ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 549-569
บทที่ 549 ห้าล้าน?
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในเมื่อเต่ามะเฟืองกลับมาแล้ว ฤดูร้อนก็คงจะมาถึงเร็วๆ นี้แล้วสินะ?
ฉินสือโอวครุ่นคิดอย่างมีความสุข เขาหมุนตัวหันมากอดวินนี่พลางลูบผิวอันเนียนนุ่มของเธอ ค่ำคืนอันสวยงามได้เริ่มขึ้นแล้ว
วันแรงงานแห่งชาติในวันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคนนั้น ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับประเทศแคนาดา
วันแรงงานแห่งชาติของแคนาดานั้นไม่ใช่วันที่ห้าเดือนพฤษภาคม แต่เป็นวันวันจันทร์แรกของเดือนกันยายนของทุกปี วันแรงงานแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาก็เป็นวันนั้นเช่นเดียวกัน
หลังจากกลับมาจากการวิ่งในตอนเช้าฉินสือโอวก็เปิดโทรทัศน์ดูข่าวทันที เขาเรียนรู้มาจากวินนี่ว่า เขาต้องติดต่อกับโลกภายนอกผ่านข่าวพวกนี้ เพราะเขาไม่สามารถที่จะอยู่ในฟาร์มปลาเล็กๆ ของตัวเองไปได้จนแก่เฒ่า
เป็นถึงเจ้าของฟาร์มปลาแต่กลับไม่รู้จักรัฐมนตรีกรมการประมงของประเทศ ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ เขาอยู่ที่ฟาร์มปลามาแล้วหนึ่งปี เขาบอกกับตัวเขาเองว่าเขามีความสุขกับการใช้ชีวิตแล้ว แต่ในความจริงแล้วดูเหมือนว่าเขาจะปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกอยู่เล็กน้อย
แต่ข่าวช่วงเช้านั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ นอกจากนี้วันนี้ยังมีแต่ข่าวเกี่ยวกับวันแรงงานแห่งชาติอันน่าเบื่ออีกด้วย เดิมทีมีพนักงานหลายคนในโทรอนโตที่ออกมาเดินขบวนประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายกำหนดวันหยุดวันแรงงานในวันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคม
ฉินสือโอวรู้สึกเรื่องนี้เป็นเรื่องวุ่นวายที่ยากจะเข้าใจได้ วันแรงงานจะหยุดวันไหนแล้วมันต่างกันอย่างไร ไม่ใช่วันคริสต์มาสเสียหน่อย
แต่เมื่อดูข่าวไปเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจ ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศแคนาดานั้นเป็นผู้อพยพ เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในประเทศของตนนั้นวันแรงงานต่างเป็นวันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคมกันหมด เพราะวันแรงงานเป็นวันหยุดพักผ่อน พวกเขาจะได้ใช้โอกาสนี้ในการกลับไปยังบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมเยียนญาติหรือไม่ก็ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ และญาติพี่น้อง
แต่ตอนนี้วันแรงงานของประเทศแคนาดานั้นไม่ใช่วันเดียวกันกับประเทศอื่นๆ เมื่อเพื่อนส่วนใหญ่และคนในครอบครัวไม่ได้หยุดในวันเดียวกัน ก็เป็นเรื่องปกติที่จะไม่สามารถนัดเจอกันได้
ประเทศแคนาดานั้นถือเป็นประเทศใหม่ เทศกาลต่างๆ นั้นกำหนดขึ้นมาทีหลังอย่างช้าๆ แต่ว่าวันแรงงานนั้นถูกกำหนดมาก่อนแล้ว โดยเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1894 ซึ่งวันแรงงานนี้อันที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่เหล่าคนงานนั้นต่อสู้เพื่อที่จะได้มันมา
ช่วงต้นปี1872 คนงานที่โรงพิมพ์ในเมืองโทรอนโตพากันโดดงาน เพื่อที่จะหวังว่าจะได้ทำงานห้าสิบสี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในตอนนั้นตามคำสั่งของผู้ว่า การรวมกลุ่มเพื่อก่อตั้งองค์กรหรือสหภาพใดๆ ถือว่าผิดกฎหมาย สมาชิกที่อยู่ในสหภาพนั้นจะต้องถูกคุมขัง
เรื่องนี้สร้างความโมโหให้เหล่าแรงงานเป็นอย่างมาก คนงานราวหนึ่งหมื่นคนจึงพากันออกมาเดินขบวนประท้วง เพื่อที่จะบังคับให้จอห์น เอ. แม็กโดนัลด์ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นยกเลิกกฎหมายต่อต้านสหภาพแรงงานและบังคับให้ปล่อยตัวสมาชิกทั้งหมด
สงครามของผู้ใช้แรงงานนั้นยังไม่จบ พวกเขานัดหยุดงานครั้งใหญ่กันอีกเป็นครั้งที่สอง โดยเรียกร้องว่าหากผ่านไปแล้วเก้าชั่วโมง หากรัฐบาลยังยืนยันที่จะไม่ปล่อยตัวนักโทษ เหล่าคนงานก็ยืนหยัดที่จะประท้วงต่อไป การประท้วงนี้ดำเนินไปอย่างยาวนาน จนในที่สุดก็กลายเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ถูกจัดขึ้นในทุกปี
เมื่อถึงปี 1849 นายกรัฐมนตรีของแคนาดาในปีนั้นคือจอห์น ทอมป์สัน เขาได้กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนกันยายนเป็นวันแรงงาน เพราะว่าในวันนี้ของทุกๆ ปีจะเป็นวันที่คนงานต่างพากันออกมาจากเดินขบวนพาเหรด
เมื่อเข้าใจถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในวันแรงงานของแคนาดาและประเทศอื่นๆ แล้ว ฉินสือโอวก็ปิดโทรทัศน์ เขาเข้าใจประเทศแคนาดามากแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์สำหรับเขา จนตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่ารัฐมนตรีกรมการประมงคนนั้นเป็นใครกันแน่
หากยึดตามวันเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ ประมาณเดือนพฤษภาคมก็จะรู้ถึงจำนวนผลผลิตของฟาร์มปลา บัตเลอร์ก็จะบอกการตัดสินใจของเขา ถ้าหากว่าบัตเลอร์เต็มใจที่จะหาช่องทางทางธุรกิจให้เขา เช่นนั้นฉินสือโอวก็จะยอมให้เขาจัดการเรื่องผลผลิตของฟาร์มปลา ถ้าหากเจ้าไม่ยอมล่ะก็ เขาก็จะเริ่มขยายกิจการจากตลาดอาหารทะเลที่นครเซนต์จอห์นก่อน
ตอนเช้า ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังดื่มน้ำผลไม้พลางดูข่าวของช่องเอ็นบีเออยู่นั้น หู่จือกับเป้าจือที่อยู่หน้าประตูก็เห่าออกมา
เขาคิดว่าบัตเลอร์มาหา แต่เมื่อมองไปที่ประตู กลับเห็นสองสามคนที่เขาไม่รู้จักยืนอยู่ บุคลิกของพวกเขานั้นดูดี ไม่เหมือนคนที่มาขายของตามบ้านพวกนั้น
ฉินสือโอวผิวปากหนึ่งที หู่จือและเป้าจือก็หยุดเห่าแล้ววิ่งมาอยู่ด้านหลังเขาทันที ฉินสือโอวถามคนเหล่านั้นด้วยท่าทีเป็นมิตรว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า พวกคุณเป็นใครเหรอครับ?”
ชายวัยกลางคนผิวขาวที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้ายื่นมือออกมาพลางถามออกมาเป็นมิตรว่า “สวัสดีครับ พวกเรามาจากประเทศดัตช์ พวกเราเป็นคนของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”
“ใช่ครับ” ฉินสือโอวยื่นมือไปจับมือของชายคนนั้น เขากำลังสงสัยว่าทำไมคนของพิพิธภัณฑ์ถึงเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง
แต่เพื่อเป็นการรักษามารยาท เขาได้เดินนำคนทั้งสี่เข้าไปในบ้าน แล้วเสิร์ฟกาแฟให้พวกเขา
ชายที่เป็นหัวหน้าแนะนำตัวว่า “ขออภัยเป็นอย่างสูงที่ต้องมารบกวนคุณ คุณฉิน ผมชื่อ แมนเดลา ยัง บัคเคอร์ ผู้อำนวยของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ คนพวกนี้เป็นพนักงานของเรา พวกเราตั้งใจที่จะมาเยี่ยมเยียนคุณ”
ฉินสือโอวรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแนะนำตัวกลับเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยถามว่าที่พวกเขามาหานั้นมีจุดประสงค์อะไร
บัคเคอร์ไม่ได้ตอบคำถามของฉินสือโอวทันที เขาเอ่ยชมฟาร์มปลาของฉินสือโอว ซึ่งนั้นทำให้ฉินสือโอวยฝืนยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ หรือว่าคนของพิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะอยากจะถ่ายทอดพื้นที่ฟาร์มปลาของเขาลงบนภาพวาดสักผืนด้วยตัวเองกันนะ? อาจจะเป็นไปได้ หากวาดออกมาสวยเขาก็จะยอมจ่ายเงินซื้อภาพนั้นมา แล้วเอามาแขวนผนังคงจะดูดีไม่เบา
คนจากดัตช์พวกนั้นอยากจะเดินดูรอบๆ ฉินสือโอวก็ตามพวกเขาไป อีกอย่างที่นี่เป็นบ้านของเขา และเขาก็มีเวลาว่างมากมาย
จากฟาร์มปลามาจนถึงโรงยิม จากการพูดคุยถึงเรื่องอาหารการกินมาจนถึงเรื่องสัพเพเหระ ชาวดัตช์พวกนี้ไม่ยอมพูดเข้าประเด็นเสียที
ฉินสือโอวที่เดินตามด้านหลังเริ่มหมดความอดทน ในที่สุดบัคเคอร์ก็พูดประเด็นสำคัญขึ้นมา เขาถามออกมาว่า “คุณฉิน ไม่ทราบว่าคุณมีภาพวาดของแวนโก๊ะอยู่หรือไม่? ภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์น่ะครับ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเข้าที่กลางหัว เขานึกขึ้นมาได้ในทันทีว่า ก่อนหน้านี้เหมือนเบลคเคยพูดกับเขาเรื่องนี้เช่นกัน เขาบอกว่าทางพิพิธภัณฑ์จะส่งคนมาพูดคุยกับเขา โดยหวังว่าพวกเราจะสามารถบริจาคภาพวาดให้แก่พิพิธภัณฑ์ได้ และยังพูดถึงเรื่องส่งคืนเจ้าของเดิมอะไรนั่นอีกด้วย
ตอนนั้นฉินสือโอวไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เมื่อเห็นเหล่าคนที่อยู่ตรงหน้า เขาก็นึกออกทันที เขาถามออกมาตามสัญชาตญาณทันทีว่า “ผมมีภาพวาดนั้นจริงๆ แต่พวกคุณคงไม่ได้จะมาพูดโน้มน้าวให้ผมบริจาคภาพนั้นให้แก่พวกคุณหรอกใช่ไหม?”
บัคเคอร์ยิ้มออกมา “ไม่ครับ จะเป็นไปได้อย่างไร? ตอนนี้ภาพวาดนั้นเป็นของคุณ พวกเราจะขอให้คุณบริจาคภาพนั้นแก่พวกเราฟรีๆ ได้อย่างไรกัน? อันที่จริงแล้ว พวกเราอยากจะซื้อภาพวาดนั้นครับ เรื่องราคาสามารถตกลงกันได้”
ฉินสือโอวมีท่าทีลังเลครู่หนึ่ง คนพวกนี้มาซื้อภาพวาดอย่างนั้นสินะ แต่ว่าเขาตกลงที่จะขายภาพนั้นให้แก่อาฟิฟแล้ว อีกทั้งยังพูดคุยตกลงกันไปถึงขั้นตอนการจ่ายเงินแล้วด้วย ดูเหมือนว่าหากเอาภาพวาดกลับคืนมาคงจะดูไม่ดีเท่าไรหรือเปล่านะ?
เมื่อฉินสือโอวไม่พูดอะไร บัคเคอร์ก็คิดว่าเขาคงรอให้ตนเสนอราคาก่อน เขาจึงพูดออกมาว่า “คุณฉิน ไม่ทราบว่าคุณสามารถเสนอราคาให้พวกเราก่อนได้หรือไม่? หากไม่มีปัญหาอะไร พวกเราจะขอนำภาพนั้นกลับไปวันนี้”
ฉินสือโอวถามออกไปเพียงว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณคิดจะซื้อในราคาเท่าไรเหรอครับ?”
บัคเคอร์ตอบกลับอย่างนุ่มนวลว่า “พิพิธภัณฑ์ของเรานั้นจัดตั้งเพื่อการกุศล ดังนั้นผลกำไรจึงไม่ค่อยดีมากนัก เงินทุนก็ไม่ได้มีมากมาย… คุณคิดว่าเงินห้าล้านดอลลาร์แคนาดานั้นเพียงพอไหมครับ?”
ฉินสือโอวมองไปยังชายคนนั้นอย่างตกตะลึง แล้วถามกลับว่า “คุณว่าเท่าไรนะครับ? ห้าล้าน? ดอลลาร์แคนาดางั้นเหรอ?”
บัคเคอร์ยิ้มออกมาพลางพูดว่า “ใช่ครับ นี่เป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดที่เราจะสามารถจ่ายให้ได้ ผมรู้จำนวนของมันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร แต่ผมหวังว่าคุณจะสามารถช่วยสนับสนุนงานการกุศลของพวกเรา โดยการส่งภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์กลับบ้าน ให้คนอีกมากมายได้เห็นถึงผลงานอันสร้างสรรค์อันน่ามหัศจรรย์ของแวนโก๊ะ”
ฉินสือโอวนั้นไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมเป็นคนธรรมดา แล้วคุณกับผมทำงานการกุศลตั้งแต่เมื่อไรกัน? หากให้ทำงานการกุศลจริงๆ ผมก็ทำได้ เงินบริจาคนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ภาพวาดน้ำมันที่มีค่าถึงห้าสิบล้านดอลลาร์สหรัฐผืนนี้ คุณจะให้ผมให้คุณในราคาห้าล้านดอลลาร์แคนาดางั้นหรือ นี่คุณจะดูถูกผมเกินไปหรือเปล่า?
ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าตอนคุยกับเบลคนั้นค่อนข้างอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่านี้ เขายอมให้คนพวกนี้ไม่บอกราคาออกมาเสียยังดีกว่า หากบอกมาตรงๆ ว่าอยากให้เขาบริจาคภาพวาดนี้ให้ยังจะรู้สึกดีมากกว่านี้เสียอีก ราคาที่เขาเสนอมานี้ ไม่ว่าจะความรู้สึกหรือกำไรก็ไม่มีทั้งนั้น…
บทที่ 550 แบรนด์ต้าฉิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวส่งกลุ่มบัคเคอร์ออกไปด้วยมารยาท แม้แต่อาหารกลางวันก็ไม่ได้ให้พวกเขาอยู่กินด้วยซ้ำ
คิดจะสวมหมวกเพื่อการกุศลมาหาเพื่อให้เขาคืนภาพวาดน้ำมัน? หมวกใบนี้ถือว่าใหญ่ใช้ได้เลย แต่ว่าวัตถุโบราณของจีนที่ตกหล่นอยู่ในทวีปยุโรปของพวกคุณล่ะ ทำไมพวกคุณไม่คืนกลับไป? นั่นไม่ใช่เพื่อการกุศลเหรอ?
ฉินสือโอวเกลียดการสองมาตรฐานมากที่สุด แต่คนพวกนี้กลับมาสองมาตรฐานกับเขา!
ตอนที่หันหลังกำลังจะกลับเข้าบ้าน เขาได้ยินเสียงคนเรียกตัวเอง จึงหันกลับไปอย่างประหลาดใจ ก็เห็นเข้ากับบัตเลอร์ที่ไถมาตามทาง
ที่ใช้คำว่า ‘ไถ’ เป็นเพราะว่าเท้าของบัตเลอร์เหยียบวงล้อไฟสองล้ออยู่ โดยที่เขาไม่ต้องขยับ ลำตัวตรงเหยียบอยู่ข้างบน วงล้อไฟก็ไถมาด้วยความเร็วแล้ว
วงล้อไฟที่ว่าก็คือชื่อเรียกทั่วไปของจักรยานไฟฟ้าล้อเดียวชนิดหนึ่ง แต่ทั้งสองก็ไม่ใช่ความหมายเดียวกัน จักรยานไฟฟ้าล้อเดียวเป็นแบบที่มีล้อเดียว เท้าจะเหยียบอยู่บนที่เหยียบสองข้างของล้อนั้น วงล้อไฟมีทั้งแบบล้อเดียวและสองล้อ ซึ่งของบัตเลอร์เป็นแบบสองล้อ
ล้อทั้งสองนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร ตอนที่หมุนก็จะมีแสงระยิบระยับ ความเร็วค่อนข้างเร็ว อีกอย่าง ด้านล่างคันเหยียบระหว่างล้อทั้งสองยังมีแสงที่เหมือนกับประกายไฟ ดูไปแล้วเท่เป็นอย่างมาก!
บัตเลอร์ไถมาถึงหน้าฉินสือโอว เอนกายไปด้านหลังเล็กน้อยรถก็หยุดลงแล้ว เห็นอย่างนี้แล้วฉินสือโอวยิ้มพูด “เพื่อน คนอเมริกันเล่นเก่งกันจริงๆ”
ได้ยินคำของฉินสือโอว บัตเลอร์แบมือบอก “ขอร้องเถอะ ตอนนี้ของสิ่งนี้มีกันทั่วโลก เกี่ยวอะไรกับคนอเมริกากัน? นายอยากจะลองเล่นหน่อยไหม? อันนี้ฉันให้นาย ฉันยังมีอีกหลายอันที่นิวยอร์ก”
ฉินสือโอวเองไม่ได้สนใจอะไร แต่ว่าส่งให้เด็กๆ ของวินนี่เป็นของขวัญน่าจะดีกว่า เขาสอบถามว่าวงล้อไฟนี้ราคาเท่าไร บัตเลอร์ปัดมืออย่างไม่สนใจว่า “นายชอบก็เอาไปเถอะ”
“ฉันยังอยากได้อีกสักสี่อัน อ้อไม่ หกอัน ช่างเถอะ สิบอันเลยแล้วกัน” ฉินสือโอวคิดไปคิดมายังมีพวกเด็กๆ ของชาร์ค แลนซ์ และซีมอนสเตอร์อีก ยังไงก็ต้องให้คนละหนึ่งอัน?
บัตเลอร์กระแอมไอขึ้นมา พูดอย่างจนใจว่า “เพื่อน ฉันเป็นพ่อค้าอาหารทะเล ไม่ใช่คนขายรถฟังกี้ดัก ตอนนี้ฉันก็เอามาแค่อันเดียว ถ้านายอยากได้เยอะกว่านี้ ก็ต้องรอฉันมาอีกทีครั้งหน้าแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวขึ้นไปลองเล่นดู บัตเลอร์บอกให้เขาระวัง เพราะว่าถนนในฟาร์มปลาไม่ค่อยดี แต่ว่าหลังจากที่ฉินสือโอวขึ้นไปลองบังคับให้วงล้อไฟเดินหน้าไปไม่กี่เมตร ก็จับเทคนิคได้แล้ว
การจะเล่นสิ่งนี้จะต้องพึ่งการทรงตัว ภายในวงล้อไฟมีระบบคอมพิวเตอร์อยู่ ภายใต้การควบคุมของระบบคอมพิวเตอร์ ผ่านการวิเคราะห์สภาพตามจริงของระบบต่างๆ วงล้อไฟจึงสามารถทำการเร่งความเร็วหรือลดความเร็วได้ ขอเพียงแค่รักษาสมดุลให้ดี การจะเล่นสิ่งนี้ก็ง่ายนิดเดียว
ดังนั้นบัตเลอร์จึงเริ่มมองด้วยตาเบิกกว้าง ฉินสือโอวบังคับวงล้อไฟเร่งความเร็วเดินหน้า จากนั้นถอยหลัง ปรับเปลี่ยนหมุนโค้ง หรือแม้กระทั่งลอย…
“ให้ตายสิ เมื่อก่อนนายจะต้องเล่นบ่อยแน่นอน!”บัตเลอร์พูดอย่างไม่ค่อยพอใจ เขายังคิดว่าตัวเองแสดงต่อหน้าสำเร็จ แต่กลับกลายเป็นว่าสอนหนังสือสังฆราชไป
ฉินสือโอวไม่ได้อธิบาย สมรรถภาพร่างกายเขาค่อนข้างดีและรอบด้าน ความสมดุลก็ไม่ต่างจากพวกนักกีฬายิมนาสติกที่เล่นคานทรงตัวเป็นเวลานาน แค่วงล้อไฟนั้นไม่สบายและง่ายดายเหรอ?
รู้สึกว่าของสิ่งนี้ไม่เลวเลย หลังจากฉินสือโอวพาบัตเลอร์กลับเข้าบ้านไป ก็รีบเข้าอินเทอร์เน็ตดู ในนครเซนต์จอห์นก็มีเครื่องมือการขนส่งแบบนี้เหมือนกัน ก็เหมือนที่บัตเลอร์บอก ตอนนี้เจ้าสิ่งนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในเมืองที่มีการจราจรติดขัด กำลังเกิดการปฏิวัติการขนส่งหนึ่งขึ้น
วงล้อไฟสองล้อรุ่นนี้มีชื่อเรียกว่ารถฟังกี้ดัก ราคาไม่ถูกเลย หนึ่งอันต้องใช้เงิน 1800 ดอลลาร์แคนาดา ฉินสือโอวไม่ได้ขาดเงิน จึงสั่งมาสิบอันอย่างเด็ดเดี่ยว
หลังจากสั่งของ ฉินสือโอวถามความเห็นเกี่ยวกับอาหารทะเลกับบัตเลอร์ บัตเลอร์ตื่นเต้น บอกว่า “อาหารทะเลของนายดีมาก เพื่อน ดีที่สุดแน่นอน! ขอเพียงพวกมันเข้าตลาด ก็สามารถกลายเป็นวัตถุดิบระดับสูงได้ทันที แต่ว่า…”
พอได้ยินคำว่า ‘แต่ว่า’ ฉินสือโอวก็ขนลุก ตอนที่พูดคุยกันกลัวแต่การหักมุมแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะหักมุมไปถึงไหน
คุณภาพอาหารทะเลของเขาเป็นอย่างไรเขาเองรู้ดีที่สุด ผ่านการปรับปรุงจากพลังโพไซดอนมันจะแย่ได้อย่างไร? แต่ไม่ใช่ว่ารสชาติยิ่งดีหมายถึงมูลค่าอาหารทะเลของเขายิ่งสูง คนในสมัยนี้ตื่นตัวอย่างมากกับอาหารการกิน ถ้าหากพบว่าหน้าตาและรสชาติอาหารผิดปกติ อาจจะคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน ไม่ว่าจะดัดแปลงพันธุกรรม อาหารสังเคราะห์ และสายพันธุ์ตัดต่อต่างๆ ของพวกนี้ขายไม่ได้อยู่แล้ว
บัตเลอร์พูดอย่างไม่สนใจต่อว่า “แต่ถ้าพวกเราจะทำเป็นเพียงอาหารทะเลธรรมดามาขาย ก็เสียดายมูลค่าของพวกมันเกินไป เพราะฉะนั้นนะเพื่อน ฉันคิดจะสร้างแบรนด์อาหารทะเลขึ้นมาแบรนด์หนึ่ง พวกเราสองคนมาทำด้วยกัน อาหารทะเลของพวกเรา พวกเราก็ขายกันเอง สร้างช่องทางออกมาเองช่องทางหนึ่ง!”
“ก็เหมือนกับตลาดสึกิจิ?” ฉินสือโอวถาม
บัตเลอร์ส่ายหัวว่า “ไม่ ก็เหมือนกับวากิวญี่ปุ่น พวกเราเริ่มจัดตั้งตลาดขายอาหารทะเลเฉพาะในนิวยอร์ก ขายเพียงของที่มาจากฟาร์มปลาของพวกเรา สร้างแบรนด์ขึ้นมาหนึ่งแบรนด์ อย่างเช่นปลาลิ้นหมาแบรนด์ต้าฉิน หรือหอยงวงช้างแบรนด์บัตเลอร์ต่างๆ”
วากิวเป็นเนื้อวัวชั้นสูงชนิดหนึ่งที่ผลิตจากญี่ปุ่น เป็นเนื้อวัวที่คุณภาพดีที่สุดที่ทั่วโลกยอมรับในปัจจุบัน เพราะว่าเนื้อของวากิวเนียนละเอียดฉ่ำน้ำ ปริมาณไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันต่ำ รสชาติเป็นเอกลักษณ์ มูลค่าเนื้อสูงมาก ในญี่ปุ่นถูกมองว่าเป็น ‘สมบัติของชาติ’ ราคาสูงเป็นอย่างมาก
ตามที่ฉินสือโอวทราบ พื้นที่ที่ราคาเนื้อวากิวแพงมากที่สุดน่าจะเป็นแคนาดา ก่อนหน้านั้นเขาเห็นในข่าวว่าเป็นนิวฟันด์แลนด์ ราคาเนื้อสันในวากิวคือหนึ่งดอลลาร์แคนาดาหนึ่งกรัม บอกว่ามันคือทองทำในเนื้ออก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด
แบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้ว บัตเลอร์จะสร้างช่องทางอาหารทะเลระดับสูงหนึ่งขึ้นมา ผูกขาดช่องทางจัดหาอาหารทะเลของภัตตาคารระดับสูงก่อน แบบนี้หาเงินได้เยอะกว่า และลดปัญหามากกว่า
สำหรับความคิดของบัตเลอร์ ท่าทีฉินสือโอวเห็นด้วยอยู่แล้ว
ถ้าหากสามารถสร้างแบรนด์ให้อาหารทะเลจากฟาร์มปลาของเขา อย่างนั้นวันหลังเขานอนนับเงินก็พอแล้ว ลองคิดดูว่าฟาร์มปลามีปลาค็อดเท่าไร ปลาแฮร์ริ่งเท่าไร ปลาซาบะเท่าไร และกุ้งปูหอยเท่าไร? ถ้าหากช่องทางอาหารทะเลระดับสูงเปิดออก นั่นเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น!
ฉินสือโอวตัดสินใจรับปาก จากนั้นก็สอบถามแผนการของบัตเลอร์ ด้านนี้เขาจำเป็นต้องถ่อมตัวไว้ เพราะว่าเรื่องการขายอาหารทะเล เขายังห่างจากบัตเลอร์เยอะมาก เขาเป็นมืออาชีพ
ได้รับการยอมรับจากฉินสือโอว บัตเลอร์พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ก่อนอื่นพวกเราต้องเลือกเมืองหนึ่งเป็นเมืองเริ่มต้นตลาด นิวยอร์กใหญ่มาก ระดับการบริโภคค่อนข้างสูง แต่ฉันไม่แนะนำให้เลือกนิวยอร์ก เพราะว่าคนนิวยอร์กค่อนข้างเรื่องมากและหยิ่งยโส พวกเขายากที่จะประเมินในระดับสูงให้แบรนด์จากต่างประเทศ”
“ถ้าจะเลือก ก็เลือกเมืองหนึ่งที่ผู้คนค่อนข้างเยอะ เศรษฐกิจค่อนข้างดี และวัฒนธรรมค่อนข้างเปิดกว้าง ฉันเลือกไมอามี! แม้ว่าเกาะแฟร์เวลจะห่างจากไมอามีไกลไปหน่อย แต่ว่าพวกเราใช้การขนส่งทางอากาศทั้งหมด เวลาก็ต่างไม่เท่าไร ถึงจะต้องขนส่งทางทะเล อย่างนั้นชายฝั่งตะวันออกเองก็สะดวกที่สุด”
“โอเค อย่างนั้นก็เลือกไมอามี แล้วจะทำยังไง?” ความทะเยอทะยานของฉินสือโอวก็ตื่นขึ้นมาด้วย
บทที่ 551 เริ่มต้นพิธีบูชาทะเล เริ่มต้นเทศกาลจับปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ช่องทางการจัดหาอาหารทะเลของบัตเลอร์กระจายอยู่ทั่วชายฝั่งตะวันออกอเมริกา โดยมีนิวยอร์กเป็นศูนย์กลาง แผ่ขยายไปทางชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
มีช่องทางไว้ในมือ การติดต่อสื่อสารก็เป็นเลิศ มนุษยสัมพันธ์ของบัตเลอร์ในแวดวงอเมริกาจึงไม่แย่อย่างแน่นแน เพื่อนของเขาในเมืองอย่างไมอามีมีไม่น้อย
ฉินสือโอวก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับการเลือกไมอามีเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารทะเล เพราะว่านั่นเป็นถิ่นของบิลลี่ แม้ว่าบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่น ของพวกเขาจะทำงานที่เกี่ยวกับการกู้ซาก แต่ต่างก็เกี่ยวข้องกับทะเล ความสัมพันธ์ของพวกเขากับพ่อค้าอาหารทะเลเองก็ค่อนข้างดี
บัตเลอร์และฉินสือโอววางแผนกันว่าจะหาที่พักในไมอามีสักที่ จากนั้นฉินสือโอวก็ขนส่งอาหารทางจากทางนี้ไปยังไมอามี บัตเลอร์ติดต่อกับโรงแรมและภัตตาคารระดับสูงเพื่อทำการขาย
“แม้ว่าฉันยังเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอ แต่ว่าเพื่อน ฉันต้องขอยอมรับว่านายเป็นคนที่มองการณ์ไกลคนหนึ่งเลย ดูสิ สนามบินที่นายสร้างเมื่อตอนหน้าหนาวตอนนี้ได้ใช้งานแล้ว มันมีประโยชน์อย่างมากเลย!” สุดท้ายบัตเลอร์ก็ชื่นชมฉินสือโอวอย่างตื่นเต้น “บอกฉันหน่อยเพื่อน นายมีความตั้งใจนี้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
ฉินสือโอวตอบกลับอย่างกำกวมว่า “ก็ทำนองนั้น แต่ว่าฉันแค่คิดว่าจะขายอาหารทะเลไปยังพวกเมืองออตตาวา โทรอนโต และมอนทรีออล ไม่ได้คิดว่าจะบินไกลขนาดนี้”
บัตเลอร์ตบโต๊ะตะโกนว่า “อย่าเล่นตลกกับฉันเลย เพื่อน ออตตาวา? โทรอนโต? มอนทรีออล? ไม่! ที่ชนบทเหล่านั้นจะมีปัญญากินอาหารทะเลระดับแบบนี้ของนายได้ยังไงกัน? อยู่ที่นั่นราคายกสูงไม่ได้เลย ราคาปลาแฮดดัคและปลาพอลล็อคของนายจะถูกวางไว้ในระดับเดียวกัน”
ฉินสือโอวไม่มีอะไรจะตอบ ในสายตาคนอเมริกาโดยเฉพาะคนนิวยอร์ก ทั่วทุกที่ของแคนาดาล้วนเป็นชนบท
พอได้ยินเสียงตบโต๊ะ หู่จือกับเป้าจือที่อยู่หน้าประตูก็รีบพุ่งเข้ามา ยืนจ้องเขม็งบัตเลอร์อยู่ข้างฉินสือโอว พวกมันคิดว่าบัตเลอร์และพ่อตัวเองกำลังมีเรื่องกันอยู่
“โอเคๆ เจ้าตัวเล็ก พวกเรากำลังคุยธุระกันอยู่ พวกแกอย่าใช้สายตาแบบนั้นมองฉันได้ไหม?”บัตเลอร์รีบขยับไปทางโซฟา ท่าทางของหู่จือกับเป้าจือมีโอกาสจะตะครุบเข้ามาตลอดเวลา
ฉินสือโอวนำเจ้าตัวเล็กทั้งสองมาหมอบอยู่ข้างตัวเองบนโซฟา เขาบอกว่า “อย่างนั้นก็ทำอย่างนี้แหละ นายไปติดต่อเครื่องบินขนส่งสินค้า ฉันจะไปรวบรวมชาวประมงของฉันเริ่มงาน ให้พวกเรามาพิชิตชายฝั่งอเมริกาตะวันออกด้วยกันเถอะ!”
บัตเลอร์และฉินสือโอวตบมือกัน พูดอย่างเสียดายเล็กน้อยว่า “เสียดาย WFE หกปีถึงจะจัดครั้งหนึ่ง ปีหน้าถึงเข้าร่วมได้ ไม่อย่างนั้นอาหารทะเลของพวกเราส่งไปยังสนาม WFE โดยตรง จะต้องดังเป็นพลุแตกแน่!”
WFE เป็นชื่อย่อของงานแสดงสินค้าอาหารทะเลระดับโลก ก่อตั้งเมื่อปี 1973 จัดขึ้นทุกๆ หกปี ผ่านการจัดแสดงมาแล้วสิบกว่าปี มันได้กลายเป็นงานจัดแสดงสินค้าอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลกว้างขวางมากที่สุดของโลกไปแล้ว
แต่ก็มีงานจัดแสดงสินค้าอาหารทะเลยุโรปที่จัดขึ้นสองปีครั้งที่จะจัดในปีนี้ ถูกจัดขึ้นในศูนย์แสดงสินค้าของกรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยียม ระยะเวลาสามวัน ได้ข่าวว่าได้รับเชิญบริษัทกว่า 1600 บริษัทใน 144 ประเทศและภูมิภาคเข้าร่วม
แต่ฉินสือโอวไม่อยากไป ไปแล้วก็เหมือนไปร่วมเฉยๆ ไม่ได้อะไร คนยุโรปดูแล้วเหมือนจะใจกว้างแต่ที่จริงแล้วตระหนี่ ดูไปแล้วเหมือนเปิดกว้างแต่ในความเป็นจริงอนุรักษนิยม งานจัดแสดงสินค้าอาหารทะเลนี้เป็นการเปิดให้กับบริษัทส่งออกอาหารทะเลและบริษัทประมงของยุโรป บริษัทอาหารทะเลต่างประเทศยากที่จะได้การประเมินที่ดีจากที่นี่
วางแผนตกลงกันแล้ว ก็รีบเริ่มงานกันเลย คิดจะทำก็ทำเลย คิดอยากจะทำธุรกิจก็ต้องมีแรงฮึดสู้ แบบนี้
และแน่นอน นี่เป็นเพียงแค่มุมมองของบัตเลอร์ ภายในใจฉินสือโอวอาหารทะเลในฟาร์มปลาจะขายได้เท่าไหร่ไม่ได้สำคัญอะไรมาก เพราะเขาไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน
สิ่งที่ดึงดูดฉินสือโอว เพียงแค่ชื่อเสียงหนึ่งเท่านั้น ชื่อเสียงที่ฟาร์มปลาต้าฉินกระจายไปทั่วอเมริกาเหนือ
หนึ่งปีกว่าก่อนหน้า ฉินสือโอวถือพินัยกรรมมาถึงที่นี่ สืบทอดฟาร์มปลาของคุณปู่ เขายังจำคำที่เออร์บักเคยบอกเอาไว้ เขาบอกว่าตัวเองสามารถทำให้ฟาร์มปลาต้าฉินกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง สามารถทำให้ฟาร์มปลาต้าฉินฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ตอนนี้ ฉินสือโอวก็จะทำอย่างนั้น
ได้ข่าวว่าฟาร์มปลาเริ่มทำการประมงครั้งใหญ่อีกครั้ง กลุ่มชาวประมงเองก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ใช่แล้ว พวกเขารับค่าจ้างจากการจ้างงานของฟาร์มปลาต้าฉิน แต่ว่าตามกฎของฟาร์มปลา ขอเพียงเริ่มมีการจับปลาขึ้น พวกเขาก็จะได้ส่วนแบ่ง
ความใจกว้างของฉินสือโอว พวกชาวประมงต่างก็ตระหนักถึงมันอย่างลึกซึ้งแล้ว พวกเขารู้ดีว่ารายได้ของฟาร์มปลาเป็นอย่างไร ซึ่งก็คือสามารถได้รับส่วนแบ่งหลายหมื่นต่อเดือนก็ไม่เป็นปัญหา!
ฉินสือโอวคิดว่านำเรือฮาวิซทออกไปจับปลาก็พอแล้ว แต่ปรากฏว่าพวกชาวประมงกลับเริ่มเตรียมของกัน ไม่ว่าจะเป็นปลา กุ้ง ปู ผลไม้ที่อยู่บนจาน กองเพลิงและโต๊ะ ดูไปแล้วเหมือนกับการกินเลี้ยงไม่เหมือนกับจะออกทะเล
ชาร์คอธิบายให้เขาฟังว่า “ก่อนที่เทศกาลจับปลาของฟาร์มปลาจะเริ่มขึ้น เพราะว่าฟาร์มปลาในแคนาดาต่างก็รับช่วงต่อจากชนพื้นเมืองอเมริกัน จึงมีชนพื้นเมืองอเมริกันบางกลุ่มที่สืบทอดวัฒนธรรมลงมาด้วย”
หลังจากเข้าใจแล้วฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ให้ตายสิเขายังคิดว่าแคนาดาจะเน้นวิทยาศาสตร์เสียอีก แต่ทั่วโลกก็เหมือนกันหมด ต่างก็มีความเชื่อหลงเหลืออยู่
เห็นว่าฉินสือโอวไม่ค่อยจะสนใจ ชาร์คพูดอย่างตั้งใจว่า “ไม่ บอส พวกเราไม่ได้งมงาย แต่พวกเราแสดงความเคารพและนับถือต่อมหาสมุทร ยังมี ‘พระเจ้าปกครองท้องนภาและแผ่นดิน มหาสมุทรและนรกยังคงว่างเปล่า’ ใน ‘พระคัมภีร์’ บอกไม่ผิดแน่นอน”
ที่ชาร์คพูดก็ถูก อารมณ์ของมหาสมุทรนั้นลึกลับปริศนา เป็นสิ่งที่ชาวประมงกลัวที่สุด การรักษาความนับถือต่อมันจึงเป็นเรื่องที่ดีแล้ว
พิธีบูชาทะเลเรียกอีกอย่างว่าพิธีกรรมจับปลา สืบทอดจากชนพื้นเมืองอเมริกันชาวบีโอธัคในนิวฟันด์แลนด์ หรือก็คือชาวอินเดียนแดงที่คนอเมริกันบอกกัน ในชนกลุ่มของพวกเขา พิธีกรรมจับปลาเป็นพิธีกรรมหนึ่งที่รองลงมาจากพิธีกรรมเทศกาลเก็บเกี่ยว
ตามธรรมเนียมประเพณีของชาวอินเดียนแดง กิจกรรมจับปลามักจะจัดหลังงานมงคลและงานอวมงคล หลังจากนั้นก็พัฒนาจนกลายมาเป็นพิธีบูชาทะเลเพื่อเริ่มต้นกิจกรรมจับปลา พิธีกรรมเทศกาลเก็บเกี่ยวแสดงถึงการสิ้นสุดของกิจกรรมจับปลา หลังจากชาวอังกฤษขึ้นฝั่งที่นิวฟันด์แลนด์ ชาวอินเดียนแดงเคยเชิญชวนพวกเขาให้เข้าร่วมเทศกาลนี้อย่างจริงใจ
นี่เป็นเรื่องน่าขันเล็กน้อย ชาวอังกฤษฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนพื้นเมืองนี้ แต่กลับสืบทอดขนบธรรมเนียมบางอย่างของคนอื่นมา
ชาร์คเล่าลำดับการของพิธีบูชาทะเลให้กับฉินสือโอว ที่จริงแล้วก็ง่ายดายมาก ไม่ได้มีความยุ่งยากจริงจังอย่างนั้นเท่าชาวอินเดียนแดงแล้ว
เมื่อก่อนเวลาที่ชาวอินเดียนแดงจัดพิธีบูชาทะเล ก่อนอื่นคือจะต้องสร้างเต็นท์ยางที่ท่าเรือ ทุกคนในชนเผ่าต้องโยกย้ายมาหมด จากนั้นเก็บก้อนหินใหญ่รอบๆ ชายฝั่งทะเลสร้างเป็นแท่นบูชา คนทรงนำเครื่องบูชาและเครื่องมือจับปลาวางไว้บนแท่นบูชาอย่างระมัดระวัง ว่ายบูชาต่อทะเลและอ่านบทสวดภาวนา
หลังจากสิ้นสุดพิธีบูชาทะเล หัวหน้าเผ่าทุกคนของชาวบีโอธัคจะรับฟังคำสั่งสอนจากคนทรง เตรียมพร้อมค้นหาฟาร์มปลาเพื่อทำการจับปลา
พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่นอกทะเลสามวันสองคืน ห้ามผู้หญิงขึ้นเรือ ห้ามกินอาหารที่นำขึ้นมาจากแผ่นดิน นำติดตัวไปเพียงเครื่องมือจับปลาและน้ำจืดขึ้นเรือ จากนั้นก็จะหาวัตถุดิบในทะเลอย่างกินปลาดิบเป็นต้น สุดท้ายจะกลับมาพร้อมกับสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์
ซีมอนสเตอร์ แลนซ์และบูลให้คนยกโต๊ะไม้ขึ้นดาดฟ้าเรือฮาวิซท ชายหาดจุดกองเพลิง วางเครื่องบูชาพวกปลาค็อด กุ้งล็อบสเตอร์และปูราชินีต่างๆ ในจานบนโต๊ะไม้ เรือฮาวิซทออกจากท่า
เริ่มต้นพิธีบูชาทะเล และเทศกาลจับปลาก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
บทที่ 552 รายได้ชุดแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือฮาวิซทออกจากท่าเรือ ล่องไปทางทะเลลึก โดยมีเฮลิคอปเตอร์บินอยู่ด้านบน สายตาของเบิร์ดกวาดมองอยู่บนหน้าจอเรดาร์และบนผืนน้ำไม่หยุด เพื่อส่งข้อมูลบางอย่างไปยังเรือประมงด้านล่าง
หน้าจอของเครื่องหาปลาโซนาร์กะพริบไปมาไม่หยุด ค้นหาคัดกรองข้อมูลของปลา โดยค้นหาที่ตั้งก่อนหน้านี้ของฝูงปลาค็อดขนาดใหญ่
เมื่อก่อนพวกชาวประมงออกทะเลแทบจะทุกวัน และทุกครั้งที่ออกทะเลก็ต้องใช้ค่าน้ำมันเป็นเงินหลายพัน งานที่ทำเป็นส่วนใหญ่ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้
คลื่นเสียงโซนาร์มีความสามารถตรวจจับและทำเครื่องหมาย พวกเขาแล่นเรือตระเวนรอบฟาร์มปลารอบแล้วรอบเล่า ทำเครื่องหมายกับฝูงปลาที่พบเจอ เพื่อจับปลาตามลำดับ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยอวนปลาที่ไหนก็ได้
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนท่องไปในน้ำ ฝูงปลาใหญ่ส่ายหัวส่ายหางว่ายมากันเป็นฝูงๆ
ปลาซาบะที่เล็กแข็งแรง ปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่เรียวยาว ปลาแซลมอนแอตแลนติกที่อ้วนถ้วน ปลาแซลมอนโคโฮที่ภายนอกสวยงาม ปลาแฮดดัคที่ตัวใหญ่แรงเยอะ ปลาค็อดแอตแลนติกที่ว่ายเป็นฝูงๆ ปลาพอลล็อคที่เป็นแถวเป็นแนว
ปลาเหล่านี้เป็นปลาที่พบเห็นได้ทั่วไปในฟาร์มปลา แทบจะอยู่กระจายทั่วน่านน้ำทะเล ต่างกันเพียงแค่จำนวนมากน้อยเท่านั้น
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนดำลึกลงไปในน้ำลึก ปลาลิ้นหมาก็เริ่มปรากฏออกมา ปลาทะเลที่มีร่างกายแบนเรียบแบบนี้ที่มีมูลค่าว่ายไปมาในน้ำอย่างระมัดระวัง ปลาทูน่าที่ยาวสองสามเมตรหลายตัวว่ายมา ปลาลิ้นหมาก็รีบว่ายติดพื้นทะเล ร่างกายที่แบบเรียบราวกับแผ่นกระดาษแข็ง ทำให้ปลาทูน่ามองไม่เห็นมัน แล้วจึงว่ายจากไปไกล
ปลาทะเลตัวแบนตัวใหญ่ยาวสองเมตรกว่าตัวหนึ่งว่ายมาด้วยความเร็ว มันไม่ได้สนใจปลาลิ้นหมาที่เป็นปลาตระกูลเดียวกัน ว่ายไปทางฝูงปลาแฟงค์ทูธที่ลำตัวแดงฉาน
ปลาแซลมอนชินูกที่ลำตัวยาวไม่แพ้เป็นปลาทะเลตัวแบนตัวใหญ่เองก็ปรากฏออกมา มันอ้าปากเผยฟันอันแหลมคมออกมา ปลาทะเลตัวแบนเลือกที่จะถอยกลับไป
ปลาแสงอาทิตย์ที่เงอะงะว่ายโซเซไปมาในน้ำ พวกนักฆ่าที่ผ่านกายมันก็ทำเหมือนไม่เห็นไม่ได้ยิน ท่าทางเหมือนยอมรับชะตากรรมอย่างนั้น บางครั้งมีปลาหลายตัวถูกฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากบนตัวของมันดึงดูด เพราะเข้าใกล้มันแล้วดูดซับฮอร์โมนเหล่านี้สามารถรักษาโรคได้
ปลาที่ป่วยจำนวนมากเลือกที่จะตามหาหมอพวกกุ้งเปปเปอร์มินต์และกุ้งสเตโนพุส พวกมันเข้าใกล้รอยแยกแนวปะการังที่เป็นแหล่งกบดานของพวกหมอกุ้ง ให้กุ้งเล็กพวกนี้ช่วยทำความสะอาดเนื้อเยื่อที่เน่าเปื่อยและปรสิตให้พวกมัน
ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นบินอยู่เหนือน้ำ อุจจาระของพวกมันกลายเป็นอาหารของพวกกุ้งเปปเปอร์มินต์ กุ้งสเตโนพุสและกั้ง กั้งเองซึ่งก็คือกั้งตั๊กแตนได้ครอบครองอำนาจไว้ เพราะว่าพวกมันต่อสู้เก่ง
ไกลออกไปในทะเลลึกอีกนิด ปลาที่มีล้ำค่าอย่างปลานโปเลียน ปลายอดม่วง และปลาลายญี่ปุ่นก็เริ่มเยอะมากขึ้น พวกมันว่ายอยู่กลางสาหร่ายทะเลอย่างระมัดระวัง เพื่อค้นหาอาหาร เห็นโลมาปรากฏตัว ก็รีบดำลงไปซ่อนตัวใต้น้ำ
เงาของโลมาปรากฏอยู่บนเครื่องหาปลาโซนาร์ บลูตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ปลาทูน่าอีกแล้ว! ดูๆ รีบมาดูเร็ว ปลาใหญ่พวกนี้จะต้อง… โอ้ ไม่!”
โลมาหลายตัวกระโดดขึ้นจากน้ำแล้วจมลงไปในน้ำ บลูแบมือออกอย่างช่วยไม่ได้ เขายอมรับผิดแล้ว พวกนี้เป็นโลมาไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เห็นดังนี้เหล่าชาวประมงจึงโห่ร้องหัวเราะกันขึ้นมา
ฉินสือโอวเองก็หัวเราะ เขาหัวเราะให้กับเหล่าโลมาที่สร้างผลงาน พวกนั้นเป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินนั่นแหละ ไม่ใช่ฝูงโลมา
ปลาหางเหลือง ปลากะพง ปลาเพิร์ช ปลาตาหวานจุด ปลากระโทงดาบ ปลาโอขาว ปลาโอแถบ ปลาโอลาย ปลาแมคเคอเรล…
ปลาในฟาร์มปลาต้าฉินมีหลากหลายชนิดทำให้ฟาร์มปลาอื่นๆ คิดไม่ถึงอย่างแน่นอน ทรัพยากรการประมงที่เฟื่องฟูแบบนี้ ฟาร์มปลาส่วนใหญ่หายไปตั้งแต่ยี่สิบสามสิบปีก่อนแล้ว
ปลาฝูงใหญ่ที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ปรากฏออกมาแล้ว นี่เป็นปลาค็อดแอตแลนติกฝูงหนึ่ง ตอนนั้นฉินสือโอวแย่งมาโดยไม่ได้เสียเงินสักแดงเดียวจากฟาร์มปลาของนักเลงคนหนึ่งที่อยากจะรังแกเขามา ปลาพวกนี้เป็นกลุ่มแรกที่สัมผัสพลังแห่งโพไซดอน ดังนั้นจึงเจริญเติบโตได้เร็วที่สุด
เวลาผ่านไปหนึ่งปี ปลาพวกนี้เจริญเติบโตขึ้นมาจากปลาเล็กเท่าฝ่ามือจนกระทั่งยาวครึ่งเมตรกว่า ความเร็วในการเจริญเติบโตต้องใช้เพียงคำว่ามหัศจรรย์มาบรรยาย
ปีนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการจับปลาของฟาร์มปลาต้าฉิน การเจริญเติบโตของปลากุ้งปูในมหาสมุทรแอตแลนติกค่อนข้างช้า ปกติแล้วปลาค็อดแอตแลนติกต้องเลี้ยงสักห้าหกปีถึงกำลังเหมาะสม เวลานั้นพวกมันน่าจะยาวถึงเจ็ดแปดสิบเซนติเมตร
แต่ข้าวต้องกินทีละคำ ทางต้องเดินทีละก้าว รายได้จากการจับของฟาร์มปลาต้าฉินในครั้งแรกอาจจะถึงขีดจำกัดของฟาร์มปลาเลย ช่องทางการจัดจำหน่ายของฉินสือโอวและบัตเลอร์ในปีแรกก็คงยังเปิดภัตตาคารและโรงแรมได้ไม่มาก ปีนี้เป็นเพียงแค่การโหมโรงก่อนเท่านั้น
พอหาปลาค็อดแอตแลนติกเจอ ชาร์คบังคับหางเสือ ซีมอนสเตอร์และแลนซ์พาเหล่าชาวประมงเริ่มลงอวน เรือฮาวิซทปล่อยอวนอันใหญ่ลงไป ขยายออกห่อหุ้มปลาเหล่านั้นเอาข้างใน
เรือประมงค่อยๆ แล่นไปข้างหน้า อวนกางออก ฝูงปลาถูกจับเข้าไป ปริมาณปลาที่จับได้แสดงอยู่บนเครื่องหาปลาโซนาร์ แต่ว่าไม่ค่อยชัดเจน สามารถเห็นได้เพียงจุดสีเหลืองกะพริบ นี่ก็คือปลาที่จับได้ในอวนปลา
เรือฮาวิซทแล่นไปประมาณครึ่งชั่วโมง ปลาฝูงนี้ก็เกือบจะเข้าไปจนหมดแล้ว บลูเปิดเครื่อง มอเตอร์ทำงาน เครื่องม้วนก็เริ่มลากเก็บอวนเข้ามา
กลุ่มแซ็กเปิดประตูตู้แช่ออก อวนถูกลากขึ้นมา เชือกที่รัดตึงโผล่ขึ้นเหนือทะเล สุดท้ายก็คือ
อวนปลาตอนที่โยนลงไปนั้นว่างเปล่า ตอนนี้อวนปลานี้ได้กลายเป็นทรงรีขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางสี่เมตรกว่า
อวนปลาเปิดออกหลังจากถูกลากจนถึงประตูตู้แช่ ฝูงปลาค็อดแอตแลนติกร่วงเข้าไปในตู้แช่ราวกับลูกเห็บ!
เห็นปลาค็อดแอตแลนติกอ้วนใหญ่พวกนี้ เหล่าชาวประมงตบมือเฉลิมฉลองกัน ชาร์คยื่นหัวออกมาจากห้องควบคุม ตะโกนว่า “เฮ้พวก ใครสามารถบอกฉันได้ไหมว่าปีนี้รายได้เป็นอย่างไร?”
“อุดมสมบูรณ์! อุดมสมบูรณ์!” กลุ่มชาวประมงโห่ร้องดีใจ
ตามการแห้งเหือดของทรัพยากรฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ เหล่าชาวประมงของเกาะแฟร์เวลไม่มีความรู้สึกในการจับปลาขึ้นมาเยอะมากมายขนาดนี้มานานมากแล้ว สำหรับเหล่าชาวประมงแล้ว เห็นปลาจำนวนมากมายในอวนปลา มันเป็นการเฉลิมฉลองทางสายตาอย่างหนึ่ง และยังเป็นสิ่งที่สามารถทำให้พวกเขารู้สึกดีมากอย่างที่สุดอีกด้วย
ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ปริมาณปลาค็อดแอตแลนติกทั่วโลกลดลงกว่า 70% เมื่อเทียบกับช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พอถึงศตวรรษที่ 21 อัตราส่วนนี้ก็ลดลงไปเรื่อยๆ จนถึง 10% ที่น่าตกใจ ปลาค็อดแอตแลนติกที่สามารถเคยให้คนเหยียบขึ้นบกกลับกลายเป็นปลาที่ใกล้สูญพันธุ์
ด้วยเหตุนี้แคนาดาจึงปิดพื้นที่ทำการประมงนิวฟันด์แลนด์ ยังไม่ได้เปิดทั้งหมดจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทำแบบนี้ถึงสามารถช่วยให้ปลาค็อดแอตแลนติกรอดพ้นชะตากรรมได้ ทำให้ปริมาณสายพันธุ์ของพวกมันค่อยๆ ฟื้นฟู
แต่ว่าอยากจะฟื้นฟูถึงจุดสูงสุดก็ยังเป็นเรื่องยากมาก ทรัพยากรช่วงสงครามโลกครั้งที่สองขาดแคลน ปลาค็อดเคยเป็นผลิตภัณฑ์ที่เลือกเป็นลำดับแรกในการเสริมโปรตีนและโภชนาการให้กับประชาชนฝ่ายสัมพันธมิตร ในเวลานั้นปริมาณการจับรายปีมีสิบล้านกว่าตัน!
แล้วตอนนี้ล่ะ? ในแคนาดาสามารถผลิตปริมาณปลาค็อดแอตแลนติกได้ประมาณแปดแสนตันต่อปี
บลูและฉินสือโอวรายงานน้ำหนักของปลาค็อดแอตแลนติกอวนนี้ ทั้งหมดคือสามตันครึ่ง
เก็บอวนปลา ฉินสือโอวไปดูที่ตู้แช่เย็น ครั้งนี้ที่ได้เป็นปลาค็อดใหญ่ทั้งหมด ปลาค็อดเล็กต่างก็หลุดออกไปจากร่องของอวนหมดแล้ว แบบนี้เป็นการปกป้องฟาร์มปลาที่ดีที่สุด
อวนที่เรือฮาวิซทใช้เป็นอวนที่มีปากอวนเส้นผ่านศูนย์กลางสิบเซนติเมตร ปลาค็อดใหญ่ตัวเต็มวัยพวกนี้ถ้าหากเลือกมุมในการว่ายที่พอดี ก็สามารถหนีออกจากอวนปลานี้ได้หมด แต่ว่าทั่วไปแล้วปลาค็อดถูกอวนจับในแนวนอน ดังนั้นปลาใหญ่หนีไม่รอดแน่นอน
มองดูปลาใหญ่พวกนี้กระโดดไปมา ฉินสือโอวยิ้มออกมา ลงทุนกับฟาร์มปลามากขนาดนี้ ในที่สุดก็สามารถเก็บเกี่ยวต้นทุนกลับมาได้แล้ว!
บทที่ 553 มีคนขโมยปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
แลนซ์ตามอยู่ด้านหลังฉินสือโอว เขาไม่ได้ดูแต่ทำงาน
หาปลาแฮร์ริ่งยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตรตัวหนึ่งเจอ แลนซ์จับมันขึ้นมา หยิบมีดหั่นปลาที่แหลมคมเล่มหนึ่งออกมา ผ่าท้องของมันออกอย่างคล่องแคล่ว ค้นจนเจอกระเพาะเพื่อตรวจดู
ฉินสือโอวถามเขาว่าดูอะไร แลนซ์แนะนำให้เขาฟังว่า “ดูว่าจำเป็นต้องป้อนอาหารเม็ดและเม็ดสาหร่ายทะเลในฟาร์มปลาไหม ปลาแฮร์ริ่งกินสาหร่ายทะเลและแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ถ้าหากกระเพาะของพวกมันเต็มอิ่ม ก็แสดงว่าเหยื่อที่กินไปมีค่อนข้างเยอะ ฟาร์มปลาของพวกเรามีเหยื่อค่อนข้างอุดมสมบูรณ์”
“ถ้าหากกระเพาะไม่เต็มอิ่ม พวกเราก็ต้องป้อนอาหารเม็ดเข้าไปยังฟาร์มปลา คุณก็รู้ ปลาทะเลชอบเคลื่อนที่ไปตามกระแสมหาสมุทรและอาหาร ฟาร์มปลาของพวกเรามีเหยื่อเยอะ ก็สามารถดึงดูดปลาพวกนี้ให้อยู่ได้ ถ้าหากเหยื่อในฟาร์มปลาของเราน้อยลง ปลาพวกนี้ก็อาจจะจากไป ไปยังสถานที่อื่นเช่นอ่าวเม็กซิโกเพื่อหาอาหาร”
บูลอธิบายว่า “พวกเราจึงใช้วิธีนี้มาพิจารณาว่าเวลาไหนควรป้อนอาหารเม็ดไปในฟาร์มปลา และควรป้อนเท่าไร”
ฉินสือโอวพยักหน้า พวกนี้เขาไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะว่าเขารู้ว่าเหยื่อในฟาร์มปลาอุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน เขาถ่ายเทพลังแห่งโพไซดอนตลอดอยู่แล้ว
การทดสอบของแลนซ์แสดงให้เห็นจุดนี้แล้ว ดูกระเพาะปลาซาบะ ปลาแฮร์ริ่งอีกหลายตัวต่างก็เต็มอิ่มกันหมด
จับปลาต่อ เรือฮาวิซทแล่นอยู่บนทะเลอย่างไร้จุดหมาย เครื่องหาปลาคลื่นเสียงโซนาร์ตรวจจับและคัดเลือกฝูงปลาใหญ่ที่เคยพบเจอตลอดเวลา
แลนซ์ให้คนจัดเก็บปลาที่จับขึ้นมาได้ในตู้แช่ โดยดูตามสถานการณ์ว่าควรจะเก็บรักษาอย่างไร
เรือฮาวิซทมีวิธีการจัดเก็บปลาที่จับได้ทั้งหมดสามแบบ ได้แก่ แช่เย็น ท่อทำความเย็น และแช่แข็ง
แช่เย็นคือวิธีการเก็บรักษาที่สำคัญที่สุด โกดังที่ใหญ่สุดก็ใช้วิธีการเก็บรักษาแบบนี้ ข้างในนี้มีแต่ก้อนน้ำแข็งขาวใสเป็นก้อนๆ สามารถเก็บรักษาปลาค็อดได้นานประมาณสิบวัน วิธีการเก็บรักษาความสดนี้ได้เยอะ วิธีการง่าย สามารถเก็บรักษารสชาติดั้งเดิมของปลาค็อดเอาไว้ได้
ท่อทำความเย็นเป็นการติดตั้งท่อทำความเย็นในตู้แช่ พ่นไอเย็นออกมาไม่หยุด รักษาความสดได้นานยิ่งกว่า แต่เหมาะกับอาหารทะเลที่ล้ำค่าบางอย่าง อย่างเช่นปลาลิ้นหมาและปลาเเซลมอนแปซิฟิกที่ติดมาพร้อมกันตอนที่จับปลาค็อดด้วย
การแช่แข็งจะทำให้อุณหภูมิตู้แช่เป็นสิบองศาต่ำกว่าศูนย์ ปลาและกุ้งเข้ามาในนี้ก็จะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งในทันที ใช้สำหรับเก็บรักษาพวกที่มีปริมาณไขมันสูง พวกปลาเน่าเปื่อยง่าย อย่างเช่นปลาทูน่า
ปลาทูน่าไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ล้ำค่าทั้งหมด ยังมีปลาทูน่าตาโต ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ ปลาทูน่าครีบยาว ปลาทูน่าครีบเหลือง และปลาโอแถบต่างๆ สองชนิดหลังมีค่อนข้างเยอะกว่า ถ้าเทียบปลาทูน่าครีบน้ำเงินแล้วราคาถูกกว่า
ซึ่งแน่นอนว่า ราคาที่ถูกกว่านี้เพียงแค่เปรียบเทียบเท่านั้น สายเลือดก็วางไว้ตรงนั้นอยู่แล้ว ปลาทูน่าที่ราคาถูกยังไงก็ยังล้ำค่ากว่าปลาค็อดที่แพงที่สุด
หลังจากนั้นฉินสือโอวขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ชาร์คยังคงบังคับปล่อยอวนลงไปอีกครั้ง หลังจับขึ้นเรือมาก็ปลาก็เพิ่มขึ้นมาอีกสามตัน
ปลาชุดนี้ค่อนข้างจะซับซ้อน ตอนนั้นมีปลาแมคเคอเรลและปลาค็อดแอตแลนติกกำลังล่าอาหารพอดี ยังจับปลาไหลญี่ปุ่นขึ้นมาได้อีกสิบกว่าตัว ปลาพวกนี้จึงใส่ไปในห้องแช่แข็ง ราคาค่อนข้างสูง
ปลาไหลญี่ปุ่นพวกนี้ล้วนแต่เป็นปลาไหลอเมริกัน โภชนาการค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ รสชาติสดอร่อย ก้างน้อยเนื้อเยอะ ตอนนี้ปริมาณลดลงอย่างรุนแรง ฉินสือโอวเคยคิดว่าอยากจะหามาเลี้ยง แต่ว่าลูกปลาหาค่อนข้างยาก
ลูกปลาไหลญี่ปุ่นไม่สามารถเพาะโดยการผสมพันธุ์เทียมโดยคนได้ นี่เป็นเพราะว่าปลาไหลญี่ปุ่นมีประวัติชีวิตที่ค่อนข้างจะพิเศษ ยากที่คนจะเลียนแบบสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้ ก่อนอื่นคือวางไข่ในน้ำทะเลจนเป็นลูกปลา จากนั้นก็เข้าสู่น้ำจืดจนโต พอโตจนยาวถึงความยาวประมาณหนึ่งแล้วก็จะกลับมาสู่ทะเลเพื่อเจริญเติบโตต่อไป
ตอนกลางวัน ซีมอนสเตอร์ตั้งเตาปิ้งย่างอยู่บนดาดฟ้าเรือ พวกเขาจับปลาหมึกและหมึกกระดองได้ไม่น้อย จึงเลือกตัวที่อ้วนนุ่มที่สุด ทาเครื่องเคียงเพื่อปิ้งย่าง ดื่มเบียร์กินหมึกย่างก็ไม่เลว
ฉินสือโอวตุ๋นปลาแมคเคอเรลตัวหนึ่ง ชาร์คบอกกับเขาว่ารสชาติปลาไหลอเมริกันดีมาก ได้ชื่อว่าเป็นทองคำอ่อนแห่งท้องทะเล ดังนั้นเขาจึงได้ใช้หม้อใบเล็กตุ๋นปลาไหลอเมริกันตัวหนึ่งด้วย
กลุ่มซีมอนสเตอร์และแซ็กหลายคนย่างปลาหมึกอย่างอารมณ์ดี ข้างกายพวกเขาวางปลาหมึกที่ทาเครื่องเคียงเอาไว้แล้วจำนวนหนึ่ง ย่างเสร็จแล้วก็ส่งให้กับอีวิลสัน ดูว่าเขาสามารถกินได้เท่าไร
อีวิลสันกินได้ไม่มีหยุด ไม่ว่าที่คุณปิ้งจะเป็นอะไรก็ตาม เอาให้ฉันกินฉันก็จะกิน หู่จือและเป้าจือเองก็อยากจะกินแลบลิ้นส่ายหางนั่งอยู่ข้างๆ เขา แต่จะแย่งของกินจากอีวิลสันไม่ต่างจากการแย่งของกินจากปากของหู่จือและเป้าจือ พวกมันได้แต่มองไม่กล้าแย่ง
อีวิลสันกินจนอิ่มแล้ว กลุ่มซีมอนสเตอร์เองก็เหนื่อยจนเหงื่อไหลเต็มหน้าหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขาถึงได้เตรียมของที่ตัวเองจะกิน
บูลหาหัวปลาหมึกย่างที่เนื้อนุ่มที่สุดไม้หนึ่งให้ฉินสือโอวกิน พลังแห่งโพไซดอนได้ปรับปรุงรสชาติให้ยิ่งสดอร่อยมากขึ้น เวลากินก็จะฉ่ำน้ำในปาก นี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ที่จริงแล้วเหล่าชาวประมงกินของจากทะเลจนชินแล้ว แต่พอกินของจากฟาร์มปลาต้าฉินก็ยังคงมีความรู้สึกไม่เลว
แซ็กส่งเบียร์เย็นนิวฟันด์แลนด์ขวดหนึ่งให้กับฉินสือโอว หลังเปิดก็กินปลาหมึกย่างและตุ๋นปลาหมึกคำหนึ่ง สะใจถึงที่สุด!
กินดื่มจนอิ่ม ตอนบ่ายปล่อยอวนต่อ วันหนึ่งเก็บเกี่ยวปลาใหญ่สี่รอบ เรือฮาวิซทก็กลับแล้ว
พระอาทิตย์ตกดิน ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้ามองดูแสงอาทิตย์ที่อ่อนโยน เขาอ้าแขนทั้งสองออกทำเหมือนโอบกอดลมทะเล สุดท้ายหู่จือนึกว่าจะกอดตัวเอง จึงกระโดดพุ่งตัวขึ้นไป เกาะอยู่บนตัวของฉินสือโอวเลียหน้าเขาอย่างแรง
เรือประมงแล่นเรือถอยหลัง ทันใดนั้นก็มีเสียงของเบิร์ดดังมาจากวิทยุ “ชาร์ค รายงานบอสหน่อย ห่างไปประมาณสองร้อยกิโลเมตรทิศตะวันตกเฉียงใต้มีเรือลำหนึ่งบุกเข้ามาแล้ว!”
พอได้ยินข่าวนี้ ฉินสือโอวก็รีบเข้าไปหยิบวิทยุในห้องควบคุมคุยกับเบิร์ดว่า “บินเข้าไป เตือนพวกเขาว่าให้รีบออกไป ที่นี่เป็นฟาร์มปลาส่วนตัว ถ้าหากยังคงอยู่ต่อ ก็เจอกันในชั้นศาลแล้วกัน”
“รับทราบ เข้าใจแล้ว” เบิร์ดบอก
เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ในอากาศรอบหนึ่งก็รีบพุ่งตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้
ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์จะชื่นชมลมทะเลและอาทิตย์ตกดินแล้ว ปัญหาการป้องกันฟาร์มปลาจะต้องเร่งกำหนดการแล้ว ตามเทศกาลจับปลาเริ่มต้นขึ้น คงจะมีเรือประมงอีกมากที่เข้ามาในน่านน้ำทะเลนี้ บางลำคือบุกเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ บางลำกลับเป็นโจรที่มาขโมยปลาโดยเฉพาะ
ในแคนาดาตอนนี้ที่มีคนไม่มากที่อยากจะทำธุรกิจฟาร์มปลาส่วนตัว เหตุผลหนึ่งเลยก็คือการสร้างลำบากแต่ทำลายง่ายนั่นเอง
เจ้าของฟาร์มปลาลำบากลำบนไหนจะปล่อยลูกปลา ไหนจะดูแลสาหร่ายทะเล ไหนจะลงทุนกับอาหารเม็ด พอจนท้ายสุดแล้วก็แค่ลำบากทำแทนคนอื่นเท่านั้น คนอื่นมาขโมยก็พอแล้ว
ที่ดีขึ้นหน่อยก็คือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประเทศแคนาดาหรือว่ารัฐบาลท้องถิ่นระดับต่างๆ การปกป้องต่อฟาร์มปลาส่วนตัวต่างก็ค่อนข้างเยอะ ถ้าหากมีคนบุกเข้าไปขโมยจับปลาในฟาร์มปลาของคุณ คุณก็สามารถจู่โจมทันทีได้เลย
หลังเรือฮาวิซทกลับมาถึงท่าเรือ เหล่าชาวประมงก็ขับรถกระบะนำลังปลาแช่แข็งเข้าไปยังโกดังแช่เย็นของฟาร์มปลา ฉินสือโอวเองก็นั่งรอข่าวจากเบิร์ดอยู่บนชายหาด
แต่ยังดีที่ข่าวไม่ได้เลวร้ายอะไร เบิร์ดส่งข่าวผ่านวิทยุมาว่าหลังฝ่ายตรงข้ามได้รับคำเตือนก็จากไปแล้ว เขายังขับเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบเรือลำดังกล่าวด้วย และได้จดหมายเลขเรือและชื่อเรือลำนี้เอาไว้แล้ว หลังจากนี้ก็สามารถแจ้งต่อตำรวจน้ำให้จัดการเรื่องนี้ได้เลย
แต่ฟาร์มปลายังมีปลาที่จับมาถูกขโมยไป ฉินสือโอวไม่ค่อยใส่ใจปลาแค่นี้ แต่ปัญหาคือพวกที่ขโมยปลารู้แล้วว่าปลาที่ได้จากฟาร์มปลาต้าฉินสามารถขายได้ในราคาสูง ฉะนั้นอีกหน่อยที่นี่ของเขาจะต้องกลายเป็นรังโจรอย่างแน่นอน
นี่ถึงเป็นปัญหา!
บทที่ 554 ประมูลฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
นั่งรับลมทะเลอยู่บนหาดทราย ฉินสือโอวด่าในใจขณะมองดูฟาร์มปลาที่กว้างใหญ่ ทำไมจะทำธุรกิจสักหน่อยถึงได้ยากขนาดนี้กันนะ? เรื่องที่ทำให้ปวดหัวเยอะเกินไปหน่อยมั้ง!
เจ้าตัวเล็กทั้งสี่วิ่งเล่นกระโดดกันไปมาอยู่บนชายหาด หลังจากหลัวปอถูกวินนี่โยนลงทะเลเมื่อครั้งก่อนก็รู้ถึงว่าทะเลก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เอาชนะความกลัวสักหน่อย ตอนนี้ก็สามารถมาเล่นบนชายหาดได้แล้ว
สักพัก ปอหลัวเดินมาอย่างช้าๆ จ้องฉินสือโอวตาโตด้วยความสนใจก่อน จากนั้นก็หมอบข้างๆ ฉินสือโอว มองดูผิวน้ำทะเลด้วยสายตาเศร้าโศก มองเหม่ออยู่ตรงนั้น
ในนาทีนั้นฉินสือโอวเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ให้ตายเถอะ วันๆ ก็กินดีอยู่ดียังจะมีอะไรให้เศร้ากังวลอีก?
ยังดีที่ข้างหลังมีข่าวดีให้เขาได้ตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย เบลคโทรศัพท์หาเขา ทางอาฟิฟจัดการเรียบร้อยแล้ว ภาพวาดน้ำมันก็ขายไปเรียบร้อยแล้ว อาฟิฟได้โอนเงินเข้าบัญชีบริษัทแล้ว อลัน แบรนดอนกำลังทำการโอนย้ายเงินทุน คิดหาวิธีเลี่ยงภาษี จะทำการโอนเงินให้ฉินสือโอวภายในอาทิตย์
สองวันถัดมา เครื่องบินขนส่งสินค้าที่บัตเลอร์ติดต่อได้ลงจอดที่สนามบินเกาะแฟร์เวลแล้ว เขาได้เตรียมใบรับรองการส่งออกสินค้าเกษตรเรียบร้อยแล้ว อีกหน่อยปลาจากฟาร์มปลาต้าฉินสามารถส่งไปยังนิวยอร์กได้โดยตรง
ใช่แล้ว ปลาที่จับได้พวกนี้ไม่ได้ตรงไปยังไมอามี ต้องส่งไปยังตลาดปลาฟุลตันในเมืองแมนแฮตตันที่นิวยอร์ก บัตเลอร์เป็นหัวที่นั่น มีหนึ่งในตลาดสัตว์น้ำขายส่งที่ใหญ่ที่สด
ตลาดปลาฟุลตันเหมือนกันกับตลาดสึกิจิ ต่างก็เป็นตลาดสัตว์น้ำขายส่งที่ใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งในโลก มีบริษัทขายส่งสัตว์น้ำขนาดใหญ่ 88 บริษัท มีแผงลอยมากกว่า 1500 ร้าน
เครื่องบินขนส่งสินค้าลงจอด เหล่าชาวประมงก็ขับรถกระบะขนปลาที่แยกบรรจุแล้วในโกดังแช่แข็งขึ้นเครื่องบิน ช่วงนี้เรือฮาวิซทออกทะเลทุกวัน ปลาที่จับได้ยิ่งมากขึ้นไปอีก
ฉินสือโอวเคยให้บัตเลอร์ดูใบสั่งสินค้า มีปลาค็อดแอตแลนติกทั้่งหมด 11 ตัน ปลาทะเลตัวแบนใหญ่ 2 ตัน ปลาแซลมอนโคโฮ 800 กิโลกรัม ปลาหางเหลือง 500 กิโลกรัม ปลาลิ้นหมา 500 กิโลกรัม ปลาไหลอเมริกัน 200 กิโลกรัม ปลาแลมป์เพรย์ 200 กิโลกรัม และยังมีปลาแฟงค์ทูธ ปลาลายญี่ปุ่น ปลาแซลมอน ปลากะพง ปลาเพิร์ช ปลาหมึกทะเลลึกต่างๆ
บัตเลอร์ตรวจสอบรายการว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็พาผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำเหล่านี้ไปยังนิวยอร์ก ทางฝั่งฉินสือโอวเองก็เริ่มต้นเตรียมงานประมูลฟาร์มปลาแกธเธอริงที่จะจัดขึ้นอีกไม่นานนี้
วันจันทร์ ฉินสือโอวแต่งชุดสูทเรียบร้อยพากลุ่มเออร์บัก เบิร์ด ชาร์ค นีลเซ็นไปยังศาลสูงสุดของรัฐนิวฟันด์แลนด์ในนครเซนต์จอห์น งานประมูลอสังหาริมทรัพย์ถูกจัดขึ้นที่นี่แหละ
ในแคนาดา ศาลมีหน้าที่อธิบายและประกาศใช้กฎหมายแห่งชาติ ผู้พิพากษาทำหน้าที่เป็นประธานศาล ความอิสระของพวกเขาได้รับการปกป้องอย่างดี เหมือนกับอเมริกาเล็กน้อย แต่ละรัฐในแคนาดารับผิดชอบในการจัดตั้งศาลของตัวเอง จัดการกฎหมายสหภาพและเรื่องที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายในแต่ละรัฐ
ในบรรดาศาลเหล่านี้มีศาลสูงสุดของแคนาดาที่หนึ่ง เป็นสถานที่ที่รัฐสภาสหภาพจัดตั้งขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับจัดการศาลยุติธรรมและสถานที่ที่ยื่นอุทธรณ์ศาล
ระบบศาลของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์แบ่งออกเป็นสองระดับ หนึ่งคือศาลจังหวัด ส่วนใหญ่รับผิดชอบคดีอาญาทั่วไป ในระดับนี้เองก็ยังรวมถึงการจัดการเกี่ยวกับศาลเรียกร้องสินไหมชดเชยไม่มากและศาลครอบครัวเยาวชนด้วย
ระดับที่สองคือศาลจังหวัดสูงสุด ส่วนใหญ่รับผิดชอบคดีอาญาร้ายแรงและคดีแพ่ง และยังรับผิดชอบการตัดสินสินทรัพย์ที่มีจำนวนมาก หลังจากฟาร์มปลาแกธเธอริงถูกกรมประมงรับคืนรัฐบาล จึงรับผิดชอบตัดสินการประมูลโดยพวกเขา เงินที่ได้หลังหักภาษีจะส่งมอบให้อัลเบิร์ต
แน่นอนว่าอัลเบิร์ตไม่ยินยอมอยู่แล้ว ยังไม่บอกว่าเขาลงทุนไปเท่าไรกับฟาร์มปลา บอกเพียงว่าท้ายสุดแล้วภาษีที่เขาต้องจ่ายหลังได้เงินจากการประมูลก็เป็นตัวเลขมหาศาลหนึ่ง ครั้งนี้เขาขาดทุนจนกางเกงก็ถอดสีหมดแล้ว
ถ้าหากมีทางเลือก อัลเบิร์ตยอมออกจำหน่ายฟาร์มปลาเองก็ไม่อยากจะประมูลผ่านศาลอย่างแน่นอน
การประมูลของศาลเองก็เป็นอย่างนั้น ราคาเริ่มของฟาร์มปลาแกธเธอริงคือ 28 ล้าน ในความเป็นจริงแล้วฟาร์มปลานี้มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 50 ล้าน!
ยังไม่บอกว่ามูลค่าของตัวฟาร์มปลาไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน ก็บอกเพียงว่าอัลเบิร์ตเงินทุนที่ลงทุนไปเพื่อสร้างบ้านพักริมชายหาด ตอนนี้บริเวณบ้านพักมีเค้าร่างแล้ว รากฐานที่ยากที่สุดก็เรียบร้อยแล้ว น่านน้ำนอกชายฝั่งก็ทำความสะอาดแล้ว พื้นที่สีเขียวของฟาร์มปลาก็วางแผนเสร็จแล้ว ยังมีไม้อีกมาก ก้อนหินและวัตถุดิบตกแต่ง…
ของพวกนี้ล้วนเป็นของฟาร์มปลา ต่างก็ถูกปิดล้อมพร้อมกัน อัลเบิร์ตเอาไปไม่ได้
การโปรโมตของงานประมูลของศาลก็แนะนำตรงจุดนี้ด้วย เพียงแค่ซื้อฟาร์มปลานี้ได้ ก็สามารถเริ่มงานก่อสร้างบ้านพักได้เลย
แต่นอนว่า หลังสร้างบ้านพักแล้วก็ต้องมีคนกล้าซื้อ ยังไม่พูดถึงฉลามขาวยักษ์ที่ออกมาเป็นพักๆ พูดถึงเพียงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่ซ่อนตัวอยู่บนชายหาดนับไม่ถ้วน ก็สามารถทำให้คนซื้อบ้าน 90% ถอยหนี
ใครก็ไม่อยากจะพบว่ากระดูกเท้าหักร้าวตอนที่จูบกับสาวสวยบนชายหาดใช่ไหม? ใครก็ไม่อยากจะพบว่าอยู่ๆขาของตัวเองหายไปครึ่งหนึ่งตอนที่กำลังโต้คลื่นอยู่ในน้ำใช่ไหม?
แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่งานประมูลครั้งนี้ก็ยังคงดึงดูดผู้คนมากมาย ข้างในมีเจ้าของฟาร์มปลาอย่างฉินสือโอวน้อย ส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกับอัลเบิร์ต
อัลเบิร์ตได้ทำความสะอาดน่านน้ำนอกชายฝั่งเรียบร้อยแล้ว รากฐานก็เตรียมเรียบร้อยแล้ว นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนอื่นเพียงแค่คิดหาวิธีจัดการกับปัญหาฉลามขาวยักษ์และกั้งตั๊กแตนก็พอแล้ว ก็สามารถขายบ้านพักข้างในได้แล้ว
เพราะว่าการปกป้องของกรมประมงแคนาดาต่อฟาร์มปลา ทำให้ตอนนี้บ้านพักที่มีวิวทะเลนั้นล้ำค่าเป็นอย่างมาก วิวทะเลของบ้านพักมีความสัมพันธ์กับมุมองศา แต่ชายฝั่งที่ดีที่สุดเมื่อก่อนได้ขายให้กับชาวประมงไปทำฟาร์มปลา ในทศวรรษปี 90 การล่มสลายของฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์เองก็มีความสัมพันธ์กับการก่อสร้างบริเวณบ้านพักเป็นจำนวนมาก
ดังนั้น ตอนที่กรมประมงได้ปิดฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศ ‘กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองที่ดินการประมง’ เพื่อจำกัดการก่อสร้างเขตบ้านพักแทนฟาร์มปลา ฟาร์มปลาแกธเธอริงของอัลเบิร์ตโชคร้าย ทุกอย่างทำได้ค่อนข้างเยอะแล้ว ก็ยังถูกรัฐบาลยึดกลับไป
อย่างนี้เหล่านักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างก็เข้าใจแล้ว ใครที่สามารถรับช่วงต่อฟาร์มปลานี้ได้ ใครก็สามารถควบคุมรายได้ของที่พักอาศัยระดับสูงของปีนี้ในนครเซนต์จอห์นได้
ตอนที่กลุ่มฉินสือโอวเดินเข้าไปในศาล ได้มีกลุ่มเจ้าของธุรกิจไม่ว่าจะสูงต่ำอ้วนผอมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เจ้าของธุรกิจเหล่านี้หลังพบเจอกันก็ยิ้มทักทายกันต่างๆ นานา พวกเขาต่างเป็นคู่แข่งกัน
นอกจากนครเซนต์จอห์นเองแล้ว คอร์เนอร์ บรูค มองก์ตัน แกรนบี มอนทรีออล ออตตาวาต่างก็มีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอยู่ที่นี่ แน่นอนว่า ตอนนี้พวกเขาได้ตั้งชื่อเรียกใหม่ให้กับตัวเองว่า นายฟาร์มปลา
อัลเบิร์ตเองก็มาถึงแล้ว ขายังคงมีเฝือกอยู่ มีผู้คนไปทักทายเขาไม่ขาดสาย แน่นอนว่าคนพวกนี้ต่างก็ไปเยาะเย้ยเขา ความแค้นระหว่างวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมานานแล้ว โดยเฉพาะอัลเบิร์ตเป็นคนตระหนี่และยังเลือดเย็นอีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากต่างก็ถูกเขาซื้อกิจการต่อ
ตอนนี้ โอกาสในการแก้แค้นมาแล้ว พวกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะไม่เคลื่อนไหวได้ยังไงกัน?
ฉินสือโองเองก็เข้าไปทักทายอัลเบิร์ตด้วย “สวัสดี เพื่อน ยินดีกับคุณด้วยนะที่กำลังจะมีเงินก้อนใหญ่โอนเข้าบัญชีแล้ว ลองเดาดูสิว่าวันนี้มูลค่าธุรกรรมจะเป็นเท่าไร? บอกให้ผมรู้สักหน่อยเป็นยังไง? คุณก็รู้ ผมมีความสนใจฟาร์มปลาของคุณมาโดยตลอด”
บทที่ 555 รวมเป็นหนึ่ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
อัลเบิร์ตไม่มีทางทำท่าทีขายหน้าต่อหน้าคู่แข่ง เขามองฉินสือโอวด้วยสายตาดูถูกและยิ้มเยาะ “หนุ่มน้อย นายคิดว่าวันนี้นายมีโอกาสเหรอ? นายรู้ไหมว่าฟาร์มปลาของฉันมีมูลค่าเท่าไร 60 ล้าน! เห็นคนพวกนี้ไหม? พวกเขาล้วนทะเยอทะยานที่จะได้ครอบครองมัน!”
ฉินสือโอวลูบคางและพูดว่า “60 ล้านเหรอ? แพงขนาดนั้นเลย?”
อัลเบิร์ตยิ้มอย่างเยือกเย็นและอยากพูดประโยคที่โหดร้ายอีก 2 ถึง 3 ประโยคเพื่อทำให้ฉินสือโอวหวาดกลัว ผลคืออีกฝ่ายหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาโชว์ต่อหน้าเขา
โกหกน่า บัตรอเมริกันเอ็กซเพรส!
อัลบิร์ตถึงกับค้างประโยคหนึ่งไว้ในลำคอทันที เจ็บใจมาก!
ฉินสือโอวไม่เคยติดต่อและไม่รู้จักกับพวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์มาก่อน หลังจากพวกเขามาถึงฟาร์มก็หาที่นั่งเงียบๆ อยู่มุมหนึ่ง หลานเหอกับอีกคนช่วยกันคำนวณมูลค่าคร่าวๆ ของฟาร์มปลาแห่งนี้ว่ามีมูลค่าเท่าไร
ชาร์คบอกว่ามีมูลค่า 15 ล้าน นอกจากต้องทำอสังหาริมทรัพย์ ไม่อย่างนั้นรากฐานของวิลล่าพวกนั้นจะทำให้เสียเวลาต้องสร้างช่องแช่แข็งและยังต้องวางรากฐานใหม่อีกครั้งด้วย
เออร์บักพูดกับฉินสือโอวว่า “ไม่ต้องคิดมากหรอก กรมประมงไม่มีทางยอมให้ฟาร์มปลาแห่งนี้ตกอยู่ในมือของตัวแทนอสังหาริมทรัพย์แน่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไปหาอัลเบิร์ตเพื่อสร้างปัญหาให้ตัวเองอีกเหรอ?”
“ทุกเงื่อนไขจะไม่จำกัดไม่ให้พวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมการประมูลเหรอครับ?” ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่น เขารู้สึกว่าคำพูดของเออร์บักไม่สมเหตุสมผล
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันก็มีคนเดินเข้ามาพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “พี่ฉิน พี่ก็มาเหรอ?”
ฉินสือโอวหันไปมอง เฮ้ เพื่อน เจิ้งจื้อฉีเจ้าของโรงแรมวินสตัน วูดเดน โบ๊ท ครั้งก่อนตอนที่เขาไปคอร์เนอร์ บรูคเพื่อเข้าร่วมงานรำลึก 18 กันยายนก็พักอยู่ที่โรงแรมของเขาแถมยังไม่ต้องจ่ายค่าห้องอีกด้วย
ทั้งสองคนจับมือกัน ฉินสือโอวถามว่า “นายก็ยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่เหรอ?”
เจิ้งจื้อฉียิ้ม “ยังไม่ได้ทำหรอกแค่เตรียมตัวทำน่ะ งานประมูลครั้งนี้เป็นโอกาสหนึ่งที่ผมอยากทดสอบดูว่ามีโอกาสจะได้ครอบครองฟาร์มปลาแห่งนั้นบ้างไหม จริงสิ ไม่ใช่ว่าพี่มีฟาร์มปลาที่ดีอยู่หลายที่แล้วเหรอ? ยังสนใจฟาร์มปลาแห่งนี้ด้วย?”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาและพูดว่า ลองมาดูถ้ามีโอกาสก็ได้ถ้าไม่มีโอกาสก็ช่างมัน
ความจริงฉินสือโอวมุ่งมั่นที่จะได้ฟาร์มปลาแกธเธอริง ถ้าได้ครอบครองฟาร์มปลาแห่งนี้เขาก็จะควบคุมฟาร์มปลาทั้งหมดบนเกาะแฟร์เวลได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นก็สามารถก่อสร้างได้เท่าที่เขาต้องการ
เวลา 9 นาฬิกา 30 นาที งานประมูลสินทรัพย์ถาวรได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
งานประมูลของศาลสูงประจำจังหวัดไม่สามารถจัดขึ้นเพื่อของชิ้นเดียวได้ การประมูลทุกครั้งล้วนมีการกำหนดจำนวน ครั้งนี้ก็มี 5 สินทรัพย์ถาวรที่เข้าร่วมการประมูล
ชิ้นแรกคืออพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเซนต์จอห์นที่เจ้าของไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟมานานกว่า 25 เดือนแล้ว รัฐบาลบังคับให้ถอนออกจากการประมูล เพราะไม่เคยมีใครต้องการอาคารที่เสื่อมโทรมแห่งนั้น
ชิ้นที่สองคือบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตเบิร์กลินวิลล่าซึ่งเป็นสถานที่ที่ฉินสือโอวกับอัลเบิร์ตได้พบกันครั้งแรก แฮมเล็ตบอกว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนบ้านกัน หลังจากตอนที่อัลเบิร์ตถามถึงสถานที่ตั้งของวิลล่าของเขาเมื่ออ้างถึงเขตวิลล่า
บ้านเดี่ยวหลังนี้เป็นของหญิงชราท่านหนึ่ง หญิงชราท่านนี้ตอนที่มีชีวิตไม่ได้แต่งงานจึงอาศัยอยู่เพียงลำพังกับสุนัขอีกหลายตัว เธอทิ้งพินัยกรรมไว้ก่อนตายว่า บ้านหลังนี้ให้นำมาประมูลโดยศาล สุดท้ายเงินที่ได้รับนอกจากใช้ดูแลสุนัขหลายตัวของเธอแล้ว ที่เหลือให้บริจาคให้กับมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์เพื่อเป็นทุนการศึกษา
บ้านหลังนี้ราคาเริ่มต้นค่อนข้างต่ำที่ 1 ล้าน 2 แสนมีหลายคนที่ให้ความสนใจและเข้าร่วมการประมูล สุดท้ายชาวจีนคนหนึ่งเสนอ 1 ล้าน 5 แสน 5 หมื่นและได้ครอบครองบ้านหลังนี้ไป
ต่อมาคือสินทรัพย์ถาวรชิ้นที่สามและชิ้นที่สี่ตามลำดับคือ ลัมโบร์กินีที่ถูกยึดเพราะนำเข้าแบบผิดกฎหมายคันหนึ่งกับเครื่องจักรในโรงงานที่ล้มละลายเพราะการจัดการไม่ดี รถสปอร์ตถูกประมูลไปได้ แต่ไม่มีใครต้องการเครื่องจักรที่เสื่อมโทรมแล้ว
จากนั้นกิจกรรมหลักก็เริ่มต้นขึ้นร้อยละ 90 ของคนในศาลรีบไปที่งานแสดง ทุกคนต่างก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ผู้พิพากษาใช้ค้อนเคาะที่โต๊ะและตะโกนเสียงดังว่า “ตอนนี้สินค้าการประมูลคือฟาร์มปลาแกธเธอริงที่ตั้งอยู่ที่เมืองแฟร์เวล นครเซนต์จอห์น ชายฝั่งของฟาร์มปลามี 19 แห่ง 45 กิโลเมตร อยู่ใกล้กับท่าเรือของเมือง ที่ฟาร์มปลามีบ้านทั้งหมด 4 หลังส่วนที่วิลล่าวางรากฐานไว้อย่างดีแล้ว 45 หลัง… ราคาเริ่มต้นที่ 28 ล้านดอลลาร์แคนาดา!”
“29 ล้าน!” เจิ้งจื้อฉีเป็นคนแรกที่ทำการประมูลแสดงให้เห็นถึงพวกคนรวยในประเทศจีน โดยเสนอราคาเพิ่มอีก 1 ล้าน
คนอื่นก็เริ่มกระสับกระส่ายกัน บนใบหน้าของอัลเบิร์ตเผยให้เห็นรอยยิ้มอันพึงพอใจ ดูเหมือนว่าฟาร์มปลาของตัวเองจะประมูลได้ถึง 50 ล้านซึ่งก็ไม่แปลก
ตอนนี้เสมียนที่อยู่ด้านซ้ายของผู้พิพากษาเอนตัวขึ้นไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขาดูและพูดเสียงเบาไม่กี่ประโยค ใบหน้าของผู้พิพากษาผมขาวท่าทางสง่างามเผยให้เห็นความอึดอัดใจเล็กน้อย ก่อนจะเพิกเฉยการเสนอราคาของเจิ้งจื้อฉีและไอครั้งหนึ่งพร้อมกับพูดต่อ
“ขออภัยทุกท่าน โปรดอย่ากังวลเรื่องการประมูล กฎพื้นฐานของกรมประมงกับกลุ่มมหาสมุทร เนื่องจากฟาร์มปลาได้รับความเสียหายค่อนข้างมาก ตามบทบัญญัติของ ‘กฎหมายคุ้มครองการใช้ฟาร์มปลา’ และ ‘กฎหมายการประมงของแคนาดา’ ในปีเดียวกันนั้นผู้ที่ประมูลฟาร์มปลาได้ต้องลงทุนก่อสร้างเป็นเงินอย่างน้อย 1 ใน 4 ของมูลค่าของฟาร์มปลา หลังจากนั้น 5 ปีทุกๆ ปีต้องลงทุนก่อสร้างเป็นเงินอย่างน้อย 1 ใน 10 ของมูลค่าของฟาร์มปลา”
“โอเค เริ่มต้นประมูลที่ราคา 28 ล้านดอลลาร์แคนาดาและทุกครั้งที่ประมูลต้องเพิ่มครั้งละ 5 แสน เชิญทุกท่านเริ่มประมูลได้!”
เมื่อผู้พิพากษาพูดจบ ภายในศาลตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ พวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ต่างมองหน้ากัน ภายในใจล้วนคิดเหมือนกันว่า บ้าเอ๊ย กรมประมงพวกแกมันก็เป็นแค่พวกหลอกลวง!
ชาร์คกับนีลเซ็นหัวเราะอยู่เงียบๆ ฉินสือโอวมองไปที่ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์งี่เง่าพวกนั้น ถ้าไม่ติดว่าผู้พิพากษาเคร่งเรื่องระเบียบวินัย เขาก็อยากหัวเราะออกมาดังๆ เหมือนกัน
เออร์บักพูดถูกต้อง กรมประมงไม่มีทางให้โอกาสตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองฟาร์มปลาแกธเธอริงเพื่อสร้างความไม่พอใจให้ตัวเอง พวกเขาไม่ได้ห้ามตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เข้าร่วมการประมูล แต่สร้างปัญหาที่ยากจะแก้ไขให้กับพวกเขาแทน
เจิ้งจื้อฉีดึงนิตยสารกลับมาทันทีและลดแขนลงพร้อมกับด่าทอด้วยความโกรธออกมาประโยคหนึ่ง ว่า ‘แม่แกสิ’
การได้ครอบครองฟาร์มปลาแกธเธอริง ‘ในปีเดียวกันนั้นต้องลงทุนก่อสร้างเป็นเงินอย่างน้อย 1 ใน 4 ของมูลค่าของฟาร์มปลา หลังจากนั้น 5 ปีทุกๆ ปีต้องลงทุนก่อสร้างเป็นเงินอย่างน้อย 1 ใน 10 ของมูลค่าของฟาร์มปลา’ ก็คือภายใน 5 ปีต้องลงทุนกับฟาร์มปลาเป็นเงิน 3 ใน 4 ของมูลค่าของฟาร์มปลา
ดังนั้นถ้าทำสัญญา 50 ล้าน จริง สำหรับตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่พวกเขาต้องจ่ายไม่ใช่ 50 ล้าน แต่เป็น 87 ล้าน!
ความจริงเงื่อนไขนี้หลอกลวงนิดหน่อย แต่จำกัดเฉพาะตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับเจ้าของฟาร์มปลาเช่นฉินสือโอว หลังจากที่เขาเพิ่งจะได้รับฟาร์มปลาต้าฉินเมื่อปีที่แล้วการลงทุนของเขาเกือบจะ 100% ของมูลค่าของฟาร์มปลา
บรรยากาศเงียบไปชั่วขณะ ฉินสือโอวยกมือขึ้นเสนอราคาของเจิ้งจื้อฉี “29 ล้าน!”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของอัลเบิร์ตกระตุกอย่างน่ากลัว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวแล้วก็สีดำเหมือนกับการแสดงเปลี่ยนหน้าของงิ้วเสฉวน…
พวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์รับได้ที่ราคาประมาณ 30 ล้าน และก็มีคนเสนอราคาต่อจากฉินสือโอวทันที “29 ล้าน 5แสน…”
“30 ล้าน…”
“30 ล้าน 5 แสน…”
แม้ว่าพวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์จะเข้าร่วมการประมูล แต่ก็เสนอราคาอย่างระมัดระวังและหวาดกลัว 5 ปีต้องลงทุนเป็นเงิน 3 ใน 4 ของมูลค่าของฟาร์มปลาเปรียบเสมือนเชือกที่แขวนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ถ้าไม่ระวังก็จะร่วงลงไป
ตอนนี้ราคาสูงขึ้นไปถึง 32 ล้าน 5 แสนก่อนจะหยุดนิ่ง ฉินสือโอวขี้เกียจเสียเวลาอยู่ที่นี่กับพวกเขาจึงยกมือ “35 ล้าน!”
35 ล้านบวกกับ 3 ใน 4 ก็คือ 60 ล้าน แม้ว่าไม้และหินในฟาร์มปลาแกธเธอริงจะเป็นขยะชั้นดี แต่นั่นก็มีราคามากที่สุด…
บทที่ 556 อุปกรณ์ที่ฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อมีการเสนอราคา 35 ล้านออกมา พวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ทำได้แค่มองหน้ากันและก่นด่าอยู่ภายในใจทีหลัง
ราคานี้ไม่ได้สูงเกินไป ตอนที่พวกเขามาถึงเพื่อจะครอบครองฟาร์มปลาแกธเธอริงราคาที่คิดไว้ล้วนมากกว่า 50 ล้าน
มูลค่าของฟาร์มปลาเองก็เพียงพอแล้วสำหรับราคานี้ นอกจากอัลเบิร์ตจะช่วยพวกเขาจัดการจุดเล่นน้ำริมหาดซึ่งเป็นจุดที่สำคัญมากได้เป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าพวกเขาจะซื้อฟาร์มปลาที่อื่นอีกก็ไม่กล้าทำแบบนี้ การทำความสะอาดปะการังใต้ทะเลไม่ใช่ปัญหา แต่การใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ฟาร์มปลาเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ
ทว่าตอนนี้ปัญหาคือ กรมประมงเรียกร้องให้ลงทุน 3 ใน 4 ของมูลค่าของฟาร์มปลาภายใน 5 ปีซึ่งจำกัดการประมูลราคาของพวกเขา เห็นได้ชัดว่า 35 ล้านก็ถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว 35 ล้าน…
ได้ไม่คุ้มเสีย!
พวกอสังหาริมทรัพย์อยากครอบครองฟาร์มปลาแกธเธอริงเพื่อหาเงินเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพื่อหาเงินแล้วใครจะทำล่ะ?
ดังนั้นหลังจากที่ฉินสือโอวเสนอราคา พวกเขาจึงเหลือบมองกันและกันก่อนจะยักไหล่และโยนป้ายเสนอราคาที่อยู่ในมือทิ้งไป
อัลเบิร์ตร้องไห้อยู่อีกด้าน เขาหวังอย่างมากว่าคู่แข่งพวกนี้จะสามารถทำให้ฉินสือโอวที่ยกมือขึ้นเพื่อเสนอราคาดูโง่เง่าได้ 35 ล้านหักลบภาษีแล้วเขาจะได้เงิน 20 ล้านก็ไม่เลว เพราะภาษีการประมูลนั้นสูงมาก ฉินสือโอวที่เอารูปปั้นสำริดเมดูซาไปก็รู้
20 ล้าน ความจริงนั่นไม่ใช่แค่สีกางเกงตก แต่กางเกงยังล้าสมัยอีกด้วย!
นอกจากฉินสือโอวยังมีเจ้าของฟาร์มปลาหลายคนมาที่ฟาร์ม พวกเขาตั้งใจที่จะนำเงินมาร่วมลงทุนที่ฟาร์มปลาและพูดว่า ความจริง 5 ปีลงทุน 3 ใน 4 ของมูลค่าของฟาร์มปลาไม่มากเท่าไร แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่มีอำนาจและไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายขนาดนั้น
ความจริงเรื่องนี้ยังมีวิธีแก้อยู่วิธีหนึ่ง นั่นก็คือตัวแทนอสังหาริมทรัพย์กับพวกเจ้าของฟาร์มปลาต้องร่วมมือกันและจ่ายด้วยกัน พื้นที่หนึ่งเป็นเขตของวิลล่า อีกพื้นที่หนึ่งเป็นของฟาร์มปลา ถึงตอนนั้นเจ้าของฟาร์มปลาก็ลงทุนกับฟาร์มปลา ส่วนตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ก็ขายบ้านเพื่อทำเงินซึ่งถือว่าได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
แต่ปัญหาก็อยู่ที่ตรงนี้ ไม่มีใครคิดว่ากรมประมงจะทำตัวเป็นแมลงเม่าแบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเจ้าของฟาร์มปลาที่มองหาตัวแทนอสังหาริมทรัพย์เพื่อร่วมมือกัน แต่เป็นพวกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่คิดจะร่วมมือ เงินทุนของพวกเขาแข็งแกร่งและมั่นคงพอ แม้ว่าจะซื้อฟาร์มปลาแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเลี้ยงปลาจริงๆ
ดังนั้นถึงคิดจะร่วมมือตอนนี้ก็ยากแล้ว งานประมูลจะไม่ยอมให้พวกเขามีเวลาไปปรึกษากันเพื่อแบ่งผลประโยชน์ของฟาร์มปลาได้
หลังจากที่ราคา 35 ล้านถูกเสนอออกมาก็ไม่มีใครยกป้ายอีก ผู้พิพากษาผู้ทรงสง่าตะโกน 3 ครั้งและใช้ค้อนทุบที่โต๊ะอย่างหนักแน่นในท้ายที่สุด “ฟาร์มปลาแกธเธอริงปิดประมูลที่ 35 ล้านดอลลาร์แคนาดา โดยคุณฉินจากเมืองแฟร์เวลเป็นผู้ได้ไป!”
ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะให้กับผู้คนรอบข้าง ตอนที่เขามองไปยังอัลเบิร์ต สุดท้ายสิ่งที่เหลือไว้ให้เขาก็คือสายตาที่ดูเคียดแค้นเท่านั้น
งานประมูลจบลงแล้ว ฉินสือโอวขึ้นไปเซ็นชื่อลงบนสัญญาการประมูลภายใต้พยานของผู้พิพากษา สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้ก็คือจ่ายเงิน
นับจากนี้ไป ฟาร์มปลาแกธเธอริงก็เป็นของเขาแล้ว!
นับจากนี้ไป ชายฝั่งทะเล 100 กิโลเมตรบนเกาะแฟร์เวลก็เป็นของเขาอีกเช่นกัน!
หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับอัลเบิร์ตอีก ฉินสือโอวทิ้งท้ายไว้ให้เขาประโยคหนึ่งว่า ‘เสียงหัวเราะครั้งสุดท้ายเป็นเสียงหัวเราะแห่งความสุข’ และเดินออกจากศาลไป
พื้นที่ของฟาร์มปลาได้ขยายออกไปอีก ดังนั้นเรื่องที่เขาต้องวางแผนตอนนี้ไม่ใช่การสร้างฟาร์มปลา แต่จะป้องกันไม่ให้เกิดการขโมยปลาได้อย่างไร
เมื่อกลับถึงวิลล่า ฉินสือโอว เบิร์ด ชาร์คและทุกคนต่างประชุมกันเพื่อถามว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร และไม่สามารถขับเฮลิคอปเตอร์เฝ้าระวังที่ฟาร์มปลาได้ตลอดเวลาเหรอ?
“งั้นก็ซื้อเรดาร์สำหรับพลเรือนสิ หลังจากติดตั้งแล้วก็สามารถเฝ้าระวังบริเวณรอบๆ น่านน้ำได้ในรัศมี 360 องศาแล้ว” เบิร์ดเสนอ
ฉินสือโอวไม่ค่อยรู้เรื่องของพวกนี้นัก เขาเป็นเหมือนทหารหุ่นเชิดผู้กระตือรือร้นที่รู้แค่ยิงปืนอย่างไร เรดาร์ เครื่องบิน รถถังและเครื่องยนต์อะไรพวกนี้เขาไม่ค่อยรู้หรอก
เบิร์ดกับนีลเซ็นก็อธิบายให้เขาฟังนิดหน่อยว่าพื้นฐานการใช้เรดาร์จะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือสำหรับทหารและสำหรับพลเรือน โดยทั่วไปเรดาร์สำหรับทหารจะประกอบไปด้วยเรดาร์เตือนภัย เรดาร์นำวิถี เรดาร์ที่ใช้แยกระหว่างศัตรูกับฝั่งตัวเองเป็นต้น เรดาร์ที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นอุปกรณ์ที่น่าหวาดกลัว
เรดาร์สำหรับพลเรือนจะประกอบไปด้วยเรดาร์การเดินเรือ เรดาร์ตรวจอากาศ เรดาร์ตรวจจับความเร็วและเรดาร์สำรวจฐานเป็นต้น เรดาร์ที่ฟาร์มปลาต้องใช้ก็คือเรดาร์สำรวจฐาน ตอนนี้ที่สหรัฐอเมริการัฐมอนตานาและรัฐเท็กซัส ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดใหญ่ส่วนมากก็ใช้เรดาร์ประเภทนี้ดูแลฝูงวัว ฝูงแกะ และปศุสัตว์ชนิดอื่น
ส่วนใหญ่เรดาร์พวกนี้ใช้เทคโนโลยีที่ล้าสมัยของทหารเช่น เครื่องสแกนและเสาอากาศ เทคโนโลยีขั้นสูงบางตัวใช้เทคโนโลยีไมโครอะเรย์ที่สแกนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เรดาร์ประเภทนี้จะปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาเพื่อสแกนที่ระดับผิวน้ำทะเล ไม่เพียงแค่สามารถระบุตำแหน่งของเป้าหมายได้ แต่ยังสามารถสำรวจระยะทางกับความเร็วของมันได้อีกด้วย
“ถ้าจะใช้เรดาร์สำหรับพลเรือน งั้นก็ต้องซื้อเรดาร์สแกนเป้าหมายรุ่นไกอาเอส100 ที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกัน จีเอสเอสไอ การผลิตเครื่องมือความแม่นยำ จำกัด เมื่อก่อนตอนที่ผมทำงานเป็นยามชายฝั่ง ที่นั่นก็มีเรดาร์ประเภทนี้อยู่เครื่องหนึ่งซึ่งมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม รัศมีการสแกน 500 กิโลเมตรก็เพียงพอที่จะใช้ในฟาร์มปลาของพวกเราแล้ว” เบิร์ดแนะนำเป็นครั้งสุดท้าย
ไม่นานหลังจากนั้นฉินสือโอวรู้มานิดหน่อยแล้วว่า บริษัทอเมริกัน จีเอสเอสไอปัจจุบันเป็นโรงงานที่ผลิตเรดาร์ทางธรณีวิทยาแห่งแรกของโลก ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ปริมาณการขายเกินกว่า 4000 เครื่องซึ่งมากกว่า 70% ของยอดขายทั่วโลก ที่แคนาดามีอยู่ 1200 เครื่องหรือมากกว่านั้น คิดเป็น 85% ของส่วนแบ่งทางการตลาดของแคนาดา
บนอินเทอร์เน็ตมีข้อมูลที่อธิบายเกี่ยวกับเรดาร์สแกนเป้าหมายรุ่นไกอาเอส100 น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับยอดขายของเรดาร์มากกว่า
เป็นไปไม่ได้ที่คนซื้อเรดาร์จะเป็นคนธรรมดา ถ้าไม่มีฟาร์มปศุสัตว์ หรือมีฟาร์มปลา ก็ต้องมีพื้นที่ล่าสัตว์ สั้นๆ คือต้องเป็นคนร่ำรวยและมีอำนาจ ถ้าคนพวกนี้ต้องการเรดาร์พวกเขาจะไม่สั่งผ่านอินเทอร์เน็ตแต่จะโทรไปที่บริษัทจีเอสเอสไอและทางบริษัทก็จะส่งพนักงานขายเพื่อจัดหาบริการเฉพาะทางให้
เหมือนว่าเรดาร์รุ่นไกอาเอส100 ราคาของเรดาร์พร้อมทั้งสถานีจะมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์แคนาดา พนักงานคนหนึ่งขายได้ 2 ชุดต่อปีก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้แล้ว
ฉินสือโอวโทรไปหาเจนนิเฟอร์ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทอเมริกันเอ็กซเพรสและขอให้เธอติดต่อไปที่บริษัทจีเอสเอสไอเพื่อให้ส่งพนักงานมาหาเขา
บริการของบริษัทอเมริกันเอ็กซเพรสน่าประทับใจมาก เขาวางสายไปได้ 10 นาทีก็มีผู้ชายสำเนียงอเมริกาใต้ดูหนักแน่นโทรมาหาเขา ชายคนนี้เรียกตัวเองว่าฟรอนโด สตาร์คเป็นวิศวกรคนหนึ่งของบริษัทจีเอสเอสไอ
ประสิทธิภาพของบัตรอเมริกันเอ็กซเพรสครบครันมาก บริการหลายอย่างที่จัดเตรียมไว้ให้มีประโยชน์ทุกอย่างเช่น ถ้าต้องการซื้อของอะไร คนที่ติดต่อคุณจะไม่ใช่พนักงานทั่วไป แต่จะเป็นวิศวกรกับสถาปนิกที่ไม่ค่อยได้รับให้คำปรึกษาลูกค้า ครั้งนี้เป็นฟรอนโด สตาร์คกับลีฟ ไดม์เลอร์จากทิฟฟานี
ความจริงฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องให้ฟรอนโดมาติดต่อกับเขาก็ได้ เพราะสิ่งที่เขาต้องการจะรู้มีแค่ราคากับค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์เสริมบางอย่างเท่านั้น ข้อมูลเฉพาะของเรดาร์มีเบิร์ดคอยอธิบายให้เขาฟังแล้ว
อย่างไรก็ตามฟรอนโดก็เป็นคนที่รู้ราคาของเรดาร์และบอกเขาว่า ถ้าเป็นเรดาร์รุ่นไกอาเอส100 – เอสอีเอที่ปรับปรุงให้ใช้ทางทะเลได้ดีขึ้นรวมกับค่าติดตั้งทั้งหมดก็ 1 ล้าน 2 แสน 2 หมื่นดอลลาร์แคนาดาซึ่งไม่รวมกับค่าบำรุงรักษาในภายหลัง ค่าบำรุงรักษาเรดาร์ต้องเก็บเพิ่มอีก
ฉินสือโอวรู้สึกว่าราคานี้ไม่ถือว่าแพง โดยเฉพาะตอนนี้เขายังต้องรับหน้าที่สำคัญในการลงทุนฟาร์มปลาแกธเธอริง แน่นอนว่าการซื้อเรดาร์มาใช้ที่ฟาร์มปลาก็ถือว่าเป็นการลงทุนภายในฟาร์มปลา
เมื่อซื้อเรดาร์แล้ว นั่นก็หมายความว่าฟาร์มปลามีวิธีการค้นหาและวิธีการป้องกันสิ่งที่ต้องทำหรือขาดไป
“ถ้าพวกเราสามารถซื้อขีปนาวุธ ร็อกเก็ตลันเชอร์ ตอร์ปิโดและอื่นๆ ได้อีกก็สะดวกสบายแล้ว ถ้าเรดาร์ค้นหาเป้าหมายเตือนไม่ได้ผลก็กำจัดได้ทันที!” ฉินสือโอวพูดหยอกล้อ
เบิร์ดพยักหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า “ตอร์ปิโดคงยากมาก แต่ถ้าขีปนาวุธกับร็อกเก็ตลันเชอร์ไม่มีปัญหา”
บทที่ 557 วงล้อไฟ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากได้ยินเบิร์ดพูดอย่างนั้น ฉินสือโอวก็มองเขาด้วยความประหลาดใจและถามอย่างเหลือเชื่อว่า “นายสามารถซื้อขีปนาวุธกับร็อกเก็ตลันเชอร์เข้ามาอย่างถูกกฎหมายได้เหรอ? ทำได้ยังไง?!”
เบิร์ดยักไหล่ “ขีปนาวุธน้ำนำวิถีกับจรวดน้ำนำวิถีไม่ได้เหรอ? เพื่อรับมือกับเรือหาปลาของโจร อานุภาพของอาวุธประเภทนี้ก็เพียงพอแล้วมั้ง?”
ฉินสือโอวตบที่หน้าอกและพูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจ “นายทำฉันตกใจแทบตาย ฉันยังคิดว่านายสามารถซื้อขีปนาวุธนำวิถีกับร็อกเก็ตลันเชอร์และอื่นๆ ได้จริงๆ ถึงอย่างนั้นความจริงฉันก็ยังไม่เชื่อในความปลอดภัยของฟาร์มปลาของตัวเอง”
ชาร์คและคนอื่นพยักหน้า เมื่อกี้พวกเขาแอบรู้สึกกลัวที่ถูกจ้อง
เบิร์ดหัวเราะคิกคักด้วยความไร้เดียงสา ผมยังไม่ได้คำอธิบายเลยว่าพวกเขาคิดโยงไปถึงขนาดนั้นได้อย่างไร?
“ยังมีปืนฉีดน้ำดับเพลิงก็ถือเป็นอาวุธชิ้นหนึ่ง ตราบใดที่ติดตั้งไว้บนเรือหาปลา หลังจากนั้นก็สามารถเผชิญหน้ากับพวกหัวขโมยปลาบัดซบพวกนั้นได้ แน่นอนว่าจะทำให้พวกมันไม่กลับมาอีก!” บูลพูดด้วยความตื่นเต้น
ไม่ว่าจะปืนฉีดน้ำดับเพลิงหรือขีปนาวุธน้ำนำวิถีและจรวดน้ำนำวิถี ฉินสือโอวมั่นใจว่าพลังพวกนั้นไม่สามารถเทียบกับปืนจริงๆ ได้ ที่ตัวเขามีปืนเอดับบลิวพี ร้านขายปืนทหารกำลังสูงมีแบเร็ตเอ็ม82เอ1 และยังสามารถยืมเอ็ม 60 ติดไว้บนเครื่องบินได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความขัดแย้งในการเดินเรือ มีปืนและใช้เครื่องมือพวกนี้ก็ไม่ใช่วิสัย ฉินสือโอวขอให้พวกชาวประมงให้ความสนใจอาวุธที่ใช้ในความขัดแย้งทางทะเล เขาเตรียมซื้อเรือหาปลาลำหนึ่งมาเพื่อติดตั้งอาวุธโดยเฉพาะ
ฉินสือโอวขับรถไปดูฟาร์มปลาแกธเธอริงที่ได้มาอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ฟาร์มปลาใหญ่มากไม่มีคนเทียวไปเทียวมาเหมือนเมื่อก่อนตอนที่ก่อสร้างวิลล่า ไม้และหินจำนวนมากกองหนึ่งวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ฉินสือโอวที่เดินผ่านพวกวัสดุก่อสร้างและคิดว่าจะจัดการของพวกนี้อย่างไรก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย
เขาไม่คิดจะสร้างวิลล่าในฟาร์มปลาแกธเธอริง ฟาร์มปลาก็คือฟาร์มปลา การสร้างวิลล่าอาจจะทำเงินให้เขาได้ แต่ปัญหาคือเขาขาดเงินเหรอ?
แฟรงค์พาทีมก่อสร้างของโมโตโรล่ากลับมา พวกเขาติดตั้งสถานีฐานย่อยบนหน้าผาเล็กๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฟาร์มปลา หลังจากนั้นก็ลากสายเคเบิลเพื่อแก้ไขระบบ แฟรงค์บอกฉินสือโอวว่าต้องใช้เวลาอีก 1 ถึง 2 วันถึงจะสามารถใช้งานวิทยุไร้สายได้
ฉินสือโอวพยักหน้าและบอกว่าไม่มีปัญหา เขาเดินไปบนชายหาดและมองไปยังท้องทะเล ฟาร์มปลาแกธเธอริง คุณภาพน้ำใกล้ชายฝั่งของฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นมีสีฟ้าและใสมาก พระอาทิตย์ยามบ่ายส่องแสงทะลุน้ำทะเลไปจนถึงก้นทะเล
นี่ก็คือหน้าที่ของพีดีพีเอ พิษอบเชยไม่เพียงแค่ฆ่าปลา กุ้ง ปูและหอยที่อยู่บริเวณชายฝั่งได้ แต่ยังสามารถฆ่าแพลงก์ตอน จุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่อยู่ในน้ำได้อีกด้วย ดังนั้นการดูคุณภาพน้ำจึงชัดเจนเป็นพิเศษ
อัลเบิร์ตกล้าหาญจริง เขากล้าทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน แต่ความคิดสร้างสรรค์ของเขาก็ไม่เลวนัก ตอนนี้บริเวณชายฝั่งแห่งนี้ก็กลายเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ไปแล้ว น้ำทะเลก็เหมือนจะละลายคอปเปอร์ซัลเฟตภายในสระว่ายน้ำแล้วเหมือนกัน
ทางใต้ของเกาะนิวฟันด์แลนด์ตอนเดือนพฤษภาคมอากาศเริ่มอุ่นขึ้นนิดหน่อย ฉินสือโอวจุ่มมือไปในน้ำและแกว่งไปมา อุณหภูมิของน้ำไม่เย็นมาก
หลังจากลาดตระเวนรอบๆ ฟาร์มปลาแกธเธอริง ฉินสือโอวก็ขับรถกลับ สุดท้ายเขาสั่งซื้อรถวงล้อไฟจากบนอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด
ประจวบเหมาะกับที่พวกเด็กๆ วิ่งออกมาอย่างวุ่นวายหลังเลิกเรียน นอกจากเชอร์ลี่ย์กับอีก 4 คนแล้วยังมี ชาร์คน้อย คราเคนน้อยลูกชายของซีมอนสเตอร์ ลอเรนซ์ รูเพิร์ตลูกสาวของแลนซ์ พวกเขาเรียนอยู่ด้วยกัน พวกชาวประมงเองก็ย้ายเข้าไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของชาวประมงแล้วหลังจากตามมาที่ฟาร์มปลา
ฉินสือโอวโบกมือและตะโกนถามพวกเขาว่า “วันนี้พวกนายไปเรียนทำตัวดีใช่ไหม?”
ลอรีถามด้วยน้ำเสียงน่ารักว่า “แล้วถ้าทำตัวดีจะเป็นอย่างไรคะ?”
“เช่นสอบได้คะแนนดี ดีมั้ง แต่พวกนายไม่มีสอบ แล้วมีใครถูกคุณครูชมใช่ไหม?”
ชาร์คน้อยยกมือขึ้นด้วยความตื่นเต้นและตะโกน “ผม!”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ มองอย่างไรมารน้อยอย่างชาร์คน้อยก็ไม่เหมือนคนที่จะได้รับคำชมเชย แต่ดูเขามั่นใจในตัวเองขนาดนี้ก็คงไม่ได้โกหก ก่อนจะหยิบวงล้อไฟออกมาแล้วส่งให้เขา “ดีมาก นี่เป็นของขวัญที่ลุงฉินที่จะให้พวกนาย”
“ขอบคุณครับลุงฉิน!” ชาร์คน้อยดีใจมาก
ลอรีตะโกน “ไม่ ลุงฉินทำไมลุงไม่ถามชาร์คน้อยก่อนว่าคุณครูชมอะไรเขา”
ภายในใจของฉินสือโอวมีความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา ก่อนจะถามว่า “โอเค คุณครูของพวกนายชมนายว่าอะไร ชาร์คน้อย?”
“เขาชมว่าผมน่ารัก น่ารักแบบโง่ๆ” ชาร์คบอกเหตุผล
ฉินสือโอวหลุดหัวเราะออกมา เหมือนกับมีเลือดพุ่งอยู่ในเป้ากางเกง ชาร์คน้อยมองด้วยความไร้เดียงสาและถามว่า “ลุงฉิน นี่ไม่นับว่าเป็นคำชมเหรอ?”
“นับ!”
“คุณครูคนนั้นก็ชมผม” กอร์ดอนพูด
“ชมนายว่าอะไร?”
“ชมผมว่าสามารถทำตัวได้แย่ขนาดนี้ก็ถือว่าหายากที่สุดในโลก ผมอาศัยจังหวะตอนที่จูเลียนอนหลับอยู่ใช้ดินสอสีวาดรูปอุจจาระลงบนรองเท้ากีฬาสีขาวของเธอ ลุงฉิน ของขวัญของผมล่ะ?”
“มานี่สิ!!! ฉันต้องจัดการพวกนายแทนคุณครูแล้วล่ะ!”
กอร์ดอนหันหลังเตรียมวิ่งหนี แต่มือเล็กๆ ของเชอร์ลี่ย์จู่โจมราวกับสายฟ้าฟาดคว้าเข้าที่หูของเขาและดึงกลับมาด้วยความโกรธ “นายแกล้งเพื่อนผู้หญิงอีกแล้วเหรอ กอร์ดอน นายป่าเถื่อนมาก นายคิดว่านี่ฉันชมนายเหรอ?”
“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
ฉินสือโอวให้วงล้อไฟกับพวกเขาคนละคัน เขาสั่งให้บัตเลอร์เปิดสวิตช์แหล่งพลังงานไฟฟ้าแล้วขึ้นไปเหยียบและโน้มตัวไปข้างหน้า วงล้อไฟก็เริ่มเคลื่อนไหว ใต้ที่เหยียบมีแสงไฟสีน้ำเงินอยู่ 2 ดวงซึ่งเหมือนกับไฟของปลายจรวดไอพ่น
“ว้าว!” เด็กหลายคนตะโกนคุยโวกันเหมือนกับว่าวงล้อไฟเท่สุดๆ
ฉินสือโอวเคลื่อนที่ไปมา 2 รอบให้พวกเขาดูเพื่อแสดงให้พวกเขาเห็นพื้นฐานอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็สอนวิธีการใช้ทีละคน
ชาร์ควางวงล้อไฟลงอย่างมีความสุขและพูดว่า “ผมเรียนก่อน!”
ลอเรนซ์ถามอย่างไม่พอใจ “ทำไมต้องนายก่อน?”
ชาร์คน้อยกำหมัดจะต่อยที่หน้าของเธอแล้วพูดว่า “นี่ก็คือเหตุผล!”
ฉินสือโอวทำให้เขาสมองรวน “แกล้งพี่น้องที่เป็นผู้หญิงก็นับว่าเป็นความสามารถของลูกผู้ชายเหรอ?”
ชาร์คน้อยเริ่มรู้สึกผิด “พี่น้อง? ลอเรนซ์ยังตีผมได้เลย นี่ยังเรียกว่าพี่น้องอีกเหรอ?”
อย่างไรชาร์คน้อยก็ยังเป็นคนแรกที่ได้รับโอกาสแม้จะถูกฉินสือโอวตำหนิก็ตาม ฉินสือโอวอธิบายให้พวกเขาฟังว่า “พวกนายต้องรู้ก่อนว่าแหล่งพลังงานของรถคันเล็กคือไฟฟ้า แต่หลักการทำงานจะใช้ไจโรสโคปในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ดังนั้นต้องให้ความสำคัญกับความสมดุลเข้าใจไหม?”
“เมื่อโน้มตัวไปข้างหน้า รถคันเล็กจะรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของนายและเริ่มเร่งความเร็ว แต่เมื่อโน้มตัวไปข้างหลัง รถคันเล็กก็จะควบคุมเครื่องจักรไฟฟ้าให้ลดความเร็วลงเพื่อรักษาสมดุลของนายและรถ สั้นๆ ก็คือรักษาสมดุลตอนอยู่บนรถ ห้ามลืมเด็ดขาด…”
ฉินสือโอวยังพูดไม่จบ ชาร์คน้อยก็ยืนอยู่บนวงล้อไฟด้วยความสุขและความตื่นเต้นพร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้าก้มตัวลงเหมือนตอนขี่ม้าพร้อมกับร้องตะโกน “เหวอ!”
“ตูม!”
วงล้อไฟพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วทำให้ชาร์คน้อยไม่สามารถยืนทรงตัวได้จึงล้มหัวฟาดพื้นทันที…
ลอเรนซ์ คราเคนน้อยและคนอื่นๆ หัวเราะกันเสียงดังลั่น ชาร์คน้อยล้มแรงมาก แต่ตอนเป็นเด็กเขาเคยชินกับการถูกชาร์คทำร้าย เขาถูกเรียกว่าผิวหนังหยาบหนา ท่าทางดุร้าย เขาลุกขึ้นและตะโกนว่า “มาเลย!”
ความจริงการขับวงล้อไฟไม่ได้ยากขนาดนั้น ของสิ่งนี้ไม่เหมือนกับรถล้อเดียว เพราะว่ามี 2 ล้อแค่รักษาสมดุลให้ดีก็ได้แล้ว
หลังจากที่ฉินสือโอวสอนพวกเด็กๆ ใช้เท้าเหยียบบนคันเร่งเบาๆ และค่อยๆ เอนตัวไปข้างหน้าเพื่อเร่งความเร็ว แบบนี้รถก็จะเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ยิ่งเอนตัวไปข้างหน้ามากความเร็วที่เคลื่อนไปด้านหน้าก็ยิ่งเร็วขึ้น
ถ้าต้องการลดความเร็วก็ให้เอนตัวไปด้านหลังนิดหน่อย แต่อย่าเอนไปข้างหลังหลังรถจอด ล้อทั้ง 2 ของวงล้อไฟไม่เหมือนรถล้อเดียวที่สามารถเคลื่อนที่ไปด้านหลังได้…
จุดนี้ฉินสือโอวยังพูดไม่ทันจบ กอร์ดอนก็หันไปด้านหลังและหาว…
หลังจากนั้นก็อยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิง!
บทที่ 558 ขยายฟาร์มปศุสัตว์
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวควรจะเสียใจที่มาสอนพวกเด็กๆ เล่นวงล้อไฟตอนนี้ ไว้ฟาร์มปลาเป็นระเบียบแล้วค่อยมาสอนพวกมารน้อยทั้ง 7 ทีหลัง
ฟาร์มปลานอกจากตำแหน่งของชายหาดแล้ว สถานที่อื่นๆ ล้วนเป็นพื้นแข็ง วงล้อไฟจะวิ่งได้ต้องใช้แรงดันไม่น้อย
เด็กทั้ง 7 คนเรียนรู้ที่จะเล่นแล้วก็เริ่มเหยียบวงล้อไฟกระจัดกระจายกันไปทั่วทันที ทั้งจับไก่และไล่สุนัข ไล่กันจนไม่รู้ว่าแต่ละคนล้มกันไปแล้วกี่ครั้ง
พวกห่านสีขาวตัวใหญ่ก็กำลังประสบปัญหา เมื่อก่อนพวกเด็กๆ ไม่กล้าเข้าไปยั่วยุพวกมัน เพราะถึงแม้ว่าห่านขาวจะไม่ไล่ตาม แต่ก็ง่ายมากที่จะเข้าไปอยู่ในวงล้อมของฝูงห่าน
ตอนนี้พอมีวงล้อไฟแล้ว พวกห่านขาวไม่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร แค่มองว่ามันทั้งยิงเปลวไฟทั้งแสงแฟลชได้ พวกห่านก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พวกเด็กๆ เหยียบบนวงล้อไฟและพุ่งเข้าไปในฝูงห่าน พวกห่านขาวก็รีบหนีออกไปจากตรงนั้นด้วยความกลัว
ดังนั้นไข่ห่านที่พวกห่านขาวรวบรวมไว้ด้วยความยากลำบากจึงถูกฉกไป ครั้งนี้ห่านขาวเป็นผู้เสียหายแต่ก็ร้องไม่ออก พวกมันไม่ค่อยกล้าที่จะไปไล่ตาม
ทั้งตอนเข้าเรียนและเลิกเรียน เด็กทั้ง 7 คนต่างก็พกวงล้อไฟไปด้วย เดิมทีเด็กนักเรียนประถมของแคนาดาก็ไม่ต้องพกหนังสือเรียนไปเท่าไรอยู่แล้ว แต่แบบนี้ยิ่งไม่พกไปเลย พวกเด็กๆ ต่างโยนหนังสือไว้ที่บ้านที่โรงเรียน ในกระเป๋าหนังสือก็ใส่ไว้แค่วงล้อไฟที่พับเก็บได้
ครั้งที่แล้วบัตเลอร์กลับมาจากการตกปลาหลังจากนั้นก็ไม่มีกิจกรรมนี้อีก ฉินสือโอวก็ยิ่งไม่อยากตกปลามากขึ้น ต่อจากนี้ปลาที่อยู่ในทะเลจะไม่ถูกทอดทิ้งและเจริญเติบโตต่อไป
เมื่อเข้าสู่กลางเดือนพฤษภาคม ในที่สุดน้ำแข็งที่พื้นก็ละลายหมดแล้ว ฉินสือโอวพาชาร์คและคนอื่นๆ ไปวางแผนขยายฟาร์มปศุสัตว์นิดหน่อย
จำนวนของไก่และเป็ดในฟาร์มปศุสัตว์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า เพราะพ่อไก่และแม่ไก่ พ่อเป็นและแม่เป็ดผสมพันธุ์กัน นับดูแล้วไม่แน่ใจว่าพวกมันผสมพันธุ์และวางไข่กันตอนไหน ไข่พวกนี้สามารถนำมาเพาะพันธุ์เป็นลูกไก่และลูกเป็ดได้ทีละเล็กทีละน้อยทำให้จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ดังนั้นการเพิ่มไก่งวงเข้ามา การเจริญเติบโตของหมูเลี้ยงและหมูป่าส่งผลให้ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กรองรับไม่ไหว ตอนฤดูหนาวฉินสือโอวจึงคิดที่จะขยายฟาร์ม แต่รั้วทั้งหมดก็ถูกแช่แข็งติดอยู่กับพื้นจึงไม่สามารถทำได้
ฉินสือโอวพาชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น บูลและอีกหลายคนไปหาชุดทำงานบนเรือ พวกเขาสวมถุงมือผูกผ้าโพกหัวเพื่อไปขยายฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก
ซีมอนสเตอร์เอาผังก่อสร้างมาและใช้ดินสอวาดเส้นลงบนผังอย่างจริงจัง ฉินสือโอวมองไปที่ผังแล้วก็ประหลาดใจจึงถามว่า “นี่คืออะไร?”
“พิมพ์เขียวครับ ถ้าไม่มีพิมพ์เขียวพวกเราจะทำงานอย่างไร?” ซีมอนสเตอร์ตอบกลับอย่างไม่ต้องสงสัย
คนอเมริกาและคนแคนาดาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำงานซึ่งจะดูได้จากซีรีส์อเมริกันทีวี ภาพยนตร์ฮอลลีวูด บล็อกบัสเตอร์และอื่นๆ ถ้าในบ้านมีอะไรรั่วต้องซ่อมแซมพวกเขาก็ทำมันด้วยตัวเอง สนามหญ้าพวกเขาก็ตัดด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าพวกเขาขยันทำงาน แต่ถ้าต้องจ้างคนมาทำก็ต้องใช้เงิน ดังนั้นผู้ชายชาวอเมริกาเหนือล้วนรู้จักทักษะบางอย่างเล็กน้อย
พวกเขาเป็นมืออาชีพอย่างมากในการทำงานฝีมือ ห้องเก็บของภายในบ้านมักจะเก็บเครื่องมือเอาไว้อย่างครบครัน ก่อนที่จะทำงานเขาจะวาดพิมพ์เขียวและทำการตรวจวัดทางเทคนิค โดยซีมอนสเตอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญในส่วนนี้
ฉินสือโอวมองดูแล้ว บนพิมพ์เขียวของซีมอนสเตอร์วาดแบบพื้นที่ของฟาร์มปศุสัตว์ใหม่ออกมาได้อย่างชัดเจนมาก ที่ไหนต้องใช้ไม้หนารองรับ ที่ไหนสำหรับเปิดประตู ที่ไหนต้องติดตาข่ายกั้นเพิ่ม เขียนออกมาได้อย่างชัดเจนมาก
นอกจากนั้นซีมอนสเตอร์ยังปรับแต่งพื้นที่ฟักไข่ของแม่ไก่และแม่เป็ดบนพิมพ์เขียวด้วย หลังจากนั้นไข่ก็จะอยู่รวมกันเหมือนเมื่อก่อนและเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหมูเหยียบแตกและอื่นๆ
ฟาร์มปศุสัตว์ใหม่มีรูปร่างเหมือนตัวอักษร ‘ทู’ ในภาษาจีน กล่าวคือส่วนแรกของฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กดั้งเดิมนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ส่วนหลังจะเปิดตรงแนวขวางและขยายออกไป ดังนั้นลำธารขนาดเล็กยังคงไหลผ่านตรงกลางในการขยายพื้นที่เพาะเลี้ยง
ชาร์คบอกฉินสือโอวว่า “ฟาร์มปศุสัตว์ของพวกเรากับลำธารบนภูเขาสูงรวมเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี ดูสิครับบอส ปลาและกุ้งในลำธารสายเล็กนี้สามารถใช้เป็นอาหารให้ไก่กับเป็ดได้ และมูลของไก่กับเป็ดก็จะไหลไปที่ปากอ่าวเพื่อเป็นอาหารให้แก่แพลงก์ตอนจำนวนมาก ระบบความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันแบบนี้ก็ไม่เลวนัก”
ฉงต้าตามมาทำงานด้วย ฉินสือโอวนำรั้วลวดตาข่ายออกมาเพื่อไปใช้ขึงตามแนวด้านในฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก มันกางกรงเล็บเพื่อจะช่วย ผลคือมันเข้าไปแย่งลวดตาข่ายมาจนเกิดความยุ่งเหยิง ฉินสือโอวต้องลูบที่หัวของมันเพื่อให้มันนั่งลง
ฉงต้าที่เห็นว่าตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือได้ก็นั่งหงุดหงิดอยู่บนสนามหญ้าด้วยความโกรธ
หมูป่าตัวเล็กของเจิงจี้เมื่อโตขึ้นแล้วเจ้าอารมณ์มาก เมื่อก่อนพวกมันก็วิ่งชนรั้วจนพังเพื่อจะหนีออกไป ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกจึงให้นีลเซ็นพาพวกมันไปเลื่อนฟันออก โดยจะพบว่ารั้วถูกดึงออกและเปลี่ยนเป็นรั้วลวดตาข่ายที่อ่อนกว่าแล้ว
หมูป่าหนักร้อยกว่ากิโลกรัมตัวหนึ่งหอบฮืดฮาดปีนขึ้นมาและวิ่งเข้าชนด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อฉีกลวดตาข่ายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและก็หนีออกไป
ในเวลาอันสั้นภายในฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กก็เกิดความวุ่นวายขึ้น หมูเลี้ยงยังโอเคอยู่ แต่ความกล้าก็หดหายไปด้วย หมูป่าตัวอื่นๆ ก็คิดที่จะวิ่งออกไป สายเลือดของพวกมันยังคงไหลเวียนไปพร้อมกับความดุร้ายที่บรรพบุรุษของพวกมันทิ้งไว้ให้
ฉินสือโอวมองดูด้วยความกังวลและตะโกนว่า “เร็วเข้า รีบล้อมพวกหมูป่าเอาไว้!”
ชาร์คและคนอื่นๆ ต่างก็แสดงความวิตกกังวล พวกเขาไม่ได้เอาปืน ธนูและลูกธนูมาด้วย จะจัดการกับหมูป่าตัวใหญ่หนักร้อยกว่ากิโลได้อย่างไร?
ฉงต้ากะพริบตามองปริบๆ และสุดท้ายก็เข้าใจว่าโอกาสที่จะแสดงความสามารถของตัวเองมาถึงแล้ว
มันลุกขึ้นเหวี่ยงอุ้งมือที่มีขนสีน้ำตาลทองออกไป ขนหมีที่แวววาวส่องประกายภายใต้แสงแดดซึ่งทำให้ตาพร่ามัว ไขมันที่ท้องสั่นระรัวทำให้ขนหมีดูแล้วเหมือนกับการเคลื่อนไหวของสายน้ำ
หมูป่าตัวหนึ่งหอบฮืดฮาดมองไปทางฉงต้าแล้ววิ่งเข้าใส่ ฉงต้าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แขนและขาทั้ง 4 ยึดมั่นอยู่กับพื้นเหมือนกับศึกล้อมเมืองเพื่อรับแรงปะทะจากการโจมตีจากระยะไกล
“ตูม!” เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นทันทีที่หมูป่าถูกฉงต้าวิ่งเข้าชนจนล้ม แต่มันก็ยังอาจหาญ โดยไม่คาดคิดมันไม่ได้พุ่งเข้าชนกลับ มันเดินตัวสั่นถอยหลังกลับไป 2 ก้าวแล้วก็ยืนหยัด
ฉงต้าใช้โอกาสนี้วิ่งเข้าไปด้วยความเร็ว 2 ก้าวและอ้อมไปด้านข้างของหมูป่า ฝ่ามือถูกยกขึ้นสูงและ ‘ผลัวะ’ เหวี่ยงกรงเล็บไปที่คอของหมูป่าและใช้อีกฝ่ามือกดมันไว้กับพื้น
นี่ก็คือพลังของหมีน้ำตาลแห่งรัฐโคโลราโด
หมูป่าส่งเสียงคำรามและพยายามลุกขึ้นเพื่อจะสู้กับฉงต้า ผลคือภายในสายเลือดของฉงต้าก็มีประสบการณ์การต่อสู้ของบรรพบุรุษเหมือนกัน
หลังจากที่มันตบหมูป่าจนล้มลงไปด้วยกรงเล็บบนปากยาวๆ ของหมูป่า อีกฝ่ามือก็เหวี่ยงเข้าที่ส่วนหลังคอของหมูป่าอย่างดุร้ายและทุบกระดูกสันหลังส่วนคอของหมูป่าจนแตกละเอียด
ภายในปากหมูป่าที่ร่วงอยู่กับพื้นมีเลือดพุ่งออกมา ร่างอวบอ้วนกระตุกเล็กน้อยแม้ว่าขาทั้ง 4 จะยังสั่นระริก แต่ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป
หู่จือเป้าจือไล่ตามหลังหมูป่าตัวอื่นๆ ไป กระโดดเข้าไปและฉีกกระชากคอของหมูป่าอย่างรุนแรง หลังจากนั้นพวกหมูป่าทั้งหมดก็จะถูกเลี้ยงเอาไว้จนโต เมื่อขาดพวกบรรพบุรุษแห่งป่าเขาไปพวกมันก็เริ่มไม่ดุร้ายและกลัวตาย มีฉงต้าที่คอยเขย่าขวัญและหู่จือเป้าจือที่ไล่ตาม อีกทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่หนีออกจากรั้วลวดตาข่ายได้ยากลำบากด้วย
ฉงต้ายืนขวางอยู่ด้านนอกตรงที่รั้วลวดตาข่ายขาดและยกศีรษะขึ้นส่งเสียงร้องคำราม “โฮก!”
พละกำลังของสัตว์ป่าที่ดุร้ายกำลังเพิ่มสูงขึ้น!
หมูเลี้ยงกับไก่และเป็ดถูกทำให้กลัวและยืนตัวสั่นอัดกันอยู่ด้านหน้าของฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก ฝูงหมูป่าก็ไม่กล้าที่จะป่าเถื่อนอีกและล้มตัวนอนอยู่ใต้ต้นเมเปิลอย่างซื่อสัตย์
ฉินสือโอวกับพวกชาวประมงดึงรั้วไม้เดิมออกทั้งหมดแล้วและใช้พลั่วขุดหลุมอีกครั้งเพื่อฝังรั้วไม้ใหม่ลงไป ตามการออกแบบของพิมพ์เขียว แนวขวางทั้ง 2 ด้านแต่ละด้านจะขยายออกไปอีก 20 กว่าเมตรและแนวยาวจะขยายออกไป100 กว่าเมตร สุดท้ายจะเชื่อมเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงเหมือนตัวอักษร ‘ทู’ ในภาษาจีน
ดังนั้นพื้นที่ของฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กจะมีขนาด 5 พันกว่าตารางเมตรเพียงพอที่จะเลี้ยงไก่ เป็ดและหมูได้
หลังจากที่วุ่นวายมาตลอดทั้งวัน ชาวประมง 10 คนที่มาช่วยกันสร้างฟาร์มปศุสัตว์ใหม่ ดังนั้นจึงมีหมูป่าตัวหนึ่งถูกฉงต้าฆ่าตายถูกลากกลับไปทำบาร์บีคิวตอนกลางคืน
บทที่ 559 เนื้อหมูที่ดีที่สุด
โดย
Ink Stone_Fantasy
รสชาติของสัตว์ป่าที่ถูกล่าในฤดูใบไม้ผลิจะไม่ค่อยอร่อย ฤดูหนาวอีกฤดูไม่ว่าจะหมูป่า กวางป่า ไก่ป่า และกระต่ายป่าล้วนบริโภคไขมันที่อยู่ในร่างกายที่ยังหลงเหลืออยู่ในเนื้อไม่ติดมันมากเกินไป กินเนื้อแล้วจะรู้สึกว่ารสชาติไม่ดี
แต่หมูป่าที่อยู่ในฟาร์มปศุสัตว์ชัดเจนว่าไม่เป็นอย่างนั้น ฤดูหนาวรอบนี้เนื้อพวกมันก็อร่อยเหมือนเดิม เพราะพวกมันกินผักและผลไม้ที่ใช้พลังแห่งโพไซดอนเพาะปลูกภายในเรือนกระจกซึ่งเป็นสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
เบิร์ดแกว่งมีดตัดที่หนังของหมูป่าจากตรงลำคอเป็นเลือดที่ไหลออกมาก่อน จากนั้นมีดทหารก็เคลื่อนไปเหมือนกับงู โดยไม่คาดคิดเนื้อและผิวหนังของหมูป่าแยกออกจากกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆ ที่เห็นทักษะนี้ถึงกับร้องออกมาด้วยความแปลกใจอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังและเนื้อของหมูป่าที่ติดอยู่ด้วยกันนั้นยากมากที่จะแยกออกจากกัน
นอกจากนั้นผิวหนังของหมูป่ายังบางมาก ดังนั้นหลายๆ คนจึงคิดว่าหมูป่าไม่มีผิวหนัง แต่เป็นขนที่งอกขึ้นมาบนเนื้อของมัน เมื่อก่อนฉินสือโอวฆ่าหมูป่าก็ไม่เคยแยกผิวหนังหมูป่า
เนื้อของหมูป่าถูกนำออกมาจัดเรียงให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนกับหินอ่อนแต่ละก้อนหลายก้อนเรียงกัน แลนซ์มองดูและพูดด้วยความตกใจว่า “คุณภาพของเนื้อหมูป่าจะดีขนาดนี้ตอนไหน? ดูสิว่าลวดลายหินอ่อนสว่างไสวแค่ไหน เนื้อหมูป่านี้ดูดีกว่าเนื้อวัวชั้นหนึ่งด้วยซ้ำ”
ฉินสือโอวแอบเบ้ปาก แต่นี่คือหมูป่าที่เลี้ยงด้วยผักและผลไม้ที่ใช้พลังแห่งโพไซดอนตลอด คุณภาพเนื้อถึงต่างกันอย่างนั้นเหรอ?
คราวนี้ฉินสือโอวไม่ได้ทิ้งเลือดของหมูป่าที่ไหลออกมาไป ตอนที่ฉลองปีใหม่ของจีน เขาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งและไปเจอวิธีการทำกุนเชียงที่นั่น ครั้งนี้เขาวางแผนที่จะทำมันด้วยตัวเอง
เขาใช้อ่างมารองรับเลือดของหมูป่าเอาไว้และใส่ต้นหอม ขิง กระเทียมและแป้งจำนวนมาก ตามด้วยซีอิ๊ว ผงซุปไก่ เครื่องเทศ 13 ชนิดและอื่นๆ ลงไป หลังจากนั้นก็ให้บูลเข้าไปในเมืองซื้อเต้าหู้ก้อนใหญ่มากองหนึ่ง เต้าหู้และเลือดหมูผสมเข้ากันอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นก็ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป สุดท้ายใส่แป้งนิดหน่อย หลังจากนั้นเทลงไปในปลอกไส้กรอกก็เรียบร้อยแล้ว
ตาคู่นั้นจ้องมองไปที่พวกชาวประมงที่กำลังมองเขา บางคนที่ไม่สามารถช่วยได้ก็ถามว่า “กัปตันครับ สิ่งนี้สามารถกินได้เหรอครับ? ดูไปแล้วมันออกจะแปลกๆ นิดหน่อย”
ฉินสือโอวปลอบพวกเขา “วางใจเถอะ กินได้ไม่ตายหรอก”
พวกชาวประมง “…”
หลังจากเทกุนเชียงแล้วก็นำไปแขวนเพื่อใช้กองไฟในการรมควันและรอจนกว่าจะสามารถนำไปอบในหม้อได้
เบิร์ดกับนีลเซ็นเลาะกระดูกหมูออกจากเนื้อ หัวหมูและเครื่องในเป็นส่วนที่ไม่มีประโยชน์ซึ่งมักจะโยนทิ้งไป แต่ฉินสือโอวก็สั่งให้เก็บมันขึ้นมา เพราะหัวหมูนั่นเขาจะใช้มันเอง ส่วนหัวใจ ไต ปอดที่เป็นเครื่องในให้จัดการทำความสะอาดเอาไปต้มให้สุกให้หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า และหมาป่าเป็นอาหารว่าง พวกมันชอบมาก
นีลเซ็นจัดการไตหมูซึ่งก็คือไตหมูเมื่อตอนนั้น ฉินสือโอวขัดขวางพวกที่ท่าทางเหมือนขโมยและกระซิบว่า “เอาไปย่างกินนะอร่อยมาก”
“กลิ่นมันเหม็นมาก!”นีลเซ็นทำหน้าขมขื่น
“ยิ่งมีกลิ่นเหม็นยิ่งดี!” ฉินสือโอวสอนเขา
นอกจากไตหมูแล้วไตของหมูป่าตัวนี้ก็ตกอยู่ในผลลัพธ์เดียวกันล้วนถูกเสียบด้วยไม้ไผ่
ลำไส้ใหญ่กับลำไส้เล็กที่เหลืออยู่นั้นไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ แต่แซ็กพูดอย่างมีความหวัง “สามารถนำมาตกกุ้งตกปูได้นะครับ”
สีหน้าของชาร์คเปลี่ยนไปในเวลาอันสั้นและแยกไปอยู่ไกลๆ ทันที
ครั้งสุดท้ายที่ฆ่าหมูเขาก็พูดแบบนี้ หลังจากนั้นฉินสือโอวก็หลอกให้เขาไปจัดการทำความสะอาดหลังจากตกกุ้ง ผลคือสุดท้ายชาร์คต้องทนกับกลิ่นเหม็นเพื่อจัดการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก ส่วนฉินสือโอวก็ไปผัดพริกกิน…
ครั้งนี้ฉินสือโอวใช้อุบายเดิมมาหลอกแซ็ก “เพื่อน นายไปจัดอะไรฉันให้นิดหน่อยสิ จัดการทำความสะอาดที่ตกกุ้งและปูให้ที แต่มันอาจจะรู้สึกคลื่นไส้นิดหน่อยนะ”
แซ็กไม่ได้คิดอะไรมากก็ไปที่ปากแม่น้ำเพื่อทำความสะอาด ชาร์คมองเขาด้วยความสงสารเพราะเป็นอีกคนที่ถูกหลอกช่างน่าสงสารจริงๆ
เนื้อหมูนำมาย่าง ซี่โครงหมูกับกระดูกชิ้นใหญ่เอาไปต้มซุป สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาของฉินสือโอว เนื่องจากคนอื่นๆ ทำอยู่ เขาเลยต้องจัดการกับหัวหมูด้วยตัวเอง
จมูกของหัวหมูป่าจะยาวกว่าของหมูเลี้ยงมากซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่อร่อยที่สุด บวกกับเนื้อหมูป่าส่วนหัวจะแน่นมากต้องเอาไปเคี่ยว โดยใช้หัวของหมูป่าเคี่ยวกับซีอิ๊วและเครื่องเทศเนื้อหมูก็จะมีรสชาติดีที่สุด
เบิร์ดช่วยฉินสือโอวถอนขนบนหัวหมูกับขาหมูออก เดิมทีต้องลอก แต่ฉินสือโอวไม่ให้เขาทำให้แค่ดึงขนออกเท่านั้น
ฉินสือโอวยกหัวหมูเรียบๆ ใส่ในกะละมังก่อนจะเทน้ำส้มสายชูลงไปนิดหน่อยซึ่งสามารถทำให้เนื้อหมูนุ่มได้ ต่อมาตอนที่เคี่ยวรสชาติของเครื่องปรุงจะได้ซึมเข้าเนื้อได้อย่างง่ายดาย
หัวหมูวางอยู่ในครัวตลอด หลังจากวินนี่เลิกงานและเข้าไปในครัวก็กรีดร้องเสียงดัง
หู่จือเป้าจือคิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจึงรีบวิ่งเข้าไป ตามด้วยวินนี่ที่โยนหัวหมูที่อยู่บนเตาทิ้งอย่างรวดเร็ว
พวกมันยังจำความบ้าบิ่นและเอาแต่ใจของหมูป่าได้จึงคิดที่จะเข้าไปใช้ปากฉีกกระชาก
โชคดีที่ฉินสือโอวรีบย้อนกลับมาด้วยความอึดอัดใจก่อนที่หู่จือและเป้าจือจะจัดการกับหัวหมู หลังจากนั้นก็เข้าไปกอดวินนี่เพื่อปลอบประโลมเธอว่าไม่เป็นไรแล้ว
วินนี่รู้สึกเสียใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และหยิกที่เนื้อนิ่มๆ ตรงเอวของเขาด้วยความโกรธ “คุณคิดอะไรอยู่ถึงเอาของแบบนี้มาวางไว้ที่ครัว? ยังจะหันไปที่ประตูอีก! พระเจ้า คุณรู้ไหมว่าฉันกลัวของที่มีรูปร่างอะไรแบบนี้?”
ฉินสือโอวเพื่อเอาใจวินนี่ก็คว้าหัวหมูและขาหมูไปโยนใส่ในหม้อความดัน ใส่พริกไทยของเสฉวน โป๊ยกั๊ก น้ำตาลคริสตัล อบเชยจีน เปลือกส้ม จันทน์เทศ ใบกระวาน ต้นหอม ขิง กระเทียม พริกแดง ผงซุปไก่ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูและน้ำมันงาจำนวนมากและกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นก็เริ่มนำไปเคี่ยว
หลังจากน้ำเริ่มเดือด ฉินสือโอวหรี่ไฟให้ต่ำลงและเคี่ยวต่ออีกกว่า 1 ชั่วโมงก็อร่อยแล้วสามารถปิดไฟและทิ้งไว้ให้เย็นเล็กน้อยก็กินได้
คนกว่า 20 คนในฟาร์มปลากับหมูป่า 1 ตัวหนัก 100 กิโลกรัมยังไม่พอกินจริงๆ วินนี่ เออร์บักและพวกเด็กๆ ก็กินได้ไม่เท่าไร แค่มีเนื้อย่างอีกหลายไม้บวกกับสลัดผักและผลไม้ก็คงพอแล้ว
แต่พวกชาวประมงพวกนี้ตัวไม่ได้ใหญ่เหมือนบูล คนหนึ่งคงกินเนื้อย่างได้ 4 ถึง 5 ไม้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีถังข้าวอยู่อีกอีวิลสันอธิบาย
ฉินสือโอวให้เบิร์ดไปฆ่าไก่งวง 2 ตัวกับไก่และเป็ดอีกหลายตัว บวกกับไปที่เมืองซื้อเนื้อวัว เนื้อแกะมาอีกนิดหน่อย เนื้อกองใหญ่ถูกเตรียมไว้ขนาดนี้ก็คงพอสำหรับทุกคนแล้ว
ถ้ามีเนื้อย่างก็ต้องมีเบียร์ ผับดาราประกายมีเบียร์สด ทุกวันโรงเบียร์ของเซนต์จอห์นจะส่งมาให้ที่เกาะแฟร์เวล ฉินสือโอวก็เคยโทรไปและที่ผับก็ส่งเบียร์ 5 ถังมาให้
ตอนเย็นมีแสงไฟส่องระยิบระยับอยู่ด้านหน้าฟาร์มปลา ตะแกรงย่างขนาดใหญ่ถูกนำขึ้นมา อีวิลสันใช้มือหนึ่งคว้าเนื้อหมูป่ามาเสียบครึ่งไม้และนำไปย่าง อีกมือหนึ่งก็หยิบขาไก่งวงย่างมากินอย่างตะกละตะกลาม
ชาร์คนำแปรงมาแปรงนำมันถั่วลิสงกับซอสบนเนื้ออย่างต่อเนื่องและโรยเมล็ดงา ยี่หร่ากับผงพริกไทยด้านบนเป็นครั้งคราว สนามหญ้าด้านหน้าวิลล่ากลายเป็นกลิ่นของยี่หร่าทั้งหมด
หลังจากที่ผิวของเนื้อย่างเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ชาร์คก็เอามีดมาหั่นเป็นชิ้นๆ อย่างรวดเร็วและวางใส่จานให้ฉินสือโอวกับเออร์บักและคนอื่นๆ รับไป
ของพวกนี้ต้องย่างไปกินไป อีวิลสันมีขาไก่งวงย่างกินจึงไม่สนใจเนื้อหมูย่าง ดังนั้นเขาเลยไปช่วยทำให้ชาร์คมีเวลาสามารถไปดื่มเบียร์ 2 แก้วและกินเนื้อย่างอีกหลายคำได้
ฉินสือโอวกินเนื้อซี่โครงที่เสียบอยู่ในไม้ เนื้อทั้งนุ่มและมีกลิ่นหอมไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิดเหมือนกินเนื้อแกะกับเนื้อวัว และความนุ่มของเนื้อพวกนี้ยังไม่ใช่เนื้อส่วนหัวที่เคี่ยวด้วย ยิ่งเคี่ยวรสชาติยิ่งดี
พวกชาวประมงกินด้วยความประหลายใจ “ไม่นึกว่ารสชาติของเนื้อหมูป่าที่เลี้ยงไว้ในฤดูหนาวจะดีขนาดนี้ ฤดูหนาวปีนี้พวกเราต้องเลี้ยงหมูป่าเพิ่มอีกหลายตัวแน่ๆ เนื้อแบบนี้ต้องอร่อยกว่าเนื้อวัวอยู่แล้ว!”
“นายพูดเหมือนนายเคยกินเนื้อวัวเลยนะ!”
“แต่นี่เป็นเนื้อย่างที่อร่อยที่สุดจริงๆ”
“นี่เป็นความจริง!”
ฉินสือโอวฟังพวกชาวประมงคุยกันแล้วภายในใจก็คล้อยตาม มันก็จริงที่รสชาติของไก่ เป็ดและหมูที่กินผักและผลไม้ที่ใช้พลังแห่งโพไซดอนในการดูแลเป็นอาหารนั้นดีมาก แต่ภายในเรือนกระจกขนาดใหญ่ยังมีผักผลไม้ที่กินไม่ทันอีกมาก แต่เสียมากก็ไม่เท่าใช้เพื่อเลี้ยงหมูป่าและสัตว์ตัวอื่นๆ
บทที่ 560 นำมาซึ่งฝูงปลาโอแถบ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หมูป่าย่างครั้งนี้ถือเป็นอาหารค่ำเลี้ยงฉลองที่เก็บเกี่ยวผลผลิตของฟาร์มปลาได้ แม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นทางการ แต่โชคดีที่ทุกคนดื่มกินส่งเสียงคุยเล่นกันอย่างมีความสุข
ตอนเย็นวันนั้นเบียร์ 5 ถังถูกดื่มจนหมด ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกต้องโทรให้ผับดาราประกายส่งเบียร์ดำมาอีก 2 ถัง สุดท้ายพวกชาวประมงเมาและเป็นอีวิลสันที่ต้องแบกพวกชาวประมงกลับอพาร์ตเมนต์
ภายในฟาร์มปลาแห่งนี้คนที่มีพรสวรรค์หลายคนล้วนมีประโยชน์ทุกคนเช่น อีวิลสันปกติจะไม่มีบทบาทมากเท่าไร แต่สามารถจัดการกับคนเมาได้เหมาะมากกว่าเขา แม้แต่เบิร์ดที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้แน่นอนว่าคนเมาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ต้องแอลกอฮอล์? ทันทีที่เขาดัดมือทั้งสองข้างของคุณไว้ด้านหลัง มันคงแปลกมากถ้าคุณบอกว่าไม่เจ็บ
เมื่อคืนก่อนพวกชาวประมงก็ดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ แน่นอนว่าวันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ ดังนั้นฉินสือโอวเพียงแค่ให้พวกเขาลาหยุดสักวัน วันต่อมาก็ไม่ต้องทำอะไรแค่นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านก็พอ
เบิร์ดกับนีลเซ็นจะควบคุมตัวเองได้ดีกว่า ตอนเช้าพวกเขาจะอาบน้ำเย็นและขับเฮลิคอปเตอร์บินมาที่ฟาร์มปลาตามปกติเพื่อไปตรวจสอบว่ามีเรือหาปลาถูกขโมยหรือไม่
ก่อนที่บริษัทจีเอสไอพรีซิชั่นอินสตรูเมนท์แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัดจะมาที่ฟาร์มปลาเพื่อติดตั้งเรดาร์ก็ยังต้องพึ่งพาเฮลิคอปเตอร์ในการลาดตระเวนอยู่
พวกชาวประมงยังไม่ตื่นนอน ฉินสือโอวจึงพาหู่จือเป้าจือออกไปที่ทะเลเพื่อสุ่มตรวจสอบสถานการณ์ที่ฟาร์มปลา
หลังจากที่ฉินสือโอวออกไปที่ทะเลก็จะปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปเพื่อลงไปยังแนวปะการังเสมอจนเป็นกิจวัตรประจำวัน
ขอบเขตของแนวปะการังที่อยู่ตามชายฝั่งของฟาร์มปลาเพิ่มขึ้นทีละน้อยและหยุดเพิ่มขึ้นที่ส่วนลึกของมหาสมุทร ฉินสือโอวจะใช้พลังแห่งโพไซดอนใส่เข้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ปะการังก็จะเปลี่ยนไปมีชีวิตชีวามากขึ้นเป็นพิเศษ แต่การเพิ่มจำนวนยังช้าอยู่นิดหน่อย
เขาไม่สามารถพึ่งพาแสงในการเจริญเติบโตของปะการังและมาเพิ่มจำนวนแนวปะการังได้ อีกไม่กี่วันเขาก็จะใช้เงินเพื่อเริ่มลงมือสร้างแนวปะการังที่ฟาร์มปลา ดังนั้นแนวปะการังก็จะเต็มไปด้วยปะการังฝีมือคนพวกนี้ แนวปะการังก็จะสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วขึ้น
หลังจากที่ปะการังดูดซับพลังแห่งโพไซดอนแล้วความเร็วในการเจริญเติบโตก็จะเร็วเป็นพิเศษ ความอยากอาหารก็ยิ่งมากขึ้น อาหารของพวกมันคือแพลงก์ตอน แพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์ล้วนสามารถกินได้ทั้งนั้น ตราบใดที่สภาพแวดล้อมไม่มีปัญหาก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับอาหาร
ความเจริญรุ่งเรืองของแพลงก์ตอนไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับผู้ล่าที่อยู่ด้านล่างอย่างพวกปลาแฮร์ริ่ง กุ้งแดง ปลาซาบะ ยังเกี่ยวข้องกับความเร็วในการขยายพันธุ์ของแนวปะการังด้วย
อย่างไรก็ตามแนวปะการังกับแพลงก์ตอนพืชก็มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน แม้ว่าพวกมันจะใช้ประโยชน์จากแพลงก์ตอนพืช แต่ก็ให้สถานที่และโภชนาการเพื่อความอยู่รอดแก่แพลงก์ตอนพืชเช่นกัน แพลงก์ตอนและพืชที่อาศัยอยู่ใต้น้ำก็จะเติบโตอยู่บนชั้นผิวของแนวปะการัง
ในบรรดาพืชที่อาศัยอยู่ใต้น้ำ ตะไคร่น้ำเป็นพืชที่ปกคลุมอยู่บนแนวปะการังเยอะที่สุด
สาหร่ายเขียวแกมน้ำเงิน สาหร่ายแดง สาหร่ายสีน้ำตาลและสาหร่ายเขียวเป็นต้น พวกมันจะเกาะติดกับชั้นผิวของปะการังเหมือนผ้าสักหลาดหนาๆ ผืนหนึ่งซึ่งใช้เป็นเกราะและโภชนาการแก่แนวปะการัง ขณะเดียวกันก็สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายสี
สาหร่ายพวกนี้เจริญเติบโตอยู่มากมายบนแนวปะการังโดยตรงซึ่งเป็นสาหร่ายที่โตบนหิน และยังมีสาหร่ายบางประเภทที่เติบโตท่ามกลางดินทรายและโคลนในทะเล พวกมันเป็นสาหร่ายที่โตบนทราย
ไม่ว่าจะเป็นสาหร่ายประเภทไหน พวกมันก็มีประโยชน์ต่อแนวปะการัง ฉินสือโอวจึงใช้โอกาสนี้ส่งพลังแห่งโพไซดอนให้พวกมันนิดหน่อย แต่นอกจากสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์พวกนี้ ยังมีสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่ใช้ทำลายแนวปะการังด้วย
เมื่อก่อนแนวปะการังพวกนี้เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตค่อนข้างน้อย ฉินสือโอวก็ไม่ได้สนใจ แต่คอยตามขยายพันธุ์แนวปะการัง บวกกับบางครั้งเขาไม่ว่างดูแลก็ส่งพลังแห่งโพไซดอนเข้าไปแทนจึงมีสิ่งมีชีวิตพวกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
เม่นทะเล หอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่ หอยแครงและอื่นๆ หอยพวกนี้รวมตัวกันอยู่รอบๆ แนวปะการัง
เม่นทะเลจะมีความสามารถในการขยายหนามเพื่อเจาะแนวปะการัง บางครั้งยังปล่อยฟองน้ำลอยออกมาจากเปลือกซึ่งสามารถใช้วิธีนี้ในการทำลายแนวปะการังได้ ส่วนหอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่ หอยแครงสามารถหลั่งกรดออกมากัดกร่อนแนวปะการังได้เพราะสถานที่ที่พวกมันจะอยู่รอดได้คือหลุมบนแนวปะการัง
ฉินสือโอวคิดถึงเรื่องนี้แล้วรู้สึกกลัว? การเพิ่มขึ้นของแนวปะการังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าถูกพวกมันทำลายแล้ว
อย่างไรก็ตามโชคดีที่เขามีวิธีจัดการ เขาจะดึงฝูงนักฆ่าอย่างกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีกลับมา อย่างไรก็ตามฟาร์มปลาแกธเธอริงก็ได้มาแล้ว พวกมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นั่นอีก
เมื่อเห็นกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีสีสันงดงามมาถึงแนวปะการัง เปลือกหอยผีเสื้อสีดำพวกนั้นยืดแขนและขาออกมาล้อมตัวเอาไว้ด้วยความเร็วสูง ปิดเปลือกด้านนอกทันทีเพื่อซ่อนตัวจากยมทูตที่น่ากลัวพวกนี้
ทว่าพวกกั้งตั๊กแตนไม่ได้มองพวกมัน แต่มองหาหอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่ หอยแครงและอื่นๆและยกค้อนเล็กๆ ขึ้นเพื่อเริ่มปะทะกับสิ่งที่อยู่ภายในรูจนเกิดเสียงแตก
หอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่และหอยแครงล้วนจัดเป็นสัตว์น้ำจำพวกมีเปลือกทั้งหมด ปกติสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมหาสมุทรจะไม่สามารถจัดการกับพวกมันได้ แต่กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีถือเป็นหายนะของพวกมันอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพวกมันมาก็จัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น
ฉินสือโอวไม่คิดจะฆ่าหอยพวกนี้ทั้งหมด เพราะพวกมันก็จัดเป็นอาหารทะเลที่อร่อยอย่างหนึ่ง หลังจากที่ให้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไล่พวกมันทั้งหมดไปที่ชายฝั่งและหยุดเดินฆ่าสังหารหมู่แล้ว เขาก็เตรียมหาเวลาพาพวกเด็กๆ มาขุดหอยกิน
เรือหาปลากำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนมหาสมุทร ฉินสือโอวมองไปยังจุดที่ห่างไกลเห็นกระแสน้ำพุ่งขึ้นมาก็รีบลงเรือและขับไป คาดว่ามีปลาวาฬฝูงหนึ่งมาปรากฏตัวอยู่ที่ฟาร์มปลา
บนท้องฟ้าจุดที่ฝูงปลาวาฬปรากฏอยู่ พวกนกจมูกหลอดหางสั้นโผบินอยู่รอบๆ ปลาขนาดเล็กสีขาวเงินยาว 10 กว่าเซนติเมตรกระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำอย่างต่อเนื่อง ฉินสือโอวคิดว่านกจมูกหลอดหางสั้นพวกนี้ก็ถูกปลาขนาดเล็กพวกนี้ดึงดูดมา ผลคือไม่ใช่อย่างที่เห็น
ปลาวาฬฝูงนี้ตัวค่อนข้างใหญ่มาก ปลาวาฬหลังค่อมทั้งหมด 10 กว่าตัวจัดเป็นกลุ่มนิเวศวิทยา รอบๆ ฝูงปลาวาฬมีปลาฝูงใหญ่ฝูงหนึ่งโฉบไปโฉบมาอยู่!
ปลาพวกนี้มีความยาวกว่า 1 เมตร และตัวเล็กจะมีขนาดเพียง 11 ถึง 12 เซนติเมตร โดยส่วนใหญ่จะมีขนาดประมาณครึ่งเมตร ร่างกายของพวกมันมีรูปร่างเป็นแกนหมุนที่ดูแล้วค่อนข้างหนาและแข็ง ผิวของปลาพวกนี้จะเรียบไม่มีเกล็ด ครีบหางปลาพัฒนาไปมากและว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้หน้าท้องด้านข้างของปลาพวกนี้จะมีแถบยาวสีดำเป็นริ้วอยู่หลายแถบ ครีบหางเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ด้านหลังมีสีน้ำตาลอมน้ำเงิน หน้าท้องมีสีขาวเงิน ดูแล้วมีความสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
ไกลสุดลูกหูลูกตา ฝูงปลาวาฬที่ล้อมรอบไปด้วยปลาทะเลชนิดนี้ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากนับหมื่นตัวกำลังว่ายตรงมาที่ฟาร์มปลามากผิดปกติ
ฉินสือโอวรู้ตัวตนของปลาชนิดนี้แล้ว ฟาร์มปลาของเขาก็มีแค่นิดหน่อย นั่นก็คือปลาโอแถบซึ่งในวงศ์ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
ปลาโอก็จัดเป็นปลาทูน่าชนิดหนึ่ง แต่ก็มีมูลค่าน้อยที่สุดในบรรดาปลาทูน่า ตอนที่ถูกชาวประมงจับครั้งนั้นก็จับมาได้หลายตัว ก่อนหน้านี้ฟาร์มปลาของฉินสือโอวมีไม่เยอะ แต่ตอนนี้การปรากฏตัวของฝูงปลาฝูงนี้ก็ถือว่ามาเติมเต็มพื้นที่ว่างในฟาร์มปลาของเขาแล้ว
ปลาโอแถบเป็นปลาชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างแปลก พวกมันจะว่ายรวมกันเป็นกลุ่มตามหลังฝูงปลาวาฬ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
อย่าดูแค่ขนาดที่ใหญ่โตของปลาวาฬ ความจริงพวกมันไม่ชอบกินปลาที่มีขนาดใหญ่ เพราะพวกมันคิดมากกว่ากินหรือไม่กิน ถ้ากินพวกปลาตัวใหญ่มันจะติดอยู่ในปาก
หน้าที่ของฝูงปลาโอแถบก็คือช่วยฝูงปลาวาฬกินพวกปลาตัวใหญ่ที่เจอ ปลาวาฬจะดูดปลาตัวเล็กเข้าไปกิน บางครั้งก็กินปลาโอแถบที่ฟักออกมาใหม่ แต่เป็นเพราะความเข้าใจผิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลาเดียวกันปลาวาฬก็จะปกป้องปลาโอแถบ ส่วนใหญ่ผู้ล่าจะเห็นร่างของปลาวาฬที่ตัวใหญ่ก่อนซึ่งจะทำให้รู้สึกกลัว
ปลาทูน่าตัวอื่นๆ ก็เหมือนกัน ปลาโอแถบชอบกินปลาซาร์ดีนและปลาชนิดอื่นๆ ที่ยังเป็นเด็ก ปลาหมึก มอลลัสก์ สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็งขนาดเล็ก และที่พวกมันชอบที่สุดก็คือปลากะตักซึ่งเป็นปลาตัวเล็กสีเงินที่กระโดดอยู่บนผิวน้ำตลอด
ระหว่างที่ไล่ตามฝูงปลากะตัก ฝูงปลาโอแถบและพวกวาฬหลังค่อมก็มาถึงฟาร์มปลาของฉินสือโอว และหลังจากที่พวกมันมาถึง ถ้าคิดที่จะออกไปก็ยากแล้ว…
บทที่ 561 เก็บเมเปิลไซรัป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฝูงปลาโอฝูงใหญ่ว่ายเข้ามาในฟาร์มปลา ฉินสือโอวดึงดูดฝูงปลาแฮร์ริ่งมาเพื่อล่อปลาโอฝูงนี้
ปลาวาฬหลังค่อมพักอยู่ครู่หนึ่ง ฉินสือโอวปล่อยพลังแห่งโพไซดอนให้แก่พวกมัน เพียงแค่นี้ฝูงปลาโอที่ไม่แยกจากพวกปลาวาฬก็จะไม่จากไป รวมกับปลาซาร์ดีนแสนอร่อย ปลาโอพวกนี้ก็เหมือนกับแกะที่เข้าปากเสือแล้ว
ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเพื่อมองไปยังปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ของฝูงปลานับหมื่นที่อยู่ห่างไกลด้วยความที่มุ่งมั่น ฝูงปลาโอกำลังไล่ล่าปลากะตัก ฝูงปลาซาร์ดีนก็มาปรากฏตัวอีก ดังนั้นพวกมันจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
เป้าหมายแรกที่พวกปลาโอเลือกก็คือปลากะตักดำซึ่งเป็นอาหารที่พวกมันชอบมากที่สุด หลังจากที่ปลาโอพบร่องรอยของมันก็จะเข้าไปโจมตีจากทุกทิศทาง ดังนั้นปลากะตักดำก็จะหนีไปไหนไม่ได้ทำได้เพียงกระโดดขึ้นไปเหนือผิวน้ำ
นกกับหอยทะเลาะกัน แต่คนตกปลาได้รับประโยชน์ ปลาโอบีบบังคับให้ปลากะตักกระโดดขึ้นไป นกจมูกหลอดหางสั้นที่บินอยู่เหนือผิวน้ำพุ่งลงมาทันทีและจับปลาพวกนั้นได้อย่างแม่นยำ ต้องรู้ว่าปลากะตักยาวแค่ฝ่ามือซึ่งเหมาะสมแล้วที่จะเป็นอาหารของพวกมัน
ดังนั้นปลากะตักจึงกระโดดออกจากมหาสมุทรอย่างต่อเนื่อง ปลาซาร์ดีนจึงกระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ที่ถูกปลาโอไล่ล่า ทันใดนั้นบริเวณรอบน่านน้ำก็เกิดความยุ่งเหยิงขึ้น
สโนว์บอล ไอซ์สเกตและบีนถูกดึงดูดมา พวกมันไม่ได้สนใจปลากะตักตัวเล็กๆ เลย แต่ปลาโอตัวสั้นและอวบอ้วนถือเป็นอาหารของพวกมัน
ดังนั้นแค่เริ่มแรกก็น่าสนใจแล้ว ฝูงปลาทั้งตัวเล็กและใหญ่ฝูงหนึ่งเริ่มสงครามอันแสนวุ่นวายขึ้นจนที่ฟาร์มปลาเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกอย่างหาที่เปรียบมิได้
ฉินสือโอวไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เพราะมองดูแล้วฟาร์มปลาไม่ได้มีปัญหา เขาก็ขับเรือกลับไป
พื้นที่ของฟาร์มปลาใหญ่ขึ้นก็ไม่ดีเท่าไร เพราะออกทะเลเพื่อมาเที่ยวรอบหนึ่งฉินสือโอวต้องใช้เวลาถึงครึ่งวัน เขาออกไปตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ แต่กว่าเรือหาปลาจะเข้าเทียบท่าเรือก็ตอนเที่ยงวันแล้ว
หลังจากขึ้นฝั่งเขาก็เห็นวินนี่พาพวกพาเด็กๆ มาวุ่นอยู่กับต้นเมเปิล 2 ต้นแถวหน้าประตู ภายในมือถือขวดและกระป๋องใบเล็กๆ และใช้ช้อนตักอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจ
ใบหน้าของฉงต้าแสดงถึงความตะกละอยู่ด้านหลังของวินนี่ ลิ้นใหญ่เลียริมฝีปากอย่างต่อเนื่อง หางเล็กๆ ที่อยู่ตรงก้นแกว่งอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่ากำลังร่าเริง
วินนี่หันกลับไปใช้ช้อนป้ายบางสิ่งบนปากของฉงต้าเป็นครั้งคราว ทุกครั้งเวลาทำแบบนี้ฉงต้าก็จะนั่งลงและเลียริมฝีปากอย่างพึงพอใจ
ฉินสือโอวมองภาพนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าวินนี่กำลังทำอะไรอยู่ เธอพาพวกเด็กๆ มาเก็บเมเปิลไซรัปนั่นเอง
ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเก็บเมเปิลไซรัป ปีที่แล้วฉินสือโอวเก็บไปได้ 2 ถังใหญ่ ผลคือกินได้แค่ไม่กี่เดือน หลังจากนั้นเขาก็เข้าเมืองไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
เมื่อเชอร์ลี่ย์เห็นฉินสือโอวก็ยิ้มอย่างสดใสยกมือที่ถือขวดแก้วใบเล็กขึ้น ด้านในเต็มไปด้วยน้ำเชื่อมสีเหลืองอำพันบริสุทธิ์จากธรรมชาติไม่มีสารปนเปื้อนใดๆ ขวดนั้นโยกเยกไปมาเล็กน้อยแต่ไซรัปนั้นแทบจะไม่ขยับ เพราะมันเหนียวมาก
“พวกนายเก็บได้เท่าไรแล้ว? พอสำหรับพวกเรากินได้สักปีไหม?” ฉินสือโอวยิ้มถาม
เชอร์ลี่ย์ส่ายหัวอย่างเศร้าๆ “เดือนหนึ่งจะพอไหมเถอะค่ะ ลุงดูฉงต้าสิ มันตะกละขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่พวกเราคอยดูมันไว้ วันนี้มันก็คงกินน้ำเชื่อมทั้งหมดแล้ว”
ฉงต้าได้ยินที่เชอร์ลี่ย์เรียกชื่อของมันจึงคิดว่ายังมีไซรัปให้มันกิน มันแกว่งหางอย่างรวดเร็วพร้อมกับวิ่งไปหาอย่างว่องไวและเงยหน้าขึ้นมองเชอร์ลี่ย์อย่างคาดหวังก่อนจะส่งเสียงร้องครวญครางออกมาเบาๆ
หู่จือเป้าจือวิ่งไปด้านข้างของวินนี่ พวกมันตะกุยที่ลำต้นของต้นไม้ซึ่งมีคนยืนอยู่และมองขวดน้ำเชื่อมอย่างใจจดใจจ่อ
วินนี่ใช้ช้อนเล็กๆ หยดลงบนลิ้นให้พวกมันนิดหน่อย สัตว์เลี้ยงทั้ง 2 ตัวเลียริมฝีปากอย่างมีความสุขในทันที
นี่เป็นเป็นกิจวัตรประจำของสุนัขเวลากินอะไรบางอย่าง ดังนั้นผลคือน้ำผึ้งถูกเลียจนเปื้อนไปทั่วทั้งปากและติดอยู่ที่หนวดอีกด้วย
เมเปิลทั้ง 2 ต้นก็เก็บน้ำหวานได้ไม่เท่าไร ปีที่แล้วฉินสือโอวคิดว่าแค่ตัวเองกินถ้วยหนึ่งก็พอแล้ว ปีนี้มีคนเยอะขนาดนี้แถมยังมีฉงต้าที่กินเก่งแบบนี้อีก เขาคิดว่าคงต้องขยายขอบเขตการเก็บน้ำเชื่อมแล้ว
ฉินสือโอวเดินไปอยู่ข้างๆ วินนี่เพื่อปรึกษา “เฮ้ ที่รัก พรุ่งนี้เราพาพวกเด็กๆ ไปบนเขาเก็บน้ำเชื่อมไหม ปีนี้พวกเรายังไม่เคยขึ้นไปบนเขาเลยนะ”
วินนี่จูบปากของเขาทีหนึ่งและยิ้ม “โอเคค่ะ ฉันไม่คัดค้าน”
ฉินสือโอวถือขวดกับช้อนไปตักน้ำเชื่อมตรงรอยแตกที่ลำต้นของต้นไม้มานิดหน่อย ชาร์คเดินมาจากที่ไกลๆ และยิ้ม “งั้นพวกเราอย่างเสียเวลาเลย เดียวผมไปหาหลอดมาหลายๆ อันและรีบมาดูดน้ำหวานกินกันเถอะ”
“ไม่!” วินนี่กับเชอร์ลี่ย์ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง ตอนนี้พวกเธอกำลังตักน้ำเชื่อมที่ไหลออกมา และถ้าชาร์คไปเจาะรูที่ต้นไม้น้ำเชื่อมก็จะไหลออกมาและต้องมาทำให้น้ำเชื่อมสะอาดอีก
เวลาปกติสำหรับการแยกเมเปิลไซรัปคือเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน เวลานี้อุณหภูมิตอนกลางคืนที่รัฐนิวฟันด์แลนด์จะต่ำกว่า 0 องศาและตอนกลางวันจะอยู่ที่ 7 ถึง 8 องศาซึ่งเหมาะมากสำหรับต้นเมเปิลที่จะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลและละลายเป็นน้ำเลี้ยงอยู่ในต้น
หากน้ำเลี้ยงไม่ถูกสกัดในเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน น้ำตาลในน้ำเลี้ยงจะถูกทำให้บริสุทธิ์และไหลออกมาอัตโนมัติ ตอนนี้วินนี่และคนอื่นๆ ก็กำลังทำงานเพื่อเก็บน้ำเชื่อมโดยตรง
ฉินสือโอวยักไหล่และเอนตัวไปที่ลำต้นของต้นไม้ก่อนจะเริ่มใช้ช้อนคันเล็กตักน้ำเชื่อม
ชาร์คยืนอยู่อีกด้านอย่างไม่มีอะไรทำก็ถามโดยไม่คิดอะไร “เฮ้ บอส คุณอยากจัดงานปาร์ตี้ไหม? ปกติตอนที่ชาวประมงออกจากฟาร์มปลาไปจับปลาก็จะจัดงานปาร์ตี้และอื่นๆ กัน”
คนแคนาดาเรียนรู้เรื่องนี้อย่างละเอียดมาจากคนอเมริกันที่เป็นเพื่อนบ้านซึ่งมีเรื่องอะไรนิดหน่อยก็จัดงานปาร์ตี้ทันที คนร่ำรวยก็จะดื่มแชมเปญกินอาหารทะเล ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็จะดื่มเหล้ากินแฮมเบอร์เกอร์ แต่แน่นอนว่าต้องจัดงานปาร์ตี้
ฉินสือโอวก็ชอบความครื้นเครงจึงพูดว่า “ไม่มีปัญหา แค่หาเวลาและไปจัดที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง พอดีฉันได้มันมาแล้ว”
ชาร์คเริ่มวางแผนและเตรียมการ “ตอนนั้นพวกเราสามารถจัดการแข่งขันเช่น แข่งแก้กุญแจมือเป็นอย่างไร? ใครชนะก็ได้เป็นราชาของงานปาร์ตี้และยังมีราชินีคนงามของงานปาร์ตี้ด้วย เมื่อก่อนเป็นคุณครูเชอร์ริลกับคุณครูแฮร์รี่”
ดวงตาของวินนี่ลอยเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว “แมวไม่อยู่ หนูร่าเริง มีวินนี่อยู่ ราชินีคนงามจะตกไปเป็นของใครได้?”
ชาร์คบีบจมูกและฝืนยิ้ม “นี่ก็ ไม่พูดดีกว่า”
ฉินสือโอวจ้องมองเขาเป็นตาเดียว โง่จริงๆ เขาจะประจบหรือไม่ประจบก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ต้องประจบ!
พูดถึงเชอร์ริล ฉินสือโอวเข้าไปในเมืองไม่บ่อยนักและก็ไปโรงเรียนประถมแกรนท์น้อยมาก ดังนั้นจึงลืมไปแล้วว่ามอบหมายงานให้กับเหมาเหว่ยหลงพึ่งจะนึกขึ้นมาได้ จึงรีบพูดกับวินนี่ “คุณไปคุยเล่นกับคุณครูเชอร์ริลมาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุยเล่นอะไรเหรอ?” วินนี่ยิ้มหวานในมือก็ใช้ช้อนเหล็กทุบขวดน้ำตาล ฉงต้าคิดว่านี่เป็นเสียงตะโกนเรียกให้มันไปกินก็ผายลมดีใจและรีบวิ่งไป ผลคือวินนี่ตบที่ก้นอันอวบอ้วนของมันหนึ่งที
ฉินสือโอวพูดถึงเรื่องที่เหมาเหว่ยหลงรักเชอร์ริลข้างเดียวนิดหน่อย วินนี่จึงพูดด้วยความอึดอัดใจ “พูดตรงๆ ฉันเข้าใจนิดหน่อยเกี่ยวกับคุณครูแฮร์รี่ แต่เรื่องนี้ยากมาก”
“มันเป็นเรื่องที่เกิดจากมนุษย์อย่างพวกเรา พวกเราก็ต้องช่วยไม่ใช่เหรอ? ใครใช้ให้เขาเป็นพี่น้องของฉันกันล่ะ”ฉินสือโอวพูด
วินนี่หยักหน้าและพาพวกเด็กๆ ไปตามหาจุดที่มีเปลือกไม้แตกและมีน้ำเชื่อมไหลออกมา ฉินสือโอวก็กลับไปที่ห้องครัวนำก้อนน้ำแข็งกับเกล็ดหิมะออกมาจากเครื่องทำน้ำแข็งก่อนจะเทน้ำเชื่อมลงไปด้านบนและรีบเอาไปแข็งก็จะกลายเป็นน้ำแข็งเมเปิลไซรัป
ความจริงน้ำเชื่อมพวกนี้ไม่สามารถกินได้ในทันทีต้องกลั่นให้บริสุทธิ์ก่อนถึงจะกินได้ แต่น้ำเชื่อมที่ไหลออกมาจากต้นเมเปิลพวกนี้ไม่ใช่น้ำเลี้ยง ความเข้มข้นและความหวานของน้ำเชื่อมเพียงพอแล้วเอาไปแช่แข็งนิดหน่อยก็สามารถกินได้
แน่นอนว่าวินนี่เป็นคนป้อนให้ฉงต้ากินซึ่งฉงต้าค่อนข้างคลั่งการกินน้ำเชื่อมมาก แต่หลังจากที่นำไปแช่แข็งเป็นก้อนน้ำเชื่อมแล้วก็สามารถถือในมือและเลียกินได้ วิธีนี้ก็จะทำให้กินได้ช้าลงแล้ว
หลังจากที่วินนี่กับพวกเด็กๆ ตักน้ำเชื่อมที่ไหลออกมาเสร็จแล้ว ชาร์คก็ไปเจาะรูที่ต้นไม้เพื่อเก็บน้ำเลี้ยงและเอาไปกลั่นให้บริสุทธิ์หลังจากนั้นก็จะกลายเป็นน้ำเชื่อม
บทที่ 562 สถานีวิทยุไร้สาย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่ฉินสือโอวกำลังต้มน้ำเมเปิลไซรัป อลัน แบรนดอน ซีอีโอของธนาคารมอนทรีออลที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ก็โทรมาหาเขาและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “โอเคครับ บอสฉิน เราจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ภาพวาดอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ก็ขายออกเรียบร้อยแล้ว ให้ผมเอาเช็คของคุณไปให้ตอนนี้เลยไหมครับ?”
ราคาภาพเขียนของแวนโก๊ะคือ 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งเปลี่ยนเป็นดอลลาร์แคนาดาก็ประมาณ 64 ล้านดอลลาร์แคนาดา ฉินสือโอวครอบครองหุ้นในบริษัทมากกว่าครึ่งหนึ่งและรายได้ก็อยู่ที่ 34 ล้านดอลลาร์ มันเป็นเงินที่ถอนมาเพื่อใช้ลงทุนที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงได้อย่างพอดิบพอดี
ผลประโยชน์ของหุ้นส่วนก็อยู่ที่นี่ ฉินสือโอวแค่หาสิ่งของมีค่าพวกนี้ สำหรับวิธีการเปลี่ยนเป็นเงินและจะเปลี่ยนเป็นเงินได้เท่าไรเขาไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะบิลลี่ เบลคและแบรนดอนทั้ง 3 คนสามารถขายของทุกอย่างที่ไม่ค่อยผิดกฎหมายได้
ฉินสือโอวให้แบรนดอนตีเงินในบัตรธนาคารมอนทรีออลและบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของเขาเป็นบัตรเครดิตวงเงินสูงที่ไม่เหมาะสำหรับการฝากเงิน
หลังจากที่จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว แบรนดอนก็ส่งคำเชิญไปยังฉินสือโอวเพื่อให้เขามาเข้าร่วมงานประมูลในฤดูใบไม้ผลิของริชชี่ โดยจัดที่ออตตาวาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนครเซนต์จอห์น
ฉินสือโอวเข้าร่วมงานประมูลมาหลายครั้งและเริ่มรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ เขาไม่มีความสามารถในการชื่นชมงานศิลปะแบบนี้ ถ้าไปก็ไปมองกลุ่มคนงี่เง่าที่ยกมือประมูลอยู่ในนั้นซึ่งทำเหมือนถามคำถามในชั้นเรียนตอนเขาเป็นเด็กประถม
แน่นอนว่าถ้าเป็นการประมูลฟาร์มปลา เขายังสนใจอยู่มาก
แบรนดอนบอกกับฉินสือโอวว่า การประมูลครั้งนี้ยังมีลูกปัดปะการังแดงจากบริษัทของพวกเขาและอยากให้เขามาดูด้วยว่าบิลลี่ทำได้ดีมาก
ฉินสือโอวให้เบลคโทรไปและถามว่างานประมูลจัดขึ้นตอนไหน ผลคืออีกแค่ 3 วันซึ่งเป็นช่วงกลางเดือนพฤษภาคม นี่ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมา เขาจะบอกว่าเขามาถึงที่นี่ในตอนนี้เพื่อมาบอกว่าเขาต้องทำอะไร?
เขาไม่คิดจะไปเข้าร่วมงานประมูล ผลคือแบรนดอนก็บอกกับเขาอีกว่า สัปดาห์หน้าที่ออตตาวามีการแข่งรถช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิและถามเขาว่าสนใจไหม
เรื่องนี้ไม่ต้องถาม ฉินสือโอวไปแน่นอน เพราะมีความสนใจต่องานแข่งรถในตำนานเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวคิดในใจว่าขอให้เวลาชีวิตของเขาเดินไปช้าอีกนิด แต่ก็ยังมีเรื่องเข้ามาหาเขาอีกมาก แฟรงค์ เคนต์เคยแก้จุดบกพร่องที่สถานีวิทยุไร้สายแล้วหลังจากบอกเขาว่าสามารถใช้งานได้
เซิร์ฟเวอร์หลักของสถานีตั้งอยู่ที่ยอดเขา ทั่วเกาะแฟร์เวลแบ่งเซิร์ฟเวอร์หลักออกเป็น 4 จุด หอสื่อสารหลักจะอยู่ในอาคารของสนามบินซึ่งเป็นเหมือนสถานีออกอากาศ สามารถควบคุมปรับระดับคลื่นความถี่ สายเรียกเข้าและอื่นๆ ได้โดยจะเทียบเท่ากับคอนโซลตลอด
เครือของโมโตโรล่าทุกๆ สถานีจะมีคลื่นความถี่ 2 แบบ ดังนั้นระบบของสถานีทั้ง 5 ปกติก็จะมีจุดความถี่อยู่ที่ 10 ถึง 350M ต่อ 800MHz ซึ่งเป็นฟังก์ชันการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงและสัญญาณดีเลิศ
ด้านในอาคาร แฟรงค์แนะนำระบบอันทรงพลังของเขาอย่างไม่มีท่าจะหยุดให้ฉินสือโอวฟัง ทางเครือสามารถให้บริการได้ 3 แบบคือ การโทรครั้งเดียว การโทรซ้อนสองและการโทรเป็นกลุ่ม การโทรครั้งเดียวคือการที่โทรศัพท์มือถือของคุณโทรไปยังสถานีวิทยุไร้สายซึ่งสถานีวิทยุไร้สายและวิทยุสื่อสารก็จะสามารถโทรกลับมาหาคุณได้ การโทรซ้อนสองคือระหว่างสถานีวิทยุไร้สายและพวกคุณสามารถโทรคุยกันได้ ส่วนการโทรเป็นกลุ่มคือการสร้างกลุ่มขึ้นมาและโทรหากัน”
ฉินสือโอวฟังและคิดทันทีว่าระดับของโมโตโรล่านั้นอยู่ที่ไฮเอนด์แล้ว ทุกที่ที่ใช้โทรศัพท์ไร้สายก็จะใช้คิวคิวและเอ็มเอสเอ็นในการคุยผ่านเสียงกัน
โมโตโรล่าน่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารไร้สายรายแรกของโลก ยากมากที่จะบอกว่าทิศทางการพัฒนาที่พวกเขาเลือกในตอนนี้จะถูกต้องหรือไม่ ตอนที่เกิดระบบสมาร์ตโฟนขึ้นมา โมโตโรล่าคงเชื่อว่าโทรศัพท์มือถือควรจะเน้นไปที่ฟังก์ชันการสื่อสาร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเพิ่มความสามารถขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ผลคือทิศทางการพัฒนาของพวกเขาแตกต่างจากความต้องการของตลาด การมองการณ์ไกลของแอปเปิลกับซัมซุงจะแม่นยำมากกว่า โลกต้องการการเปลี่ยนแปลงและต้องการโทรศัพท์มือถือรุ่นหนึ่งที่สามารถรวมโทรศัพท์ที่ไม่ใช่สมาร์ตโฟน และคอมพิวเตอร์เข้าด้วย!
ดังนั้นจึงไม่สามารถพูดได้ว่าทิศทางการพัฒนาของโมโตโรล่ามีข้อผิดพลาด เพียงแค่คิดว่าพวกเขาประเมินความเร็วในการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบันสูงเกินไป พวกเขาพัฒนาวิธีการสื่อสารแบบใหม่ขึ้นมา แต่ต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ซึ่งจะติดตั้งบนรถ บนเรือและบนเครื่องบินได้ไม่มีปัญหา ส่วนพนักงานก็พูดจาไร้สาระ
พวกโทรศัพท์ไร้สายพวกนี้บนเกาะแฟร์เวลสามารถให้บริการการสื่อสารสำหรับสมาชิกเพื่อพูดคุยกันเป็นกลุ่มทางโทรศัพท์ได้ภายในขอบเขตพื้นที่ที่ครอบคลุมซึ่งสามารถตั้งค่าการโทรด่วนและฟังก์ชันการเพิ่มสมาชิกทีหลังได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายทั่วโลกต้องรวมฟังก์ชันของโทรศัพท์มือถือเข้าด้วยกัน
นอกจากรับสายและโทรออกแล้ว โทรศัพท์ไร้สายและสถานีวิทยุไร้สายยังให้บริการส่งข้อมูลสั้นๆ ที่มีความยาวที่ 140 ตัวอักษรซึ่งง่ายกว่าการพูดคุย หรือก็คือสามารถส่งข้อความเอสเอ็มเอสคุยกันได้นั่นเอง
แฟรงค์สาธิตให้ฉินสือโอวดู เขาเปิดเครื่องควบคุมโทรศัพท์ไร้สาย หลังจากนั้นก็เจาะเข้าไปในคลื่นความถี่และกดคีย์หลายคีย์ ไม่ต้องรอช้าก็มีเสียงดัง ‘ตรู๊ด ตรู๊ด’ ขึ้นเป็นจังหวะในทันทีซึ่งบ่งบอกว่ากำลังรอการตอบรับ
เปรียบเทียบกับการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ การส่งข้อความออนไลน์แบบนี้ถือว่าก้าวหน้าไปมาก โทรศัพท์โทรออกได้ในทันทีถ้ามีสัญญาณที่ดีและก็มีฟังก์ชันการรอสายสั้นๆ และเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ไร้สายได้โดยตรง ถ้าคนฝั่งนั้นรออยู่ที่ด้านหน้าสถานีวิทยุไร้สายก็สามารถพูดตอบกลับมาได้
นี่ก็ถือว่าเร็วมากเสียง ‘ตรู๊ด ตรู๊ด’ ดังขึ้นไม่ทันไรก็มีคนมารับสายและถามว่า “สวัสดีครับ ที่นี่คือสถานีวิทยุพยากรณ์อากาศของนครเซนต์จอห์น มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
“ผมอยากรู้ว่าสภาพอากาศของสัปดาห์หน้าตั้งแต่ต้นสัปดาห์จนจบสัปดาห์”
“โอเคครับ มิสเตอร์ เนื่องจากการมาถึงของกระแสน้ำอุ่นทางตอนใต้เข้าสู่น่านน้ำของรัฐนิวฟันด์แลนด์ในฤดูใบไม้ผลิ สภาพอากาศของสัปดาห์หน้าจะมีแสงแดดและไม่มีเมฆ มีลมพัด 3 ถึง 4 ระดับ อุณหภูมิตอนกลางคืนจะอยู่ที่…”
แฟรงค์มองไปที่ฉินสือโอวเพื่อบอกว่าการสาธิตก็จะประมาณนี้
ฉินสือโอวลองโทรไปหาเบอร์หนึ่ง ซึ่งเป็นเบอร์โทรวิทยุไร้สายของสถานีตำรวจเมืองเล็กๆ หลังจากทำการเชื่อมต่อไปหาอีกฝ่ายเสียงหยาบๆ ของโรเบิร์ตก็ดังขึ้น “สถานีตำรวจเมืองแฟร์เวล ผมนายตำรวจโรเบิร์ตมีเรื่องอะไรให้รับใช้ครับ?”
“สวัสดี นายตำรวจ ฉันเองฉิน ฉันอยากบอกนายว่า เครือการสื่อสารไร้สายของพวกเราสามารถใช้ได้แล้ว นายหาเวลามารับมันไปด้วยล่ะ” ฉินสือโอวหัวเราะ ‘ฮิฮิ’
“ว้าว เยี่ยมไปเลย! แบบนี้ก็หมายความว่าเกาะแฟร์เวลของพวกเรามีสถานีวิทยุเป็นของเราเองแล้วใช่ไหมครับ? ดีมากเลย! พวกเราต้องจัดหลายๆ รายการ ถ้าใช้สถานีวิทยุสารภาพความรู้สึกตอนเที่ยงคืนเป็นอย่างไรครับ? หรือร้องเพลงรักดี? สรุปก็คือพวกเรามีเกมที่สามารถเล่นได้แล้ว” โรเบิร์ตค่อนข้างพูดอย่างตื่นเต้น
ใช่แล้ว พวกเขามีเกมที่สามารถเล่นได้แล้ว ทางด้านฉินสือโอวต้องเป็นคนจัดรายการของสถานีวิทยุ ทุกคนที่เปิดวิทยุจะสามารถรับคลื่นสัญญาณได้
ใช้เงินเยอะมาก ฉินสือโอวจ่ายยอดที่เหลือให้กับทางโมโตโรล่าอย่างพึงพอใจ งานของแฟรงค์เสร็จแล้ว เขาบอกฉินสือโอวว่าหลังจากนี้ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้โทรหาเขาและเขาก็กลับไปที่นครเซนต์จอห์น
เมื่อแฟรงค์ออกไปแล้ว ฉินสือโอวก็เตรียมเล่นวิทยุไร้สาย ทางด้านทีมงานของบริษัท จีเอสเอสไอ พริซิชั่นอินสตรัคเมนท์มานูแฟคเทอร์ริ่ง จำกัดนั้นก็กลับมาอีกครั้ง วิศวกรฟรันโก้พาทีมขึ้นเครื่องบินมาพร้อมอุปกรณ์จากเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา
การติดตั้งเรดาร์ที่ฟาร์มปลาต้องไปแจ้งที่รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อจัดการก่อน ทางด้านเมืองแฟร์เวลนั้นคุยง่าย แฮมเล็ตผู้ใจดีและขยันดำเนินการตามขั้นตอนให้เขาแล้ว หลังจากนั้นก็ที่นครเซนต์จอห์น
ความเร็วในการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลประเทศแคนาดานั้นเร็วมาก แต่พวกเขาต้องตรวจสอบขั้นตอน การทำงานและฟังก์ชันของเรดาร์อย่างเข้มงวดก่อน ฉินสือโอวไม่มีเวลาติดตามการตรวจสอบอยู่ที่นี่ เพราะต้องเตรียมไปเข้าร่วมงานประมูลในฤดูใบไม้ผลิของริชชี่
บทที่ 563 ฤดูใบไม้ผลิที่ออตตาวา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เบลคคิดว่าฉินสือโอวคงไม่สนใจงานประมูลเลยไม่ได้แจ้งเขาล่วงหน้า ตอนที่รู้ว่าเขาจะมาจึงตกใจมาก
ถ้าให้พูดความจริงฉินสือโอวกับเขาเข้าร่วมงานประมูลเป็นเรื่องหลอก แต่ไปเพื่อดูการแข่งรถเป็นเรื่องจริง หลังจากตอนที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘ฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส’ ‘เลอม็อง’ และอื่นๆ ทั้งหมดแพร่หลาย เขาก็สนใจกิจกรรมการแข่งรถของอเมริกาเหนืออย่างมาก
ตั้งแต่เข้าร่วมกิจกรรมการแข่งรถ ปกติฉินสือโอวขับพอร์ช 918 ของตัวเองไป ถึงแม้รถคันนี้อาจจะไร้ค่าในสายตาของผู้เชี่ยวชาญด้านการแข่งรถ แต่มีก็ยังดีกว่าไม่มีไม่ใช่เหรอ?
วินนี่รู้ว่าเขาต้องไปดูกิจกรรมการแข่งรถแน่ ถ้าเธออยู่ที่นั่นเธอจะไม่ให้เขาไป ฉินสือโอวรับปากว่า “ผมก็ไปดูเฉยๆ เองที่รัก ผมน่ะ รักชีวิตมากกว่าใครๆ คุณไม่เชื่อผมเหรอ?”
ถ้าเกี่ยวกับการควบคุมตัวเองของฉินสือโอววินนี่ยังมีความเชื่อใจอยู่บ้าง แต่เธอแค่กลัวคำว่า ‘การแข่งรถ’ คำนี้เท่านั้น
ตอนได้ยินว่าฉินสือโอวต้องไปเมืองออตตาวาเพื่อดูกิจกรรมการแข่งรถ พาวลิสก็โชว์ใบเกรดทุกวิชาให้เขาดูอย่างช้าๆ “พ่อฉินดูนี่สิ วิชาเรขาคณิตทั้งห้องมีแค่ผมที่ได้เกรดเอบวก ปกติผมจะได้แค่เกรดเอ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถทำได้เอบวก แต่ผมไม่เคยพลาดวิชา…”
ฉินสือโอวมองที่เขาโชว์และหัวเราะ หลังจากนั้นก็หันไปถามกอร์ดอน “ลูกชาย เกรดของนายเป็นอย่างไรบ้าง?”
กอร์ดอนพูดอย่างไม่มั่นใจ “พวกผมอยู่ในชั้นเรียนที่ต่ำกว่าจะไปมีใบเกรดอะไรนั่นได้อย่างไร?”
มิเชลหาใบเกรดของตัวเองแล้วยื่นให้ฉินสือโอวอย่างสบายๆ ด้านบนมีตัวบีกับบีบวกอยู่
ฉินสือโอวแบมือไปทางกอร์ดอน กอร์ดอนเอาใบเกรดของตัวเองออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก วิชาที่เกรดดีที่สุดคือวิชาภาษาอังกฤษซึ่งได้ซีบวกนับว่ายังสอบผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ส่วนวิชาอื่นๆ ไม่ผ่านเลย…
ฉินสือโอวดูใบเกรดนี่แล้วก็เริ่มสอนกอร์ดอนให้เขานำโน้ตบุ๊กออกมาและเตือนเขาว่าหลังจากนี้ถ้าเกรดยังแย่ขนาดนี้อีกก็จะลบเกมที่อยู่ในนั้นทิ้งทั้งหมด
กอร์ดอนพยักหน้าด้วยความท้อแท้ บางครั้งก็หันไปมองพาวลิสที่อยู่ข้างๆ ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
พาวลิสรู้สึกสงสารคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง จุดประสงค์ที่เขาโชว์ใบเกรดไม่ใช่เพื่อแยกกอร์ดอนออกจากกลุ่ม นี่มันเหมือนสุนัขจริงๆ
ฉินสือโอวเตือนกอร์ดอนเสร็จก็หันไปพูดกับพาวลิส “โอเค แก้ไขนิดหน่อย ตอนกลางวันพวกเราจะต้องเดินทางกัน”
พาวลิสยิ้มอย่างมีความสุข กอร์ดอนรู้สึกกังวลจึงถามว่า “พวกเราเหรอครับ? พวกเราสามารถไปเมืองออตตาวาได้ใช่ไหมครับ?”
“ไปโรงเรียน พวกนายต้องไปเรียนให้ดีกว่านี้ เกรดของพาวลิสดีแล้วดังนั้นนี่จึงเป็นรางวัลที่จะให้เขา!” ฉินสือโอวพูด
ครั้งนี้ไม่เพียงแค่กอร์ดอน ยังมีเชอร์ลี่ย์ ชาร์คน้อย มิเชล ลอเรนซ์ และคราเคนน้อยที่หมดอาลัยตายอยากไปด้วย
เมืองออตตาวาเป็นเมืองหลวงของแคนาดาซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของทะเลสาบออนแทรีโอ ทิศเหนือเป็นเมืองมอนทรีออล ทิศใต้เป็นเมืองโทรอนโต ด้านข้างมีแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ไหลผ่านซึ่งเป็นเมืองที่เงียบสงบและสวยงามอย่างมากเมืองหนึ่ง
ฉินสือโอวขับรถไปเที่ยวสถานที่ไกลขนาดนี้เป็นครั้งแรก ครั้งที่แล้วเขาพาวินนี่ไปคอร์เนอร์ บรูคเพื่อนเข้าร่วมงานปาร์ตี้ของคนจีนและระยะทางในครั้งนั้นยังน้อยกว่าครั้งนี้เป็นสิบเท่า!
นี่เป็นอีกครั้งที่ฉินสือโอวจะได้สัมผัสถึงดินแดนอันกว้างใหญ่ของประเทศแคนาดา
จากทิศตะวันตกของนครเซนต์จอห์นไปถึงท่าเรือบาสก์ ถนนทั้งเรียบและกว้างและมีรถยนต์ไม่กี่คันบนถนน ฉินสือโอวแสดงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของรถพอร์ชอย่างละเอียดไปอย่างช้าๆ ซึ่งบนทางด่วนสามารถขับได้ถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อถึงท่าเรือบาสก์แล้ว ฉินสือโอวก็พาพาวลิสไปดูรอบๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นท่าเรือกับรูปปั้นนิมิตส์ในสวนสาธารณะ
พาวลิสถือหมวกนักแข่งรถที่วินนี่ให้เขาซึ่งด้านบนมีลายเซ็นของลูวิส แฮมิลตัน เขาพกไว้เป็นสมบัติติดตัวเสมอ เพราะครั้งนี้ไปดูการแข่งรถจึงเอามันออกมาและสวมไว้
ฉินสือโอวถ่ายรูปคู่ให้เขากับรูปปั้นไว้หลายใบ พาวลิสรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นตัวเองสวมหมวกนักแข่งรถสีแดงอยู่ในกล้อง
ตอนที่เตรียมตัวจะเดินทางต่อ เขาลูบรูปปั้นของนิมิตส์และพูดว่า “นิมิตส์กลายเป็นตำนานแล้วครับพ่อฉิน มันช่างวิเศษเหลือเกิน! ถ้าวางที่นี่ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมคงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าผมจะได้มีชีวิตอยู่ร่วมกับตำนาน”
“หลังจากนี้หลายปี ประโยคที่ฉันคิดว่าจะได้ใช้ก็คือ ที่รัก นายจะกลายเป็นนักแข่งรถที่ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานอยู่บนรันเวย์!” ฉินสือโอวพูดให้กำลังใจเขา
“ต้องทำได้แน่นอน ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนที่มีเกรดดีที่สุดในชั้นเรียน ดังนั้นผมจะต้องกลายเป็นนักแข่งรถที่ยิ่งใหญ่ให้ได้” พาวลิสพูดพึมพำกับตัวเอง
จากท่าเรือบาสก์นั่งเรือข้ามฟากไปจนถึงบาธเฮิสต์และนั่งต่อไปตามทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จนภาพของเมืองออตตาวาค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
ฉินสือโอวให้พาวลิสทดลองขับรถบนถนนที่มีรถน้อยเส้นหนึ่ง แน่นอนว่าความเร็วที่ใช้ขับนั้นช้าและเขาก็นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย
พรสวรรค์มีต้นกำเนิดมาจากความรักและบางคนก็เป็นแบบนั้น ครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องที่ชอบด้วยตัวของตัวเองก็สามารถแสดงพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ออกมาได้แล้ว
หลังจากพาวลิสนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับก็ใจเย็นอย่างหาที่เปรียบมิได้ ตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองยังจุดที่ไกลออกไปอย่างคมชัด มือซ้ายคุมพวงมาลัยอย่างแน่วแน่ มือขวาเปลี่ยนเกียร์อย่างต่อเนื่อง ส่วนเท้าเหยียบอยู่บนคันเร่งและคลัทช์ ทั้งร่างกายประสานงานกันได้เป็นอย่างดี วิธีการขับรถแบบเคร่งขรึม
ดังนั้นฉินสือโอวจึงค่อยๆ วางใจ เมื่อถึงสถานที่ที่การจราจรเบาบางและถนนเรียบเป็นพิเศษ เขาก็ให้พาวลิสมาขับ ส่วนตัวเองก็ปรับกระจกรถลงและมองทิวทัศน์รอบนอก
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ได้รับการฟื้นฟู หญ้าป่าและดอกไม้ป่าที่อยู่ริมถนนเริ่มงอกต้นกล้าสีเขียวเข้มออกมา สายลมเย็นเริ่มพัดมาโดนผิวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาว
รัฐควิเบกเป็นรัฐเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของประเทศแคนาดา อุตสาหกรรมเครื่องจักรก็ปักหลักอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว แม้ว่ารัฐบาลจะควบคุมปัญหามลพิษโดยตรง แต่ท้องฟ้าของที่นี่ก็ไม่ดีเท่าเกาะแฟร์เวลที่ดูสะอาดและเป็นสีฟ้าคราม
สุดท้ายถนนทอดยาวฉินสือโอวก็เป็นคนขับ ทันทีที่ความเร็วเพิ่มขึ้น รถพอร์ช 918 ก็คำรามไปตลอดการเดินทางจนขับไปถึงเมืองออตตาวา
เมืองหลวงของประเทศแคนาดาล้วนเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่พรมแดนของรัฐออนแทรีโอกับรัฐควิเบกซึ่งเป็นลูกผสมของวัฒนธรรมแองโกลเฟรนช์ ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งสามารถพูดได้ถึง 2 ภาษา
นอกจากนั้นถ้าพูดว่าแคนาดาเป็นประเทศของผู้อพยพ งั้นเมืองออตตาวาก็เป็นศูนย์กลางของผู้อพยพซึ่งมาจากทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นคนผิวขาว คนผิวดำและคนผิวเหลืองที่เห็นได้อย่างชัดเจน บนถนนฉินสือโอวเห็นธงแปลกๆ หลายแบบถูกแขวนอยู่บนยานพาหนะมากมาย นี่เป็นวิธีที่พวกผู้อพยพใช้เท่านั้นเพื่อแสดงถึงบ้านเกิดของตัวเอง
ฉินสือโอวใช้เวลาอยู่บนถนนถึง 2 วันแต่ก็ยังไม่ค่อยเหนื่อย เขารู้สึกว่าการท่องเที่ยวครั้งนี้น่าสนใจมากจึงขับรถไปรอบๆ ทั้งนอกเมืองและในตัวเมืองออตตาวา
สิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะโดดเด่นที่สุดของเมืองออตตาวาเป็นบ้านที่สร้างด้วยอิฐสไตล์ยุควิคตอเรียตอนปลายที่ยาวกว่า 1 ไมล์ ถนนและสิ่งก่อสร้างของที่นี่ล้วนประณีตเป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่ร้านค้า ร้านอาหาร หรือที่อยู่อาศัยแต่ทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสไตล์วิคตอเรีย
ฉินสือโอวเจาะจงขับรถไปที่เนินแคปพิตอลเพื่อชื่นชม บนเนินมียอดเขาสไตล์โกธิคและอาคารที่ทำจากไม้ทั้งหมด ถ้าห่างออกไปไกลๆ จะเห็นว่านี่ไม่เหมือนภูเขาลูกหนึ่ง แต่เป็นคฤหาสน์หรูหราที่พวกขุนนางชาวสก็อตสร้างขึ้นอย่างแข็งแรง
สำนักงานของรัฐบาลเมืองออตตาวาและประเทศแคนาดาก็อยู่ที่นี่ ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ดอกทิวลิปกับดอกแดฟโฟดิลสีเหลืองเริ่มบานขึ้นอย่างกว้างไกลสุดสายตา ราวกับว่าเป็นแปลงดอกไม้ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
เมื่อเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ ฉินสือโอวก็คิดถึงความฝันที่จะสร้างสวนดอกไม้ของวินนี่ขึ้นมาทันที เขาเคยสัญญาว่าเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเขาจะสร้างสวนดอกไม้ที่ฟาร์มปลา ผลคือเขาลืมไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
โชคดีที่ตอนนี้เขาคิดขึ้นมาได้ ถ้ากลับไปแล้ว เขาก็จะสร้างสวนดอกไม้ที่ฟาร์มปลาให้เธอ
บทที่ 564 สร้อยประคำราชสำนักราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในบรรดาเมืองของประเทศแคนาดา เมืองออตตาวาเป็นเมืองที่มีสไตล์อังกฤษเป็นต้นแบบมากที่สุด
ตอนที่ฉินสือโอวขับรถเลียบไปตามคลองมากมายก็มีตำรวจแคนาดาใส่เสื้อนอกและเข็มขัดสีแดงที่หัวสวมหมวกทหารทรงกระบอกสีดำหยุดเขาไว้และบอกเขาว่าด้านหน้าเป็นเขตปลอดรถยนต์ รถสปอร์ตและรถเอสยูวีไม่สามารถผ่านเข้าไปได้
ดังนั้นฉินสือโอวต้องหันหัวรถกลับและหาร้านอาหารฟาสฟู้ดร้านหนึ่งกินข้าวไปพลางรอเบลคไปพลางแทน
ฉินสือโอวสั่งข้าวหน้าหมูมา 2 จาน จานใหญ่หนึ่ง จานเล็กอีกหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีอาหารว่างบางอย่างอีกเช่น หอยเชลล์ย่าง ชีสเค้กและอื่นๆ ตอนที่บริกรหนุ่มหล่อเดินมาเสิร์ฟอาหาร เขายิ้มและถามว่า “คุณมาเที่ยวเหรอครับ?”
“ใช่ครับ” ฉินสือโอวพยักหน้า
บริกรก็ขายเครื่องดื่มในร้านอาหารทันที “งั้นคุณต้องอยากลองชิมไวน์องุ่นเบบี้ดั๊กของทางร้านเราแน่นอน รสชาติของมันยอดเยี่ยมมาก ถ้ามาถึงเมืองออตตาวาไม่ได้ลองชิมเบบี้ดั๊ก นั่นก็เหมือน… ขอถามเสียมารยาทเล็กน้อย บ้านเกิดของคุณคือที่ไหนเหรอครับ?”
“ประเทศจีน”
“โอเค นั่นก็เหมือนพวกคุณมาถึงประเทศจีนแต่ไม่ได้ปีนกำแพงเมืองจีนซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากขนาดนั้น”
ฉินสือโอวยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของบริกร เขาผายมือและพูดว่า “บริกร ผมอยากลิ้มรสไวน์แก้วนี้สักเล็กน้อย แต่คุณต้องรู้ก่อนว่าผมขับรถมาไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้”
บริกรยิ้ม “ผมไม่สนับสนุนให้คุณทำความผิด แต่ความจริงคุณผู้ชายคงกังวลมากไป เบบี้ดั๊กเป็นไวน์ที่นิยมดื่มก่อนทานอาหาร หลังจากดื่มหนึ่งแก้วและไปขับรถอีก แม้ว่าตำรวจแคนาดามาตรวจก็จะไม่พูดอะไร เพราะพวกเขาชอบ ‘ข้ามถนนเพื่อจับคน’
พาวลิสได้ยินคำพูดของเขาก็หัวเราะขึ้นมา แต่ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มีอะไรน่าหัวเราะ
พาวลิสที่เคยเร่ร่อนอยู่ในรัฐออนแทรีโอค่อนข้างเข้าใจเรื่องพวกนั้นก็อธิบายให้เขาฟังว่า “เมื่อก่อน ‘เบบี้ดั๊ก’ เป็นชื่อของไวน์สปาร์กลิงที่มีความหนืดชนิดหนึ่ง คนออนแทรีโอชอบดื่มมันมาก เพราะคิดว่ามันเป็นไวน์ที่ดีชนิดหนึ่ง หลังจากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า ถ้าตำรวจดื่มเบบี้ดั๊กแก้วหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะเดินไปตามถนนเส้นหนึ่งและตื่นตัวอย่างสมบูรณ์ซึ่งสามารถจับคนไม่ดีได้เพราะความตื่นตัว”
“ใช่ครับ เบบี้ดั๊กก็เป็น ‘ข้ามถนนจับคน’ เพราะหลังจากที่คุณดื่มคุณก็จะกลายเป็นตำรวจ” บริกรพูดเสริมด้วยรอยยิ้มสดใส
ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่งเบลคก็เข้ามาพอดี ดังนั้นเขาไม่ต้องขับรถเองก็ได้จึงพูดว่า “ดีล่ะ บริกร ผมถูกคุณพูดชักชวนขนาดนี้แล้ว คุณช่วยเสิร์ฟ ‘เบบี้ดั๊ก’ ให้ผมสักแก้วสิ”
ไวน์ของเมืองออตตาวามีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศแคนาดา นอกจากที่นี่ ไวน์ของที่อื่นๆ ล้วนถูกปฏิบัติเป็นเหมือนเรื่องตลกในวงการไวน์นานาชาติ
ไวน์ที่ฉินสือโอวสั่งเป็นไวน์ขาวรีสลิ่งซึ่งราคาไม่สูงมาก เพียงแต่แก้วหนึ่งก็เท่ากับค่าอาหารของเขากับพาวลิสแล้ว
อย่างไรก็ตามยิ่งราคาสูงก็ยิ่งเพลิดเพลินไปกับบริกรที่มีคุณภาพสูง ไวน์ที่เขาสั่งเป็นไวน์ขาวรีสลิ่งที่มีรสชาติหอมหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย รสสัมผัสทั้งสดใหม่และสะอาด นุ่มนวลและอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์นิดหน่อยไม่หนักไป ไม่น่าแปลกใจที่บริกรบอกว่านี่เป็นเหล้าที่นิยมดื่มก่อนทานอาหารที่ดีที่สุด
ฉินสือโอวนั่งลิ้มรสอยู่ที่นี่ เบลคก็มาถึงแล้ว หลังจากนั่งลงเขาก็ดมกลิ่นไวน์ขาวที่ดื่มไปแล้วครึ่งแก้วและยิ้ม “นายดูจะมีความสุขมากจริงๆ นายค้นหาร้านอาหารแห่งนี้ก่อนจะมาแล้วใช่ไหม? เบบี้ดั๊กของร้านนี้โด่งดังมากที่เมืองออตตาวา ขอให้ฉันนิดหน่อยสิ”
“อย่า ฉันดื่มเหล้าแล้วไม่ขับรถ ดังนั้นนายจะต้องเป็นคนขับ” ฉินสือโอวพูดอย่างรวดเร็ว กฎหมายการจราจรของประเทศแคนาดาเข้มงวดมาก เมาแล้วขับถูกจับไม่ได้ถูกลงโทษ แต่ห้ามคิดที่จะขับรถอีกเป็นเวลาหนึ่งปี
เบลคโบกมืออย่างไม่สนใจ “เบบี้ดั๊กก็นับเป็นเหล้าเหรอ? ไม่เอาน่า มันเป็นโซดา ฉันดื่มขวดหนึ่งก็ยังสามารถขับรถไปรับรางวัลที่เกรเบลได้”
ดื่มเหล้าเสร็จ ฉินสือโอววางทิปทิ้งไว้ 20 ดอลลาร์แคนาดาแล้วก็ออกไปกับเบลค สุดท้ายก็ต้องให้เขาจัดหาโรงแรมที่จะพักให้ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวชื่อว่า ‘บีแอนด์บี’
โรงแรมแห่งนี้เป็นอาคารสมัยใหม่สไตล์วิกตอเรียหรูหรา ห้องที่ดีที่สุดมี 6 ชุดซึ่งตกแต่งแตกต่างกันเป็น 6 ห้องที่สไตล์ของประเทศที่ต่างกันมีสไตล์ฟลอเรนซ์ สไตล์อินเดียและอื่นๆ แน่นอนว่าฉินสือโอวเลือกพักอยู่ห้องสไตล์จีนโบราณ
คนที่ค่อนข้างรู้จักกับฉินสือโอวจะรู้ว่าเขาชอบเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติซึ่งการเลือกอาหารและที่พักจะค่อนข้างให้ความใส่ใจเขาเป็นพิเศษ
“เดิมทีผมอยากพานายไปไอเอ็นเอ็น เพราะเป็นหนึ่งในโรงแรมที่โบราณที่สุดของเมืองออตตาวา โดยก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่สิบแปดมีคานเพดานและเป็นพื้นไม้ซึ่งอยู่สบายมาก แต่หลังจากเลือกแล้ว ฉันรู้สึกว่าห้องสไตล์จีนโบราณห้องนี้อาจจะเหมาะกับลักษณะของนายมากกว่า” เบลคอธิบาย
ฉินสือโอวถามว่าราคาเท่าไร เบลคยิ้ม “ฉันเพิ่งติดตามนายและสร้างรายได้ถึงสิบล้าน แถมตอนนี้นายยังมาถึงออตตาวา ฉันจะให้นายจ่ายเงินได้ไงล่ะ?”
หลังจากพักอยู่ที่โรงแรม ตอนกลางคืนฉินสือโอวกับพาวลิสก็ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าซื้ออาหารว่างและกลับไปดูโทรทัศน์ที่ห้อง วันที่สองเบลคหาคนมารับพวกเขาไปยังที่ตั้งของงานประมูล
ฉินสือโอวไม่สนใจพวกเครื่องลายคราม ผลงานการเขียนตัวหนังสือด้วยพู่กันและภาพวาด รูปปั้น เครื่องประดับและอื่นๆ เขาแค่อยากมาดูสร้อยประคำราชสำนักปะการังแดงของตัวเองก็เท่านั้น
สร้อยประคำราชสำนักถูกวางไว้ที่ตรงกลางเยื้องไปทางด้านซ้ายของห้องจัดแสดง ในบทความของงานประมูลอธิบายไว้ว่าราคาไม่ควรต่ำเกินไป
แต่ฉินสือโอวไม่กล้าแน่นอน เพราะตรงกลางห้องจัดแสดงเป็นบูธงานศิลปะที่แพงที่สุดซึ่งก็คือภาพวาดสีน้ำมันที่เก่ามากภาพหนึ่ง บนผ้าใบผืนนั้นใช้แค่สีย้อมสีเหลือง สีส้ม และสีแดงในการวาดทั้งหมด ที่เขาเห็นคือภาพวาดนี้มีมูลค่าแค่ 2 ดอลลาร์ซึ่งสามารถนำกลับไปซักและใช้เป็นผ้าขี้ริ้วได้ก็เท่านั้น
ดังนั้นขณะที่งานศิลปะที่แพงที่สุดเป็นรูปนกแบบนี้ มูลค่าของสร้อยประคำราชสำนักที่วางไว้ด้านบนก็ควรจะต่ำกว่านี้แล้วไหม?
โดยไม่ต้องสงสัยฉินสือโอวตอนนี้จะดีจะร้ายยังไงก็เป็นคนที่ได้รับประสบการณ์จากโอกาสใหญ่ๆ การรู้จักงานศิลปะไม่สามารถตัดสินคนที่ภายนอกได้ ดังนั้นตราบใดที่ราคายังไม่ออก เขาก็จะไม่ใจอ่อนไปกำหนดคุณค่าของภาพวาดสีน้ำมันนั่น
บิลลี่ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าของในนามของสร้อยประคำราชสำนักก็มาถึงงานประมูลแล้ว แต่เขามาถึงวันเดียวกันจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้าน
หลังจากการแสดงเขาไปหาฉินสือโอว และชี้ไปที่สร้อยประคำราชสำนักก่อนจะพูดเสียงเบาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ “ดูสิ ฉันทำได้ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ความจริงก็ไม่เลว ฉินสือโอวเพิ่งจะเห็นว่าสร้อยประคำราชสำนักถูกขัดจนไม่หมองอีกแต่ก็ไม่สว่าง ผิวของมันปรากฏแป้งครอบคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าของสิ่งนี้ถูกเล่นโดยคนทุกวัย
นอกจากนั้นบทกวีประโยคหนึ่งที่อยู่บนลูกประคำเม็ดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางที่สุดของสร้อยประคำราชสำนัก ฉินสือโอวมองอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่เข้าใจจึงเปิดหน้าคำแนะนำที่อยู่ถัดจากหน้านี้และอ่าน
รูปลักษณ์นี้ทำให้เขาไร้สาระ ตามคำแนะนำบนหน้ากระดาษบอกว่า สร้อยประคำราชสำนักเส้นนี้เมื่อ 150 ปีก่อนถูกสวมใส่โดยผู้บัญชาการกองพันที่ 5 ของราชวงศ์ชิงในยุคสมัยของเสียนเฟิงซึ่งไม่สามารถประเมินมูลค่าได้
ผู้บัญชาการกองพันที่ 5 เป็นตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่สำคัญตำแหน่งหนึ่งของยุคสมัยราชวงศ์ชิงซึ่งตอนนี้ก็เป็นหัวหน้าของเหมาเหว่ยหลงและหัวหน้าสำนักของสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะประจำเมืองหลวง จากอันดับสูงสุด สวมสร้อยประคำราชสำนักที่ลักษณะของลูกประคำเหมือนปะการังสีแดง
ข้าราชการผู้ใหญ่ระดับสูงท่านหนึ่งที่ถูกบิลลี่ใช้มีชื่อว่า เจี่ยงหลินเจ้าซึ่งเป็นเพื่อนที่มาจากรัฐทาลูวเริ่มต้นโดยการทำงานเป็นทหารอิสราเอลและเป็นหนึ่งในนายพลหลักที่ต่อสู้กับกองกำลังสมาคมบูชาพระเจ้า
บทกวีบนสร้อยประคำราชสำนักนั่นจึงถูกเรียกว่า ‘ความเรียบง่ายถูกปกคลุมไปด้วยความไม่รีบร้อน ยูเฮงทำงานหนักเพื่อจัดการคนเลว’ ยูเฮงเป็นชื่อของผู้ว่าราชการเจียง เขาหยิบบทกวีนี้ขึ้นมาและขอให้ช่างแกะสลักชื่อดังแกะสลักไว้บนสร้อยประคำราชสำนัก
บทที่ 565 แข่งรถ
โดย
Ink Stone_Fantasy
นิทรรศการนี้ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงครึ่งเท่านั้นซึ่งจะจบการแสดงงานศิลปะลงในช่วงเที่ยงวัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะออกไปทานอาหารและงานศิลปะจะถูกจัดเก็บไว้ที่ด้านหลังของเวที เพื่อเตรียมพร้อมขึ้นประมูล
ฉินสือโอวลากบิลลี่มากระซิบถาม “ฉันว่านายมีความกล้าไม่น้อยเลยจริงๆ นะ ที่ปลอมแปลงสร้อยประคำของขุนนางระดับมหาเสนาบดี? หรือว่านี่ไม่มีใครเห็นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ข้างในสร้อยใช่ไหม?”
บิลลี่หัวเราะเสียงดังขึ้น “ใครปลอมแปลงกัน? ฉิน นายเข้าใจผิดกี่ครั้งแล้วล่ะ ครั้งแรก สร้อยประคำหินปะการังแดงนายก็นำเอาของสมัยราชวงศ์ชิงระดับมหาเสนาบดีรวมเข้ากับระดับเสนาบดีเป็นเส้นเดียวกัน ไม่แน่ใจว่าเจ้าของเดิมของสร้อยประคำเส้นนี้ยังคงเป็นหลี่หงจางและเจิงกั๋วฟานไหม ส่วนครั้งที่สอง สร้อยประคำพวงนี้ตอนนี้ไม่ใช่แค่ของปลอม นายต้องเข้าใจจุดนี้ด้วย”
“หมายความว่าไง” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย
“ไข่มุกเม็ดตรงกลางมันเป็นของจริง ฉันซื้อมันมาจากมือนักสะสมชาวจีนโบราณในซานฟรานซิสโกด้วยความยากลำบาก จริงๆ แล้วมันคือสร้อยประคำที่เจี่ยงหลินเจ้าใช้ แต่น่าเสียดายมันมีแค่หนึ่งเม็ดเท่านั้น ฉันเลยใช้ไข่มุกเม็ดนี้แอบร้อยเข้าไปในสร้อยประคำพวงนี้ ดังนั้นสร้อยประคำทั้งพวงนี้ก็เป็นของจริง ที่ประเทศจีนของนายเขาเรียกว่าอะไรนะ? ตาปลาปลอมปนไข่มุก¹เหรอ?” บิลลี่ถาม
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่ ที่ประเทศของฉันเรียกมันว่าต้มตุ๋น นักต้มตุ๋น!”
ต้องยอมรับเลยว่าบิลลี่คนนี้ฉลาดจริงๆ ครั้งนี้เขาหลอกได้สำเร็จ เดิมสร้อยประคำหินปะการังแดงมีมูลค่ามากถึง 3.5 ล้านดอลล่าร์แคนาดา แล้วถ้ายิ่งมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียง มูลค่าก็ยิ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทันที
บ่ายโมงตรง การประมูลได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นักประมูลที่มีประสบการณ์ท่านหนึ่งทำการส่งเสียงประมูลสินค้าล็อตแรกออกไป ฉินสือโอวไม่ได้สนใจกับของเหล่านี้เท่าไรจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูข่าว
มีข่าวเกี่ยวกับเขาในอุตสาหกรรมการประมงจำนวนมาก นอกจากข่าวเรือไดโตะโชวะมารุถูกปรับเงินและข่าวเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงวางยาและถูกลงโทษในฟาร์มแล้ว ยังมีอีกข่าวหนึ่งคืออุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงปลาทูน่าของประเทศญี่ปุ่นประกาศล้มละลายเพราะปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เพาะเลี้ยงมานานหลายปีได้หายไปหมด…
หลังจากที่ได้ทราบข่าวนี้ ราคาของปลาทูน่าครีบน้ำเงินในร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
บิลลี่ชนเข้ากับฉินสือโอวโดยบังเอิญ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพบว่าสร้อยประคำหินปะการังแดงเส้นนั้นของตนวางอยู่บนเวทีประมูลแล้ว
หลังจากนักประมูลแนะนำความเป็นมาและลักษณะพิเศษของสร้อยประคำเส้นนี้แล้วจึงประกาศราคาเริ่มต้นการประมูล “ราคาเริ่มต้นประมูลที่ 1.5 ล้านและทุกครั้งที่เสนอราคาจะต้องไม่น้อยกว่า 50,000 เชิญทุกท่านเสนอราคา… “
ตอนนี้ชาวจีนกำลังกลายเป็นตัวหลักของตลาดผู้บริโภคงานศิลปะ ชายผิวเหลืองหลายคนเริ่มเสนอราคาประมูลขึ้นทันที ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 1.5 ล้านเป็น 1.85 ล้าน การเสนอราคาประมูลผ่านไปไม่กี่รอบ ระหว่างนั้นนักธุรกิจเศรษฐีชาวรัสเซียที่เข้าร่วมก็ตะโกนเสนอราคาขึ้นเป็น 2 ล้าน
ฉินสือโอวหันไปพยักหน้ากับบิลลี่ นับว่าหมอนี่ได้สร้างผลงานความดีความชอบในครั้งนี้
ชายเชื้อสายจีนคนหนึ่งยกมือแล้วตะโกนขึ้น ‘2.05 ล้าน ’ นักธุรกิจเศรษฐีชาวรัสเซียก็ตะโกนเสนอราคาขึ้นอีก ‘2.1 ล้าน’ สุดท้ายมีชายเชื้อสายจีนอีกคนหนึ่งสู้ราคาและในที่สุดก็ตั้งราคาซื้อขายไว้ที่ ‘2. 25 ล้าน ’
ฉินสือโอวรู้สึกว่าเงินของคนร่ำรวยบางครั้งมันก็ทำเงินได้ดี จึงเรียกว่ากรรมตามสนอง ทำอะไรต้องได้รับผลเช่นนั้น นายทุนเหล่านี้เคยเอาเปรียบคนงานและตอนนี้คนงานของเขาก็โกงเงินจากเหล่านายทุนคืน
เมื่อสร้อยถูกประมูลออกฉินสือโอวก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาใช้โอกาสในช่วงเวลาพักเดินออกจากงาน ในขณะที่กำลังเดินออกไปนั้น เขาก็เห็นชาวรัสเซียที่ประมูลสร้อยประคำคนนั้นมาหาบิลลี่และถามว่า “คุณคือบิลลี่ สเต็มเมอร์ใช่ไหม? ผมขอถามหน่อยครับว่าคุณเอาสร้อยประคำของผู้ว่าเจี่ยงมาจากไหน?”
ฉินสือโอวคิดว่าสร้อยประคำนี้ต้องมีความลับอะไรแน่ๆ เขาจึงหยุดอยู่ฟัง
เป็นผลให้ชาวรัสเซียกล่าวต่อว่าครอบครัวของเขามีที่มาบางอย่างกับผู้ว่าเจี่ยงท่านนี้ ตอนนั้นบรรพบุรุษของเขาถูกซาร์²รัสเซียข่มเหงและเร่ร่อนเข้าอาศัยอยู่ในราชวงศ์ชิง ผู้ว่าเจี่ยงวีรบุรุษผู้มีสายตาแหลมคมท่านนี้เป็นคนรับเขาเข้าไว้ในกองทัพทหาร ทำให้เขากลายเป็นทหารแมนจูที่หาได้ยากของกองทัพทหารราชวงศ์ชิงในเวลานั้น
ต่อมาผู้ว่าเจี่ยงได้เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยและบรรพบุรุษคนรัสเซียก็กลับไปที่ไซบีเรีย ในบันทึกของเขามีการบันทึกสร้อยประคำชุดนี้อย่างรายละเอียด โดยบอกว่าสร้อยประคำนี้เป็นสิ่งที่เขาปรารถนา ชาวรัสเซียทำสิ่งนี้เพื่อตอบสนองปณิธานก่อนตายที่ยังไม่บรรลุผลของบรรพบุรุษ
หลังจากเข้าใจเรื่องนี้แล้ว ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ แต่ชาวรัสเซียคนนี้ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ สิ่งที่บรรพบุรุษของเขาปรารถนาคือสถานะที่เป็นตัวแทนของสร้อยประคำนี้ต่างหาก จากมหาเสนาบดี มาเป็นผู้บัญชาการทหารราบเก้าประตูเมือง แล้วก็มาเป็นขุนนางคนสำคัญของราชวงศ์ชิง ไม่ใช่ไข่มุกชุดเดียวหรอก
ในช่วงเย็น บิลลี่และเบลคมาหาฉินสือโอวแล้วลากเขาไปร่วมงานแข่งรถมิดไนท์ แดร็ก เรซซิ่ง
เมื่อตอนกลางวันเบลคใส่ชุดสูทสไตล์ตะวันตกพร้อมกับรองเท้าหนังมันวาว แต่ตอนนี้เขากลับแต่งตัวเป็นนักเลง ผมของเขาก็ใช้เจลเซตให้มันตั้งขึ้นอย่างกับคบเพลิง เขาสวมเสื้อหนังรัดรูปแล้วใส่สร้อยคอโซ่ มือของเขายังสวมถุงมือยางอีก ท่าทางเขาอย่างกับคนอวดดี
เบลคขับรถพอร์ชของเขามาเช่นเดียวกับฉินสือโอว ซูเปอร์คาร์สองคันที่มีรูปทรงและโมเดลเดียวกันและยังมีความเร็วที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาจากผู้คนที่เพลิดเพลินในโรงแรม ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างพอใจ “แม้ว่าต่อไปเราจะโดนดูถูก แต่ตอนนี้มีคนอิจฉาอยู่ก็ไม่เลวนะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เบลคถามกลับด้วยความแปลกใจ “ทำไมพวกเราต้องโดนดูถูกด้วย?”
“ดูสิ เรากำลังขับรถพอร์ชนะ รถสปอร์ตที่ดูดีแบบนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เหล่านักแต่งรถมักจะดูถูกไม่ใช่เหรอ? ฉันดูหนังมา ในสนามแข่งล้วนมีแต่รถแข่งโหดๆ ของพวกนักแต่งรถทั้งนั้น” ฉินสือโอวว่า
เบลคกับบิลลี่มองเขาอย่างตกตะลึงแล้วหัวเราะเสียงดังขึ้น
บิลลี่หลุดขำออกมา “นี่นายล้อเล่นหรือเปล่า? นี่คือพอร์ชนะ แม้ว่าจะไม่ใช่รถสปอร์ตชั้นนำ แต่ก็จัดว่าเป็นรถที่อยู่อันดับสูงสุด! นายว่าใครจะดูถูกรถแบบนี้? พวกนักแต่งรถเหรอ? ให้พวกเขาไปกินอึหมาเถอะ! หรือว่าวิศวกรค่าตัวแพงที่ถูกเชิญมาทำงานที่บริษัทรถพอร์ชจะสู้พวกเด็กที่ยังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้? ล้อเล่นอะไรเนี่ย!”
เบลคตบไหล่ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “นี่เพื่อน นายถูกหนังหลอกเข้าแล้วล่ะ นักแต่งรถที่ไหนจะมีฝีมือมากขนาดนั้น? ถึงต่อให้มี นายจะเอารถพอร์ชส่งให้พวกเขา พวกเขาก็ทำได้แค่เปลี่ยนท่อไอเสียกับพวงมาลัยให้แค่นั้นแหละ ถ้าจะให้เปลี่ยนอย่างอื่นเกรงว่าพวกเขาคงจะทำไม่เป็นหรอก!”
หลังจากนั้นรถพอร์ชทั้งสองคันขับตามกันไปที่เกรย์เบลล์ในเขตชานเมืองของออตตาวาที่มีสนามแข่งรถมิดไนท์ แดร็ก เรซซิ่งอยู่ที่นั่น
เกรย์เบลล์ถูกขนานนามว่าเป็น ‘สร้อยคอมรกตแห่งเมืองหลวง’ เป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในออตตาวา ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของเมือง ครอบคลุมพื้นที่ 18,000 เฮกตาร์และมียาวอย่างไม่ขาดสาย 45 กิโลเมตร มีถนนที่พื้นผิวเรียบและมีทางคดเคี้ยวไปมาเยอะ เหมาะแก่การใช้แข่งรถ
ผู้คนไม่กี่พันที่กำลังดูการแข่งรถผ่านจอภาพยนตร์อย่างสนุกสนาน ความจริงไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น ฉินสือโอวขับรถไปถึงชานเมืองและพบว่ามีรถจำนวนมากในสนามแข่ง มีรถสปอร์ตแค่ 60-70 คัน ส่วนใหญ่จะเป็นรถจำพวกรถเก๋งดัดแปลงธรรมดาๆ รถอเนกประสงค์ และรถออฟโรด
แต่สาวสวยที่นี่ก็มีไม่น้อยเลย นี่เพิ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมเหล่าหญิงสาวทำไมถึงสวมกระโปรงสั้นเสื้อเอวลอยแล้ว แถมยังมีผู้หญิงบางคนสวมชุดชั้นในคล้ายบิกินี่โชว์ผิวเรียบเนียนและหุ่นผอมเพรียวออกมาให้เห็นอีก
รถพอร์ชทั้งสองคันขับเข้ามา ทันใดนั้นเสียงร้องตะโกนและเสียงปรบมือดังขึ้น ฉินสือโอวยังคิดว่าตัวเองจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ดูเหมือนว่าคงไม่จำเป็นแล้ว
บทที่ 566 ทานเสร็จก็กลับ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวลงจากรถพร้อมกับพาวลิส ทันใดนั้นมีสาวฮอตสุดเซ็กซี่สวมต่างหูขนาดใหญ่คนหนึ่งชายตามองไปที่เขาด้วยความเสน่หา “โอ้โห สุดหล่อ คุณแสดงฝีมือของคุณให้ฉันเห็นได้ไหม?”
“หญิงโสเภณีอย่างเธอ อยากจะเห็นฝีมือด้านไหนของเขาดีล่ะ?” ชายหนุ่มที่มีรอยสักเต็มตัวคนหนึ่งตะโกนขึ้นตอนที่เขากำลังผ่านทางข้างๆ
สาวฮอตกลับไม่โกรธอะไร เธอเอื้อมมือไปลูบหน้าอกของฉินสือโอว แล้วใช้สายตายั่วยวนพูดขึ้น “แน่นอนว่าต้องเป็นฝีมือการขับรถของคุณสิ ส่วนอยู่ในรถทำอะไรได้บ้าง ก็แล้วแต่คุณเลย”
ฉินสือโอวถอยหลังกลับอย่างไว เขาโอบพาวลิสแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ พอดีฉันแค่พาน้องชายของฉันมาเปิดหูเปิดตาเท่านั้น ฉันไม่สนใจแข่งรถหรอก”
เบลคจึงเดินเข้ามาแล้วแตะที่สะโพกของสาวฮอตคนนั้น เธอจึงกลับส่งสายตายั่วยวนไปที่เขาแทน แต่ถูกเขาผลักออก บิลลี่ลากฉินสือโอวออกมาแล้วพาเขาไปดูการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ฉินสือโอวมองไปที่บรรยากาศรอบๆ แล้วพูดขึ้น “แม้ว่ามันจะต่างจากในหนัง แต่พูดตามตรง พวกนี้นี่น่าทึ่งมาก! ทั้งการแข่งรถ สาวสวย แชมเปญ ฮ่าฮ่า หนุ่มสาวเหล่านี้เล่นสนุกกันจริงๆ ”
บิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยาม “ถ้าเทียบกับที่ไมอามีแล้ว นี่ก็เป็นแค่งานเล็กๆ นายดูรถคลาสสิคพวกนั้นสิ ยังวิ่งบนถนนได้? อีกอย่างอย่าไปมองสาวๆ สวยๆ ที่นี่ให้เสียเวลาเลย ล้วนมีแต่พวกผอมแห้งแรงน้อยทั้งนั้น พวกเธอมาที่นี่ก็เพื่อมาจับคนรวยเท่านั้นแหละ”
ใต้แสงไฟสปอตไลต์ที่เริ่มส่องขึ้นในเวลานี้ รถที่อยู่จุดเริ่มต้นในสนามก็ยังมีไม่เยอะ รถมิตซูบิชิที่ดูไม่ออกว่าแต่งมาสองคันออกตัวด้วยเสียงที่ดังมาก กลุ่มคนที่ถือเบียร์อยู่ฝั่งนั้นก็ส่งเสียงร้องตะโกนส่งเสียง ยิ่งทำให้บรรยากาศดุเดือดมากขึ้น!
ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น มีดีเจสองคนสวมชุดหูฟังขนาดใหญ่กำลังสแครชแผ่นซีดีพร้อมกับโยกย้ายร่างกายอย่างพลิ้วไหว ชุดลำโพงไร้สายกระจายอยู่โดยรอบ ทำให้เสียงเพลงอึกทึกไปทั่วทุกที่
ฉินสือโอวและพาวลิสยืนอยู่ที่จุดเริ่มเส้นสีเขียวที่เกรย์เบลล์ รถที่จะแข่งต้องออกตัวจากจุดนี้ มีคนเห็นว่าฉินสือโอวลงจากรถพอร์ชจึงร้องตะโกนขึ้นใส่เขา “สุดหล่อ ไม่อยากลองลงแข่งสักรอบเหรอ? ฉันพนันเลยว่าคุณต้องชนะแน่!”
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ มีคนกำลังถือธนบัตรอยู่ ดูก็รู้แล้วว่าคืนนี้ต้องมีการเล่นพนันแน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้คงลำบากเข้าแล้ว เขาถามเบลคว่าตำรวจจะมาคุมไหม ตามที่เขารู้ ออนแทรีโอกับควิเบกไม่อนุญาตให้มีการเล่นพนัน
เบลคขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ตายละ พวกเขาเล่นบ้าอะไรกัน! โดยปกติแล้วเพื่อนที่รู้จักบางคนที่แข่งรถที่นี่ จะไม่มีบุคคลภายนอกมาเปิดบ่อนพนัน ถ้ามีการเล่นพนันจริงๆ ตำรวจไม่นั่งดูเฉยๆ แน่”
แม้ว่าเบลคจะพูดเช่นนั้น แต่ฉินสือโอวแค่กังวล เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เพราะการที่จะหาโอกาสดูการแข่งรถติดขอบสนามแบบนี้ไม่ได้มีมาง่ายๆ อีกอย่างฉินสือโอวยังไม่อยากรีบกลับด้วย
แน่นอนว่าพาวลิสก็ยังไม่อยากกลับเช่นกัน เขากำลังจ้องมองรถยนต์หลากหลายประเภทอย่างตาเป็นมันอยู่
ด้านหลังมีรถขับเข้ามาอีก จำนวนรถในนั้นที่เข้ามาจะขาดรถสปอร์ตยอดนิยมอย่างรถพอร์ช ลัมโบร์กินี จากัวร์ ลาเฟอร์รารี่ไม่ได้เลย
ในขณะที่ฉินสือโอวและบิลลี่ปรึกษาพูดคุยกันเรื่องรถเหล่านี้ ก็มีดอร์จชาเลนเจอร์ขับเข้ามาแล้วลดหน้าต่างลงแล้วมีคนโผล่หัวออกมาตะโกนขึ้น “สเต็มเมอร์? เฮ้เพื่อน ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เมื่อเห็นชายคนนั้น บิลลี่ก็หัวเราะขึ้น ยกกำปั้นของเขาเข้าที่หน้าต่างรถ จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูด “เดิร์ก ไอ้น้องชาย นายไม่อยู่เล่นสนุกที่ไมอามีแล้วเหรอ แล้วขับรถมาถึงออตตาวาในที่ชนบทแบบนี้ นายมาทำอะไร?”
เดิร์กหัวเราะเสียงดังลั่นขึ้น “นี่นายไม่รู้เหรอ? วันนี้ทีมสัตว์ป่าของพวกฉันจะเข้าร่วมการแข่งขันกับทีมไอซ์แมนจากออตตาวา ได้ยินว่าบ่อนที่นี่เปิดใหญ่มาก นายจะไม่ไปเล่นหน่อยเหรอ?”
พอได้ยินเช่นนั้นบิลลี่ก็ยักไหล่ใส่ “ไม่ล่ะ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบการพนัน ถ้าฉันสนใจการพนันเมื่อไร ฉันจะไปลาสเวกัสแล้วกัน”
เดิร์กหัวเราะดังลั่นขึ้นอีก “ใช่สิๆ นายไม่ชอบการพนัน แต่นายชอบผู้หญิงต่างหาก วันนี้พวกฉันพาสาวเม็กซิกันมาด้วย สวยเด็ดเผ็ดมากเลยล่ะ! ยังไง จะมาสนุกด้วยกันหน่อยไหม?”
บิลลี่โบกมือแล้วยิ้มอย่างขมขื่น “ลืมมันไปเถอะ ฉันออกจากวงการนี้แล้ว ตอนนี้ฉันแค่ต้องการหาผู้หญิงน่ารักๆ สักคนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
คนที่อยู่ในรถคิดว่าเขาพูดเล่น จึงหัวเราะเยาะใส่แล้วขับรถออกไป ท่อไอเสียสี่ท่อขนาดใหญ่ของดอร์จชาเลนเจอร์พ่นควันดำออกมาพร้อมกับเสียงแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อการพนันเริ่มขึ้นก็ทำให้ความสำคัญของกิจกรรมการแข่งรถในคืนนี้เริ่มลดลง รถสปอร์ตโหดๆ แต่ละคันเริ่มส่งเสียงขึ้นในขณะที่กำลังแล่นลงถนน ทันทีหลังจากนั้นเสียงก็เงียบหายไป
ฉินสือโอวเริ่มกังวลว่าจะถูกตำรวจคุมตัว สรุปคือในขณะที่การแข่งขันเริ่มขึ้น การพนันใต้โต๊ะก็เริ่มขึ้นทันที หลังจากตำรวจจราจรในพื้นที่ออตตาวามาถึงก็ช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยและไม่ได้ก้าวก่ายการแข่งขัน
แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ฉินสือโอวจึงซื้อเครื่องดื่มราคาแพงมามากมาย เช่น โคล่าและเกเตอเรดมา แล้วทั้งสี่คนทั้งดื่มทั้งพูดคุยเรื่องแข่งรถด้วยกัน
อย่างที่บิลลี่พูด ในระหว่างนั้นมีหญิงโสเภณีเข้าหาพวกเขาไม่หยุด แต่ฉินสือโอวผลักพวกเธอออกโดยอัตโนมัติ เบลคจึงลากพวกเธอมาให้บิลลี่แทน ผลคือบิลลี่ก็ไม่ลังเลที่จะผลักออกไปเช่นเดียวกัน
“นี่เพื่อน นายไม่ได้ทำผิดใช่ไหม?” เบลคมองไปที่บิลลี่อย่างตกตะลึง
บิลลี่ยิ้มพร้อมกับดื่มเครื่องดื่ม “ฉันเปลี่ยนไปแล้วนะ ฉันไม่สนใจอะไรกับชีวิตที่ยุ่งเหยิงแบบนี้แล้ว เรียนรู้จากฉินไม่ดีกว่าเหรอ? ดูเขากับวินนี่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วนายไม่อิจฉาบ้างเหรอไง?”
เบลคบ่นพึมพำว่าฉันไม่อิจฉาหรอก จะหาผู้หญิงที่ถูกใจสักคนก็แค่ลากขึ้นรถแล้วไปเลยง่ายกว่า ฉินสือโอวจึงแอบด่าเบาๆ ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะมาดูแข่งขันแบบนี้ พวกเธอมาที่นี่ก็เพื่อมาอ่อยเท่านั้นแหละ”
ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ดังอึกทึก การแข่งขันก็สิ้นสุดลง ฉินสือโอวดูเวลาและเห็นว่าดึกมากแล้วจึงพาพาวลิสกลับ
ทำให้เมื่อรถกำลังแล่นขึ้นบนทางหลวงในเมืองอยู่นั้นก็พบเข้ากับจุดตรวจของกลุ่มตำรวจจราจรเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เท่านั้นไม่ได้มีการตรวจอย่างอื่น
ยังดีที่ฉินสือโอไม่ได้ดื่มมา เขาดื่มเพียงเครื่องดื่มธรรมดาที่ไม่ใช่เบียร์หรือแชมเปญ เมื่อเขาเป่าแอลกอฮอล์เสร็จก็แล้วไป
มีรถยนต์หลายคันจอดอยู่ทั้งสองข้างทางถนน มีวัยรุ่นหนุ่มสาวนั่งอยู่บนถนนด้วยใบหน้าขมขื่น พวกเขาถูกตำรวจจราจรออตตาวากักตัวไว้
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าตำรวจออตตาวาไม่ใช่ไม่สนใจเรื่องการแข่งรถ แต่แค่ไม่ได้จู่โจมโดยตรง แต่กลับแทงข้างหลังแทน เล่นไม้นี้เลยเจ็บแสบมาก
การประมูลก็เข้าร่วมแล้ว แข่งรถก็เคยดูแล้ว ฉินสือโอวจึงไม่เสียดายเลยที่จะต้องเตรียมตัวกลับเมืองแฟร์เวล
ฉินสือโอวซื้อหนังสือพิมพ์มาหนึ่งฉบับตอนรับประทานอาหารเช้า เขาก็ตกใจทันทีที่เห็นพาดหัวของหนังสือพิมพ์ “101 ล้าน! รอทโกทุ่มเงินจำนวน 101 ล้านซื้อผลงานศิลปะชิ้นนี้!”
ใต้ตัวหนังสือที่พาดหัวข่าวเป็นภาพๆ หนึ่ง เป็นภาพจิตรกรรมที่ฉินสือโอวเห็นในงานจัดแสดงนิทรรศการเมื่อวานนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ภาพนี้จะถูกประมูลราคาสูงถึง 101 ล้าน…
ฉินสือโอวยากที่จะเชื่อจึงรีบไปอ่านรายงาน หนังสือพิมพ์บอกว่าภาพเขียนสีน้ำมันนี้มีชื่อว่า “Orange, Red, Yellow” เป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปินนักวาดภาพนามธรรมมาร์ก รอทโก ภายหลังมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความลึกลับ ความกระชับ ความกระตือรือร้นที่เต็มไปด้วยแรงปลุกปั่นของผลงานสีพระอาทิตย์ขึ้นนี้ กล่าวกันว่าจิตรกรปลุกเร้าอารมณ์ต่างๆ ที่ปกปิดอยู่ในใจของผู้คนและการแสวงหาความลึกลับและความเป็นนิรันดร์ผ่านภาพนี้
ด้านข้างของภาพ “Orange, Red, Yellow” ยังมีอีกภาพวาดอีกหนึ่ง “White Center (Yellow, Pink and Lavender on Rose)” ซึ่งเป็นภาพที่มีจุดสีแดงสีเหลืองและสีม่วงบนกระดาษวาดสีขาว ภาพวาดนี้เป็นเจ้าของสถิติการประมูลงานศิลปะสมัยใหม่ครั้งก่อน
ภาพนี้วาดโดยฟรานซิส เบคอน ฉินสือโอวมองดูราคา จากนั้นเขาก็โยนหนังสือพิมพ์ทิ้งอย่างตกใจ พอทานอาหารเสร็จก็รีบกลับ! ภาพนี้มีมูลค่าถึง 86,300,000 ดอลลาร์เลยเหรอ?!
บทที่ 567 ความฝันใหม่
โดย
Ink Stone_Fantasy
ระหว่างเดินทางกลับ ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์จากบัตเลอร์ โดยเขาบอกว่าหากราคาอาหารทะเลของฟาร์มต้าฉินเท่ากับราคาขายของตลาดจะทำให้ขายดีมากขึ้น หลังจากร้านอาหารหลายแห่งได้มีการลองชิมแล้วพวกเขากลับมาเลือกอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินแทนที่เดิมที่เคยรับมา
แต่เป้าหมายของบัตเลอร์ไม่ได้ต้องการเพียงแค่นี้ สิ่งที่เขาต้องการทำอีกอย่างคือการสร้างแบรนด์ด้วย
บัตเลอร์บอกกับฉินสือโอวว่าแผนการของเขาเป็นเช่นนี้ คือจะเริ่มโปรโมตในไมอามี โดยจะใช้กลยุทธ์ ‘จากบริเวณชายฝั่งทะเลทางเหนือเหนือเข้าสู่ตามทางแม่น้ำทางตะวันตก’ จากไมอามีแพร่เข้าสู่ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา จากเกาะแฟร์เวลแพร่เข้าสู่ทางเหนือของสหรัฐอเมริกา
นิวยอร์กซิตี้เป็นสถานที่ทำการทดลองที่แรก การเก็บเกี่ยวล็อตแรกทั้งหมดจะทำการจำหน่ายที่นี่ โดยในการจำหน่ายจะใช้ราคาเดียวกับตลาดเพื่อดูผลตอบรับของทางการตลาด เพียงแค่ผลตอบรับออกมาดี เมื่อถึงช่วงเก็บเกี่ยวแล้วส่งไปไมอามี จะยิ่งทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้นและอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินก็จะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ
“ทำดีมาก กลยุทธ์การขายของนายไม่มีปัญหา ทำตามนั้นได้เลย” ฉินสือโอวว่า
ยอดขายในนิวยอร์กครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าผลตอบรับออกมาดี ก่อนหน้านี้พวกเขามั่นใจมากเพราะพวกเขาเคยลองกินอาหารทะเลเหล่านี้แล้วและรู้ว่ารสชาติดี แต่ไม่เคยได้รับการทดสอบจากตลาดเลยจึงถือว่าไม่เป็นความจริง
ตอนนี้ผลการตรวจสอบจากตลาดออกแล้ว
บัตเลอร์บอกฉินสือโอวว่า รอเลือกตู้แช่แข็งและร้านค้าในไมอามีเสร็จแล้วจะมาหาเขา ทั้งสองจะร่วมลงทุนในแบรนด์นี้ด้วยกัน
หลังจากวางหูโทรศัพท์บัตเลอร์ได้ไม่นาน แอนโทนี่ ไวท์ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทบัญชีดีลอยท์สาขาออตตาวาในสาขาแคนาดาก็โทรศัพท์หาเขา บอกเขาว่าใบเสียภาษี q1 ประจำไตรมาสได้ออกมาแล้วและรายละเอียดของใบเสร็จอยู่ในกล่องจดหมายของเขา
เรื่องจุกจิกเหล่านี้กำลังจะมากองรวมกัน หลังจากฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลา เงินค่าชดเชยเกี่ยวกับเรือไดโตะโชวะมารุก็ส่งมาด้วย
เออร์บักทำตามสัญญาที่พยายามเอาเงิน 7.4 ล้านดอลลาร์แคนาดามาเป็นค่าชดเชยให้เขา ซึ่งรายได้ของสร้อยประคำที่เพิ่มขึ้นนี้ เกือบทำให้เขาจะได้เงิน 10 ล้าน
โชคดีที่เงิน 10 ล้านนี้ใช้ในการจ่ายค่าภาษีได้ สาเหตุเนื่องจากการซื้อฟาร์มปลาฟาร์มแกธเธอริง ภาษี q1 ของฉินสือโอวจึงยังคงสูงมาก
การกลับมาครั้งนี้ ฉินสือโอวได้ใช้ชีวิตอยู่บ้านอย่างมีความสุขในฤดูใบไม้ผลิ แสงแดดในช่วงเดือนพฤษภาคมสว่างไสวมากจริงๆ อุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่อมองดูคลื่นมากมายท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็ทำให้ฉินสือโอวหยิบสเกตบอร์ดขึ้นมาอีกครั้ง
สำหรับกีฬาผาดโผน เบิร์ดผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางได้ชำนาญกว่านีลเซ็น เขาขับเรือยนต์ลากฉินสือโอว ลอยบนผิวน้ำทะเลอย่างรวดเร็วและหลบคลื่นลูกใหญ่อย่างต่อเนื่อง ฉินสือโอวที่โยกย้ายไปมาอยู่ข้างหลังนี้ทั้งปลอดภัยทั้งตื่นเต้น
เมื่อไปถึงความลึกของน้ำประมาณ 100-200 ร้อยเมตร โลมาฝาปากขวดก็ปรากฏขึ้นข้างๆ พวกเขา
พวกมันกระโดดขึ้นจากน้ำ ส่งเสียงร้องจี๊ดจี๊ดข้างๆ ฉินสือโอว และไล่ตามเรือยนต์ที่กำลังไปข้างหน้า พวกมันกระโดดขึ้นผิวน้ำไม่หยุด ทำให้เห็นร่างกายมันวาวและลวดลายของมันภายใต้แสงแดด
ฉินสือโอวลื่นไถลในน้ำจนเหนื่อย นีลเซ็นที่อยู่ใกล้ๆ จึงขับเรือลาดตระเวนเข้าไปใกล้เขาอย่างรวดเร็วและยื่นมือดึงเขาขึ้นมา
“รู้สึกยังไงบ้างบอส?” นีลเซ็นถามพร้อมกับส่งผ้าขนหนูให้เขา
ฉินสือโอวหัวเราะดังขึ้น “มันเยี่ยมมาก อย่างกับตัวร้ายในหนังยังไงอย่างนั้น ทั้งสกีน้ำ ทั้งไวน์…”
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้แล้วฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะลูบท้ายทอยของเขา แล้วถามนีลเซ็นด้วยความสงสัยว่า “นายเคยสังเกตไหมว่า ฉันทำงานสะเพร่า? หรือจะพูดง่ายๆ คือไม่มีแผน ไม่มีความคิด?”
นีลเซ็นลูบที่จมูกแล้วพูดขึ้น “ก็บอสมีเงิน”
กล่าวนัยๆ คือเขายอมรับว่าฉินสือโอวทำงานแบบขาดการวางแผนจริงๆ
ฉินสือโอวมองไปที่ไวน์แล้วถอนหายใจ “โอ้แม่เจ้า เขารีบหันไปมองหาที่ดินผืนหนึ่งในฟาร์มปลา เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้วฉันตัดสินใจที่จะทำไร่องุ่นและทำไวน์ ฉันเกือบพลาดโอกาสดีๆ แล้ว!”
นีลเซ็นหยิบเครื่องส่งรับวิทยุที่ติดตั้งบนเรือลาดตระเวนแล้วพูดกับฝั่งตรงข้าม “คำสั่งใหม่จากบอส ให้เช่ารถขุดอเนกประสงค์ในเซนต์จอห์นมาหนึ่งคัน แล้วถมที่ดินเพื่อเปิดไร่องุ่น”
ในหอคอยของสนามบินจะมีคนคอยอยู่เวรเฝ้าดูแลสถานีวิทยุทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อได้รับข่าวจากนีลเซ็นจะรีบบันทึกไว้ทันที
แม้ว่าฉินสือโอวจะมีเงินเยอะแต่ก็ไม่ได้ใช้ให้เปล่าประโยชน์ นอกจากมีสถานีวิทยุ ฟาร์มปลาทั้งหมดของเขายังเชื่อมต่อกับเครือข่ายทั้งหมด เพียงแค่หาคลื่นความถี่เจอ เขาก็สามารถติดต่อกับใครก็ได้ในพื้นที่ฟาร์มปลา
ฉินสือโอวนั่งอยู่ที่บอร์ดสั้นท้ายเรือแล้วเหยียดเท้าแกว่งไปมาในน้ำ บีนว่ายน้ำมา มันอ้าปากขึ้นโผล่เหนือน้ำแล้วจะงับเข้าที่ขาของเขา ด้านหลังของไอซ์สเกตก็อ้าใบมีดออกมาเพื่อเล่นด้วยกันกับพวกมัน ฉินสือโอวตกใจกลัวจึงรีบดึงขาอย่างไว
ได้โปรด คุณน่าจะเป็นฉลามเสือทราย ในปากนั่นไม่ใช่ฟันแต่มันเป็นดาบ!
ทันใดนั้นคลื่นทะเลก็ซัดกระทบข้างๆ เรือยอร์ช คลื่นกระทบไปมาทั้งสองฝั่งแล้วมีกระแสน้ำทะลักออกมา
ตัวของมันโผล่ขึ้นมาอย่างช้าๆ ส่วนหลังของมันเป็นสีเทาเข้ม มีลวดลายเล็กน้อย หัวของมันแบนราบและมีน้ำพ่นออกมาจากรูระบายอากาศทั้งสองรูบนหัวของมัน
ฉินสือโองนั่งยองๆ มองดูมันบนดาดฟ้าของเรือ ตัวมันมีความยาวประมาณยี่สิบเมตร หลังจากที่ลอยขึ้นผิวน้ำ มันจะมีรูปร่างเหมือนเกาะเล็กๆ แม้ว่าจะเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า ไม่คล่องแคล่ว แต่มันยังมีแรงบีบรัดที่แข็งแรง
“เป็นวาฬน้ำเงินที่ตัวใหญ่มาก”นีลเซ็นผิวปากใส่ฉินสือโอว
ไม่แปลกที่วาฬสีน้ำเงินจะปรากฏในน่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ วาฬชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่บริเวณจุดตัดของน้ำอุ่นและน้ำเย็น เพราะโดยปกติที่แบบนี้มักจะอุดมไปด้วยแพลงก์ตอนและสัตว์จำพวกกุ้งเล็ก หมึกสาย หมึกกระดองปลาวาฬสีน้ำเงินมักจะกินสัตว์พวกนี้เป็นอาหาร
หลังจากที่ปลาวาฬสีน้ำเงินตัวนี้ผุดขึ้นมาราวกับว่ามันเป็นเกาะเล็กๆ เวลาที่ไม่ขยับ พวกมันว่ายน้ำได้ดี อย่ามองว่าเหมือนจะเงอะงะไม่คล่องแคล่ว แต่อันที่จริงแล้วหางของพวกมันคล่องแคล่วมากซึ่งสามารถช่วยให้พวกมันว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายสองสามรูป แล้วยิ้มพร้อมพูดกับนีลเซ็น “ดูสิ ฟาร์มปลาของเราจะกลายเป็นดินแดนแห่งการดูวาฬได้ไหม?”
นีลเซ็นยักไหล่ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ถ้าเลือกได้ ผมไม่ยอมให้บอสทำหรอก คุณต้องเข้าใจว่าความสามารถในการกินของวาฬเหล่านี้มันมีเยอะมาก พวกมันสามารถกินอาหารได้มากกว่าสองตันต่อวัน! พระเจ้า พวกมันเป็นมือสังหารฟาร์มปลาชัดๆ!”
ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้ดี แต่เขาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเลย เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าเขาควรจะเอาวาฬ ฉลามและโลมาที่กินเยอะๆ พวกนี้ออกไปดีไหม ถ้าเป็นอย่างที่นีลเซ็นพูดจริง พวกมันคงเป็นพวกที่กินจุมาก
แต่หลังจากที่วิเคราะห์ได้แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น ฟาร์มปลามีกว้างใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าจะไม่ใช้น้ำจากฟาร์มปลา ก็เพียงพอต่อการเลี้ยงพวกมัน ยิ่งกว่านั้น กุ้ง หมึกกระดองและหมึกสายที่เขานำมาลงทุนในฟาร์มปลานั้นก็มีมากมาย สาหร่ายก็อุดมสมบูรณ์พอที่จะรองรับระบบนิเวศน์ขนาดใหญ่นี้ได้
หลังจากที่มีหัวใจของโพไซดอน ยิ่งได้รับประโยชน์มากขึ้น ฉินสือโอวก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องทำอะไรบางสิ่งเพื่อมหาสมุทรบ้าง
หัวใจของโพไซดอนไม่ได้มีไว้ให้ทำตัวเป็นเจ้าถิ่นอันธพาล ไม่ได้มีไว้ให้เขาจับสัตว์ในน้ำไปขายแล้วเอาเงินมาใช้ได้ตามอำเภอใจ เพราะตอนนี้เขามีสิ่งนี้ ชีวิตของเขาก็ดีพอแล้ว ถ้าจะลงทุนเงินเพียงเล็กน้อยให้กับมหาสมุทรบ้างจะเป็นไรไป?
ความฝันเขาเคยฝันไว้คือการควบคุมตลาดอาหารทะเลในแคนาดาฝั่งตะวันออกทั้งหมด ถ้าตามการเก็บเกี่ยวผลผลิตในตอนนี้ ความฝันนี้ก็กำลังจะสำเร็จ
จากนั้น ความฝันของเขาเปลี่ยนไปเป็นจักรพรรดิแห่งทะเล! เพื่อควบคุมทั้งผืนดินและผืนน้ำ!
ดังนั้นหลังจากวาฬ โลมาและฉลามเหล่านี้มาถึงฟาร์มปลา พวกมันจะได้อยู่ที่นี่ พวกมันมีถิ่นกำเนิดในมหาสมุทร ฉินสือโอวจึงไม่สามารถก้าวก่ายการเลือกที่อยู่อาศัยของพวกมันได้
บทที่ 568 ฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงและฟาร์มปลาสำหรับพักผ่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เดิมทีฉินสือโอวต้องการที่จะลอยน้ำอยู่ในทะเลต่ออีกสักพัก แต่แซ็กแจ้งให้เขาทราบทางวิทยุว่ามีคนมาหาเขาที่ฟาร์มปลา ให้เขารีบกลับมา
เรือลาดตระเวนรีบแล่นกลับไปที่ท่าเรืออย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวเปลี่ยนเสื้อผ้าบนชายหาดแล้วเข้าไปในวิลล่า เขาเห็นมีคนสี่ห้าคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก
“ขอโทษนะครับ พวกคุณคือใคร?” ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่คุ้นหน้าคนเหล่านี้
ชายหัวโล้นวัยกลางคนลุกขึ้นยืนแล้วจับมือเขาพร้อมแนะนำตัว “คุณฉิน สวัสดีครับ เราเป็นเจ้าของฟาร์มปลาเหมือนกันกับคุณ แต่ฟาร์มของเรามีขนาดเล็กกว่าของคุณมาก”
นิวฟันด์แลนด์เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ มีเกาะเล็กๆ กระจายเป็นหย่อมๆ อยู่รอบๆ เกาะแฟร์เวลก็เป็นอีกหนึ่งเกาะที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ก็มีเกาะเล็กๆ อยู่อีกหลายแห่ง ซึ่งของเกาะเล็กๆ รอบๆ เหล่านี้ล้วนเป็นฟาร์มปลาที่มีคุณภาพ
ฉินสือโอวรีบตอบกลับทันที ที่แท้ก็เพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันนี่เอง ยินดีที่ได้พบคุณ ชายหัวโล้นวัยกลางคนแนะนำคนที่เหลือต่อ เขาชื่อ แอนดรูว์ ทัคเกอร์ อีกสี่คนก็เป็นเจ้าของฟาร์มปลาเช่นเดียวกันและยังเป็นเพื่อนของเขาอีกด้วย
การพูดคุยเกี่ยวกับงานระหว่างเจ้าของฟาร์มปลาราบรื่นมาก แอนดรูว์ไม่อ้อมค้อม เขาพูดตรงเข้าประเด็น “คุณฉิน เรารู้ว่าคุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะรวยเป็นเศรษฐีขนาดนี้ ซึ่งต่างจากคนอื่น ที่คุณซื้อฟาร์มปลาก็เพราะคุณต้องการดูแลมันจริงๆ”
คนอื่นๆ ค่อยๆ พยักหน้าคล้อยตาม เพราะชื่นชมฉินสือโอวในจุดนี้
ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่นว่ามีอะไรให้น่าชื่นชมกัน? ที่เขาซื้อฟาร์มปลาเพราะเดิมคิดว่าการทำอาชีพประมงต้องใช้เพาะเลี้ยง ไม่อย่างนั้นจะซื้อฟาร์มปลาไปทำไม?
แอนดรูว์ยังพูดต่ออีกว่าฉินสือโอวเข้าใจจุดประสงค์ของเขาที่มาที่นี่
เมื่อก่อนจุดประสงค์ของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์คือผลผลิตจากการเก็บเกี่ยว ในตอนนั้นฟาร์มปลาส่วนตัวมีเพียงไม่กี่แห่ง เนื่องจากปลาในทะเลมีมากเหลือเฟือจึงไม่จำเป็นต้องสร้างฟาร์มปลาขึ้นเพื่อเพาะเลี้ยง
อีกทั้ง รัฐบาลแคนาดาก็ทำงานไม่ได้เรื่อง เมื่อฟาร์มปลาทำเงินได้จำนวนมาก เขาจะควบคุมทรัพยากรไว้เอง จากนั้นฟาร์มปลาก็ค่อยๆ ลดลง แล้วเขาก็เริ่มเปิดธุรกิจขายออก
โชคดีที่เวลานี้ชาวประมงมีความคิดเกี่ยวกับการฟาร์มปลาส่วนตัวมากขึ้น ฟาร์มปลาขนาดใหญ่ในประเทศนับไม่ถ้วน เพียงแค่สามารถลงทุนทำประมงเองได้แล้วจากนั้นก็หารายได้จากการจับปลา ฟาร์มปลาส่วนตัวดังกล่าวเรียกว่า‘ฟาร์มปลาเพาะเลี้ยง’
การซื้อฟาร์มปลาในช่วงนั้นส่วนใหญ่จะเป็นชาวประมงที่ร่ำรวย แต่ถึงจะมีเงินมากก็ไม่สามารถแบกรับการลงทุนที่มีช่องโหว่แบบนี้ได้ ดังนั้นฟาร์มปลาหลายแห่งจึงต้องล้มละลายปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก
ในช่วงเวลานี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของแคนาดาเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยกระบวนการทำให้เป็นเมืองและการพัฒนาอุตสาหกรรม มลพิษในเมืองกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคนมีเงินจำนวนมากจึงหันไปชอบวิลล่าติดชายหาดหรือบ้านติดวิวทะเลมากขึ้น
โดยปกติแล้ว ช่วงนี้ฟาร์มปลาจะถูกตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ควบคุม พวกเขาสร้างฟาร์มปลาเพื่อบังหน้า แต่เบื้องหลังกลับเปิดเป็นที่อยู่อาศัย ยิ่งมีเงินมากขึ้นอีกหน่อยก็สามารถซื้อที่ฟาร์มปลาและสร้างวิลล่าเพื่ออยู่อาศัยได้โดยตรง
ฟาร์มปลาประเภทนี้เรียกว่า ‘ฟาร์มปลาสำหรับพักผ่อน’
ไม่สงสัยเลยว่าเหล่าคนรวยและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อฟาร์มปลาไปไม่ได้ต้องการเพาะเลี้ยงปลาจริงๆ พวกเขาแค่ต้องการใช้เวลาส่วนตัวไปกับชายหาดส่วนตัวเท่านั้น พวกเขาจัดการดูแลบ้านและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติอย่างเอาใจใส่ แต่สำหรับการลงทุนกับฟาร์มปลานั้นแทบจะไม่มีเลย
เช่นเดียวกับฟาร์มปลาแกธเธอริงอันโหดร้าย ไม่ต้องพูดถึงการลงทุนในฟาร์มปลา แค่พวกเขาไม่ทำลายฟาร์มปลาก็ดีมากแล้ว
แต่ฟาร์มปลาส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกันทั้งหมด เป็นเรื่องธรรมดาที่ปลาในฟาร์มจะไปอยู่ที่ฟาร์มปลาข้างบ้าน นอกจากนี้การเลี้ยงปลาไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาหารปลาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังต้องลงทุนกับเมล็ดสาหร่ายเพื่อสร้างห่วงโซ่อาหารที่มีความสามารถในการหมุนเวียนเองอีกด้วย
เมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นแล้ว ฟาร์มปลาที่เหล่าชาวประมงลงทุนด้วยเงินจำนวนมากในการเพาะเลี้ยงนั้น เดิมฟาร์มปลาส่วนตัวข้างบ้านไม่กี่แห่งไม่มีการเคลื่อนไหวเลยที่ปลาของตัวเองมักจะไปที่ฟาร์มอื่น แต่นี่เป็นความเสียหายมากแค่ไหน?
นอกจากนี้การเจริญเติบโตที่ดีของปลาไม่เพียงแต่ต้องการอาหารเท่านั้น แต่ต้องมีการควบคุมโรคอีกด้วย
ชาร์ค ทำไมพวกเขาออกเรือเป็นกลุ่มทุกวัน? เพราะปลาทะเลในฟาร์มปลาทุกวันนี้ล้วนตายเพราะติดเชื้อ หากปลาเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำจัดออกไปก็จะทำให้เป็นแหล่งที่มาของการติดเชื้อและก่อให้เกิดเชื้อโรค
แต่ก็ไม่ได้หวังว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐีเจ้าของฟาร์มปลาเหล่านั้นจะมาดูแลเรื่องนี้ พวกเขาซื้อฟาร์มปลาก็เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศเท่านั้น ถ้าปลาและกุ้งในฟาร์มตายหมดแล้วยิ่งดี เพราะถ้าเป็นแบบนี้ฟาร์มปลาจะสามารถกลายเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ได้
ดังนั้น ความขัดแย้งระหว่างฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงและฟาร์มปลาสำหรับพักผ่อนจึงเกิดขึ้น
ชาวประมงเหล่านี้มาหาฉินสือโอว เพราะต้องการให้เขาเป็นผู้นำ เรียกร้องให้เหล่าเจ้าของฟาร์มปลามาร่วมกันทำขบวนประท้วงให้กรมการประมงเปลี่ยนกฎระเบียบเกี่ยวกับการจัดการฟาร์มปลา
เมื่อก่อนกลุ่มชาวประมงมืออาชีพก็มีขบวนกิจกรรมที่คล้ายๆ กับแบบนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้งนี้กรมการประมงจึงได้เพิกถอนฟาร์มปลาแกธเธอริงออกเพื่อให้พวกเขาได้ถึงเห็นความหวัง
เมื่อเข้าใจความหมายของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวก็ยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง แคนาดาเป็นสังคมระบบทุนนิยม แม้ว่าจะเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย เสรีภาพและความเท่าเทียมมากแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วประเทศนี้เป็นของคนรวยและความคิดเห็นของชาวประมงเหล่านี้ก็ไม่ได้มีความเชื่อถือมากนัก
“ขอเพียงแค่กรมการประมงยอมที่จะประกาศกฎระเบียบบางอย่าง เช่นจำนวนเงินที่จำเป็นสำหรับการลงทุนทุกปีในฟาร์มปลา ฉันพนันได้เลยว่ามันจะทำให้พวกเศรษฐีเก็บอาการไม่อยู่แน่ๆ” แอนดรูว์กล่าว
ชาวประมงอีกคนบ่นขึ้น “มันไม่ใช่แค่อาชีพประมง หลังจากพวกเศรษฐีซื้อฟาร์มปลาไปแล้ว ก็เริ่มใช้มันไปในทางที่ผิด ตายละ พวกเขามักจะพูดว่าพื้นที่ส่วนตัวหรือฟาร์มปลาส่วนตัวไม่ได้รับอนุญาตให้ละเมิดอยู่แล้ว แต่เมื่อฉันจับฝูงปลาแล้วฝูงปลาไปยังพื้นที่ฟาร์มของคุณ แบบนี้มันไม่ได้!”
นี่คือความขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองฝ่าย เจ้าของฟาร์มปลาเพาะเลี้ยงอนุญาตให้เพื่อนบ้านมาจับปลาที่ฟาร์มของตัวเองได้ การจับปลาไม่ใช่การล่าสัตว์ บางครั้งการจับฝูงปลาในทะเลมันไกล สุดท้ายปลายทางสิ้นสุดอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครบอกได้
ดังนั้นอยู่ในทะเลจึงมีกฎข้อหนึ่งคือฝูงปลาฝูงหนึ่งจะเป็นของใคร ไม่ใช่ดูจากว่าสุดท้ายมันถูกจับมาจากที่ไหน แต่ให้ดูว่าเจอมันจากที่ไหน
“ก็คือ พวกเขายังคงเฉยเมยไม่สนใจ เจอมรสุมก็ยังไม่ยื่นมือมาช่วยเหลือ!” อีกคนหนึ่งบ่นขึ้น
ฉินสือโอวจึงพูดขึ้น “ฉันว่า วิธีการแก้ไขปัญหานี้ทางที่ดีควรให้ฟาร์มปลาข้างบ้านคุยกันเองน่าจะดีกว่า เรื่องแบบนี้ความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนของกรมการประมงกับรัฐบาลมีไม่มากนัก”
แอนดรูว์เข้าใจสิ่งที่เขาจะอธิบายและไม่พูดอะไรมาก เพียงแต่บอกเขาว่าพวกเขาจะจัดขบวนประท้วงขนาดใหญ่ในระยะนี้
ฉินสือโอวยักไหล่พร้อมพูดขึ้น “หลังจากยืนยันเวลาและสถานที่ที่แน่ชัดแล้วแจ้งให้ฉันทราบ ฉันจะเข้าร่วมด้วย”
เรื่องบางเรื่องรู้ว่าจะจบเช่นไรแต่ก็ยังอยากจะทำต่อไป
หลังจากส่งเหล่าชาวประมงกลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็ค้นหาสถานการณ์การประมงและฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ในอินเทอร์เน็ต
หลังจากผ่านการฟื้นฟูมามากกว่าสองทศวรรษ สถานการณ์ของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ยังคงไม่ดีขึ้นมากนัก!
จนถึงตอนนี้ การห้ามจับปลาได้ดำเนินการมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ทั้งหมดยังคงเหมือนกับน้ำนิ่ง เป็นเรื่องยากที่จะเห็นกลุ่มปลาที่หาได้ยากจำพวกปลาค็อดแอตแลนติกและปลาแฮดดัค
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กลุ่มปลาขนาดใหญ่จำนวนมากไม่เพียงแต่ยังไม่ฟื้นตัวหลังจากถูกสั่งห้ามจับปลา แต่กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง มีการกล่าวกันว่ากรมการประมงกำลังหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการปิดพื้นที่จับปลาในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์และฟาร์มปลาบริเวณฝั่งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์
การลักลอบจับปลาที่ควบคุมไม่ได้ในช่วงนั้น ไม่เพียงทำลายฝูงปลาเท่านั้น แต่ยังทำลายระบบนิเวศอีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้สายพันธุ์ปลาจำนวนมากเปลี่ยนพฤติกรรม จนกระทั่งทำให้เกิดการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม
นี่คือสาเหตุที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ยังไม่สามารถฟื้นฟูทรัพยากรการประมงได้ ปลาทะเลในตอนนี้ไม่ เหมือนปลาเมื่อห้าสิบปีที่แล้วอีกต่อไปแล้ว!
บทที่ 569 ฟาร์มปลาทางเหนือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฉินสือโอวให้ความสนใจเกี่ยวกับข่าวสถานการณ์ของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์มาตลอด ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่ค้นหาก็ไม่รู้เลย พอมาตอนนี้ได้มาลองค้นหาดูแล้วถึงกับตกใจจริงๆ
ถ้าไม่ใช่ฉินสือโอวมีหัวใจโพไซดอนที่เป็นจุดบกพร่อง จึงทำให้เขามาฟาร์มปลาที่นิวฟันด์แลนด์เป็นการหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ…
ฟาร์มปลาที่เคยสำคัญสี่แห่งในเมื่อก่อน ปัจจุบันนี้ชื่อเสียงเหล่านั้นหายไปตามกาลเวลาแล้ว ดังนั้นการประมงของแคนาดาจึงต้องอาศัยการจับปลานอกชายฝั่งทะเลแทนถึงจะประคับประคองอยู่ได้
แต่ฉินสือโอวมีข้อสงสัยอยู่หนึ่งอย่างคือเมื่อพวกเขารอไปจับปลานอกชายฝั่งทะเลแล้วจับไม่ได้จะทำอย่างไร? ไปจับปลานอกโลกเหรอ?
เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉินสือโอวสักนิด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลกระทบกับเขา
ความตกต่ำของการทำประมงแถบชายฝั่ง นำไปสู่การลดลงของรายได้ในกลุ่มชาวประมงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นกลุ่มชาวประมงจึงต้องการหารายได้เพิ่มซึ่งวิธีที่สามารถทำได้คือไปอาศัยฟาร์มปลาส่วนตัว และตอนนี้ฟาร์มปลาต้าฉินก็กำลังมีชื่อเสียงแพร่หลายในสังคม
การติดตั้งอุปกรณ์ฟาร์มปลาจึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนแล้ว
คำขอติดตั้งไกอา S100SEA เรดาร์ เพิ่งผ่านการทดสอบ และยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือนถึงจะเริ่มการใช้งานได้ แต่มันไม่มีประโยชน์ต่อการป้องกันการบุกรุกฟาร์มปลา
ฉินสือโอวเริ่มพิจารณาคำแนะนำของเบิร์ดอย่างจริงจังว่าการซื้อของจำพวกถังดับเพลิงและจรวดดับเพลิง ถ้าหากว่ารับมือได้ พวกมันสามารถป้องกันการรุกรานได้ ซึ่งมันเพียงพอสำหรับฟาร์มปลา
บังเอิญที่ปลายเดือนพฤษภาคมจะมีการจัดแสดงนิทรรศการชุดอุปกรณ์ดับเพลิงที่มอนทรีออล ซึ่งวินนี่ได้ลองค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตและเห็นว่าการจัดนิทรรศการชุดอุปกรณ์ดับเพลิงในครั้งนี้จะจัดขึ้นทั่วโลกมีอย่างน้อย 50 ประเทศทั่วภูมิภาคที่จะเข้าร่วม
ก่อนที่จะไปงานจัดแสดงนิทรรศการอุปกรณ์ดับเพลิง ฉินสือโอวต้องสร้างไร่องุ่นในฟาร์มปลาก่อน
พื้นที่โล่งในฟาร์มปลามีค่อนข้างมาก แต่ในทางตรงกันข้ามที่นี่เป็นทะเลอันกว้างใหญ่สำหรับการทำฟาร์มปลาไม่ใช่สำหรับการทำไร่ทำสวน
ที่ดินที่ดีที่สุดในทางภูมิศาสตร์อยู่ที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท ฉินสือโอวเลือกสถานที่ที่ห่างจากริมฝั่งทะเลประมาณห้าหกร้อยเมตร ซึ่งที่ตรงนั้นเป็นที่ราบสูงเล็กๆ มีขนาดประมาณ 150 กว่าหมู่
มากกว่า 100 หมู่ พอได้ยินแล้วมันยอดเยี่ยมมาก แต่จริงๆ แล้วก็แค่หนึ่งในสิบของตารางกิโลเมตร ถ้าปลูกองุ่นที่ให้ผลผลิตสูง หนึ่งหมู่จะสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณสองพันกิโลกรัม หักค่าความเสียหายแต่ละอย่างแล้ว ผลผลิตของไร่องุ่นผืนนี้จะอยู่ที่ประมาณสองร้อยตัน
ซึ่งตอนนี้ฉินสือโอวเริ่มวางแผนการทำฟาร์มปลาแล้ว โดยใช้วิธีการทำนองเดียวกัน
เขาวางแผนที่จะพัฒนาฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอทให้เป็นที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ไร่องุ่น สวนผักและฟาร์มเพาะพันธุ์ขนาดเล็ก จนกระทั่งทำพื้นที่การเกษตร ทั้งหมดนี้ล้วนถูกจัดวางในพื้นที่เดิมของฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท
ฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดก็ใช้เพื่อสร้างสวนขนาดใหญ่ บังเอิญที่สนามบินเป็นอาณาเขตของฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท แบบนี้จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีนกบินผ่านมารบกวนช่วงที่เครื่องบินจะลงจอดหรือช่วงที่เครื่องกำลังบินขึ้นฟ้า
ฉินสือโอวนึกถึงประโยชน์ของฟาร์มปลาแกธเธอริงยังไม่ออก แต่วิธีการจัดการที่ดีที่สุดก็คือการสร้างวิลล่า
ซึ่งมีการวางรากฐานแล้วและวัสดุก่อสร้างจำนวนมากก็เก็บไว้ในโกดังของฟาร์มปลา แต่ฉินสือโอวไม่ได้สนใจสิ่งนี้ สร้างวิลล่าตั้งสี่สิบกว่าหลัง สร้างแล้วจะให้ใครอยู่? สร้างให้ใครดู? อีกอย่างต้องดูแลอีก… ซึ่งต้องใช้เงินทั้งนั้น
ยิ่งกว่านั้นเขาไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาพักที่ฟาร์มปลาของเขาด้วย ความต้องการพื้นที่ส่วนตัวของผู้ชายบางครั้งก็มีมาก
เมื่ออยากได้อะไรก็ต้องมีสิ่งนั้น ฉินสือโอวให้ชาร์คไปติดต่อเรื่องการปลูกองุ่น เขาอยู่ในบ้านกับวินนี่ เออร์บักก็ออกแบบแผนฟาร์มปลา ซึ่งอยู่ๆ ตอนนี้ข้างนอกก็มีเสียงร้องของหู่จือกับเป้าจือดังขึ้น
ฉินสือโอวจึงออกไปดู และเห็นชายผิวขาวสองคนใส่ชุดสูทรองเท้าหนังยืนอยู่หน้าประตู หู่จือกับเป้าจือจึงร้องคำรามอย่างเกียจคร้าน แทนที่จะทำให้พวกเขาตกใจกลัวแต่พวกมันกลับแค่ส่งเสียงบอกให้คนในบ้านรู้
ฉินสือโอวตีขาพวกมัน ทั้งสองจึงค่อยๆ เงียบลงแล้วไปนอนหมอบที่ใต้เงาไม้ของต้นเมเปิล
ช่วงฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงวิเศษมาก ในยามค่ำคืนต้นแพร์จะบานสะพรั่ง ฉินสือโอวจำได้ว่าครั้งก่อนตอนที่เขาไปเก็บเมเปิลไซรัปบนต้นยังคงแห้งเฉาอยู่ จนตอนนี้เพิ่งจะเห็นว่า ใบอ่อนของมันได้เติบโตแตกใบแล้ว
เมื่อมองไกลๆ บนเทือกเขาเคอร์บัล ต้นไม้เต็มไปด้วยสีเขียวชอุ่มไปหมดทำให้ดึงดูดให้สนใจจริงๆ
ฉินสือโอวเดินออกไปต้อนรับพร้อมถามขึ้นว่า “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองมาหาใคร?”
ชายคนที่อยู่ข้างหน้ายื่นมือของเขาออกมาอย่างสุภาพและพูดด้วยความยิ้มแย้ม “เรามาหาคุณ คุณฉิน เราเคยเจอกันเมื่อไม่นานมานี้ บางทีคุณอาจจะจำไม่ได้ แต่เราเคยเจอกันที่ศาลสูง”
ไม่ทันไรฉินสือโอวก็นึกออกทันที จริงๆ แล้วพวกเขาทั้งสองก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา น่าจะเคยเจอกันที่ศาลตอนที่ไปประมูลฟาร์มปลาแกธเธอริง ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็คงเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
“ผมชื่อเฮย์วู้ด บาลซัก เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของฟาร์มพเนจร รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้มาพบคุณ” ชายคนที่อยู่ข้างหน้าแนะนำตัวเองเมื่อจับมือกับฉินสือโอว
ฉินสือโอวรู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร พวกเขาเพียงแค่สนใจวิลล่าในฟาร์มปลาแกธเธอริงเท่านั้น เขาจึงเตรียมคำพูดปฏิเสธที่จะไม่ให้สองคนนั้นเข้ามาในฟาร์ม
ห่านขาวสี่ห้าตัวที่เดินไปมาอยู่รอบๆ นั้น เห็นชายแปลกหน้าสองคนจึงเดินปรี่เข้ามารวมตัวกันเพื่อมุ่งเข้าโจมตี
หู่จือและเป้าจือจึงก็รีบวิ่งเข้ามาเช่นเดียวกัน เฮย์วู้ดเห็นแลบราดอร์ทั้งสองตัวที่แข็งแรงกำลังจะเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาได้แต่ยิ้มแห้งและพูดขึ้น “สุนัขของคุณช่างฉลาดว่องไวดีจริงๆ”
ฉินสือโอวยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไร หู่จือและเป้าจือวิ่งเข้ามาก็เพื่อไล่ห่านขาว คุณคิดว่าพวกมันวิ่งมากัดคุณเหรอ? ถ้ามันจะกัดพวกคุณจริงๆ ทักษะของหู่จือและเป้าจือจะไม่ทำให้ผู้คนสังเกตเห็นได้หรอก
หลังจากเข้ามาในบ้าน เฮย์วู้ดยังต้องการพูดบางอย่างด้วยความเกรงใจ ฉินสือโอวจึงไตร่ตรองคำพูดแล้วจึงพูดออกไป “ทำไมไม่ลองพูดออกมาตรงๆ ดูล่ะ ผมรู้จุดประสงค์ของพวกคุณ พวกคุณต้องการร่วมพัฒนาฟาร์มปลาแกธเธอริงกับผมใช่ไหม? แต่ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่สนใจร่วมมือกับพวกคุณ”
ใช่ นี่คือคำพูดที่เขาคิดมาตลอดก่อนจะพูดออกไป ทั้งเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องดูแลความรู้สึกของใครมากเกินไปเพื่อต้องรักษาหน้าทุกฝ่าย
เมื่อฐานะสูงขึ้น วิธีการก็ย่อมสูงขึ้น
เฮย์วู้ดยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดขึ้นว่า “คุณฉิน ทำไมคุณไม่ลองฟังราคาที่เราจะเสนอก่อนล่ะ? เท่าที่ผมรู้คุณไม่ได้สนใจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็จริง แต่ฐานของวิลล่าในฟาร์มปลาก็ได้วางแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราจะซื้อในส่วนของที่ดินฟาร์มปลาแล้วคุณก็ถือครองในส่วนของทะเล แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ?”
ฉินสือโอวไม่สนใจฟังราคาที่พวกเขาเสนอ ในมือของเขายังมีเงินทุนอยู่หนึ่งร้อยล้าน แล้วทำไมต้องสนใจราคาเสนอด้วย? “ขอโทษนะครับ ผมไม่ต้องการร่วมทำฟาร์มปลากับพวกคุณจริงๆ ส่วนที่ดินจะปล่อยให้ว่างไปก่อน ผมคิดออกว่าจะทำอะไรเมื่อไรค่อยว่ากัน”
เฮย์วู้ดไม่ยอมแพ้และยังพูดอีกว่า “แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอคุณฉิน ก่อนหน้านี้บริษัทของเราได้ซื้อฟาร์มปลาที่หนึ่งไว้ ถ้าคุณสนใจฟาร์มปลามากขนาดนี้ ทางเราจะเลือกใช้วิธีแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อทำธุรกิจร่วมกับคุณ เป็นอย่างไร?”
ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวสนใจอยู่ไม่น้อย เขาจึงถามกลับว่า “ฟาร์มปลาของพวกคุณเหรอ? ที่ไหน? มีพื้นที่ขนาดเท่าไร? สถานการณ์ทางการประมงเป็นเช่นไร? การพัฒนาของอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างไรบ้าง?”
เฮย์วู้ดนำข้อมูลที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาให้ฉินสือโอวดู ที่ตั้งของฟาร์มปลาอยู่ที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ มีเนื้อที่ประมาณ 1,000 ตารางกิโลเมตร จากเส้นชายฝั่งทะเล 10 กิโลเมตร ยาวออกไป 100 กิโลเมตรจะถึงทะเล
แหลมเซนต์ชาร์ลส์ตั้งอยู่ที่ปลายเหนือสุดของเกาะนิวฟันด์แลนด์และเกาะแฟร์เวล ซึ่งจะมีลักษณะสองแบบคือลักษณะแรกอยู่ทางเหนือสุดและอีกลักษณะอยู่ทางใต้สุด ดังนั้นจึงเป็นฟาร์มปลาที่ยอดเยี่ยมมาก มีอีกจุดหนึ่งทางเหนือขึ้นไปอีกของแหลมเซนต์ชาร์ลส์จะเป็นเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยังเป็นสถานที่สำคัญในการท่องเที่ยวอีกด้วย
ฉินสือโอวต้องการเก็บข้อมูลไว้ แล้วให้เฮย์วู้ดทั้งสองกลับไปก่อน เขาต้องการพิจารณาสักหน่อย แต่สิ่งที่เขาพิจารณาไม่ใช่การทำธุรกิจร่วมกัน แต่กลายเป็นว่าเขาจะทำอย่างไรถึงจะซื้อฟาร์มปลานี้ได้
แม้จะดูเหมือนว่าเกาะแฟร์เวลและแหลมเซนต์ชาร์ลส์จะอยู่ไกลกันมาก แต่มันก็ยังอยู่ในเส้นทางที่เชื่อมหากันระบบถ่ายโอนทรัพยากรทางประมงก็ยังคงทำได้อย่างสะดวกมาก
……………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น