ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 496-498
ตอนที่ 496 ผู้ชายคนนี้คือแฟนของฉัน เส...
ภายในรถ ซื่อมั่วเก็บโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าลงไปช้าๆ เขายังคงนั่งพิงอยู่ที่เบาะหลังดังเดิม ดวงตาเปล่งประกายจางๆ
“ยังคงเป็ท่านอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด!” วิญญาณทมิฬที่อยู่ข้างๆรีบประจบประแจงในทันที
เหมื่อครู่มันเหลือบไปเห็นหมายเลขเหล่านั้นแวบหนึ่ง….
แม้แต่คนระดับนั้นท่านอาจารย์ก็ยังสามารถควบคุมได้ ….เพียงครู่เดียวก็กระจายข่าวสารความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไปตามเส้นสายในวงการบันเทิง เห็นได้ชัดเลยว่ายังคงเป็นท่านอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ปกป้องตู๋กูซิงหลันได้ดีที่สุด
ตู๋กูซิงหลันไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่า ปฏิกริยาที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนที่อยู่นอกรถ เกิดจากฝีมือของท่านอาจารย์
ที่นอกรถ จีเฉวียนยังคงถูกพวกนักข่าวรายล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาชนิดที่ลมก็ยังผ่านไม่ได้ พอเขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของผู้คนที่เปลี่ยนไปก็ต้องหันกลับไปมองดูในรถแวบหนึ่ง
ศัตรูความรักสบตากันจนแววตาแดงขึ้นมา
แววตานั้นพอดีถูกพวกนักข่าวถ่ายรูปเอาไว้ได้….
พวกเขายังคิดจะสอบถามจีเฉวียนอีกสักหน่อย แต่ก็เห็น Sherry พาพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามา
อีกด้านหนึ่งซ่งเจียงเสวี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นช้าๆ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนสวมใส่ชุดฮั่นฝูแบบโบราณสีขาว ใบหน้าที่เดิมทีสดใสไร้เดียงสา ตอนนี้พอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง ก็ให้ความรู้สึกเหมือนหยกงามไร้ตำหนิที่ไม่อาจประเมินค่าได้ขึ้นมา
ศีรษะที่เมื่อหลายวันก่อนถูกซื่อมั่วทุบแทบแตกนั้น ยามนี้ฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว
ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่เปลือกหุ้ม โป๊ะๆปะๆไปก็พอใช้ได้อยู่
พอซ่งเจียงเสวี่ยปรากฏตัว แฟนคลับของนางก็พากันหึกเหิมขึ้นมา ทั่วทั้ง ‘ตำหนักจ้าน’ มีแต่เสียงผู้คนตะโกนดังระงมไปหมด
พวกนักข่าวก็พากันหันกล้องไปทางเธอ
ซ่งเสียงเสวี่ยเพียงแต่มองมาทางนี้แวบหนึ่ง แววตาของนางเหลือบไปที่จีเฉวียนชั่ววูบ จากนั้นก็ไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของรถเฌอรี่QQ
ทั้งๆที่ไม่มีประตูรถแล้ว แต่กระทั่งนางก็ยังไม่อาจมองเห็นคนในรถได้อย่างชัดเจน
เพียงแต่รู้สึกถึงกลิ่นอายที่แสนจะคุ้นเคยเท่านั้น
เขา….ถึงกับมาส่งเยี่ยซิงหลันด้วยตนเอง?
ถึงกับปล่อยวางสตรีผู้นั้นไม่ได้เลยหรือ!
ตู๋กูซิงหลันเองก็หันไปมองพอดี ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า …..ต้องนับว่าท่านอาจารย์ได้ช่วยชีวิตของซ่งเจียงเสวี่ยเอาไว้ครั้งหนึ่ง วันนั้นนางมัวแต่เป็นกังวลเรื่องของจีเฉวียน จึงไม่ทันได้สังเกตว่าท่านอาจารย์และซ่งเจียงเสวี่ยที่จริงแล้วมีความสัมพันธ์แบบใดกันแน่
ตัวประหลาดที่อยู่ในร่างกายของนาง….ที่จริงแล้วคืออะไร
ท่านอาจารย์…..ที่จริงแล้วมีฐานะเป็นผู้ใดกัน
เขาเป็นสหายรักของบิดาคนงาม แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่สามารถแบ่งร่างมาเกิดใหม่ ….แม้แต่เสินฟางที่เป็นถึงหนึ่งในสิบยมราชก็ยังถูกเขาสาปเป็นทาสรับใช้ได้ด้วยซ้ำ
ท่านอาจารย์รู้ถึงความสงสัยของนางอย่างชัดเจน
แต่พอมองผ่านกระจกหลัง ก็ยังเห็นอาจารย์ทำสีหน้าเย็นชาดุจเดิม ท่าทางยังคงไม่อยากพูดจาใดๆทั้งสิ้น
“อาจารย์…ซ่งเจียงเสวี่ยแบกหนี้ชีวิตของผู้คนเอาไว้บนหลัง ข้าสงสัยว่า…..เรื่องที่เกิดขึ้นกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเทียนหยิ่งจะเกี่ยวข้องกับนาง” ตู๋กูซิงหลันกุมพวงมาลัยรถยนตร์เอาไว้ในมือข้างหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่เดือน ไม่เพียงแต่ในเมืองหลวงจะเกิดเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตผู้คนขึ้น พื้นที่ต่างๆในโลกปัจจุบันต่างก็มีเรื่องเช่นกัน
ทำเอาจิตใจของผู้คนหวาดผวากันไปหมด….
มีคนตายไปมากมาย แต่ว่าจำนวนวิญญาณแค้นหรือผีตายโหงกลับไม่เพิ่มขึ้น
ซ่งเจียงเสวี่ยฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในชั่วเวลาสั้นๆ…ไม่เพียงแต่ฟื้นฟู กลิ่นอายของธาตุหยินและโลหิตบนร่างของนางก็ยังเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมด้วย
ถึงแม้ว่าจะยืนอยู่ห่างกันขนาดนี้นางก็ยังคงรู้สึก
ตู๋กูซิงหลันจึงอดไม่ได้ที่จะโยงเรื่องนี้เข้ากับตัวเธอ
เหมือนกับตอนนั้นที่เสินฟางคุ้มคลั่งขึ้นมา เขาก็กลืนกินดวงวิญญาณและภูติผีเข้าไปไม่น้อยเพื่อเพิ่มพูนพละกำลังของตนเอง
แถมซ่งเจียงเสวี่ยเดิมทีก็เป็นปีศาจอยู่แล้ว…..
เห็นซื่อมั่วไม่พูดอะไร ตู๋กูซิงหลันก็ถามออกไปอีกประโยคหนึ่ง “โลกปัจจุบัน….ก็ไม่ค่อยสงบเหมือนกันหรือเจ้าคะ?”
เพราะในตอนนี้ นางชักจะรู้สึกว่านางจากตัวนางและจีเฉวียน คล้ายจะมีบางสิ่งที่ติดตามมาจากโลกอดีตด้วยเช่นกัน
เนิ่นนาน ซื่อมั่วถึงได้ตอบขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ศิษย์เอ๋ย ไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตามอาจารย์จะคอยปกป้องเจ้าเอง ไม่ต้องกังวลใจไป”
“พอผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง เส้นทางข้ามมิติไปยังโลกโบราณจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นอาจารย์ก็จะส่งเจ้ากลับไปยังโลกโบราณ”
ประโยคนี้ของซื่อมั่ว ทำให้ตู๋กูซิงหลันเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
“โลกปัจจุบันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?” ท่านปู่ ท่านพ่อ พี่ชายทั้งสองคน และยังมีสหายของนาง ล้วนอยู่ที่โลกโบราณ นางย่อมคิดจะกลับไปอยู่แล้ว
แต่ว่าในขณะเดียวกัน นางก็ไม่อยากปล่อยท่านอาจารย์ไว้ในโลกนี้เพียงลำพัง
นางรู้ว่าบิดาคนงามมีลูกแก้วที่สามารถส่งคนเดินทางได้โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์จะไม่มี ดังนั้นต้องอาศัยธารน้ำพุเหลืองในการเดินทาง
ที่ผ่านมาโลกปัจจุบันปลอดภัยกว่าโลกโบราณมากมายนัก …..ด้วยอุปนิสัยของท่านอาจารย์ ย่อมต้องวางนางไว้ในที่ปลอดภัยที่สุด….นี่ก็เท่ากับว่า โลกปัจจุบันไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
ซื่อมั่วมองออกไปนอกหน้าต่างแวบหนึ่ง บนท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆหมอก อากาศในหน้าร้อนกำลังพัดเข้าหากันมีเค้าของพายุจนทำให้อากาศเย็นวูบวาบขึ้น
เขาอยู่ในโลกใบนี้มานานหลายปี เหล่าผู้ที่คงอยู่ในหกภพภูมิจะอย่างไรก็ต้องพบเจอเข้าสักวันหนึ่ง
“ไม่มีเรื่องอะไร” เขากดเสียงต่ำ ยื่นมือออกไปข้างหนึ่งเหนือศีรษะของนาง แต่แล้วมือข้างนั้นกลับวางลงไปบนเบาะหลังคนขับ พลางย้ำอีกครั้งว่า “ไม่มีอะไร”
ต่อให้มีเรื่องใหญ่เทียมฟ้า ก็จะต้องสงบลงก่อนจะมาถึงตรงหน้านาง
ขณะเดียวกัน…จีเฉวียนเองก็เหมือนกับว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบ้างอย่างเช่นกัน พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆหนาที่ลอยต่ำทำให้คนรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
นั่นเป็นความกดดันที่อธิบายไม่ถูก บนหมู่เมฆที่หนาแน่นคล้ายจะมีบางสิ่งบางอย่างกำลังจับตามองดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่ทุกฝีก้าว
ในชั่วขณะนั้น พระองค์คล้ายจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนึกคิดในใจของซื่อมั่ว
ดวงเนตรหงส์ของจีเฉวียนหรี่ลง ….พระองค์กุมพระทัยเอาไว้และหันไปมองดูซื่อมั่วในทันที
…………….
วันเปิดกล้องของเรื่อง《สนมคลั่ง》เต็มไปด้วยดารามากมาย
แต่ว่าทางซ่งเจียงเสวี่ยคล้ายจะไม่มีสีสันเท่าไหร่ ความครึกครื้นทั้งหมดจับจ้องมาที่ตู๋กูซิงหลัน
ดาวเด่นที่นับตั้งแต่กลับเข้าวงการมา ก็พึ่งจะยอมเผยโฉมในวันนี้
เยี่ยซิงหลันที่แต่งกายในชุดแบบโบราณไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวัง ในรูปภาพที่ถ่ายออกมานางสวมใส่ชุดสีแดงเพลิงทั้งตัว ทั้งดวงตาหางคิ้วล้วนมีความเย็นชาแฝงความสูงส่ง
ทำเอาซ่งจียงเสวี่ยที่ร่วมแสดงด้วยดูจืดชืดไปในทันที
ในบทประพันธ์ นางร้ายจ้านซิงเฉิน เดิมทีก็เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของแคว้นเทียนเฉินอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อนางเอกกลับชาติมาเกิดใหม่ จึงค่อยๆตกลงไปในหลุมพรางของนางเอกจนต้องพบกับจุดจบ
ในยุคที่ผู้คนนิยมดูแต่รูปโฉมภายนอก แน่นอนว่าใบหน้าระดับนี้ย่อมเหนือล้ำกว่าทุกคนที่อยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างสบาย
ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของผู้คน …..เทพธิดาผู้นี้ยังประกาศออกมาอย่างกระทันหันว่านางมีแฟนแล้ว
แต่น่าเสียดาย…..ที่แฟนคนนี้…..ดูเหมือนว่าจะเป็นคนปัญญาอ่อน
เนื่องเพราะพอได้ฟังประโยคเดียวที่เขากล่าวออกมาว่า ‘เราคือฮ่องเต้’ ผู้คนต่างก็คิดไปว่าผู้ชายที่หน้าตาดีสุดๆคนนี้ คงจะเป็นพวกแฟนคลับที่ชมชอบตู๋กูซิงหลันจนคุ้มคลั่ง
แต่ว่าในขณะที่ผู้คนต่างก็คิดไปว่าจีเฉวียนเป็นคนปัญญาอ่อนนั้น
ตู๋กูซิงหลันกลับลุกขึ้นมาให้สัมภาษณ์
สื่อต่างๆพากันลงคลิปเสียงที่ว่า : ขออนุญาตแนะนำให้ทุกคนรู้จักนะคะ คนนี้คือแฟนของฉัน เสี่ยวเฉวียนเฉวียน
ภาพประกอบก็เป็นรูปที่จีเฉวียนนั่งกินแอปเปิ้ลอยู่บนโซฟา
และยังมีรูปที่ทั้งสองใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวถ่ายคู่กันพร้อมกับฉากหลังสีแดงสด ดูไปแล้วก็เหมือนภาพพรีเวดดิ้งอย่างไรอย่างนั้น
เพียงไม่นานข่าวนี้ก็ทำเอาระบบอินเตอร์เน็ตล่มแล้ว
กระแสข่าวรุนแรงจนถล่มทลาย!
เพียงช่วงเวลาสั้นๆ คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตทั้งหมดต่างก็พากันค้นหาว่า ‘เสี่ยวเฉวียนเฉวียน’ ผู้นี้คือใครกันแน่ ถึงขนาดที่ว่าขุดหาบรรพชนออกมาเลยทีเดียว
ด้วยการผนึกกำลังที่แข็งแกร่งของมิตรรักแฟนคลับในอินเตอร์เน็ต ……แต่ละคนต่างก็แปลงร่างเป็นโคนัน ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบอะไรบางอย่าง!
ตอนที่ 497 หรือว่าควรจะ จูบตอบ?
‘เสี่ยวเฉวียนเฉวียน’ ผู้นี้ถึงกับเป็นฮ่องเต้จริงๆ!
Median kingdom ประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง ขนาดของประเทศเล็กมาก ลึกลับซับซ้อน แต่ก็ร่ำรวยมหาศาล
แม้ว่าจะแวดล้อมไปด้วยประเทศตะวันออกกลางที่แข็งแกร่งมากมาย แต่กลับไม่มีประเทศใดสามารถสั่นคลอนMedian Kingdomลงได้
‘เคอหลันจุน’ ชาวเน็ตคนหนึ่งเผยแพร่รูปขององค์กษัตริย์ เป็นรูปด้านข้างที่มีเพียงรูปเดียวแถมยังไม่ค่อยชัด
รูปหน้าที่งดงาม จมูกโด่งเป็นสัน พอมาเปรียบเทียบกับรูปของจีเฉวียนก็มีความคล้ายคลึงกันถึง99%
กษัตริย์ของประเทศ Median ผู้นี้ น้อยครั้งนักที่จะปรากฏพระองค์ ดำรงพระองค์เรียบง่าย ได้ยินว่าพระนามของพระองค์ก็มีคำว่า ‘เฉวียน’ อยู่ด้วย
เพียงครู่เดียว ระบบอินเตอร์เน็ตถึงกับระเบิดเป็นครั้งที่สอง
พวกคนที่ก่อนหน้านี้เคยวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเยี่ยซิงหลันไปคว้าเอาคนปัญญาอ่อนมาเป็นแฟนต่างก็พากันปิดปากเงียบไปในทันที
แต่ก็ยังมีบางคนไม่วายกระแนะกระแหนว่า ‘พื้นที่ของประเทศMedian เล็กเท่ากระสุนบนหน้าไม้ เป็นกษัตริย์แล้วจะอย่างไร?’
คนที่หาเรื่องเหล่านี้ย่อมถูกแฟนคลับของเยี่ยซิงหลันถล่มอย่างรวดเร็ว
“พื้นที่จะมากจะน้อยก็เป็นประเทศประเทศหนึ่ง สำหรับลูกพี่หลันของพวกเรา มีแต่คนระดับฮ่องเต้เท่านั้นถึงจะคู่ควร!”
“กษัตริย์เฉวียนยิ่งใหญ่ กษัตริย์เฉวียนหล่อมาก!”
ภาพที่จีเฉวียนต่อยนักข่าวปากเสียคนนั้นกลายเป็นภาพสุดประทับใจของผู้คนมากมาย ภาพลักษณ์ที่ปกป้องคนรักของพระองค์ถูกแพร่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต
ถึงแม้ว่าจะลงมือหนักไปเสียหน่อย แต่อย่างไรก็ไม่อาจปิดบังความหล่อเหลาของพระองค์ไปได้!
“การหมั้นหมายครั้งนี้ พวกเรายอมรับแล้ว!”
แฟนคลับต่างก็ช่วยกันอวยพรพร้อมกับรอยน้ำตา ดังนั้นเพียงไม่ถึงสองวันกระแสที่ว่าก็กลายเป็นกองหนุนฮ่องเต้เฉวียนขึ้นมา
………………
ตู๋กูซิงหลันขดตัวอยู่บนโซฟา นั่งเล่นiPad อ่านเรื่องความเคลื่อนไหวต่างๆในอินเตอร์เน็ต พลางหันไปดูจีเฉวียนที่กินแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ
หืม…..ตัวร้ายผู้นี้กลายเป็นกษัตริย์ของประเทศ Median ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
นางขยายภาพที่ปรากฏอยู่ในอินเตอร์เน็ตขึ้นมา….ว่ากันตามจริง แม้แต่นางก็มองไม่ออกว่ากษัตริย์ของประเทศนั้น……กับจีเฉวียนมีอะไรต่างกันที่ตรงไหน
แต่ว่าเขาเป็นร่างแบ่งภาคของอาจารย์….แล้วในโลกนี้ยังจะมีคนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกันได้อีกหรือ?
หรือว่าในโลกนี้ท่านอาจารย์ก็ยังมีร่างแบ่งภาคคนอื่นอีก ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้หรือเปล่า?
ตู๋กูซิงหลันจับจ้องไปที่ภาพๆนั้น ตัดสินใจจะให้คนลองสืบค้นดู
หากยากนักที่คืนนี้อาจารย์ไม่อยู่ เสินฟางก็รู้ความดีจึงไม่ได้ออกมารบกวน จีเฉวียนจึงขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆตู๋กูซิงหลันอีกหน่อย
พอพระองค์ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากเส้นผมของนาง ก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งร่าง
พลางขยับเข้าไปมองดูสิ่งของที่คล้ายกับโทรศัพท์มือถือขนาดใหญ่ในมือของนาง….
พอจีเฉวียนชะโงกพระเศียรเข้ามา ตู๋กูซิงหลันก็ปัดภาพของกษัตริย์Median องค์นั้นทิ้งไป
นางหันหน้ากลับไปหาศีรษะของจีเฉวียน
จมูกของคนทั้งสองกระทบกัน ใบหน้าของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกันอยู่แล้ว
ลมหายใจของกันและกันเป่าลงบนใบหน้า คนหนึ่งอบอุ่น คนหนึ่งเย็นฉ่ำ
เวลาที่อยู่บ้าน ตู๋กูซิงหลันมักจะสวมใส่ชุดนอนอยู่เสมอ แม้จะเป็นชุดนอนแต่ก็ไม่อาจบดบังเรือนร่างที่งดงามของสาวน้อยไปได้
แขนขาของนางเรียวยาว ผิวพรรณทั้งขาวและละเอียดนุ่มนวล ราวกับมีประกายมุกกระจ่างอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้คนอดที่จะอยากใกล้ชิดเข้าไปอีกไม่ได้
จีเฉวียนทอดพระเนตรไปที่นาง พระองค์อดพระทัยไม่ไหวจนต้องจุมพิศนางเบาๆ ริมโอษฐ์เย็นๆประทับลงไปบนริมฝีปากแดงดุจกลีบกุหลาบ เติมเต็มความสุขที่มากล้นจนสามารถมองเห็นได้จากก้นบึ้งของดวงเนตร
ชั่วขณะนั้น แม้แต่นามของบุตรที่จะเกิดมาในอนาคตพระองค์ก็ทรงคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ตู๋กูซิงหลันใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา ถึงแม้ว่าพวกนางจะตกลงปลงใจเป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าพอโดนจูบๆกอดๆเช่นนี้นางก็อดที่จะเขินอายไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะเล่นละครมาไม่น้อย แต่นางก็ยังไม่เคยมีความรักอย่างจริงจัง ไม่รู้ว่าสมควรจะมีปฏิกริยาทางร่างกายอย่างไรดี
ใช่ว่าควรจะ จูบตอบกลับไปดีไหม?
นางจดจ้องไปที่จีเฉวียน ริมฝีปากยังไม่ทันได้ประกบลงไป ด้านนอกก็เกิดเสียงฟ้าผ่าติดๆกันหลายครั้ง
สายฟ้าพาดลงมาผ่านท้องฟ้ายามค่ำ เสียงดังสนั่นจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
หุบเขาปีศาจมีพวกวิญญาณเร่ร่อนอยู่มากมาย ตอนนี้พวกวิญญาณเหล่านั้นพากันตื่นตระหนก พุ่งเข้ามาในสวนกุหลาบของตู๋กูซิงหลันอย่างเร่งร้อนราวกับจะวอนขอที่หลบภัย
ตู๋กูซิงหลันลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ตรงหน้า
ด้านนอกเกิดพายุฝนกระหน่ำรุนแรง ดอกกุหลาบในสวนของนางถูกลมและฝนพัดกระหน่ำจนส่ายเอนไปมาทุกทาง เจ้าติ๊งต๊องเองก็โกยปีกเผ่นเข้ามาข้างในด้วยเช่นกัน
“พี่สาวตัวน้อย…..น่ากลัวมากเลยกะต๊ากๆ ….นี่มีเทพองค์ไหนกำลังรับทัณฑ์สวรรค์อยู่หรือไง?” ติ๊งต๊องใช้ปีกปัดละอองน้ำฝนบนร่าง สายฟ้าฟาดเมื่อครู่ผ่าลงมาที่ข้างตัวมัน ขนตรงก้นของมันถึงกับไหม้เกรียมไปด้วย
สายฟ้าเช่นนี้…..ย่อมไม่ใช้สายฟ้าปกติทั่วไป!
ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว สายฟ้าที่ด้านนอกหน้าต่าง ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ตอนแรกก็เหมือนจะผ่าลงมาอย่างกระจัดกระจาย แต่ว่าตอนนี้ทั้งหมดกลับพุ่งลงไปที่เรือนพักของอาจารย์
“อาจารย์….” ตู๋กูซิงหลันรีบไปที่ประตูในทันที พลางยื่นมือไปคว้าเสื้อคลุมตัวหนึ่งและฉวยดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ขึ้นมา พุ่งไปทางเรือนพักของซื่อมั่วอย่างรีบร้อน
หลายวันมานี้ซื่อมั่วอยู่ที่บ้านพักของนางมาโดยตลอด แต่ว่าคืนนี้อยู่ๆก็หายตัวไป…..ตอนแรกตู๋กูซิงหลันก็ยังเข้าใจว่าเขาเบื่อแล้ว
คิดไม่ถึงว่า…เป็นเพราะมีสาเหตุอื่น
จีเฉวียนเองก็รีบตามออกมา แต่พอมาถึงด้านนอกก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหลังของตู๋กูซิงหลันเสียแล้ว
พระองค์ถูกสายฝนกระหน่ำลงมาอยู่เพียงผู้เดียว เงาร่างที่ทอดยาวดูเงียบเหงาและวังเวง
เสินฟางยืนอยู่บนยอดหลังคาของเรือนพัก ในมือของเขาถือดอกกุหลาบดอกหนึ่งเอาไว้ ลูบสร้อยหินบนข้อมือ พลางเอ่ยว่า ‘ที่สมควรจะมาย่อมต้องมา….’
…………………………………..
เรือนของซื่อมั่วอยู่ในหมู่แมกไม้ทึบ เหนือแมกไม้ที่ขึ้นอย่างแน่นขนัด มีสายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดตอน จนเกิดเป็นหลุมยุบลงไปบนพื้นโดยรอบ
ต้นไม้ใหญ่ติดไฟขึ้นมา แม้จะมีพายุฝนก็ยังไม่ยอมดับลง
ตอนที่ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์เข้าไปใน ทั่วทั้งเรือนใกล้จะกลายเป็นทะเลเพลิงอยู่รอมร่อแล้ว
ในมือของนางกำแผ่นยันต์เอาไว้ เสาะหาตำแหน่งของซื่อมั่วท่ามกลางหมู่ควันไฟ
พอไปถึงปากประตู ก็เห็นสัตว์อสูรหินที่ปากประตูถูกทำลายกลายเป็นเศษก้อนกรวดกองอยู่บนพื้นไปแล้ว
เขตอาคมที่กางอยู่นอกเรือนมีเปลวไฟพวยพุ่งเผาผลาญ แต่ว่ายังคงได้ยินเสียงพิณโบราณดังออกมาจากด้านใน
เสียงพิณกรีดบาดอย่างสะท้านสะเทือน แสดงพลังสังหารที่เข้มข้นออกมา
ด้วยเสียงพิณเช่นนี้ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้ยิน คงต้องเลือดออกเจ็ดทวารจนตายไปแล้ว
เขตอาคมของซื่อมั่ว เปิดรับตู๋กูซิงหลันอยู่เสมอ นางจึงเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวกราบรื่น
ดาบยักษ์ในมือสั่นสะท้าน ส่งเสียงคำรามออกมา
นางกวาดดวงตาดอกท้อทั้งสองออกไป มองหาทิศทางที่เสียงพิณดังออกมา
เสียงพิณดังมาจากฟากตะวันออกของเรือน …… พอนางไปถึงก็เห็นอาจารย์นั่งดีดพิณอยู่ในสวน คนสวมชุดสีม่วงแบบตะวันตกทั้งร่าง ทรงผมเสยไปด้านหลังเส้นผมเปล่งประกายออกมา เขานั่งอยู่บนพื้น ปลายนิ้วดีดลงไปบนพิณอย่างรวดเร็วสร้างท่วงทำนองออกมา รอบกายมีแต่กลิ่นอายฆ่าฟัน
และที่รอบกายของเขา มีร่างเงาของผู้คนอยู่นับสิบคน
ร่างกายของคนเหล่านั้นเปล่งประกายแสง ในมือถือหอกสามง่าม แต่ละคนคล้ายดังเป็นเทพเซียนที่ลงมาจากสวรรค์ ทั้งหมดลงมืออย่างรวดเร็วและโหดเ**้ยม
คนเหล่านั้น…..คิดจะฆ่าเขา!
ตู๋กูซิงหลันสัมผัสได้ถึงขุมพลังที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งจนทำให้คนต้องสั่นสะท้านจากร่างของพวกเขา
นางกุมดาบยักษ์เอาไว้แน่น พอดวงตาเหลือบเห็น เงาร่างคนผู้หนึ่งพุ่งหอกสามง่ามไปที่ทรวงอกของซื่อมั่ว นางก็ควงดาบยักษ์โฉบเข้าไปในทันที
ตอนที่ 498 เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เป็นบิ...
“ตึงงง……” ดาบยักษ์ปะทะเข้ากับสามง่าม เกิดเสียงสนั่นบาดแก้วหู
นางปัดสามง่ามเล่มนั้นออกไปจากอกของซื่อมั่วได้ทัน
บางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้ใช้ดาบยักษ์มานาน ข้อมือของตู๋กูซิงหลันถึงกับสะท้านจนชาวูบ
ขณะเดียวกันยังต้องรับสายฟ้าที่ส่งผ่านมาจากร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย
สายฟ้านั้นไหลผ่านดาบยักษ์ตรงเข้าสู้ร่างกายของนาง
นางเองก็เคยรับสายฟ้า แต่ว่าพลังของสายฟ้ากลุ่มนี้ยังรุนแรงกว่าสายฟ้าที่โหดที่สุดที่นางเคยรับมาอยู่อีกหลายขุม
พอฟาดเปรี้ยงลงมา ถึงกับทำให้ร่างสะท้านจนเจ็บปวดไปทั้งตัว
นางกัดฟันลงไป ดวงตาสะท้อนแววตาอดทนอดกลั้นเอาไว้ออกมา
พายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงทำให้นางเปียกปอนไปทั้วร่าง เส้นผมยาวสลวยลู่ไปกับตัว ดาบยักษ์ในมือขยับวูบอีกครั้ง แทงเข้าใส่เงาร่างของคนที่อยู่ในแสงสว่างนั้นอย่างโหดเ**้ยม
“ป้ง!” พอกวาดดาบออกไป ทั่วทั้งเรือนก็สั่นสะท้านไปทั้งหลัง
ทันใดนั้นเหล่าคนที่เดิมทีมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ร่างของซื่อมั่ว ก็ถูกตู๋กูซิงหลันดึงดูดความสนใจไปจนหมด
ร่างของพวกเขามีแสงสว่างล้อมรอบ แต่นางก็รู้สึกได้ว่า ดวงตาที่อยู่หลังแสงสว่างเหล่านั้นหันมาจับจ้องที่ตัวนาง
ขณะที่ดวงตาเหล่านั้นชะงักค้างอยู่วูบหนึ่ง โดยที่ยังไม่ทันได้สังเกตความในใดออก ดวงตาที่ปิดอยู่ของซื่อมั่วก็พลันลืมขึ้นมา
ปลายนิ้วที่เรียวยาวของเขาเคลื่อนไหว ได้ยินเสียงดีดพิณดัง ‘ติงตัง’ เสียงนั้นก็ปรากฏเป็นคลื่นเสียงรูปแบบหนึ่งที่แม้แต่ตาเปล่าก็ยังสามารถมองเห็นได้ ซัดสาดออกมา
ชั่วขณะนั้นเอง เงาร่างในกลุ่มแสงที่รายล้อมอยู่รอบตัวของตู๋กูซิงหลันก็ถูกคลื่นเสียงนี้สะบั้นร่างออกมา คลื่นเสียงยังแทรกซึมเข้าไปในร่างที่เปล่งแสงเหล่านั้น ร่างที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆพลันติดไฟลุกโชนขึ้นมา
ในขณะเดียวกัน สีหน้าของซื่อมั่วก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่กว่าเดิม
เขาลุกขึ้นมา ใช้มือเพียงข้างเดียวดีดพิณ เปล่งเสียงที่บีบคั้นออกมาขณะที่ถลาเข้ามาบดบังอยู่ตรงหน้าของตู๋กูซิงหลัน
ใช่แล้ว เขาบดบังอยู่ที่ด้านหน้าของนาง รับพลังแสงที่สะท้อนออกมาจากร่างของเจ็ดแปดคนนั้นอยู่ตรงหน้านาง
สิ่งที่เขายอมให้ตู๋กูซิงหลันได้เห็นมีแค่เพียงเงาหลังของเขาเท่านั้น
เงาหลังที่คอยบังคลื่นลมฟ้าฝนมาให้กับนางโดยตลอด
“ศิษย์เอ๋ย หลบไปซะ” เขาใช้มือข้างเดียวเล่นพิณ มืออีกข้างเปล่งแสงสว่างออกมา บิดร่างถอยหลังเล็กน้อย ก็จะส่งพลังเข้าไปในร่างของนาง
แต่ขณะที่ยกมือขึ้นมานั้นเอง ตู๋กูซิงหลันก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้ มือของนางกุมข้อมือของเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อาจารย์ช่างเหมือนกับจีเฉวียน ร่างกายเย็นเฉียบ ปราศจากไออุ่นแม้แต่น้อย
นางส่ายศีรษะ มือก็กุมดาบยักษ์เอาไว้มั่น มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา “อาจารย์ ข้าโตแล้ว สามารถปกป้องท่านได้เช่นกัน”
หลายวันก่อนหน้านี้นางพึ่งจะถอนยันต์รักษาจิตคืนชีพที่อาจารย์ผนึกเอาไว้ในร่างของนางออกไป เพื่อไม่ให้ท่านอาจารย์ต้องสิ้นเปลืองพลังชีวิตไปกับร่างกายของนางอีก
นางเองก็รู้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ทะเลไร้ก้น อาจารย์ได้รับบาดเจ็บสาหัส…. ตอนนี้อยู่ๆก็มีคนเหล่านี้บุกเข้ามา นางเกรงว่าในช่วงเวลาสั้นๆเขาอาจรับมือไม่ทัน
ผู้คนเหล่านี้….ไม่เหมือนกับศัตรูที่ผ่านมา ทั่วทั้งร่างของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง เป็นพลังที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน พลังนั้นคล้ายจะไม่ใช่พลังที่คงอยู่ในโลกปัจจุบัน และมิได้มาจากโลกโบราณ
ร่างเงาแต่ละร่างยังแข็งแกร่งยิ่งกว่ารัชทายาทของเผ่ามังกรทมิฬเยี่ยเฉิงอยู่หลายส่วน
ร่างกายของพวกเขามีพลังแสงโอบล้อม…..ตู๋กูซิงหลันจึงไม่อาจมองเห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
คนเหล่านี้……อาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน
นางไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว ย่อมไม่อาจปล่อยให้อาจารย์คอยปกป้องนางอยู่ตลอดเวลา
นางเองก็ต้องการที่จะ……เป็นฝ่ายปกป้องอาจารย์บ้างเช่นกัน
ประโยคเดียวของนาง ก็ทำให้หัวใจของซื่อมั่วรู้สึกถึงความซาบซึ้งขึ้นมา ….ลูกศิษย์ที่เคยเช็ดอึเช็ดฉี่ให้จนเติบโตขึ้นมา ในที่สุดก็รู้จักพูดจาภาษามนุษย์บ้างแล้ว
มีประโยคนี้ของนาง ก็เพียงพอแล้ว
เขาไหนเลยจะยอมให้ศิษย์รักสุดหวงแหนจะต้องมาเสี่ยงอันตรายกัน?
ขณะที่ซื่อมั่วกำลังซาบซึ้งอยู่นั้น ตู๋กูซิงหลันก็กล่าวต่อไปอย่างกลมกลืนว่า “อาจารย์…..เป็นอาจารย์หนึ่งวันก็เหมือนเป็นบิดาชั่วชีวิต ข้าจะไม่ยอมเสียบิดาไปเด็ดขาด!”
หัวใจที่กำลังซาบซึ้งของซื่อมั่ว เหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้าไปเต็มๆ
แต่เพราะเขาเอาแต่รักษาสีหน้าเฉยชาเอาไว้อยู่ตลอด จึงไม่มีผู้ใดที่สังเกตเห็นอารมณ์อ่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงไปของเขา
“บิดาของเจ้ายังไม่ตาย ยังไม่ต้องรีบร้อนรับอาจารย์ไปเป็นบิดาของเจ้าหรอก” เขากล่าวเสียงเข้ม ปลายนิ้วกรีดผ่านพิณโบราณหนักๆอีกครั้ง จนมันเปล่งเสียงต่ำลึกออกมา และสะท้อนคลื่นเสียงออกไป
เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ พลังของคลื่นเสียงกลับอ่อนแออกว่าก่อนนี้อยู่ส่วนหนึ่ง
คนเหล่านั้นก็เกิดความตื่นตัวจากเมื่อครู่ จึงพากันหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
พวกเขาแต่ละคนไม่มีผู้ใดที่อ่อนแอกว่าเยี่ยเฉิงแม้แต่คนเดียว พอพวกเขาเจ็ดแปดคนรวมตัวเข้าด้วยกัน ก็สามารถเรียกสายฟ้าที่น่ากลัวให้ผ่าลงมาในสวนได้ตลอดเวลา กลายเป็นฉากการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว
พอพลังเสียงจากพิณของซื่อมั่วสะท้อนออกไปก้อนหินที่จัดเรียงเป็นกำแพงศิลาก็แตกกระจายเป็นผุยผง
คนเหล่านั้นเหลือบมองดูแวบหนึ่ง ก็กุมสามง่ามในมือเหาะเข้ามาใหม่อีกครั้ง
ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ขึ้นมากระชับมั่น ฟาดฟันลงบนด้านหน้าตรงๆ
นางใช้กำลังทั้งหมด โดยไม่รั้งออมแม้แต่น้อย……จากที่เมื่อครู่ได้ประมือกันสองสามกระบวนท่า ในใจของนางก็พอจะคาดเดาได้แล้ว…..
เหล่าคนที่มีแสงสว่างรายล้อมเหล่านี้ ไม่ใช่คนไม่ใช่ผี……ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ…..เทพ
กลิ่นอายของจิตวิญญาณเช่นนี้นางเคยสัมผัสได้จางๆจากร่างของชือหลี
ชือหลีเป็นเทพแห่งสายน้ำบนโลก แม้ว่าพลังเทพมิได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังมีกลิ่นอายเบาบางแบบเดียวกัน
อาจารย์และลูกศิษย์ คนหนึ่งดีดพิณ อีกคนหนึ่งใช้ดาบ ต่อสู้ท่ามกลางพายุฝนและสายฟ้าฟาด สายฟ้าที่ฟาดลงมาแต่ละครั้งรุนแรงจนฟ้าหมุนแผ่นดินสะเทือน
แต่ว่าในยามที่ต่อสู้กัน คนในเงาแสงเหล่านั้นคล้ายจะพยายามบุกเข้ามาใกล้ตู๋กูซิงหลัน ราวกับว่ากำลังพยายามสืบเสาะค้นหาบางสิ่งบางอย่างจากตัวนาง
แต่ว่าทุกครั้งที่พวกเขาคิดจะตรวจสอบให้ลึกลงไป ซื่อมั่วก็จะต้องลงมือขัดขวางได้อย่างทันท่วงทีทุกครั้งไป ไม่ยอมเปิดโอกาสให้แก่พวกเขาแม้แต่น้อย
พอหลายสิบครั้งเข้า ผู้คนเจ็ดแปดคนก็ถูกไฟแผดเผาจนหลงเหลือแค่เพียงคนเดียว
“ตู๊ม!” ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกวาดดาบยักษ์เข้าใส่เขา สายฟ้าฟาดจากขอบฟ้าก็ผ่าลงมาใส่เขตอาคมนอกเรือนของซื่อมั่วอย่างรุนแรงจนแตกออก
สายฟ้านั่นผ่าลงมาใกล้กับตำแหน่งของตู๋กูซิงหลัน
ซื่อมั่วโบกมือออกไปครั้งหนึ่ง ก็โอบลูกศิษย์เข้ามาในอ้อมอกอย่างแนบแน่น
ร่างของเงาแสงมลายหายไปพร้อมๆกับสายฟ้าที่ผ่าลงมา
ขณะที่เงาร่างนั้นเลือนหายไป ก็ทิ้งไว้เพียงเสียงที่ดังสะท้อนอยู่ในอากาศ
“หมิงอ๋อง สวรรค์เก้าชั้นฟ้าย่อมต้องไม่ปล่อยท่านไป”
เสียงนั้นสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในอากาศเหนือเรือนของซื่อมั่วอยู่เนิ่นนานกว่าจะเบาลงจนจางหายไป
ตู๋กูซิงหลันยังคงถูกซื่อมั่วโอบเอาไว้อย่างแนบแน่น กระทั่งเมื่อแสงแปลบปลาบสุดท้ายเลือนไปแล้ว พายุฝนจึงหยุดลงอย่างกระทันหัน เขาถึงได้คลายมือออก
ตู๋กูซิงหลันเห็นว่าบนฝ่ามือของเขาโชกชุ่มไปด้วยเลือด
เป็นเลือดของเขาเอง
เมื่อครู่ตอนที่ร่วมกันต่อสู้ นางไม่ได้ถูกสายฟ้าผ่าแม้แต่ครั้งเดียว กลับเป็นว่า ท่านอาจารย์รับความบาดเจ็บทั้งหมดเอาไว้
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่รู้ถึงฐานะของอาจารย์ แต่ก็รู้ว่าเขาแข็งแกร่งระดับไร้เทียมทาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเขาหลั่งเลือด
เลือดของเขาเป็นสีแดงทึบ ทึบจนเกือบจะดำ เลือดที่เปื้อนโดนร่างกายของนาง เย็นจัดจนซึมลึกถึงกระดูก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น