หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 502-503
บทที่ 502 ความเห็นที่แตกต่างกัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เกาะเพลิงเขียวตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะหลักสำนักวังเต๋าไพศาล มีเกาะเล็กๆ เจ็ดถึงแปดเกาะรายล้อม เกาะเพลิงเขียวถือเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้ นอกจากจะเป็นเกาะที่มีเส้นปราณวิญญาณอยู่แล้ว ยังมีหญ้าเพลิงเขียวขึ้นอยู่ทั่ว ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นหนึ่งในยี่สิบเกาะชั้นนำจากเกาะหลายร้อยเกาะรอบสำนักวังเต๋าไพศาล
เกาะชั้นนำสิบลำดับแรกอยู่ในความดูแลของผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณแห่งสำนักวังเต๋าไพศาล ส่วนเกาะอื่นๆ ที่เหลือ เช่น เกาะเพลิงเขียวนั้นดูแลโดยสามผู้อาวุโสและศิษย์ของผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ คนอื่นๆ นั้นไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาได้โดยง่าย
นี่เป็นสาเหตุที่เมี่ยเลี่ยจื่อลุกขึ้นมาต่อต้านทันทีที่เฟิ่งชิวหรันเสนอให้หวังเป่าเล่อเข้ามาดูแลเกาะเพลิงเขียว ก่อนจะประนีประนอมยอมให้หวังเป่าเล่อและเหลียงหลงแบ่งกันดูแลเกาะ
ไม่มีใครเปิดเผยเหตุผลเบื้องลึกให้เห็นเด่นชัด แต่ทั้งเมี่ยเลี่ยจื่อและเฟิ่งชิวหรันต่างมุ่งหวังให้ทั้งสองขับเคี่ยวกันเอง เมี่ยเลี่ยจื่อมั่นใจในตัวศิษย์ของตนอย่างมาก เมื่อเหลียงหลงขึ้นมามีอำนาจเหนือหวังเป่าเล่อได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเมี่ยเลี่ยจื่อที่จะเอาชนะเฟิ่งชิวหรันในอนาคต
เฟิ่งชิวหรันเองก็อยากให้ศิษย์ของสหพันธรัฐ โดยเฉพาะหวังเป่าเล่อได้แสดงความสามารถ ซึ่งจะช่วยลดความกดดันที่นางแบบอยู่และช่วยสร้างความมั่นใจให้สมาชิกในฝ่ายของนาง ไม่กี่วันมานี้สถานการณ์กลับพลิกผัน หลายคนในฝ่ายที่เคยทำตามคำสั่งนางไม่ขัดกลับเริ่มคิดสงสัยในตัวนางขึ้นมาในใจ
หวังเป่าเล่ออาจไม่เข้าใจความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายดี แต่เขาก็ได้อ่านอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงมาตั้งแต่เด็ก มีประสบการณ์ทำงานในฝ่ายปกครองของสหพันธรัฐและเคยเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในมานักต่อนัก จึงค่อนข้างจะคุ้นชินกับบรรยากาศตึงเครียดนี้ดี หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพักก็เริ่มจะดูสถานการณ์ออก
ชายหนุ่มไม่ได้ทำตัวผิดแปลกอะไรระหว่างการเดินทาง เขาทะยานไปบนฟ้าตามหลังหัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวไป นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อได้ออกจากเกาะหลักของสำนักวังเต๋าไพศาล คลื่นความร้อนตีปะทะใบหน้าของชายหนุ่ม ผืนดินเบื้องล่างเดือดปุดไปด้วยลาวา มีเปลวไฟปะทุขึ้นมาเป็นช่วงๆ ราวกับคลื่นซัดขอบชายฝั่งดูน่าครั่นคร้าม ฟากฟ้าสีเลือดหมูและหมู่เกาะมากมายทำให้หวังเป่าเล่อตาเป็นประกายประหลาดเมื่อได้เห็น
เป็นบรรยากาศที่ดูไม่เป็นมิตรแตกต่างจากสหพันธรัฐยิ่งนัก หากไม่มีปราณวิญญาณอัดอยู่หนาแน่น หวังเป่าเล่อคงจะคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นนรกที่บรรยายอยู่ในตำนานบนโลก
เหลียงหลงเหลือบมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาดูแคลนอย่างไม่คิดปิดบัง ก่อนจะแค่นเสียงทางจมูก เขาหันไปมองทางหัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวเบื้องหน้า และตัดสินใจไม่เย้าแหย่อีกฝ่ายอย่างเปิดเผย แต่ก็คิดไว้แล้วว่าทันทีที่ถึงเกาะและหัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวกลับไปแล้ว ชายหนุ่มจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้หลาบจำว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ฝึกตนได้!
ด้วยทรัพยากรและเคล็ดวิชาที่มีทำให้ชายหนุ่มมั่นใจมากว่าตนไม่มีทางแพ้อีกฝ่าย ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เขาเพิ่งจะบรรลุจากขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้นไปขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
จะให้ฆ่าเจ้าสัตว์ชั้นต่ำนี่คงเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าน่าจะหักแขนหักขา สูบพลังปราณ และทำให้มันพิการไปเลยได้! คิดดังนั้น ดวงตาชายหนุ่มก็ฉายแววอำมหิต
หวังเป่าเล่อเหลือบมองเหลียงหลงพร้อมแอบแค่นเสียงไม่พอใจอยู่ภายในเช่นกัน หัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวที่อยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดของคนทั้งคู่แต่ก็เข้าไม่ยุ่งอะไรไม่ได้ เขารีบเร่งความเร็วขึ้นอีก ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามก็ทะยานข้ามฟ้ามาถึงจุดหมาย
เบื้องหน้าพวกเขาคือเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางทะเลเพลิงกว้างใหญ่ไพศาล มีขนาดประมาณหนึ่งในสิบของเขตนครพิเศษบนดาวอังคาร ผืนดินมีสีดำ เกือบครึ่งหนึ่งของเกาะมีหญ้าสีม่วงขึ้นปกคลุม
เกาะแห่งนี้มียอดเขาสามยอด ยอดเขาตรงกลางสูงตระหง่านกว่ายอดเขาที่ขนาบข้าง ตั้งเด่นเป็นสง่าราวกระบี่คมทิ่มแทงสรวงสวรรค์ มีสองยอดเขาซ้ายขวาปกป้องอยู่เคียงข้าง
หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณหนาแน่นที่แผ่กระจายออกมาจากเกาะตั้งแต่ที่ยังเหาะอยู่ห่างออกไป ปราณวิญญาณในเกาะแห่งนี้มีความหนาแน่นเทียบเท่าเกาะหลักสำนักวังเต๋าไพศาลเลยทีเดียว
ทั้งสามเข้าไปในเกาะ มีลานกว้างบนยอดเขากลางในเกาะเพลิงเขียว ผู้ฝึกตนสิบกว่าคนออกมารอต้อนรับ ในกลุ่มมีผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นห้าคน ที่เหลือยังอยู่ในระดับลมหายใจเที่ยงแท้ กลุ่มผู้ฝึกตนเหล่านี้เป็นคนจากสำนักวังเต๋าไพศาลที่มาฝึกวิชาบนเกาะแห่งนี้ และดูเหมือนพวกเขาจะยืนรอกันมาสักพักแล้ว
ในหมู่ผู้ฝึกตนเหล่านี้มีชายวัยกลางคนไว้หนวดคนหนึ่ง ระดับการฝึกตนของเขาอยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ เขารีบก้าวออกมาโค้งหัวทันทีเมื่อเห็นพวกหวังเป่าเล่อที่อยู่บนฟ้า
“ศิษย์โจวเปี่ยวขอต้อนรับท่านหัวหน้าตำหนักหลี่!”
ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ รีบทักทายตาม เสียงพวกเขาดังก้องไปทั่ว หัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวนำหวังเป่าเล่อและเหลียงหลงทะยานลงไปบนลานกว้างเบื้องหน้าทุกคน
เขาไม่ได้สนใจโจวเปี่ยว กลับหันมองหวังเป่าเล่อและเหลียงหลงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ที่นี่คือเกาะเพลิงเขียว ตั้งแต่บัดนี้ พวกเจ้าทั้งสองเป็นเจ้าเกาะของเกาะแห่งนี้ มีตำแหน่งและสถานะเทียบเท่ากัน!”
“ข้ามีหน้าที่พาพวกเจ้ามายังเกาะนี้เท่านั้น ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องอื่น ขอตัวก่อน!” หัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวเหมือนจะไม่อยากอยู่นานไปกว่านี้ เขาหันหลังพุ่งทะยานข้ามฟากฟ้าไปรวดเร็วราวสายรุ้ง
ทันทีที่หัวหน้าตำหนักจากไป โจวเปี่ยวและกลุ่มผู้ฝึกตนก็หันมองหวังเป่าเล่อและเหลียงหลงด้วยสายตาเป็นประกาย ขณะเดียวกันนั้นเหลียงหลงก็หันไปมองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาอาฆาต
“ชั้นต่ำ…”
“เจ้าสิที่ชั้นต่ำ!” หวังเป่าเล่อไม่เปิดโอกาสให้เหลียงหลงได้พูดจนจบ เขาตะโกนขึ้นพร้อมพุ่งไปหาเหลียงหลงอย่างรวดเร็วจนทิ้งเงาร่างไว้เบื้องหลัง ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นต่อย!
ปล่อยกระบวนเวทระเบิดกำเนิดดวงดาราออกมา!
พลังของกระบวนเวทระเบิดกำเนิดดวงดารานั้นรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ เมื่อได้พลังปราณระดับกำเนิดแก่นในมาเสริม หมัดหนักของเขาพุ่งไปข้างหน้า ฟากฟ้าพลันเปลี่ยนสี เส้นสายอัสนีปรากฏขึ้นรอบหวังเป่าเล่อ ก่อนจะแผ่ขยายออกไปรอบๆ เปลี่ยนทั้งบริเวณให้กลายเป็นวังวนอัสนี
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เหลียงหลงมีสีหน้าตื่นตระหนก เขาตั้งใจจะพูดอะไรสักเล็กน้อยก่อนจะลงมือ แต่ไม่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะมุทะลุเช่นนี้ ชายหนุ่มรีบยกมือขวาขึ้นโบก พลังปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางพวยพุ่งออกจากร่าง ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นพายุหมุนที่หมายมั่นจะหยุดการโจมตีของอีกฝ่าย
เป็นเวลาแค่ชั่วอึดใจตั้งแต่ที่เขากลืนคำสบประมาทลงคอและรีบตอบโต้การโจมตีของอีกฝ่าย หมัดของหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าใส่พายุป้องกันตนของเหลียงหลงเกิดเป็นเสียงอสนีบาตคำรามลั่นฟ้า เหลียงหลงหน้าถอดสี เขาตื่นตกใจและหวาดผวา รู้สึกราวกับตนโดนภูผาทับ ร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้าน รู้สึกเหมือนว่าอวัยวะภายในถูกบดขยี้ พายุที่ร่ายขึ้นมาป้องกันดูเหมือนไม่สามารถทานทนการโจมตีของอีกฝ่ายได้ไหว มันสั่นคลอน ส่งสัญญาณเหมือนจะพังทลาย จนทำให้เหลียงหลงต้องถอยหลังหนี
มีร่างกายเช่นใดกัน เหตุใดถึงแข็งแกร่งเพียงนี้!
แรงปะทะเมื่อครู่กระจายออกไปทั่วราวกับเป็นพายุไร้จุดหมาย โจวเปี่ยวและคนอื่นๆ ส่งเสียงตื่นตะลึงและรีบถอยหนี
ตอนแรกพวกเขาสนับสนุนเหลียงหลงเพราะอย่างไรเสียหวังเป่าเล่อก็เป็นคนนอก แต่พลังอำนาจอันร้ายกาจที่หวังเป่าเล่อแสดงให้เห็นก็ทำให้พวกเขาลังเลใจ ราวกับว่า…กฎของผู้แข็งแกร่งจะใช้ได้กับทุกคน!
หัวหน้าตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวยังไปไม่ได้ไกลมากนัก เขาหยุดก้มหัวมองสถานการณ์เบื้องล่างอยู่กลางอากาศ ไม่คิดจะเข้าไปยุติการต่อสู้แต่อย่างใด หากแต่เร่งความเร็วทะยานกลับตำหนักไป
การต่อสู้ยังไม่จบลง ขณะที่เหลียงหลงล่าถอยไปอย่างทุลักทุเล หวังเป่าเล่อก็เอียงคอไปทางซ้ายจนเกิดเสียงดังกร็อบ เขากระทืบเท้าขวาทะยานไปข้างหน้า โทรโข่งอันใหญ่ปรากฏขึ้นที่มือขวา ชายหนุ่มพลิกมือพร้อมเหยียดยิ้ม ก่อนจะพุ่งไปตะโกนใส่เหลียงหลงที่กำลังตกใจไม่หาย
“ข้าอยากจะเตะตูดเจ้าตั้งแต่ตอนอยู่ที่ตำหนักปรัศนีสวรรค์แล้ว!”
พลังเสริมจากโทรโข่งอาวุธเวทระดับเจ็ดช่างน่าพรั่นพรึงยิ่งนัก มันแปรเปลี่ยนถ้อยคำของหวังเป่าเล่อให้เป็นคลื่นเสียงกระแทกดังสนั่นราวเสียงร้องคำรามของทวยเทพ คลื่นเสียงทลายโสตประสาททำให้ทะเลเพลิงรอบเกาะพัดกระเซ็นเป็นวงกว้าง แก้วหูของโจวเปี่ยวและคนอื่นๆ สั่นสะท้านจนเกือบจะหูหนวกไป พวกเขากระอักเลือดสดๆ ออกจากปาก
ใครๆ ก็คงจินตนาการชะตากรรมของเหลียงหลงที่โดนโจมตีโดยตรงได้ ชายหนุ่มหน้าถอดสี เห็นภาพเบื้องหน้าบิดเบี้ยวไปหมดเมื่อคลื่นเสียงแผ่กระจายไปทั่ว พลังสั่นสะท้านฟ้าดินบีบรัดหัวใจของเขา ความหวั่นกลัวเกินบรรยายก่อตัวขึ้นภายใน!
หลังจากส่งคลื่นเสียงออกไป หวังเป่าเล่อก็ตั้งผนึกฝ่ามือด้วยมือซ้าย ส่งสายฟ้าฟาดหลายเส้นพุ่งไปทางเหลียงหลง จากนั้นก็ส่งขาขวาทะยานไปอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงแหวกอากาศ จุดหมายปลายทางที่จะลงจอดก็คือ…ตรงกลางระหว่างสองขาของอีกฝ่าย!
บทที่ 503 เจ้าอยากจะสู้กับข้าหรือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางแต่กล้ามาลองดีกับข้าเชียวหรือ เจ้าเหลียงหลงนี่มีแค่แก่นเดียว แต่ข้ามีถึงสาม! หวังเป่าเล่อคิดอย่างจองหอง การโจมตีของเขาเหนือชั้นกว่าเหลียงหลงอยู่มาก ตั้งแต่มีแก่นในหัวใจ พละกำลังของเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าหวั่นเกรง อีกทั้งชายหนุ่มยังมีแก่นในแห่งอัสนีกับแก่นในแห่งความมืดอยู่ด้วย
การฝึกกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงช่วยเสริมรากฐานการฝึกตนของเขา เมื่อชายหนุ่มเปิดฉากโจมตี สายฟ้าหลายเส้นก็ฟาดฝ่าลงมาจากสรวงสวรรค์ทำให้เหลียงหลงแทบจะไม่มีหนทางตอบโต้กลับ ชายหนุ่มต้องล่าถอยไปรับมือ ไม่สามารถปล่อยกระบวนท่าโจมตีอะไรได้มาก
หวังเป่าเล่อพุ่งไปข้างหน้าราวกับเป็นไดโนเสาร์ดุร้ายที่พร้อมจะกัดกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เหลียงหลงตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำเมื่อได้เห็นภัยอันตรายถึงชีวิตเบื้องหน้า เขารีบถอยหนีพร้อมกระชากสร้อยหยกใต้คอเสื้อออกมา และใช้นิ้วกดลงไป
เจ้ามีอาวุธเทพ ข้าก็มี!
สร้อยหยกส่องแสงทันใด ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกระดองเต่าขนาดใหญ่ให้เหลียงหลงซ่อนตัวอยู่ภายใน กระดองเต่าปรากฏตัวได้ทันท่วงทีที่คลื่นเสียงจากโทรโข่งของหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าปะทะ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศ
ฟากฟ้าสั่นคลอนจากการปะทะอันรุนแรง พลังจากคลื่นเสียงแหวกพสุธาจนเตลิดเปิดเปิงหลายบริเวณ แต่กลับ…ทิ้งเพียงรอยเล็กๆ ไว้บนกระดองเต่าที่คุ้มกันเหลียงหลงอยู่ ก่อนที่มันจะฟื้นฟูสภาพกลับไปเป็นเหมือนเดิมในทันที!
ยังไม่ทันที่คนรอบข้างจะทันเหลียวมอง หลังการโจมตีจากคลื่นเสียงก็ตามมาด้วยอสนีบาตในทันที สายฟ้าฟาดใส่กระดองเต่า แต่ก็ฝากไว้เพียงรอยเล็กๆ ไม่อาจทลายมันลงได้ หวังเป่าเล่อพุ่งตามมา ยกขาขวาขึ้นเตะอัดกระดองเต่า ฝากรอยแตกเอาไว้ได้ในที่สุด
ถึงกระนั้น รอยแตกบนกระดองเต่าก็ฟื้นฟูกลับสภาพเดิมในทันที!
หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วพร้อมถอยกลับ ในที่สุดเหลียงหลงก็ได้พักหายใจ ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวขณะจ้องขาขวาของอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะพลันตื่นกลัว กระดองเต่าชิ้นนี้เป็นของล้ำค่ามาก เป็นเครื่องป้องกันที่อาจารย์ของเขาให้มา สามารถต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณได้ และไม่มีทางที่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจะสร้างความเสียหายได้
เขาลองทดสอบจากการต่อสู้กับผู้อื่นหลายครั้งรวมถึงการไปปฏิบัติภารกิจในตัวกระบี่ แต่ลูกเตะของหวังเป่าเล่อเมื่อครู่กลับสามารถสร้างรอยแตกบนกระดองเต่าได้ แม้จะฟื้นฟูสภาพได้ทันที แต่ชายหนุ่มก็อดสั่นกลัวไม่ได้ พอนึกถึงจุดที่อีกฝ่ายพุ่งเป้ามา เหลียงหลงก็ขนลุกซู่
ชั่วจริงๆ!
ขณะที่เหลียงหลงกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงอำมหิต เขาออกตัวพุ่งไปข้างหน้าอีกรอบ ครั้งนี้เร็วเสียจนเหลียงหลงไม่มีเวลาได้ตั้งรับ ชายหนุ่มทะยานเข้าไปพร้อมยกมือขวาขึ้นเตรียมโจมตี
ไม่ได้ปล่อยไปแค่หมัดเดียว แต่ปล่อยไปเป็นชุด!
เสียงอสนีบาตดังขึ้นหลายหน หวังเป่าเล่อเป็นดังพายุถาโถมเข้าใส่กระดองเต่าของเหลียงหลง เสียงหมัดและลูกเตะที่เข้าปะทะกับกระดองเต่าดังก้องไปทั่ว เขาปล่อยพลังจากแก่นในทั้งสามพร้อมกัน แต่ก็ทำได้เพียงฝากรอยแตกอีกหลายรอยไว้บนกระดองเต่าเท่านั้น
เหลียงหลงไม่ได้หลบอย่างสบายใจอยู่ภายใน แม้กระดองเต่าจะต้านทานการโจมตีได้ แต่ก็ยังสั่นไหวไปมาจากหมัดและลูกเตะของอีกฝ่าย อีกทั้งยังไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้ง หวังเป่าเล่อปล่อยพายุหมัดกว่าร้อยครั้งไม่มีหยุด แถมด้วยลูกเตะอีกหลายสิบที แรงสั่นสะเทือนทำให้เลือดในกายของเหลียงหลงปั่นป่วนจนรู้สึกทรมาน
ชายหนุ่มเดือดดาลจากการต้องทนรับการโจมตีโดยที่ไม่สามารถตอบโต้กลับได้ ดวงตาของเขาฉายรังสีสังหาร เกือบจะปล่อยท่าพิฆาตออกไป แต่ก็ยั้งมือเอาไว้ก่อน
ข้าจะรอให้เจ้านั่นเหนื่อยก่อนค่อยโจมตี จะใช้กระดองเต่านี่ทำให้มันเหนื่อยล้า!
เหลียงหลงกัดฟันแน่นเมื่อคิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน กระดองเต่าเบื้องหน้าทำให้เขาต้องปวดหัวที่ไม่สามารถทลายมันลงได้
ข้าเคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อน… ตอนที่หวังเป่าเล่อปล่อยหมัดออกไป เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเจออะไรที่คล้ายๆ กันนี้ในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ตอนนั้นเขาจับอีกฝ่ายขังไว้ในอะไรบางอย่างแทน
เอาเช่นนั้นแล้วกัน เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อเริ่มหมดความอดทน เขาถอยหลังกลับพร้อมตั้งมือขวาขึ้น แสงจากคาถาส่องประกายในทันใด
นัยน์ตาของเหลียงหลงฉายแสงวาบเมื่อเห็นอีกฝ่ายล่าถอยไป เขารอจังหวะนี้อยู่ ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นตั้งผนึกฝ่ามือ จากนั้นก็ร้องคำรามลั่นพร้อมกัดลิ้นพ่นเลือดออกมา ก่อนจะยกมือขวาเอื้อมคว้าอากาศ พลันเลือดที่พ่นออกจากปากก็กลายเป็นกระบี่โลหิตปรากฏขึ้นในมือ เขากำลังจะลงมือตอบโต้ขณะที่เห็นขอบระฆังใบน้อยเผยออกมาจากแสงในมือหวังเป่าเล่อ!
มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสูงราวสามเมตร มีพลังน่ากลัวแผ่พุ่งออกมา ดู…เหนือชั้นกว่าโทรโข่งยักษ์ และเหมือนจะเป็นอาวุธเวทระดับแปด งูเหลือมสีแดงบนระฆังใบยักษ์พลันมีชีวิตและส่งเสียงคำราม งูเหลือมตัวนี้เป็นดวงจิตแห่งเทพในระฆังยักษ์นั่นเอง!
หวังเป่าเล่อตั้งผนึกฝ่ามือเป็นท่วงท่าต่างๆ ระฆังยักษ์ร่วงลงบนหัวของเหลียงหลงที่เพิ่งเรียกกระบี่โลหิตออกมา ระฆังตกลงพื้นเสียงดัง ขังเหลียงหลงและกระดองเต่าของเขาไว้ภายใน ผนึกเอาไว้อย่างมิดชิด!
กระบี่โลหิตของเหลียงหลงพุ่งเข้าใส่ระฆัง เกิดเป็นเสียงดังสนั่นฟ้าดิน ชายหนุ่มสั่นไหวไปมาจากคลื่นเสียงรุนแรง เขากรีดร้อง กระอักเลือดออกทางปาก ก่อนจะร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งด้วยความเดือดดาลเกินบรรยายในใจ
เสียงร้องคำรามของเขาทำให้ระฆังสั่นอีกครั้ง หัวใจของเหลียงหลงสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเขาเกือบจะเสียสติไป ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้ แม้กระบี่โลหิตจะกล้าแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทลายระฆังลงได้ในครั้งเดียว อาจจะต้องโจมตีหลายครั้ง
ชายหนุ่มจินตนการได้ถึงเสียงทลายโสตประสาทจากการโจมตีแต่ละครั้งที่ตนจะได้รับ เขาคงไม่อาจใช้กระดองเต่าต้านทานได้นานขนาดนั้นเนื่องจากต้องใช้ปราณวิญญาณมากโข เหลียงหลงแสนขุ่นเคืองใจ เขาเตรียมลองเสี่ยงใช้อาวุธทุกอย่างที่มีก่อนจะตื่นตกใจขึ้นมา
วัตถุชิ้นนี้สามารถตัดปราณวิญญาณได้! ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าปราณวิญญาณจากภายนอกถูกตัดไป เขาไม่สามารถดูดซับและเติมปราณวิญญาณได้!
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้เหลียงหลงเดือดจัด
หวังเป่าเล่อยืนมองระฆังยักษ์อยู่ด้านนอกพร้อมแค่นเสียงทางจมูก ระฆังใบนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและคงอยู่ไม่นานนัก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ต้องเอาออกมาใช้ตอนนี้ อย่างไรเสียชายหนุ่มก็รวบรวมดวงจิตเทพมาได้มากมายจากบนดาวอังคาร ดังนั้นตราบเท่าที่ยังมีวัตถุดิบเพียงพอ เขาก็สามารถหลอมอันใหม่ขึ้นได้
เจ้ามีกระดองเต่าเช่นนั้นสินะ แถมมันดูแกร่งกล้าไม่เบา ไหนลองทำให้ท้าทายขึ้นอีกสักหน่อยแล้วกัน! หวังเป่าเล่อเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี ก่อนจะเตะเข้าใส่ระฆังสองสามครั้งจนมันส่งเสียงก้องกังวาน จากนั้นก็ตัดสินใจเลิกยุ่งกับอีกฝ่าย หันไปจ้องโจวเปี่ยวและคนอื่นๆ แทน พวกเขาหน้าซีดเผือดขณะมองกลับมาด้วยดวงตาหวาดหวั่น
“เตรียมถ้ำที่พักไว้หรือยัง ใครก็ได้นำทางข้าไปที!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงราบเรียบ พวกโจวเปี่ยวหายใจถี่รัว รีบกล่าวทักทายชายหนุ่มก่อนจะนำทางไปยังถ้ำที่พักด้วยความเคารพ
ถ้ำที่พักของเขา…ตั้งอยู่บนสุดของยอดเขาหลัก มองลงไปเห็นทะเลเพลิงกว้างใหญ่ เป็นจุดที่มีปราณวิญญาณหนาแน่นที่สุด ทั้งยังมีบ่อปราณอยู่ภายในถ้ำที่พักด้วย
ในถ้ำมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หวังเป่าเล่อยิ้มด้วยความพึงพอใจหลังจากเดินตรวจตรารอบๆ ถ้ำที่พัก
ตอนแรกพวกโจวเปี่ยวตั้งใจจะให้เหลียงหลงพักที่ถ้ำนี้ แต่พอได้เห็นความโหดเหี้ยมของหวังเป่าเล่อก็ไม่กล้าจะไปทำอะไรให้ไม่พอใจ พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากนำทางหวังเป่าเล่อไปยังถ้ำที่พัก จากนั้นกลุ่มผู้ฝึกตนก็หันมองหน้ากัน และได้เห็นความจำนนในดวงตาของกันและกัน
“เราทำอะไรไม่ได้เลย จะไปขัดใจเขาก็ไม่ได้ ต่อจากนี้ก็ระวังตัวกันหน่อย” โจวเปี่ยวถอนหายใจ หันมองไปทางสหายผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก่อนจะเอ่ยสั่งการ ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นในกลุ่มถามขึ้นเสียงเบาด้วยความลังเลใจ
“ศิษย์พี่โจว แล้วท่านลุงปรมาจารย์เหลียงล่ะ”
“เราเข้าไปยุ่งไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราทำได้ ไม่เห็นหรือว่าหัวหน้าตำหนักหลี่จากตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวยังไม่เข้าไปยุ่งเลย…” โจวเปี่ยวหยุดคิดครู่หนึ่ง ภาพพายุหมัดและลูกเตะอันร้ายกาจของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นในหัว เขาสั่นกลัวขึ้นมาในทันใด
ทุกคนแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงระฆังยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางลานกว้าง มีเสียงร้องคำรามระบายความเดือดดาลของเหลียงหลงดังขึ้นเป็นพักๆ จากภายใน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น