ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 535-548
บทที่ 535 มือสังหารออกโจมตี
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขณะที่ทำความสะอาดคฤหาสน์อยู่นั้น ฉินสือโอวก็ได้เห็นว่าห้องของเออร์บักยังคงว่างเปล่า เลยโทรศัพท์ไปหาเขา
จากนั้นทนายความใหญ่ดีกรีเหรียญทองก็ได้พูดกับเขาว่า ตอนนี้คดียังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน ซึ่งทางกรมประมงแคนาดาและกรมประมงญี่ปุ่นได้เดินเรื่องแล้ว
เดิมทีทั้งสองฝ่ายทำการหารือแก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว แต่เป็นเพราะกรมประมงแคนาดาต้องการใช้โอกาสนี้กำจัดเรือล่าวาฬของทางญี่ปุ่นให้สิ้นซาก จึงเรียกร้องให้กรมประมงญี่ปุ่นลงนามในสัญญาและประกาศแถลงการณ์ถึงการไม่อนุญาตให้มีเรือล่าวาฬเข้าไปในเขตน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอาร์กติกเพื่อล่าวาฬอีก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้น
ถึงญี่ปุ่นจะไม่ยอมเสียเส้นทางห่วงโซ่เศรษฐกิจนี้ไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเส้นทางเดินเรือในแคนาดาได้อยู่ดี แต่ถ้าได้ลงนามในสัญญาการยุติการเดินเรือล่าวาฬกับทางแคนาดาแล้ว ประเทศอื่นๆ จะต้องพากันลุกฮือขึ้นประท้วงอย่างแน่นอน
เช่นนี้ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มถกเถียงกัน เมื่อกรมประมงแคนาดาเล็งเห็นแล้วว่าฝั่งประเทศตัวเองจะต้องเสียเปรียบในที่สุดก็นึกถึงฟาร์มปลาต้าฉินขึ้นมา เออร์บักผู้ที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ต้องการให้เรือไดโตะโชวะมารุชดเชยค่าเสียหายจำนวนสิบล้านดอลลาร์
ฉินสือโอวที่ได้ฟังดังนั้นแล้วก็ขำแห้ง เรื่องง่ายๆ เรื่องเดียวแต่กลับกลายเป็นเรื่องระดับชาติไปแล้ว?
ผักในโรงเรือนที่เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม พออากาศเริ่มอุ่น ฉินสือโอวเลยคิดจะรื้อผ้าใบออก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่ดึงและพับเข้าจากทั้งสองฝั่งก็ได้แล้ว
พอเที่ยงเขาก็ไปเก็บทั้งแตงกวา มะเขือเทศ มะเขือยาว และพริกมากองใหญ่ ไหนจะไข่ไก่ ไข่เป็ดในฟาร์มเพาะเลี้ยงที่นับวันมีแต่จะเยอะขึ้น ทั้งยังเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์อีกด้วย
เช่นนี้พวกปอหลัว ฉงต้า ต้าป๋าย และหนูเสี่ยวหวงก็สบายกันเลยทีเดียว วินนี่ที่ทำหั่นผักและทำสลัดให้พวกมันกิน กินจนแต่ละตัวพุงอ้วนพลุ้ย
ไข่เป็ดไข่ไก่มากมาย ฉินสือโอวจึงทำไข่เจียวให้หู่จือและเป้าจือกิน รูปร่างของทั้งสองตัวที่โตเกือบจะเท่าแลบราดอร์โตเต็มวัยแล้ว ลุกขึ้นยืนแล้วใช้ขาหน้าปีนขึ้นไปบนโต๊ะอาหารในครัวพร้อมทั้งเกาคอแล้วมองดูไข่เจียวที่อยู่บนเตา
ไข่ไก่ธรรมชาติแท้ถึงแม้ไม่ใช้น้ำมันก็มีกลิ่นหอม ยิ่งฉินสือโอวทอดในกระทะเทฟลอน กลิ่นยิ่งหอมมากขึ้น ทำให้หู่จือและเป้าจอมตะกละจือต้องครางเอ๋งๆ ออกมา
พอปรนนิบัติเจ้าตัวเล็กเสร็จแล้ว ฉินสือโอวถึงค่อยไปเตรียมอาหารสำหรับเขาและวินนี่ ส่วนเบิร์ดกับอีกหลายๆ คนก็พาอีวิลสันเข้าไปกินพิซซ่ากับดื่มเบียร์กันในเมือง เพราะอาหารทะเลกับพวกเขาไปกันไม่ได้จริงๆ
พอช่วงบ่ายก็ได้มีรถคาดิลแลคเอ็กซ์ทีเอสสีแดงใหม่เอี่ยมคันหนึ่งขับเข้ามาในฟาร์มปลา ฉินสือโอวที่คิดว่าใครมา ก็ได้ออกไปดูด้วยความประหลาดใจ
หู่จือและเป้าจือที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่ก็แค่เอียงคอมอง แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แล้วกลับไปวิ่งไล่กระโดดโลดเต้นกันต่อ
แต่ฝูงห่านกลับเดินตูดส่ายพร้อมกับร้องก้าบก้าบตามท้ายรถของคนแปลกหน้าอย่างตื่นเต้น ทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะต้องถอนใจ “ให้ตายสิ เจ้าพวกนี้เหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเลยนะ!”
ประตูรถเปิดออก บูลและแลนซ์ก็ลงมาจากรถ
พอเห็นดังนั้นฉินสือโอวเลยหัวเราะขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่หู่จือและเป้าจือไม่เห่า เพราะเป็นคนคุ้นเคยกันนี่เอง
หลังจากที่ฝูงห่านเดินไปดูทางหน้ารถแล้วก็เดินจากไป พวกชาวประมงที่จับได้ปลาตายกุ้งตายจากทะเลต่างก็จะเอามาป้อนพวกมัน จนตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็สนิทกันเป็นที่เรียบร้อย
ฉินสือโอวมองดูรถคันนี้ สีแดงเข้มมันวาว รูปทรงดูเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสง่างามอย่างนุ่มนวล และที่เขาหัวเราะออกมาเมื่อกี้ก็เป็นเพราะว่ารถคันนี้ดูไม่เข้ากับบุคลิกของบูลเลยสักนิด แล้วอีกอย่างเขาจะซื้อแลนด์โรเวอร์ไม่ใช่หรอกเหรอ?
เขาเลยถามคำถามที่ตัวเองสงสัยออกไป บูลไม่ตอบแถมยังมองไปรอบๆ แล้วถามขึ้น “วินนี่อยู่ไหม?”
ฉินสือโอวเลยหันไปตะโกนเรียก วินนี่ที่กำลังทำงานบ้านอยู่ห้องโถงก็เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมา พอเห็นรถคาดิลแลคคันใหม่เอี่ยมกับชาร์คก็พากันพูดชมขึ้นว่า “ว้าว เป็นรถที่สุดยอดมาก บูล สายตานายนี่มันเฉียบแหลมจริงๆ ”
“ความจริงแล้ว รถรุ่นนี้ผมเป็นคนเลือกเองเลยนะ” แลนซ์พูดขึ้นอย่างภูมิใจ “อย่างน้อยที่สุดในการพิจารณาเลือกซื้อ ก็มาจากความเห็นผมเป็นส่วนมากแหละ”
วินนี่งงเล็กน้อย เลยถามขึ้น “นายก็ซื้อรถเหรอ? ฉันนึกว่าบูลอยากซื้อซะอีกน่ะ?”
แลนซ์ยักไหล่แล้วหัวเราะขึ้น “ไม่ๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว ก็ใช่ที่พวกเราซื้อรถ แต่รถคันนี้พวกเราให้คุณเป็นของขวัญน่ะ”
วินนี่ตกใจจนตาค้าง เลยใช้ปลายจมูกของตัวเองถามขึ้น “ของขวัญฉัน?”
บูลเลยพูดแทรกขึ้นว่า “ใช่แล้ววินนี่ ก่อนที่ผมจะไปซื้อก็ได้ทำการปรึกษากับคนอื่นๆ ด้วยว่า อยากจะซื้อของขวัญให้คุณกับฉินสักหน่อย คิดไปคิดมา พวกเราเลยคิดได้ว่าคุณยังขาดรถรุ่นที่เหมาะจะพาคุณไปทำงานน่ะสิ”
ฉินสือโอวที่กำลังดูๆ คาดิแลคคันนี้อยู่ สักพักก็เกิดกลุ้มใจขึ้นมา แล้วพูดว่า “เฮ้ยๆ เพื่อน พวกนายคงไม่ได้คิดจะแย่งวินนี่ไปจากฉันหรอกใช่ไหม? บางคนให้ออดี้ ส่วนพวกนายให้คาดิลแลคเลยเหรอ?”
บูลโอบไหล่ของเขาแล้วพูดขึ้น “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นกัปตัน พวกเราหมายถึงอยากจะขอบคุณที่พาพวกเราไปหาเงินที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้เฉยๆ น่ะ!”
หลังจากที่กลับมาจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ แลนซ์และพวกชาวประมงก็บอกว่าอยากจะให้ของขวัญแก่ฉินสือโอวสักชิ้น แต่ฉินสือโอวก็ปฏิเสธ แล้วพูดว่า ฉันมีทั้งรถแข่ง เครื่องบิน และฟาร์มปลาขนาดใหญ่ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากพวกเธอหรอกนะ
เห็นได้ชัดว่าพวกชาวประมงไม่ได้ฟังที่เขาพูดโน้มน้าวเลย พวกเขาเอาแต่คิดว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญแก่เขาดี พอพวกเขาเห็นเสื้อสูทผู้ชายก็เกิดปิ๊งไอเดีย วินนี่ไงไม่มีรถขับไปทำงานเลยสักคัน
วินนี่รีบยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธ แลนซ์เลยพูดกับฉินสือโอว “กัปตัน พวกคุณรับไว้เถอะนะ คุณก็รู้ ว่าพวกเราซาบซึ้งต่อคุณมากจึงอยากจะตอบแทนอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว”
ฉินสือโอวเคยเห็นรถคันนี้ ซึ่งเป็นรุ่นหรูหราของซี่รีย์เอ็กแอลเอส แต่ราคาไม่ได้แพงเท่าไร ราคาในจีนประมาณสี่แสนหยวน ส่วนที่แคนาดารถขนาดใหญ่แบบนี้แค่ 44,000 หยวนเท่านั้น ชาวประมงแต่ละคนก็ออกเงินกันคนละประมาณสี่พันหยวน
แลนซ์และบูลที่พูดรบเร้าจนฉินสือโอวไม่กล้าปฏิเสธอีก เขาจึงจับมือวินนี่แล้วพูดขึ้น “งั้นก็รับไว้เถอะฮันนี่ ถือซะว่าพวกเขาให้เป็นของขวัญเทศกาลอีสเตอร์กับคุณแล้วกัน”
ได้ยินดังนั้นบูลเลยร้องอย่างเว่อร์วังออกไป “โนว กัปตัน นี่ก็เป็นของขวัญที่พวกเราให้วินนี่เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์แล้วไง แต่ในความหมายของคุณคือยังจะให้พวกเราให้ของขวัญในเทศกาลอีสเตอร์อีกรอบเหรอ?”
เทศกาลอีสเตอร์คือวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในวันที่กลางคืนและกลางวันเท่ากันของทุกปี แต่ปีนี้ค่อนข้างช้าซึ่งเป็นช่วงสิ้นเดือนเมษายนนั่นก็คือสุดสัปดาห์นี้
หลังจากที่วินนี่กอดบูลและแลนซ์เพื่อเป็นการขอบคุณก็ได้ขึ้นรถและขับรอบฟาร์มปลา มองรถและสาวงามกำลังแล่นออกไป บูลก็หัวเราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขึ้น “ให้รถไปหนึ่งคันแลกกับกอดนี้ผมว่าก็คุ้มแล้ว”
ฉินสือโอวพูดขึ้น “โชคดีนะที่พวกนายไม่ใช่กษัตริย์ของจีน ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดสงครามระหว่างคุณชายอีกรอบไปแล้ว”
พอวินนี่กลับมาก็พูดว่ารถคันนี้ขับดีแล้วก็สบายมาก เมื่อบูลและแลนซ์เห็นว่าเธอพอใจเป็นอย่างมากก็พากันกลับพร้อมกับความอิ่มอกอิ่มใจ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวรวมทั้งเทศบาลต่างก็พากันเตรียมงานเทศกาลอีสเตอร์
โลมาล็อตแรกที่พามาจากทะเลญี่ปุ่น ที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจนตอนนี้มาถึงมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแล้ว
ฉินสือโอวเลยถอดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดู ล็อตนี้คือโลมาปากขวดถึง แม้การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวาดี ดูเหมือนพวกมันจะชอบฟาร์มปลาต้าฉินเข้าให้แล้ว
หลังจากทำการสำรวจฟาร์มปลาตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ไปดูฟาร์มปลาแกธเธอริง วันเวลาที่ล่วงเลยใช้ไปกับการปรับปรุง ก้นทะเลของฟาร์มปลาที่อยู่ใกล้กับน่านน้ำทะเลก็โดนขัดจนเรียบไปหมดแล้ว และก็มีเรือขนทรายขาวเม็ดเล็กละเอียดมาเทลงก้นทะเลตรงนั้น
อย่างนี้ก้นทะเลตรงนั้นก็จะไม่มีตัวกำบังให้สิ่งมีชีวิต แล้วก็จะไม่มีปลามีกุ้ง
ฉินสือโอวจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วเตรียมตัวกลับ อยู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเปลือยเท้าเปล่าลงน้ำ เขาหันไปมอง คนที่เป็นแกนนำก็คือเจ้าคนอังกฤษอัลเบิร์ต วิลเลียม สมิธ
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด ทางดีๆ ก็มีให้เลือกแต่กลับไม่เอาใช่ไหม ถึงคราวที่เขาจะได้แสดงฤทธิ์เดชบ้างแล้ว!
เหล่ามือสังหารจ้าวแห่งท้องทะเล กั้งตั๊กแตนเจ็ดสี เตรียมโจมตี!
บทที่ 536 วิลล่าที่ขายไม่ออก
โดย
Ink Stone_Fantasy
อัลเบิร์ตยืนอยู่บนชายหาดของฟาร์มปลาด้วยความฮึกเหิมพร้อมกับพุงใหญ่ๆ ของเขา น้ำทะเลในช่วงปลายเดือนเมษายนยังคงหนาวเย็นอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเขามองไปยังน้ำทะเลสีฟ้าสดใสบวกกับทรายขาวราวหิมะ จึงตัดสินใจลงไปด้วยใจที่ห้าวหาญ
วันนี้เป็นวันที่วิลล่าของฟาร์มปลาแกธเธอริงวางฐานการก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อย วัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหิน ดิน ปูนและไม้ซุงที่สั่งไปก่อนหน้านั้นได้มาถึงแล้ว ขอเพียงแค่ขายวิลล่าได้ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เลย
ที่อเมริกาเหนือ ในการสร้างวิลล่าตากอากาศไม่ใช่ว่าสร้างเสร็จแล้วถึงค่อยประกาศขาย แต่จะต้องทำการจองก่อน เพราะลูกค้าที่จะซื้อต่างก็เป็นคนระดับสูงที่ค่อนข้างมีศักยภาพในธุรกิจ จึงจะสร้างตามความต้องการของลูกค้าเพราะพวกเขาจะมีความต้องการวางโครงและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
นอกจากนี้ ในการเริ่มบุกเบิกสร้างวิลล่าถือว่าใช้เงินจำนวนมากอยู่ อีกทั้งอัลเบิร์ตก็เป็นพวกจับเสือมือเปล่าระดับสูงเลยก็ว่าได้ ที่เขาคิดจะทำก็คือประกาศขายวิลล่าก่อนแล้วพอได้เงินดาวน์ ถึงเอาเงินพวกนี้มาเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการสร้างก่อน จากนั้นค่อยไปกู้เงินที่ธนาคารอีกเล็กน้อย ขอแค่เขาได้เงินก็เป็นอันจบ
ในการขายวิลล่านั้นจะดูที่สภาพแวดล้อมและการบริการ ดังนั้นถึงยังไม่มีการสร้าง ลูกค้าดูแค่สภาพแวดล้อมรอบๆ ถ้าโอเคก็จ่ายตังค์เลย
อัลเบิร์ตที่ยืนอยู่บนชายหาดก็ชี้ไปยังชายฝั่งทะเลที่ยาวสุดลูกหูลูกตาแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน เกาะแฟร์เวลของเรามีชายฝั่งทะเลแคนาดาตะวันออกที่ดีที่สุด ดูสิ วิวที่นี่สุดยอดขนาดไหน ลองคิดดูนะ ตอนมาพักผ่อนที่นี่ในช่วงฤดูร้อนดื่มแชมเปญพร้อมกับรับลมทะเล ยังจะมีอะไรดีไปกว่านี้ให้ดื่มด่ำอีกรึไง?”
“ฉันว่าไม่มีแล้วล่ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนดูดีมีระดับคนหนึ่งหัวเราะอย่างมีความสุข แสดงให้เห็นว่าเธอพอใจกับหาดทรายนี้เป็นอย่างมาก
ลูกค้าบางคนก็พาลูกมาด้วย สิ่งที่เด็กชอบที่สุดก็คือทรายและน้ำ ชายหาดที่นี่ก็เติมเต็มความต้องการได้พอดี แล้วเด็กน้อยสองสามคนก็หยิบถังพลาสติกที่ทางฟาร์มปลาได้เตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้ออกมาเล่นทราย
มองดูความพึงพอใจของเหล่าลูกค้า อัลเบิร์ตก็ดีใจจนเนื้อเต้น เขานั้นได้คำนวณถึงยอดเงินมหาศาลไหลเข้าบัตรธนาคารของตัวเองแล้ว
พอช่วงบ่ายอากาศยังอยู่ในระดับที่พอดี หลังจากที่ทำใจห้าวหาญแล้วอัลเบิร์ตก็ถอดรองเท้าออก ดึงขากางเกงขึ้นเดินลงไปในน้ำ แล้วหันไปตะโกนเรียกเหล่าลูกค้า “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง ดูนี่สิ น้ำทะเลที่นี่ไม่มีมลพิษเลย เดี๋ยวรอให้อากาศอุ่นแล้วพวกคุณก็สามารถพาครอบครัวมาเล่นเที่ยวเล่นที่นี่ได้อย่างเต็มที่เลยล่ะ…”
เวลานี้แหละที่ฉินสือโอวรอคอย ก่อนหน้านี้เป็นเพราะฟาร์มปลาแกธเธอริงกำลังปรับปรุง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันได้รับบาดเจ็บ เขาจึงย้ายฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไป แต่ตอนนี้ระดมพวกมันกลับมาใหม่อีกครั้ง
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีสิบกว่าตัวไต่จากก้นทะเลขึ้นไปยังริมชายหาดด้วยความเร็วสูง เบิร์ดยังคงบรรยายอยู่ตรงนั้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ จากนั้นกั้งตั๊กแตนตัวหนึ่งก็ได้ยกขาหน้าที่เหมือนค้อนขึ้นมาแล้วต่อยเขา
“…คิดดูนะ พวกคุณสามารถจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว ปาร์ตี้วันเกิด หรือจะจัดงานจบการศึกษาที่นี่ได้ หันหน้าเข้าหาทะเล มีแสงแดดสว่างสดใสและลมโชยพัดมาอ่อนๆ …โอ๊ะ! โอ้ว! โอ๊ย! ก้อด…”
จู่ๆ เสียงฮึกเหิมของอัลเบิร์ตก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องแหลมน่าสงสารขึ้น มือทั้งสองข้างก็กุมขาขวาที่งอขึ้นส่วนเท้าก็กำลังกระทืบอยู่ในน้ำ
จากนั้นเด็กอ้วนประมาณสี่ห้าขวบคนหนึ่งก็เห็นกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีในน้ำ จึงยื่นมือลงไปจับด้วยความประหลาดใจ
ฉินสือโอวมีความแค้นกับอัลเบิร์ตมาเป็นเวลายาวนาน และเขาที่คิดจะทำให้พวกลูกค้าตกใจหนีก็จริง แต่ก็ไม่สามารถที่จะให้ความแค้นมาบดบังตาแล้วทำร้ายเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เขาจึงรีบสะกดกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีให้ดิ้นหนี
แต่เด็กน้อยผู้ชายกลับมือเร็วมาก เขากำกั้งตั๊กแตนตัวนี้เอาไว้แน่น ฉินสือโอวหมดหนทาง แต่เขาก็ไม่สามารถเสียมือสังหารของตัวเองไปได้ เขาเลยสะกดให้กั้งตั๊กแตนตัวนี้ใช้ก้ามที่แหลมคมแทงไปที่มือเด็กเล็กน้อย
เด็กน้อยผู้ชายรู้สึกเจ็บปวด เลยโยนกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีลงบนหาดทราย จากนั้นก็ยกมือน้อยๆ ที่เลือดกำลังไหล แล้วร้องไห้ออกมาซะยกใหญ่
สักพักตรงชายหาดก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เจ็ดมือแปดเท้าของลูกน้องของอัลเบิร์ตจุ่มลงไปในน้ำเพื่อที่จะช่วยผู้จัดการใหญ่ของพวกเขาขึ้นมาจากน้ำ แล้วพ่อแม่ของเด็กก็อุ้มเด็กอ้วนขึ้นมาบนชายหาด ส่วนเด็กคนอื่นๆ ที่กำลังเล็กน้ำอยู่ก็โดนพ่อแม่ของเขาเรียกให้ขึ้นมา
พวกเด็กๆ ยังคงสบายดี แต่พวกพนักงานกลับโชคร้าย เพราะบริเวณรอบๆ ของอัลเบิร์ตมีฝูงกั้งตั๊กแตนกำลังซ่อนอยู่ พอพวกพนักงานลงไปในน้ำก็เหยียบโดนพวกมันเข้า พวกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่อารมณ์ไม่ดี จึงรีบชูก้ามน้อยๆ ขึ้นแล้วต่อยไปที่พวกเขา
“โอ๊ะโอ๊ย! ก้อด! มายก้อด! ฉันโดนต่อยเท้าล่ะ!”
“แม่ง! บ้าเอ้ย! ในทะเลมีตัวบ้าอะไรอยู่เนี่ย?!”
“ใครลากฉันขึ้นไปได้บ้าง? เจ็บจะตายอยู่แล้วเนี่ย!”
พวกพนักงานจับเท้าแล้วร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ส่วนเด็กน้อยสองสามคนคิดว่าพวกเขากำลังหยอกล้อกันอยู่ ก็หัวเราะเยาะขึ้น เด็กอ้วนที่โดนกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีต่อยก็หยุดร้องไห้ พลางหัวเราะทั้งที่ปากดูดนิ้วที่เลือดออกอยู่
ดีที่ว่าพวกพนักงานนั้นสวมรองเท้าลงน้ำ ถึงแม้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่ต่อยเข้าที่ผิวรองเท้าจะรู้สึกเจ็บมากแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นอันตรายอะไร เมื่อเทียบกับอัลเบิร์ตยังถือว่าดีกว่ามาก
พวกพนักงานอดทนต่อความเจ็บปวดพร้อมกับลากอัลเบิร์ตขึ้นไปบนชายหาดด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ส่วนกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีตัวนั้นที่อยู่บนหาดทรายก็พลิกตัวอย่างคล่องแคล่ว หมุนติ้วๆ จากหาดทรายกลับลงไปในน้ำ จากนั้นสือโอวก็พาพวกมันจากไปในทันที
พอขึ้นฝั่งมาได้แล้ว พวกพนักงานก็ถอดถุงเท้าออก พอเห็นหลังเท้าที่บวมแดง เหล่าลูกค้าที่รุมมุงอยู่ก็เกิดอาการกลัวขึ้นในทันที แล้วก็มีคนถามขึ้นมาว่ามีอะไรอยู่ในน้ำ
ทางด้านหลังเท้าของอัลเบิร์ตมีเพียงแค่เขียวซ้ำเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับไม่บวมเป่งขึ้น ชายที่อยู่ในนั้นจึงนั่งลงยองๆ ดู และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้น “ได้รับบาดเจ็บเข้าไปถึงกระดูกแล้ว รีบนำส่งโรงพยาบาลด่วนเลย”
พนักงานคนหนึ่งจึงถามด้วยความสงสัยว่า “มันคงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นใช่ไหม?”
ชายผู้นี้ยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ผมชื่อโอดอม กู๊ดแล็ค เป็นหมอ ถึงแม้วิชาเอกผมจะเป็นอายุรศาสตร์สมอง แต่เชื่อผมเถอะ ถ้าพูดถึงศัลยกรรมกระดูก ผมก็ถนัดมากเช่นกัน พวกคุณจะว่าผมหลงตัวเองก็ได้นะ แต่จริงๆ ผมถนัดทุกด้านนั่นแหละ”
ถ้าฉินสือโอวอยู่ที่นี่ก็คงจะดูออก หนุ่มวัยรุ่นคนนี้คือลูกชายของไคดิ กู๊ดแล็ค เจ้าของฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดคนก่อน หมอหนุ่มที่พูดโน้มน้าวให้พ่อของเขาขายฟาร์มปลาให้ฉินสือโอวคนนั้น
ถ้าพูดถึงอัลเบิร์ตในตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่เจออยู่ตอนนี้ไม่ใช่การได้รับบาดเจ็บที่ฝ่าเท้า แต่เป็นการที่เหล่าลูกค้าไม่มีความสนใจในวิลล่านี้อีกต่อไป
เหล่าพ่อแม่ที่พาลูกมาด้วยคือกลุ่มแรก พวกเขาต้องขอลาอัลเบิร์ตไปก่อน พาลูกๆ ของเขากลับไปอย่างรีบร้อน ส่วนคนอื่นๆ ที่เห็นหลังเท้าของพนักงานบวมแดงกับฝ่าเท้าที่เหมือนกับโดนทุบของอัลเบิร์ต สีหน้าก็แสดงความหวาดกลัวออกมา จึงพากันพูดลาพอเป็นพิธีพลางเดินไปทางท่าเรือ
ไม่ต้องสงสัยเลย ผลงานของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่ไปทำให้ตกใจกลัวได้แสดงผลออกมาแล้ว ต่อไปพวกเขาคงไม่อยากที่มาซื้อที่นี่แล้วเท้าก็โดนต่อยโดยไร้เหตุผลเอาง่ายๆ …
ตอนนี้เท้าของอัลเบิร์ตชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาฝืนยืนขึ้นพร้อมกับร้องออกไปว่า “เฮ้ ทุกคน พวกคุณฟังผมก่อน หาดทรายของพวกเรามีความปลอดภัยสูงอย่างแน่นอน…”
ผู้หญิงวัยกลางคนที่ก่อนหน้ายังพูดสนับสนุนในคำพูดของอัลเบิร์ตพูดตัดบทเขาขึ้น “ฉันยอมรับ มิสเตอร์สมิธ ที่นี่สวยมากจริงๆ แต่ที่นี่ยังปลอดภัยไม่พอ ดังนั้นฉันคงต้องขอตัว คราวหน้าถ้ามีโครงการวิลล่าริมชายหาดอีกค่อยติดต่อฉันมาละกันนะ”
สีหน้าของอัลเบิร์ตที่เปลี่ยนจากแดงเป็นซีด แล้วเปลี่ยนมาแดงอีกรอบหลังจากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นสีเขียว ท้ายที่สุดก็ระเบิดออกมา “ไปซะ ไสหัวไปซะ! ฉันก็มีแหล่งลูกค้าเหมือนกันเว้ย! เดี๋ยวพรุ่งนี้พอฉันโทรศัพท์ออกไป มีแต่คนจะมาแย่งซื้อห้องฉันน่ะสิ!”
โอดอมตบอัลเบิร์ตเบาๆ พอเขาหันมา ก็นึกขึ้นได้ว่าลูกค้ายังอยู่ข้างๆ จึงรู้สึกอายขึ้นมาทันที
แต่โอดอมดูแลเขาดีมาก เขายิ้มขึ้นด้วยอากัปกิริยาที่สุภาพ “ไม่เป็นไร มิสเตอร์สมิธ คุณสามารถระบายอารมณ์ออกมาได้เต็มที่ ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดควรนั่งบนพื้นไปก่อน มิเช่นนั้นผมก็รับรองไม่ได้ว่าคุณจะได้ตัดเท้าออกไหม”
บทที่ 537 การต้อนรับขับสู้ของมิสเตอร์ฉิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
โอดอมกล่าวลาอัลเบิร์ตอย่างสง่าผ่าเผยแล้วออกจากฟาร์มปลาไป ส่วนอัลเบิร์ตก็ได้แต่สบถคำหยาบออกมาด้วยความโมโห ‘เฮงซวยเอ้ย’ จากนั้นเขารีบนั่งลงบนหาดทรายโดยไม่สนว่าจะเปียกซึมไหม แล้วกอดไปที่ขาและร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดออกมา
ตอนนี้อัลเบิร์ตเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว เพราะเท้าขวาของเขาชาจนไม่รู้สึกอะไรเลย…
ออกจากฟาร์มปลาแกธเธอริง โอดอมก็ไปที่ฟาร์มปลาต้าฉิน ระหว่างทางได้โทรศัพท์หาฉินสือโอวเพื่อถามว่าถ้าไปเป็นแขกในตอนนี้ได้หรือเปล่า
ฉินสือโอวรู้สึกชอบหมอหนุ่มผู้เจียมเนื้อเจียมตัวคนนี้มาก เขาจึงรีบขับคาดิลแลควันอ้อมเข้าเมืองเพื่อไปรับเขามายังฟาร์มปลา
โอดอมที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่รถขับเข้ามายังหน้าประตูใหญ่ของฟาร์มปลาแล้ว เขาก็ลดกระจกลงแล้วมองไปยังแปลงผักสองข้างทางกับโรงเรือนที่ตั้งอยู่ไกลๆ ด้วยความตื่นเต้น
ปอหลัวพอได้ยินเสียงรถก็วิ่งอ้อมออกมาจากทางด้านหลังโรงเรือน และตะบึงตามรถมา โอดอมได้เห็นดังนั้นก็อุทานออกมาด้วยความตะลึงใจ “ว้าว พระเจ้า กวางมูสเผือก และยังเปลี่ยนเป็นสีทองได้อีก เจ้าตัวชนิดนี้ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ ซะด้วย!”
ฉินสือโอวหัวเราะ “ถ้านายคุ้นเคยกับมันแล้ว นายก็จะรู้ว่าเจ้าตัวนี้น่ะมีตัวเดียวในโลก เพราะไอคิวของมันสูงมาก แล้วรู้ไหมว่าเมื่อกี้มันกำลังทำอะไรอยู่? มันกำลังเฝ้าโรงเรือนอยู่น่ะสิ”
โอดอมที่นึกว่าเขาพูดล้อเล่น ก็ได้แต่หัวเราะและไม่ได้พูดอะไร พลางเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาไปพูดเรื่องการปลูกผัก
ฉินสือโอวจอดรถและพูดขึ้นว่า “แปลงผักนั่นน่ะตอนนี้ยังรกร้างอยู่ ฉันเลยกะไว้ว่าอีกสองสามวันพออากาศมันอุ่นขึ้นสักหน่อยแล้ว จะทำการไถพรวนแล้วปลูกพวกข้าวโพด ถั่วลิสง ถั่ว และผักน่ะ”
โอดอมหัวเราะขึ้น “ช่างเป็นวิถีชีวิตที่เพอร์เฟกต์จริงๆ ผมก็เพิ่งมาจากฟาร์มปลาแกธเธอริง จริงๆ แล้วผมคิดจะซื้อวิลล่าสักหลังแล้วไถพรวนดินทำสวนผักเสพสุขกับวิถีชีวิตท้องทุ่ง แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
ฉินสือโอวได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็รู้แล้วว่าเมื่อครู่พวกที่ไปชมฟาร์มปลามีเขาอยู่ในนั้นด้วย แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
โอดอมยิ้ม แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง สุดท้ายพอพูดถึงอัลเบิร์ตที่ตกใจกลัวแล้วนั่งลงบนหาดทรายก็หัวเราะออกมา
เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกถูกชะตากับเขามากขึ้นไปอีก
หลังจากมารับโอดอม เจมส์ก็โทรศัพท์มาอีก แล้วบอกว่าเขาก็มาถึงเซนต์จอห์นแล้ว เพื่อมาเยี่ยมเขาเลยถือโอกาสมาดูอาหารทะเลของเขาด้วย
ฉินสือโอวเลยให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปรับเขา แล้วก็ให้พวกชาร์คและซีมอนสเตอร์ไปจับกุ้งหอยปูปลาขึ้นมาจากฟาร์ม เพื่อที่จะเอามาดูแลต้อนรับเพื่อนทั้งสองคนในตอนเย็น
เขาเห็นโอดอมค่อนข้างที่ชอบในวิถีชีวิตชนบท เลยพาเขาไปที่โรงเรือน พลางแนะนำผักของตัวเองให้เขาฟังและเก็บไปบ้างบางส่วน
พอมาถึงโซนมะเขือเทศ เขาก็เด็ดออกมาใช้น้ำล้างอย่างง่ายๆ แล้วยื่นให้โอดอม หมอหนุ่มกัดเข้าไปหนึ่งคำ สักพักน้ำมะเขือเทศเปรี้ยวๆ หวานๆ มาพร้อมกับกลิ่นหอมสดชื่นก็ได้แตกกระจายไปทั่วปาก
มะเขือเทศที่ปลูกในโรงเรือนโดยใช้พลังแห่งโพไซดอนในการรดน้ำจึงทำให้สายพันธุ์เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยเหมือนกับลูกพลัมสุก เนื้อนุ่ม น้ำก็เข้มข้น เพียงแค่กัดไปหนึ่งคำหลังจากสุกแล้ว ก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงซอสมะเขือเทศในทุกมุมปาก จนเหลือไว้แค่เปลือกในตอนสุดท้าย
โอดอมกินไปประหลาดใจไป ฉินสือโอวก็หัวเราะ “นี่เป็นพันธุ์ของบ้านเกิดฉันเอง ถ้าอยู่ที่บ้านเกิดฉันนะจะสุกยากมาก คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเติบโตได้ดีที่เกาะแฟร์เวล”
ปอหลัวก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางเอียงหัวเอาแก้มไปถูแขนฉินสือโอว ฉินสือโอวเลยลูบไปที่เขาของมัน ส่วนมันพอมองไปทางโอดอมก็เดินไปอีกฝั่งอย่างว่านอนสอนง่าย และไปเล็มกินหญ้าที่คันแทนา
ฉินสือโอวหัวเราะ “ดูสิ ลูกชายของฉันไม่เพียงแต่ดูแลแปลงผักนะ แต่มันยังเล็มกินหญ้าจนหมด ไม่ต้องให้ฉันลงมือตัดหญ้าเองเลย”
โอดอมมองด้วยความประหลาดใจ เป็นไปได้หรือนี่ ปอหลัวไม่แตะผักแตะผลไม้เลย หาเล็มกินแค่หญ้า หรือบางทีมีหญ้าอยู่ตรงระหว่างผัก มันยังสามารถที่จะหลบไม่ให้กินโดนใบผักได้
เห็นดังนั้นเขาก็ร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “โอ้วมายก้อด ฉิน นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ! ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาเลย หรือว่าเจ้ากวางน้อยตัวนี้จะมีวิญญาณของคนสิงอยู่ในร่างหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวยักไหล่แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรไป จริงๆ แล้วปอหลัวมันจะฉลาดอะไร มันเป็นแค่ซุนหงอคงในป่าท้อเซียนเท่านั้นแหละ ของในสวนผักมันก็กินจนเบื่อแล้ว ตอนนี้ขี้เกียจจะกินผักผลไม้ เลยหันไปกินหญ้าอย่างเป็นทางการ ไม่รู้ว่ามันอยากจะเปลี่ยนรสอาหารหรือเปล่า
พากันเก็บผักเล็กๆ น้อยๆ กับโอดอม พอกลับไปถึงคฤหาสน์ฉินสือโอวก็เอาไปให้วินนี่
โอดอมชมไม่ขาดปากถึงสวนในโรงเรือนของเขา ยิ่งปอหลัวด้วยแล้วเขายิ่งชมไม่ขาดปาก ดูแล้วช่างเหมือนเออร์บักน้อยเลย
อเมริกาเหนือไม่ค่อยเหมือนกับจีนเท่าไร นอกจากนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ชิคาโก ลอนดอน เมืองยอดนิยมของอเมริกาเหนือพวกนี้แล้ว บ้านของพวกชนชั้นกลางส่วนใหญ่ต่างก็จะมีลานบ้านใหญ่ๆ สามารถปลูกดอกไม้ปลูกผักได้ ไม่เหมือนจีนที่ชีวิตในเมืองคับแคบเหมือนรูหนู พวกมนุษย์เงินเดือนจึงโหยหาธรรมชาติใหญ่ๆ และฟาร์มเป็นพิเศษ
ดังนั้นถ้าพูดถึงพื้นที่ปลูกผักปลูกข้าวของแถบชนบท หมู่บ้านหรือแถบชานเมือง ผู้คนส่วนใหญ่ในอเมริกาเหนือก็จะเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมาก เพราะพวกเขาอยู่กับสิ่งเหล่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วนเออร์บักกับโอดอมนั้นคือหนึ่งในพวกแปลกแยก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชื่อขึ้นต้นด้วย ‘อ’ หรือเปล่า
จากนั้นเจมส์ผู้แต่งตัวหรูหราโอ่อ่าก็มาถึง แว๊บแรกฉินสือโอวยังดูไม่ออกว่าเป็นใคร ชายผิวสีผู้นี้พอโกนหนวดออกแล้ว ก็ดูหนุ่มขึ้นมาก ก่อนนั้นฉินสือโอวนึกว่าเขาอายุสี่สิบ พอมาตอนนี้เดาว่าอย่างมากที่สุดก็แค่สามสิบปี
“เฮ้ พวก นายเป็นน้องของเจมส์หรือเปล่าเนี่ย?” ฉินสือโอวเข้าไปกอดและถามเขา
ส่วนเจมส์หัวเราะแหะแหะแล้วตอบอย่างเคอะเขินว่า “เฮ้อ คืนก่อนฉันเมาไปหน่อยเลยโกนหนวดหายไปครึ่งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้คือดีขึ้นแล้วนะเนี่ย และฉันก็ไม่รู้จะมีหน้ากลับไปเจอพวกไม่เอาไหนที่นิวยอร์กยังไงเลย”
ฉินสือโอวเชิญพวกเขานั่ง แล้ววินนี่ก็ออกมาเติมกาแฟให้ทั้งสองคน เจมส์เลยหยิบกล่องของขวัญสวยงามอันหนึ่งยื่นให้วินนี่ แล้วบอกว่าเป็นของขวัญในการมาเยี่ยมครั้งนี้
วินนี่กล่าวขอบคุณและเดินจากไปพร้อมกล่อง เพื่อเข้าไปจัดเตรียมครัวรอชาร์คกับคนอื่นๆ นำอาหารทะเลมา
อาหารทะเลในครั้งนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงกิจการของฟาร์มปลา ชาร์คกับกลุ่มชาวประมงก็ออกไปจับอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะจับได้ปลาแฮดดัค ปลาตัวเป่า ปลาแซลมอนแปซิฟิกที่จับได้เป็นปกติอยู่แล้ว หรือจะเป็นปลายอดม่วง ปลาแฟงค์ทูธ ปลาไหลทะเลอเมริกาเหนือพวกที่หายาก
ซึ่งก็แน่นอนว่าปลาตัวเป่าคือปลาเศรษฐกิจที่หายาก แต่ในตอนนี้ปลาชนิดนี้ที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีจำนวนไม่น้อย ทั้งยังเอามากินบ่อย ดังนั้นเวลาจับขึ้นมาได้จึงไม่ถือว่าลำบากอะไรมาก
หรืออย่างน้อยที่สุดกุ้งเครฟิชก็ใช้ได้แล้ว แต่ชาร์คและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าในฟาร์มปลามีกุ้งเครฟิชชุดหนึ่งกำลังโตเต็มที่ หรือจะเป็นปูราชินี ปูดันเจเนสส์ หอยงวงช้างที่มีสต๊อกอยู่ในห้องแช่แข็งที่เพียงแค่หยิบออกมาก็กินได้แล้ว
นอกจากอาหารทะเลกับผักแล้ว ฉินสือโอวยังได้ทำห่านขาวหนึ่งตัวและไก่อีกหนึ่งตัว โดยนำไปตุ๋นกับเห็ดหอมป่าในตอนแรก จากนั้นค่อยนำวานิลลามายัดไส้แล้วนำไปเข้าเตาอบในตอนสุดท้าย
เจมส์ได้รับการต้อนรับอย่างดีแบบคาดไม่ถึง จึงได้พูดขึ้นว่า “พวก นายพิถีพิถันเกินไปนะ ฉันรู้ว่าถึงแม้ฉันจะเคยช่วยนายไว้ก็จริง แต่นายไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้…”
ฉินสือโอวยิ้มตาหยีแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องเกรงใจ พี่ชาย ทานอย่างสบายใจเถอะนะ เอางี้ ฉันสอนคำสแลงบ้านฉันให้นายหนึ่งประโยคแล้วกัน รับของผู้อื่นมาแล้วเมื่อเกิดปัญหาเลยไม่กล้าเอาเรื่องกับเขา ดังนั้นอาหารทะเลในฟาร์มปลาของฉันคงต้องยกให้นายจัดการแล้วล่ะ”
พูดถึงเรื่องธุรกิจ แม้จะอยู่บนโต๊ะอาหารชาวต่างชาติก็จะปฏิบัติต่อกันอย่างจริงจัง โดยสีหน้าของเจมส์ที่ดูเหมือนกำลังหาเหตุผลมาปฏิเสธ ในเวลานี้ปลาตัวเป่าย่างเมเปิลไซรัปได้ยกมาเสิร์ฟก่อน อาหารอื่นยังไม่มา แต่กลิ่นหอมฉุยโชยออกมาก่อนแล้ว…
บทที่ 538 เริ่มการเผชิญหน้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
บรรยากาศทางด้านฟาร์มปลาต้าฉินนั้นคึกคักครื้นเครง จัดเต็มทั้งปลาทั้งเนื้อชุดใหญ่ ส่วนบรรยากาศทางด้านอัลเบิร์ตเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยทั้งเยือกเย็นทั้งเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
แล้วชายหนุ่มผิวขาวที่เคยมีเรื่องทะเลาะกับฉินสือโอวครั้งก่อนในงานวันเฉลิมฉลองเมืองถามขึ้นด้วยท่าทางที่กลัวจนตัวสั่นว่า “บอสครับ ตอนนี้ข้างนอกเริ่มมีข่าวลือไม่ค่อยดีเกี่ยวกับวิลล่าริมชายหาดของพวกเราออกไปแล้ว พวกเรายังคงต้องทำการโปรโมตต่อไหมครับ?”
อัลเบิร์ตนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ขาที่มีขนดกดำของเขาถูกใส่เฝือกเอาไว้ขยับไปไหนไม่ได้ ทั้งข้อเท้าก็ถูกแขวนไว้ที่ปลายเตียง บวกกับสีหน้าที่ดูยังไงก็ดูไม่มีเรี่ยวมีแรง
แต่พอชายหนุ่มพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นทันทีพลางตะคอกว่า “บ้าไปแล้วเหรอ แกกำลังล้อฉันเล่นหรือไง? กับอีแค่กั้งตั๊กแตนตัวไร้สาระตัวเดียว? จะมาทำลายโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายสิบล้านของฉันเลยเนี่ยนะ?!”
ชายหนุ่มจึงตอบกลับอย่างกล้ำกลืนว่า “แต่ว่าบอสครับ คนจำนวนมากต่างก็เห็นว่ากั้งตั๊กแตนพวกนั้นไม่ธรรมดาเลยนะครับ ไหนจะขาของท่าน…”
อัลเบิร์ตเลยใช้สายตาพิฆาตมองเขา ชายหนุ่มตัวสั่น และไม่พูดอะไรต่อ
สีหน้าและท่าทางของอัลเบิร์ตที่นอนอยู่บนเตียงไม่สู้ดีนัก กั้งตั๊กแตนไม่น่าปรากฏตัวออกมาในเวลานี้เลย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์ที่มีความอันตรายเล็กน้อยในทะเลพวกนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อวิลล่าริมชายหาดเท่าไร เพราะแรงในการต่อสู้ของกั้งตั๊กแตนไม่ได้มีเยอะ อีกทั้งอาหารของพวกมันคือจำพวกฟอสฟอรัสอนินทรีย์ จึงน้อยมากที่จะมาปรากฏอยู่แถบชายฝั่ง ความอันตรายของมันยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับแมงกะพรุนพิษ
ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแมงกะพรุนพิษโผล่มาที่ฟาร์มปลาของอัลเบิร์ต แต่เพื่อเป็นการป้องกันสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงลงแรงไปอย่างมากกับการทำให้ก้นทะเลตรงแนวชายฝั่งเรียบเสมอกัน อย่างนี้ถึงค่อยไม่มีคลื่นคอยพัดสิ่งมีชีวิตบนผิวน้ำมา แมงกะพรุนก็จะไม่มาเข้าใกล้
แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ถึงจะไม่มีพวกแมงกะพรุนมา กั้งตั๊กแตนกลับโผล่มาแทน!
และถึงแม้กั้งตั๊กแตนจะโผล่มาก็ใช่ว่าจะกระทบต่อการขายวิลล่า เพียงแต่กั้งตั๊กแตนพวกนี้อยู่ดีไม่ว่าดี จู่ๆ ก็มาโจมตีพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าของโครงการยังโดนต่อยอย่างจังเข้าที่อุ้งเท้าอีกด้วย!
ใช่แล้ว แรงของกั้งตั๊กแตนน่ากลัวได้ถึงขนาดนั้นเลย และกล้ามใหญ่ๆ ก็ต่อยไปที่อุ้งเท้าแห้งของอัลเบิร์ตผู้โชคร้ายเข้าให้หนึ่งที… …
ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็ง่ายต่อการที่จะเอาไปลือแบบผิดๆ อัลเบิร์ตถึงกับนึกภาพออกเลยว่า พวกคู่แข่งของเขาคงจะเอาเรื่องนี้ไปเป่าหูลูกค้าที่คิดจะมาซื้อวิลล่าว่าได้มีฝูงกั้งตั๊กแตนขึ้นมาบนชายหาดของฟาร์มปลาแกธเธอริงแล้ว
เรื่องนี้ไม่ถือว่าเกินไปเลยจริงๆ การแข่งขันทางธุรกิจเป็นอะไรที่โหดร้ายอย่างนี้อยู่แล้ว อย่างถ้าล้มก็จะเหยียบซ้ำทันที เพราะอัลเบิร์ตก็ชอบใช้วิธีแบบนี้เหมือนกัน
แล้วพอคิดถึงกั้งตั๊กแตนแขนสั้นยาวพวกนั้น อัลเบิร์ตก็รู้สึกเจ็บที่เท้าขวาขึ้นมา เจ้าพวกนั้นช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ !
พอคิดถึงกั้งตั๊กแตน เขาก็นึกถึงฉินสือโอวขึ้นมา เขารู้ว่าฟาร์มปลาต้าฉินมีนกจมูกหลอดหางสั้นอยู่กลุ่มหนึ่ง อีกทั้งขี้ของมันยังเป็นอาหารของกั้งตั๊กแตนอีกด้วย และเขาก็ยังเข้าใจในจุดนี้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเอาความแค้นทั้งหมดไปลงที่ฉินสือโอว
กลุ่มคนที่อยู่รอบๆ เตียงคนไข้ต่างก็กำลังรอให้อัลเบิร์ตออกคำสั่ง อัลเบิร์ตก็ไม่ทำให้พวกลูกน้องของเขาผิดหวัง เขาเพียงแค่ขอเวลาคิดเงียบๆ สักพัก จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ไปซื้อยาพีดีพีเอ แล้วจัดการพวกนั้นให้สิ้นซาก!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น พวกลูกน้องต่างก็มองหน้ากันโดยไม่กล้ารับคำสั่ง จนสุดท้ายก็ได้มีชายหนุ่มท่าทางขลาดกลัวพูดขึ้นว่า “บอสครับ ท่านแน่ใจเหรอครับว่าจะใช้ยาพีดีพีเอจริงๆ น่ะครับ? ผมคิดว่าหรือพวกเราจะใช้วิธีการให้คนงานจัดการชายหาดไปก่อนดีไหมครับ? ยาพีดีพีเอซื้อไม่ยากก็จริง แต่ถ้าโดนจับได้ว่าพวกเราใช้มัน เช่นนั้นจะเป็นการยุ่งยากกว่าเดิมนะครับ”
น้ำยาทดลองพีดีพีเอเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาออกแบบมาเพื่อใช้จัดการกับปลาคาร์ฟเอเชีย ซึ่งระดับความน่ากลัวของสิ่งนี้คือมันมีสารพิษโบทูลินั่มหยาบบริสุทธิ์อยู่ สารพิษชนิดนี้เป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่มีความเป็นพิษสูง และยังเป็นหนึ่งในโปรตีนที่เป็นพิษมากที่สุดในโลก อีกทั้งผลึกโบทูลินั่มบริสุทธิ์เพียงหนึ่งมิลลิกรัมก็สามารถฆ่าหนูจิ๋วขาวได้ถึงสองล้านตัว!
แต่น้ำยาทดลองพีดีพีเอมีเพียงแค่สารพิษโบทูลินั่มหยาบบริสุทธิ์ ส่วนระดับความหยาบบริสุทธิ์นี้ใช่ว่าจะไม่พอ และถ้าหยดตัวมันลงในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะละลายง่าย และหลังจากเทลงสู่น้ำแล้วความเป็นพิษก็อยู่ได้เพียงยี่สิบสี่ชั่วโมง
แต่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนั้น พีดีพีเอน่ากลัวมาก และหากพวกปลากุ้งทั้งหลายในน่านน้ำได้เจอเข้าก็จะโดนฆ่าจนหมด
ดูภายนอกพีดีพีเอเหมือนจะสุดยอด แต่พอหลังจากผลวิจัยออกมาแล้วคนอเมริกากลับไม่นำมาใช้ เพราะว่าปลาคาร์ฟเอเชียเก่งเกินไป พวกเขาเคยไปหยอดใส่ทะเลสาบ แล้วปลา กุ้งก็โดนพิษตายเป็นจำนวนมาก แต่ในนั้นไม่รวมปลาคาร์ฟเอเชีย… …
นอกจากนี้ หลังจากผลิตน้ำยาทดลองพีดีพีเอออกมาแล้ว จึงออกกฎในการใช้ให้เข้มงวดรัดกุม อนุญาตเพียงแค่น่านน้ำที่เจอสัตว์ประเภทร้ายแรงบุกรุกถึงค่อยนำมาใช้ได้ และการที่ฝูงกั้งตั๊กแตนปรากฏตัวบนชายหาดก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่การบุกรุกของสัตว์ร้ายแรง
อัลเบิร์ตรู้ถึงข้อนี้ ส่วนเมื่อกี้ที่เขาพูดว่าให้ใช้ของพรรค์นี้ก็เพื่อระบายความโกรธ แล้วพอลูกน้องหนุ่มได้ให้ข้อคิดเขา เขาก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “โอเค งั้นนายไปให้คนงานหยุดงานทางนั้นก่อน แล้วเอาตาข่ายดักปลาไปกั้นตั๊กแตนที่เลียบเส้นฝั่งทะเลเอาไว้รอบหนึ่งก็พอ”
ลูกน้องหนุ่มก็รับปาก พร้อมกับไปที่เกาะแฟร์เวลในวันนั้นเลย
และข่าวที่ว่าบนชายหาดของฟาร์มปลามีกั้งตั๊กแตนก็ได้แพร่เข้ามาถึงสถานที่ก่อสร้างมาก่อนแล้ว พอคนงานได้ยินว่าต้องไปจับกั้งตั๊กแตนพวกนั้น พวกเขาก็ไม่ยินยอมพร้อมกับพากันปฏิเสธ
ล้อกันเล่นหรือไง อากาศก็หนาวน้ำก็เย็นขนาดนี้ จะให้พวกเราลงน้ำไปจับกุ้ง? นายกำลังล้อพวกฉันเล่นเหรอ ยังไงก็ไม่ทำ!
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้จักกิตติศัพท์กั้งตั๊กแตน มันไม่เหมือนพวกล็อบสเตอร์หรือปู แต่ถ้าไปยั่วมันเข้า แล้วถ้ามันต่อยไปที่แขนของคุณ แขนของคุณก็คงต้องโดนตัดออก!
ถึงลูกน้องหนุ่มจะชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด แต่คนงานไม่ได้โง่พวกเขาเลยไม่ตกลง พลางก้มหน้าทำงานก่อสร้างงกๆ กันต่อ พองานเสร็จแล้วก็โร่เข้าไปดื่มเบียร์ในเมือง
หารือกันอยู่สองวันแต่ก็ไม่คืบหน้า จนชายหนุ่มโมโห เขาจึงต้องใช้ไพ่ไม้ตาย “ถ้าไม่ไปกั้นตาข่ายจับกั้งตั๊กแตน งั้นพวกคุณก็ไม่ต้องทำแล้ว ออกไปให้หมดซะ ผมจะเปลี่ยนบริษัทก่อสร้าง!”
ทำยังไงได้ ต้องจัดการปัญหาให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นถ้าคนงานเลิกงานแล้วเขาก็คงจะต้องเป็นฝ่ายออกไป ให้พวกคนงานออกยังจะค่อยเป็นไปได้หน่อย
เมื่อใช้ไพ่ไม้ตายใบนี้ ทางบริษัทก่อสร้างก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะโครงการของฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นใหญ่จริงๆ เช่นนี้พวกเขากับคนงานจึงร่วมมือกันพร้อมกับนำเอาแหไปจับกั้งตั๊กแตน
ฉินสือโอวที่คอยติดตามทุกความเคลื่อนไหวของฟาร์มปลาแกธเธอริงอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เขาสังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งพร้อมอาวุธมาจับกั้งตั๊กแตนแถบเลียบเส้นฝั่งทะเล เขาจึงได้ส่งอาวุธตัวฉกาจอีกตัวออกไป – – ซึ่งก็คือฉลามขาว!
เมื่อเฮยป้าหวังได้รับการเรียก ก็ว่ายสะบัดหางตรงมาอย่างดีใจ กว่าจะได้เจอกันที ไม่ได้เห็นเฮยป้าหวังของฉันออกมาปรากฏตัวซะนาน ป๊ะป๋าฉินนี่มีเด็กใหม่ก็ลืมเด็กเก่า ลืมลูกชายใหญ่ของเราไปแล้วรึไงนะ?
หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว มันก็คำรามพร้อมกับว่ายเข้าสู่เขตชายฝั่งของฟาร์มปลาแกธเธอริงโดยทันที ลำตัวขนาดใหญ่มหึมาส่วนหนึ่งอยู่ในน้ำ ส่วนครีบน่าสยองขวัญที่คล้ายกับธงของเรือโจรสลัดก็โผล่เหนือน้ำขึ้นมา เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดอยากฆ่าคน!
ยิ่งพอพวกคนงานที่มีแต่ความอัดอั้นตันใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วได้เห็นครีบอันมหึมาของเฮยป้าหวัง พวกเขาก็ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจขึ้นทันใด ในเวลานี้ใครจะมาสนอะไรกับกั้งตั๊กแตนกันล่ะ? คนพวกนี้พากันโยนแห โยนตาข่ายที่อยู่ในมือทิ้ง แล้ววิ่งหนีแตกกระเจิดกระเจิงขึ้นฝั่ง…
บทที่ 539 วินนี่สั่งสอนหลัวปอ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เฮยป้าหวังว่ายสำรวจบริเวณชายฝั่งหนึ่งรอบพอเห็นว่าไม่มีท่าทีของคู่ต่อสู้ มันถึงค่อยว่ายกลับสู่ทะเลลึกอย่างเชื่องช้า เหลือไว้แต่ความน่ากลัวที่ไม่สิ้นสุดแก่คนงาน…
กั้งตั๊กแตนถึงแม้จะน่ากลัว แต่อย่างมากที่สุดก็โดนต่อยแค่ที่แขนหรือขา แต่ฉลามขาวไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าตัวนี้เขมือบคนได้ทั้งตัวโดยไม่คายกระดูกออกมาด้วย!
ครั้งนี้ชายหนุ่มหมดหนทาง อำนาจของเขาก็ใช้ไม่ได้ ตกงานยังดูน่ากลัวกว่าถูกฉลามขาวกินซะอีก?
ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่โทรหาอัลเบิร์ต
พอได้ยินว่าฉลามขาวบุกมาที่ฟาร์มปลาของตน นางพยาบาลที่กำลังจะเปลี่ยนยาให้ขาของอัลเบิร์ตก็โดนถีบจนล้มพับ ส่วนเขาก็แผดเสียงขึ้น “ตาข่ายกันฉลามล่ะ? พวกเราได้ล้อมตาข่ายกันฉลามไว้ไหม? ไม่ใช่ว่าล้อมไว้ตั้งสามรอบแล้วเหรอ?!”
ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับใบหน้าโศกเศร้า “ตาข่ายกันฉลามยังอยู่ แต่ฉลามตัวนี้ไม่ได้ว่ายมาจากทะเลลึกของฟาร์มปลาพวกเรา มันมาจากเขตทะเลข้างๆ ดูเหมือนกำลังไล่ตามเหยื่อมา…”
อัลเบิร์ตเงียบไปสักพักด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ในที่สุดเขาก็กัดฟันพูดว่า “ใช้ยาพีดีพีเอ! เคลียร์น่านน้ำให้ฉันให้เรียบร้อย! ยาพิษนี้จะไม่ทำให้ปลาคาร์ฟเอเชียตาย ก็คงจะไม่ทำให้คนเอเชียตาย?!”
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าเจ้าคนอังกฤษคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่าตัวเองสบายใจมาก ไม่มีอะไรทำก็ส่งเฮยป้าหวังไปว่ายเล่นที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง ไม่เกี่ยงว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เวลาไหนอารมณ์ดีก็ไปวนเวียนตอนนั้น เวลาไหนอารมณ์ไม่ดีก็ไปวนเวียนอีกอยู่ดี…
เหล่าคนงานที่ไปกินเบียร์ที่ร้านเหล้าอยู่บ่อยๆ พวกผู้ชายพอเหล้าเข้าปากก็มักจะพูดอะไรต่างๆ นาๆ ออกมาโดยไม่คิด
ผ่านไปยังไม่ถึงวัน คนทั้งเมืองแฟร์เวลก็รู้กันทั่วแล้วว่ามีฉลามขาวยาวสิบเมตรตัวหนึ่งมาที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง!
ฉลามขาวยาวสิบเมตรเลยนะ มันจะต้องเป็นจ้าวนักล่าแห่งมหาสมุทรแน่ๆ เลย มีหลายคนที่ไม่เชื่อ พวกเขาจึงพากันไปรอดูที่หน้าผาโรงงานเคมีซึ่งอยู่ห่างจากฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่ไกล
ไม่นานก็มีเงาของเฮยป้าหวังว่ายมาตามที่คาด มันกำลังไล่ตามตัวหิมะโชคร้ายตัวหนึ่งอยู่ด้านหลังอย่างไม่รีบร้อน
พอเห็นครีบบนหลังทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่คล้ายกับธงโจรสลัด มุมปากของพวกคนที่มารอดูก็กระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พวกคนงานไม่ได้โม้ ถ้าฉลามขาวตัวนี้ไม่ได้เป็นโรคกระดูกโตที่ทำให้ครีบบนหลังมันใหญ่ผิดปกติ งั้นมันก็คงมียาวสิบเมตรจริง!
ในมหาสมุทรใช่ว่าจะไม่มีฉลามขาวขนาดใหญ่ แต่ที่ว่ายเข้ามาใกล้ชายฝั่งจะเห็นได้น้อยมาก ดังนั้นข่าวแบบนี้จึงค่อนข้างดูมีสีสันขึ้นมา ทำให้ข้อมูลแพร่จากเกาะแฟร์เวลไปยังเซนต์จอห์นอย่างรวดเร็ว เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้มีคนไปดูวิลล่าแถบชายหาดน้อยลงทุกที
อัลเบิร์ตได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ส่วนฉินสือโอวนั้นยิ้มอย่างมีความสุข
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะทำให้เขาดีใจได้ อย่างเช่นหลังจากเขากลับมาครั้งนี้แล้วพบว่า เจ้าหลัวปอน้อยตัวร้ายทำนิสัยฉี่และขี้เรี่ยราด
แต่ก่อนมีวินนี่คอยควบคุมมันก็จะวิ่งไปทำธุระข้างนอกอย่างว่านอนสอนง่าย ส่วนตอนนี้มันไม่ได้สนอะไรเลยเหมือนกับกระบอกรั่วที่ปวดตรงไหนก็ปล่อยตรงนั้น
วันถัดมาโอดอมได้ออกจากฟาร์มปลา ส่วนเจมส์ก็รออยู่ที่นี่สี่วันแล้ว เขาก็เหมือนกับชาวประมงทั่วไปตามชาร์คและคนอื่นๆ ออกทะเลตั้งแต่เช้าส่วนตอนเย็นถึงค่อยกลับ พร้อมกับพกสมุดบันทึกไว้กับตัวตลอดเพื่อคอยบันทึกการจับปลาของฟาร์มปลาต้าฉิน
คืนวันนั้นหลังจากได้ทานปลาลิ้นหมา ปลาค็อด ปลาแฟงค์ทูธและปลาทะเลอื่นๆ เจมส์ก็กะพริบตาปริบๆ
เพราะว่าอุตสาหกรรมแปรรูปในอเมริกาใต้ไม่เจริญ ส่วนอเมริกาเหนือก็รักษาสิ่งแวดล้อมได้ดี ดังนั้นอาหารทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกจึงไม่มีมลพิษแถมอาหารยังอร่อยขึ้นชื่อ คุณภาพจึงดีกว่าของทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย
ส่วนที่มหาสมุทรแอตแลนติกไม่ต้องสงสัยเลยเพราะอาหารทะเลที่ได้คุณภาพที่สุดนั้นมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เพราะการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของแคนาดาได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก บวกกับอยู่ติดขั้วโลกเหนือที่ไม่มีมลพิษ จึงเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกได้รับสมญานามว่า‘แหล่งกำเนิดอาหารทะเล’
แต่ในมุมมองของเจมส์ต่อให้มีแหล่งกำเนิดอาหารทะเลอีก ก็ไม่สามารถผลิตอาหารทะเลที่มีรสชาติดีขนาดนี้ได้ ไม่ว่าจะเนื้อนุ่มชุ่มน้ำของปลาลิ้นหมา เนื้อแน่นรสชาติดีของปลาค็อด ปูราชินีที่หอมมัน ยิ่งพวกปลาแฟงค์ทูธกับปลายอดม่วงยิ่งไม่ต้องพูดถึง…
พอทานอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินเสร็จ เขาก็ตัดสินใจไม่ไปทันที เพื่อจะพิจารณาดูก่อนว่าถ้าคุณภาพอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินสูงได้มาตรฐาน งั้นต่อให้เขาต้องเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย ก็คงต้องร่วมมือกับฉินสือโอวให้ได้
ช่องทางการยึดอำนาจแห่งร้านอาหารทะเลระดับสูงมาถึงแล้ว!
ฉินสือโอวตามใจเจมส์ เจมส์จึงเช่าโรงแรมหนึ่งห้องไว้ในเมือง ข้าวก็มาตักกินที่บ้านฉินสือโอว กลางวันก็ตามไปออกทะเลด้วยกลางคืนก็กลับไปนอนโรงแรม จนดูเหมือนเป็นวันธรรมดาที่แสนสุข
ไม่ว่าแต่เจมส์ ฉินสือโอวเวลาไม่มีอะไรทำก็จะร่างภาพฟาร์มปลาลงในกระดาษขาวแผ่นใหญ่อยู่ที่ห้องรับแขก
จนในตอนที่เขากำลังขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น…
ฉินสือโอวก้มลงมองอย่างช้าๆ ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็เห็นดวงตาเล็กๆ ดำขลับสองข้าง
เจ้าหลัวปอน้อยเอียงคอมองฉินสือโอวอย่างกระดากอาย มันได้ย่อขาหลังลงแล้วหางน้อยๆ ก็ชันสูงขึ้นคล้ายกับเสาธง จากนั้นฉี่ใสๆ ก็ไหลลงบนพื้น…
จากนั้นหู่จือและเป้าจือที่หมอบรับลมอยู่หน้าประตูก็สูดจมูก ย่นหน้าเล็กๆ แล้วหันหัวมองไปทางห้องรับแขก พอเห็นถึงสีหน้าตะลึงงันของฉินสือโอว พวกมันกลับร่าเริง แล้วรีบลุกขึ้นอย่างไวเพื่อรอดูโชว์สนุกๆ จากการที่เห็นหลัวปอมีทุกข์
แต่น่าเสียดายที่ความจริงทำพวกมันผิดหวัง หนังฮอลลีวูดฉากใหญ่ไม่ได้ถูกฉาย ที่พวกมันเห็นยังคงเป็นแค่มีมือปีศาจมาฉีกละครในอุดมคติไป ฉินสือโอวไม่ทำอะไรเลย แค่ควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิปวิดีโอเฉยๆ แล้วส่งให้วินนี่
ตกเย็นวินนี่จึงรีบกลับมาอย่างลุกลี้ลุกลน พอลงรถเสร็จก็ได้ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้าสวยๆ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นก็รีบสาวเท้าตรงเข้าไปดูยังห้องรับแขก
ฉี่ได้โดนลมทะเลพัดจนแห้งเรียบร้อย แต่บนพื้นไม้ยังคงเหลือคราบไว้อย่างชัดเจนราวกับรูปภาพแผนที่
เจ้าหลัวปอน้อยฉลาดไม่เบา เพราะพลังแห่งโพไซดอนได้ปรับปรุงความฉลาดของมัน เมื่อเห็นสีหน้าอึมครึมของวินนี่ที่มองไปยังฉี่ของตัวเอง มันก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบชิงเข้าไปทำตัวน่ารัก ใช้ขาหน้ากอดไปยังขากางเกงของวินนี่แล้วเอาตัวกลิ้งไปมาบนพื้น
ฉินสือโอวก้มลงบนโต๊ะแล้วถามว่า “ฮันนี่ คุณคิดว่าจะจัดการยังไงกับลูกสาวคุณล่ะ”
คราวนี้วินนี่ไม่ตำหนิเจ้าหลัวปอน้อย เธอแค่ถอดแว่นกันแดดออกและโยนลงบนโซฟาพร้อมกับกระเป๋า มือหนึ่งก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดฉี่จนสะอาด ส่วนอีกมือหนึ่งก็หิ้วคอเจ้าหลัวปอน้อยพามันเดินออกจากคฤหาสน์ไปยังท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีต
หู่จือและเป้าจือปีนจากพื้นขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้วเงยหน้ามองฉินสือโอว ฉินสือโอวจึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร? ตามไปดูอะไรสนุกๆ ไหม? ถ้าอยากจะไปดู หึหึ ยังไม่รีบตามไปอีก”
วินนี่พาเจ้าหลัวปอน้อยไปยังริมสุดของท่าเทือบเรือบล็อคคอนกรีต จากนั้นก็จับมันวางไว้ที่ขอบท่าเรือ แล้วหยิบผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดฉี่ให้มันดม “ดูสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เจ้าหลัวปอน้อยจามออกมา มันหดตัวแล้วตั้งใจหลบตาวินนี่ หางน้อยของมันๆ ก็จุกเข้าไปในตูด พร้อมกับนั่งลงแล้วเงยหน้ามองโดยไม่เปล่งเสียงใดๆ ด้วยความเศร้าโศก
วินนี่ใช้นิ้วเชยคางเจ้าหลัวปอน้อยขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยความโมโหว่า “แกดูสิ แม่ไม่อยู่บ้านแกกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วเหรอ? ปกติแกฉี่และขี้ตรงนั้นเหรอ?”จากนั้นเธอได้หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดคลิปวิดีโอให้มันดู “นี่แกทำกำลังทำอะไรอยู่? นี่คือแกใช่ไหม?!”
เจ้าหลัวปอน้อยครางหงิงหงิง เงยหน้าขึ้นมองวินนี่ด้วยท่าทางน่าสงสาร วินนี่ยังไม่ได้ทำอะไร เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วยื่นมือออกไปผลักเจ้าหลัวปอน้อย “ในเมื่อแกไม่เชื่อฟัง งั้นฉันก็จะจับแกโยนลงทะเลไปเลย!”
บทที่ 540 ตามพวกมันไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
หมาป่าและสุนัขนั้นไม่เหมือนกัน พวกมันนั้นกลัวการเข้าใกล้น้ำ ไม่เหมือนกับสุนัขที่ชอบว่ายน้ำเล่นในน้ำ
โดยเฉพาะลูกหมาป่าอย่างเสี่ยวหลัวปอ พวกมันนั้นพึ่งพาอาศัยภูเขาและพื้นดินมากกว่าพ่อแม่ของมันเสียอีก ส่วนคลื่นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้นค่อนข้างน่ากลัวสำหรับพวกมัน ปกติแล้วพวกมันนั้นไม่เคยไปวิ่งเล่นบนชายหาดหรือท่าเรือเลย
วินนี่ดันเสี่ยวหลัวปอไปข้างหน้าเล็กน้อย เท้าทั้งสี่ข้างของเสี่ยวหลัวปอที่อยู่บนแผ่นไม้ที่ท่าเรือนั้นสั่นเกร็ง มันไม่อยากที่ก้าวเท้าไปข้างหน้าเลยไม่แต่ครึ่งก้าว วินนี่ออกแรงดันมันมากขึ้น แต่แรงขนาดไหนเจ้าหมาป่าตัวนี้ก็ไม่ยอมขยับเลยแม้แต่นิดเดียว มันนอนแน่นิ่งลงบนแผ่นไม้ไม่ไหวติง
วินนี่ออกแรงดันเสี่ยวหลัวปอพลางเอาเศษผ้าไปแกว่งให้มันดม แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ลูกขึ้นมานะ แม่บอกให้ลุกยังไงล่ะ ยังมีหน้ามานอนอยู่ที่นี่อีกหรือ? อีกหน่อยคงจะกินนอนถ่ายอยู่ในห้องอย่างเดียวหรือยังไง?”
เสี่ยวหลัวปอนั้นส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย มันทำเสียงร้องงุ้งงิ้งออกมา มันก้มหัวลงมองไปยังคลื่นทะเลที่พัดผ่านไปมา อุ้งเท้าของมันนั้นเกือบจะหล่นลงไปในทะเล เสี่ยวหลัวปอตกใจจนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ร่างกายของมันสั่นเทา พลางร้องเสียงหลงอย่าตกใจ
ฉินสือโอวที่กอดหู่จือและเป้าจืออยู่ด้านหลังนั้น อยากจะหัวเราะออกมาเสียเหลือเกิน วินนี่หันกลับไปถลึงตาใส่เขา และเพราะแบบนั้นเขาจึงทำได้เพียงยกมือขึ้นลูบจมูกแล้วพาหู่จือกับเป้าจือออกจากท่าเรือไป
วินนี่ก็ยังคงฝึกเสี่ยวหลัวปอต่อไป พลางขู่ออกมาว่าจะโยนมันลงน้ำ หู่จือกับเป้าจือมองไปยังเสี่ยวหลัวปอที่กำลังร้องออกมาอย่างน่าสงสาร พวกมันทั้งสองนั้นยิ้มออกมา แล้วมองไปยังเสี่ยวหลัวปอด้วยสายที่ดูมีความสุขเป็นอย่างมาก
เสี่ยวหลัวปอรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จนในที่สุดวินนี่ก็ปล่อยมัน มันรีบถอยออกมาทันที แล้ววิ่งออกจากท่าเรือไปนั่งฉี่ จากนั้นก็ค่อยๆ กลับมาที่ท่าเรืออย่างกล้าๆ กลัวๆ อีกครั้ง มันให้หัวของตัวเองเข้าไปคลอเคลียกับแขนของวินนี่พลางครางออกมาเบาๆ ราวกับเด็กน้อยที่กำลังร้องขอความสงสารอยู่
ท่าทางของมันทำให้สีหน้าของวินนี่นั้นดีขึ้นมาเล็กน้อย เธอตีเข้าไปที่หัวของเสี่ยวหลัวปอเบาๆ แล้วถามออกมาว่า “ต่อไปยังกล้าที่จะถ่ายในห้องอีกไหม? ต่อไปต้องออกมาถ่ายที่สนามหญ้าหรือไม่ก็ที่ชายหาดเท่านั้นนะ รู้ไหม?”
เสี่ยวหลัวปอนั้นรีบกะพริบตาอย่างน่ารักเพื่อแสดงว่ามันนั้นจะทำตามคำสั่ง วินนี่นั้นพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นจึงพาเสี่ยวหลัวปอออกมาจากท่าเรือ
จนมันเดินมาจนถึงโป๊ะท่าเรือ เสี่ยวหลัวปอก็กลับมามีความกล้าเหมือนเดิม มันรีบกระโดดวิ่งไปมาเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกกลัวมาก่อน วินนี่นั้นยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นท่าทางของมัน เมื่อมันกระโดดไปมาจนมาถึงสุดโป๊ะท่าเรือปลายของมันก็…
“เอ๋ง!” มันร้องออกมาอย่างตกใจ เสี่ยวหลัวปอที่อยู่บริเวณปลายโป๊ะท่าเรือนั้นตกลงไปทะเลทันที!
ยังดีที่บริเวณใกล้ๆ นี้ยังมีชายหาดอยู่ใกล้ๆ เมื่อเสี่ยวหลัวปอตกลงน้ำไปมันก็รีบเงยหน้าขึ้นมาจากทะเลแล้วขยับเท้าทั้งสี่ทั้งให้ว่ายน้ำมาขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อขาอันสั่นเทาทั้งสี่ข้างสัมผัสกับพื้นดิน มันก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด มันจึงวิ่งขึ้นไปบนฝั่งโดยการแกว่งหางไปมาอย่างสบายใจ
ในขณะที่วินนี่นั้นพาเสี่ยวหลัวปอกลับมาอาบน้ำ ฉินสือโอวก็พาพวกหู่จือขึ้นมายังท่าเรือ หลังจากที่จัดแจงที่ให้ทั้งสองตัวนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างตั้งใจว่า “ยังจำตอนที่พวกแกเด็กๆ แล้วทำแบบนี้ได้ไหม? หืม? ขับถ่ายในห้องของฉันมันถูกต้องหรือเปล่า?”
หู่จือและเป้าจือนั้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พวกมันเงยหน้าแลบลิ้นอย่างน่ารักมายังฉินสือโอว ใบหน้านั้นดูใสซื่อไร้เดียงสา
ฉินสือโอวเลียนแบบวินนี่โดยการลากพวกมันไปที่ท่าเรือ พวกมันสองตัวนั้นไม่ได้กลัวน้ำทะเลอยู่แล้ว นอกจานี้เป้าจือยังทำท่าชะเง้อคอมองลงไปยังน้ำทะเลอย่างสนใจอีกด้วย
เมื่อเห็นแบบนั้น ใบหน้าของฉินสือโอวก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นมา มือทั้งสองข้างของเขา ออกแรงดันเป้าจือผู้โชคร้ายจนตกลงไปในน้ำทะเลสุดแรงราวกับกำลังตีโฮมรันในกีฬาเบสบอลอยู่ หู่จือที่อยู่ด้านหลังเป้าจือนั้น ก็โดนผลักลงน้ำด้วยเช่นกัน
“บ๊อก บ๊อก บ๊อก บ๊อก….ตู้ม!”
“บ๊อก บ๊อก บ๊อก….ตู้ม!”
เมื่อหู่จือและเป้าจือตกลงไปในน้ำ ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ปกติแล้วสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์นั้นว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีทักษะการว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย พวกมันนั้นรีบขยับขาทั้งสี่ข้างว่ายขึ้นฝั่งมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พวกมันทั้งสองตัวขึ้นฝั่งมาพวกมันก็รู้ว่าพวกมันโดนฉินสือโอวแกล้ง พวกมันก็พากันวิ่งออกไปหาฉินสือโอว เมื่อเข้าไปใกล้เขาพวกมันก็สะบัดขนอย่างแรง ทำให้ร่างกายของฉินสือโอวนั้นเปียกไปด้วยน้ำทะเล ราวกับว่านี่เป็นการแก้แค้น
หลังจากที่กลับบ้านก็ถึงเวลากินอาหารเย็นทันที เสี่ยวหลัวปอนั้นแสดงท่าทีออกมาอย่างว่านอนสอนง่าย มันนั่งอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ที่ข้างวินนี่ วินนี่ให้อะไรกินมันก็กินจนหมด เมื่อก่อนนี้มันเลือกกินมาก แต่ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวอดที่ถอนหายใจออกมาไม่ได้ นี่สินะการรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี
ก่อนนอน ฉินสือโอวได้ปล่อยจิตโพไซดอนให้เข้าไปยังฟาร์มปลาแกธเธอริง เขาอยากจะเข้าไปดูที่แห่งนี้นั้นมีสัตว์อะไรใหม่ๆ เข้ามาหรือไม่
เดิมทีเขานั้นแค่คิดว่าอาจจะโชคดีเผื่อจะเจออะไรดีๆ ผลกรากฎว่าหลังจากที่ใช้จิตโพไซดอนเข้าไปในฟาร์มปลาแห่งนี้ กลับเจอเรือลำเล็กลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่เลียบชายฝั่ง บนเรือนั้นมีคนยืนอยู่
คริสตัลที่ร่วงลงไปทะเลนั้นไม่ได้ละลายไปในทันที แต่เมื่อคลื่นทะเลพัดเข้ามายังชายฝั่งนั้น คลื่นพวกนั้นก็จะค่อยๆ ละลายหายเข้าไปในทรายบนชายฝั่ง
อย่างไม่รู้ตัว ฉินสือโอวก็รู้สึกขึ้นมาว่า
นี่มันไม่ถูกต้อง มืดค่ำขนาดนี้ ทำไมคนพวกนี้ถึงโยนอะไรลงไปทะเลในตอนนี้กันนะ? คงไม่ได้จะมาให้อาหารปลาหรอกมั้ง? คงไม่ต้องถามว่ามีอาหารปลาที่เป็นคริสตัลแบบนี้ด้วยหรือเปล่า เพราะว่าถ้ามี อัลเบิร์ต ไอสไตน์ก็คงจะดีใจจนสร้างฟาร์มปลาขึ้นมาแล้วล่ะ?
เพราะว่าไม่กี่วันหลังจากที่เฮยป้าหวังนั้นปรากฎตัว ฟาร์มปลาแกธเธอริงก็เงียบลงมาก ทำไมให้ปลาแฮร์ริ่งและปลาซาบะจำนวนหนึ่งว่ายน้ำเข้ามาหาที่อยู่อาศัยที่นี่
พวกปลาที่ว่ายน้ำอยู่บริเวณนี้ หางและครีบจู่ๆ ก็หยุดเคลื่อนไหว จากนั้นตัวของพวกมันก็แน่นิ่งและตัวของมันก็พลิกขึ้นแล้วลอยขึ้นผิวน้ำในสภาพนอนหงาย
หลังจากที่เรือประมงพวกนั้นปล่อยผงคริสตัลขาวขุ่นลงไปตามแนวริมชายฝั่งจนเสร็จแล้วพวกเขาก็เตรียมที่จะออกเรือหนีไป ฉินสือโอวนั้นอยากจะตามเข้าไปแอบฟังสิ่งที่คนในเรือนั้นคุยกัน แต่น่าเสียดายที่เสียงของมอเตอร์นั้นดังเกินไปจนกลบเสียงพูดคุยของคนที่อยู่บนเหลือจนไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
เมื่อฉินสือโอวกลับมา ปลาที่ขึ้นมานอนหงายท้องที่ผิวทะเลนั้นไม่ได้มีเพียงตัวสองตัว แต่ปลาเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กับน่านน้ำของฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นตายหมดทุกตัว เมื่อฉินสือโอวเห็นดังนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาพอจะเดาได้แล้วว่า ไอ้ผงพวกนั้นที่แท้ก็เป็นยาพิษ!
ฉินสือโอวนั้นรีบไปหากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีทันที แล้วจากนั้นก็รีบพาพวกมันขึ้นมายังริมชายหาด แล้วให้พวกมันขุดทรายมุดลงไป หลังจากที่เขามาที่นี่ เขาก็เห็นว่าพวกมันต่างพากันมุดออกมาจากทราย พวกมันแต่ละตัวเริ่มอ่อนแรงลง เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเจ้าอันธพาลแห่งใต้ท้องทะเลมาก่อน
เร็วเข้า ฉินสือโอวนั้นรีบถ่ายทอดพลังโพไซดอนเข้าไปยังร่างของกั้งเหล่านั้น เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงความโกรธจากพลังโพไซดอนนั้น พวกนั้นก็รีบออกจากฟาร์มปลาไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีกำลังออกจากฟาร์มปลาไป ฉินสือโอวเรียกพลังกลับมา เขารีบโทรหาเบิร์ดเพื่อให้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ และให้คนที่เป็นยามเฝ้าในตอนนี้นั้นจุดไฟแจ้งข่าวกับชาวประมงคนอื่นๆ ว่าให้รีบไปดูฟาร์มปลาของตัวเองว่าเกิดเหตุอะไรบ้างหรือไม่
ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์นั้นหมุนอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวชี้บอกทางเพื่อให้เบิร์ดขับตามคนพวกนั้นไป เบิร์ดไม่ได้ถามอะไรออกมาสักคำ เขารีบดึงคันบังคับเพื่อนำเครื่องขึ้นทันที แล้วตรงไปยังทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เรือลำเล็กธรรมดาลำหนึ่งกำลังแล่นไปบนผิวน้ำ แม้ว่าความเร็วของเรือลำนี้นั้นจะเร็วพอสมควร แต่ก็ไม่สามารถเร็วได้เท่ากับเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่บนอากาศ
ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นก็บินลอยอยู่เหนือหัวของพวกเขา เบิร์ดนั้นเปิดไฟโฟกัสจากเฮลิคอปเตอร์ ส่องวนไปมายังเรือเล็กลำนั้น ทำให้เห็นใบหน้าของคนทั้งสามที่กำลังตื่นตระหนกตกใจได้อย่างชัดเจน
ฉินสือโอวนั้นรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่อยู่บนเรือลำนั้น เขาจำได้ขึ้นมารางๆ ว่าในวันที่มีงานเฉลิมฉลองในเมืองที่เขากับอัลเบิร์ตทะเลาะกันนั้น ชายวัยรุ่นคนนี้นั้นอยู่ข้างๆ อัลเบิร์ต เหมือนว่าจะเป็นลูกน้องของอัลเบิร์ต ดังนั้นฉินสือโอวจึงอยากที่จะจับตัวชายวัยรุ่นคนนี้ เพราะว่าเขาจะต้องรู้เบื้องหลังของเรื่องในค่ำคืนนี้อย่างแน่นอน
บทที่ 541 สำเร็จแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
เฮลิคอปเตอร์ของฉินสือโอวบินวนต่ำลงมา จากนั้นก็หยุดอยู่เหนือเรือสปีดโบ๊ท ใบพัดที่หมุนไปมาอย่างรวดเร็วนั้นทำให้เกิดลมแรง จนทำให้เกิดคลื่นทะเลซัดไปรอบๆ บริเวณ!
อันที่จริงแล้วเฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวรุ่น เอซี-310เอ็นนั้น ลมจากใบพัดไม่ได้ทำให้เกิดคลื่นสูงมากนัก แต่ฉินสือโอวนั้นแอบใช้พลังของจิตสำนึกโพไซดอนก่อกวนให้เกิดกระแสน้ำปะทะเข้าหากัน และเมื่อรวมกับพายุที่เกิดจากใบพัดของเฮลิคอปเตอร์แล้ว จึงก่อให้เกิดคลื่นทะเลอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้
ในสมัยที่เบิร์ดเป็นตำรวจหน่วยลาดตระเวนทางทะเลนั้น เขาเคยเรียนรู้วิธีการใช้เฮลิคอปเตอร์หยุดเรือ จึงทำให้เขาสามารถหยุดเรือสปีดโบ๊ทลำเล็กๆ นี้ได้
เฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์เดี่ยวรุ่น เอซี-310เอ็นนั้นวนไปรอบๆ โดยมีเรือสปีดโบ๊ทลำเล็กเป็นจุดศูนย์กลาง คลื่นทะเลเกิดขึ้นทั่วทุกทิศทาง การปะทะกันของลมและน้ำทะเลแบบนี้ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ พัดเรือสปีดโบ๊ทลำเล็กนั้นให้สั่นไหวไปมา จนดูเหมือนจะพลิกคว่ำได้ตลอดเวลา
คนบนเรือทั้งสามคนตกใจกลัวจนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งพลางหาที่ยึดเกาะแน่น แม้ว่าตอนนี้อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เวลาเย็น ณ กลางทะเลอากาศก็ยังคงเย็นอยู่ หากตกลงไปในน้ำทะเล คาดว่าใช้เวลาไม่นานทั้งร่างก็คงจะถูกแช่แข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งและจมลึกลงไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแห่งนี้เป็นแน่
เบิร์ดนั้นราวกับเป็นเด็กต้อนแกะที่ไล่ต้อนเรือสปีดโบ๊ทให้มุ่งหน้าเข้าไปยังเกาะแฟร์เวล ฉินสือโอวนั้นรีบเปิดวิทยุไร้สายเพื่อรายงานไปยังชาร์คว่ามีบางคนกำลังโรยยาพิษลงในฟาร์มปลา
เมื่อได้ยินดังนั้น ชาร์คก็ตะโกนออกมาด้วยความร้อนใจทันทีว่า “ไอ้พวกบ้า! มาวางยาพิษในฟาร์มปลาของพวกงั้นเหรอ? ไอ้พวกสารเลว!”
ฉินสือโอวอธิบายให้ฟังว่า “ไม่ใช่ มีบางคนมายาพิษที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง ให้โรเบิร์ตรีบแจ้งไปยังกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาให้รีบส่งคนมาตรวจสอบให้เร็วที่สุด!”
เมื่อรู้ว่าฟาร์มปลาของตัวเองไม่ได้โดนวางยา ชาร์คก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ที่เกาะแฟร์เวลนั้นไม่ได้มีเรื่องการจับปลาในฟาร์มแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ถ้าหากว่าเกิดจับปลาขึ้นมาแล้วเจอปลาที่โดนยาพิษล่ะก็ เช่นนั้นคงจะสนุกน่าดู
เรือสปีดโบ๊ทค่อยๆ ลดความเร็วลงแล้วเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น โรเบิร์ตที่มีท่าทีงัวเงียอยู่นั้นนำนายตำรวจสองนายมาจับชายที่อยู่บนเรือทั้งสามคน
ชายวัยรุ่นคนหนึ่งในสามคนนั้นตะโกนขึ้นมาก่อนว่า “ผมต้องการโทรหาทนาย ผมจะโทรหาหัวหน้า ผม…”
โรเบิร์ตหยิบปืนพกขึ้นมาแล้วจ่อเข้าที่ไหล่ของชายวัยรุ่นคนนั้น แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “แกจะโทรหาตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์! ดูปลาที่ตายริมชายหาดพวกนี้สิ ดูเรื่องดีๆ ที่เจ้าพวกลูกหมาอย่างแกทำซะสิ! พวกแกสมควรตาย!”
เมื่อเฮลิคอปเตอร์หยุดลง ฉินสือโอวก็พุ่งตัวเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “สารวัตร ผมขอแนะนำว่าคุณควรจะไปตรวจบนเรือนั้นเสียหน่อย ผมเชื่อว่าบนเรือนั้นจะต้องมีร่องรอยของยาที่พวกมันใช้อย่างแน่นอน!”
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตักน้ำทะเลและนำซากปลาที่ตายแล้วขึ้นมาเพื่อเตรียมนำไปตรวจสอบ ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนที่กรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดานั้นไม่มีคนทำงาน คงจะต้องทำเรื่องตรวจสอบพวกนี้ในวันพรุ่งนี้
หลังจากที่วัยรุ่นชายคนนั้นถูกพาตัวไปยังสถานีตำรวจเขาก็เกิดอาการตื่นตระหนก เขานั่งลงช้าๆ ในขณะที่อยู่ในห้องสอบสวนเขาไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาสักคำ โรเบิร์ตนั้นเป็นผู้ที่ทำหน้าที่สอบสวน แต่ชายวัยรุ่นคนนี้กลับพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ฉันจะรอให้ทนายของฉันมาก่อน ฉันถึงจะยอมพูด ไม่อย่างนั้นพวกนายที่อยู่ที่นี่จะไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากฉันเลยแต่คำเดียว! เรื่องคืนนี้ฉันถูกคนอื่นใส่ร้าย ฉันไม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!”
โรเบิร์ตเดินออกมาจากห้องสอบสวนพลางยักไหล่ ฉินสือโอวรู้ในทันทีว่าการสอบสวนของเขาไม่สำเร็จผล
แม้ว่าเกาะแฟร์เวลนั้นจะเป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่แยกออกมาอย่างโดดเดี่ยว แต่สถานีตำรวจที่นี่ก็ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายแห่งชาติเช่นกัน นอกเสียจากว่าจะเป็นอาชญากรรมร้ายแรงเช่นการฆาตกรรม นอกเหนือจากนั้นทางตำรวจไม่สามารถที่จะใช้วิธีบังคับในการสอบสวน และไม่ได้รับอนุญาตให้บังคับเพื่อล้วงเอาข้อมูลได้
ประเทศแคนาดานั้นก่อตั้งมาได้ไม่นาน แต่ก็มีระบบกฎหมายที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลานานอย่างมากมาย นอกจากเมืองควิเบกแล้วทุกเมืองในแคนาดาก็ใช้แบบแผนกฎหมายที่บัญญัติขึ้นในยุคกลางของอังกฤษ ที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นระยะเวลายาวนาน และกฎหมายของประเทศแคนาดานั้นก็ได้มีการปรับให้เข้ากับผู้อพยพเข้ามาที่แคนาดามากที่สุด
แต่กฎหมายของประเทศแคนาดานั้นก็มีกฎบัญญัติของตัวเองอยู่เช่นกัน นั่นก็เพราะว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้อพยพมาจากประเทศอื่น แต่นักกฎหมายนั้นต่างก็ยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้นหากไม่มีทนายอยู่ด้วย ก็สามารถที่จะปฏิเสธการสอบสวนของตำรวจได้ ถ้าหากว่าเป็นชาวบ้านที่ไม่มีเงินจ้างทนายล่ะก็ ศาลก็จะแต่งตั้งทนายมาเพื่อติดตามเรื่องนั้นๆ
โรเบิร์ตไม่มีสิทธิ์ใช้อำนาจบังคับในการสอบสวน ทำให้ฉินสือโอวไม่สามารถรู้เหตุผลของพวกเขาได้ แต่ว่าต่อให้ไม่ต้องใช้สมองก็พอจะคิดได้ว่า จะต้องเป็นอัลเบิร์ตที่สั่งให้คนพวกนี้มาวางยาบริเวณริมชายฝั่งของฟาร์มปลา เพื่อทำลายกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ปลาทะเลหรือแม้แต่พวกแพลงตอนอย่างแน่นอน จนสุดท้ายสถานที่ริมชายฝั่งของฟาร์มปลาก็จะเปลี่ยนเป็นบริเวณสำหรับเล่นน้ำทะเลไปในที่สุด
เบิร์ดตบเข้าที่ไหล่ของโรเบิร์ต แล้วพูดออกมาเสียงเบาว่า “ฉันเข้าไปพูดอะไรกับเด็กนั่นสองสามประโยคได้ไหม?”
โรเบิร์ตมองเขาด้วยความสงสัยแล้วพูดออกมาว่า “นายคงไม่ได้จะไปทรมานเขาหรอกใช่ไหม? ไม่ได้นะ เพื่อนยาก นี่ไม่ใช่ค่ายทหาร วิธีของนายไม่เหมาะหรอก! ฉันไม่มีทางให้นายสร้างความเดือดร้อนให้ฉันเด็ดขาด!”
เบิร์ดหัวเราะออกมาอย่างฝืนๆ แล้วพูดว่า “ไม่หรอกน่า ฉันแค่อยากจะวิเคราะห์สถานการณ์ของเขาสักหน่อย”
โรเบิร์ตมองไปยังฉินสือโอวที่ยักไหล่อยู่ด้านหลัง ราวกับจะบอกว่าให้ลองดู สำหรับฉินสือโอวแล้วเบิร์ดเป็นคนที่พึ่งพาได้เป็นอย่างมาก
เมื่อเข้ามาในห้องสอบสวน เบิร์ดยืนอยู่ข้างๆ ชายวัยรุ่นคนนั้นแล้วมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา ชายวัยรุ่นคิดว่าตนเองนั้นจะถูกทำร้าย เขาจึงยกมือขึ้นจับหัวและร้องออกมาว่า “ผมต้องการทนาย! ผมจะฟ้องว่าพวกคุณใช้ความรุนแรง!”
“หุบปาก ฉันแค่อยากถามนายไม่กี่ประโยคเท่านั้น ฟังดีๆ ล่ะ” เบิร์ดกดไหล่ของชายวัยรุ่นคนนั้นลงให้เขาอยู่ในท่าที่ฟุบลงกับโต๊ะ
“ฟังนะ พวกเรารู้ว่านายเป็นเพียงลูกน้องของอัลเบิร์ต เรื่องที่พวกนายมาวางยาในทะเลนั้นก็เป็นเพราะคำสั่งของอัลเบิร์ต เรื่องนี้พวกฉันรู้ดี แต่ว่าบอกความจริงมาเสียเถอะพ่อหนุ่ม นายคิดว่าทำไมพวกฉันถึงได้รู้เรื่องเลวๆ ที่พวกนายทำได้เร็วขนาดนี้กันล่ะ? นั่นก็เพราะว่าพวกฉันติดกล้องวงจรปิดที่ฟาร์มปลาน่ะสิ พวกนายทำอะไรไว้พวกฉันบันทึกไว้หมดแล้วล่ะ”
“อีกอย่างนะ นายรู้ไหมว่าตอนนี้ใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด? นายไงล่ะ! ตอนนี้หากอัลเบิร์ตอยากที่จะปกป้องฟาร์มปลาของตัวเองเอาไว้เขาก็ทำเพียงใส่ร้ายนายเท่านั้น เขาอาจจะฟ้องนายที่นายร่วมมือกับคนนอกวางยาที่ฟาร์มปลาของเขาด้วยก็ได้ หลังจากนั้นพอถึงเวลาเขาก็จะส่งนายเข้าตาราง เขาในฐานะที่เป็นเหยื่อก็จะสามารถทำกิจการฟาร์มปลาต่อไปได้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับเงินชดเชยอีกด้วย!”
“ดังนั้นนายควรจะทำอย่างไร นายก็คิดเอาแล้วกัน มาพนันกันไหม ว่าเจ้านายของพวกนายนั้นจะยอมเสียฟาร์มปลาไปเพื่อปกป้องพวกนาย หรือว่าเขาจะหลอกพวกนาย แล้วให้พวกนายกลายเป็นแพะรับบาปแทน! จำไว้นะ ต่อให้ตกงานพวกนายก็ยังสามารถหางานใหม่ได้ แต่หากชีวิตไม่มีอิสระแล้ว แบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น!”
เมื่อพูดจบเบิร์ดก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เขาถลกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นรอยแผลเป็นน่ากลัวที่อยู่บนร่างกายของเขา “ฉันเคยได้รับบาดแผลแบบนี้มาก่อน แผลเป็นพวกนี้เป็นร่องรอยแห่งความทรงจำในตอนที่ฉันอยู่ที่คุกน้ำแข็งแลบราดอร์ แต่ฉันอยู่ที่นั่นเพียงแค่ห้าปีเท่านั้น ฉันว่าการที่นายวางยาลงทะเลนั้น โทษต้องมากกว่าห้าปีแน่นอน!”
เมื่อพูดประโยคเหล่านั้นจบ เบิร์ดก็ไม่ได้พูดอะไรไร้สาระออกมาอีก เขาเดินออกจากห้องสอบสวนด้วยใบหน้าเย็นชา
ชายวัยรุ่นจ้องมองไปยังกุญแจมืออันเย็นเฉียบอย่างเหม่อลอย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่หลายนาทีเขาก็กลืนน้ำลายลงคอ แล้วยืนขึ้นตะโกนออกมาเสียงดังว่า “สารวัตรครับ สารวัตร ผมมีอะไรจะพูด โอ้พระเจ้า ให้ตายเสียเถอะ ผมมีเรื่องสารภาพ! ผมจะเข้าไปตายในคุกไม่ได้!”
อัลเบิร์ตเจ้านายของเขาเป็นคนอย่างไร เขานั้นรู้ดีกว่าใคร ฟาร์มปลาแห่งนี้มีมูลค่าถึงสามสิบล้าน แล้วในสายตาของอัลเบิร์ตนั้นเห็นชีวิตของเขามีค่าถึงสามสิบล้านด้วยหรือไม่? แน่นอนว่าไม่
โรเบิร์ตมองไปยังเบิร์ด แล้วหันไปพูดกับฉินสือโอวว่า “พูดตรงๆ นะ ฉิน ลูกน้องของนายนี่สุดยอดไปเลยหว่ะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะ “ไปถามข้อสรุปเอาเองแล้วกันนะ อีกอย่างพวกเขายังมีดีอีกหลายอย่างนะ”
บทสรุปนั้นง่ายมาก หลังจากที่อัลเบิร์ตรู้ว่าฟาร์มปลาแห่งนี้นั้นมักจะมีฉลามโผล่เข้ามาบ่อยๆ เขาจึงสั่งให้คนของเขานั้นใช้สารพีดีพีเอในการวางยาที่ฟาร์มปลา หนึ่งเพื่อวางยากั้งตั๊กแตนเจ็ดสี สองเพื่อทำความสะอาดปลาและกุ้งที่อยู่ที่บริเวณชายฝั่ง ขอเพียงแค่บริเวณนี้ไม่มีปลาและกุ้ง ฉลามตัวนั้นก็จะไม่มีอาหารและไม่โผล่มาที่นี่อีก
วันต่อมา เมื่อรู้ว่าฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นโดยวางยาจากสารพีดีพีเอ ทั้งกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาก็เกิดความโกลาหล หัวหน้าในกรมรีบสั่งให้พนักงานทุกคนออกปฏิบัติงานทันที
บทที่ 542 เล็งไปที่ไข่ห่านใบใหญ่
โดย
Ink Stone_Fantasy
ประเทศแคนาดานั้นมีพื้นที่ชายฝั่งยาวสองหมื่นกว่ากิโลเมตร ความลึกของไหล่ทวีปนั้นลึกถึงสองร้อยกว่าเมตร เนื้อที่กว้างห้าหมื่นตารางกิโลเมตร พื้นที่สองร้อยไมล์ทะเลนั้นกลายเป็นพื้นที่สำหรับตกปลาสี่ร้อยหกสิบเก้าแห่ง ส่วนพื้นที่อีกเก้าหมื่นตารางกิโลเมตรนั้น เป็นพื้นที่ทางทะเลที่สำคัญของแคนาดา ซึ่งสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นเติบโตได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นที่ประเทศแคนาดานั้น การจัดการเรื่องธุรกิจทางทะเลนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ อำนาจในการดูแลนั้นกระจายไปตามแต่ละหน่วยงานที่เป็นผู้ดูแลพื้นที่นั้นๆ เช่นกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา กระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพัฒนาการชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการประสานระหว่างรัฐ กรรมการบริหารทรัพยากรน้ำมันและก๊าซ ศูนย์พัฒนาคาบสมุทรสากล และ สำนักงานคณะกรรมการการประมงแห่งแปซิฟิกเหนือ
หนึ่งในหน่วยงานเหล่านั้นกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบคาบทะเลบริเวณประเทศแคนาดา และยังถือว่าเป็นหน่วยงานที่สำคัญหน่วยงานหนึ่ง เนื่องจากหน่วยงานนี้ทำหน้าที่รับผิดชอบกิจการงานประมงทั้งหมดทั่วประเทศแคนาดา พวกเขาต้องปกป้อง จัดการ ศึกษาวิจัยงานประมงและทรัพยากรทางทะเลอื่นๆ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางนิเวศวิทยา เพื่อฟื้นฟูและเพิ่มทรัพยากรประมงอย่างมีประสิทธิภาพ
อำนาจที่ได้รับมาจากความรับผิดชอบนี้ ทำให้กรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดานั้นมีอำนาจมากกว่าหน่วยงานอื่นๆ แล้วอำนาจของพวกเขามีมากแค่ไหนงั้นหรือ? พวกเขาสามารถร่างนโยบาย แผนการ บทบัญญัติ และข้อกำหนดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติทางกฎหมายทางทะเลได้อย่างอิสระ
‘กฎหมายการใช้พื้นที่ทำฟาร์มปลา’ ที่ก่อนหน้านี้เออร์บักบอกกับฉินสือโอว ก็เป็นผลงานชิ้นเอกของกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา
เหล่าพนักงานที่ทำงานในกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดามีความชัดเจนในหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างมาก นั่นก็คือการใช้ทรัพยากรทางทะเลให้เกิดผลประโยชน์ทางสังคมและทางเศรษฐกิจอย่างสูงสุด ตราบใดที่พฤติการณ์ของนักธุรกิจสอดคล้องต่อผลประโยชน์ที่พวกเขาเห็นด้วย เช่นฉินสือโอวที่ทำการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงสายพันธุ์ของสัตว์ทางทะเล แต่ถ้าเมื่อไรที่ทำไม่ตรงตามความต้องการของพวกเขา กิจการนั้นจะถูกเพิกถอนทันที!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การที่อัลเบิร์ตใช้สารพีดีพีเอในการวางยาสัตว์ทะเลในบริเวณชายฝั่งทะเลนั้นเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้องต่อผลประโยชน์ของกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา มันไม่เพียงแต่จะไม่สอดคล้องเท่านั้น แต่นี่ถือเป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์เลยด้วยซ้ำ!
เพราะเรื่องนี้พวกเขาจึงรีบส่งทีมปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ไปจัดการทันทีในวันรุ่งขึ้น โดยการบินตรงจากออตตาวาไปยังนครเซนต์จอห์นทันที เพื่อไปตรวจสอบเหตุการณ์ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงอย่างละเอียด
อันดับแรกหลังจากที่ผลจากห้องทดสอบออกมา ได้ยืนยันว่าน้ำทะเลและเลือดของสัตว์ทะเลที่ตายในฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นมีส่วนผสมของสารพีดีพีเออยู่ นอกจากนี้หลังจากที่ตรวจสอบสารพิษที่อยู่ในเรือสปีดโบ๊ทนั้นแล้ว พวกเขาก็ค้นพบร่องรอยตกค้างของสารพีดีพีเอที่อยู่บนเรืออีกด้วย
การประมงสั่งปิดการจับสัตว์น้ำที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงทันที คนงานทุกคนที่กำลังอยู่ระหว่างการทำงานก่อสร้างนั้นก็ถูกให้ออกมาจากฟาร์มปลา ทำให้การก่อสร้างบ้านริมชายทะเลนั้นได้รับผลกระทบ
เมื่ออัลเบิร์ตได้ยินข่าวเขาก็เกิดอาการร้อนรนขึ้นมาทันที อันตรายที่จะเกิดขึ้นจากเรื่องที่เขาทำนั้นเขารู้ดี แต่สารพีดีพีเอนั้นละลายได้ง่าย เวลาผ่านไปยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่สามารถเจอร่องรอยของสารตัวนี้ในน้ำทะเลแล้ว มีเพียงพวกเขาโดนจับได้ตอนที่เข้าไปไปวางยาในทะเลตอนกลางคืนเท่านั้น แต่แบบนั้นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
คืนเมื่อวานเขานั้นวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่ลูกน้องเขานั้นโทรมาหาเขาอยู่สองสามครั้ง เพื่อรายงานว่าการวางยาลงในน้ำทะเลนั้นไม่ติดปัญหาอะไร และสายสุดท้ายที่พวกเขาโทรมานั้นก็บอกว่าตอนนี้พวกเขาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว เพราะแบบนี้อัลเบิร์ตเลยวางใจ
แต่ปรากฏว่าเช้าตรู่วันนี้ คนที่เขารู้จักที่อยู่กระทรวงประมงกลับบอกว่า ตอนนี้ได้เกิดปัญหาขึ้นที่ฟาร์มปลาของเขา เรื่องการใช้สารพีดีพีเอนั้นถูกจับได้เสียแล้ว!
อัลเบิร์ตนั้นเป็นบุคคลมีอิทธิพลในเรื่องการทำการค้าทั่วทุกสารทิศมานับหลายสิบปี เขารีบติดต่อไปยังทนายเพื่อให้ร่างสำเนาอธิบายถึงการตกเป็นเหยื่อ โดยแจ้งว่าลูกน้องของเขานั้นร่วมมือกับคนนอกในการวางยาฟาร์มปลาและใส่ความเขา การใช้ข้ออ้างว่าใส่ความนั้นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะปกติเขากับฉินสือโอวก็มีเรื่องขัดแย้งกันประจำอยู่แล้ว
ถ้าหากว่าทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรผิดแผนและทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเขาก็คงไม่กระวนกระวายแบบนี้ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายก็คือข่าวที่เขาได้รับแจ้งจากตำรวจ นอกจากนี้ยังมีทั้งพยานและหลักฐานยืนยัน บ่งชี้ว่าเขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องของตนนั้นเป็นคนวางยา
เออร์บักที่อยู่ไกลออกไปที่เมืองออตตาวานั้นก็รีบบินกลับมาในวันนั้นทันที ฉินสือโอวอธิบายเรื่องราวให้เออร์บักฟังทั้งหมด เออร์บักหัวเราะออกมาเสียงดัง “โอเค ฉิน เตรียมตัวขึ้นศาลเพื่อรอการประมูลฟาร์มปลาแกธเธอริงได้เลย”
“เขาจะไม่มีโอกาสตอบกลับเลยเหรอ?” ก่อนหน้าที่ฉินสือโอวจะได้ลงนามในสัญญาของฟาร์มปลาแกธเธอริง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่สามารถที่จะคิดไปเองได้ว่าเขาจะได้ฟาร์มปลานี้
“ดูจากที่นายบอกแล้ว ตอนนี้พวกนายก็ได้ติดต่อกับคนขายสารพีดีพีเออยู่แล้ว อีกทั้งในใบสั่งซื้อสินค้าก็มีลายเซ็นของอัลเบิร์ตอยู่ บวกกับคำให้การของลูกน้องของเขา เขาไม่สามารถโต้กลับได้อย่างแน่นอน สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าดีที่สุด ที่ทางกรมประมงจะทำการบังคับประมูลฟาร์มปลา พวกเขาก็จะได้รับเงินเช่นกัน ไม่เช่นนั้นหากพวกเขายังดำเนินการสืบสวนต่อไปอาจจะถูกมองว่ากำลังใส่ความคนอื่นและต้องการเอาเงินประกันได้”
เออร์บักพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
หลักฐานที่มีไม่ได้มีเพียงแค่ลูกน้องของอัลเบิร์ตเท่านั้น แต่ยังมีพยาบาลที่โรงพยาบาลอีก นางพยาบาลอ้างว่าเธอได้ยินอัลเบิร์ตคุยโทรศัพท์และพูดถึงสารพีดีพีเอด้วย พยาบาลคนนี้เป็นพยานให้อย่างเต็มที่ เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนที่อัลเบิร์ตมาเปลี่ยนยา เขาได้ทำร้ายเธอ…
ทำชั่วได้ชั่ว กรรมนั้นย่อมสนองคืน เพียงแค่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น อัลเบิร์ตพิสูจน์จากประสบการณ์ตรงแล้วว่า บางครั้งหากเขาเป็นเพียงคนธรรมดาเขาอาจจะไม่ได้รับโทษก็ได้
ฉินสือโอวนั้นถามถึงเรื่องเรือไดโตะโชวะมารุ เออร์บักตอบว่าเรื่องนี้จัดการเกือบจะเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นนั้นยืนยันการปฏิเสธลงนามในสัญญาห้ามเรือล่าวาฬเข้ามายังน่านมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอาร์กติก เรื่องแบบนี้ทำให้ทางประเทศแคนาดานั้นไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเรียกค่าเสียหายจำนวนมหาศาลจากทางเรือไดโตะโชวะมารุเท่านั้น
“ตอนนี้ข้อตกลงการชดเชยอยู่ที่สิบห้าล้านดอลลาร์แคนาดา หนึ่งในนั้นเป็นของนายห้าล้าน และจ่ายให้รัฐบาลสิบล้าน” เออร์บักพูด
เมื่อฉินสือโอวได้ฟังก็พูดออกมาด้วยความโมโหว่า “อะไรกัน ผมได้เพียงครึ่งหนึ่งของรัฐบาลเองเหรอ? นี่เขารู้ใช่ไหมว่าผมเป็นเหยื่อ!”
เออร์บักพูดออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “เด็กน้อย ฝีมือของนายนั้นยังห่างไกลนัก รัฐบาลตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของเรือไดโตะโชวะมารุตามตำแหน่งจีพีเอส และตัดสินออกมาว่าการล่าวาฬและฉลามนั้นเกิดขึ้นที่ทะเลหลวง พวกเราสามารถพูดได้เพียงว่า พวกเขาขโมยปลาแฮร์ริ่งและปลาซาบะจากฟาร์มปลาต้าฉินไปเท่านั้น ”
เมื่อได้ยินคำอธิบาย ฉินสือโอวปิดปากเงียบอย่างเศร้าสร้อย ความจริงแล้ว การล่าวาฬและฉลามนั้นจำเป็นต้องอาศัยอยู่กลางทะเลเป็นเวลานาน แต่ทำไมเรือไดโตะโชวะมารุต้องมาหยุดอยู่ที่ฟาร์มปลาของเขานานด้วยล่ะ
แต่พอมาคิดดูแล้ว เงินชดเชยห้าล้านดอลลาร์ก็ถือว่าใช้ได้ ฉินสือโอวทำได้เพียงปลอบใจตัวเองเท่านั้น
เออร์บักมองไปยังฉินสือโอวที่ไม่ค่อยพอใจ พลางพูดออกมาว่า “รอดูคำตัดสินของรัฐบาลก่อน ห้าล้านดอลลาร์ก็ถือว่าน้อยไป ฉันสามารถช่วยเรียกค่าชดเชยให้ได้อีกครึ่งหนึ่ง ประมาณเจ็ดแปดล้านดอลลาร์”
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรือไดโตะโชวะมารุหรือว่าการประมูลฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำให้เสร็จได้ในสองสามวัน จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงสิ้นเดือนเมษายน ถึงเวลาแห่งเทศกาลอีสเตอร์แล้ว
สิ่งที่สำคัญในเทศกาลอีสเตอร์คือไข่หลากสี ที่ฟาร์มปลานั้นมีทั้งไข่ไก่ขนาดเล็ก ไข่เป็ดขนาดกลาง และไข่ไก่งวงที่มีขนาดใหญ่ นับว่าเขามีไข่แทบทุกประเภทแล้ว แต่ฉินสือโอวนั้นก็ยังไม่พอใจ เขานั้นเล็งไปยังไข่ห่านใบที่ใหญ่ที่สุด
ห่านหัวสิงโตตัวโตเต็มวัยนั้นอยู่ในช่วงออกไข่แล้ว อีกสิบวันมันจะออกไข่ใบใหญ่หนึ่งฟอง แต่ว่าห่านพวกนี้นั้นฉลาด พวกมันมักจะแอบไปวางไข่ที่ทุ่งหญ้าทางทิศตะวันตกของฟาร์มปลาต้าฉิน
บริเวณนั้นมีกิ่งไม้และใบไม้แห้งเต็มทุกพื้นที่ มันทั้งนุ่มและอุ่น พอถึงฤดูใบไม้ผลิต้นอ่อนพวกนั้นก็จะโตขึ้นมาใหม่อีกครั้ง จนกลายเป็นที่พักพิงให้แก่ห่านหัวสิงโต
ห่านพวกนี้จะออกไข่และฟักไข่ที่นั่นทุกวัน และห่านตัวผู้นั้นจะคอยลาดตระเวนชูคอรอบๆ เพื่อกันไม่ให้มนุษย์หรือสัตว์อื่นๆเข้าใกล้
ฉินสือโอวเล็งไปยังไข่ห่านเหล่านั้นอย่างแน่วแน่ เนื้อห่านนั้นเขากินมาเยอะแล้ว แต่ไข่ห่านนั้นยังไม่เคยลอง
บทที่ 543 ศึกชิงไข่ห่าน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เทศกาลอีสเตอร์นั้น เป็นวันหยุดของเชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ พวกเขารีบตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาตกแต่งบ้านกับวินนี่ พวกหู่จือ เป้าจือ ฉงต้า รวมถึงปอหลัว เสี่ยวหมิงและตัวอื่นๆ ต่างก็พากันวิ่งไปมารอบๆ ตัวเด็กๆ ราวกับกำลังยุ่งอยู่เต็มที
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าจะตกแต่งบ้านไปทำไม เพราะอย่างไรพวกเขาก็จะไปฉลองในเมืองอยู่แล้ว บัตเลอร์พึ่งจะกลับไป ตอนนี้ที่บ้านจึงไม่มีแขก การตกแต่งบ้านนี่ทำให้เปลืองแรงเปล่าๆ
แต่ว่าวินนี่นั้นกลับตกแต่งบ้านอย่างมีความสุข เชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นด้วยเช่นกัน แม้แต่ฉงต้าก็มีท่าทางตื่นเต้น ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็รู้สึกไม่มีอะไรน่าสนใจ
หู่จือ เป้าจือ และฉงต้านั้นไม่ได้สนใจฉินสือโอว เขาจึงออกไปหานิมิตส์กับบุชแทน ปรากฏว่าหาอยู่ครู่หนึ่งก็หาไม่เจอ ฉินสือโอวถามวินนี่ และได้คำตอบกลับมาว่า “พวกมันบินออกไปข้างนอกแต่เช้าแล้ว เหมือนว่าช่วงนี้พวกมันทะเลาะกับนกที่เทือกเขาเคอร์บัล พวกมันบินออกไปอย่างกล้าหาญหลังจากนั้นก็กลับมาพร้อมกับขนอันยุ่งเหยิงทุกครั้ง”
ฉินสือโอวถามขึ้นมาอย่างตกใจว่า “ยังมีนกที่สามารถสู้กับอินทรีหัวขาวและนกฟรีเกตได้อีกเหรอ? หรือว่าจะมีอินทรีทองปรากฏตัวเพิ่มอีก?”
วินนี่ตอบว่า “ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นหนึ่งตัว หรือหนึ่งฝูง เช่นเหยี่ยวหางแดง หรือเหยี่ยวรุ้ง พวกนั้น”
ฉินสือโอวพยักหน้า ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกถ้าจะมีอีแร้งอยู่บนเทือกเขาเคอร์บัล นกพวกนี้เป็นนกตัวใหญ่ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในอเมริกาเหนือ
วินนี่ถามฉินสือโอวขึ้นมาว่าทำไมจู่ๆ ถึงถามหานิมิตส์กับบุช ฉินสือโอวจึงตอบกลับว่า “ผมอยากไปเก็บไข่ห่านน่ะ ดูสิ ห่านหัวสิงโตออกไข่แล้ว พวกมันกินปลากินกุ้งของเราทุกวัน เราก็ต้องกินไข่ของพวกมันได้”
วินนี่เหลือบมองฉินสือโอวครู่หนึ่ง “โอเคๆ คุณอย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย ไข่เป็ดของพวกเรามีตั้งมากมายจนกินจะไม่หมดอยู่แล้ว ทำไมยังอยากไปจับลูกรักของพวกมันมาอีกล่ะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะหึหึออกมา “คุณไม่เข้าใจอะไร ลูกรักอะไรล่ะ พวกห่านหัวสิงโตจะผสมพันธุ์กันในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ ไข่พวกนั้นเป็นไข่ธรรมดา ฟักออกมาเป็นลูกห่านไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอ?” วินนี่เกาหัวด้วยความงุนงง แล้วเดินไปยังต้นเมเปิลที่อยู่ตรงประตูเพื่อที่จะแขวนโคมไฟ
ฉินสือโอวยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เมื่อครู่เขาก็พูดไปมั่วๆ เขาไม่รู้หรอกว่าห่านหัวสิงโตนั้นผสมพันธุ์ตอนไหน แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งปีแน่นอน
เมื่อวินนี่เดินออกไป กอร์ดอนและมิเชลเข้ามาร่วมวงกับฉินสือโอวอย่างมีพิรุจทันที “ฉิน คุณจะไปขโมยไข่ห่านใช่ไหม? พาพวกเราไปด้วยได้หรือเปล่า?”
ฉินสือโอวโบกมือไปมาใส่พวกเขาทันที “ไปๆๆ ขโมยอะไรกัน? ไข่พวกนั้นเป็นของฉัน! พวกนายอย่ามาวุ่นวายเลย ตามพี่วินนี่ของพวกนายไปทำความสะอาดบ้านเถอะ อีกอย่าง ห่านพวกนั้นน่าเข้าใกล้เหรอ? พวกนายลืมความเจ็บจากแผลเหล่านั้นไปหมดแล้วเหรอ? ”
พาวลิสและเชอร์ลี่ย์ที่อยู่ด้านหลังก็รบเร้าอยากไปขโมยไข่ด้วยเหมือนกัน ฉินสือโอวจึงหมดทางเลือก สุดท้ายก็ต้องพาเด็กๆ ไปด้วย
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและวูฟทั้งสี่ตัวนั้นชอบความสนุกครึกครื้น เมื่อพวกมันเห็นเด็กๆ ออกจากบ้านไป พวกมันก็รีบวิ่งเข้าไปร่วมวงด้วยทันที
วินนี่ออกไปตามเสี่ยวหลัวปอให้กลับมา พลางดุขึ้นมาว่า “พวกเขาจะไปให้พวกห่านตี แกจะตามไปทำไมกัน? ดูขาสั้นๆ ของแกเสียก่อนเถอะ พอถึงตอนนั้นคงจะหนีไม่ทันแน่”
ห่านหัวสิงโตและห่านไท่หูตอนนี้ถูกเลี้ยงในพื้นที่เปิด พวกห่านหัวสิงโตส่วนใหญ่จะกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ที่เป็นฟาร์มปลาต้าฉินเดิม ส่วนห่านไท่หูนั้นอยู่เลยทางทิศตะวันตกออกมานิดหน่อย ที่บริเวณทิศตะวันตกนั้นเป็นที่ตั้งฟาร์มปลาบริเวณแรกของฟาร์มปลาต้าฉิน
ห่านไท่หูนั้นไม่ออกไข่ ไม่รู้ว่าทำไม แม้ว่าร่างกาย และอายุของพวกมันนั้นจะไม่ได้น้อยกว่าห่านหัวสิงโต แต่พวกมันก็ไม่ออกไข่ ไม่เหมือนห่านหัวสิงโต ตอนนี้มีไข่ห่านขนาดใหญ่นับสิบอยู่บนพื้นหญ้าเต็มไปหมด
ฉินสือโอวหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมามองไปหาบริเวณที่เหมาะๆ หู่จือและเป้าจือนั้นนั่งอยู่ข้างๆ เขาทั้งสองข้าง พวกมันทำลิ้นห้อยแล้วจ้องมองไปรอบๆ ภาพนั้นทำให้ฉินสือโอวดูเหมือนผู้บัญชาการตัวร้ายที่กำลังจะบุกเข้าไปในหมู่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
เหล่าห่านหัวสิงโตกำลังใช้ชีวิตอยู่กลางทุ่งหญ้า ห่านตัวเมียกำลังวางไข่อยู่ในกองหญ้า ส่วนห่านตัวผู้ก็กำลังลาดตระเวนรอบๆ ราวกับทหารเวรยาม พวกมันป้องกันไม่ให้มีอะไรเข้ามาใกล้ไข่เลยแต่แม้นิดเดียว
เมื่อเห็นดังนั้น ฉินสือโอวก็เศร้าขึ้นมา แล้วพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่ได้การ ฉงต้าอยู่ที่นี่ซะ ส่วนคนอื่นๆ ไปเก็บไข่กับฉัน”
ฉงต้านั้นชอบความสนุกสนานมากที่สุด แต่ด้วยร่างกายที่ใหญ่และขนที่ยาวของมัน ทำให้ฉินสือโอวไม่อยากพามันเข้าไปด้วย เพราะหากเจ้านี่ไม่ระวังนั่งไม่เป็นที่เป็นทาง ไข่ห่านพวกนั้นอาจจะเสียหายได้!
พาวลิสรู้สึกสงสัยบางอย่าง เขาจึงเอ่ยถามออกมาว่า “แค่เข้าไปเอาไข่ไม่กี่ใบเท่านั้น ทำไมต้องเปลืองแรงด้วยล่ะ? พวกเราขับรถฝ่าฝูงห่านเข้าไปให้พวกมันตกใจหนีไป จากนั้นก็ลงไปหยิบไข่แล้วก็ขับหนีออกมาก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวพูดสั่งสอนออกมาว่า “เด็กโง่ ถ้าขับรถไม่ระวังจนพวกมันตายละทำยังไง? พี่วินนี่ของนายได้บ่นนายไปเป็นเดือนแน่! ขอบอกตรงนี้เลยนะ เราต้องหาวิธีไปเอาไข่ออกมาให้ได้อย่างปลอดภัย หลังจากนั้นก็นำไข่พวกนั้นไปวาดรูปเพื่อส่งไปเป็นของขวัญ เข้าใจไหม?”
“งั้นก็ขับเครื่องบินเข้าไปสิ แล้วก็ร่อนลงทำให้พวกมันตกใจหนีไป…” กอร์ดอนพูดออกมาเป็นตุเป็นตะ
เชอร์ลี่ย์มองไปยังกอร์ดอนด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขานั้นโง่เง่า “แค่ไปเอาไข่ห่าน นายจะต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เลยเหรอ? ขอร้องล่ะ ฉันจะไปเอาไข่ ไม่ได้ไปจับผู้ก่อการร้าย!”
มิเชลมองไปยังฉินสือโอวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แล้วพูดออกมาว่า “อันที่จริงยังมีอีกหนึ่งวิธี ฉิน พวกเราใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์นกกระยางสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์สิ อย่างแรกคือเราต้องไปก่อกวนห่านไท่หูก่อน แล้วต้อนให้พวกมันเข้ามาในพื้นที่ของห่านหัวสิงโตจากนั้นพวกเราก็รีบหนีออกมา แบบนี้ห่านสองสายพันธุ์นั้นก็จะทะเลาะกัน ตอนนั้นพวกเราก็ค่อยเข้าไปหยิบไข่แล้วรีบออกมาก็ได้แล้ว”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ มองไปยังมิเชล พวกเด็กๆ คิดว่าฉินสือโอวนั้นกำลังคิดถึงความเป็นไปได้อของแผนการนี้ ปรากฏว่าเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆ ก็พูดออกมาราวกับพึ่งคิดได้ว่า “ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์นกกระยางสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์งั้นเหรอ? นายจะบอกว่าให้กลยุทธ์นกกระยางสู้กับหอยกาบงั้นเหรอ?”
“เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นไปแล้วเหรอ ฉิน คุณแกล้งพวกเรางั้นเหรอ?” มิเชลนั้นหมดคำพูด
นี่เป็นความคิดที่ไม่เลว ฉินสือโอวให้พาวลิสนั้นขับรถเอทีวีสุดที่รักอย่างซีบิสกิตพาหู่จือและเป้าจือไปล่อพวกห่านไท่หู ส่วนฉินสือโอวและคนอื่นๆ นั้นเตรียมตัวรอโอกาสที่จะเข้าไปหยิบไข่
ห่านไท่หูนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เมื่อซีบิสกิตนำขบวนหู่จือและเป้าจือที่เห่าเสียงดังมาปรากฏตัวที่หน้าฝูงของพวกมัน เหล่าห่านพวกนั้นก็กระพือปีกหนีกันอย่างอลหม่าน หู่จือและเป้าจือนั้นวิ่งพุ่งเข้าไปในฝูงห่านอีกหลายครั้ง จากนั้นก็วิ่งตามซีบิสกิตไปยังทิศตะวันออก
เหตุการณ์แบบนี้ทำให้ห่านไท่หูนั้นไม่พอใจอย่างมาก พวกมันวิ่งตามหลังมาอย่างอาฆาตแค้น พวกมันร้องเสียงดังวิ่งไล่ตามหลังซีบิสกิตและสุนัขลาบราดอร์ที่มาก่อกวนอย่างรวดเร็ว
ขอเพียงไม่ถูกล้อม ความเร็วของห่านตัวโตนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเร็วของสุนัขแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ หู่จือกับเป้าจือวิ่งล่อห่านไท่หูพวกนั้นไปยังพื้นที่บริเวณฟาร์มปลาต้าฉินที่เป็นที่อยู่ของห่านสิงโตอย่างสบายๆ
ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร สัญชาตญาณของห่านหัวสิงโตก็ทำงาน ห่านร่างกายใหญ่โตตัวอ้วนชะเง้อคอมองมา ทันใดนั้นหงอนของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที พวกมันร้องออกมาเสียงดังสองสามครั้ง ไม่ว่าจะเป็นห่านสิงโตเพศผู้หรือเพศเมียต่างก็ร้องออกมาเสียงดัง
หลังจากที่ซีบิสกิตพาหู่จือและเป้าจือเข้าไปยังพื้นที่ของห่านหัวสิงโตเสร็จแล้วพาวลิสก็เลี้ยวกลับไปอีกทางทันที เดิมทีห่านไท่หูคิดจะตามซีบิสกิตไป แต่ผลปรากฏว่าพวกมันหยุดอยู่ที่หน้าห่านหัวสิงโต
ห่านไท่หูที่กำลังโมโหอยู่กับห่านหัวสิงโตที่คิดว่าพวกมันถูกรุกรานมาเจอกันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ?
สงครามได้เริ่มแล้ว!
ห่านหัวสิงโตนั้นหยุดออกไข่ทันที พวกมันกระพือปีกแล้วร้องออกมาเสียงดังเพื่อร่วมการต่อสู้ทันที ห่านไท่หูนับสิบตัวนั้นกำลังตกอยู่ในสงครามอย่างดุเดือด
เมื่อฉินสือโอวเห็นโอกาส เขาก็พาวินนี่และคนอื่นๆ ดันรถเข็นคันเล็กๆ เข้าไปหยิบไข่ออกมา
ฉงต้าวิ่งตามหลังมาอย่างมีความสุข ฉินสือโอวนั้นหยุดมันเอาไว้ แล้วชี้ไปยังด้านหลังเพื่อให้มันเดินกลับไป
ฉงต้าไม่ยอม มันร้องออกมาอย่างน่าสงสารเพื่อขอตามไปด้วย ฉินสือโอวจึงให้มิเชลนั้นอยู่ที่นี่เพื่อคอยดูฉงต้า
ไข่ห่านใบใหญ่สีขาวกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งหญ้า ฉินสือโอวไม่สนใจที่จะมองอย่างละเอียดเขารีบหยิบใส่รถเข็นทันที
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็เกิดเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาจากบริเวณใกล้ๆ “อู๊ว อู๊ว อู๊ว อู๊ว!”
ห่านตัวสีขาวทั้งหมดนั้นก็กลับมามองทันที
ใบหน้าของฉินสือโอวที่กำลังแอบขโมยไข่อยู่นั้นก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นขึ้นมา…
บทที่ 544 เทศกาลอีสเตอร์ครั้งที่สอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวหันกลับมามอง เขาเห็นว่าฉงต้านั้นโก่งคอร้องคำรามออกมาอย่างโอ้อวด มิเชลมองไปยังฉินสือโอวด้วยสีหน้าตกใจกลัว แล้วโบกมือไปมาเพื่อบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา…
ห่านหัวสิงโตที่กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้นสงบลงทันที พวกมันหันกลับมา แล้วมองไปยังฉินสือโอวและคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นพวกมันก็ระเบิดอารมณ์ไม่พอใจออกมา โดยการกระพือปีกและร้องโวยวายออกมาอย่างไม่พอใจ เท้าอันแข็งแรงทั้งสองข้างของพวกมันวิ่งตรงมาหาพวกเขาทันที!
ฉินสือโอวรีบหยิบไข่ห่านขึ้นมาวางไว้บนตาข่ายจับปลาที่กางอยู่ในรถเข็นคันเล็กอย่างรวดเร็ว ตาข่ายจับปลานั้นเบาและนุ่ม ไข่ห่านที่ถูกโยนลงไปในนั้นจะไม่เสียหายอย่างแน่นอน การทำแบบนี้ทำให้การเก็บไข่ห่านมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เมื่อฝูงห่านเริ่มเข้ามาใกล้ ฉินสือโอวก็หยุดเก็บไข่ห่าน แล้วดันรถเข็นคันเล็กๆ หนีออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพวกของเชอร์ลีย์นั้นได้วิ่งหนีไปก่อนหน้านี้โดยไม่ได้บอกอะไรสักคำ
ที่ฉินสือโอวพูดไปเมื่อครู่นั้นไม่ถูกต้อง พวกเขาไม่เคยลืมรอยฟกช้ำและความเจ็บปวดที่ถูกฝูงห่านกัดจากครั้งก่อน
สำหรับสัตว์ปีกนั้น เรื่องที่พวกมันให้ความสำคัญนั้นมีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือคนที่เข้ามาการทำลายการดำเนินชีวิตของมัน สองคือการทำลายสายเลือดของมัน ตอนที่ฉินสือโอวและคนอื่นๆ เข้ามาขโมยไข่ พวกมันเลยคิดว่าพวกฉินสือโอวกำลังมาพรากลูกของพวกมันไป แล้วแบบนี้จะให้ไปปล่อยไปง่ายๆ เหรอ?
ยังโชคดีที่วันนี้นิมิตส์และบุชนั้นกลับมาเร็ว ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฟาร์มมีจุดสีดำสองจุดปรากฏขึ้น จุดทั้งสองนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นกอินทรีทั้งสองตัวกำลังพุ่งเข้ามาทางนี้ ราวกับเครื่องบินขับไล่ที่บินโฉบลงมาเหนือหัวฝูงห่านเพื่อเข้ามาบุกรุก
ห่านทั้งฝูงแตกตื่นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นบุชกับนิมิตส์บินเข้ามา พวกมันรีบเอาหัวมุดลงไปในทรายทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกหลานของพวกมัน ห่านหัวสิงโตผู้โหดเหี้ยมนั้น เก็บความกลัวที่มีต่อนิมิตส์และบุชไว้ในใจ แล้ววิ่งตามออกไปอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นบุชก็โมโหขึ้นมา เจ้าพวกนี้ทำเหมือนว่านกอินทรีอย่างพวกเขาเป็นนกธรรมดาอย่างนั้นสินะ กรงเล็บแหลมกางออกทันทีอย่างไม่ลังเล มันจับห่านตัวโตที่นำอยู่หน้าขบวน แล้วกระพือปีกบินขึ้นฟ้าไป!
เมื่อมันบินขึ้นไปห่างจากพื้นดินสี่เมตร บุชก็คลายกรงเล็บออกแล้วทิ้งห่านสีขาวตัวนั้นให้ตกลงบนพื้นทราย จากนั้นก็บินโฉบไปด้านหลังแล้วจับห่านตัวใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งตัว การเชือดไก่ให้ลิงดูแบบนี้ ทำให้ห่านฝูงนั้นถูกความรู้สึกหวาดกลัวเข้าครอบงำในที่สุด…
ฝูงห่านอันโหดเหี้ยมนี้เกิดความโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง พวกมันต่างกระพือปีกหนีกลับไปยังทุ่งหญ้า ฉินสือโอวยกมือขึ้นปาดเหงื่อตัวเอง ‘เฮ้อ แค่จะกินไข่ห่าน ทำไมถึงเปลืองแรงแบบนี้นะ?’
เมื่อกลับมาถึงบ้าน วินนี่ก็หัวเราะออกมาเสียงดังทันทีเมื่อเห็นพวกเขา เสี่ยวหลัวปอรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ได้ไปเก็บไข่ห่านด้วย หากไปกับพวกเขาก็เหมือนการไปวิ่งหลบหนีเอาชีวิตรอดแค่นั้น
ฉินสือโอวลากรถเข็นที่บรรจุไข่ห่านเข้ามา ห่านพวกนี้ถูกเลี้ยงแบบระบบเปิด ดังนั้นไข่ที่ออกมาจึงมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เปลือกไข่มีความหยาบเล็กน้อย ไข่ลักษณะนี้คือผลจากการที่ห่านเหล่านั้นได้รับไฟเบอร์อย่างอุดมสมบูรณ์จากการกินผักและปลากุ้งตัวเล็กๆ
เมื่อเก็บไข่ไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ไปหาฉงต้า พลางโบกมือเรียกให้มันมาหา ฉันรับรองได้ว่าไม่ตีแกให้ตายหรอกน่า
ฉงต้าที่นอนอยู่ใต้ต้นเมเปิลมองมายังฉินสือโอว ไม่ว่าเขาจะกวักมือหรือร้องเรียกอย่างไรมันก็ไม่ยอมมาหา มันขี้ขลาดแต่ไม่ได้โง่ มันรู้ตัวว่าสิ่งที่มันทำเมื่อครู่นั้นไม่ถูกต้อง
ฉินสือโอวมองไปยังฉงต้าที่ไม่ยอมขยับตัว จากนั้นก็เดินไปหามันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อฉงต้าเห็นเขามันก็สาวเท้าหนีทันที ท่าทางของมันเหมือนกับก้อนเนื้ออ้วนๆ กำลังกลิ้งไปมาบนพื้น…
หลังจากที่ต้มไข่ห่านจนสุก วินนี่ก็พาเด็กๆ มาทาสี วาดรูปต่างๆ หรือไม่ก็ติดสติกเกอร์ลงบนเปลือกไข่ จนไข่ห่านใบใหญ่เหล่านั้นถูกตบแต่งอย่างสวยงาม
ฉินสือโอวหยิบไข่ออกมาสองฟองเพื่อนำไปผัดกับพริก ไข่ห่านสองฟองนั้นพอนำมาผัดก็กลายเป็นอาหารจานใหญ่หนึ่งจาน
พริกสีเขียวสด เมื่อนำไปผัดกับน้ำมันสีของมันก็จะมันวาว รสชาติของไข่ห่านนั้นเกินความคาดหมายของฉินสือโอวมาก เมื่อเทียบกับการกินปลากุ้ง สาหร่ายทะเล หรือไข่ที่เกิดจากการเลี้ยงในฟาร์มแล้ว ไข่ห่านนั้นมีกลิ่นที่โดดเด่น และค่อนข้างเนื้อแน่นมากกว่าไข่ไก่และไข่เป็ด
หลังจากที่รับประทานไข่ผัดพริกในช่วงมื้อเย็นเสร็จ ก็ถึงเวลาที่ฉลองเทศกาลอีสเตอร์
ตอนเช้าเมื่อฉินสือโอวเข้าเมือง เขาอดไม่ได้ที่จะซึมซับบรรยากาศคึกคักบนถนน เวลาหนึ่งปีช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เขาอดที่จะคิดถึงช่วงเวลานี้ของปีที่แล้วไม่ได้ ตอนที่เขาพึ่งมาถึงเมืองแฟร์เวลนั้น ทุกอย่างสำหรับเขาดูแปลกตา และเขาก็รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
หนึ่งปีผ่านไป ฉินสือโอวได้คุ้นชินกับบ้านเมืองที่นี่แล้ว และรู้จักคนในเมืองแฟร์เวลมากมาย ในขณะที่เขาเดินอยู่บนถนนบางครั้งก็จะมีคนเข้ามาทักทาย หากจะบอกว่าเมืองนี้เป็นบ้านของเขา ผู้คนที่นี่เป็นครอบครัวของเขาก็ออกจะเกินจริงไปเสียหน่อย แต่มันก็เป็นเรื่องจริง
ชาวเมืองในเกาะแฟร์เวลนั้นยอมรับในตัวของฉินสือโอวอย่างไร้ข้อกังขา อีกทั้งพวกเขาหลายคนยังมองว่าฉินสือโอวนั้นเป็นผู้นำของเมืองนี้อีกด้วย
ฉินสือโอวจอดรถแล้วลงเดินไปตามถนน จู่ๆ ก็มีคนตะโกนเรียกเขา “ฉิน ปีนี้มีโทรศัพท์แจกไหม? แล้วยังมีกิจกรรมตีไข่ทองคำอยู่อีกไหม?”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง “เพื่อนของฉันนี่ไม่ไหวเลยนะ ให้แฮมเล็ตไปจัดการแล้ว เขาบอกว่าวันนี้จะมีกิจกรรมเยอะแยะ”
ทัศนคติในการใช้จ่ายของรัฐบาลแคนาดานั้นไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป นั่นก็คือมีเงินมากก็ไม่เก็บ เมื่อมีก็ต้องใช้ แล้วใช้เยอะเสียด้วย
แฮมเล็ตพาคนมาตบแต่งเมืองอย่างสวยงาม บอลลูนที่เช่าสำหรับใช้ในงานเฉลิมฉลองประเทศยังไม่ได้นำไปคืน และนี่เป็นอีกครั้งที่จะได้นำมันขึ้นท้องฟ้า
ถนนในเมืองทั้งสองข้างถูกตบแต่งด้วยริบบิ้นและป้ายโฆษณา เด็กๆ วิ่งไปมาบนถนนกันอย่างสนุกสนาน ในมือของพวกเขานั้นถือไข่ ช็อกโกแลตและขนมต่างๆ มากมาย นักท่องเที่ยวที่พาเด็กๆ มาด้วยก็พาพวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ
รอบด้านเมืองแฟร์เวลนั้นเป็นทะเล หากอยากจะออกจากเมืองก็ต้องไปที่ท่าเรือ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกโจรหรือพวกค้ามนุษย์ ตอนนี้โมโตโรล่าได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งสถานีวิทยุขึ้น แล้วให้วิทยุสื่อสารเครื่องเล็กๆ แก่เด็กๆ จะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าพวกเขาจะวิ่งไปที่ไหน
ฉินสือโอวที่พึ่งจะคิดถึงโมโตโรล่านั้น แฟรงค์กับเคนต์ก็โทรมาหาเขาพอดี “ฉิน ขอถามหน่อยสิว่าคุณมาที่ที่เรียกว่าฟาร์มปลาแกธเธอริงได้ไหม? พวกเรามีปัญหากับเจ้าของฟาร์มนิดหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็รีบไปทันที ฟาร์มปลาแกธเธอริงในตอนนี้นั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทำไมคนของโมโตโรล่ากับคนของเขาถึงได้เข้ามาพัวพันเรื่องนี้ด้วยนะ?
เมื่อมาถึงฟาร์มปลาแกธเธอริง ฉินสือโอวก็มองเห็นโมโตโรล่าที่กำลังสวมชุดคนงานสีส้มเผชิญหน้าอยู่กลับกลุ่มคนที่สวมชุดสูทสองสามคนจากที่ไกลๆ ส่วนสถานีฐานวิทยุนั้นอยู่ข้างๆ
“มีอะไรกันเหรอ?” ฉินสือโอวถามพลางขมวดคิ้ว
แฟรงค์กับเคนต์บอกกับเขาว่า “เรื่องมันเป็นแบบนี้นะ ฉิน พวกเราจะสร้างสถานีฐานวิทยุทั้งหมดห้าที่ใช่ไหม? สถานีหลักที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาเคอร์บัลได้ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยนานแล้ว ที่เหลืออีกสี่สถานีนั้นของพึ่งจะมาส่งเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเราเลยวางแผนว่าจะติดตั้งที่เกาะเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้สี่มุม”
แฟรงค์พูดอธิบายพลางยกไม้ยกมืออย่างทำอะไรไม่ถูก “พวกเราถามนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตแล้ว เขาบอกว่าติดตั้งที่ไหนก็ได้ แต่ปรากฏว่าวันนี้พอพวกเรามาที่นี่ เจ้าของฟาร์มปลาคนนี้ไม่แม้แต่เปิดโอกาสให้เราได้อธิบายและเอาแต่ไล่เราออก”
วิศวกรผู้ช่วยของเขาก็บ่นออกมาอย่างไม่พอใจว่า “คนคนนี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เดิมทีวันนี้เป็นวันอีสเตอร์พวกเราจะหยุดทำงานก็ได้ แต่ว่าเคนต์บอกว่าอยากจะทำงานให้พวกคุณเสร็จเร็วขึ้น จึงได้พาเรามาทำงานล่วงเวลา แต่ดูตอนนี้สิ่ง พวกเราทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง”
ฉินสือโอวมองไปยังกลุ่มคนที่สวมชุดสูทเหล่านั้น ในกลุ่มคนพวกนั้นมีอัลเบิร์ตอยู่ในนั้นด้วย ชายลงพุงผู้ขี้ขลาดคนนั้น ขาขวากำลังเตะเข้าที่ปูนก่อสร้าง ในมือถือไม้เท้าอยู่ สีหน้านั้นหม่นหมองไม่น่าดู
เมื่อเห็นดังนั้นฉินสือโอวก็หัวเราะขึ้นมา แล้วเอ่ยทักทายอย่างมีความสุขว่า “เฮ้ เถ้าแก่อัลเบิร์ตช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ได้ยินมาว่าเท้าของคุณโดนกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีทำร้ายจนกระดูกร้าวหรือ? หันมามองหน่อยสิ ผมยังไม่ได้ไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลเลย”
“อย่าหวัง…” อีกฝ่ายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉินสือโอวตอบรับคำของตัวเองว่า “น่าเสียดายจริงๆ ทำไมกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีพวกนั้นถึงหนีบคุณให้กระดูกร้าวกันนะ? น่าจะทุบให้กระดูกแตกไปเลยจะดีกว่าไหม? ฮ่าๆๆๆ!”
บทที่ 545 ปิดฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ถ้าหากถามอัลเบิร์ตว่าคนที่เขาเกลียดมากที่สุดคือใคร คนคนนั้นจะต้องเป็นฉินสือโอวแน่นอน
ทำไมน่ะเหรอ?
อัลเบิร์ตก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนเราก็เป็นแบบนี้ ให้ความสนใจกับแววตาและอารมณ์ที่แสดงออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แววตาที่อัลเบิร์ตมองไปยังฉินสือโอวนั้นไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางดีต่อกันอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าในมุมของฉินสือโอว เขาก็รู้สึกแบบเดียวกันกับอัลเบิร์ต
หลังจากที่โดนฉินสือโอวพูดจาประชดประชัน อัลเบิร์ตก็ทำหน้าถมึงทึง เขากัดฟันพูดตอบกลับอย่างเกลียดชังว่า “หลายชาย อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ฉันถูกพวกสารเลวนั่นทำร้ายก็จริง แต่ใครจะรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับนายหลังจากนี้? วันข้างหน้านายอาจจะถูกหมากัดจนขาขาดก็เป็นได้!”
ฉินสือโอวตอบกลับด้วยความสงสัยว่า “ผมควรจะพาสุนัขตัวใหญ่ทั้งสองตัวของผมมาให้คุณเจอเสียหน่อย ผมค่อนข้างเป็นที่รักสุนัข หนุ่มหล่อก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ไม่เพียงแต่จะมีสาวสวยเข้าหา แม้แต่สุนัขก็ยังชอบผมเลย ไม่เหมือนคนแก่ที่อ้วนลงพุงเหมือนคนท้องสิบกว่าเดือนอย่างคุณ ผมขอถามหน่อยนะว่าตอนนั้นของคุณยังมีแรงอยู่หรือเปล่า? ฮ่าๆๆๆ!”
ประโยคสุดท้ายนั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก อัลเบิร์ตที่ทำงานดูแลกิจกรรมห้างสรรพสินค้ามาหลายปีนั้น โมโหจนหัวแทบระเบิด
ใช่แล้ว ตรงนั้นของเขาไม่มีแรงอีกแล้ว…
พวกของแฟรงค์นั้นมองทั้งสองอย่างงุนงง แฟรงค์ดึงฉินสือโอวออกมาแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉิน คุณใจเย็นลงหน่อย วัตถุประสงค์ของพวกเราคือการตั้งสถานีวิทยุที่นี่เท่านั้นเอง”
ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะออกมาว่า “ไม่มีประโยชน์หรอกเพื่อน ตราบใดที่ตาแก่อ้วนลงพุงคนนี้ยังอยู่พวกเราไม่มีทางสร้างที่นี่ได้ แต่ว่าเรายังโชคดีที่อีกไม่นานเขาก็จะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ฉันคิดว่าอีกไม่นาน ฟาร์มปลาแห่งนี้ก็จะเปลี่ยนเจ้าของแล้วล่ะ”
พวกของแฟรงค์ก่อนหน้านี้ทำการสร้างสถานีอยู่ที่เทือกเขา จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดในฟาร์มปลาแกธเธอริง
ช่างบังเอิญเหลือเกิน ตอนที่ฉินสือโอวเตรียมกำลังจะกลับนั้น แฮมเล็ตก็ได้เดินนำกลุ่มคนที่สวมชุดสูทหนังเข้ามาที่นี่พอดี คนเหล่านั้นถือกล้องไมค์ยาวไมค์สั้นมาครบครัน นอกจากนี้ยังสวมเสื้อกั๊กกันอีกด้วย ดูอย่างไรก็เป็นพวกนักข่าว
ชายอายุราวหกสิบปีที่ผิวขาว ผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่งยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้อัลเบิร์ต แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณสมิธ คำตัดสินจากกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาและศาลฎีกาของรัฐแลบราดอร์ตัดสินว่า อำนาจในการครอบครองฟาร์มปลาของคุณถูกเพิกถอน หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ทางรัฐบาลจะทำการเปิดประมูลฟาร์มปลาของคุณ”
แม้ว่าอัลเบิร์ตจะรู้ผลล่วงหน้ามาหลายวันแล้ว แต่การได้รับคำตัดสิน… โดยเฉพาะต่อหน้าฉินสือโอวทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก
อัลเบิร์ตไม่สนใจว่ารอบข้างเขานั้นจะมีกล้องถ่ายอยู่ เขาหยิบเอกสารนั้นมาปาทิ้ง แล้วตะโกนออกมาว่า “กรมประมงสารเลว ศาลฎีกาก็ระยำ! ฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นของฉัน! ฉันลงทุนกับที่นี่ไปมากมาย อยากจะมาเพิกถอนก็เพิกถอนไปง่ายๆ เลยเหรอ?! ฉันจะบอกพวกแกตรงนี้เลยนะ! ฉันไม่ยอม!”
หันไปยักคิ้วให้แฟรงค์ แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังพลางพูดว่า “ดูสิ ฉันบอกแล้ว ฟาร์มปลาที่นี่จะถูกเปลี่ยนเจ้าของ”
ชายผมทองมองไปยังฉินสือโอวครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับอัลเบิร์ตอย่างใจเย็นว่า “คุณสมิธ คุณสามารถไปยื่นอุทธรณ์ที่ศาลฎีกาได้ แต่ว่ากรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาและศาลฎีกานั้นได้มีการตัดสินร่วมกันแล้ว ก่อนที่จะมีการตัดสินจากศาลฎีกาอีกครั้ง คุณจะต้องทำตามการตัดสินครั้งนี้เสียก่อน”
เมื่อเขายกมือขึ้น บอดี้การ์ดหนุ่มร่างกายกำยำสองสามคนก็เข้ามาล็อกประตูใหญ่ของฟาร์มปลาทันที อัลเบิร์ตสั่งให้คนของเขาไปเปิดประตู แต่กลับไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยแม้แต่คนเดียว
เจ้าของฟาร์มปลานั้นเป็นคนน่ากลัว แต่กฎหมายของประเทศนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้ มีทั้งบอดี้การ์ดและนักข่าวเต็มไปหมด
อัลเบิร์ตตัวสั่นไปด้วยความโกรธ เขาชี้นิ้วไปที่อกของชายผมน้ำตาลทองคนนั้น แล้วพูดออกมาอย่างหยาบคายว่า “ดี ดี ดี เพื่อนยาก นายนี่มันแน่เสียจริง พวกนายเป็นคนของกรมประมงใช่ไหม? บอกฉันมาว่ารัฐมนตรีกรมประมงของพวกนายคือใคร? ฉันอยากจะถามเขาเสียหน่อยว่าเขามีอำนาจอะไรมาสั่งปิดฟาร์มปลาของฉัน!”
“ถ้าหากว่าคุณมีข้อสงสัย ก็สามารถถามผมได้เลยครับ คุณสมิธ ให้ผมได้แนะนำตัวเสียหน่อย ผมชื่อแมทธิว จิน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากรมการกระทรวงประมงชั่วคราวครับ” ชายผมสีน้ำตาลทองวัยกลางคนคนนั้นแนะนำตัวต่ออัลเบิร์ตด้วยน้ำเสียงราบเรียบ น้ำเสียงของเขานั้นนิ่งตั้งแต่เริ่มต้นจนพูดจบ
บรรยากาศรอบๆ บริเวณนั้นนิ่งสงัดไปชั่วคราว อารมณ์โมโหร้ายของอัลเบิร์ตนั้นลดลงอย่างกะทันหัน ฉินสือโอวก็ตกตะลึงเช่นกัน คนคนนี้คือรัฐมนตรีของกรมการประมงอย่างนั้นเหรอ? ปกติแล้วเขาไม่ได้อ่านข่าวหรือสนใจเรื่องเกี่ยวกับการเมือง เขาเลยไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้รัฐมนตรีกรมการประมงนั้นเป็นใคร
ประเทศแคนาดานั้นเป็นประเทศทุนนิยม ทัศนคติของรัฐบาลนั้นไม่ได้แข็งกร้าว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่างไรคำพูดของพวกเขาก็ยังน่าเชื่อถืออยู่มาก ถ้าหากว่าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามตอนนี้คืออธิการบดีกรมประมงและสัตว์น้ำ อัลเบิร์ตนั้นสามารถที่จะเมินเฉยเขาได้
แต่ว่า ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกลับเป็นรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา คนที่สามารถร่วมรับประทานอาหารกับสมเด็จพระราชินีแห่งประเทศอังกฤษได้ ค่าสินบนของเขาเล็กๆ น้อยนั้นไม่สามารถที่จะใช้กับคนของกฎหมายเหล่านี้ได้
แมทธิว จินก้มลงหยิบเอกสารขึ้นมาจากพื้น แล้วยื่นให้อัลเบิร์ตอีกครั้ง พลางพูดออกมาว่า “ถ้าหากว่าคุณมีความเห็นอย่างไรก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แต่เชิญคุณอ่านผลการตัดสินของพวกเราก่อน จากการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานของพวกเรา ใต้ท้องทะเลบริเวณน่านน้ำสำหรับเลี้ยงสัตว์น้ำที่ห่างจากฟาร์มปลาแห่งนี้ออกไปสองร้อยเมตรนั้นถูกคุณทำลายจนหมด เรือประมงของเรานั้นได้ล่องเรือไปยังน้ำลึกที่ห่างจากชายหาดเป็นระยะทางยี่สิบห้ากิโลเมตร และพวกเราก็ไม่เจอปลาเลยแม้แต่ฝูงเดียว! คุณละเมิด ‘กฎหมายการครอบครองที่ดินทำฟาร์มปลา’ ที่เป็นข้อหาหนัก พวกเราเสียใจจริงๆ แต่รัฐบาลต้องการที่จะยึดฟาร์มปลานี้คืน ”
ครั้งนี้อัลเบิร์ตไม่กล้าที่จะทิ้งเอกสารอีก เขาเพ่งมองไปยังเอกสารคำตัดสินที่อยู่ในมือ แล้วพึมพำออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่ฟาร์มปลาของฉันจะไม่มีปลาอยู่เลยสักฝูง!”
เรื่องที่เขาไม่เคยลงทุนทำฟาร์มปลามาก่อน เป็นเรื่องจริง แต่เขารู้ว่าฉินสือโอวนั้นใช้เงินลงทุนไปเท่าไรกับน่านน้ำรอบๆ นี้ แม้ว่าเขาจะเกลียดฉินสือโอวชาวจีนคนนี้มากแค่ไหน แต่เขาก็ยอมรับว่า ฉินสือโอวนั้นตั้งใจสร้างฟาร์มปลามาก เรื่องนี้ต้องยกให้เขาจริงๆ
เหตุผลที่อัลเบิร์ตนั้นกล้าทำลายพื้นที่ใต้ท้องทะเลที่อยู่ห่างไปสองร้อยเมตรนั้น เพราะเขาไม่กลัวการเข้ามาตรวจสอบของกรมประมง เพราะเขานั้นรู้ชัดเจนอยู่แล้วว่าสิ่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็คือปลา การที่มีปลาเข้ามาในฟาร์มปลาของเขานั้นก็เพราะว่าฉินสือโอวไม่ได้ใช้อวนจับปลาในการกั้นอาณาเขตฟาร์มปลาทั้งสองออกจากกัน
ตราบใดที่ฟาร์มปลาของเขามีปลาเพียงพอ เรื่องนี้ก็ไม่ถือว่าเรานั้นละเมิดกฎหมายการครอบครองที่ดินทำฟาร์มปลาและเขาก็จะสามารถสร้างบ้านริมชายหาดได้ตามที่ต้องการ
แต่กลับเห็นได้ชัดว่า แผนของเขานั้นมีบางอย่างผิดปกติ
ฉินสือโอวยักไหล่ ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก พี่อ้วน ใช่แล้ว เป็นผมเองที่ใช้เรือของกรมประมงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ อย่าพูดถึงเรื่องที่เรือของกรมประมงล่องเรือไปยังน้ำลึกที่ห่างจากฝั่ง 20 กิโลเมตร ต่อให้เป็น 200 กิโลเมตร ผมยังไม่มีปัญญาที่จะห้ามไม่ให้พวกเขาจับปลาเลย
อัลเบิร์ตนั่งอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ เขามองไปยังบ้านพักต่างอากาศที่อยู่ในฟาร์มปลาอย่างเหม่อลอย ในใจก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา…
เมื่อเรื่องจบแล้ว ฉินสือโอวก็ออกมาจากฟาร์มปลานั้นทันที และเตรียมพร้อมเข้าไปฉลองเทศกาลอีสเตอร์ในเมือง
ปรากฏว่าเมื่อเขาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็มีคนตะโกนเรียกเขา เขาหันกลับไปเห็นรัฐมนตรีแมทธิว จินจึงได้หยุดเดิน
“คุณคือคุณฉินสือโอวใช่ไหม? หลานชายของคุณเออร์บักใช่ไหมครับ?” แมทธิว จิน ยิ้มพลางถามออกมา
ฉินสือโอวพยักหน้าพลางตอบว่า “ใช่ครับ รัฐมนตรีจิน เป็นเกียรติที่ได้รู้จักคุณ”
แมทธิว จินพูดกลั้วหัวเราะว่า “ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน ผมเคยได้ยินเรื่องของคุณมาบ้าง การสร้างฟาร์มปลาอย่างแน่วแน่ของคุณนั้นช่างน่าชื่นชมจริงๆ ถ้าหากว่าเจ้าของฟาร์มปลาเอกชนในนิวฟันแลนด์มีความมุ่งมั่นเหมือนคุณล่ะก็ บรรยากาศวันคือเก่าๆ ของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ที่เคยเจริญรุ่งเรือง คงจะกลับมาอีกครั้งภายในไม่กี่ปีแน่!”
“คุณพูดเกินไปแล้ว มันเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้ว อันที่จริงผมเป็นนักธุรกิจ ผมคิดที่จะทำเงินจากฟาร์มปลาน่ะครับ”
แมทธิวหัวเราะออกมา แล้วเปลี่ยนหัวข้อ “คุณสนใจฟาร์มปลาแห่งนี้ใช่ไหม? ถ้าหากว่าคุณซื้อฟาร์มปลานี้อีกแห่ง คุณก็จะสามารถทำฟาร์มปลาล้อมรอบเกาะแฟร์เวลได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ฉินสือโอวพูดอย่างแน่วแน่ “แน่นอน ผมสนใจเป็นอย่างมาก ผมจะต้องชนะการประมูลฟาร์มปลานี้อย่างแน่นอน!”
“งั้นก็ขอต้อนรับคุณเข้าร่วมงานประมูลทรัพย์สินสาธารณะที่จะจัดขึ้นที่ศาลของมหานครเซนต์จอห์น ผมจะบอกคุณไว้ก่อนว่า ราคาของฟาร์มปลาแห่งนี้อยู่ที่ ยี่สิบแปดล้านดอลลาร์ นักอสังหาริมทรัพย์ให้ความสนใจกับฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นอย่างมาก คุณมีคู่ต่อสู้มากมายเชียวล่ะ” แมทธิวพูดกลั้วหัวเราะออกมา
บทที่ 546 แขกผู้มีเกียรติ
โดย
Ink Stone_Fantasy
แมทธิวและฉินสือโอวไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก หลังจากที่พูดคุยกันเรื่องราคาประมูลของฟาร์มปลาแกธเธอริงจบพวกเขาก็แยกย้าย
ฉินสือโอวให้ชาร์ครอไปอีกหนึ่งสัปดาห์ หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ค่อยกลับมาตั้งสถานีวิทยุที่นี่ใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าบริเวณที่ตั้งสถานียังคงอยู่ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง แต่ว่าจะเป็นส่วนไหนของฟาร์มปลานั้น อยากที่จะตั้งตรงไหนก็ตั้งได้เลย
“คุณดูมั่นใจพอสมควรเลยนะ” ชาร์คพูดกลั้วหัวเราะ
ฉินสือโอวตบบ่าของเขา แล้วพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า “เพราะฉันเข้าใจในอำนาจของตัวเองยังไงล่ะ!”
28 ล้านดอลลาร์แคนาดา? คิดเป็นเงินเท่าไรกันนะ แต่เงิน 82 ล้านนั้นเขาก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถหามันมาได้!
ตอนนี้เงินในบัตรเขามีอยู่เท่าไร ฉินสือโอวไม่เคยรู้ เขาไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกอย่างเขารู้ดีว่าหากตอนนี้เขาไม่มีจิตสำนึกโพไซดอน อย่างไรเขาก็ยังคงใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายไปได้ทั้งชีวิต
เขายังไม่ได้รับเงินจากการขายภาพวาดน้ำมันของแวนโก๊ะ หลังจากที่ขึ้นรถฉินสือโอวก็ให้เบลคโทรไปสอบถามถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ เบลคอธิบายให้ฟังว่า “เตรียมการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมด 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นายแค่เตรียมรับเงินอย่างเดียวก็พอแล้ว แต่ว่าอาฟิฟทางนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการประเมินมูลค่าภาพวาดน้ำมันอยู่เลย ต้องรอให้เขาได้รับมูลค่าสุดท้ายเสียก่อน”
“ยังประเมินไม่เสร็จอีกเหรอ?” ฉินสือโอวคำนวณเวลานี่ก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว ยังประเมินมูลค่าไม่เสร็จอีกเหรอ?
“ใช่ นายคิดว่าบริษัทเอกชนพวกนั้นแค่มองภาพแป๊บเดียวแล้วก็ประเมินราคาได้เลยเหรอ? พวกเขาต้องให้ผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์มาวิเคราะห์ภาพวาด เพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาเคมีที่สีทำกับกระดาษ และตรวจสอบเม็ดสี แต่ว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ใช้ภาพนี้โปรโมตครั้งต่อไปได้ ภาษาจีนพูดว่ายังไงนะ?”
“ย้อมแมวขายงั้นเหรอ?”
“ใช่ ประโยคนี้แหละ ตอนนี้คนนอกหลายคนคิดว่าพวกเราต้องการประมูลภาพวาดอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ จึงเป็นการดึงดูดให้คนพวกนั้นเข้าร่วมงานประมูลของเรา ใช่แล้ว งานประมูลปีนี้คุณจะมาไหม?”
“มันไม่เกี่ยวกับผมนี่ ผมจะไปทำไม?”
“ใครบอกว่าไม่เกี่ยวกับคุณ? บิลลี่ส่งสร้อยประคำมาให้หนึ่งเส้น บอกว่าเป็นของส่วนตัวของคุณ ผมจะให้คุณประมูลมัน และตอนนี้มีเศรษฐีชาวต่างชาติหลายคนให้ความสนใจกับมันอยู่”
ฉินสือโอวจำสร้อยประคำสีแดงเส้นนั้นได้ แต่ว่าสร้อยเส้นนั้นจะขายได้สักเท่าไรกันเชียว? ห้าแสน? หกแสน? ช่างเถอะ ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน ช่วงนี้เขาสนใจแต่เรื่องผลผลิตของฟาร์มปลา
งานเฉลิมฉลองในเมืองได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉินสือโอวจอดรถแล้วลงไปรวมกลุ่มกับวินนี่ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปรวมกลุ่มกับขบวนพาเหรด เขามองเห็นลายไข่ที่ดูคุ้นเคยหลายใบ เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ เอาไข่ห่านที่ตกแต่งแล้วออกมาขาย หนึ่งใบราคาห้าสิบดอลลาร์แคนาดา
“พวกนายก็ทำธุรกิจเป็นนี่น่า” ฉินสือโอวถามกลั้วหัวเราะออกมา
เชอร์ลี่ย์เปิดกล่องเงินสดอย่างเชื้อเชิญ พลางพูดขึ้นว่า “ดูสิ พวกเราขายไข่ได้สี่ใบแล้ว ไข่ของพวกเรานั้นใบใหญ่ที่สุด ราคาก็ไม่แพง ดังนั้นจะขายดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่น่า”
กอร์ดอนย่นจมูกแล้วพูดออกมาว่า “นอกจากไข่ไดโนเสาร์แล้ว ยังจะมีไข่ของใครจะใหญ่เท่าของเราอีกงั้นเหรอ?”
“มีสิ!” เชอร์ลี่ย์มองไปยังกอร์ดอนด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ยกตัวอย่างมาสิ” กอร์ดอนเถียงเชอร์ลี่ย์กลับ
ฉินสือโอวคิดว่าเชอร์ลี่ย์นั้นไม่รู้จักไข่นกกระจอกเทศ เลยคิดอยากจะเตือนเธอเสียหน่อย แต่ว่าใบหน้าของเด็กสาวโลลิต้าคนนั้นกลับมองไปยังกอร์ดอนพร้อมกับรอยยิ้มดูหมิ่น “ก็เช่นคนโง่หัวโตเหมือนไข่อย่านายไง!”
“โอเคๆ พวกเธอรีบขายไข่เถอะ จะมาทะเลาะกันอยู่ทำไม?” ฉินสือโอวหยิบเงินออกมาสิบห้าดอลลาร์ยื่นให้พวกเขาแล้วหยิบไข่มาหนึ่งใบ
เชอร์ลี่ย์ยกมือห้าม แล้วพูดออกมาว่า “ธุรกิจครั้งนี้มีคุณเป็นผู้ถือหุ้นด้วย ฉิน คุณมีส่วนในงานนี่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ พี่วินนี่และพวกเราคนละสิบเปอร์เซ็นต์ หู่จือเป้าจือแล้วก็บุชกับนิมิตส์รวมกันสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น คุณไม่ต้องจ่ายเงิน ให้หนูลงบัญชีไว้ก็พอแล้ว”
ลงบัญชี? ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง ระดับอย่างสาวน้อยโลลิต้าคนนี้ เขาไม่มั่นใจเลยว่าเธอจะสามารถจดบัญชีได้อย่างละเอียดแม่นยำ คาดว่าสุดท้ายแล้วคนที่ปวดหัวที่สุดก็น่าจะเป็นตัวของเธอเอง
เมื่อเห็นไข่ห่านที่อยู่ในมือของฉินสือโอว วินนี่ก็พูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “ขอบคุณที่ซื้อมาให้นะคะ ฉิน ฉันรักคุณนะ”
“ที่รัก ผมก็รักคุณ แต่ว่าผมไม่ได้ซื้อให้คุณหรอกนะ” ห่านใบใหญ่ที่ซื้อมานี้ ฉินสือโอวตั้งใจซื้อให้ชาร์ค การที่ต้องมาฉลองเทศกาลอีสเตอร์โดยการมาจัดการเรื่องจัดตั้งสถานีวิทยุให้เขาทั้งวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“คุณให้ผม?” ชาร์คมองไปยังฉินสือโอวอย่างตกตะลึง หลังจากนั้นก็มองไปยังวินนี่ที่มีท่าทางอารมณ์เสีย ความคิดน่ากลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาในหัว
ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง “ผมรู้ความหมายแฝงของการส่งไข่ให้กันระหว่างผู้ชาย แต่คุณอย่าเข้าใจผิด ผมต้องการแสดงความขอบคุณจริงๆ ขอบคุณพวกคุณที่ต้องมาทำล่วงเวลาในวันหยุด”
การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ที่จัดในปีนี้นั้นยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมามาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าโบสถ์ โบสถ์ที่กว้างขวางและสะอาดใหม่นั้นสร้างความเลื่อมใสให้แก่ผู้คน และทำให้ชาวเมืองรู้สึกถึงความพิเศษมากยิ่งขึ้น
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจในเรื่องของพระเยซู จึงอยู่ด้านนอกโบสถ์ชิมคัสตาร์ดหลากหลายรสชาติอยู่ข้างนอก เต็นท์เล็กๆ ถูกตั้งขึ้นในเมือง ข้างในเต็นท์นั้นมีคัสตาร์ดให้กินฟรี นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชิมได้ ไม่ต้องเสียเงิน พวกเขาสามารถกินได้ตามสบาย แต่ไม่สามารถห่อกลับบ้านได้
งานฉลองมีไปจนถึงบ่าย จากนั้นฉินสือโอวก็พาวินนี่กลับบ้านอย่างมีความสุข เมื่อเข้าไปใกล้บ้านก็เห็นหู่จือเป้าจือนั่งรออยู่ที่หน้าประตูราวกับยามเฝ้าบ้าน สายตาจ้องมองไปยังห้องโถงใหญ่อย่างระมัดระวัง
“มีแขกมา” วินนี่ยิ้มให้ฉินสือโอว ตอนนี้พวกเขารับรู้ถึงอารมณ์ของหู่จือเป้าจือได้อย่างชัดเจน
แต่เมื่อเดินเข้าประตูไป ฉินสือโอวก็ต้องตกตะลึง คนที่อยู่ในโถงนั้นคือคนที่เขาพึ่งแยกกันไม่นานนี้ แมทธิว จินรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา!
รัฐมนตรีคนนี้กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงข้ามเออร์บักและกำลังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ไม่มีท่าทางนิ่งสุขุมเหมือนที่เจอเมื่อเข้าเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นวินนี่และฉินสือโอว เออร์บักก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า “มา ฉิน วินนี่ ฉันจะแนะนำให้พวกนายรู้จัก”
วินนี่พูดออกมาเบาๆ “คนคนนี้คือรัฐมนตรีกรมการประมงคนใหม่ รีบไปตีสนิทกับเขาเร็วเข้า!”
“คุณจิน ลมอะไรพัดคุณมาถึงที่นี่เหรอ? พวกเรารู้จักกันแล้ว คุณปู่เออร์ ไม่ต้องแนะนำตัวกันหรอก” ฉินสือโอวรีบพูด ให้ตายเถอะ เป็นถึงท่านรัฐมนตรีเลยนะ หากอยู่ที่ประเทศจีนเขาจะอยู่ระดับไหนกันนะ? ระดับเดียวกับผู้ว่ามณฑลหรือว่าเจ้าหน้าที่ราชการที่ที่ตำแหน่งสูงที่สุดที่เขาเคยเจออย่างนายกเทศมนตรีกันนะ?
แมทธิวยืนขึ้นแล้วยื่นมือออกไปทักทายฉินสือโอวและวินนี่ เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “ผมแค่มาเยี่ยมอาจารย์ของผมเท่านั้น คุณเออร์บักน่ะครับ”
ฉินสือโอวนึกไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ตาของเขาเบิกกว้าง เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ มิน่าล่ะรัฐมนตรีกรมการประมงคนนี้ถึงได้รู้จักเขาและยังบอกราคาประมูลอีกด้วย เขาก็ดันไปคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ดึงดูดทั้งเพศชายเพศหญิงเสียอีก
เออร์บักพูดกลั้วหัวเราะ “หลังจากที่เรียนจบฮาร์เวิร์ดฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่ศาลทันที ฉันอยู่ที่มหาวิทยาลัยทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ก่อน แมทธิวในตอนนั้นเข้าเรียนในวิชาของฉัน เพราะว่าเขามาจากเซนต์จอห์นเหมือนกัน ดังนั้นมิตรภาพของเราจึงได้เกิดขึ้นมาทันที”
“แค่นี้น่ะเหรอ? ผมก็นึกว่าคุณจะเล่ายาวกว่านี้เสียอีก” แมทธิวทำท่าทีเสียใจออกมาต่อหน้าเออร์บัก
ฉินสือโอวยิ้มขึ้นมากับบทสนทนานั้น จากนั้นก็ลากวินนี่ออกมาแล้วพูดเสียงเบาว่า “ผมเห็นความรักระหว่างชายแก่สองคนนี้ล่ะ”
“ความรักจริงๆ ด้วย” วินนี่ก็พูดเสียงเบาเช่นกัน
เออร์บักอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ส่วนแมทธิวก็อายุหกสิบนิดๆ แต่เพราะว่าเขานั้นดูแลตัวเองดี ผมสีน้ำตาลทองของเขานั้นจึงไม่มีผมหงอกเลยแม้แต่เส้นเดียว ลักษณะท่าทางเหมือนคนที่มีพลังงานล้นเหลืออยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่า เออร์บักในตอนนี้ก็เป็นคนที่มีพลังงานล้นเหลือเช่นกัน นั้นก็เพราะฉินสือโอวคอยถ่ายพลังจากจิตสำนึกโพไซดอนให้เขาและพ่อแม่ของตัวเองเสมอ
เออร์บักนั้นถือเป็นปรมาจารย์แห่งการเจรจาต่อรอง การควบคุมบรรยากาศรอบๆ ถือเป็นความสามารถพิเศษของเขา เขาเห็นว่าฉินสือโอวและวินนี่ที่เผชิญหน้ากับแมทธิวตอนนี้นั้นมีท่าทีเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย เขาเลยเปลี่ยนหัวข้อในการพูดคุยมาเป็นเรื่องเงินชดเชยของเรือไดโตะโชวะมารุ
แมทธิวยิ้มพลางพูดออกมาว่า “พวกเขาตกลงที่จะจ่ายค่าชดเชยแล้ว ทั้งหมด 14,200,000 ดอลลาร์แคนาดา เพื่อเป็นเงินชดเชยค่าเสียหายแก่พวกเรา”
บทที่ 547 ฟาร์มเลี้ยงปลาทูน่าแห่งสุดท้าย
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อเออร์บักรู้ถึงจำนวนเงินค่าชดเชยเขาก็เริ่มให้ฉินสือโอวพูดถึงความเสียหายที่ฟาร์มปลาได้รับ เรื่องนี้จะต้องนำไปแจกแจงให้กับรัฐบาลด้วย
แม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนมาก แต่ใครบ้างที่ไม่ชอบเงิน? ฉินสือโอวรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที เริ่มจากหาปลาที่ถูกขโมยไปจากฟาร์มปลาจนมาพบกับคนและอุปกรณ์การจับปลาบนเรือไดโตะโชวะมารุ หากพูดออกมาก็เหมือนเป็นการโอ้อวดเปล่าๆ
แมทธิวพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่า “ผมขอขอบคุณจริงๆ ฉิน คุณทำประโยชน์ให้แก่ประเทศของเรา แต่ว่าผมไม่รู้จริงๆ พ่อหนุ่ม ทำไมพวกเขาถึงต้องมาถึงฟาร์มปลาของพวกคุณกัน? พวกเขายืนยันว่าพวกเขาได้รับผลกระทบการแผ่นดินไหวในทะเล แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเรือล่าวาฬที่เข้ามาในฟาร์มปลาส่วนบุคคลเพื่อที่จะมาจับปลาแฮร์ริ่งพวกนั้น”
ฉินสือโอวนั้นอยากที่จะอธิบาย แต่แมทธิว กลับพูดต่อว่า “ลูกเรือชาวญี่ปุ่นพวกนั้นบอกว่าพวกเขานั้นถูกคุณโยนความผิดมาให้ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงแน่นอน ใช่ไหมครับ?”
ชีวิตคนเราก็เหมือนการแสดงละคร และเป็นอีกครั้งที่จักพรรดิฉินก็ต้องทำการแสดง เขายักไหล่พลางพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ง่ายมากเลยครับ ท่านรัฐมนตรี เพื่อดึงดูดวาฬและฉลาม ทำให้เป็นที่จะต้องใช้เหยื่อจำนวนมาก และปลาที่เป็นเหยื่อพวกนั้นในฟาร์มปลาของผมเป็นเหยื่อที่ดีที่สุด”
แมทธิวไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ เขายิ้มออกมาพลางพูดว่า “เรื่องนี้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เรือล่าวาฬส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้เหยื่อ”
“เหมือนที่คุณพูด ว่าเป็นเพียงส่วนมากเท่านั้น อย่างไรก็ตามฟาร์มปลาของผมได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเฉพาะทางจิตใจ ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเป็นสนับสนุนการใช้กำลังแล้ว เพราะผมกังวลว่าจะมีคนแอบเขามาในฟาร์มปลาแล้วขโมยปลาของผมอีก” ฉินสือโอวพูดขึ้นมาอย่างทุกข์ใจ
นี่ไม่ใช่การแสดง ตอนนี้เขากังวลเรื่องนี้จริงๆ ชาร์คและคนอื่นๆ ต้องคอยเปลี่ยนเวรยามกันตลอด 24 ชั่วโมง นั่นก็เพราะว่ากลัวจะจะมีเรือจากรอบๆ เข้ามาขโมยปลาที่ฟาร์ม
แมทธิวพูดแนะนำว่า “ฟาร์มปลาของคุณใหญ่โตขนาดนี้ หากจะจัดการเรื่องต่างๆ คงจะยุ่งยากมาก ผมแนะนำให้คุณติดตั้งเรดาห์ทางพลเรือน ตราบใดที่มีพลังงานเพียงพอ การเฝ้าระวังฟาร์มปลาของคุณก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”
เมื่อได้เริ่มการสนทนาในหัวข้อนี้แล้ว แมทธิวที่ทำงานด้านการประมงมานับสิบปี ไม่เพียงแต่จะเข้าใจตลาดการทำการประมงเท่านั้นแต่ยังมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องการดูแลฟาร์มปลา เขาสามารถเป็นอาจารย์ให้แก่ฉินสือโอวได้เลย
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น แมทธิวก็ขอตัวกลับก่อน แต่ฉินสือโอวจะปล่อยให้เขากลับไปง่ายๆ งั้นเหรอ? หากไม่มองตำแหน่งรัฐมนตรีของเขา เขาก็เป็นลูกศิษย์ของเออร์บัก ซึ่งต้องคอยดูแลเขาเป็นพิเศษ
วินนี่ไปเก็บผักในสวน ส่วนฉินสือโอวนั้นกำลังหาข่าวที่เกี่ยวกับแมทธิว ปกติเขาไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง ดังนั้นตอนที่เจอหน้าแมทธิวครั้งแรกฉินสือโอวเลยไม่รู้จักเขา แต่วินนี่นั้นชอบอ่านข่าว เธอจึงจำแมทธิวได้
แมทธิวพึ่งจะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาในปีนี้ เขาพึ่งทำงานในตำแหน่งนี้ได้เพียงสามเดือนเท่านั้น หลังจากที่รับตำแหน่ง เขาก็มุ่งเน้นไปที่การลดภาษีให้แก่ชาวประมง และสนับสนุนให้ชาวประมงนั้นลงทุนในการประมงแบบดั้งเดิม เพราะเขาคิดว่าการพึ่งพาอำนาจของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะทำให้การประมงอันรุ่งเรืองของนิวฟันด์แลนด์เฉกเช่นในอดีตให้กลับคืนมาได้ สิ่งที่จำเป็นคือการลงจำนวนมากจากเจ้าของเรือประมง
เมื่อเห็นเชอร์ลีย่และพรรคพวกวิ่งกลับมายังฟาร์มปลาอย่างสนุกสนานแล้ว เออร์บักก็มองไปยังพวกเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วแนะนำแมทธิวให้เด็กๆ รู้จัก เขาแนะนำเด็กๆ ในฐานะลูกสาวและลูกชายบุญธรรมของตน และแนะนำแมทธิวในฐานะลูกศิษย์ของเขา ไม่ได้บอกว่าแมทธิวเป็นรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดา
เชอร์ลีย่มอบไข่ห่านที่ถูกวาดรูปนางฟ้าลงบนเปลือกให้แมทธิว แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวานใสว่า “คุณปู่แมทธิว นางฟ้าจะคอยอยู่ข้างๆ คุณ เธอจะช่วยแบ่งเบาความกดดันของคุณค่ะ”
แมทธิวยิ้มออกมา เขารู้สึกเสียใจที่ครั้งนี้เขาไม่ได้พกของขวัญติดตัวมาด้วย หากเขาได้มาที่ฟาร์มปลาอีกครั้งเขาจะพกของขวัญมาให้เด็กๆ พวกนี้อย่างแน่นอน
เมื่อฉินสือโอวได้ยินสิ่งที่เชอร์ลีย่พูดเขาก็รู้สึกว่าเด็กๆ พวกนี้ได้สร้างผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดีทีเดียว แม้ว่าแมทธิวไม่จำเป็นจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้ แต่การให้คำสัญญาก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรตอบกลับเลย อนาคตหากเขามาที่ฟาร์มปลาอีก ฉินสือโอวก็จะสามารถคิดได้ว่าเขานั้นเป็นคนไม่รักษาสัญญา
การที่มีรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาคอยหนุนหลังอยู่ แบบนี้หมายความว่าอย่างไรกันนะ? ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองนั้นเท่เป็นอย่างมาก
อาหารเย็นวันนี้ฉินสือโอวทำอาหารจีนแบบต้นตำรับในการต้อนรับท่านรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ อาหารที่เขาทำนั้นค่อนข้างมีรสชาติไม่จัดจ้าน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการปรุงเพื่อรักษารสชาติดั้งเดิมของผักไว้ ปกติแล้วคนมีอายุมักชอบทานอาหารรสชาติแบบนี้อยู่แล้ว
ผลที่ได้คือ เมื่อแมทธิวได้รับประทานอาหารเย็นเขาก็เอ่ยปากชมไม่หยุด บอกว่าฝีมือทำอาหารของฉินสือโอวนั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ ฉินสือโอวก็ถามออกมาอย่างสงสัยว่า รัฐมนตรีอย่างแมทธิวทำไมถึงมาจัดการเรื่องการปิดฟาร์มปลาแกธเธอริงด้วยตัวเองได้นะ?
“เพราะว่าช่วงนี้การประมงของนิวฟันด์แลนด์เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เรื่องเรือไดโตะโชวะมารุของคุณ ตอนนี้ยังมีเรื่องการวางยาที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงอีก สองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่นิวฟันด์แลนด์ ดังนั้นผมเลยต้องมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” แมทธิวกินผักคะน้าผัดแล้วพูดต่อว่า “แน่นอนว่า ผมเลยใช้โอกาสที่มาเป็นแขกที่ฟาร์มปลาของคุณเสียเลย นี่เป็นสิ่งที่คุณปู่เออร์ของคุณเป็นคนขอร้องผมมา ก่อนจะถึงเวลาเจรจากัน คุณปู่เออร์ของคุณบอกผมว่าเขานั้นชื่นชมและเคารพในการทำฟาร์มปลาของพวกคุณมาก ”
เกรงว่าประโยคสุดท้ายนั้นจะเป็นสาเหตุหลัก ฉินสือโอวมองไปยังเออร์บักในทันที ชายแก่ที่กำลังดื่มซุปครีมเห็ดอยู่ยักไหล่ เพื่อบ่งบอกว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เออร์บักต้องการให้ฉินสือโอวนั้นตระหนักถึงความจริงที่ว่า บ้านมีหนึ่งเฒ่า ราวกับมีเจ้าทรัพย์
เย็นวันนั้นแมทธิวกลับไปยังห้องพักที่นครเซนต์จอห์นแล้วเช้าวันต่อมาเขาก็กลับไปยังออตตาวาทันที
เนื้อหาข่าวภาคค่ำวันนั้น ได้มีการนำเสนอข่าวรัฐมนตรีกรมการประมงและมหาสมุทรแคนาดาเข้ามาจัดการปิดฟาร์มปลาแกธเธอริงด้วยตนเอง โฆษกกรมการประมงกล่าวว่า สำหรับแรงจูงใจในการวางยาที่ฟาร์มปลาของตนเองนั้น ทางกรมการประมงไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้
เป็นอีกครั้งที่ฉินสือโอวนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นในเนื้อหาข่าว หรือพูดให้ถูกคือข่าวของฟาร์มปลาของเขา แมทธิวที่มาหาเขาทันทีหลังจากที่พึ่งแยกกับเขาที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง และเออร์บักเป็นคนออกมาต้อนรับ เหตุการณ์นั้นถูกผู้สื่อข่าวถ่ายภาพไว้ได้ และรายงานว่าแมทธิว จินได้เข้ามายังฟาร์มปลาของเขาเพื่อเจรจาเป็นการส่วนตัว
ฉินสือโอวค่อนข้างรู้สึกหดหู่ใจ โอกาสที่จะถลกหนังเสือของเขาออกมานั้นมีน้อยเหลือเกิน แมทธิวคนนี้ค่อนข้างแปลก ในเมื่อเจอกับเขาที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงแล้ว ทำไมถึงไม่บอกเขาตรงๆ ว่าจะมาที่ฟาร์มปลาของเขากันนะ?
อันที่จริงเรื่องนี้เดาได้ง่ายมาก แมทธิวไม่ได้สนใจอะไรในตัวของฉินสือโอว การที่เขามาที่ฟาร์มปลาของฉินสือโอวก็เพื่อมาเยี่ยมเออร์บักเพื่อนเก่าเท่านั้น การกระทำของเขาส่งผลต่อบรรยากาศรอบๆ แน่นอน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่บอกฉินสือโอวก่อน
โลมาและปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่นำมาจากทะเลญี่ปุ่นได้มาถึงฟาร์มปลาแล้ว ทำให้ฝูงปลาทูน่าในฟาร์มขยายใหญ่ขึ้น
เมื่อถึงเวลาเข้านอน ฉินสือโอวที่เห็นฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินพวกนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีปลาทูน่าที่ถูกเลี้ยงอยู่ในฟาร์มอีกห้าแห่งในเกาะโอชิมะที่เขายังไม่ได้นำพวกมันมา
ขอเพียงแค่ เขาหาฝูงฉลามเสือเจอ เขาก็จะบังคับพวกมันให้รีบไปยังเกาะมิคุระจิมะทันที
เกาะโอชิมะเสริมกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการบุกรุก คลื่นอินฟราซาวด์ก็เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรือล่าฉลามที่ลอยอยู่บนผิวน้ำด้วยหนึ่งลำ
แต่เรือล่าฉลามนั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากเกาะมิคุระจิมะ เกาะนี้เป็นหนึ่งในเจ็ดของหมู่เกาะโอชิมะเพียงแค่ฝูงฉลามเสือฉีกอวนดักจับปลาขาดพวกมันก็เข้าไปในเกาะได้แล้ว จากนั้นก็ให้พวกมันรีบพาปลาทูน่าที่อยู่ในเกาะออกมา
เมื่อออกมาจากมิคุระจิมะ ฝูงฉลามเสือก็รีบมุ่งหน้าไปยังเกาะมิยาเกะจิมะ อวนดักจับปลาของที่ฟาร์มปลาแห่งนี้ค่อนข้างแข็งแรงและมีตาข่ายซ้อนกันสองชั้น แต่เมื่อเทียบกับฟันหน้าอันแหลมคมของฉลามเสือแล้ว ความแข็งแรงของตาข่ายพวกนั้นยังถือว่าห่างไกลนัก พวกมันฉีกขาดลงอย่างง่าย
ในที่สุด โซนาร์ของเรือจับฉลามก็จับได้ถึงฝูงฉลามเสือ ชาวประมงในเรือรีบปล่อยอวนจับฉลามลงไล่พวกมันทันที
ฉินสือโอวร่วมทำสงครามกับพวกเขา หลังจากที่ฉีกอวนตาข่ายที่เกาะมิยาเกะจิมะเป็นชิ้นๆ เหล่าฉลามเสือก็ว่ายลงไปที่ใต้ทะเล เมื่อลงไปข้างล่างคลื่นโซนาร์ก็จะไม่สามารถจับพวกมันได้ ชาวประมงบนเรือมองไปยังความว่างเปล่าที่อยู่รอบๆ แต่กลับไม่เห็นเงาของฉลามเสือเลยแม้แต่ตัวเดียว
บทที่ 548 การกลับมาของเต่ามะเฟือง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ค่าใช้จ่ายในการทำฟาร์มระบบปิดนั้นสูงมาก เมื่อเกิดปัญหา การแก้ไขก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เช่นตาข่ายพวกนี้ พวกมันถูกโยงเข้าด้วยกัน ปกติแล้วหากตาข่ายอันหนึ่งเกิดขาขึ้นมา แค่เปลี่ยนอันเดียวก็พอแล้ว
แต่ฝูงฉลามเสือนั้นพันตาข่ายหลายๆ อันเข้าด้วยกัน และนี่คือปัญหา เพราะว่าเมื่อตาข่ายจำนวนมากชำรุด การจะเปลี่ยนนั้นค่อนข้างยาก
เหล่าชาวประมงและผู้เลี้ยงสัตว์น้ำที่อยู่บนเกาะต่างพากันตะโกนโหวกเหวกออกมา แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านี้ได้ ฉลามเสือนั้นฉลาดแกมโกง พวกมันว่ายลงไปใต้ท้องทะเล เมื่อเข้าบริเวณฟาร์มปลาแล้วพวกมันก็โจมตีจากในน้ำ ทำให้อวนจับปลานั้นถูกทำลาย สร้างความเสียหายให้อวนพวกนั้นอย่างมาก
เรือล่าฉลามนั้นไร้ประโยชน์ หากฉลามเสือว่ายลงไปยังใต้ท้องทะเลแล้วล่ะก็ คลื่นโซนาร์จะไม่สามารถหาพวกมันเจอได้ ทำให้ไม่สามารถใช้อวนจับปลาจับพวกมันได้เช่นกัน
ยังเหลือตาข่ายของฟาร์มปลาอีกห้าแห่งที่ต้องทำลาย ฝูงฉลามเสือพาฝูงปลาทูน่าหนีออกมาพร้อมกัน ทั้งสองฝ่ายไม่ได้รุกล้ำกันและกัน ฉินสือโอวได้สั่งให้ฝูงฉลามเสือปล่อยฝูงปลาทูที่บริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ แล้วเขาก็รอให้ฝูงปลาทูว่ายกลับมาเอง
เมื่อกลับมาถึงฟาร์มปลาเขาก็มองดูฝูงปลาเหล่านั้น ฝูงปลาอีโต้มอญก็มายังฟาร์มปลาของเขาด้วยเช่นกัน เมื่อปลาสีสันสดใสพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นที่ฟาร์มปลา มันก็เป็นตัวจุดชนวนเรื่องวุ่นวายเล็กๆ ขึ้นทันที ปลาแฮร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรลและปลาตัวเล็กตัวอื่นๆ นั้นเมื่อเห็นผู้ล่าเป็นครั้งแรก พวกมันก็ว่ายหนีกันอย่างอลหม่าน
ฝูงปลาอีโต้มอญไม่ได้สนใจปลาเล็กๆ พวกนั้น พวกมันอาจจะรู้ว่าอย่างไรพวกมันก็ตามไปไม่ทันอยู่แล้ว พวกมันจึงทำเพียงว่ายไปมารอบๆ บริเวณฟาร์มปลา เมื่อพวกมันเห็นทุ่งสาหร่ายทะเลจำนวนมาก พวกมันก็รีบพุ่งตัวเข้าไปยังในกอสาหร่ายพวกนั้นอย่างมีความสุข
ตอนนี้ฉินสือโอวได้เข้าใจนิสัยของปลาอีโต้มอญพวกนี้แล้ว เพราะว่าสีสันของพวกมันค่อนข้างโดดเด่น ดังนั้นการล่าอาหารในบริเวณโล่งแจ้งนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงหาอะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวไปมาในน้ำได้ และเข้าไปซ่อนตัวใต้สิ่งเหล่านั้นแล้วรอให้เหยื่อว่ายเข้ามาหาเอง
พอเห็นแบบนี้ เจ้าปลาอีโต้มอญก็ไม่ต้องลงแรงอะไรก็สามารถลิ้มรสอาหารได้เลย ช่างเป็นการเอาเปรียบและไม่ยุติธรรมที่สุด ฉินสือโอวกังวลว่าปลาพวกนี้หากอยู่ในฟาร์มปลาของเขาอาจจะหิวตายได้ เพราะว่าจิตสำนึกโพไซดอนนั้นได้ทำให้ปลาทุกตัวที่อยู่ที่นี่นั้นฉลาดขึ้นเล็กน้อย หากเวลาล่วงเลยไปสักพักเกรงว่าพวกมันจะรู้ว่าทุ่งสาหร่ายทะเลนั้นอันตรายจนไม่เข้าใกล้อีก
ปลาที่อาศัยสาหร่ายทะเลพวกนั้นไม่ได้มีเพียงปลาตัวเล็กๆ แต่ยังมีปลาขนาดใหญ่ด้วย ก่อนหน้านี้พวกปลาอีโต้มอญสร้างความวุ่นวายให้ปลาตัวอื่นๆ เป็นอย่างมาก บอลหิมะ ไอซ์สเกตรวมถึงบีนทั้งสามตัวต่างรับรู้ถึงการปรากฏตัวของฝูงปลาอีโต้มอญ แต่ว่าบอลหิมะและไอซ์สเกตได้สนใจ ส่วนบีนที่กำลังหิวอยู่นั้น ได้พุ่งตัวเข้าไปหาพวกมันทันที
โลมาปากขวดพุ่งลงมาไม่นานก็ไปโผล่ที่ใต้กอสาหร่ายแล้ว มันมองไปยังปลาอีโต้มอญตัวอ้วนตัวหนึ่ง ด้วยท่าทางที่เหมือนกับลูกธนูที่กำลังพุ่งออกไป
ปลาอีโต้มอญตัวนั้นไม่สามารถหนีไปไหนได้ มันจึงถูกบีนกัดเข้าทันที ฉินสือโอวที่กำลังจะเข้าไปห้ามบีนนั้น เขากลับเห็นว่าปลาอีโต้มอญที่อยู่ในปากของบีนนิ่งสนิทไปเสียแล้ว คาดว่าน่าจะถูกกัดตายไปแล้ว เขาคงทำได้เพียงปล่อยมันไป
บีนลากปลาอีโต้มอญออกไปหลายร้อยเมตร เมื่อมันรู้สึกว่าเหยื่อที่อยู่ในปากไม่ขยับแล้ว มันก็คายออกมา หลังจากที่ว่ายน้ำวนดูปลาอีโต้มอญตัวนั้นอยู่สองสามแล้วเห็นว่ามันตายแล้วจริงๆ บีนก็จากไปอย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก
หลังจากที่เห็นว่าบีนได้จากไปแล้ว ปลาอีโต้มอญที่เหมือนตายไปแล้วนั้นก็สะบัดหางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่ารอบด้านไม่มีศัตรูอยู่แล้วมันจึงอย่างว่ายกลับไปยังกอสาหร่ายอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความสบายใจ
ฉินสือโอวมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ปลาอีโต้มอญพวกนี้ไม่ได้โง่เหมือนท่าทางของมันเลยสักนิด กลับกันมันกลับแกล้งตายเพื่อให้รอดพ้นจากการฆ่าของโลมาอีกด้วย ถือว่าฉลาดใช้ได้เลย
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สัตว์ในธรรมชาตินั้นจะแกล้งตายเพื่อหลบหนีศัตรู เนื่องจากว่าสัตว์หลายสายพันธุ์นั้นไม่กินของเน่าเสีย เพราะเนื้อสัตว์ป่าที่เน่าเปื่อยนั้นมีเชื้อโรคแบคทีเรียและไวรัสปะปนอยู่มากมาย เมื่อกินเข้าไปจะทำให้ไม่สบายได้ง่าย แต่สำหรับสัตว์ทะเลที่มีความสามารถเช่นนี้นั้นพบเจอได้น้อยมาก พูดง่ายๆ คือ พวกมันไม่มีสมอง แต่ปลาอีโต้มอญกลับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีความสามารถนี้
ความสามารถในการหนีโลมาของมันนั้นถือว่าใช้ได้เลย ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อโลมาจับเหยื่อได้พวกมันจะชอบเล่นกับอาหารของตัวเองก่อน หลังจากที่บีนจับปลาเล็กๆ นั้นมันก็ชอบว่ายพาอาหารของตัวเองไปยังบนผิวน้ำ จากนั้นก็โยนอาหารพวกนั้นขึ้นให้หล่นลงมาใส่ปากพอดี
แต่หากเหยื่อของมันตายแล้ว โลมาพวกนั้นก็จะเลิกสนใจทันที พวกมันกินแต่อาหารสดๆ เช่นเวลาที่มันกินปลาค็อดและปลาแซลมอนซ็อกอาย พวกมันก็จะอ้าปากกินเหยื่อของมันเข้าไปทั้งที่ยังเป็นๆ อยู่ไม่เหมือนพวกฉลามเสือที่ต้องกัดเหยื่อให้ตายก่อนแล้วค่อยกลืนลงไป
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ฟาร์มปลานั้นอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย ปลาที่ออกไปลาดตระเวนในท้องทะเลส่วนใหญ่ได้กลับมาที่ฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวยังเห็นฝูงเต่ามะเฟืองที่ไม่ได้เห็นมานานแล้วอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวได้บังคับให้ฝูงเต่ามะเฟืองอยู่แต่ในฟาร์มปลา ปรากฏว่าเต่าโตเต็มวัยพวกนั้นไม่มีการผสมพันธุ์เกิดขึ้นเลยสักครั้ง เขานั้นจนปัญญา จนสุดท้ายก็ทำได้เพียงปล่อยพวกมันให้ออกไปที่อื่น หลังจากนั้นเต่าตัวเต็มวัยพวกนั้นออกไปจากฟาร์มปลาไปช่วงฤดูใบไม้ร่วง คาดว่าพวกมันคงจะมุ่งหน้าไปยังซีกโลกใต้เพื่อจำศีล ท้ายที่สุดแล้วจึงเหลือเพียงพวกมันไม่กี่ตัวที่กลับมายังฟาร์มปลา
ตอนที่ฉินสือโอวไปสังเกตการณ์อยู่ที่บริเวณปากทางแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลนั้น เขากลับเห็นฝูงเต่ามะเฟืองขนาดใหญ่กำลังกินอาหารอยู่บริเวณปากแม่น้ำ นอกจากนี้ในฝูงเต่ามะเฟืองนั้นยังมีลูกเต่าตัวขนาดเท่าฝ่ามือปะปนอยู่ในนั้นด้วย ลูกเต่าพวกนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก พวกมันไม่สามารถว่ายน้ำเองได้ พวกมันจึงทำได้เพียงเกาะกระดองของพ่อแม่มาที่นี่เท่านั้น
เมื่อเห็นฝูงเต่ามะเฟืองตัวเล็กๆ กลับมาด้วย ฉินสือโอวก็ดีใจเป็นอย่างมาก เฮ้อ เจ้าพวกนี้ต้องให้ย้ายถิ่นฐานไปก่อนถึงจะผสมพันธุ์แล้ววางไข่ได้จริงๆ ด้วย ดูเหมือนว่าก่อนหน้าที่พวกมันออกจากฟาร์มปลาไปไม่ได้เป็นเพราะว่าพวกมันไม่ชอบฟาร์มปลา แต่เพื่อไปผสมพันธุ์นี่เอง
ตอนนี้พวกมันผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว พวกมันจึงพาครอบครัวกลับมายังฟาร์มปลาต้าฉิน ฉินสือโอวนับจำนวนพวกมันคร่าวๆ ฝูงเต่ามะเฟืองรวมทั้งตัวเล็กตัวใหญ่แล้วมีราวๆ สี่ห้าสิบตัว ฝูงเต่ามะเฟืองนั้นปรากฏตัวที่ฟาร์มปลาอีกครั้งแล้ว
เต่ามะเฟืองนั้นกินและขายไม่ได้ แต่ว่าพวกมันนั้นสำคัญต่อฟาร์มปลาเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าพวกมันสามารถกินแมงกะพรุนได้ ขอเพียงพวกมันอยู่ที่นี่ ฟาร์มปลาก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แมงกะพรุนปกคลุมน่านน้ำแน่นอน
เมื่อมองไปยังลูกเต่ามะเฟืองที่ตัวนิ่มๆ นั้น ฉินสือโอวก็ถ่ายทอดพลังจิตสำนึกโพไซดอนให้อย่างมีน้ำใจ เต่ามะเฟืองพวกนั้นมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งสามารถฝึกมันให้เป็นผู้นำได้
เหล่าเต่ามะเฟืองเหล่านั้นถือเป็นต้นแบบของแรงงานที่สุขุมรอบคอบเป็นอย่างมาก หลังจากที่พวกมันได้รับพลังจิตสำนึกโพไซดอน เหล่าเต่ามะเฟืองทั้งตัวเล็กใหญ่ก็พากันไปทำความสะอาดแมงกะพรุนที่อยู่บริเวณน่านน้ำของฟาร์มปลา
แม้ท่าทางของพวกมันนั้นดูเงอะงะ แต่สายตาของมันนั้นเฉียบคม ฉินสือโอวไม่สามารถมองเห็นเหล่าแมงกะพรุนสีใสๆ นั้นได้อย่างชัดเจน แต่พวกเต่ามะเฟืองสามารถเห็นได้ในทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกินพวกมัน
กระดองเต่าของเต่ามะเฟืองนั้นสามารถยาวได้ถึงหนึ่งเมตรกว่า ปากของมันเต็มไปด้วยฟันซี่เล็กเรียงกันอย่างหนาแน่น เวลาที่มันล่าเหยื่อนั้นช่างน่ากลัวเป็นอย่างมาก ในตอนที่ฝูงเต่ามะเฟืองกำลังล่าเหยื่ออยู่นั้นพวกมันก็เจอกับฝูงหมึกกระดองที่กำลังล่าเหยื่ออยู่เช่นกัน
ฉินสือโอวได้พาลูกหมึกกระดองมายังฟาร์มปลาอยู่สองสามครั้ง หนึ่งปีมาแล้ว หมึกกระดองพวกนี้โตขึ้นมากแล้ว การเจริญเติบโตของพวกมันนั้นเร็วไม่เท่ากับปลาค็อด แต่เมื่อเทียบกับปลาพวกแฮร์ริ่ง และซาบะแล้วถือว่าเร็วกว่ามาก หมึกกระดองตัวโตเต็มวัยนั้นสามารถยาวได้ถึงครึ่งเมตรเลยทีเดียว
เดิมทีหมึกกระดองพวกนี้กำลังกินอาหารอยู่ รูปร่างของพวกมันนั้นเหมือนกับป้ายไฟแอลอีดี สีของพวกมันมีหลากหลาย แต่ละตัวมีสีที่แตกต่างกัน สีสันมากมายพวกนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน
ฉินสือโอวได้สังเกตมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาคิดว่าเป็นสีพิเศษที่เกิดขึ้นจากการกินอาหารในแต่ละครั้ง ตอนนี้จิตสำนึกโพไซดอนนั้นมีความสามารถในการรับรู้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตแล้ว เขาจึงได้รู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เวลาที่หมึกกระดองพวกนี้มีความสุขสีบนตัวของมันก็จะมีสีสันอย่างที่เห็น
แต่เมื่อพวกมันเข้าใกล้กับฝูงเต่ามะเฟือง สีสันสวยงามของหมึกกระดองก็หายไปทันที สีพวกนั้นถูกแทนที่ด้วยแถบสีขาวดำราวกับม้าลาย สามารถเห็นถึงแรงอาฆาตที่ส่งออกมา
แต่เหล่าเต่ามะเฟืองนั้นไม่มีการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้น พวกมันไม่สนใจหมึกกระดองเลยสักนิด และยังคงมองหาแมงกะพรุนต่อไป
เหล่าหมึกกระดองคิดว่าเหล่าเต่ามะเฟืองมาแย่งเหยื่อของตนเอง ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนสีให้น่ากลัวนั้นจะไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้ พวกมันทำได้เพียงใช้ความสามารถของตนเองเท่านั้น อย่างการพ่นหมึกสีดำออกมาจากปาก พวกมันหดท่อที่อยู่ตามหนวดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พ่นน้ำจากท้องออกมาจากรูพวกนั้นอย่างรุนแรง มันใช้แรงดันนี้ในการพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อหลบหนี
เหล่าเต่ามะเฟืองไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย พวกมันยังคงว่ายน้ำไปข้างหน้า เรียกได้ว่าพวกมันนั้นใจเย็นเป็นอย่างมาก
…………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น