หมอดูยอดอัจฉริยะ 503-505
ตอนที่ 503 เสียสละตัวเองให้งูกินและตายไปพร้อมกัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
คนญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ค่อนข้างบ้าระห่ำ พวกเขาไม่เพียงแต่สังหารประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปมากมายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แม้แต่กับคนในชาติเดียวกัน พวกเขายังไม่ค่อยมีมนุษยธรรมเลย
ในกองทัพญี่ปุ่น เหล่าทหารต้องฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาเป็นสิ่งสูงสุด เคร่งครัดในระเบียบวินัย เคยมีคนเปิดเผยคำสั่งของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกว่า ถูกสั่งให้เดินไปข้างหน้า แม้เบื้องหน้าจะเป็นหน้าผาชัน มีนายทหารหลายสิบคนที่ทำตามคำสั่งอย่างไม่กลัวตาย เดินลงไปจากหน้าผานั้น
การเสียสละตัวเองเป็นคติชั้นสูง ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในกองทัพทหารญี่ปุ่น เช่นเดียวกับตระกูลคิตะมิยะ ผู้กล้าทั้งหลายได้รับมอบหมายในหน้าที่อย่างนี้เช่นเดียวกัน
ผู้กล้าเดินบุกเข้าไปใกล้งูร้าย โดยที่ไม่ได้หวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับมา ตอนที่ร่างกายถูกลิ้นงูตวัดถูกนั้นไม่ปรากฎแววตกใจหรือหวาดกลัวในสีหน้าเลย แต่กลับจุดระเบิดแรงสูงเพิ่มอีกสองอันในมือ
ระเบิดนั้นไม่ใช่ระเบิดมือธรรมดา ระเบิดในมือของเขาทั้งสองเป็นระเบิดแรงสูงที่สามารถเป็นได้ทั้งกระสุนปืน เปลือกโลหะระเบิดภายนอกแข็งแรง แต่ภายในอัดแน่นด้วยชนวนระเบิดแรงดันสูง พอเชื้อปะทุถูกจุดชนวน ทำให้เปลือกแข็งด้านนอกแตกออก กลายเป็นเศษระเบิดที่ทั้งมีความร้อนสูงและแหลมคมสามารถพุ่งตัดแตกกระจายได้รุนแรงกว่าเดิม
เชื้อปะทุระเบิดนี้เพียงพอจะฉีกรถถังขนาดย่อมให้หลุดเป็นชิ้นๆ ผู้กล้าทั้งสองถือระเบิดเดินดุ่มๆ เข้าไปโดยไม่มีการป้องกันตัวใด แล้วถูกงูยักษ์ตวัดเข้าปากไปโดยปริยาย แต่ชนวนระเบิดถูกจุดติดขึ้นแล้ว
ควันสีเขียวผสมกับกลิ่นดินระเบิดลอยออกมาจากปากของงูยักษ์ งูที่กำลังอาละวาดโกรธแค้นรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่มาเยือน ร่างกายอันใหญ่โตบิดพันอย่างรุนแรง จนกวาดเอาคนอีกสิบกว่าคนที่ยืนขวางหน้ามันอยู่จนแหลกเหลว ลอยกระเด็นตกไปไกล
“ครืน ครืน !!!”
เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นสองครั้งไล่เลี่ยกัน แรงสั่นสะเทือนทำให้ทั้งถ้ำสั่นไหว หินน้อยใหญ่ตกลงมาจากเพดานถ้ำ ราวกับว่าถ้ำกำลังจะพังลงมา
หัวอันมหึมาของมันหยุดชะงักกลางอากาศ ตามด้วยกลุ่มเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นมา แต่เดิมหัวสีดำสนิทราวยมทูตของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็ง แต่ตอนนี้มีแสงไฟสีแดงเรืองเรื่อออกมากะโหลกของมัน
แต่ภาพนี้ดำรงอยู่ได้เพียงไม่กี่วินาที กะโหลกอันแข็งแกร่งถูกระเบิดจากภายในแหลกร้าวดังแก้วแตก เชื้อประทุจากระเบิดมือฉีกกะโหลกของมันเป็นชิ้นส่วน ตามมาด้วยเลือดสีคล้ำที่พวยพุ่งพร้อมกับประกายไฟ
คนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบพลอยโดนลูกหลงไปด้วย เศษดินระเบิดกระเด็นออกมาจากตัวงูได้ฝังเข้าที่ร่างกายของพวกเขา แรงระเบิดซัดร่างกายพวกเขาไปกระแทกอย่างแรงกับผนังถ้ำสุดท้ายจึงแน่นิ่งสิ้นใจไปหลายคน
ส่วนคนที่ยืนอยู่ห่างออกมาได้แต่ตะลึงค้างมองดูร่างกายของงูยักษ์ล้มลงอยู่บนพื้น
ความตายของงูร้ายทำให้ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แม้ร่างกายของมันแน่นิ่งไปแล้ว แต่พวกเขายังไม่แน่ใจว่ามันตายแน่หรือยัง หรือจะดีดตัวกลับขึ้นมาโจมตีพวกเขาอีกครั้ง
“ฮาเซดะ ฮาเซดะ!”
ตอนที่ทุกคนชะงักค้างอยู่นั้น เสียงร้องเรียกน่าเวทนาของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิดังขึ้น เขาพุ่งตัวไปที่ร่างของงูยักษ์ทันที เพราะเมื่อครู่หนึ่งในสองคนที่ถูกงูร้ายกลืนลงท้องไปนั้นเป็นลูกชายของเขา คิตะมิยะ ฮาเซดะ
การสูญเสียบุตรชายไปอย่างไม่มีวันกลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อจิตใจของเขา เขาวิ่งไปที่ร่างพรุนทั้งตัวของงูยักษ์ ใช้มือควานหาเศษชิ้นเนื้อในปากของของมัน ร้องไห้ฟูมฟายแทบขาดใจ
คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองดูศพเกลื่อนบนพื้น ภายในชั่วพริบตาเขาดูเหมือนแก่ลงไปหลายสิบปีทีเดียว รูปร่างที่เคยหลังตรงสง่า จู่ๆ ก็ตัวค่อมลง แววตาว่างเปล่ามองไปเบื้องหน้า ปากบ่นพึมพำ “ท่าน…ท่านอาวุโสโชตะ ครั้งนี้สิ่งที่ผมทำมันผิดหรือถูกกันแน่?”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเพื่อการออกตามหาขุมทรัพย์ของตระกูล เขาได้คัดสรรแต่สมาชิกฝีมือเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นเชื้อสายของลูกหลานสายตรง ที่ต่างก็เป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตของตระกูลด้วยมือของพวกเขา
แต่เขากลับไม่เคยคิดเลยว่า การเดินทางตามหาขุมทรัพย์ครั้งนี้ ยังไม่ทันได้มีใครจับถูกแท่งทองเลย กลับต้องบาดเจ็บล้มตายไปตามกัน กวาดตามองไปทางคนที่เหลืออยู่หยิบมือเพียงยี่สิบกว่าคน คิตะมิยะ ฮิเดโอะอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
ต้องรู้ว่า การประลองในตระกูลคนญี่ปุ่นมีกฎข้อห้ามไม่ให้ใช้ปืน ดังนั้นยอดฝีมือในตระกูลต่างใช้ฝีมือวิทยายุทธเป็นตัววัด และใช้ปกป้องตระกูล
ตอนนี้เหลือเพียงคนตำแหน่งเล็กๆ ไม่กี่คน คิตะมิยะ ฮิเดโอะคาดเดาได้เลยว่า การประชุมสมาชิกตระกูลครั้งหน้า ตระกูลคิตะมิยะจะไม่รุ่งเรื่องแบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
ดังนั้นถ้าหากหาพบขุมทรัพย์นำกลับไปได้จริง แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ถ้าทำตามกฎสำนักที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะตั้งขึ้นมาหลายสิบปี ผู้นำคณะเดินทางอย่างเขาก็ควรจะทำฮาราคีรีฆ่าตัวตายเพื่อชดเชยความผิดต่อคนในตระกูล
“ฮิเดโอะ เรื่องนี้จะโทษคุณไม่ได้ ใคร….ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ พอกลับไปแล้ว ฉันจะอธิบายให้ผู้อาวุโสในสำนักฟังเอง”
การเดินทางครั้งนี้มีผู้อาวุโสสามท่านร่วมทางมาด้วย คิตะมิยะ ฟูจิโอะถูกงูร้ายบีบรัดร่างกายท่อนล่างแหลกเหลว ยังไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย ผู้อาวุโสอีกคนก็ได้เสียชีวิตไปท่ามกลางความโกลาหลเมื่อครู่ ตอนนี้เหลือเพียงท่านโชตะเพียงคนเดียวแล้ว แต่หน้าตาของท่านดูซีดเผือด ดวงตาไร้แววมองดูเศษชิ้นส่วนมนุษย์ที่เกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้า
“ช่วยคน รีบช่วยคนสิ!”
คำเตือนสติของท่านโชตะทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะเรียกสติกลับมาได้ รีบตะโกนเสียงโหวกเหวก วิ่งไปเรียกสมาชิกคนอื่นที่ตกใจจนช็อกไป ใช้วิธีตบบ้องหูเรียกสติพวกนั้นกลับคืนมา
เหลือผู้รอดชีวิตทั้งหมดอีกยี่สิบแปดคน ด้วยการลงมือทุบตีเล็กน้อยของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ทำให้พวกเขาเริ่มขยับตัว อดกลั้นความรู้สึกในใจออกไปตามหาผู้รอดชีวิตท่ามกลางกองเศษชิ้นส่วนมนุษย์และร่างเน่าเปื่อยจากการโดนกรดรุนแรง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม จิตใจของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ห่อเหี่ยวถึงที่สุด เพราะไม่พบผู้รอดชีวิตเลยสักคน แม้แต่คนที่การบาดเจ็บไม่สาหัส ร้องครวญครางอยู่ ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงสิ้นลมไปเฉยๆ
“ปีศาจ ที่นี่มีปีศาจ!”
ความลึกลับพิสดารทำให้สมาชิกตระกูลคิตะมิยะคนหนึ่งหมดสิ้นหนทาง เขาหยิบปืนขึ้นมาจากพื้น ชี้ปืนจ่อที่คอหอยตัวเอง คิตะมิยะ ฮิเดโอะยังไม่ทันอ้าปากห้าม เขาได้เหนี่ยวไกไปแล้ว
เสียงทึบของปืนดังสะท้อนในถ้ำ คิตะมิยะ ฮิเดโอะมีสีหน้าสิ้นหวัง เขารู้ดีว่าตัวเองควรจะทำแบบคนๆ นั้นคือชักดาบเหน็บที่เอวออกมาแทงเข้าไปในท้องของตัวเอง เพื่อเป็นการชดเชยแก่ผู้เสียชีวิต
“โง่เง่า พวกนายเป็นนักรบของตระกูลคิตะมิยะ ความรุ่งโรจน์ของตระกูลตกอยู่ในมือพวกนายแล้ว พวกนายต้องฮึดสู้!”
ตอนที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะกำลังลังเลตัดสินใจไม่ขาดนั้น ผู้อาวุโสโชตะก็โกนขึ้นเสียงดัง “ที่นี่มีทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้พวกเราเป็นมูลค่าเกิดหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพียงแค่หามันให้พบ พวกเราก็จะกลับไปทำให้ตระกูลของเรารุ่งเรือง พวกนายจะเป็นผู้มีคุณต่อตระกูล!”
เมื่อเห็นท่าทางคนอื่นๆ ต่างหมดอาลัยตายอยาก ท่านโชตะไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว เขาได้ประกาศความลับขั้นสูงสุดออกมา
คำโบราณกล่าวไว้ คนเรายอมตายเพราะลาภยศ นกยอมตายเพราะหาอาหาร พอได้ยินว่าเงินจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์ พวกสมาชิกตระกูลต่างลุกวาวกันเป็นแถว ต่างเงยหน้ามองคิตะมิยะ ฮิเดโอะและท่านโชตะสองคน
คำพูดของท่านโชตะเป็นการกระตุ้นคิตะมิยะ ฮิเดโอะ พอเห็นคนอื่นจ้องมาที่ตัวเองก็รีบพูด “ถูกแล้ว เพียงแค่หาขุมทรัพย์นั้นจนพบ พวกนายจะเป็นผู้มีคุณต่อตระกูลของเรา ฉันคิตะมิยะ ฮิเดโอะขอสาบานด้วยเกียรติของตระกูลว่าในวันที่มีการแบ่งสมบัติกัน วันนั้นพวกนายทุกคนจะได้ส่วนแบ่งด้วย”
“ท่านหัวหน้า แล้วคนที่ตายไปเล่า จะทำอย่างไร?” คนที่มาถึงพม่านี้เป็นญาติมิตรพวกพ้องกันทั้งนั้น คิตะยะ ฮิเดโอะใช้ผลประโยชน์เป็นตัวล่อ กลับไม่สามารถทำให้พวกเขาพอใจได้
“ครั้งนี้เป็นเพราะคำสั่งของฉันผิดพลาด กลับประเทศเราแล้ว ฉันจะบอกท่านผู้อาวุโสขอลาออก จากนั้นก็จะมีคำตอบให้กับทุกคน”
คิตมิยะ ฮิเดโอะพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด “สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือ อย่าให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ต้องเสียไปโดยเปล่า ต้องหาสมบัติของบรรพบุรุษที่ซ่อนไว้จนเจอ ถึงจะเป็นการปลอบประโลมวิญญาณเหล่าผู้กล้า”
“ท่านหัวหน้าพูดถูก ทุกคนรีบหาสมบัติที่ตกอยู่ก้นบึงให้พบเร็วเถอะ หุบเขานี้ลึกลับประหลาด ถ้าอยู่นานกว่านี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิเองก็ฟื้นคืนจากความทุกข์โศกที่สูญเสียบุตรชาย เขาไตร่ตรองอย่างละเอียดอีกที ครั้งนี้ไม่ควรโทษคิตะมิยะ ฮิเดโอะเพียงฝ่ายเดียว อสรพิษสองหัวนั่นมันเกินความคาดหมายของมนุษย์ทั่วไป ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ตัวเขาเองจะไม่มีทางเชื่อ
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิเอ่ยประโยคนั้นออกไป คนที่หลายคนในที่นั้นอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขนลุก แค่งูประหลาดตัวเดียวก็เกือบทำให้พวกเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งกันหมด ถ้ามีตัวประหลาดอะไรโผล่มาอีก เกรงว่าผู้กล้าตระกูลคิตะมิยะคงจะไม่มีใครเหลือรอดกลับไปสักคน
ทุกคนไม่ได้สนใจกองเลือดเต็มพื้นและเลือดที่ไหลปนไปกับน้ำ พวกเขากระโดดลงไปงมของในสระน้ำ
“ให้ตายเถอะ ขนาดนี้แล้วยังจะหาเงินกันอีก?”
เห็นท่าทางของทุกคนแล้วเยี่ยเทียนแอบก่นด่าอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาลงมือ เขาจะรอให้คนเหล่านี้เดินทางกลับไปถึงปากทางเข้าหุบเขาปีศาจก่อน แล้วร่วมมือจากคนด้านนอกโจมตีทีเดียว พร้อมทั้งให้พวกนั้นช่วยเขาขนทองกลับไป
เพราะเยี่ยเทียนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น เยี่ยเทียนเรียนรู้เอาจากท่าทาง ตามคนอื่นลงไปในน้ำ เก็บเอาทองคำที่จมอยู่เบื้องล่างขึ้นมา วางเรียงกันบนฝั่งอย่างเป็นระเบียบ
สระน้ำนี้ไม่ได้ลึกมาก ทั้งยังถูกน้ำมันแผดเผาไปไม่น้อย ตอนนี้ความสูงของน้ำยังไม่เท่าหัวเข่า คนยี่สิบกว่าคนลงงมพร้อมกันเหมือนกับหว่านแหลงไปในสระจนไม่เหลือทองคำแท่งหลงเหลืออยู่แล้ว
“ฮิ…ฮิเดโอะ!” ตอนที่ทุกคนกำลังกวาดตามองดูโขดหินตรงกลางสระน้ำนั้น มีเสียงเรียกอันอ่อนแรงดังขึ้น
……………………..
ตอนที่ 504 กล่องนิรภัย
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ใคร? นั่นเสียงใคร?”
ตอนที่ทุกคนกำลังงมทองในสระน้ำ แต่ไม่มีใครก้าวขึ้นไปดูบนโขดหินกลางสระเลย พอได้ยินเสียงเรียกลอยมา ทุกคนต่างตกใจ สาดแสงไฟฉายส่องหาไปทั่วบริเวณ
“ท่านฟูจิโอะ?”
ท่ามกลางกองขุมทรัพย์ทองคำ มีร่างชายชราตัวผอมนอนอยู่ นั่นคือคิตะมิยะ ฟูจิโอะที่ถูกงูร้ายสะบัดโยนหายไปอย่างไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ตอนนี้ท่านสีหน้าขาวซีด นอนอยู่บนกองทองคำ ในอ้อมอกกอดบางสิ่งเอาไว้
“ท่านฟูจิโอะ เป็นอย่างไรบ้าง?”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเห็นว่าท่านฟูจิโอะยังไม่ตายก็ดีใจฟื้นความหวังขึ้นมา เขารู้ดีว่าท่านฟูจิโอะเป็นผู้มีบารมีในตระกูล ถ้าได้ท่านช่วยพูดให้ตอนที่กลับไปนั้น เขาจะได้รอดพ้นจากการทำฮาราคีรี หรืออาจจะได้เข้าร่วมในการเป็นผู้อาวุโสตลอดบั้นปลายชีวิต
“แค่กๆ ไม่เป็นไร ยังไม่ตาย”
คิตะมิยะ ฟูจิโอะแม้ร่างกายผอมบาง แต่เคยผ่านการฝึกความอดทนมาตลอดชีวิต สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้มากพอๆ กับปรมาจารย์โยคะแห่งอินเดีย แม้ว่าจะถูกงูยักษ์บดขยี้ร่างกายท่อนล่างไปแล้ว แต่พลังชีวิตของเขาไม่ได้ร่วงโรยตาม
“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ไม่ทันเห็นเจ้าแก่นั้น ไม่งั้นคงซัดฝ่ามือเอาให้ตายเลย” เยี่ยเทียนเห็นร่างของฟูจิโอะนอนอยู่บนแท่นหินแล้วบ่นในใจอย่างหงุดหงิด
การช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเมื่อครู่ การเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียนรวดเร็วที่สุด เมื่อพบร่างๆ หนึ่งไม่ว่าเป็นหรือตายเยี่ยเทียนจะซัดฝ่ามือเข้าทีกลางอกทีหนึ่ง จากคนบาดเจ็บที่สามารถช่วยชีวิตได้ประมาณห้าหกสิบคน แต่ถูกเยี่ยเทียนส่งไปเฝ้ายมบาลหมดแล้ว
การเตรียมพร้อมระแวดระวังภัยทั้งหมดของพวกคิตะมิยะ ฮิเดโอะนั้นเพื่อการป้องกันตัวเองสัตว์ประหลาดอย่างเจ้างูร้าย แต่ไม่ได้คำนึงถึงว่าจะมีศัตรูปะปนเข้ามาในกลุ่ม ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตุท่าทางผิดปกติของเยี่ยเทียน
คิตะมิยะ ฮิเดโอะกระโจนขึ้นไปที่แท่นหินที่ท่านฟูจิโอะนอนอยู่ ใช้มือลูบขาที่เสียไปแล้วของผู้อาวุโส รู้สึกได้ว่าร่างกายท่อนล่างนั้นอ่อนนิ่มไปหมด อย่างกับไม่มีกระดูกหลงเหลืออยู่เลย แล้วเรียกเยี่ยเทียนที่ยืนอยู่กลางสระน้ำว่า “เร็วเข้า เอาเปลทหารมา!”
“โถ่เว้ย เจ้าแก่นั่นพูดอะไร?”
เยี่ยเทียนตะลึงค้างไป ตัวหนังสือญี่ปุ่นเขาพอรู้บ้าง แต่ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกเลยสักนิด จึงไม่เข้าใจว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะตะโกนว่าอะไร จึงร้อนรนใจขึ้นมา เยี่ยเทียนเกร็งตัวแข็ง เตรียมพุ่งตัวเข้าใส่ หวังจะจัดการคิตะมิยะ ฮิเดโอะ
“แค่ก แค่ก เดี๋ยวก่อน ไม่รีบ ฉันยังไม่ตายง่ายๆ หรอก
ตอนที่เยี่ยเทียนเตรียมจะลงมือ ท่านฟูจิโอะกระแอมแล้วทำท่ายับยั้ง คิตะมิยะ ฮิเดโอะไว้ “ฮิเดโอะ นายรู้ไหมว่าฉันเจออะไรเข้า?”
“ท่านฟูจิโอะครับ ท่านควรได้รับการปฐมพยาบาลก่อนนะครับ”
ขณะที่ คิตะมิยะ ฮิเดโอะกำลังกล่าวเตือนท่านฟูจิโอะอยู่นั้นสายตาได้เหลือบไปเห็นสิ่งของในอ้อมอกของท่านฟูจิโอะแล้วดวงตาลุกวาวขึ้นมา พูดเสียงสั่นเครือ “ท่าน…ท่านฟูจิโอะ นี่ท่าน…นี่ท่านไม่ใช่หาหลักฐานการฝากทองคำในธนาคารแห่งชาติสวิสของตระกูลเราเจอแล้วหรือครับ?”
การเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่สำคัญเมื่อครั้งสงครามซามูไร ตระกูลคิตะมิยะถือเป็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดตระกูลหนึ่ง เบื้องลึกเบื้องหลังลึกซึ้ง แม้แต่พวกเชื้อพระวงศ์ยังเทียบไม่ได้
ในปีที่คิตะมิยะ มาซาทาเกะตายในสนามรบทำให้ทรัพย์สินส่วนมากของตระกูลถูกแช่แข็งไว้ในธนาคารแห่งชาติสวิส และทำให้ตระกูลคิตะมิยะต้องเสื่อมถอยลงหลังจากยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ถ้าจะสืบสาวถึงสาเหตุที่แท้จริงนั้นคือทรัพย์สินมหาศาลได้สาบสูญไป
ด้วยเหตุนี้เมื่อ คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองเห็นกล่องนิรภัยโลหะในอ้อมกอดของท่านฟูจิโอะแล้วก็ยิ้มร่าออกมา ความพยายามมาเกือบทั้งชีวิตของเขาในที่สุดก็ได้สมปรารถนาในวันนี้
“ไม่ผิดแน่ ฮิเดโอะ ถึงฉันตายไปก็ไม่เป็นไร แต่กล่องใบนี้ นายต้องนำกลับไปที่ตระกูลของเราให้ได้!” ท่านฟูจิโอะพยักหน้าอย่างอ่อนแรง แล้วยื่นกล่องโลหะให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะ
“ท่านผู้อาวุโส โปรดวางใจ ฮิเดโอะจะต้องทำให้ตระกูลของเรากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะยื่นมือทั้งสองมารับกล่องไป เมื่อกล่องมาถึงมือ เขาขมวดคิ้วเพราะว่ากล่องโลหะไม่น่าจะมีน้ำหนักเบาขนาดนี้ ยิ่งพอถืออยู่ในมือ ยิ่งรู้สึกว่ากล่องไม่มีน้ำหนักเลย
จากน้ำหนักของกล่องนิรภัยทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะสงสัย ใบฝากเงินมูลค่ามหาศาลที่จะใช้ฟื้นฟูตระกูลอยู่ในกล่องใบนี้จริงหรือ?
ท่านฟูจิโอะอ่านท่าทางข้องใจของคิตะมิยะ ฮิเดโอะออก จึงยิ้มแล้วเฉลยว่า “กล่องใบนี้ตีขึ้นจากโลหะชนิดพิเศษ จนทุกวันนี้ในโลกนี้มีเพียงธนาคารแห่งชาติสวิสที่ใช้กัน นายอย่าได้สงสัยมันเลย…”
วัสดุที่นำมาทำเป็นตัวกล่องนั้นหายากยิ่ง แน่นอนว่าราคาของมันจึงสูงลิ่ว จนถึงวันนี้ธนาคารแห่งชาติสวิสได้นำออกให้ลูกค้าใช้เพียงแปดใบเท่านั้น แม้แต่อภิมหาเศรษฐีก็ยังไม่แน่ว่าจะมีกล่องแบบนี้
เมื่อราวครึ่งศตวรรษที่แล้ว มีเพียงลูกค้ารายใหญ่ที่ฝากเงินถึงหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ทางธนาคารจึงจะมอบกล่องนิรภัยชนิดนี้ให้ แม้ว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะจะเป็นคนมีความรู้รอบด้าน เขาก็ยังไม่รู้จักกล่องแบบนี้เลย
ท่านฟูจิโอะเห็นคิตะมิยะ ฮิเดโอะยังไม่คลายความสงสัย จึงพูดย้ำอีกครั้ง “ถ้านายไม่วางใจ ก็เปิดออกดูสิ!”
“มิได้ครับท่านผู้อาวุโส มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ฮิเดโอะไม่อยากให้เกิดความผิดพลาด”
ผู้ตายส่วนมากเป็นผู้กล้าเยี่ยมยุทธในตระกูล ถ้าเกิดในกล่องว่างเปล่า คิตะมิยะ ฮิเดโอะคงได้โมโหจนตายแน่นอน ถึงอยู่ในที่อันตราย เขายังยืนยันจะตรวจสอบให้ชัดเจน
“ตาแก่สองคนนั้นซุบซิบอะไรกัน?”
เยี่ยเทียนแกล้งทำท่างมหาทองคำใต้ก้นสระน้ำ แต่หูผึ่งแอบฟังคนทั้งสองคุยกัน ถึงจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่พอจะเดาได้ว่าทั้งสองกำลังปรึกษาเรื่องอะไรกัน
“พวกนาย ตั้งเขตคุ้มกันทั้งสี่ด้าน” หลังจากตัดสินใจจะเปิดกล่อง คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ตะโกนสั่งลูกน้องที่เหลือ ถึงรู้ว่ากำลังพลเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าประมาท
“รับทราบ!”
สมาชิกที่เหลือตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน แล้วรุมกันเข้ามามุงล้อมโขดหินเอาไว้ เหลือเพียงเยี่ยเทียนที่ยืนเซ่อซ่าอยู่รอจนเห็นคนอื่นรับคำแล้วจึงรีบหยุดทำท่างมหาทองคำ
“เจ้าโง่ ทำไมคนซื่อบื้ออย่างนั้นไม่ตายๆ ไปซะ”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะ เห็นท่าทางเซ่อซ่าของเยี่ยเทียนแล้วอดโมโหไม่ได้ ครั้งนี้ทหารฝีมือดีในตระกูลตายไปเกือบหมด เหลือเพียงแต่เจ้าคนโง่ซื่อบื้อแบบนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่รีบเปิดกล่องนิรภัยเสียก่อน เขาคงซัดบ้องหูเจ้านี่เข้าสักที
“ฮิโคโตชิ ผู้อาวุโสโชตะ รีบมาตรงนี่สิครับ”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะใช้สายตาข่มขวัญเยี่ยเทียนแล้วก็เรียกคิตะมิยะ ฮิโคโตชิกับผู้อาวุโสโชตะให้ขึ้นมาที่โขดหิน การเปิดกล่องครั้งนี้สำคัญมาก ต้องมีพยานรับรู้หลายคน
รอจนคิตะมิยะ ฮิโคโตชิมายืนอยู่ด้านหลังตัวเองแล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงบอกว่า “ฮิโคโตชิ ช่วยท่องรหัสลับนั่นออกมาให้ฟังหน่อย”
“นั่น…นั่นเป็นรหัสที่ใช้เปิดกล่องหรือ?”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิตกตะลึง ตอนที่เขาเพิ่งรับสืบทอดการดูแลสมบัติของตระกูลนั้น มีเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ต้องจดจำให้ขึ้นใจ คือตัวเลขชุดที่เรียงกันสี่สิบแปดตัว เพียงแต่เขาไม่ทราบมาก่อนว่าตัวเลขชุดนี้เป็นใช้รหัสลับ
คิตะมิยะ ฮิเดโอะพยักหน้าแล้วตอบว่า “ถูกแล้ว รหัสนี้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษกับตัวเลขรวมกันทั้งหมดหนึ่งร้อยหกสิบแปดตัวเป็นรหัสที่จะใช้เปิดกล่องได้ โดยแบ่งให้คณะอาวุโส หัวหน้า และผู้ดูแลทรัพย์สินรับผิดชอบ ฮิโคโตชิ นายมาทำเองเถอะ…”
การป้องกันรหัสลับ ต้องจัดแบ่งให้คนถึงสามคมจำรหัส วันนี้บังเอิญที่คนทั้งสามมาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อย่างนั้น คิตะมิยะ ฮิเดโอะคงไม่มีทางใช้รหัสเปิดกล่องดูว่ามีเอกสารลับเก็บอยู่ภายในกล่องจริงหรือไม่
“ได้!” คิตะมิยะ ฮิโคโตชิฟังคำอธิบายของคิตะมิยะ ฮิเดโอะจบก็ไม่รีรอ รับเอากล่องไปจากหัวหน้า
กล่องใบนี้ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร แม้จะถูกซ่อนอยู่ในที่เย็นอับชื้นขนาดนี้มาหลายสิบปี แต่ไม่มีสนิมขึ้นเลย หลังจากปลดสลักกระเป๋าชิ้นหนึ่งออกแล้ว จึงปรากฎเป็นรางรหัสล็อคที่มีทั้งตัวอักษรภาษอังกฤษและตัวเลขเรียงรายกันอยู่เบื้องหน้า
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิใช้ความคิดนึกถึงรหัส แล้วเลื่อนลางรหัสไปตามตัวอักษรและตัวเลขในความทรงจำ จากนั้นคืนกระเป๋าให้แก่หัวหน้า และคิตะมิยะ ฮิเดโอะกับผู้อาวุโสฟูจิโอะต่างลงรหัสที่ตัวเองทราบจนครบ เกิดเสียง “คลิก” เบาๆ แล้วกล่องนิรภัยก็เปิดออก
คนทั้งสามมองดูรอยแยกของปากกล่องที่ถูกเปิดออกแล้วต่างกลั้นหายใจ แม้แต่ทหารผู้คุ้มกันที่ยืนล้อมโขดหินอยู่ยังแอบมองไปที่กล่องนั้น
“ให้ตายเถอะ ไอ้แก่พวกนั้นตื่นเต้นอะไรกันนักหนา ข้างในกล่องนั่นต้องมีของสำคัญแน่เลย!”
ถึงเยี่ยเทียนจะฟังไม่ออก แต่ดูจากท่าทางของคนเหล่านั้นพอจะทราบว่า สิ่งของในกล่องต้องสำคัญมาก เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่ได้ตั้งใจมองดูทองคำแท่งเลย ความสนใจทั้งหมดของเขาไปตกอยู่ที่กล่องใบนั้น
คิตะมิยะ ฮิเดโอะเปิดกล่องออกด้วยมืออันสั่นเทา แสงสว่างจากไฟฉายสาดส่อง สิ่งที่อยู่ในกล่องนิรภัยปรากฎแก่สายตาของทุกคน
กล่องนั้นบุด้วยเบาะกำมะหยี่สีแดง ตรงกลางเป็นหลุมลงไป มีเอกสารที่ถูกห่อด้วยซองพลาสติก เหนือซองเอกสารนั้นมีหลุมอีกหลุมที่ไม่ใหญ่นัก ในนั้นบรรจุวัสดุทองคำรูปร่างกลมชิ้นหนึ่ง แต่ดูไม่ชัดว่าเป็นอะไร
“ท่าน…ท่านฟูจิโอะ ของมัน อยู่ในนี้หมดแล้ว” คิตะมิยะ ฮิเดโอะอดรนทนไม่ไหวหยิบเอาซองเอกสารออกมา ค่อยๆเปิดซองพลาสติกออกอย่างระมัดระวัง หลังจากพลิกเอกสารดูคร่าวๆ แล้ว ใบหน้าก็แสดงความตื่นเต้นยินดีอย่างลิงโลด
“ท่านมาซาทาเกะไม่มีทางยอมให้สมบัติที่เป็นของตระกูลสาบสูญไปอย่างแน่นอน ฮิเดโอะ นายต้องเอามันกลับไปที่ตระกูลของเรา!”
ท่านฟูจิโอะกล่าวเน้นย้ำกับคิตะมิยะ ฮิเดโอะอีกครั้ง ตอนนี้ฟูจิโอะเริ่มทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้ว จึงเอ่ยคำสั่งเสียแก่ฮิเดโอะจบแล้วก็นอนปรับลมหายใจที่ว้าวุ่นอยู่ให้สงบลง
“ท่านฟูจิโอะ วางใจเถอะ!” คิตะมิยะ ฮิเดโอะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แล้วหยิบเอาทองคำแท่งที่รูปร่างคล้ายปีกกาออกมาชั่งน้ำหนักด้วยมือ
………………
ตอนที่ 505 ระมัดระวัง
โดย
Ink Stone_Fantasy
แท่งทองคำมีขนาดยาวกว่านิ้วชี้เล็กน้อย บนนั้นมีหลุมเว้าลงไปซึ่งแกะสลักเต็มไปด้วยลวดลายพิสดาร ดูแล้วเหมือนเป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่งมากกว่า
“หัวหน้า นี่มันคืออะไร?” คิตะมิยะ ฮิโคโตชิมองดูสิ่งของที่อยู่ในมือ แล้วแล้วถามอย่างสงสัย การสืบหาสมบัติประจำตระกูลจนพบนั้นพอจะช่วยให้เขาคลายความทุกข์ใจจากการสูญเสียบุตรชายได้
“กุญแจ!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะถือของในมือแล้วเอ่ยต่อว่า “นี่เป็นกุญแจตู้เซฟเก็บสมบัติตระกูลเราในธนาคราแห่งชาติสวิส เพียงแค่ถือกุญแจดอกนี้ไปที่สวิสเซอร์แลนด์ ก็สามารถเปิดเอาตู้เซฟเอาสมบัติออกมาได้!”
การที่ธนาคารแห่งชาติสวิสสามารถดำรงกิจการมาได้ยาวนานขนาดนี้ เป็นเพราะการเก็บรักษาความลับและความเชื่อมั่นของลูกค้า ไม่ว่าฝากเงินทองทรัพย์สินเอาไว้นานเท่าไหร่ เพียงแค่นำหลักฐานออกแสดง ก็สามารถนำของที่ฝากอยู่กลับไปได้เลย
“การเก็บรักษาความลับของธนาคาร” ทำให้เงินที่ฝากอยู่ในธนาคารแห่งชาติสวิสสามารถเชื่อถือได้พอๆ กับเก็บไว้ในตู้นิรภัย
แน่นอนว่า เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น ผู้ฝากเงินเกิดเสียชีวิตไป ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้แต่งตั้งทายาท และไม่ได้บอกรหัสลับแก่คนในครอบครัวด้วย ทรัพย์สินเงินทองนั้นก็จะถูกเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารตลอดไป ไม่มีวันเอาออกมาได้อีก
เมื่อครั้งสองครามโลกครั้งที่สองการรุกรานชาวยิวจากทหารนาซี ทำให้เศรษฐีชาวยิวจำนวนมากนำเอาทรัพย์สินเงินทองเข้าไปฝากไว้ที่ธนาคารแห่งชาติสวิสด้วยตัวเองหรืออาจจะให้ผู้อื่นช่วยนำฝาก
ต่อมาชาวยิวถูกทหารนาซีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในค่ายกักกันหลายแห่งในเยอรมัน บัญชีเงินฝากและรหัสลับของพวกเขาจึงได้หายสาบสูญตามเจ้าของไปด้วย ตัวเลขบัญชีธนาคารจำนวนมากกลายเป็น “บัญชีตาย”ที่ไม่มีเจ้าของ
สภาพของตระกูลคิตะมิยะก็เป็นเช่นเดียวกัน หลังจากคิตะมิยะ มาซาทาเกะตายไปแล้ว รหัสลับของบัญชีก็หายสาบสูญไป ดังนั้นเมื่อตระกูลคิตะมิยะในหลายปีมานี้ได้ทำการติดต่อกับธนาคารแห่งชาติสวิส แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเอาทรัพย์สินออกมา
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิรับเอากุญแจมาจากคิตะมิยะ ฮิเดโอะพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “เทคนิคขั้นสูงสุดของธนาคารแห่งชาติสวิสเมื่อห้าสิบปีก่อนนั้น จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครไขความลับได้”
แม้ว่าเทียบกับเอกสารพวกนั้นแล้วกุญแจดอกนี้มีมูลค่าไม่มากเท่า แต่ตอนนั้นที่คิตะมิยะ มาซาทาเกะนำทรัพย์สมบัติของตระกูลเข้าฝากที่ธนาคารนั้น เป็นสมบัติมีค่าที่ตระกูลเก็บสะสมปล้นสะดมมาจากประเทศต่างๆ เป็นของมีค่าชนิดที่ประเมินค่าไม่ได้ทั้งนั้น
ฮิโคโตชิส่งกุญแจคืน ฮิเดโอะส่ายหัวตอบว่า “ฮิโคโตชิ กุญแจอันนี้ให้นายเป็นคนเก็บรักษา รอกลับไปถึงตระกูลแล้วนายค่อยเอาให้ฉัน”
“หืม? นี่….เรื่องสำคัญมากนะ เอาไว้ในกล่องนิรภัยแบบเดิมเถอะ?”
ฮิโคโตชิงุนงง กุญแจดอกนี้ไม่ธรรมดา ถ้าหากเขาพกติดตัวไว้แล้วทำหาย เขาจะกลายเป็นคนบาปของตระกูลทันที
“ไม่เพียงแต่กุญแจ เอกสารก็ด้วย ฉันจะพกมันติดตัวไว้ตลอดเวลา”
ฮิเดโอะโบกมือ นำเอกสารใส่กลับเข้าไปในซองเหมือนเดิม แล้วใส่ไว้ในเสื้อตรงหน้าอก เสื้อผ้าของเขากันได้ทั้งน้ำและไฟ จึงสามารถปกป้องเอกสารไม่ได้เสียหายได้
“หัวหน้า แบบนี้ไม่ค่อยดีกระมัง?”
ถ้าไม่ใช่ฮิเดโอะที่เอากุญแจให้เขาเป็นคนเก็บรักษาแล้ว ฮิโคโตชิเองก็อดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ว่าฮิเดโอะตั้งใจจะฮุบขุมทรัพย์ทั้งหมดเอาไว้คนเดียว มีสิ่งของซ่อนเอาไว้อยู่กับตัวจะไปปลอดภัยเท่าเก็บไว้ในกล่องนิรภัยได้อย่างไร?
ท่านฟูจิโอะที่ตอนแรกหลับตาอยู่ได้ยินคนทั้งสองถกเถียงกัน จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น พูดว่า “ทำตามที่ฮิเดโอะบอกเถอะ เขาทำแบบนี้มีเหตุผล เก็บในกล่องนิรภัยมันเสี่ยงเกินไป….”
“ท่านฟูจิโอะเข้าใจผมเป็นอย่างดี” ถ้าไม่ใช่เพราะท่านฟูจิโอะอายุมากแล้วและสูญเสียความเป็นชายไป ฮิเดโอะคงอยากจะสานสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งกว่านี้ ตาแก่คนนี้รู้ใจเขาดียิ่งกว่าพยาธิตัวตืดในท้องของเขาอีก
กล่องนิรภัยแม้จะปลอดภัย แต่เป็นเป้าหมายที่ชัดเจนเกินไป ตอนนั้น ฮิเดโอะวางอุบายล่อลวงโก่วซินเจียได้จึงกลัวว่าคนอื่นจะมาใช้วิธีกับเขาเช่นกัน
อีกทั้งตั้งแต่เข้ามาให้หุบเขาปีศาจแล้ว ไม่มีทางติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกหรือคนในตระกูลได้เลย จึงทำให้ฮิเดโอะออกจะกังวล คำโบราณว่าไว้ว่าพอได้ฆ่าคนก็จะกลัวว่าจะมีคนมาฆ่าตน การแก้แค้นในตอนนั้นไม่แน่ว่าอาจจะมาถึงตัวเองในสักวัน
เหตุการณ์เมื่อครู่มีพี่น้องคนในตระกูลบาดเจ็บล้มตายมากมาย คนที่เหลืออีกยี่สิบกว่าคนถ้าเกิดโดนโจมตีอีกครั้งพวกเขาก็โยนกล่องนิรภัยออกไป ทำให้พอมีเวลาหนีเอาตัวรอดกันได้บ้าง
“หัวหน้าช่างหลักแหลม ผมฮิโคโตชิคิดไม่รอบคอบเอง!” ได้ยินที่ท่านฟูจิโอะอธิบายแล้ว ฮิโคโตชิจึงเผยสีหน้าละอายออกมา ทุกทีเขามักรู้สึกว่าตัวเองนั้นฉลาดหลักแหลมเจ้าแผนการ แต่ตอนนี้ถึงรู้ว่า ตัวเองถ้าเทียบกับอีกสองคนที่เหมือนหมาป่าเฒ่านั้นก็ยังเทียบกันไม่ติด
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว ขนเอาทองคำออกไปก่อน รอถึงพรุ่งนี้เช้า พวกเราค่อยออกเดินทาง!”
การอยู่ในถ้ำอันมืดมิดอับชื้นเป็นเวลานานทำให้ฮิเดโอะรู้สึกอึดอัดอย่างไรบอกไม่ถูก หลังจากเก็บเอกสารดีแล้วจึงออกคำสั่งว่า “มานี่สองคน แบกท่านฟูจิโอะออกไป ส่วนคนอื่นเตรียมเชือกรอกลากจูง เอาทองคำพวกนี้ขนออกไปหน้าปากถ้ำ
ฮิเดโอะออกคำสั่งแล้วพวกคนที่เหลือลงมือทำงานทันที รถลากสี่ล้อเจ็ดแปดคันถูกลากเข้ามาในถ้ำ รถถังที่จอดอยู่ปากถ้ำ ถูกสตาร์ทเครื่องเสียงดังกระหึ่มก้องไปทั้งหุบเขาปีศาจ
ตอนท้ายของรถถังได้ติดตั้งโซ่ลากจูงแข็งแรง รถเข็นสี่ล้อแต่ละคันบรรทุกทองคำเต็มคันรถ แล้วเชื่อมต่อกับโซ่ลากจูง ชักรอกขนทองคำออกไปถ้ำ โดยมีคนควบคุมเดินขนาบข้างที่เดินเก็บทองคำที่หล่นอยู่ตามข้างทางโยนเข้าไปในรถ
ทองคำที่ถูกซ่อนอยู่ในถ้ำนี้เป็นทองคำแท่งน้ำหนักแท่งละสองกิโลกรัม มีหนึ่งหมื่นกว่าก้อนทั้งหมดหนักยี่สิบตัน บวกกับเครื่องประดับทองและอัญมณีกองเป็นภูเขา ทั้งหมดใช้เวลาขนกันทั้งคืนถึงจะหมด
เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพี่น้องตระกูลคิตะมิยะที่เสียสละชีวิตในการค้นหาสมบัติของตระกูล จึงได้นำเอาศพชิ้นส่วนมนุษย์มารวมกันที่มุมหนึ่งของถ้ำ เมื่อขนเอาสมบัติออกจากถ้ำหมดแล้ว ผู้ที่รอดชีวิตบางคนจึงปีนขึ้นไปที่เพดานเพื่อติดตั้งระเบิดแรงสูง
ถึงทุกคนทำงานออกแรงกันมาทั้งคืนจนอ่อนล้าไปหมด แต่ก่อนที่จะออกจากสถานที่ขุมนรกแห่งนี้ ก็ต้องให้ทุกคนช่วยกันขนทองพวกนี้ขึ้นรถออฟโรด
“ไปเถอะ หัวหน้า ฮาเซดะเขาพลีชีพเพื่อวงศ์ตระกูล ถือเป็นเกียรติของพวกเขามาก!”
ฮิโคโตชิเห็นฮิเดโอะยืนไว้อาลัยอยู่หน้าปากถ้ำเสียนาน เข้าใจความรู้สึกสูญเสียใหญ่หลวงของหัวหน้าเป็นอย่างดี ไม่ว่าวันหน้าอีกหลายสิบปีจะเกิดอะไรขึ้น แต่การกระทำของคิตะมิยะ ฮิเดโอะในวันนี้เป็นการทำคุณไถ่โทษของเขาแล้ว
“ฮิโคโตชิ ฉันเหนื่อยแล้ว พอกลับไปญี่ปุ่น ฉันจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า ต่อไปตระกูลคิตะมิยะต้องพึ่งนายแล้ว ขอฝากด้วย!”
การสูญเสียคนฝีมือดีในตระกูลมากมายขนาดนี้ ฮิเดโอะรู้ดีว่าถึงเขาไม่กระทำฮาราคีรีฆ่าตัวตาย แต่ตำแหน่งหัวหน้านั้นคงเป็นต่อไปไม่ได้แล้ว เมื่อครู่เขาไม่ได้พูดเพราะความเสียใจต่อการตายของคนในตระกูล แต่เพราะกำลังรำลึกนึกย้อนไปในอดีตหลายสิบปีของตัวเอง
“ไปได้!” ฮิเดโอะโบกมือให้สัญญาณ แล้วรถออฟโรดยี่สิบกว่าคันก็ออกเดินทางพร้อมกัน จากตอนแรกที่มีผู้ร่วมทางร้อยกว่าคน ตอนนี้เหลือเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ทำให้ในรถแต่ละคันมีคนขับแค่คนเดียว
แม้จะมีรถถังนำหน้าคอยเปิดทางให้รถออฟโรดอีกยี่สิบกว่าคันตามหลังมาติดๆ เมื่อขบวนห่างออกมาจากตัวถ้ำสี่ห้าร้อยเมตร จึงเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องมาจากตัวถ้ำ
ฮิเดโอะตัดสินใจใช้ดินระเบิดและระเบิดแรงสูงที่นำมาทั้งหมดฝังไว้ในถ้ำ เสียงดังกึกก้องตามมาด้วยกลุ่มควันหนาแน่นพวยพุ่งออกมาเป็นรูปร่างเหมือนดอกเห็ดปกคลุมไปทั้งบริเวณปากถ้ำ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเต็มกว่าที่กลุ่มควันจะจางหายไป พอหันหลังกลับไปมอง ถ้ำใหญ่ที่เคยสูงถึงสามสิบเมตรกลับพังลงมาราบเป็นหน้ากลอง ถ้าหากวันหนึ่งมีคนค้นพบโครงกระดูกร้อยกว่าศพที่นั่นคงเป็นปริศนาชวนสงสัยแน่นอน?
“ปากทางเข้าหุบเขาไม่ได้กว้างมาก รถคงผ่านได้แค่ทีละสองคัน ถ้าเกิดข้างหน้าถูกโจมตี เกรงว่าพวกเขาสามารถถอยหลังกลับไปได้ทัน?”
แม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่เยี่ยเทียนก็ยังไม่ถูกจับได้ เพราะว่าคนที่เป็นใหญ่หรือคนที่รู้จักคนมากนั้นตายไปหมดแล้ว พวกที่เหลืออยู่จึงไม่ค่อยสนิทกัน เยี่ยเทียนก็ถูกสั่งให้ไปประจำที่รถออฟโรดคันหนึ่งที่บรรทุกเครื่องประดับไว้เต็มทั้งคัน
แต่ตอนนี้เยี่ยเทียนกำลังปวดหัว ความน่ากลัวที่สุดของหุบเขาปีศาจคือเจ้างูยักษ์ตัวนั้น ตอนนี้งูกยักษ์ถูกกำจัดไปแล้ว ถ้าขบวนรถถูกโจมตีที่ทางเข้าหุบเขาอีกครั้ง พวกเขาจะต้องไปหาทางเข้าออกหุบเขาทางอื่นอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนจึงเดินออกไปข้างทางเพื่อดูจานเข็มทิศ แล้วจึงค่อยๆ รั้งท้ายขบวนไปโดยไม่รู้ตัว โดยไม่มีใครสังเกต
“หยุด!” เมื่อมาถึงปากทางเข้าหุบเขา รถถังหน้าขบวนหยุดจอดลง ฮิเดโอะปีนออกมาจากในตัวรถ
“ฮิโคโตชิ ติดต่อกับคนข้างนอกได้หรือยัง?” ฮิเดโอะจับจ้องไปที่ทางเข้าหุบเขารูปตัวเอส ในใจรู้สึกถึงลางสังหรณ์ของอันตราย
“การเชื่อมต่อสื่อสารของพวกเรา มาถึงตรงนี้แล้วก็ยังไม่มีสัญญาณ!”
ฮิโคโตชิส่ายหน้า เขาเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เมื่อครู่การระเบิดในหุบเขาดังสนั่นหวั่นไหว ตามหลักแล้วคนที่อยู่ด้านนอกก็ควรจะเข้ามาสืบดูสถานการณ์
ฮิเดโอะมองกลับไปที่รถออฟโรดหลายคันด้านหลัง สั่งว่า “นาโอกิ นายออกไปดูหน่อยสิ!”
“ครับ หัวหน้า!” แม้จะไม่เต็มใจ แต่คิตะมิยะ นาโอกิได้ตอบรับคำสั่ง แล้วนำคนอีกสี่ห้าคนเดินไปตามปากทางเข้าหุบเขา
“ปลิ้นปล้อนที่สุดเจ้าพวกนี้” เมื่อเยี่ยเทียนดูรูปการณ์แล้วคงจะอยู่ในรถต่อไม่ได้แล้ว เขาจึงค่อยๆ เปิดประตูรถให้เบาที่สุด แล้วเดินผ่านไปทางรถคันหน้า
……………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น