ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 521-527
บทที่ 521 พาโลมาไปด้วย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบปีสองคนเป็นผู้ให้การบรรยาย ฉินสือโอวอ่านคำแนะนำก็พบว่าทั้งสองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำใกล้แถบชายฝั่งจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลแห่งโตเกียว หนึ่งในนั้นมีหนึ่งท่านที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษาระดับปริญญาเอก
เห็นฉินสือโอวกับวินนี่เดินเข้ามา นักศึกษาที่จัดงานบรรยายก็เข้ามาแจกโบชัวร์ให้พวกเขาหนึ่งชุด
ฉินสือโอวลองพลิกๆ ดู มีแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น เขาอ่านไม่ออก แต่เขาพอจะรู้จักปลา ข้างในมีเนื้อหาเกี่ยวกับปลาแอมเบอร์แจ๊คกับปลามะได น่าจะแนะนำการเพาะเลี้ยงปลาทั้งสองชนิดนี้
วินนี่เข้าใจแค่ภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน ส่วนฉินสือโอวขนาดภาษาญี่ปุ่นระดับพื้นฐานก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งสองคนฟังการบรรยายไม่รู้เรื่อง จึงพากันยืนฟังแค่ครู่เดียวก็เดินจากไป
ทว่าในระหว่างนี้ ฉินสือโอวก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความจริงจังที่มาจากชาวประมงและเจ้าของฟาร์มปลาที่มาร่วมฟังการบรรยาย
การเรียนรู้บนพื้นดินจำเป็นต้องรู้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสาร หรือไม่ก็ต้องเข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่เมื่อลงมาในทะเลก็ไม่จำเป็นแล้ว จิตสำนึกแห่งโพไซดอนกำลังเข้าไปสู่อ่าวโตเกียวอย่างฮึกเหิมภาคภูมิ
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนรัฐบาลโตเกียวจะเคยพยายามปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในอ่าวโตเกียวอย่างหนัก แต่คุณภาพน้ำในอ่าวโตเกียวก็ยังแย่มากอยู่ดี ถึงอย่างไรก็มีพื้นที่อุตสาหกรรมล้อมรอบอยู่ถึงสองแห่ง รวมกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละวัน ไหนจะเรือที่แล่นเข้าๆ ออกๆ อีก
สิ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือสาหร่ายทะเลในอ่าวที่มีสภาพการเจริญเติบโตอย่างย่ำแย่ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปเพ่งมองใกล้ๆ ก้นทะเล ห่างกันไม่เท่าไรถึงจะมองเห็นพุ่มสาหร่ายทะเลเป็นหย่อมๆ ไม่เหมือนกับที่ฟาร์มปลาต้าฉิน ที่ใต้น้ำบริเวณใกล้ฝั่งทะเลแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสนามหญ้าอยู่แล้ว
สาหร่ายทะเล วัชพืชน้ำไม่เหมือนกับพวกกุ้งกับปลา พวกมันไวต่อระดับค่าพีเอชของน้ำอยู่มาก คุณภาพของน้ำสกปรกไม่เป็นปัญหา สารอาหารน้อยเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ถ้าสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยมีค่าพีเอชไม่เหมาะสม เช่นนั้นพวกมันก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับมหาสมุทร ความยาวและความกว้างของมหาสมุทรนับตั้งแต่อดีตกาล ตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ค่าความเป็นกรดด่างของมหาสมุทรผืนใหญ่ทุกแห่งแทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้นสาหร่ายทะเลที่แพร่พันธุ์และดำรงชีวิตอยู่ในน่านน้ำเหล่านี้จึงไม่ได้วิวัฒนาการให้สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าพีเอช
ไม่มีสาหร่ายและวัชพืชทะเล แต่ในอ่าวโตเกียวก็มีปลาอยู่ไม่น้อย ปลาโบนิโต ปลาจาน ปลาแชด ปลาเพลซ ปลาซันมะ ปลาจำพวกปลาแซลมอนก็มีหมด นอกจากนี้ยังมีหมึกกระดอง หมึกและสัตว์ที่มีลำตัวนิ่มชนิดต่างๆ ก็มีอยู่มาก
ฉินสือโอวลองหาสาเหตุ ก็พูดได้เพียงว่าอ่าวโตเกียวสร้างแนวปะการังเทียมได้สำเร็จ เนื่องจากอ่าวแห่งนี้มีแม่น้ำหลายสายที่ไหลมาสู่ปากอ่าว ด้วยเหตุนี้จึงนำเอาแพลงก์ตอนจำนวนมหาศาลเข้ามาสู่ก้นทะเลด้วย
พอในอ่าวมีแนวปะการังเทียมเยอะขึ้น กระแสน้ำใต้ทะเลที่ซัดสาดใส่แนวปะการังเทียมก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ แล้วพัดเอาแพลงก์ตอนขึ้นมาเป็นอาหารให้ปลาและกุ้ง ช่วยขับเคลื่อนทรัพยากรประมงในบริเวณนี้
มาอ่าวโตเกียวในครั้งนี้ ฉินสือโอวก็มาเพื่อดูแนวปะการังเทียม กรมประมงโตเกียวใช้วัตถุทุกชนิดที่สามารถนำมาสร้างแนวปะการังเทียม ซากเรือลำเล็ก ก้อนหินไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้บางส่วนที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
อ่าวโตเกียวค่อนข้างตื้น ดังนั้นข้อกำหนดความสูงของปะการังจึงค่อนข้างต่ำ ตอนที่ฉินสือโอวเห็นซากเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานไม่ได้แล้วอย่างเครื่องเรือนที่ถูกทิ้งไว้ใต้ทะเลพวกนั้นเขายังนึกว่าเป็นวิธีการจัดการขยะของคนญี่ปุ่นเสียอีก แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ พวกเขาใช้วิธีสร้างปะการังที่รวดเร็วและสะดวกต่างหากล่ะ
ทุกวันนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมีพลังเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมื่อปลาทะเลสัมผัสได้ถึงพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็จะตามมาอย่างใกล้ชิด
ผ่านไปไม่นานลูกโลมาตัวเล็กๆ หลายตัวก็ปรากฏตัวขึ้นบ้างแล้วเหมือนกัน โลมาพวกนี้ต่างก็มีขนาดไม่ถึงครึ่งเมตร ตัวยังเล็กกระจิริด พวกมันม้วนตัวเล่นอยู่ในบริเวณน่านน้ำที่ถูกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมอย่างซุกซน นานๆ ครั้งก็จะกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำพร้อมทั้งส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข
โลมาพวกนี้เหมือนกันกับตัวโง่เง่า เป็นโลมาปากขวด เวลามีความสุขพออ้าปากออกก็เหมือนว่าพวกมันกำลังยิ้มอยู่ ดูน่ารักมากๆ
มองเห็นโลมาพวกนี้ ฉินสือโอวก็เกิดอาการใจกระตุกขึ้นมาทันที ชื่อเสียงเหม็นโฉ่ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วของอ่าวโตเกียวคืออะไร? ก็คือการฆ่าฝูงโลมายังไงล่ะ! เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนของทุกปี ชาวประมงญี่ปุ่นจะจัดงานที่เรียกว่าประเพณีบูชาทะเล
แต่ประเพณีโบราณก็เป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อล่าโลมามาทาน
ฉินสือโอวเคยดูภาพยนตร์สารคดีที่คว้ารางวัลออสการ์เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า ‘เดอะ โคฟ’ โหดร้ายทารุณอย่างถึงที่สุด! โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างยิ่ง! ไร้ความปรานีที่สุด! แม้กระทั่งคนเย็นชาอย่างเขา ก็ยังทนดูไม่จบจนต้องกดปิดวิดีโอ
ฉินสือโอวรู้ที่มาของโลมาพวกนี้ พวกมันไม่ได้ว่ายน้ำมาเอง ทว่าว่าถูกเรือประมงจับมาหรือไม่ก็ถูกต้อนเข้ามาที่อ่าวโตเกียว
เนื่องจากโครงสร้างพิเศษของอ่าวโตเกียว ที่มีปากอ่าวเล็กเกินไป ดังนั้นหากมีปลาใหญ่เข้ามาในอ่าว ก็ยากที่จะว่ายน้ำหนีออกไปได้
ชาวประมงญี่ปุ่นจึงใช้วิธีการนี้ในการเลี้ยงโลมา รอจนพวกมันโตแล้วค่อยฆ่าพวกมัน หรือที่เรียกว่า ‘หมูในอวย’ หมูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโลมา แต่หมายถึง ‘ลูกหมู’ นำโลมาที่ถูกฆ่ามาบรรยายด้วยหมูกับแกะที่ถูกเลี้ยงไว้รอวันเชือด
ไม่มีอะไรจะน่าละอายไปกว่านี้แล้ว!
ฉินสือโอวควบคุมลูกโลมาพวกนี้ แล้วออกคำสั่งอย่างชัดเจนเพื่อให้พวกมันหนีไปจากอ่าวโตเกียวทันที
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกลูกโลมามัวแต่อ้อยอิ่งเห็นแก่เล่นอยู่รอบๆ อ่าวโตเกียวจนถูกทำร้าย ฉินสือโอวจึงกำหนดตำแหน่งสำคัญไว้ให้พวกมัน นั่นก็คือเส้นทางไปสู่ฟาร์มปลาต้าฉิน
สำหรับพวกลูกโลมาแล้ว การเดินทางในครั้งนี้เรียกได้ว่ายากลำเค็ญ เนื่องจากพวกมันต้องว่ายน้ำจากอ่าวโตเกียวที่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกไปสู่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
แต่ฉินสือโอวต้องทำใจแข็งปล่อยให้พวกมันรับการขัดเกลาในครั้งนี้ มีแค่ที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเท่านั้น ที่เขาจะสามารถปกป้องโลมาพวกนี้เอาไว้ได้
หลังจากรับคำสั่งมาแล้ว เหล่าโลมาก็เริ่มเคลื่อนไหว ฉินสือโอวไม่คิดเสียดายที่จะถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับพวกมัน หลังจากนั้นก็ส่งพวกมันให้ออกเดินทาง
พอคิดถึงความเลวร้ายที่คนญี่ปุ่นทำกับโลมา ฉินสือโอวก็ไม่อยากศึกษาการสร้างแนวปะการังเทียมอะไรแล้ว จึงมุดผ่านอ่าวโตเกียวไปอย่างรวดเร็ว พอพบกับโลมาก็รวบรวมพวกมันเข้าด้วยกันแล้วกำหนดพิกัด ให้พวกมันว่ายไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
ในอ่าวโตเกียวมีโลมาอยู่ไม่น้อย ดูท่าว่าพวกชาวประมงก็น่าจะลงแรงเพื่อไล่ต้อนล่อให้พวกมันมาที่นี่ นอกจากโลมาปากขวดแล้ว ก็ยังมีโลมาคาดขาว โลมาฟันห่าง โลมาอิรวดี โลมาลายจุดแอตแลนติก โลมาลายจุดและสมาชิกอื่นๆ ในวงศ์โลมา
หลังจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเลื่อนระดับแล้วตอนนี้ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ถ้าหากจะพูดว่าก่อนหน้านี้เป็นรถซูเปอร์คาร์ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้มันก็คงเป็นรถแข่งเอฟวันแล้ว มันร้องคำรามและพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วจนบางครั้งฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาคิดตามไม่ทัน
อ่าวโตเกียวมีพื้นที่ไม่ใหญ่ มีขนาดเพียงเก้าร้อยกว่าตารางกิโลเมตรเท่านั้น ด้วยความเร็วของฉินสือโอว เวลาแค่ครึ่งวันก็เพียงพอสำหรับการสำรวจแล้ว
ต่อจากนั้นวินนี่เห็นว่าเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงหาแผงขายเครื่องดื่มแล้วพาเขาไปนั่งอาบแดดเพื่อหาอะไรดื่มสักหน่อย
เมื่อถึงเวลาบ่ายสาม ในที่สุดฉินสือโอวก็สำรวจอ่าวโตเกียวได้เกือบครบรอบแล้ว เขาคิดว่าโลมาในอ่าวน่าจะถูกเขาส่งออกไปจนหมดไม่มีตัวไหนหลุดรอดออกมาแล้ว
นอกจากนี้ ทรัพยากรปลาจานกับปลาแอมเบอร์แจ๊คในอ่าวโตเกียวก็ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์อยู่โดยตลอด พอได้พบฉินสือโอวก็ปล่อยพวกมันไป ทิ้งพิกัดของฟาร์มปลาต้าฉินเอาไว้ ให้มันหาทางไปเองแล้วกัน
ปลาทั้งสองชนิดนี้มีหลายตัวที่เป็นปลาขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นปลาที่ค่อนข้างมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
กวาดดูอ่าวโตเกียวแล้วหนึ่งรอบ ฉินสือโอวใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปพอสมควรแล้ว เขาจึงพาวินนี่กลับไปที่โรงแรมอย่างมีความสุข
หลังจากกลับมาถึงโรงแรม ก็พบว่ายังมีสื่ออีกจำนวนไม่น้อยที่ยังเหลือคนไว้ที่ที่โรงแรม นีลเซ็นกับเบิร์ดกำลังโม้ให้นักข่าวฟังด้วยความเบิกบานใจ
พอเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ นีลเซ็นก็ทักทายพวกเขา แล้วส่งกระดาษแผ่นใหญ่ความยาวสองเมตรกว้างกว่าหนึ่งเมตรให้กับพวกเขา แล้วบอกให้พวกเขาถ่ายรูปร่วมกัน
ฉินสือโอวมองดูกระดาษแผ่นนี้ ที่แท้ก็เป็นแผ่นป้ายเลียนแบบเช็คเงินสดนั่นเอง มีเลขศูนย์เรียงต่อกันไม่ขาด หน่วยเงินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ
2,750,000 ดอลลาร์สหรัฐ นี่คือเงินรางวัลที่สมาคมตกปลานานาชาติมอบให้!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้บัตเลอร์จะเคยพูดถึงจำนวนเงินรางวัลให้เขาฟังแล้ว แต่พอฉินสือโอวเห็นก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี นักตกปลาพวกนี้มีอันจะกินกันจริงๆ!
บทที่ 522 สมาคมตกปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
‘แชะ’ ‘แชะ’ พอแสงแฟลชส่องสว่าง รอยยิ้มของฉินสือโอวก็ถูกหยุดไว้บนภาพถ่าย
เขาวางป้ายเช็คลง ฉินสือโอวถามเบิร์ดเสียงเบาว่า “ทำไมฉันถึงต้องถ่ายรูปด้วยล่ะ?”
เบิร์ดยิ้มอย่างมีความสุขแล้วบอกกับเขาว่า “แบบนี้พวกเราถึงจะได้ดื่มด่ำกับความสุขจากการสร้างสถิติโลกด้วยกันยังไงล่ะครับ”
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือความยาวสี่เมตรที่ตกขึ้นมาได้ในครั้งนี้ สำหรับเพื่อนในวงการนักตกปลาแล้วนี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ประธานสมาคมตกปลานานาชาติถึงกับออกโรงด้วยตัวเอง รีบเดินทางจากฮาวายเพื่อมามอบประกาศนียบัตรให้กับพวกนีลเซ็น
ประธานสมาคมตกปลานานาชาติชื่อว่า โรเบิร์ตสัน มีม เป็นชายชาวอังกฤษอายุราวๆ ห้าสิบปี แต่กลับดูไม่แก่เลยแม้แต่นิดเดียว เส้นผมดกดำ ผิวพรรณเปล่งปลั่งใบหน้ามีเลือดฝาด น้ำเสียงเวลาพูดก็ดังเหมือนระฆัง สภาพร่างกายยังแข็งแรงดี
“ยินดีด้วยนะ นีลเซ็น เพื่อนยาก นายทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก” หลังจากนั่งลงแล้วโรเบิร์ตสันก็คุยกับนีลเซ็นไปพลางกับดื่มกาแฟไปพลาง
นีลเซ็นยิ้มอย่างมีความสุขแล้วตอบกลับไปว่า “ขอบคุณที่ชมครับ ท่านประธานสมาคม เป็นโชคดีมากที่ตกราชาทูน่าขึ้นมาได้ แต่เมื่อได้รับการยอมรับจากสมาคมตกปลานานาชาติ ก็ถือว่าเป็นโชคดียิ่งกว่า”
โรเบิร์ตสันรู้ว่าฉินสือโอวเป็นเจ้านายของนีลเซ็น ต่อจากนั้นจึงหันว่าพูดกับเขาว่า “ผมเคยได้ยินเรื่องของคุณมาก่อน มิสเตอร์ฉิน คุณเคยสร้างตำนานไว้ที่ท่าเรือเมืองกลอสเตอร์ การท้าพนันระหว่างคุณกับชาวประมงพวกนั้นยังถูกคนในพื้นที่เล่าต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้”
“พวกชาวประมงต่างก็พากันเรียกคุณว่าคำสาปลึกลับจากตะวันออก เพราะมีช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่ชาวประมงพากันตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือจากเมืองกลอสเตอร์ไม่ได้เลย” คนวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วย ช่วยพูดเสริม
ฉินสือโอวคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีชื่อเสียงในวงการนักตกปลามากขนาดนี้ แต่ก็คิดว่าคงไม่ใช่ชื่อเสียงในด้านที่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงยักไหล่น้อยๆ แล้วพูดว่า “ต้องเป็นแค่เรื่องล้อเล่นอยู่แล้วล่ะครับ ไม่คิดว่าเพื่อนๆ พวกนั้นจะคิดกันจริงๆ แถมพวกเขาทำเต็มที่แล้วแต่ก็ยังล้มเหลว น่าเสียดายจริงๆ”
“การตกปลาก็เป็นแบบนี้ บางครั้งก็ไม่มีปลาตัวไหนยอมกินเหยื่อของคุณเลย พวกมันจะอยู่ห่างออกไปจากคุณ ราวกับว่ามันได้กลิ่นลมหายใจของนักฆ่าที่คุณปล่อยออกมาผ่านน้ำทะเล” โรเบิร์ตสันหัวเราะฮ่าๆ ออกมา ไม่ถือสาความขัดแย้งของฉินสือโอวกับสมาคมตกปลาที่เมืองกลอสเตอร์เลยแม้แต่น้อย
ใช้ท่าเรือเมืองกลอสเตอร์เป็นจุดเริ่มต้น ทุกๆ คนดื่มน้ำชายามบ่าย ลิ้มรสซูชิชิ้นเล็ก ทาโกะยากิ ลูกชิ้นปลาอาหารขึ้นชื่อชนิดต่างๆ ของโตเกียวไปพร้อมๆ กับการพูดคุย
ในตอนท้ายโรเบิร์ตสันก็ถามนีลเซ็นว่า “คิดว่าปลาตัวนี้น่าจะทำเงินให้นายมากกว่าห้าล้าน เพื่อน นายเคยคิดไว้บ้างไหมว่าจะจัดการกับเงินก้อนนี้ยังไง? อย่างซื้อเรือเป็นของตัวเองแล้วออกไปหาปลารอบโลก?”
นีลเซ็นโบกมือปัดแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ๆๆ ท่านประธานสมาคม ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกครับ ฟาร์มปลาของพวกเรากำลังจับปลากันแล้ว หลังจากนี้น่าจะยุ่งมากๆ สำหรับการใช้สอยของเงินก้อนนั้น ผมจะลองปรึกษาเจ้านายของผมดู เพราะเขาเป็นมหาเศรษฐี เขามีประสบการณ์มาก่อน ใช่ไหมครับเจ้านาย?”
โรเบิร์ตสันตบบ่าของฉินสือโอวแล้วพูดกับเขาพร้อมทั้งหัวเราะเสียงดัง “ผมเห็นแล้วล่ะ เพื่อน คุณเป็นเจ้านายที่ดีคนหนึ่งเลย ดูสิ คุณเอาชนะใจเจ้าหนุ่มนี่ได้แล้วล่ะ พูดกันตามตรง ถ้าอยู่ๆ ผมหาเงินได้ถึงห้าล้าน ผมจะซื้อเรือไม้แสนรักสักลำแล้วพามันออกไปตกปลาทั่วโลกสักรอบหนึ่งแน่นอน”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วบอกกับเขาว่า “ที่จริงผมไม่ใช่เจ้านายที่เป็นที่รักแบบนั้นหรอกครับ แค่เพราะเจ้างั่งนีลเซ็นติดเงินผมอยู่เป็นล้าน เขารู้ว่าถ้าเอาเงินพวกนี้มาจ่ายหนี้แล้ว เขาก็จะยังถังแตกเหมือนเดิม ใช่ไหมเพื่อน?”
นีลเซ็นยกนิ้วโป้งให้เขาหลังจากกินทาโกะยากิเข้าไปแล้วหนึ่งคำ ไม่รู้ว่ากำลังชมรสชาติของทาโกะยากิหรือชมมุกตลกของฉินสือโอว
ในตอนค่ำโรเบิร์ตสันเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร พวกเขาพากันไปที่ร้านยูคิมูระร้านอาหารแบบดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงของโตเกียว
ร้านยูคิมูระเป็นหนึ่งในสิบสี่ร้านอาหารของโตเกียวที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาว เชฟใหญ่ยูคิมูระ จุน เกิดในครอบครัวอาหารญี่ปุ่น ตั้งแต่อายุแปดขวบเขาก็เริ่มศึกษาวิธีทำอาหารจากพ่อ ในช่วงฤดูร้อนของปี 2000 เขาก็พาร้านอาหารของครอบครัวจากคิตะคิวชูมาเปิดที่โตเกียว
เหมือนกับร้านอาหารสามดาวทุกร้าน ร้านยูคิมูระต้องจองคิวไว้ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ ทว่าโรเบิร์ตสันเป็นถึงประธานสมาคมตกปลา มีคอนเนคชั่นอยู่หลากหลาย แค่ยกโทรศัพท์ครั้งเดียวก็จองโต๊ะได้แล้ว ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ ก็นับว่าได้ประโยชน์ไปด้วย
ตอนที่โรเบิร์ตสันและคนอื่นๆ มาถึงร้านอาหาร ชายวัยกลางคนสวมเครื่องแต่งกายของเชฟใหญ่พร้อมทั้งผูกผ้าโพกไว้บนหัวก็กำลังรออยู่ที่หน้าประตูร้านด้วยความเคารพ พอเห็นพวกเขาก็โค้งคำนับหนึ่งครั้ง แล้วตะโกนออกมาว่า “อิรัชชัยมาเสะ!” (ยินดีต้อนรับครับ)
โรเบิร์ตสันตอบกลับไปตามมารยาทว่า “อาริกาโต!” (ขอบคุณครับ)
ฉินสือโอวไม่เข้าใจประเพณีของญี่ปุ่น ดังนั้นเขาจึงต้องทำตามผู้รู้ โรเบิร์ตสันทำยังไงเขาก็ทำอย่างนั้น
ร้านอาหารแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นัก ใช้ไม้ซุงกับกระดาษในการตกแต่ง ร้านเต็มไปด้วยบรรยากาศของความโบราณและความเรียบง่ายในร้านมีเพียงที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ทั้งหมดเก้าที่นั่งกับที่นั่งแบบโต๊ะกลมอีกหนึ่งตัว โรเบิร์ตสันจองที่นั่งแบบโต๊ะกลมเอาไว้
นีลเซ็นพูดยิ้มๆ ว่า “ท่านประธานสมาคมมีหน้ามีตาจริงๆ สามารถจองโต๊ะอาหารแบบนี้ได้ด้วย”
โรเบิร์ตสันยิ้มน้อยๆ พร้อมทั้งตอบกลับไปว่า “ไม่เท่าไรหรอก ก่อนหน้านี้ฉันโทรไปหาอธิบดีกรมประมงโตเกียวน่ะ เขาต่างหากที่มีหน้ามีตา นายดูสิ เมื่อกี้นี้เจ้าของร้านถึงกับออกมาต้อนรับพวกเราด้วยตัวเอง นั่นเป็นเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากอธิบดีท่านนั้นนั่นแหละ”
เอกลักษณ์ของร้านยูคิมูระก็คือความหลากหลาย เชฟใหญ่เจ้าของร้านถูกเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ที่มีความชำนาญในการใช้วัตถุดิบทั้งสี่ฤดู ทุกๆ ปีวัตถุดิบที่ใช้แทบจะไม่ซ้ำกันเลย จะทำแค่อาหารที่เหมาะกับฤดูกาลนี้เท่านั้น
ร้านอาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาสั่งอาหาร เพียงแค่บอกเชฟเรื่องลักษณะการกินหรือบอกว่าอยากจะชิมอะไร เชฟก็จะทำอาหารตามความต้องการของลูกค้า ดังนั้น การเป็นเชฟใหญ่ของร้านอาหารมิชลิน 3 ดาวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นอกจากต้องทำอาหารเป็นแล้ว ยังต้องรังสรรค์เมนูได้ด้วย
โตเกียวมีวิธีเรียกการรับประทานปูในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ นี่ไม่เหมือนกับฤดูกาลสำหรับการจับจ่ายของจีน ปูเป็นอาหารประเภทเย็น ชาวญี่ปุ่นทานปูในปลายฤดูใบไม้ผลิ มีความหมายเกี่ยวกับการเตรียมตัวต้อนรับฤดูร้อนที่รุนแรง อาหารจานหลักที่ยูคิมูระ จุนเตรียมไว้ให้พวกเขาก็คือปูนั่นเอง
แค่ครู่เดียวอาหารคาวแต่ละจานก็ถูกนำมาเสิร์ฟ นอกจากผักดองแล้ว อาหารที่นำขึ้นโต๊ะเป็นอย่างแรกเลยก็คือกระดองปูที่ถูกจัดวางลงบนถ้วยใบเล็ก
ขณะที่นำอาหารมาเสิร์ฟ ยูคิมูระ จุนก็ตั้งใจเข้ามาแนะนำอาหารด้วยตัวเอง พนักงานผู้ติดตามจึงช่วยแปลให้ฟังว่า “เชฟบอกว่า ชาวญี่ปุ่นมีวิธีพูดเกี่ยวกับการทานปู เรียกว่า ‘ในหนึ่งชีวิตต้องทานปูไทซากานิสักครั้ง’ สิ่งสำคัญสำหรับปูไทซากานิก็คือปูหิมะกับปูทาราบะ เขาขอเชิญให้ทุกๆ คนลองชิมดูก่อน”
ฉินสือโอวหยิบกระดองปูขึ้นมาหนึ่งชิ้น ข้างในมีเนื้อปูนุ่มละเอียดเหมือนเต้าหู้สีขาวอยู่สองชิ้น ตรงกลางมีไข่ปูสีเหลือง ใช้ก้ามปูตักขึ้นมาชิม รสชาติสดอร่อยเจือรสหวาน โดดเด่นมากจริงๆ
นอกจากเมนูปูไทซากานิแล้ว เมนูที่ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจมากๆ ก็คืออาหารขึ้นชื่อประจำร้าน คือปูไทซากานิเคล้ารากโกโบ
เจ้าของร้านอธิบายว่ารากโกโบที่เขาใช้เป็นของขึ้นชื่อของโฮริคาวะ ปูที่ใช้ยังคงเป็นปูไทซากานิทั้งหมด
พอโรเบิร์ตสันได้ทานก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก เจ้าของร้านก็แย้มยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมกับพูดว่าชมกันเกินไปไม่หยุด
ฉินสือโอวเห็นว่าวินนี่ชอบ จึงขอให้เจ้าของร้านช่วยสอนวิธีทำเมนูนี้ เจ้าของร้านคนนี้ก็ไม่ได้หวงวิชา พาเขาเข้าครัวด้วยตัวเองแล้วสอนเขาจนทำออกมาได้หนึ่งจาน
ฉินสือโอวตั้งใจเรียน เอาปูไปต้มให้สุกแล้วแกะกระดองออกก่อน เอารากโกโบไปหมักเหล้า เตรียมซุปปลาโบนิโต เหยาะซอสถั่วเหลืองรสอ่อนผสมกันเพื่อปรุงอาหาร หลังจากนั้นก็ใส่เหล้าลงไปก่อน เติมซุปปลาโบนิโต ใส่มิรินกับผักเคียงที่หมักด้วยซอสถั่วเหลือง หลังจากนั้นก็ใส่เหล้าใสที่ทำขึ้นพิเศษลงไปบนรากพืชบางส่วน ผสมกันให้ได้ตามปริมาณก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หลังจากได้เห็นวิธีทำฉินสือโอวก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของร้านไม่กลัวว่าคนอื่นจะลอกสูตร ฝีมือการทำอาหารชนิดนี้นอกจากว่าเจ้าของร้านที่ฝึกฝนด้วยความเอาใจใส่ ก็คงทำออกมาให้เหมือนรสชาติดั้งเดิมของมันได้ยาก ซุปปลาโบนิโต ซุปปลาโบนิโตคือส่วนผสมลับ!
บทที่ 523 ตื่นเช้าไปตลาดปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
มื้อเย็นทานอาหารทะเลแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ไปแล้ว พอกลับมาถึงโรงแรมฉินสือโอวก็เตรียมพร้อมสำหรับการประมูลในวันพรุ่งนี้
งานประมูลจะถูกจัดขึ้นตอนแปดโมงครึ่งของวันพรุ่งนี้ ฟ้ายังไม่ทันสว่างฉินสือโอวก็ถูกเทซึกะ โกดะโทรศัพท์มาตาม พอเขาออกมาจากโรงแรม นิชิมุระ เร็นก็ขับรถมารอรับพวกเขาแล้ว
มองดูนิชิมุระ เร็นที่แต่งกายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดูเอาจริงเอาจัง ฉินสือโอวก็แอบทอดถอนใจอยู่เงียบๆ แม่เอ็งทำงานในโตเกียวต้องทุ่มเทสุดชีวิตจริงๆ อย่าว่าแต่ฉินสือโอวตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อมาออกกำลังกายทุกวัน แต่ถ้าให้เขาทำงานที่เอาจริงเอาจังขนาดนี้ก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน
ออกเดินทางไปตลาดสึกิจิ ฟ้าทางทิศตะวันออกถึงเพิ่งจะสว่าง โคมไฟกระดาษของศาลเจ้าอินาริก็แกว่งไกวไปตามลม ส่องแสงสว่างสีขาวออกมา
นิชิมุระ เร็นพูดเล่าให้ฉินสือโอวฟัง บอกกับเขาว่า ถ้าโคมไฟที่เขียนชื่อร้านไหนกำลังส่องสว่าง ก็หมายความว่าวันนี้ร้านนั้นทำงานที่ตลาด แต่ถ้าโคมไฟของร้านไหนดับ นั่นก็หมายความว่าวันนี้ร้านนั้นไม่มีอาหารทะเลที่จะนำมาขาย
ฉินสือโอวนึกถึงคำบอกเล่าของบัตเลอร์ ก็ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจว่า “ถ้าอย่างนั้นด้านนอกตลาดก็ต้องมีโคมไฟอยู่ถึงแปดร้อยกว่าอันเลยน่ะสิ?”
เขาจำได้ว่าตลาดสึกิจิมีร้านขายอาหารทะเลขนาดใหญ่อยู่แปดร้านกับร้านค้าขนาดกลางอีกแปดร้อยร้าน
นิชิมุระ เร็นยิ้มน้อยๆ แล้วตอบเขากลับมาว่า “ฉินซัง คุณทายผิดแล้วล่ะครับ ที่จริงแล้วที่นี่มีโคมไฟของร้านค้าอยู่หนึ่งพันหกสิบสองอัน นอกจากร้านขายอาหารทะเลแล้ว ก็ยังมีร้านขายผักผลไม้อยู่ด้วย ที่นี่ก็มีโคมไฟของพวกเขาเหมือนกัน”
นีลเซ็นกับเบิร์ดรู้สึกชื่นชม ที่นครเซนต์จอห์นไม่มีตลาดแผงลอยแบบนี้อยู่เลย
เล่ามาถึงตอนสุดท้าย นิชิมุระ เร็นก็พูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “ยิ่งโคมไฟส่องสว่างติดต่อกันเป็นเวลานานเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าที่ร้านมีอาหารทะเลอยู่เพียงพอ เวลาตั้งแผงขายสินค้าก็ยิ่งติดต่อกันยาวนาน จนถึงตอนนี้ โคมไฟของบริษัทร่วมทุนคิโยมุระของพวกเราก็ส่องสว่างติดต่อกันตลอดทั้งวันมาเป็นเวลาสี่พันสองร้อยยี่สิบแปดวันแล้ว!”
พอเข้ามาในตลาด พ่อค้ารายย่อยกับบรรดาร้านค้าแผงเล็กก็ออกมาขายอาหารเช้า เป้าหมายก็คือร้านอาหารทะเลกับบรรดาแม่บ้านที่มาตลาดตั้งแต่ตั้งแต่เช้านั่นเอง
ฉินสือโอวมองออกไปไกลๆ ในหลายๆ ที่ต่างก็มีแผงขายอาหารอย่างทาโกะยากิ โซบะ เท็มปูระ โดรายากิ คัสเทลล่าเค้ก เหมือนกันกับตลาดเช้า
การประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือถูกจัดขึ้นใกล้ๆ กับประตูคาจิโดกิ ก่อนหน้านี้พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ว่างเปล่ามาก่อน พอฉินสือโอวและคนอื่นๆ เดินผ่าน ก็เห็นแต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือที่วางเรียงรายกันเต็มไปหมด
อย่างน้อยที่สุดก็มีพื้นที่มากกว่าหนึ่งหมื่นตารางเมตร ที่กำลังจัดวางปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือจำนวนนับไม่ถ้วน ฉินสือโอวลองนับดูคร่าวๆ อาจจะมีมากถึงหนึ่งพันตัว!
พอมาถึงที่นี่ ถึงได้รู้ว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินจำนวนมากที่จับได้ในแต่ละปีนั้นไปอยู่ที่ไหนกันหมด!
ฉินสือโอวพูดอย่างทอดถอนใจว่า “ที่นี่มีขนาดใหญ่จริงๆ”
นิชิมุระ เร็นก็ตอบเขากลับไปอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉินซัง ผมไม่ได้คุยโตนะครับ แต่ที่นี่คือตลาดประมูลปลาทูน่าที่ใหญ่ที่สุดในโลก! ทว่าครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งที่ใหญ่ที่สุดหรอกครับ การประมูลวันนี้มีแต่ปลาทูน่าสด จำนวนจึงค่อนข้างน้อย ทุกๆ วันที่หกของช่วงปีใหม่ในแต่ละปีจะมีการจัดงานประมูลปลาทูน่าครั้งใหญ่ที่สุดขึ้น เนื่องจากสะสมปลาทูน่าแช่แข็งไว้หนึ่งถึงสองเดือน อย่างเช่นงานประมูลปีหลังของปีนี้ ก็ประมูลขายปลาทูน่าออกไปได้ทั้งหมด 2,842 ตัว รวมทั้งหมด 18.52 ตัน!”
ประตูคาจิโดกิเป็นทางเข้าที่ใหญ่ที่สุดของตลาดสึกิจิ มีอาณาเขตติดกับสะพานคาจิโดกิ บริเวณใกล้เคียงในขอบเขตของตลาดมี ‘ศูนย์รวมปลายอดนิยม’ ‘ที่ทำการศูนย์สวัสดิการตลาดสึกิจิ’ และยังมี ‘พิพิธภัณฑ์สะพานคาจิโดกิ’
นิชิมุระ เร็นแนะนำให้ฉินสือโอวฟังว่า สิ่งที่เรียกว่าพิพิธภัณฑ์พวกนี้ แท้จริงแล้วก็คือแหล่งท่องเที่ยวนั่นเอง นอกจากนักท่องเที่ยวจำนวน 140 คนที่รับเข้ามาตอนตีสี่ของทุกๆ วันแล้ว เวลาอื่นๆ ทางตลาดจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในตลาด ถ้านักท่องเที่ยวมาถึงแล้วก็จะไปเที่ยวชมถ่ายรูปที่พิพิธภัณฑ์
ตามนิชิมุระ เร็นเดินดูผ่านๆ อยู่หนึ่งรอบ เทซึกะ โกดะที่สวมใส่ชุดทำงานสีฟ้ากับรองเท้าบูตกันน้ำก็รีบวิ่งเข้ามาหา พอพบกับฉินสือโอวก็โค้งคำนับเขาก่อน แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษจริงๆ ครับ ฉินซัง ผมดูแลได้ไม่ทั่วถึงเอง! วันนี้องค์กรของพวกเรามีปลาที่ถูกใจอยู่ค่อนข้างมาก ผมเลยต้องนำทีมตรวจสอบด้วยตัวเอง หวังว่าคุณจะให้อภัยนะครับ!”
“ท่านประธานขี้เกรงใจเกินไปแล้ว คุณไปทำงานก่อนเถอะครับ มิสเตอร์นิชิมุระให้การต้อนรับได้ดีมากๆ ผมได้เรียนรู้จากเขาหลายอย่างเลย เขาเป็นคนหนุ่มที่มีความโดดเด่นจริงๆ ” ฉินสือโอวพูดขึ้นมาด้วยความเร่งร้อน สำหรับคำพูดที่มีพิธีรีตองของชายคนนี้ เขารู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอดเลย ดูเจ้าเล่ห์เพทุบาย
พอเทซึกะ โกดะได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็หันไปยิ้มให้กับนิชิมุระ เร็น แล้วกล่าวชมเขาว่า “นิชิมุระคุงเป็นคนรุ่นใหม่มีความสามารถที่ได้รับการปลูกฝังจากองค์กรของเรา เขาสามารถทำให้ฉินซังรู้สึกพึงพอใจได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว พรุ่งนี้ผมจะเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับฉินซังกับบัตเลอร์ซังที่บ้านของผม ถึงตอนนั้นนิชิมุระคุงก็มาด้วยกันสิ”
พอได้ยินคำนี้ นิชิมุระ เร็นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที มือทั้งสองข้างของเขาแนบอยู่บนขอบกางเกงสแล็ค เหมือนกับการพับกระดาษ ‘ฟึบ’ เขาก็โค้งคำนับเก้าสิบองศาลงอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งตะโกนออกมาว่า “ไฮ่ ท่านประธาน นิชิมุระขอขอบคุณคำชื่นชมของท่านครับ!”
เทซึกะ โกดะตบไหล่ของนิชิมุระ เร็นไปมา จากนั้นก็พากลุ่มลูกน้องเดินออกไปด้วยความเร่งรีบ จนแทบจะเป็นการวิ่งเหยาะๆ
ส่วนนิชิมุระ เร็นที่ถูกเทซึกะ โกดะตบไหล่ก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาหันกลับมาโค้งคำนับฉินสือโอวอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณคำพูดที่สวยงามของคุณนะครับ ฉินซัง นิชิมุระรู้สึกซาบซึ้งอย่างถึงที่สุด!”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มออกมา เอาล่ะๆๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองกันขนาดนี้แล้ว นายโค้งคำนับไปๆ มาๆ ขนาดนี้ ต่อไปจะยังคุยเล่นสนุกๆ กันได้อีกไหมเนี่ย?
ตีห้าครึ่งการประมูลปลาทูน่าก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ตอนนี้จะเป็นช่วงที่งานยุ่งที่สุด คนงานของตลาดก็กำลังยุ่งกับการติดเครื่องหมายให้ปลาทูน่า ส่วนผู้ซื้อที่เตรียมตัวเข้าร่วมการประมูลก็ยุ่งอยู่กับการตรวจสอบคุณภาพของเนื้อปลาทูน่าที่น่าสนใจ
ปลาทูน่ากว่าพันตัว ก็เพียงพอที่จะทำให้บรรดาผู้ซื้อยุ่งกับงาน ทว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ดูปลาทุกตัว คุณภาพของเนื้อปลาทูน่าไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้น สิ่งที่พวกเขาต้องให้ความสนใจก็คือปลาที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ อย่างเช่นราชาทูน่า
ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัย ราชาทูน่าต้องเป็นสินค้าประมูลชิ้นสำคัญของการประมูลครั้งนี้อยู่แล้ว พูดได้ถึงกระทั่งว่า ไม่ว่าจะเป็นการประมูลในปีไหนมันก็จะยังเป็นสินค้าชิ้นสำคัญ
เพื่อที่จะให้ความคุ้มกันปลาตัวนี้ ทางตลาดจึงส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มร่างกายแข็งแรงกำยำมาสองคน เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนยืนประจำอยู่ด้านข้างปลา ถ้ามีคนคิดจะสัมผัสปลาตัวนี้พวกเขาก็จะขัดขวางทันที นอกจากนี้ถ้าหากมีคนหยุดอยู่ตรงนี้นานเกินไป พวกเขาก็จะเชิญให้ออกไปจากตรงนี้เช่นกัน
หางและครีบของปลาทูน่าที่จะเข้าร่วมการประมูลล้วนแต่ถูกตัดออกไปแล้ว ดังนั้นแค่ดูคุณภาพของเนื้อปลาจากส่วนนี้ก็พอแล้ว มีแค่ราชาทูน่าเท่านั้นที่ไม่อนุญาตให้แตะจับ ส่วนปลาตัวอื่นๆ สามารถเดินชมได้ตามสบาย
ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีปลาทูน่าอยู่หลายตัว ทว่าผู้เข้าประมูลกลับมีอยู่ไม่มาก ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมูลล้วนแต่เป็นตัวแทนการค้าชั้นหนึ่งในตลาดปลาทั้งนั้น
พวกเขาจะส่งพนักงานที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมและตั้งทีมเล็กๆ เพื่อตรวจสอบปลา หัวหน้าทีมมักจะเป็นนักตกปลาทูน่าที่มีประสบการณ์มากที่สุด อย่างเช่นหัวหน้าทีมของบริษัทร่วมทุนคิโยมุระก็เป็นชายอายุเจ็ดสิบปีคนหนึ่ง
นิชิมุระ เร็นเตรียมตะขอปลาอันเล็กกับไฟฉายไว้แล้ว ฉินสือโอวเห็นว่านี่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานของพนักงานตรวจสอบปลา จึงตามเข้าไปดู คนอื่นทำงานอย่างจริงจังส่วนเขาแค่เข้าไปดูด้วยความสนุก
ทว่าแค่ครู่เดียวตัวปลอมแบบเขาก็แสดงพิรุธออกมา เนื่องจากท่าทางการตรวจสอบปลาของเขาไม่มีความชำนาญเลย ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาเชิญเขาให้ออกไป ตลาดสึกิจิมีกฎเกณฑ์อยู่หลายข้อ กฎข้อแรกก็คือผู้ที่ไม่ได้ประมูลกับผู้ที่ไม่ใช่แขกวีไอพีจะไม่สามารถจับปลาได้
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังไล่เขาออกไป นิชิมุระ เร็นก็เก็บท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนที่มีต่อฉินสือโอวกับเทซึกะ โกดะเอาไว้ เขาจ้องเขม็งไปที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วตวาดเสียงดังว่า “โง่เง่า! นี่คือแขกวีไอพีของบริษัทร่วมทุนคิโยมุระของพวกเรา ทั้งยังเป็นเพื่อนที่ดีของหัวหน้าเทซึกะอีกด้วย นายกล้าไล่เขาได้ยังไง? ไม่อยากทำงานที่นี่แล้วใช่ไหม?”
หลังจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นบัตรประจำตัวพนักงานของนิชิมุระ เร็น ก็โค้งคำนับไม่หยุด วินนี่จับนิชิมุระ เร็นไว้แล้วบอกกับเขาว่าช่างมันเถอะนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงได้ปาดเหงื่อเย็นๆ แล้วเดินจากไป
บทที่ 524 บรรยากาศ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินออกไปแล้ว วินนี่กับฉินสือโอวก็เดินรั้งท้าย พวกเขาคุยกันเบาๆ โดยใช้ภาษาจีน “ฉันไม่ค่อยชอบคนญี่ปุ่นเลย เราไม่ควรทำแบบนั้นกับคนอื่น ใช่ไหมล่ะคะ?”
“วัฒนธรรมกับการอบรมสั่งสอนไม่เหมือนกันน่ะ แต่ผมเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน” ฉินสือโอวกล่าว
ผู้เข้าร่วมการประมูลจำนวนมาก สถานที่ก็กว้างใหญ่ แต่กลับไม่มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นทีมพนักงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบหรือตัวแทนการค้าที่มาเข้าร่วมการแข่งขันประมูล ต่างก็โน้มตัวเข้าหากันแล้วกระซิบคุยกันใกล้ๆ ถ้าหากว่าอยู่ไกลกันออกไปพวกเขาก็จะใช้ภาษามือในการสื่อสาร รักษาความลับของการทำงานอย่างถึงที่สุด
ตีห้าครึ่ง การประมูลก็เริ่มขึ้นอย่างตรงเวลา
พนักงานในชุดเครื่องแบบสีฟ้าก็เดินเข้ามาที่แถวแรกสุดด้านหน้าปลาทูน่า คนอ้วนหัวโล้นยืนอยู่ข้างหน้าสุดพร้อมกับกระดิ่งทองแดงในมือ ส่วนคนอื่นๆ ก็กำลังถือเอาไอแพด บ้างก็กำลังถือสมุดจดบันทึก บ้างก็กำลังควบคุมกล้องถ่ายภาพและวิดีโออยู่ การประมูลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผู้เข้าร่วมการแข่งขันประมูลทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้านหน้าผู้ทอดตลาด แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังคงตรวจสอบปลาทูน่าอยู่ นิชิมุระ เร็นอธิบายให้ฟังว่าคนกลุ่มนั้นไม่สนใจปลาล็อตนี้ การประมูลปลาทูน่าจะแบ่งกันตามเขตพื้นที่
ฉินสือโอวลองสังเกตดู ที่แท้ปลาทูน่าพวกนี้ก็แบ่งตามภูมิภาคของแหล่งกำเนิดนั่นเอง แบ่งประเภทเป็นทะเลญี่ปุ่น ทะเลออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ มหาสมุทรแอตแลนติกของอเมริกา มหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกา และมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือของแคนาดาเป็นต้น
นี่ทำให้เขาไม่รู้จะพูดยังไงดี คนญี่ปุ่นทำงานอย่างละเอียดรอบคอบจริงๆ แต่ก็ละเอียดจนออกแนวทื่อๆ ปลาทูน่าเป็นปลาที่ว่ายน้ำตระเวนไปทั่วโลก พวกมันสามารถว่ายน้ำไปมาระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ได้ตลอดชีวิต จับได้จากที่ไหนก็ไม่ได้แตกต่างกันมานัก
พอผู้ทอดตลาดหัวโล้นสั่นกระดิ่ง ภายในงานก็เงียบสงบลงทันตา แม้กระทั่งเสียงฝีเท้าก็ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
ราคาอาหารทะเลของตลาดสึกิจิเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ราคาขายส่งที่พลาดการเข้าแข่งขันประมูลจากที่นี่จะถูกเรียกว่า ‘ราคาป้ายตามมาตรฐาน’ เมื่อราคาออกมาแล้ว ก็จะกลายเป็นราคาค้าขายมาตรฐานของตลาดทั่วประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นขอแค่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดราคา ผู้คนก็จะนิ่งเงียบมาก
ได้รับอิทธิพลจากฝูงคน ฉินสือโอวก็เริ่มรู้สึกถึงความตึงเครียดขึ้นมาหน่อยๆ บรรยากาศของการประมูลเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผู้ทอดตลาดหัวโล้นยืนอยู่บนโต๊ะไม้เก่าๆ สำหรับการประมูล ฉินสือโอวคิดว่านี่เป็นเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น นิชิมุระ เร็นจึงเล่าภูมิหลังของโต๊ะตัวนี้ให้เขาฟังว่า มันเป็นโต๊ะที่ถูกย้ายมาจากตลาดสึกิจิที่เก่า ในปีที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโต โต๊ะตัวนี้เป็นเครื่องเรือนชิ้นเดียวที่มีสภาพสมบูรณ์จากกองซากปรักหักพังของตลาด
การประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในชั่วพริบตา ฉินสือโอวมองดูทุกๆ คนที่กำลังเตรียมตัวแข่งขันกันด้วยความรู้สึกอึดอัด แต่ปรากฏว่าอยู่ๆ วัยรุ่นฝรั่งผมทองตาฟ้าคนหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาจากกลุ่มฝูงชนที่มาร่วมงาน
หลังจากวิ่งออกมาแล้วชาวต่างชาติคนนั้นก็ขยับมือและเท้าถอดเสื้อคลุมที่อยู่ด้านนอกออก เขาไม่ได้ใส่อะไรไว้ด้านในแม้แต่ชิ้นเดียว จึงเปลือยกายออกมาทั้งอย่างนั้น บนร่างกายของเขาเขียนสโลแกนภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษเอาไว้เต็มตัว หลังจากถอดเสื้อผ้าแล้วเขาก็เริ่มตะโกนออกมาว่า “ต่อต้านการประมูลปลาทูน่า! ต่อต้านการค้าขายปลาทูน่า! ต่อต้านการจับปลาทูน่า!”
กลุ่มคนที่ยืนอยู่กับชาวต่างชาติเมื่อก่อนหน้านี้ก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือกับกล้องถ่ายรูปออกมาแล้วเริ่มบันทึกภาพไว้อย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังร่วมกันตะโกนสโลแกนเสียงดัง บรรยากาศของการประมูลก็หายไปทันที
สีหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปทันที พวกเขารีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาห่อตัววัยรุ่นผมทองคนนั้นเอาไว้ แต่วัยรุ่นคนนั้นก็มีฝีมือที่ไม่เลวเลย เตะต่อยจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนถึงกับล้มลงไป
พอผู้ทอดตลาดตะโกนออกไป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาเสริม ล้อมวัยรุ่นฝรั่งและชาวต่างชาติคนอื่นๆ เอาไว้ แล้วบังคับพาพวกเขาออกไปนอกตลาด แน่นอนว่า ก่อนจะพาพวกเขาออกไปก็ยึดพวกโทรศัพท์มือถือกับกล้องถ่ายรูปไว้ก่อนแล้ว นี่ไม่นับว่าผิดกฎหมาย เพราะนี่เป็นกฎของตลาด
แต่วินนี่กลับรู้สึกค่อนข้างนับถือวัยรุ่นพวกนี้ เธอพูดด้วยความรู้สึกเสียดายว่า “เสียดายรูปภาพพวกนั้นจัง ถ้าหากได้เห็นในหน้าหนังสือพิมพ์ ต้องช่วยเรื่องการคุ้มครองปลาทูน่าได้มากแน่ๆ”
เบิร์ดหันมาสบตากับนีลเซ็น หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันยิ้มออกมา
ฉินสือโอวถามว่าพวกเขายิ้มอะไรกัน เบิร์ดจึงชี้ไปที่กระดุมชุดสูท แล้วพูดเสียงเบา “กล้องแบบพกพา ความชัด 720p ใช้ได้ทั้งถ่ายภาพและวิดีโอ”
นีลเซ็นให้เขาดูนาฬิกาของตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาบ้างว่า “นาฬิกาข้อมือมอสสาดของอิสราเอลใช้สำหรับถ่ายภาพโดยเฉพาะ ถ่ายได้หนึ่งครั้งต่อห้าวินาที บันทึกข้อมูลอัตโนมัติ เรื่องเมื่อสักครู่ถูกผมถ่ายไว้หมดแล้ว”
ฉินสือโอวถึงกับมึนหัว เขาพูดขึ้นมาว่า “พวกนายพกของพวกนี้มาทำไม?”
นีลเซ็นจึงตอบเขาอย่างสมเหตุสมผล “โตเกียวไม่ใช่ถิ่นของพวกเรา ถ้าเจอเรื่องวุ่นวายขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะ? ของพวกนี้สามารถเก็บหลักฐานเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรพวกเราก็ไม่กลัว”
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าตัวเองทำดีแล้วที่เพิ่มเงินเดือนให้กับทั้งคู่ ความเป็นมืออาชีพของพวกเขาก็คุ้มกับเงินพวกนั้นแล้วล่ะ
ในที่สุด การประมูลก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ผู้ทอดตลาดอ้วนท้วมหัวโล้นพูดจาเสียงดัง อย่างเต็มไปด้วยความมั่นใจ หลังจากทักทายปราศรัยเพื่อเปิดเวทีแล้ว เขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เปิดตลาดวันนี้ ขายสินค้าเต็มจำนวน” นิชิมุระ เร็นจึงอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “นี่คือกฎเหล็กของการประมูล ของที่มาถึงวันนั้นก็ต้องประมูลให้เสร็จภายในวันเดียวกันครับ”
เมื่อเตรียมงานเรียบร้อยแล้ว ผู้ทอดตลาดก็เริ่มทำการประมูลตั้งแต่ปลาตัวแรก ฉินสือโอวฟังไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าท่าทางมือของเขาหมายความว่ายังไง ผู้ทอดตลาดนอกจากจะตะโกนเสียงดังแล้วก็ยังทำสัญลักษณ์มือออกมาไม่หยุด
ตัวแทนการค้าที่เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ด้านล่างก็ทำสัญลักษณ์มือออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ในตอนนี้ฉินสือโอวก็พบว่าบัตเลอร์เองก็พาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในบริเวณงานแล้วเช่นกัน เขากำลังกระซิบปรึกษาอะไรสักอย่างอยู่กับเทซึกะ โกดะที่อยู่ไกลออกไป
นิชิมุระช่วยแปลและอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “ปลาล็อตนี้มาจากทะเลญี่ปุ่น ตัวที่เล็กที่สุดหนัก 25 กิโลกรัม ตัวที่ใหญ่ที่สุดหนัก 55 กิโลกรัม ราคาประมูลเริ่มต้นที่สองหมื่นเยนต่อหนึ่งกิโลกรัม… ปลาตัวแรกมิสเตอร์โชยะ คามิยากาวะสองหมื่นสองพันเยน บริษัทนาราโชโกะจำกัดเสนอเงินสองหมื่นสองพันห้าร้อยเยน ตกลงขาย! ปลาตัวที่สอง… ปลาตัวที่สาม…”
นิชิมุระ เร็นแปลด้วยเสียงเบาอย่างรวดเร็ว ช่วงแรกฉินสือโอวฟังเข้าใจแค่พอคร่าวๆ ต่อจากนั้นเขาก็ตามไม่ทันแล้ว
จังหวะในการประมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ปลาหนึ่งพันตัวที่ต้องประมูลให้เสร็จภายในช่วงเช้า จะชักช้าได้ยังไงกัน?
เหมือนกับเล่นทายนับนิ้วตอนเมา ผู้ทอดตลาดทั้งร้องตะโกนทั้งทำท่านับนิ้ว ผู้เข้าแข่งขันประมูลที่อยู่ด้านล่างก็เสนอราคาออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขามีโอกาสเสนอราคาครั้งเดียว พอผู้ทอดตลาดประกาศราคาขั้นต่ำแล้ว ราคาที่พวกเขาเสนอออกมาถือเป็นราคาสุดท้าย
ผู้ทอดตลาดหูตาไว ชี้มือไปรอบทิศ และตะโกนชื่อของตัวแทนการค้าที่เสนอราคาสูงสุดออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผู้จดบันทึกที่อยู่ข้างหลังเขาก็จดลงไปบนสมุดบันทึกที่อยู่ในมือด้วยความรวดเร็ว จังหวะของสถานที่ประมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ!
หลังจากประมูลปลาจากพื้นที่หนึ่งเสร็จแล้ว ผู้ทอดตลาดหัวโล้นก็ลงไปพักผ่อน หลังจากนั้นก็มีคนยกโต๊ะไปยังพื้นที่ถัดไป ผู้ทอดตลาดอีกคนก็ขึ้นมายืนบนเวทีเพื่อดำเนินการประมูลครั้งใหม่
ก็เป็นเช่นนั้น เป็นเหมือนกับกระแสน้ำ จากเล็กไปใหญ่ แบ่งไปตามเขตทะเลเพียงไม่นานก็ประมูลปลาจนครบทุกตัว ตัวสุดท้ายของเอเชียก็คือราชาปลา ราชาทูน่าของฉินสือโอว!
ราชาทูน่าถูกห่อบรรจุไว้ บนลำตัวของปลาทูน่าขนาดความยาวกว่าสี่เมตรมีกระดาษพลาสติกสีเงินครอบคลุมไว้ ชายหนุ่มหลายคนส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับยกกล่องใส่ปลามาวางไว้บนโต๊ะประมูล ผู้ทอดตลาดอาวุโสที่ยังมีกำลังวังชาก็เดินเข้ามาแล้วตะโกนว่า “เริ่มการประมูลราชาทูน่าครั้งใหญ่! เริ่มการประมูลราชาทูน่าครั้งใหญ่! ขอเรียนเชิญราชาปลา!”
เทซึกะ โกดะกับกลุ่มหัวหน้าคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ราชาปลาที่ผู้ทอดตลาดประกาศออกมาไม่ใช่ปลาทูน่าตัวนี้ แต่หมายถึงกลุ่มผู้นำพวกนี้ ใครสามารถประมูลปลาตัวนี้ไปได้ คนนั้นก็จะกลายเป็นราชาปลาของการประมูลในครั้งนี้
การประมูลในครั้งนี้เป็นการประมูลครั้งเดียวที่สามารถประมูลปลาได้ทั้งตัว ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นปลาตัวเล็กหรือใหญ่ เวลาแข่งขันประมูลทุกบริษัทจะมีโอกาสยกป้ายประมูลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ใครให้ราคาสูงก็ขายให้กับคนนั้น
ราชาปลาก็ยังเป็นการเสนอราคาตามกิโลกรัมเช่นกัน ก่อนหน้านี้ปลาตัวเล็กส่วนใหญ่จะเริ่มประมูลที่สองหมื่นเยน ปลาตัวใหญ่เริ่มประมูลมากที่สุดสี่พันเยน แต่เมื่อมาถึงราชาปลา ผู้ทอดตลาดก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ราชาปลาราคาต่ำสุดอยู่ที่ ห้าแสนเยน!”
บทที่ 525 สถิติโลกปรากฏออกมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ห้าแสนเยน!
พอได้ยินราคา ฉินสือโอวก็ถึงกับส่ายหน้าทันที อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่พอใจ แต่เป็นเพราะเขาตกใจต่างหาก!
การเสนอราคาในการประมูลเป็นราคาต่อกิโลกรัม ไม่อย่างนั้นก็จะทำการประมูลไม่ได้ ต้องรู้ก่อนว่าวิธีทานปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือไม่ได้ทานรวมกันทั้งหมด แต่ต้องแยกออกจากกัน เนื้อแต่ละส่วนมีรสชาติที่ไม่เหมือนกันราคาก็ไม่เท่ากัน มีความแตกต่างกันมาก
พูดรวมๆ ก็คือ โดยทั่วไปแล้วร่างกายของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือจะแบ่งออกเป็น โอโทโร่ ชูโทโร่ และส่วนที่เป็นเนื้ออาคามิ เนื้อปลาส่วนที่เรียกว่าโอโทโร่จะมีไขมันอยู่อย่างหนาแน่น ปรากฏให้เห็นเป็นสีชมพู มีราคาแพงที่สุด รสชาติของชูโทโร่อร่อยเป็นอันดับสอง สีค่อนข้างเข้ม ราคาถูกกว่าเนื้อส่วนโอโทโร่ เนื้อส่วนหลังปรากฏให้เห็นเป็นสีแดงสด คุณภาพของเนื้อสัมผัสนุ่มละเอียดสดอร่อยเหมือนกันหมด เรียกว่าอาคามิ จะมีไขมันค่อนข้างน้อย เป็นส่วนที่ถูกที่สุด
ในสภาวะปกติ ราคาของเนื้อส่วนโอโทโร่ในตลาดโตเกียวของปลาทูน่าครีบน้ำเงินจะอยู่ที่ประมาณหกหมื่นเยนต่อหนึ่งกิโลกรัม ทว่าถึงอย่างไรเนื้อส่วนโอโทโร่ก็มีปริมาณน้อย ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นปลาตัวใหญ่ที่มีเนื้อสัมผัสดีมาก เมื่อรวมกันแล้วก็จะขายได้มากที่สุดแค่สี่หมื่นเยน
อย่างการประมูลของตลาดสึกิจิ ถึงจะพูดว่าเป็นการประมูล แต่ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงการขายส่ง หลังจากพ่อค้าคนกลางซื้อปลาพวกนี้ไปแล้วก็จะนำไปขายให้ร้านอาหารกับผู้บริโภคเพื่อเอากำไรอีกที ดังนั้นในบางครั้งราคาประมูลจึงต่ำกว่าราคาขายในตลาดอยู่เล็กน้อย
แต่ไม่ว่าจะให้ราคายังไง ก็ไม่สามารถให้ราคามากถึงห้าแสนเยน เนื่องจากราคาที่สูงกว่าราคาตลาดแบบนี้ ไม่ว่าใครจะซื้อไปก็ทำกำไรไม่ได้ทั้งนั้น
แต่ว่านี่เป็นไฮไลต์สำคัญเกี่ยวกับการประมูลปลาทูน่าของตลาดสึกิจิ ในวงการการค้าอาหารทะเล ในการประมูลราชาปลาจะใช้ราคาที่สูงเกินความเป็นจริง โดยมีจุดประสงค์อยู่สามอย่าง
หนึ่งคือยึดตามประเพณี บรรดาผู้ค้าอาหารทะเลคิดว่าราคานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของตลาดปลา ยิ่งราคาประมูลสูงเท่าไร ยิ่งบอกได้ชัดว่าตลาดปลาปีนี้ดีมากเท่านั้น จุดประสงค์ข้อที่สองก็เพื่อส่งเสริมให้เรือประมงออกทะเลไปจับปลาทูน่าเยอะๆ หรือจะพูดได้ว่า ใช้ราคาของราชาปลาเพื่อทำการโฆษณา ข้อที่สามก็เพื่อเกียรติยศ ใครสามารถซื้อราชาปลาไปได้ นั่นก็บอกได้ว่าผู้ค้าอาหารทะเลรายนั้นมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง
เทียบกับในอดีต ราคาของปีนี้ไม่นับว่าสูงนัก ราคาที่สูงที่สุดคือปี 2013 ราคาเริ่มต้นของปีนั้นคือแปดแสนสี่หมื่นเยน ในท้ายที่สุดก็ตกลงราคาขายที่หนึ่งล้านสี่หมื่นเยน ปลาน้ำหนักสองร้อยยี่สิบกิโลกรัมถูกประมูลออกไปในราคาที่สูงถึงสองล้านสี่แสนดอลลาร์สหรัฐ
ในตอนนั้นราคานี้ทำให้วงการตลาดปลาเกิดการสั่นสะเทือน ชาวประมงในทุกประเทศต่างก็พากันคลั่ง พวกเขาถูกราคานี้กระตุ้นจนทนไม่ไหว เมื่อเริ่มฤดูปลาทูน่าพวกเขาก็เฮโลออกไปจับปลาทูน่ากันแล้ว
ในที่สุดก็ทำให้กรมประมงญี่ปุ่นออกมาก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ กรมประมงเจาะจงออกเอกสารพิเศษ ระบุว่าต่อไปนี้ไม่อนุญาตให้ตั้งราคาประมูลอาหารทะเลสูงจนเกินไป ราคาเริ่มต้นต่อหน่วยของราชาปลาต้องไม่สูงกว่าห้าแสนเยน
ก่อนการประมูล บัตเลอร์บอกกับฉินสือโอวไว้ว่า ราคาต่อหน่วยของราชาปลาอยู่ระหว่างราวๆ สามแสนห้าหมื่นถึงสี่แสน ฉินสือโอวก็รู้สึกพึงพอใจกับราคานี้มากๆ แล้ว ถึงอย่างไรราชาปลาที่นำมาวางขายที่นี่ก็หนักตั้งหกร้อยกิโลกรัม
ปรากฏว่าความเป็นจริงก็นำเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่มาให้เขา ราคาประมูลเริ่มต้นที่ทางตลาดตั้งให้เขาเป็นมูลค่าสูงที่สุด ห้าแสนเยน!
ตามอัตราแลกเปลี่ยนของหน่วยเงินดอลลาร์แคนาดาและเงินเยนของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 100 ราคาเริ่มต้นของปลาตัวนี้อยู่ที่ห้าพันดอลลาร์แคนาดา!
ขณะที่ฉินสือโอวกำลังทอดถอนใจ ทางฝั่งการแข่งขันการประมูลก็เริ่มดุเดือดขึ้นแล้ว
“บริษัทร่วมทุนคิโยมุระให้ราคาห้า 510,000 เยน…”
“ท่าเรือชิกะเสนอราคา 514,000…”
“บริษัทโฮโกะฟิชชิงเสนอราคา 520,000…”
“ไดนิสึเสนอราคา 522,000…”
คนกลุ่มนั้นเริ่มกวัดแกว่งมือเพื่อเสนอราคาอย่างบ้าคลั่ง บรรยากาศในงานคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ฉินสือโอวเริ่มจะทนไม่ไหว เขาจึงรีบถอยออกมาก่อน
ไม่ใช่ว่าทนความตื่นเต้นของราคานี้ไม่ได้ ถึงยังไงเขาก็เพิ่งจะขายภาพวาดชื่อดังมูลค่าห้าสิบล้านไปหนึ่งผืน หลักๆ เลยคือคนกลุ่มนั้นกำลังพากันปัดโบกมือไปมา เขากลัวว่าจะฟาดมาโดนตัวเอง
หลังจากเทซึกะ โกดะเสนอราคาไปครั้งแรกแล้วก็ไม่ได้เสนอราคาเพิ่มอีก เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องมองไปยังกลุ่มคนอาชีพเดียวที่กำลังเสนอราคาอยู่ทางนั้น
ราคาพุ่งสูงขึ้นถึงห้าแสนห้าหมื่นเยนอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ไม่มีใครเสนอราคาอย่างก้าวกระโดดเลยสักคน ไม่เหมือนปีที่แล้วตอนที่อาฟิฟเศรษฐีชาวตะวันออกกลางประมูลรูปปั้นเมดูซาสำริด ทุกครั้งที่เสนอราคาล้วนแต่เพิ่มราคาให้สูงขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงกระทั่งถึง 20 เปอร์เซ็นต์
นี่ถึงจะเป็นการประมูลที่แบบปกติ ทุกคนต่างก็อยากซื้อปลาตัวนี้ แต่ต่างก็เสนอราคาอย่างรอบคอบ คนญี่ปุ่นก็ทำงานกันแบบนี้ พยายามเสียค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดเพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ตอนสุดท้ายราคาถูกกำหนดไว้ที่ ห้าแสนหกหมื่นสองพันเยน เป็นราคาที่ถูกเสนอโดยบริษัทอาหารทะเลแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าไดนิสึ ผู้ทอดตลาดตะโกนออกมาสองครั้ง ผู้ค้าอาหารทะเลที่อยู่รอบๆ ก็พากันส่ายหน้า ต่างก็มีความรู้สึกเสียดายอยู่ในแววตา
คราวนี้ในที่สุดเทซึกะ โกดะก็ลงมือแล้ว “คิโยมุระ 565,000!”
ไดนิสึจำกัดก็มีประธานบริษัทเป็นผู้นำการทำงานเช่นกัน เขาเป็นชายร่างเล็กที่มีท่าทางเปี่ยมไปด้วยความองอาจ เขามองไปที่เทซึกะ โกดะแล้วตะโกนออกมาว่า “เทซึกะจัง คนอย่างนายนี่มันอวดดีจริงๆ! ฉันรู้ว่านายไม่มีทางปล่อยฉันไปง่ายๆ แน่นอน ดูท่าว่าวันนี้คงเป็นเวลาที่พวกเราต้องสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งแล้วล่ะ!”
เทซึกะ โกดะหัวเราะฮ่าๆ แล้วตอบกลับไปว่า “อิสึจัง นายก็รู้จักนิสัยของฉันนี่ บอกตามตรงนะ ปลาตัวนี้ฉันเป็นคนรับมา ฉันก็ต้องเอามันกลับไปให้ได้ เชิญนายเสนอราคาไปเถอะ”
“570,000!” ประธานบริษัทไดนิสึมองไปที่เทซึกะ โกดะอย่างยั่วยุ
ในตอนนี้เทซึกะ โกดะก็แสดงท่าทางของราชาแห่งตลาดสึกิจิออกมาแล้ว เขายกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดอย่างทะนงตัว “เอาอย่างนี้แล้วกัน อิสึจัง ฉันจะตั้งราคาต่ำสุดให้นายเลยแล้วกัน หกแสน! ถ้านายตกลงตามนี้ ปลาตัวนี้ก็จะเป็นของนาย แต่ถ้านายไม่เอา ก็คงน่าเสียดายแย่เลย ฉันคงต้องขอเก็บมันเอาไว้เองแล้วล่ะ”
ประธานบริษัทไดนิสึกับคนที่อยู่ข้างๆ อีกสองคนกระซิบกระซาบปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มกว้างพร้อมปรบมือให้กับเทซึกะ โกดะแล้วพูดกับเขาว่า “เอาล่ะ คงต้องยอมแพ้แล้ว ฉันอิสึซาโอะ อาโอยาม่าต้องพ่ายแพ้ให้กับนายอีกครั้งหนึ่งแล้ว! เทซึกะเอ๋ยเทซึกะ คนอย่างนายมัน ใจดำอำมหิตจริงๆ! 360 ล้าน นายก็จะกลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของประชาชนชาวญี่ปุ่นแล้ว!”
ฉินสือโอวนีลเซ็น กับเบิร์ดและอีวิลสันกอดกัน โอเค การซื้อขายสิ้นสุดลงแล้ว ราคารวมเกือบ 360 ล้าน แปลงเป็นเงินหยวนแล้วเท่ากับ 18 ล้านหยวน แปลงเป็นดอลลาร์แคนาดาก็จะเท่ากับ 3,600,000 ดอลลาร์แคนาดา แปลงเป็นดอลลาร์สหรัฐก็จะเป็นเงินจำนวนสามล้านดอลลาร์!
สถิติโลกถูกทำลายลงอีกครั้ง การประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงินในปีนี้สร้างสถิติใหม่ขึ้นอีกครั้ง จากราคาสองล้านสองแสนดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นสูงถึงสามล้าน
บัตเลอร์เข้ามาแสดงความยินดีกับฉินสือโอว ฉินสือโอวก็ตอบเขากลับไปว่า “นายก็เหมือนกันนะ เพื่อน นายก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้เหมือนกัน”
เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะบัตเลอร์ ฉินสือโอวก็ยากที่จะส่งปลาตัวนี้มาขายที่โตเกียวได้ ปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ใช่ว่าพอตกได้แล้วก็จะเอาไปขายได้เลย จำเป็นต้องใช้เรือประมงพาณิชย์ที่มีใบอนุญาตจับปลาทูน่า ถึงจะนำปลาทูน่าที่ตกขึ้นมาไปขายได้
บัตเลอร์ช่วยจัดการทุกอย่างให้นีลเซ็น ใช้เงินไปเท่าไรก็ไม่ได้เอามาพูดกับฉินสือโอว พูดอย่างกล้าได้กล้าเสียว่าจะหักออกไปจากค่านายหน้า 22 เปอร์เซ็นต์
ทุกๆ คนในงานประมูลต่างก็ปรบมือแสดงความยินดีให้กับเทซึกะ โกดะที่สามารถคว้าราชาปลาไปได้ เทซึกะแย้มยิ้มพร้อมกับโค้งคำนับแสดงความขอบคุณให้กับทุกๆ คนด้วยสีหน้าของความภาคภูมิใจ
ฉินสือโอวส่ายหัวไปมา เขาพูดกับบัตเลอร์ว่า “ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรเลย เทซึกะเป็นฝ่ายเสียเปรียบชัดๆ ทำไมเขาถึงได้พึงพอใจขนาดนั้นกันล่ะ?”
บัตเลอร์ดึงเขามาอีกด้านหลังจากนั้นก็บอกกับเขาว่า “ไม่ ฉิน คนที่เสียเปรียบน่ะคือนาย! การชี้วัดคุณภาพเนื้อปลาของนายออกมาแล้ว เป็นปลาระดับ SSS ที่ไม่เคยมีมาก่อน! ถ้าไม่ใช่เพราะข้อกำหนดราคาของกรมประมงโตเกียวเฮงซวยนั่นล่ะก็ ราคาต่อหน่วยของปลาตัวนี้อาจจะมากกว่าหนึ่งล้านเยน!”
“เวร! ปลาของฉันมันเยี่ยมยอดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“มันเยี่ยมยอดมาก ฉันไม่เคยเห็นเนื้อปลาที่ละเอียดขนาดนี้มาก่อนเลย! ฉันไม่เคยเห็นลวดลายของเนื้อปลาที่สวยงามขนาดนี้เลย! รู้ไหมว่าสัดส่วนการตรวจวัดเนื้อส่วนโอโทโร่ของปลาตัวนี้อยู่ที่เท่าไร?”
“เท่าไร?”
“โคตรแม่ 16 เปอร์เซ็นต์!”
บทที่ 526 งานเลี้ยงในครอบครัว
โดย
Ink Stone_Fantasy
การประมูลสิ้นสุดลงแล้ว นักข่าวที่ล้อมอยู่รอบๆ ก็เริ่มถ่ายรูปจนเสียงแฟลชดังสนั่น เทซึกะ โกดะแย้มรอยยิ้มถ่ายรูปคู่กับราชาทูน่ายักษ์ในทุกอิริยาบถ ใบหน้าหยาบหนายกยิ้มจนกลายเป็นช่อดอกเก๊กฮวย สว่างสดใสมากๆ
ในฐานะที่เป็นเจ้าของปลานีลเซ็นจึงต้องเข้าไปถ่ายรูปร่วมกัน เขาทั้งจับมือ ทั้งกอดกับเทซึกะ โกดะเหมือนกับพี่น้องที่ไม่ได้พบกันมานาน
หลังจากการประมูลสิ้นสุดลงก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับฉินสือโอวแล้ว บริษัทร่วมทุนคิโยมุระมีร้านอาหารของตัวเองอยู่ที่โตเกียว ปลาตัวนี้จะถูกส่งไปที่ร้านอาหารเพื่อเลี้ยงฉลองเป็นรางวัลให้กับลูกค้าเก่าแก่
สำหรับลูกค้าเก่าแก่กับลูกค้าวีไอพีของบริษัทร่วมทุนคิโยมุระ ในวันนี้กับวันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส ดื่มด่ำกับปลาทูน่ายักษ์ตัวนี้ แต่แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ในวันเดียวกัน ฉินสือโอวอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านข่าวก็เห็นรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับปลาทูน่ายักษ์อยู่เป็นจำนวนมาก ในข่าวใช้คำจำพวก ‘เรื่องมหัศจรรย์’ ‘สิ่งล้ำค่า’ ‘ตื่นตะลึง’ ‘ครั้งแรกของโลก’ ในการบรรยายอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดการประมูลราชาทูน่าก็ถึงกับได้ตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน
นี่เกินความคาดหมายของฉินสือโอว เขาอ่านข่าวเพราะอยากจะหาข่าวคราวเกี่ยวกับเรือไดโตะโชวะมารุ เขาอยากจะดูว่าการติดต่อสื่อสารกันระหว่างญี่ปุ่นกับแคนาดาเป็นยังไงบ้างแล้ว
ปรากฏว่า เขาพลิกหน้าหนังสือพิมพ์ดูก็ยังหาข่าวที่มีความเกี่ยวข้องไม่เจอ ต่อมาเขาไปค้นจากในอินเทอร์เน็ตถึงหาเจอบางส่วน
เป็นการเขียนข่าวอย่างง่ายๆ รายงานว่าเรือล่าวาฬลำหนึ่งจากฮอกไกโดประสบกับสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวใต้น้ำในน่านน้ำของนิวฟันด์แลนด์ เพื่อที่จะหลบหลีกคลื่นสึนามิจึงเข้าสู่น่านน้ำของแคนาดา ต่อมาเนื่องจากความเข้าใจผิดเรือประมงลำนั้นจึงถูกอายัดไว้ก่อนชั่วคราว
พอได้เห็นการรายงานข่าวอย่างคลุมเครือ พูดวกไปวนมาพวกนี้ ฉินสือโอวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องการทูตที่มุทะลุเด็ดขาดหรอกเหรอ? สื่อมวลชนของญี่ปุ่นไม่ได้ภูมิใจกับการใช้คำพูดที่เฉียบคมหรือยังไง? ทำไมถึงได้เชื่องขนาดนี้กันเล่า?
เห็นได้ชัดว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเลือกที่จะรอโอกาสเหมาะแล้วค่อยจัดการคดีเรือล่าวาฬที่โดนจับ ไม่อย่างนั้นการรายงานข่าวของสื่อคงไม่เป็นไปอย่างรวบรัดเช่นนี้
ดูท่าว่าการควบคุมข้อวิจารณ์ทางการเมืองของมวลชน ก็คงไม่ใช่แค่กรรมสิทธิ์ของคอมมิวนิสต์ แต่ประเทศประชาธิปไตยอย่างญี่ปุ่นมีฝีมือด้านนี้เช่นกัน
ฉินสือโอวรู้สาเหตุที่รัฐบาลญี่ปุ่นจัดการแบบนี้ หลายปีมานี้อุตสาหกรรมการล่าวาฬ ล่าฉลามต้องพบกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากทั่วโลก และเนื่องจากการพัฒนาที่เจริญงอกงามของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ทำให้ราคาของอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่โปรตีนตกลงอย่างหนัก
ดังนั้นชาวประมงจำนวนมากที่เคยที่ประกอบอุตสาหกรรมการล่าวาฬและฉลามต่างก็พากันล่าถอย สิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดก็คือการถูกจับกุมในที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างในต่างประเทศ ในคราวนี้เรือไดโตะโชวะมารุคงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่แล้ว เนื่องจากมีหลักฐานที่เชื่อถือได้ช่วยพิสูจน์ว่าพวกเขาลักลอบจับปลาในทะเลของฟาร์มปลาต้าฉิน
ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นย่อมไม่ต้องการให้บรรดาชาวประมงตกใจกลัวหลังจากรู้เรื่องนี้ อีกทั้งยังไม่ต้องการให้ประชาชนรู้ถึงการทูตที่ล้มเหลวของพวกเขา
พอทราบข่าวพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวก็โยนมันทิ้งไว้ข้างๆ ไม่อ่านมันอีก เขาตั้งใจจะพาวินนี่ไปช้อปปิ้งในโตเกียว จึงมุ่งตรงไปยังแหล่งช้อปปิ้งย่านกินซ่า
วินนี่ไม่ค่อยสนใจการช้อปปิ้งเท่าไรนัก ไม่อย่างนั้นเธอคงอยู่ในเมืองเล็กๆ อย่างเกาะแฟร์เวลกับฉินสือโอวไม่ได้ ทั้งสองคนจับมือกันเดินไปบนถนน ไม่ต่างกับนักศึกษาที่ไม่มีเงินเท่าไรนัก ไม่ซื้อของเอาแต่มองดูรอบๆ เมื่อเจอของที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น
เดินเล่นไปจนถึงตอนท้าย พวกเขาก็เข้าไปในห้างสรรพสินค้าวาโกด้วยกัน หนึ่งในห้างหรูที่ดังที่สุดในย่านกินซ่า ถูกเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คของย่านกินซ่า เสื้อผ้าและเครื่องประดับข้างในเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของความประณีตและมีราคาสูง
คราวนี้ฉินสือโอวกลายเป็นคนรวยที่ใช้เงินแบบไม่คิดจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับหรือนาฬิกา พอดูเสร็จแล้วก็ตบบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ซื้อๆๆ มาทั้งหมด
วินนี่ซื้อเสื้อกันหนาวสีสว่างที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิให้ฉินสือโอวหนึ่งชุด เป็นเสื้อผ้าสีครีมสว่าง คอเสื้อตกแต่งด้วยเส้นไหมสีฟ้าหลายเส้น จัดคู่กับชุดแบบสูทลำลองดึงดูดสายตาได้ดีมาก
ฉินสือโอวเปลี่ยนเสื้อผ้ามองดูตัวเองในกระจก แล้วก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ วินนี่ไปเลือกเสื้อเชิ้ตยีนมาอีกตัว พอให้เขาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็บอกให้เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวอีกตัว คราวนี้เธอถึงพยักหน้าให้
ฉินสือโอวลองเทียบกัน แล้วพูดกับเธอว่า “ที่รักครับ ผมคิดว่าเสื้อเชิ้ตตัวนี้ดีกว่านะ ดูกระฉับกระเฉงมากกว่า เข้ากับนิสัยของผมมากกว่าด้วย”
วินนี่กำลังช่วยเข้าจัดเสื้อผ้า เธอเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจูบเขาแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ใช่แล้วค่ะ คุณพูดถูก แต่พวกเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงในที่บ้านของมิสเตอร์เทซึกะ เพราะอย่างคุณเลยต้องสวมเสื้อผ้าที่เป็นทางการหน่อย”
“แต่มันคร่ำครึเกินไปหรือเปล่าครับ?”
วินนี่เม้นปากยิ้ม เธอบอกกับเขาว่า “รสนิยมของผู้ชายญี่ปุ่นวัยกลางคนอย่างมิสเตอร์เทซึกะไม่เหมือนกันกับคนหนุ่มหรอกนะคะ พวกเขาเคร่งครัดกับแฟชั่นแบบเก่า มองว่าลักษณะแบบนี้ถึงจะเข้ากันกับผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ”
เสื้อผ้าหนึ่งชุดราคาหนึ่งล้านสองแสนเยน แปลงเป็นเงินหยวนก็ประมาณหกหมื่นกว่า วินนี่ปฏิเสธที่จะใช้บัตรแบล็ก อาเม็กซ์ของฉินสือโอว เธอเปลี่ยนเป็นบัตรของตัวเองแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันมีเงินเก็บของตัวเองค่ะ”
ฉินสือโอวไม่รู้เรื่องเทรนด์แฟชั่นกับการจับคู่เสื้อผ้าเลยแม้แต่นิดเดียว ทว่าเขามีความรู้สึกที่ว่องไวและเฉียบแหลม นี่ต้องขอบคุณหัวใจโพไซดอน เขาพาวินนี่เดินเล่นไปบนถนน สังเกตสายตาของวินนี่ที่มองเสื้อผ้าก็รู้ว่าเธออยากได้อะไร
สุดท้ายฉินสือโอวก็เลือกเสื้อคลุมสำหรับฤดูใบไม้ผลิสีฟ้าเข้ารูปชิ้นหนึ่งให้กับวินนี่ เสื้อผ้าชิ้นนี้ใช้การออกแบบด้วยการถักเย็บ ดูเป็นหนึ่งเดียวกันเข้ากันกับชุดเดรสลูกไม้สีขาวของวินนี่เป็นอย่างมาก
เสื้อผ้าผู้หญิงแพงกว่าของผู้ชายอยู่มาก เสื้อคลุมตัวเล็กชิ้นนี้ มีราคามากกว่าเสื้อผ้าของฉินสือโอวทั้งชุดถึงสองเท่า เป็นเงินจำนวนสองล้านสามแสนหกหมื่นเยน
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เป็นงานเลี้ยงในตระกูลของเทซึกะแล้ว
เทซึกะ โกดะจัดการให้นิชิมุระ เร็นมารับพวกเขาทั้งสองคน ขับรถตามชินจูกุมุ่งไปทางเหนือ ออกจากเขตนครเข้าสู่เขตปกครอง
โตเกียวแบ่งออกเป็นสี่ส่วนได้แก่ เขตนคร เขตเมือง เขตปกครองกับเขตเกาะ เขตนครมาจาก 23 เขตที่รวมกันเป็นศูนย์กลางของโตเกียว เขตเมืองคือ 26 เขตหน่วยงานเทศบาลทางฝั่งตะวันตกของเขตนคร เขตปกครองคือเขตชานเมืองของเขตนิชิทามะ ส่วนเขตเกาะก็คือหมู่เกาะอิซุและหมู่เกาะโองาซาวาระในมหาสมุทรแปซิฟิก
นิชิมุระ เร็นเล่าให้ฉินสือโอวฟังว่า บ้านเดิมของเทซึกะ โกดะอยู่ที่เขตนิชิทามะ งานเลี้ยงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่บ้านเดิมของเขา ถึงจะมีคนไม่มาก แต่ก็มีข้อกำหนดสูง ตอนที่พูดมาถึงตรงนี้ใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้าของความภาคภูมิใจออกมา เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้
เขตนิชิทามะเป็นเขตชนบทในชานเมืองของโตเกียว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบ เก็บรักษาพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่เอาไว้
พร้อมกับรถที่ขับทะยานไปทางทิศเหนือ ตึกสูงระฟ้าก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป พืชคลุมดินและผลิตผลทางการเกษตรสีเขียวสดก็เริ่มกลายมาเป็นตัวนำ
ฉินสือโอวมองไปยังสองข้างทาง ผลิตผลทางการเกษตรในที่นาส่วนใหญ่เป็นมันฝรั่ง บักวีต วาซาบิกับไซคลาเมน บางครั้งก็จะเห็นข้าวโพดหวาน ขับรถมุ่งหน้าสู่ทางเหนือต่อ ผลไม้ก็เริ่มเยอะขึ้นมาแล้ว สวนพีช สวนแพร์ สวนพลัม มีบางส่วนที่ยังมีแต่กิ่งแห้ง และก็มีบางส่วนที่ออกผลแล้ว
ออกมาจากเขตเมืองแล้วขับไปอีกครึ่งชั่วโมง หลังจากผ่านที่นากว้างใหญ่มาแล้ว บริเวณภูเขาผืนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ใต้ภูเขาริมแม่น้ำ คฤหาสน์แบบเรียบง่ายและดั้งเดิมหลายหลังถูกสร้างขึ้นในเขตภูเขา นิชิมุระ เร็นขับรถไปทางทิศตะวันออก เมื่อหยุดรถลง เด็กคนหนึ่งที่ได้ยินเสียงรถยนต์ก็เดินออกมาเปิดประตูรถด้วยความเคารพนอบน้อม
นิชิมุระ เร็นแนะนำว่า “เรียวตะ นี่คือมิสเตอร์ฉินกับคุณวินนี่ เป็นแขกคนสำคัญของคุณพ่อของคุณ”
เด็กคนนั้นก็โค้งคำนับให้ฉินสือโอวกับวินนี่ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ยินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทั้งสองครับ กรุณาตามผมมาทางนี้”
คฤหาสน์หลังนี้เป็นลานบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม พื้นที่ขนาดใหญ่ ที่ใช้รั้วไม้ล้อมไว้ ดูลักษณะแล้วน่าจะมีพื้นที่ขนาดหลายสิบหมู่หรือกระทั่งว่าอาจจะมีมากกว่านั้น
บทที่ 527 พันธมิตรทางธุรกิจ?
โดย
Ink Stone_Fantasy
หัวใจสำคัญของคฤหาสน์ของเทซึกะ โกดะหลังนี้ก็คือลักษณะที่อยู่อาศัยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ห้องนั่งเล่น ห้องดื่มชา ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องสวดมนต์ต่างก็มีพร้อมตามที่ควร
ฉินสือโอวเดินเข้าไปในสวนของคฤหาสน์ มองเห็นอาคารหลังเล็กๆ บางส่วนที่ยังใช้หลังคามุงหญ้าอยู่ นอกจากนี้ เขายังสังเกตเห็นว่าด้านหลังอาคารก็ยังมีหญ้าสุมอยู่อีกหนึ่งกอง คาดว่าคงจะสำรองไว้ใช้ในเวลาที่ต้องการ
สวนของคฤหาสน์เป็นแบบสวนในสมัยเอโดะ ตรงกลางมีสระน้ำ บริเวณรอบๆ สระน้ำสร้างทางเดินเล็กๆ เอาไว้ ประกอบด้วยศาลา สะพานและตะเกียงญี่ปุ่น บนพื้นที่ว่างก็ปลูกต้นไม้ไว้เป็นจำนวนมาก ที่มีอยู่เยอะที่สุดก็คือกุหลาบพันปี
เมื่อเดินผ่านสวนมาแล้ว เทซึกะ โกดะในชุดกิโมโนสีดำขาวตัดกันก็กำลังรออยู่ เมื่อมองเห็นฉินสือโอวกับวินนี่เขาก็โค้งคำนับให้ แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ยินดีต้อนรับๆ ยินดีต้อนรับฉินซังกับวินนี่ซังสู่สวนเทซึกะนะครับ เทซึกะ โกดะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
วินนี่นำของขวัญมามอบให้กับเทซึกะ โกดะ มีของเล็กๆ น้อยๆ บางส่วนที่ซื้อตอนไปเดินช้อปปิ้งเมื่อวาน นอกจากนี้ยังมีของจำพวกใบชาชั้นยอดกับโสมอเมริกาที่นำมาจากเกาะแฟร์เวลอีกด้วย
เทซึกะ โกดะส่งของขวัญให้ลูกชายของเขา เขาหัวเราะฮ่าๆ พร้อมทั้งกล่าวออกมาว่า “รบกวนฉินซังแล้วจริงๆ มาเป็นแขกที่บ้านแท้ๆ แต่ก็ยังเอาของขวัญชื่อดังล้ำค่ามาให้เยอะแยะขนาดนี้ ผมรู้สึกซาบซึ้งมากจริงๆ รีบเข้าไปนั่งเถอะครับ บัตเลอร์ซังก็อยู่ด้านในแล้ว”
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แต่ยิ้มได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก เทซึกะ โกดะพูดจาสุภาพเรียบร้อย มารยาทก็ยิ่งมาก เขาไม่ชินเท่าไรจริงๆ
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปข้างใน อยู่ๆ เทซึกะ โกดะก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ฉินซัง การแต่งกายของคุณทำให้คุณดูโดดเด่นจริงๆ ผมไม่ค่อยเห็นคนหนุ่มที่แต่งตัวเป็นทางการแบบนี้เลย น่านับถือจริงๆ”
ฉินสือโอวหันไปมองวินนี่ วินนี่ก็ยักไหล่อย่างไม่ใคร่สนใจนัก รอจนเทซึกะ โกดะไม่ทันสังเกต เธอถึงยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
บริเวณที่อยู่อาศัยของคฤหาสน์ทอดตัวติดกัน บริเวณรอบๆ มีสิ่งก่อสร้างบางส่วนที่ทอดตัวยื่นขยายออกมา สิ่งก่อสร้างเหล่านี้มีเฉลียงเป็นส่วนเชื่อมต่อ จะสามารถสัมผัสได้ถึงลมเบาๆ ที่พัดมาสัมผัสกับหน้าเท่านั้น แต่จะไม่มีฝนหรือหิมะหล่นเข้ามา ออกแบบได้อย่างเป็นเอกลักษณ์
ฉินสือโอวลองกวาดตามอง ห้องของบริเวณที่พักอาศัยใช้ไม้ซุงเป็นหลัก ไม่มีของจำพวกภาพอูกิโยะ เครื่องประดับจากเงินและทอง ผนังสีขาวกระเบื้องสีดำหรือต้นไม้เขียวดอกไม้แดง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะความเข้มแข็งและเรียบง่ายของตระกูลเทซึกะ
เข้ามาที่ประตูทางเข้าห้องรับแขก บนผนังด้านหน้าแขวนภาพวาดตัวอักษรเอาไว้ห้าตัว ปกปิด ลึกล้ำ สงบ เงียบสงัด ตรงกลางคือตัวอักษรคำว่า ‘ฌาน’ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนวาดตัวอักษรพวกนี้ไว้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามาจากผู้เชี่ยวชาญ ลายเส้นตัวอักษรชัดเจนเปิดเผย ขีดแต่ละขีดของตัวอักษรเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ชมคฤหาสน์หลังนี้ไปแล้วคร่าวๆ หลังจากนั่งคุกเข่าลงแล้วฉินสือโอวก็เอ่ยปากชมออกมาก่อนว่า “คฤหาสน์ของมิสเตอร์เทซึกะแฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งมากจริงๆ ถึงผมจะไม่เคยเห็นคฤหาสน์ในเมืองหลวงสมัยก่อน แต่ผมคิดว่าก็คงจะไม่เกินไปจากนี้”
เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองน่าจะค่อนข้างมีมารยาทแล้ว ทว่าเมื่อเทซึกะ โกดะได้ยินเขาพูดอย่างนี้กลับแสดงท่าทีเก้อเขินออกมาเล็กน้อย
วินนี่จึงรีบพูดเสริมว่า “ใช่แล้วค่ะ คฤหาสน์ที่เราอยู่กันในตอนนี้จะต้องเหนือกว่าคฤหาสน์ในเมืองหลวงพวกนั้นอยู่แล้ว อีกทั้งถ้าดูรวมๆ แล้ว ฉันยิ่งรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ที่วัดในเมืองหลวงยุคเอโดะเลยล่ะค่ะ”
คราวนี้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเก้อเขินของเทซึกะ โกดะก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างทันที เขาหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดออกมาว่า “ฉินซังกับวินนี่ซังมีสายตาที่แหลมคมจริงๆ มาๆๆ ลองชิมชาของครอบครัวผมสิครับ เป็นชาที่ภรรยากับลูกชายของผมปลูกและเก็บแล้วนำไปตากให้แห้งด้วยตัวเอง รสชาติคงจะไม่เลวเลย”
รินชาให้ฉินสือโอวและวินนี่กับบัตเลอร์แล้ว เทซึกะ โกดะก็เอ่ยปากขอตัวออกไปจากห้องรับแขกแล้วเข้าไปในห้องครัว เห็นได้ชัดว่าจะไปเตรียมอาหารเที่ยง
ในตอนนี้ฉินสือโอวถึงได้ถามวินนี่ว่าเมื่อสักครู่เขาพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปหรือเปล่า วินนี่จึงอธิบายว่า “ถ้าคุณไม่ได้เปรียบเทียบแบบนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เมืองหลวงสมัยก่อนมีคนมากแต่มีพื้นที่น้อย คฤหาสน์ส่วนใหญ่อยู่กันอย่างเบียดเสียดคับแคบ แตกต่างกับคฤหาสน์ในชนบทแบบนี้ แต่เนื่องจากชาวบ้านศรัทธาในพุทธศาสนา ดังนั้นวัดในเมืองหลวงจึงยิ่งใหญ่และกว้างขวางกว่ามาก ฉันก็ไม่รู้จักรูปแบบสิ่งก่อสร้างของญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ดูจากก้อนหินในสวน ตะเกียงญี่ปุ่น กับอ่างล้างหน้าหินที่มีคำสอนในพระพุทธศาสนา ฉันเลยเดาว่าคฤหาสน์หลังนี้น่าจะมีองค์ประกอบของวัดอยู่”
พอบัตเลอร์ได้ยินวินนี่พูดแบบนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ใช่แล้ว เพื่อน วินนี่พูดถูกแล้ว เทซึกะเล่าให้ฉันฟังว่า พวกเขาเชิญปรมาจารย์ด้านการออกแบบไทอามิอะไรสักอย่างเพื่อมาสร้างคฤหาสน์ตามลักษณะของวัด”
จากเริ่มต้นการสนทนาด้วยรูปแบบสิ่งก่อสร้าง ตอนนี้ฉินสือโอว บัตเลอร์กับนิชิมุระ เร็นก็คุยกันมาจนถึงเรื่องอุตสาหกรรมประมง
ฟาร์มปลาของฉินสือโอวกำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จึงถามบัตเลอร์ว่าเขาพอจะรู้สึกสนใจไหม บัตเลอร์รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย เขาบอกว่าปลาแซลมอนแปซิฟิกยังพอได้ แต่ปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะทางฝั่งเขาจัดการค่อนข้างลำบาก
ฉินสือโอวไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ เลยบอกว่าถ้ากลับไปแล้วนายก็ไปหาฉันสักครั้งสิ จะได้ทานอาหารทะเลคุยกัน ลองชิมรสชาติอาหารทะเลของฉันดู ฉันคิดว่าปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะของฉันค่อนข้างดีเลยล่ะ
บัตเลอร์ไม่ได้เก็บคำพูดเขามาคิดจริงจังนัก จึงพูดกับเขาอย่างสบายใจว่า “โอเค ถ้าฉันจัดการธุระที่ญี่ปุ่นเสร็จแล้วฉันจะไปหานาย บรรยากาศฟาร์มปลาของนายน่ะเยี่ยมยอดมาก พูดจริงๆ เลยนะเพื่อน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องช่วยครอบครัว ฉันก็อยากจะไปขอซื้อที่บางส่วนจากฟาร์มปลาของนายมาสร้างบ้านสักหลังแล้วอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิตจริงๆ ”
แค่ครู่เดียว คนรับใช้สองคนก็เขามากางโต๊ะตัวเตี้ยๆ ออกหนึ่งตัว แล้วยกเครื่องปรุงบางส่วนเข้ามา มีพวกซอสอาหารทะเล วาซาบิ น้ำตาลทรายป่น เกลือหิน น้ำส้มสายชูหมักข้าว โชยุชนิดเข้มข้น มิโสะ เหล้าทำอาหารก็มีครบ
หลังจากกางโต๊ะออกแล้ว คนรับใช้ทั้งสองก็เดินไปที่ประตูเพื่อตั้งเตาอบ คนหนึ่งกำลังวางปูเอจิเซ็นตัวใหญ่ลงไปบนเตาอบแล้วเริ่มต้นอบอาหาร ส่วนอีกคนก็ตั้งเตาต้มปู
เทซึกะ โกดะยกโถเหล้าใบใหญ่หนึ่งใบกับโถเหล้าขนาดเล็กสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งใบเข้ามา แล้วกล่าวว่า “ฉินซัง บัตเลอร์ซัง ต้องลองชิมสาเกเท็นกุไมของพวกเรานะครับ ผมคิดมันว่ารสชาติดีมากๆ เลย หวังว่าพวกคุณจะชอบนะครับ”
คนญี่ปุ่นนิยมจิบเหล้าก่อนทานอาหาร ดังนั้นขณะที่อาหารคาวยังไม่มา ทั้งสามคนก็เริ่มพากันดื่มเหล้าก่อนแล้ว
เมื่อเริ่มจิบเหล้าไปแล้ว หากว่ากันตามความเคยชินของคนญี่ปุ่น เรื่องธุรกิจก็จะถูกเปิดประเด็นตามมา
แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อจิบสาเกเข้าไปแล้วหนึ่งอึก เทซึกะ โกดะก็พูดขึ้นมาว่า “ฉินซัง ต้องขอโทษจริงๆ นะ ผมเคยแอบสอบถามเรื่องของคุณมาก่อน นั่นก็เหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติคุณ ได้โปรดให้อภัยด้วยนะครับ”
ฉินสือโอวกล่าวกับเขาว่า “เป็นเรื่องธรรมดามากครับ เทซึกะซัง นี่ไม่ใช่การไม่ให้เกียรติผมหรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำใจของลูกชายครอบครัวชาวประมงอย่างพวกเรา ก็เหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ขออย่าให้คุณคิดมากอีกเลยครับ”
เมื่อเทซึกะ โกดะได้ยินแบบนี้ก็ปรากฏสีหน้ามีความสุขขึ้นมา เขากล่าวว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็ขอพูดตรงๆ เลยนะครับ”
เทซึกะ โกดะนั่งตัวตรง เขาพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “ฉินซัง ตามที่ผมรู้มา คุณเป็นคนที่มีฝีมือในการตกปลาทูน่ามาก เพื่อนของผมที่เมืองกลอสเตอร์พอพูดถึงคุณก็ถึงกับชมออกมาไม่ขาดปาก นับถือคุณว่าเป็นผู้มีฝีมือสูง ราชาปลาทูน่าในคราวนี้ก็ช่วยยืนยันจุดนี้แล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่า พวกเราพอจะมีโอกาสทำธุรกิจร่วมกันไหมครับ?”
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “เทซึกะซังถ่อมตัวกับผมแล้ว ทักษะการจับปลาทูน่าของผมก็ทั่วๆ ไปนั่นล่ะครับ เพียงแต่ว่าที่จริงแล้วผมมีชาวประมงที่เก่งกาจอยู่ในมือกลุ่มหนึ่ง”
หลังจากพูดจบ เขาก็พูดขึ้นมาต่อว่า “แต่ว่า เทซึกะซัง ให้อภัยในความโง่เขลาของผมด้วยนะครับ บริษัทร่วมทุนคิโยมุระของพวกคุณเป็นผู้ค้าอาหารทะเลรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโตเกียว ปลาทูน่าของผมแค่ไม่กี่ตัว คุณไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้ในสายตาเลยครับ”
เทซึกะ โกดะลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดกับเขาช้าๆ ว่า “ฉินซังคงจะแค่ถ่อมตัวเท่านั้น คืออย่างนี้นะครับ คุณก็รู้ว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าของบริษัทการประมงทุกแห่งในญี่ปุ่น ทุกๆ ปีพวกเราจะส่งเรือสำรวจจำนวนมากออกไปตรวจสอบจำนวนปลาทูน่าครีบน้ำเงินในน่านของทุกๆ ประเทศ”
“ตามข้อมูลที่เรือลำหนึ่งจากองค์กรของเราตรวจสอบพบ ฟาร์มปลาของคุณไม่ได้จับปลามาเป็นระยะเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว ทรัพยากรประมงก็ถูกรักษาไว้ดีมาก ปลาซาร์ดีนก็มีอยู่เป็นมากเป็นพิเศษ ตามการคาดการณ์ของพวกเราแล้ว ฟาร์มปลาของคุณน่าจะมีฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินอยู่!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใจของฉินสือโอวก็เริ่มรู้สึกถึงคลื่นของความอันตราย
………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น