ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 511-520
บทที่ 511 เตรียมชดใช้เสียเถอะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“โอ๊ย! นี่มันยาพิษนี่! สิ่งที่พวกมันสาดลงมาก็คือยาพิษ!”
“ไอ้พวกอเมริกาเหนือไร้ศีลธรรม! โอย โอย โอย ตาฉัน!”
“ ทำไงดีครับ? กัปตันหนุ่มลมทะเล นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น?”
ซาโต้ ไทชิเองก็โดนราดเต็มไปด้วยยาฆ่าแมลงทั้งตัวเช่นกัน เขาได้กลิ่นเหม็นแรงของยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์แกโนฟอสฟอรัส จนในที่สุดก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจ แต่ด้วยความเป็นกัปตัน เขาจึงแสร้งตะโกนออกไปนิ่งๆ “ยามาดะคุง! เร็วเข้า รีบใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมติดต่อขอความช่วยเหลือด่วน ทุกคนสงบก่อน! นี่ไม่ใช่ยาพิษ! แต่เป็นยาฆ่าแมลง…”
เบิร์ดยังขับเครื่องบินแทรกเตอร์วนอยู่บนเรือประมงไม่หยุด ยาฆ่าแมลงเป็นตันๆถูกเทลงไป ทำให้คนบนเรือต่างเปียกปอนและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า พวกลูกเรือวิ่งชุลมุนไปด้วยความหวาดกลัวเพื่อหาที่หลบและซ่อนตัวไว้
เมื่อก่อน ยามาดะ อาโออิ ไม่เคยออกทะเลไปไกล เคยแต่จับพวกปลา กุ้งอยู่ในทะเลญี่ปุ่น พอเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นเขาจึงตื่นตระหนก สั่นไปทั้งแขนและขา พอได้ยินคำสั่งของซาโต้ ไทชิ เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม
แล้วเสียงวิทยุก็ดังขึ้นอีกครั้ง “…ทอดสมอแล้วจอดเรือเดี๋ยวนี้! คนญี่ปุ่น รีบทอดสมอแล้วจอดเดี๋ยวนี้! ปิดโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมนั่นซะ! หากเราตรวจจับสัญญาโทรศัพท์ดาวเทียมนั่นได้เมื่อไร พวกเราจะโจมตีอย่างทำลายล้างทันที…”
ประกอบกับเสียงประกาศของเบิร์ด ปืนกล M60 ที่ถูกติดตั้งไว้ตรงประตูห้องโดยสารก็ดังคำรามขึ้น ‘ปังปังปัง…’
กระสุนจำนวนหนึ่งพุ่งทะลุดาดฟ้าเรือที่ว่างเปล่าอย่างต่อเนื่อง จนดาดฟ้าบนเรือเป็นประกายไฟเต็มไปหมด
เนื่องด้วยนักท่องเที่ยวไม่ใช่นักแม่นปืนตัวฉกาจ ดังนั้นพวกเขาจึงยังควบคุมวิถีกระสุนไม่ค่อยดี พอล ซาโกรจึงนำเข้ากระสุนส่องวิถีมาหนึ่งล็อตเพื่อการนี้ นักท่องเที่ยวจึงสามารถติดตามกระสุนหลังจากการยิง ซึ่งสะดวกในการปรับทิศทางการยิงของตัวเอง
นีลเซ็นพอเห็นกระสุนส่องวิถีล็อตนี้ก็ดีใจยกใหญ่ เพราะของชิ้นนี้นอกจากจะช่วยปรับวิถีกระสุนให้เที่ยงตรงแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่การยับยั้งที่ดีอีกด้วย
ตามคาด เมื่อเห็นกระสุนที่พุ่งมาราวกับเลเซอร์แสงสีส้มในเวลานี้ ยามาดะ อาโออิตกใจกลัวจนมือสั่นเทาไปหมด สุดท้ายจึงยังไม่ได้หยิบโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมขึ้นมา และทอดสมอออกจากเรืออย่างว่าง่าย
นีลเซ็นรีบปีนบันไดฉุกเฉินขึ้นไปที่เรือประมง ในมือถือปืนพก SIG ไว้ รีบขยับปากกระบอกปืนเล็งไปยังที่ซ่อนที่เป็นไปได้อย่างว่องไว ตะโกนเสียงดัง “ประสานมือไว้บนหัวเดี๋ยวนี้! หมอบซะ! ประสานมือไว้บนหัวเดี๋ยวนี้! หมอบซะ!”
ซาโต้ ไทชิเดาไม่ออกเลยว่าที่เจออยู่คือคนพวกไหนกัน เดี๋ยวก็ปืนกล เดี๋ยวก็ปืนพก แล้วยังบุกรุกขึ้นมาบนเรืออีก? จนเขานึกว่ามีโจรสลัดปรากฏตัวอยู่รอบๆแคนาดา จึงเป็นคนแรกที่ยอมจำนนยกมือประสานไว้บนหัวแล้วหมอบบนพื้นแต่โดยดี
พอเห็นกัปตันยอมง่ายๆ ลูกเรือคนอื่นจะทำอะไรได้ พวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหมอบต่ำลงไปบนเรืออีก
ฉินสือโอวและคนอื่นๆปีนตามหลังขึ้นไป พอเขาขึ้นมาบนเรือก็เห็นภาพทุกคนคุกเข่ายอมแต่โดยดี ภายในใจรู้สึกเสียดาย ยังไม่ทันได้ยิงออกไปสักกระสุน แม่งจบเกมเสียแล้วเหรอวะ? คนญี่ปุ่นไม่ได้แน่มากหรอกเหรอ ต่อต้านสักหน่อยสิ ให้เขาได้ยิงสักสองนัดก็ยังดี
ตอนนี้ฉินสือโอวเหมือนฝ่ายคุมเกมมีอำนาจใหญ่ เขาไม่เคยกังวลเรื่องฆ่าคนตายเลยสักนิด เพราะว่าเรือประมงญี่ปุ่นลำนี้ได้รุกล้ำเข้าสู่เขตแดนของเขาแล้ว อีกอย่างมั่นใจได้เลยว่าไม่ได้มีการรายงานตัวกับกรมศุลกากร ซึ่งนั่นก็คือการรุกล้ำข้ามแดนแล้ว
แม้ว่าแคนาดาจะใช้ระบอบการปกครองแบบประเทศอังกฤษ แต่การใช้ชีวิตของประชาชนก็ยังเหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่างอเมริกามากกว่า คือละเมิดทรัพย์สินส่วนบุคคลไม่ได้
ยิ่งเป็นการคุ้มครองฟาร์มปลาส่วนตัวของรัฐนิวฟันด์แลนด์ด้วยแล้วยิ่งเข้มงวด ถ้าหากเจอพฤติกรรมลักลอบขโมยปลา เจ้าของฟาร์มปลามีสิทธิ์ที่จะเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ถ้าพบคนตายอย่างมากก็เสียถือว่าเป็นการป้องกันตัว
นีลเซ็นก้มลงไปเล็กน้อย ลำกระบอกปืน SIG ส่วนบนตั้งอยู่บนบ่า ดวงตาแนบชิดกับด้ามปืนมองทะลุเป้าปืนสแกนมองกลุ่มคน เขาก้าวพรวดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ดึงลูกเรือขึ้นมาตามอำเภอใจตะโกนเสียงดัง “พวกแก มีกี่คน? เร็ว เร็วๆเข้า!”
ลูกเรือคนนี้ไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษ แล้วตอนนี้ยังถูกทำให้ตกใจกลัวอีก ถูกนีลเซ็นเล็งปืนใส่จนร้องไห้ทุรนทุราย “อูไดหวะ อิเคนะอิไต อูไดหวะ อิเคนะอิไต…”
“แม่ง! แกร้องอะไรออกมา ภาษาอังกฤษ! ภาษาอังกฤษสิ !” นีลเซ็นตะคอกใส่
ยามาดะ อาโออิที่มุดออกมาจากห้องคนขับรีบรับหน้าที่เป็นล่ามในทันที เขาใช้ภาษาอังกฤษที่นับว่าคล่องพอตัวแปลออกมา “คุณผู้ชายครับ เคนชินคุงบอกว่า ‘ได้โปรดอย่ายิง’ ผมเป็นล่ามแปลบนเรือลำนี้ บนเรือนี้มีทั้งหมด 11 คน 11 คนครับ!”
ฉินสือโอวลองนับคนที่คุกเข่าอยู่ตรงดาดฟ้ามี 11 คนพอดี ไม่มีคนหลบซ่อนแน่ แบบนี้ก็วางใจได้ว่าจะไม่มีใครออกมาลอบยิง เขามองไปที่ยามาดะ อาโออิ พูดขึ้น “ดีมาก แกบอกคนที่มากับแกด้วยว่า ตอนนี้พวกแกโดนจับหมดแล้ว”
หลังจากที่ยามาดะ อาโออิ แปลเรียบร้อย ซาโต้ ไทชิก็ถามขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวว่า “พวกคุณเป็นใคร?”
ฉินสือโอวตอบอย่างเฉยเมย “ฉันเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่นี่ พวกแกรุกล้ำเขตน่านน้ำของประเทศเรา แล้วยังล้ำมาที่ในพื้นที่ฟาร์มปลาฉันด้วย”
พอได้ยินว่าฉินสือโอวไม่ใช่หน่วมยามชายฝั่ง ซาโต้ ไทชิก็โล่งใจในทันที เขายืนขึ้นตะคอกใส่ “ท่านครับ สิ่งที่ท่านทำอยู่มันเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ! พวกท่านไม่มีสิทธิ์มาจับพวกลูกเรือของผม พวกเราเป็นประชาชนของชาติญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่…”
“ฟัคยู!” บูลพอเดินขึ้นมาก็ใช้ปืนเรมิงตันยิงไปที่ซาโต้ ไทชิ เขาล้มไปกองอยู่กับพื้นทันที หลังจากนั้นก็ใช้ขาแข็งแรงของเขาเหยียบไปที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรง ตะคอกเสียงดัง “พูดเหี้ยอะไร?! เคารพกัปตันของเราหน่อยดิวะ! แล้วแม่งใครให้แกยืนขึ้นมาห๊ะ?!”
ฉินสือโอวไม่ได้ห้ามบูล คนญี่ปุ่นก็แบบนี้ คุณต้องเหี้ยมโหดกับพวกเขาหน่อย ให้พวกเขารู้ว่าใครที่กุมอำนาจอยู่ในมือกันแน่ คนชนชาตินี้ก็แบบนี้ ตั้งแต่เล็กก็ถูกสั่งสอนว่าผู้ที่แข็งแกร่งกว่าคือกษัตริย์ ผู้ที่อ่อนแอกว่าคือทาส จึงถูกปลูกฝังกลายเป็นความคิดชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
เป็นไปตามคาด การกระทำอันเหี้ยมโหดของบูลไม่ได้ทำให้ลูกเรือคนอื่นโกรธแค้น แค่ทำให้พวกเขาเชื่อฟังมากกว่าเดิม
นีลเซ็นไปขับเรือ ฉินสือโอวให้บูลเฝ้าคุมพวกเขาบนดาดฟ้าไว้ ใครพยศขึ้นมาก็จัดการได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ!
ฉินสือโอวให้ยามาดะ อาโออิพาเขาไปดูที่ถังน้ำแข็งบนเรือ ในนั้นทั้งหมดมีทั้งวาฬ วาฬสีเทา วาฬหลังค่อม วาฬหัวคันศร วาฬฟิน วาฬครีบใหญ่ วาฬไรท์ เป็นต้น ที่ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆแล้ว นับดูคร่าวๆก็ราวยี่สิบกว่าตัว!
พอไปดูตู้แช่แข็งหูฉลาม หูฉลามเลือดสดไหลย้อยถูกจับห้อยเรียงตามขนาด เลือดสีแดงฉาน บาดใจเหลือเกิน!
ฉินสือโอวรู้สึกโกรธมาก ขึ้นไปที่ดาดฟ้าไม่พูดอะไรสักคำก็ถีบลูกเรือแต่ละคน จนพวกเขาต่างร้องทุรนทุราย
หน้าอกของฉินสือโอวเต็มไปด้วยเพลิงไฟแห่งความโกรธ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหัวใจโพไซดอน เขาจึงควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่ หลายครั้งที่อยากจะดึงไกปืนไรเฟิลซะ โชคยังดีที่ยังมีสติอยู่ จึงแค่อัดพวกลูกเรือที่จับวาฬไปหนึ่งที
หลังจากที่ไปห้องกัปตัน ฉินสือโอวถลึงตามองแล้วก็ต้องรู้สึกโกรธขึ้นมาอีก ในห้องกัปตันมีรูปจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนแขวนอยู่รอบห้อง ซึ่งรูปทั้งหมดนั้นล้วนเป็นรูปที่ซาโต้ ไทชิถ่ายคู่กับวาฬและฉลามที่จับมาได้ เลือดไหลนอง ไม่รู้เลยว่าต้องมีวาฬและฉลามจำนวนเท่าไรที่ตายไปด้วยน้ำมือของเขา
เขามองอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็พบว่ามีอยู่รูปหนึ่งมีวาฬเบลูกาอยู่ในนั้น บนรูปมีเขียนวันที่และสถานที่เอาไว้ วันที่ 24 เดือนเมษายน มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ รัฐนิวฟันด์แลนด์
นึกย้อนไปถึงตอนที่บอลหิมะมีอาการคลั่งหลังจากที่เห็นเรือลำนี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาฉับพลัน แม่งเอ๊ย แม่ของบอลหิมะถูกสารเลวนี่จับไปแล้วฆ่าตายเหรอเนี่ย มิน่าบอลหิมะถึงได้โกรธขนาดนี้!
ความแค้นที่ฆ่าแม่คราวนี้ ต้องไม่ได้อยู่ร่วมโลกกัน!
ฉินสือโอวปิดประตูเสียงดังโครม เขาให้นีลเซ็นดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดจากเครื่องนำทางจีพีเอสของเรือล่าวาฬซึ่งจะเป็นหลักฐานในการรุกล้ำของเรือล่าวาฬในฟาร์มปลา ซึ่งมีบันทึกทั้งเวลาและสถานที่ไว้เรียบร้อย
พอฉินสือโอวเห็นพวกลูกเรือ ก็อธิบายความคิดของเขาออกมาง่ายๆ “พวกแกเข้ามาขโมยในฟาร์มปลาของฉัน รุกล้ำเข้าในเขตบ้านฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ถ้าไม่จำคุกก็ต้องชดใช้เสีย ถ้าจะชดใช้ กัปตันและต้นเรือต้องชดใช้หนึ่งล้าน ส่วนลูกเรือที่เหลือคนละห้าหมื่น”
บทที่ 512 บินตรงสู่โตเกียว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ไม่นะ นี่เป็นการเข้าใจผิด! ท่านครับ นี่เป็นการเข้าใจผิด! ได้โปรดเชื่อผมนะครับ ในใจของผมและทุกคนในที่นี้เต็มไปด้วยความเคารพต่อประเทศนี้ และฟาร์มปลาของท่าน พวกเราเข้ามาในน่านน้ำประเทศของท่านก็เพียงเพื่อหลบแผ่นดินไหวที่อยู่ใต้ท้องทะเลเท่านั้น!” ซาโต้ ไทชิที่หน้าบวมตุ่ยยืนขึ้นแล้วตะโกนบอก
ฉินสือโอวยักไหล่ “ไม่ ฉันไม่เชื่อ”
ซาโต้ ไทชิ ก้มโค้งคำนับ 90 องศาพร้อมกล้ามเนื้อดัง ‘กรอบแกรบ’ แล้วพูดเสียงดังด้วยความเคารพว่า “ได้โปรดเชื่อเถอะ ท่านครับ! พวกเราไม่ได้มีความคิดที่จะรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศของท่านเลย! ได้โปรดยกโทษให้กับความไม่รู้ของพวกเราด้วยเถอะครับ!”
ฉินสือโอวตอบ “โอเค ทุกคน ถ้าพวกแกบอกว่าเข้ามาในฟาร์มปลาฉันด้วยความเข้าใจผิด ถ้าอย่างนั้นพวกแกมาจับปลาในฟาร์มปลาของฉันทำไม?”
ซาโต้ ไทชิพูดอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ออกไป “ไม่ครับ ท่าน วาฬและฉลามไม่มีใครเป็นเจ้าของ”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ปลาที่ฉันพูดถึงคือปลาค็อดและปลาแซลมอนแปซิฟิก”
ซีมอนสเตอร์และบูลวางอวนลงบนเรือ แต่เดิมเรือล่าวาฬใช้เพื่อจับฉลาม แต่พอกางออก พวกมันก็ยังสามารถใช้สำหรับการตกปลาทั่วไปได้อีกด้วย
ซาโต้ ไทชิพอเห็นฉากนี้ก็ตกตะลึงทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อแล้ว ไอ้หนุ่มน้อยนี่ตั้งใจหลอกล่อเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!
“ใส่ร้ายกันชัดๆ !” ซาโต้ ไทชิพอโกรธก็ตะคอกใส่ “พวกเราจะฟ้องพวกแก…”
ฉินสือโอวตบไปหนึ่งฉาดจนซาโต้ ไทชิหน้าเบี้ยวลอยไปอีกทาง แก้มฝั่งหนึ่งช้ำบวมขึ้นมาเหมือนขนมปัง
“ฟ้องบ้านพ่อมึงสิ!” ฉินสือโอวถุยน้ำลายลงบนตัวซาโต้ ไทชิ “ชดใช้เงินมาให้ฉันแต่โดยดีซะ! ไม่อย่างนั้นก็เตรียมตัวอยู่ในคุกที่แคนาดาไปตลอดชีวิตเสียเถอะ!”
หลังจากชักมือกลับ เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจ หันหลังกลับไปอัดลูกเรือพวกนี้ต่อ จนแต่ละคนต่างร้องโอดโอยว่า ‘ยาเมะเต’[1]
เรือล่าวาฬขับตรงไปที่ท่าเรือฟาร์มปลาต้าฉิน ตำรวจในเมืองพอได้ข่าวก็มายืนคุมอยู่ตรงท่าเรือภายใต้การนำของสารวัตรโรเบิร์ต พอเรือเทียบท่า ตำรวจหลายนายก็พุ่งไปในเรืออย่างกระตือรือร้น
นี่ถือว่าเป็นกรณีรุกล้ำข้ามแดน พวกเขาไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน ขอแค่จับเอาคนญี่ปุ่นบนเรือลงมา หลักฐานมัดกุม พวกเขาก็สามารถสร้างผลงานได้แล้ว อย่างน้อยแค่ได้รับการสัมภาษณ์จากสถานีโทรทัศน์รัฐนิวฟันด์แลนด์ก็ดีมากแล้ว
โรเบิร์ตจับมือทักทายกับฉินสือโอว แล้วพูดขึ้น “ตำรวจน้ำของเมืองเซนต์จอห์นกำลังมา เดี๋ยวทางเราจะนำตัวคนไปก่อน หลังจากนี้นายช่วยหาเวลาไปทำบันทึก ร่วมมือในการสอบปากคำ แล้วก็บอกความต้องการค่าเสียหายมาได้เลยนะ”
ฉินสือโอวบอกว่า “ไอ้สารเลวพวกนี้อวดดีเกินไปละ เพื่อน เมื่อกี้นายไม่ได้เห็น พวกมันจับปลาในฟาร์มปลาของฉันอย่างอำเภอใจ ทั้งวาฬ ฉลาม ปลาค็อด ปลาแซลมอนแปซิฟิก ซึ่งฉันคิดว่าฟาร์มปลาของฉันได้รับความเสียหายใหญ่หลวงเลยทีเดียว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกมันชดใช้จนหมดตัวไปเลย”
เรือล่าวาฬนอกจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมแล้ว ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่างก็คัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นทางซีกโลกเหนืออย่างรัสเซียหรือซีกโลกใต้อย่างออสเตรเลีย เมื่อใดที่เรือล่าวาฬของญี่ปุ่นสร้างพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายท้องถิ่นพวกเขาก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงโดยประเทศนั้นๆ อย่างแน่นอน
กรณีที่ค่อนข้างโด่งดังในการยึดเรือล่าวาฬในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือเหตุการณ์ของเรือโชนันมารุหมายเลข 2 ตอนนั้นเรือล่าวาฬระวางขับน้ำ 700 ตัน โชนันมารุหมายเลข 2 เข้าสู่น่านน้ำของทะเลโอค็อตสค์ในรัสเซีย ฝ่ายรัสเซียเชื่อว่าฝ่ายญี่ปุ่นละเมิดการตรวจสอบในการขอเปลี่ยนแปลงเส้นทางทะเลและรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตทะเลของรัสเซีย จึงส่งเรือตรวจการณ์ทางทะเลไปจับกุมในทันที
แต่ครั้งนี้เรือไดโตะโชวะมารุทำเกินไปยิ่งกว่า รุกล้ำเข้ามาในรัฐนิวฟันด์แลนด์จับปลาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งแน่นอนว่าทางแคนาดามีหลักฐานที่จะจับกุมและตัดสินลงโทษพวกเขา
แน่นอนว่า ลูกเรือบนเรือไดโตะโชวะมารุก็คงไม่ยอมจำนนง่ายๆ พวกเขาถูกใส่ร้าย เพราะพวกเขาเดิมทีก็ไม่ได้จับปลาอยู่ในบริเวณฟาร์มปลาต้าฉินอยู่แล้ว
ซาโต้ ไทชิพอเจอตำรวจน้ำรัฐนิวฟันด์แลนด์ก็เริ่มตะโกนเสียงดังใส่ “…พวกเราจับวาฬและฉลามในทะเลหลวงทั้งนั้น ส่วนพวกปลาค็อด ปลาแซลมอนแปซิฟิก เป็นคนของคุณที่ใส่ร้ายพวกเรา!”
“ฟัคยู ถ้าฉันเชื่อแกฉันคงต้องไปแผนกสมองในโรงพยาบาบตรวจสมองหน่อยแล้ว” ตำรวจน้ำพูดอย่างเหยียดหยาม
ซาโต้ ไทชิมองฉินสือโอวด้วยความแค้นและผิดหวัง ฉินสือโอวยักไหล่ โบกมือให้เขาแล้วพูดขึ้น “ซาโยนาระ!”
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หน่วยงานการเดินเรือแห่งประเทศญี่ปุ่นและหน่วยงานการประมงรีบดำเนินการทันทีหลังจากได้รับการร้องเรียนจากกรมศุลกากรของแคนาดา หน่วยงานการประมงได้ส่งเจ้าหน้าที่และเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำแคนาดามาที่นิวฟันด์แลนด์เพื่อเข้าร่วมในการแถลงการณ์เรื่องนี้ก่อนใคร
หน่วยงานการประมงของญี่ปุ่นช่างหาข้ออ้างได้สารพัด ประกาศว่าเรือไดโตะโชวะมารุได้รับความไว้วางใจจากศูนย์วิจัยการประมงบูรณาการขององค์กรอิสระและแล่นออกจากท่าเรือฮอกไกโดของญี่ปุ่นในวันที่ 1 เมษายนไปยังทะเลหลวงแอตแลนติก เพื่อดำเนินการภารกิจ ‘การสำรวจวาฬด้วยตาเปล่า’ ซึ่งไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
แต่ตอนนี้หลักฐานเอื้อให้กับฝั่งแคนาดา กรมศุลกากรแคนาดาแสดงข้อมูลที่ดาวน์โหลดจากเครื่องมือนำทางจีพีเอสแล้วสอบถามทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานการประมงว่าใครกันที่อนุญาตพวกเขาให้เข้าบริเวณน่านน้ำแคนาดาเพื่อปฏิบัติภารกิจการสำรวจ? แล้วใครกันที่ให้สิทธิ์พวกเขาในการจับวาฬ ฉลามและปลาในฟาร์มปลาต้าฉิน?
ซาโต้ ไทชิและลูกเรือต่างพยายามโอดครวญว่าตัวเองถูกป้ายสี ทั้งหมดนี้เป็นการใส่ร้ายทั้งนั้น แต่ทางแคนาดาไม่ได้ใส่ใจ เพราะไม่ได้มีหลักฐานใดที่แสดงว่าพวกคุณถูกใส่ร้าย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรือไดโตะโชโวะมารุไม่มีเหตุผลใดมาอ้างว่าทำไมพวกเขาถึงเข้าไปในเขตฟาร์มปลาต้าฉิน ซาโต้ ไทชิบอกว่าพวกเขาประสบกับแผ่นดินไหวใต้ท้องทะเล จึงหลบภัยโดยเข้ามาในฟาร์มปลาต้าฉินแห่งนี้
เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้สอบถามเรื่องแผนที่การเฝ้าระวังกิจกรรมชายฝั่งทะเลแอตแลนติกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจากสถาบันทางทะเลเซนต์จอห์น ซึ่งไม่มีที่ไหนเกิดแผ่นดินไหวใต้ท้องทะเลหรือภูเขาไฟระเบิดใต้ทะเลเลยสักที่เดียว
ซาโต้ ไทชิตกตะลึงไปชั่วขณะ
ฉินสือโอวไม่ก้าวก่ายอีกต่อไป เขาแค่บอกสิ่งที่ต้องการกับเออร์บัก ว่าครั้งนี้เรือไดโตะโชวะมารุต้องชดใช้ให้กับฟาร์มปลาอย่างแน่แท้ ชดใช้ได้เท่าไรก็จ่ายมาให้หมด ยิ่งเยอะยิ่งดี อย่างน้อยก็ต้องเริ่มที่ห้าล้านขึ้นไป และแน่นอนว่าห้าล้านนี้ไม่ใช้เงินเยนหรือเงินดอลลาร์แคนาดา แต่เป็นเงินดอลลาร์!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากยุ่งด้วย แต่หลักๆ เลยคือทางนี้ยังมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าที่ต้องไปจัดการ ซึ่งก็คือการไปเมืองโตเกียวเข้าร่วมงานประมูลปลาทูน่าที่กำลังจะมาถึง
ถ้าไม่ไปหารายได้จากคนญี่ปุ่นสักหน่อย เขาคงรู้สึกผิดกับวาฬและฉลามที่ถูกฆ่าตายอยู่ในถังน้ำแข็งบนเรือไดโตะโชวะมารุพวกนั้นน่าดู
เขาพาวินนี่กับอีวิลสันไปด้วย ฉินสือโอวขึ้นเครื่องบินตรงไปโตเกียวโดยได้รับความคุ้มครองจากเบิร์ดและนีลเซ็น
การจ้างเบิร์ดและนีลเซ็นเป็นเรื่องที่ไม่เลวจริงๆ เพราะเวลาทั่วไปก็เป็นชาวประมงได้ พอขึ้นเขาก็เป็นคนช่วยนำทาง ส่วนเวลาออกไปข้างนอกก็รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน
ฉินสือโอวเห็นเขาสองคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง จึงพูดออกไประหว่างกินข้าวบนเครื่องบิน “เพื่อนๆ อยู่ดีๆ ฉันก็คิดว่าถึงเวลาที่ฉันต้องขึ้นเงินเดือนให้พวกนายแล้ว นีลเซ็นขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เบิร์ด 50 เปอร์เซ็นต์ โอเคไหม?”
เป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นให้ทั้งคู่ในเรตเดียวกัน เพราะนีลเซ็นติดตามฉินสือโอวมาหนึ่งปีแล้ว ส่วนเบิร์ดแค่ครึ่งปีกว่า แต่ถ้าพูดแล้วเบิร์ดจะทุ่มเทมากกว่า ทำงานตั้งใจกว่า ฉินสือโอวรู้สึกว่าไอ้หนุ่มนี่ใช้ได้เลยทีเดียว
นีลเซ็นและเบิร์ดต่างตกตะลึงไปชั่วครู่ ไม่นานก็แปะมือฝ่ายตรงข้ามกันด้วยความดีใจ เบิร์ดที่ปกติจะนิ่งขรึมตลอดยังยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของเงินนี่ช่างดีจริงๆ
พอได้รับแรงกระตุ้นจากการขึ้นเงินเดือน ทั้งนีลเซ็นและเบิร์ดก็มีอารมณ์คุยเล่นขึ้นมา รายแรกมองไปทั่วอย่างร่าเริง แล้วกระซิบว่า “พวกนายดูสิ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเจแปนแอร์ไลน์เป็นทั้งสาวสวยและยังเซ็กซี่อีก สายการบินแคนาดาทำไมถึงไม่ยอมเรียนรู้จากสายการบินนี้สักหน่อยนะ?”
จริงอย่างที่ว่า สายการบินของแคนาดา มีเพียงเที่ยวบินระหว่างประเทศที่สำคัญสองสามที่ที่มีสาวสวย นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นคุณลุงคุณป้าทั้งนั้น แต่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเที่ยวบินระหว่างประเทศของสายการบินโตเกียวแอร์ไลน์กลับเป็นสาวสวยญี่ปุ่นที่งดงามและดูบริสุทธิ์ผุดผ่องทุกคน
……………………………………….
[1] ยาเมะเต (Yamete) เป็นภาษาญี่ปุ่นหมายถึง พอเถอะ หรือ หยุดเถอะ
บทที่ 513 ประเพณีที่แตกต่าง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เบิร์ดมองไปที่วินนี่อย่างระมัดระวังแล้วพูดขึ้น “ผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศที่แตกต่างกัน บางทีเราอาจจะให้นายผู้หญิงลองพูดดู เธอน่าจะมีความเห็นที่ไม่เหมือนใคร”
วินนี่เม้มปากแล้วอมยิ้ม เธอยังไม่ทันได้พูด ฉินสือโอวก็พูดขึ้นก่อน “ถ้าจะพูดถึงความคิดที่เอกลักษณ์พวกนายควรถามฉัน สำหรับคนแคนาดา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็นงานที่ทั้งอันตรายและเหนื่อย ไม่ต่างอะไรมากจากพนักงานให้บริการทั่วไป แต่สำหรับคนญี่ปุ่น ฮิฮิ…”
วินนี่แตะไปที่ฉินสือโอวเบาๆ แสร้งทำเป็นงอนใส่ “ไม่เข้าใจก็อย่าพูดมั่วซั่วนะคะ ก็เหมือนที่เบิร์ดบอกแบบนั้นแหละ วัฒนธรรมแตกต่างกันก็เท่านั้น ประเทศในแถบเอเชียจะคิดว่าสายการบินระหว่างประเทศเป็นเหมือนหน้าตาของประเทศ แต่ทางแถบอเมริกาเหนือกลับคิดว่าเป็นแค่เครื่องมือทางการคมนาคม การให้ความสำคัญถึงไม่เหมือนกัน รายได้ก็แตกต่างกันเช่นกันค่ะ”
ฉินสือโอวน้อยใจ “ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกันนี่นา คุณให้ผมพูดให้จบก่อนสิ”
อีวิลสันก้มหน้าสวาปามทุกสิ่ง อาหารอันแสนประณีตบนเครื่องบินเกลี้ยงในพริบตา หลังจากนั้นมองไปที่ฉินสือโอวพูดเสียงอ่อนว่า “ยังหิว”
ฉินสือโอวหัวเราะ การนั่งเครื่องบินแบบนี้ไม่ต้องกลัวคนกินจุแบบอีวิลสันเลย เพราะว่าสายการบินระหว่างประเทศมีบุฟเฟต์บริการให้ฟรี โดยเฉพาะชั้นเฟิร์สคลาสที่พวกเขานั่ง บุฟเฟต์มีล้นเหลือ
วินนี่เรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เป็นสาวงามคนหนึ่งมา เธอมีความเกรงใจต่อเพื่อนร่วมงานในอดีตพวกนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างใจดีว่า “คุณช่วยพาเพื่อนของเราไปที่ส่วนบุฟเฟ่ต์ของคุณเพื่อทานอาหารได้ไหมคะ เขาค่อนข้างกินจุทีเดียว”
ฉินสือโอวกำลังกินโดรายากิแล้วก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา ค่อนข้างกินจุ? คำพูดของวินนี่ดูจะไม่ตรงกับใจไปซะหน่อย
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตอบอย่างสุภาพ “ผู้ร่วมทางของคุณนั่งตรงนี้ได้ค่ะ เขาอยากกินอะไรสามารถสั่งพวกเราได้ ดิฉันจะบริการเต็มที่ค่ะ”
อีวิลสันไม่ลังเลแม้แต่น้อย “แฮมเบอร์เกอร์เนื้อกวาง พิซซ่าปลาค็อด ปลาตัวเป่าย่าง ปูราชินีนึ่ง…”
“พวกนี้ไม่มีนะ อีวิลสัน นี่คือบนเครื่องบิน” วินนี่ยิ้มกว้าง เธอมองไปที่พนักงานต้อนรับแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณแล้วค่ะ มีอะไรก็ยกมาได้เลยค่ะ”
เพียงครู่เดียวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็ยกข้าวผัดปูจานใหญ่มา พอเธอกำลังจะเดินจากไป วินนี่ก็รั้งเธอไว้ ยิ้มอย่างเกรงใจแล้วพูดว่า “คุณช่วยรอสักครู่ได้ไหมคะ สักครึ่งนาที?”
ปากใหญ่ของอีวิลสันเริ่มทำงาน ‘ซวบซวบซวบ’ เสียงช้อนกระทบกับจานดังเคร้งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็อ้าปากเล็กๆ ที่เหมือนลูกเชอร์รี่สีแดงเข้ม ไม่ถึงยี่สิบวินาทีด้วยซ้ำ ข้าวผัดปูที่เธอสามารถทานได้ถึงสามมื้อหายไปในพริบตาอย่างนี้เลยเหรอ!
นอกจากบริการด้านอาหารแล้ว สายการบินระหว่างประเทศยังมีบริการนม น้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มพวกสาเก
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นไปเอาน้ำผลไม้มาให้ นีลเซ็นบอกว่า “อยู่บนเครื่องบินของญี่ปุ่นกินน้ำผลไม้อะไรกัน ดื่มสาเกดีกว่า…”
“หุบปากไปเลย บอสอยากกินอะไรก็ให้เขาแบบนั้น!” เบิร์ดพูดด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
นีลเซ็นจึงนำน้ำผลไม้มา ฉินสือโอวรู้สึกเสียใจจริงๆ แม่งเอ๊ย นี่มันชั้นเฟิร์สคลาสนะ น้ำผลไม้ไม่ได้คั้นออกมาจากผลไม้สดแน่นอน แต่ดันใช้ผงผลไม้ชงออกมา เขาดื่มน้ำผลไม้คั้นสดทุกวันที่ฟาร์มปลา ดังนั้นปากของเขาจึงคุ้นชินมาก
แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ เขาคงจะต้องดื่มสาเกจริงๆ แล้ว เพราะโดยปกติไวน์หรือเบียร์ที่ฉินสือโอวดื่มเป็นของคุณภาพดีเลิศทั้งนั้น ของที่ทางเครื่องบินบริการคุณภาพยังไม่ผ่าน
นีลเซ็นนำเหล้าสาเกสองขวดมาด้วยสีหน้าแบบ ‘ผมรู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้’ ฉินสือโอวจิบแก้วเล็กๆ อืม ก็ไม่เลวมากนัก รสชาติค่อนข้างนุ่ม มีรสหวานนิดๆ เมื่อดื่มลงไปรสชาติก็ถูกปากทีเดียว
อาหารมื้อกลางวันของฉินสือโอวกินเขากินโดรายากิเล็กน้อย วากาชิ ซูชิปลาเพิร์ช แค่อาหารพวกนี้เท่านั้น ส่วนอาหารอย่างอื่นเขากินไม่ลงจริงๆ
แต่กับเรื่องนี้ อีวิลสันกลับมีความคิดที่ต่างออกไป แค่เห็นท่าทางเหนื่อยโรยของพนักงานต้อนรับสาวสวยก็รู้แล้วว่า เขากินอย่างมีความสุขขนาดไหน
คนอื่นที่นั่งอยู่ด้านหลังชั้นเฟิร์สคลาสก็มองอีวิลสันอย่างสงสัยใคร่รู้ ชายชราผมขาวคนหนึ่งถึงกับพูดกับฉินสือโอวด้วยความอิจฉาว่า “เพื่อนของเธอกินเก่งจริงๆ ถ้าพระเจ้าอนุญาต ฉันก็อยากจะยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของฉันแลกกับการที่กินอาหารได้แบบนี้อย่างเขา”
อีวิลสันนึกว่าชายชราอยากกินด้วย เขาจึงเอาเทมปุระยื่นให้ “คุณกินสิ”
ชายชราหัวเราะชอบใจ โบกมือแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก พ่อหนุ่ม แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความอยากกินอาหารแบบนี้แล้ว”
อีวิลสันกะพริบตาปริบๆ “บอสเงินเยอะมากนะ กินเถอะ”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา “พวกเราต้องถ่อมตัว อีวิลสัน บอสไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนท่านนี้นะ”
พอพูดด้วยไม่กี่คำ ชายชราก็เริ่มจับได้ว่าอีวิลสันมีปัญหาด้านการพัฒนาสมองอยู่ เขาไม่ได้ปฏิเสธอีก จึงรับกุ้งทอดตัวหนึ่งไปทาน พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณมาก เด็กน้อยของฉัน รสชาติดีจริงๆ ”
อีวิลสันยิ้มบื้อๆ ก้มหน้ากินต่อไป
เวลาเที่ยงคืน เครื่องบินเตรียมแล่นลงจอดบนโตเกียว ในที่สุดก็มาถึงสนามบินนานาชาติโตเกียว ฮาเนดะ
ฉินสือโอวทนอาการคลื่นไส้อ่อนๆ พยายามมองไปด้านล่าง อย่างไรก็แล้วแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาญี่ปุ่น และการที่ได้มาเที่ยวเมืองโตเกียวที่โด่งดังในประเทศจีนในช่วงสองสามปีมานี้จึงทำให้เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้
หนึ่งในความฝันของเขาเมื่อก่อนคือไปโตเกียวหาสาวญี่ปุ่นที่น่ารัก น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่มีเงิน ไม่มีเวลาและไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้มีเงิน มีเวลาและมีโอกาสแล้ว และเขาก็ยังมีวินนี่ที่เพียบพร้อมมากกว่าอีกด้วย
“ชีวิตคนเรา ไม่เที่ยงจริงๆ” ฉินสือโอวทอดถอนใจออกมา
โตเกียวสมควรแล้วที่จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก เวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ทั้งเมืองก็ยังประดับประดาไปด้วยแสงสี ถ้ามองมาจากฟากฟ้าแล้ว ก็จะเห็นแผ่นดินที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟ
แสงไฟที่ทั้งสว่างและมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า จึงทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองแห่งแสงสี
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ พอเอากระเป๋าเดินทางแล้วจึงเดินออกจากสนามบิน มองเห็นชายหนุ่มผู้มีชีวิตชีวาในมือยืนถือป้ายรับคนที่สนามบินท่ามกลางฝูงชนมากมาย บนป้ายเขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับคุณฉินสือโอวที่เดินทางมาไกลจากแคนาดา’
ก่อนที่จะมาโตเกียว บัตเลอร์หนวดเฟิ้มโทรหาเขาก่อนบอกว่าจะมีคนมารับที่สนามบิน เป็นพนักงานของบริษัทคิโยมุระ ซึ่งบริษัทนี้สนใจปลาทูน่าเป็นอย่างมาก
พอเห็นชายหนุ่มคนนี้ ฉินสือโอวก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร จึงเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีครับ คุณใช่พนักงานของบริษัทคิโยมุระใช่ไหมครับ?”
ชายหนุ่มพอเห็นเขากับวินนี่ ก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา แล้วก้มคำนับเก้าสิบองศา พูดด้วยความเคารพว่า “ใช่ครับ สวัสดีครับ คุณต้องเป็นคุณฉิน? สวัสดีครับ ผมนิชิมุระ เป็นผู้ช่วยประธานของบริษัทคิโยมุระครับ ยินดีต้อนรับคุณสู่โตเกียวและผมอยากจะต้อนรับคุณอย่างอบอุ่นในนามของท่านประธานเทซึกะ โคตะของเราด้วยครับ”
“ขอบคุณมาก คุณกระตือรือร้นมาก” ฉินสือโอวก็ก้มโค้งคำนับเช่นกัน เขาต้องทำให้คนญี่ปุ่นรู้ว่าเขามีมารยาทยิ่งกว่า
พอเขาก้มคำนับ นิชิมุระตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย รีบบอกว่า “คุณเกรงใจไปแล้วครับ คุณฉิน ประธานของเราได้จัดเตรียมโรงแรมให้ไว้คุณเรียบร้อยแล้ว เชิญตามผมมาก่อนนะครับ?”
ฉินสือโอวได้บอกไว้แล้วว่าจะมากันห้าคน นิชิมุระจึงขับรถผู้บริหารโตโยต้ามาหนึ่งคัน ฉินสือโอวไม่เคยเห็นรุ่นนี้มาก่อน น่าจะยังไม่มีในตลาดประเทศจีน พื้นที่ในรถผู้บริหารแบบนี้กว้างขวางมาก ขนาดอีวิลสันตัวอ้วนใหญ่ยังนั่งข้างคนขับได้สบายๆ
หลังจากขึ้นรถเรียบร้อย นิชิมุระจึงแจ้งก่อนว่า “ได้โปรดให้อภัยด้วยนะครับ คุณฉิน การจราจรในโตเกียวไม่ค่อยคล่องมากนัก จึงอาจจะทำให้เสียเวลานิดหน่อย”
ฉินสือโอวไม่เคยชินกับความสุภาพแบบนี้ ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร คุณนิชิมุระ พวกเราไม่ต้องใช้คำว่า ‘คุณ’ มานำหน้าหรอก เรียกตามใจเลย”
นิชิมุระส่ายหน้า “ได้ที่ไหนกันล่ะครับ? คุณเป็นผู้อาวุโสกว่า เป็นแขกผู้มีเกียรติของท่านประธานของเรา ความเคารพที่ผมมีต่อคุณมาจากใจล้วนๆ ครับ”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มแบบไม่มีประโยชน์ จะเรียกยังไงก็เรียกเถอะ จะบอกว่าเป็นความเคารพที่มาจากใจเหรอ? ไร้สาระไปหน่อย เธอไม่ได้ด่าฉันในใจก็ดีขนาดไหนแล้ว
บทที่ 514 คิโยมุระ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวรู้ดีว่าที่โตเกียวเมืองเล็กๆ แต่ปริมาณรถเยอะ คนก็เยอะ แน่นอนว่ารถจึงติดมาก เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ประเทศจีน เขาก็รู้สิ่งเหล่านี้จากอินเทอร์เน็ตแล้ว
แต่ตอนนี้เขาคิดว่ามันเป็นเวลาเที่ยงคืน ถนนในโตเกียวก็ไม่น่าจะติดแล้วไหม?
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็คาดเดาผิด ต่อให้เป็นเวลาเที่ยงคืน ถนนหนทางในโตเกียวก็ยังคงติด แต่ก็ไม่ได้ติดถึงขั้นขยับไปไหนไม่ได้ เพียงแต่ว่าขับรถไวไม่ได้ รถที่ไปๆ มาๆ ยังคงเนืองแน่น ส่วนคนถ้าเทียบกับเมืองเซนต์จอห์นช่วงเวลากลางวันที่เป็นช่วงเร่งด่วนมากที่สุดยังมีจำนวนเยอะกว่า
อีกทั้งในบางครั้งก็จะมีคนเดินเลยออกมาที่กลางถนน ซึ่งทำให้นิชิมุระต้องรีบเหยียบเบรกในทันที
วินนี่เห็นคนหนึ่งตัวโค้งงอกุมท้องเดินเอนไปมาบนถนน จึงพูดออกมาอย่างกังวลว่า “เขาดูท่าไม่ค่อยดี คุณนิชิมุระคะ พวกเราจะลงไปช่วยเขาหน่อยไหมคะ?”
นิชิมุระเห็นแบบนี้มาเยอะแล้ว จึงอธิบายว่า “ไม่ต้องครับ คุณวินนี่ ไอ้หนุ่มนั่นน่าจะดื่มมากไป! เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยในโตเกียวเวลาค่ำคืน ตอนนี้คนทำงานมีความกดดันมาก กลางคืนจึงดื่มเข้าไปเยอะหน่อยเพื่อระบายอารมณ์ครับ”
ฉินสือโอวยิ้มกว้าง อยู่ดีๆ เขาก็คิดถึงตอนที่เมื่อก่อนเขาอยู่ที่เกาะไหเต่าก็มีความสุขดีเหมือนกันนะ
พอเห็นเขาแยกเขี้ยวยิงฟันขึ้นมา นิชิมุระนึกว่าเขาไม่พอใจ จึงรีบขอโทษ
แบบนี้ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่ก็อธิบายไม่ได้ ยิ่งพร่ำเยอะก็ยิ่งเรื่องเยอะ เขาจึงเปิดหน้าต่างดูเมืองโตเกียวในยามค่ำคืนกับวินนี่
งานสถาปัตยกรรมในเมืองโตเกียวถึงแม้ว่าจะเน้นไปที่สไตล์สมัยใหม่เป็นหลัก ส่วนมากเป็นตึกใหญ่อาคารสูง แต่ก็ยังคงมีการอนุรักษ์อาคารเก่าแก่ให้คงไว้ จึงทำให้เมืองที่ทันสมัยนี้ยังมีกลิ่นอายของความโบราณแฝงไว้
รถวิ่งไปบนถนน จากนั้นก็มีหอคอยสูงใหญ่ปรากฏออกมา โคมไฟถูกห้อยเต็มไปหมดบนหอคอย ฉินสือโอวมองผ่านออกไปทางหน้าต่าง รู้สึกเหมือนดาบเลเซอร์ที่โผล่พ้นออกมาจากอากาศ แสดงความสร้างสรรค์ของมนุษย์ออกมาได้อย่างเต็มที่
“นี่คือโตเกียวทาวเวอร์เหรอ?” ฉินสือโอวเผลอถามออกมา
นิชิมุระยิ้มน้อยๆ “ไม่ใช่ครับ คุณฉิน นี่คือโตเกียวสกายทรี สูงกว่าโตเกียวทาวเวอร์ แต่ไม่ได้มีชื่อเท่ากับโตเกียวทาวเวอร์ คิดว่าตอนนี้คุณน่าจะเหนื่อยล้ามากแล้ว ผมแนะนำให้คุณเข้าไปพักผ่อนในโรงแรมก่อน แล้วรอพรุ่งนี้หรือวันมะรืนค่อยมาที่หอดูดาวของโตเกียวสกายทรีชมวิวครับ”
ฉินสือโอวยิ้ม จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เหนื่อย นอนมาตลอดทางแล้วก็เล่นไปเรื่อยๆ แต่แขกก็เอาตามที่คนนำทางสะดวกดีกว่า เพราะถ้าเขามาเที่ยวที่นี่ นิชิมุระก็ต้องมาเป็นเพื่อนเขา แล้วนิชิมุระก็ทำงานมาทั้งวัน ตอนนี้คาดว่าน่าจะใกล้สลบแล้ว
เริ่มตั้งแต่โตเกียวสกายทรี นิชิมุระก็เริ่มแนะนำสถานที่สำคัญในโตเกียวที่เจอให้กับฉินสือโอวฟัง “โตเกียวสกายทรีเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโตเกียว หอดูดาวสูงจากพื้นดิน 350 เมตร มีกระจกใสบานใหญ่รอบทั้งสี่ด้านที่สามารถมองเห็นวิวทั้งหมดในโตเกียวได้ 360 องศา ให้ความรู้สึกปลดปล่อยได้ดีมากๆ ครับ”
“พอเดินขึ้นไปอีก ผ่านกระจกใสหอดูดาวขึ้นไปก็จะขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด มีความสูงทั้งหมด 450 เมตรเลยทีเดียวครับ ที่ที่สามารถมองลงไปชมวิวยามค่ำคืนด้วยความสูงขนาดนี้ ในโตเกียวคงจะมีแค่ที่นี่ที่เดียวครับ”
โรงแรมที่บริษัทคิโยมุระจองให้กับพวกเขาอยู่ในเขตชินจูกุ ซึ่งเป็นเขตธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองของโตเกียว ส่วนบริหารท้องถิ่นเมืองโตเกียวก็ตั้งอยู่ที่นี่ ตลาดปลาสึกิจิตลาดขายส่งกลางโตเกียวที่จะมีการประมูลปลาทูน่าก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
มุ่งหน้าไปตามเส้นทางรถไฟ JR สายหลักชูโอ นิชิมุระแนะนำตลอดทาง “ตอนนี้พวกเรากำลังจะผ่านห้างสรรพสินค้าโอดะคิว…ดูนั่นสิครับ นั่นคือห้างสรรพสินค้าเคโอ ปกติพวกเขาจะเปิดไฟไว้ตลอดทั้งคืน แต่ไม่ได้เปิดทำการ…นี่คือ ย่านชินจูกุ-สกายแครปเปอร์ บริษัทของพวกเราก็ตั้งอยู่ที่นี่… พวกเรามาถึงสวนกลางในชินจูกุแล้ว ตรงขึ้นไปอีกหน่อยก็จะเป็นโรงแรมเจอาร์ คิวชู บลอสซัม ชินจุกุที่พวกคุณพักกันแล้วครับ”
โรงแรมเจอาร์ คิวชู บลอสซัม ชินจุกุเป็นโรงแรมระดับสี่ดาวแห่งหนึ่ง แต่เป็นที่นิยมมากในโตเกียว เนื่องด้วยโรงแรมแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีการผสมผสานระหว่างรูปแบบสมัยใหม่กับความดั้งเดิมของญี่ปุ่นจนกลายเป็นจุดขาย หรือพูดอีกอย่างก็คือ ห้องพักในโรงแรมครึ่งหนึ่งเป็นสไตล์สมัยใหม่ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสไตล์ดั้งเดิม
หลังจากที่ฉินสือโอวและวินนี่เข้าไปในห้อง พอเห็นความขัดแย้งของรูปแบบเก่าและใหม่ก็หัวเราะออกมา ช่างมีความสร้างสรรค์ที่ดีจริงๆ เพราะสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวได้
หลังจากที่นิชิมุระส่งพวกเขาเรียบร้อยแล้วก็ร่ำลาจากไปอย่างมีมารยาท ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะไม่ได้รู้สึกดีกับชนชาติญี่ปุ่นมากนัก แล้วยังเพิ่งจัดการกลุ่มลูกเรือของเรือล่าวาฬมาด้วย แต่เขาก็รู้จักแบ่งแยกคนกับงาน ผลงานของนิชิมุระไม่มีที่น่าตำหนิเลยสักนิด ถือได้ว่าเป็นหนุ่มน้อยที่โดดเด่นมากคนหนึ่งทีเดียว
เขามองไปที่เวลานี่ก็ตีสองแล้ว ขับมาจากสนามบินใช้เวลาเต็มๆ ถึงสองชั่วโมงครึ่ง จริงๆ แล้วสามารถขับเร็วกว่านี้ได้ แต่นิชิมุระแนะนำสถานที่ยามค่ำคืนมาตลอดทาง จึงกินเวลาไม่น้อย
วินนี่หยิบของขวัญเล็กน้อยที่เอามาจากรัฐนิวฟันด์แลนด์ให้กับนิชิมุระเพื่อขอบคุณการดูแลต้อนรับของเขา แน่นอนว่ามีมูลค่าไม่น้อย
ฉินสือโอวช่วยเปิดห้องให้เขาห้องหนึ่ง ให้เขาพักที่นี่ได้เลย เพราะระหว่างทางนิชิมะรุเผลอบอกออกมาว่าสถานที่ที่เขาพักอาศัยอยู่ไม่ได้อยู่ในชินจูกุ ตอนนี้ถ้าขับกลับไปอีก คาดว่าท้องฟ้าคงสว่างพอดี
พอเห็นของขวัญ นิชิมุระรีบปฏิเสธ วินนี่จึงบอกว่านี่เป็นของขวัญขอบคุณที่เราให้กับเพื่อน พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ นิชิมุระก็ก้มโค้งคำนับพูดอย่างทราบซึ้งใจ “โอ้ จะไม่ให้เกรงใจได้อย่างไรครับ? ขอบคุณทั้งสองท่าน ขอบคุณมากครับ! พวกคุณดีมากๆ เลย นิชิมุระรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก”
พอเปิดห้องเสร็จ ฉินสือโอวก็ให้นิชิมุระพักอยู่ที่นี่ ซึ่งรอบนี้นิชิมุระปฏิเสธอย่างแน่วแน่ บอกไปว่าน้องสาวเขายังรอเขากลับไปทานอาหารมื้อดึก เขาจึงต้องกลับไปจริงๆ ไม่เช่นนั้นน้องสาวอาจจะกังวลถึงความปลอดภัยของเขา
วันที่สองหลังจากมาถึงโตเกียว เมื่อฉินสือโอวตื่นก็มีพนักงานบริการมาเสิร์ฟอาหารเช้า เป็นปลาจานย่างหนึ่งเซต ซูชิสาหร่ายและกาแฟดำ ยังคงมีการผสมผสานระหว่างอาหารสมัยปัจจุบันและสมัยก่อน
ฉินสือโอวออกไปเดินเล่นสักพัก แม้ว่าโตเกียวจะมีอัตราความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง แต่ว่ามีจำนวนรถยนต์และผู้คนก็มากเกินไป จึงทำให้คุณภาพอากาศไม่ดี อีกทั้งท้องฟ้าบรรยากาศมืดครึ้ม เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเบื่อ เลยกลับไปที่โรงแรม
ระหว่างทางเขามีซื้อหนังสือพิมพ์ไปสองสามฉบับ พบว่าราชาปลาทูน่าครีบน้ำเงินของตัวเองนั้นมีชื่อเสียงมากในโตเกียว บัตเลอร์เป็นมืออาชีพมาก เขาร่วมกับบริษัทประมงหลายแห่งเพื่อทำการซื้อขายแล้วสร้างกำไร ทำให้ปลาตัวนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าทำให้งานประมูลปลาทูน่าได้รับการจับตามองไปโดยปริยาย
ปลาตัวนี้ถูกห้อยอยู่ใต้ชื่อของนีลเซ็น บอกว่าเขาตกปลาตัวนี้ได้ที่น่านน้ำเมืองโอมะ จังหวัดอาโอโมริ นี่เป็นสิ่งที่บัตเลอร์และฉินสือโอวปรึกษากันไว้แล้ว ฉินสือโอวไม่อยากเปิดเผยตัวตน นีลเซ็นจึงรับหน้าที่หนักนี้แทนเขา
ปลาทูน่าที่ผลิตในฤดูกาลนี้ต้องถูกอ้างสิทธิ์ว่าถูกจับได้ในน่านน้ำเอเชีย เพราะหากอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกของอเมริกาเหนือแล้ว อย่าคิดว่าจะขายปลาตัวนี้ ไม่เช่นนั้นก็รอขึ้นศาลเถอะ
นอกจากจะขายแล้ว เนื่องด้วยปลาตัวนี้ทำลายสถิติบันทึกน้ำหนักปลาทูน่าครีบน้ำเงินในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา สมาคมตกปลานานาชาติจึงจะให้เงินรางวัลเพิ่มอีก บัตเลอร์บอกกับฉินสือโอวแล้วว่ารางวัลมีมูลค่าสูงถึง 2.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!
พอกลับถึงโรงแรมฉินสือโอวก็กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ หลังจากนั้นบัตเลอร์ก็รีบมาหาบอกว่าจะพาเขาไปพบท่านประธานที่บริษัทคิโยมุระ
บริษัทคิโยมุระเป็นหนึ่งในบริษัทการประมงไม่กี่แห่งที่มีขนาดใหญ่ในโตเกียว มีศักยภาพมาก งานประมูลเมื่อหลายปีก่อนราชาปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็ถูกบริษัทคิโยมุระประมูลไปได้ ซึ่งปีนี้พวกเขาก็จะต้องชนะการประมูลราชาปลาตัวนี้อย่างแน่นอน
เมื่อคืนทางบริษัทก็ส่งคนมาดูแลตลอด และยังจองโรงแรมให้อีกด้วย แน่นอนว่าฉินสือโอวต้องไปเจอท่านประธานผู้ร่วมปณิธานท่านนี้สักหน่อย
ก่อนกินอาหารกลางวัน บัตเลอร์จึงพาเขาไปบริษัทคิโยมุระ
ในความทรงจำของฉินสือโอว บริษัทประมงส่วนมากจะอยู่ริมทะเล สภาพแวดล้อมไม่ค่อยเป็นระเบียบถึงจะใช่ อย่างเช่น บริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเล แต่บริษัทคิโยมุระกลับแตกต่างออกไป บริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ย่านชินจูกุ-สกายแครปเปอร์ ซึ่งเป็นอาคารสูงสมัยใหม่สูง 18 ชั้น ภายในตึกมีพนักงานแต่งตัวแบบชาวประมงเดินไปเดินมาจำนวนมาก แต่ส่วนมากจะเป็นสาวออฟฟิศกับหนุ่มออฟฟิศที่แต่งตัวแบบทันสมัยและดูเป็นมืออาชีพมากกว่า
บทที่ 515 ตลาดปลาสึกิจิ
โดย
Ink Stone_Fantasy
คนที่มารับฉินสือโอวและบัตเลอร์ยังคงเป็นนิชิมุระ
ไม่รู้ว่าเมื่อวานเขาถึงบ้านกี่โมง แต่เช้านี้ก็ยังคงมาทำงานตามปกติ และเต็มไปด้วยความสดชื่น ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความขยันและอดทนของคนญี่ปุ่น ได้ยินมาว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ฝึกฝนให้คนทนต่อความกดดันได้ดีที่สุดในโลก ดูท่าแล้วจะเป็นอย่างสมคำร่ำลือ
พอรับคนสองคนที่หน้าทางเข้าประตูแล้ว นิชิมุระก็พาเขาสองคนเข้าไปในห้องทำงานท่านประธานด้วยความกระตือรือร้น
ฉินสือโอวจำได้ว่านิชิมุระคือผู้ช่วยของท่านประธาน นึกว่าตำแหน่งนี้จะสูงส่งและก็คงเดินทำงานไปมาแถวละแวกห้องท่านประธาน แต่พอเขาได้เข้าไปในห้องทำงานท่านประธานจึงรู้ว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด นิชิมุระไปที่ห้องทำงานของฝ่ายบุคคล
บัตเลอร์เห็นว่าเขาดูสงสัยอะไรบางอย่างจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวพอพูดให้ฟังเสร็จ หนุ่มหนวดเฟิ้มก็หัวเราะออกมา “เมื่อต้องออกไปต้อนรับแขก พนักงานที่ฝ่ายบุคคลทุกคนต่างก็สามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นผู้ช่วยท่านประธานทั้งนั้น”
ฉินสือโอวพยักหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ชื่อตำแหน่งเพื่อหน้าตานั่นเอง
ไม่ต้องพูดถึงศักยภาพของบริษัทคิโยมุระให้มากความ เพราะแค่ดูจากขนาดห้องทำงานท่านประธานของพวกเขาก็รับรู้ได้ การที่จะสามารถมีห้องทำงานได้ร้อยกว่าตารางเมตรในเมืองโตเกียวที่ที่แพงแสนแพงแบบนี้ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว
ภายในห้องประดับเรียบง่ายแต่มีระดับ โดยมีโปสเตอร์ของปลาหายากเช่นปลาทูน่าครีบน้ำเงินและปลาไหลอเมริกันแขวนอยู่บนผนัง บนโต๊ะมีโมเดลเรือประมงและกรอบรูปตั้งโต๊ะตั้งอยู่ ภายในกรอบรูปนั้นน่าจะเป็นรูปท่านประธานและครอบครัว นอกจากนั้นแล้ว มุมหนึ่งในห้องยังปรับใช้ให้เป็นเหมือนสนามกอล์ฟ ซึ่งเห็นชัดเลยว่าท่านประธานจะต้องเป็นนักกอล์ฟตัวยง
ตอนที่ฉินสือโอวและบัตเลอร์เข้าไปในห้องทำงานด้านในไม่มีใครอยู่เลย แต่เพียงไม่นานก็มีคนผลักประตูเข้ามา เป็นชายวัยกลางคนสูงราว 170 กว่า สวมแว่นสายตาสั้น รูปร่างออกไปทางอ้วนท้วมเล็กน้อย มักมีรอยยิ้มจางๆ อยู่บนใบหน้าเขาเสมอ
พอเห็นฉินสือโอวและบัตเลอร์ ชายวัยกลางคนก้มโค้งคำนับลง 90 องศาดัง ‘พั่บ’ หลังจากนั้นก็ยื่นมือทักทาย “สวัสดีครับ คุณฉิน ยินดีต้อนรับสู่บริษัทครับ ผมคือเทซึกะ โคตะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ภาษาอังกฤษของเทซึกะ โคตะดีมาก ตอนที่ฉินสือโอวจับมือทักทายกับเขาก็ใช้จุดนี้ชื่นชมเขาไปด้วย เขาจึงยิ้มน้อยๆ “เป็นเกียรติมากครับที่ได้รับคำชมของคุณ สมัยที่ผมเรียนผมอยู่ที่ลอนดอนมา ดังนั้นผมก็ต้องฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษอยู่ครับ”
พอรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งลง เทซึกะ โคตะลงมือชงชาให้กับทั้งคู่ด้วยตัวเขาเอง หลังจากผ่านท่วงท่าที่สลับซับซ้อน เขายื่นถ้วยคริสทัลเล็กๆ ให้กับฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ทักษะการชงชายังด้อยนัก เลยทำให้คุณฉินเห็นข้อผิดพลาดเสียแล้ว แต่ว่าชานี้คุณภาพไม่เลว เป็นชาต้าหงเผาจากภูเขาอู่อี๋ เชิญลองชิมครับ”
โดยปกติอยู่ที่วิลล่าไม่มีอะไรทำ ฉินสือโอวก็เรียนรู้การชิมชาอยู่ มีแต่ชาดีๆ ทั้งที่บ้านเหมาเหว่ยหลงและในบริษัท เวลาไม่มีอะไรก็ส่งชามาทางไปรษณีย์ให้กับเขา ของขวัญเมื่อวานที่วินนี่ให้กับนิชิมุระก็เป็นชาหวงซานเหมาเฟิงหนึ่งกล่อง
พอฉินสือโอวจิบไปได้เล็กน้อยก็เอ่ยชม “ท่านประธานมีฝีมือการชงชาที่ประณีตมากเลยครับ ชานี้หอมหวนดั่งดอกหอมหมื่นลี้ ยิ่งถ้าหากได้ชิมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วยแล้ว จะต้องเป็นเรื่องที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว”
พอฟังเขาพูดแบบนี้ เทซึกะ โคตะก็ตาเป็นประกาย หัวเราะเสียงดัง “คุณฉินเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ถ้าเป็นไปได้เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง โคตะหวังว่าคุณจะไปเป็นแขกที่บ้านเทซึกะได้ ให้ผมได้ชงชาต้าหงเผาให้คุณชิมด้วยตัวเองอีกสักครั้ง”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น มารยาทต่อหน้าของคนญี่ปุ่นถือว่าทำได้ถึงที่สุดแล้ว เทซึกะ โคตะดูแลต้อนรับฉินสือโอวครบถ้วนทุกกระบวนการ ไม่มีปัญหาให้สามารถเจอได้แม้แต่นิดเดียว
เรื่องสำคัญของวันนี้ก็คือคุยเรื่องปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เทซึกะ โคตะแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของเขาที่จะได้ปลาตัวนี้มา บอกว่าต่อให้คนอื่นจะตกลงแล้วว่าจะไม่ปั่นราคาปลาทูน่า แต่จากการคาดการณ์ปลาตัวนี้ราคาประมูลอาจจะมากกว่าสองล้านดอลลาร์สหรัฐ
สามคนพูดคุยกัน หัวข้อหนีไม่พ้นเรื่องปลาทูน่า แล้วก็ถึงเวลากลางวันอย่างรวดเร็ว เทซึกะ โคตะเชิญชวนให้ฉินสือโอวและบัตเลอร์อยู่ร่วมทานอาหารกลางวันด้วยกัน แล้วตอนบ่ายไปเดินดูตลาดปลาสึกิจิ เพราะวันมะรืนก็จะเริ่มงานประมูลปลาทูน่าอย่างเป็นทางการแล้ว
เนื่องด้วยตอนกลางวันไม่ได้เป็นมื้ออย่างเป็นทางการ อาหารที่เทซึกะ โคตะเลี้ยงเป็นแบบง่ายๆ ซึ่งก็กินที่โรงอาหารในบริษัท ฉินสือโอวกินอุด้งน้ำคู่กับโอเด้งต้นตำรับ รสชาติไม่เลวทีเดียว
ตอนบ่ายก็จะไปเดินดูตลาดปลาสึกิจิ ซึ่งฉินสือโอวเคยมีศึกษามาบ้างแล้ว
ตลาดตั้งอยู่ที่บริเวณ ชินจูกุ นิโจวเม่ เป็นหนึ่งในตลาดขายส่งกลางในโตเกียว ครอบคลุมพื้นที่ 230,000 ตารางเมตรและแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ โดยแบ่งเป็นส่วนขายปู กุ้งมังกร กุ้งทะเล และปลาชนิดต่างๆ เป็นต้น
แน่นอนว่านอกจากอาหารทะเลแปรรูปแล้ว ตลาดยังมีพวกผักผลไม้ เนื้อไก่ ไข่ไก่ ผักดองและอาหารแปรรูปต่างๆ ตลาดปลาสึกิจิเป็นตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นตลาดเกษตรกรรมที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโตเกียวรองจากตลาดโอตะ
พอนั่งรถมาถึงทางเข้าหน้าตลาด สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือป้ายหินขนาดยักษ์ บนนั้นมีตัวอักษรญี่ปุ่นสลักไว้ว่า ‘とうきょうとちゅうおうおろしうりしじょう’ ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ก็ไม่จีรัง
ฉินสือโอวยื่นมือไปลูบป้ายหิน เทซึกะ โคตะพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “คุณฉิน สิ่งที่คุณสัมผัสตอนนี้มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ตัวอักษรที่อยู่บนป้ายหินนี้ถูกสลักโดยชายชราที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดปลาที่เป็นมหาตำนานของตลาดแห่งนี้ มันผ่านการเปลี่ยนแปลงของตลาดแห่งนี้มาหลายครั้งหลายครา และยังประสบกับแผ่นดินไหวคันโตครั้งใหญ่ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของตลาดนี้ไปแล้ว!”
เดิมทีตลาดปลาสึกิจิไม่ได้ตั้งอยู่ที่ชินจูกุ แต่พื้นที่ดั้งเดิมถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวคันโตดังนั้นรัฐบาลโตเกียวจึงให้ย้ายมาอยู่ที่นี่ในเวลาต่อมา
เทซึกะ โคตะถือว่ามีหน้ามีตามากในตลาดปลาสึกิจิ เพราะหลังจากที่เขาลงรถ ทุกคนที่เดินผ่านจะก้มหัวคำนับให้กับเขา ตอนที่เดินจากทางเข้าหลักเข้าไป มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงกำยำทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น หัวเราะเสียงดัง “โคตะ นายช่วงนี้ไปหมกตัวอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ฉันไม่ได้เจอนายมาจะเดือนหนึ่งแล้ว นัดเวลาไปดื่มกันให้สุขสุดๆ ไปเลย!”
เทซึกะ โคตะพยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นก็แนะนำฉินสือโอวให้รู้จัก “วันนี้ฉันพาเพื่อนมาเดินดูตลาดของพวกเรา นายไปทำธุระก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มร่างกำยำแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา รีบโค้งคำนับฉินสือโอวและบัตเลอร์ และพูดต้อนรับหลายต่อหลายครั้ง
บัตเลอร์แนะนำให้ฉินสือโอวฟังว่า “ตลาดปลาสึกิจิบริหารโดยผู้ค้าส่ง 8 รายและพ่อค้าคนกลางประมาณ 1,000 คนซึ่งคุณเทซึกะ โคตะก็เป็นหนึ่งในผู้ค้าส่งแปดคน”
ฉินสือโอวรีบเอ่ยชมเทซึกะ โคตะทันที ในเวลาเดียวกันภายในใจก็ก่อเกิดคำถามด้วยความสงสัย ค่าตัวเทซึกะ โคตะคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะมีพันล้านเหรียญสหรัฐล่ะมั้ง เป็นบุคคลสำคัญที่สมควรแก่การยกย่องของตลาดทะเลแห่งนี้ แล้วทำไมเขาถึงต้อนรับขับสู้ตัวเขาเองขนาดนี้?
มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ฉินสือโอวไม่เชื่อหรอกว่าคนญี่ปุ่นจะใจดีได้ถึงขนาดนี้
มีแผงขายสินค้าหลายแบบในตลาดปลาสึกิจิ มีคนมากมายกำลังซื้อของอยู่ เทซึกะ โคตะบอกว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากประเทศต่างๆ จากทั่วโลก ซึ่งตอนนี้ตลาดปลาสึกิจิก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดูดีของเมืองโตเกียวแล้ว
ตามหลังเทซึกะ โคตะไป ฉินสือโอวก็ตรงไปที่ตลาดปลา
รอบนอกตลาดปลา โคมไฟกระดาษเทพอินาริก็ยังคงสว่างไสวในยามกลางวัน โคมไฟส่วนใหญ่พิมพ์ชื่อ บริษัท ญี่ปุ่นและผู้จัดจำหน่ายอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ซึ่งชื่อของบริษัทคิโยมุระก็ถูกแปลเป็นหลายภาษาทั้งจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซียเขียนอยู่บนโคมไฟนั้น
ที่ตลาดปลามีภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่จำนวนมากแปะอยู่บนกำแพง มีภาพหนึ่งคือภาพถ่ายคู่ของเทซึกิ โคตะและปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
ฉินสือโอวเดินเข้าไปดู บนภาพมีเขียนบรรยายไว้ว่า นี่เป็นภาพถ่ายแรกของงานประมูลเมื่อปี 2013 ในเวลานั้นที่บริษัทคิโยมุระถ่ายภาพกับราชาปลาน้ำหนัก 220 กิโลกรัม สุดท้ายแล้วราคาซื้อขายคือ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐ!
บทที่ 516 ศาลเจ้าบูจิ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ด้านข้างภาพถ่ายคู่ยังมีรูปอีกใบหนึ่ง ซึ่งก็เป็นภาพถ่ายคู่เทซึกะ โคตะกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินเช่นกัน ปลาตัวนั้นยาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักราว 260 กิโลกรัม แต่ราคากลับถูกกว่ามาก แค่เพียง 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐ
เทซึกะ โคตะเดินเข้ามาดู ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “นี่เคยเป็นราชาปลาในอดีต ตอนนั้นพวกเรานึกว่า นี่เป็นปลาทูน่าที่ใหญ่ที่สุดแล้ว แต่พอพวกเราได้มาเจอเข้ากับราชามหาอำนาจปลาทูน่าจึงได้รู้ว่า พวกมันไม่นับว่ามีมูลค่าอะไรเลย!”
“ปลาสองตัวนี้ทำไมถึงราคาแตกต่างกันขนาดนี้นะ?” ฉินสือโอวขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย เขาคิดจะประเมินราคาปลาของเขาโดยเทียบกับราคาของราชาปลาที่นี่สักหน่อย แต่ว่าราคาต่างกันมากเกินไป แตกต่างจากที่ควรจะเป็นเขาถึงไม่มีราคาพื้นฐานในใจ
บัตเลอร์อธิบายให้เขาฟังว่า “คุณภาพของเนื้อที่แตกต่าง ปลาในปี 2013 เนื้อระดับ s ที่หาได้ยากมากในประวัติศาสตร์ ดังนั้นราคาจึงแพงมากขนาดนี้ และสิ่งนี้ก็นำไปสู่การแทรกแซงของรัฐบาลในด้านราคา โดยอ้างว่าพ่อค้าอาหารทะเลพยายามล่อให้ชาวประมงจับปลาทูน่าและทำราคาสูงผิดปกติ”
ฉินสือโอวพยักหน้า ปลาทูน่าของเขายังไม่เคยเข้าทดสอบคุณภาพของเนื้อปลา ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการหน้างานประมูล โดยพ่อค้าอาหารทะเลที่สนใจจะเป็นคนทดสอบด้วยตัวเอง
เนื่องด้วยคุณภาพของเนื้อปลาทูน่าไม่ได้มีมาตรฐานกำหนดไว้ชัดเจน ดังนั้นปลาตัวนี้มีเนื้อเป็นลักษณะอย่างไร เหมาะกับทำซาชิมิระดับไหน พ่อค้าอาหารทะเลแต่ละคนจะมีความคิดเป็นของตัวเอง
พวกเขาสามคนเดินตลาดรอบหนึ่งโดยการนำทางของ เทซึกะ โคตะ หลังจากนั้นก็ออกไปทางประตูโอบาชิของตลาด
ประตูนี้เป็นประตูทางเข้าประตูหนึ่งที่อยู่ทางด้านตะวันออกสุดที่หันไปทางชิน โอบาชิ เป็นเส้นทางสำหรับทางออกเท่านั้น
อีกเหตุผลที่ออกทางนี้ก็เพราะว่า ทางนี้พอเดินออกไปก็จะเป็นศาลเจ้าบูจิ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง เทซึกะ โคตะจึงเชิญฉินสือโอวเดินไปดูด้วยกัน
สังเกตจากตัวอักษรแล้ว สิ่งก่อสร้างที่อยู่โดยรอบตลาดถ้าไม่ใช้คำว่า ‘สึกิจิ’ ก็เป็น ‘บูจิ’ ฉินสือโอวจึงพอเดาได้ว่ารอบข้างทั้งแถบนี้เป็นพื้นที่ทะเลที่ถมขึ้นมาเป็นพื้นดินนั่นเอง
แล้วก็เป็นจริงดั่งคาด เมื่อเข้าไปในศาลเจ้าบูจิแล้ว เทซึกะ โคตะก็เริ่มบรรยายว่า “จริงๆ แล้วตั้งแต่สมัยโทกุกาวะ อิเอยาซุ บรรพบุรุษของพวกเราก็เริ่มถมที่ที่บริเวณใกล้เคียงวัดฮงกังแล้ว แต่สมัยนั้นกำลังในการสร้างยังด้อยมาก ความคืบหน้าของโครงการแทบไม่มีเมื่อเจอกับคลื่นยักษ์อย่างต่อเนื่อง”
“ภายหลังหลังจากที่มีคนค้นพบเทพเจ้าธัญพืชในทะเลแล้วนำเทพเจ้ามาบูชา นับตั้งแต่นั้นมาคลื่นทะเลก็เริ่มสงบ ในที่สุดโครงการจึงสำเร็จเรียบร้อย ซึ่งนี่ก็คือที่มาของ ‘เทพเจ้าบูจิ’ อีกทั้งชาวประมงในโตเกียวยังเชื่อด้วยว่า เทพเจ้าบูจิสามารถช่วยขจัดภัยอันตรายและคุ้มครองให้ความปลอดภัยในการเดินทางทางทะเลอีกด้วย”
ศาลเจ้ามีขนาดไม่ใหญ่มาก ขนาดประมาณไม่ถึงสิบห้องด้วยซ้ำ
เทซึกะ โคตะพาฉินสือโอวเข้าทางประตูหลัก ด้านหน้าทางเข้าเป็นลานกว้าง ในลานกว้างมีปลูกดอกซากุระไว้ซึ่งตอนนี้เป็นฤดูที่ดอกซากุระบานพอดี ทั้งดอกซากุระสีชมพู ดอกซากุระสีขาวหิมะต่างพร้อมใจกันบานสะพรั่ง ประดับให้ลานกว้างสวยสดงดงาม
พอผ่านลานกว้างไปก็จะเป็นส่วนโถงของศาลเจ้า ภายในมีเทพเจ้าหน้าดุร้ายอยู่หนึ่งองค์ ความสูงประมาณสามถึงสี่เมตร
กระถางธูปขนาดแตกต่างกันสองขนาดใหญ่หนึ่งและเล็กหนึ่งวางอยู่ด้านหน้ารูปปั้น กระถางขนาดใหญ่มีรูปร่างสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดความสูงและกว้างเท่ากันคือหนึ่งเมตร ดูจากวัสดุแล้วน่าจะเป็นเหล็กหล่อ ด้านบนมีธูปปักเต็มไปหมดอยู่ ส่วนกระถางธูปอันเล็กกลับมีรูปร่างเหมือนถังน้ำ และก็มีขนาดพอๆ กับถังน้ำเช่นกัน ด้านในกระถางมีเมล็ดธัญพืชพูน คิดว่าน่าจะเป็นธัญพืชห้าชนิดของญี่ปุ่น เพราะอย่างไรเสียเทพเจ้าบูจิเริ่มแรกก็มีชื่อเรียกว่าเทพเจ้าธัญพืช
คนที่ดูแลศาลเจ้ารู้จักกับเทซึกะ โคตะ หลังจากที่มองเห็นเขาก็สวดชื่อพระพุทธเจ้า แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “เทซึกะ ฆราวาส ไม่ได้เจอกันนานเลย คุณยังสบายดีอยู่ไหม?”
เทซึกะ โคตะพนมสองมือก้มคำนับแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ยังคิดถึง เทพเจ้าบูจิคุ้มครองยังสบายดีครับผม วันนี้ผมพาเพื่อนชาวต่างชาติสองคนมาไหว้เทพเจ้าบูจิ เพื่อขอบคุณสำหรับคำอวยพรของเทพเจ้าครับ”
ฉินสือโอวเดิมทีไม่ได้สนใจในการมาศาลเจ้าแต่อย่างใด แต่การได้เห็นวัดและการบูชาพระพุทธเจ้านั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ อีกอย่างเทซึกะก็กระตือรือร้นมาก เขาจึงยากที่จะปฏิเสธ
แต่พอเข้าไปในโถงวัด เขาก็ตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที ตามองตรงไปแต่ที่กระถางธูปขนาดเล็กที่อยู่หน้าเทพเจ้านั่น ได้แต่กลืนน้ำลายลงลำคอไป
อารมณ์ความอยากเกิดขึ้นอีกครั้ง กระถางธูปขนาดเล็กที่พูนไปด้วยธัญพืชห้าชนิด ข้างในมีพลังงานโพไซดอนที่เข้มข้นอยู่อย่างแน่นอน! หัวใจโพไซดอนเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เขาแทบเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ไม่ไหว คิดเพียงแต่ว่าอยากจะพุ่งเข้าไปดูดซึมพลังงานเอาไว้ให้หมด!
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะ เขาต้องยับยั้งความปรารถนาที่จะกลืนกินเข้าไป ดังนั้นเขาจึงก้มหน้าก้มตาพยายามไม่มองกระถางธูปเล็กกระถางนั้น
เทซึกะ โคตะเข้าไปในศาลเจ้าก็เพื่อจุดธูปไหว้เทพเจ้า คนดูแลศาลได้เตรียมธูปทองขนาดใหญ่และยาวไว้สามดอกให้กับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว
เขาเดินอย่างเคร่งขรึมไปที่หน้ารูปปั้นเทพเจ้า เทซึกะ โคตะหนีบก้านธูปเอาไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง ส่วนนิ้วหัวแม่มือดันให้ปลายก้านธูปมาอยู่ตรงหน้าอก หลังจากนั้นส่วนบนของธูปก็หันไปทางรูปปั้นเทพเจ้าแล้วสวดมนต์ขอพรเสียงเบา
หลังจากขอพรเสร็จ เขาก็ยกมือที่ถือธูปให้ขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับคิ้ว แล้วไหว้ต่อเนื่องกันสามครั้ง
คนดูแลศาลรีบเข้าไปรับธูปมาจากเขา แล้วนำธูปหนึ่งดอกปักไว้กลางกระถางธูปขนาดใหญ่ ดอกที่สองปักไว้ทางขวาของกระถางธูปขนาดใหญ่ และดอกที่สามปักไว้ทางด้านซ้ายมือ
พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เทซึกะ โคตะก็ถอนใจโล่งอก เดินยิ้มมาหาฉินสือโอว “ทำให้คุณฉินรอนานเลยนะครับ ครอบครัวของผมเป็นชาวประมงมาแต่ละรุ่นสมัย จึงมีจิตใจที่เคารพต่อเทพเจ้าบูจิมาโดยตลอด ทุกครั้งที่ผ่านที่นี่จึงต้องเข้ามาจุดธูป”
ฉินสือโอวรีบบอกทันทีว่าคุณเกรงใจไปแล้ว และยังพูดต่ออีกว่า “คุณเทซึกะ ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมมาที่ศาลเจ้าบูจิ แต่ผมก็เหมือนกับคุณ มีความเคารพต่อทวยเทพที่ดูแลปกปักรักษาประชาชนให้ปลอดภัย ดังนั้นจึงอยากจะจุดธูปกราบไหว้เช่นกันไม่แน่ใจว่าจะได้ไหมครับ”
แผนการของเขาก็คือหลังจากนี้สักพัก ตอนที่เขาจุดธูป เขาจะแกล้งทำเป็นเดินไม่มั่นคงแล้วเซลงไป ซึ่งแบบนี้เขาก็จะสามารถใช้โอกาสนี้ตอนที่เขาจับกระถางธูปเพื่อพยุงตัวในการดูดซึมพลังงานที่อยู่ข้างใน
คนดูแลศาลยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านมีใจยิ่งนัก เทพเจ้าบูจิมีจิตใจกว้างขวาง เขารับศิษย์จากทั่วสารทิศรวมถึงผู้ที่มากราบไหว้จากทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นแล้วจึงมีจิตใจที่ยินดีอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเทซึกะ โคตะเต็มไปด้วยความปีติยินดี ไม่มีอะไรที่จะสุขใจได้เท่ากับการที่คนอื่นเคารพในสิ่งที่ตนเชื่อได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ฉินสือโอวเรียนรู้กิริยาท่าทางจากเทซึกะ โคตะ จึงเดินไปด้านหน้ารูปปั้นก้มคำนับและสวดขอพรเช่นกัน ในใจพึมพำว่า “ท่านเทพเจ้าครับ ผมยั้งไม่ไหวแล้ว วันนี้จึงต้องขอเอาข้าวที่คุณกินไปซะแล้ว หวังว่าท่านอย่าได้ถือสา เดาว่าชามข้าวนี้ที่ท่านดูแลมาตลอดน่าจะมีอายุหลายปีแล้ว เก่าไม่ไปใหม่ไม่มา ผมจึงขอเปลี่ยนชามให้ใหม่ ถ้าหากท่านไม่เห็นด้วยก็ช่วยบอกสักหน่อย แต่ถ้าท่านไม่พูดอะไรผมก็จะถือว่าท่านเห็นด้วยแล้วนะครับ”
เป็นเรื่องน่ายินดีที่หลังจากสวดไปแล้วกลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากเทพเจ้าบูจิเลย ดูท่าแล้วน่าจะอนุญาตคำขอของเขาอย่างเงียบๆ แล้ว
หลังจากที่ฉินสือโอวก้มคำนับแล้วก็จะไปปักธูปด้วยตัวเอง แต่ผลปรากฏว่าผู้ดูแลศาลกลับรั้งเขาไว้ ยิ้มให้แล้วพูดว่า “ฆราวาสโปรดหยุดก่อน สิ่งที่คุณต้องการสื่อเทพเจ้าบูจิได้รับเอาไว้แล้ว ให้กระผมเป็นคนปักธูปให้ก็พอแล้ว”
ฉินสือโอวมุมปากกระตุก รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอกครับท่านอาจารย์ เรื่องแบบนี้ให้ผมทำด้วยตัวผมเองจะดีกว่ามั้งครับ? เหมือนที่เขาพูดกันว่า ทำสิ่งใดแล้วต้องทำให้สุด…”
เทซึกะ โคตะอธิบายให้เขาฟังว่า “คุณฉิน ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ นี่เป็นกฎของศาลเจ้าบูจิแห่งนี้ คุณยื่นธูปให้กับท่านอาจารย์ก็พอแล้ว”
ในเมื่อทุกคนต่างพูดแบบนี้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้ง ยื่นธูปให้กับผู้ดูแลศาล มองไปที่กระถางธูปเล็กที่ยังคงอยู่ห่างไกลจากเขาขนาดนั้นอย่างทำอะไรไม่ได้
พอจุดธูปเรียบร้อย ทั้งสามก็ออกจากศาลเจ้าไป ฉินสือโอวยังไม่ยอม จะให้บัตเลอร์ไปจุดธูปเช่นกัน เพราะแบบนี้เขาก็จะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นถ้าได้อยู่ที่ศาลเจ้านานขึ้นหน่อย
เป็นผลให้สหายบัตเลอร์เอาไม้กางเขนรูปพระเยซูทองคำออกมาจากปกเสื้อของเขาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไม่ฉิน ฉันเป็นคริสเตียนที่เคร่งศาสนา ฉันเคารพบูชาเพียงพ่อของฉัน และพระผู้เป็นเจ้าของฉันเท่านั้น ฮาเลลูยา”
ฉินสือโอว “…”
บทที่ 517 ภารกิจสายฟ้าแลบในคืนเดือนมืด
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ออกจากศาลเจ้า ฉินสือโอวหน้าบูดบึ้งไม่มีความสุข ราวกับเป็นผู้ลี้ภัยที่เพิ่งหลบหนีออกมาจากความอดอยาก ไม่ง่ายเลยที่จะเจอไก่ย่างอันโอชะแบบนี้ แต่ปรากฏว่ากลับกินไก่ย่างที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ช่างน่าเศร้าจริงๆ เลย
เทซึกะ โคตะรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์เขา จึงถามว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น
ฉินสือโอวรีบปรับอารมณ์ของเขาแล้วอธิบายว่าวันมะรืนก็จะมีงานประมูลแล้วจึงรู้สึกประหม่า ไม่รู้ว่าจะประมูลราคาแบบไหนออกมา
เทซึกะ โคตะไม่ได้คิดอะไรมาก จึงหัวเราะเสียงดังออกมา “คุณฉิน วางใจเถอะ แน่นอนว่าต้องมีราคาสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะอย่างน้อย บริษัทของเราก็ตัดสินใจที่จะใช้เงินมูลค่าต่ำสุดก็ 2 ล้านเพื่อประมูลปลาทูน่าที่มีค่าตัวนั้นมา”
บัตเลอร์เคยอธิบายให้เขาฟังว่า ปลาทูน่าตัวนี้จริงๆ แล้วเป็นปลาที่ฉินสือโอวเป็นคนจับมา แต่เขาไม่อยากเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามจึงใช้ชื่อนีลเซ็นแทน
หลังจากที่ออกจากตลาดสึกิจิ เทซึกะ โคตะก็กลับบริษัทเลย ส่วนฉินสือโอวกับบัตเลอร์กลับโรงแรม
ระหว่างทางฉินสือโอวหน้านิ่วคิ้วขมวด “ต่อให้เขารู้ว่าปลาทูน่านั้นเป็นของฉัน แต่ก็ไม่น่าจะดูแลเอาใจใส่ฉันขนาดนี้ไหม? ฉันคิดว่ามันไม่ปกติมากๆ เลยล่ะ”
ดวงตาบัตเลอร์กะพริบปริบๆ ไปมาแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “แน่ล่ะ เขามีจุดประสงค์อื่นแน่นอน อย่างเช่น นายมีฟาร์มปลาที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง เทซึกะ โคตะอาจจะอยากทำธุรกิจร่วมกันกับนายก็เป็นได้”
ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เขามองไปที่บัตเลอร์ด้วยความไม่เชื่อใจ มักจะมีความรู้สึกว่าชายผิวสีมีอะไรปิดบังเขาอยู่เสมอ
แต่เขากับบัตเลอร์ก็ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่ว่ามีอะไรก็คุยจนหมดเปลือก ในเมื่อชายผิวสองสีไม่ยอมพูด เขาก็ไม่สามารถถามอะไรต่อได้
พอกลับถึงโรงแรม นีลเซ็นเดินมาทักทายแล้วบอกว่า “คนของสมาคมการประมงระหว่างประเทศโทรมาตอนกลางวันครับ พรุ่งนี้เขาจะไปตรวจสอบปลาทูน่าตัวนั้น หลังจากนั้นก็จะกำหนดสถิติระดับโลกและให้โบนัสกับพวกเรา”
ฉินสือโอวยังคงคิดถึงกระถางธูปเล็กใบนั้น จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก ตอบอือไปคำเดียว สีหน้าแสดงความกังวลคิดพิจารณาว่าจะจัดการกับกระถางธูปใบนั้นอย่างไรให้สำเร็จ
นีลเซ็นเห็นเขาไม่มีความสุข จึงถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวอธิบายง่ายๆ ให้เขาฟังว่า “วันนี้ฉันเห็นของที่ฉันชอบมาก แล้วฉันก็อยากจะสัมผัสกับสิ่งนั้น แต่กลับมีคนคุมมันไว้ไม่ให้ฉันได้ลูบคลำถูกมัน”
“สาวงามในปฐพี?” วินนี่มองเขาอย่างหวาดระแวง
ฉินสือโอวกวาดตามองบน “ไม่ใช่ เป็นกระถางธูปใบหนึ่ง! ถ้าเป็นสาวงามนะจัดการง่ายนิดเดียว แค่ผมให้เงินไปปึกหนึ่ง เธอก็ให้ผมลูบคลำอย่างว่านอนสอนง่ายแล้ว เฮ้อ แต่กระถางธูปกลับไม่ใช่แบบนั้น พระที่คอยดูแลมันดูท่าแล้วจะตัดจากทางโลก ให้เงินไปก็คงไร้ประโยชน์”
เบิร์ดถามขึ้น “กระถางธูปอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
ฉินสือโอวจึงเล่าเรื่องศาลเจ้าบูจิให้ฟังเบื้องต้น หลังจากนั้นก็ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เบิร์ดกับนีลเซ็นกลับมองตากันและกันแล้วก็ออกจากโรงแรมนั้นไป
วินนี่สงสัยว่าทำไมเขาถึงอยากสัมผัสกระถางธูป ฉินสือโอวอธิบายได้เพียงว่านี่เป็นนิสัยแปลกประหลาดของเขา ทุกครั้งที่พอไหว้พระเสร็จก็จะต้องสัมผัสกระถางธูป เพราะนี่เป็นตำนานในบ้านเกิดของเขาว่าถ้าหากได้สัมผัสแล้วก็จะได้รับการคุ้มครองจากพระพุทธเจ้า
ด้านหนึ่งฉินสือโอวก็อธิบายไปมั่ว ไม่ช้าเบิร์ดก็กลับมาพร้อมแผนที่รายละเอียดของชินจูกุในมือของเขา
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงนีลเซ็นก็กลับมาเช่นกัน เขาซื้อสมุดจดบันทึกซึ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์เส้นต่าง ๆ
พอเบิร์ดคุยกับนีลเซ็นได้สักพัก เขาก็ยื่นแผนที่มาตรงหน้าฉินสือโอว “บอส ดูอากาศสิ ค่ำวันนี้จะมืดสนิทไม่มีพระจันทร์แน่ แล้วพวกเราก็เข้าไปในศาลเจ้า ให้ผมคอยหลอกล่อความสนใจของคนในวัด ส่วนนีลเซ็นก็คอยดูที่ทาง แล้วบอสก็ไปสัมผัสกระถางธูปนั่นแค่นี้ก็เรียบร้อย”
“พวกเธอบ้าไปแล้วเหรอ? คุ้มเหรอ?” วินนี่แบมือถาม
ฉินสือโอวดีใจมาก “คุ้ม แน่นอนว่าคุ้มมาก! พูดต่อ เบิร์ด ว่ามาต่อเลย!”
“โอเคครับ นี่เป็นสิ่งที่นีลเซ็นเพิ่งสำรวจมา ภายในศาลเจ้ามีกล้องวงจรปิดอยู่แปดตัว แต่กล้องแต่ละตัวไม่ได้ตั้งค่าให้ส่องจุดที่เหลื่อมล้ำกัน นั่นหมายความว่ามันจะมีมุมที่กล้องส่องไม่ถึง ส่วนผมมีแผนที่บริเวณรอบข้างศาลเจ้า เพียงแค่เดินตามเส้นแดง กล้องวงจรปิดจะถ่ายไม่โดนพวกเราแน่นอน”
วินนี่เอามือกุมขมับอย่างเหนื่อยใจ “พระเจ้า ฉินบ้าไปแล้ว พวกนายก็ยังจะบ้าตามนายอีก”
ฉินสือโอวตบโต๊ะ “ตามนี้แหละ เพื่อน หลังจากที่เรื่องสำเร็จแล้วพวกนายเอาโบนัสไปคนละหนึ่งหมื่นเลย!”
“โห บอสยังมีสิ่งอื่นที่อยากสัมผัสอีกไหม? ครั้งละหนึ่งหมื่น พวกเราจะเตรียมการให้เป็นอย่างดีเลย”
“ออกไปเลย”
เบิร์ดออกไปซื้อชุดดำ กางเกงดำ รองเท้าดำให้ทั้งสามคน เป็นชุดที่มีฮู้ดติดมาด้วย พอสวมใส่เรียบร้อยก้มหน้า เก็บมือไม่ให้โผล่ แล้วยืนอยู่ในมุมมืดยามค่ำคืนย่อมไม่มีใครเห็นแน่
นีลเซ็นไปดูลาดเลาอีกสองสามรอบ เพื่อวิเคราะห์จำนวนคนในวัดและสถานการณ์ที่แต่ละคนทำหน้าที่อยู่
ฉินสือโอวรู้สึกตื่นเต้นมาก เขารู้สึกว่ามันมีบรรยากาศเหมือนปฏิบัติภารกิจลับ และถึงกับตั้งชื่อให้กับภารกิจยามค่ำคืนนี้โดยเฉพาะเลยว่า ‘ภารกิจสายฟ้าแลบในคืนเดือนมืด’
พอเป็นแบบนี้วินนี่ก็พลอยเป็นไปด้วย จับมือฉินสือโอวอย่างตื่นเต้นและอยากจะร่วมภารกิจด้วย
เขาไปทำภารกิจนะ ฉินสือโอวปฏิเสธ เพราะสิ่งนี้จะมีข้อผิดพลาดไม่ได้เลย
วินนี่บอกว่า “ต้องเอาฉันไปด้วย ฉันไปอยู่กับเบิร์ดได้ ดึงดูดความสนใจคนอื่น ไม่อย่างนั้นถ้าพวกคุณไป ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
“ไป ไป ไป!”
“ให้ฉันไปหลบหรือเข้าร่วมด้วย?”
“เข้าร่วม เข้าร่วม เข้าร่วมด้วยสิ โอย ผมเจ็บของผมนะ!”
“เดี๋ยวกลับมาแล้วเค้าจะถูให้นะคะ”
“เยี่ยม ถ้าอย่างงั้นไปกันเลย”
ตอนตีหนึ่ง เบิร์ดเช่ารถมาคันหนึ่งขับไปที่จอดรถในตลาดสึกิจิ หลังจากนั้นก็ทำตามแผน เบิร์ดเอาตัวเองเป็นเหมือนขั้นบันได นีลเซ็นเหยียบเขาแล้วปีนข้ามกำแพงไปก่อน แล้วก็ลากเอาฉินสือโอวข้ามไปด้วย เบิร์ดกับวินนี่รออยู่ด้านนอกคอยรับช่วงต่อ
นีลเซ็นนำทาง ฉินสือโอวเดินตามเขาอย่างเงียบเชียบในศาลเจ้า
ในศาลทั้งหมดมีเพียงแสงไฟในห้องโถงใหญ่และห้องข้างเคียง ห้องอื่นไฟดับหมดแล้ว เพราะยังไงก็แล้วแต่นี่ก็เวลาเที่ยงคืนแล้ว
หลบจากแนวกล้องวงจรปิด ทั้งคู่เดินย่องไปจนถึงส่วนโถง เข้าไปข้างในผ่านทางหน้าต่าง แล้วก็เห็นผู้ดูแลศาลมีอายุคนหนึ่งสวดมนต์อยู่หน้าเทพเจ้า
ฉินสือโอวก่นด่าเงียบๆ นี่มันไม่ใช่วัดเส้าหลินสักหน่อย ดึกขนาดนี้แล้วยังมีพระสวดอะไรอยู่หน้ารูปปั้นเทพเจ้าเนี่ย?
นีลเซ็นได้เตรียมตัวไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว เขาส่งข้อความหาเบิร์ด นอกประตูอยู่ดีๆ ก็มีเสียงประตูกระทบกันดัง ‘ปัง ปัง ปัง’ เป็นเบิร์ดและวินนี่ที่ลงมือทำ
พอได้ยินเสียงประตูกระทบกัน ผู้ดูแลศาลที่อยู่ห้องข้างๆ ก็วิ่งออกมา ตะโกนออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นอะไรสักอย่าง
ฉินสือโอวนิ่งตะลึงไป เขาลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไร พวกเขาฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง!
ปรากฏว่าเสียงวินนี่ดังขึ้นมา น้ำเสียงน่ารักไม่รู้ว่าตะโกนอะไรอยู่ เสียงที่ตื่นตระหนกและมันหมายถึงอะไรบางอย่างจริงๆ
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าที่เธอตะโกนมีความหมายว่าอะไร แต่ผู้ดูแลศาลเกิดความลังเล ตะโกนออกไปสองสามประโยคแล้วก็เดินไปเปิดประตู
หลังจากนั้นผู้ดูแลศาลทั้งหมดก็วิ่งออกมาจากห้องด้านข้าง วินนี่เดินเข้าไปในศาลเจ้า เบิร์ดสีหน้าเยือกเย็นเดินตามเธอเข้ามา คอยรั้งวินนี่ไว้ ปากก็ก่นด่าว่า “คุณวิ่งสิวิ่ง สมควรตายจริงๆ …”
ตรงทางเข้าเสียงดังเอะอะมาก คนดูแลศาลในโถงล้วงเอามือถือออกมาโทรศัพท์อย่างใจเย็น หลังจากนั้นก็วิ่งออกมาอย่างที่นีลเซ็นคิดเอาไว้ วิ่งไปที่ลานกว้างด้านหน้าตะโกนเป็นภาษาอังกฤษว่า “ฉันแจ้งตำรวจแล้ว! แจ้งแล้ว!”
นีลเซ็นส่ายหัวและฉินสือโอวก็รีบวิ่งเข้าไปในส่วนโถงโดยไม่พูดอะไร เอามือที่ตื่นเต้นจนสั่นไปหมดแปะไปที่กระถางธูปเล็กนั่น
ทันใดนั้น ความรู้สึกสบายตัวสุดๆ ที่ทำให้ตัวเขาสั่นเทิ้มแผ่กระจายไปทั่วร่าง เทียบกับตอนที่กอดวินนี่ตอนขึ้นจุดสุดยอดยังสบายยิ่งกว่า! ยิ่งตอนนี้พลังงานในกระถางธูปกระถางเล็กมีมหาศาล จึงทำให้เขาสบายจนจะคุมตัวเองไม่ได้ ราวกับว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายสั่นเทาไปหมด!
บทที่ 518 กลายเป็นโพไซดอนจริงๆ แล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
สุดท้ายแล้วกระถางธูปแปรเปลี่ยนเป็นแบบไหนเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ รู้แต่ว่าเขารู้สึกสบายสุดๆ
หลังจากที่ดูดซึมพลังงานจากกระถางธูปเล็กไปจนหมด เขาก็เดินโซซัดโซเซออกมาเหมือนคนเมา นีลเซ็นพยุงเขาหนีออกมาจากศาลเจ้า
ตลอดเวลาจนกระทั่งกลับถึงโรงแรม ฉินสือโอวถึงเพิ่งจะบังคับให้ตัวเองกลับมาอยู่ในสภาพปกติ วินนี่ก็ตื่นเต้นมากจนหน้าสวยๆ ของเธอแดงไปหมด นีลเซ็นกับเบิร์ดมองไปที่สองคนแล้วก็เหมือนเห็นสัตว์ประหลาด มีอะไรให้น่าตื่นเต้นดีใจขนาดนั้นกันเชียว?
“เจ๋ง สบายโคตรๆ” ฉินสือโอวทอดถอนใจ
“ระทึกใจมากๆ วันหลังพวกเรามาทำกิจกรรมแบบนี้กันอีกดีไหม?” วินนี่พูดอย่างมีความสุข
เบิร์ดยักไหล่ แล้วบอกว่า “ลอบสังหารโอบาม่าดีไหม?”
นีลเซ็นพูดเยาะเย้ยอย่างภูมิใจ “ให้ปืน AMP กับฉันมาสักกระบอก ฆ่าเขาได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น!”
“โม้ต่อไปสิ!”
พอกลับถึงโรงแรมทุกอย่างก็จบเพียงเท่านี้ ฉินสือโอวและวินนี่กลับเข้าห้องไป เตรียมที่จะนำจิตสำนึกโพไซดอนลงสู่มหาสมุทรเพื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองสักหน่อย
วินนี่รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด อยู่ดีๆ ก็เกิดอารมณ์อยาก เป็นฝ่ายเริ่มจับฉินสือโอวเองก่อนเป็นครั้งแรกเพื่อทำในสิ่งที่อยากทำ
ทางด้านฉินสือโอวมีเรื่องด่วน ส่วนวินนี่ปล่อยหางม้าของเธอและปล่อยให้ผมของเธอกระจายไปทั่วไหล่ของเธอ ถอดเสื้อผ้าสวมชุดอาบน้ำ มองไปที่เขาอย่างหว่านเสน่ห์แล้วพูดว่า “คุณคะ วันนี้ผลงานฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“คุณมันนางมารร้ายคอยก่อกวน!” ฉินสือโอวหายใจไม่สะดวก ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีกก็จู่โจมเข้าใส่ทันที
ทรมานจนวินนี่หมดแรง ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า ถูกวินนี่ทรมานจนหมดแรง ฉินสือโอวถึงจะได้มีโอกาสพักผ่อน
ระหว่างบนเตียง ผู้หญิงถึงจะมีอำนาจเป็นฝ่ายเริ่มก่อนอย่างแท้จริง
ในขณะที่นอนแผ่อยู่บนเตียง ฉินสือโอวรีบนำจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสู่ทะเล
พอลงไปในน้ำทะเล เพียงครั้งแรกฉินสือโอวก็รับรู้ถึงอารมณ์บางอย่างที่อยู่รอบๆ ได้ทันที ใช่แล้ว มันเป็นความรู้สึกที่ลึกลับซับซ้อนอย่างหนึ่ง เขาสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในพื้นที่ทะเลซึ่งควบคุมโดยจิตสำนึกแห่งโพไซดอน
ความรู้สึกแบบนี้ก็เหมือนกับเวลาที่ฉินสือโอวดูนักแสดงนำชายหรือนักแสดงนำหญิงแสดง เราสามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของบทบาทนั้นได้ทั้งจากสายตา การแสดงสีหน้า และท่าทาง ซึ่งสิ่งนี้ก็คลับคล้ายกันกับแบบนี้ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เขาไม่ต้องมองดู เพียงแค่รับรู้ ราวกับว่าสามารถควบคุมทุกอย่างที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมเอาไว้ในผืนน้ำแผ่นนี้ได้อย่างนั้น
ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง!
ในน้ำทะเลมีปลาค็อด ปลาซาบะ ปลาแฮริ่ง กุ้งแดงและกุ้งมังกร เป็นต้น มีสิ่งมีชีวิตพวกนี้อยู่มากมาย ฉินสือโอวรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของพวกมัน แต่อารมณ์ความรู้สึกนี้ช่างเรียบง่าย ธรรมดา อยู่ให้ผ่านไปวันๆ หนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกเจ็บปวด ความสามารถใหม่ของหัวใจโพไซดอนแทบไร้ประโยชน์อะไร
ใช่ เขาสามารถรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมผืนน้ำแห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม แต่สติปัญญาของสิ่งมีชีวิตในทะเลมันต่ำมากเกินไป หรือพูดได้แม้กระทั่งว่าไม่มีสติปัญญาเลยก็ว่าได้ สิ่งมีชีวิตบนบกยังมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ อย่างเช่น สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ยังมีความสุขได้ โมโหเป็น เศร้าเป็น โกรธเป็น แต่กับปลาและกุ้ง แม่งแอร๊ย ไม่มีจิตสำนึกพวกนี้ไง
พอไม่มีจิตสำนึก ก็เท่ากับว่าแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
ยังดีว่า ไอซ์สเกต บอลหิมะ และบีนตอนหลังมาปลอบใจเขา เจ้าสามตัวนี้จึงมีปัญญาระดับหนึ่งอยู่ ถึงแม้ว่าถ้าเทียบกับมนุษย์แล้วไม่มีปัญญาอะไร แต่ก็ยังคงมีอารมณ์อยู่
เจ้าสามตัวนี้พอเข้าไปในเขตน่านน้ำที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมอยู่ ฉินสือโอวก็รับรู้ได้ทันทีถึงความรู้สึกสุขใจและสนุกสนานที่มาจากใจของพวกมัน ไม่เลวเลย ไม่เลว พลังนี้ก็ยังถือว่ามีประโยชน์ ฉินสือโอวรู้สึกใจชื้นขึ้นมา
เจ้าสามตัวนี้ถือว่าเป็นลูกรักที่อยู่ในทะเลของเขาเลยทีเดียว ฉินสือโอวจึงหวังว่าพวกมันจะฉลาดมากขึ้นกว่านี้หน่อย เลยให้พลังโพไซดอนกับพวกมันเพิ่มมากขึ้น
ผลสุดท้ายพอได้รับการล่อลวงจากพลังโพไซดอน ปรากฏว่า ทั้งปลาค็อด ปลาแซลมอนแปซิฟิกที่อยู่รอบๆ ว่ายมาทางนี้หมดเลย
พอเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวไม่อยากที่จะเสียพลังโพไซดอนให้กับพวกมัน จิตใต้สำนึกก็คิดขึ้นว่า “หลบไปอีกทางไป!”
ปลาค็อด และปลาแซลมอนแปซิฟิกหยุดเดินหน้าทันที ราวกับหุ่นยนต์ที่พอได้รับคำสั่ง หันหัวกลับแบบเกร็งๆ หยุดอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น หลังจากนั้นก็ลอยอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
ฉินสือโอวตกตะลึง แล้วก็ดีใจยกใหญ่ แม่ง ไม่จริงใช่ไหมนี่ ขืนธรรมชาติแบบนี้ได้ด้วย? นี่ตัวเขาเองมีความสามารถในการออกคำสั่งกับสิ่งมีชีวิตในทะเลเหล่านี้แล้วหรอกเหรอ?
ไม่มีเวลาไปสนใจให้พลังกับเจ้าสามตัวนั้น ฉินสือโอวลองออกคำสั่งกับปลาฝูงนั้นอีก ‘เข้ามา’
ในพริบตา ปลาค็อดกับปลาแซลมอนแปซิฟิกก็แหวกว่ายอีกครั้ง กระดิกหางอย่างแข็งๆ ว่ายมากับปลาทูน่าด้วยกัน
ฉินสือโอวยินดีอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลย การคาดเดาของเขาถูกต้องแน่ๆ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนตอนนี้มีความสามารถในการควบคุมสิ่งมีชีวิตในทะเลได้!
เพื่อยืนยันสิ่งนี้ เขายังคงควบคุมปลาพวกนี้ให้ทำท่าต่างๆ ว่ายไปข้างหน้า ว่ายไปข้างหลัง ว่ายไปทางซ้าย ว่ายไปทางขวา อ้าปาก กระดิกหาง ตีลังกาไปด้านหน้า ตีลังกาไปด้านหลัง… สุดยอด ทำได้หมด!
ก่อนอื่นว่ายไปข้างหน้าแล้วก็ว่ายถอยหลัง ว่ายไปทางซ้ายแล้วตีลังกาไปด้านหลัง เขาคิดที่จะสั่งคำสั่งแบบทีเดียวรวด ปรากฏว่าปลาพวกนี้ตะลึงงัน ปลาหุ่นยนต์นิ่งแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไม่ขยับไปไหน
ฉินสือโอวเลิกใช้คำสั่งที่ซับซ้อน ลดระดับลงมาหน่อย แต่ก็ยังไม่มีประโยชน์ ปลาพวกนี้รับได้ทีละคำสั่งเท่านั้น แล้วอีกอย่างพอได้รับคำสั่งแล้วก็ดูเหมือนจะบื้อขึ้นมา ราวกับเป็นซากศพเดินได้
แต่แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน อย่างน้อยพวกปลาและกุ้งก็ยังรับคำสั่งเขาได้ แค่นี้ก็มีประโยชน์มากแล้ว
อย่างเช่นเขาสามารถสั่งให้ปลาพวกนี้ไปในน่านน้ำที่เป็นแนวปะการังได้ ไม่ต้องให้เขากำกับ พวกปลาก็สามารถว่ายไปที่แนวปะการังได้เอง หรือสั่งห้ามไม่ให้ปลาแลมป์เพรย์เขาไปในเขตแนวปะการัง ปลาแลมป์เพรย์ก็จะไม่เข้าไปในเขตแดนนั้น
พอมีความสามารถนี้ ฉินสือโอวก็จะสามารถออกคำสั่งกับเจ้าสามทหารได้ แน่ล่ะ เป็นกองทหารที่โง่เง่ามาก
แต่ฉินสือโอวเป็นคนพอใจอะไรง่ายๆ แค่ทำได้แบบนี้เขาก็โอเคแล้ว
หลังจากนั้นเขายังลองควบคุมกุ้งและปู แล้วก็เหมือนเดิมไม่มีปัญหาอะไร คำสั่งที่เขาสั่งไปพวกมันทำตามได้หมด และแน่นอนว่าก็สามารถทำตามได้แค่คำสั่งเดียว เพียงซับซ้อนนิดหน่อยก็ไม่รอดแล้ว
ฉินสือโอวออกคำสั่งให้หอยนางรมลอยเปิดฝาอ้าไว้ ไม่ต้องหุบฝา แล้วหอยนางรมลอยทุกตัวก็เปิดฝาอ้าไว้
ฉินสือโอวออกคำสั่งให้เต่าลายจุดไปขึ้นฝั่ง เต่าลายจุดทุกตัวก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ปีนขึ้นไปบนชายฝั่งทุกตัว
ฉินสือโอวออกคำสั่งห้ามกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไม่ให้รังแกหอยนางรมลอย ต่อให้เอาพวกมันกลับไปที่น่านน้ำเขตแนวปะการัง แต่ก็ไม่ได้ลงมือต่อสู้กับหอยนางรมลอย
ฉินสือโอวออกคำสั่งให้ฉลามบกเจ็ดพี่น้องว่ายเข้าไปอยู่ในปากฉลามบาสกิงที่เปิดอ้าอยู่ เจ็ดพี่น้องก็ว่ายไปตรงนั้นอย่างว่าง่าย ต่างว่ายไปอยู่ตรงหน้าปากฉลามบาสกิง จะเป็นจะตายก็ไม่ขยับแล้ว ฉินสือโอวสั่งอีกครั้งก็ไม่มีประโยชน์
แม่ง พวกมันกลัวตายจริงๆ ! ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา
เขาไม่อยากจะปล่อยเจ็ดพี่น้องไปแบบนี้ จึงหาเรื่องให้พวกมันมาดูดปากเจ้าสามตัว เจ็ดพี่น้องก็ว่ายเรียงแถวกันมา กระดิกหางเริงร่าโดยเริ่มไปดูดจากปากไอซ์สเกตก่อน พอเสร็จจากไอซ์สเกตก็ไปหาบอลหิมะต่อ เสร็จจากบอลหิมะก็มีบีน
พอทำตามคำสั่งเสร็จเป็นที่เรียบร้อย หุ่นยนต์เจ็ดพี่น้องก็กลับคืนสู่สภาพปกติ แล้วก็พบว่าเจ้าสามตัวบ้าอำนาจไม่รู้เป็นบ้าอะไร อยู่ดีๆ ก็ไล่ล่าพวกมันด้วยความแค้นอย่างบ้าคลั่ง!
ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจใหญ่ รู้สึกว่าตัวเองนิสัยเสียใช้ได้เลย แต่หัวเราะไปได้ไม่นาน เขาก็นึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาต้องหุบปากสนิท จริงๆ แล้วคำสั่งที่เขาออกกับเจ็ดพี่น้องเมื่อกี้มันมั่วไปหมด ขอแค่ดูดตัวใดตัวหนึ่งในเจ้าสามตัวก็พอแล้ว แต่พวกมันกลับไล่ดูดทีละตัว
นี่หมายความว่าเจ็ดพี่น้องรับคำสั่งที่ซับซ้อนได้!
บทที่ 519 รากฐานของฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เขารีบปลอบประโลมให้เจ้าสามตัวอารมณ์เย็นขึ้น หลังจากนั้นก็ให้เจ็ดพี่น้องว่ายไปข้างหน้าแล้วก็ถอยหลัง ไม่มีปัญหาอะไร คำสั่งนี้ผ่าน เอาใหม่ว่ายไปข้างหน้า ถอยหลัง ว่ายไปทางซ้ายแล้วก็วนไปทางขวา ยังคงไม่มีปัญหา ให้พวกมันว่ายไปข้างหน้า ถอยหลัง ว่ายไปทางซ้ายวนไปทางขวา ตีลังกาหน้าและตีลังกาหลัง หลังจากนั้นก็ไปหาฉลามมาหนึ่งตัว ทุกอย่างทำอย่างต่อเนื่อง…
คำสั่งหยุดเพียงเท่านี้ หลังจากที่เจ็ดพี่น้องตีลังกาหลังเสร็จก็หยุดนิ่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่ตรงไหนกันนะ?
เขาคิดอย่างละเอียดอีกที ถ้าเป็นคำสั่งที่พวกสิ่งมีชีวิตไม่สามารถทำได้ พวกมันก็จะไม่ทำตามถึงจะเป็นเรื่องปกติ แต่เจ็ดพี่น้องกลับทำตามจนเกือบครบหมดถึงค่อยหยุด หรือว่าพวกมันจะไม่เข้าใจคำสั่งสุดท้ายไม่รู้จะไปหาฉลามตัวไหนกัน
คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวจึงให้เจ็ดพี่น้องทำท่าตามที่สั่งจนครบแล้วค่อยไปหาฉลามบาสกิง
ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันใด เจ็ดพี่น้องทำท่าครบก็พุ่งไปหาตำแหน่งที่ฉลามอยู่อย่างรวดเร็วราวกับลูกศร และแน่นอนว่า เป็นตายอย่างไรก็ไม่กล้าเข้าใกล้ปากที่เป็นเหมือนหลุมดำของฉลามบาสกิงตัวนั้น
ฉินสือโอวปล่อยเจ็ดพี่น้องไปแล้วก็ไปลองกับเจ้าสามตัวต่อ เจ้าสามตัวปฏิบัติตามคำสั่งของเขาอย่างละเอียด อีกอย่างตอนที่ทำตามคำสั่ง เจ้าสามตัวจะไม่ได้เป็นเหมือนปลาหุ่นยนต์ที่ทำตามคำสั่งแบบไร้จิตใต้สำนึก แต่พวกมันกลับปฏิบัติหน้าที่อย่างมีสติ
หลังจากทดลองไปสักพัก ฉินสือโอวก็เริ่มเข้าใจว่าคำสั่งที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมีต่อปลาและกุ้งที่ไม่มีปัญญาก็เหมือนกับโค้ดที่สั่งไปยังคอมพิวเตอร์ พอพวกมันได้รับคำสั่งจึงกลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับ
คำสั่งบางอย่างก็เป็นเหมือนแรงกระตุ้น อย่างเช่นสั่งไม่ให้ปลาแลมป์เพรย์เข้าใกล้แนวเขตปะการัง แค่ได้เข้าใกล้เขตรอบแนวปะการัง พวกมันก็จะว่ายออกห่าง แต่บางคำสั่งก็เป็นเหมือนครั้งเดียวจบ อย่างเช่นให้เต่าลายจุดคลานขึ้นฝั่ง พอหลังจากที่ขึ้นฝั่งไปแล้วคำสั่งก็จะไม่เป็นผล พวกมันก็จะคลานลงไปในน้ำ…
ในทางกลับกัน คำสั่งของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลที่มีปัญญา พวกมันก็จะทำตามคำสั่ง แต่ถ้าคำสั่งเกิดขัดกับลักษณะตามธรรมชาติของพวกมันก็จะไม่ทำ อย่างเช่นเจ็ดพี่น้องก็ปฏิเสธที่จะไปตาย
พอมีความสามารถนี้ สำหรับฉินสือโอวเรื่องหลายเรื่องก็จัดการได้ง่ายขึ้น
ฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีถูกส่งไปอยู่ในน่านน้ำของฟาร์มปลาแกธเธอริงทุกตัว ว่ายวนอยู่ตรงนั้นเพื่อคุมเขตน้ำทะเลตื้น เมื่อใดที่มีคนจากบนฝั่งลงไปในน้ำ ก็จัดการกับคนพวกนั้นได้เลยโดยไม่ต้องลังเล
กองพลงูเหลือมทะเลที่เก็บตัวอยู่ในทะเลช่วงฤดูหนาวก็ควรจะออกโรงแล้ว ตอนนี้อากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดงูเหลือมทะเลก็ฟื้นฟูกำลังกลับคืนมา พวกมันก็เริ่มออกมาทำกิจกรรมมากขึ้นในช่วงหลายวันมานี้
ช่วงฤดูหนาวราวสามเดือนกว่า งูเหลือมทะเลจะขดรวมตัวกันกลายเป็นกลุ่มงูขนาดใหญ่เพื่อต้านกับความหนาวเหน็บ พวกมันไม่แม้กระทั่งออกไปหาอาหาร จะใช้พลังงานไขมันที่เก็บตุนไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น หลายครั้งที่ฉินสือโอวไปดูก็พบว่าพวกมันผอมลงไปเยอะ จึงอดไม่ได้ที่จะป้อนพลังโพไซดอนให้พวกมันเพื่อรักษาชีวิตไว้
งูเหลือมทะเลก็อยู่เพื่อเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา งูเหลือมทะเลก็จะว่ายลงไปทางใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติกในตอนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แต่หลังจากที่ได้รับพลังของโพไซดอน พวกมันจึงตั้งรกรากอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับไปไหน
แค่มองจากความภักดีนี้ ฉินสือโอวก็ต้องประเมินพวกมันสูงขึ้นสักหน่อยแล้ว
เพราะพอมีงูเหลือมทะเลจะจัดการกับฟาร์มปลาแกธเธอริงก็สะดวกขึ้นมาก ผู้นำงูเหลือมทะเลยักษ์มีความยาวสิบกว่าเมตรเต็มๆ แค่ขึ้นไปนอนขดบนชายฝั่งสักหน่อย ก็เพียงพอที่จะทำให้คนตกใจกลัวจนไม่มีใครกล้าซื้อวิลล่าวิวทะเลของฟาร์มปลาแล้ว
พลังโพไซดอนเต็มเปี่ยม ฉินสือโอวไปเขตแนวปะการัง พลังงานจำนวนมากถูกป้อนเข้าสู่โพลิป เพื่อทำให้พวกมันเติบโตได้ไวที่สุด
เมื่อมีความคิดในการสร้างประภาคารให้กับฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เริ่มให้ความสำคัญกับแนวปะการังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าสามารถที่จะสร้างแนวปะการังเป็นแถบยาวในทะเลได้ ถ้าเช่นนั้นประภาคารก็จะมีฐานให้ตั้งอยู่ได้
ปีก่อน เขาคิดมาเสมอว่าอยากได้แนวปะการังโดยมีมนุษย์คอยช่วยเหลือ แต่จนสุดท้ายก็ยังไม่ได้เริ่มลงมือสักที งานนี้คงต้องเอาไว้ในแผนงานแล้ว
แนวปะการังสามารถช่วยพัฒนาระบบนิเวศน์ของฟาร์มปลาได้ เพราะแนวปะการังใต้ทะเลสามารถเปลี่ยนกระแสน้ำใต้ทะเลให้กลายเป็นกระแสน้ำผุดได้ ซึ่งกระแสน้ำผุดจะช่วยนำเหยื่ออาหารใต้ท้องทะเลขึ้นมาบนผิวน้ำ กลายเป็นอาหารให้กับพวกแพลงก์ตอน ปลา กุ้งและหอยประเภทต่างๆ ด้วย
ฉินสือโอวเคยไปทะเลมาหลายที่ ตั้งแต่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จไปจนถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ เขาค้นพบว่าปัญหาของฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์ไม่ได้เกิดจากแค่การจับปลาตามอำเภอใจเท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการแปรสภาพเป็นทะเลทรายใต้ท้องทะเล
เมื่อก่อนใต้ท้องทะเลของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เต็มไปด้วยสาหร่ายทะเลและสิ่งมีชีวิตในน้ำ แต่เนื่องด้วยภาวะโลกร้อนและภาวะเรือนกระจกที่เกิดขึ้นกันทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ฟาร์มปลาที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของนิวฟันด์แลนด์ได้รับความเสียหายหนัก สาหร่ายทะเลและสิ่งมีชีวิตในน้ำก็รับไม่ได้กับค่า PH การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ จึงค่อยๆ ทยอยตายไป
ทะเลทรายใต้ท้องทะเลเป็นสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดในระบบนิเวศน์ทางทะเล พื้นใต้ท้องทะเลที่ว่างเปล่าไม่สามารถให้อาหารกับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลได้ ไม่สามารถให้ที่หลบซ่อนกับสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ ไม่สามารถให้ที่พักอาศัยเพื่อการสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้ ถ้าเช่นนั้นแล้วสิ่งมีชีวิตในทะเลจะเติบโตอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันเล่า?
ข้อดีของฟาร์มปลาต้าฉินก็อยู่ตรงนี้ ไม่ต้องพูดถึงเขตน่านน้ำแนวปะการังที่กำลังเติบโตได้ดีเลยด้วยซ้ำ พูดถึงแค่จุดอื่น ใต้ท้องทะเลถูกปกคลุมด้วยสาหร่ายทะเล พืชน้ำ ปลาแฮร์ริ่งและปลาซาบะก็มีที่อยู่อาศัยของมัน และด้วยเหตุนี้ปลาค็อดจึงมีอาหารที่เพียงพออีกด้วย
ยิ่งเข้าใจในทะเลมากเท่าใด ฉินสือโอวก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากขึ้นเท่านั้น
ตอนที่เพิ่งได้หัวใจแห่งโพไซดอน เขานึกเพียงว่าแค่ป้อนพลังโพไซดอนเข้าไปในฟาร์มปลาก็เพียงพอและสามารถที่จะสร้างฟาร์มปลาที่แข็งแกร่งได้แล้ว แต่ที่จริงแล้วนี่เป็นแค่การเข้าใจผิด
ทำอย่างไรให้เป็นฟาร์มปลาที่ล้ำเลิศนะ?
ก่อนอื่น ต้องมีน่านน้ำในส่วนไหล่ทวีป ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนของท้องทะเลตื้น แสงแดดเพียงพอ สาหร่ายทะเลและพืชน้ำสามารถสังเคราะห์แสงได้เต็มที่ ซึ่งฟาร์มปลาต้าฉินก็เข้าข่ายเงื่อนไขนี้ จากชายฝั่งยื่นไป 100 กิโลเมตร ส่วนน้ำลึกสุดก็แค่ 50 เมตร
ประการที่สอง ต้องมีกระแสจากแม่น้ำนำพาอาหารที่อุดมสมบูรณ์มาสู่ทะเล เพื่อให้แพลงก์ตอนเจริญเติบโตได้เต็มที่และเหยื่อของปลาก็จะมีอย่างเพียงพอ ซึ่งฟาร์มปลาต้าฉินติดปัญหาข้อนี้ ดังนั้นพอฟาร์มปลามีปัญหานี้ความสามารถที่จะฟื้นฟูกลับมาก็ห่างไกลออกไป ฉินสือโอวจึงจำเป็นต้องลงทุนกับลูกปลาด้วยตัวเอง ฟาร์มปลาถึงค่อยฟื้นฟูขึ้นมา
ประการที่สามคือที่ซึ่งกระแสน้ำอุ่นและเย็นบรรจบกันหรือที่ที่มีน้ำทะเลเย็นซัดผ่าน ข้อนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะกระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ก็บรรจบกับกระแสน้ำอุ่นของอ่าวเม็กซิโกที่นี่ ฟาร์มปลาต้าฉินตั้งอยู่ในส่วนหน้าสุดของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ จึงครอบครองพื้นที่ที่ดีที่สุดของกระแสน้ำอุ่นอ่าวเม็กซิโก
ประการสุดท้าย จำเป็นต้องมีน้ำฝนเพียงพอ ปริมาณน้ำฝนจะส่งผลกระทบต่อการพาความร้อนตามแนวตั้งของน้ำทะเล หากมีปริมาณน้ำฝนมากจะมีน้ำจืดบนผิวน้ำในทะเลมากขึ้น ความเค็มก็จะลดลง และการแบ่งชั้นของน้ำทะเลจะมีเสถียรภาพ
แบบนี้ก็สามารถยับยั้งการพาความร้อนขึ้นและลงของน้ำทะเล ความลึกของระดับน้ำของที่อยู่อาศัยจำพวกปลาก็มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ฝูงปลารวมตัวหนาแน่น ฟาร์มปลาก็จะเสถียร ในทางตรงกันข้าม หากมีปริมาณน้ำฝนที่น้อย การพาความร้อนของน้ำทะเลจะรุนแรงขึ้น และบริเวณตกปลาก็จะมีขนาดเล็กและไม่เสถียร
ถือว่าดีทีเดียว เกาะแฟร์เวลตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคนาดา แสงแดดมีปริมาณเพียงพอ ปริมาณน้ำฝนหรือหิมะต่างมีอย่างพอดี
หลังจากที่ฉินสือโอวเข้ามารับช่วงต่อที่ฟาร์มปลา เขาก็เลือกที่จะลงทุนกับเมล็ดพันธุ์ของสาหร่ายทะเล พืชน้ำจำนวนมากในทะเลไปตามจิตใต้สำนึกของเขา และยังป้อนพลังโพไซดอนให้พวกมันในปริมาณมากอีกด้วย
สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะด้วยเหตุนี้ การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายทะเลก็จะสามารถผลิตออกซิเจนได้เป็นจำนวนมาก การย่อยสลายของเน่าเสียก็จะเลี้ยงแพลงก์ตอนได้ในปริมาณเยอะ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นรากฐานของฟาร์มปลา
พอเข้าใจถึงสิ่งนี้ในตอนนี้ และหลังจากที่ฉินสือโอวมีพลังโพไซดอนที่เต็มเปี่ยม นอกเหนือจากการหาทักษะของโพไซดอนที่ได้รับมาใหม่ จากนั้นเขาก็เริ่มป้อนพลังงานโพไซดอนลงในสาหร่ายและพืชน้ำในฟาร์มปลาอย่างเต็มที่
โดยเริ่มจากทางใต้สุด จิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว พลังโพไซดอนถูกแผ่ออกไปอย่างบ้าคลั่ง แผ่กระจายออกไปจนกว่าฉินสือโอวเหนื่อยล้า เขาถึงค่อยหยุดและผล็อยหลับไป
ในเวลานี้ ท้องฟ้าทางตะวันออกของญี่ปุ่นสว่างไสวและตอนนี้พลังของโพไซดอนก็มากมายเหลือเกิน!
บทที่ 520 สำรวจการประมงญี่ปุ่น
โดย
Ink Stone_Fantasy
นอนจนถึงช่วงตะวันโด่งฟ้า ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงครึ่ง ฉินสือโอวเพิ่งจะลุกขึ้นมาจากเตียง
การฟื้นพลังของหัวใจโพไซดอนมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่ว่าก่อนหน้านั้นจะไร้กำลังและเรี่ยวแรงแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงแค่ตื่นจากการนอนหลับพักผ่อน ฉินสือโอวก็จะกลับไปมีจิตใจที่ฮึกเหิมดุจม้าดุจมังกรอีกครั้ง
วินนี่แกล้งพูดหยอกเขาว่า “ดูสิ ทุกครั้งใครเป็นคนบอกว่าจะจัดการฉันให้ลุกไม่ไหว แต่จริงๆ แล้วใครเป็นคนลุกไม่ไหวเองกันแน่?”
ฉินสือโอวมองเธอด้วยเจตนาไม่ดีแล้วพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ ที่รัก คุณคิดว่าเป็นเรื่องดีแล้วใช่ไหมที่พูดแบบนี้กับผู้ชาย? เพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ผมต้องทำสงครามครั้งใหญ่กับคุณอีกสักรอบแล้วล่ะ”
“ไปทานข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ” วินนี่ยกจานอาหารมาไว้ตรงหน้าเขา เธอบีบยาสีฟันใส่แปรงกับเปิดน้ำในห้องอาบน้ำไว้ให้เขาแล้ว เพื่อบอกเป็นนัยว่าให้เขามาอาบน้ำแต่งตัว
เห็นวินนี่จัดการเรื่องพวกนี้ให้เขาด้วยความอ่อนโยน ฉินสือโอวก็รู้สึกถึงความสุขที่เต็มอิ่ม เขากอดวินนี่ไว้จากด้านหลังจูบเม้มเธอเบาๆ แล้วพูดกับเธอว่า “ดีจริงๆ ที่มีคุณอยู่ข้างๆ”
วินนี่พลิกฝ่ามือตบเอวเขาเบาๆ แล้วพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า “ใช่แล้วค่ะ ที่รัก ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน”
หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อยแล้วมาเห็นอาหารสำหรับมื้อเช้า ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ด้านในมีไข่ปลาคาเวียร์อยู่หนึ่งถ้วยเล็ก ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่านี่เป็นของที่วินนี่เตรียมไว้ให้เขาเพื่อเสริมสร้างกาย
“ที่จริงผมไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้หรอก” ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ ออกมา
วินนี่ใช้ขนมปังไรย์จิ้มชิมเล็กน้อย เธอตั้งใจทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “ที่รัก คุณไม่ทานจริงๆ เหรอคะ? ไข่ปลาคาเวียร์จากทะเลดำของรัสเซียแท้ๆ เลยนะ นี่เป็นของที่มิสเตอร์เทซึกะตั้งใจให้คนเอามาส่งเลยนะคะ”
แบล็กคาเวียร์ของรัสเซียเป็นไข่ปลาคาเวียร์ที่มีระดับที่สุดในโลก เป็นอาหารเลิศรสที่เป็นที่ยอมรับจากนักกินในระดับโลกมาตั้งแต่อดีตกาล ทว่าตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแบล็กคาเวียร์ก็น้อยลงไปทุกวันราคาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
สาเหตุสำคัญก็เป็นเพราะนิสัยการล่าจับปล้นชิงอย่างร้ายแรงของมนุษย์ ในตอนนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นรัสเซียจึงไม่ได้มีการผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น พวกชาวประมงจึงพากันไล่จับอย่างบ้าคลั่ง แต่เพราะปูตินขึ้นมารับตำแหน่งเมื่อหลายปีก่อน ในที่สุดทางการก็เริ่มดำเนินการควบคุมการจับปลาชนิดที่มีเกี่ยวข้องกัน
หลังจากทางการเข้ามาควบคุมแล้ว เมื่อทำในที่แจ้งไม่ได้พวกเขาก็เริ่มพากันลักลอบจับปลา อีกทั้งการลักลอบจับปลายังลุกลามอย่างผิดปกติ ทุกๆ ปีมีการลักลอบจับปลาที่มากกว่าการจัดจำหน่ายของรัฐบาลถึงสิบเท่า!
ฉินสือโอวทานเค้กเข้าไปหนึ่งคำ เขาสัมผัสได้ถึงรสชาติหอมหวานจึงเอ่ยปากชมว่า “เค้กรสชาติไม่เลวเลย ไปซื้อมาจากไหนครับ?”
“ปากของคุณรับรสได้ดีจริงๆ แน่นอนว่ามันต้องไม่เลวอยู่แล้ว นี่เป็นคัสเตลลาของนางาซากิเลยนะคะ ฉันตื่นแต่เช้าตั้งใจไปร้านเค้กเพื่อซื้อเค้กก้อนแรกที่ออกจากเตาเลยนะ” วินนี่พูดพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็กำลังจะไปรอคณะของประธานสมาคมตกปลานานาชาติพร้อมกับนีลเซ็น แต่ปรากฏว่าวินนี่ก็หัวเราะเยาะเขาอีกครั้งทั้งยังว่าเขาว่าขี้เกียจ ประธานสมาคมตกปลานานาชาติกับพวกนักข่าวมาถึงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว นีลเซ็นจึงพาพวกเขาไปตลาดสึกิจิเพื่อดูปลาทูน่ายักษ์ตัวนั้นแล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็ประจวบเหมาะพอดี ฉินสือโอวจึงพาวินนี่ออกไปข้างนอก แล้วรีบมุ่งหน้าไปที่อ่าวโตเกียวทันที
ยิ่งรู้จักมหาสมุทรได้ลึกซึ้งเท่าไร เขาก็ยิ่งเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้มากขึ้นเท่านั้น แบบนี้จึงจะทำให้เขาสร้างฟาร์มปลาที่ดีขึ้นมาได้ ยังไงก็มาถึงโตเกียวแล้ว ก็ไปเที่ยวให้รอบอ่าวโตเกียวเลยแล้วกัน ลองไปสำรวจดูสักหน่อยว่าฟาร์มปลาแนวหน้าของโลกนั้นเป็นยังไง
ฉินสือโอวอาจจะไม่ชอบใจรถญี่ปุ่น ลักษณะบุคลิกของคนญี่ปุ่นหรืออาหารของคนญี่ปุ่น ทว่าการประมงของคนญี่ปุ่นนั้น เขาต้องให้ความนับถือจริงๆ
ว่ากันว่าเพราะชาวญี่ปุ่นอยู่ในประเทศเกาะที่ไม่ใหญ่และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลไม่มากพอ ทำให้ไม่เหมาะกับการทำอาชีพประมง
ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเก้า รัฐบาลญี่ปุ่นจึงประกาศใช้พระราชบัญญัติ เพื่อมอบรางวัลให้กับประชาชนที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการประมงในมหาสมุทรแดนไกล เมื่อเป็นเช่นนี้ เรือประมงของพวกเขาจึงพากันออกไปจับปลาในบริเวณชายฝั่งทะเลของประเทศอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
ประเทศที่ได้รับความเสียหายที่สุดก็คือจีน ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและประเทศในเขตน่านน้ำฝั่งเอเชียตะวันออกเหล่านี้ ตอนนี้การจับปลาในมหาสมุทรแดนไกลของญี่ปุ่นมีความเก่งกาจเป็นอย่างมาก อย่างการล่าฉลามล่าวาฬก็ไปได้ไกลถึงขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้
ต่อมา หลังจากค้นพบว่าปะการังมีประโยชน์มหาศาลต่ออาชีพประมง ญี่ปุ่นจึงเริ่มสร้างปะการังเทียมอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้พวกเขาเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีในการสร้างแนวปะการังเทียมที่ทันสมัยที่สุดในโลก นี่ช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มปริมาณการจับปลาภายใต้สภาวะที่มีทรัพยากรประมงอยู่อย่างจำกัดต่อไปได้
ไม่เพียงแต่เท่านี้ ญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีความยิ่งใหญ่ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่พวกเขานำมาใช้ในการทำการประมงมีความทันสมัยและสามารถใช้การได้อย่างดี
นี่ต้องขอบคุณสถาบันวิจัยและพัฒนาประมงทะเลที่มีความสมบูรณ์พร้อมของญี่ปุ่น พวกเขามีสำนักวิจัยพันธุ์สัตว์น้ำโดยเฉพาะ ภายใต้สำนักการวิจัยยังได้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาประมงทะเลระดับชาติขึ้นมาถึง 16 แห่ง มีมากกว่าสี่สิบอำเภอ จังหวัดและเขตการปกครองที่มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยการประมงและสถาบันการศึกษาพันธุ์สัตว์น้ำระดับสูงขึ้น อย่างเช่นโรงเรียนมัธยมปลายด้านพันธุ์สัตว์น้ำก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
สถาบันเหล่านี้ไม่เพียงแต่รับผิดชอบหน้าที่เกี่ยวกับวิจัยการประมงและการศึกษา แต่ในทุกๆ ปียังได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นหรือจะเป็นตัวองค์กรเองที่ออกไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่ชาวประมง
เติ้งเสี่ยวผิงยังได้กล่าวไว้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกำลังการผลิตที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าหากชาวประมงทั่วไปได้เรียนรู้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ มีหริอที่การประมงของญี่ปุ่นจะไม่เข้มแข็ง?!
ฉินสือโอวมาญี่ปุ่นในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อมาเข้าร่วมงานประมูลปลาทูน่ากับมาท่องเที่ยว สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเขาอยากจะลองมาเยี่ยมชมอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์สัตว์ทะเลของญี่ปุ่นสักหน่อย เอาจุดเด่นของคนอื่นมาเสริมส่วนที่ตนเองยังบกพร่อง สร้างฟาร์มปลาต้าฉินให้ดียิ่งขึ้น
อ่าวโตเกียวเป็นท่าเรือเดินทะเลสำคัญบนเกาะฮอนชูในฝั่งตะวันออกกลางตามแนวมหาสมุทรแปซิฟิก นั่งรถจากชินจูกุตรงมายังทางทิศตะวันออกก็จะถึงแล้ว
ทางทิศตะวันตกของอ่าวแห่งนี้จะมีเมืองโยโกสุกะ ทิศตะวันออกมีจังหวัดชิบะ ทางทิศใต้โอบล้อมมิอุระกับคาบสมุทรโบโซเอาไว้ เหลือไว้เพียงปากทางขนาดเล็กเท่านั้น เส้นทางน้ำจากอุรางะจะสามารถเข้ามาสู่มหาสมุทรแปซิฟิกได้ อ่าวตื้นมาก บริเวณริมขอบมีความลึกเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แถบริมอ่าวโตเกียวเคยเป็นเขตพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น การอุตสาหกรรมพัฒนาไปตามชายฝั่งตะวันตกของอ่าวโตเกียวระหว่างเมืองโตเกียวและโยโกฮามา จนกลายเป็นเขตอุตสาหกรรมเคฮิน พัฒนาออกไปสู่ทางตะวันออกและทางเหนือ จนกลายเป็นเขตอุตสาหกรรมเคโยะ เป็นเขตพื้นที่สำคัญสำหรับการพัฒนาการค้าสินค้าแปรรูปของญี่ปุ่น
ในช่วงเวลาเดียวกันกับการพัฒนาอุตสาหกรรม ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะประสบกับปัญหามลภาวะปนเปื้อนรุนแรง อย่างเช่นตลอดทั้งปีจะสามารถตรวจพบไดออกซินและสสารอันตรายชนิดต่างๆ ตะกอนใต้น้ำไปจนถึงสิ่งมีชีวิตใต้น้ำก็เกิดการสะสมในร่างกายอย่างรุนแรง
แต่หลังจากรัฐบาลโตเกียวทราบถึงปัญหานี้ ในช่วงยุค 80 ก็ได้ลงมือจัดการปรับปรุงปัญหาคุณภาพน้ำในอ่าวโตเกียวอย่างหนัก โดยการสั่งปิดกิจการหลายแห่งที่ปล่อยมลภาวะปนเปื้อนสูง หลังจากนั้นก็ใช้เวลาไม่ถึงห้าปีเพื่อเปลี่ยนอ่าวโตเกียวให้กลายเป็นฟาร์มปลาคุณภาพเยี่ยมอีกครั้ง
หลังจากที่ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้ เขาก็อดแบะปากไม่ได้ ประเทศจีนเอาแต่แหกปากบอกว่าสิ่งแวดล้อมถูกทำลายจนฟื้นฟูได้ยาก ไม่ใช่ว่าแก้ไขได้ยากหรอกแต่เป็นเพราะเศรษฐกิจต่างหากที่ทำให้รัฐบาลไม่คิดจะฟื้นฟูมัน ดูอย่างรัฐบาลโตเกียวที่ยอมขาดทุนเพื่อลงมือจัดการกิจการที่ก่อมลภาวะสูงพวกนั้นอย่างเด็ดขาดสิ ชาติจีนที่ยิ่งใหญ่จะฟื้นคืนภูเขาและแม่น้ำที่สวยงามไม่ได้เลยเหรอ?
ขับรถจากเขตชินจูกุออกไปสู่ชานเมืองของโตเกียว แค่แป๊บเดียวก็จะมองเห็นอ่าวโตเกียวแล้ว อ่าวแห่งนี้มีแม่น้ำทามะ แม่น้ำสึรูมิ แม่น้ำเอโดะ แม่น้ำอารากาวะและแม่น้ำอื่นๆ อีกหลายสายไหลมารวมกัน เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่ดี แม่น้ำหลายสายไหลลงสู่ทะเล นั่นก็หมายถึงแพลงก์ตอนจำนวนมาก เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของปลา
ทว่าเนื่องจากปากอ่าวของอ่าวโตเกียวที่แคบเกินไป จึงทำให้น้ำทะเลในอ่าวผลัดเปลี่ยนกับน้ำที่อยู่นอกอ่าวได้ยาก ดังนั้นจึงมีแพลงก์ตอนอยู่เยอะเกินไป ทำให้ไม่ถูกน้ำทะเลพัดเข้าไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ด้วยเหตุนี้จึงเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬอยู่เป็นประจำ
ถ้าหากจะเที่ยวชมอ่าวโตเกียว จุดที่เหมาะสมที่สุดก็คือทางน้ำอุรางะที่อยู่ใกล้กันกับทะเลเปิด ตรงไหนมีคุณภาพน้ำดี ตรงนั้นก็จะเกิดการเจริญเติบโตของปะการัง เมื่อรวมกับผลกระทบของกระแสน้ำคูโรชิโอะ ทรัพยากรประมงจึงมีความอุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ
น่าเสียดายที่มาไม่ทันเวลา ฉินสือโอวกับวินนี่จึงพากันเดินเล่นตามแนวชายฝั่งของอ่าวโตเกียว ตัวเขาเดินเล่นอยู่บนชายหาด แต่กลับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในน้ำแล้ว
ตอนที่พวกเขามาถึงบริเวณหนึ่งบนชายหาดก็กำลังจัดงานเทศกาลฤดูใบไม้ผลิบรรยายความรู้เกี่ยวกับการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำอยู่พอดี
งานบรรยายครั้งนี้เป็นงานกลางแจ้ง ใครก็เข้ามาฟังได้ ฉินสือโอวจึงเข้าไปมุงดูบ้าง เป็นงานบรรยายที่ถูกจัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลแห่งโตเกียว เขาจึงพาวินนี่ไปยืนฟังอยู่ตรงบริเวณรอบนอกด้วยกัน
……………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น