อนจะทำอะไรต้องกดตัวเองให้ต่ำ เช่นนั้นแล้วต่อให้ทำได้ไม่ดีพอก็มีเหตุผลที่จะแก้ต่างให้ตัวเอง พวกเขาคิดว่าเหมยเหมยก็เป็นเช่นนั้น
เพียงแต่พอได้ยินคำของจ้าวอิงหนาน พวกเขาก็ตะลึงอีกครั้ง
“เรียนแค่สองเดือนกว่าก็เต้นได้ดีขนาดนี้เชียวเหรอ?” หานซู่ฉินไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
แม้เธอไม่ได้รับผิดชอบกลุ่มร้องและเต้นรำแต่ก็มีเพื่อนอยู่ฝ่ายนั้น จากลักษณะของเหมยเหมย เด็กสาวที่ฝึกฝนอยู่ในกลุ่มร้องและเต้นมาปีกว่ายังไม่มีทักษะเคลื่อนไหวได้ดีเทียบเท่าด้วยซ้ำ!
จ้าวอิงหนานชี้ไปที่คุณพ่อสยงแล้วกล่าว “ถ้าพี่สะใภ้รองไม่เชื่อก็ถามฉูฉู่ได้เลย ถ้าเป็นเขาพูดละก็ พี่สะใภ้น่าจะเชื่อได้แล้วสินะ!”
คุณพ่อสยงยิ้มพยักหน้า “พี่สะใภ้รอง อิงหนานไม่ได้โกหกพี่นะ เหมยเหมยเพิ่งเรียนมาได้สองเดือนกว่าจริงๆ เธอมีพรสวรรค์ด้านนี้สูงมาก เหมือนที่เธอเรียนวาดรูปแค่หนึ่งเดือนกว่าก็ร่วมแข่งขันระดับเมืองเอาชนะเด็กคนอื่นที่เรียนวาดรูปมาหลายปีจนได้รองชนะเลิศมา ปีนี้จะมาแข่งขันระดับประเทศที่เมืองหลวงตอนช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกด้วยแน่ะ!”
“โอ๊ย! หลานสาวของฉันทำไมเก่งแบบนี้ จากนี้ตระกูลจ้าวเราก็มีหญิงที่มากความสามารถแล้วล่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วดีใจอย่างมาก เรื่องเดียวที่คนสูงวัยอย่างเธอนึกเสียใจทีหลังในชีวิตนี้ก็คือไม่ได้ร่ำเรียนตำราหนังสือมากพอ วันๆ ถูกชมยกย่องว่าเป็นวีรสตรีของชาติ ความจริงเธอนึกอิจฉาเหล่าหญิงสาวผู้มากความสามารถในด้านแต่งกลอนวาดรูปต่างหาก!
ไม่เหมือนเธอที่สองมือนอกจากกำมีดถือปืนก็จับอย่างอื่นไม่ถนัดมืออีก ตัวหนังสือที่เขียนน่าเกลียดยิ่งกว่าอะไร ช่างน่าอับอายเหลือเกิน!
ฮูหยินผู้เฒ่าอิจฉาที่เหมยเหมยทั้งเก่งวาดรูปและเต้นรำได้ ขณะเดียวกันก็ภาคภูมิใจ แม้เธอช่างกวนจินเยี่ยนไม่ใช่หญิงมากความสามารถ แต่เธอก็มีหลานสาวที่ทั้งสวยและเก่งคนหนึ่ง
ว่ากันว่าหลานสาวจะเหมือนคุณย่า เป็นไปได้ที่เธออาจจะมีศักยภาพพอจะเป็นหญิงมากความสามารถแค่ยุคสมัยเป็นตัวถ่วง หากเธอเกิดในยุคที่สงบสุข ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนจากกำมีดถือปืนเป็นวาดรูปเขียนตัวหนังสือแทน!
จ้าวอิงหัวไม่รู้ความคิดฉบับสาวน้อยในใจมารดาตัวเอง เขายิ้มกล่าว “เหมยเหมยสืบพรสวรรค์มาจากคุณตาคุณยายของเธอ พ่อตาของผมเหยียนตานชิงมีความสามารถล้นเหลือ ทักษะการวาดรูปนับได้ว่าชั้นยอด แม่ยายของผมตอนนั้นเป็นเสาหลักของทีมร้องและเต้นของเมืองจิน”
เป็นครั้งแรกที่จ้าวอิงหัวเปิดเผยเบื้องหลังครอบครัวของเหยียนซินหย่าต่อหน้าครอบครัว เรื่องราวในอดีตนี้ไม่เคยถูกเอ่ยถึงแม้อยู่ต่อหน้าพ่อแม่ตัวเอง แค่กล่าวถึงผ่านๆ เท่านั้น
ชื่อเหยียนตานชิง ต่อให้ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลนักรบผู้หยาบกร้านมาตลอดก็เคยได้ยินมาก่อน บอกได้เลยว่าเป็นคดีใหญ่แรกของชาวจีนในอดีตที่โดนใส่ร้าย
ท่านผู้เฒ่าจ้าวนิ่งชะงักไปนานก่อนบอกกับเหยียนซินหย่าว่า “หลายปีนั้นลำบากเธอแย่เลยนะ!”
เหยียนซินหย่าน้ำตาไหลตามแล้วพูดเสียงติดสะอื้น “ตอนนั้นหนูไม่ได้ทำหน้าที่ลูกสะใภ้ที่ดี แต่พ่อกับแม่ก็ยังเมตตาไม่ถือสาอะไรหนู หนูเสียใจมากจริงๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวถอนหายใจ หากจะว่าไปอดีตเธออคติต่อลูกสะใภ้คนเล็กจริงๆ ทำตัวอ่อนแอเหมือนเต้าหู้ นอกจากจะดูแลลูกชายหลานชายเธอไม่ได้แล้วกลับต้องให้ลูกชายเธอดูแลแทน แต่เธอใจกว้างพอจะรู้ว่าลูกหลานย่อมมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยู่ให้ห่างไม่ให้ตาเห็นก็พอ อย่าสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของลูกหลานมากเกินไป
ตอนนี้พอได้ฟังคำอธิบายของจ้าวอิงหัวเธอก็เริ่มเข้าใจเหยียนซินหย่าว่า การที่อดทนผ่านสถานการณ์ยากลำบากเช่นนั้นมาเพียงลำพังได้นั้นก็บ่งบอก ได้ว่าลูกสะใภ้คนเล็กเธอไม่ใช่ดอกไม้บอบบาง คู่ควรเหมาะสมกับลูกชายเธอ
“ชีวิตต้องมองไปข้างหน้า ตอนนี้เหมยเหมยกลับบ้านแล้ว แม่ต้องเข้มแข็งเป็นตัวอย่างให้ลูก จากนี้ไปเธอต้องฮึดสู้แล้วนะ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว
เหยียนซินหย่าอดพยักหน้าไม่ได้ เธอต้องเข้มแข็งเพื่อชดเชยความห่วงใยต่อสามีและลูกชายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชดเชยความรักของแม่ต่อลูกสาว สิ่งเหล่านี้เธอติดค้างพวกเขาไว้ทั้งนั้น
…………………….
ตอนที่ 561 คนที่ร่ำรวยที่สุดของบ้าน
คืนส่งท้ายปีนี้เป็นค่ำคืนที่มีความสุขที่สุดในสองชาติที่ผ่านมาของเหมยเหมย และเป็นคืนที่ได้รับอะไรไปมากมาย
สยงมู่มู่กับจ้าวเสวียกงปล่อยประทัดที่ลานหน้าบ้าน เหมยเหมยกลับแอบนับเงินอั่งเปาใต้ไฟข้างทาง เมื่อครู่คนที่บ้านให้เงินอั่งเปาเธอทุกคนรวมถึงพี่ชายคนโตกับคนรองให้แค่เธอส่วนเดียวไม่มีส่วนของสยงมู่มู่ เหมยเหมยตาวาวเป็นแสงสีทอง ยิ้มตาหยีรีบนับธนบัตรใหม่เอี่ยมด้วยความไวแสง
คนตระกูลจ้าวใจป้ำให้แต่ธนบัตรใบละสิบหยวน แม้พี่คนโตกับพี่คนรองจะให้น้อยไปนิดแต่นั่นก็ตั้งห้าหยวน โอ้โห แค่คืนเดียวเธอได้มาตั้งร้อยกว่าหยวนแหนะ!
“ดูท่าทางของเธอสิ ขายหน้าชะมัด อย่าดีใจกับเงินแค่นั้นได้มั้ย เราเป็นคนตระกูลจ้าวเชียวนะ”
สยงมู่มู่ที่กักเก็บความอิจฉามาทั้งวัน พอได้เห็นเหมยเหมย ก็อดพูดกระแนะกระแหนทีหนึ่งไม่ได้ ใครให้ยายนี่แย่งตำแหน่งประจำของเขาไปล่ะ!
อดีตคืนสิ้นปีคนที่นั่งข้างฮูหยินผู้เฒ่าคือเขาเท่านั้นคนอื่นไม่มีสิทธิ์ ตอนนี้กลับตาลปัตรกลายเป็นที่ประจำของยายนี่ไปแล้ว!
ความจริงสยงมู่มู่ไม่ได้คิดมาก แค่อยากหาข้ออ้างหยอกลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของตนสักหน่อยเท่านั้น ใครให้เขาเกิดคึกคะนองคันไม้คันมืออยากแกล้งคนกันล่ะ!
สยงมู่มู่พูดไปพลางยื่นมือไปกระชากผมถักเปียของเหมยเหมย ไม่ได้ดึงมาหลายวันรู้สึกไม่สบายมือเสียเลย
“มู่มู่นายอยากโดนตัดแขนหรือไง!”
จ้าวเสวียกงตบฉาดใหญ่จนบนแขนขาวเนียนของสยงมู่มู่เกิดรอยนิ้วมือแดงเป็นปื้น เจ็บจนเขาอดสูดปากทำหน้าบิดเบี้ยวไม่ได้
เหมยเหมยยิ้มหวานใส่พี่ชายคนที่ห้า “พี่ห้า พรุ่งนี้เราไปเดินเที่ยวกัน หนูจะเลี้ยงของอร่อยๆ พี่เอง หนูมีเงินเยอะแยะเลย!”
จ้าวเสวียไห่ที่อยู่อีกฟากได้ยินรีบสอดตัวเข้ามาตบแขนสยงมู่มู่อีกฉาดหนึ่งให้รอยแดงเด่นชัดขึ้นไปอีก สยงมู่มู่น้ำตาแทบไหลพราก
“พี่สี่ หนูเลี้ยงพี่ด้วย เราอยู่บนเรือลำเดียวกัน แล้วก็พี่ชายหนูด้วย” เหมยเหมยยิ้มหวานหยด เงินธนบัตรในมือเปล่งประกายแสงวิบวับยั่วเย้าพวกจ้าวเสวียไห่จนอดกลืนน้ำลายไม่ได้
น้องสาวเงินเยอะเสียจริง!
“เกรงใจจังเลย ความจริงคนเป็นพี่อย่างพี่ควรเลี้ยงเหมยเหมยมากกว่า”
จ้าวเสวียไห่คิดว่าทางที่ดีตนต้องเก็บอาการสักหน่อย ต่อให้เงินอั่งเปาในกระเป๋าเขาจะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ผ่านคืนนี้ไปธนบัตรแสนงดงามเหล่านี้จะโบยบินไปอยู่ในอ้อมอกของพี่สาม จ้าวเสวียเอ๋อร์ ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว
ทำไมกันล่ะ?
เพราะจ้าวเสวียเอ๋อร์ปล่อยเงินกู้ให้เหล่าน้องชายโดยเก็บเงินดอกเบี้ยไม่สูงมาก ไม่มีระยะเวลากำหนดและจำนวนเงิน ขอแค่คืนก็พอ ส่งผลให้จ้าวเสวียกงกับจ้าวเสวียไห่สองพี่น้องมักตกอยู่ในสภาพยาจกที่อิ่มหนำสำราญใจบ่อยครั้ง
เหมยเหมยจะรู้ทันความคิดเหล่าพี่ชายของเธอได้อย่างไร เธอแค่อยากสนิทกับพวกพี่ๆ ให้มากขึ้น นอกจากของกินเธอเองก็คิดหาวิธีอื่นไม่ได้แล้ว
“เราไม่พูดถึงเหตุผล จะพูดถึงแค่เงิน ใครมีเงินเยอะคนนั้นเลี้ยง!”
เหมยเหมยสะบัดเงินไปมายั่วยุให้หัวใจคนที่เหลือเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ความคิดที่ให้เก็บอาการของจ้าวเสวียไห่หลุดไปโลกไหนไม่รู้ จ้าวเสวียกงเองก็ยิ้มตาหยีพยักหน้ารัว
“เหมยเหมยพูดถูก ใครมีเงินคนนั้นเลี้ยง คนบ้านเดียวกันไม่ต้องเกี่ยงกันขนาดนั้นก็ได้ เหมยเหมย พรุ่งนี้พี่จะพาเธอไปเดินถนนที่มีของทานเล่น ของทานเล่นที่นั่นต่างหากที่เรียกได้ว่าสุดยอด ทานเสร็จเราไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง แล้วค่อยไปดูหนัง ดีมั้ย?”
“ค่ะ ตามใจพี่ห้าเลย”
เหมยเหมยยอมรับแต่โดยดี จ้าวเสวียกงยิ้มจนตาปิด น้องสาวคนเล็กโอ๋ง่ายแบบนี้แหละ ไม่เหมือนเจ้าสยงมู่มู่ยิ่งโตยิ่งไม่น่ารัก!
สยงมู่มู่เองก็มุดหน้ามาร่วมวงอย่างเคอะเขินแสดงท่าทีว่าเขาจะไปด้วย เหมยเหมยไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ถึงเจ้าสยงมู่มู่จะชอบคิดเล็กคิดน้อยมากไปหน่อยแต่อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนคนแรกของเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องแน่นแฟ้นอยู่แล้ว!
………….
ตอนที่ 562 พี่หมิงซุ่น สุขสันต์วันปีใหม่
วันรุ่งขึ้นเหมยเหมยตื่นแต่เช้าเพราะเสียงปลุกจากประทัด ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมของชาวจีนมาแต่ดั้งเดิมที่ต้องจุดประทัดแต่เช้าตรู่ของวันขึ้นปีใหม่เพื่อเป็นการสวัสดีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวเหมยเหมยก่อนจะเด้งตัวลุกจากเตียงลงไปโทรศัพท์ที่ห้องโถงโดยไม่ทันใส่เสื้อกันหนาวด้วยซ้ำ เธอจะโทรไปสวัสดีปีใหม่กับเหยียนหมิงซุ่น
อีกฟากของสายรออยู่นานถึงมีคน ซึ่งคนรับสายคือคุณย่าหยาง เหมยเหมยพูดเสียงหวาน “สุขสันต์วันปีใหม่ค่ะคุณย่าหยาง!”
คุณย่าหยางนิ่งไปพักหนึ่งถึงฟังเสียงเหมยเหมยออก พูดอย่างดีใจ “เหมยเหมยนี่เอง สุขสันต์วันปีใหม่ สุขสันต์วันปีใหม่!”
เหยียนโฮ่วเต๋อที่กำลังเตรียมไปจุดประทัดที่ลานหน้าบานหูตั้งทันที เหมยเหมย?
คุณหนูประจำบ้านตระกูลจ้าวไม่ใช่หรือ?
เขาไม่คิดจะจุดประทัดแล้วรีบวิ่งเหยาะๆ มาหน้าโทรศัพท์บ้าน ตาจ้องคุณย่าหยางอย่างคาดหวังด้วยใจที่คิดอยากแย่งโทรศัพท์มาสวัสดีปีใหม่กับท่านรองนายกเทศมนตรีจ้าวสักหน่อย แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่มีความกล้านี้ ได้แต่คันในใจยุบยิบ ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารออยู่ข้างโทรศัพท์บ้านไม่ยอมไปสักที
“คุณย่าหยาง พี่หมิงซุ่นอยู่บ้านมั้ยคะ?” เหมยเหมยถาม
“อยู่ๆๆ หมิงซุ่น เหมยเหมยหาหลานแหนะ!”
คุณย่าหยางตะเบ็งเสียงเรียกไปลานหน้าบ้านทำเอาเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังจะจุดประทัดมือสั่นกึก ส่งไฟแช็กให้ท่านผู้เฒ่าเหยียนแล้วก้าวขายาวกลับห้องนั่งเล่น
เมื่อคืนเขาเป็นห่วงยายหนูไปตลอดทั้งคืน ไม่รู้ว่าเหมยเหมยที่อยู่บ้านตระกูลจ้าวจะเป็นอย่างไรบ้าง?
จะอึดอัดไหม?
จะกลัวคนแปลกหน้าหรือเปล่า?
แม้จะรอแค่สองนาทีสั้นๆ เหมยเหมยกลับรู้สึกยาวนานเหมือนผ่านไปสองชั่วโมง ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากอีกฟากของหูโทรศัพท์เหมยเหมยก็ยิ้มกว้าง รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“พี่หมิงซุ่น สุขสันต์วันปีใหม่!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มปากโค้ง “สุขสันต์วันปีใหม่ เหมยเหมย!”
ทั้งคู่หยุดพูดในเวลาเดียวกันเหลือเพียงเสียงของประทัดดังก้องในสาย แต่กลับเงียบสงบเป็นอย่างมาก เหยียนหมิงซุ่นอ้าปากเอ่ยก่อน “เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ย?”
“ดีค่ะ คุณปู่คุณย่าดีกับหนูมาก หนูมีพี่ชายอีกหลายคนเลย พวกเขาก็ดีมากเหมือนกัน เดี๋ยวพี่สี่กับพี่ห้าจะพาหนูไปเดินเล่น พี่หมิงซุ่น ขากลับหนูจะเอาของฝากไปให้พี่นะ!”
เหมยเหมยพูดเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด เหยียนหมิงซุ่นแค่ฟังก็รู้แล้วว่ายายหนูนี่ต้องสบายดี เขาถึงได้โล่งอก มุมปากยกยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะรู้สึกดีใจแทนเหมยเหมยจากใจจริง
หลังผ่านเรื่องเลวร้ายมามากมายในที่สุดเหมยเหมยก็ตามหาครอบครัวที่รักเธอได้สักทีแถมยังมีพี่ชายอีกมาก อนาคตเธอต้องมีความสุขแน่ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นในขณะนี้ยังรู้สึกดีที่เหมยเหมยมีพี่ชายหลายคนคอยรักเธอ แต่หลายปีให้หลังเขาจะรู้ว่าการที่ผู้หญิงมีพี่ชายมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร
โดยเฉพาะกลุ่มพี่ชายที่ตกเป็นทาสของน้องสาว!
เหมือนกับหายนะชัดๆ!
“ได้ รอเธอกลับมาแล้วพี่จะไปรับ” เหยียนหมิงซุ่นตอบ
“อืม ขากลับหนูจะโทรหาพี่นะ งั้นหนูวางสายก่อนนะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นหลานสาวไม่ใส่เสื้อกันหนาวแถมยังยืนคุยโทรศัพท์เท้าเปล่าก็รีบเร่งไปหาเสื้อกันหนาวกับรองเท้าแตะมาสวมให้เธอพร้อมบ่นไปพลางๆ แม้จะบ่นแต่เหมยเหมยกลับรู้สึกอบอุ่นในใจ
ความรู้สึกที่มีคนคอยเป็นห่วงมันดีจังเลยนะ!
“เหมยเหมย เมื่อกี้โทรหาใครเหรอ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มถามแต่กลับตาเป็นประกาย คนแก่อย่างเธอไม่ได้หูหนวก เมื่อครู่หลานสาวเรียกว่าพี่ชาย ฟังดูท่าทางจะสนิทสนมกันไม่น้อย แค่ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
“พี่หมิงซุ่นค่ะคุณย่า พี่หมิงซุ่นดีมากเลย หน้าตาดี การเรียนดี แล้วยังหาเงินเก่งอีก อนาคตต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ ค่ะ” เหมยเหมยอยากแบ่งปันอารมณ์ความรู้สึกให้กับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างมาก เธอเองก็อยากบอกคนในครอบครัวว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เพื่อนที่ดีมากๆ
ฮูหยินผู้เฒ่กลับเริ่มสนใจในตัวเหยียนหมิงซุ่นขึ้นมา จะดีเด่ขนาดไหนเชียวถึงทำให้หลานสาวชมไม่ขาดปากขนาดนี้
………….
ตอนที่ 563 เริ่มมีความรัก
เหมยเหมยตัดสินใจหากระดาษและปากกาเพื่อต้องการอธิบายเหยียนหมิงซุ่นให้ชัดเจนกว่านี้ เกาะบนโต๊ะเตี้ยใช้ปากกาขีดๆ วาดๆ ไม่กี่เส้นก็วาดเค้าโครงใบหน้าเหยียนหมิงซุ่นออกมา เพิ่มอีกไม่กี่ขีดเหยียนหมิงซุ่นในกระดาษก็ดูเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้เหมยเหมยวาดชุดทหารอย่างไม่ทราบสาเหตุเพราะเธอรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นในชุดทหารหล่อที่สุด เพราะไม่มีชุดเครื่องแบบไหนจะเผยความหล่อของผู้ชายได้มากเท่าชุดทหารอีกแล้ว!
“เด็กนี่คือทหารเหรอ?” ฮูหยินผู้เฒ่าถาม
“ตอนนี้ยังไม่ใช่ค่ะ พี่หมิงซุ่นยังเรียนอยู่แต่อนาคตเขาจะไปเกณฑ์ทหาร ความฝันของเขาคือเป็นทหาร”
เหมยเหมยรู้ความใฝ่ฝันของเหยียนหมิงซุ่นได้ทันที ในเมื่อชาติก่อนเหยียนหมิงซุ่นไปเกณฑ์ทหารจริงๆ นี่นา ครั้งนี้คงไม่ต่างจากเดิม
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ฟังก็รู้สึกดีต่อเหยียนหมิงซุ่นเพิ่มมากขึ้น ผู้ชายที่ดีต้องไปเป็นทหาร พ่อหนุ่มนี่ไม่เลว หน้าตาก็ไม่แย่ คนแก่อย่างเธอแค่มองยังรู้สึกสบายตา มิน่าหลานสาวถึงได้คิดถึงเขาตลอดเวลาแบบนี้
เพียงแต่…
“เหมยเหมย หน้าที่สำคัญของเราตอนนี้คือเรียนหนังสือ เรื่องอื่นเรายังไม่ควรคิดนะ! อนาคตคุณย่าจะช่วยเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องให้ ยอมไม่มีดีกว่าได้ไม่ดี!”
ฮูหยินผู้เฒ่าชิงให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องชีวิตคู่ให้หลานสาวล่วงหน้า ยายหนูอายุสิบสองปีแล้วจำต้องรู้เรื่องอะไรบ้างแล้วล่ะ! แน่นอนว่าเหมยเหมยต้องเข้าใจ เธอไม่ใช่ยายหนูจริงๆ สักหน่อย จึงได้หน้าแดงระเรื่อทันที พูดปากยู่ออดอ้อน “คุณย่าคิดไปถึงไหนแล้ว พี่หมิงซุ่นช่วยหนูไว้เยอะ เป็นเพื่อนที่ดีของหนู คำว่าเพื่อนที่ดีคุณย่าเข้าใจมั้ยคะ?”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวยิ้มๆ “รู้สิรู้สิ เราเป็นเพื่อนกันไปก่อน ค่อยๆ ทำความเข้าใจกันไป อนาคตคุณย่าค่อยช่วยดูอีกที คนไม่ดีต้องไม่เอาเด็ดขาดเลยนะ!”
โอเค ยิ่งพูดยิ่งคลุมเครือ!
เหมยเหมยเขินจนแทบเงยหน้าไม่ขึ้น กระทืบเท้าปึงปังอย่างกระเง้ากระงอด “หนูไม่คุยกับคุณย่าแล้ว หนูจะไปแปรงฟันล้างหน้า!”
เหมยเหมยที่วิ่งมาล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำ ต่อให้ใช้น้ำเย็นล้างหน้าใบหน้ายังคงร้อนผ่าวไม่หาย สายตาที่ฉายแววตกหลุมรักรวมถึงอาการที่แสดงออกมาบนใบหน้าที่ดูอิ่มเอิบ กำลังอธิบายสถานการณ์ของเธอในยามนี้ได้เป็นอย่างดี
เธอกับเหยียนหมิงซุ่น?
เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ นั่นเป็นถึงผู้บังคับบัญชาในอนาคตเชียว!
ไม่สิ เหมยเหมยฉุกคิดได้ ดูเหมือนสถานะเธอเองก็ไม่ธรรมดา!
คุณปู่กับคุณพ่อเก่งกาจขนาดนี้ ดูท่าทางผู้คนเมื่อวานก็คงรู้ทันทีว่าตระกูลจ้าวของพวกเธอต้องไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา ถ้าอย่างนั้นเธอกับ…
โอ๊ย!
เหมยเหมยกวักน้ำเย็นใส่หน้าด้วยความเขินอายอีกทีแต่ความร้อนบนใบหน้ากลับไม่มีท่าทีจะลดลงเลย ดวงตาเป็นประกายวาวยิ่งขับให้สีหน้าเผยอาการตกหลุมรักได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดูอย่างไรก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังมีความรัก
“เธอนี่หน้าไม่อายเลยจริงๆ ไม่รู้จักอายเลย!”
เหมยเหมยชี้ตัวเองในกระจกแล้วสบถด่าเสียงเบา ใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นกลับผุดขึ้นมาในหัวเป็นระยะๆ ทั้งใบหน้าตอนยิ้มให้เธอ ป้อนขนมให้เธอ ช่วยดูฟันให้เธอ แล้วก็ตอนทายาให้เธอ…
ไม่ว่าจะทำอะไรเหยียนหมิงซุ่นก็หล่อเสมอต้นเสมอปลาย อีกทั้งยังดีกับเธอขนาดนี้ เป็นคนเดียวที่ดีกับเธอนอกจากคนตระกูลจ้าว!
ดูเหมือนการใช้ชีวิตร่วมกับพี่หมิงซุ่นก็ไม่แย่!
เหมยเหมยตกใจกับความคิดที่ผุดขึ้นมาก่อนจะมุดหน้าเข้าในอ่างน้ำเย็นเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง แต่ยิ่งแช่ก็ยิ่งร้อน และความคิดเมื่อครู่ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เธอถึงขั้นเริ่มจิตนาการภาพการใช้ชีวิตคู่กับเหยียนหมิงซุ่นในอนาคตแล้ว ทั้งอบอุ่นและแสนดีขนาดนี้ ทำเอาเธอแทบทนไม่ไหว!
“หน้าไม่อาย พี่หมิงซุ่นจะชอบเธอได้ยังไง? รีบหยุดความคิดพวกนี้เดี๋ยวนี้!”
เหมยเหมยพยายามคิดถึงบะหมี่เนื้อวัวในหัวนับครั้งไม่ถ้วนถึงไล่เหยียนหมิงซุ่นออกไปจากหัวได้สักที หน้าถูกแช่จนเย็นเฉียบ ชักช้ายืดยาดอยู่พักใหญ่ถึงกล้าเดินออกไปเพราะกลัวคนตระกูลจ้าวเห็นสภาพเธอแล้วจะเกิดข้อสงสัย
………………………..
ตอนที่ 564 ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวไม่ได้เก็บมาคิดมากเพราะเหมยเหมยยังอายุน้อยไปหน่อย เพิ่งสิบสองปีเอง ยังไม่ถึงวัยแตกสาวด้วยซ้ำจะรู้อะไรบ้างล่ะ?
อย่างมากหลานสาวก็แค่มีความรู้สึกที่ดีต่อเด็กผู้ชายที่ชื่อเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้น เธอได้ยินลูกชายคนเล็กเล่าถึงเด็กผู้ชายคนนั้นว่าดีกับหลานสาวมาก ให้ความช่วยเหลือแก่หลานสาวไม่น้อย อีกทั้งครั้งนี้ที่ได้หลานสาวกลับคืนมาก็เพราะคุณงามความดีของเด็กผู้ชายคนนี้ทั้งนั้น นับว่ามีบุญคุณใหญ่หลวงต่อตระกูลพวกเขา
อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวประทับใจต่อเหยียนหมิงซุ่นไม่น้อย ขอแค่คนนี้นิสัยดี รักเดียวใจเดียวต่อหลานสาว จะเริ่มต้นเป็นเพื่อนกันแต่เด็กก็ไม่แย่!
อย่างไรเสียตอนนี้หลานสาวยังเด็กนัก เรื่องอนาคตไว้ค่อยว่ากันอีกที ใครจะคาดเดาเรื่องอนาคตได้บ้างล่ะ!
หลังทานมื้อเช้า เหมยเหมยก็ออกไปเที่ยวกับพวกจ้าวเสวียไห่โดยท่านผู้เฒ่าจ้าวตักเตือนไว้แล้วว่าให้พวกจ้าวเสวียไห่ปกป้องน้องสาวให้ดี
“ถ้าเหมยเหมยไปข้างนอกแล้วโดนรังแก กลับมาพวกแกเจอฝ่ามือฉันแน่!”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวสั่งสอนเหล่าหลานชายด้วยใบหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มใจดีให้เหมยเหมยอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังล้วงเงินธนบัตรอีกใบจากกระเป๋าของเขายัดให้เหมยเหมย”
“ออกไปข้างนอกพกเงินไว้เยอะๆ อยากทานอะไรก็ซื้อ ถ้าไม่พอก็มาขอปู่อีกนะ”
เหล่าพี่น้องจ้าวเสวียไห่เห็นธนบัตรในมือน้องสาวอย่างอิจฉาตาร้อน โอ้โห! ท่านผู้เฒ่าช่างใจป้ำเสียจริง เมื่อวานให้เงินอั่งเปาตั้งมาก วันนี้ก็ให้เงินอีกห้าหยวน ต่อจากนี้ไปต้องตามติดน้องสาวให้ดี!
“คุณปู่คะ เดี๋ยวหนูจะเอาของอร่อยๆ กลับมาให้คุณปู่นะคะ”
เหมยเหมยโบกมือให้ท่านผู้เฒ่า จ้าวเสวียไห่ จ้าวเสวียหลิน สยงมู่มู่คอยปกป้องเจ้าหญิงตัวน้อยอย่างเหมยเหมยเหมือนผู้พิทักษ์ทั้งสี่ ออกเดินทางอย่างสบายใจเฉิบ
ทั้งห้าคนปั่นจักรยานสามคันโดยเริ่มจากการไปถนนขายของทานเล่นก่อน เหมยเหมยนั่งอยู่เบาะหลังจักรยานที่มีพี่ชายแท้ๆ ของตนเป็นคนปั่น ในอ้อมแขนมีฉิวฉิว ตอนนี้เธอไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีคนแย่งฉิวฉิวไปแล้ว
ท่านผู้เฒ่าบอกแล้วว่าหากใครกล้าแย่งจะตบมันให้ตายเลย!
สมกับเป็นถนนขายของทานเล่นในเมืองหลวง อาหารเรียงรายตามสองข้างทางที่มีทั้งของทานเล่นจากภาคใต้และภาคเหนือแต่ของภาคเหนือจะมากกว่าหน่อย ผัดตับ ขนมลาม้วน พุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาล ผัดผ้าขี้ริ้ววัวและแกะ เป็ดย่าง ของหวานที่หลากหลาย กลิ่นหอมของอาหารลอยคลุ้งไปทั่วในอากาศ แค่ยืนอยู่บนท้องถนนแล้วสูดดมกลิ่นของพวกนั้นก็น้ำลายไหลอย่างหยุดไม่อยู่
ทานของทานเล่นในเวลานี้ได้ปริมาณมากในราคาถูก ทั้งห้าคนขี่จักรยานวนหนึ่งรอบเพิ่งเสียเงินไปไม่ถึงสิบหยวนก็อิ่มจนท้องตึง สะอึกไม่หยุด
“ไปลานสเก็ตน้ำแข็งกันเถอะ!”
จ้าวเสวียกงที่เรอเสียงดังอย่างพึงพอใจเสร็จนั่งควบจักรยานชี้นิ้วไปข้างหน้าแล้วตะโกนเสียงดัง คนอื่นต่างส่งเสียงหวีดร้องกันอย่างตื่นเต้น
พวกจ้าวเสวียหลินอายุน้อยแต่กลับใส่เสื้อผ้าทันสมัย จ้าวเสวียไห่ยังสวมเสื้อกันหนาวลายทหารตัวไม่ใหม่ไม่เก่า อีกทั้งเด็กๆ ยังปั่นจักรยานมาดูท่าทางก็รู้ว่ามาจากบ้านตระกูลใหญ่ แถมไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาเสียด้วย ผู้คนที่เดินขวักไขว่บนถนนยืนหลบเปิดทางให้เพราะไม่อยากมีปัญหากับเด็กจากตระกูลใหญ่
ลานสเก็ตน้ำแข็งที่ความจริงมาจากน้ำในทะเลสาบที่ถูกขุดด้วยฝีมือมนุษย์ เพราะอากาศเย็นที่ตรงนี้ถึงได้กลายเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง ละแวกนี้มีแผงเช่ารองเท้าสเก็ตน้ำแข็งในราคาสิบสตางค์ต่อหนึ่งครั้ง พวกจ้าวเสวียหลินไปเช่ารองเท้ามาห้าคู่ ใต้รองเท้าคือใบมีดที่เหมยเหมยแค่มองก็รู้สึกใจไม่ดี
หากไปกรีดโดนตัวใครคงตัดกระดูกได้ง่ายๆ เลยล่ะ!
“เหมยเหมยไม่ต้องกลัว พี่จะพาเล่นเอง ไม่ล้มหรอก”
จ้าวเสวียหลินตะเบ็งเสียงปลอบเธอ คนบนลานสเก็ตมีจำนวนมากหากไม่ตะเบ็งเสียงหน่อยก็จะไม่มีทางได้ยินเลย เหมยเหมยหดมือหดเท้าสไลด์ไปไม่กี่ก้าว โชคดีที่ทรงตัวเก่ง สไลด์ไปไม่นานก็สามารถปล่อยมือจ้าวเสวียหลินเล่นได้แล้ว
“พี่เสวียหลิน พวกพี่ก็มาเล่นสเก็ตด้วยกันเหรอ?”
ร่างเล็กร่างหนึ่งสไลด์ตัวมา เป็นเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวสไตล์ยุโรป อีกทั้งใบหน้าก็ยังคล้ายตุ๊กตาท่าทางน่ารักเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้เลยด้วย
…………………
ตอนที่ 565 หลานสาวตัวจริงตัวปลอม
เด็กสาวอายุน่าจะพอๆ กับอู่เยวี่ย แต่งตัวทันสมัยและชุดเครื่องอาภรณ์ที่ใส่ไม่ใช่ราคาน้อยๆ เลย เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ลูกสาวครอบครัวธรรมดา
เหมยเหมยรู้สึกไม่ชอบใจเด็กสาวคนนี้ยามพบกันครั้งแรกเท่าไร แม้เด็กสาวจะหน้าตาน่ารักและสวยมากก็ตาม แต่สายตากลับเชิดสูงราวกับไม่เห็นใครในสายตา
ทั้งที่เธอยืนอยู่ข้างจ้าวเสวียหลินแต่ผู้หญิงคนนี้กลับแสร้งมองไม่เห็นเธอ เหมยเหมยจะชอบผู้หญิงคนนี้ก็แปลกแล้ว!
“พี่เสวียหลิน เราเล่นสเก็ตด้วยกันเถอะ!”
เสียงเด็กสาวหวานหยด แต่ความหวานของเธอกลับแตกต่างจากความหวานของเหมยเหมย
ผู้หญิงคนนี้คือหวานเลี่ยน ขณะที่เหมยเหมยกลับเป็นหอมหวาน เปรียบเสมือนช็อกโกแลตเกรดต่ำกับเกรดดี
อันหนึ่งทานคำเดียวไม่อยากลองชิมอีกเป็นคำที่สอง ส่วนอีกอันทานแล้วกลับอยากทานอีกเรื่อยๆ
จ้าวเสวียหลินมองเด็กสาวแวบหนึ่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่มีเวลาหรอก ฉันต้องเล่นสเก็ตเป็นเพื่อนน้องสาวฉัน”
เด็กสาวถึงเพิ่งสังเกตเห็นเหมยเหมย เหมยเหมยแอบขมวดคิ้วน้อยๆ อีกฝ่ายมีความรู้สึกเช่นเดียวกับเหมยเหมย เธอไม่ชอบอีกฝ่ายมากเช่นกัน
ยายเด็กนี่ผุดมาจากไหน?
มีสิทธิ์อะไรใส่เสื้อสีชมพูต่อหน้าเธอ?
แล้วมีสิทธิ์อะไรใช้ยางรัดผมสีชมพู ในแวดวงพวกเขาใครบ้างไม่รู้ว่าสีชมพูเป็นสีเฉพาะสำหรับเธอ โอหยางซานซาน!
ไม่มีใครกล้าใช้สีเดียวกับเธอ!
ยายเด็กนี่ชักรนหาที่ตาย!
“พี่เสวียหลินพูดตลกหรือเปล่า พี่มีน้องสาวตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอเป็นญาติฝ่ายไหนของพี่เหรอ?” โอหยางซานซานยิ้มอย่างน่ารักและพูดเสียงหวานหยด แต่สายตาที่มองเหมยเหมยกลับดูเยือกเย็น
เหมยเหมยอดลูบแขนไม่ได้ เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่จู่ๆ ก็มีท่าทีอคติต่อเธอคนนี้อีกจึงกล่าวขึ้น “พี่คะ เราไปเล่นทางนั้นกันเถอะ!”
“ได้ พี่พาเธอไปเอง เหมยเหมยระวังหน่อยนะ”
จ้าวเสวียหลินจะเหลือห้วงความคิดไหนมาสนใจโอหยางซานซานอีก เขาฉุดแขนน้องสาวไปเล่นสเก็ตอีกทางโดยไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ จ้าวเสวียกงรีบสไลด์ตามมาอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเป่าปากใส่โอหยางซานซานเป็นเชิงหยอกเย้าอีกที
“หมีน้ำตาลโอหยาง เธอใส่ชุดนี้ไม่สวยเท่าชุดที่น้องสาวฉันใส่หรอก คนเราก็ต้องเจียมตัวหน่อยใช่มั้ย ตัวเองผิวคล้ำแล้วยังจะใส่เสื้อสีชมพู ไม่เหมือนน้องสาวของฉันที่ขาวอย่างกับหิมะ ไหนจะหน้าตาสวยงามแต่เกิด ไม่ว่าจะใส่สีอะไรก็สวย เธออายุปูนนี้แล้ว ก็อย่าเสแสร้งเป็นคนอายุน้อยเลย!”
ฝีปากจ้าวเสวียกงพอได้พูดก็ไม่มีหยุดกลางคัน ทำเอาโอหยางซานซานโกรธจนน้ำตาเอ่อคลอ
“จ้าวเสวียกง นายอย่าเอาเด็กบ้าที่ผุดจากไหนไม่รู้มาเทียบกับฉัน เธอเหมาะสมเหรอ?” โอหยางซานซานตวาดด่า
จ้าวเสวียไห่ก็สไลด์ตามมาอีกคน ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงเย็น “โอหยางซานซานอย่าเห็นตัวเองสำคัญมากเลย ผู้หญิงบ้านฉันเทียบกับเธอไม่ได้ตรงไหน? แต่เธอก็พูดมีเหตุผลนะ เทียบกับเธอแล้วมันลดตัวน้องสาวฉันเกินไป เจ้าห้า วันหลังก็ระวังคำพูดหน่อย อย่าเอาหมาแมวที่ไหนมาเทียบกับเหมยเหมยของเรา ไม่กลัวแปดเปื้อนหรือไง”
จ้าวเสวียกงยิ้มรับตอบ “ความผิดผมเอง เหมยเหมยของเราไม่ใช่คนที่ใครก็จะมาเทียบได้”
สองพี่น้องพูดตอบโต้กันไปมา คนหนึ่งประชดอีกคนดูถูก เหยียบย้ำเสียโอหยางซานซานไม่มีข้อดีสักอย่าง น้ำตาไหลพรากลงมา คนอื่นก็สไลด์ตามมา พอเห็นท่าทางเช่นนี้ก็รีบมาเกลี้ยกล่อม
แต่ก็มีคนฉลาดพอรู้เรื่องตระกูลจ้าวมาก่อนแล้ว จึงย่อมไม่เอาตัวลงไปเปื้อนน้ำขุ่นนี้ ถึงขั้นตั้งตารอดูเรื่องดีๆ หลายปีมานี้โอหยางซานซานเหิมเกริมมากไป ทุกอย่างก็เพราะอ้างความสัมพันธ์อันน้อยนิดของแม่เธอกับตระกูลจ้าวไม่ใช่หรือไง!
ตอนนี้หลานสาวแท้ๆ ของตระกูลจ้าวกลับมาแล้ว หลานสาวตัวปลอมอย่างโอหยางซานซานต้องเผยธาตุแท้ออกมาได้แล้ว!
………………………
ตอนที่ 566 สองแม่ลูกที่น่ารังเกียจ
สยงมู่มู่ก็สไลด์ตามมาพอเห็นโอหยางซานซานก็มุ่นคิ้ว ผู้หญิงคนนี้น่ารำคาญชะมัดยาด หน้าตาเหมือนหมีสีน้ำตาลแล้วดันคิดว่าตัวเองเป็นหมีโคอาล่า เสแสร้งจอมปลอมเหลือเกิน
“พี่สี่ พี่ห้า พวกพี่มัวเสียเวลากับเธอทำไม? ไม่รู้สึกขยะแขยงบ้างเหรอ เราไปเล่นกับเหมยเหมยดีกว่า ผมเห็นตรงนู้นมีพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลขายด้วย ให้เหมยเหมยออกเงินซื้อให้เราทานกันดีกว่า!”
สยงมู่มู่เห็นพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลเป็นไม้ๆ วางเรียงอย่างสวยงามก็น้ำลายไหลไม่หยุด จ้าวเสวียกงกับจ้าวเสวียไห่เองก็รู้สึกหิวขึ้นมา พร้อมใจกันมุ่งไปหาเหมยเหมยอย่างไม่สนใจโอหยางซานซานอีกต่อไป
“วันนี้สะใจชะมัด ฉันพูดแซะเจ้าหมีน้ำตาลโอหยางอย่างดีไปทีหนึ่ง หึ น่ารังเกียจเหมือนแม่เธอเลย ตอนนี้เหมยเหมยของเรากลับมาแล้ว ดูสิว่าพวกเธอจะมีหน้าอะไรมาบอกว่าเป็นหลานสาวตระกูลจ้าวอีก!”
จ้าวเสวียไห่ทำหน้ารังเกียจ จ้าวเสวียกงและสยงมู่มู่เองก็ทำหน้าเช่นเดียวกัน
เหล่าพี่น้องพวกเขามีความรู้สึกเดียวกันต่อสองแม่ลูกโอหยางซานซาน แค่ฮูหยินผู้เฒ่าและท่านผู้เฒ่าเห็นแก่ความสัมพันธ์อันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ บวกกับชื่นชอบเด็กผู้หญิงมากเหลือเกินถึงให้โอกาสสองแม่ลูกอาศัยตระกูลจ้าวในการสร้างหน้าค่าตา
จะทำอะไรก็ทำเถอะ ขอแค่อย่าเกินไปก็พอ!
ทว่า สองแม่ลูกนี้กลับยิ่งอยู่ยิ่งทำเกินไป ยิ่งอยู่ยิ่งหน้าไม่อาย แทบจะถือตัวเองเป็นลูกสะใภ้และหลานสาวตระกูลจ้าวจริงๆ เสียแล้ว มันน่ารังเกียจจริงๆ
เหมยเหมยไม่ได้เก็บเรื่องโอหยางซานซานมาคิดมากด้วยซ้ำ เธอใจจดจ่อกับการเรียนรู้เล่นสเก็ตน้ำแข็ง หลังสไลด์เล่นช้าๆ หลายรอบก็พอจะเร่งความเร็วได้บ้างแล้ว
“พี่ พี่ไปเล่นเองเถอะ หนูเล่นช้าๆ เองตรงนี้ก็ได้!” เหมยเหมยกล่าว
จ้าวเสวียหลินไม่มีทางเล่นเองอยู่แล้ว เขาต้องปกป้องน้องสาวให้ดี ลานสเก็ตน้ำแข็งนี่มีผู้คนขวักไขว่ไปมา หากชนน้องสาวเข้าจะทำอย่างไร
พวกจ้าวเสวียกงเพิ่งเล่นเสร็จกลับมาและพอพูดถึงพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาล เหมยเหมยก็เกิดหิวตาม ล้วงเงินจากกระเป๋าให้จ้าวเสวียกงไปซื้อกลับมาหลายๆ ไม้
“เดี๋ยวพี่จัดให้เลย!”
จ้าวเสวียกงรับเงินมาครู่เดียวก็สไลด์จนไม่เห็นหัว อีกครู่หนึ่งก็สไลด์กลับมาพร้อมพุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลหลายไม้ในมือ
“เหมยเหมย เธอจะเอาไม้ไหน?”
จ้าวเสวียกงกางไม้พุทราเชื่อมเคลือบน้ำตาลต่อหน้าเหมยเหมยทั้งหมด ลูกแดงอิ่มเอิบเหมือนโคมไฟดวงเล็ก งามเหลือเกิน
“ไม้ไหนก็ได้ เราหาที่นั่งทานกันเถอะ”
เหมยเหมยหยิบมาลวกๆ หนึ่งไม้ก่อนจะสไลด์ไปในที่ที่คนน้อย สเก็ตน้ำแข็งเล่นยากกว่าสเก็ตธรรมดามาก จนถึงตอนนี้เธอยังไม่กล้าเคลื่อนตัวเร็วนัก
โอหยางซานซานที่อยู่ไกลออกไปมองมาทางนี้อย่างริษยา เมื่อครู่เธอเพิ่งฟังเพื่อนเล่าเบื้องหลังชีวิตของเหมยเหมย ไฟแห่งริษยาก็ลุกโชนในใจ
หลานสาวของตระกูลจ้าวย่อมมีสิทธิ์ใส่เสื้อสีชมพูอยู่แล้ว และมีสิทธิ์ใช้ยางรัดผมสีชมพูด้วย เธอมีสิทธิ์อะไรไปว่าคนอื่น!
แต่เธอยอมไม่ได้นี่นา!
ทั้งที่เมื่อก่อนเธอต่างหากที่เป็นเจ้าหญิงตัวน้อย คอยดื่มด่ำกับการปฏิบัติเยี่ยงพระเจ้า ตอนนี้เธอจะยอมถอยออกมาจากที่ตรงนั้นได้อย่างไร!
ไฟริษยาแผดเผาเสียจนโอหยางซานซานอยากจะชนเหมยเหมยให้ล้มกับพื้น แต่เธอยังมีสติ รู้ว่าทำแบบนี้ต้องไม่เกิดผลดีต่อตัวเอง
เธอต้องกลับไปปรึกษาคุณแม่ เธอไม่อยากให้คนอื่นแย่งสิทธิพิเศษที่แต่เดิมเป็นของเธอไป คุณแม่ฉลาดขนาดนี้ จะต้องมีวิธีแน่ๆ
โอหยางซานซานไม่มีอารมณ์เล่นสเก็ตน้ำแข็งอีกต่อไป รีบเปลี่ยนรองเท้ากลับบ้านทันที เหมยเหมยลอบสังเกตเด็กผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา เห็นเธอกลับไปถึงถามเรื่องโอหยางซานซาน
“เหมยเหมยไม่ต้องสนใจเธอ ก็แค่คนไม่รู้จักเจียมตัวคนหนึ่ง”
จ้าวเสวียกงทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะเล่าเรื่องของโอหยางซานซานให้ฟังคร่าวๆ ช่างน้ำเน่าสิ้นดี
……………………..
ตอนที่ 567 ไม่เอาหมีสีน้ำตาลตัวเมียเป็นพี่สะใภ้
ที่แท้แต่เดิมคุณแม่ของโอหยางซานซานเป็นก็ลูกสะใภ้คนโตของตระกูลจ้าว ซึ่งก็คืออดีตภรรยาของคุณลุงใหญ่ของเหมยเหมย ชื่อจ้าวอิงต๋าที่สละชีพบนสมรภูมิ
เพียงแต่จ้าวอิงต๋าเป็นลูกผู้ชาย รู้ว่าตนต้องเข้าสู่สนามรบ และไม่อยากแต่งงานกับคู่หมั้นตั้งแต่แรก หากแต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอม ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้ลูกสาวแต่งเข้าบ้านให้ได้ อ้างว่าต้องการสืบสกุลแก่ตระกูลจ้าวเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
แต่จ้าวอิงต๋าไม่ได้เข้าหอกับคู่หมั้นของเขาซึ่งก็คือคุณแม่ของโอหยางซานซาน เขาประพฤติตนเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอดเพียงเพราะกลัวจะส่งผลเสียต่อหญิงสาว
ภายหลังได้รับข่าวร้าย ท่านผู้เฒ่าจ้าวและฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้สร้างความลำบากใจแก่หญิงสาวผู้นี้ ให้เธอกลับบ้านตัวเองไปแล้วยังบอกว่าจะนับว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวคนหนึ่ง
สองปีให้หลังหญิงสาวผู้นี้แต่งงานเข้าบ้านตระกูลโอหยาง ตระกูลโอหยางเองก็เป็นตระกูลทหารแค่สถานะไม่เทียบเท่าตระกูลจ้าว แต่ก็นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง
ทว่าหญิงสาวคนนี้ไร้ซึ่งความเกรงใจใดๆ หลังจากนั้นเธอก็เห็นตัวเองเป็นลูกสาวตระกูลจ้าวจริงๆ จะมาเยี่ยมเยียนตระกูลจ้าวทุกวันเทศกาล ท่านผู้เฒ่าจ้าวและฮูหยินผู้เฒ่าเห็นแก่ลูกชายคนโตจึงยังไว้หน้าเธออยู่บ้าง
เพียงแต่หลายปีมานี้ผู้หญิงคนนี้เริ่มโอหังมากขึ้นเรื่อยๆ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งในช่วงเลยวัยอันควรเมื่อสิบสี่ปีก่อน นั่นก็คือโอหยางซานซาน
หรือก็คือโอหยางซานซานที่พวกจ้าวเสวียกงไม่ชอบใจ ทั้งยังตั้งฉายาให้เธอว่าหมีสีน้ำตาลโอหยาง ความจริงโอหยางซานซานหน้าตาสวยไม่แพ้ใครโดยเฉพาะใบหน้าของเธอที่คล้ายตุ๊กตาบาร์บี้ หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนมาตั้งแต่วัยเด็ก
คุณนายโอหยางพาโอหยางซานซานมาเที่ยวบ้านตระกูลจ้าวเมื่อครบอายุหนึ่งขวบ ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวชอบเด็กสาวที่น่ารักดั่งก้อนแป้งนุ่มนิ่มนี้เหลือเกิน ออกปากย้ำนักหนาว่าจะให้อีกคนเป็นหลานสาวบุญธรรม
เพียงแต่ท่านผู้เฒ่ายังไม่ยอมตกลง เรื่องนี้ถึงได้คาราคาซังมาจนถึงตอนนี้ แต่คุณนายโอหยางกลับไม่ยอมล่าถอย พยายามมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา หมายอยากให้ลูกสาวตัวเองเป็นหลานสาวบุญธรรมของตระกูลจ้าว
จ้าวเสวียไห่แค่นเสียงหนึ่งที “คิดว่าตัวเองเป็นใคร ปู่ย่าเรายังไม่ได้ยอมรับเลย แต่วันๆ ก็ป่าวประกาศให้คนนอกว่าตัวเองเป็นหลานสาวตระกูลจ้าวแล้ว ดันมีคนตาบอดหลงเชื่อคำพูด ยกยอเชิดชูหมีสีตาลโอหยางแทบลอยอีก”
สยงมู่มู่พูดติดตลก “ตอนนี้เจ้าหญิงตัวจริงของตระกูลจ้าวกลับมาแล้ว ดูสิว่าหมีสีน้ำตาลโอหยางตัวนี้จะมีหน้าบอกว่าตัวเองเป็นหลานสาวตระกูลจ้าวอีกมั้ย”
เหมยเหมยถามอย่างฉงนใจ “ทำไมพวกพี่เกลียดโอหยางซานซานคนนี้มากล่ะ?”
โอหยางซานซานหน้าตาสวยงามแล้วก็รู้จักออดอ้อน หากว่าตามเหตุผลแล้วก็น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้ชายสิถึงจะถูก!
ทำไมเหล่าพี่ชายเธอถึงได้กลับตาลปัตรไปล่ะ?
จ้าวเสวียกงถูแขนไปมาแล้วทำหน้าเกินจริง เอ่ยเลียนเสียงพร้อมเลียนแบบท่าทางโอหยางซานซาน “พี่เสวียหลิน!”
จ้าวเสวียหลินขนลุกเกรียว ยกขาถีบอีกคนไปอย่างนึกโกรธ “ถ้ายังเลียนแบบยายหมีสีน้ำตาลนั่นอีก ระวังฉันจะเตะนายให้ตาย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เหมยเหมยหัวเราะจนแทบหงายหลังตามพวกจ้าวเสวียกง จ้าวเสวียกงเลียนได้เหมือนมาก โอหยางซานซานท่าทางอย่างนั้นเลยไม่ใช่หรือไง!
“พี่ โอหยางซานซานชอบพี่ใช่มั้ย?” เหมยเหมยคิดว่าเธอพบความจริงบางอย่างที่สำคัญเข้า
“โอ้ เหมยเหมยทำไมฉลาดแบบนี้ ยายหมีสีน้ำตาลนั่นก็หวังอยากเป็นภรรยาเสวียหลินของเราไง ฮ่าฮ่าฮ่า!”
พวกจ้าวเสวียไห่ระเบิดเสียงหัวเราะอีกทีจนน้ำตาเล็ด จ้าวเสวียหลินโกรธจนไล่เตะทีละคน
แค่เหมยเหมยคิดว่าอนาคตอาจจะมีพี่สะใภ้ที่เสแสร้งทำตัวอ่อนแอไปวันๆ ก็ขนหัวลุก รีบพูดขึ้น “พี่ พี่จะเอาโอหยางซานซานนั่นมาเป็นภรรยาไม่ได้นะ หนูไม่เอาพี่สะใภ้แบบนี้!”
“กินพุทราเชื่อมไป อย่าไปฟังพวกมันพูดเหลวไหล!”
จ้าวเสวียหลินหน้าถมึงทึง แต่อีกฝ่ายเป็นน้องสาวเขา เขาจะทำอย่างไรได้!
……………………
ตอนที่ 568 มาอีกแล้ว
เพิ่งวันที่สองเหมยเหมยก็กลับมาเจอหมีสีน้ำตาลโอหยางคนนั้นอีกแล้ว
คุณนายโอหยางพาลูกสาวมาสวัสดีปีใหม่ท่านผู้เฒ่าและฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว ปกติสองแม่ลูกมักจะมาวันที่สามหรือวันที่สี่ของปีไหม่ แต่ปีนี้กลับมาตั้งแต่วันที่สอง เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานโอหยางซานซานกลับไปต้องพูดอะไรเข้าแน่เลย
สองแม่ลูกนี่พอรู้ตัวว่าโดนกระตุ้นแล้วถึงรีบวิ่งแจ้นมาจับที่นั่งพวกเธอให้มั่นคง
คุณนายโอหยางสกุลหวง ชื่อหวงอวี้เหลียน พ่อแม่เธอเป็นเจ้าหน้าที่ค่ายหทารแต่ไม่ใช่บุคคลตำแหน่งใหญ่โตอะไร เพราะเธอหน้าตาดี สมัยวัยสาวเลยมีลูกคนใหญ่คนโตมากมายตามจีบเธอ
คุณนายโอหยางในตอนนี้แม้จะอายุเข้าสู่ช่วงวัยกลางคนและดวงหน้าดูอวบอิ่มขึ้นมาก แต่ยังดูสง่าไม่มีเปลี่ยน
โอหยางซานซานไม่ได้หน้าตาคล้ายคุณแม่ของเธอและไม่ได้ดูดีเท่าคุณแม่ของเธอ น่าจะคล้ายคุณพ่อของเธอมากกว่าหน้าตาถึงได้ไม่สวยอ่อนหวานเหมือนคุณนายโอหยาง
“คุณลุง คุณป้า จริงๆ เลยนะ ที่บ้านมีเรื่องดีขนาดนี้ก็ไม่บอกฉันสักคำ ฉันเพิ่งรู้จากปากคนอื่นเลย”
หวงอวี้เหลียนพูดเสียงช้าๆ เนิบๆ ไม่เร่งรีบอะไร เสียงน่าฟังทำให้คนฟังรู้สึกสบายหู
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “คนบ้านตัวเองรู้ก็พอ ลุงของเธอจะจัดโต๊ะเลี้ยง ถึงตอนนั้นเธอมาดื่มฉลองด้วยกันนะ”
หวงอวี้เหลียนใจหล่นตุบกัดฟันกรอด เธอวางแผนแยบยลมาตั้งนานแต่สุดท้ายกลับยังเป็นเพียงคนนอกคนหนึ่ง
“คุณป้าพูดอะไรกัน หนูเห็นตัวเองเป็นคนตระกูลจ้าวมาตลอดเลยนะ คุณป้าอย่าหาว่าหนูหน้าด้านก็พอ”
หวงอวี้หยวนยิ้มรับแถมกระชับความสัมพันธ์ของตนให้ใกล้ชิดกับตระกูลจ้าวอีกนิด
คนตระกูลจ้าวไม่ยอมรับไม่เป็นไร ขอแค่ไม่ปฏิเสธก็พอ
จ้าวอิงหนานหลุดขำก่อนจะพูดแดกดันไป “หวงอวี้เหลียน เธอสกุลเหลียน สามีของเธอสกุลโอหยาง เธอกลายเป็นคนตระกูลจ้าวเราตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หวงอวี้เหลียนแอบเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ทั้งตระกูลจ้าวนี้คงมีเพียงจ้าวอิงหนาน อดีตน้องสาวสามีคนนี้ที่ปากคอเราะร้ายดั่งกรรไกร พูดจาไม่เคยไว้หน้าใคร
“นิสัยอิงหนานยังตรงไปตรงมาเหมือนตอนวัยสาวเหมือนเดิมเลยนะ ถึงฉันไม่ใช่สกุลจ้าวแต่ในใจฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนตระกูลจ้าวจริงๆ ในเมื่ออดีตฉันกับพี่ใหญ่ของพวกเธอ…”
หวงอวี้เหลียนไม่ได้พูดต่อ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหางตาพร้อมทำหน้าเศร้าสร้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป สายตาที่มองไปทางหวงอวี้เหลียนแฝงด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ
จะว่าอย่างไรก็เป็นผู้หญิงที่ลูกชายคนโตเคยรัก อีกทั้งตระกูลจ้าวมีความผิดต่อหวงอวี้เหลียนจริงๆ
แม้ลูกชายคนโตไม่เคยแตะต้องหวงอวี้เหลียน แต่หญิงสาวที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วคงยากที่จะให้แต่งอีกครั้ง ทำได้แค่แต่งกับพ่อหม้ายลูกชายคนโตตระกูลโอหยางเท่านั้น
จ้าวอิงหนานเห็นสีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าปราดเดียวก็รู้เลยว่าแม่ของตนใจอ่อนอีกแล้ว พ่อแม่ของเธอหลอกง่ายเกินไป และมักมองผู้อื่นดีเกินไป
ฉะนั้นถึงให้หวงอวี้เหลียนเอาเปรียบบ้านพวกเธอมาได้ตั้งนาน
“หวงอวี้เหลียน ถ้าเธอรักพี่ชายฉันจริงๆ ก็ควรไว้ทุกข์ให้พี่ชายฉัน ตอนพี่ชายฉันเพิ่งเสียไม่ถึงครึ่งปีเธอก็ไปมีความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้ชายข้างนอก เธอไม่รู้สึกผิดต่อพี่ชายฉันบ้างหรือไง?”
เดิมทีจ้าวอิงหนานไม่อยากย้อนเรื่องแย่ๆ พวกนี้มาทำร้ายจิตใจฮูหยินผู้เฒ่านัก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอถึงปิดปากเงียบ
แต่หลายปีมานี้หวงอวี้เหลียนกลับเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆ หากเธอไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ เกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะถูกผู้หญิงคนนี้หลอกล่อให้ยอมรับหลานสาวบุญธรรมอะไรนั่นอีก
หวงอวี้เหลียนกรีดร้องในใจแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า แค่มองฮูหยินผู้เฒ่าตาแดงก่ำ บอกว่าเธอสาบานกับฟ้าได้ว่าเธอไม่เคยทำเรื่องผิดต่อจ้าวอิงต๋า
หากเธอเคยทำเรื่องพวกนั้นก็ให้เธอออกบ้านไปโดนรถชนตาย โดนฟ้าผ่าตาย!
จ้างอิงหนานโกรธจนตัวแทบระเบิด ไม่กลัวเรื่องสาบานอีกด้วย ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายถึงขีดสุดจริงๆ!
………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น