หมอดูยอดอัจฉริยะ 542-543

 ตอนที่ 542 เข้าสู่ลัทธิ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“แม่เอ้ย ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้”


เห็นฉากตรงหน้านี้แล้ว เยี่ยเทียนก็ตะลึงงันไป ในตอนที่คอของจี๋เหล่าต้ามีเลือดสดพวยพุ่งออกมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนนี้ไร้ทางรักษา


เส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอถูกกัดขาด ถึงแม้จะอาศัยฝีมือของเยี่ยเทียน ก็ไม่มีทางเลยที่จะช่วยได้ เลือดแดงฉานที่ท่วมตัวของจี๋เหล่าต้านั้นเหมือนกับพ่นออกไปอย่างกับของฟรี ตลอดทั้งห้องลับนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด


“อึก…อึก…”


สายตาของจี๋เหล่าต้านั้นค่อยๆ ล่องลอย ปากเปล่งเสียงดังออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เลือดนั้นไหลออกมาตามปาก สีหน้าปรากฏแววแห่งความตาย


“เหอ…เหอเหอ!”


หลิวเหล่าเอ้อเมื่อซักครู่ถูกยิงด้วยของมีพิษ ในตอนนั้นตลอดทั้งร่างเข้าสู่โหมดคุ้มคลั่ง หลังจากดูดกินเลือดเข้าไปเต็มท้องแล้ว ก็อ้าปากงับเนื้อบนคอของพี่ใหญ่จี๋ขึ้นมา


“พอแล้ว พี่สอง ตื่นเถอะ!”


เยี่ยเทียนส่ายหัว เดินขึ้นไปเอามือสับลงบนต้นคอของหลิวเหล่าเอ้อหลังจากใส่พลังเข้าไปสายหนึ่งแล้ว ก็พลันทำให้หลิวเหล่าเอ้อได้สติขึ้นมา


“นี่…นี่เป็นฝีมือฉันเหรอ!”


เห็นร่างกายที่ชักกระตุกอยู่ด้านหลังของเหล่าต้า หลิวเหล่าเอ้อก็ร้องตะโกนอย่างตกใจออกมา ออกแรงพยุงตัว เอาหลังพิงกับผนังไม้ถอนหายในเฮือกใหญ่


“พี่สอง เขาตายอย่างไม่มีห่วง แต่นายนี่สิบาดแผลเจ็บหนักไม่น้อย อย่างนั้น…ฉันไปส่งนายไปโรงพยาบาล”


มองเห็นสีหน้าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของหลิวเหล่าเอ้อเยี่ยเทียนก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น ถึงแม้ว่าหลิวเหล่าเอ้อจะเป็นผู้ร้ายเบอร์ต้นในการหลอกลวงพ่อของเขา แต่การที่เขามาถึงจุดนี้ ก็เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาด้วย


“เยี่ย…พี่เยี่ย ฉัน…ฉันไม่ไหวแล้ว”


หลิวเหล่าเอ้อนั้นส่ายศรีษะ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสลด ในตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าพลังชี่ตลอดทั้งร่างกำลังไหลออก ความรู้สึกเย็นนะเยือกสายหนึ่งไหลเข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้


“นายมีอะไรที่อยากจะบอก ” เยี่ยเทียนยื่นมืออกไปวางบนไหล่ของเขา ใส่กระแสพลังธาตุเข้าไปในร่างกายของหลิวเหล่าเอ้อ รักษาเส้นชีพจรหัวใจของเขาไว้ชั่วคราว


จริง ๆ แล้วเยี่ยเทียนมองออกตั้งนานแล้ว หลิวเหล่าเอ้อร์ได้รับความทรมานผิดมนุษย์มนามาหลายวัน ชีพจรในร่างกายขาด พลังชีวิตเหือดหาย หากว่าไม่ได้พิษช่วยกระตุ้นเอาไว้ เกรงว่าจะตายไปนานแล้ว


“ไม่ ข้าหลิวเหล่าเอ้อเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีห่วงตั้งนานแล้ว สามารถทำให้เจ้าขโมยได้ตายตกไปพร้อมตัวเอง ก็คุ้มค่าแล้ว!”


หลิวเหล่าเอ้อหันไปถุยน้ำลายใส่จี๋เหล่าต้าที่นอนอยู่ด้านข้าง สีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์


เมื่อปีกลายนั้นเขาก็เป็นหนึ่งใน แปดอรหันต์ข้างกายจี๋เหล่าต้า แต่ว่าจี๋เหล่าต้าไม่ได้สนใจความสัมพันธ์เก่าก่อน เห็นคนจะตายไม่ช่วยไม่เท่าไหร่ ยังซ้อมให้รับสารภาพ สามารถฆ่าจี๋เหล่าต้าได้ด้วยตนเอง หลิวเหล่าเอ้อในใจนั้นดีใจเป็นล้นพ้น


“พี่เยี่ย ฉัน…เหล่าเปาของฉันทำไม่ดีกับพี่ เห็นแก่ที่เราหาจี๋เหล่าต้าเจอพร้อมกัน พี่ยกโทษให้เหล่าเปาคนนี้เถอะ”


โบราณว่าคนที่กำลังจะตายมักจะพูดและทำอะไรดี ๆ หลิวเหล่าเอ้อในวาระสุดท้ายก็ไม่วายขอให้ไว้ชีวิตของเปาเฟิงหลิง นี่ทำให้เยี่ยเทียนอดสังเวชใจไม่ได้ พยักหน้ากล่าวว่า “”นายวางใจ ฉันจะไม่ไปยุ่งกับเขาอีก”


“ขอบคุณ…ขอบคุณเยี่ย…”


แววตาของหลิวเหล่าเอ้อเปล่งประกายอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็มืดดับลงไป เสียงจากลำคอนั้นแผ่วเบา หลังจากเอ่ยคำว่าเยี่ยออกมา ลมหายใจสุดท้ายก็จากไป


“คนที่อยู่ในยุทธภพล้วนไม่เป็นอิสระ เส้นทางในยุทธภพของฉันนั้นจะเป็นอย่างไรกันนะ”


เห็นร่างไร้วิญญาณสองศพที่ไม่ถูกกันนอนอยู่บนพื้น เยี่ยเทียนส่ายหัว ภายในใจพลันรู้สึกแก่ขึ้นหลายปี เพราะตั้งแต่โบราณกาลจนถึงตอนนี้ คนที่อยู่ในยุทธภพที่มีจุดจบสวยงามนั้น มีน้อยเต็มที


หลังจากยื่นมือออกไปปิดดวงตาที่เบิกโพรงของหลิวเหล่าเอ้อแล้ว เยี่ยเทียนก็ลุกขึ้นยืน ห้องลับนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นาน


มองไปรอบด้านภายในห้อง เยี่ยเทียนเห็นมุมห้องมีกระสอบผ้าป่าน เดินไปหยิบขึ้นมาไว้ในมือ นำเงินสดและทองคำในตู้เซฟหยิบใส่ลง


หลังจากเก็บของพวกนี้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนก็ยื่นมือออกไปเปิดลิ้นชักเหล็กด้านล่างของตู้นิรภัย หันไปมอง ใจพลันเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้


ในแผ่นเหล็กของลิ้นชักที่มีช่องว่างใหญ่ประมาณหนึ่ง ด้านล่างเป็นหนังสือปัจจุบันอยู่กองหนึ่ง สีกระดาษนั้นค่อนไปทางเหลืองแล้ว ด้านบนของหนังสือมีบัตรธนาคารวางอยู่สองสามใบ


หยิบบัตรธนาคารใส่ในกระเป๋า เยี่ยเทียนก็หยิบหนังสือที่วางอยู่ด้านบนสุดติดมือมา สายตาเปล่งประกายเจิดจ้า เพราะในหน้ากระดาษของหนังสือนั้น มีตัวอักษรสองสามคำเขียนจากขวาไปซ้ายในแนวตั้งว่า “สรรพความคิดกับนักทำนายโจวจื่อ”


“จี๋เหล่าต้าที่แท้ก็เป็นผู้สืบทอดวิชาโจวจื่อ!”


หลังจากเห็นหนังสือเล่มนี้ ในใจของเยี่ยเทียนก็สิ้นความสงสัย ในสมัยโบราณที่ด้านหลังหากสามารถเติมคำว่า “จื่อ” ลงไปได้นั้น มีแต่นักปราชญ์ราชบัณฑิต เช่นขงจื่อ เมิ่งจื่อและคนอื่น ๆ


โจวตุนอี๋เป็นนักปราชญ์ของราชวงศ์ซ่งเหนือ เป็นผู้เขียน “ทฤษฎีแผนภาพไท่จี๋” ถึงขนาดถูกจูซีเรียกว่าเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิกายวิภาค แน่นอนว่าเหมาะสมกับคำว่า “จื่อ” นี่


ค่อยๆ เปิด “ปฐกถา”เล่มนี้กางออกดูหน้าแรก ด้านในแน่นอนว่าบันทึกเคล็ดวิชาบางอย่างในวิชาโจวชื่อ ในตอนที่เยี่ยเทียนอยากจะอ่านให้ละเอียดนั้น ก็มีกระดาษแผ่นหนึ่งตกลงมาจากหนังสือ


“หืม นี่คืออะไร” เยี่ยเทียนยื่นมือออกไปรับกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือ มองหัวข้อด้านบน จึงพบว่าเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง


“ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี่ ก็ยังได้รับอะไรที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง!” หลังจากอ่านจดมายที่ใช้พู่กันเขียนเอาไว้แล้ว เยี่ยเทียนก็ถอนหายใจยาว จี๋เหล่าต้าคนนี้แน่นอนว่าเป็นสายเลือดใกล้เคียงกับโจวชื่อเป็นวิญญาณร้ายที่หลงเหลืออยู่


ในปีนั้นศิษย์พี่ใหญ่พาพวกในฉีเหมินไปล้อมรังของลัทธิโจวชื่อ ที่หนีรอดไปด้วยคนเดียวคือโจวต้าหมาจื่อ แต่หลังจากนั้นอีกครึ่งศตวรรษ รุ่นหลังของโจวต้าหมาจื่อกลับตายด้วยมือของตัวเอง อดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกเวทนา


ค่อยๆ หยิบหนังสือหลายเล่มออกมาวางไว้ในมือ อีกมือหนึ่งก็แบกกระสอบป่าน เยี่ยเทียนเดินหลีกเลือดที่นองเต็มพื้น ค่อยๆ ปีนออกมาจากปากทางห้องลับ


“อาจารย์ ผมถามแล้ว ไอ้เจ้าจี๋เหล่าต้าคนนี้รู้จักวิชาการทำนายดวงชะตา!”


เยี่ยเทียนเพิ่มโผล่หัวออกมาพ้นเงาของกำแพง โจวเส้าเทียนก็รีบออกมาต้อนรับ กล่าวว่า “จี๋เหล่าต้าเป็นผู้สืบทอดเคล็ดวิชาลับของตระกูลโจวที่เป็นตัวร้ายที่เหลืออยู่…”


“ฉันรู้แล้ว”


 เยี่ยเทียนเดินออกมาจากทางลับนั้น หยิบเอาหนังสือในมือสองสามเล่มส่งให้กับโจวเส้าเทียน กล่าวว่า “พวกนี้เป็นเคล็ดวิชาลับประจำตระกูลโจว แต่ว่ามีบางวิชาที่สูญหายไป ค่อยว่ากันว่าสามารถเพิ่มเติมในภายหน้าได้หรือเปล่า”


“หา…หาเจอแล้วเหรอ”


โจวเส้าเทียนตะลึงงั้นไปก่อนแล้วจากนั้นก็ดีใจยกใหญ่ สองมือสั่นรับหนังสือสองสามเล่มไป ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก


ถึงแม้จะไหว้เยี่ยเทียนเป็นอาจารย์ โจวเส้าเทียนก็ได้รับประโยชน์ที่ดีเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาของหมาอี สำหรับเยี่ยเทียนแล้วเคล็ดวิชาที่เป็นความลับจับต้องไม่ได้นั้น ไม่มีทางฝึกสำเร็จ


ดังนั้นการตามหาเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาของตระกูล เป็นสิ่งที่โจวเส้าเทียนคิดคำนึงอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เค้าคิดไม่ถึงว่า จะบรรลุสมหวังรวดเร็วขนาดนี้


“เส้าเทียน เคล็ดวิชาการทำนายของโจวชื่อ ในฉีหมินนั้นมีชื่อเสียงขึ้นชื่อมาก…”


เห็นลูกศิษย์ดีใจจนเนื้อเต้น เยี่ยเทียนก็คิดซักครู่ กล่าวว่า “เคล็ดวิชาที่อยู่ต่อหน้านายที่ได้รับไปแล้วนั้น อีกหน่อยความสำเร็จในด้านนี้ เกรงว่าจะไม่ได้มากจากฉัน ฉันอยากจะขับนายออกจากลัทธิ นายไปตั้งลัทธิของนายเองเถอะ!”


จริงๆ แล้วที่รับโจวเส้าเทียนมาเป็นลูกศิษย์นั้น เยี่ยเทียนก็แอบมีความคิดเอาไว้ เดิมทีนั้นฉีเหมินก็พากันล่มสลายไปค่อนข้างเยอะแล้ว สามารถมีลัทธิที่สืบทอดหนึ่งลัทธิได้ นั้นก็ถือเป็นพรมลิขิต


“อาจารย์…อาจารย์ ท่าน…ท่านไม่ต้องการผมแล้วเหรอ”


โจวเส้าเทียนทีเดิมทีสีหน้าดีใจ ได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว พลันก็ดีใจไม่ออก เกือบจะโยนตำราในมือลอยละล่องไปแล้ว


โจวเส้าเทียนเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับแม่ ผ่านอะไรต่อมิอะไรในโลกมาก็มาก มีแต่อยู่กับเยี่ยเทียน เขาถึงรู้สึกว่าชีวิตมีค่า แต่คำพูดประโยคเดียวของเยี่ยเทียน ก็ทำให้เขาร่วงจากสวรรค์ลงสู่ขุมนรก


เยี่ยเทียนกล่าวว่า “เส้าเทียน อายุนายกับฉันก็ห่างกันไม่มาก ไม่เป็นศิษย์อาจารย์กันก็ยังเป็นเพื่อนกันได้”


“ไม่ อาจารย์ เป็นอาจารย์วันหนึ่งก็เป็นอาจารย์ตลอดไป เส้าเทียนไม่ใช่คนที่ลืมบุญคุณคนแบบนั้น!”


โจวเส้าเทียนพลันคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าแน่วแน่กล่าวว่า “อาจารย์ คนสืบทอดลัทธิตระกูลโจวก็เหลือผมคนเดียวแล้ว วันนี้ผมตัดสินใจว่า จะนำเอาเคล็ดวิชาของตระกูลโจวผนวกเข้ากับลัทธิหมาอี หวังว่าอาจารย์จะมีเมตตา!”


“หืม เส้าเทียน หากเป็นแบบนี้ การสืบทอดของตระกูลโจวก็หายไป” เยี่ยเทียนกล่าวอย่างตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าโจวเส้าเทียนจะต้ดสินใจเลือกทางนี้


โจวเส้าเทียนส่ายหัว กล่าวว่า “อาจารย์ ผนวกเข้ากับลัทธิหมาอี เคล็ดวิชาของตระกูลโจวก็สามารถสืบทอดต่อไป ตั้งสำนักนั้นยากมาก ลูกศิษย์ไม่มีความแน่วแน่ขนาดนั้น!”


เยี่ยเทียนเงียบไปซักครู่ กล่าวว่า “เรื่องนี้เอาไว้ค่อยว่ากัน ให้เวลานายคิดมาก ๆ หน่อย หากว่ายังต้องการแบบนั้น ถึงเวลาฉันจะรับนายเป็นลูกศิษย์เอกของลัทธิ!”


เคล็ดวิชาของฉีเหมินนั้นถึงแม้จะไม่เหมือนกัน แต่ภายในนั้นก็มีจุดที่เหมือนกันอยู่ โจวเส้าเทียนต้องการนำเอาวิชาของตระกูลโจวผนวกรวมกับหมาอี สำหรับเคล็ดวิชาของหมาอีแล้วเป็นการพัฒนาและทำให้สูงขึ้นไปอีกระดับ


เยี่ยเทียนเชื่อว่า หลังจากตัวเขาเองฝึกปรือเคล็ดวิชาของตระกูลโจวแล้ว จะสามารถหาวิธีการให้โจวเส้าเทียนฝึกเคล็ดวิชาของหมาอีได้ นี่ถึงได้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะรับเขาเป็นลูกศิษย์เอกของลัทธิ


แต่ว่าโจวเส้าเทียนนั้นฝึกปรือจนเข้ากระดูกแล้ว แต่กลับไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะสืบทอดลัทธิหมาอี ดังนั้นเขาจึงถูกกำหนดให้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ในลัทธิ แต่ไม่มีทางเป็นผู้สืบทอดลัทธิได้


“เอาเถอะ สถานที่แห่งนี้ไอพลังร้ายหนาแน่นมาก ไม่ควรอยู่นาน พวกเราออกไปกันเถอะ!”


ถึงแม้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้ยังสร้างขึ้นมาไม่ถึงสามปี แต่คนที่เสียชีวิตที่นี่มีสิบกว่าคนแล้ว เดิมทีไอพลังร้ายนั้นถูกน้ำเต้าที่หน้าประตูกดเอาไว้ แต่น้ำเต้าฮวงจุ้ยถูกเยี่ยเทียนเก็บกลับไป ทำให้ทั้งคฤหาสน์พลันปรากฏพลังหยางอย่างหนาแน่น


เยี่ยเที่ยนที่กำลังพูดก็เดินมาถึงโซฟา หยิบน้ำเต้าฮวงจุ้ยวางไว้บนที่ดื่มชา มือขวาพลันโบกไปเบาเบาบนโซฟาผ่านกระหม่อมของหลินซวนโย่ว ถึงได้หมุนกายเดินออกไป


ฝ่ามือหนึ่งออกไป หลินซวนโย่วเดิมทีที่สายตาดีใจ ก็แปรเปลี่ยนเป็นดำมืดลงมา เลือดสีแดงสดก็ไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ดวงตาปรากฏแววตกใจไม่อยากเชื่อ


หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ โจวเส้าเทียนยังมีบางอย่างที่ค้างคากล่าวถามว่า “อาจารย์ ทำไมจะต้องฆ่าเขา”


เมื่อก่อนนั้นหลินซวนโย่วมีคำถามอะไรก็ต้องตอบ ท่าทางนั้นดีมาก บวกกับใส่แว่นตาดูเป็นคนแก่เรียน แต่ถูกเยี่ยเทียนตีให้เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา ในใจของโจวเส้าเทียนก็รู้สึกอาลัยหลายส่วน


ตอนที่ 543 ปีใหม่ (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“คนนั้นไอพลังร้ายรอบตัว คิดไปแล้วน่าจะฆ่าคนมาเยอะ ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย!”


เยี่ยเทียนหยุดเดินกล่าวว่า “เส้าเทียน หากอยู่ในยุทธภพ ยึดหลักฆ่าให้เฉียบคม ห้ามมีจิตใจที่อ่อนแอ มิเช่นนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง


ความเป็นจริงและอุดมคตินั้นมักจะขัดแย้งกันเสมอ เหมือนกับภาพยนตร์บางเรื่อง ตัวเอกและตัวร้ายต้องมีการต่อกรกันไปมาก่อนหลายยกกว่าจะลงมือฆ่า แต่ว่าในความเป็นจริง กลับไม่มีเรื่องแบบนี้อยู่ ในสายตาของคนในยุทธภพมีแต่คนตายเท่านั้นที่ไม่เป็นอันตรายกับตัวเอง ”


แต่ว่าเยี่ยเทียนฆ่าหลินซวนโย่วตาย นั้นมีนัยยะอีกขั้นซ่อนอยู่ นั่นก็คือการที่ไม่อยากให้เรื่องในวันนี้ที่เกิดขึ้นทั้งหมดของศิษย์อาจารย์เผยแพร่ออกไป เนื่องด้วยว่าสังคมนี้ยังมีขื่อมีแปร ต่อให้เยี่ยเทียนมั่นใจว่าจะกดดันเรื่องนี้ให้เงียบไป แต่ความยุ่งยากที่จะติดตามมาด้วยล่ะ


“ครับ อาจารย์ ผมเข้าใจแล้ว…”


โจวเส้าเทียนเหมือนกับว่าคิดได้แล้วก็พยักหน้า เดินตามหลังเยี่ยเทียนไป ทั้งสองคนไม่มีใครส่งเสียงเดินอ้อมออกมาจากพื้นที่คฤหาสน์ได้


เมื่อมาถึงริมแม่น้ำ ก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว ในตอนที่เดิมมาถึงตู้โทรศัพท์นั้น เยี่ยเทียนพลันหยุดฝีเท้าลง กล่าวว่า “เส้าเทียน บนตัวมีเงินเหรียญมั๊ย”


“มี…” โจวเส้าเทียนหยิบเงินเหรียญออกมาจากกระเป๋าเสื้อ


หลังจากรับเงินเหรียญมาแล้ว เยี่ยเทียนก็หยิบหูโทรศัพท์ในตู้โทรศัพท์ขึ้น หลังจากใส่เหรียญเข้าไปแล้ว กด 110 ที่แป้นสามตัว เยี่ยเทียนกดเสียงต่ำ กล่าวว่า “ใช่สถานีตำรวจหรือไม่  ผมจะแจ้งตำรวจ คฤหาสน์ริมน้ำตุกที่ 8 มีการก่อเหตุฆาตกรรม ขอให้พวกคุณรีบไปดูที่เกิดเหตุ!”


หลังจากกล่าวคำด้านบนจบ เยี่ยเทียนก็ไม่ได้สนใจการสอบถามที่ตามมาของอีกฝ่าย ดึงมือโจวเส้าเทียนเดินไปที่ถนนสาธารณะใกล้สะพานสายหนึ่ง ดักรถแท็กซี่ที่วิ่งกะดึกคันหนึ่ง


หลังจากนั้นสามนาที ในตอนที่รถแท็กซี่ขับผ่านใจกลางเมืองนั้น รถตำรวจที่เปิดไซเรนกระพริบวิวาวและรถแท็กซี่ก็วิ่งเฉียดกันไป


“คนขับ จอดรถริฟุตบาท ” หลังจากรถขับมาถึงประตูเทศบาลเมือง เยี่ยเทียนก็เรียกให้หยุดรถ หลังจากจอรถคันนี้ขับออกไป ก็เรียกรถอีกคันหนึ่ง


เปลี่ยนรถไปสี่ห้าคันไปเรื่อย ๆ เยี่ยเทียนและลูกศิษย์ทั้งสองคนก็ได้กลับมาที่บริเวณใกล้กับโรงแรมเฟิงเฉิง ในตอนนี้เป็นเวลาตีสามตีสี่แล้ว


ในบริเวณที่ห่างจากประตูใหญ่โรงแรมออกไปสิบกว่าเมตร เยี่ยเทียนก็พลันชะงักฝีเท้าลง มองไปบริเวณที่จัดดอกไม้ กล่าวว่า “ออกมาเถอะ ดึกดื่นขนาดนี้แล้วนายไม่กลัวความหนาวเลยเนอะ”


“ท่านเยี่ย คุณ…คุณกลับมาแล้ว”


เปาเฟิงหลิงที่แอบอยู่หลังกระถางดอกไม้ถึงแม้จะกอดชุดกันหนาว แต่ก็หนาวจนริมฝีปากเป็นสีม่วงคล้ำ เห็นในมือของเยี่ยเทียนถือถุงอยู่เปาเฟิงหลิงก็ทำหน้าไม่อยากเชื่อ


“ขึ้นไปพูดกันด้านบนเถอะ ” เยี่ยเทียนมองค้อนไปหนึ่งครา และก็เดินนำเข้าในโรงแรมเป็นคนแรก


“”ท่านเยี่ย ฉัน…ฉันกลัว…” หลังจากกลับมาถึงห้องพัก เปาเฟิงหลิงก็อยากจะพูดอธิบายออกมา


เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือกล่าวว่า “ไม่ต้องพูด จี๋เหล่าต้าและหลิวเหล่าเอ้อได้ตายตกไปตามกันแล้ว ฉันรับปากหลิวเหล่าเอ้อว่าจะไว้ชีวิตนาย แต่ว่านะเปาเฟิงหลิง นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป นายจะต้องออกไปจากพื้นที่เจียงซี หนีไปให้ไกลที่สุด ทำได้มั๊ย”


“เหล่า…เหล้าเอ้อตายแล้ว”


หลังจากได้ฟังคำของเยี่ยเทียนแล้ว สีหน้าของเปาเฟิงหลิงก็แสดงความเสียใจออกมา เขานั้นเดินทางสายนี้ช้ากว่าหลิวเหล่าเอ้อเยอะมาก หลายปีมานี้ได้รับการดูแลจากหลิวเหล่าเอ้อมากมาย เมื่อได้ฟังความตรงหน้าแล้ว ในใจก็พลันเสียใจเป็นอย่างมาก


เยี่ยเทียนถอนหายใจ หยิบเงินหลายปึกออกมาจากกระสอบป่าน โยนให้กับเปาเฟิงหลิง กล่าว่า “นี่เงินหนึ่งแสนบาท นายเอาไปทำพวกร้านขายของกิน ไม่ต้องไปหลอกลวงใครอีก”


เปาเฟิงหลิงพยักหน้า ใช้มือกปาดน้ำตาที่มุมขอบตา กล่าวว่า “ท่านเยี่ย ฉันยังมีเงินเก็บอยู่บ้าง เงินนี้ฉันไม่เอา ขอบคุณที่ช่วยเหล่าเอ้อล้างแค้น แซ่เปาคนนี้ขอสาบาน ในอนาคตจะไม่ทำงานด้านนี้อีกแล้ว”


ในใจเจ็บปวดมาก เปาเฟิงหลิงก็รู้สึกปลดปล่อยเหมือนกัน เพราหลายปีมานี้ เงาของจี๋เหล่าต้าลอยอยู่ในหัวสมองของเขา เมื่อได้ฟังจี๋เหล่าต้าเสียแล้ว เปาเฟิงหลิงในใจก็พลันรู้สึกราวกับวางหินก้อนหนึ่งลง


มองเปาเฟิงหลิงไปหนึ่งทีแล้วเยี่ยเทียนก็กล่าวว่า “ให้แล้วก็เอาไปเถอะ กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าก็ออกเดินทาง ไม่งั้นเกรงว่าจะไปไม่รอด”


หลังจากกลับมาที่โรงแรม เยี่ยเทียนก็พักผ่อนเพียงแค่สามสี่ชั่วโมง วันที่สองตอนเช้าประมาณหกโมงกว่า เขาและโจวเส้าเทียนก็คืนห้อง เรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งทางไกลตรงไปยังเซี่ยงไฮ้ จากนั้นก็เหมารถจากเซี่ยงไฮ้กลับปักกิ่ง ใช้เวลาอยู่บนถนนสองวันกว่า


หากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเยี่ยเทียนอยากเดินทางแบบนี้ สำคัญคือพกทองมากขนาดนั้น ไม่สะดวกนั่งเครื่องบินจริง ๆ ในการเดินทางเยี่ยเทียนหาธนาคารกดเงินในบัตรสองใบนั่น พบว่าจี๋เหล่าต้านั้นไม่ได้มีการเล่นกลกับรหัส สามารถตรวจสอบยอดเงินในบัตรได้ว่าเหลือสองล้านหยวน และยังมีกำไรเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งล้านหยวน


แต่ว่าการเดินทางในครั้งนี้นั้นสิ่งที่ได้มากกว่าเงินไม่กี่ล้านหยวน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเต้าฮวงจุ้ย และยังมีตำราเคล็ดวิชาลับของตระกูลโจวหลายเล่ม พวกนี้ไม่สามารถตีเป็นมูลค่าเงินได้


เยี่ยเทียนพูดไม่ผิด หลังจากที่พวกเขาออกจากหนานชางในตอนเช้าได้ไม่นาน เมืองนี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นวุ่นวายขวักไขว่ มีคดีคนตายและคนบาดเจ็บ เรียกได้ว่าเป็นคดีใหญ่


และสภาพในห้องลับนั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นหรือหน้างานนั้นล้วนแต่อาเจียนออกมา แม้แต่หมอชันสูตรที่มีประสบการณ์ก็ยังไม่รอด สวมหน้ากากกันพิษทำงานทั้งคืน ถึงได้ดำเนินงานตรวจสอบหน้างานต่อไปได้


จากการสืบค้นของตำรวจที่เป็นลมล้มพับไป ตัวตนของจี๋เหล่าต้าก็ปรากฏความจริงขึ้นมา แต่นี่ก็ทำให้คดีนี้เปลี่ยนไปในแนวทางที่แปลกพิสดารขึ้น


หากมองจากภาพทั่วไป จี๋เหล่าต้าถูกหลิวเหล่าเอ้อกัดตาย แต่หลิวเหล่าเอ้อที่ถูกมัดเอาไว้ที่เสาไม้นั้นสามารถแก้มัดได้อย่างไร บาดแผลที่แขนของจี๋เหล่าต้านั้นมาได้อย่างไร และการหายไปของทรัพย์สินเงินทองในตู้เซฟ นี่เป็นหลักฐานที่บ่งบอกชัดเจนว่าในตอนนั้นห้องนี้มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย.


แต่ที่ทำให้ฝั่งตำรวจจนปัญญาก็คือ พวกเขาตรวจสอบพื้นทุกตารางนิ้วของคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว แต่ก็ไม่พบรอยเท้าหรือรอยนิ้วมือที่มีค่าพอที่จะเก็บหลักฐานได้ ดึงบันทึกกล้องวงจรปิดของคฤหาสน์ แต่ก็ไม่พบบุคคลที่น่าสงสัยเข้าออก เหมือนกับว่าอีกฝ่ายลอยหายออกจากคฤหาสน์ไปในอากาศ


สำหรับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น นอกจากเอ้อหนิวเห็นเงาคนแล้ว ต้าหู่ก็รู้แต่ว่าตอนที่ไปฉี่นั้นเจอผี จากคำให้การของวายร้ายสองคนนี้ ทำให้ทิศทางของคดีนี้เผชิญกับอุปสรรค


คดีที่เกิดขึ้นนั้นรูปคดีได้แตกต่างจากคดีฆาตกรรมตามปกติที่จะทำความเข้าใจ เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไร เทศบาลเมืองก็ได้ส่งคำร้องขอกำลังช่วยเหลือจากจังหวัด จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญหน่วยงานระดับจังหวัดและรายงานผลการชันสูตรศพของหลินซวนโย่ว ได้ข้อสรุปว่าคดีนี้เกิดจากฝืมือของบุคคลที่มีวรยุทธ์สูงในยุทธภพ


ถึงแม้ฟังดูแล้วจะเหมือนกับหนึ่งพันราตรีนิทานของอาหรับ แต่บาดแผลจากมีดบินที่แม่นยำและสาเหตุการเสียชีวิตของอีกคนหนึ่ง ล้วนแต่ชี้มาในทิศทางนี้ ร่วมกับความสัมพันธ์ในสังคมและภูมิหลังของจี๋เหล่าต้า บทสรุปนี้ได้รับความเห็นพ้องจากหลายฝ่าย


แต่คดีนี้เมื่อได้บทสรุปแล้วก็ดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะว่าเยี่ยเทียนตอนที่อยู่หนานชางนั้นใช้บัตรปลอมทั้งหมด พวกเขาไม่สามารถสืบค้นจากคนเป็นพันล้านคนจนมาได้เบาะแสอะไรที่เกี่ยวกับเยี่ยเทียนได้


ดีที่ว่าคดีนี้ถึงแม้จะดูโหดร้าย แต่ไม่ได้ผู้เคราะห์ร้ายอยู่ ร่วมกับจี๋เหล่าต้าที่เคยกระทำความผิดมาก่อนหน้านั้น ก็คือไม่ตายก็ถูกจับ ใช้ปืนยิงสิบรอบก็พอแล้ว ดังนั้นจึงได้ตั้งใจล็อคบางส่วน ที่คดีนี้ไม่ได้ถูกปล่อยข้อมูลออกไป ต่อมาก็กลายเป็นคดีฆ่าคนตาย เอกสารคดีก็ถูกทิ้งเอาไว้ที่มุมหนึ่งของห้องเก็บแฟ้มคดีไปแล้ว



“จือจือ…”


เมื่อเยี่ยเทียนแบกเอากระสอบป่านที่ไม่มีที่มาที่ไปเข้าไปในเรือนสี่ประสานนั้น เดิมทีตัวเฟอเรตที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนอกของซ่งเวยหลันก็เดินออกมา ใช้ขาหน้าตะกุยกระสอบป่าน ในตอนนั้นกระสอบป่านก็ถูกกรงเล็บข่วนขาดเป็นรอยใหญ่


“เจ้าตัวเล็กนี่ รู้จักเก็บของที่ดีเอามานะ!”


เห็นทองเป็นก้อนที่หล่นลงมาเต็มพื้นและน้ำเต้าฮวงจุ้ยที่ถูกเจ้าตัวมีขนกอดเอาไว้ในอ้อมอก เยี่ยเทียนพลันก็ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ เจ้าตัวนี้เกือบจะกลายเป็นปีศาจแล้ว ทิ้งทองพวกนี้ไม่เอาไป ถูกใจแต่น้ำเต้านั่น


“เยี่ยเทียน กลับมาแล้วเหรอ”


ซ่งเวยหลันเดินตามเจ้าตัวมีขนมาจากกลางลาน เห็นบนพื้นมีทองคำร่วงเต็มไปหมด ก็ตกตะลึงไปกล่าวว่า “ นี่มันเรื่องอะไรกัน สีของทองคำพวกนี้เหมือนกับตอนก่อนปลดแอกนี่นา”


เหมือนกับปลาสีเหลืองตัวน้อยหนักสามร้อยกรัมนี้ มีแต่ตอนก่อนที่จะปลดแอกที่ได้รับความนิยม ซ่งเว่ยหลันแค่พริบตาก็ดูออก


“เหอะๆ ผมไม่ได้ออกไปทวงของเราคืนเหรอ อีกฝ่ายหาเงินได้ไม่พอ ก็เลยเอาทองมาค้ำประกันไว้”


เยี่ยเทียนเก็บทองที่ตกบนพื้นขึ้นมา เงยหน้าขึ้นเห็นพ่อเดินตรงมา รีบเอากระสอบป่านขาดๆ ยัดเข้าไปที่อก มือขวาหยิบบัตรธนาคารออกมา กล่าวริมหูว่า “เงินเอากลับมาหมดแล้ว ผมยังมีธุระ ที่เหลือพ่อก็แก้ตัวเอาเองนะ”


หลังจากทิ้งทองคำและบัตรเอาไว้ เยี่ยเทียนก็เดินตัวปลิวกลับไปที่เรือนพักของตนเอง มีแม่นี่ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่เลว แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ใส่ใจสอบถามไปเสียหมด นี่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกลำบากใจ


เยี่ยตงผิงอธิบายกับซ่งเวยหลันอย่างไร เยี่ยเทียนไม่ทราบ แต่ว่าในตอนที่กินข้าวเย็นนั้น ซ่งเวยหลันก็ไม่ได้ซักไซร้ถามเรื่องนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ทำให้เยี่ยเทียนลอบถอนหายใจ


หลังจากหารือกับโก่วซินเจียที่อยู่ที่เกาะฮ่องกงรอบหนึ่ง เยี่ยเทียนก็ตัดสินใจรับโจวเส้าเทียนเป็นลูกศิษย์จริงๆของลัทธิเสื้อป่าน


ในตอนหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะถึงวันปีใหม่ โก่วซินเจียและจั่วเจียจวินก็บินตรงไปที่จินหลิง มาพบกับเยี่ยเทียนศิษย์อาจารย์สองคนแล้วก็บินไปที่เหมาซาน จัดพิธีรับเข้าสำนักที่ด้านหน้าหลุมศพของนักพรตเฒ่า


ปีใหม่สุดท้ายของศตวรรษที่ยี่สิบ ท้องฟ้ามีเมฆล่องลอย ตลอดทั้งปักกิ่งก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยหิมะสีขาวนวลที่ปกคลุม แต่ว่าภายในเรื่อนสี่ประสานของเยี่ยเทียนนั้น กลับครึกครื้นอย่างแปลกประหลาด เสียงหัวเราะขบขันลอยออกมาไม่หยุด


“เยี่ยเทียน ชิงหย่า นี่เป็นเงินอั่งเปาที่แม่เตรียมไว้ให้พวกเธอ!” หลังจากที่ทั้งครอบครัวล้อมวงกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ซ่งเวยหลันก็หยิบซองอั่งเปาสองซองออกมา ส่งให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่หน้าแดงกล่ำ


เงินในซองอั่งเปานั้นมีไม่เยอะ เป็นแบงค์ใหม่ตั้งแต่ห้าสิบสตางค์ไปจนถึงหนึ่งร้อย นี่เป็นหลังจากที่ได้ฟังสามีเล่าว่าลูกชายตอนเด็กนั้นมักจะอิจฉาคนอื่นที่ได้อั่งเปา จึงได้ไปแลกที่ธนาคารมาโดยเฉพาะ ก็นับได้ว่าใส่ใจอยู่มากทีเดียว


……………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)