ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 543-558
ตอนที่ 543 ยกก้อนอิฐบนพื้นขึ้นมา
สติของเหอปี้อวิ๋นดูไม่ปกติอย่างว่าจริงๆ ได้เจอเรื่องราวสะเทือนใจครั้งแล้วครั้งเล่า ระยะนี้สติของเธอตกอยู่ในสภาวะแข็งขืนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พังสติของเธออย่างแท้จริงคือเรื่องลูก
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อสิบสองปีก่อนลูกที่เธอคลอดออกมาอย่างยากลำบากจะตายตั้งแต่อยู่ในท้อง เหยียนซินหย่ากับอู่เจิ้งซือต้องหลอกเธอแน่!
เหอปี้อวิ๋นถึงขั้นเคยจินตนาการว่าเมื่อสิบสองปีก่อนเธอมีลูกชายขาวอวบน่ารักคนหนึ่ง เหยียนซินหย่านางแพศยาคนนี้อิจฉาริษยาเธอเลยยุยงให้อู่เจิ้งซือทำร้ายลูกชายเธอ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ!
ไม่อย่างนั้นลูกชายเธอจะไปไหนได้?
เหอปี้อวิ๋นหลงเชื่อในคำโกหกที่ตัวเองแต่งขึ้นมาหมดใจ เพราะเธอคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายโดนทำร้ายจึงพูดเอาคืนเหยียนซินหย่าอย่างใจกล้า จะได้รับความเห็นใจจากคนนอกยิ่งขึ้น!
เหยียนซินหย่าหน้าขาวซีดเพราะคำใส่ร้ายของอีกฝ่าย หากจะบอกว่าเธอเกลียดแค้นคนตระกูลเหอทั้งหมด คนที่เกลียดแค้นมากที่สุดคงไม่พ้นเหอปี้อวิ๋น!
แค่คิดว่าเหมยเหมยของเธอถูกเหอปี้อวิ๋นทารุณกรรมมาตลอดสิบสองปี เหยียนซินหย่าก็โกรธจนอยากจะกัดกินผู้หญิงคนนี้ตัวเป็นๆ!
“เหอปี้อวิ๋น แกมันไม่ใช่คน แกมันคนที่เทียบสัตว์เดรัจฉานไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
สงสารก็แต่เหยียนซินหย่าที่ทำตัวเป็นสาวเรียบร้อยมาครึ่งชีวิต ปกติแทบไม่เคยพ่นคำหยาบสักคำ ต่อให้เธอจะโกรธถึงขีดสุดสิ่งที่ทำก็ไม่ใช่การพ่นคำสกปรกเหมือนปากของสองแม่ลูกเสือร้ายนั่น
เหยียนซินหย่าที่แอบโกรธตัวเองว่าไร้ประโยชน์นั้นยกก้อนอิฐก้อนใหญ่ข้างแปลงดอกไม้เขวี้ยงใส่หัวเหอปี้อวิ๋นไป
เหยียนซินหย่าทุ่มแรงหมดทั้งกาย เธอต้องแก้แค้นให้ลูกสาวของเธอ ต้องเอาตัววายร้ายนี้จนตายให้ได้!
หน้าบ้านวุ่นวายชุลมุน เหยียนซินหย่าที่กำลังโกรธถึงขีดสุดได้ระเบิดพลังกายที่ไร้ขีดจำกัดออกมา ตบตีกับเหอปี้อวิ๋นอย่างไม่มีใครเป็นรองใคร จ้าวอิงหนานย่อมไม่ยืนดูเฉยๆ รีบวิ่งไปกระชากเหอปี้อวิ๋นไว้ มองดูแล้วเหมือนเหตุการณ์จะผ่านมานาน แต่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“ตุ้บ!”
ก้อนอิฐตกพื้น เหอปี้อวิ๋นกุมศีรษะไว้มองเหยียนซินหย่าอย่างไม่เชื่อสายตา ความเจ็บตรงบริเวณศีรษะกับของเหลวข้นตรงมือเตือนสติเธอว่าได้แผลมาแล้ว
คนที่ทำเธอได้แผลยังเป็นเหยียนซินหย่าที่ไม่เคยเอาชนะเธอได้เลยตอนทะเลาะกันตั้งแต่เด็ก!
“เหยียนซินหย่า แกกล้าทำฉันเหรอ? ฉันจะบีบคอแก!”
เหอปี้อวิ๋นเลือดเปื้อนศีรษะไปทั่วพลางทำหน้าน่าสยดสยองยื่นแขนหมายจะบีบคอเหยียนซินหย่า ฝ่ายเหยียนซินหย่าที่หันกลับไปเอาก้อนอิฐฟาดใส่ แข้งขาอ่อนทันทีที่เห็นเลือดบนตัวเหอปี้อวิ๋น แต่ไม่นานเธอก็รีบตั้งสติหยิบก้อนอิฐบนพื้นใหม่อีกครั้ง
“ฉันจะทุบสัตว์เดรัจฉานอย่างแกให้ตายก่อน แกมารังแกเหมยเหมยของฉันได้ยังไง แกมันไม่ใช่คน เหมยเหมยเด็กขนาดนี้แกยังทำได้ลง ฉันจะทุบแกให้ตาย!”
เหยียนซินหย่าที่กำลังเดือดพล่านลืมความกลัวไปจนหมดสิ้น ไฟโทสะที่เมื่อวานไม่ได้ปลดปล่อยวันนี้ได้ปลดปล่อยออกมาหมดตัว กำก้อนอิฐทุบไม่ยั้งโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ใดๆ
“ยายแพศยานั่นฉันแค้นนักที่ไม่ได้เอามันให้ตาย ลูกของนางแพศยา ทำไมฉันต้องดีกับมัน ฉันจะตีจะด่ามัน ให้มันรับใช้เยวี่ยเยวี่ยของฉันตลอดไป!”
เหอปี้อวิ๋นระเบิดหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง เธอรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะแทงใจดำเหยียนซินหย่ามากที่สุด เธอรู้สึกสะใจมากเมื่อได้กล่าวคำพวกนี้ไป สาแก่ใจที่สุด! แต่บอกได้แค่ว่าเหอปี้อวิ๋นช่างโง่เขลานัก หรือบางทีสติของเธออาจบกพร่องแล้วจริงๆ ก็ได้ เวลานี้นอกจากไม่คิดแก้ปมความขัดแย้งแล้ว ยังปักมีดลงกลางใจเหยียนซินหย่าอีก สมแล้วที่เธอจะโดนเหยียนซินหย่าทำหัวแตก!
ไม่ใช่แค่เหยียนซินหย่าที่รู้สึกโกรธ จ้าวอิงหนานก็โกรธไม่น้อย กล้าเหยียบย่ำหลานสาวตระกูลจ้าวของเธอแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายสถานเดียว!
จ้าวอิงหนานแย่งก้อนอิฐในมือเหยียนซินหย่ามาทันทีแล้วกระแทกมันลงไปจากข้างบน แรงของเธอเหนือกว่าเหยียนซินหย่ามากนัก เหอปี้อวิ๋นไม่ทันปริเสียงใดๆ ก็กลอกตาล้มลงไปกับพื้น
…………………….
ตอนที่ 544 อู่เยวี่ยไม่ได้ยินเสียงแล้ว
จ้าวอิงหนานโยนก้อนอิฐในมือทิ้งแล้วปัดมือ พยุงร่างสั่นไม่หยุดของเหยียนซินหย่าไปนั่งข้างๆ พี่สะใภ้คนเล็กของเธอร่างกายอ่อนแอเกินไป
อู่เยวี่ยมองฉากชุลมุนที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าบ้านด้วยความสะพรึง หูข้างขวาของเธอจนตอนนี้ยังดังอื้ออึงไม่หยุดตั้งแต่เมื่อวาน เธอได้ยินสิ่งที่คนพวกนี้พูดไม่ชัด เสียงทุกเสียงกลายเป็นเสียงดังอื้ออึงภายในหูทั้งหมด
“แม่คะ รีบฟื้นสิ!”
เหอปี้อวิ๋นที่นอนบนพื้นหน้าชุ่มไปด้วยเลือด บริเวณศีรษะมีรอยแผลเล็กใหญ่หลายที่แถมเลือดยังไหลช้าๆ ไม่หยุด จ้าวอิงหนานควบคุมแรงได้ดี เธอแค่ทำเหอปี้อวิ๋นเจ็บตัว ไม่เกิดปัญหาใหญ่แน่
อู่เยวี่ยเขย่าตัวเหอปี้อวิ๋นอยู่พักหนึ่งแต่เหอปี้อวิ๋นยังไม่ฟื้นขึ้นมา อู่เยวี่ยรู้สึกแค่ว่าราวกับเธอถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง คุณปู่และคุณพ่อทิ้งเธอไปแล้ว ให้เธอมาอยู่ด้วยกันกับเหอปี้อวิ๋น
แต่ตอนนี้เหอปี้อวิ๋นเองยังรักษาตัวแทบไม่ได้ ไหนจะหวังพึ่งคุณตากับคุณยายไม่ได้อีก นับตั้งแต่เธอกลับมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยทำหน้าดีๆ ใส่เธอเลยสักครั้ง
อู่เยวี่ยเศร้าเสียใจปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจนเธอไม่ทันตั้งตัว หลังจากนี้เธอควรทำอย่างไร?
ทำไมเด็กที่ถูกขโมยไม่ใช่เธอ?
เช่นนี้เธอก็จะมีคุณพ่อที่มีตำแหน่งใหญ่โต อนาคตไม่รู้ว่ามีคนอิจฉาเธอมากขนาดไหนกัน!
อู่เยวี่ยมองไปทางเหยียนซินหย่าที่กำลังนั่งพักอยู่ ต่อให้ผมเผ้ายุ่งเหยิงทำหน้าขึงขังแต่ไม่อาจลดทอนความสง่าของเธอได้เลย แค่ดูแวบแรกก็รู้ว่าเธอต้องเป็นคุณนายของผู้มียศถาบรรดาศักดิ์คนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของคุณแม่เธอ ถ้าเช่นนั้นควรเป็นคุณป้าของเธอ!
“คุณป้าคะ ได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตแม่ของหนูด้วยเถอะ แม่ของหนูสำนึกผิดแล้ว ไว้ชีวิตแม่หนูด้วยเถอะ!”
อู่เยวี่ยคุกเข่าต่อหน้าเหยียนซินหย่าและกราบลงแทบเท้าไม่หยุด หากบอกว่าเธอขอความเห็นใจแทนเหอปี้อวิ๋น พูดให้ถูกคือเธอทำเพื่อตัวเอง อู่เยวี่ยรู้ดีกว่าใคร หากเหอปี้อวิ๋นทุกข์ทรมาน เธอเองก็ไม่พ้นต้องมีชะตากรรมเดียวกัน
เหยียนซินหย่ามองอู่เยวี่ยอย่างนึกรังเกียจ เด็กผู้หญิงคนนี้น่าแค้นใจยิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋น การที่เหอปี้อวิ๋นทารุณเหมยเหมย อู่เยวี่ยก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่น้อย
“เธอชื่ออู่เยวี่ยใช่ไหม?” เหยียนซินหย่าถามเสียงเย็นชา
อู่เยวี่ยมองเหยียนซินหย่าอย่างมึนงงเพราะไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าเธอกำลังพูดอะไร เธอร้องไห้โฮ “คุณป้าคะ หูของหนูถูกคุณปู่ทุบตีจนเสียหายไปแล้ว หนูไม่ได้ยินว่าคุณป้าพูดอะไร คุณป้า ขอร้องเถอะ คุณป้าช่วยพาหนูไปหาหมอหน่อยได้มั้ยคะ? หนูไม่อยากเป็นคนหูหนวก ขอร้องนะคะคุณป้า!”
เธอกอดขาเหยียนซินหย่าร้องไห้น่าสงสาร ความหวังสุดท้ายถูกพนันไว้ที่เหยียนซินหย่า อู่เยวี่ยคิดว่าคุณป้าคนนี้ของเธอน่าจะเป็นคนขี้ใจอ่อน ขอแค่เธอแกล้งทำตัวน่าสงสารกว่านี้สักนิดต้องได้รับความเห็นใจจากเหยียนซินหย่าแน่นอน
วางแผนได้แยบยลดี แต่เธอกลับคาดคะเนความโกรธเคืองของคนเป็นแม่คนหนึ่งผิดไป!
เหยียนซินหย่ายกเท้าถีบอู่เยวี่ยออกห่างจากตัวแล้วมองเธออย่างรังเกียจ ค่อยๆ พูดทีละคำๆ “ฉันไม่ใช่คุณป้าของเธอ เธอกับแม่ของเธอน่ารังเกียจเหมือนกัน ทำร้ายเหมยเหมยของฉันแล้วยังอยากให้ฉันพาเธอไปหาหมอ? ถุย หน้าไม่อายเหมือนกับแม่ของเธอเลยนะ ถ้าไม่เห็นว่าเธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ฉันคงได้เอาก้อนอิฐทุบหัวเธอให้ตายอีกคนแน่ๆ!”
แม้อู่เยวี่ยฟังคำของเหยียนซินหย่าไม่ชัดแต่เธอกลับเห็นความแค้นเคืองจากแววตาเหยียนซินหย่าเต็มสองตา หัวใจจมดิ่งสู่เหวลึกฉับพลัน
“คุณป้า ฟังหนูอธิบายก่อน เหมยเหมยเข้าใจหนูผิดไป หนูไม่เคยทำร้ายเหมยเหมย หนูไม่เคยเลยจริงๆ คุณป้าต้องเชื่อหนูนะ!”
อู่เยวี่ยร้องเสียงดังอย่างไม่ละอายใจ เหมยเหมยถูกเสียงของเธอล่อออกมาจากตัวบ้าน ได้ยินคำพูดเหลวไหลของเธอแล้วไฟโทสะก็พุ่งพรวดขึ้นมากลางอก เดินไปตบหน้าเธอฉาดหนึ่ง
“อู่เยวี่ย เธอยังไม่รู้สึกละอายอีกเหรอ? เธอทำร้ายฉันตั้งหลายครั้งยังไม่กล้ายอมรับอีก ไอ้คนหน้าไม่อาย ไปตายซะ!”
……………………..
ตอนที่ 545 เอาโฉนดบ้านมา
อู่เยวี่ยถูกเหมยเหมยตบหน้าจนเสียงอื้ออึงในหูดังยิ่งกว่าเดิม ก็ยิ่งไม่ได้ยินในสิ่งที่คนอื่นพูด
เธอแค้นใจเหมยเหมยแทบตายแต่เธอไม่กล้าเปิดเผยมันออกมา อู่เยวี่ยรู้สึกน้อยใจเหลือเกินที่ไม่มีใครคอยหนุนหลังเธอ น้ำตาไหลพลั่งพรูไม่หยุดหย่อน ในอดีตล้วนเป็นเธอที่รังแกจ้าวเหมย จ้าวเหมยไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป มีแค่เธอที่ต้องโดนจ้าวเหมยรังแกข่มเหง แถมยังต้องคอยกล้ำกลืนอดทนในสิ่งที่เจอ ไม่กล้าปริปากแม้แต่นิดเดียว
เหมยเหมยมองเธออย่างได้ใจ รู้สึกพึงพอใจกับสภาพย่ำแย่ของอู่เยวี่ยในปัจจุบันอย่างมาก จากนี้ไปนังแพศยาคนนี้จะต้องย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเธอมีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ!
“แม่คะ พี่กับมู่มู่ใกล้จะย้ายของเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราล็อกประตูใหญ่ไว้ ถ้ามีคนกล้าบุกรุกเข้ามาอีกก็เท่ากับบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล ให้ตำรวจจับกุมตัวพวกเขาให้หมด”
เหมยเหมยแสร้งพูดเสียงดังหมายจะให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยิน ฮูหยินผู้เฒ่าบันดาลโทสะจนแทบกระอักเลือด พยายามระงับสติอารมณ์ตอบกลับ “ซินหย่า บ้านหลังนี้พ่อแม่เธอให้เรามาตอนนั้น ครอบครัวฉันอาศัยอยู่ที่นี่มายี่สิบกว่าปี เพื่อนบ้านใครจะไม่รู้บ้างว่าบ้านหลังนี้คือของเรา?”
เหยียนซินหย่าโต้กลับเสียงขุ่นเคือง “บ้านหลังนี้พ่อแม่ฉันตกลงให้พวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? ก็แค่ให้พวกคุณอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ให้พวกคุณอยู่ฟรีๆ มายี่สิบกว่าปี แต่พวกคุณทำยังไงกับพ่อแม่ฉัน?”
ท่านผู้เฒ่าเหอกลับกุมหน้าไว้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ซุกศีรษะไว้ตรงเข่า ท่าทางขี้ขลาดนั่นแค่เห็นก็รู้สึกโมโห
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเหอกลับไม่เปลี่ยนสีหน้า ต่อให้วันเวลาย้อนกลับไปอีกครั้งเธอก็ยืนยันจะทำเช่นเดิม
“ซินหย่า เธอน่าจะเห็นใจน้าชายเธอบ้างนะ โทษของพ่อแม่เธอคือโทษถึงชีวิต น้าชายเธอต้องเลี้ยงดูครอบครัว ไม่กล้าทำอะไรผิดพลาดเลย เธอว่าถูกต้องมั้ยล่ะ!”
เหยียนซินหย่าได้ยินคำพูดอันน่าไม่อายของอีกฝ่ายอดตัวสั่นไม่ได้ เค้นเสียงพูดทีละคำ “ได้ ในเมื่อพวกคุณไม่กล้ายืนอยู่ข้างเดียวกับบ้านฉันก็เท่ากับแบ่งแยกชัดเจนว่า หลังจากนี้สองครอบครัวเราไม่ใช่ญาติกันอีกต่อไป เป็นแค่คนแปลกหน้า ตอนนี้พวกคุณไสหัวออกไปซะ!”
“บ้านหลังนี้เป็นของบ้านฉัน เธอมีสิทธิ์อะไรมาให้เราไสหัวไป? คนที่ควรไสหัวไปคือพวกเธอต่างหาก!”
ลูกสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าเหอ พอได้รู้ข่าวก็รีบมาเปล่งเสียงด่า ผู้หญิงคนนี้ถูกชะตากับฮูหยินผู้เฒ่าเหออย่างมากแทบจะมีนิสัยเดียวกัน เหยียนซินหย่าล้วงโฉนดที่ดินออกจากกระเป๋ากางต่อหน้าผู้คน “พวกคุณบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของพวกคุณ งั้นรบกวนช่วยเอาโฉนดที่ดินออกมาดูหน่อย”
ครานี้มีคนมามุงดูอยู่นอกประตูบ้านตระกูลเหอไม่น้อย ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านละแวกนี้ เห็นเสื้อผ้าของใช้ที่กองเป็นภูเขาก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ ต่างซุบซิบกันระนาว
ฮูหยินผู้เฒ่าใจหล่นวูบ เถียงปากแข็ง “โฉนดบ้านโดนหนูแทะไปแล้ว บ้านหลังนี้คือของบ้านฉัน ไม่งั้นบ้านฉันจะอาศัยมาได้ยังไงตั้งหลายปี!”
เหยียนซินหย่าเอาโฉนดบ้านให้ผู้คนที่มามุงดูอย่างสนใจแล้วพูดเสียงดัง “พวกคุณไม่มีโฉนดบ้าน เพราะคุณไม่เคยมี แต่ฉันกลับมี บนโฉนดเขียนชื่อของฉันไว้ บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นของฉัน ฉันไม่มีวันปล่อยบ้านให้คนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณอย่างพวกคุณอยู่หรอก รีบไสหัวไปให้หมดซะ!”
“โฉนดบ้านของเธอต้องเป็นของปลอม ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ ฉันไม่ไป ฉันจะอยู่บ้านของฉัน ทำไมฉันต้องไป!”
ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนไปใช้แผนดื้อเพ่งไม่ยอมไป ทิ้งตัวนั่งร้องไห้ปล่อยโฮบนพื้น บอกแค่ว่าพวกเหยียนซินหย่าคือโจร คือกองโจรกินคน คนนอกเห็นแล้วอดฉงนใจไม่ได้ต่างเกลี้ยกล่อมให้เหยียนซินหย่าเมตตา อย่างไรเสียก็ให้ตระกูลเหอผ่านช่วงปีใหม่ก่อนค่อยย้ายสิ!
เหยียนซินหย่าไม่ถนัดพูดเท่าไรอีกทั้งเธอไม่อยากอธิบาย ได้แต่ปล่อยให้คนอื่นพูดโดยที่ตัวเองไม่แย้งสักคำ ยิ่งทำให้ดูเป็นคนไร้เหตุผลมากกว่าเดิม
………………..
ตอนที่ 546 ปลดปล่อยอารมณ์
คนรอบด้านเห็นท่าทางเช่นนี้ของเหยียนซินหย่าแล้วก็ยิ่งเห็นใจฮูหยินผู้เฒ่ากว่าเดิม เริ่มรู้สึกว่าเหยียนซินหย่าทำเกินไปจริงๆ ในเมื่ออยู่มาฟรีๆ ยี่สิบกว่าปีแล้วทำไมต้องมารีบร้อนให้ย้ายออกภายในไม่กี่วันนี้ด้วยล่ะ!
เหมยเหมยเริ่มจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ครอบครัวเธอเป็นฝ่ายมีเหตุมีผลแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฝั่งฮูหยินผู้เฒ่าเหอเป็นฝ่ายได้เปรียบแทน เธอกลอกตาที รีบไปฉุดสยงมู่มู่ออกมาจากตัวบ้าน เพราะเจ้าหมอนี่ปากจัด
สยงมู่มู่ปากจัดอย่างที่ว่าจริงๆ พูดยาวเหยียดราวกับอ่านหนังสือ เล่าบุญคุณความแค้นระหว่างตระกูลอู่ ตระกูลเหอ และตระกูลเหยียนอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ฟังดูน่าสงสารจนผู้คนที่ได้ฟังต่างรู้สึกโกรธแค้นแทน
“ไม่คิดเลยว่าตระกูลเหอจะเป็นคนแบบนี้ ร้ายตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียว ถ้าเป็นฉันนะจะทำลายข้าวของพวกมันให้เละถึงจะหายแค้น!”
ผู้คนที่มามุงดูพูดกันจ้าละหวั่น ไม่ใช่แค่วิพากษ์ แต่ล้วนเป็นคำด่าทอตระกูลเหอ เหมยเหมยอมยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ไม่มีใครรู้ซึ้งพลังของการถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้มากเท่าเธอแล้ว
ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเหอจะทำตัวไร้เหตุผลขนาดไหนทุกอย่างก็ได้กำหนดไว้แล้ว เหยียนซินหย่ามีโฉนดบ้านในมือ ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าคร่ำครวญอย่างไรก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีใครแสดงตัวช่วยพูดขอความเห็นใจแทนเธอ
จ้าวเสวียหลินยกโทรทัศน์ขาวดำเครื่องหนึ่งออกมาวางไว้บนพื้น ตบมือปัดฝุ่นไปมา “ของย้ายหมดแล้ว เราล็อกประตูได้แล้ว”
เหยียนซินหย่าล้วงแม่กุญแจที่ซื้อใหม่จากกระเป๋ายื่นให้จ้าวเสวียหลิน ให้เขาล็อกประตูบ้าน
“ห้ามล็อก พวกเธอกำลังบีบบังคับให้ฉันไปตาย ถ้าเธอล็อกประตูตอนนี้ฉันก็จะเอาหัวชนกำแพง”
ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นใช้วิธีสุดท้าย หนึ่งร้องไห้สองคร่ำครวญสามขู่ฆ่าตัวตาย นี่เป็นอาวุธที่เธอใช้ครองความเป็นใหญ่ในหมู่บ้านแห่งนี้ในอดีต ลองมาร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง
แต่ว่า…
เหยียนซินหย่าเหลือบมองเธอแวบหนึ่งอย่างดูถูกดูแคลน ไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ จ้าวอิงหนานตะโกนเสียงดัง “ไปชนกำแพงที่อื่นนะ อย่ามาทำบ้านของฉันแปดเปื้อน”
“แกร๊ก”
จ้าวเสวียหลินรีบล็อกประตูอย่างไว เมื่อประตูบ้านถูกปิดตัวลงได้ปล่อยให้คนตระกูลเหออยู่นอกประตู ฮูหยินผู้เฒ่าเหอกับลูกสะใภ้ของเธอก็ร้องไห้คร่ำครวญจะขาดใจแต่ก็ไร้ความเห็นใจจากผู้คน ใครให้ผู้หญิงสองคนนี้ปกติไม่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกันล่ะ!
เหอปี้ซือวิ่งเร่ากลับมาเห็นประตูบ้านที่ถูกล็อกแน่นหนาก็ยืนมองตาค้าง เขาเป็นเหมือนท่านผู้เฒ่าเหอ พ่อของเขา ต่างเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว อ่อนแอ และอยู่ในโอวาทของภรรยา คิดหาทางแก้ไม่ได้สักนิด สองพ่อลูกนั่งห่อตัวถอนหายใจที่มุมกำแพง
“เหมยเหมย วันหลังแม่จะเรียกช่างมาแต่งบ้านใหม่ บ้านหลังนี้เป็นของลูกนับแต่นี้ไปแล้วนะ ลูกอยากทำอะไรข้างในก็ทำ จะเลี้ยงไก่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเลี้ยงหมูก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครมาห้ามลูกได้อีก!”
เหยียนซินหย่าพูดเสียงดังจงใจพูดให้คนตระกูลเหอฟัง บ้านของเธอ ลูกสาวของเธออยากทำอะไรก็ทำ!
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเธอเลยพูดให้ความร่วมมือ “ขอบคุณค่ะแม่ หลังจากนี้หนูจะเลี้ยงหมูไว้ในนี้คอกหนึ่ง แบบนี้บ้านเราก็ไม่ต้องซื้อเนื้อหมูอีกแล้ว!”
สยงมู่มู่หลุดขำ ยายคนนี้เวลาด่าใครไม่เคยมีคำหยาบเลย สุดยอด!
คนตระกูลเหอจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าสองแม่ลูกเหยียนซินหย่ากำลังกระแนะกระแหนพวกเขา แต่ละคนทำหน้าบึ้งตึง แค้นใจจนต้องกัดฟันกรอด
แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้อีก?
สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้คือ คืนนี้จะไปพักที่ไหน?
อีกสองวันก็ใกล้สิ้นปี มื้ออาหารที่ได้รวมตัวคนในครอบครัวพวกเขาจะไปทานที่ไหน?
เหยียนซินหย่ามองคนตระกูลเหอที่ตกระกำลำบากตรงหน้าอย่างพอใจ ความแค้นใจที่อัดอั้นมายี่สิบกว่าปี ในที่สุดวันนี้ก็ได้ปลดปล่อยออกมา อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยแถมยังรู้สึกฮึกเหิมอีกเท่าตัว
“ไปกันเถอะ ท้องฟ้ายังไม่มืด เราไปซื้อเสื้อใหม่ให้เหมยเหมยกัน วันนี้เป็นวันดี คืนนี้ฉันเลี้ยงเอง ไปทานมื้อใหญ่ที่ภัตรคารจุ้ยเซียนกัน”
……………………
ตอนที่ 547 นอนไม่หลับ
กลางคืนจ้าวอิงหัวกลับมาจากข้างนอกได้ยินว่าพวกเหมยเหมยได้แผลงฤทธิ์ที่บ้านตระกูลเหออย่างไรแล้วนอกจากจะไม่ตำหนิพวกเขากลับยังชื่นชมเหมยเหมย
“ไม่เลว ลูกสาวของตระกูลจ้าวควรเป็นแบบนี้ ว่าแต่ลูกสาวเถอะ คราวหลังเรื่องที่ต้องใช้กำลังก็อย่าทำเลย ให้พี่ชายของลูกทำ ระวังจะเจ็บมือนะ!”
จ้าวอิงหัวจับมือเหมยเหมยมามองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นแผลถลอกตรงไหนถึงวางใจ ย้ำนักหนาว่าหลังจากนี้เธออย่าลงมือเอง จ้าวเสวียหลินที่อยู่ข้างๆ ก็พูดเชิงเห็นด้วย “ใช่ มีพี่อยู่ ไม่ต้องให้น้องสาวของพี่ต้องลงมือหรอก ให้พี่จัดการทั้งหมดเอง!”
น่าสงสารเหมยเหมยเมื่อชาติที่แล้วที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติที่อบอุ่นในยามหนาวเหน็บเช่นนี้ ณ เวลานี้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ๆ ก็ผุดจากขั้วโลกใต้มาที่ทวีปแอฟริกา คลื่นร้อนซัดโครมหนักหน่วงให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวกระทั่งหัวใจ
เหมยเหมยน้ำตาซึม ความอบอุ่นที่เธอใฝ่ฝันมาตลอดสองชาติ ในที่สุดชาตินี้เธอก็ได้มันมา
ขอบคุณพระเจ้า!
“ขอบคุณค่ะพ่อ ขอบคุณค่ะพี่!”
เหมยเหมยสูดจมูก เสียงเล็กเสียงน้อยทำเอาลูกผู้ชายสองคนอิ่มเอมใจอย่างมาก ดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ถูกพึ่งพาแบบนี้เป็นที่สุด
จ้าวอิงหัวกะพริบตาปริบ แคะหูตัวเองอย่างสงสัย เมื่อกี้เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม ลูกสาวเรียกเขาว่าคุณพ่อ?
พอเห็นจ้าวอิงหัวทำหน้าระแวดระวังแต่ก็ไม่กล้าถามอย่างนั้น เหมยเหมยก็ใจอ่อน เปล่งเสียงให้ดังกว่าเดิม “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ!”
“โถ่ ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันหรอก คนเป็นพ่อทำเพื่อลูกสาวเป็นเรื่องปกติ จากนี้ไปถ้าเหมยเหมยมีเรื่องอะไรมาหาพ่อนะ ขอแค่ไม่ต้องการให้เด็ดดาวเด็ดดวงจันทร์บนฟ้า พ่อทำให้ลูกได้หมด!”
จ้าวอิงหัวตื้นตันใจกับคำว่าคุณพ่อไม่เหลือสภาพ ลูกผู้ชายอกสามศอกเกือบเสียน้ำตาต่อหน้าลูกสาว สิบสองปีเชียวนะ!
ในที่สุดเขาก็รอวันที่ลูกสาวเรียกเขาได้สักที!
เสียงเจ้าตัวเล็กขี้เอาใจเรียกคุณพ่อมันช่างน่าฟัง น่าฟังกว่าที่ลูกชายเรียกร้อยเท่า!
คุณรองนายกเทศบาลจ้าวอิงหัวผู้น่าเกรงขามถูกเสียงอ่อนหวานของเหมยเหมยหลอกล่อให้กลายเป็นทาสของลูกสาวที่ยอมจำนนต่อลูกสาว
แค่เสียดายที่ลูกสาวโตแล้ว หากเร็วกว่านี้อีกไม่กี่ปีเขาคงให้ลูกสาวขี่คอเขา พาลูกสาวไปดูละครเวทีที่วัดเฉิงหวง คนอื่นต้องอิจฉาเขาตายแน่ๆ!
จ้าวเสวียหลินได้ใจยิ่งกว่าพ่อของเขาเพราะน้องสาวเรียกเขาว่าพี่ชายก่อน พ่อของเขายังต้องต่อท้ายเขาด้วยซ้ำ!
วันรุ่งขึ้นต้องกลับเมืองหลวงแล้ว ตกดึกเหยียนซินหย่าร่วมเก็บของกับจ้าวอิงหนาน ขากลับจากบ้านตระกูลเหอพวกเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อผ้าให้เหมยเหมยหลายชุด ล้วนเป็นเสื้อผ้าตัวใหม่ทั้งนั้น
ค่ำคืนบริเวณที่พักเงียบสงัด จู่ๆ คืนนี้เหมยเหมยก็นอนไม่หลับ นอนบนเตียงพลิกตัวอย่างไรก็นอนไม่หลับ เธอกังวลมาก
ไม่รู้ว่าญาติที่เมืองหลวงจะชอบเธอไหม?
และไม่รู้ว่านิสัยของพวกเขาเป็นอย่างไร?
เป็นมิตรหรือเปล่า?
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหมยเหมยกังวลใจเหมือนถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย ต่อให้จ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่ารับปากกับเธออย่างไรก็ไร้ผล ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
อีกอย่างเธอคิดถึงเหยียนหมิงซุ่นแล้ว ไม่ได้เจอเหยียนหมิงซุ่นมาทั้งวัน พรุ่งนี้ต้องไปเมืองหลวงอย่างน้อยก็ไม่ได้เจอเขาครึ่งเดือน ความจริงนี้ทำให้เหมยเหมยรู้สึกอ้างว้างในใจ เธอไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไม
นอกหน้าต่างเกิดเสียงเคลื่อนไหวที่คุ้นหู ฉิวฉิวที่นอนคว่ำตัวกำลังถูกเหมยเหมยที่นอนไม่หลับคลึงหางไปมากะพริบตาดำขลับปริบๆ ส่งเสียงเรียกหลายที พระเจ้า!
เจ้าหมอนี่มาสักทีนะ ถ้ายังไม่มาอีกหางแสนสวยของเขาใกล้จะถูกเจ้าของตัวน้อยลูบจนขนร่วงหมดแล้ว
แค่คิดว่าหางแสนสวยที่เขาถนัดเอาไปหยอกเอินกระรอกตัวเมียจะขนร่วงหมดตัวฉิวฉิวก็ปวดใจแทบตาย เสียงที่ดังขึ้นในตอนนี้ราวกับเสียงจากสรวงสวรรค์ ฉิวฉิวแวบตัวไปอย่างคล่องแคล่ว กางเล็บดึงที่ล็อกหน้าต่างขึ้นก่อนจะผลักหน้าต่างออก
…………………….
ตอนที่ 548 เราไม่ใช่คุณตงกัว
เหมยเหมยกระโดดลงจากเตียงผลักหน้าต่างออกอย่างดีใจ คนที่ยังคิดถึงอยู่เมื่อครู่ก็มาปรากฏตัวอยู่นอกหน้าต่างในพริบตา
เหยียนหมิงซุ่นกอดท่อลำเลียงน้ำโดยใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนขอบหน้าต่าง อมยิ้มให้เหมยเหมย ควันขาวถูกพ่นจากปากเป็นระยะๆ
“พี่หมิงซุ่นรีบเข้ามา!”
เหมยเหมยดึงเหยียนหมิงซุ่นเข้าห้องอย่างเป็นห่วง นี่เธออยู่ชั้นสามเชียว หากเท้าลื่นพลาดตกลงไปอาจถึงชีวิตเลยก็ได้
เธอหยิบถุงน้ำร้อนจากที่นอนยัดใส่มือเหยียนหมิงซุ่นให้ความอุ่น พลางอดบ่นไม่ได้ “พี่หมิงซุ่น คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ม้าที่วิ่งมาพันลี้ยังมีเวลาที่พลาดท่า ถ้าเกิดตกลงไป แขนหักหรือขาหักยังถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าโขกใส่ที่อื่นก็แย่สิ!”
คอยมองเด็กสาวบ่นงึมงำๆ เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่รู้สึกรำคาญสักนิด อุ่นใจแทนมากกว่า
บนโลกใบนี้นอกจากคุณยายกับคุณย่าที่จะคอยพร่ำบ่นเป็นห่วงสุขภาพเขาแล้ว ก็มียายเด็กนี่เป็นคนที่สาม!
“ไม่เป็นไร ปีนตึกง่ายกว่าเดินบนถนน ต่อให้ตกลงไปก็ไม่แย่ พี่เคยเรียนกังฟูมาเชียวนะ”
เหยียนหมิงซุ่นอดพูดโอ้อวดใส่เหมยเหมยอย่างห้ามไม่ได้ ต่อให้เขาเป็นคนสุขุมอย่างไรก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบหกปี เป็นนิสัยติดตัวของผู้ชายทุกคนที่อยากอวดสิ่งที่ตัวเองภูมิใจต่อหน้าหญิงที่ตนชอบ เพียงแค่ยามนี้เหยียนหมิงซุ่นยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
เหมยเหมยถึงเพิ่งนึกได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นอนาคตเป็นถึงผู้บัญชาการที่ทำคุณประโยชน์จนเป็นที่เลื่องลือโดยไม่พึ่งแรงใคร อาศัยความสามารถตัวเองค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไป หากไม่เก่งจริงๆ คงทำไม่ได้
“งั้นพี่ก็ต้องระวังหน่อย ต่อให้เดินบนถนนก็อาจจะล้มหัวฟาดพื้นก็ได้นะ!”
เหมยเหมยพูดเสียงอ่อน ลากเสียงท้ายยาวและสูงกว่าเดิมหลายคีย์ เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะแคะหู
เสียงของยายเด็กนี่ไพเราะจริงๆ แต่ฟังทีไรก็ชอบจั๊กจี้ที่หูตลอด!
“อืม พี่จำไว้แล้ว เงินพวกนี้ให้เธอนะ เก็บไว้ให้ดี อย่าบอกใคร”
เหยียนหมิงซุ่นล้วงเงินก้อนหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวซึ่งเป็นเงินจำนวนห้าร้อยหยวนที่เหมยเหมยทิ้งไว้ที่บ้านตระกูลอู่พอดี เขาเอามันมาให้ เหมยเหมยไม่ได้รับไว้กลับย้อนถาม “พี่หมิงซุ่น เงินปีใหม่ของพี่พอใช้มั้ย? ถ้าไม่พอก็เอาเงินพวกนี้ไปใช้ ฉันยังมีเงินติดตัวอยู่ คุณแม่ให้ฉันมา”
ว่าแล้วเธอล้วงเงินอีกจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าที่มีถึงสิบกว่าหยวน ล้วนเป็นเงินที่เหยียนซินหย่าให้เธอมา
เหยียนหมิงซุ่นยัดเงินคืนให้เหมยเหมยพลางพูดกลั้วหัวเราะ “หลายวันก่อนพี่ไปเก็บค่าเช่ามาได้หลายร้อยหยวน พอใช้ตอนวันปีใหม่แล้ว เงินพวกนี้เธอเก็บไว้ให้ดี เมืองหลวงเป็นเมืองใหญ่ มีเงินติดตัวเยอะหน่อยถึงจะสบายใจ”
เหมยเหมยพยักหน้าแล้วเก็บเงินใส่ลิ้นชัก เหยียนหมิงซุ่นถามเธออีกหลายเรื่อง เขาถามอ้อมค้อมอย่างมากทั้งที่แค่อยากรู้ว่าจ้าวอิงหัวกับเหยียนซินหย่าดีกับเธอหรือไม่ แต่พอได้ฟังคำตอบของเหมยเหมย เหยียนหมิงซุ่นถึงเบาใจลง
สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวเก่งกาจกว่าอู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋นร้อยเท่า เหมยเหมยต้องมีความสุขที่บ้านใหม่มากแน่ๆ!
“พี่หมิงซุ่น วันนี้ตอนเย็นเรา…”
เหมยเหมยอดแบ่งปันผลการต่อสู้เมื่อช่วงเย็นของเธอให้กับเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ เล่าอย่างออกรสขณะที่มีเหยียนหมิงซุ่นคอยอมยิ้มรับ สายตาฉายแววอ่อนโยนรักใคร่โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ
ยายหนูตอนนี้พลังเต็มเปี่ยม บนใบหน้าไม่ได้ดูเศร้าหมองเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว มันดีมากจริงๆ!
“พี่หมิงซุ่น พี่จะรู้สึกว่าฉันร้ายมากมั้ย?”
พูดคนเดียวไปเสียพักใหญ่ก็ไม่มีเสียงโต้ตอบจากเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมยใจดิ่งลงมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างกังวลใจ
ดวงตาคู่โตของเด็กสาวเปื้อนน้ำตา ความไม่สบายใจ ความกังวล ความหวาดกลัว…ทำเอาเหยียนหมิงซุ่นใจอ่อนยวบ เขาอดยื่นมือไปบีบจมูกของเหมยเหมยไม่ได้
“เหมยเหมยในตอนนี้ดีมาก เราจะไม่เป็นอย่างคุณตงกัว[1] หรอกนะ”
……………………
[1] คุณตงกัว ชื่อบุรุษในเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เป็นชายที่หาทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตหมาป่าโดยที่ตัวเองเกือบเป็นอันตราย เปรียบเทียบบุคคลที่เมตตาคนชั่วร้ายอย่างโง่เขลา
ตอนที่ 549 คุณปู่คุณย่าไม่ใช่คนธรรมดา
เหมยเหมยโล่งใจทันที ขอแค่เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดว่าเธอเป็นเด็กสาวนิสัยร้ายกาจก็พอ เธอไม่สนใจความคิดคนอื่นหรอก
“พี่หมิงซุ่น พรุ่งนี้ฉันจะกลับเมืองหลวงแล้ว นั่งเครื่องบินกลับไปด้วยแน่ะ!” เหมยเหมยพูดอย่างดีใจ
บางครั้งแม้เหยียนหมิงซุ่นจะรู้สึกตกใจแต่กลับไม่รู้สึกแปลกใจ ตั๋วเครื่องบินในตอนนี้ถึงจะหาได้ยากแต่จากสายสัมพันธ์ของตระกูลจ้าว ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“บนเครื่องบินมีของอร่อยๆ ที่หาซื้อข้างนอกไม่ได้ ถึงตอนนั้นเหมยเหมยกินเยอะๆ หน่อยนะ” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าว แม้เขาไม่เคยนั่งเครื่องบินแต่ลุงหมิงเคยนั่ง เมื่อก่อนเคยฟังลุงหมิงเล่าว่าบนเครื่องบินมีน้ำอัดลม ช็อกโกแลต กาแฟ ล้วนเป็นอาหารนำเข้าที่หาได้ยาก
เพราะตอนนี้คนที่สามารถนั่งเครื่องบินได้หากไม่ใช่แขกจากต่างประเทศกับเพื่อนจากฮ่องกงมาเก๊าก็คือเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานสำคัญที่ต้องไปสัมมนา ชาวบ้านธรรมดาไม่มีใครได้นั่งเครื่องบิน และไม่มีเงินมากพอจะซื้อตั๋ว
เท่าที่เขารู้ ตั๋วเครื่องบินจากเมืองจินบินไปเมืองหลวงใบเดียวก็ต้องใช้เงินหกสิบแปดหยวน ไม่แยกผู้ใหญ่หรือเด็ก คนทุกวัยราคาเท่าเทียมกัน
ตระกูลจ้าวบินกลับเมืองหลวงทั้งครอบครัว แค่ตั๋วเครื่องบินคงต้องใช้เงินราวๆ สามร้อยหยวน ชาวบ้านธรรมดาที่ไหนจะจ่ายไหว?
ต่อให้เป็นชาวบ้านธรรมดาที่มีเงินซื้อมากพอ พวกเขาก็หาซื้อตั๋วเครื่องบินไม่ได้ ตั๋วเครื่องบินในขณะนี้หาซื้อยากยิ่งกว่าอะไร ถ้าไม่พึ่งพาคนรู้จักคงไม่มีทางหาซื้อได้
เหมยเหมยแค่ได้ยินว่าบนเครื่องบินมีน้ำอัดลมก็อดยิ้มบานไม่ได้ กลับมาเกิดใหม่แล้วทุกอย่างดีไปหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอไม่พอใจคือขนมขบเคี้ยวน้อยลงไปมาก โดยเฉพาะอาหารขยะที่เธอชอบ ไม่เห็นมีสักอย่าง
“งั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะทานข้าวให้น้อยๆ ฉันจะดื่มน้ำอัดลมสามกระป๋อง”
เหยียนหมิงซุ่นอดบีบจมูกเธออีกทีไม่ได้ เด็กน้อยเสียจริง น้ำอัดลมนั่นอร่อยตรงไหน มีแค่แก๊ส ท้องอืดแล้วยังรู้สึกไม่สบายตัวอีก
“พี่หมิงซุ่น พี่เคยได้ยินเรื่องของคุณปู่คุณย่าฉันมั้ย? คุณปู่ฉันชื่อจ้าวหวายซาน คุณย่าชื่อซ่างกวนจินเยี่ยน ได้ยินว่าพวกท่านไม่ใช่คนธรรมดา” เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะหาใครสักคนเพื่อแบ่งปันความในใจ
เหยียนหมิงซุ่นหนังตากระตุก เขาเคยคาดคิดถึงความเป็นไปได้ของเบื้องหลังตระกูลจ้าวมานับไม่ถ้วน ยกเว้นแค่ไม่กล้าคิดถึงจ้าวหวายซาน
ประเด็นเพราะชื่อเสียงบุคคลนี้เป็นที่เลื่องลือมาก เป็นบุคคลที่แค่กระทืบเท้าเบาๆ พื้นเมืองหลวงยังต้องสะเทือน
จ้าวอิงหัวเป็นลูกชายของจ้าวหวายซาน?
ส่วนเหมยเหมยกลับเป็นถึงหลานสาวแท้ๆ ของจ้าวหวายซาน!
ความดีใจที่กะทันหันนี้ทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกมึนไปชั่วขณะ เขาคิดถึงเรื่องตระกูลจ้าวง่ายดายไปหน่อย
“เหมยเหมย คุณปู่คุณย่าของเธอเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่มากๆ อนาคตเธอต้องกตัญญูต่อพวกท่านนะ!”เหยียนหมิงซุ่นทำหน้าชื่นชม ผู้อาวุโสเลือดร้อนที่ต่อสู้เพื่อปฏิวัติประเทศ เขามีแต่ความเคารพนับถือยิ่งกว่าสิ่งใด
โดยเฉพาะสองสามีภรรยาจ้าวหวายซาน ได้ข่าวว่าหากผ่าเอาเศษลูกกระสุนที่ฝังบนตัวสองสามีภรรยาคงได้เต็มหนึ่งถาด สองสามีภรรยาคู่นี้ได้สละชีวิตเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งพวกเขายังได้ยอมสละลูกชายอีกหนึ่งคน
น่าจะเป็นคุณลุงของเหมยเหมย เพิ่งแต่งงานก็ต้องก้าวเข้าสู่สนามรบ กลับมาเหลือเพียงเถ้ากระดูก
เหมยเหมยเห็นสีหน้าจริงจังของเขาเลยพยักหน้าตอบอย่างจริงจังเช่นกัน ฟังแล้วคุณปู่คุณย่าของเธอไม่ใช่คนธรรมดา อนาคตเธอจะกตัญญูต่อพวกท่าน
เวลาดึกลงเรื่อยๆ เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเขาควรกลับไปแล้วแต่ยังอาลัยอาวรณ์ เขาตัดสินใจว่าคืนนี้จะทิ้งสติสัมปชัญญะทั้งหมด ปล่อยทุกอย่างไปตามใจตัวเอง ในเมื่อยายหนูยังสดใสมาก น่าจะคุยได้อีกชั่วโมงหนึ่ง
เพียงแต่…
จ้าวเสวียหลินที่ลุกมาเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงในห้องน้องสาวก็หูตั้งอย่างระแวดระวัง
เสียงอะไร?
หรือว่าจะเป็นหนู?
เป็นห่วงว่าหนูจะทำน้องสาวตกใจกลัวจ้าวเสวียหลินไม่ห่วงเรื่องเข้าห้องน้ำอีก เดินสลับวิ่งพุ่งมายังห้องของเหมยเหมยแทน
…………………………..
ตอนที่ 550 เหยียนหมิงซุ่นที่โดนจับคาที่
เหยียนหมิงซุ่นที่กำลังพูดคุยกับเหมยเหมยอย่างออกรส พลันหูกระตุก ใบหน้าฉายแววลนลานวูบหนึ่งและรีบพุ่งออกไปนอกหน้าต่าง เหมยเหมยยังไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ร่างของว่าที่ผู้บังคับบัญชาการเหยียนก็แวบไปนอกหน้าต่างฉับพลัน
“รอเธอกลับมาจากเมืองหลวงพี่ค่อยพาเธอไปหาหมอฟันนะ อย่าทานขนมมากไปล่ะ!”
เหยียนหมิงซุ่นที่กอดท่อน้ำไถลตัวลงไปไม่ลืมเตือนเหมยเหมยเรื่องขนมหวาน เห็นได้ว่าเขาใส่ใจเรื่องฟันผุสองซี่นั่นขนาดไหน!
เหมยเหมยกะพริบตาปริบๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
กำลังคุยกันอยู่ดีๆ ไม่ใช่หรือ?
ทำไมอยู่ๆ ถึงหนีไปเสียล่ะ?
ประตูถูกคนผลักเข้ามากะทันหัน จ้าวเสวียหลินที่ทำหน้าเป็นห่วงสอดส่องรอบทิศแต่ไม่เห็นหนู กลับเจอน้องสาวนั่งตากลมอยู่ริมหน้าต่างเพียงลำพัง
“เหมยเหมยนั่งริมหน้าต่างทำไมน่ะ?” จ้าวเสวียหลินไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่ฤดูร้อนสักหน่อย นั่งตากลมที่พัดมาจากทางเหนืออย่างนั้นจะสบายตัวหรือ?
เหมยเหมยใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกเหมือนโดนจับชู้ได้คาเตียงอย่างนั้น?
ทั้งที่เธอกับพี่หมิงซุ่นแค่นั่งคุยกันปกติ ยังไม่ได้ห่มผ้าด้วย!
เหมยเหมยที่นึกถึงจุดคลุมเครือ ใบหน้าดวงเล็กก็แดงก่ำไปถึงปลายหู
“หนู…หนูแค่ตื่นเต้นที่คิดว่าจะได้นั่งเครื่องบินในวันพรุ่งนี้เลยนอนไม่หลับ ลุกมาตากลมดูพระจันทร์หน่อยน่ะ”
เหมยเหมยพูดติดๆ ขัดๆ ในต้นประโยค พอถึงท้ายประโยคก็ลื่นไหลมากขึ้น สีหน้าเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอแอบชำเลืองไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาการเหยียนที่น่าสงสารยังกอดท่อน้ำลงไปอยู่เลย!
เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าส่งเสียงดังสักนิด จ้าวเสวียหลินไหวพริบดีเกินไป หากเขาขยับตัวเพียงนิดเจ้าหมอนี่ต้องจับเขาได้แน่ๆ
ตอนนี้หวังแค่เหมยเหมยจะล่อจ้าวเสวียหลินไปได้ เพื่อที่เขาจะไถลตัวลงไปอย่างราบรื่น
จ้าวเสวียหลินมองไปนอกหน้าต่างอย่างสงสัย ฟ้ามืดสนิท พระจันทร์มาจากที่ใดกัน?
น้องสาวตัวเองต้องเบลอไปแล้วแหง!
“เหมยเหมยรีบกลับไปนอนไป ข้างนอกหนาวขนาดนี้ พี่จะบอกให้นะ เครื่องบินเร็วกว่ารถไฟเยอะเลยล่ะ หนูแค่หลับตา ลืมตาอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล”
จ้าวเสวียหลินเดินมาหมายจะช่วยปิดหน้าต่าง เหมยเหมยสะดุ้งเฮือก จะให้พี่ชายจอมหวงเจอเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้
“พี่คะ ถุงน้ำร้อนหนูไม่ร้อนแล้ว พี่ช่วยเติมน้ำร้อนให้หนูหน่อยสิ” เหมยเหมยกล่าว
“ไม่ร้อนแล้วเหรอ? ได้ พี่จะไปเติมน้ำร้อนให้ หนูรีบกลับไปนอนเถอะ”
จ้าวเสวียหลินรับถุงน้ำร้อนมาแล้วเดินออกไปแต่ดวงตาเป็นประกายชั่ววูบ
น้องสาวยังอ่อนหัดไปหน่อย ใจคิดอะไรก็เปิดเผยบนหน้าทั้งหมด หึ เขาแค่รอเจ้าหนูตัวยักษ์นั่นปรากฏตัวเองแล้วกัน
เหมยเหมยรีบยื่นมือออกไปโบกนอกหน้าต่างเป็นเชิงให้เหยียนหมิงซุ่นรีบไป เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วไถลตัวลงไปด้วยความเร็งสูง ขณะที่เขาไถลลงถึงชั้นสองจู่ๆ จ้าวเสวียหลินย้อนกลับมาเดินตรงมาที่หน้าต่าง
“พี่จะไปปิดหน้าต่างก่อน ข้างนอกลมแรงขนาดนี้ เหมยเหมยระวังเป็นหวัดเอาได้นะ”
จ้าวเสวียหลินเดินไปพูดไป ไม่นานมาถึงริมหน้าต่าง เหยียนหมิงซุ่นที่รู้สึกผิดเป็นทุนเดิมตกใจจนลื่นมือเป็นเหตุให้เจ้าตัวพลาดตกลงไป
ได้ยินเสียงครางฮึมฮัมดังมาจากชั้นล่าง จ้าวเสวียหลินเหยียดยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ เด็กน้อย กล้ามาปีนห้องน้องสาวเขา! ล้มให้ตายไปเลย!
“หนูปิดหน้าต่างเองได้ พี่รีบไปเติมน้ำร้อนให้หนูเร็ว”
เหมยเหมยเองก็ได้ยินเสียงดังจากข้างล่างเลยเป็นห่วงจับใจ รีบเดินไปดูที่ริมหน้าต่างกลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นเดินขากะเผลกๆ จากไปเลยโล่งใจทันที
ยังดีๆ ไม่แขนหักขาหักก็พอ!
จ้าวเสวียหลินย่อมเห็นเช่นกันเลยไม่พอใจอย่างมาก ทำไมถึงไม่เป็นอะไรเลย?
เหมยเหมยถลึงใส่จ้าวเสวียหลินอย่างไม่พอใจ ความผิดของเขาทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆ เขาก็ย้อนกลับมาพี่หมิงซุ่นจะล้มลงไปได้อย่างไร?
“พี่ หนูจะนอนแล้ว พี่รีบไปเถอะ!”
เหมยเหมยแย่งถุงน้ำร้อนก่อนซุกตัวกลับที่นอน กล่าวประโยคเชิงขับไล่ให้จ้าวเสวียหลิน
“เหมยเหมยไม่เติมน้ำร้อนใส่ถุงแล้วเหรอ?” จ้าวเสวียหลินทำหน้าฉงน
“ไม่เติม ไม่เติมแล้ว!”
เหมยเหมยดึงผ้าห่มมาคลุมโปง เสียงอื้ออึงดังออกมาจากในผ้าห่ม จ้าวเสวียหลินลูบจมูกปอยๆ จำใจต้องเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ
………………………..
ตอนที่ 551 สุนัขจิ้งจอกเพศผู้
วันรุ่งขึ้นหลังมื้ออาหารเช้า คนทั้งสองครอบครัวเดินทางไปสนามบิน เหมยเหมยไม่ได้ทานอิ่มมากเพราะเธอตั้งใจปล่อยให้ท้องว่างล่ะ!
หลายคราที่จ้าวเสวียหลินอยากพูดบางอย่างแต่ก็ห้ามไว้ สุดท้ายทนไม่ไหวกระซิบข้างหูน้องสาว “เหมยเหมย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ยากที่จะรู้ว่าใจคนเราคิดอะไรอยู่โดยเฉพาะหัวใจของผู้ชาย ยังไงหนูก็ต้องระวังหน่อย”
หนูตัวยักษ์ที่ปีนกำแพงเมื่อคืน หากเขาเดาไม่ผิดน่าจะเป็นไอ้ชาติชั่วเหยียนหมิงซุ่น
ความสัมพันธ์ของน้องสาวตัวเองกับเหยียนหมิงซุ่นดีเกินไป ดีเสียจนพี่ชายอย่างเขาต้องหวง
เท่านั้นก็ช่างเถอะ สิ่งที่ทำให้จ้าวเสวียหลินโกรธมากที่สุดคือไอ้ชาติชั่วเหยียนหมิงซุ่นกลับปีนขึ้นห้องน้องสาวเขาดึกๆ ดื่นๆ นี่ไม่เห็นเขา จ้าวเสวียหลินในสายตาเลย!
เกินไปจริงๆ!
เหมยเหมยฟังแล้วรู้สึกมึนเลยมองพี่ชายจอมหวงด้วยใบหน้างุนงง จ้าวเสวียหลินกระแอมไอตัดสินใจพูดให้ละเอียดกว่านี้
“เหมยเหมย เจ้าเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่คนดีอะไร วันหลังหนูอยู่ให้ห่างเขาหน่อย”
เหมยเหมยหน้าตึงทันที ถลึงตาใส่จ้าวเสวียหลินอย่างไม่พอใจ “พี่หมิงซุ่นไม่ดีตรงไหน? เขาคือเพื่อนที่ดีของหนู พี่ ห้ามพูดใส่ร้ายเขานะ คราวหลังถ้าพี่ยังเป็นแบบนี้อีกหนูจะไม่สนใจพี่อีกแล้ว!”
เห็นสีหน้าโกรธเคืองของน้องสาวตัวเอง จ้าวเสวียหลินปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
จากนั้นตลอดทางเหมยเหมยไม่ปริปากพูดกับเขาอีกแม้แต่คำเดียวยิ่งทำให้เขากัดฟันกรอดอย่างอึดอัดแทบตาย ทั้งอคติต่อเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
สุนัขจิ้งจอกเพศผู้ชัดๆ หลอกน้องสาวเขาหลงจนหัวปักหัวปำ!
เครื่องบินรวดเร็วอย่างว่าจริงๆ เหมยเหมยยังหลับฝันหวานอยู่ในอ้อมแขนจ้าวอิงหัวอยู่เลยเหยียนซินหย่าก็ปลุกเธอเสียแล้ว
“เหมยเหมย เราต้องลงเครื่องแล้วนะ!”
เหมยเหมยขยี้ตาไปมาขณะที่ตายังปรืออยู่เพราะไม่ตื่นจากฝันอันแสนหวานดีเท่าไร ราวกับสุนัขตัวน้อยเรียกความเอ็นดูจากคนมอง
แต่ไม่นานเหมยเหมยก็ตื่นเต็มตาเพราะปวดปัสสาวะ ร้องจะไปเข้าห้องน้ำแถมไม่ลืมเตือนสยงมู่มู่ “นายไปช่วยฉันเอาฉิวฉิวหน่อย ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
สยงมู่มู่เบ้ปาก ยายบ้านี่ช่างน่าสงสารเสียจริง เมื่อก่อนต้องไม่เคยดื่มน้ำอัดลมแน่ๆ พอขึ้นเครื่องก็เหมือนคุณยายคนแก่ที่ได้เข้ามาชมสวนอันกว้างใหญ่ ดื่มน้ำอัดลมทีเดียวสามกระป๋อง กลั้นมาถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งล่ะ
บอดี้การ์ดของท่านผู้เฒ่าจ้าวได้มารอพวกเขาอยู่หน้าสนามบินแต่เช้าแล้ว แม้จะมีรถยนต์เพียงคันเดียวแต่ภายในรถกว้างขวาง นั่งอัดกันหน่อยก็เพียงพอ
“ผู้บังคับบัญชาการอาวุโสบอกว่าทุกบ้านมาครบกันหมดแล้ว เหลือแค่พวกคุณสองครอบครัว!”
บอดี้การ์ดสกุลหลี่ซึ่งอยู่บ้านตระกูลจ้าวมาหลายปี สนิทกับพวกจ้าวอิงหัวไม่น้อยและอายุก็ไม่ต่างกันมาก
“เด็กคนนี้คือเหมยเหมยสินะครับ หน้าตาสวยมากจริงๆ เหมือนนางฟ้าตัวน้อยบนภาพวาดเลย ตั้งแต่ผู้บังคับบัญชาการอาวุโสได้รับโทรศัพท์จนถึงตอนนี้ปากก็ไม่เคยหยุดพูดถึงเลยว่าทำไมพวกคุณยังไม่กลับมาสักที”
บอดี้การ์ดชวนคุยเก่งมากและไม่หยุดพูดเลยตลอดทาง สิ่งที่เล่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องในชีวิตประจำวันทั่วไปของท่านผู้เฒ่าจ้าวกับฮูหยินผู้เฒ่า บรรยากาศภายในรถผ่อนคลายสบายๆ ช่วยให้ใจที่กังวลของเหมยเหมยเริ่มสงบลง
จากสิ่งที่คุณลุงบอดี้การ์ดเล่ามา ฟังออกไม่ยากว่าตระกูลจ้าวต้องเป็นครอบครัวที่รักกันดี ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางครอบครัวขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องมีความสุขมากแน่ๆ!
ตระกูลเหยียน ณ เมืองจินในเวลานี้เองก็ครึกครื้นอย่างมาก เหยียนโฮ่วเต๋อกับถานซูฟางกลับมาทั้งคู่ แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ดูแปลกไปจากเดิม
ไม่ว่าจะเหยียนโฮ่วเต๋อหรือถานซูฟางล้วนมีใบหน้าเขียวช้ำและท่าทางแปลกพิลึกชอบกล
“โฮ่วเต๋อ ทำไมล้มมาขนาดนี้ล่ะ?”
คุณย่าหยางยังคงเป็นห่วงลูกชายตัวเองรีบเอายามาทำแผลให้เหยียนโฮ่วเต๋อ ส่วนถานซูฟาง คุณย่าหยางไม่แม้แต่จะปรายตามองสักแวบเดียว
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเพียงชั่ววูบก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องเป็นคุณน้าชายคนเล็กที่พาเพื่อนเขาเอากระสอบทรายมาครอบหัวแล้วดักทำร้ายพวกเขาสองคนแหงเลย!
……………………
ตอนที่ 552 ถูกคนเอากระสอบทรายครบหัว
เหยียนโฮ่วเต๋อ เจ้าตัวเองยังไม่รู้เรื่องดีด้วยซ้ำ เมื่อวานตอนค่ำเลิกงานช้าไปหน่อยผลคือถูกคนเอากระสอบทรายครอบหัว แบกเขาไปโถงกว้างแล้วทุบตีต่อยเตะจนเกือบตาย
ส่วนถานซูฟางยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เพราะโม่เหวินต้งเกลียดผู้หญิงคนนี้ที่สุด เมื่อนั้นหากไม่ใช่เพราะถานซูฟางชอบไปหาเรื่องโม่เหวินเซียงที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง พี่สาวของเขาคงไม่ตายเร็วขนาดนั้น
นั่นจึงทำให้อาการบาดเจ็บของถานซูฟางค่อนข้างหนักกว่า ถูกทำร้ายจนหัวปูดไม่เหลือภาพลักษณ์หญิงรุ่นใหม่บนตัวเธอ
อีกทั้งจากสภาพอาการของเธออย่าคิดที่จะหายดีภายในหนึ่งเดือนเลย
ถานซูฟางก่นด่าอย่างเสียอารมณ์ “เหล่าเหยียน เรื่องนี้จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้ ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ เราต้องไปแจ้งตำรวจนะ”
เธอว่าแล้วมองไปทางเหยียนหมิงซุ่น ผู้ต้องสงสัยรายสำคัญที่เธอสงสัยก็คือเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ นอกจากเหยียนหมิงซุ่นแล้ว ไม่มีใครจะแค้นถึงขนาดลงมืออยู่ในความมืด
เหยียนหมิงซุ่นปอกส้มอย่างไม่สนใจพร้อมทั้งยื่นส้มที่ปอกเสร็จให้คุณย่าหยาง พึมพำเสียงเบา “บ้านเราปีนี้คึกคักจริงๆ คลื่นสงบไปรอบหนึ่งก็มีคลื่นลูกใหม่มาแล้ว!”
คุณย่าหยางรับส้มที่หลานชายคนโตยื่นให้ไว้แล้วยิ้มใจดีให้อีกฝ่ายก่อนหันหน้าไปตำหนิถานซูฟาง “จะไปหาตำรวจทำไม บ้านเรายังขายหน้าไม่พอสินะ? เท่าที่ฉันดูเพราะเธออยู่ข้างนอกทำสิ่งผิดศีลธรรมมาเยอะน่ะสิ ไม่อย่างนั้นทำไมคนอื่นสุขสบายดีแต่เธอกลับโดนคนลอบทำร้ายล่ะ?”
คุณย่าหยางมองลูกชายตัวเองที่สภาพไม่ต่างกันแวบหนึ่งถึงได้รู้ตัวว่าพูดผิดไป รีบเบี่ยงประเด็นด่าต่อ
“โฮ่วเต๋อลำบากเพราะเธอ เธอดูสิว่าช่วงนี้เธอทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง วันๆ ยังพูดอยู่นั่นว่าตัวเองเป็นผู้หญิงรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ผู้หญิงมีความรู้อย่างเธอน่ะ ครอบครัวเรารับมือไม่ไหวหรอก!”
ช่วงนี้เพราะเรื่องตระกูลอู่ทำให้ตระกูลเหยียนถูกคนวิพากษ์ไม่น้อย ในเมื่อตระกูลอู่เป็นเรื่องมาถึงจุดนี้ได้ ต้นตอสาเหตุที่ปะทุขึ้นมาก็ไม่พ้นถานซูฟางที่ไปหาเรื่องจริงๆ
จุดนี้ถานซูฟางมีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ส่วนในฐานะแม่สามีของถานซูฟางอย่างคุณย่าหยาง เธอเองก็รู้สึกอับอายขายหน้า ย่อมไม่มีทางทำหน้าดีๆ ใส่ถานซูฟางอยู่แล้ว
ถานซูฟางหน้าถมึงทึง พูดอย่างไม่พอใจ “แม่คะ ทำไมแม่เข้าข้างคนนอกล่ะ? ตอนนี้คนที่ถูกรังแกคือลูกชายกับลูกสะใภ้แม่นะคะ”
คุณย่าหยางแค่นเสียง “ฉันช่วยคนมีเหตุผล ไม่ช่วยคนในบ้าน ใครทำผิดก็สมควรถูกด่า ฉันขอเตือนเธอนะ จากนี้ไปเธอต้องระวังตัวให้ดี อย่าไปทำตัวกร่างเป็นคุณนายอย่างที่เคยทำ จะหาเรื่องใส่ตัวก็อย่าให้ลำบากถึงโฮ่วเต๋อ!”
ถานซูฟางจะรับคำเสียดแทงขนาดนี้ไหวได้อย่างไร เธอไม่ใช่คนนิสัยอ่อนโยนใจกว้างอยู่แล้ว กำลังจะต่อความยาวสาวความยืดกับคุณย่าหยางสักทีแต่เหยียนโฮ่วเต๋อตวัดตาเย็นชามองมา ความเย็นชาในแววตาที่ถานซูฟางไม่เคยเห็นมาก่อน อดตัวสั่นระริกไม่ได้ ไม่กล้าเอะเสียงอีกแม้แต่น้อย
ในเมื่อทุกสิ่งที่เธอทำลงไปอย่างโอ้อวดล้วนขึ้นอยู่กับเหยียนโฮ่วเต๋อ หากเหยียนโฮ่วเต๋อยังไม่สนับสนุนเธออีก คุณนายข้าราชการอย่างเธอก็เป็นเพียงสิ่งประดับที่มีหรือไม่มีก็ได้
จุดนี้ถานซูฟางรู้ดีกว่าใคร
เหยียนโฮ่วเต๋อมองลูกชายคนโตพลางถาม “หมิงซุ่น ได้ยินว่าชีวิตของลูกสาวคนเล็กตระกูลอู่ค่อนข้างประหลาด ลูกรู้รายละเอียดมั้ย?”
“ไม่รู้ครับ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากพูดแม้แต่คำเดียวต่อให้เขาเป็นบุคคลที่รู้ดีทุกอย่างก็ตาม
คุณย่าหยางเองก็เริ่มสนใจ พูดอย่างสนอกสนใจ “ฉันได้ยินว่าเหมยเหมยไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของคุณครูอู่ แต่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของคุณครูจ้าว สิบสองปีก่อนถูกคุณครูอู่ขโมยกลับมาเลี้ยง เรื่องครอบครัวนี้เอาไปถ่ายหนังได้เลยนะเนี่ย!”
………………….
ตอนที่ 553 สนับสนุนให้ลูกชายจีบสาว
ข่าวทุกอย่างที่คุณย่าหยางรับรู้มา ล้วนมาจากการแฉของจ้าวอิงหนาน พลังของเสียงวิพากษ์วิจารณ์จ้าวอิงหนานย่อมรู้ดี หากจ้าวอิงหัวรับมือกับอู่เจิ้งซือในทางสว่าง ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะรับมือในทางมืดแล้วกัน
อู่เจิ้งซือเสียหน้าไม่ใช่หรือ เธอจะเปิดโปงสิ่งผิดศีลธรรมทุกอย่างที่เขาเคยทำออกมา ดูว่านับจากวันนี้ไปหมอนี่จะเอาหน้าที่ไหนมาอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ต่อ!
เสียงวิพากษ์วิจารณ์มักมาเร็วเสมอ ในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน ข่าวฉาวทั้งหมดของตระกูลอู่เหมือนติดปีกที่แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้าในเวลาอันรวดเร็ว
หลายวันนี้เหยียนโฮ่วเต๋อไม่ได้กลับอี้จง เป็นครั้งแรกที่ได้ยินข่าวฉาวพวกนี้เลยตกใจยกใหญ่กับสิ่งที่รับรู้
“ถ้าอย่างนั้นยายหนูตระกูลอู่นั่นความจริงคือหลานสาวแท้ๆ ของคุณครูจ้าว?”
คุณย่าหยางพยักหน้าตอบ “ใช่ แบบนั้นแหละ มิน่ายายหนูนั่นหน้าถึงแอบคล้ายคุณครูจ้าว!”
“แต่ยายหนูนั่นหน้าตาคล้ายแม่ของเธอมากกว่า เมื่อคืนฉันออกไปเดินเล่นเห็นคนทั้งครอบครัว โอ้ย หน้าตาของยายหนูเหมือนพิมพ์มาจากแม่ของเธอเลยล่ะ” คุณย่าหยางกล่าวด้วยความรู้สึกมหัศจรรย์ใจ
เหยียนโฮ่วเต๋อตาเป็นประกายแวบวับ ความดีใจภายในใจบรรเทาความเจ็บปวดบนใบหน้าเขา พระเจ้าประทานพรให้เขาเสียจริง!
หมากล่าสมบัติของเขาพนันถูกทางแล้ว!
ลูกบุญธรรมจะสู้ลูกสาวแท้ๆ ได้อย่างไร!
คิดว่ารองนายกเทศมนตรีจ้าวคงรู้ถึงความหวังดีของเขาแล้วสินะ ในเมื่อการที่ลูกสาวของเขาเผยหน้าในงานตรุษจีนได้ล้วนมาจากการจัดการของเขาทั้งนั้น!
ตำแหน่งหนึ่งเดียวในงานตรุษจีนนี้มีคนจ้องมองอยู่นับไม่ถ้วน หากไม่ใช่เพราะเขายืนยันแนะนำกลุ่มของสยงมู่มู่สามคนคงถูกคนอื่นแทนที่ไปแล้ว!
“หมิงซุ่น ลูกสนิทกับลูกสาวตระกูลจ้าวมากใช่มั้ย?” เหยียนโฮ่วเต๋อยิ้มอย่างใจดี แต่สายตาเจ้าเล่ห์นั่นทำให้คนถูกมองรู้สึกไม่สบายใจเสียเลย
เหยียนหมิงซุ่นตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและเสียงราบเรียบ “ธรรมดา ก็แค่เพื่อนธรรมดา”
เหยียนโฮ่วเต๋อร้อนใจทันที ถามกลับอย่างไม่เชื่อ “พ่อเห็นช่วงก่อนหน้าลูกสองคนชอบเล่นด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงเป็นเพื่อนธรรมดาล่ะ?”
เหยียนหมิงซุ่นมองไปทางถานซูฟางแวบหนึ่ง เหยียดยิ้มมุมปากอย่างประชดประชันพร้อมตอบ “แต่เดิมก็ดีอยู่หรอก แต่ภรรยาของคุณพ่อไปโวยวายหาเรื่องที่บ้านเขา ผมคงไม่มีหน้าจะไปเล่นกับเขาอีกแล้ว!”
คุณย่าหยางช่วยพูดเสริม “ใช่ อย่าว่าแต่ไปเล่นที่บ้านตระกูลอู่เลย ตอนนี้ฉันออกไปซื้อของยังถูกคนชี้นิ้วไปมา ขายขี้หน้าจริงๆ!”
เหยียนโฮ่วเต๋อหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเลยมองถานซูฟานด้วยสายตาเยือกเย็น หากเพราะเรื่องนี้ขัดขวางเส้นทางหน้าที่การงานของเขา เขาจะไม่อภัยให้ผู้หญิงคนนี้แน่!
เดิมถานซูฟางอยากด่าตอบอีกสักหน่อยแต่ถูกความเยือกเย็นในสายตาของเหยียนโฮ่วเต๋อทำเสียขวัญ คงกล้าเหลิงอยู่หรอก จึงได้แค่หดตัวแกล้งเป็นคนตายอยู่บนโซฟา ก่นด่าเหยียนหมิงซุ่นในใจยกใหญ่
เหยียนโฮ่วเต๋อยิ้มกล่าว “ตอนนั้นคุณน้าถานของลูกทำผิดไป แต่ตอนนี้ยายหนูอู่เหมยนั่นไปจากตระกูลอู่แล้วนี่นา บ้านเราไม่ได้ทะเลาะกับตระกูลจ้าว ไม่ส่งผลต่อความเป็นเพื่อนของลูกกับยายหนูนั่นหรอก”
เหยียนหมิงซุ่นลอบยิ้มเย็นชา แผนในในของเหยียนโฮ่วเต๋อเขารู้ดีกว่าใคร ย่อมไม่ปล่อยให้เป็นไปตามแผนของเหยียนโฮ่วเต๋อแน่
“ถึงเวลาค่อยว่าเถอะครับ เธอเป็นคุณหนูข้าราชการระดับสูง บ้านเราก็แค่ครอบครัวธรรมดา ต่อจากนี้จะมีโอกาสได้ติดต่อกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดแต่ละคำออกมาเหมือนมีดที่ปักคาอกเหยียนโฮ่วเต๋ออย่างหนักหน่วง แต่เขากลับยังต้องฝืนยิ้มสู้
“พ่อว่ายายหนูนั่นไม่ใช่คนแบบนั้น หมิงซุ่น วันหลังลูกชวนยายหนูมาเที่ยวบ้านเราบ่อยๆ สิ หรือพาออกไปเล่นข้างนอกก็ได้ เธอเป็นเด็กขี้เล่นอยู่แล้ว ลูกพาเธอไปเล่นเธอต้องยอมเป็นเพื่อนกับลูกแน่ๆ”
เหยียนโฮ่วเต๋อนอกจากจะช่วยเสนอความเห็นจีบสาวให้เหยียนหมิงซุ่นแล้วยังให้การสนับสนุนด้านเงินทุน ล้วงเงินออกมาสิบหยวนหนึ่งใบส่งให้เหยียนหมิงซุ่นเป็นงานเป็นการ
พูดให้น่าฟังคือเงินค่าขนม ซึ่งความจริงเป็นเงินสำหรับจีบสาว!
………………………
ตอนที่ 554 เจอกันครั้งแรก
เหยียนหมิงซุ่นเห็นค่าเงินสิบหยวนนี่เสียที่ไหนกันแต่เขาก็รับเงินมา ได้ตอกย้ำถานซูฟางหน่อยก็ดี
“รอเหมยเหมยกลับจากเมืองหลวงค่อยว่าอีกทีแล้วกัน อ้อ เหมยเหมยตอนนี้ชื่อจ้าวเหมย” เหยียนหมิงซุ่นพูดเตือน
เหยียนโฮ่วเต๋อถามต่ออย่างสนอกสนใจ “ยายหนูไปหาคุณปู่ที่เมืองหลวงแล้วเหรอ?”
“ไม่รู้ หรือพ่อจะลองโทรถามก็ได้นะ!” เหยียนหมิงซุ่นแกล้งโง่ต่อไป
เหยียนโฮ่วเต๋อไม่สนใจกับท่าทีไม่นับว่าให้ความเคารพมากเท่าไรของลูกชายคนโต ตอนนี้เขากำลังใจจดจ่อกับตระกูลจ้าว ทองแท่งหนาส่งมาถึงตรงหน้าเขาขนาดนี้ หากเขาไม่คว้าโอกาสกอดมันไว้ให้ดีคงใช้ชีวิตสูญเปล่ามาทั้งชีวิตแล้วล่ะ!
“หมิงซุ่น รอยายหนูนั่นกลับมาจากเมืองหลวงลูกไปชวนเธอมาเล่นบ้านเราสิ เพื่อนที่ดีก็ควรไปหามาสู่กันบ่อยๆ จะห่างเหินกันเพราะสถานะที่เปลี่ยนไปก็ไม่ถูกนี่นา!”
เหยียนโฮ่วเต๋อพร่ำสอนอย่างสุดใจ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเกิดความคิดที่บ้าบิ่นกว่าเดิม
ลูกชายคนโตของตัวเองหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้มักเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าหญิงสาว แถมยังเติบโตมาด้วยกัน ไม่แน่…
ไม่มีใครรักกันไปมากกว่าเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันอีกแล้ว!
เหยียนโฮ่วเต๋อเกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อนึกไปถึงผลพวงที่ได้ สายตาที่มองไปทางเหยียนหมิงซุ่นทวีความเมตตามากกว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าลูกชายที่อดีตภรรยาทิ้งไว้ให้เขานั้นหน้าตาดีถึงเพียงนี้ แอบคล้ายคลึงกับอดีตภรรยาเขา
นึกถึงอดีตภรรยา ผู้หญิงสวยและอ่อนโยนคนนั้น เหยียนโฮ่วเต๋อก็ลอบถอนหายใจเสียงเบา เขาทำผิดต่อผู้หญิงคนนี้เอง
แต่เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้ คงโทษได้แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้วาสนาน้อยไป!
ณ เมืองหลวง
ท่านผู้เฒ่าจ้าวอาศัยอยู่ในเขตชุมชนที่ทางรัฐบาลจัดหาให้ ล้วนเป็นตึกหลังเล็กแยกหลังกันแถมมีสวนหน้าบ้านหลังบ้าน พื้นที่ตระกูลจ้าวออกจะกว้างใหญ่กว่าเสียหน่อย ท่านผู้เฒ่าจ้าวปลูกพืชผักอยู่สวนหน้าบ้านหลังบ้านไม่น้อย เพียงพอสำหรับคนทั้งครอบครัว
เขตชุมชนนี้มีแต่อดีตนักรบผู้สร้างคุณงามความดีแก่ประเทศชาติอาศัยอยู่ หน้าประตูใหญ่มีทหารคอยเฝ้าเวรด้วยปืนของจริงและคนทั่วไปก็เข้าไปไม่ได้
เหมยเหมยเห็นปืนยาวที่เหล่าทหารแบกอยู่เริ่มรู้สึกผวาในใจ จับมือของเหยียนซินหย่าไว้แน่นจนเหงื่อซึมเต็มฝ่ามือ
“เหมยเหมยไม่ต้องกลัว คุณลุงพวกนี้คือวีรบุรุษที่ช่วยปกป้องประเทศ ปืนของพวกเขาใช้ยิงคนร้าย!”
เหยียนซินหย่าปลอบประโลมลูกสาวเสียงอ่อนโยน เธอเห็นท่าทางเหมยเหมยเพียงชั่ววูบก็เข้าใจทันทีเพราะครั้งแรกที่เธอมาบ้านตระกูลจ้าวก็มีปฏิกิริยาเดียวกับเหมยเหมย!
เหมยเหมยยิ้มให้เธอ ปากบอกไม่กลัวแต่ตัวยังแอบเกร็งอยู่ เมื่อรถยนต์ขับผ่านประตูใหญ่เธอถึงโล่งอก
ไม่นานรถยนต์ก็มาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลจ้าว ที่หน้าประตูมีคนยืนอยู่ไม่น้อยโดยคนนำหน้าสองคนคือชายกับหญิงสูงวัยที่ผมหงอกขาวเต็มหัวแต่ยังดูแข็งแรงดี ด้านหลังยังมีคนยืนอยู่อีกเป็นพรวนล้วนยื่นคอตั้งหน้าตั้งตารอคอยจนแทบจะเป็นลำคอหงส์อยู่รอมร่อ
“มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดก็มาสักที หลานสาวของฉันอยู่ไหน รีบลงมาให้ฉันดูหน่อย”
เห็นรถที่ขับเคลื่อนเข้ามาช้าๆ ท่านผู้เฒ่าจ้าวก็พุ่งตัวเข้าไปหาอย่างอดทนรอไม่ไหว ด้านหลังมีฮูหยินผู้เฒ่าที่ร้อนใจตามมาติดๆ เช่นกัน
“คุณเสียงเบาหน่อย อย่าทำหลานสาวฉันตกใจสิ!” ฮูหยินผู้เฒ่าตะคอกใส่อย่างไม่พอใจ เสียงดังกังวานไปทั่วอาณาบริเวณ
เหมยเหมยเห็นคนแก่แสนจะน่ารักสองคนจากในรถ พวกเขาคือคุณปู่และคุณย่าของเธอ ดูท่าทางจะเป็นคนแก่ที่เป็นมิตรมากเลยล่ะ!
เธอเปิดประตูลงไปและเพิ่งเท้าแตะพื้นคนแก่สองคนก็พุ่งมาข้างหน้าเธอ มองเธอด้วยใบหน้าปลื้มปริ่ม
เหมยเหมยชะงัก ก่อนจะรีบพูดเสียงดัง “สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณปู่คุณย่า!”
“ดีๆๆ!”
ท่านผู้เฒ่าพูดคำว่าดีสามครั้งติด ไม่แม้แต่กะพริบตา ดูหลานสาวตัวเองเท่าไรก็ดูไม่พอ หน้าตาดวงเล็กนี่ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง!
เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง บ้านคนอื่นไม่มีทางคลอดหลานสาวได้งดงาม
เหมือนเขา!
ท่านผู้เฒ่าจ้าวคิดไปเองอย่างนั้นโดยหลงลืมร่างบึกบึนที่ปั้นหน้าตึงอยู่ด้านหลังเขาไปอย่างสิ้นเชิง!
…………………..
ตอนที่ 555 ค่าตัวหลานสาวตระกูลจ้าว
บริเวณหน้าประตูบ้านตระกูลจ้าวเสียงดังไม่น้อยจนได้ยินไปถึงบ้านอื่นๆ ภายในชุมชน โดยเฉพาะเหล่าเพื่อนบ้านตระกูลจ้าว ก็ล้วนเป็นเพื่อนที่ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านผู้เฒ่าจ้าวมาด้วยกัน ต่างเดินมาร่วมวงด้วยกัน
“เหล่าจ้าว บ้านแกมีเรื่องดีอะไรเหรอ?” มีคนตะโกนเสียงดังถาม
ท่านผู้เฒ่าจ้าวตะโกนกลับอย่างดีใจ “หลานสาวฉันกลับมาแล้ว พรุ่งนี้เชิญชวนมาดื่มฉลองนะ”
“แกมีหลานสาวโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่? เหล่าจ้าวแกคิดจะโกหกใครกัน?”
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อ ใครในนี้ไม่รู้บ้างว่าสามรุ่นครอบครัวตระกูลจ้าวเป็นเพศชายกันหมด
สงสารฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวที่คิดถึงหลานสาวแทบบ้าเลยเลี้ยงหลานชายดุจเด็กสาว เจ้าเด็กนั่นหน้าตานับว่าได้รูป ทำเอาพวกเขาหลงเชื่อไปเกือบครึ่งปี มีครั้งหนึ่งที่เห็นเจ้าเด็กนั่นยืนฉี่ถึงรู้ว่าเป็นผู้ชาย!
ท่านผู้เฒ่าจ้าวชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วพูดอย่างได้ใจ “ดูสิ เบิกตาดูให้ดีล่ะ หลานสาวแท้ๆ ของฉัน เหมือนฉันจริงๆ!”
เหมยเหมยเงยหน้ามองร่างบึกแข็งแรงและทรงหน้าเหลี่ยมของคุณปู่ตัวเองแวบหนึ่งก็ปากกระตุกอย่างอดไม่ได้ หากเธอหน้าตาคล้ายคุณปู่จริงๆ ชีวิตนี้คงไม่ได้แต่งงาน
ชายสูงวัยผมหงอกขาวเช่นกันหลายคนวิ่งมา กวาดตาประเมินเหมยเหมยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วพูดอย่างน่าทึ่ง
“โอ้ ยายหนูนี่หน้าตาน่ารักจริงๆ เป็นลูกสาวของเจ้าสามของแกสินะ หน้าตาพิมพ์เดียวกับลูกสะใภ้แกเลย”
หน้าตาเหมยเหมยมีจุดเด่นชัดเจนที่ใครอื่นเห็นก็ดูออกทันทีว่าเธอเป็นลูกสาวใคร โดยเฉพาะเวลายืนอยู่กับเหยียนซินหย่า
จ้าวอิงหัวตอบกลับอย่างนอบน้อม “ลุงโจวตาดีจริงๆ เหมยเหมยลูกสาวผมเอง ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย ครั้งนี้ได้โอกาสจึงไปรับลูกกลับมาโดยเฉพาะ”
แม้เขาจะพูดก้ำกึ่งไม่ชัดเจนแต่คนเหล่านี้ใครบ้างที่ไม่ฉลาดพอ แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเรื่องเป็นอย่างไร!
ทุกคนพร้อมใจกันไม่คุยเรื่องนี้ต่อ ในเมื่อไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร พวกเขาต่างพูดแสดงความยินดี “รับเด็กกลับมาก็ดีแล้ว เหล่าจ้าว ครั้งนี้แกต้องตั้งโต๊ะเลี้ยงฉลองนะ!”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวหัวเราะเสียงดัง “เลี้ยงแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกแกต้องมาร่วมด้วยล่ะ!”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ทุกคนพูดร่ำลาอีกนิดก็แยกย้ายกันกลับไปโดยที่ต่างฝ่ายต่างคิดแผนการในใจ
รุ่นสามตระกูลจ้าวมีลูกสาวหน้าตาดุจนางฟ้าตัวน้อย นี่เป็นเรื่องใหญ่เชียว ต้องกลับไปวางแผนดีๆ
ในเมื่อการผูกญาติเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในการช่วยเสริมสร้างความมั่นคงแก่สถานะของตระกูลนี่นา!
เรื่องหลานสาวแสนงามของตระกูลจ้าวคนนี้คงมีเรื่องให้พูดถึงกันเยอะเชียวล่ะ!
“เรารีบเข้าไปกัน ข้างนอกหนาวขนาดนี้เดี๋ยวจะทำหลานสาวฉันเป็นหวัด!” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเร้า มือกลับดึงเหมยเหมยไม่ปล่อยทั้งก้มอมยิ้มให้เธอเป็นระยะๆ
“เรากลับบ้านของเรากัน คุณย่ากับคุณป้าของหนูทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลย มีเนื้อมีปลา มีไก่ มีเป็ด ชอบทานอะไรก็ทานอันนั้นเลยนะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างใจดีและดวงตาฉายแววปวดใจ เด็กน่าสงสารที่ลำบากมาตั้งหลายปี เป็นความผิดของผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเอง!
“หนูชอบทานหมดเลย ไม่เลือกกินเหมือนสยงมู่มู่หรอกค่ะ”
เหมยเหมยรู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเข้าหาง่ายตั้งแต่แวบแรกโดยไม่รู้สึกห่างเหินสักนิด แหงนหน้ายิ้มหวานแถมไม่ลืมพูดค่อนแคะถึงลูกพี่ลูกน้องสักหน่อย
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เสริมทัพ “ลูกพี่ลูกน้องของหนูเลือกกินมาแต่เด็ก ไม่เป็นเด็กดีเลย เหมยเหมยของเราต้องเป็นเด็กดีนะ!”
สยงมู่มู่เบ้ปากน้อยๆ พอหลานสาวกลับมาอดีตหลานชายสุดที่รักอย่างเขาก็ต้องยืนหลบอยู่ข้างๆ เสียแล้ว
ช่างเถอะ ลูกชายอย่างเขาไม่ถือสายายนี่แล้วกัน จะว่าไปยายนี่เมื่อก่อนใช้ชีวิตน่าสงสารมามากพอแล้ว ต้องให้คุณยายเอ็นดูเธอสักหน่อย!
……………………..
ตอนที่ 556 เหล่าพี่ชายที่แสนอบอุ่น
คนทั้งกลุ่มเดินกลับห้องโถงกันอย่างยิ่งใหญ่จนโถงกลางแทบยัดไม่ไหว ตระกูลจ้าวไม่เคยพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้มาก่อน มาครบไม่ขาดแม้แต่คนเดียว
พอได้ยินว่าตามหาลูกสาวจ้าวอิงหัวพบเจอแล้ว ต่างก็เร่งฝีเท้ากลับมาเพื่อพบหน้าเจ้าหญิงองค์น้อยที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่งานยุ่งกันจนไม่อาจกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยซ้ำ
ฮูหยินผู้เฒ่าแนะนำแต่ละคนให้เหมยเหมยรู้จัก ไล่ตั้งแต่ผู้ใหญ่ถึงเด็กจนครบทุกคน
ลุงสองจ้าวอิงสยง ลุงสามจ้าวอิงหย่ง แทบจะเป็นตัวท่านผู้เฒ่าในอีกร่างที่หน้าเรียบตึงไม่ถนัดพูดไม่ถนัดยิ้ม นานทีจะเค้นรอยยิ้มให้เหมยเหมยได้สักที
คุณลุงทั้งสองเป็นเป็นทหารประจำค่ายทหาร แต่ถูกแยกไปอยู่ค่ายทหารที่แตกต่างกันไป ลุงสองอยู่ประจำค่ายทหารใกล้เมืองหลวง ลุงสามกลับอยู่ไกลไปหน่อยขับรถต้องใช้เวลาถึงเจ็ดแปดชั่วโมง
ป้าสะใภ้สองหานซู่ฉิน รูปร่างตัวเล็กอวบอ้วนให้ความรู้สึกอุดมสมบูรณ์มีกินมีใช้ ใบหน้ามักแต้มด้วยรอยยิ้มใจดีเสมอ แค่ดูก็รู้สึกได้ว่าเป็นคนที่เข้าหาได้ง่ายคนหนึ่ง เธอเองก็ทำงานอยู่ค่ายหทารแต่อยู่ในฝ่ายวางแผนนโยบาย
ป้าสะใภ้สามอันหย่าฟาง รูปร่างผอมสูงผิวพรรณขาวผ่อง แม้หน้าตาจะไม่ได้สวยเป็นที่โดดเด่นแต่กลับมีบุคลิกที่ดี เพียงแต่อาจดูเย็นชาไปสักน้อยไม่ได้สนิทกับคนง่ายเหมือนหานซู่ฉิน
ลูกพี่ลูกน้องคนโตจ้าวเสวียเฟิง พี่คนรองจ้าวเสวียเฉิง คนที่สามจ้าวเสวียเอ๋อร์ คนที่สี่จ้าวเสวียไห่ คนที่ห้าจ้าวเสวียกง แต่ละคนรูปร่างสูงใหญ่บึกบึนเหมือนจ้าวเสวียหลินไม่มีผิดเพี้ยน
“น้องเล็ก พี่คือพี่ห้าของน้องนะ!”
“น้องเล็ก พี่คือพี่รองของน้อง”
“ฉันคือพี่สามของน้อง”
……
เหมยเหมยกวาดตามองเหล่าพี่ชายที่นั่งล้อมตัวเองอยู่ไม่ยื่นถ้วยน้ำชามาให้ก็แกะเม็ดทานตะวัน ปอกลูกวอลนัท ปอกไพน์นัทไม่ปล่อยให้ว่างแม้แต่คนเดียว ต่างฝ่ายต่างชิงส่งอาหารในมือพวกเขาให้เธอทานกันอย่างขะมักเขม้น
ทำไมภาพนี้มันช่างคุ้นเคย?
เหมยเหมยกะพริบตา ความฝันเมื่อหลายวันก่อนซ้อนทับกับงานนี้แล้ว สิ่งที่ต่างไปเพียงอย่างเดียวคือเหยียนหมิงซุ่นไม่อยู่
“เหมยเหมยทานลูกไพน์นัทสิ อันนี้หอมดีนะ” จ้าวเสวียกงปอกลูกไพน์นัทลูกหนึ่งแล้วยื่นมา
คนอื่นไม่ยอมแพ้รีบยื่นลูกวอลนัท เม็ดทานตะวัน ลูกเฮเซลนัทที่พวกเขาปอกเสร็จมาให้เหมยเหมยทาน แต่ละคนยิ้มกว้างมองน้องสาวหมาดๆ ของพวกเขาอย่างรักใคร่
ในที่สุดพวกเขาก็มีน้องสาวสักที!
อีกทั้งยังเป็นน้องสาวที่งดงามยิ่งกว่านางฟ้า ทั้งเขตชุมชนนี้น้องสาวของพวกเขาสวยที่สุด พาออกไปต้องเป็นหน้าค่าตาให้พวกเขาอย่างทวีคูณ
“เหมยเหมย พรุ่งนี้พี่พาไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งนะ สนุกมากเลยล่ะ” พี่ห้าจ้าวเสวียกงเชื้อเชิญอย่างกระตือรือร้น
พรุ่งนี้เขานัดกับเพื่อนไปเล่นสเก็ตน้ำแข็ง หากพาเหมยเหมยไปต้องเป็นที่ตะลึงกันถ้วนหน้าแน่ๆ
เจ้าบ้าพวกนั้นอวดน้องสาวให้เขาเห็นทุกวัน!
แต่ไม่มีคนไหนสวยเท่าปลายนิ้วเท้าน้องสาวของเขาเลย!
พี่สี่จ้าวเสวียไห่กับจ้าวเสวียกงนอกจากจะอยู่โรงเรียนเดียวกันแล้วยังเรียนห้องเดียวกันแถมยังเรียนมัธยมปลายปีสอง สองพี่น้องรักกันมาก หน้าตาก็คล้ายกันมากที่สุดราวกับพี่น้องท้องไส้เดียวกัน
“ใช่ พรุ่งนี้ไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งกัน เหมยเหมยน่าจะไม่เคยเล่นสเก็ตน้ำแข็งสินะ พี่ได้ยินว่าทางใต้ไม่มีลานสเก็ตน้ำแข็ง” จ้าวเสวียไห่ถามอย่างขยันขันแข็ง
เหมยเหมยส่ายหน้า เวลานี้ยังไม่มีลานน้ำแข็งสำหรับเขตร้อน ลานน้ำแข็งของทางเหนือเป็นน้ำแข็งของแท้ รองเท้าสำหรับเล่นสเก็ตเป็นประเภทมีมีดอยู่ด้านใต้ ชาติก่อนเธอเคยเล่นแต่สเก็ตล้อ ไม่เคยเล่นสเก็ตน้ำแข็งมาก่อน
“พี่สี่จะสอนเธอเอง สเก็ตน้ำแข็งสนุกมากเลยล่ะ เหมยเหมยฉลาดขนาดนี้ต้องเรียนรู้ได้เร็วแน่ๆ”
จ้าวเสวียไห่ชมไม่หยุดปาก เหมยเหมยก้มหน้างุดอย่างเขินอาย เธอไม่ฉลาดจริงๆ ด้วยสิ!
“พี่ห้าก็สอนเธอได้นะ!” จ้าวเสวียกงแค่นึกภาพที่พาน้องสาวไปสร้างความตะลึงในวันพรุ่งนี้ก็อดใจไม่ให้หลุดเสียงหัวเราะออกมา
ในที่สุด วันที่ได้เอาคืนก็มาถึงสักที!
……………………..
ตอนที่ 557 ป่าวประกาศให้โลกรู้
เหล่าลูกพี่ลูกน้องตระกูลจ้าวต่างกระตือรือร้นอย่างมาก ไม่นานก็ช่วยสลายความกังวลของเหมยเหมยทั้งหมด หลังได้พูดคุยกับพวกพี่ๆ ไม่กี่ประโยคก็พอเข้าใจนิสัยแต่ละคนคร่าวๆ แล้ว
พี่ชายคนโตกับพี่ชายคนรองนิสัยคล้ายกับคุณพ่อพวกเขาที่ต่างเป็นคนไม่ชอบพูดชอบจา อีกทั้งอายุห่างจากเหมยเหมยเกินไป แค่คุยกับเธอสั้นๆ ไม่กี่ประโยคไม่มากไปกว่านั้น
แต่ความอบอุ่นจากสายตาพวกเขาพอดูออกว่าพวกเขาทั้งคู่ชื่นชอบเหมยเหมยจากใจจริง แค่ไม่ถนัดพูดเท่านั้น
พี่สามจ้าวเสวียเอ๋อร์ผู้มีหน้าตาไม่เหมือนคนตระกูลจ้าวมากที่สุด รูปร่างสูงโปร่งหน้าตาดูดีสะอาด กลับเหมือนคุณชายเจ้าสำอางมากกว่า
จ้าวเสวียเอ๋อร์หน้าตาเสมือนคุณแม่ของเขาอันหย่าฟางที่บุคลิกเรียบร้อย อีกทั้งยังเลือกเส้นทางชีวิตที่ต่างไปจากพี่คนโตกับพี่คนรอง เขาไม่ได้ร่วมเกณฑ์ทหาร ตอนนี้กำลังศึกษาคณะบัญชีภาคการเงินที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง
พี่สี่กับพี่ห้ากลับเป็นคู่หูตลกประจำบ้านที่เฮฮาตลอดเวลา เนื่องด้วยอายุที่ใกล้เคียงกับเหมยเหมย ไม่นานก็คุยกันอย่างออกรส
สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวเห็นลูกสาวที่เข้ากับเหล่าพี่ชายลูกพี่ลูกน้องได้เป็นอย่างดีก็อดโล่งใจไม่ได้ เดิมทีพวกเขายังกังวลว่าลูกสาวจะไม่ชินเสียอีก!
“หลานสาวกลับบ้านเป็นเรื่องดี ต้องจัดโต๊ะเลี้ยงฉลอง ฉันจะบอกคนทั่วทั้งเมืองหลวงว่าหลานสาวของฉันจ้าวหวายซานกลับบ้านแล้ว”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก เหยียนซินหย่ามองไปยังพ่อสามีอย่างนึกขอบคุณ เธอรู้ว่าเหตุใดท่านผู้เฒ่าถึงทำเช่นนี้!
เหมยเหมยไม่เคยปรากฏตัวมาเลยตลอดสิบสองปี การโผล่ตัวมากะทันหันย่อมมีคนไม่เชื่อ เมืองหลวงเป็นดินแดนแห่งผลประโยชน์และมีผู้หวังผลประโยชน์เสมอ จู่ๆ คนหน้าใหม่อย่างเหมยเหมยก็ปรากฏตัวขึ้นมาในแวดวงนี้จะต้องถูกเพิกเฉยอย่างแน่นอน
หากท่านผู้เฒ่าประกาศให้โลกรู้ถึงสถานะของเหมยเหมยด้วยตัวเอง เรื่องจะกลับตาลปัตร
สถานะของเหมยเหมยเท่ากับเลือกเดินทางสว่าง หลานสาวแท้ๆ ของจ้าวหวายซาน ใครเล่าจะกล้าไม่ให้ความเคารพ!
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ!” เหยียนซินหย่ากล่าวขอบคุณด้วยใจจริง
ท่านผู้เฒ่าโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ “ขอบคุณอะไร เหมยเหมยเป็นหลานสาวแท้ๆ ของฉันเชียวนะ สถานะต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่ากับลูกสะใภ้สองคนยกจานอาหารหลากหลายที่มีตั้งแต่สัตว์ปีก สัตว์เนื้อ ยันสัตว์น้ำมาอย่างเพียบพร้อม
“รีบทานเถอะ ทานข้าวเสร็จค่อยคุยกัน ยังมีเวลาอีกยาวนาน” หานซู่ฉินพูดยิ้มๆ
ทุกคนประจำที่นั่งโดยที่ฮูหยินผู้เฒ่าโอบเหมยเหมยมาข้างกาย จ้าวอิงหัวช้าไปหนึ่งก้าวได้แต่กลับไปนั่งที่ตัวเองอย่างผิดหวัง เดิมทีเขาอยากจะแกะกุ้งให้ลูกสาวสักหน่อยเชียว!
“แม่ครับ เหมยเหมยชอบทานกุ้ง กุ้งจานนี้วางไว้ที่ฝั่งแม่แล้วกัน”
จ้าวอิงหัวยกกุ้งจานโตมาแต่เหมยเหมยรีบดันกลับมา “พ่อคะ หนูคีบทานเองได้ ไม่ต้องวางไว้ตรงหน้าหนูหรอก”
การวางไว้ตรงหน้าแล้วทานแบบนี้ช่างเสียมารยาทจริงๆ พ่อของเธอกระตือรือร้นเกินไป เธอไม่อยากให้คนตระกูลจ้าวรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กไร้มารยาท
ฮูหยินผู้เฒ่ายกจานกุ้งมาด้วยรอยยิ้ม “คนบ้านเดียวกันจะเกรงใจกันทำไม เหมยเหมยชอบทานก็ทานเยอะๆ ย่าจะแกะให้หนูนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า แต่หนูแกะเองได้ค่ะ คุณย่าเองก็ทานนะคะ”
เหมยเหมยทำตัวไม่ถูกและไม่คุ้นชินกับความกระตือรือร้นแบบนี้เสียเลย ถูกสายตานับสิบคู่จับจ้อง ต่อให้เธออยากอาหารขนาดไหนก็ทานไม่ลงน่ะสิ!
ฮูหยินผู้เฒ่าน่าจะดูออกถึงความกังวลใจของเหมยเหมยเลยไม่ยืนกรานจะแกะกุ้งให้เธอ ให้เธอแกะทานเอง
“เหมยเหมยทานกุ้งจานนี้หมดแล้วตอนค่ำยังมีอีกนะ ทานหมดแล้วค่อยซื้อ อยากทานอะไรก็บอกย่าได้เลย”
เหมยเหมยปากเคี้ยวเนื้อกุ้งคำโตจนแก้มป่อง พยักหน้ารับไม่หยุด มองแล้วก็เหมือนเจ้ากระรอกตัวน้อยในอ้อมอกเธอไม่ต่างกันเลย
หลานสาวหน้าตาสวยงาม สัตว์เลี้ยงเองก็น่ารัก ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นแล้วรู้สึกพึงพอใจนัก หยิบน่องไก่ข้างหนึ่งเป็นรางวัลให้ฉิวฉิวที่ทำตาละห้อยอยู่ครู่ใหญ่
คุณชายฉิวดีใจจนพูดไม่ออก โค้งตัวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าเหมือนคนซื่อคนหนึ่ง ทำเอาคนทั้งบ้านหลุดขำเสียงดังไปไกลโพ้น
………………………….
ตอนที่ 558 คุณลุงใหญ่ไปไหน
พวกเหมยเหมยกลับมาถึงเมืองหลวงก็เป็นคืนก่อนปีใหม่ วันรุ่งขึ้นก็คือวันปีใหม่แล้ว แต่ละบ้านมัวแต่ยุ่งกับการติดคำกลอนคู่ แขวนโคมไฟ ห่อเกี๊ยวเพื่อเตรียมมื้ออาหารสำหรับการกลับมารวมตัวของคนในครอบครัว ตระกูลจ้าวเองก็ไม่ยกเว้น บรรยากาศยิ่งคึกคักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะการมาเยือนของเหมยเหมย
“เหมยเหมยชอบทานเกี๊ยวไส้อะไรเหรอ?” คุณป้าสะใภ้สอง หานซู่ฉินสับเนื้อไปถามไปพลาง
หานซู่ฉินดูท่าฝีมือทำอาหารจะไม่เลวเลย มีดสองเล่มถูกเธอจับหมุนควงเหมือนท่าเต้นรำที่ไม่เปิดช่องให้อากาศหรือน้ำได้หลุดเข้ามา เนื้อหมูสามชั้นขนาดเท่ากันบนเขียงไม่นานถูกสับเละเป็นเนื้อหมูสับละเอียด
“นอกจากไส้ยี่หร่าแล้วอย่างอื่นหนูทานได้หมดเลยค่ะ” เหมยเหมยที่กำลังช่วยฮูหยินผู้เฒ่าเด็ดผักกุยช่ายอยู่ตอบกลับอย่างน่าเอ็นดู
กลิ่นของยี่หร่าฉุนเกินไปทำให้เธอยากจะรับไหว ปกติเธอเลือกทานแต่รสชาติที่ออกจะค่อนไปทางจืดชืด ผักที่มีกลิ่นฉุนประเภทหัวหอม ผักชี ยี่หร่าเธอไม่ชอบทาน อย่างอื่นเธอทานได้หมด
“งั้นปีนี้บ้านเราไม่ห่อไส้ยี่หร่าแล้วกัน ห่อไส้ผักกาดขาวเนื้อหมูเยอะๆ ไส้ผักกุยช่ายกับไข่เองก็ด้วย ผสมกับเปลือกกุ้งสักหน่อย ให้มีรสชาติสดใหม่!” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเสียงเด็ดขาด
“ได้ค่ะ ทำตามที่แม่พูดทุกอย่างเลย แม่เป็นแม่ทัพสามทัพของบ้านเราเชียว”
หานซู่ฉินสมกับทำงานอยู่ฝ่ายวางแผนนโยบาย เพียงไม่กี่คำก็กระตุ้นบรรยากาศให้สดใส ห้องครัวบ้านตระกูลจ้าวไม่ขาดเสียงหัวเราะอีกเลย เหล่าผู้ชายที่กำลังคุยเรื่องงานอยู่ห้องโถงเองก็นั่งยิ้ม
บ้านที่มีเจ้าหญิงตัวน้อยเพิ่มมาอีกคนมันต่างไปจากเดิมจริงๆ รู้สึกได้ว่าอากาศก็ยังอบอวลด้วยกลิ่นหอมหวาน!
“เจ้าสาม คนตระกูลอู่นั่นแกคิดจะจัดการยังไง?” จ้าวอิงสยงเอ่ยปากถาม
จ้าวอิงหัวหน้าเรียบนิ่งดั่งน้ำแข็ง ตอบกลับเสียงเย็นชา “ผมได้แจ้งทางตำรวจเมืองจินไว้แล้ว หลังปีใหม่ก็จะจัดการอู่เจิ้งซือ ส่วนผู้หญิงคนนั้นเหมยเหมยได้แก้แค้นไปแล้ว ต่อให้ผมไม่จัดการ ชีวิตของเหอปี้อวิ๋นก็ไม่สงบสุขได้หรอก”
“เกิดอะไรขึ้น? เหมยเหมยทำอะไร?” เหล่าผู้ชายตระกูลจ้าวให้ความสนใจไม่หยอก
จ้าวอิงหัวเลือกช่วงสำคัญของวิธีที่เหมยเหมยใช้จัดการสองแม่ลูกเหอปี้อวิ๋นเล่าให้ฟัง แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เขาวิเคราะห์ได้ซึ่งเหมยเหมยไม่มีทางยอมรับสิ่งที่เขาคิด เพราะเธอจะเป็นเจ้าหญิงน้อยแสนหวานของเธอต่อไป!
“ใช้พลังของเสียงวิพากษ์ วิธีนี้เหมยเหมยใช้ได้เจ๋งมาก สมกับเป็นหลานสาวของฉัน ไม่เลว ไม่เลว!”
ท่านผู้เฒ่าจ้าวออกปากชมไม่ขาดสาย เริ่มแรกเขายังกังวลว่าหลานสาวที่หน้าตาคล้ายตุ๊กตาล้มลุกจะอ่อนแอเกินไปจนต้านทานลมฟ้าอากาศไม่ได้ ตอนนี้ดูท่าว่าสมแล้วที่บนตัวเหมยเหมยมีเลือดตระกูลจ้าวหมุนเวียนอยู่ ต่อให้ถูกเหยียบย่ำลงโคลนตมก็จะอาศัยเรี่ยวแรงตัวเองปล่อยแสงสว่างให้เฉิดฉาย
คนอื่นเองก็ชื่นชมเหมยเหมยเช่นกัน แม้จะตกใจที่เหมยเหมยมีมุมที่ไม่เปิดเผยแบบนี้ แต่พวกเขายิ่งชอบน้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนนี้มากกว่าเดิม เทียบกับตุ๊กตาล้มลุกที่แตกสลายได้ง่ายๆ อย่างนั้นพวกเขาชอบดอกกุหลาบแสนงามที่มีหนามแหลมมากกว่า
ในเมื่อตระกูลจ้าวตั้งอยู่ใจกลางวังวนแห่งผลประโยชน์อยู่แล้ว หากไม่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองไม่นานจะถูกกลืนเข้าไปในวังวนนี้ ก่อนจะถูกทำร้ายอย่างไม่อาจคาดการณ์ได้
ต่อให้เธอเป็นเจ้าหญิงของตระกูลจ้าวเองก็ไม่มียกเว้น!
มีแสงออร่ารอบตัวมากเท่าไรยิ่งมีคนต้องการทำลายเธอมากเท่านั้น พวกเขาทุกคนล้วนเคยผ่านเรื่องพวกนี้มาแล้ว!
“เจ้าสามแกมีแผนในใจก็พอ สรุปแค่ข้อเดียว ใครไม่ดีกับหลานสาวฉัน ใครคนนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตสงบสุขเลย ไม่ถึงกับต้องโทษประหารชีวิตก็ได้ แต่โทษอย่างอื่นคงหนีไม่พ้น!”
ประโยคเดียวของท่านผู้เฒ่าจ้าวก็ตัดสินชะตาชีวิตของคนตระกูลอู่ทั้งหมด สายตาท่านผู้เฒ่าฉายแววเยือกเย็นปนดุดัน จ้าวอิงหัวรับคำไว้อย่างนอบน้อม ไม่ต้องรอท่านผู้เฒ่าสั่งการเขาเองก็ไม่มีทางปล่อยคนพวกนั้นไปอยู่แล้ว
เหมยเหมยที่อยู่ในครัวกลับฉงนใจอย่างมาก เธออยากถามตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่เหยียนซินหย่างานยุ่งนับแต่หลังกลับมา เธอถึงไม่มีโอกาสถามสักที วันนี้ได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดตลอดว่าลูกสะใภ้เจ้าสองกับลูกสะใภ้เจ้าสาม เธอยิ่งทวีความสงสัย ทั้งที่สะใภ้เจ้าสามไม่ใช่แม่ของเธอหรอกหรือ?
ทำไมอันหย่าฟางก็เป็นสะใภ้สามเหมือนกันล่ะ?
แล้วคุณลุงใหญ่ที่บ้านไปไหนแล้ว?
……………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น