หมอดูยอดอัจฉริยะ 518-519

 ตอนที่ 518 ผ่าหิน (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“เยี่ยเทียน ผ่าตรงไหนลงไปก็ได้ครั้งหนึ่งก็พอแล้ว วัตถุดิบชิ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นหินผสมหยกพม่า ถึงจะมีสัญลักษณ์ของหยกดิบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีหยกพม่าออกมาแน่นอน”


ได้ยินคนรอบข้างวิจารณ์ ใบหน้าของหลิ่วซีกั๋วรู้สึกถึงไอร้อนผ่าว ครั้งนี้เกรงว่าตระกูลจั่วอัญมณีจะโด่งดังอีกแล้ว งานประมูลครั้งนี้จัดมาสิบกว่าวันยังไม่มีใครสอบถามถึง “หินดิบชั้นเลิศ” เพราะถูกพวกเขาซื้อไปแล้ว


ดังนั้นคราวนี้หลิ่วซีกั๋วจึงไม่เกรงใจฐานะ “รุ่นพี่” ของเยี่ยเทียนอีก เผลอเอ่ยคำพูด “ตักเตือน” เขาออกมา รีบผ่าหินเร็วๆ แล้วจะได้ไป จะได้ไม่ต้องขายหน้าต่อคนมากมายอย่างนี้


“ซีกั๋ว คุณสามารถมองทะลุผิวหินนี้ว่าข้างในคืออะไรได้ไหม?”


เยี่ยเทียนหยุดมือ แม้ปากจะพูดอยู่กับหลิ่วซีกั๋ว แต่ดวงตากลับมองไปยังผู้คนเหล่านั้นที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่รอบทิศ


“ถึงผมจะมองไม่ออก แต่ว่าท่านอา การพนันหินนี่ก็ต้องใช้ทักษะนะครับ” หลิ่วซีกั๋วได้ยินแล้วชะงักงัน เขาเข้าใจความหมายของเยี่ยเทียน หรือเขาคิดว่าข้างในมีหยกพม่าอยู่จริง ๆ?


“มองไม่ออกก็ไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นพวกคุณทุกคนก็คงรวยกันหมดแล้ว?” เยี่ยเทียนเหลือบมองหลิ่วซีกั๋วอย่างไม่พอใจ คำพูดนั้นราวกับตบหน้าฝูงชน ฟังดูออกจากกวนส้นเท้า


“พ่อหนุ่ม พนันหินมันไม่ง่ายอย่างที่นายคิดนะ อย่าคุยโม้ให้มากนัก”


“นั่นสิ เลือก ‘ก้อนขี้หมา’ มาส่งๆ แล้วหวังจะผ่าให้ได้หยกพม่า มันง่ายอย่างนั้นที่ไหนกัน?”


“ตระกูลจั่วมีคนอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร? พวกเรามาดูกัน ว่าพวกเขาจะผ่าหยกพม่าแบบไหนออกมาได้?”


คำพูดนี้ของเยี่ยเทียนทำให้ผู้คนเดือดดาล ผู้คนที่ยืนชมอยู่ต่างส่งเสียงฮึ่มฮั่ม ใบหน้าของแต่ละคนเผยให้เห็นรอยยิ้มเย็นชา พวกเขาอยากดูว่าเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้จะผ่าเอาหยกพม่าออกมาจาก “เศษขยะ” ชิ้นนี้ได้อย่างไร?


 “ผมเองก็ไม่ได้เชิญพวกคุณมาดูการตัดหิน มีแต่พวกเสนอหน้ามาโดยไม่ได้เชิญกันทั้งนั้น!”


เยี่ยเทียนเบ้ปาก เขาไม่คิดจะคลุกคลีในวงการนี้แม้แต่น้อย และไม่กลัวจะไปหนักหัวใคร คำพูดพึมพำกับตัวเองนี้กลับทำให้ผู้คนได้ยินอย่างชัดเจน ทำเอาเหล่าอาวุโสวงการพนันหินเหล่านั้นต่างก็โกรธจนควันออกหู


“ท่านอา ท่านยังต้องร่างเส้นอีกหรือเปล่า? ถ้าไม่ร่างล่ะก็รีบผ่าเร็วๆ กันเถอะ?”


เวลานี้หลิ่วซีกั๋วแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว คนอื่นทำอะไรเยี่ยเทียนไม่ได้ แต่ไม่แน่อาจเจะมินใส่ตระกูลจั่วอัญมณีในภายหลัง และในสถานที่แห่งนี้มีบริษัทค้าอัญมณีที่มีอิทธิพลไม่ต่ำกว่าสิบแห่ง ต่างก็ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลจั่วค้าอัญมณีของพวกเขา


 “ได้ งั้นผมจะผ่าเลย”


เยี่ยเทียนเองก็ไม่คิดจะอยู่ในพม่านานนัก หลังจากวางตำแหน่งหินดิบก้อนนั้นดีแล้ว มือซ้ายก็กดเปิดสวิตช์เครื่องผ่าหิน ฟันเลื่อยอัลลอยสีเงินทั้งแผ่นนั้นพลันเหวี่ยงหมุนอย่างรวดเร็วทันที


มือขวาจับยังมือจับล้อเฟือง  เยี่ยเทียนค่อยๆ กดฟันเลื่อยลงไป เมื่อฟันเลื่อยสัมผัสกับหินดิบ ฝุ่นหินก็ปลิวกระจายขึ้นมา


เครื่องตัดหินชิ้นนี้ที่เยี่ยเทียนเลือก เป็นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดภายในลาน รัศมีของฟันเฟืองลึกถึงสี่สิบเซนติเมตร แต่ตำแหน่งที่เยี่ยเทียนต้องการจะตัด ลึกลงไปเพียงประมาณสามสิบห้าเซนติเมตรเท่านั้น หมายความว่า พอตัดลงไปก็จะผ่าให้เห็นผิวด้านในออกมา


เยี่ยเทียนเคลื่อนไหวไม่ว่องไวนัก แต่ใช้ความเร็วคงเส้นคงวาในช่วงเวลาระหว่างมีดตัดลงไปจนถึงตอนใกล้จะผ่าหินออกจากกัน หลังจากเสียง “แกร๊ก” ของฟันเฟืองเสียดสีกับหิน เสียง “ปึง” หนักหน่วงก็ดังขึ้น หินดิบหนักสามสิบกว่ากิโลกรัมก็แตกออกจากกัน กระแทกลงอย่างรุนแรงบนพื้นดินใต้เครื่องตัดหิน


“ดูสิ มีอะไรออกมาไหม?”


“รีบใช้น้ำล้างให้สะอาดเร็ว หมอนี่ผาหินไม่เป็นจริงๆ ทำพื้นที่สกปรกไปหมด”


พอผ่าผิวหินออกมา ผู้ชมต่างขยับเขยื้อนตัว ถึงขั้นมีคนลากสายฉีดน้ำมา ใช้น้ำฉีดขึ้นไปยังผิวตัดบนเครื่องตัดหิน ทำให้เยี่ยเทียนต้องขยับไปอีกทาง ราวกับคำเย้ยหยันเมื่อครู่ไม่ได้ออกมาจากปากพวกเขา


“เฮ้ย นี่มันอะไรกันน่ะ?”


มือของเยี่ยเทียนจับแน่นบนเครื่องตัดหิน ออกจะสับสนในความคิด หรือว่าคนพวกนั้นจะมีสายตาที่แหลมคม  สามารถมองทะลุผิวตัดชิ้นนี้ของตัวเอง จนสามารถมองเห็นของข้างใน? แต่…แต่เยี่ยเทียนเองยังไม่รู้เลยว่าของที่โผล่ออกมาจากข้างในนั้นที่แท้คืออะไรกันแน่


“ซีกั๋ว พวกเขาทำอะไรน่ะ?” เยี่ยเทียนวางมือจับฟันเลื่อยลง หันหน้าไปทางหลิ่วซีกั๋ว หากไม่ใช่เพราะคำเยาะเย้ยของคนเหล่านี้เมื่อครู่ เยี่ยเทียนคงคิดว่าพวกเขาล้วนเป็นเหลยเฟิงผู้มีน้ำใจแห่งยุคปัจจุบัน


หลิ่วซีกั๋วไม่เห็นด้วยกับสถานการณ์นั้นนัก มองยังเยี่ยเทียนแล้วหัวเราะตอบ “ท่านอา พนันหินก็เป็นแบบนี้แหละ พอผ่าหินออกมาแล้ว ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าได้กำไรหรือขาดทุน!”


เสน่ห์ยิ่งใหญ่ที่สุดของการพนันหิน แน่นอนว่าต้องอยู่ที่การผ่าหิน ระหว่างขั้นตอนการผ่า แม้เป็นผู้สูงอายุที่คลุกคลีอยู่ในวงการมาหลายสิบปีพวกนั้น ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกันทุกคน เพราะนั่นไม่เพียงเป็นการพิสูจน์สายตาตัวเอง แต่เป็นการตัดสินเงินในกระเป๋าพวกเขาด้วย


ที่สำคัญ ต่อให้เป็นปรมาจารย์พนันหินผู้มีประสบการณ์ ก็ยังไม่กล้ายืนยันว่าภายในหินหนึ่งก้อนมีหยกพม่าหรือคุณสมบัติดีหรือไม่ดีอยู่ภายใน หากอยากรู้ผลลัพธ์ มีแต่ต้องพึ่งการผ่าหินเท่านั้น การผ่าหินจึงมีคำกล่าวว่า “หนึ่งดาบสู่สวรรค์หนึ่งดาบสู่นรกอเวจี” มาตลอด โชคและการเสี่ยงพนันของวลีนี้ เมื่อใช้วงการพนันหินนับว่าเหมาะสมเป็นที่สุด


พอเวลาผ่านไปก็กลายเป็นกฎเกณฑ์ ขอเพียงบนลานมีการผ่าหิน ล้วนสามารถดึงดูดผู้ชมจำนวนมาก แม้จะไม่ใช่หินของพวกเขาก็ตาม คนพวกนี้ก็พร้อมจะส่งเสียงเชียร์เมื่อมีกำไร และถอนหายใจเมื่อพบว่าขาดทุน


แน่นอนว่า เหล่าผู้ชมตรงหน้าในวันนี้ กลัวว่าจะพลิกกลับตาลปัตร พวกเขาล้วนกลั้นใจรอดูเยี่ยเทียนขาดทุน และเกรงว่าความคิดแบบนี้น้อยนักที่จะเห็นในกลุ่มนักพนันหิน


“เป็นยังไงบ้าง? ผ่าได้อะไรออกมา?”


“นั่นสิ ขอพวกเราดูหน่อย ผ่าออกมาแล้วขาดทุนใช่ไหม?”


ผิวตัดนี้มีพื้นที่ให้เห็นเพียงหนึ่งตารางฟุต พอมีคนสามถึงห้าคนเดินมาล้อมรอบ คนที่อยู่ด้านหลังก็มองอะไรไม่เห็นแล้ว ต่างเกาหัวเกาหูด้วยความสงสัย แทบจะอยากยันเท้าลงบนก้นที่อวบอ้วนอยู่ข้างหน้าเสียให้ได้


“อ้าว ทำ…ทำไมถึงกลายเป็นเนื้อหมอกล่ะ แบบนี้ แบบนี้ก็บอกไม่ได้ว่าได้กำไรหรือขาดทุนน่ะสิ”


ท่ามกลางความเร่งรัดของผู้คนที่อยู่ด้านหลัง ชายชราผมหงอกเต็มหัวผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย เขาอยู่ในวงการพนันหินมาสี่สิบกว่าปีแล้ว คลุกคลีอยู่ในเขตชายแดนจีนพม่ามาตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติเศรษฐกิจ แต่ยังไม่เคยพบเห็นสถานการณ์อย่างนี้มาก่อน


“ถังเหล่า นี่มันเรื่องอะไรกัน? หินนั่นคืออะไรกันแน่ อธิบายให้พวกเราฟังหน่อยสิ!”


เมื่อเห็นผู้เฒ่าคนนั้นลุกขึ้นยืน ผู้คนด้านหลังก็หยุดส่งเสียงฮือฮาทันที ทุกคนที่คลุกคลีในวงการพนันหิน ไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับคนผู้นี้ เพราะชื่อเสียงของเขาในวงการนั้นโด่งดังมากจริงๆ


ตระกูลของถังเหล่ามีธุรกิจทำการค้าเกี่ยวกับอัญมณีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ในอดีตแหวนหยกที่สวมหัวแม่มือทำจากหยกเขียวพม่าของท่านยายองค์ชายกงชินหวังที่ถูกซูสีไทเฮาช่วงชิงไปชิ้นนั้น ก็ได้มาจากมือของต้นตระกูลถังเหล่า ภายหลังเครื่องประดับศีรษะที่ตกแต่งไปด้วยหยกพม่าชิ้นนั้นของซูสีไทเฮาก็ได้มาจากการถวายของตระกูลถัง


พักเรื่องประวัติความเป็นมาของครอบครัว ถังเหล่าเองก็วนเวียนอยู่เขตชายแดนจีนพม่ามาตั้งแต่วัยหนุ่ม ทำอาชีพพนันหินมานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ตอนที่ลงมือคัดหินแทบไม่เคยพลาดมาก่อน จึงได้รับการขนานนามจากคนในวงการว่าเป็น “ราชาแห่งหยกพม่า”


พวกผู้ชมเหล่านี้กล้าเหยียดหยามเยี่ยเทียน แต่ว่าต่อหน้าถังเหล่าต่างนอบน้อมกันอย่างมาก เมื่อเห็นท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วครุ่นคิด ภายในลานก็เงียบสงบลงทันที


“วัตถุดิบชิ้นนี้ฉันเคยเห็นมาก่อน ผิวภายนอกเขียวภายในแดงก่ำ ราวถูกแร่เหล็กกัดกร่อน ผิวตัดไม่มีเนื้อหมอกและไม่เห็นเนื้อหยกพม่า หากว่ากันตามทั่วไปคือเศษขยะชิ้นหนึ่ง”


ถังเหล่าครุ่นคิดอยู่สักครู่ เห็นผู้คนล้วนรอฟังเขา ก็ยิ้มแย้มกล่าวว่า “แต่น้องชายคนนี้ตัดออกมาเป็นเนื้อหมอก อีกทั้งภายในยังมองเห็นสีแดงเลือนราง ดูแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นหยก!”


“อะไรนะ? ถังเหล่า ความหมายของคุณคือ เขาผ่าออกมาได้กำไรเหรอ?”


“เป็นไปไม่ได้ ขยะ…ขยะชิ้นนี้นะหรือจะเป็นหยกแดงไปได้?”


“ราคาหยกแดงก็ไม่สูง อย่างมากก็ได้กำไรนิดหน่อยเท่านั้น อีกอย่างจะมีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”


ถังเหล่าพูดออกมาครั้งนี้ ภายในลานกลับกลายเป็นฮือฮาขึ้นมาทันที บางคนเผยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ บางคนที่ยืนอยู่ใกล้ ถึงกับเอาไฟฉายกำลังสูงส่องเข้าไป เอากระจกไฟฉายแนบชิดกับผิวตัดของหินดิบ ด้วยอยากเห็นสีของแสงที่ส่องจากภายใน


คราวนี้เยี่ยเทียนกลับกลายเป็นคนอยู่เฉยๆ ใช้แขนกระทุ้งหลิ่วซีกั๋วที่ยืนเหม่ออยู่นิดนึง แล้วถาม “ซีกั๋ว หยกแดงนี่มันคืออะไรกัน? ก็คือหยกใช่ไหม?”


“หยกแดงก็คือหยกแหละครับ” หลิ่วซีกั๋วแค่นหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง ตอบว่า “ท่านอา ท่าน…ท่านช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ หยกแดงนี้ถึงแม้ราคาไม่สูงมาก แต่…แต่ก็นับว่าผ่าได้กำไรแล้ว”


ในวงการหยกพม่า มีคำอธิบายเรื่องหยกพม่าสีแดงและสีเขียวมาแต่โบราณ สีสันของหยกพม่า ถูกสร้างขึ้นโดยการกัดกร่อนของแร่ใต้ดิน เช่นหยกแดงส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากแร่เหล็กแดงผสมผสาน ด้วยใต้ดินมีแร่เหล็กมาก ดังนั้นหยกแดงจึงพบเห็นได้บ่อยกว่า ราคาในตลาดจึงไม่ค่อยสูงนัก มักจะถูกจัดเป็นสินค้าระดับกลางหรือระดับล่าง


แต่ว่าแม้หยกแดงจะถูกแค่ไหน เยี่ยเทียนก็ยังทำกำไรได้ไม่ขาดทุน วัตถุดิบชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาจ่ายไปด้วยราคาเพียงสามร้อยดอลลาร์สหรัฐ จึงนับว่าไม่ต่างจากได้ของฟรี ที่สำคัญ วัตถุดิบชิ้นใหญ่ขนาดนี้ต่อให้นำหยกดิบสีแดงออกมาได้เพียงสิบกว่าชั่ง ก็ยังมีมูลค่าหลายแสน


เวลานี้ผู้คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างเครื่องตัดหิน ล้วนเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา พวกเขานึกไม่ถึงว่าเยี่ยเทียนจะโชคดีจริงๆ กลับผ่าเอาหยกพม่าออกมาจากหินดิบขี้หมาก้อนนี้ได้


 โบราณว่าผู้ชนะคือผู้ตัดสิน การพนันหินเองก็เป็นเช่นนั้น แม้จะยังไม่ผ่าหยกแดงออกมาจนเสร็จสิ้น แค่เพียงปรากฎเนื้อหมอกออกมาอย่างนี้ ผู้คนจึงเปลี่ยนสายตามองเยี่ยเทียนเสียใหม่ ท่าทียโสโอหังที่เยี่ยเทียนแสดงออกมาเมื่อครู่ ราวกับกลายเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นไปเช่นเดียวกัน


ขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึงในความโชคดีของเยี่ยเทียน ถังเหล่ากลับคุกเข่าตรวจสอบผิวตัดด้วยตัวเอง หลังจากลุกขึ้นยืนแล้วก็พูดกับเยี่ยเทียนว่า “น้องชายท่านนี้ ด้านล่างตัดต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ คุณใช้เครื่องขัดแซะเข้าไปข้างในเพียงหนึ่งนิ้ว ก็คงจะเห็นเนื้อหยกแล้ว”


“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ!” เยี่ยเทียนพยักหน้า ยกเอาเครื่องขัดที่อยู่ด้านข้างเครื่องตัดหินขึ้นมา


…………………….


ตอนที่ 519 ผ่าหิน (3)

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผู้เฒ่ายิ้มพลางพยักหน้า ชี้ไปยังส่วนผิวตัดแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม แซะเข้าไปจากตรงนี้ ระวังหน่อยล่ะ อย่างมากไม่เกินสองนิ้วจะต้องมีหยกออกมาแน่นอน”


เยี่ยเทียนเหลือบมองท่านผู้เฒ่าอย่างประหลาดใจหน่อยหนึ่ง โบราณว่าในวิชามีผู้เชี่ยวชาญ ผู้เฒ่าซึ่งดูเหมือนคนทั่วไปผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย เยี่ยเทียนปล่อยพลังสัมผัสไปยังจุดที่ปรากฏหยกพม่า พบว่าเป็นอย่างที่เขาพูดโดยไม่มีผิดเพี้ยน


เยี่ยเทียนยิ้มไปทางผู้เฒ่า แล้วเปิดสวิตช์เครื่องขัด เครื่องยนต์เล็กขับเคลื่อนใบขัดจนเกิดเสียง ทันใดนั้นก็เกิดเสียงกึกก้องไปทั่วบริเวณ ผู้ชมเหล่านั้นต่างเข้ามาหยุดล้อม ส่งสายตามองมายังเยี่ยเทียน


“แกรก… แกรกๆ!”


เยี่ยเทียนสอดใบขัดเข้าไปยังจุดที่ผู้เฒ่าชี้แนะ ผลึกเนื้อหมอกสีขาวผสมผสานกับเศษหินปลิวกระจายออกมาทันที เสียงขัดสีแสบแก้วหูดังออกมาไม่ขาดสาย


เยี่ยเทียนลงมือขัดหินออกอย่างรวดเร็ว กระทั่งใบขัดชิ้นหนึ่งถูกเสียดสีจนหลุดออก เยี่ยเทียนก็ยังไม่หยุดเพื่อตรวจเช็ค หลังจากเปลี่ยนใบมีดแล้ว ก็ลงมือทำต่อเหมือนเดิม และถังเหล่าก็ยังคงจ้องมองใบมีดอยู่ข้างๆ ตลอด โดยไม่สนใจเศษหินที่ติดอยู่บนหน้า


“หยุด!” ทันใดนั้นถังเหล่าก็ตะโกนเสียงดังขึ้น และมือขวาของเยี่ยเทียนก็ชักออกมาตามเสียงตะโกนของเขาพอดี จากนั้นกลุ่มสีแดงส่วนหนึ่งก็ส่องแสงแวววาวปรากฏต่อหน้าฝูงชน


“ได้กำไร พนันได้กำไรแล้ว!”


“หยกออกมาแล้ว ให้ตายสิ เจ้าหนุ่มคนนี้โชคดีจริง ๆ”


“ไงล่ะ เหล่าหวัง เมื่อกี้แกบอกว่าจะกินเศษหินให้หมดใช่ไหม?”


หลังจากเยี่ยเทียนหยุดมือแล้ว ผู้คนทีแรกที่ยืนอยู่ข้างเครื่องตัดหินก็พลันล้อมกันเข้ามา ส่วนคนที่ฉวยโอกาสไม่ทันจึงได้แต่ยืนวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ด้านนอก มีทั้งอิจฉาริษยาทะเลาะกันเองไม่น้อย แต่ละคนต่างโอ้อวดความรู้ของตัวเองกันยกใหญ่


“เจ้าหนุ่ม เป็นยอดฝีมือหรือ?”


ถังเหล่าสังเกตตอนเยี่ยเทียนขัดหินมาตลอด แต่ไม่ได้ก้าวเข้ามารวมกับฝูงชน ทว่าคำพูดกลับแฝงความชื่นชมเยี่ยเทียนอยู่ลึกๆ มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ ว่าตอนที่เขาส่งเสียงออกมา ความจริงแล้วเยี่ยเทียนได้ยั้งแรงกลับมาแล้ว ต่อให้ไม่มีการร้องเตือนของตัวเอง เยี่ยเทียนก็จะไม่ทำลายเนื้อหยกแม้เพียงนิดเดียว


การผ่าหินเองก็เป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง ความยากของมันไม่น้อยไปกว่าการพนันหิน ยอดฝีมือผ่าหินที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องพึ่งสายตาในการตรวจสอบ แต่ทว่าใช้หัวใจในการสัมผัสโดยตรง พวกเขาสามารถดึงมือกลับได้ทันเวลาขณะที่เครื่องมือกำลังจะขูดเนื้อหยก คำกล่าวเช่นนี้ถึงแม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ก็มีอยู่จริง


เพียงแต่หากจะทำให้ได้ถึงขั้นนี้ หากไม่มีประสบการณ์ในการผ่าหินถึงยี่สิบสามสิบปีก็ยากลำบากที่จะทำสำเร็จ ก่อนหน้านี้ถังเหล่าทำได้ เพียงแต่ว่าเวลานี้ร่างกายแก่ชรา กำลังไม่เหมือนเมื่อก่อน เขาเองยังไม่กล้ายืนยันว่าตนเองจะทำได้ดีไปกว่าเยี่ยเทียนเมื่อครู่เช่นกัน


“เหอะๆ ท่านผู้เฒ่าชมเกินไปแล้วครับ แค่มือนิ่งเท่านั้น” เยี่ยเทียนตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมรับ


ด้วยความสามารถในการควบคุมพละกำลังของเยี่ยเทียนในตอนนี้ อย่าว่าแต่การสัมผัสถึงการมีอยู่ของหยกพม่าในหินดิบก่อนหน้านี้ ต่อให้ไม่รู้ตำแหน่งของหยกพม่า อาศัยจากแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยที่เยี่ยเทียนสัมผัสผ่านทางเครื่องขัดตัดลงบนหิน  เขาก็สามารถชักมือกลับในจังหวะที่คับขันที่ใบขัดจะครูดโดนหยกพม่าได้


“ผู้อาวุโสครับ ท่านช่วยดูคุณภาพของชิ้นนี้ว่าเป็นอย่างไรให้หน่อยสิครับ”


ต้องบอกก่อนว่าพลังสัมผัสหยกพม่าในหินดิบและการตัดหิน แม้เยี่ยเทียนไม่กล้าพูดว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่หากพูดถึงคนที่เหนือกว่าเขานั้นมีไม่มากแน่นอน เพียงแต่หากพูดถึงการแยกแยะหยกพม่าแล้ว เขาก็ไม่ต่างจากคนไม่รู้หนังสือ หากไม่ใช้พลังวิญญาณสัมผัสแล้วล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่กระจกหรือหยกพม่าเขาก็แยกแยะไม่ออก


“ได้ ในหยกแดงนั้นก็ยังมีของชั้นเลิศ ผู้เฒ่าอย่างฉันจะช่วยเธอดูเอง!”


ในวงการนี้ ถังเหล่าได้รับการขนานนามว่าชอบสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่มาตลอด ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนไม่รู้จักที่เชิญชวนเขามาช่วยดูหิน ถังเหล่าเองก็น้อยนักจะปฏิเสธ เมื่อเห็นเยี่ยเทียนเอ่ยปาก ผู้เฒ่าก็หยิบไฟฉายเล็กออกมาจากกระเป๋า เดินมาตรงหน้าผิวหินดิบที่ถูกขัดแล้ว


“นี่ พวกพี่ชาย ถอยหน่อยสิครับ!”


เยี่ยเทียน ใช้มือจับคนที่กำลังหมอบตรวจดูผิวตัดอยู่ตรงนั้น พลางผลักเขาออกไปด้านข้างเบาๆ หลังจากที่ขัดหินหยกออกมา ที่ตรงนั้นก็ถูกคนรุมล้อมจนแน่นขนัด


“ถอยไปให้หมด ให้ถังเหล่าดูหน่อย!”


คนที่ถูกเยี่ยเทียนผลักกำลังจะโมโห แต่พอเห็นถังเหล่ายืนอยู่ข้างหน้า จึงระงับโทสะในทันที ตราบใดที่ยังอยากอยู่ในวงการพนันหิน เขาก็ไม่มีกึ๋นพอจะกล้าหาเรื่อง “ราชาหยกพม่า”


“เอ้า พี่ชายทั้งหลาย นั่นคือหยกแดงอะไรกันน่ะ?”


“นั่นสิ พูดให้พวกเราฟังหน่อย ได้กำไรดีหรือเปล่า?”


หลังจากได้ยินคนนั้นตะโกนขึ้น คนสามสี่คนที่ล้อมรอบอยู่หน้าหินดิบก็ถอยตัวออกมา แต่ว่าสายตาตกตะลึงของคนเหล่านี้กลับทำให้คนที่ไม่ได้เห็นผิวตัดหินในตอนแรกนึกสงสัย


ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งตอบว่า “บอกไม่ถูก สีแดงนั่นสดใสเป็นพิเศษ จนทำให้ผลึกรอบด้านสะท้อนสีติดไปด้วย คุณภาพไม่น่าจะแย่มาก”


คำพูดของชายวัยกลางคนทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หยุดวิพากษ์วิจารณ์ ต่างพุ่งสายตามุ่งตรงไปยังถังเหล่าที่กำลังตรวจสอบผิวตัดหิน พวกเขาเองก็อยากรู้ว่า หินดิบก้อนนี้ที่ใครๆ ก็มองข้าม ที่แท้แล้วผ่าได้หยกชนิดใดออกมากันแน่?


“ถังเหล่า เป็นยังไงบ้าง?”


ผ่านไปกว่าสิบนาทีเต็ม ถังเหล่าก็เก็บไฟฉายเล็กและแว่นขยายในมือลง ผู้คนต่างรายล้อมเข้ามาในทันที ถ้าหากเด็กหนุ่มคนนี้ซื้อหยกพม่าราคาสูงลิบได้ในราคาสามร้อยดอลลาร์สหรัฐ อย่างนั้นในวงการพนันหินจะเกิดกรณีเอากุ้งฝอยไปตกปลากระพงอันคลาสสิกขึ้นอีกกรณีหนึ่ง


ถังเหล่าปาดเหงื่อบนหน้าผาก กล่าวว่า “หน้าผิวตัดหินเล็กเกินไป มองเห็นไม่ค่อยชัด แต่ว่าส่วนที่แสดงออกมาชัดเจนว่าเป็นหยกแดงชั้นสูงหายาก ชนิดของน้ำอย่างน้อยก็ถึงขั้นหยกน้ำแข็ง ส่วนด้านในนั้นต้องผ่าออกมาถึงจะรู้”


 “ว่าไงนะ? หยกแดงชั้นสูงหรอ?”


“สวรรค์ ชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เป็นหยกแดงทั้งหมดเลยหรือ?”


“กำไรมหาศาล นี่นับว่าได้กำไรมหาศาลเลย ขอเพียงเอาออกมาได้แค่หนึ่งกิโลกรัม วัตถุดิบนี้ก็มีมูลค่าถึงล้านกว่าแล้ว!”


คำพูดของถังเหล่าราวกับสายฟ้าฟาด สั่นสะเทือนจนผู้คนในลานต่างตะลึงงัน ทว่ายังคงแสดงปฏิกิริยาต่อ ส่งเสียงพูดวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ขึ้น จนสถานที่ตรงนั้นดังจ้อกแจ้กจอแจไม่หยุด


ควรทราบว่า แท้จริงแล้วราคาหยกแดงไม่สูงมาก แต่นั่นหมายถึงหยกแดงธรรมดาเจือสีน้ำตาล หรือวัตถุดิบหยกพม่าสีน้ำตาลเจือแดง แต่ว่าหยกแดงชั้นดีที่แท้อย่าง “หยกแดงหงอนไก่” มูลค่าของมันไม่มากน้อยไปกว่าหยกจักรพรรดิ ต่างเป็นของหายากล้ำค่าในหมู่หยกพม่าเช่นกัน


ชื่อเสียงของถังเหล่าในวงการพนันหินนั้นพอๆ กับโซรอสในโลกแห่งเงินตรา คำพูดของเขาไม่มีใครนึกสงสัย ดังนั้นหลังจากได้ยินความเห็นของเขาแล้ว สายตาของผู้คนเมื่อมองไปยังหินดิบอัปลักษณ์และเยี่ยเทียนอีกครั้งกลับกลายเป็นร้อนผ่าวขึ้นมา


หินดิบก้อนนี้มีน้ำหนักถึงร้อยชั่ง ตอนนี้ตัดทิ้งไปเพียงสามถึงห้าสิบชั่ง  ก็ปรากฏเนื้อหยกที่ถังเหล่าเรียกว่าเป็นหยกแดงชั้นสูงแล้ว หยกพม่าที่กักเก็บอยู่ภายในนั้น เป็นไปได้ว่าอาจมีมูลค่าถึงจำนวนที่ผู้คนไม่อาจเชื่อ


ดังนั้นเวลานี้ในหมู่หินดิบและสายตาของพ่อค้าอัญมณี วัตถุดิบที่เดิมเคยถูกขนานนามว่า “ขี้หมา” กลับกลายร่างเป็นขนมเปี๊ยะอันหอมหวานในสายตาผู้คน ต่อให้ด้านบนมีขี้หมากองหนึ่งจริง ก็อาจมีคนยินยอมเลียสักหน


“น้องชาย หินก้อนนี้ไม่ต้องผ่าแล้วล่ะ ถ้าหากผ่าพลาดไปเธออาจจะขาดทุนยับนะ พี่ชายจะออกเงินให้ห้าล้าน นายขายให้ฉันดีกว่า!”


เห็นว่าจ้องหินดิบไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่นานก็มีคนพุ่งเป้าไปที่ร่างของเยี่ยเทียน ชายวัยกลางคนสวมสร้อยทองหนาเท่านิ้วก้อยบนคอคนหนึ่ง เปิดราคาให้เยี่ยเทียนเป็นคนแรก


“เถ้าแก่ฉี คุณจะใจดำเกินไปหรือเปล่า สำหรับหยกแดงชั้นสูงที่เผยออกมาชัดเจนอย่างนี้ ต้องราคามากกว่าห้าล้านแล้ว”


พ่อค้าอัญมณีใส่แว่นท่าทางสุขุมสง่างามอีกคนหักหน้าเถ้าแก่ฉีคนนั้นก่อน แล้วจึงกล่าวกับเยี่ยเทียนว่า “คุณชายท่านนี้ ผมให้แปดล้าน คุณเห็นว่าราคานี้เป็นอย่างไรครับ หากยังไม่พอใจพวกเรายังสามารถต่อรองกันได้!”


“แค่แปดล้านคุณก็คิดจะเอาไปแล้ว คิดว่านี่เป็นการต่อราคาในร้านขายของเก่าหรือไง น้องชาย ฉันให้สิบล้านเลย!”


หลังจากเถ้าแก่ฉีคนนั้นถูกกล่าวหาว่าขี้เหนียว สีหน้ากลับไม่มีความกระดากใจสักนิด แล้วจึงเปิดราคาให้เยี่ยเทียนใหม่อีกครั้ง อย่างกับต้องช่วงชิงมาให้ได้


“ฉันให้สิบสองล้าน!”


“สิบห้าล้าน ร้านของฉันกำลังขาดเครื่องประดับหยกแดงพอดี”


“ฉันให้สิบแปดล้าน พ่อหนุ่ม ราคานี้ไม่ต่ำเลยนะ!”


งานประมูลหยกในประเทศพม่า ราวกับรวบรวมพ่อค้าอัญมณีหยกพม่าชั้นนำในทวีปตะวันออกเฉียงใต้มาอยู่ด้วยกัน ผู้คนเหล่านี้ล้วนมีหลักทรัพย์มั่นคง จึงเพิ่มราคาสูงขึ้นทีละล้านโดยไม่กระพริบตาแม้แต่นิดเดียว


คนที่ไม่เข้าใจการพนันหินเมื่อเห็นที่นี่ก็อาจจะรู้สึกว่าจอมปลอมมาก ด้วยคำพูดของคนเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้เถ้าแก่พวกนี้เสนอราคาแข่งขันกันแล้วหรือ? ถ้าหากเป็นคนอื่นมารวมหัวกัน แล้วพวกเขาจะไม่ล้มละลายตายหรือ?


ความจริงแล้วสถานการณ์อย่างนี้ในสถานที่ค้าขายหยกพม่า มักเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยเฉพาะในเวลาผ่าหิน ต้องเข้าใจก่อนว่าถึงแม้ปริมาณการค้นพบหยกพม่าจะมีไม่น้อย แต่คุณภาพดีกลับมีไม่มาก ก็เหมือนกับหยกจักรพรรดิ มีบางคนที่เป็นพ่อค้าในวงการนี้มาตลอดทั้งชีวิตยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน


ดังนั้นเมื่อมีหยกพม่าชั้นสูงปรากฏออกมา จึงมักดึงดูดผู้คนแหกปากแย่งกันซื้ออยู่เสมอ นั่นเพราะมูลค่าของหยกพม่าชั้นดีหนึ่งชิ้น วัตถุดิบธรรมดาหนึ่งพันชิ้นอาจยังไม่สามารถเทียบเท่า ต่อให้เปิดราคาถึงสิบล้านกว่า พวกเขาก็ยังรู้สึกมั่นใจ


แน่นอนว่า ความเห็นของถังเหล่านั้นเหมือนจะเป็นตัวเร่งส่วนหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย ปลุกเร้าความปรารถนาของผู้คนที่อยู่ตรงนั้นให้ลุกโชนขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างราวกับถูกกระตุ้นยุแยงให้เพิ่มราคากันอย่างไม่คิดชีวิต


“ให้ตายสิ มิน่าล่ะผู้คนมากมายถึงชอบพนันหิน ที่แท้ได้เงินมาไวกว่าปล้นธนาคารเสียอีก?”


ขนาดเยี่ยเทียนที่นับว่าเคยเห็นความโกลาหลในฝูงชนมาแล้ว ยังตกอกตกใจกับความกระตือรือร้นของคนเหล่านี้


เยี่ยเทียนกลับไม่สะทกสะท้านกับเงินสิบกว่าล้านนั่น ที่สำคัญหินดิบก้อนนี้เขาซื้อมาเพียงสามร้อยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ตอนนี้กลับพลิกสูงถึงห้าเท่า อีกครั้งดูจากสถานการณ์ตอนนี้คนเหล่านั้นยังคงไม่ยอมเลิกรา ยังคงมีที่ว่างให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ


แต่ว่าเยี่ยเทียนกลับไม่กล้าให้คนเหล่านั้นเสนอราคาอีก หยกพม่าก้อนนี้ต่อให้คุ้มค่าแค่ไหน เขาก็ไม่คิดจะปล่อยมือขาย อย่างไรเสียหลังจากได้เงินสดและทองคำเหล่านั้นแล้ว สิ่งที่เยี่ยเทียนขาดก็ไม่ใช่เงินอีกต่อไป อีกทั้งต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อสมบัติล้ำค่าจากสวรรค์ได้


…………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)