หมอดูยอดอัจฉริยะ 528-531
ตอนที่ 528 ได้พบกัน (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่จริงโรงแรมที่ซ่งเวยหลันพักห่างจากบ้านของเยี่ยเทียนไม่ไกลมากนัก อยู่ตรงเจี้ยนกัวเหมินนี่เอง ใกล้กับลานกว้างเทียนอานเหมินกับพระราชวังต้องห้าม ถ้าไปทางลัดเยี่ยเทียนสามารถเดินโดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
รถแท็กซี่จอดที่หน้าประตูโรงแรม พนักงานบริกรเดินมาเปิดประตูรถให้ แต่พอเห็นหน้าเยี่ยเทียนที่เป็นคนจีน สีหน้าเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ในช่วงนั้นประเทศจีนยังไม่นิยมการให้ทิป
แต่”ปรมาจารย์เยี่ย”อารมณ์ดี และอยู่ที่เกาะฮ่องกงมาหลายวันทำให้ทราบถึงธรรมเนียบการให้ทิปแก่พนักงานบริการ จึงหยิบแบงก์100ดอลล่าร์ฮ่องกงออกมาและยื่นออกไป
“ขอบพระคุณคุณผู้ชายครับ ขอเชิญทางนี้ครับ!”
พนักงานบริกรประตูที่ได้รับทิปก็ดีใจเหมือนโลกสดใสขึ้นมาทันที และนำทางเยี่ยเทียนเข้าไปยังด้านในของโรงแรม
แต่คนขับรถแท็กซี่กลับไม่พอใจเท่าไหร่ ตนเองขับรถมาตลอดทางยังสู้คนเปิดประตูไม่ได้เลย ไอ้หนุ่มนี่กำลังคิดว่าไปเรียนภาษาอังกฤษและมาเป็นพนักงานเปิดประตูซะเลยดีมั้ย?
“คุณผู้ชาย โชคดีครับ!”
พนักงานบริกรรีบกดลิฟต์ชั้น18ให้เยี่ยเทียน หลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง เยี่ยเทียนยกมือข้างขวาที่ถือของไว้ขึ้นมา ข้อกระดูกที่ซีดขาวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าในใจของเขาไม่ได้นิ่งเหมือนใบหน้า
“ดิ้งดุง!”
ลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นที่18 เยี่ยเทียนหายใจเข้าเฮือกใหญ่และก้าวออกไป แต่เพิ่งก้าวออกไปทันใดนั้นก็ถูกคนกั้นไว้
“ขอโทษด้วยครับคุณผู้ชาย เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ผู้ที่จะขึ้นมาชั้นนี้ จะต้องทำการบันทึกข้อมูลส่วนตัวของคุณครับ!”
ชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูทใส่เนคไทกำลังแสกนใบหน้าของเยี่ยเทียน ดูเหมือนจะคิดว่าเขาเป็นคนร้ายหรือเปล่า
โรงแรมต่างชาติแห่งนี้บริหารจัดการโดยคณะกรรมการของโรงแรมแชงกรีล่า เคยต้อนรับผู้นำประเทศผู้นำรัฐบาลหลายสิบคน ฉะนั้นจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากที่สุด ห้องชุดประธานาธิบดีชั้นนี้ได้ติดตั้งกำลังป้องกันความปลอดภัยโดยเฉพาะเอาไว้
ในจุดที่ห่างจากชายชุดสูทสีดำไม่ไกลเท่าไหร่นัก ยังมีสาวต่างชาติผมทองตาสีฟ้าสวมชุดเซ็กซี่อีกหนึ่งคน ที่สงสัยตัวเยี่ยเทียนเช่นกัน และในสายตายังแสดงออกถึงความตกใจเล็กน้อย
“โอเค นี่คือบัตรประจำตัวของผม ผมมาเยี่ยมคุณผู้หญิงซ่งเวยหลันที่พักห้องชุดประธานาธิบดีครับ!” เยี่ยเทียนหยิบบัตรประจำตัวประชาชนออกมาให้แก่คนหนุ่มคนนั้น
“เยี่ยเทียน? ทำไมมีแต่คนแซ่เยี่ยมาหาผู้หญิงคนนั้น?”
การ์ดรักษาความปลอดภัยพึมพำอยู่ตรงนั้น เขามาทำงานที่หลายปี เคยเจอคนใหญ่คนโตมาพักที่ห้องชุดนี้ไม่น้อย แต่ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาอยู่กลับแปลกๆ
หลังจากคุณผู้หญิงซ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่วัน มีคนมาหาอย่างไม่ขาดสาย และมีหลายคนเป็นถึงมหาเศรษฐีที่การ์ดรักษาความปลอดภัยคนนี้ก็รู้จักด้วย
แต่ทุกคนเหมือนกันหนึ่งอย่าง ก็คือ ไม่สามารถเข้าไปห้องชุดได้เลยสักคน ทุกคนถูกคุณผู้หญิงซ่งให้ยืนอยู่ด้านนอกทั้งหมด
มีเพียงชายสองคนเท่านั้นที่เข้าไปข้างในห้องนั้น คนที่หนึ่งคือนายท่านซ่งที่เพิ่งลงจากตำแหน่งผู้นำ กับอีกหนึ่งคนก็คือชายวัยกลางคนที่แซ่เยี่ย
คนอย่างซ่งเฮ่าเทียนสามารถพบเจอคุณผู้หญิงซ่งผู้ลึกลับท่านนี้ได้เป็นเรื่องที่ไม่แปลกสำหรับการ์ดรักษาความปลอดภัย
แต่คนที่หน้าตาธรรมดาอย่างเยี่ยตงผิงสามารถเข้าออกห้องนั้นได้อย่างอิสระ ทำให้เขามีความสงสัยเพิ่มขึ้นมากมาย ตอนนี้พบเยี่ยเทียนอีก ชายหนุ่มที่ออกจากองทัพและเข้ามาทำงานที่โรงแรมยิ่งไม่เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก
“คุณชายรอก่อนนะครับ ผมต้องแจ้งให้คุณผู้หญิงซ่งทราบก่อน!”
การ์ดรักษาความปลอดภัยบันทึกข้อมูลของเยี่ยเทียนเสร็จ กำลังจะหันตัวกลับไป ก็ได้ยินดังชัดดังขึ้นมาจากข้างหลังว่า “ไม่ต้องแจ้วแล้ว เดี๋ยวฉันพาเขาไปเอง!”
เสียงนี้ทำให้เยี่ยเทียนต้องมองตามเสียงไป เขาตะลึงไปทีเดียว หากไม่ใช่เพราะคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้า เยี่ยเทียนไม่กล้าคิดเลยว่าเสียงอันคุ้นเคยนี้ดังออกมาจากเธอ
คนที่เอ่ยปากพูดเป็นผู้หญิงต่างชาติที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก หลังจากเยี่ยเทียนเข้ามาในตึกแล้ว สายตาของเธอไม่เคยเอาออกจากตัวเยี่ยเทียนเลยแม้แต่น้อย
“ครับ คุณหนูแอนนา” การ์ดรักษาความปลอดภัยตอบรับ และหลีกทางให้กับเยี่ยเทียน
“คุณหนูแอนนาใช่ไหมครับ? นำทางเลยครับ!”
หลังจากยืนอยู่ข้างๆแอนนา เยี่ยเทียนเพิ่งพบว่ารูปร่างของผู้หญิงคนนี้สูงกว่าที่สายตาของเขากะไว้อีกหลายเซ็นติเมตร เท้าที่ใส่รองเท้าพื้นเรียบเกือบจะสูงพอๆกับตัวเองแล้ว
ที่ยิ่งกว่าคือ รูปร่างของสาวต่างชาติคนนี้ไม่ได้ดีขนาดนั้น หน้าอกสองข้างที่เหมือนจะทะลุเสื้อหนังออกมา มองจนเยี่ยเทียนยังเวียนหัว
“โอเค!” แอนนามองเยี่ยเทียนอีกครั้งแต่ไม่ได้พูดอะไร จึงหันตัวกลับไปเดินนำหน้าและให้รูปร่างสมส่วนของเธออยู่ข้างหน้าเยี่ยเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยใดๆ
“ฉันคือแอนนา ช่วยเปิดประตูให้ด้วยค่ะ!”
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องชุดประธานาธิบดีที่ทำจากไม้จันทน์ แอนนากดกริ่งประตู สิ่งที่เยี่ยเทียนยังไม่เข้าใจคือผู้หญิงคนนี้ไม่แนะนำตัวว่าเป็นใคร
“มาแล้ว!” เสียงชายวัยกลางคนดังออกมา
ระหว่างที่รอประตูเปิดออก แอนนาถอยหลังไปหนึ่งก้าว หน้าอกสองข้างหยุดอยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียน และกระซิบกับเยี่ยเทียนว่า “เจ้านายคิดถึงคุณมาก ดูรูปของคุณและร้องไห้ประจำ คุณอย่าทำให้เจ้านายเสียใจนะ!”
ไม่ว่าสาวต่างชาติคนนี้จะมีความสัมพันธ์กับแม่อย่างไร แต่เยี่ยเทียนฟังออกว่าในคำพูดของเธอมีความห่วงใยต่อซ่งเวยหลัน จึงพยักหน้าตอบรับไปว่า “ครับ ขอบคุณครับ!”
“เยี่ย……เยี่ยเทียน เป็น……ลูกเองเหรอ?”
หลังจากประตูเปิดออก เยี่ยตงผิงที่ยืนอยู่หน้าประตูตะลึงไปเล็กน้อย แม้ว่าเมื่อวานจะตะโกนใส่ลูกชายไป แต่จากการรู้จักตัวของลูกชายเป็นอย่างดีนั้น เยี่ยเทียนน่าจะลังเลและคงอีกหลายวันกว่าจะกลบมา?
เมื่อกี้เยี่ยตงผิงยังปลอบภรรยาให้เวลาเยี่ยเทียนสักหน่อย สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือเพิ่งวางสายกันไป12ชั่วโมงเท่านั้น ลูกชายที่ตัวอยู่ไกลถึงฮ่องกงมายืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลยสักนิด
“แอนนา ใครเหรอ? ไม่ได้พูดว่าห้ามพาคนเข้ามาเหรอ?”
เสียงแฝงความขี้เกียจเล็กน้อยจากซ่งเวยหลันดังขึ้น สถานะของเธอเมื่ออยู่ในบางวงการของประเทศจีนไม่ถือว่าเป็นความลับใดๆ ฉะนั้นหลังจากที่กลับมาถึง การพบปะพูดคุยบางอย่างทำให้เธอเบื่อหน่ายที่สุด จึงได้ส่งแอนนากันแขกตั้งแต่หน้าประตูลิฟต์
“ตุบ!!”
เมื่อซ่งเวยหลันมองเห็นเยี่ยเทียนผ่านไหล่ของเยี่ยตงผิง แก้วน้ำชาที่อยู่ในมือก็ตกลงที่พื้น การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของลูกชาย ทำให้ซ่งเวยหลันอึ้งไปหมด
เมื่อเห็นภาพนี้ แอนนาที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ปิดประตูห้องอย่างเบาๆ แอนนาติดตามซ่งเวยหลันมา10กว่าปี รู้ดีว่าในใจของเธอมีความเสียใจและคาดหวังแค่ไหน
มองดูชุดกระโปรงสีเหลืองเรียบๆของซ่งเวยหลัน เยี่ยเทียนก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน นี่…..นี่คือแม่เหรอ?
แม่ผู้เข้ามาอยู่ในฝันของเยี่ยเทียนตั้งแต่เด็ก ใบหน้าที่เบลอมาตลอดเวลา เยี่ยเทียนที่รู้เกลียดแม่ในตอนนั้น คิดเสมอว่าเพราะแม่หน้าตาไม่สวยพอ
ฉะนั้นผู้หญิงที่อ่อนน้อบจนดูเหมือนอ่อนแอคนนี้. ทำให้เยี่ยเทียนไม่เชื่อว่าเขาคือแม่ของตน ริมฝีปากที่สั่นไม่หยุด และพูดคำนั้นออกมาไม่ได้สักที
“ไอ้เด็กนี่ เจอแม่แล้วทำไมไม่เรียกล่ะ?!”
ฝ่ามือของเยี่ยตงผิงตบไปที่หัวของลูกชาย แม้จะลงแรงหนักพอควร แต่แรงตบที่เยี่ยเทียนรู้สึกได้กลับเบามาก เพราะในเวลานี้ตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา
ตั้งแต่เด็ก เยี่ยตงผิงรู้สึกผิดต่อลูกชายมาตลอด
โดยเฉพาะครั้งแรกที่ลูกชายถามถึงแม่ว่าอยู่ไหนแล้วตีลูกชายอย่างแรง จากนั้นเยี่ยเทียนก็ไม่ถามถึงแม่ของเขาอีกเลย ทุกครั้งที่พ่อแม่คนอื่นพาลูกของพวกเขาไปเที่ยว ในใจของเยี่ยตงผิงเหมือนมีดทิ่มแทงหัวใจอย่างนั้น
ฉะนั้นภาพที่ปรากฏตรงหน้านี้ เยี่ยตงผิงรอมาแล้วกว่า 20 ปี ให้เด็กได้พบเจอแม่ตามที่หวัง เป็นความหวังที่มากกว่าการอยู่ร่วมกันของเขากับภรรยาเสียอีก
“ตงผิง ห้าม……ห้ามตีลูก!”
มองเห็นเยี่ยตงผิงตบลูกชาย ซ่งเวยหลันรู้สึกตื่นทันที เหมือนดั่งแม่สิงโตที่ปกป้องลูกน้อยและพุ่งเข้ามาผลักเยี่ยตงผิงออกไปอย่างแรง น้ำตาที่เอ่อล้นปิดบังการมองของเธอไปหมดแล้ว
“ผม….คุณ พ่อ….”
มองเห็นน้ำตาของพ่อกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ใจที่แข็งอย่างเหล็กของเยี่ยเทียนกลับอ่อนระทวยขึ้นมาทันที ใบหน้าของซ่งเวยหลันค่อยๆผสานกับภาพของแม่ที่อยู่ฝันของเขา
“ลูก……ลูก แม่……แม่ขอโทษ!”
ผู้หญิงที่แข็งแกร่งแค่ไหน เวลาที่เจอหน้าลูกชายที่หายไปกว่า 20 ปี ก็จะแสดงออกมาอย่างที่ซ่งเวยหลันกำลังทำอยู่ ความรู้สึกที่ว้าเหว่ถูกหลอกมาตลอด ตอนนี้กลับทำให้เขาอ่อนแอยิ่งกว่า
“เวยหลัน ขา……ขาของคุณทำไมมีเลือด?”
เยี่ยตงผิงที่ถูกภรรยาผลักออกไป จู่ๆก็เห็นรอยบาดที่ขาของซ่งเวยหลัน เลือดที่กำลังไหลลงเท้าทำให้เขาตกใจขึ้นมา
“อะไรนะ?”
เยี่ยเทียนได้ยินก็ตกใจเหมือนกัน ก้มมองลงไป เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเลือดแล้วรู้สึกแสบตามาก เขาไม่คิดอะไรมากและใช้มือขวาอุ้มตัวของซ่งเวยหลันขึ้นมาในทันที
“ไอ้เด็กนี่ นี่….นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำสิ?”
มองเห็นลูกชายอุ้มภรรยาไปยังโซฟา คิดจะแย่งอุ้มแต่ก็ได้อุ้มเพียงแค่ในอากาศอย่างเยี่ยตงผิง ยังคิดว่าลูกชายเป็นก้างขวางคอ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง?
“คุณไม่น่าเป็นอะไร แค่แก้วชาถูโดนเล็กน้อย ไม่ต้องห่อก็ได้ครับ!”
หลังจากวางซ่งเวยหลันลงที่โซฟา เยี่ยเทียนตรวจสอบบาดแผลอย่างละเอียดและโล่งใจในทันที พูดถึงก็แปลก ทั้งห้องมีแค่ตรงหน้าประตูที่ไม่มีพรม แล้วยังทำให้ซ่งเวยหลันเป็นแผลอีก
“แม่……แม่ไม่เป็นไร ลูก ลูกไม่ให้อภัยแม่เหรอ?”
ตอนที่ถูกลูกชายอุ้มขึ้นมา ใจของซ่งเวยหลันเต้นแรงเหมือนหญิงสาวอายุ 18 แต่หลังจากที่ได้ยินเยี่ยเทียนใช้สรรพนามนั้นเรียกตน ซ่งเวยหลันจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“คุณ” เป็นสรรพนามที่เป็นทางการ แต่เมื่อเทียบกับความคาดหวังของซ่งเวยหลันแล้วค่อนข้างผิดหวัง มองดูลูกชายที่ไม่ยอมเรียกตนว่าแม่ น้ำในตาของซ่งเวยหลันก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“เอ่อ…..เอ่อ คุณอย่างไห้สิ พ่อ……” เยี่ยเทียนไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากพ่อ
…………………….
ตอนที่ 529 พร้อมหน้าพร้อมตา
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไอ้เด็กนี่ ปกติแกเก่งนักไม่ใช่เหรอ?”
เยี่ยตงผิงกำลังไม่พอใจกับลูกชายที่อุ้มภรรยาเมื่อสักครู่ ไม่สนใจคำขอความช่วยเหลือของเยี่ยเทียน และหันหัวไปอีกทาง ส่วนน้ำตากลับไหลลงแก้มไม่หยุด
แม้ลูกชายไม่เรียกแม่ แต่การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสามคนเยี่ยตงผิงรอมานานกว่า 20 ปี ในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนน้ำหลากที่ไหลอยู่ในใจ ความรู้สึกปลดปล่อยออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“เยี่ยเทียน ลูก…..ลูกไม่ให้อภัยแม่เหรอ?”
ซ่งเวยหลันน้ำตาไหลไม่หยุด ในความทรงจำมีแต่ภาพเยี่ยเทียนที่อ้วนตุ้ยนุ้ย เธอรู้ว่าตัวเองพลาดช่วงชีวิตที่สำคัญของลูกชายไปกว่า 20 ปี ไม่มีสิ่งใดสามารถชดเชยได้
“ผม…..คุณให้ผมนิ่งก่อนได้มั้ยครับ?”
เยี่ยเทียนพูดไม่ออกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ตั้งแต่เด็กเขาชินกับการใช้ชีวิตกับพ่อสองคน แม้ในความทรงจำจะมีรูปลักษณ์และรูปร่างของแม่บ้าง แต่การมาเจอกะทันหันเช่นนี้เยี่ยเทียนรู้สึกไม่ใช่ความจริง ยังคงรู้สึกเหมือนกำลังฝัน
“โอเค….โอเค ไม่เป็นไร ไม่รีบ”
ใบหน้าของซ่งเวยหลันเต็มไปด้วยรอยน้ำตา แต่ยังคงปลอบใจลูกชายอยู่อย่างนั้น ส่วนเยี่ยตงผิงที่กำลังใช้กระดาษฆ่าเชื้อเช็ดแผลของตนอยู่นั้น กลับไม่สนใจเลยสักนิด
เยี่ยเทียนลุกขึ้นอย่างช้าๆ เดินไปตรงหน้าต่างของห้องนอน มองไปทิศทางของพระราชวังต้องห้ามและสนามเทียนอันเหมินและทอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำใจให้สงบนิ่งแล้วพูดว่า “ตั้งแต่เด็กผมเห็นเด็กคนอื่นเรียกแม่ ผมรู้สึกอิจฉามาก เด็กคนอื่นๆมีแม่ทุกคน แต่ทำไมผมไม่มี?
เด็กคนอื่นๆเรียกผมว่าลูกนอกคอก ผมใช้หมัดต่อยพวกเขา ต่อไม่ชนะแต่ก็จะต่อย เพราะผมรู้ว่า ผมมีแม่ แต่ตอนนั้น……แม่อยู่ที่ไหน?”
พอเยี่ยเทียนพูดถึงตรงนี้ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยน้ำตาแล้ว ภาพความทรงจำในวัยเด็กเหมือนการปล่อยภาพยนตร์เป็นฉากๆ ตัวคนเดียวอย่างเยี่ยเทียนกล้าสู้กับเด็กอายุ 12-13 ขวบ ตั้งแต่ตนเองอายุเพียง 7-8 ขวบ
แม้ทุกครั้งที่กลับบ้าน เยี่ยเทียนจะถูกพ่อตียกใหญ่ แต่ถ้าครั้งหน้ายังมีคนกล้าต่อว่าเขาแบบนี้อีก เขาก็ยังจะพุ่งเข้าไปอยู่ดี และทุกครั้งที่ทะเลาะกับคนอื่นเยี่ยเทียนไม่เคยพูดสักครั้งว่าเพราะเรื่องแม่
ซ่งเวยหลันที่ฟังคำพูดของลูกชายอยู่ ใจเหมือนมีดกำลังบาดหัวใจ น้ำตาก็ไหลลงอย่างไม่หยุดหย่อน ตัวสั่นไปทั้งตัว
ซ่งเวยหลันไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา เขากัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น เขาจะฟัง…..จะฟังความในใจของลูกชาย เพราะเขาอยากรู้ 20 ปีมานี้ลูกชายของตัวเองต้องแบกรับความรู้สึกอะไรบ้าง?
“ต่อมาอายุมากขึ้นและโตขึ้น ผมเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจเลย ตอนนั้นแม่จะจากผมกับพ่อ?
ผมเคยเกลียด เกลียคุณจากข้างในใจเลย เกลียดที่คุณไร้ความปราณี ผมยังเคยคิด ชีวิตนี้มีแค่พ่อไม่มีแล้ว!”
“ที่แท้ ลูก……ลูกยังโทษแม่อยู่?” สายตาที่แสดงออกมาของซ่งเวยหลันแฝงความผิดหวังไว้ เธอไม่คิดเคยเลยว่าลูกชายจะเกลียดเธอได้ถึงเพียงนี้?
“ไม่ครับ……นั่นเป็นเรื่องเมื่อก่อน!”
เยี่ยเทียนส่ายหัว และหันตัวกลับ มองดูซ่งเวยหลันที่ใช้สองมือจับโซฟาไว้อย่างไม่รู้จะทำยังไง เล็บของเธอจิกเข้าโซฟาลึกพอควร เยี่ยเทียนรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที
“หลายปีก่อนผมมาที่ปักกิ่ง และรู้ความเป็นไปของเรื่องราวทั้งหมด ผมเพิ่งรู้ เรื่องนี้จะโทษคุณไม่ได้ ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษยุคสมัยที่พิเศษนี้”
พูดตามตรง จนถึงวันนี้ เยี่ยเทียนไม่รู้สึกเกลียดแม่แล้ว เพียงแต่ว่าคำที่ไม่เคยเรียกเลยตลอด 20 ปี ยังไงก็พูดออกไปได้ยาก
หลังจากได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว สายตาสิ้นหวังของซ่งเวยหลันจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นมีความหวังขึ้นมาทันที ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และถามต่อด้วยเพราะไม่เชื่อว่า “ลูก……ลูก ลูก……ให้อภัยแม่แล้ว?”
“ครับ ตอนนี้ผมไม่ได้โทษคุณแล้ว”
เยี่ยเทียนพยักหน้า และพูดอย่างช้าๆว่า “ขอ….ขอเวลาผมหน่อย ผม….ยังไม่เคยเรียกคำนั้น!”
ในเวลานี้เยี่ยเทียนไม่มีท่าทางการตัดสินใจเฉียบขาดเหมือนเหตุการณ์ที่พม่าเลยสักนิด แต่เป็นผู้ชายที่ยังไม่ค่อยโต แม้จะรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังขานคำว่า “แม่” ออกมาไม่ได้
“ได้….ได้ แม่จะไม่บังคับลูก ลูก….ไม่ต้องรีบนะ อยากเรียกตอนไหนก็เรียนตอนนั้น แม่จะไม่จากลูกไปอีกแล้ว!”
ความรู้สึกของซ่งเวยหลันตอนนี้ เหมือนนั่งรถข้ามภูเขา ตั้งแต่เยี่ยเทียนพูดจนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะปล่อยเสียงร้องไห้ออกมา แต่น้ำตาที่ไหลครั้งนี้กลับเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี
เยี่ยเทียนนั่งลงข้างๆภรรยาอย่างเงียบๆ กุมมือเธอเอาไว้แน่น ให้ภรรยาอิงหัวมาที่ไหล่ของตนและปล่อยเธอร้องไห้
ส่วนผู้ชายอย่างเยี่ยตงผิงที่พบเจอเรื่องราวมากมายแต่ไม่เคยน้ำตาไหล ตอนนี้เสื้อของเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ถ้าไม่เสียใจ น้ำตาลูกผู้ชายต้องไม่ไหลออกมา
“ที่จริง……หลายปีมานี้ผมลำบากมาตลอด แม้เขาจะไม่พูด แต่ผมรู้ เขาคิดถึงคุณมาก อยากให้คุณกลับมา…..”
มองเห็นพ่อที่เข้มแข็งมาตลอดกำลังน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้น เสียงของเยี่ยเทียนก็สะอื้นอยู่บ้าง
หลายปีที่ผ่านสองพ่อลูกใช้ชิวิตพึ่งพากันและกันมาตลอด เยี่ยเทียนเคยบอกให้พ่อหาภรรยาใหม่ แต่สุดท้ายก็ถูกเยี่ยตงผิงปฏิเสธ ตอนนั้นเขาเพิ่งจะรู้ความสำคัญของแม่ที่อยู่ในใจตรงนั้นของพ่อ
“ตงผิง ลำบากพวกเธอจริงๆ!”
ซ่งเวยหลันเงยหน้าขึ้นมองไปที่สามี คำพูดของลูกชายทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาต่างๆในอดีต แม้ว่าตอนนั้นจะจนมาก แต่กลับมีความสุขในใจ และยากมากที่หาเจอในปัจจุบัน
มองดูหนุ่มที่มีความสามารถเด่นกว่าใครๆ ตอนนี้กลับมีผมขาวแซมอยู่ทั้งสองข้าง ซ่งเวยหลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้นในทันที ความเข้าใจผิดในใจสุดท้ายก็ได้คลี่คลายลงทั้งหมด สองมือจับหน้าของสามีอยู่อย่างนั้น
“เวยหลัน ไม่ลำบากเลย ผมเชื่อเสมอ ครอบครัวของพวกเรายังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาในสักวัน!”
เยี่ยตงผิงช่วยภรรยาเช็ดน้ำตาที่อยู่บนหน้า สายตาของทั้งคู่จ้องมองซึ่งกันและกัน เหมือนเวลากำลังหมุนกลับไป ให้สองคนกลับสู่เหมาซานที่เต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ
“แค่กๆ……”
มองเห็นท่าทางหวานเลี่ยนของพ่อ เยี่ยเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคันๆที่คอ จึงไอออกมา และพูดว่า “เอ่อ….เอ่อคือ พ่อ ผมไปสูบบุหรี่ก่อนนะ พวกคุณสองคนคุยกันไปก่อน!”
เยี่ยเทียนมองออกว่าก่อนตัวเองจะมาถึงที่นี่ ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ยังไม่สนิทสนมขนาดนั้น เขาต้องไม่เป็นก้างขวางคอสิ จึงต้องออกไปอยู่ข้างนอกก่อน
“รีบไปเลย ตอนกลางคืนกินข้าวด้วยกัน!”
เยี่ยตงผิงสะบัดด้วยความโมโห ไม่ง่ายเลยที่จะคุ้นเคยในด้านความรู้สึกกับภรรยาสักครั้ง แต่ก็ถูกเจ้าลูกชายขัดจังหวะซะงั้น ใครจะไปรู้ว่าภรรรยาจะปิดใจตัวเองอีกครั้งหรือไม่?
“ตงผิง ห้ามพูดกับลูกชายแบบนี้!”
คิดไว้ไม่มีผิด เยี่ยตงผิงเพิ่งพูดจบไม่ทันไรซ่งเวยหลันก็ไม่เห็นด้วยแล้ว ผลักสามีออกทันที เดินเท้าเปล่าดึงเยี่ยเทียนไว้ พูดว่า “สูบบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ต้องสูบหรอก ไม่ต้องไปไหนด้วย มานั่งข้างๆแม่ ให้แม่ดูลูกหน่อย!”
แม้ว่าแม่กำลังควบคุมตัวเองอยู่ แต่ในใจของเยี่ยเทียนกลับรู้สึกอบอุ่น จึงพยักหน้าและนั่งลงที่โซฟาข้างๆแม่
แม้ว่าเยี่ยตงผิงจะโกรธจนทำตาโตและเป่าหนวดตนเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าต่อจากนี้ไปตำแหน่งในบ้านเขาคงจะอยู่อันดับสามแล้ว
ถ้าเยี่ยเทียนแต่งงานมีลูก ตำแหน่งก็คงตกอันดับไปเรื่อยๆ
พอคิดถึงตรงนี้ สายตาของเยี่ยตงผิงยิ่งเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เยี่ยเทียนถูกมองจนอดไม่ได้ที่จะทำสงครามเย็นด้วย รีบพูดต่อว่า “พ่อ พ่อให้ผมเอาของมาไม่ใช่เหรอ? อ่ะ……..”
ระหว่งที่พูดเยี่ยเทียนก็หยิบกำไลที่ใช้ผ้าแดงห่อหุ้มเอาไว้ออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับกระพริบตาให้พ่อหนึ่งที
“นี่คือ? อ่อ ฉันรู้แล้ว”
เยี่ยเทียนเห็นหน้าของลูกชาย มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าในล่ะ? จึงรับของสิ่งนั้นมาและลองจับดูจึงรู้ว่าคือกำไล
“เวยหลัน นี่เป็นของขวัญที่ฉันกับลูกเตรียมให้คุณ คุณลองดูว่าชอบมั้ย?”
แม้เยี่ยตงผิงจะหน้าหนาแค่ไหนก็ไม่กล้าพูดว่านี่คือของขวัญที่ตัวเองเตรียให้ เพราะจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำไลนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
ซ่งเวยหลันจะไม่รู้ลูกเล่นของสองพ่อลูกนี้ได้ยังไงกัน? แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมา ยิ้มพร้อมพูดว่า “ของที่ลูกชายให้ ฉันชอบหมดแหละ!”
“แค่กๆ ดูก่อนค่อยพูดถอะ ดูก่อนค่อยพูด”
เยี่ยตงผิงหน้าแดงและยื่นมือไปเปิดผ้าออก กำไลหยกสีเขียวที่ใสดั่งคริสตัลปรากฏอยู่ตรงฝ่ามือของเขา
แสงแดงจากข้างนอกทะลุผ่านกระจกและส่องมาที่กำไล ทันใดนั้นสีเขียวก็ยิ่งสว่างมากขึ้น แสงที่ส่องผ้าสีแดงที่รองไว้ ทำให้สียิ่งสดดั่งดอกกุหลาบที่สวยจนไม่สามารถอธิบายได้เป็นคำพูด
“นี่มัน….นี่มันสีเขียวราชา?”
เยี่ยตงผิงเล่นของเก่ามา 10 กว่าปี ดูของเหล่านี้เป็นอยู่แล้ว แต่ตอนที่เขาเห็นกำไลชิ้นนี้ กำไลที่อยู่ในมือยังเกิดการสั่น เกือบจะตกลงไปแล้วด้วยซ้ำ
ต้องรู้ว่า สีเขียวราคาพบได้ยากมากในท้องตลาดทั่วไป จะพบเจอเป็นครั้งคราวในงานประมูลเท่านั้น และจะเป็นที่สนใจและโดนแก่งแย่งจากพวกมหาเศรษฐีมากมาย
แต่กำไลที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ใช้วัสดุสีเขียวราชาในการทำทั้งหมด ของชิ้นนี้ราคาไม่อาจประเมินได้ แม้จะยอมจ่ายเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถซื้อได้
“พ่อ!”
เวลาพ่อเจอของดีมักจะเป็นแบบนี้ จนเยี่ยเทียนยังรู้สึกเกรงใจ เขาอยากช่วยพ่อทำคะแนนแต่ทำไงได้พ่อไม่สู้เอง?
“หา? เห้ ผม….ผม…..”
เยี่ยตงผิงรู้แล้วว่าความจริงถูกเปิดเผยแล้ว รู้สึกทำอะไรไม่ถูกและเริ่มเกาหัว ท่าทางของตัวเองเมื่อสักครู่ คนตาบอดยังดูออกเลยว่าเป็นอะไร
“ตงผิง กำไลนี้สวยมาก ขอบคุณคุณกับลูกชายนะคะ”
ซ่งเวยหลันรับกำไลนั้นจากมือเยี่ยตงผิง เธอเข้าใจสิ่งที่เยี่ยเทียนกำลังทำให้เธอกับสามีเป็นอย่างดี
……………….
ตอนที่ 530 แอนนา
โดย
Ink Stone_Fantasy
“แฮะๆ ชอบก็ดีแล้ว!”
หน้าของเยี่ยตงผิงแดงเหมือนหมวกสีแดง เขารู้ว่าภรรยาพูดคำนั้นออกมาเพราะเห็นแก่หน้าของลูกชาย ดีที่ลูกชายเป็นคนกันเอง ถึงจะขายหน้าแต่คนนอกก็ไม่รู้
“กำไลอันนี้โปร่งใสดีมาก เขียวเต็มขนาดนี้หาได้ยาก คุณภาพดีเยี่ยมจริงๆ เสี่ยวเทียน ลูกได้มาจากที่ไหนเหรอ?”
ผู้หญิงกับเครื่องประดับเป็นควาชอบพิเศษที่มีตั้งแต่เกิด แม้ว่าตอนนี้ซ่งเวยหลันจะรวยล้นฟ้า แต่ตอนที่เธอหยิบกำไลสีเขียวราชาชิ้นนั้นขึ้นมา จนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความสนใจจากเยี่ยเทียนไปยังกำไลชิ้นนั้น
ซ่งเวยหลันไม่รู้ระดับของหยก แต่เธออยู่ในวงการค้าขายที่มีความเสี่ยงสูงมาหลายปี สิ่งของแบรนด์เนมระดับโลกต่างๆก็เห็นจนชินแล้ว สายตาจึงไม่เหมือนคนทั่วไป มองดูของในมืองครั้งเดียวก็ดูออกแล้วว่าเป็นของมีมูลค่าสูง
ต้องรู้ว่า เครื่องประดับบนโลกใบนี้แม้จะมีมากมาย แต่เครื่องประดับระดับสูงส่วนใหญ่เป็นของที่มีเพียงชิ้นเดียวทั้งนั้น ก็เหมือนกับเพชรที่ฝังอยู่ในคทาของพระราชินีประเทศอังกฤษ บนโลกนี้ไม่มีเม็ดที่สองแล้ว
อาจเพราะว่าเป็นคนจีน ซ่งเวยหลันจึงชอบเครื่องประดับประเภทหินหยกเช่นกัน ที่พักแถวชายฝั่งตะวันตกในอเมริกาก็มีสะสมของพวกนี้อยู่ไม่น้อย แต่ไม่มีชิ้นไหนสู้กำไลชิ้นนี้ได้เลย
เห็นแม่ชอบกำไลชิ้นนี้ เยี่ยเทียนดีใจมาก ยิ้มและพูดว่า “ได้มาจากการพนันหินที่ฮ่องกงครับ คุณชอบก็ดีครับ…..”
“เสี่ยวเทียน กำไลชิ้นนี้มีมูลค่ามาก แม่รับไว้เลยนะ ขอบคุณลูกมาก!”
ซ่งเวยหลันนำกำไลใส่ไว้ที่ข้อมือ ผิวพรรณที่ขาวผ่องกับสีเขียวขจีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้ซ่งเวยหลันยิ่งดูเป็นผู้ดีมากกว่าเดิม
ซ่งเวยหลันรู้ดีว่ากำไลชิ้นนี้ หากนำไปประมูลคงได้ค่าประมูลอย่างน้อยก็ประมาณ 10 ล้านหยวน
นี่คือของขวัญชิ้นแรกที่ลูกชายให้เธอ ซ่งเวยหลันไม่คิดแย่ถึงขั้นคำนวณมูลค่าของมันแน่นอน อีกหน่อยทรัพย์สมบัติของเธอเป็นของลูกชายทั้งหมด ยังกลัวว่าจะคืนไม่หมดอีกหรือ?
แต่ซ่งเวยหลันรู้ว่าลูกชายไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น การที่เยี่ยเทียนสามารถให้ของขวัญที่แพงขนาดนี้ เธอรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้ซื้อมาแพงขนาดนั้นครับ”
เยี่ยเทียนยิ้มอย่างจริงใจ การที่แม่ชมเขาทำให้เขาเกิดความรู้สึกมหัศจรรย์บางอย่าง ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับเขาเลย
“ปกติคุณนอนดึกใช่มั้ยครับ?”
เยี่ยเทียนมองดูใบหน้าของแม่ เดินกลับไปตรงประตูและหยิบถุงมาหนึ่งใบ พูดว่า “ผมเห็นว่าเลือดลมคุณไม่ค่อยดี ของชิ้นนี้สามารถรักษาร่างกายที่อ่อนแอ เหนื่อยล้าไม่มีแรง และยังช่วยรักษาผิวพรรณได้อีกด้วย มีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณครับ ปกติคุณลองทานวันละนิดหน่อยดูนะครับ”
“นี่คืออะไรเหรอ?”
ซ่งเวยหลันรับถุงมาและกางดู พบว่ามีน้ำมันคางคกถูกห่อไว้ด้วยถุงเก็บอาหาร สีหน้าแสดงความเซอไพร์สออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “เสี่ยวเทียน ของแบบนี้หาไม่ง่ายเลยนะ นี่ทำมาจากคางคกเทือกเขาฉางไป๋ซานจริงๆเหรอ?”
เนื่องจากความกดดันค่อนข้างสูง มีช่วงนึงซ่งเวยหลันเคยใจสั่นนอนไม่หลับ เหงื่อไหลไม่หยุด จึงใช้น้ำมันคางคกด้วยการแนะนำจากหมอจีนที่จื้อกงถัง ไม่นานอาการเหล่านั้นก็เริ่มบรรเทาลง
แต่ตั้งแต่เข้าสู่งยุค 90 น้ำมันคางคกที่ผลิตจากประเทศก็น้อยลง แม้มีเงินก็ไม่อาจซื้อของแท้ได้ ซ่งเวยหลันจึงต้องหยุดใช้
ผู้หญิกทุกคนจะดูแลสุชภาพของตัวเอง โดยเฉพาะคนที่อายุเท่าซ่งเวยหลันจะยิ่งให้ความสำคัญกับหน้าตาผิวพรรณ ฉะนั้นการเห็นน้ำมันคางคงกล่องนี้น่าดีใจมากกว่ากำไลหยกสีเขียวราชาชิ้นนั้นเสียอีก
“เป็นน้ำมันคางคกของแท้จากเทืองเขาฉางไป๋ซานครับ คุณรู้เยอะดีนะครับ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ของสิ่งนี้เดิมทีมีทั้งหมด 4 กล่อง 1 กล่องให้คุณอาทั้งหลาย อีก 1 กล่อง อวี๋ชิงหย่ากำลังใช้อยู่ ถ้าไม่นับกล่องนี้ ในตู้เย็นที่บ้านยังเหลืออีก 1 กล่อง
“ขอบคุณนะ เสี่ยวเทียน ลูกอยากได้ของขวัญอะไร? แม่จะให้ลูก!”
ซ่งเวยหลันได้รับของขวัญจากลูกชายติดต่อกันถึง 2 ชิ้น ในใจของเธอมีความสุขมากจนไม่สามารถใช้คำพูดอธิบายออกมาได้ เขาไม่ได้สนใจมูลค่าของสินค้าเหล่านี้ แต่เขาปลื้มปริ่มกับสิ่งที่ลูกชายทำให้ มันทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างที่สุด
“ไอ้เด็กนี่ เอาใจแม่เก่งนะ?”
มองเห็นซ่งเวยหลันยิ้มออกมาจากข้างในจริงๆ เยี่ยตงผิงที่นั่งอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่เกิดความอิจฉา เขาอยู่กับภรรยามาตั้งหลายวันยังไม่เคยเห็นภรรยายิ้มมีความสุขขนาดนี้มาก่อน
“ผมไม่มีของที่อยากได้ครับ……”
เยี่ยเทียนส่ายหัวพูดว่า “ผมขอแค่คุณอยู่กับพ่อผม ให้บ้านของพวกเราเป็นบ้านสักที แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ!”
ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเยี่ยเทียนตอนเด็ก ก็คือเหมือนเด็กคนอื่นๆที่มีพ่อแม่พาออกไปเที่ยว แต่ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นและโตขึ้น ความหวังของเยี่ยเทียนคือขอแค่คนในครอบครับได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาก็พอแล้ว
ได้ฟังคำพูดของลูกชาย ในใจของซ่งเวยหลันเหมือนถูกสองมือบีบเอาไว้ และเจ็บอย่างถึงที่สุด และตอบกลับไปว่า “โอเค แม่……แม่สัญญา ต่อไปนี้แม่จะอยู่ที่ปักกิ่ง ไม่ไปไหนอีกแล้ว!”
“ดี ดี ต่อไปนี้เราสามคนจะใช้ชีวิตด้วยกัน!”
ถ้าจะพูดถึงคนที่ตื่นเต้น ก็คงไม่ใช่ซ่งเวยหลัน แต่กลับเป็นเยี่ยตงผิงที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้สึกว่าเลี้ยงลูกไม่เสียแรง ในช่วงเวลาที่สำคัญสามารถเอาอยู่จริงๆ!
ได้ยินคำพูดของเยี่ยตงผิงแบบนั้น หน้าของซ่งเวยหลันที่แดงขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขารู้ว่าเขาทำผิดต่อสองพ่อลูกนี้มากมาย จึงใช้มือคล้องเยี่ยตงผิงและลูกชายเอาไว้คนละข้าง และนั่งลงที่โซฟาพร้อมกันสามคน
ความสนใจของเยี่ยตงผิงอยู่ที่ภรรยาตลอดเวลา ส่วนซ่งเวยหลันกลับมองไปที่ลูกชาย มองยังไงก็มองไม่อิ่ม ทั้งสามคนนั่งอยู่อย่างนั้นเงียบๆ และกำลังดื่มดำกับความอบอุ่นของครอบครัวที่ไม่อาจใช้คำพูดมาอธิบายได้
“ติ๊งต่อง!ติ๊งต่อง!”
เสียงกริ่งของประตูดังขึ้นและทำลายบรรยากาศอบอุ่นในห้องนอน จากนั้นเสียงของแอนนาก็ดังเข้ามาจากข้างนอก “นายหญิง ไม่ทราบว่าอาหารกลางวันให้ส่งมาที่ห้องนอนใช่มั้ยคะ?”
“ส่งเข้ามสิ แอนนา เธอก็เข้ามาด้วย!” ซ่งเวยหลันถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “แอนนา บอกให้เรียกคุณน้า ทำไมไม่เชื่อฟังกันเลย?”
มองเห็นท่าทางแปลกๆ ของเยี่ยเทียน ซ่งเวยหลันพูดว่า “แอนนาเป็นเด็กกำพร้าที่ฉันรับเลี้ยง ตั้งแต่เด็กๆ เธอเคยได้รับการทำร้าย แล้วฉันเคยช่วยเธอเอาไว้ ตั้งแต่นั้นมาเจ้าเด็กนี่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนสรรพนามอีกเลย……”
พ่อของแอนนาเป็นพวกติดยา สร้างหนี้ไว้ข้างนอกมากมาย หลังจากที่ติดยาจนตาย พวกขี้ยากลุ่มหนึ่งมาหาแอนนาพบที่บ้าน
มองดูบ้านที่ทรุดโทรมทุกด้าน พวกขี้ยาจึงหันไปสนใจตัวของแอนนากับแม่ของเธอแทน แม่ที่ยังสาวของแอนนาถูกบังคับให้ไปขายตัวรับแขก แต่อายุเพียง 5 ขวบอย่างแอนนา ทำได้เพียงเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ
ขี้ยาพวกนั้นไม่ได้เพิ่มการป้องกันกับเด็ก 5 ขวบ มีอยู่ครั้งนึงเป็นโอกาสที่บังเอิญมาก แอนนาได้พบกับซ่งเวยหลัน บางทีอาจจะเป็นพรหมลิขิต เธอพูดอย่างติดๆขัดๆเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอให้ซ่งเวยหลันฟัง
ด้วยความสงสาร ซ่งเวยหลันจึงให้คนจัดการพวกขี้ยาพวกนั้น และช่วยแม่ของแอนนาเอาไว้ได้ แต่ตอนนั้นเธอติด HIV และได้ตายจากไปต่อจากนั้นไม่นาน
การตายของหม่ทำให้แอนนาคิดว่าซ่งเวยหลันเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ และยืนหยัดที่จะเรียกซ่งเวยหลันว่านายหญิง 10 กว่าปีที่ผ่านไม่เคยแก้คำขานคำนี้ได้เลย
หลังจากฟังเรื่องราวของแอนนาจบ เยี่ยเทียนพยักหน้าและพูดว่า “เด็กสาวคนนี้มีชะตาที่แข็งมาก เป็นดวงกินพ่อแม่ การที่เรียกคุณว่านายหญิงกลับทำให้แรงคาดแค้นนั้นบรรเทาลงได้”
เยี่ยเทียนเคยมองใบหน้าของแอนนามาก่อน แต่คนจีนกับคนต่างชาติไม่เหมือนกัน เขาไม่กล้าเชื่อบทสรุปที่ตัวเองคำนวณ แต่สิ่งที่แม่เล่าออกมากลับยืนยันได้ว่านรลักษณ์ศาสตร์สามารถใช้ได้กับคนต่างชาติ
“เด็กนี่นิ่ ห้ามพูดกับแอนนาแบบนี้”
ซ่งเวยหลันตำหนิเยี่ยเทียนเล็กน้อย เธอเลี้ยงดูแอนนามา 10 กว่าปี เลี้ยงดูดุจลูกสาวมาตั้งนานแล้ว
“เวยหลัน เยี่ยเทียนไม่ได้พูดไปเรื่อยนะ เขาดูนรลักษณ์แม่นมาก แอนนายอมเรียกแบบนั้น ก็ไม่ต้องไปแก้แล้ว”
สำหรับเรื่องนี้เยี่ยตงผิงยืนอยู่ฝั่งเดียวกับลูกชาย การฝืนชะตาเปลี่ยนลิขิตเยี่ยเทียนยังทำได้ แค่ดูนรลักษณ์จะไปยากอะไร? เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของภรรยา เขาไม่มีทางละเลยแน่นอน
“ตงผิง คุณเชื่อเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ซ่งเวยหลันมองสามีอย่างสงสัย จำได้ว่าสมัยวัยรุ่นเขาเป็นคนที่เชื่อมั่นที่สุดว่าไม่มีพระเจ้าไม่ใช่เหรอ?
“แค่กๆ!”
เยี่ยตงผิงทำตัวไม่ถูกและไอออกมากลบเกลื่อน และพูดกับแอนนาที่เข็นอาหารเข้ามาที่ห้องนอนว่า “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แอนนา นั่งกินด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกินมาแล้ว!”
แอนนาปฏิเสธส่ายหัว และจัดถ้วยตะเกียบ 4 ชุดวางไว้บนโต๊ะอย่างกระฉับกระเฉง จากนั้นก็นำกับข้าวแต่ละจานวางไว้บนโต๊ะ ส่วนตัวเองยืนอยู่ข้างๆโต๊ะอาหาร
“ฝีมือไม่เลว แต่แรงฆ่ายังน้อยกว่ามาราไกย์นิดหน่อย”
เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวของแอนนา พบได้ยากในผู้หญิง เธอคงได้รับการฝึกฝนที่เข้มงวดและเหี้ยมโหดมาก่อน
แต่ถ้าพูดถึงร่างกายของคนเรา การฝึกฝนลักษณะนี้ของคนตะวันตกไม่ถูกต้อง พวกเขากำลังบีบบังคับปลุกปั่นความเป็นไปได้ของร่างกายคน ทำให้ร่างกายสามารถรักษาจุดสูงสุดของร่างกายไว้ชั่วขณะนึง
แต่เมื่อพ้นช่วงเวลานั้นแล้ว ร่างกายของพวกเขาจะค่อยๆเสื่อมลง จุดจบของพวกนี้น่าสังเวชยิ่งกว่าพวกคนในประเทศที่ฝึกฝนวิชานอกรีตเสียอีก และคนที่ตายโดยธรรมชาติก็มีน้อยมาก
นักชกชาวรัซเสียท่านนั้นเป็นอย่างไร มาราไกย์และแอนนาก็เป็นฉันนั้น เมื่อพวกเขาอายุเกิน40-50ปีแล้ว โรคภัยต่างๆก็จะเริ่มปรากฏขึ้น
“มาราไกย์ยังเรียกใช้งานได้ดีมั้ย?”
ได้ยินลูกชายเอ่ยถึงบอดี้การ์ดพวกนั้น ซ่งเวยหลันจึงถาม “หรือแม่จ้างพวกเขาอีก 1 ปี ให้คอยติดตามลูก?”
ตั้งแต่ที่รู้ว่ามีคนในตระกูลคิดไม่ดีกับลูกชายของตน ความปลอดภัยของเยี่ยเทียนจึงสำคัญต่อซ่งเวยหลันเป็นอย่างมาก กลุ่มติดตามทั้ง 4 ชาวมาราไกย์ เป็นบอดี้การ์ดที่เก่งที่สุดเท่าที่เธอจะใช้งานได้แล้ว
“พอก่อน คุณปล่อยผมเถอะ ผมไม่ต้องการให้พวกเขามาปกป้อง”
เยี่ยเทียนส่ายหัวและหัวเราะอย่างขมขื่น พูดว่า “ถ้าคุณอยากช่วยผมจริง คุณช่วยจ่ายค่าจ้าง 30 ล้านให้หน่อย ช่วงก่อนผมพาพวกเขาไปทำธุระมา และตอบตกลงว่าจะยกเลิกการว่าจ้างกับพวกเขา”
……………….
ตอนที่ 531 มาเฟียต่างชาติ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ลูกพามาราไกย์ไปทำอะไรมา?”
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกชาย ซ่งเวยหลันสงสัยและถามออกไป เขาไม่ได้อยากรู้ความลับของเยี่ยเทียน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกชายทุกเรื่อง คนที่เป็นแม่ย่อมอยากรู้เป็นเรื่องปกติ
ที่จริงในสายตาของซ่งเวยหลัน ลูกชายคนนี้เต็มไปด้วยความความลึกลับ
ตั้งแต่เยี่ยเทียนอายุ 10 ขวบ คนที่เธอส่งไปถ่ายรูป เพื่อไม่ให้เยี่ยเทียนตกใจจึงทำได้เพียงถ่ายจากระยะไกล ฉะนั้นเธอจึงรู้จักลูกชายของเธอน้อยมาก
อายุเพียงเท่านี้ แต่เยี่ยเทียนสามารถสร้างธุรกิจได้ใหญ่ขนาดนี้ ซ่งเวยหลันจึงรู้สึกแปลกใจมาก
“แค่กๆ……”
ได้ยินแม่ถามตรงๆ เยี่ยเทียนรู้สึกไม่ชิน ไอเสร็จ ก็ตอบว่า “ในตอนนั้นศิษย์พี่ใหญ่ซ่อนทองคำไว้ที่พม่า ผมพาเหล่าหม่าไปเอาออกมาครับ ครั้งนี้พวกเขาช่วยผมได้เยอะทีเดียว คุณลองดูนะครับว่ายกเลิกสัญญาก่อนเลยมั้ย ถ้าไม่สะดวก 30ล้านดอลล่าร์นั่นผมจัดการเองก็ได้ครับ!”
ซ่งเวยหลันไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนมีเงินเท่าไหร่ แต่เขารู้ว่าเงิน 30 ล้านดอลล่าร์เป็นยอดเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับลูกชาย จึงหันกลับไปพูด “แอนนา เดี๋ยวเธอไปจ่ายค่าจ้างกลุ่มมาราไกย์ให้เรียบร้อยนะ!”
“ค่ะ นายหญิง เดี๋ยวไปจัดการให้เลยค่ะ!”
แอนนาพยักหน้า และใช้หางตามองเยี่ยเทียน ในใจรู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้อง อย่าว่า 30 ล้านดอลล่าร์เลย แค่กระดาษเปล่า 3000 ใบ มันก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
ข้อมูลของเยี่ยเทียนทั้งหมดที่ซ่งเวยหลันมีอยู่ในมือ แอนนาเป็นคนรวบรวมมาให้ทั้งหมด ฉะนั้นเธอจึงทราบดีว่าเยี่ยเทียนมีเงินเท่าไหร่
ถ้าจะบอกว่าเงิน 8-10 ล้านหยวน เยี่ยเทียนก็ยังพอมีอยู่บ้าง บางทีแอนนาเอาจจะเชื่อ แต่เยี่ยเทียนเอ่ยปากก็คือ 30 ล้านดอลล่าร์ แอนนารู้สึกมันเกินไปหน่อย
“ว่าแต่ ศิษย์พี่ของลูกล่ะ?”
เงินทองสำหรับซ่งเวยหลันถือว่าเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น สิ่งที่เธอเป็นห่วงคือการใช้ชีวิตของเยี่ยเทียน หลังจากได้ยินลูกชายเอ่ยถึงสรรพนาม ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ที่ยุคสมัยใหม่ไม่ค่อยเรียกกัน จึงหัวเราะและพูดว่า “ฉันลืมไปเลยว่าลูกเป็นศิษย์น้องอาจารย์จั่วฮ่องกง เยี่ยเทียน เรื่องดูดวงที่ลูกเรียนมามันตรงๆจริงเหรอ?”
ซ่งเวยหลันเกิดในตระกูลมีชื่อเสียง ได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่เด็ก แม้จะเคยเป็นตัวแทนไปชนบทมาหลายปี แต่หลังจากนั้นเธอก็ไปอเมริกาต่อ หลายปีมานี้เธอจึงใช้ชีวิตและเชื่อศาสนาตามแบบตะวันตกมาตลอด
เมื่อก่อนซ่งเวยหลันรู้มาบ้างว่าเยี่ยเทียนมีความสามารถเรื่องการทำนายดวงชะตา แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจขนาดนั้น และไม่คิดเลยว่าความร่ำรวยของลูกชายนั้นจะมาจากสิ่งนี้
“เหอะๆ วิชาฉีหมิน คนภายนอกไม่รู้ จริงบ้างปลอมบ้างก็คงไม่เป็นไรหรอก?”
เยี่ยเทียนหัวเราะ จากสีหน้าของแม่เขามองออกว่าแม่ไม่เชื่อเท่าไหร่ จึงเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “แอนนาเคยได้รับการฝึกแบบพิเศษตอนอายุ 12-18 ปีใช่มั้ย?”
“หะ? ลูกรู้ได้ไง?”
ซ่งเวยหลันมองเยี่ยเทียน “เด็กคนนี้ดื้อมาก ในตอนนั้นมีเด็กหงเหมินกลุ่มนึงกำลังจะถูกส่งไปฝึกที่ประเทศไซบีเรีย เขาบอกว่ายังไงก็จะไปให้ได้ ตอนที่กลับมาถึงร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล น่าสงสารมากๆ”
ในยุค 80-90 คนในประเทศล้วนคิดว่าพระจันทร์ข้างนอกสวยกว่าพระจันทร์ในประเทศ ต่างพากันไปต่างประเทศกันหมด ที่จริงมันไม่ไดเป็นอย่างที่ทุกคนคิด ความยากลำบากในการทำงานที่ต่างประเทศมันยิ่งกว่าในประเทศซะอีก
คนธรรมดายิ่งไม่ต้องพูดถึง ทุกคนล้วนเคยผ่านงานล้างถ้วยล้างจานมาก่อน ส่วนคนที่ทำธุรกิจก็ต้องรับมือกับพวกมาเฟียต่างชาติ
เช่นมาเฟียของอิตาลี ในช่วงก่อนหน้าประมาณยุค 60-70 ปี เพื่อแย่งชินพื้นที่ เคยสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ ทั้งในอเมริกาและประเทศต่างๆในแถบยุโรป ในตอนนั้นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง 《The Godfather》ก็คือเรื่องจริงของพวกมาเฟียในอิตาลี
เมื่อถึงยุค 80-90 ปี กลุ่มยากุซ่าของแถบเอเชียตะวันออกก็เริ่มย้ายอำนาจสู่ยุโรป
เมื่อพูดถึงยากูซ่า ชื่อนี้คงไม่เป็นที่คุ้นเคยนัก แต่ต้องรู้ว่ายะมะงุชิ งุมิ อินะงะวะ ไก และซุมิโยะชิ ไก ล้วนเป็นกลุ่มสมาชิกของยากุซ่า รายได้ในแต่ละปีที่พวกเขาได้รับสูงถึง 1 ล้านล้านดอลล่าร์ขึ้นไป
และขบวนการค้ายาเสพติดเมเดยีนในโคลอมเบีย อุปกรณ์ชั้นเยี่ยม 4 หมื่นกว่าชุดของกองทัพของพวกเขา ทำให้รัฐบาลของโคลัมเบียไม่มีทางสู้
เช่นพวกมาเฟียแม็กซิโกที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ มาเฟียรัสเซียที่ทำการค้าประเวณีข้ามชาติโดยเฉพาะ มาเฟีย Hells Angels แคนาดาที่ก้าวร้าว ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เคยขยายอิทธิพลสู่มุมต่างๆของทั่วโลก
ดังนั้นการจะทำธุรกิจให้สำเร็จในต่างประเทศ การหนุนหลังจากมาเฟียเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย และกลุ่มที่ซ่งเวยหลันพึ่งพาก็คือสำนักงานใหญ่ขององค์กรหงเหมินในอเมริกา
ในฐานะองค์กรชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก อำนาจของหงเหมินเมื่อเทียบกับมาเฟียแห่งอิตาลี มีแต่เก่งกว่าไม่ใช่เทียบเท่า ที่ทางเหนือของอเมริกาน้อยมากที่จะกล้ามาหาเรื่อง
ในทุกๆปีซ่งเวยหลันจะให้เงินทุนแก่หงเหมินเป็นจำนวนมหาศาล ส่วนหงเหมินก็จะปกป้องธุรกิจของซ่งเวยหลันเป็นการตอบแทน ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงแน่นแฟ้นมาก
ฉะนั้นซ่งเวยหลันถือว่าเป็นเจ้าของเงินทุนของหงเหมินนั่นเอง เมื่อใดที่หัวหน้าของหงเหมินจะทำอะไรก็ตาม เขาจะไม่ปิดบังเธอเช่นกัน
ในยุค 80 ซ่งเวยหลันไปเยี่ยมสำนักใหญ่ของหงเหมิน ตอนนั้นพบว่าพวกเขากำลังจะเลือกลูกศิษย์หนึ่งกลุ่มไปฝึกฝนที่ไซบีเรีย แอนนาที่อายุเพียง 12 ปีก็ได้เข้าร่วม
ตอนแรกซ่งเวยหลันไม่รู้ความเหี้ยมโหดของการฝึก
แต่หลังจากที่ซ่งเวยหลันถูกจับเป็นตัวประกันอยู่หลายครั้ง ล้วนแต่จัดการโดยแอนนาและนักยอดฝีมือของหงเหมิน ตอนที่เห็นบาดแผลเต็มตัวของแอนนา ซ่งเวยหลันเพิ่งจะทราบถึงสิ่งที่แอนนาพบเจอ
แต่เรื่องของแอนนา มีเพียงซ่งเวยหลันกับหัวหน้าหงเมินไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่อง ฉะนั้นตอนที่เยี่ยเทียนพูดถึงสิ่งที่แอนนาเคยพบเจอมาก่อน ทำให้ซ่งเวยหลันรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
“วิธีการฝึกพลังของแอนนาไม่ถูกต้อง เป็นการกระตุ้นให้ความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ปรากฏออกมา นี่เป็นสิ่งที่ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง”
เยี่ยเทียนหันหน้ามองแอนนาที่ยืนอยู่ข้างหลังโซฟาและพูดว่า “และเธอเป็นผู้หญิง ร่างกายที่ไม่เพรียบพร้อมตั้งแต่เกิด เกรงว่าเมื่อถึงอายุ 40 ปี ก็มีโอกาสที่ร่างกายจะอัมพาตทั้งตัว!”
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น อย่างเช่น อันเดรวิช เยี่ยเทียนคงขี้เกียจพูดถึงความผิดปกติในร่างกายของเขา แต่แอนนาเป็นคนสนิทของแม่ เยี่ยเทียนจึงมองเธอต่างจากคนอื่นและพูดเยอะไปบ้าง
“อัมพาต? รุน…..รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ซ่งเวยหลันตกใจกับคำพูดของลูกชายมาก เธอเลี้ยงดูแอนนาตั้งแต่ 5 ขวบ และเลี้ยงเธออย่างลูกสาว เมื่อได้ยินความรุนแรงเช่นนี้จึงรีบจับมือเยี่ยเทียนเอาไว้และพูดว่า “แล้ว…..แล้วมีวิธีรักษามั้ย?”
เยี่ยเทียนยังไม่ทันตอบ เสียงของแอนนาก็ดังขึ้น “นายหญิง แอนนาไม่เป็นอะไร นายหญิงอย่าไปฟังที่เขาพูด”
ไม่ว่าจะเป็นนักสู้ต่างชาติหรือในประเทศ เราสามารถมองเห็นจุดเด่นของใบหน้า รูปร่างจากภายนอก การที่แอนนาสามารถรอดชีวิตจากการฝึกที่ไซบีเรีย สายตาของเขาไม่ผิดเป็นแน่ เธอมองออกว่าเยี่ยเทียนไม่รู้จักการต่อสู้อะไรหรอก
“คนภายในฝึกลมปราณ พวกนอกรีตฝึกกำลัง การฝึกของคนต่างชาติคล้ายกับการฝึกมวยนอกรีตในบ้านเรา แม้จะเป็นการกระตุ้นความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างในเหมือนกัน แต่ข้อดีและข้อเสียของทั้งสองต่างกันมาก”
เยี่ยเทียนไม่ได้โกรธ มองแอนนาและพูดต่อ “ถ้าหากมวยนอกรีตไม่สามารถนอกเข้าในได้ วิชายิ่งสูงการได้รับบาดเจ็บก็ยิ่งมาก ตอนนี้เธออายุยังน้อยยังไม่รู้สึกหรอก รออายุ 35 เดี๋ยวก็รู้เอง”
เนื่องจากวิชาที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆในหลายปีนี้ เยี่ยเทียนจึงให้ความรู้สึกเหมือนคนที่อยู่ที่สูง คำพูดที่พูดออกมาก็จะดูแก่ เหมือนว่ากำลังสั่งสอนคนรุ่นหลังอยู่อย่างนั้น
เยี่ยเทียนพูดเองก็เลยไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่ฟังคือแอนนากลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ปีนั้นเธอเอาชนะผู้ชายในค่ายไซบีเรียกว่า 30 คน ระดับการเต้นของหัวใจตอนนี้จึงไม่ได้สูงธรรมดา
“ในจีนมีคำพูดนึงพูดไว้ว่า วางแผนยุทธการตามตัวหนังสือ เธอไม่เข้าใจศิลปะการป้องกันตัวของต่างประเทศ อย่าพูดมั่ว”
แม้จะเคารพซ่งเวยหลันแค่ไหน แต่แอนนาไม่มีความรู้สึกใดๆต่อเยี่ยเทียน คนต่างชาติมีนิสัยตรงไปตรงมาอยู่แล้ว แอนนาจึงพูดออกมาตรงๆและใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
“วางแผนยุทธการตามตัวหนังสืองั้นเหรอ? พูดมั่วงั้นเหรอ?” เยี่ยเทียนหัวเราะแห้งๆ “แค่ลูกศิษย์ของฉันเธอก็สู้ไม่ไหวหรอกมั้ง กล้าพูดได้ยังไงว่าฉันพูดมั่ว? หรือ….ให้ฉันช่วยชี้แนะให้หน่อยเป็นไง?”
“เยี่ยเทียน อย่าพูดเป็นเล่น พลังของแอนนาเก่งจริงๆนะ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกชาย ซ่งเวยหลันรีบคว้าแขนเสื้อเยี่ยเทียนเอาไว้ เธอเคยเห็นแอนนาใช้มัดต่อยคนสูง 1.9 เมตรจนล้มไปกับพื้นมาแล้ว ร่างกายที่เล็กและผอมอย่างเยี่ยเทียน เหมือนหาเรื่องใส่ตัวชัดๆไม่ใช่เหรอ?
ดูเหมือนเยี่ยเทียนไม่ฟังคำพูดของแม่ “ไม่เป็นไรครับ แอนนาเป็นคนที่ติดตามคุณ วิชาของเธอยิ่งเก่งยิ่งดี ผมชี้แนะให้เขาหน่อยไม่เป็นไรหรอกครับ!”
“แม่กลัวลูกจะถูกเธอตีต่างหาก ยังไม่รู้เลยว่าใครชี้แนะใครกันแน่?”
ซ่งเวยหลันจะยิ้มก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่ใช่ เขานึกว่าลูกชายอยากจะโชว์ต่อหน้าตัวเองเสียอีก จึงหันไปมองแอนนาและพูดว่า “แอนนา ล้มเขาลงก็พอแล้วนะ ห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาด!”
แม้ซ่งเวยหลันจะรักเยี่ยเทียน แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ลูกชายเป็นคนหยิ่งยโส ดีที่ในห้องนอนมีพรมปูเอาไว้อย่างหนา แม้จะล้มลงไปเยี่ยเทียนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
“ค่ะ นายหญิง!”
หลังจากได้ยินคำพูดของซ่งเวยหลัน แอนนาเดินขึ้นหน้าโซฟา ยืดเส้นยืดสายส่วนคอ สองหมัด เสียงไขข้อก็ดังขึ้น
“แม่ง รูปร่างดีจริงๆ!”
เยี่ยเทียนลุกขึ้นยืน ในใจด่านังปีศาจ ถ้าเป็นผู้ชายที่คิดไม่ซื่อละก็ คงลงมือกับแอนนาไม่ได้จริงๆ เพราะเนินทั้งสองข้างที่นูนออกมากับใบหน้าที่งดงามดุจนางฟ้าแบบนั้นคงทำให้ผู้ชายมากมายยอมแพ้
แน่นอนว่า ใจของเยี่ยเทียนตอนนี้มองคนตรงข้ามเป็นเพียงคู่แข่งเท่านั้น ภายนอกที่สวยงามกำลังจะกลายเป็นโครงกระดูก
ท่าทีขี้เกียจของเยี่ยเทียนในตอนแรก ขณะนี้ยืนอย่างหลังตรง สภาพภายนอกเปลี่ยนไปในทันทีทันใด เหมือนดั่งดาบที่ไม่ได้ออกจากฝักดาบ กำลังแผ่แสงเย็นยะเยือกออกสู่ภายนอก
…………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น