ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 511-518

 ตอนที่ 511 ข้อสงสัยในปีนั้น


คุณปู่อู่มองรถเก๋งที่ค่อยๆ ขับออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขากัดฟันแน่นดังกรอดๆ มีชีวิตอยู่มาได้ครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยถูกใครตบหน้าได้รุนแรงเท่าวันนี้


“พ่อคะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะค่ะ คุณพ่อต้องพยายามตั้งสติ บ้านเรายังต้องการเสาหลักอย่างคุณพ่อนะคะ” ตี๋ชิวเยวี่ยเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


ในใจเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกดีไปมากกว่านั้น แค่มองก็รู้ว่าตระกูลจ้าวไม่ได้มาดี เธอกลัวเพียงแค่ว่าอู่เจิ้งซือจะไปทำเรื่องที่ผิดต่อครอบครัวของตระกูลจ้าว!


ในตอนนี้หวังว่าตระกูลจ้าวจะเอาเรื่องแค่อู่เจิ้งซือสองสามีภรรยา โดยไม่ลุกลามมาถึงเธอและอู่เจิ้งต้าว เธอไม่ได้หวังพึ่งพาหรือไต่เต้า แต่หวังเพียงแค่ไม่ได้รับความเดือดร้อนไปด้วย


จนถึงตอนนี้อู่เชาก็ยังไม่เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างทางกลับบ้าน เขาจึงแอบกระซิบตี๋ชิวเยวี่ย “แม่ครับ เหมยเหมยไม่ใช่ลูกของอารองเหรอ? หรือเป็นเพราะเหตุผลนี้อาสะใภ้เลยทำไม่ดีกับอู่เหมย?”


ตี๋ชิวเยวี่ยในตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาตอบคำถาม เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และพูดเสียงต่ำเพื่อเตือนออกไป “เป็นเด็กเป็นเล็กถามอะไรเยอะแยะ จำไว้ด้วยว่าถ้ากลับไปถึงบ้านอย่าพูดอะไรไร้สาระอีก ไม่อย่างนั้นแม่จะหักค่าขนมลูกหนึ่งเดือน”


อู่เชาแบะปากมองด้วยความโกรธ ผู้ใหญ่มักชอบเอาค่าขนมมาขู่เด็กเสมอ น่าเบื่อชะมัด!


เขานึกถึงหญิงสาวที่กอดอู่เหมยไว้ในอ้อมกอดเมื่อครู่ ช่างงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ งดงามเสียยิ่งกว่าอู่เหมย หญิงผู้นั้นต่างหากที่เป็นดั่งสาวงามที่เดินออกมาจากภาพวาด!


ทางด้านจ้าวอิงหัวใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเขตมหาวิทยาลัยจิน รถที่พาพวกเขามาส่งได้ขับออกไป พวกเขาจึงยืนรออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ฝ่ายชายต่างดูดีมีฐานะไม่ธรรมดา ฝ่ายหญิงก็งดงามจนชวนมอง และนั่นทำให้พวกเขากลายเป็นเป็นที่ดึงดูดต่อสายตาผู้คนที่สัญจรไปมา


“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ เหมยเหมยนำทางสิ” จ้าวอิงหัวพูดด้วยรอยยิ้ม


ในใจของอู่เหมยยังคงรู้สึกประหม่า เธอไม่ได้ทำใจมาก่อนล่วงหน้า อีกทั้งความจริงเป็นอย่างไร ตัวเธอเองยังไม่รู้เลย เธอไม่กล้าที่จะยอมรับครอบครัวตัวจริง เพียงเพราะกลัวว่าจะเป็นแค่ความฝัน


ที่อยู่ของคุณปู่อู่นั้นห่างจากเขตมหาวิทยาลัยเป็นระยะเวลาราวเจ็ดแปดนาที ตลอดทางไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา อู่เหมยจึงทำได้แต่ก้มหน้าแล้วมองทางเดิน แค่ได้เห็นด้านหลังของเธอก็ทำให้อดสงสารไม่ได้


เหยียนซินหย่าอยากพูดกับลูกสาวสักหน่อย แต่ก็ถูกจ้าวอิงหัวห้ามไว้เสียก่อน เขาเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “พวกเราต้องให้เวลาเธอหน่อย อย่าทำให้เธอตกใจไปมากกว่านี้เลย”


“เรื่องเหตุผลฉันเองก็รู้ดี แต่ฉันเองก็อดไม่ได้นี่คะ เป็นเพราะฉัน อิงหัว ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ทำไมในปีนั้นฉันถึงไม่ระวังอะไรเลย หากฉันระวังตัวสักหน่อย เหมยเหมยเธอคงไม่ต้องทนลำบากแบบนี้!”


เหยียนซินหย่าเอาแต่โทษตัวเอง ตอนนี้ลองนึกย้อนกลับไปในช่วงที่เธอคลอดลูก อู่เจิ้งซือถือว่าเป็นบุคคลต้องสงสัย เพราะเธอคลอดก่อนกำหนดและยังคลอดยากอีกด้วย ในตอนนั้นยังเป็นช่วงดึกดื่น และตัวเธอก็ไม่ได้คลอดที่โรงพยาบาล อู่เจิ้งซือได้เชิญหมอตำแยคนหนึ่งมา ไม่ง่ายเลยที่เธอจะคลอดลูกสาวออกมาได้ แต่แล้วเธอก็ต้องหมดสติไปเสียก่อน


แต่เธอยังคงจำได้ดี ก่อนที่เธอจะหมดสติไป เธอได้ยินเสียงราวกับเป็นเสียงร่ำไห้ของลูกแมว แต่เธอก็ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเสียงจริงๆ ที่ได้ยิน หรือเป็นแค่เสียงในจินตนาการ


หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นช่วงเวลาเช้าตรู่ของอีกวันแล้ว หมอตำแยก็ไม่อยู่แล้วด้วย อู่เจิ้งซือได้อุ้มเอาเด็กทารกหน้าตาซีดหมองเข้ามาหา แล้วบอกว่าเป็นลูกสาวของเธอ เขาบอกเพียงแค่ว่าเด็กคนนี้ตายไปตั้งแต่ที่คลอดออกมา


เธอได้เห็นหน้าเด็กที่ตายก็เกิดอาการตกใจจนช็อกหมดสติ ผ่านไปสามวันถึงได้ฟื้นขึ้นมา เด็กคนนั้นได้ถูกเผาไปแล้ว อู่เจิ้งซือยังบอกอีกว่าอากาศร้อนเกินไป ไม่สามารถเก็บเด็กไว้ได้นาน เขาจึงตัดสินใจทำการเผา และหลงเหลือไว้ให้เธอเพียงแค่เศษเถ้ากระดูก


เรื่องราวที่ถูกเศษฝุ่นกลบไว้ราวๆ สิบสองปี ในตอนนี้กลับเริ่มชัดเจนขึ้นมา ราวกับเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้น เหยียนซินหย่าพยายามขบคิดเพื่อไขข้อสงสัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น


เธอเห็นหน้าของเด็กที่ตายได้ไม่ชัดเลยสักนิด เธอโอบเด็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดได้ครูหนึ่งก็เป็นลมล้มพับไปอีกครั้งด้วยคำพูดของอู่เจิ้งซือ พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเด็กก็กลายเป็นเถ้าไปแล้ว


พอมานึกดูในตอนนี้ อู่เจิ้งซือต้องจงใจไม่ให้เธอมองเห็นหน้าตาที่ชัดเจนของเด็กเป็นแน่!


หากว่าเธอเห็นหน้าเด็กได้ชัดๆ ไม่แน่ว่าเธอจะต้องสงสัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นแน่ มีแม่คนไหนที่จำลูกตัวเองไม่ได้บ้างล่ะ?


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 512 นายไม่มีอะไรจะพูดหน่อยหรือ


ในระยะเวลาสั้นๆ เจ็ดแปดนาทีนั้น เหยียนซินหย่าคิดทบทวนเรื่องราวได้คร่าวๆ และเธอก็มั่นใจมากกว่าเดิมว่าในปีนั้นอู่เจิ้งซือได้ขโมยลูกสาวของเธอไป แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่า ทารกไร้ลมหายใจคนนั้นเป็นลูกของใคร?


แล้วลูกของเหอปี้อวิ๋นไปอยู่ไหน?


หรือว่า…


สีหน้าของเหยียนซินหย่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมั่นใจว่าตัวเองเดาความจริงออก และนั่นทำให้เธอโกรธยิ่งขึ้น!


พวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูบ้านของตระกูลอู่ ที่ประตูใหญ่ได้เปิดเอาไว้ อู่เหมยได้เดินนำพวกจ้าวอิงหัวไปยังลานสวนของบ้าน ประตูไม่ได้ล็อกแน่น แค่ออกแรงผลักเล็กน้อยก็เปิดออกแล้ว


“อู่เจิ้งซือ คุณมันใจดำอำมหิต ฉันนึกแล้วเชียวว่าทำไมคุณถึงไม่พอใจต่อการกระทำของฉันแม้แต่อย่างเดียว ที่แท้เป็นเพราะคนคุ้นเคยของคุณกลับมาแล้ว เหอะ! หญิงร้ายชายชั่ว ระวังกรรมจะตามสนอง!”


เสียงตะโกนด่าของเหอปี้อวิ๋นเล็ดลอดออกมา คำพูดหยาบคายที่ไม่สมควรฟังให้รกหูด้วยซ้ำ เหยียนซินหย่าไหวตัวทันจึงเอามือปิดหูของอู่เหมยไว้ จะให้ลูกสาวของเธอได้ยินคำพูดหยาบคายแบบนี้ไม่ได้


เสียงของอู่เจิ้งซือดังตามขึ้นมา ฟังดูแล้วตัวเขาก็โกรธอยู่ไม่น้อย “เหอปี้อวิ๋นเธออย่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าเธอยังสร้างเรื่องไม่หยุด เราสองคนก็ไปทำเรื่องหย่ากันตอนนี้เลย!”


“อู่เจิ้งซือคุณวางหมากได้ดีนี่ อยากหย่ากับฉันเพื่อที่จะกลับไปหายายชั่วเหยียนซินหย่านั่นเหรอ? คุณฝันกลางวันอยู่เหรอ ยายชั่วนั่นใช้ชีวิตอยู่กับช่างกวนอย่างดี ช่างกวนแกร่งกว่าคุณร้อยเท่า มันจะเห็นหัวครูจนความรู้อย่างคุณได้ยังไง!”


เหอปี้อวิ๋นพูดจาเย้ยหยันเหน็บแนม เธอเอาแต่พูดจาประประชดชันต่ออู่เจิ้งซือ และตอนนี้ได้ฉีกขาดความสัมพันธ์เส้นสุดท้ายรวมทั้งการไว้หน้าซึ่งกันระหว่างสามีภรรยาไปหมดสิ้น!


อู่เจิ้งซือเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ จึงพูดเยาะเย้ยกลับ “ตัวเธอเองหรือเปล่าที่ลืมคนรักเก่าอย่างช่างกวนไม่ได้ แต่ถึงยังไงช่างกวนก็ไม่เคยสนใจเธอมาก่อน ซินหย่าดีกว่าเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่า เธอเทียบกับซินหย่าไม่ได้แม่แต่เศษซากของเศษเล็บ!”


แม้ว่าหูของอู่เหมยจะถูกอุดไว้แน่น แต่เสียงการทะเลาะกันของคนทั้งคู่ไม่ได้เบาเลยสักนิด นั่นจึงทำให้เธอได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน ทำให้เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก


พวกหมาบ้าที่เอาแต่เห่าถึงเรื่องแย่ๆ ในอดีตช่างน่าสมเพชนัก!


อีกทั้งทุกคนที่ถูกกล่าวถึงต่างก็อยู่ด้วยหมด!


นอกจากคนที่ชื่ออะไรนะ ช่างกวนนั่น!


อู่เหมยยังไม่รู้ว่าคนที่เหอปี้อวิ๋นยังคงอาลัยอาวรณ์ที่ชื่อช่างกวน คือจ้าวอิงหัว ซึ่งเขาเป็นคนเดียวกับที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอด้วยอารมณ์โกรธจัด และตอนนี้เขาก็โกรธจนกัดฟันกรอดๆ ไฟร้อนที่สุมหัวอยู่แทบจะปะทุออกมา


จ้าวอิงหนานดึงแขนพ่อสยงที่ยืนทำหน้าไม่สู้ดีนักให้ถอยห่างออกมา แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ลืมที่จะลากลูกชายให้ถอยตามมาด้วย อารมณ์โมโหของพี่ชายเธอไม่ได้ดีนัก เมื่อเขาได้ระเบิดอารมณ์ออกมา ตัวเธอเองที่เป็นน้องยังต้องยอมอ่อนให้ เธอถอยออกมาหลบก่อนจะดีกว่า เกรงว่าไฟร้อนนั่นจะเผาครอบครัวเธอทั้งสามคนจนมอดไหม้


“ปัง!”


ประตูบ้านของตระกูลอู่ได้ถูกจ้าวอิงหัวถีบออกจนเกิดการสั่นคลอน น่าสงสารต่อประตูบานนี้ที่มีอายุไขถึงยี่สิบกว่าปี และยังคงเป็นเสาหลักที่มีอายุ แต่ตอนนี้กลับถูกพังทลายด้วยฝ่าเท้าของจ้าวอิงหัว


ทุกคนต่างพากันตกใจ อู่เหมยนั้นตกใจจนแทบกระโดดได้ เธอมองจ้าวอิงหัวที่โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียดด้วยความหวาดผวา เหยียนซินหย่าจึงรีบเข้าไปลูบหลังและพูดปลอบโยนเธอ จากนั้นจ้องสามีตัวเองด้วยความไม่พอใจ


จ้าวอิงหัวใช้มือลูบจมูกตัวเองอย่างขาดความมั่นใจ เขาลืมไปโดยสนิทว่าข้างกายมีลูกสาวอยู่ เขาไม่ควรทำแบบนี้!


เขาหันไปส่งยิ้มให้กับอู่เหมย เพียงครู่เดียวก็ได้หันกลับมาทำหน้าดำคร่ำเครียดและจ้องมองอู่เจิ้งซือทั้งสองสามีภรรยาแสนเลวทรามต่ำช้าทั้งคู่ ทำให้ภรรยาเขาต้องอับอายขายขี้หน้า ไหนจะรังแกลูกสาวของเขาอีก วันนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องสั่งสอนคนพวกนี้เสียที!


“ช่าง…ช่างกวน ซินหย่า พวกคุณมากันแล้วเหรอ?”


สีหน้าของอู่เจิ้งซือเปลี่ยนไปมาก พูดออกมาอย่างติดๆ ขัดๆ ในใจรู้สึกประหม่า


แม้เขาจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่พอได้มาเจอกับคนรักในความฝันรวมทั้งศัตรูของหัวใจ อีกทั้งยังมีเหตุผลที่มากกว่านั้นอีกหนึ่งประเด็น ใจของเขาก็ไม่สามารถสงบลงได้


เมื่อจ้าวอิงหัวเห็นสีหน้าของเขาที่แสดงออกมาก็เข้าใจได้ทุกอย่าง ไอ้คนเลวทรามต่ำช้าแบบนี้ ต้องได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเขาและซินหย่าเป็นแน่!


“อู่เจิ้งซือ คุณเห็นหน้าผมกับซินหย่าแล้วไม่มีอะไรจะพูดหน่อยเหรอ?” จ้าวอิงหัวถามออกไปอย่างเย็นชา


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 513 ฉันจะตีแกให้ตายนางสัตว์ชั้นต่ำ


อู่เจิ้งซือใจเต้นระส่ำด้วยความกังวล ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้าสบสายตากับจ้าวอิงหัว และไม่กล้ามองหน้าเหยียนซินหย่า แม้แต่อู่เหมยเขาก็ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าด้วย


มาจนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไป และความผิดนี้ก็ไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป เขาควรจะทำอย่างไรดี?


“ผม…ผมจะต้องพูดอะไรด้วยเหรอ เห็นพวกคุณมีความสุขแบบนี้ ผมก็รู้สึกดีใจด้วยนะสิ!” อู่เจิ้งซือพูดออกมาติดๆ ขัดๆ เขาพยายามทำตัวให้ดูเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แววตาสั่นคลอนวูบไหวนั้นได้เผยให้เห็นถึงความสับสนว้าวุ่นในใจของเขา


เหยียนซินหย่าทนเก็บความโกรธเคืองต่อไม่ไหว เธอชี้ไปยังอู่เหมยและยิงคำถามใส่ “อู่เจิ้งซือ สิบสองปีที่ผ่านมานายทำอะไรลงไป? นายยังเป็นคนอยู่ไหม?”


อู่เจิ้งซือใจเต้นตุบๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ แต่เขายังแสร้งทำเป็นใจเย็นและพูดขึ้น “ซินหย่าคุณเข้าใจอะไรผมผิดหรือเปล่า เรื่องเมื่อสิบสองปีก่อนคุณเองก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ คุณอย่าคิดว่าอู่เหมยมีหน้าตาเหมือนคุณ แล้วคิดว่าเธอคือลูกของคุณ อู่เหมยเป็นลูกสาวของผม เธอเป็นหลานสาวของคุณ ถ้าเธอจะมีตาที่คล้ายคลึงกับคุณก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่”


อู่เจิ้งซือที่เอาแต่แก้ตัวไม่เลิกได้ทำให้เหยียนซินหย่าโกรธจนสั่นไปทั้งตัว เธอมองอู่เจิ้งซืออย่างขุ่นเคือง และนึกเสียดายที่หลายปีก่อนมองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนคนนี้ เธอมองเขาเพียงแค่ด้านเดียวและคิดว่าเขาเป็นคนดี


“อู่เจิ้งซือ แล้วทำไมวันเกิดของอู่เหมยคือวันที่แปดมิถุนายนล่ะ? เรื่องนี้นายจะอธิบายยังไง?” เหยียนซินหย่าถามขึ้นอีก


เหอปี้อวิ๋นยิ้มเยาะและพูดขึ้น “มีอะไรน่าแปลกงั้นเหรอ? ฉันเป็นคนคลอดยายเด็กบ้านี่ออกมาวันที่แปดมิถุนายน ถ้าวันเกิดของมันไม่ใช่วันที่แปดมิถุนายน แล้วจะให้เป็นวันที่เก้ามิถุนายนเหรอ? เหยียนซินหย่าสมองเธอมีปัญหาเหรอ!”


ตอนแรกเหยียนซินหย่าตั้งใจจะตกลงกับอู่เจิ้งซือให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยจัดการคิดบัญชีกับเหอปี้อวิ๋นทีหลัง แต่พอเธอได้ฟังเหอปี้อวิ๋นใช้นำเสียงดูถูกดูแคลนและเรียกอู่เหมยว่ายายเด็กบ้านี่ ไหนจะแต่ก่อนที่เธอเคยรังแกอู่เหมย ความโกรธแค้นโมโหของเธอจึงได้ปะทุขึ้นก่อนเวลาที่ตั้งไว้


เหยียนซินหย่าในเวลานี้หน้าแดงก่ำด้วยความโมโห แววตาส่อประกายความความโกรธแค้นขุ่นเคือง จ้องมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาดุดันและน่ากลัว!


“เหอปี้อวิ๋น แกมันสัตว์ชั้นต่ำ ฉันจะฆ่าแก!”


คนที่ไม่เคยรู้สึกหน้าแดงต่อใครหน้าไหนมาก่อนอย่างเหยียนซินหย่า เธอพุ่งตัวเข้าไปด้วยใบหน้าแดงก่ำอย่างโกรธแค้น เหอปี้อวิ๋นที่ไม่ทันได้ป้องกันตัว ถูกเหยียนซินหย่าตบเข้าไปฉาดใหญ่


แต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้เหยียนซินหย่าป่วย ร่างกายของเธอจึงอ่อนแอเกินไป เมื่อครู่นั้นเธอรวบรวมแรงกำลังทั้งหมดที่มี แต่ในตอนนี้กลับเหือดหายไปหมด นั่นจึงส่งผลให้เธอทรงตัวแทบไม่อยู่ จนพลาดท่าให้เหอปี้อวิ๋นผลักเธอจนเกือบล้มลงพื้น


จ้าวอิงหนานวิ่งเข้ามาอย่างฉับพลันเพื่อประคองตัวเหยียนซินหย่า เธอตัวเล็กกว่าเหอปี้อวิ๋น พละกำลังก็น้อยกว่า แต่เธอจะยอมยืนมองภรรยาของพี่ตัวเองถูกรังแกได้อย่างไร!


อีกอย่างเธอเองก็อยากจะจัดการยายชั่วเหอปี้อวิ๋นมานานแล้ว!


เวลาทุกอย่างในตอนนี้ช่างประจวบเหมาะพอดี เธอจะต้องล้างแค้นให้หลานสาวของเธอ เรื่องทุกอย่างที่เป็นไปตามสัจธรรมมิอาจเปลี่ยนแปลงได้!


“เหอปี้อวิ๋น ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าอู่เหมยเป็นหลานสาวของฉัน ฉันคงจัดการฆ่าเธอไปนานแล้ว!”


จ้าวอิงหนานยกเรื่องความวุ่นวายภายในกองทัพที่เกิดขึ้นในปีนั้นมาพูด มือข้างหนึ่งของเธอจับเหอปี้อวิ๋นไว้ อีกข้างหนึ่งก็ฟาดลงที่ใบหน้าของเหอปี้อวิ๋นเป็นจำนวนครั้งที่ไม่น้อยไปกว่าสิบ เหอปี้อวิ๋นหรือที่คิดจะเป็นอริกับเธอ หล่อนมีหน้าที่แค่ทนรับแรงตบจากเธอก็เท่านั้น


อู่เจิ้งซือไม่มีทางเห็นใจต่อเหอปี้อวิ๋น แต่เขารู้สึกอับอายขายขี้หน้า และที่สำคัญไปกว่านั้น เขาจะต้องยืนยันหนักแน่นให้มากพอว่าอู่เหมยเป็นลูกสาวของเขา เพราะอย่างนั้นเขาจะต้องโต้แย้งจ้าวอิงหนาน


“อาจารย์จ้าวอย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระน่า อู่เหมยเป็นลูกของผม เธอเป็นลูกบุญธรรมของคุณ จะเป็นหลานสาวของคุณได้ยังไง?”


ในเวลานี้อู่เจิ้งซือรู้นึกเสียดายเป็นอย่างมาก เสียดายที่ยอมสนิทชิดเชื้อกับจ้าวอิงหนาน แต่เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าช่างกวนอิงหัวจะเป็นแค่ชื่อปลอม หากว่าเขารู้ ต่อให้ต้องฆ่าให้ตายอย่างไร เขาก็จะทำให้อู่เหมยออกห่างจากจ้าวอิงหนานให้ได้


จนถึงตอนนี้แล้วจ้าวอิงหัวยังเห็นว่าอู่เจิ้งซือยังไม่ยอมรับผิดแต่อย่างใด เขาจึงไม่ต่างไปจากเหยียนซินหย่าที่ไม่แม้แต่จะควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้เลย ในเวลานี้เขาต้องการจะเข้าไปต่อยหน้าสัตว์ชั้นต่ำนี่!


ทำให้เขาและภรรยาเจ็บปวดทรมานมานานสิบสองปี และยังทำให้ภรรยาของเขามีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น ร่างกายอ่อนแอลงไปทุกที…


เขาอยากจะฆ่าอู่เจิ้งซือทิ้งเสียให้ได้!


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 514 กัดให้ตายก็ไม่ยอมรับ


จ้าวอิงหัวเดินเข้าไปหาอู่เจิ้งซือด้วยความเดือดดาล ในชั่วพริบตาเขาก็เข้ามายืนประจันอยู่ตรงหน้าอู่เจิ้งซือ ท่าทีสูงส่งอย่างจ้าวอิหัวยืนอยู่ด้านหน้าชายร่างบางอย่างอู่เจิ้งซือ ราวกับเขาเป็นยักษ์ตัวใหญ่ เขาใช้ออกแรงเพียงน้อยนิดกระชากคอเสื้อของอู่เจิ้งซือเอาไว้


“นาย……นายจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ!”


อู่เจิ้งซือตกใจจนหน้าซีดเผือด จ้าวอิงหัวถือว่าเป็นพวกระยำคนหนึ่ง สมัยก่อนที่อยู่ในทีมปฏิวัติชาตุ้ยด้วยกัน เขาถือเป็นพี่ใหญ่ประจำกลุ่ม เพราะเขาเก่งสุดในด้านใช้กำลังต่อยตี ในช่วงที่กองการผลิตได้ฉ้อโกงเงินเสบียงอาหารของเด็กหนุ่มอย่างพวกเขาไป ซึ่งพวกเขาทำได้เพียงแค่โกรธแค้นแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้แค่ทนรับความหิวโหยมาเป็นเวลาหนึ่งปี


แต่พอจ้าวอิงหัวเข้ามาได้ไม่นาน เขาได้รวมพลกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีร่างกายกำยำแข็งแรงจำนวนหนึ่ง บุกไปยังบ้านของหัวหน้ากองการผลิตแล้วก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น เขาได้จัดการทุกคนที่อยู่ในกองผลิตให้ล้มราบคาบเป็นหน้ากอง ทำให้ฝ่ายผลิตไม่มีทางเลือก จำต้องนำเงินเสบียงส่วนที่เคยหักไปคืนให้แก่พวกเขา หลังจากนั้นก็ไม่กล้าแม้แต่จะหักเงินอีกเลย


อู่เจิ้งซือยังจำได้ดี วันนั้นที่ได้รับเงินเสบียงคืนมา พวกเขาไม่กี่สิบคนรู้สึกเหมือนกับการได้เลี้ยงฉลองในคืนปีใหม่ พวกเขาหุงข้าวพูนเต็มหม้อใหญ่ๆ ส่วนจ้าวอิงหัวได้วิ่งขึ้นไปล่ากระต่ายป่ากลับมา เขาได้มอบหน้าที่ให้กลุ่มหญิงสาวเอาไปตุ๋นและได้ออกมาเป็นหม้อใหญ่ ในวันนั้นพวกเขากินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ อิ่มจนกระเพาะอาหารแทบรับไม่ไหว


ตั้งแต่นั้นมา จ้าวอิงหนานได้กลายเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มกองวัยรุ่นอย่างพวกเขา ไม่เพียงแค่ในกองการผลิตเท่านั้น ยังมีกองผลิตอื่นๆก็มักจะเข้ามาให้จ้าวอิงหัวช่วยเหลือเสมอ พอนานวันเข้า จ้าวอิงหัวได้กลายเป็นที่รู้จักของหลายๆคนในทีมปฏิวัติชาตุ้ย ฐานะในกองกำลังเด็กหนุ่มก็สูงขึ้นตามเช่นกัน


ในเวลานี้คนที่ถูกชายระยำเชี่ยวชาญเรื่องต่อยตีดึงคอเสื้อไว้ คนอย่างอู่เจิ้งซือมีหรือที่จะไม่กลัว?


“ช่างกวน……ไม่สิ……จ้าวอิงหัว นายใจเย็นๆก่อนนะ นาย……”


จ้าวอิงหัวไม่ได้มีความอดทนมากพอ ที่จะมาตั้งใจฟังคำพูดไร้สาระของอู่เจิ้งซือ พี่น้องไม่กี่คนของเขาต่างก็มีนิสัยใจร้อน ตั้งแต่เล็กพวกเขาได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากคนเป็นพ่อ หากลงมือได้ก็ให้ลงมือดีกว่าแค่การหลอกล่อ ต่อยเสร็จเคลียร์!


กำปั้นราวกับบาตรพระถูกแกว่งออกไปยังกลางหน้าของอู่เจิ้งซือ เลือดไหลกรอกอย่างฉับพลัน และยังมีเสียงแตกร้าวดังขึ้นเบาๆ คาดว่าเป็นเสียงหักของสันจมูก


อู่เจิ้งซือกุมจมูกตัวเองด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลอาบตามร่องนิ้วมือของเขาลงมาเป็นสายและหยดลงสู่พื้น และยังเปรอะไปตามเสื้อผ้า เขาดูมีสภาพจนตรอกมาก


อู่เยวี่ยร้องขึ้นเสียงดังอย่างตกใจ เธอยังไม่ทันจะรู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น และคนพวกนี้เป็นใคร?


เธอตั้งสติแล้วเข้าไปหลบอยู่ในห้อง แอบสังเกตุสถาการณ์ภายนอกจากช่องประตู อู่เจิ้งหงและจี้เจี้ยนโปต่างก็ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเห็นว่ามีการใช้กำลัง จำต้องวิ่งเข้าไปหาตัวจ้าวอิงหัว อู่เจิ้งหงเป็นห่วงพี่ชายมาก เธอจึงพยายามจะช่วยอู่เจิ้งซือออกมา จี้เจี้ยนโปดีแต่พูดจาดี เรื่องใกล้ตัวกลับไม่ไหวติ่งแม้แต่น้อย คนในตระกูลอู่ไม่ควรค่าพอที่เขาจะต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย!


จ้าวอิงหัวปล่อยกำปั้นใส่หน้าเขาไปหลายหมัด อานุภาพของกำปั้นไม่กี่หมัดนี้ไม่ได้น้อยไปกว่าที่โดนเหอปี้อวิ๋นฟาดหัวด้วยที่ทับกระดาษเลย ใบหน้าของอู่เจิ้งซือบวมช้ำราวกับหน้าหมู ดั่งใบหน้าได้ถูกทำการย้อมด้วยสีย้อม ท่าทางน่าสงสารจนเกินจะสามารถมองดูต่อได้


“อู่เจิ้งซือ นายคิดว่าแค่ไม่ยอมรับผิดเรื่องก็จะจบไปเองงั้นเหรอ? นายไม่ยอมรับไม่เป็นไร แต่คนอย่างฉันมีวิธีที่จะทำให้นายยอมรับเอง นายคงลืมหมอตำแยในปีนั้นไปแล้วสินะ?” จ้าวอิงหัวพูดยิ้มเยาะและมองอู่เจิ้งซือ เห็นแววตาและสีหน้าที่แสดงออกว่ากลัวและหวาดผวา จึงทำให้เขามั่นใจมากขึ้น พอเขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อ อู่เจิ้งซือก็ตัวอ่อนปวกเปียกและร่วงลงสู่พื้น ในหัวของเขาสับสนและว้าวุ่นไปหมด


ทำยังไงดี?


ตอนนี้จะทำยังไงดี?


หวังว่าจ้าวอิงหัวจะหาหมอตำแยคนนั้นไม่เจอ หวังว่าหมอตำแยคนนั้นจะตายไปแล้ว หากเป็นแบบนั้นเรื่องที่เขาทำไปทั้งหมดก็จะไม่มีใครรู้ได้อีก!


อู่เจิ้งซือภาวนาในใจ จนถึงตอนนี้ สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือเกียรติและศักดิ์ศรี เกรงว่าหากเรื่องนี้ได้หลุดออกไปเมื่อไหร่ เขาจะยังเป็นครูต้นแบบของเมืองได้อีกหรือ?


แล้วเด็กนักเรียนของเขาจะมองเขายังไง?


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 515 ทำไมแต่ก่อนพวกคุณไม่คิดจะช่วยฉันเลย


คนในตระกูลอู่กลับมาถึงบ้านด้วยความร้อนรน และยังมีคนที่แบกคุณย่าอู่กลับมาด้วยอาการเหนื่อยหอบอย่างอู่เจิ้งต้าว ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเขาคิดแล้วคิดอีกจนไม่สามารถวางใจได้ แม้กระทั่งการตรวจอาการของแม่ก็ยังไม่เสร็จสรรพ เขากลับรู้สึกกระวนกระวายแล้ววิ่งกลับมา


ทุกคนต่างก็ตกใจต่อท่าทีน่าเวทนาของอู่เจิ้งซือ คุณปู่อู่ถามขึ้นอย่างโกรธจัด “คุณจ้าว ถึงมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรค่อยๆ คุยกันก็ได้นี่ ทำไมต้องใช้กำลังด้วย?”


จ้าวยิงหัวยิ้มเยาะตอบ “เข้าใจผิด? คุณลองถามลูกชายตัวดีของคุณดูเองสิว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ผมต่อยไปนี่ยังถือว่าเบาเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับกับความเจ็บปวดที่ภรรยาและลูกสาวของผมต้องเผชิญมาตลอดสิบสองปี ต่อให้อู่เจิ้งซือต้องตายไปกี่ร้อยครั้งก็ไม่สามารถทดแทนได้!”


อู่เจิ้งซือนอนกุมหน้าตัวเองอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ยังไม่หยุดที่จะแก้ตัว “จ้าวอิงหัว นายมันรังแกคนไม่มีทางสู้ เหมยเหมยเป็นลูกของผม ลูกสาวของนายตายไปตั้งแต่สิบสองปีก่อนแล้ว คลอดออกมาก็ตายไปแล้ว!”


“โกหก นายสลับตัวแล้วเอาลูกของฉันไป อู่เจิ้งซือนายมันไม่ใช่คน ในเมื่อนายขโมยเธอไป แล้วทำไมถึงไม่ดูแลเธอให้ดี? หนำซ้ำยังรวมหัวกันทำร้ายเหมยเหมยอีก? สัตว์ชั้นต่ำอย่างพวกนาย กรรมจะต้องตามสนองในสักวัน!”


เหยียนซินหย่าโกรธมากจนหลุดปากด่า และยังรู้สึกเสียใจที่ไม่รู้จักดูคนให้ดี คิดผิดที่มองหมาป่าอย่างเขาเป็นเหมือนเพื่อน ทั้งยังทำให้ลูกสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดสิบสองปี หากว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญในครั้งนี้ ไม่แน่ว่า…


เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเกลียดทั้งสองสามีภรรยาอย่างอู่เจิ้งซือ อยากจะฆ่าพวกเขาให้ตายๆ ไปเสียถึงจะสาแก่ใจเธอ!


เหยียนซินหย่ากลับไม่รู้เลย ในชาติก่อนจวบจนเธอสิ้นลมหายใจ เธอไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวตัวเองยังมีชีวิตอยู่ และยิ่งไม่รู้ว่าอู่เหมยในชาติก่อนต้องทนทุกข์ทรมานทั้งชีวิต ทั้งยังตายด้วยน้ำมือของอู่เยวี่ย และคนที่ปกปิดความผิดทุกอย่างไว้ก็คือสองสามีภรรยาอย่างอู่เจิ้งซือและเหอปี้อวิ๋น และคนร้ายยังคงลอยนวลอยู่


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหยียนซินหย่า อู่เจิ้งซือกลับรู้สึกขาดความมั่นใจ เขาทำไม่ได้ที่จะต้องแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวเหมือนกับจ้าวอิงหัว


อู่เจิ้งซือไม่กล้าเผชิญหน้ากับเหยียนซินหย่าตรงๆ จึงได้แต่ก้มหน้าพูด และยังคงเป็นประโยคเดิมๆ พวกนั้น ยืนหยัดที่จะบอกว่าอู่เหมยเป็นลูกสาวของเขา ลูกสาวของเหยียนซินหย่าได้ตายไปแล้ว แต่น้ำเสียงของเขาที่เปล่งออกมากลับเบาลงเรื่อยๆ


คนในตระกูลอู่ที่ได้ยินน้ำเสียงขาดๆ หายๆ นั้น ก็พอจะเดาได้ว่าความจริงเป็นอย่างไร และมองอู่เจิ้งซืออย่างตกใจ พวกเขาไม่อาจเชื่อสายตาตัวเองได้เลย แต่ไหนแต่ไรมาอู่เจิ้งซือเป็นคนรอบคอบระมัดระวัง อีกทั้งจิตใจลังเลไม่มีความเด็ดเดี่ยว แต่กลับกล้าทำเรื่องบ้าระห่ำแบบนี้ได้อย่างไร?


หากว่าไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้า ให้ตายพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ!


อู่เจิ้งต้าวอยากจะช่วยพูดแก้ตัวให้กับน้องชาย แต่ตี๋ชิวเยวี่ยกลับดึงไว้ อย่าเอาแต่มองว่าคนอย่างอู่เจิ้งต้าวนั้นนิ่งขรึมหรือวางท่า ถ้าเป็นเรื่องในบ้านถือว่าเขาเชื่อฟังภรรยาเสมอ และนี่ถือเป็นจุดต่างที่สุดระหว่างเขาและอู่เจิ้งซือ


ตี๋ชิวเยวี่ยเข้าใจทุกอย่างดี อู่เจิ้งซือขโมยลูกสาวของบ้านอื่นมาเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยและเขายังปฏิบัติกับเด็กได้ไม่ดีอีกด้วย หากให้เธอเป็นเหยียนซินหย่า อย่างไรก็ต้องมีความรู้สึกอยากฆ่าอู่เจิ้งซือแน่นอน


และไหนจะภูมิฐานของจ้าวอิงหัวที่ไม่ธรรมดา แล้วทำไมครอบครัวของเธอจะต้องช่วยคนโง่อย่างอู่เจิ้งซือด้วย เพราะแม้แต่ท่านเลขาธิการประจำเมืองยังไม่กล้าแม้แต่จะผิดใจด้วย?


ต่อให้เป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองก็ดี หรือเรื่องส่วนตัวก็ดี ยิ่งถ้าเป็นเรื่องนี้แล้วด้วย ครอบครัวเธอไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง!


ใครยุ่งด้วยก็ถือเป็นความโชคร้ายไป!


ครอบครัวของอู่เจิ้งต้าวไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ แต่กลับเป็นเรื่องที่คุณปู่อู่ไม่ยุ่งไม่ได้ ก็ใครใช้ให้คนที่ก่อเรื่องเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขาล่ะ!


แม้ในใจของคุณปู่จะรู้ดีแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรเขาต้องแสร้งพูดให้เหมือนกับลูกชายของเขามากที่สุด ต้องเด็ดขาดเพื่อบอกออกไปว่าอู่เหมยเป็นคนของตระกูลอู่ จะยอมให้ตระกูลจ้าวพาตัวอู่เหมยไปไม่ได้


“อู่เหมย รีบบอกกับทุกคนไปสิ ว่าเธอเป็นคนของตระกูลอู่ เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคนพวกนี้!” คุณปู่อู่มองหน้าอู่เหมยอย่างจริงจัง เขาฝากความหวังทุกอย่างเอาไว้กับตัวของอู่เหมย


ช่วงที่ผ่านมานี้ถือว่าพวกเขาปฏิบัติกับเธอได้ดีพอสมควร เด็กน้อยปลอบง่าย แค่พูดจาดีๆ ด้วยไม่กี่คำ หาของอร่อยๆ ให้กิน ก็สามารถทำให้เธอตายใจได้แล้ว คุณปู่มั่นใจว่าอู่เหมยจะไม่มีทางทำให้เขาผิดหวัง


แต่หารู้ไม่ อู่เหมยมองนิสัยเสแสร้งจอมปลอม และความเห็นแก่ตัวของคนในตระกูลอู่ได้อย่างทะลุปุโป่งแล้ว


“หนูไม่รู้ว่าหนูเป็นคนในตระกูลไหน แต่ถ้าหนูเป็นคนในตระกูลนี้จริง แล้วเมื่อก่อนช่วงที่เธอตบตีด่าว่าหนู ไม่ให้หนูได้กินได้ใช้อะไรเลย ทำไมถึงไม่มีใครออกมาช่วยปกป้องหนูเลยล่ะ?” อู่เหมยชี้ไปทางเหอปี้อวิ๋นและถามขึ้นอย่างเสียงดัง


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 516 ไม่กล้ายอมรับ


คำถามของอู่เหมยได้ทำให้คนในตระกูลอู่รู้สึกขาดความมั่นใจ แต่นั่นกลับทำให้เหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัวรู้สึกเจ็บปวดใจ เหยียนซินหย่าโอบกอดอู่เหมยไว้แล้วร้องไห้ “เหมยเหมย แม่ขอโทษหนูนะลูก แม่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ทำให้ลูกต้องทรมานขนาดนี้ ลูกตบตีแม่ได้เลย ตีแม่แรงๆ เลยก็ได้!”


เหยียนซินหย่าจับมืออู่เหมยไว้ แล้วฟาดลงที่หน้าของตัวเองไม่หยุด โดยใช้แรงทั้งหมดที่เธอมีอยู่ การทำแบบนั้นไปพอจะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง!


อู่เหมยพยายามดึงมือคืน ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เธอหดตัวถอยหลัง พลางนึกว่าตัวเธอคาดหวังมาตลอดสองภพชาติว่าความรักดั่งครอบครัวจะย่างกรายเข้ามาหา หลังจากรู้สึกดีใจและแปลกใจ เธอกลับต้องถอยออกมา


เธอไม่คุ้นชินกับคนในครอบครัวที่ให้ความอบอุ่นราวกับแสงแดด แม้ว่าเธอจะคาดหวังกับความรักใคร่เอ็นดูของคนเป็นแม่ แค่คิดก็รู้สึกเจ็บปวด แต่พอความรักนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว เธอกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมัน


เธอกลัวว่านี่จะกลายเป็นเพียงแค่ความฝัน ในฝันมักจะมีแต่เรื่องดีและความสุข แต่เมื่อตื่นจากฝันก็มักจะเจอแต่ความเจ็บปวด จนถึงตอนนี้ เธอเองก็ยังไม่มั่นใจว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าในเวลานี้เป็นเรื่องจริง หรือบางทีอาจจะเป็นแค่ความฝันที่แสนจะยาวนาน!


เหยียนซินหย่ากลับเข้าใจว่าอู่เหมยเอาแต่โทษเธอ ใจเธอนั้นเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด และนั่นทำให้เธอต้องนึกบ่นโทษตัวเองอีกครั้ง


เป็นเพราะความประมาทของเธอ เลยทำให้อู่เหมยต้องทุกข์ทรมาน ลูกสาวของเธอไม่ยอมรับเธอก็สมควรแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอเอง!


“เหมยเหมย ให้โอกาสแม่ได้ชดใช้กับความผิดที่ผ่านมาได้ไหม? ต่อไปนี้แม่จะดีกับลูกให้มากขึ้นเท่าตัว เหมยเหมยเข้ามาใกล้ๆ แม่หน่อย อย่าตีตัวออกห่างจากแม่นักเลย ลูกเป็นแบบนี้แม่เจ็บปวดเหลือเกิน” เหยียนซินหย่าร้องไห้พร้อมทั้งยื่นมือออกไปหา เธออยากจะอยู่ใกล้ๆ อู่เหมย แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ จึงทำได้เพียงมองอู่เหมยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ สายตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำตา จ้าวอิงหนานถือผ้าเช็ดหน้าไว้แล้วร้องไห้ด้วยเสียงเบาหวิว


พ่อสยงแตะไหล่ของเธอพร้อมกับพูดปลอบใจ สยงมู่มู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างทำได้เพียงดึงชายเสื้อโค้ตขนแกะของพ่อตัวเอง ร้องห่มร้องไห้อย่างหนักหน่วง หยดน้ำตาน้ำมูกต่างไหลรวมกันจนเปื้อนบนเสื้อ


อู่เหมยอยากจะเข้าไปหาเหยียนซินหย่า เพราะไม่ต้องการให้เธอร้องไห้อีก แต่เท้าของเธอกลับไม่เชื่อฟังที่สมองสั่งการ ได้แต่พยายามถอยหลังออกไปเรื่อยๆ เธอไม่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้เลย


เหยียนซินหย่ายิ่งได้เห็นก็ยิ่งเจ็บปวด เธอร้องไห้จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เข่าอ่อนจนต้องคุกเข่าลงไปอยู่กับพื้น


อู่เหมยรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ตัวเธอเองก็คุกเข่าลงไปอยู่กับพื้น ทั้งสองแม่ลูกร้องห่มร้องไห้เสียงดัง ทั้งที่อยู่ห่างกันแค่เอื้อม แต่กลับมีบางอย่างที่เป็นฉากกั้นระหว่างกลางของพวกเธอเอาไว้ คงทำได้แค่ให้เวลาเป็นตัวผลักดันให้ทุกอย่างค่อยๆ คลี่คลายออกไป


นัยน์ตาของจ้าวอิงหัวแดงก่ำ เขาเดินเข้าไปพยุงตัวเหยียนซินหย่าขึ้น แต่ไม่กล้าเดินเข้าไปพยุงตัวอู่เหมย แต่กลับโค้งตัวลงและพูดเพื่อรับผิด “เหมยเหมย อย่าโทษแม่เลย ทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อเอง ในปีนั้นเป็นพ่อเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกและแม่ของลูกให้ดี ลูกจะยอมให้โอกาสพ่อได้แก้ตัวไหม?”


อู่เหมยเงยหน้าขึ้น มองไปยังจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าที่อยู่ในอ้อมอกของเขาโดยมีท่าทีจะเป็นลม มองไปรอบข้างที่มีจ้าวเสวียหลินกำลังมองเธออย่างมีหวัง หากไม่เกินคาดเขาคงจะเป็นพี่ชายของเธอสินะ?


ความฝันของเธอคือการมีครอบครัวแบบนี้ พ่อที่มีท่าทีสง่าผ่าเผยและน่าเกรงขาม แม่ที่มีความอบอุ่นอ่อนโยน เวลาที่ถูกคนอื่นรังแกก็จะมีพี่ชายที่คอยช่วยเหลืออย่างไม่คิดชีวิต ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอวาดฝันเอาไว้


แต่เรื่องเซอรไพรส์มาได้กะทันหันเกินไป เธอไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง…


แต่ถ้าหากเป็นเรื่องจริง แล้วทำไมในชาติปางก่อนพวกเขาถึงไม่ปรากฏตัวล่ะ?


จนถึงช่วงที่เธอตายไป ทำไมคนทั้งครอบครัวถึงไม่ปรากฏตัว?


“ทำไมพวกคุณถึงมาตามหาฉันเอาตอนนี้? ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้?” อู่เหมยร้องไห้พลางถามด้วยน้ำเสียงติดตำหนิ


เธอเกลียดอู่เยวี่ย เกลียดอู่เจิ้งซือ เกลียดเหอปี้อวิ๋น เกลียดทุกคนในตระกูลอู่ นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่สายเลือดของพวกเขา เธอจึงทำได้เพียงโทษว่าเป็นความโชคร้ายของเธอ แต่ในตอนนี้…


ทั้งสองสามีภรรยาต่างพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอเป็นลูกสาวของพวกเขา อู่เหมยรู้สึกดีใจและตื่นเต้น แต่ขณะเดียวกันในใจก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้น!


ถ้าหากชาติที่แล้วพวกเขาได้มารับเธอกลับไปอยู่ด้วย เธอคงจะไม่ต้องตายใช่ไหม?


และเป็นไปได้ไหมว่าชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไป?


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 517 อู่เหมยได้หมดความอดทนแล้ว


คำถามของอู่เหมยเป็นดั่งปลายแหลมของคมมีด ที่แทงทะลุเข้าสู่หัวใจของเหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัว ลูกสาวของเขาพูดถูก ทำไมพวกเขาถึงได้ประมาทเช่นนี้?


ทำไมไม่ไปติดต่อหรือสืบหาความจริงของเรื่องนี้?


พวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ลูกสาวของเขาจะต่อว่า!


อู่เจิ้งซือเข้าใจว่าอู่เหมยไม่เต็มใจยอมรับพวกเหยียนซินหย่า จึงแอบนึกดีใจ ไม่แปลกเลยที่บอกว่าบุญคุณคนให้กำเนิดยังไม่ยิ่งใหญ่เท่าบุญคุณคนที่เลี้ยงดู ต่อให้จะเป็นลูกแท้ๆ หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็เคยเลี้ยงดูให้เติบโตมา ก็ถือว่าเป็นความสนิทชิดเชื้อ


อู่เหมยก็คือตัวอย่างใหม่นี้ที่เพิ่งเกิดขึ้น


“เหมยเหมย ลูกอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระจากคนพวกนี้ หนูเป็นลูกสาวแท้ๆ ของพ่อ หนูไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับคนพวกนั้นเลย!”


อู่เจิ้งซือพยายามที่จะพยุงตัวลุกขึ้น เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าออก และส่งรอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูให้กับอู่เหมย แต่ร่องรอยฟกช้ำดำเขียว อาการบวมเป่ง รวมถึงคราบเลือดที่มี กลับทำให้เขาดูน่ารังเกียจ


จ้าวอิงหัวโกรธจนเดือนดาลแทบอยากพุ่งตัวเข้าไปต่อยอู่เจิ้งซืออีกสักหมัด แต่เขาก็ฝืนทนเอาไว้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพาลูกสาวของเขากลับไป ส่วนอู่เจิ้งซือนั้นรอให้มีโอกาสค่อยกลับมาคิดบัญชีใหม่


อู่เหมยเริ่มใจเย็นลงบ้าง เพราะเธอไม่ใช่ท่อนไม้ ใครจริงใจหรือใครที่เสแสร้ง เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง!


เหตุที่เธอไม่ยอมรับเหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหัว ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากยอมรับ แต่เป็นเพราะเธอรู้สึกประหม่า


แค่เหยียนซินหย่าและสามียืนอยู่ต่อหน้าเธอ ก็ได้ทำให้เธอมีความกล้ามากพอ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรต่ออู่เจิ้งซืออีก เธอกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ไม่กล้าพูดมาก่อน


“ถ้าหากหนูเป็นลูกของคุณจริงๆ งั้นคุณช่วยบอกหนูทีได้ไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเหมือนหนูเป็นดั่งคนใช้ แต่อู่เยวี่ยเป็นดั่งเจ้าหญิง คุณเองไม่เคยถามถึงสิ่งใดที่เกิดขึ้นเลย คอยแต่จะให้เธอมาทำร้ายฉัน!”


ตั้งแต่ที่ได้เจอกับเหยียนซินหย่า อู่เหมยก็ไม่เรียกเหอปี้อวิ๋นว่าแม่อีกเลย ต่อให้ต้องเล่นละครเธอก็ทำไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกอึดอัดใจ!


รอยยิ้มบนใบหน้าของอู่เจิ้งซือได้จางหายไป เขาตอบคำถามของอู่เหมยไม่ได้ จึงทำได้แค่ฝืนพูดออกมา “แม่หนูแค่ลำเอียงไปหน่อย สิ่งนี้พ่อยอมรับ แต่พ่อก็ปฏิบัติกับลูกทั้งสองได้เท่าเทียมกัน ช่วงพักหลังมานี้พ่อดีกับเหมยเหมยมากกว่าด้วยซ้ำ!”


อู่เหมยพูดอย่างเย็นชา “นั่นเพราะหลังจากที่หนูได้รางวัลวาดภาพค่ะ เพราะหนูไม่ใช้อู่เหมยคนเดิมที่ใครๆ ต่างมองว่าน่าสงสารและเป็นแค่อีตัวอัปลักษณ์อีกแล้ว เพราะหนูสามารถทำให้คุณได้เชิดหน้าชูตา เวลาที่คุณพูดถึงหนูจะได้ไม่รู้สึกอับอายขายขี้หน้า อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติมากด้วย”


“เหมยเหมย ทำไมถึงพูดกับพ่อเขาแบบนี้ได้ล่ะ? พ่อเขาดีกับเธอไม่พอเหรอ? เด็กคนนี้ช่างไม่รู้บาปบุญคุณโทษเอาเสียจริง!”


จนถึงตอนนี้คุณปู่อู่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เขาเพียงแค่นึกสงสารลูกชายคนเล็ก ที่ถูกใครหน้าไหนไม่รู้ต่อยจนใบหน้าฟกช้ำ และไหนจะหลานสาวที่พูดถึงแต่ข้อเสียของลูกชายต่อหน้าคนนอกอีกจำนวนไม่น้อย


เป็นลูกหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ!


เหอปี้อวิ๋นพูดถูก!


ใบหน้าของอู่เหมยดูเย็นชา เธอไม่แม้แต่จะให้ความสนใจต่อคุณปู่เลยสักนิด จนถึงตอนนี้ทุกคนถึงได้รับรู้ว่าอู่เหมย ไม่ใช่คนเดิมที่เป็นดั่งหนอนตัวน้อยที่น่าสงสารอีกต่อไป!


“ดีกับหนูเหรอคะ? ทำไมหนูไม่รู้สึกแบบนั้นล่ะ ครอบครัวพวกคุณมีแต่จะหวังผลประโยชน์ เพราะหนูสามารถเป็นหน้าเป็นตาให้พวกคุณได้ หากว่าตอนนี้หนูยังเป็นอู่เหมยคนเดิม ต่อให้หนูถูกเหอปี้อวิ๋นตีจนตาย ก็คงไม่มีใครออกมาพูดอะไรแม้แต่คำเดียว!”


“และยังมีอู่เยวี่ย เธอทำร้ายหนูตั้งหลายครั้ง แต่พวกคุณมีใครลงโทษเธอบ้างเหรอ? แต่หากว่าเปลี่ยนเป็นหนูที่เป็นคนทำร้ายอู่เยวี่ย เกรงว่าหนูคงจะไม่มีชีวิตรอดอยู่ได้สินะ?”


อู่เหมยยิ่งพูดเสียงของเธอก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ ความโกรธแค้นทั้งสองภพชาติรวมกัน ในที่สุดในวันนี้ก็ได้ระเบิดออกมา!


เธอจ้องมองทุกคนในตระกูลอู่ด้วยสายตาดุดัน พร้อมทั้งตะโกนคำพูดต่างๆ นานาที่เธออยากจะพูด “พวกคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่หนูหวังไว้คืออะไร? นั่นก็คือการที่หนูหวังว่าตัวฉันไม่ใช่คนในตระกูลอู่ หวังว่าหนูจะเป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่!”


…………………………………………………………………………………………..


ตอนที่ 518 ผลประโยชน์ที่ดี


ทุกคนต่างตกใจถึงความโกรธแค้นของอู่เหมย และต่างก็มีความคิดที่ต่างกันออกไป คนในตระกูลจ้าวต่างรู้สึกเจ็บปวดและนึกสงสารเห็นใจเธอ แต่คนในตระกูลอู่กลับจับต้นชนปลายได้ยาก


คุณปู่อู่และอู่เจิ้งซือต่างคิดไปว่าอู่เหมยไม่รู้จักบาปบุณคุณโทษ อะไรคือการที่ทำดีกับเธอเพื่อผลประโยชน์?


แค่ทำดีด้วยก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?


ไหนจะบอกอีกว่ายอมที่จะเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่?


ช่างเป็นหมาป่าอักกตัญญูจริงๆ เด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่จะกินอยู่สุขสบายแบบนี้หรือ? จะมีโอกาสได้เรียนวาดรูปเรียนเต้นรำ และมีชีวิตที่ดีแบบนี้หรือ? อู่เจิ้งซือมองอู่เหมยด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา เขานึกไม่ถึงมาก่อนว่า ลูกสาวคนเล็กที่ดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ในใจกลับซ่อนเรื่องราวต่างๆ ไว้มากมายขนาดนี้ ปิดบังเขาได้น่าเจ็บแสบนัก!


อู่เยวี่ยที่หลบอยู่ในห้อง ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียด และความแค้น ยายชั่วอู่เหมย ที่แท้มันก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อกับแม่ ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะรู้สึกไม่ถูกชะตากับมันมาตั้งแต่เด็ก!


อู่เยวี่ยบ่นโกรธกับตัวเองและหาคำอธิบายที่ดีให้ตัวเองเรื่องอู่เหมยได้แล้ว ความรู้สึกผิดต่อเรื่องแย่ๆ ที่เธอทำไปเมื่อคืน แน่นอนว่าไม่มีอยู่แล้ว ในเมื่ออู่เหมยไม่ใช่คนในครอบครัวเธอ เพราะอย่างนั้นหากเธออยากจะด่าก็ด่า หรืออยากจะตบตีก็ทำได้ เพราะอู่เหมยต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของเธอ


แต่สิ่งที่ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกโกรธแค้นริษยานั่นคือ ทั้งสองสามีภรรยาอย่างจ้าวอิงหัวและเหยียนซินหย่าแค่มองก็รู้ว่าเป็นบุคคลที่มีฐานะ และมีหน้ามีตาทางสังคม ยิ่งมองสิ่งที่พวกเขาสวมใส่อยู่บนร่างกาย และไหนจะตอนที่อยู่หลังเวทีในโรงละครอีก คนที่บอกว่าเป็นหัวหน้าเลขานั่น อยู่ต่อหน้าจ้าวยิงหัวยังไม่กล้าแม่แต่ยืดตัวตรงได้


สวรรค์ช่างมีตาหามีแววไม่ ทำไมถึงได้ประทานพ่อแม่แท้ๆ ที่ดีขนาดนี้มาให้ยายโง่นั่นได้?


ในตอนนี้ยายโง่นี่ทั้งร้องได้เต้นเป็น วาดรูปได้ และไหนจะการเรียนของเธอที่ดีขึ้นอีก รูปร่างหน้าตาก็ดี หากว่าได้พ่อแม่ที่คอยสนับสนุนแบบนี้ ต่อไปอนาคตของอู่เหมยจะต้องดีขึ้นได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรงทำอะไรมากเลย!


แล้วแบบนี้เธอจะทำอย่างไรให้ยายโง่นั่นสยบแทบเท้าเธอ?


อู่เหมยจะมีชีวิตดีกว่าเธอไปไม่ได้!


ตอนแรกอู่เยวี่ยดีใจมากที่อู่เหมยไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของเธอ แบบนั้นในบ้านก็จะมีเธอเพียงคนเดียว ไม่มีใครมาแย่งความรักไปจากเธออีก และเธอเองก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเจ้าหญิงเหมือนเดิม


แต่ยิ่งเธอนึกได้ว่าต่อไปอู่เหมยจะใช้ชีวิตได้เป็นดั่งเจ้าหญิงมากกว่าเธอ ในใจของเธอก็รู้สึกไม่พึงพอใจขึ้นมา เกลียดที่ทำไมสวรรค์ถึงไม่ส่งคนจนๆ และอัปลักษณ์มาเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของยายโง่นั่นลงมาบ้าง?


ต่อให้อู่เยวี่ยจะมีแต่ความไม่ยินยอมอยู่ร้อยอย่างพันอย่าง แต่เธอก็ไม่สามารถยับยั้งอะไรได้ แม้กระทั่งเดินออกไปจากห้องเธอยังไม่กล้า เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับคุณย่าอู่


บนโซฟามีคุณย่าอู่ที่นอนพิงอยู่ด้วยใบหน้าซีดเผือด เธอได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย อันที่จริงควรจะต้องได้นอนพักอยู่บนเตียง แต่เธอจะทนนอนอยู่เฉยๆ ได้อย่างไรล่ะ คำพูดกล่าวโทษของอู่เหมยทำให้ไฟร้อนของความโกรธปะทุขึ้น ความเจ็บปวดก็เริ่มปะทุรุนแรงขึ้น


“ฉันไม่เคยพบไม่เคยเห็นเด็กที่ไม่รู้บาปบุญคุณโทษอย่างเธอมาก่อนเลย แม้ว่าแม่ของเธอจะไม่ได้เรื่อง แต่พ่อของเธอ ปู่ของเธอ ลุงของเธอ แล้วก็พี่ของเธอทำเรื่องไม่ดีต่อเธองั้นเหรอ? พี่สาวแกทำร้ายอะไรเธอเหรอ? ทุกวันนี้ถึงได้เอาแต่ค้านต่อพี่  พี่เธอดีกว่าตัวเธอเองเป็นไหนๆ อีก!”


คุณย่ารู้สึกสงสารลูกชายและหลานสาวตัวเองเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกขัดตากับอู่เหมย หากว่าไม่ต้องคำนึงถึงคุณปู่อู่ เธอคงจะบอกให้จ้าวอิงหัวเอาตัวอู่เหมยกลับไป ใครจะสนกันว่าเธอเป็นลูกหลานบ้านไหน!


ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนหลานสาว หลานสาวอย่างอู่เหมยมองอย่างไรก็ดูขวางหูขวางตา!


อู่เหมยมองหญิงชราที่ล้มไปจนเกือบตาย แต่ยังคอยออกตัวปกป้องอู่เยวี่ยได้ ช่างน่าหัวเราะเยาะ และเธอก็หัวเราะออกมาจนทำให้ทุกคนในตระกูลอู่ต้องขนหัวลุก


สองสามีภรรยาอย่างจ้าวอิงหัวกลับยิ่งเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะสัมผัสกับคนในตระกูลอู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่เขากลับเห็นถึงความเห็นแก่ตัว ความเลือดเย็น และผลประโยชน์จากคนบ้านนี้ได้อย่างชัดเจน


ไม่แปลกเลยที่เด็กอายุน้อยอย่างอู่เหมยจะมีแผนการในใจ ทั้งหมดเป็นเพราะคนพวกนี้บีบให้เธอต้องแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา!


และเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าลูกสาวผู้น่าสงสาร ได้รับความทุกข์ทรมานมากเพียงไหน ถึงได้กลายเป็นเธออย่างเช่นในตอนนี้!


…………………………………………………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)