ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 495-502
ตอนที่ 495 คืนวันนี้จะไม่ได้เจออู่เหมย
คำพูดของเหยียนหมิงซุ่นยังทำให้ทุกคนชะงักอึ้งไปอีกครั้ง คราวนี้จ้าวเสวียหลินมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วสุด รีบร้อนถามว่า “ที่นายพูดหมายความว่ายังไง? หรือว่าเด็กน้อยที่ชื่อว่าอู่เหมยคนนี้ก็เคยฝันเห็นแม่ของฉัน?”
“ใช่แล้ว น่าจะประมาณหนึ่งเดือนก่อน เหมยเหมยเธอฝันเห็นคุณ หลังจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง” เหยียนหมิงซุ่นพูด
“นายทำไมถึงได้รู้ว่าคนที่อู่เหมยฝันถึงก็คือแม่ของฉัน? คนที่อยู่ในฝันส่วนใหญ่ใบหน้ามักจะเลือนลางไม่ชัดเจน อู่เหมยคนนี้คงจะได้ยินคุณอาและน้องชายพูดถึงรูปร่างหน้าตาของแม่ฉันก็เป็นได้ ดังนั้นเธอจึงคิดเอาเองว่าผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของฉัน อันนี้ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้” จ้าวเสวียหลินพูดนิ่งๆ
แต่แท้ที่จริงแล้วในใจของเขากลับไม่ได้สงบนิ่งเหมือนที่แสดงออกมา แต่กลับเหมือนกำลังอยู่ในหม้อน้ำมันก็ไม่ปาน แต่เขาจำเป็นต้องสงบนิ่งเอาไว้ พ่อแม่เป็นคนที่อยู่ในสถานการณ์ เป็นไปได้มากที่จะรู้สึกตื่นเต้นหวั่นไหวจนตัดสินใจอะไรผิดพลาด ดังนั้นเขาจำเป็นต้องคอยซักถามคอยพูดเหตุและผลอยู่ข้างๆ
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เหยียนหมิงซุ่น สายตาดูร้อนรน โดยเฉพาะเหยียนซินหย่า จับมือจ้าวอิงหัวจนเส้นเลือดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเธอตึงเครียดมากขนาดไหน
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเบาๆ พูดว่า “ที่นายพูดก็มีเหตุผล แต่ฉันยังมีข้อพิสูจน์ที่ยังไม่ได้พูด ผู้หญิงที่เหมยเหมยเธอฝันถึงนั้นใบหน้าไม่ได้เลือนลาง ตรงกันข้ามกลับยังขัดเจนเป็นอย่างมาก หน้าตาเหมือนแม่ของนายไม่ผิดไปเลยแม้แต่นิดเดียว”
“อาศัยแค่ลมปากพูดลอยๆ ฉันไม่สามารถเชื่อได้หรอกนะ” จ้าวเสวียหลินพูดเสียงต่ำ
“พี่ชาย เหยียนหมิงซุ่นเขาไม่มีทางโกหกหรอก” สยงมู่มู่ที่ตกใจไปพักใหญ่ในตอนนี้ได้สงบสติลงมา ได้แต่รู้สึกคาดไม่ถึง และยังมีอารมณ์โมโหนิดหน่อย
“ทำไมเหมยเหมยเธอถึงไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับฉันเลยล่ะ?”
เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ยกมุมปากพูดว่า “ก็เพราะนายเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง”
ถ้อยคำโต้ตอบเหล่านี้มีความนัยซ่อนเร้นอยู่ เด็กน้อยอย่างนายอยู่นิ่งๆ จะไปตรงไหนก็ไป อย่ามากวนผู้ใหญ่เขาคุยกัน
สยงมู่มู่กระโดดไปมาด้วยความโมโห ถลึงตามองด้วยความโกรธ ยกกำปั้นขึ้นทันที เพียงแต่ยังไม่ต้องรอให้เขาลงมือทำ จ้าวเสวียหลินก็ตบเขาหัวทิ่มพุ่งเข้ากำแพงไป สยงมู่มู่ที่แต่ไหนแต่ไรมาฟ้าไม่กลัวดินไม่เกรง แต่กลับกลัวจ้าวเสวียหลินพี่ชายคนนี้
เพราะว่าเขาเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนตั้งแต่เด็ก ต่างดูแลปกป้องเขาเป็นอย่างดี กลัวว่าเขาจะล้มตรงไหนชนตรงไหน มีแค่เพียงจ้าวเสวียหลิน…
แต่ไหนแต่ไรมาตีเขาก็ไม่เคยจะออมมือเลย!
สยงมู่มู่หดตัวอยู่ที่มุมกำแพงอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ด่าอู่เหมยอยู่ในใจไปหลายรอบ เขามีเรื่องอะไรก็จะพูดเล่าให้ยัยซื่อบื่อฟังเสมอ แต่ยัยซื่อบื่อกลับทำกับเขาได้ดีจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่ากล้าปิดบังเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้กับเขา?
มีตรงไหนที่เขาเทียบกับเหยียนหมิงซุ่นไอคนเย็นชานี่ไม่ได้บ้าง?
จ้าวเสวียหลินจ้องเขม็งจดจ่ออยู่ที่เหยียนหมิงซุ่น หน้าตาจริงจัง เหยียนหมิงซุ่นก็มองเขาเงียบๆ หนุ่มน้อยสองคนนี้ คนหนึ่งอายุสิบหกปี อีกคนอายุสิบห้าปี แต่กลับทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังความรุนแรงออกมาจากร่างของพวกเขา
ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่เลย!
“แน่นอนว่าฉันมีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นฉันจะสามารถเห็นคุณน้าแค่เพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคุณน้าเหยียนได้ล่ะ? เพราะว่าเหมยเหมยเธอวาดรูปผู้หญิงที่อยู่ในฝันออกมา ผู้หญิงที่วาดออกมาหน้าตาเหมือนกับคุณน้าเหยียนไม่มีผิดไปแม้แต่นิดเดียว”
“ภาพวาดอยู่ที่ไหน? รีบให้ฉันดูเร็วๆ!”
เหยียนซินหย่าตัดบทเหยียนหมิงซุ่น ถลึงตาโต เต็มไปด้วยความปรารถนาที่อยากเห็นอยู่ข้างใน อีกทั้งยังมีความรู้สึกตกใจและกลัวรวมด้วย จ้าวอิงหัวในตอนนี้ก็เสียความสุขุมเยือกเย็นที่มีอยู่ไปด้วยเหมือนกัน
เด็กสาวคนหนึ่งที่ใบหน้าเหมือนกับภรรยาของเขาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีอายุสิบสองปี เกิดเดือนหก และอีกอย่างยังวาดรูปเหมือนของภรรยาเขาที่เธอยังไม่เคยเจอมาก่อนอีกด้วย
ถ้าหากที่เหยียนหมิงซุ่นพูดคือความจริง ระหว่างสาวน้อยที่ชื่ออู่เหมยคนนั้นกับภรรยาเขาจะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์นั้นทำให้จ้าวอิงหัวจนปัญญาที่จะรักษาความสุขุมต่อไปได้
“ฉันจำได้ว่าอู่เหมยก็พักอาศัยอยู่ที่อาคารหลังนี้ใช่ไหม? อิงหนาน เรียกเธอมาที่นี่หน่อยจะได้หรือไม่ ให้พวกเราได้เจอเธอหน่อย” จ้าวอิงหัวพูด
จ้าวอิงหนานพูดอย่างลำบากใจว่า “ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ไม่นานที่บ้านเหมยเหมยเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ครอบครัวเธอทั้งครอบครัวก็เลยไปพักอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่ากันหมด ไม่ได้อยู่ที่นี่ พี่ชายเล็กพี่สะใภ้เล็กไม่ต้องร้อนใจไป พรุ่งนี้พวกเราก็จะได้พบกับเหมยเหมยแล้ว”
…………………………………………..
ตอนที่ 496 เหมยเหมยเธอใช้ชีวิตผ่านมาไม่ค่อยดี
เหยียซินหย่าถามอีกครั้ง “เสี่ยวเหยียน ภาพวาดใบนั้นอยู่ที่นายไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นส่ายหัว “ไม่ได้อยู่ที่ผม เหมยเหมยเก็บไว้ ตอนนี้เธอไม่อยู่บ้าน ผมก็หมดปัญญาที่จะเอาให้คุณดูตอนนี้ แต่ขอให้คุณเชื่อผม ผู้หญิงที่อยู่บนภาพวาดภาพนั้นหน้าเหมือนคุณอย่างกับแกะ ดังนั้นพอผมชนกับคุณ ผมถึงได้ตกใจมากขนาดนั้น”
“ฉันเชื่อนาย นายเป็นเด็กดี นายไม่โกหกฉันหรอก แต่ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
เหยียนซินหย่าได้แต่มองจ้าวอิงหัวอย่างหมดหนทาง เหยียนหมิงซุ่นพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทำให้หัวสมองของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด จนไม่สามารถคิดพิจารณาได้ตามปกติ
จ้าวอิงหัวก็สับสนวุ่นวายไม่แพ้กัน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่ได้ผ่านการฝึกฝนของทางราชการมานาน ใช้เวลาไม่นานก็สงบสติอารมณ์ลงมาได้ ตบหลังของภรรยาเบาๆ พลางพูดปลอบเสียงเบาว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พรุ่งนี้ตอนได้เจอเด็กน้อยคนนั้นก็จะรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จ้าวเสวียหลินก็ถามเหยียนหมิงซุ่นตรงๆ “นายบอกพวกเราทีว่าเรื่องเหล่านี้หมายความว่ายังไง?”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มน้อยๆ “ไม่มีความหมายอะไร เพียงแค่รู้สึกว่าคุณน้าเหยียนน่าจะรู้เรื่องนี้ มีคำพูดบางคำผมไม่สะดวกที่จะพูดให้มากความ พวกคุณน่าจะคิดเข้าใจได้เอง เวลาก็เย็นมากแล้ว ผมขอลา สวัสดีครับ!”
เขาลุกขึ้นแล้วก็หันไปคำนับเหยียนซินหย่าและจ้าวอิงหนาน ตรงไปทางประตู หลังจากที่เปิดประตูเขาก็หยุดชะงัก หันกลับมาพูดว่า “เมื่อสักครู่ผมลืมพูดไป เหมยเหมยมีชีวิตที่ผ่านมาไม่ดีเป็นอย่างมา ตั้งแต่เด็กเธอก็โดนเหอปี้อวิ๋นปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ ไม่เคยได้รับความรักแบบแม่ที่มีต่อลูกเลยแม้แต่น้อยนิด”
พูดจบเขาก็เดินจากไป เงยหน้ามองท้องฟ้า แสงจันทร์ค่อนข้างสว่างสวยงาม ไปหาเด็กน้อยหน่อยดีไหมนะ?
หลังจากเหยียนหมิงซุ่นกลับไปได้สักพัก ลมก็พัดผ่านเข้ามาเปิดประตูที่ไม่ได้ปิดให้ดี ลมเย็นๆพัดมาทำให้ทุกคนได้สติ หนาวสั่นจนสะดุ้งโหยง สยงมู่มู่ลุกขึ้นไปปิดประตู ทำหน้ามุ่ยเบะปากส่งเสียงบ่นว่า “ประตูก็ไม่ปิดให้ดี คนอะไร!”
ตอนที่เหยียนซินหย่าได้ยินเหยียนหมิงซุ่นพูดว่าอู่เหมยโดนเหอปี้อวิ๋นปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณตั้งแต่เด็ก ใจก็เจ็บเหมือนโดนกรีดแทงจนเจ็บปวดมาก!
“อิงหนาน ที่เสี่ยวเหยียนเขาพูดมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้ปฏิบัติต่อเธออย่างโหดร้ายทารุณขนาดนั้นล่ะ?” เหยียนซินหย่าถามอย่างร้อนใจ
จ้าวอิงหนานถอนหายใจ เล่าถึงสถานการณ์ของตระกูลอู่ออกมาคร่าวๆ สยงมู่มู่ที่อยู่อีกด้านเพิ่มเติมเสริมเข้าไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงเรื่องอู่เยวี่ยนำตะปูไปหว่านในรองเท้าของอู่เหมย เหยียนซินหย่าก็พุดอย่างโมโหว่า “ทำไมถึงได้มีเด็กที่ใจดำอำมหิตขนาดนี้? ทำร้ายได้แม้กระทั่งน้องสาว สมแล้วที่เป็นลูกสาวที่เหอปี้อวิ๋นเลี้ยงออกมา!”
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยได้พบหน้า แต่เหยียนซินหย่าก็ขีดกากบาทตัวโตๆ ไว้ที่อู่เยวี่ยเรียบร้อย นำเธอไปรวมไว้เป็นคนจำพวกเดียวกับเหอปี้อวิ๋น
แต่สำหรับอู่เหมยกลับรู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมาก ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารอะไรขนาดนี้ แม่แท้ๆ พี่สาวแท้ๆ เลวขนาดนี้ เธอจะต้องมีชีวิตที่ผ่านมาอย่างยากลำบากเป็นแน่?
“อู่เจิ้งซือล่ะ? เขาไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียวเชียวหรือ?” จ้าวอิงหัวถามอย่างไม่เข้าใจ
จ้าวอิงหนานส่งเสียงยิ้มเยาะ พูดอย่างเหยียดหยามว่า “ผู้ชายคนนี้ทั้งเห็นแก่ตัวทั้งจอมปลอมและเลือดเย็น ไม่ใช่คนยิ่งกว่าเหอปี้อวิ๋นอีก เมื่อก่อนเหมยเหมยเรียนไม่ดีและยังไม่โดดเด่น อู่เจิ้งซือก็ทำเหมือนเธอเป็นมนุษย์ล่องหน ให้เหอปี้อวิ๋นแม่ลูกรังแกสารพัด ตอนนี้เหมยเหมยมีอนาคตอันสดใส ถึงได้ทำดีกับเธอขึ้นมาหน่อย”
“จ้าวอิงหนานเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? อู่เจิ้งซือปฏิบัติต่อคนอื่นถือว่าไม่เลวเลยนะ เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?”
เหยียนซินหย่าประทับใจอู่เจิ้งซืออยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังซาบซึ้งในบุญคุณเขามากๆ ได้ยินจ้าวอิงหนานพูดแบบนี้ จึงรู้สึกว่าน่าจะมีการเข้าใจผิดกัน อู่เจิ้งซือคงไม่ใช่คนแบบที่น้องสาวสามีพูด
จ้าวอิงหนานมองเธออย่างรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งที่เมื่อก่อนอู่เหมยเคยพูดไว้ รีบถามอย่างใจเต้นว่า “พี่สะใภ้เล็ก ความสัมพันธ์ของพี่กับเหอปี้อวิ๋นไม่ดีมากเลยใช่หรือไม่?”
…………………………………………..
ตอนที่ 497 ไม่เคยพบเจอกันมาก่อนแต่กลับรักและเจ็บปวดใจ
เหยียนซินหย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้าหงึกหงึก “ใช่แล้ว ไม่ดีมากๆ มีเหตุผลอีกมากมาย ทำไมอิงหนานถึงได้ถามแบบนี้ล่ะ?”
“เหตุผลที่เหอปี้อวิ๋นปฏิบัติต่ออู่เหมยอย่างโหดร้ายทารุณ สาเหตุที่สำคัญมากอย่างหนึ่งเป็นเพราะเหมยเหมยหน้าตาเหมือนพี่สะใภ้เล็ก มีครั้งหนึ่งเธอทะเลาะกับอู่เจิ้งซือแล้วหลุดพูดออกมา แล้วอู่เหมยเผลอได้ยินเข้า”
จ้าวอิงหนานแค้นใจไม่หาย ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ เขามักกลั้นอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนไหนที่โรคจิตเท่าเหอปี้อวิ๋นมาก่อนเลยจริงๆ!
เหยียนซินหย่าตกใจสุดขีด เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ไปได้ พูดถึงแล้วกลับกลายเป็นเธอนี่แหละที่ทำร้ายเด็กคนนี้!
จ้าวเสวียหลินอดสบถคำด่าออกมาไม่ได้ “ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
สยงมู่มู่กระโดดออกมา “เป็นโรคจริงๆ เป็นโรคประสาท !”
เหยียนซินหย่ามองไปทางเขาที่เหมือนไม่ได้พูดเล่น พลันรีบถามขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้น จ้าวอิงหนานจึงเล่าเรื่องที่เหอปี้อวิ๋นจิตไม่ปกติออกมา “เป็นเพราะเรื่องนี้ ตอนนี้เหอปี้อวิ๋นเลยโดนไล่กลับบ้านแม่ตัวเอง ฉันดูจากนิสัยเห็นแก่ตัวของอู่เจิ้งซือแล้ว เกรงว่าหลังตรุษจีนคงหย่าขาดกับเหอปี้อวิ๋น เสียดายก็แต่เหมยเหมย ถือเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ต้องมาติดร่างแหไปกับสองแม่ลูกนี่ด้วย คิดแล้วก็น่าโมโห!”
จ้าวอิงหัวพอรู้จักเหอปี้อวิ๋น ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยชอบผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่ แต่รู้ดีว่าเหอปี้อวิ๋นไม่ได้เป็นบ้าแน่นอน ส่วนเรื่องเห็นแก่ตัวและนิสัยดุร้ายนับว่าเป็นเรื่องจริง
เขาให้จ้าวอิงหนานเล่าเรื่องของบ้านตระกูลอู่ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงแม้จ้าวอิงหนานจะรู้สึกว่าประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังเล่าออกมา เล่าตั้งแต่ชีวิตเมื่อก่อนที่น่าสงสารของอู่เหมยจนถึงความไม่สงบของตระกูลอู่ ตลอดจนถึงเรื่องของเหอปี้อวิ๋นสองแม่ลูกที่ตอนนี้ถูกเล่าลือว่าเป็นโรคประสาทกันอย่างหนาหู โดยเล่าอย่างละเอียดทั้งหมด
จ้าวอิงหัวคิ้วกระตุก น้องสาวของตัวเองนั้นเป็นคนในเหตุการณ์ จึงมองเห็นข้อเท็จจริงได้ไม่ชัดเจนนัก รวมถึงตามที่เขาเห็นครอบครัวของอู่เจิ้งซือ ในระยะหลังมานี้ตระกูลอู่เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ที่อู่เหมยเปลี่ยนไป
เขาแทบมั่นใจเลยว่า เบื้องหลังเรื่องราวพวกนี้เด็กน้อยอู่เหมยนั่นคงออกแรงไปบ้างไม่มากก็น้อย!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่เรื่องที่เหอปี้อวิ๋นกับอู่เยวี่ยเป็นโรคประสาทต้องมีความเกี่ยวข้องกับอู่เหมยแน่ๆ!
เพราะว่าตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นอู่เหมยที่ชี้นำความคิดของทุกคนอยู่
จ้าวอิงหัวลูบคาง พลันเกิดอาการอยากรู้อยากเห็นเรื่องของอู่เหมยมากขึ้นไปใหญ่ อยากเจอเด็กคนนี้เสียจริง เพิ่งจะอายุแค่สิบสองปีแต่รู้จักวางแผนการและกลอุบายเช่นนี้ขึ้นได้ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
เวลานี้ตระกูลอู่กลับวุ่นวายอลม่าน เพราะคุณยายเหอแวะมา และในปีนั้นคนๆ นี้แหละที่ด่ากราดไปทั่วทั้งหมู่บ้านอย่างไม่ไว้หน้าใครแม้กระทั่งผู้ใหญ่บ้านเจอเข้ายังต้องหลบให้ พอมาถึงบ้านตระกูลอู่ก็เอาพลังร้ายกาจในปีนั้นสลัดทิ้งไปจนหมด
เธอไม่พูดอะไรทั้งนั้น พอเหยียบเข้าประตูก็โค้งคำนับสองผู้เฒ่าตระกูลอู่ด้วยความจริงใจ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณอู่ เป็นฉันเองที่ไม่สั่งสอนลูกสาวให้ดี ทำให้พวกคุณต้องเหนื่อยใจ แต่พวกคุณวางใจได้ ฉันจะสั่งสอนนังลูกเวรเดี๋ยวนี้แหละ!”
พูดจบคุณยายเหอก็ดึงเอาไม้นวดแป้งหมี่ที่นำมาจากบ้านออกมาจากด้านหลัง ฟาดใส่เหอปี้อวิ๋นโดนไม่สนเหตุผลใด ทั้งนั้น คุณยายเหอฟาดจริงๆ ฟาดโดยไม่มีการออมมือใดทั้งสิ้น แต่ตีไปไม่กี่ทีเหอปี้อวิ๋นก็เลือดไหลรินออกมา
คุณยายเหอตีไปด่าไป ใครก็ห้ามไว้ไม่อยู่ เหอปี้อวิ๋นถูกตีจนอ่อนเปลี้ย บนหัวบนหน้าเต็มไปด้วยเลือด ต่อให้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก
คนในตระกูลอู่ตกตะลึงต่อการกระทำของคุณยายเหอในครั้งนี้ พวกเขาเป็นพวกมีการศึกษา ไหนเลยจะเคยเจอคนป่าเถื่อนทำตัวเช่นนี้เล่า?
แผนของคุณยายเหอฉลาดยิ่งกว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยเสียอีก ก่อนที่เธอจะมาเธอได้คำนวณไว้เป็นอย่างดีแล้ว เหอปี้อวิ๋นห้ามหย่าอย่างเด็ดขาด ดังนั้นแทนที่จะให้ตระกูลอู่ส่งตัวกลับมา สู้เธอชิงลงมือเสียก่อนเพื่อความได้เปรียบ
ตระกูลอู่เป็นพวกรักษาหน้าตาจะตายไปคงไม่ส่งตัวเหอปี้อวิ๋นที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่คืนมาหรอก!
ขอแค่สามารถอยู่ต่อไปได้ เหอปี้อวิ๋นบาดเจ็บนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป?
วิธีการบีบให้จนมุมแล้วค่อยปล่อยตัวไปของคุณยายเหอที่จริงนับว่าร้ายกาจไม่เบา คนตระกูลอู่ถูกคุณยายเหอทำให้ตกใจสุดขีด กลัวว่าเหอปี้อวิ๋นจะโดนยายแก่เสียสตินี่ตีจนตาย พวกเขาเป็นตระกูลที่คนต่างนับหน้าถือตา แล้วจะให้พวกหนูสกปรกพวกนี้มาทำลายไม่ได้ !
ด้วยเหตุนี้เหอปี้อวิ๋นที่จะตายแหล่มิตายแหล่ได้อยู่ที่นี่ต่อไป คุณยายเหอกลับบ้านไปด้วยท่าทางพออกพอใจ แต่เธอหารู้ไม่ว่า คนที่มีการศึกษาบางจำพวกถึงแม้ว่าเบื้องหน้าจะทำดีแค่ไหน แต่เบื้องลึกกลับไร้ความจริงใจเสียยิ่งกว่า
เล่ห์อุบายเหนือกว่ายายแก่บ้านนอกอย่างหล่อนเป็นหลายเท่า!
อู่เหมยกลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เธอควรจะรีบพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องแกล้งแสดงละครให้ดี ยั่วอารมณ์อู่เยวี่ยให้โมโหจนกระอักเลือดตายไปซะ
“เหมยเหมย!”
อู่เหมยเพิ่งจะล้มตัวลงนอนได้ไม่นาน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่ไม่ได้ยินมาแสนนาน พลันกระโดดลงจากเตียงด้วยความดีอกดีใจ
…………………………………………..
ตอนที่ 498 พรุ่งนี้จะมีเรื่องใหญ่ที่น่าประหลาดให้ดีใจสุดๆ
นอกหน้าต่างปรากฏตัวเหยียนหมิงซุ่นที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน อู่เหมยเปิดบานหน้าต่างออก ในอ้อมแขนของเหยียนหมิงซุ่นกอดฉิวฉิวตัวกลมดิ๊กที่ไม่ได้เจอมาหลายวันไว้เช่นกัน
“กู่กู่”
คุณปู่ฉิวเห็นเจ้าของที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน จึงคิดกระโจนตัวไปอยู่ในอ้อมกอดหอมๆ อุ่นๆ ของเจ้าของตัวน้อย แต่ขาหลังกลับโดนผู้ชายนิสัยไม่ดีดึงไว้ ฉิวฉิวจึงแยกเขี้ยวขู่ใส่ แล้วทำได้แค่รอให้เจ้าของโผเข้ามาหาตัวเอง
“พี่หมิงซุ่น พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”
เหยียนหมิงซุ่นปีนข้ามหน้าต่างเข้ามาอย่างสบายๆ แล้วจู่ๆ อู่เหมยก็ก้มตัวลงมาที่แผ่นอกของเขา อุ้มตัวฉิวฉิวมาอยู่ในอ้อมกอดทั้งจูบทั้งลูบสัมผัสมัน กลิ่นตัวที่สาวน้อยคุ้นเคยลอยเตะจมูก หลายวันมานี้เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างกระวนกระวายใจ แต่เพียงครู่เดียวก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ เขายกมุมปากเหยียดยิ้ม ก้มหน้าลงมองดูความรักใคร่กลมเกลียวของฉิวฉิวกับอู่เหมย
เห็นเด็กน้อยคนนี้หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ระยะนี้คงจะใช้ชีวิตได้ไม่เลวเลยทีเดียว
“มาถึงตอนกลางวัน ได้ยินคุณยายหยางบอกว่าเธอมาหาพี่ที่บ้าน ก็แวะมาหาหน่อย” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเบามาก ดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิลอยพัดผ่าน หูของอู่เหมยแดงซ่าน
“ฉันไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่ไม่ได้เจอพี่หลายวันแล้ว”
คำตอบของอู่เหมยทำให้เหยียนหมิงซุ่นใจชื้นขึ้นมา เขาเข้าใจว่าเด็กน้อยคิดถึงเขาได้อย่างอัตโนมัติ แน่นอนว่าความจริงเป็นเช่นนี้ เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มที่มุมปาก เขาหยิบพระหยกที่งานฝีมือละเอียดออกมาจากอกเสื้อ โบกสะบัดไปมาอยู่เบื้องหน้าอู่เหมย
“พี่ไปรับของจากทางใต้ อันนี้เธอสวมเอาไว้ก่อน วันหลังจะหาอันที่ดีกว่านี้มาเปลี่ยนให้”
อู่เหมยมองพระหยกตรงหน้าอย่างตกตะลึง ขนาดประมาณเท่าหัวแม่โป้ง พระองค์นี้ดูทรงพลังและสง่างามซึ่งพบเห็นได้ง่าย ใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม แค่เห็นก็มีความสุข ถึงแม้ว่าตัวหยกจะไม่ใช่ของดีเท่าไหร่ แต่แสงสีเขียวที่สะท้อนอ่อน ๆ ออกมาจากตัวพระ เห็นได้ชัดว่าสะสมพลังมานานหลายปี ดูมีชีวิตชีวา
“สวยมากเลย ใส่อันนี้แหละ ไม่เปลี่ยน จะไม่เปลี่ยนตลอดชีวิตเลย”
อู่เหมยลากเสียงยาวโดยไม่รู้ตัว เสียงเดิมที่หวานใสอยู่แล้วก็ยิ่งหวานหยดเยิ้มเข้าไปอีก ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในหัวใจที่เย็นชาของเหยียนหมิงซุ่น กัดกร่อนจนละลายไปทีละนิดๆ
จนกระทั่งละลายกลายเป็นน้ำ และเป็นน้ำหวานที่หวานหยดเยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เปลี่ยน มา…พี่ใส่ให้”
อู่เหมยเงยหน้ายืดคอให้อย่างว่าง่าย เหยียนหมิงซุ่นนำพระหยกสวมห้อยคอ โดยไม่ทันระวังนิ้วไปสัมผัสเข้ากับใบหูอันนุ่มของสาวน้อย เหมือนกับต้นนางอายก็ไม่ปาน ใบหูขาวนุ่มขยับสั่น
เหยียนหมิงซุ่นคิดอยากเล่น จึงแสร้งโดนอีกครั้งโดยไม่ทันระวังชน ใบหูก็สั่นอีก แล้วก็ชนเข้าอีก แล้วก็สั่นอีก ช่างสนุกมากจริงๆ
“พี่หมิงซุ่น ใส่เสร็จหรือยัง?”
รอจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่เหยียนหมิงซุ่นก็ยังไม่หยุดมือ อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะเร่งเขา เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกละอายใจเล็กน้อย จึงดึงมือกลับมา ไม่กล้าลวนลามสาวน้อยต่อไปอีก
“จะเสร็จแล้ว หัวเธอใหญ่ไปหน่อย พี่ขอขยายเชือกก่อน” อนาคตผู้นำระดับสูงพูดโกหกได้อย่างลื่นไหลด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
อู่เหมยรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที เป็นเพราะความผิดหัวโตของเธอแท้ๆ! ด้วยความสัตย์จริง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ ตามมาตรฐาน หัวจะใหญ่ไปมากกว่ากันเท่าไหนกันเชียว?
“เสร็จแล้ว!”
เหยียนหมิงซุ่นดึงมือกลับมาอย่างอ้อยอิ่ง การช่วยเด็กน้อยแขวนจี้ห้อยคอก็ถือเป็นความสำเร็จไม่น้อยทีเดียว วันหลังไปตามหาที่จี้สวยๆ มาห้อยให้ดีไหมนะ?
อู่เหมยวิ่งไปส่องหน้ากระจกอย่างชอบใจ “ดูดีมากจริงๆ ฉันจะใส่ทุกวันเลย อาบน้ำก็จะไม่ถอดออก”
เหยียนหมิงซุ่นมองสาวน้อยที่กำลังดีอกดีใจ จิตใจก็ลอยละลิ่ว และยิ่งสงสารอู่เหมยด้วยในเวลาเดียวกัน เมื่อก่อนไม่เคยมีใครให้ของขวัญเธอมาก่อน ดังนั้นพอได้รับพระหยกชิ้นเล็กๆ มาจึงเกิดอาการดีใจขนาดนั้น ช่างพอใจอะไรง่ายดายเสียจริง!
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องเหยียนซินหย่ากับอู่เหมย ถึงแม้ว่าความจริงจะปรากฏออกมาแล้วก็ตาม แต่ยังไม่เห็นตอผุดขึ้นมา ยังไม่บอกอู่เหมยคงจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อการแสดงของเธอในวันพรุ่งนี้
“เหมยเหมย พรุ่งนี้เธอก็ตั้งใจทำการแสดงให้ดีละ พี่มีเรื่องประหลาดใจจะมอบให้เธอ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดทั้งรอยยิ้ม
…………………………………………..
ตอนที่ 499 ระวังแล้วระวังอีก
อู่เหมยเงยหน้ามองเขาอย่างดีใจ ถามขึ้นว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”
ใบหน้าของสาวน้อยส่องประกายออกมาจากใต้แสงไฟ เหยียนหมิงซุ่นไม่อาจใจแข็งพอที่จะปฏิเสธเธอได้ หลายครั้งหลายคาที่อึกอักติดอยู่บนริมฝีปาก แต่ต้องจำใจกลืนมันลงไป ในเมื่อจังหวะโอกาสยังไม่ใช่ก็ต้องใจเย็นลงก่อน
“แค่เธอตั้งใจเต้นรำให้ดี พรุ่งนี้พี่จะบอกเธอแน่นอน ตอนนี้ดึกมากแล้ว รีบไปนอนเถอะ!”
สุดท้ายเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้พูดมันออกมา ตบหัวอู่เหมยเบาๆ อู่เหมยเบะปากใส่ ในใจคันยุบยิบ อยากจะรู้จริงๆ ว่ามันคือเรื่องอะไรกันนะ เธอถามอีกหลายครั้ง ออดอ้อนหว่านล้อมทุกหนทาง แต่ปากเหยียนหมิงซุ่นยังคงปิดสนิทราวดั่งน้ำเต้า เอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไรออกมา
“รีบนอน พรุ่งนี้พี่จะไปดูเธอแสดงที่โรงละคร”
อู่เหมยดีใจอีกครั้ง พยักหน้าหงึกหงัก เหยียนหมิงซุ่นก็กระโดดออกจากหน้าต่างไปอย่างสบายๆ หันกลับมาโบกไม้โบกมือให้อู่เหมย อู่เหมยจิ๊ปากส่งเสียงหัวเราะร่า ปิดหน้าต่าง แล้วซุกตัวเข้าไปในผ้านวมนอนหลับอย่างสบายใจ ในฝันก็ปรากฏตัวสาวสวยคนนั้นอีกครั้ง
ขยับใกล้เธอมากขึ้น ส่งรอยยิ้มเมตตาและอ่อนโยนมอบให้เธออย่าง ทั้งยังกวักมือเรียกเธอเข้าไปหา!
อู่เหมยลองก้าวเท้าเข้าไปใกล้ คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะก้าวผ่านเข้าได้อย่างสบาย เธอโผเข้ากอดผู้หญิงคนนั้น เหมือนดั่งที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ทั้งหอมทั้งนุ่ม อบอุ่นเป็นที่สุด
“อิอิ”
อู่เหมยกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ความฝันที่ทั้งหอมหวานและสวยงาม เธอไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยไปตลอดชีวิต อยากจะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ไปเรื่อยๆ ดีชะมัด !
เหยียนหมิงซุ่นปีนข้ามออกมาจากสวนหลังบ้านของบ้านตระกูลอู่ พระจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่กลางท้องฟ้า สวยงามจับใจ ทัศนียภาพริมฝั่งถนนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เหยียนหมิงซุ่นปัดตามเสื้อผ้า สอดส่องรอบด้าน แล้วก้าวขาเดินกลับไป จิตใจละลอยล่องไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ตอนที่เดินผ่านหน้าบ้านของตระกูลอู่ ประสาทสัมผัสหูตาไวของเหยียนหมิงซุ่นค้นพบว่าประตูเหล็กหน้าบ้านของบ้านตระกูลอู่มีเงาคนท่าทางลับๆ ล่อๆ หมอบหน้าประตูใหญ่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
เหยียนหมิงซุ่นเร่งฝีเท้าก้าวไปข้างหน้า หาสถานที่ซ่อนตัวเพื่อซุ่มสังเกตการณ์ เงาของเขารูปร่างไม่สูงนัก เพราะหันหลังชนเขาอยู่จึงมองเห็นหน้าค่าตาไม่ค่อยชัด เธอโค้งตัวสาดน้ำอยู่หน้าหน้าประตู และไม่ได้สาดแค่จุดเดียวเท่านั้น แต่ยังสาดอีกหลายจุด
ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนสิบสองที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุด อีกทั้งตอนนี้ไม่มีห้องทำความอุ่น ตอนกลางคืนจึงเหน็บหนาวกระทั่งสามารถทำให้ท่อน้ำแข็งจนแตกหักได้ แสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิต่ำมากขนาดไหน ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สาดน้ำออกไปแล้วกลายเป็นน้ำแข็งในทันที แต่หากตักน้ำแช่ทิ้งไว้ด้านนอกก็อาจกลายเป็นน้ำแข็งได้
เพียงแวบเดียวเหยียนหมิงซุ่นก็รู้ว่าคนนี้คิดจะทำอะไร ประตูใหญ่หน้าบ้านตระกูลอู่นั้นไม่ค่อยเรียบ ทั้งยังเป็นพื้นซีเมนต์ลาดเอียงยาวอีกด้วย เธอสาดน้ำไว้เยอะขนาดนี้ พรุ่งนี้ต้องจับตัวกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแน่นอน คนเหยียบลงไปไม่ล้มสิถึงจะแปลก!
ยังไม่ทันตั้งตัวก็ล้มเสียหลักถึงขั้นขาหักก็เป็นไปได้!
เหยียนหมิงซุ่นจ้องร่างเงาผู้นี้อย่างเงียบสงบ พอเธอสาดน้ำในกะละมังหมดก็ลุกขึ้นอย่างพอใจ ใบหน้าปะทะแสงจันทร์สาดส่องให้เห็นใบหน้าขาวซีดและน่ากลัวนั้นอย่างชัดเจน
ที่แท้เป็นอู่เยวี่ยนี่เอง!
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น เกิดอาการรังเกียจอู่เยวี่ยขึ้นมาถึงขีดสุด แอบทำท่าทางลับๆ ล่อๆ สาดน้ำหน้าประตูเพื่อทำร้ายคนอื่น จิตใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมชั่วร้ายขนาดนี้?
อู่เยวี่ยต้องการทำร้ายใครใช้สมองคิดนิดเดียวก็เดาได้ไม่ยาก นอกจากอู่เหมยแล้วจะมีใครอีก?
เธอคงคิดทำลายงานแสดงในค่ำคืนวันตรุษจีนของอู่เหมยในวันพรุ่งนี้สินะ !
ช่างมีเจตนาปองร้ายจริงๆ!
โชคดีที่วันนี้เขาแวะมา มิเช่นนั้นพรุ่งนี้อู่เหมยอาจจะล้มพับลงไปได้ ต่อให้ไม่ล้มจนขาหัก แต่การลื่นล้มบนพื้นน้ำแข็งตอนหน้าหนาว ไม่เจ็บสิถึงจะแปลก!
อู่เยวี่ยมองพินิจพิจารณาผลงานชิ้นเอกของตัวเองอย่างพอใจ มุมปากเหยียดยิ้มเยาะ แล้วผลักเปิดประตูเดินเข้าไป
นี่เป็นเพียงแค่แผนการแรก หลังจากนี้เธอยังมีแผนการอีกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่เชื่อหรอกว่าอู่เหมยจะไม่ตกหลุมพลางได้!
เหยียนหมิงซุ่นเดินไปหน้าประตู ดูแอ่งน้ำพวกนั้นพลางขมวดคิ้วแน่น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้จัดการน้ำพวกนี้ ย้อนกลับไปทางสวนหลังบ้าน และก็ไม่ได้เรียกให้อู่เหมยตื่น แต่กลับควักสมุดโน้ตออกมาจากกระเป๋าเสื้อ รีบเขียนลงกระดาษหนึ่งแผ่น แล้วสอดผ่านขอบหน้าต่างเข้าไป “หน้าประตูใหญ่อู่เยวี่ยสาดน้ำเอาไว้ ตอนออกจากบ้านสาดเกลือลงไปหน่อย พรุ่งนี้ห้ามกินอาหารในบ้านทุกอย่าง ต้องระวังตัวและระวังอู่เยวี่ยให้ดี!”
…………………………………………..
ตอนที่ 500 ป้องกันระวังตัวเอง
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกว่าอู่เยวี่ยจะต้องมีแผนการต่อจากนี้อีก ถึงอย่างไรเธอก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพรุ่งนี้เช้าคนที่ออกบ้านคนแรกจะเป็นอู่เหมย แต่หากไม่ใช่อู่เหมย คนแรกที่ล้มจะต้องเตือนคนอื่นแน่นอน
ดังนั้นน้ำที่สาดไว้หน้าประตูไม่สามารถรับประกันได้ว่าอู่เหมยจะเป็นคนที่ลื่นล้ม อู่เยวี่ยจิตใจชั่วร้าย เธอจะต้องใช้วิธีการอื่นมาทำร้ายอู่เหมยอีกแน่นอน
บางทีอาจจะเป็นอาหารการกิน บางทีอาจจะเป็นสถานที่อื่นๆ…
เพียงแต่เสียดายที่เวลานี้เขาไม่อาจอยู่ข้างกายอู่เหมยได้ จึงทำได้แค่กำชับเธอเท่านั้น!
ด้วยความระมัดระวังรอบคอบของอู่เหมย เพียงแค่มีการป้องกันคงไม่ตกหลุมพลางเอาได้หรอก!
งานค่ำคืนเทศกาลตรุษจีนของเมืองจัดขึ้นที่โรงละครประจำเมืองตอนบ่ายสองโมง เหล่าตระกูลอู่ตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็น พวกเขาจึงยังไม่ได้ออกจากบ้านและซุกตัวกันอยู่ภายในบ้าน รอหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จแล้วค่อยไปโรงละครประจำเมือง เพราะมีนักแสดงสองคนเป็นคนในตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิ์เข้าชมในงาน
เนื่องจากอู่เหมยและอู่เชาต้องเข้าร่วมการแสดง พวกเขาจำเป็นต้องไปถึงโรงละครในตอนเช้า และตอนกลางวันก็ทานอาหารที่นั้น อาหารเช้าของตระกูลอู่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ทั้งนม ขนมปัง ไข่ไก่ และเกี๊ยว ซึ่งเป็นการผสมผสานทั้งอาหารตะวันตกและจีนเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีสารอาหารครบถ้วน
“เสี่ยวเชา เหมยเหมย พวกเธอกินให้เยอะๆ หน่อย กินให้อิ่มท้อง ตอนบ่ายจะได้มีกำลังวังชา!”
คุณปู่อู่ทักทายพวกอู่เหมยอย่างอ่อนโยน ยกจานมาให้พวกเขาด้วยตัวเอง นับเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตเลยเชียว
อู่เหมยตื่นตอนเช้ามาก็เห็นกระดาษใบนั้น เธอหันมองอู่เยวี่ยที่อยู่อีกด้านแวบหนึ่ง ในใจพลางยิ้มเยาะ
นังสารเลวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี รองานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีนจบก่อนเถอะฉันค่อยจัดการแกอย่างช้าๆ! “คุณปู่ หนูกินไม่ไหวแล้ว!”
อู่เหมยแสร้งทำท่าทีเหมือนว่าตื่นเต้นประหม่า แล้วยกขาเตะเด็กอ้วนน้อยที่มุดอยู่ใต้โต๊ะเตรียมจะสวาปามข้าวเช้า ไปแรงๆ ทีนึง อู่เชามองเธออย่างงงงัน แยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ไม่คิดตอบโต้อะไรกับเจ้าเด็กบ้านี่
หิวท้องร้องจะตายอยู่แล้ว กินข้าวก่อนค่อยว่ากัน!
อู่เหมยเตะเขาแรง ๆ อีกครั้ง ทั้งยังจ้องเขม็งไปทางเขา แล้วคว้ามืออู่เชาไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณปู่คะ อีกเดี๋ยวหนูกับเสี่ยวเชาค่อยไปกินกันที่หน้าโรงละครดีกว่าค่ะ พี่สาวสยงมู่มู่ไม่ให้พวกเรากินข้าวเช้าเยอะเกินไป บอกว่ากินอิ่มไปจะไม่เป็นผลดีต่อการแสดง”
คนตระกูลอู่ไหนเลยจะรู้ถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับเรื่องบนเวทีพวกนี้ได้ พอได้ยินว่ามันไม่ดีต่อการแสดง คุณปู่อู่ก็ตกใจจนรีบดึงจานกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่ากินเลย พวกเราฟังคำของนักแสดงมืออาชีพแล้วกัน รอการแสดงจบพวกเราค่อยไปทานข้าวที่ภัตตาคารจุ้ยเซียนกันทั้งบ้านเนี่ยแหละ ปู่เลี้ยงเอง”
“คุณปู่ ผมอยากกินไก่ห่อดินเผา นานแล้วที่ไม่ได้กินไก่ห่อดินเผา!” อู่เหมยส่งเสียงร้องด้วยความดีอกดีใจ
“แค่ตอนบ่ายหลานแสดงได้ดี ทั้งไก่ห่อดินเผา ทั้งหมูสามชั้นน้ำแดงก็กินให้อิ่มหน่ำสำราญไปเลย!” คุณปู่อู่ใจกว้างมากทีเดียว
ทุกคนต่างก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข คึกคักรื่นเริงยิ่งกว่าวันปีใหม่เสียอีก อู่เยวี่ยหัวเราะตามพวกเขาอย่างไม่ยินดีสักเท่าไหร่ แอบโกรธแค้นอยู่ภายในใจ
ถือว่านังโง่นี่โชคดีไปแล้วกัน ไม่ต้องกลัว เธอยังมีแผนสำรองไว้อีก!
“เหมยเหมยดื่มนมร้อนๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นหน่อยสิ!” อู่เยวี่ยส่งนมร้อนๆ ให้เธอ
“ไม่จำเป็นหรอก วันนี้ฉันต้องดื่มพวกของเหลวให้น้อยหน่อย เพื่อเลี่ยงเวลาขึ้นเวทีจะได้ไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อย” อู่เหมยปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ
เว่ยชิวเยวี่ยราวกับมองออกถึงความกังวลของอู่เหมย เธอยิ้มพลางหยิบเงินห้าหยวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อยัดใส่มืออู่เหมย “พวกเธอเอาเงินนี้ไปซื้ออาหารเช้า แล้วรีบไปโรงละครเถอะ เดี๋ยวสาย!”
“ขอบคุณค่ะป้าสะใภ้ใหญ่/ขอบคุณครับแม่!”
อู่เหมยเก็บเงินไว้ดีแล้วก็ส่งยิ้มหวานไปให้ ตอนเปลี่ยนรองเท้าก็จับคลำแล้วคลำอีกจนมั่นใจแล้วว่าน่าจะไม่มีปัญหาถึงจะใส่เข้าไป เวลานี้คนตระกูลอู่ถึงเข้าใจว่าทำไมอู่เหมยถึงไม่กินอาหารในบ้านเลย
เหตุผลก็เพื่อป้องกันอู่เยวี่นนี่เอง!
คุณยายอู่หน้าเปลี่ยนสีคิดอยากจะตำหนิอู่เหมย แต่กลับโดนคุณปู่อู่ใช้สายตาปรามไว้ คุณยายจึงหุบปากลงด้วยความโมโห มุ่งเดินออกไปยังด้านนอก ขี้เกียจสนใจตาแก่นี่แล้ว
อู่เยวี่ยอ้าปาก แล้วหุบลงอีก ภาวนาในใจอย่างเงียบ ๆ ขออย่าให้คุณยายเปิดประตู เพียงแต่ ——
“โอ๊ย”
นอกประตูมีเสียงของคุณยายดังลอยมา
…………………………………………..
ตอนที่ 501 เปิดโปงความลับ
คนที่ล้มลงไปคือคุณย่าอู่ เป็นเพราะเธอเกิดโมโหคุณปู่จึงอยากออกไปเดินข้างนอกบ้าง แต่ใครจะคาดคิดว่าเพียงแค่เธอเดินออกประตูมาได้ ก็ล้มหน้าหงายจนทั้งมือและเท้าชี้ฟ้า
ครั้งนี้เรียกว่าไม่ใช่การล้มแบบเบาๆ แต่ทำเอาเธอเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบลุกยืนไม่ไหว ใบหน้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วเหลือง เธอทำได้เพียงนั่งร้องโอดครวญอยู่บนพื้น
“คุณแม่น่าจะเกิดอาการบวมช้ำไปถึงกระดูก รีบพาไปส่งโรงพยาบาลเถอะ!”
ตี๋ชิวเยวี่ยนั่งอยู่ข้างๆ คุณย่าและคอยบีบนวดให้เธอ พอนวดไปถึงช่วงกระดูกเชิงกรานคุณย่าก็ตะโกนร้องเสียงหลงจนน้ำตาเล็ด เห็นแบบนั้นหากไม่เป็นเพราะกระดูกหัก ก็อาจเป็นเพราะกระดูกร้าว
อู่เจิ้งซือและบรรดาพี่น้องต่างวุ่นวายเอิกเกริก และนำตัวคุณย่าส่งโรงพยาบาลในทันที โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจินเป็นสถานพยาบาลที่ทันสมัยและมีอุปกรณ์ครบครัน ประเภทอาการกระดูกหักถือว่าเป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย
ตี๋ชิวเยวี่ยเป็นคนละเอียดรอบครอบ เธอมองเพียงผิวเผินก็พอเดาได้ว่าหน้าประตูบ้านมีสิ่งผิดปกติ เพราะเมื่อวานเธอเป็นคนล็อกประตูใหญ่ด้วยตัวเอง เธอยังจำได้แม่นว่าหน้าประตูไม่มีน้ำขังอยู่เลย อีกทั้งช่วงนี้อากาศแจ่มใสเป็นอย่างมาก ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีน้ำขัง
เพราะฉะนั้นการที่น้ำแข็งมาอยู่บนพื้นก็มีอยู่อย่างเดียว นั่นคือมีคนจงใจเอาน้ำมาสาดไว้!
เว่ยชิวเยวี่ยมองไปยังอู่เยวี่ยที่ไม่ยอมปริปากพูดอะไร เธอจงใจพูดขึ้น “แม่ของเราได้รับบาดเจ็บแทนเสี่ยวเชาและเหมยเหมย หากว่าคนแรกที่เดินออกประตูบ้านไปเป็นพวกเขาทั้งสอง หน้าตาและศักดิ์ศรีของบ้านเราก็คงจะไม่เหลือ”
คุณปู่อู่สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ไอเย็นได้ผ่านเข้าสู่ปอด คำพูดของสะใภ้ใหญ่ได้เตือนสติเขาไว้ ความสงสารเห็นใจก่อนหน้าที่เขามีต่อคุณย่า ได้หายไปในชั่วพริบตา เหลือไว้เพียงความปีติยินดี ช่างโชคดีนักที่คนที่เดินออกไปที่ประตูบ้านเป็นยายแก่!
ตี๋ชิวเยวี่ยพูดต่อ “น่าแปลกนัก ทั้งที่เมื่อวานฝนก็ไม่ตก แล้วน้ำพวกนั้นมาจากไหนกัน?”
สีหน้าของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย อายุเธอยังน้อย การที่เธอทำผิดแล้วไม่สำเร็จนั้นได้ทำให้แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า ตี๋ชิวเยวี่ยแค่เห็นก็รู้ได้ในทันที เธอจึงทำได้เพียงส่ายหน้าให้กับการกระทำดังกล่าว เธอตั้งใจว่าช่วงเย็นค่อยหาโอกาสพูดคุยกับคุณปู่อู่ให้ชัดเจนกว่านี้ อู่เยวี่ยมีเจตนาและกลอุบายที่ผิดมหันต์ อีกทั้งยังมีความคิดและการกระทำที่ชั่วร้ายนัก ภายภาคหน้าเธอคงได้สร้างเรื่องวุ่นวายใหญ่โตเป็นแน่
เธอไม่อยากให้ครอบครัวของเธอต้องอับอายขายขี้หน้า เพียงเพราะเศษขี้หนูไร้ค่าอย่างอู่เยวี่ย!
เดิมทีเป็นอู่เจิ้งซือที่ต้องไปส่งพวกอู่เหมยไปยังโรงละครประจำเมือง แต่เกิดเรื่องขึ้นกับคุณย่าในตอนนี้ จึงทำให้อู่เจิ้งซือไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ ตี๋ชิวเยวี่ยจึงได้อาสาไปส่งพวกเขาแทน
ตี๋ชิวเยวี่ยพาพวกเขาไปส่งถึงโรงละคร และยังซื้ออาหารเช้าร้อนๆ ให้กินอีกด้วย เป็นซาลาเปาเสี่ยวทังและน้ำเต้าหู้
“หิวกันมากละสิ กินเยอะๆ ล่ะ ตอนบ่ายก็ตั้งใจแสดงกันด้วยนะ!”
ตี๋ชิวเยวี่ยกำชับพวกเขาไปได้เพียงไม่กี่ประโยค ก็จำต้องขึ้นรถแล้วกลับบ้านไป อู่เชายัดซาลาเปาเข้าปากอย่างหิวโหย อีกทั้งยังบ่นโทษอู่เหมยที่ไม่ยอมกินมื้อเช้าที่บ้านทั้งที่จัดวางเอาไว้เต็มโต๊ะ แต่เธอดันอยากออกมาเสียเงินซื้ออาหารกินข้างนอก
อู่เหมยจึงหันไปจ้องเขาอย่างเย็นชา “ถ้านายอยากตายก็กินสิ ไม่เห็นเหรอว่าที่ย่าหกล้มนั่นแทบคร่าชีวิตเธอไปแล้ว?”
อู่เชามีสีหน้าแปลกใจ จึงถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ “เธอหมายความว่าไง? ที่คุณย่าหกล้มเป็นเพราะมีคนจงใจทำร้ายงั้นเหรอ?”
อู่เหมยหันไปจ้องหน้าเขาและด่า “ไอ้หมูโง่ ไม่กี่วันมานี้ท้องฟ้าโปร่งใสมาก และหน้าประตูบ้านก็ไม่ได้มีน้ำขังอยู่ แล้วนายคิดว่าน้ำที่มันกลายเป็นน้ำแข็งได้นั่นจะมาจากไหนล่ะ?”
“มีคนจงใจเอาน้ำไปสาดไว้?” อู่เชาพยายามกลืนน้ำลายลงคอ เขาเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นอย่างเสียวสันหลัง
“ไร้สาระมากเลยใช่ไหมล่ะ ทำไมนายไม่ลองนึกดูดีๆ ว่าในบ้านของเรามีอยู่สองคนที่มีอาการป่วยทางจิต อย่างนี้แล้วนายยังจะกล้ากินอาหารเช้าพวกนั้นอีกเหรอ?” อู่เหมยมองอย่างเอือมระอา เธอทำได้เพียงกัดกินซาลาเปาเสี่ยวทังแล้วเดินอ้อมไปรายงานตัวด้านหลังเวที
อู่เชายืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ด้วยใจที่เต้นตุบๆ อย่างไม่เป็นจังหวะ!
แม่เจ้า! เขาจะไม่อยู่ที่บ้านของคุณปู่แล้ว จะกลับไปอยู่บ้านของตัวเอง!
อู่เหมยแต่งหน้า พร้อมกับเปลี่ยนชุดเต้นรำเสร็จนานแล้วด้วย ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมง เหลืออีกแค่หนึ่งชั่วโมงกิจกรรมงานปีใหม่ (ตรุษจีน) ก็จะเริ่มขึ้น สยงมู่มู่มาสายเล็กน้อย แต่วันนี้เขามีท่าทีแปลกไปบ้าง หลายครั้งที่เขาทำเหมือนอยากจะพูดบางอย่างกับอู่เหมย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
พ่อกับแม่บอกไว้ว่ารอให้การแสดงเสร็จสิ้นก่อนค่อยพูด จะรบกวนสมาธิของอู่เหมยไม่ได้เด็ดขาด!
…………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 502 ในที่สุดก็ได้เจอ
สองสามีภรรยาพ่อสยงจ้าวอิงหนาน รวมถึงครอบครัวของจ้าวอิงหัวมาถึงหอประชุมได้พักใหญ่แล้ว พ่อแม่ของพ่อสยงรวมถึงบรรดาพี่น้องของเขาก็มาด้วย พวกเขานั่งอยู่โซนแถวหน้าของหอประชุม ซึ่งนับเป็นตำแหน่งที่ดีมาก
แถวหน้าสุดที่มีไม่กี่แถวล้วนเป็นพวกข้าราชการของรัฐและบุคคลที่มีหน้ามีตาของเมืองนี้ ที่นั่งของจ้าวอิงหนานจัดว่าอยู่ถัดไปทางด้านหลังเล็กน้อย แต่ยังสามารถมองเห็นเวทีได้ชัดเจน จ้าวอิงหัวพึงพอใจมากกับที่นั่งตำแหน่งนี้ เขาหวังว่าจะไม่มีใครจำเขาได้ แต่ในเวลานี้เขากลับไม่ได้มีกระจิตกระใจที่จะต้องไปทำตัวเสแสร้งหรืออ่อนน้อมต่อใครเลย
“อิงหัว ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอ?” เหยียนซินหย่าถามขึ้นเป็นครั้งที่ห้า
จ้าวอิงหัว “ใจเย็นๆ สิ งานจะเริ่มในอีกสิบห้านาที การแสดงของพวกมู่มู่อยู่ในช่วงต้นๆ ของงาน คงอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ อีกไม่นานเกินรอหรอก”
“อื้ม ฉันจะใจเย็นๆ”
แม้ปากเหยียนซินหย่าจะบอกว่าใจเย็นได้ แต่สีหน้าท่าทีที่เห็นบอกได้ว่าในใจของเธอนั้นร้อนรนและไม่เป็นสุข
เมื่อคืนก่อนหลังจากที่เหยียนหมิงซุ่นกลับไป เหยียนซินหย่าก็ไม่สามารถทำใจให้สงบได้ เธอรับรู้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ชัดเจน ซึ่งเป็นความรู้สึกบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้
จ้าวอิงหัวมองไปรอบๆ ด้าน แต่กลับไม่เห็นบุคคลที่เขาอยากจะเจอหน้า ทำให้ต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขากำลังมองหาอู่เจิ้งซือ เหตุเพราะในปีนั้นช่วงที่เหยียนซินหย่าคลอดลูกเขาไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ในช่วงนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เหยียนซินหย่าเล่าให้เขาฟัง และเป็นเพราะเขากังวลต่อภรรยาตัวเองที่เอาแต่นึกถึงเรื่องในอดีต ตัวเขาเองก็ไม่กล้าพอที่จะถามถึงรายละเอียดเรื่องนั้น รู้เพียงแค่ภรรยาเขาคลอดก่อนกำหนด และเป็นสิ่งที่ยากลำบากกว่าจะคลอดลูกสาวของเขาได้ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งลมหายใจ
คำพูดของเหยียนหมิงซุ่นทำให้เขานึกสงสัยต่อเหตุการณ์ในอดีต ช่วงที่ภรรยาของเขาคลอดลูกมีแค่อู่เจิ้งซือคนเดียวที่อยู่ด้วย และด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแอของเหยียนซินหย่า ทำให้สติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วน เพราะอย่างนั้นเป็นไปได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่เหยียนซินหย่าเองก็ไม่ได้รับรู้อย่างแน่ชัด!
เขารู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณต่อการกระทำของอู่เจิ้งซือเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียในช่วงที่ลำบากที่สุดของภรรยาเขา มีเพียงแค่อู่เจิ้งซือที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและดูแลเธอ บุญคุณนี้เขาจะไม่มีวันลืม และการกลับมาในครั้งนี้เขาก็จะทำการตอบแทนบุญคุณนั้น
แต่ในตอนนี้เขากลับเริ่มสงสัย!
เขาเข้าใจได้จากที่จ้าวอิงหนานพูดว่า อู่เจิ้งซือนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว เลือดเย็น ทั้งยังดูเสแสร้งแกล้งทำ คนประเภทนี้ถือว่าอันตรายที่สุด เพราะเขาสามารถแสดงความเมตตาจอมปลอมออกมาเพื่อหลอกให้คนอื่นตายใจ แล้วก็กล้าทำเรื่องเลวทรามอย่างขาดสติ!
จ้าวอิงหัวได้ยินมาว่าอู่เจิ้งซือก็จะมาดูการแสดง เพราะเหตุนี้เขาจึงอยากจะเจอกับอู่เจิ้งซือเพื่อถามถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ส่วนใครจะพูดความจริงหรือโกหกนั้น ตัวเขาเองมีความมั่นใจพอที่จะอ่านคนออก
แต่น่าเสียดายที่การแสดงได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่อู่เจิ้งซือยังคงไม่ปรากฏตัว จ้าวอิงหัวจึงทำได้เพียงทำใจสงบนิ่งแล้วดูการแสดงอย่างใจลอย จนกระทั่ง…
“การแสดงต่อไปเป็นการแสดงของเด็กสามคนที่มีอายุเพียงแค่สิบสองปี พวกเขาคือนักเรียนจากโรงเรียนทดลอง นำแสดงโดยอู่เหมย อู่เชาและสยงมู่มู่ เป็นการบรรเลงร่วมระหว่างพิณกู่เจิงและขลุ่ยในบทเพลงชูฉุ่ยเหลียน พร้อมด้วยการแสดงเต้น” น้ำเสียงนุ่มสลวยของพิธีกรสาวดังขึ้น จากนั้นผ้าม่านกั้นฉากค่อยๆ เปิดออก ทางพวกอู่เหมยเสื้อผ้าหน้าผมพร้อม แสงไฟสาดส่องพวกเขาให้ได้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอู่เหมยที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด ซึ่งเธอได้เตรียมพร้อมท่าเต้น ด้วยการทำใบหน้าเชิดเงยสูงขึ้น หันใบหน้าด้านข้างให้กับผู้ชม ช่างดูงดงามราวกับภาพวาด!
“เหมยเหมย!”
เหยียนซินหย่าเรียกเธอด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตาแดงก่ำมีน้ำตาคลอ เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่ปรากฏอยู่ในความฝันของเธอ ตัวจริงนั้นเหมือนเสียยิ่งกว่าในรูป เหมือนกันทุกประการ ไม่มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย
ใจของเจ้าอิงหัวก็สั่นไหวไม่แพ้ภรรยาตัวเอง เด็กผู้หญิงคนนี้เหมือนกับภรรยาของเขามาก รูปร่างหน้าทุกอย่างสวยงามเหมือนดั่งเทพนิยาย
ทั้งยังรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้เป็นอย่างมาก ในใจมีแต่ความรู้สึกแปลกๆ ที่ยากจะบรรยายออกมาให้เป็นคำพูดได้
…………………………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น