หมอดูยอดอัจฉริยะ 558-559
ตอนที่ 558 เริ่มร่ายค่ายกลคาถา (1)
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่วางน้ำเต้าฮวงจุ้ยทองคำนี้แล้ว โจวเซี่ยวเทียนขับรถบรรทุกคอนกรีตเข้ามา เทคอนกรีตที่ผสมเสร็จแล้วลงเข้าไป เพื่อปิดน้ำเต้าฮวงจุ้ยทองคำนั้น
จากตรงนี้ นอกจากคนสนิทอย่างศิษย์พี่ศิษย์น้องของเยี่ยเทียนแล้ว คนอื่นบนในโลกนี้ก็ไม่มีใครรู้เรื่องฐานของเสาฮวงจุ้ย ที่มีน้ำเต้าฮวงจุ้ยทองคำสามตันอยู่หนึ่งอัน
สายตาของหมอดูฮวงจุ้ยมักจะลึกลับผิดแผกจากคนทั่วไปมาแต่ไหนแต่ไร พฤติกรรมของเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ไม่ได้ดึงดูดความคิดของผู้คน หลังจากที่ทำฐานเสร็จสิ้น วิศวกรที่เหลือก็รีบเข้ามา
เหตุผลที่ค่ายกลซานฉายเปลี่ยนสุริยันนี้ทำยาก เพราะหนึ่งคือวัสดุหายาก สองทุกขั้นตอนของค่ายกล จะผิดพลาดไม่ได้เลย มิเช่นนั้นค่ายกลจะไม่สามารถดำเนินได้
ในสมัยโบราณ อาจารย์ฮวงจุ้ยที่ต้องการสร้างค่ายกล จะต้องทำมันด้วยตัวเองอย่างตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในสมัยนี้ มีเครื่องมีที่แม่นยำในการช่วยเหลือ ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ภายใต้คำขอร้องของเยี่ยเทียน ไม่ว่าจะเป็นการแกะสลักรูปปั้นคนสามคน หรือการบรรจงวาดค่ายกลลงบนพื้น ทุกอย่างตรงตามความต้องการของเขา ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง
แต่สิ่งที่คนพวกนี้ไม่รู้ก็คือ พื้นด้านล่างค่ายกลทั้งสามของเยี่ยเทียน ได้ปูหยกแดงไว้เป็นจำนวนมาก
เครื่องหยกพวกนี้เยี่ยเทียนเป็นคนเจียระไนเองสำหรับทำค่ายกล และตอนที่เขาสร้างมันก็ท่องคัมภีร์เต๋าไปด้วย และขั้นตอนนี้จึงทำให้เครื่องหยกวาวขึ้น
ถึงแม้ว่าเครื่องหยกพวกนี้ไม่ถึงขั้นเป็นของขลัง แต่ผลจากการปลุกเสกก็ช่วยปกป้องคนทั่วไปได้ มีความแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องพระที่พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่ทำการปลุกเสกเบิกเนตร ถ้าหยิบไปออกไปขาย มูลค่าของชิ้นหนึ่งควรมีราคาอย่างน้อยหนึ่งล้านขึ้นไป
ตอนที่เยี่ยเทียนจัดวางเครื่องหยกพวกนี้ เห็นจั่วเจียจวิ้นเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก ต้องรู้ว่า หากนำเครื่องหยกสีแดงหลายสิบชิ้นนี้ไปขายในร้านของเขา เกรงว่าความต้องการหยกในฮ่องกงต้องได้รับกระแสนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากเครื่องหยกสีแดงพวกนี้แล้ว ดวงตาค่ายกลของทั้งสามค่ายกลนี้ ยังจัดวางของขลังไว้ชิ้นหนึ่ง ด้วยเพราะเหตุนี้เยี่ยเทียนจึงขอของขลังชิ้นนั้นกลับมาจากมือของศิษย์พี่ก่อน
โก่วซินเจียไม่สนใจเงินทองเท่าไร แต่ของขลังสามชิ้นที่เยี่ยเทียนหยิบออกมา กลับทำให้สายตาของเขาจ้องเขม็ง ถ้าไม่ใช่ว่าค่ายกลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง เกรงว่าโก่วซินเจียเองก็มีความคิดที่จะเป็นโจรไปขโมยตอนกลางคืน
แต่หลังจากที่หยิบของขลังทั้งสามชิ้นออกมา นอกจากกลองสัมฤทธิ์ที่เยี่ยเทียนได้มาจากภูเขาฉางไป๋ซานและเครื่องประกอบพิธีทางศาสนาที่สืบต่อจากหัวหน้าสำนักแล้ว ก็ยังมีดาบเหยี่ยนเยว่เตาและมีดสั้นอู๋เหินอีกสองชิ้น
และเวลาหนึ่งเดือนกว่าก็ผ่านไปอีกแล้ว เวลานี้ก็เข้าสู่เดือนพฤษภาคม สภาพอากาศในฮ่องกงเริ่มร้อนอบอ้าวขึ้น นี่จึงเป็นอีกครั้งที่เยี่ยเทียนอยู่ที่ฮ่องกงนานที่สุด ทั้งหมดเป็นเวลาสามเดือนเต็ม
ในสามเดือนนี้ เยี่ยเทียนไม่เพียงแต่สร้างลูกบอลฮวงจุ้ยและเสาฮวงจุ้ยเสร็จ คฤหาสน์หลังนั้นที่กงเสี่ยวเสี่ยวได้มอบให้เขา ก็ได้ตกแต่งเสร็จเช่นกัน และได้ย้ายเข้าไปอยู่เมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้แล้ว
ตัวหลักของคฤหาสน์ทั้งหมดเป็นอาคารสี่ชั้น ชั้นหนึ่งเป็นห้องรับแขก ห้องอาหาร ห้องครัวและห้องคนใช้ และยังมีห้องว่างทั้งหมดสามห้อง
ชั้นสองชั้นสามเป็นห้องนอน รวมกันมีทั้งหมดสิบสองห้องที่คนอยู่ได้ และแต่ละห้องมีห้ออาบน้ำส่วนตัว โดยห้องพักในเจ็ดห้องนี้ได้หันหน้าเข้าหาทะเล ซึ่งเป็นฮวงจุ้ยที่ยอดเยี่ยมมาก
ส่วนชั้นสี่ เยี่ยเทียนได้สร้างเป็นห้องโฮมเธียเตอร์และห้องเก็บสะสม ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจภาพยนตร์ แต่ในอนาคตเมื่อมีเวลาว่าง สามารถใช้เวลากับภรรยาหรือแม่ได้
และสำหรับห้องนอนที่อยู่ตรงกลาง เยี่ยเทียนได้สร้างค่ายกลเป็นพิเศษ ใช้กั้นพลังวิญญาณทั้งตัวอาคาร เพื่อสะดวกให้พ่อแม่และญาติพี่น้องเข้ามาพักได้สะดวก
เพราะหลังจากที่เปิดค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณแล้ว บ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าดิน เกรงว่าอาจจะมากกว่าพลังที่อยู่ในบ้านที่ปักกิ่งสิบกว่าเท่า ซึ่งคนธรรมดายากที่จะรับได้
ก็เหมือนกับการทานอาหารเสริม ทานอาหารเสริมน้อยก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายได้ แต่ถ้าบำรุงมากเกินไป ก็มีผลเสียทำร้ายร่างกายได้ ดังนั้นเยี่ยเทียนจึงจัดค่ายกลสองสามห้องเป็นพิเศษ เผื่อไว้วันหน้าพ่อกับแม่ยังจะพักที่โรงแรมในฮ่องกง
นอกจากอาคารหลักแล้ว เยี่ยเทียนยังมีการสร้างสระว่ายน้ำเพิ่ม นี่คือการตอบสนองรูปแบบฮวงจุ้ยแบบเปิดประตูแล้วเห็นน้ำที่รวบรวมทรัพย์สมบัติ นอกจากนี้ยังมีฮวงจุ้ยแม่น้ำล้อมรอบทั้งบ้าน ด้านบนยังมีศาลาพักไว้เก้าหลัง
ศาลาพักผ่อนทั้งเก้าหลังนี้พิถีพิถันอย่างมาก เยี่ยเทียนใช้เครื่องหยกสีแดงที่เหลือพวกนั้น นำมาใช้ที่ด้านบนนี้เกือบทั้งหมด และยังเป็นกุญแจสำคัญในการรวบรวมพลังวิญญาณที่เขาจัดไว้
การรวบรวมพลังวิญญาณนี้มีชื่อว่าค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง คนบนโลกจะรู้แต่ดาวไถดาวเจ็ดดวง กลับไม่รู้ว่า ในสายตาของอาจารย์ฮวงจุ้ย นอกจากดาวไถแล้วยังมีดาวอีกสองดวงที่ซ่อนอยู่
ดาวที่ซ่อนสองดวงนี้คือดาวเสริมและดาวช่วย กลายเป็น“ดาวเจ็ดดวงซ่อนสองดวง” ในวงการฮวงจุ้ยจึงมีหลักการพูดดาวเก้าดวง ตามตำนานเล่าขานว่า หากคนธรรมดามองเห็นดาวสองดวงที่ซ่อนอยู่จะมีอายุยืนยาว
เหตุผลในการรวบรวมดาวพลังวิญญาณดาวเก้าดวงนี้ เพราะเก้าเป็นจำนวนมากที่สุดของพลังขั้วบวก ในสมัยโบราณจำนวนเก้าถูกนำมาใช้เพื่อแนบกับจักรพรรดิ และจักรพรรดิส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเก้า
เครื่องทองสัมฤทธิ์มี “หม้อขาตั้งเก้า” รอบๆ จักรพรรดิก็จะแต่งตั้ง“เสนาบดีเก้าคน” ราชสำนักต้องมี“ความยุติธรรมเก้าประการ”เมืองหลวงมีประตูเก้าบาน และในพระราชวังต้องห้ามมีห้องเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าห้อง
หนังสือ “อี้ กาน เหวินเหยียน” ท่อนกลางพูดไว้ว่า พลังเฉียนทั้งเก้า สามารถควบคุมโลกได้
ต้องรู้ว่า เยี่ยเทียนใช้การดูดซึมทั้งหมด แต่พลังทะเลที่ไร้ขอบเขต ก็มีเพียงดาวเก้าดวงนี้ที่ใช้ในค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณเท่านั้น ถึงจะสามารถรองรับการรวมตัวและการเปลี่ยนแปลงของพลังวิเศษของเสาฮวงจุ้ย โดยต้องใช้ถึงระดับเก้าไม่อย่างนั้นไม่ได้
ทิศของทะเลที่อยู่ตรงข้ามคฤหาสน์ เยี่ยเทียนได้สร้างจุดชมวิวไว้ที่หนึ่ง จุดชมวิวนี้ค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์ รูปร่างทั้งหมดเป็นเหมือนหัวมังกร และมังกรอ้าปากออก ราวกับกำลังกลืนพลังของทะเลอันห่างไกล
ไม่มีใครรู้ ว่าไข่มุกมังกรเม็ดนั้นที่ปากมังกรที่ยื่นออกไปที่จุดชมวิว ทำจากทองคำทั้งหมด ด้านบนมีการวาดคาถาวิชาแบบรางๆที่ซับซ้อนสิบกว่าชนิด และเยี่ยเทียนเป็นคนที่แกะสลักด้วยตัวเอง
ทองคำที่หามาจากพม่าพวกนั้น นอกจากขายให้ประเทศแล้ว ที่เหลืออีกห้าตันก็ถูกเยี่ยเทียนใช้จนหมดเกลี้ยง
สำหรับการก่อสร้างเสาฮวงจุ้ย เดิมทีต้องใช้เงินสองร้อยล้านหยวนขึ้นไป และเพิ่มมาอีกสี่ร้อยล้านหยวน การลงทุนทั้งหมดสูงถึง หกร้อยล้านหยวน
หากนับทองคำของเยี่ยเทียนกับมูลค่าของเครื่องหยกและของขลัง ฮวงจุ้ยขนาดใหญ่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่หลายสิบกิโลเมตร และมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยล้านหยวน
ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันนี้ เหตุผลที่น้อยคนใช้การจัดค่ายกลแบบนี้ ก็ด้วยเหตุผลนี้เอง ต้องรู้ว่า แม้ว่าจักรพรรดิเหล่านั้นจะมีความมั่งคั่ง แต่พวกเขาไม่มีของขลังทั้งสามชนิดแน่นอน
เพราะตามที่พวกอาจารย์ฮวงจุ้ยพูดกัน ของขลังทุกชิ้นต่างก็พิเศษและล้ำค่า และไม่พูดต้องถึงว่าคนเหล่านั้นจะมีของสามอย่างนั้นอยู่ในมือของพวกเขาหรือไม่ ต่อให้มีก็เกรงว่าคงไม่ยอมทิ้งให้จักรพรรดิไปสร้างค่ายกลพวกนี้แน่
ดังนั้นหลังจากที่ซ่งเวยหลันรู้ราคาการก่อสร้างค่ายกลฮวงจุ้ยนอกคฤหาสน์แล้ว แม้แต่เธอที่มีฐานะร่ำรวยยังต้องตกใจ ลูกคนนี้ของตัวเอง อาจจะเป็นคนที่ล้างผลาญครอบครัวก็เป็นได้
………………
“เยี่ยเทียน ดาบเหยี่ยนเยว่เตาด้ามนั้นวางไว้ที่นี่ ค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณที่อยู่ที่ปักกิ่งของนายก็จะไม่มีสิ่งของที่ยับยั้งความชั่วร้ายแล้วสิ?”
ครึ่งเดือนก่อน โก่วซินเจียและคนอื่นๆ ก็ย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหม่นี้พร้อมกับเยี่ยเทียน จึงให้คำแนะนำกับเยี่ยเทียนไม่น้อยเกี่ยวกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของการจัดฮวงจุ้ยในบ้าน
พรุ่งนี้ตอนกลางคืน พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องสามคนจะเริ่มร่ายสร้างค่ายกล เวลานี้ทั้งสามคนกำลังยืนอยู่ที่จุดชวิวทอดมองเสาฮวงจุ้ยที่อยู่ใต้ภูเขาที่ไกลออกไป
ถึงแม้ค่ายกลทั้งสองฝั่งจะยังไม่เปิดออก แต่เมื่อยืนอยู่ตรงจุดชมวิว ก็สามารถรู้สึกถึงพลังจักรวาลที่มีอยู่มากมาย ในช่วงเวลาสั้นๆ สองสามเดือนนี้ คนร่ำรวยที่อาศัยอยู่กลางภูเขาพวกนั้นต่างก็ได้รับประโยชน์มากมาย
ดาบเหยี่ยนเยว่เตาที่เขียวที่โก่วเจียซินพูดนั้น คือมีดที่เยี่ยเทียนให้โจวเซี่ยวเทียนเอามาจากปักกิ่ง ด้วยเหตุนี้เยี่ยเทียนจึงสร้างศาลามีดขึ้นเป็นพิเศษบนแม่น้ำฮวงจุ้ยที่อยู่ด้านหลังจุดชมวิว เพื่อวางดาบเหยี่ยนเยว่เตาโดยเฉพาะ
ต้องรู้ว่า พลังพิฆาตเป็นพลังชีวิตชนิดหนึ่ง ต่อให้เสาฮวงจุ้ยจะกลั่นกรองเปลี่ยนมาเป็นพลังมงคลแล้ว ก็ยังมีพลังพิฆาตอยู่ในนั้นบ้าง
หลังจากที่ใช้ความพยายามทั้งหมดในการวางดาบเหยี่ยนเยว่เตาอยู่ตรงนี้ ซึ่งสามารถโจมตีสิ่งชั่วร้ายทุกอย่างได้ เพื่อรับประกันระดับความบริสุทธิ์พลังชี่แท้ในเสาฮวงจุ้ยนี้
เมื่อเห็นโก่วซินเจียหันกลับมาพิจารณาดาบเหยี่ยนเยว่เตาของตัวเอง เยี่ยเทียนจึงยิ้มพูด “ศิษย์พี่ มีเหมาโถวอยู่ บ้านหลังนั้นที่ปักกิ่งของผมไม่มีพลังพิฆาตมารุกรานแน่นอน…”
สองสามเดือนมานี้เยี่ยเทียนก็หาเวลาว่างกลับไปที่ปักกิ่งสองสามครั้ง พบว่าเจ้าเหมาโถวไม่เพียงแต่สามารถดูดซับพลังของท้องฟ้าและดินได้ แม้แต่พลังพิฆาตเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ตามมุมของบ้าน ก็ถูกมันกลืนไปจนหมด
แต่ฮ่องกงที่หนึ่งปีมีสี่ฤดูมีอุณหภูมิสูงขึ้นตลอดทั้งปี ก่อนที่มีการสร้างค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณขึ้น เยี่ยเทียนไม่ได้นำเหมาโถวมาด้วย
เมื่อหันกลับไปมองที่วิลล่าหลังใหม่ เยี่ยเทียนปริปากพูดว่า “ศิษย์พี่ วันหลังพวกคุณก็มาฝึกวยุทธที่นี่เถอะ ถ้าพลังที่บ้านในปักกิ่งหลังนั้นเบาบางลง ก็ให้พวกป้าน้าอาของผมเข้าไปอยู่ และยังสามารถปรับร่างกายของพวกเธอให้ดีขึ้นด้วย…”
ถ้าค่ายกลรวบรวมดาวเก้าดวงทำสำเร็จ บ้านของเยี่ยเทียนก็ไม่ต่างจากสวรรค์ที่อยู่ในตำนานเหล่านั้น และเต็มไปด้วยปราณวิเศษ เกรงว่าจะมีความพิเศษมากกว่าอีกด้วย
โก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นก็พักอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าการบำเพ็ญเพียรจะไม่สามารถเข้าขั้นหลอมปราณสู่จิต แต่เมื่อเข้าสู่โลกของการหลอมรวมลมปราณกลับสู่ความว่างเปล่า แม้แต่คนที่อายุยืนเป็นร้อยปีก็สามารถมีอายุยืนมากกว่าอาจารย์ได้ จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร
“ศิษย์น้องเล็ก อย่างนั้นฉันกับศิษย์พี่รอง ต้องอาศัยบารมีนายแล้วแหละ…”
โก่วเจียซินยิ้มขึ้นมา ในใจรอคอยการเปิดค่ายกลนี้เป็นอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองในวัยชรา จะสามารถมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้
“ศิษย์พี่ ถ้าไม่ใช่ว่าทองก้อนนั้นของพี่ ต่อให้ตีผมให้ตายผมก็ไม่กล้าที่จะสร้างค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณเก้าดวงนี้หรอก…”
เยี่ยเทียนยิ้มแล้วพูดว่า “และพี่ก็อย่าคิดว่าจะนั่งดูอยู่เฉยๆ พรุ่งนี้ตอนที่เริ่มเปิดค่ายกล พี่กับศิษย์พี่รองเปลือยร่างส่วนบนขึ้นบนเวที ไม่อย่างนั้นผมคนเดียวไม่สามารถเริ่มเปิดค่ายกลนี้ได้!
ตอนนั้นต่อให้เป็นการเปิดค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณฟ้าดิน ก็ทำเอาเยี่ยเทียนเหนื่อยจนกระอักเลือด เกือบจะถูกลมปราณเข้าแทรก
ถึงแม้ตอนนั้นเยี่ยเทียนจะมีสาเหตุจากวรยุทธไม่เพียงพอก็จริง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงระดับความยากของการเปิดค่ายกลแล้ว
ตอนที่ 559 เริ่มร่ายค่ายกลคาถา (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ยอดเขาวิคตอเรียในตอนเช้า ปกคลุมไปด้วยหมอกบางๆ ภูเขาที่ปรากฎขึ้นเป็นต้นไม้สีเขียวทึบ มองไกลๆ ก็จะเห็นก้อนเมฆลอยเกลียวขึ้นเป็นชั้นๆ ราวกับดินแดนของสวรรค์
ยอดเขาวิคตอเรียในอดีตไม่มีปรากฏการณ์แบบนี้ให้เห็น ตั้งแต่สร้างลูกบอลฮวงจุ้ยและเสาฮวงจุ้ยนั้นขึ้นมา ฮวงจุ้ยบนภูขาก็เหมือนจะดีขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะอากาศในยามเช้าตรู่ เห็นได้ชัดว่าสดชื่นผิดปกติ
เมื่อเวลาตีสามมาถึง เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่บนเบาะทรงกลมที่อยู่จุดชมวิวในวิลล่าก็ลุกขึ้นยืน โก่วซินเจียและจั่วเจียจวิ้นที่อยู่ด้านซ้ายและขวาทั้งสองฝั่งต่างมีปฏิกิริยาตอบรับที่รวดเร็ว และลืมตาขึ้นพร้อมกัน
ถึงแม้ยังไม่ได้เปิดค่ายกล แต่ปราณวิเศษของที่นี่มีอยู่มากมาย เมื่อเทียบกับเรือนสี่ประสานในเมืองปักกิ่งแล้วต่างกันเพียงเล็กน้อย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาศิษย์พี่และศิษย์น้องต่างก็นั่งสมาธิที่นี่นี่ทั้งคืน
หลังจากการทำสมาธิหกเจ็ดชั่วโมง จิตวิญญาณของทั้งสามคนก็ได้ฟื้นฟูคืนสู่สภาพที่ดีที่สุด พวกเขารู้ว่าค่ายกลจะเปิดสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับวันนี้แล้ว
“ศิษย์น้องเล็ก ได้เวลาแล้วใช่ไหม?”
ดวงตาทั้งสองข้างของจั่วเจียจวิ้นเปรียบเสมือนไฟ ที่ส่องเปล่งประกายออกมา ร่างกายที่ผอมแห้งแฝงด้วยพลังที่น่ากลัวนั้น เห็นได้ชัดว่าสภาพของร่างกายเขาได้ปรับสภาพดีแล้ว
เมื่อเทียบกับจั่วเจียจวิ้นที่เผยสายตาที่ชัดเจนแสดงออกมาขนาดนี้ เยี่ยเทียนกับโก่วซินเจียกลับมีท่าทีที่สงบเหมือนเป็นปกติ ร่างกายไม่แสดงความผิดปกติอะไรออกมา แต่จั่วเจียจวิ้นก็รู้ว่า ศิษย์พี่น้องคู่นี้ ได้บรรลุถึงและได้เข้าสู่สภาพเดิมแล้ว
“ช่วงเวลาตีสามสี่สิบห้านาทีเป็นช่วงที่เสือร้ายออกมา ยังต้องรออีกสักพัก”
เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิท อากาศของวันนี้ไม่ใช่จะดี มีเมฆดำจำนวนหนึ่งปกคลุมท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
แต่สำหรับซินแสฮวงจุ้ยแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร อย่างน้อยเยี่ยเทียนก็สัมผัสได้ถึงดาวไถเก้าดวงและมีอีกสองดวงที่ซ่อนอยู่ด้านใน
ดวงดาวที่มีลักษณะช้อนงอขึ้นกลายเป็นกลุ่มดาวไถ ชี้ให้เห็นพลังจักรวาลที่โคจรไปตามโลกอย่างไม่รู้ตัว กลุ่มดาวไถเจ็ดดวงก็เป็นดาวเทพเจ้าทั้งเจ็ดที่บูชาในลัทธิเต๋า ลัทธิเต๋าในสมัยโบราณ จึงมีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด
หลังจากที่เงยหน้ามองดาวสักพัก เยี่ยเทียนจึงปริปากพูด “ศิษย์พี่สอง อีกสักพักผมจะเริ่มเปิดค่ายกลด้านล่าง พวกพี่ต้องรีบเคลื่อนค่ายกลรวบรวมดาวทั้งเก้า เพื่อให้สองอย่างนั้นประสานกัน…
แต่พลังวิญญาณที่ก่อตัวในค่ายกลด้านล่างนั้นดุเดือดอย่างมาก ถ้าศิษย์พี่ทั้งสองต้านไม่ไหว ก็ไม่ต้องฝืนครับ!”
ตอนที่เยี่ยเทียนพูดมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก หลังจากที่สร้างค่ายกลทั้งสองนี้สำเร็จอานุภาพก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากการสร้างค่ายกลนั้นล้มเหลว พลังแว้งกัดก็จะมีอานุภาพที่โหดร้ายมากขึ้น
ต้องรู้ว่า ค่ายกลซานฉายของเสาฮวงจุ้ยกับค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดวงดาวเก้าดวงของบนภูเขา ทั้งสองอย่างนี้เป็นค่ายกลที่ไม่เหมือนกัน
ค่ายกลซานฉายทำหน้าที่ดูดซับเปลี่ยนพลังฟ้าดินที่รุนแรนของทะเล แต่มันไม่มีช่องทางในการปลดปล่อย เมื่อความจุของมันถึงจุดสูงสุด พลังวิญญาณเหล่านั้นก็จะระเบิดออกมา เป็นผลร้ายที่เกิดความคาดหมาย
ส่วนค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง ก็คือเอาพลังวิญญาณที่เกิดจากค่ายกลซานฉายรับมันเข้ามาทั้งหมด เพื่อใช้การบำรุงบ้านหลังนี้ และภายใต้ผลของค่ายกล จึงทำให้พลังวิญญาณนั้นอ่อนโยนลงและสมดุลกัน
ค่ายกลทั้งสองคือการช่วยเสริมซึ่งกันและกัน ระหว่างนั้นจึงไม่อาจเกิดความผิดพลาดได้ และการเปิดค่ายกลซานฉายก็จะมีอันตรายอย่างมาก
แต่การก่อตัวของค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงในบ้านก็อันตรายเช่นกัน ถ้าหากพลังวิญญาณที่เกิดจากค่ายกลซานฉายนั้นเกิดความคลุ้มคลั่ง และค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงนี้จะประสบความสำเร็จไหม ก็เป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งของโก่วซินเจียกับจั่วเจียจวิ้น
หลังจากที่ได้ยินความกังวลของเยี่ยเทียน โก่วซินเจียจึงยิ้มขึ้นมาแล้วพูด “ศิษย์น้องเล็ก ฉันกับศิษย์น้องจั่วแยกกันแล้วยังสู้นายไม่ได้เลย แต่ถ้ารวมกันแล้ว วรยุทธก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านายนะ แต่นายจะเปิดค่ายกลซานฉายเพียงคนเดียวมันอันตรายเกินไป…
จากที่ฉันดูนะ ให้เซี่ยวเทียนลงไปกับนายด้วย ถึงแม้วรยุทธของเขาจะอ่อนแเอไปหน่อย แต่เวลาคับขันก็น่าจะเป็นประโยชน์!”
ในชีวิตของโก่วซินเจียนี้ได้สัมผัสกับเหตุการณ์สำคัญเกือบทั้งหมดที่เกิดขึ้นในยุคจีนสมัยใหม่ จิตใจจึงเยือกเย็นเหมือนสายน้ำ แม้แต่ในการเผชิญหน้ากับค่ายกลทั้งสองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็ไม่สามารถทำให้เขาเกิดอารมณ์ผันผวนได้
“เซี่ยวเทียน? เขาไม่ได้…”
เยี่ยเทียนได้ยินถึงกับส่ายหน้า พูดว่า “ถ้าไม่ใช่ว่าศิษย์พี่จั่วได้เข้าฝึกญาณจนแยกออกจากกันได้แล้ว ก็คงไม่ยื่นมือเข้ามาหรอก วรยุทธของเซี่ยวเทียนยังไม่ถึง จึงไม่สามารถต้านทานพลังชี่นั้นได้”
การสร้างค่ายกลแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของค่ายกล ซึ่งรวมถึงการแกะสลักและเครื่องรางของขลังต่างๆ บนวัสดุ ขั้นตอนนี้เรียกว่าการเตรียมงาน
ขั้นตอนที่สองคือการเตรียมวัตถุทุกอย่างให้เสร็จ ต้องจัดวางตามทิศทางของค่ายกล ขั้นตอนนี้ต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง เพราะถ้าผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้การเริ่มสร้างค่ายกลล้มเหลว
และแน่นอนว่าขั้นตอนที่สำคัญคือขั้นตอนที่สาม นั่นก็คือการเริ่มร่ายค่ายกลคาถา ขั้นตอนนี้ค่ายกลจะสามารถดำเนินการตามโครงสร้างที่คิดก่อนหน้านั้นได้สำเร็จหรือไม่ เรียกได้ว่าสำคัญมากๆ
ความยากง่ายในการเริ่มสร้างค่ายกลนั้น มักจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนอานุภาพพลังที่เพรียบพร้อมของค่ายกล
ตอนนั้นที่เยี่ยเทียนสร้างค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณเฉียนคุณ แค่วรยุทธที่เป็นพลังแฝง แต่พื้นที่ที่เขาสร้างค่ายกลทั้งหมดไม่เกินหนึ่งพันตารางเมตร ก็ทำให้เยี่ยเทียนได้เลือดเป็นตัวแลกเปลี่ยน แต่ก็ยังทำให้ค่ายกลทำงานได้
แต่สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้คือรวมกันของค่ายกลซานฉายเปลี่ยนสุริยันกับค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวง ซึ่งอิทธิพลของมันกว้างมีผลอยู่ในระยะกว่าสิบกิโลเมตร ต่อให้ตอนนี้เยี่ยเทียนจะมีวรยุทธก้าวหน้าอีกหนึ่งขั้น ก็ไม่มั่นใจว่าการเปิดค่ายกลนั้นจะสำเร็จ
และวรยุทธของโจวเซี่ยวเทียน แน่นอนว่าไม่สามารถต้านทานพลังจักรวาลที่วุ่นวายตอนที่เริ่มเปิดค่ายกลได้ พอถึงตอนนั้นเกรงว่าเยี่ยเทียนจะต้องแยกสมาธิเข้าไปช่วยเขาอีก จึงเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย
ดังนั้นวันนี้เยี่ยเทียนไม่ให้เขาอาศัยอยู่ในบ้าน และก็ให้หลิ่วติ้งติ้งอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับแม่เขาที่บ้านจั่วเจียจวิ้นแทน เพราะกลัวว่าถึงตอนนั้นพวกเขาสามสี่คนจะสร้างความวุ่นวายได้
เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นมองเห็นดาวสว่างดวงหนึ่งบนท้องฟ้า ทำให้หัวใจของเขาสั่นทันทีและพูดว่า “ศิษย์พี่ ไท่ไป๋ซิงขึ้นแล้ว ผมขอลงไปก่อน!”
ไท่ไป๋ซิงที่เทียนพูดถึง แท้จริงแล้วก่อนรุ่งสาง บนขอบฟ้าด้านตะวันออกจะมองเห็น “ดาวรุ่งยามเช้า” ที่สว่างไสวเป็นพิเศษเป็นบางครั้ง ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือดาวศุกร์
แต่ดาวศุกร์ในตำนานลัทธิเต๋า มันกลับครองตำแหน่งที่สำคัญ ในลัทธิเต๋า ดาวศุกร์กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกหลักและสถานะของมันอยู่ภายใต้เทพเจ้าซานซิง (เซียนไท้ซ่างเหล่าจวิน หยวนสื่อเทียนจุน และทงเทียนเจี้ยวจู่)
ดาวศุกร์ในตอนรุ่งสาง แสดงถึงวันแรกของการเกิด การที่ดาวศุกร์ขึ้น ทุกสรรพสิ่งจะเข้าหาพลังหยาง เมฆสีม่วงทางทิศตะวันออกก็ตกลงตรงดาวศุกร์ในชั่วพริบตา ถึงตอนนั้นก็คือเวลาที่เริ่มเปิดค่ายกลคาถาได้
เมื่อเห็นดาวศุกร์ขึ้นตรงขอบฟ้า เยี่ยเทียนจึงไม่อืดอาด หันไปเคารพศิษย์พี่ทั้งสอง จากนั้นก็กระโดดลงไปจากจุดชมวิว
หลังจากลงมากว่าสิบเมตร ปลายเท้าของเยี่ยเทียนก็แตะบนยอดไม้อย่างแผ่วเบา ร่างกายดูเหมือนจะเดินล่องลอยอยู่ในสายลม เสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะ ฉวัดเฉวียนล่องลอยอยู่รอบๆ หมอกบนภูเขา
สถานที่ของคฤหาสน์กับเสาฮวงจุ้ย ตั้งอยู่ในแนวเส้นตรง ตรงกลางยกเว้นภูเขาและป่าไม้แล้ว ก็ไม่มีอะไรเป็นตัวกั้น
ร่างของเยี่ยเทียนเคลื่อนไหวผ่านภูเขาและป่าไม้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เวลาสั้นๆ สิบกว่านาที เขาก็มาถึงศูนย์กลางของค่ายกลซานฉาย
เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการร่ายค่ายกล เมื่อวานนี้จั่วเจียจวิ้นได้มีการติดต่อประสานงานกับรัฐบาลเกาะฮ่องกง ว่าภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรของค่ายกลซานฉาย ต้องมีสายกั้นของตำรวจ นอกจากเยี่ยเทียนแล้ว ห้ามใครคนอื่นเข้าไปในนั้น
ข้างหน้าเยี่ยเทียนในตอนนี้ ก็คือเสาฮวงจุ้ยที่สูง 28 เมตร
เสาฮวงจุ้ยซึ่งใช้เวลาสามเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์ เหมือนเสาหยกที่รองรับท้องฟ้าใต้เนินเขา เสาทั้งหมดด้านในเป็นทรงกลมด้านนอกทรงเหลี่ยม กลมคือท้องฟ้า เหลี่ยมคือดิน ดินต้องใหญ่กว่าท้องฟ้า
นอกจากนักปราชญ์สามคนแล้ว ด้านล่างของเสาสลักด้วยลวดลายของมังกร หงส์และกิเลน มีสี่ปรากฏการณ์ล้อมรอบค่ายกล ด้านหน้าทางทิศใต้มีหงส์แดง ด้านหลังทิศเหนือมีเต่าดำ ด้านซ้ายทางทิศตะวันออกมีมังกรฟ้าด้านขวาทิศตะวันตกมีเสือขาวที่ล้อมรอบทั้งสี่ด้าน
ตำแหน่งตรงกันข้ามมังกรฟ้าทางตะวันออก ก็คือพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ทุกวันจะเกิดเมฆสีม่วงทางทิศตะวันออกเป็นอย่างแรก จะถูกมันดูดซึมเข้าไปในค่ายกล โดยเหตุนี้ปราณวิเศษที่อยู่ในค่ายกลรวบรวมพลังวิญญาณดาวเก้าดวงถึงมีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น
และตำแหน่งที่เยี่ยเทียนยืนอยู่ตรงนี้ ก็คือตรงกลางดวงตาทั้งสองข้างของหยินหยางของค่ายกลจิ่วกงปากว้า ซึ่งเป็นดวงตาของค่ายกลซานฉายนั่นเอง
เยี่ยเทียนที่ใส่ชุดสีขาวที่ต้องรับบทบาทที่หนักอึ้งยืนอยู่ข้างล่างอย่างเงียบๆ ถึงแม้ว่าปริมาตรทั้งสองอย่างจะไม่ได้สัดส่วน แต่ร่างกายของเยี่ยเทียนกลับเหมือนเทพที่อยู่ในโลกมนุษย์ ไม่รู้สึกตัวเล็กเตี้ยเลย
เมื่อเงยหน้ามองดาวศุกร์บนท้องฟ้าที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่ดาวไถเจ็ดดวงกลับค่ายๆ มืดลง เยี่ยเทียนจึงหายใจเขาลึกๆ เพราะเขายังต้องรอต่อไป
เยี่ยเทียนกำลังรอช่วงเวลาที่ดาวไถเจ็ดดวงหนีไปก่อน ช่วงเวลานั้นพลังฟ้าดินก็จะสูงขึ้น เมฆสีม่วงทางทิศตะวันออกก็จะปรากฎขึ้น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการเปิดค่ายกล
เมื่อเวลาช่วงตีสามถึงตีห้าผ่านไป ช่วงเวลาเช้าก็ขึ้นมาในพริบตา เท้าขวาของเยี่ยเทียนค่อยๆ ยกขึ้น ประนมสองมือตรงหน้าอก มีดสั้นอู๋เหินหนีบอยู่กลางฝ่ามือของเขา ทำตามแบบอินเดีย พร้อมส่งเสียงดังออกมา “เฉียน!!!”
หลังจากที่ส่งเสียงออกไป ทั้งร่างของเยี่ยเทียนจู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ถ้าคนภายนอกได้เห็น ก็จะพบว่าร่างกายของเยี่ยเทียนนั้นได้หลอมเข้าไปด้านหลังของภูเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตั้งสูงตระกรานตาราวกับภูเขาไท่ซาน พลังที่เฉียบคมราวกับแสงดาบพุ่งทะยานเพิ่มขึ้นจากตัวของเขา
โก่วซินเจียที่อยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดกิโลเมตรยังรู้สึกได้ถึงพลังนี้ จึงอดส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “สุดยอด ถ้าจะพูดว่าใครในโลกนี้สามารถฝึกจิตบรรลุขั้นเซียนได้ เกรงว่าคงมีแต่เยี่ยเทียนแล้ว!”
“ศิษย์พี่ พวกเราก็เตรียมตัวกันได้แล้ว เกรงว่าค่ายกลซานฉายด้านล่างกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
สีหน้าของจั่วเจียจวิ้นดูตื่นเต้นอยู่บ้าง ดวงตาทั้งคู่จ้องเขม็งไปที่เสาฮวงจุ้ยที่ด้านล่างภูเขา เหมือนอยากจะมองเห็นเยี่ยเทียนทำการร่ายเวทมนตร์คาถา
“ปิง!”
ตอนที่พลังนั้นถึงขั้นสุด มือทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เท้าขวายกขึ้นกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างหนัก
ปิง (อาวุธ) แสดงถึงกำลัง กำลังโจมตีหลัก ทันใดนั้นเท้าของเยี่ยเทียนก็หยุดลง ในระยะหลายร้อยเมตรดูเหมือนว่ามันจะสั่นสะเทือนไปรอบๆ และพลังแห่งฟ้าดินก็กระจัดกระเจิงขึ้น
เสื้อขาวของเยี่ยเทียนปลิวขึ้นขณะที่ยืนอยู่ด้านล่างเสาฮวงจุ้ย ร่างเหมือนเรือแบนในเกลียวคลื่นของทะเล แต่เท้าทั้งสองข้างของเขาเหมือนตะปูที่ตอกลงพื้นก็ไม่ปาน ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย
เมื่อดาวไถเก้าดวงได้ถูกซ่อนบนท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อพลังหยางทางทิศตะวันออกพัดผ่านมา ดวงตาของเยี่ยเทียนก็สว่างขึ้น การจับข้อนับนิ้วของมือทั้งสองข้างเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
……………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น