หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 548-549

 บทที่ 548 วิชามาร ลักอัคคี!

Ink Stone_Fantasy

หวังเป่าเล่อหงุดหงิดจนแทบเสียสติ ตั้งแต่เขาเริ่มเส้นทางการฝึกปราณมา ชายหนุ่มไม่เคยต้องพานพบกับเคล็ดวิชาการฝึกปราณใดที่ทำให้เขาโมโหได้ถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งวิชาแห่งศาสตร์มืดก็ยังง่ายดายเมื่อเขาเริ่มซึมซับปราณมืด


วิชาแห่งศาสตร์มืดเช่นนั้นหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจไปว่าตนเองขาดตัวเร่งปฏิกิริยา มาบัดนี้ ชายหนุ่มรู้แน่แก่ใจแล้วว่าเขาข้ามขั้นตอนไปขั้นหนึ่งทำให้การฝึกฝนไม่ประสบความสำเร็จ


ข้าคงต้องกลับไปที่ดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้นอีกครั้งหนึ่ง หวังเป่าเล่อยกมือตบหน้าผาก แม้ว่าเขาจะพยายามถามแม่นางน้อยเรื่องความยากลำบากในการฝึกวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิหลายต่อหลายครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่แม่นางน้อยก็ไม่ยอมตอบคำถามเขาเลย เอาแต่แกล้งหลับอย่างเดียว


หวังเป่าเล่อเริ่มจะรู้ทันแม่นางน้อยในที่สุด ทุกครั้งที่เป็นเรื่องซึ่งนางไม่รู้หรือไม่ต้องการจะเปิดเผย นางก็จะแสร้งทำเป็นว่านอนหลับ


ชายหนุ่มทอดถอนใจ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยุติการฝึกวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิไปก่อน แม้ว่าจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่มีทางเลือก หวังเป่าเล่อเริ่มศึกษาวิชาสืบทอดอื่นๆ ที่ได้รับมา อย่างไรเสียตอนนี้ในหัวของเขาก็มีแต่วิชาสืบทอดอยู่มากมายเต็มไปหมด


การเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ก่อนจะรู้สึกไม่พอใจกับการเปรียบเทียบนั้นๆ หวังเป่าเล่อกำลังเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้อยู่ แม้ว่าเขาจะมีวิชาสืบทอดมากมาย แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดินั้นก็ยังทรงพลังเหนือวิชาสืบทอดอื่นใดอยู่ดี!


วิชาสืบทอดที่พลังด้อยกว่าวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิอยู่เล็กน้อยมีชื่อว่า วิชาลักอัคคี วิชานี้ไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่เพราะหวังเป่าเล่อได้รับสืบทอดมาเพียงส่วนเดียว แต่เป็นเพราะ…มันไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่ต้น กระทั่งผู้ที่ส่งต่อวิชานี้ให้เขาก็ยังไม่มีวิชารูปแบบสมบูรณ์


วิชานี้เป็นเคล็ดวิชาฝึกตนที่ชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง ทุกๆ ครั้งที่ผู้ฝึกสังหารคนหนึ่งคน เขาจะขโมยพลังชีวิตและเจตจำนงของเหยื่อมาและซึมซับเข้าไว้ในกายตน หลังจากนั้นก็จะต้องฆ่าฟันคนต่อไป…ผลข้างเคียงก็ใหญ่หลวงนัก ผู้ฝึกจะค่อยๆ สูญเสียจิตใจของตนไปช้าๆ จนสุดท้ายก็จะต้องเข่นฆ่าไปเรื่อยๆ เพื่อสงบจิตใจ หรือหากแพ้แก่ดวงจิตมากมายที่อาศัยอยู่ในใจตนเอง ก็จะเสียสติไปโดยสิ้นเชิง ร่างกายและวิญญาณจะถูกทำลายจนหมด ท้ายที่สุดก็จะต้องฆ่าตัวตาย


ผู้ที่ส่งวิชานี้ต่อให้เขาฝึกมันเพียงระดับแรกๆ เท่านั้น เขาไม่กล้าฝึกต่อ จึงสามารถรักษาสติสัมปชัญญะของตนเอาไว้ได้ วิชาสืบทอดนี้มีพลังน่าประทับใจทีเดียว เป็นเหตุให้สำนักวังเต๋าไพศาลเก็บมันเอาไว้ในดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้น


วิชาลักอัคคี… หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดลองวิชาสืบทอดที่ชั่วร้ายถึงเพียงนั้น ทว่าหลังจากที่ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มก็เริ่มลังเล เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่สามารถฝึกวิชาสืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับหนึ่งและอันดับสองให้ปรุโปร่งได้…โชคยังดีที่การศึกษาขุนพลอักขระเวทโบราณนั้นรุดหน้าด้วยดี การฝึกฝนควบคุมเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นพอใช้แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจมันได้เต็มที่เพราะระบบที่แตกต่างกันก็ตาม


แม้หวังเป่าเล่อจะควบคุมเหรียญทองแดงได้เพียงเหรียญเดียว และยังไม่อาจเรียกหุ่นเชิดขุนพลอักขระเวทโบราณซึ่งเทียบเท่าระดับจุติวิญญาณออกมาได้ แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจผนึกทั้งแปดที่อยู่ด้านหลังของเหรีญทองแดงทั้งหมดแล้ว


มันเป็นคาถาที่ช่วยให้เหรียญทองแดงสร้างผนึกได้ และหวังเป่าเล่อตั้งใจจะใช้มันเป็นอาวุธลับในกรณีที่เข้าตาจนจริงๆ


ตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หวังเป่าเล่อผู้หงุดหงิดใจยังค้นพบอีกว่าเจ้าลาแอบย่องออกไปเงียบๆ อีกหลายครั้งหลายครา มันจะหายไปครั้งละหลายๆ วัน แล้วจึงกลับมาด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ หวังเป่าเล่อแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มอาจไม่คิดใส่ใจนักหากเรื่องมีเท่านี้ เขาคงสรุปว่าเจ้าลาไปพบชู้รักเพียงเท่านั้น


แต่หวังเป่าเล่อก็พบว่าระดับการฝึกปราณของเจ้าลาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ วันหนึ่งมันกลับมาด้วยปราณขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ ทำเอาหวังเป่าเล่อผงะด้วยความตกตะลึง


เกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่ามันจะไม่ได้เจอชู้รัก แต่ไปเจอสมบัติล้ำค่ามา หวังเป่าเล่อเริ่มหายใจแรง ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าลาระมัดระวังตัวมาก เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พลางลอบสังเกตมันอยู่อย่างลับๆ ไม่กี่วันต่อมาในคืนหนึ่ง เจ้าลาลอบเดินกลับลงไปในทะเลเพลิง เงาของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้น ณ จุดที่เจ้าลาหายลับไป ชายหนุ่มปกปิดตัวตนและลอบตามเจ้าลาไปเงียบๆ


ลาวิ่งตะลุยผ่านทะเลเพลิงไป ดูเหมือนมันจะคุ้นชินกันสิ่งรอบข้างเป็นอย่างดี มันจะหยุดเป็นพักๆ เพื่อมองดูรอบตัวอย่างระแวดระวัง ทำกระทั่งหันหัวกลับมาดูด้านหลัง ราวกับกังวลว่าจะมีใครตามมา


หวังเป่าเล่อเกือบถูกจับได้


ในที่สุดเจ้าลาก็ฉลาดขึ้นบ้างแล้ว! หวังเป่าเล่อตามหลังมาอย่างเร่งรีบ ชายหนุ่มเองก็ระมัดระวังตัวและสงสัยมากขึ้นทุกขณะเพราะความระแวดระวังตัวของเจ้าลา เขาเห็นเจ้าลาเลี้ยวเข้าไปหลังซากปรักหักพังจำนวนหนึ่ง ก่อนจะอันตรธานไป


หากหวังเป่าเล่อไม่ได้ใช้สัมผัสในฐานะเจ้านายของมัน และเห็นว่าเจ้าลากำลังซ่อนตัวอยู่ในจุดอับสายตาแห่งหนึ่งท่ามกลางซากปรักหักพังพลางลอบดูสิ่งรอบข้าง เขาคงเข้าไปสำรวจในซากปรักหักพังนั้นแล้ว


และหากเข้าไป ชายหนุ่มก็จะถูกจับได้


มันรู้วิธีซุ่มโจมตีด้วยหรือ หวังเป่าเล่อถึงกับตะลึง โทสะเดือดพล่านอยู่ในใจ ตามนิสัยของเจ้าลาที่เขารู้จัก มันจะต้องซ่อนสมบัติล้ำค่าเอาไว้แน่ ไม่มีสาเหตุอื่นใดที่มันจะต้องระวังตัวถึงเพียงนี้


หวังเป่าเล่อตัดสินใจฝึกความอดทน ชายหนุ่มจ้องมองไปยังตำแหน่งที่เจ้าลาซุกซ่อนอยู่ ตั้งใจจะเปิดโปงความลับของมันให้จงได้ เขารออยู่หลายชั่วโมง และขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังประหลาดใจกับความอดทนของเจ้าลา มันก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เจ้าลาออกวิ่งเต็มฝีเท้าลงใต้ดินไป


หวังเป่าเล่อออกตามไปทันที เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใช้เวลาทั้งคืน เจ้าลาซ่อนตัวตามที่ต่างๆ ในทะเลเพลิง ขุดหลุมแล้วก็ออกวิ่งไป กระทั่งดักซุ่มรออย่างเงียบเชียบและอดทน หากผู้ที่ติดตามมาไม่ใช่หวังเป่าเล่อก็คงโดนเจ้าลาสลัดหลุดหรือไม่ก็เข้าไปโจมตีมันแล้ว แต่หวังเป่าเล่อไม่เพียงรู้จักนิสัยใจคอของมัน เขายังเคยทำอะไรคล้ายๆ เช่นนี้และสำเร็จผลมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีจิตเชื่อมต่อกับเข้าลาอีกด้วย ชายหนุ่มสามารถใช้ความเชื่อมต่อนี้หลบซ่อนให้พ้นความรับรู้ของเจ้าลาได้อีกต่างหาก


นี่เป็นวิธีที่หวังเป่าเล่อใช้ในการตามสะกดรอยเจ้าลาไปตลอดทั้งคืน หลังจากวิ่งไปมาทั้งคืนแล้ว เจ้าลาก็ดูเหมือนจะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครตามมา มันจึงค่อยคลายใจและเริ่มวิ่งไปไกลจนกระทั่งไปหยุดอยู่ ณ ซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง


บริเวณนี้น่าจะเคยเป็นหุบเขา แต่หลังจากหินผาถล่มและทะเลเพลิงไหลบ่าเข้าท่วมทั้งบริเวณทำให้ตอนนี้ทีนี่เป็นเพียงดินแดนรกร้างว่างเปล่า เจ้าลาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมันมาถึง มันเริ่มจัดเตรียมสถานที่ด้วยการขุดหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นจึงใช้กีบกระทืบลงไปในดิน พลางใช้จมูกสูดดมฟุดฟิดราวกับกำลังหากลิ่นอะไรบางอย่าง


หวังเป่าเล่อแปลกใจและสงสัยเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มซ่อนตัวอย่างมิดชิดอยู่ห่างออกมาระยะหนึ่งและเฝ้ามอง ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่โลดเต้นไปมาอย่างลิงโลดใจ เจ้าลาก็กระเสือกกระสนลงไปใต้ดิน จากนั้นอีกไม่นาน มันก็โผล่กลับขึ้นมาพร้อมลากบางสิ่งขึ้นมาด้วย สิ่งนั้นคือ…ศพศพหนึ่ง!


ศพนั้นมีสามหัวหกแขน เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลไม่รู้สิ้นนั่นเอง!


ตรงอกของศพมีรูขนาดใหญ่อยู่บริเวณที่ควรจะเป็นหัวใจ อวัยวะหลายชิ้นของศพหลุดหายและดูเหมือนว่าจะไม่มีวัตถุเวทหรือกระเป๋าคลังเก็บอยู่กับตัว เห็นได้ชัดว่าน่าจะถูกปล้นชิงเอาไปหลายปีมาแล้ว หรือไม่ก็ถูกผู้ที่สังหารชิงไปหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดจบสิ้นลง


เหตุใดจึงต้องตื่นเต้นนักหนากับแค่ศพของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้น หวังเป่าเล่อไม่อาจควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นตกใจได้ ชายหนุ่มเคยพบศพคล้ายกันนี้มาก่อน กระทั่งมีเก็บเอาไว้ในกระเป๋าคลังเก็บด้วย ด้วยความสงสัย เขาจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ก่อนที่จะมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน


หลังจากที่เจ้าลาลากศพออกมา มันก็ไม่รอช้า รีบกัดกินแขนของศพดังกร้วม!


มันมีสีหน้าสุขสมใจขณะที่เริ่มเคี้ยวเร็วขึ้นเรื่อยๆ


ภาพนั้นทำเอาหวังเป่าเล่อผงะด้วยความตกใจ นัยน์ตาเขาเยือกเย็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าลาตะกละเพียงใด แต่เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งมันจะเที่ยวตามกินเนื้อเน่าของศพเช่นนี้!


เจ้ากินสิ่งมีชีวิตข้ายังพอเข้าใจ แต่จะกินศพไม่ได้!  โทสะเข้าท่วมจิตใจของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มไม่อาจซ่อนตัวต่อไป เขาพุ่งตัวออกมาอย่างฉับพลัน และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดเข้าไปหาเจ้าลา


เจ้าลาผู้ซึ่งกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน นัยน์ตาของมันฉายแววความรู้สึกผิดและความกลัว แต่มันก็ไม่รอช้า รีบอ้าปากกว้างราวกับพยายามจะกลืนทุกอย่างเข้าไปในคำเดียว หวังเป่าเล่อผู้เกรี้ยวกราดปราดเข้ามาเตะปากมันด้วยความเร็วสูง


เจ้าลาร้องเสียงหลงเพราะโดนเตะกระเด็นไปทางหนึ่ง แม้ว่ามันจะมีหนังหนา แต่ลูกเตะของหวังเป่าเล่อก็เจ็บใช่เล่น มันกำลังจะหนีแต่หวังเป่าเล่อก็มาปรากฎตัวข้างๆ กาย ก่อนจะคว้าคอมันไว้และลากมาตรงหน้าเขา นัยน์ตาลุกโชนด้วยความโกรธ


“เจ้าทำตัวได้งามหน้าจริงๆ!”


เจ้าลาตัวสั่น พยายามจะประจบประแจงหวังเป่าเล่อ แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอย่างใจ ชายหนุ่มก็กดหัวของมันไปใกล้แขนที่รุ่งริ่งของศพก่อนจะกล่าวขึ้นว่า


“เอาสิ กัดเสียอีกคำ” หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะ เจ้าลาไม่ได้โง่ แม้ว่ามันจะแอบน้ำลายไหลเมื่อเห็นอาหารอันโอชะตรงหน้า แต่ก็รีบส่ายหัวทันที สีหน้ามันบ่งบอกว่าจะไม่ยอมกัดอีกคำแน่แม้ว่าจะถูกทุบตีก็ตาม


หวังเป่าเล่อจ้องเจ้าลาขณะที่กดหัวมันให้เข้าใกล้แขนของศพขึ้นทุกที ชายหนุ่มกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับนิ่งขึงไปก่อน เขาจ้องมองแขนที่ถูกกัดกินไปของศพคนตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างสงสัย ก่อนที่จะอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจและงุนงง


บทที่ 549 ชุดเกราะปีศาจลักอัคคี!

Ink Stone_Fantasy

ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจแขนศพนักเพราะมัวแต่โกรธเจ้าลาอยู่ มาบัดนี้ เขาเห็นแล้วว่าส่วนที่เหลืออยู่ของแขนศพไม่ใช่เลือดเนื้อแต่อย่างใด


มันทำมาจาก…ผลึกชนิดหนึ่ง!


หวังเป่าเล่อตกตะลึงในสิ่งที่เห็น เขาปล่อยมือจากเจ้าลาก่อนจะก้มลงสำรวจแขนตรงหน้าอย่างถ้วนถี่ ชายหนุ่มค้นพบว่าจากสามหัวและหกแขน มีเพียงแขนข้างนี้เท่านั้นที่ทำมาจากผลึก ส่วนที่เหลือเป็นเลือดเนื้อเช่นปกติ


หวังเป่าเล่อเริ่มวิตกและสงสัย เขาดึงศพที่พบในด้วงสีทองออกมาดูเทียบกัน ศพของเขาเป็นเลือดเนื้อทั้งหมด ชายหนุ่มจำได้ว่าศพทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมาก็เป็นเลือดเนื้อทั้งสิ้น มีเพียงศพที่เจ้าลากินไปเท่านั้นที่ต่างออกไป


ราวกับว่าแขนข้างที่ถูกกินไปครึ่งหนึ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังงานบางอย่าง และหลังจากที่สมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นสิ้นใจลง พลังงานนั้นก็ไม่ได้เสื่อมสลายตามไปด้วย แต่กลับแปรสภาพกลายเป็นผลึก!


หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจนำศพนี้กลับไปด้วย ชายหนุ่มหันหลังกลับไปจ้องมองเจ้าลา แม้ว่าเขาจะเข้าใจเจ้าลาผิดไป แต่ในฐานะบิดาของมัน อย่างไรเสียเขาก็ถูกเสมอ!


เจ้าลารู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้น มันก็เกรงกลัวหวังเป่าเล่อเป็นอย่างยิ่ง หัวของมันหลุบต่ำและมันก็ดูเศร้าซึม สีหน้าของหวังเป่าเล่อสงบลงในที่สุด เขาแค่นลมออกมาทางจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังเกาะเพลิงเขียว


เจ้าลาเดินคอตกไร้ซึ่งกำลังใจตามหลังมา มันไม่กล้าวิ่งไปมาอีกเมื่อกลับมาถึงเกาะ มันเหยียดกายอยู่ในถ้ำที่พักก่อนจะจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยนัยน์ตาใสซื่อและสีหน้าเศร้าสร้อย


หวังเป่าเล่อเองก็เริ่มรู้สึกเขินอายและอึดอัด เขาทำหน้านิ่งก่อนจะมองไปทางเจ้าลา จากนั้นก็โยนขนมหนึ่งในเก้าชิ้นสุดท้ายไปให้มัน


“เอานี่ไป กินเสร็จแล้วก็ออกไปเที่ยวเล่นเสีย อย่าออกนอกเกาะไปเล่า”


เจ้าลาจ้องมองขนมที่มีกลิ่นแปลกประหลาดตรงหน้า มันนิ่งงง ในที่สุดก็กลืนขนมลงไปด้วยสีหน้าขมขื่น ก่อนจะฝืนทำท่าทางเอร็ดอร่อย และวิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว


เมื่อเจ้าลาจากไปแล้ว หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอออกมา ชายหนุ่มรวบรวมสมาธิก่อนจะนำศพของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นทั้งสองศพออกมาจากกำไลคลังเก็บ เขานำศพออกมาวางตรงหน้าเพื่อพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง พลางนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เคยอ่านเมื่อตอนที่อยู่ในสำนักแห่งความมืด หนังสือส่วนใหญ่ที่เขาอ่านเป็นเคล็ดวิชาการฝึกตนของสำนักแห่งความมืด ดังนั้นความรู้เกี่ยวกับตระกูลไม่รู้สิ้นของเขาจึงจำกัดยิ่งนัก


ชายหนุ่มใช้เวลาไปพักใหญ่กว่าจะเริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างศพทั้งสอง


อย่างแรกคือชุดแต่งกายที่แตกต่างกัน แม้ว่าชุดทั้งสองจะขาดเสียหายเหมือนกัน แต่ศพที่มีแขนเป็นผลึกสวมชุดที่ถักทอจากผ้าซึ่งทนความเสื่อมสลายได้ดีกว่า เป็นชุดแต่งกายที่ประณีต ต่างจากชุดเกราะของศพที่พบในด้วง


รูปร่างของทั้งสองก็ต่างกันด้วย คนแรกนั้นดูผอมแต่คนหลังดูแข็งแรงและหุ่นดี ทุกสิ่งดูจะชี้ไปยังข้อสรุปที่ว่า…คนแรกเป็นปราชญ์ส่วนคนหลังเป็นนักรบ!


ไม่ถูกสิ…หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะ พยายามเรียกแม่นางน้อยอีกครั้ง คราวนี้นางตื่นอยู่และตอบรับการเรียกของหวังเป่าเล่อ


“เรื่องง่ายๆ เท่านี้ เจ้าก็ยังคิดเองไม่ได้หรือ” แม่นางน้อยพูดอย่างเย็นชา คำพูดของนางฉาบไว้ด้วยความรู้สึกเหนือกว่าและความหยามเหยียด


“ข้าเคยจับตัวสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นได้บ้างเมื่อสมัยข้าเจ็ดขวบ หลังจากที่นำมาตรวจสอบดู เราก็ค้นพบว่าสมาชิกของตระกูลไม่รู้สิ้นทั่วไปมีสามศีรษะหกแขนตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย มีเพียงพวกชนชั้นสูงเท่านั้น…ที่หลังจากผ่านการฝึกปราณแบบพิเศษ จะสามารถแปลงศีรษะและแขนให้กลายเป็นแหล่งพลังงานได้!”


“ระดับแรกคือเมื่อพวกเขาแปลงศีรษะหนึ่งศีรษะและแขนหนึ่งแขนให้กลายเป็นแหล่งพลังงาน จะมีพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ สองศีรษะและสองแขนเท่ากับระดับดารานิรันดร์ หากพวกเขาสามารถแปลงทั้งสามศีรษะและหกแขนให้เป็นแหล่งพลังงานได้ทั้งหมดก็จะแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับดาราจักรชั้นปลาย!”


“สำหรับศพตรงหน้าเจ้านี้ มีแขนเพียงข้างเดียวเท่านั้นที่กลายเป็นแหล่งพลังงาน ในขณะที่ศีรษะหนึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เขาจะต้องอยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะก่อนที่จะเสียชีวิต หากว่าศีรษะนั้นกลายสภาพเสร็จสมบูรณ์ เขาก็จะสามารถบรรลุขั้นไปสู่ระดับดาวพระเคราะห์ได้แน่นอน!”


แม่นางน้อยดูพึงใจกับคำอธิบายที่มอบให้หวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มเริ่มจะเข้าใจอะไรๆ ขึ้นบ้างหลังจากที่ได้ฟัง นัยน์ตาของเขาเริ่มส่องสว่างด้วยแสงประหลาด


เปลี่ยนแขนให้กลายเป็นพลังงาน…เคล็ดวิชาฝึกตนเช่นนี้ดูคุ้นเสียจริง…หวังเป่าเล่อจมลงสู่ห้วงความคิด ชายหนุ่มจ้องมองแขนข้างนั้นอย่างถี่ถ้วน จากนั้นครู่ใหญ่ ลมหายใจของเขาก็ถี่เร็วขึ้น


วิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิต้องการให้ผู้ฝึกสร้างเกราะจากเลือดเนื้อภายนอกกายเนื้อของตน…นี่ไม่ได้คล้ายๆ กันกับการแปรสภาพเป็นพลังงานหรอกหรือ จะต่างกันก็ตรงที่ว่าคนของตระกูลไม่รู้สิ้นเปลี่ยนร่างกายของตน แต่วิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิสร้างร่างใหม่ขึ้นมา! ความคิดพรั่งพรูอยู่ในศีรษะของหวังเป่าเล่อ แสงในดวงตาเขายิ่งเปล่งประกายจ้าขึ้นอีก ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาได้รู้อะไรบางอย่างที่สำคัญยิ่งเข้าแล้ว


และสิ่งนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เขาฝึกวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิสำเร็จในที่สุด!


เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็รีบโบกมือขวาและดึงกระบี่บินออกมา ดวงตาของเขาฉายแสงวาบ ชายหนุ่มใช้กระบี่ตัดศพ…โดยตั้งใจจะแยกชิ้นส่วนศพ หาจุดตันเถียน และหาต้นตอการแปรสภาพแขนให้เป็นแหล่งพลังงานให้พบ!


ขณะที่กำลังหั่นศพ และศึกษาดูไปพร้อมกัน เวลาก็ล่วงเลยผ่านไป ชายหนุ่มลืมกินลืมนอนไปเสียสิ้น เขาหันไปสั่งเจ้าลาให้กลับไปที่ทะเลเพลิงและหาศพที่มีแขนเป็นแหล่งพลังงานเช่นนี้มาเพิ่มอีก หนึ่งเดือนผ่านไป หวังเป่าเล่อผ่าศพลักษณะคล้ายกันนี้ไปเจ็ดถึงแปดศพด้วยกัน แต่กระนั้นก็ยังไม่เข้าใจเคล็ดวิชาฝึกปราณของตระกูลไม่รู้สิ้นมากนัก แต่ได้พบเบาะแสเกี่ยวกับแขนที่ถูกแปรสภาพเป็นแหล่งพลังงานแล้ว!


มันคือ…จุดตันเถียนที่สร้างจากปราณวิญญาณซึ่งพบได้ในศพเหล่านั้น!


การค้นพบเดียวนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้น ชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจที่ได้รู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิ


อาจจะมีวิธีอื่นในการฝึกฝนวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิ แต่วิธีที่ข้ากำลังคิดอยู่นี้…ก็น่าจะเป็นหนึ่งในวิธีเหล่านั้น วิธีของข้าคือ…การเชื่อมจุดตันเถียนทุกจุดในกายเข้ากับปราณวิญญาณ และปล่อยมันให้ออกมาจากร่างเพื่อสร้างระบบหมุนเวียนภายนอกร่างกาย!


“ประหนึ่งว่า…ร่างของข้าได้กลายมาเป็นเมล็ดพันธุ์ พูดให้ชัดก็คือข้าจะกระจาจุดตันเถียนออกไปด้านนอก แล้วจึงเชื่อมมันเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้งภายนอกร่างกาย!” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเองอยู่ไปมา ยิ่งชายหนุ่มคิดเรื่องนี้มากเท่าใด เขาก็ยิ่งเชื่อว่าความคิดของตนนั้นอาจจะได้ผล สิ่งเดียวที่รั้งหวังเป่าเล่อเอาไว้ก็คือ แม้ว่าความคิดของเขาจะดูเคล้ายวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิมากแต่อันที่จริงแล้วยังต่างกันอยู่เล็กน้อย


เกราะเลือดเนื้อขั้นสุดท้ายที่สร้างขึ้นจากวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิจะปลดปล่อยพลังและความแข็งแกร่งออกมา มันจะเสริมกำลังกายของชายหนุ่มให้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณอีกด้วย ทำงานคล้ายกับแว่นขยาย แหล่งพลังของการเสริมกำลังกายนี้คือการสั่งสมปราณวิญญาณไว้ในชุดเกราะนั่นเอง


ชุดเกราะนั้นจะเรียกว่าเป็นร่างใหม่ก็ไม่ผิดนัก อัตราการดูดซึมและฝึกปราณของมันรวดเร็วกว่ามาก เปรียบได้กับโหนกบนหลังอูฐ ยิ่งชุดเกราะสะสมพลังปราณได้มากเท่าใด ก็จะยิ่งส่งพลังนั้นเข้าสู่กายหลักได้มากขึ้น นั่นคือวิธีการเสริมกำลังกาย!


อย่างไรก็ตาม ชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มสามารถเคลื่อนไหวมันไปมาได้ดังใจ แต่ไม่อาจแยกมันออกจากกายเนื้อได้


แต่…หากหวังเป่าเล่อฝึกฝนวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิตามวิธีที่เขาคิดขึ้นมา ผลลัพธ์ก็จะต่างออกไป ชายหนุ่มจะส่งจุดตันเถียนที่มีออกไปสร้างระบบหมุนเวียนภายนอกร่างกาย และจะใช้วิธีเดียวกันนี้ในการสร้างโครงกระดูก แต่พวกมันจะเป็นเพียงส่วนที่ขยายออกไป ไม่ใช่ส่วนที่ไม่อาจแยกจากร่างกายหลักของเขาได้ พูดให้ง่ายก็คือ มันคือการที่หวังเป่าเล่อหลอมวัตถุเวทที่มีรูปร่างเหมือนร่างกายของเขาขึ้นมา!


ข้อเสียของวิธีนี้คือเกราะที่ได้ไม่ใช่สิ่งที่แยกจากกายไม่ได้ จึงไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายหากแต่เป็นวัตถุภายนอกเท่านั้น ในแง่ของการฝึกปราณ การดูดซับปราณวิญญาณ และคุณสมบัติการเสริมพลังกายจึงเทียบกับวิชาดั้งเดิมไม่ได้เลย


ข้อดีของวิธีนี้ก็คือง่ายและตรงไปตรงมา หากเขาแก้ปัญหาแรกได้ พลังของเกราะและความเร็วในการฝึกปราณก็จะรุดหน้าแซงวิชาดั้งเดิมไปไกล


จากวิธีฝึกปราณทั้งสองนั้น วิธีหนึ่งถือว่าดีงาม ส่วนอีกวิธีนั้นถือว่า…ชั่วร้าย!


เป็นเพราะว่า…มีเพียงทางเดียวที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องการสะสมปราณวิญญาณและคุณสมบัติการเสริมพลังกายของเกราะได้ มีเพียงวิธีเดียวที่ใครคนหนึ่งจะสามารถหาปราณวิญญาณเข้มข้นจำนวนมากโดยไม่ต้องฝึกปราณ


หวังเป่าเล่อมีทางออกเกี่ยวกับวิธีนี้อยู่บ้าง นั่นก็คือ…ใช้วิชาสืบทอดที่ไม่สมบูรณ์ วิชาที่ทรงพลังเป็นอันดับสองรองจากวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิ…วิชาลักอัคคี!


มันเป็นเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาด เงื่อนไขคือต้องสังหารใครสักคนและชิงพลังชีวิตและเจตจำนงของคนผู้นั้นมา หากผู้ฝึกไม่อาจควบคุมมันได้ ก็จะสูญเสียตัวตนและกลายเป็นคนวิกลจริตไป เพราะยิ่งสังหารผู้คนไปมากเท่าใด ความคิดและเจตจำนงที่ไม่ตรงกันก็จะยิ่งเพิ่มพูนในกายมากขึ้นเท่านั้น และตัวผู้ฝึกก็จะยิ่งจัดการกับความยุ่งเหยิงในใจได้ยากขึ้นทุกที


ทว่า…หากชุดเกราะที่อยู่ภายนอกกายสามารถทำตัวเป็นภาชนะรองรับพลังชีวิตและเจตจำนงจากการเข่นฆ่าได้ ทุกอย่างก็จะจบ หวังเป่าเล่อจะแข็งแกร่งขึ้นหลังการสังหารทุกครั้ง กลายเป็นว่าเขาจะสามารถสังหารคนได้จำนวนไม่จำกัด!


ถึงกระนั้น…หวังเป่าเล่อก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาฝึกวิชาสืบทอดเหล่านี้ ยิ่งจำนวนคนที่เขาสังหารเพิ่มมากขึ้น จะมีวันหนึ่งหรือไม่ที่ชุดเกราะของเขาจะกลายมาเป็น…ชุดเกราะปีศาจกระหายเลือดที่ทรงพลังมากพอจะเขย่าทั้งสวรรค์และผืนปฐพี!


ชายหนุ่มนิ่งเงียบอยู่แต่ดวงตาของเขากลับลุกโชนด้วยความมุ่งมั่น เขาตัดสินใจแล้ว ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “ภาชนะที่รองรับบาปในการฆ่าคนของข้า…ไม่เลวเลย!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)