ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 493-499
บทที่ 493 ฟาร์มปลาแสนสุข
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากพาบุชขึ้นฝั่ง ฉินสือโอวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาพาเจ้าตัวน้อยเข้าไปด้วยอย่างเคยชิน
ปรากฏว่าทันทีที่เขาปล่อยมือ บุชก็วิ่งออกไปด้วยฝีเท้าอันแรงกล้า มันกระพือปีกบินขึ้นไปบนอากาศ แล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
นิมิตส์มองลงมาจากบนฟ้า เมื่อเห็นว่าบุชสามารถบินได้แล้วมันก็รู้สึกยินดีไม่น้อย และพาบุชบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลังจากฉินสือโอวอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะเขาเดินออกจากบ้านพักเขาเห็นวินนี่กำลังยืนกอดอกอยู่ใต้ชายคาและมองไปบนท้องฟ้า สายตาไม่ได้มุ่งเน้นอะไรเป็นพิเศษ หลัวปอเข้าไปอ้อน แต่ก็ถูกเมินเฉย
“เฮ้ ที่รัก กำลังมองอะไรเหรอครับ?” ฉินสือโอวกอดเอวของวินนี่จากข้างหลังและถามขึ้น
วินนี่เอนตัวลงบนตัวเขา แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน ฉิน บุชไม่ใช่เจ้าตัวเล็กตัวเดิมที่คอยเฝ้ารอฉันป้อนอาหารให้มันอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันได้ไปจากอ้อมแขนของฉันแล้ว”
ฉินสือโอวจูบผมเธอเบาๆ และพูดปลอบใจว่า “มันจะเป็นลูกของเราเสมอ เพียงแต่เมื่อลูกเติบใหญ่ ก็ต้องบินไปตามทางของมัน แต่มันก็จะกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม จะกลับมาที่บ้านทุกวันแน่นอน”
วินนี่รู้สึกเศร้าอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยอมรับเรื่องที่บุชจะไม่พึ่งเธอทุกเรื่องแล้วอีกต่อไปได้ เธอจึงมีอารมณ์ดีอีกครั้ง เธอหยิบเครื่องบันทึกวิดีโอที่แขวนอยู่ใต้เฮลิคอปเตอร์ให้ฉินสือโอวดู
ตอนที่ฉินสือโอวตกลงไปจากเครื่องบิน เขาทิ้งบุชและตกลงไปในน้ำ ส่วนบุชนั้นดิ้นรนอยู่ในอากาศอยู่พักใหญ่ จู่ๆ มันก็กระพือปีกและบินขึ้นไป
‘เมื่อเงื่อนไขต่างๆ สุกงอม เรื่องราวต่างๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จ’
เมื่อจัดการกับความกังวลในใจแล้ว วินนี่ก็ขับรถฟอร์ดคันเก่าของเออร์บักออกไปทำงาน ฉินสือโอวเฝ้ามองรถเก่าคันนั้นห่างออกไป และส่ายหน้าอย่างกังวลใจ
ซีมอนสเตอร์และชาวประมงคนอื่นๆ กำลังปรึกษากันถึงปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการสร้างฟาร์มปลา พวกเขาถามฉินสือโอวว่าเขาวางแผนจะเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อไหร่ ฉินสือโอวบอกว่าอย่างน้อยก็ต้องรอถึงช่วงกลางเดือนเมษายน ช่วงนั้นอากาศจะอุ่นขึ้น ไม่ว่าทำอะไรก็จะสะดวก
เดินไปอย่างช้าๆ ไปตามแนวชายฝั่งของฟาร์มปลา ฉินสือโอวเดินไปด้วยสังเกตภาพรวมการสร้างฟาร์มปลาไปด้วย
หู่จือและเป้าจือหยอกล้อกันด้านหน้าเขา หลัวปอวิ่งอยู่ข้างๆ เขา มันใช้หัวถูขากางเกงของเขาเป็นครั้งคราว พยายามทำตัวน่ารักและออดอ้อน
หยอกล้อกันไปมาพักหนึ่ง หู่จือและเป้าจือก็เจอกิจกรรมใหม่ พวกมันใช้อุ้มเท้าขุดทรายอย่างไม่ตั้งใจ ผลปรากฏว่ามีปูก้ามดาบหลายตัวโผล่ออกมาจากรู และวิ่งลงทะเลไปอย่างหวาดกลัว
เมื่อเห็นปูเหล่านี้ หู่จือและเป้าจือชะงักเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กระโดดโลดเต้น พวกมันวิ่งไปขุดทรายไป มีปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นปูเหล่านี้ ฉินสือโอวหัวเราะอย่างประหลาดใจ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเห็นปูเหล่านี้ในฟาร์มปลาเท่าไร คิดว่าถูกปลาตัวใหญ่กินไปหมดแล้วสักอีก ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในทรายนี่เอง
ฉินสือโอวบอกชาร์ค ชาร์คหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน พวกมันเป็นปูสะเทินน้ำสะเทินบก สภาพแวดล้อมที่พวกมันชอบที่สุดไม่ใช่ในทะเล แต่คือหินทะเลที่เปียกชื้น”
“ในฟาร์มปลาของเรามีปูสะเทินน้ำสะเทินบกอยู่จำนวนมาก บอส คุณสามารถหาขนมปังแห้งมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นสาดเศษขนมปังบนชายหาด คุณก็จะได้เห็นภาพที่น่าตกตะลึง” ซีมอนสเตอร์กล่าว
ฉินสือโอวหาบาแก็ตชิ้นหนึ่งได้ในห้องครัว เขาพาหู่จือและเป้าจือไปที่ชายหาด เขายื่นมือขยี้ขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ และสาดไปทั่วทุกทิศ
เมื่อลมทะเลพัดมา เศษขนมปังกระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
เริ่มแรกก็ไม่มีอะไร แต่หลังจากนั้นสองนาที รอบๆ ชายหาดก็เริ่มมีทรายก่อตัวขึ้น มันก่อตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามเสียง ‘ซ่าซ่า’ ที่ดังขึ้น ปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกนับร้อยตัวก็ออกมาจากพื้นทราย…
เดิมทีหู่จือและเป้าจือกำลังรังแกปูเสฉวนบกตัวหนึ่งอยู่ แต่ไม่นาน มีปูปรากฏขึ้นข้างๆ พวกมันจำนวนมาก ปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกเหล่านี้กำลังไล่ตามเศษขนมปัง จากหนึ่งเม็ดทรายรวมเป็นเจดีย์ การปรากฏตัวพร้อมกันของปูเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย
อย่างน้อย ก็ทำให้หู่จือและเป้าจือนิ่งลง พวกมันรีบวิ่งไปหาฉินสือโอว
ฉินสือโอวเห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกน่าสนใจเป็นอย่างมาก เขากลับไปหาเศษขนมปังอีกครั้ง และเดินไปโยนขนมปังไปตลอดทางชายหาด
ราวกับว่าเขากำลังไล่เวทมนตร์ ทางที่เขาเดินผ่านไปไม่นานก็จะมีปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกปรากฏ ปูเหล่านี้ปรากฏตัวบนชายหาดตามรอยเท้าของเขา หลังจากพวกมันกินเศษขนมปังแล้วก็กลับเข้าไปในทรายเหมือนเดิม
ฉินสือโอวเดินไปไกลพอสมควรกระทั่งขนมปังหมดถึงไม่มีปูปรากฏตัวออกมาอีก
เขาไม่ต้องการหยอกปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกเล่นแล้ว ฉินสือโอวเดินตามหาดไปอย่างสบายๆ หู่จือและเป้าจือเดินข้างๆ เขาและหยอกล้อกันเป็นครั้งคราว ตากลมทะเลไป ดูวิวทะเลไป ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกอารมณ์ดีมากกว่าเดิม
ทะเลในฤดูใบไม้ผลิมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลังเหมือนบนบก
นกนางนวลที่ซ่อนตัวในช่วงฤดูหนาวปรากฏตัวอีกครั้ง พวกมันส่งเสียงร้องกันอย่างมีความสุขบนผิวน้ำทะเล และลงไปคาบปลาในน้ำเป็นครั้งคราวแล้วบินขึ้นไปอีกครั้ง ราวกับเอลฟ์ในมหาสมุทร
คลื่นเป็นชั้นๆ กระทบกับชายหาด ฟองน้ำสีขาวซัดขึ้นมาบนหาด แล้วทิ้งร่องรอยเอาไว้
ฉินสือโอวเห็นผลลัพธ์ในการปรับเปลี่ยนฟาร์มปลาของเขา เนื่องจากคุณสมบัติในการทำให้น้ำบริสุทธิ์ของสาหร่ายทะเล น้ำทะเลจึงใสกว่าตอนที่เขามาในช่วงแรกๆ
เมื่อเดินไปถึงน่านน้ำที่มีสาหร่ายทะเลปลูก มีสาหร่ายทะเลสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ลอยอยู่บนน้ำ เป็นเพราะเตียงไม้ พืชบางชนิดเช่นสาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายผักกาดทะเลก็เติบโตขึ้นด้วย ซึ่งได้เพิ่มความหลากหลายของพันธุ์พืชในพื้นที่ทะเลนี้อย่างมาก
ฉินสือโอวเดินเตะก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาหัวเราะและหยิบมันขึ้นมา แล้วโยนมันออกไปอย่างแรง
เมื่อก่อนหู่จือและเป้าจือเล่นเกมเก็บฟริสบี้กับเขาบ่อยๆ เมื่อเห็นฉินสือโอวโยนก้อนหิน พวกมันก็รีบมองตามไปอย่างตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวเป็นคนแรงเยอะ หินที่ถูกเขวี้ยงออกไปได้หายไปในน้ำทะเล เจ้าตัวเล็กทั้งสองคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เข้าใจแล้วว่าตนไม่สามารถเก็บหินก้อนนั้นกลับมาได้แน่ๆ จึงล้มเลิกความคิดที่จะกระโดดลงไปเก็บก้อนหินในน้ำ
แต่พวกมันมีวิธีอื่นที่จะให้ความร่วมมือกับฉินสือโอว หู่จือใช้อุ้มเท้าขุดทราย ไม่นานมันก็พบหินขนาดเท่ากำปั้นของเด็ก แล้วมันก็คาบไปให้ฉินสือโอว
ฉินสือโอวหัวเราะ เขานั่งลงลูบหัวของหู่จือ และชมมันว่าเป็นเด็กดี
หู่จือและเป้าจือที่ได้รับคำชมร่าเริงขึ้นมาในทันที ราวกับทั้งสองกำลังแข่งขันกัน เธอเจอหินหนึ่งก้อน ฉันเจอเปลือกหอยหนึ่งอัน เมื่อฉินสือโอวรับมันมาก็โยนลงทะเลในทันที
น่าเสียดายที่คลื่นแรงไปหน่อย จึงไม่สามารถทำให้หินกระดอนบนผิวน้ำได้
หลังจากนั้น ก้อนหินก็หายากขึ้นเรื่อยๆ ฉินสือโอวจ้างบริษัททำความสะอาดมาทำความสะอาดชายหาดเป็นประจำ ก้อนหิน เปลือกหอยและขยะถูกกำจัดไปหมดจด
หู่จือและเป้าจือมีความอดทนสูงมาก เมื่อพวกมันหาในบริเวณชายหาดไม่เจอ ก็วิ่งไปทางฟาร์มปลา แล้วไปหาที่อื่นต่อ
แน่นอนว่าในฟาร์มปลามีหินจำนวนไม่น้อย ไม่นาน หู่จือก็วิ่งกลับมาพร้อมกับก้อนหินหนึ่งก้อน ฉินสือโอวรับก้อนหินมาด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเสียงฝูงห่านก็ดังขึ้น
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เห็นห่านกลุ่มหนึ่งกระพือปีกและพุ่งเข้ามา ข้างหน้าฝูงห่านคือเป้าจือ มันอ้าปากค้าง ในปากของมันมีของชิ้นหนึ่งที่ขาวดั่งหิมะ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ให้ตายเถอะ ไข่ห่าน?!” ฉินสือโอวเบิกตามองและอุทานออกมาอย่างตกใจ
บทที่ 494 เจอศัตรู
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อคืนตอนที่ทอดไข่ ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจที่เห็นไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นกจมูกหลอดหางสั้นจำนวนมากในเครื่องฟักไข่ เขาบอกว่าตอนนี้นอกจากไข่ห่านแล้ว อย่างอื่นมีครบหมดแล้ว
แต่ยังพูดไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไข่ห่านก็ปรากฏแล้ว
เป้าจือรนหาที่ตายเอง อะไรคือความแตกต่างระหว่างการแย่งไข่ของห่านขาวและการต้องการฆ่าพวกมันล่ะ? ดังนั้นเหล่าห่านขาวจึงไล่ตามมันไม่หยุด ได้ยินที่เสียงร้อง ‘ก้าบก้าบ’ ของห่านขาวที่ไล่ล่าเป้าจือทุกวิถีทาง จนสภาพของเป้าจือดูน่าสงสารมาก
เดิมทีความเร็วในการวิ่งของเป้าจือนั้นเร็วมาก แต่การคาบไข่ห่านฟองใหญ่ในปากทำให้มันรู้สึกไม่สบายเท่าไร อีกอย่างคือ ไข่ห่านหนักมาก มันวิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็เหนื่อยเสียแล้ว นี่ก็เป็นตัวแปรที่ทำให้ความเร็วของมันลดลงเหมือนกัน
หู่จือเดินหน้าไปร่วมมือ มันมักไม่รู้จักจำ เป็นระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่มันไม่ได้ต่อสู้กับห่านขาว มันลืมเทพเจ้าแห่งสงครามในฟาร์มปลาแล้วล่ะ
หู่จือโค่นห่านขาวตัวหนึ่งล้ม จากนั้นห่านที่อยู่รอบๆ ก็เข้ามาล้อมหู่จือผู้โชคร้ายเอาไว้…
แค่ฟังเสียง ‘ก้าบก้าบ’ ที่โกรธจัดของห่านขาว เสียงกรีดร้องอันเศร้าโศกของหู่จือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เด็กน้อยผู้น่าสงสารอยากวิ่งหนีออกไป แต่จากประสบการณ์การต่อสู้ครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมาของห่านขาว ทำให้มันรู้จักล้อมศัตรูเอาไว้หลายๆ ชั้น ทำให้หู่จือไม่สามารถหนีออกไปได้
ส่วนเป้าจือนั้นพ้นจากการรายล้อมของห่านขาว มันวิ่งไปหาฉินสือโอวอย่างสบายใจ มันคายไข่ห่านออกมา แต่ยังคงอ้าปากค้าง เนื่องจากคาบไข่มานาน ทำให้ไม่สามารถหุบปากได้
ฉินสือโอวรีบนวดปากให้เป้าจือเพื่อให้มันสามารถหุบปากได้ เพราะการอ้าปากค้างไว้นั้นทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย เมื่อจัดการกับเป้าจือแล้วเสร็จ ฉินสือโอวก็ต้องไปช่วยหู่จือด้วย
เขาผิวปากเพื่อต้องการเรียกนิมิตส์หรือบุช มาสักตัวเรื่องก็ง่ายแล้ว
แต่เจ้าสองตัวนั้นไม่รู้ว่าบินไปถึงไหนกันแล้ว ฉินสือโอวจึงจำต้องจัดการด้วยตนเองโดยการเตะฝูงห่านออกและดึงหู่จือออกมา
หลังจากช่วยหู่จือแล้ว ฉินสือโอวพาเป้าจือวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ฝูงห่านไล่ล่าอยู่ด้านหลังไม่ห่าง วิ่งตามไปเป็นระยะทางหลายไมล์ก่อนที่จะหยุด
ฉินสือโอวมองหน้าหู่จือและเป้าจือแล้วพูดเสียงหอบว่า “ฉัน ฉัน ปีก่อนฉันซื้อหม้อมาใบหนึ่ง! คืนวันนี้ คืนนี้ กินห่านตุ๋นกัน! แล้วก็ แล้วก็ไข่ห่านเฮงซวย ผัด ผัดมันกิน”
หู่จือและเป้าจือส่งเสียงร้องโฮ่งๆ พวกมันสนใจในการกินห่านต้ม เพราะมีศัตรูคู่แค้นร่วมกัน
เมื่อถูกห่านขาวก่อกวน ฉินสือโอวก็ไม่มีอารมณ์ที่จะเดินเล่นอีกต่อไป เขาเดินกลับอย่างไม่มีความสุข เดิมทีเขาอยากเก็บไข่ห่านใบนั้น แต่เมื่อดูจากระยะไกลแล้ว มีห่านขาวนั่งอยู่บนไข่ห่าน
เอาเถอะ แกฟักไข่ไปเถอะ ฉันสู้แกไม่ได้แล้วคิดว่าฉันหลบหนีแกไม่ได้เหรอ? ฉินสือโอวถ่มน้ำลาย แล้วพาหู่จือและเป้าจือเดินอ้อมกลับบ้าน
เพิ่งนั่งลงในห้องนั่งเล่น ฮิวจ์คนน้องก็โทรเข้ามาพอดี และพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับว่า “ฉิน มีเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องบอกนาย…”
“เกี่ยวกับเรื่องที่จะไปเผ่าซูในเทือกเขาร็อกกีใช่ไหม? ขอโทษ เพื่อน ดูเหมือนว่าปีนี้จะไปไม่ได้แล้วล่ะ ฉันสามารถเลื่อนออกไปได้ไหม? ไปในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงฤดูหนาวละกัน” ฉินสือโอวคิดว่าฮิวจ์คนน้องกำลังจะพูดถึงเรื่องที่จะไปเที่ยวเผ่าซู ก่อนหน้านี้เขาสัญญากับฮิวจ์แล้วว่าจะไปในเดือนมีนาคม
ฮิวจ์พูดว่า “ไม่ๆ ๆ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา พวกเขาก็กำลังชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าอยู่เหมือนกัน เรายังไม่ไปช่วงนี้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องที่ฉันจะบอกคือ ฉิน หัวของนายเป็นสีเขียว…”
“ฟัค นายรู้ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไง?”
“อืม รู้ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ทางที่ดีในควรรีบเข้าเมือง ฉันคิดว่าหัวของนายกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว”
เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศได้เป็นไปอย่างคึกคักเร่าร้อน แฮมเล็ตได้จ้างครูสอนภาษาจีนมาคนหนึ่ง และจัดการอบรมภาษาจีนแก่ชาวเมืองอย่างสม่ำเสมอ ช่วงนี้ฮิวจ์เองก็เข้าร่วมการอบรมเหมือนกัน แต่เขาเป็นคนไม่ค่อยตั้งใจเรียน เมื่อได้เรียนรู้วัฒนธรรมจีนหรือสำนวนจีนก็จะใช้ตามอำเภอใจ
ฉินสือโอวคิดว่าครั้งนี้ฮิวจ์น่าจะใช้คำผิดอีกเช่นเคย แต่คำว่า ‘หมวกสีเขียว’ ค่อนข้างน่ากลัว เขาจึงรีบขับรถเข้าไปในเมือง และตรงไปที่ร้านขายของชำเผ่าซู
ฮิวจ์คนน้องกำลังต่อรองราคากับนักท่องเที่ยวชาวจีนสองคนอยู่บนเคาน์เตอร์ ระหว่างสองฝ่ายมีงานฝีมือที่ทำจากเขาวัวกระทิง พวกเขาจับมันคนละข้าง ฮิวจ์กำลังพูดคุยด้วยอารมณ์ “ไม่แพงเลยแม้แต่น้อย เพื่อน ฉันมีใบเสร็จ พบคนรู้ใจดื่มกันพันจอกยังว่าน้อย เราอยู่ห่างกันเป็นซีกโลกและได้มาพบเจอกันไม่เรียกว่าพรหมลิขิตหรอกเหรอ พรหมลิขิตสู้เงินห้าสิบหยวนไม่ได้เหรอ?”
“นายต้องการจะบอกว่าหากมีวาสนาต่อกันห่างกันพันลี้ยังพบกันใช่ไหม? นี่มันเกี่ยวข้องกับพบคนรู้ใจดื่มกันพันจอกยังว่าน้อยยังไง?” ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างไร้ความปรานี
เมื่อเห็นฉินสือโอว ฮิวจ์วิ่งออกไปมองหาอะไรบางอย่าง และกลับมาด้วยสีหน้าผิดหวัง “นายไม่ได้ขับรถพอร์ช 918 มาเหรอ? ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ บนถนนไม่มีหิมะและน้ำฝน ทำไมไม่ขับมาล่ะ?”
หลังจากที่ฮิวจ์คนน้องปล่อยมือจากเขาวัวกระทิง นักท่องเที่ยวคนนั้นรีบคว้ามันไปและตะโกนว่า “750 หยวน เถ้าแก่ ถ้า 750 หยวนเราจะรับมันไป!”
“เอาเถอะเอาเถอะ ถือว่าพวกนายชนะ แต่ 750 หยวนไม่มีใบเสร็จให้”
“โอเค ตกลง นี่เงิน”
เมื่อนักท่องเที่ยวสองคนเดินออกไป ฮิวจ์คนน้องสะบัดธนบัตรใบใหญ่ต่อหน้าฉินสือโอวและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ดูสิ ความสามารถของฉันเป็นยังไงบ้าง? เขาวัวกระทิงนั้นฉันแลกมาด้วยน้ำมันมะกอกเพียงถังเดียว ฮ่าๆ แต่ขายได้ถึง 750 หยวน!”
“อื้ม นายมันเก่ง แต่ฉันไม่สนใจเรื่องนี้หรอก เข้าประเด็นเถอะ นายบอกว่าฉันทำไมนะ? ใส่หมวกสีเขียวเฮงซวยนั่น นายรู้ความหมายของมันไหม?” ฉินสือโอวตบเคาน์เตอร์
ขณะนั้นเอง มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพอดี เมื่อได้ยินเสียงของฉินสือโอว นักท่องเที่ยวคนนั้นมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ จากนั้นหัวเราะแล้วเดินจากไป
ฉินสือโอวรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาจับฮิวจ์แล้วพูดว่า “นายต้องหาคำอธิบายที่น่าพึงพอใจให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะโยนนายไปให้ฉลามกิน!”
“ในฟาร์มปลาของนายมีฉลามไหม?”
“พูดมาก เข้าเรื่องเถอะ”
“โอเค โอเค ฉิน นายอย่าใจร้อนสิ นายต้องขอบคุณฉันสิถึงจะถูก ฉันเอง แลร์รี ฮิวจ์ที่เมื่อเห็นมีคนมาจีบวินนี่ก็รีบบอกนาย นายไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกเหรอ?” ฮิวจ์พูดอย่างเสียใจ
เมื่อฉินสือโอวได้ยินก็กลอกตาใส่เขา “เป็นครั้งแรกที่นายเห็นว่ามีคนมาจีบวินนี่เหรอ?”
“ไม่ แต่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นว่ามีคนซื้อออดี้ คิว 5 ให้วินนี่” ฮิวจ์คนน้องมองไปทางฉินสือโอวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ให้ตายเถอะ เศรษฐีคนไหนกันที่ยอมลงทุนมากมายอย่างนี้เพื่อให้ได้ผู้หญิงคนเดียว ออดี้ คิว 5 เป็นรถเอสยูวีอเนกประสงค์ระดับสูงในประเทศจีน แต่ในแคนาดานั้นถือว่าเป็นรถเกรดธรรมดา รุ่นทั่วไปราคาเพียง 60,000 ดอลลาร์แคนาดา
แต่คนที่ยอมลงทุน 60,000 ดอลลาร์แคนาดากับผู้หญิงนั้น เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเกาะแฟร์เวลแห่งนี้ ฉินสือโอวต้องระวังตัวแล้วล่ะ แม้จะมั่นใจในตัววินนี่มาก แต่เขาไม่มีความมั่นใจในฝั่งศัตรู
เขาโทรหาวินนี่ เมื่อได้ตำแหน่งที่ตั้งก็ขับรถตรงไปที่นั่นในทันที
บทที่ 495 สถานีฐานการก่อสร้าง
โดย
Ink Stone_Fantasy
วินนี่กำลังนำนักท่องเที่ยวไปที่ร้านผลิตภัณฑ์อาวุธและเครื่องใช้กลางแจ้ง นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ว่าชายหรือหญิงต่างสนใจในอาวุธปืนเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงเกาะแฟร์เวลก็ต้องไปที่ร้านขายปืน แม้ตัวเองไม่เล่นปืนก็ต้องถ่ายรูปคู่กับมันจำนวนมาก
เจี้ยนผานโฮ่วถือเอเคเอ็มไว้กระบอกหนึ่งในขณะที่บรรยายให้นักท่องเที่ยวฟัง “ไม่ควรเล็งปากกระบอกปืนไปที่ผู้อื่นเด็ดขาด เข้าใจไหม? ใครก็ตาม! แม้จะไม่มีลูกปืนก็ไม่สามารถทำได้ ทำตามฉัน หันปากกระบอกปืนไปบนฟ้า และอย่าหันไปทางพื้น เพราะมีแรงสะท้อนถอยหลังที่รุนแรงมาก… โอ้ว คุณพี่มาได้ยังไง?”
เมื่อหันไปเห็นฉินสือโอว เจี้ยนผานโฮ่วดูประหลาดใจและเล็งปืนไปที่เขา
เมื่อถูกเพ่งด้วยปืน ไม่ว่าฉินสือโอวจะกล้าหาญอย่างไรก็ต้องตกใจ เขารีบโบกมือและพูดว่า “อยากตายเหรอ? หันปืนไปทางอื่นเดี๋ยวนี้!”
เจี้ยนผานโฮ่วส่ายปืนไปมา หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัวหรอกพี่ นี่ปืนปลอม ใช้สำหรับบรรยายให้ทุกคนฟัง ข้างในไม่มีกระสุน คือว่า ทำไมนายถึงมาที่ร้านเราได้ล่ะ? มาเช็กบัญชีเหรอ?”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่กระจ่างว่า “คือว่า ฉันแวะมาดูเฉยๆ นายพาพวกเขาไปที่สนามยิงปืนก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นฉินสือโอว วินนี่เม้มปากและยิ้ม แต่ไม่ได้กล่าวทักทาย เพียงแต่ช่วยเจี้ยนผานโฮ่วแจกปืนและกระสุนแก่นักท่องเที่ยว และพาพวกเขาไปที่สนามยิงปืน
ฉินสือโอวเข้าไปในเคาน์เตอร์ แล้วยกปืนบาร์เรตต์ที่เป็นสมบัติประจำร้านออกมา เขากำลังจะลองมัน เจี้ยนผานโฮ่ววิ่งกลับมาอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางที่ลึกลับของเจี้ยนผานโฮ่ว ฉินสือโอวระวังตัวมากกว่าเดิม “นายมีอะไร? และทำไมนายไม่ดูแลนักท่องเที่ยวเหล่านั้นนายกลับมาทำไม? ถ้าเกิดเรื่องจะทำยังไง?”
เจี้ยนผานโฮ่วบอกว่า “มีพอลอยู่ มีเขาอยู่ทั้งคนไม่เกิดเรื่องหรอก อีกอย่างนะพี่ ผมกลับมาเพื่อมารายงานบางเรื่องกับพี่ เมื่อสักครู่ผมได้ข่าวมาว่ามีคนโง่คนหนึ่งซื้อออดี้ให้วินนี่ พี่ต้องระวังแล้วล่ะ”
“ทำไมฉันถึงต้องระวัง นี่มันเรื่องใหญ่ที่ไหนกันล่ะ?” ฉินสือโอวโบกมือ “ฉันเชื่อมั่นในวินนี่”
เจี้ยนผานโฮ่วเบะปากและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพี่จะรีบมาที่ร้านปืนทำไมล่ะ? อย่าบอกนะว่ามาเล่นปืน นี่ไม่ใช่สไตล์พี่นี่นา เอาเถอะ ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว ผมรู้แล้วว่าใครต้องการแย่งแฟนพี่ ไปกันเถอะ เอากระสุนปืนไป ไปฆ่ามันกันเถอะ!”
นี่ถือเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ฉินสือโอวถามขึ้นว่า “ใครล่ะที่ต้องการแย่งแฟนฉัน?”
เจี้ยนผานโฮ่วพาเขาไปที่ทางเข้าสนามยิงปืน ทำเหมือนกำลังดูคนเหล่านั้นฝึกยิงปืน จากนั้นพูดขึ้นว่า “มองตามผมนะ ทาง 11:00 น. ตรง ใช่แล้ว คนนั้นเอง คนที่สวมชุดอาร์มานี่ ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ และเซตผมคนนั้น!”
ฉินสือโอวหันไปตามทิศทางที่บอก เห็นผู้ชายใส่สูทอายุราวๆ สามสิบกำลังคุยกับวินนี่ วินนี่ยิ้มตามมารยาท ดูอ่อนโยนและสง่าแต่ก็ยังดูห่างเหิน
ฉินสือโอวเฝ้ามองอยู่ไกลๆ เจี้ยนผานโฮ่วยื่นกล้องส่องทางไกลที่มีกำลังขยายแบบเท่าให้เขา และพูดว่า “นี่ ใช้อันนี้ส่อง”
“ผู้ชายที่กำลังคุยกับวินนี่ใช่ไหม?”
“ถูกต้อง คนนั้นแหละ ข้อมูลของผมไม่มีผิดพลาดแน่ เป็นเขาแน่นอน…”
“ถ้าเป็นเขานายก็บอกฉันตรงๆ ก็ได้ว่าเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าวินนี่ พูดทำไมว่าทิศ 11:00 น. สวมชุดอาร์มานี่ ใส่นาฬิกาโรเล็กซ์ ห่างกันตั้งสองเมตร คิดว่าฉันจะเห็นยี่ห้อเสื้อผ้าและนาฬิกาเหรอ?”
“อืม ก็จริง แล้วพี่ยังต้องการกล้องส่องทางไกลอีกไหม?”
“ต้องการสิ ฉันต้องดูให้แน่ชัดว่าใครกันที่กล้ามาแย่งแฟนฉัน”
ผู้ชายที่มาพัวพันกับวินนี่ใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง หน้าตาดูธรรมดาแต่มีความมั่นใจ พูดจาสุภาพเรียบร้อย และมักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้า ฉินสือโอวแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนชอบสร้างภาพ
“ให้ตายเถอะ ต้องบอกโคโกโร่แล้วล่ะ กลุ่มทัวร์ไม่ควรรับทุกคน สัตว์ป่า(ฉินโซ่ว)แบบนี้จะพามาต่างประเทศทำไม?” ฉินสือโอวพึมพำ
“พี่ ด่าตัวเองทำไม?” เจี้ยนผานโฮ่วถามอย่างงุนงง
ฉินสือโอวทำหน้างงงวย “ฉันด่าตัวเองเมื่อไร?”
“เมื่อครู่พี่พูดถึงฉินสือโอวไม่ใช่เหรอ?”
“ให้ตายเถอะ หูนายฟังไม่เข้าเรื่อง ฉันพูดว่าฉินโซ่ว(สัตว์ป่า) เอาเถอะ อย่าพูดมาก มันต้องการแย่งแฟนฉัน จัดการมันยังไงดี?”
“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ ฆ่ามัน!”
“เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ มีเพื่อนที่ดีอย่างนายเป็นความโชคดีของฉัน เอ้า นี่ปืนไรเฟิลซุ่มยิง ในยิงมันให้ตายเลย”
“ฮ่าๆ พี่ พี่ว่าสภาพอย่างผมจะแบกปืนไรเฟิลซุ่มยิงไหวเหรอ? พี่ลงมือเองดีกว่า”
ทั้งสองพูดล้อเล่นกัน นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันกลับกันแล้ว ขณะที่วินนี่เดินมาถึงข้างๆ ฉินสือโอวเธอก็หยุดจัดเสื้อให้เขาอย่างกะทันหัน และพูดอย่างมีความสุขว่า “คุณให้นมลูกสาวหรือยังคะ? หลัวปอยังเด็ก ต้องดื่มนมวันละสองหนนะ”
ฉินสือโอวเหลือบมองคนจอมสร้างภาพคนนั้นหนึ่งครั้ง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกสะใจอย่างมาก น้องชาย อยากได้หญิง แต่เลือกศัตรูผิดที่และผิดเวลาแล้วล่ะ
หลังจากที่ได้เจอ ‘คู่แข่ง’ ฉินสือโอวกลับไปอย่างสบายใจ ขณะที่ขับรถเข้าไปในเมือง เขาเห็นคนสวมใส่ชุดที่มีโลโก้ ‘โมโตโรล่า’ กำลังถอดชิ้นส่วนและทำความสะอาดแผงวงจรและเครื่องจักร จึงจอดรถด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แฮมเล็ตกำลังคุยกับชายวัยกลางคน เมื่อเห็นฉินสือโอวเขาก็ทำการทักทาย “ฉิน นายไปทำอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไรครับ แค่ขับรถเล่น แล้วนี่ใครครับ?”
“โอ้ นี่คือพนักงานของบริษัทโมโตโรล่า ในวันฉลองประจำเมืองอาทิตย์ที่แล้วเราได้เช่าสถานีฐานมาชั่วคราวใช่ไหม? ตอนนี้พวกเขามาเก็บสถานีฐานคืน ท่านนี้คือแฟรงค์ เคนต์ เป็นหัวหน้าวิศวกรของบริษัทโมโตโรล่า สาขาเซนต์จอห์น” แฮมเล็ตแนะนำให้ฉินสือโอวฟังอย่างคร่าวๆ
ฉินสือโอวจับมือกับเขาตามมารยาท โมโตโรล่าเหรอ ในอดีตเคยเป็นผู้มีอำนาจในด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ในระดับโลก มันและโนเกียต่างมีความสำคัญอย่างมากต่อโลกใบนี้ ว่ากันว่าตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัยมือถือที่เขาใช้ก็เป็นยี่ห้อโมโตโรล่า แต่น่าเสียดายที่มันไม่สามารถคว้าโอกาสของสมาร์ตโฟนได้ จึงกลายเป็นคู่แข่งที่ไม่น่ากลัวอีกต่อไป
แฟรงค์ เคนต์เป็นชัยวัยกลางคนอายุสี่สิบ เป็นชาวยูโรปาแท้ ตาลึก ดั้งโด่ง เขาไม่ค่อยเก่งในการพูดคุย จึงพูดเรื่องระบบอินเตอร์คอมดิจิตอลของโมโตโรล่ากับฉินสือโอวและแฮมเล็ต
ระบบนี้เป็นหนึ่งในระบบเทตทร่า มีชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า TETRA ปัจจุบันได้กลายเป็นระบบสื่อสารเคลื่อนที่ดิจิตอลแบบใหม่ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในมาตรฐานการสื่อสารแบบดิจิตอลที่แคนาดาใช้
“ตอนนี้ระบบอินเตอร์คอมคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ของโมโตโรล่าของเรากำลังครองส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น เราสามารถให้บริการลูกค้าด้วยระบบหลายสถานีที่มีการเชื่อมต่อโทรศัพท์ท้องถิ่นหลายจุดตามความต้องการของลูกค้าและการวางแผนเครือข่าย”
“ด้วยวิธีนี้ อุปกรณ์เชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์ท้องถิ่นในทุกสถานีจะถูกตั้งอยู่ที่สถานีกลาง และเชื่อมต่อกับสถานีฐานของสถานีกลางนี้และสถานีฐานอื่น ๆ โดยรอบผ่านลิงก์ E1 บางส่วน ในขณะเดียวกัน ระหว่างสถานีฐานก็เชื่อมต่อกันผ่านลิงก์ E1 บางส่วน จนทำให้มีสัญญาณการสื่อสารที่ดี มีช่องทางการสื่อสารมากที่สุด และมีคลื่นรังสีที่ยาวที่สุด…”
บทที่ 496 ถ้าอย่างนั้นก็สร้างสิ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากได้ยินคำแนะนำของแฟรงค์ เคนต์ ฉินสือโอวก็ยังคงไม่เข้าใจว่าระบบเทตทร่าทำงานอย่างไร แต่มันก็ไม่สำคัญ มันก็เหมือนคำสแลงหนึ่งในอเมริกาเหนือ ‘ถ้าคุณต้องการกินไก่หนึ่งตัว คุณไม่จำเป็นต้องกระจ่างในทุกขั้นตอนในการทำ’
ฉินสือโอวต้องการสถานีฐานวิทยุ แต่ไม่ใช่วิทยุคลัสเตอร์สำหรับอินเตอร์คอม แต่ทำเพื่อติดตั้งระบบสื่อสารกำลังแรงสูงในอาคารสนามบิน
เขาบอกวัตถุประสงค์ของตนกับแฟรงค์ แฟรงค์พูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ไม่มีปัญหา สนามบินเอกชนต้องการฐานการสื่อสารพลังงานแค่ 100M เท่านั้น ราคาอยู่ที่แสนกว่าๆ”
ราคาไม่แพง ฉินสือโอวจึงตอบตกลงกับแฟรงค์ และไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นแล้ว โมโตโรล่ายังคงมีชื่อเสียงมากในด้านสัญญาณไร้สาย
เมื่อแฮมเล็ตได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินสือโอวและแฟรงค์ เขาหมุนลูกตาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “ฉิน นายไม่ต้องการสถานีฐานระบบเทตทร่าเหรอ?”
“ผมไม่มีความจำเป็นต้องใช้ครับ”
“ไม่เพื่อน มีความจำเป็นแน่นอน ดูพื้นที่ฟาร์มปลาของนายสิกว้างใหญ่ขนาดนั้น เมื่อนายเข้าไปจับปลา จำเป็นต้องมีเรือประมงหลายลำ ถึงเวลานั้นนายจะสื่อสารกันโดยใช้โทรศัพท์มือถือเหรอ? สัญญาณในทะเลไม่ดี”
เมื่อฟังที่แฮมเล็ตพูด ฉินสือโอวเองก็รู้สึกสมเหตุสมผลเหมือนกัน
เมืองแฟร์เวลมีสถานีฐานการสื่อสารเคลื่อนที่ของตัวเอง แต่สัญญาณไม่แรงพอ สัญญาณโทรศัพท์มือถือของฉินสือโอวไม่เคยเต็ม เมื่อเจอลมและฝนสัญญาณก็ยิ่งแย่กว่าเดิม ขณะที่เข้าอินเทอร์เน็ตที่บ้านเขาใช้ได้แต่ WiFi ของบ้านเท่านั้น
“มีเหตุผล แต่ช่วงรังสีของสถานีฐานคลัสเตอร์กว้างแค่ไหนล่ะ ผมคิดว่าถ้าตั้งสถานีฐานอยู่บนเกาะ ประสิทธิผลน่าจะไม่ดีใช่ไหม?” ฉินสือโอวถามอย่างสงสัย
แฟรงค์พูดว่า “ใช่ครับคุณผู้ชาย ถ้าสร้างสถานีฐานบนเกาะแค่สถานีเดียว ช่วงรังสีที่แผ่ออกไปถึงมหาสมุทรมากสุดแค่ 20 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณสร้างสถานีฐานคลัสเตอร์บนเกาะ และติดตั้งอุปกรณ์เรดาร์บนเรือของคุณ อย่างนั้น ช่วงรังสีสามารถไปถึงมหาสมุทรได้ในระยะ 400 กิโลเมตร!”
“ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินสือโอวถามขึ้นด้วยความตะลึง แฟรงค์จินตนาการถึงระยะทาง 400 กิโลเมตรในใจอย่างเงียบๆ และพยักหน้าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ระบบเทตทร่าของคุณดีอย่างนี้ แล้วทำไมไม่โปรโมทมันสู่ตลาดพลเรือนล่ะ ระยะทาง 400 กิโลเมตร สำหรับการสื่อสารกันในครอบครัวแล้วน่าดึงดูดไม่น้อยเลยไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
แฟรงค์ยิ้มแย้มขมขื่นและพูดว่า “ไม่ได้หรอก คุณผู้ชาย ไม่มีประโยชน์ ระบบเทตทร่าของเราต้องใช้คู่กันระหว่างสถานีฐานหลักและสถานีฐานปลายทาง แต่ไม่ว่าจะเป็นสถานีหลักหรือปลายทาง ต่างก็มีขนาดที่ใหญ่และมีน้ำหนักที่มากเกินไป ในรถก็ไม่สามารถใช้ได้ อีกอย่าง ใครชอบเพราะเครื่องรับสัญญาณหนักๆ เดินไปมาล่ะ?”
ฉินสือโอวรู้สึกเห็นด้วย การติดต่อสื่อสารในแคนาดาและสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างต่ำ การโทรหากันในเวลากลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์แทบจะไม่ต้องเสียเงินด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นฉินสือโอวมีท่าทีที่จะติดตั้งสถานีฐานคลัสเตอร์ แฟรงค์ดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เพราะสถานีฐานคลัสเตอร์ไม่ใช่แค่หลักแสน หากเขาสามารถโน้มน้าวลูกค้าได้สักหนึ่งคน แค่ส่วนแบ่งหลังการขายก็สูงกว่าเงินเดือนทั้งเดือนของเขาแล้ว
ดังนั้น เขาจึงหยิบแผนที่ของเกาะแฟร์เวลออกมาให้ฉินสือโอวดู “ดูนี่สิ รูปร่างของเกาะของคุณเป็นวงรีที่มีความสม่ำเสมอ และมีเขาเคอร์บัลอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าติดตั้งสถานีฐานบนยอดเขา ช่วงรังสีก็จะแผ่ไปได้ไกลกว่าเดิม”
“คำแนะนำของฉันคือ คุณสามารถสร้างสถานีฐานสี่แห่งในเกาะ และเลือกสถานีเคอร์บัลเป็นสถานีหลัก ใช้เทตทร่า 800M สถานีอื่นๆ ใช้ 400M ก็เพียงพอแล้ว อย่างนี้ พื้นที่มหาสมุทรรอบเกาะก็ใช้สัญญาณสื่อสารของคุณทั้งหมด”
“ถ้าคุณต้องการสร้างสถานีฐานคลัสเตอร์สี่แห่ง สามารถแล้วเสร็จในราคาประมาณ 5 แสน”
5 แสน ฉินสือโอวกำลังจะพยักหน้าตอบรับ แฮมเล็ตยื่นมือไปโอบไหล่ของเขาและพูดว่า “อย่าด่วนตัดสินใจ ฉิน ถ้านายจะสร้างสถานีฐานก็ไม่มีปัญหา แต่ให้ชาวเมืองของเราได้พึ่งบารมีของนายด้วยได้ไหม?”
เมื่อฟังที่แฮมเล็ตพูด ฉินสือโอวก็เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อแล้ว เขาต้องการให้ตนเองเปิดช่องสัญญาณคลัสเตอร์ อย่างนี้ ชาวเมืองเพียงแค่ซื้อเครื่องรับสัญญาณและมีรหัสผ่านก็สามารถติดต่อสื่อสารกันโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ แค่มีเครื่องรับสัญญาณ หลายๆ เรื่องก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่ไกด์พากลุ่มทัวร์ไปปีนเขาเคอร์บัล เป็นต้น บนเขาไม่มีสัญญาณ ดังนั้นทุกครั้งที่พานักท่องเที่ยวขึ้นเขา ต้องมีเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมไปด้วย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
เมื่อมีจานดาวเทียมที่สามารถส่งสัญญาณไปทั่วทั้งเกาะ ให้นักท่องเที่ยวแต่ละคนนำเครื่องรับสัญญาณคนละเครื่องเข้าไปในป่า ก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใดแล้ว แม้นักท่องเที่ยวจะหลงป่า ก็สามารถหาพวกเขาเจอ
ฉินสือโอวไม่ใช่คนขี้เหนียว ให้ชาวเมืองได้พึ่งบารมีของตัวเองด้วยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เขาต้องถามให้แน่ชัดก่อนว่า “เมื่อติดตั้งสถานีฐานคลัสเตอร์แล้ว สามารถใช้ได้ทั้งหมดกี่คน”
“คุณต้องการถามว่าสามารถเชื่อมต่อเชื่อมต่อเทอร์มินัลส่วนตัวได้กี่เครื่องใช่ไหม? เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ระบบเทตทร่าใช้เทคโนโลยีช่องสัญญาณแบบแบ่งเวลาหลายส่วน ระบบของมันมีประสิทธิภาพสูง คุณภาพสัญญาณยิ่งดี ระบบรักษาความปลอดภัยยิ่งสูง ประสิทธิภาพในการใช้งานยิ่งดี…”
“เพื่อน อย่าพูดวกไปวนมาได้ไหม?”
“ขอโทษครับคุณผู้ชาย ผมเคยชินกับมันไปแล้ว เอาเถอะ ผมขอแนะนำว่า ระบบเทตทร่าของเรา ไดมีทราเป็นระบบสื่อสารทรั้งค์ดิจิตอลที่ทันสมัยที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ในแง่ของวิธีการส่งสัญญาณ นอกจากมันจะรองรับการให้บริการโทรศัพท์มือถือแบบฟูลดูเพล็กซ์ ‘หนึ่งต่อหนึ่ง’ แล้ว มันยังช่วยให้การสื่อสารการตั้งเวลาทีมแบบ ‘หนึ่งต่อหลายคน’ ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากสร้างคลัสเตอร์แล้วสามารถเปิดได้ถึง 16 ช่องทาง เพียงพอสำหรับเทอร์มินัลส่วนตัว 1,600 เครื่อง” แฟรงค์อธิบาย
“แน่นอนว่าเพียงพอแล้วล่ะ” แฮมเล็ตพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวยักไหล่ “ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเลยเพื่อน!”
“โอ้ อย่าทำอย่างนี้สิเพื่อน นายจะต้องตอบตกลงใช่ไหม? ความจริงแล้วถ้าเราได้ใช้สัญญาณของนายก็จะเป็นประโยชน์ต่อฟาร์มปลาของนายในอนาคตเหมือนกัน ถ้ามีปัญหาอะไร นายก็แค่ประกาศในช่องสาธารณะ คนทั้งเมืองก็รับรู้แล้ว ถ้ามีคนมาหาเรื่องคุณอีก ทุกคนก็จะสามารถไปช่วยนายได้ในทันที” แฮมเล็ตกล่าว
นักการเมืองก็คือนักการเมือง ฉินสือโอวเองก็รู้สึกเป็นไปตามอย่างที่เขาพูด สถานีฐานคลัสเตอร์ของเขาเหมือนได้รวมทุกครัวเรือนไว้ในเครือข่ายเดียวกัน ถ้าบ้านไหนมีปัญหาก็สามารถจัดการได้ในประโยคเดียว
เมื่อนึกถึงส่วนนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป ได้ สร้างเลย ถ้าอย่างนั้นก็สร้างสถานีฐานคลัสเตอร์สักสถานีละกัน
“ทุกคนจะสามารถใช้สัญญาณของนายช่วยนายคิดหาวิธีที่จะได้ฟาร์มปลาแกธเธอริงมาด้วย” แฮมเล็ตกลัวฉินสือโอวไม่ยอม จึงจุดประเด็นที่น่าดึงดูดอีกหนึ่งประเด็น
แต่นี่เป็นเรื่องเล็กสำหรับฉินสือโอว เขาโบกมือเราพูดว่า “ฟาร์มปลาแกธเธอริง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ ฉันจัดการกับมันได้”
เมื่อฉินสือโอวตัดสินใจสร้างสถานีฐาน แฟรงค์ก็ไม่กลับแล้วล่ะ เขาโทรหาบริษัท ให้ส่งเครื่องจักรมาที่เกาะแฟร์เวลโดยตรง
หลังจากขับรถกลับบ้าน ช่วงบ่ายฉินสือโอวไปแช่น้ำแร่
ยังไม่ได้ขยายน้ำพุร้อน มันจึงยังคงมีกลิ่นของธรรมชาติ หลังจากการขุดในช่วงนี้ น้ำพุยังคงพุ่งก๊าซซัลเฟอไม่หยุด ก้อนหินที่อยู่รอบๆ กลายเป็นสีเหลือง และมีกลิ่นของธาตุกำมะถันเล็กน้อย
ฉินสือโอววางเก้าอี้ตัวหนึ่งในน้ำ และเอนตัวลงไป อืม น้ำค่อนข้างร้อน กำลังสบาย
สนุกคนเดียวไม่สู้สนุกกันเป็นกลุ่ม ฉินสือโอวกวักมือเรียกหู่จือและเป้าจือ ทั้งสองกระโดดขึ้นไปนอนบนเก้าอี้ข้างๆ เขา
ฉงต้าเห็นพวกเขาลงไปในน้ำ ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาในทันที แล้วกระโดดเข้าไปหาฉินสือโอว
“ให้ตายเถอะ ไม่!” ฉินสือโอวกรีดร้อง
บทที่ 497 เงาแห่งการเก็บเกี่ยว
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อวินนี่กลับมาในตอนเย็น เห็นสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรของฉินสือโอวบนโซฟา หลัวปอกำลังเหยียบหลังให้เขาด้วยใบหน้าที่ขมขื่น
“กำลังทำอะไรกัน? กำลังให้แมวบีบนมเหรอ?” วินนี่เปลี่ยนรองเท้าส้นสูงไปหัวเราะไป
การบีบนมเป็นสัญชาตญาณของลูกแมว ขณะที่ลูกแมวดูดนมแม่ พวกมันดูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้อุ้งเท้าของมันนวดเบาๆ บริเวณเต้านมของแม่แมวด้วย เพื่อช่วยในการหลั่งน้ำนม
เมื่อพวกมันโตขึ้นและแยกจากแม่ ในบางครั้งที่พวกมันคิดถึงวัยเด็กและเต้านมของแม่ พวกมันก็จะหาที่ที่มีพื้นผิวอ่อนนิ่มและยืนย่ำเบาๆ
สำหรับแมวเหมียวแล้ว การนวดเป็นสิ่งสำคัญในการเพลิดเพลินกับชีวิต ขณะที่พวกมันนวดนั้นจะรู้สึกมีความสุขและรู้สึกพึงพอใจ
แต่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิญกับสภาพในตอนนี้ของหลัวปอ หลัวปอทำด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ ราวกับลูกสะใภ้ที่ถูกเข้าใจผิด
เมื่อเห็นวินนี่กลับมาแล้ว มันเบิกตากว้างและกระโดดลง ฉินสือโอวทำเสียง ‘อะแฮ่ม’ มันจึงจำเป็นต้องทำการนวดต่อไป
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” วินนี่อุ้มหลัวปอออกไปและไปนวดเอวให้ฉินสือโอว
ฉินสือโอวพูดอย่างจนปัญญาว่า “เรื่องทั้งหมดฉงต้าเป็นคนก่อ! ในช่วงบ่ายผมคิดจะไปแช่น้ำสักหน่อย แต่หลังจากที่ผมเอนตัวลงกับเก้าอี้ มันก็กระโดดขึ้นมาบนตัวผม!”
“พระเจ้า ฉันเห็นใจคุณจริงๆ” วินนี่พูดจากใจจริง
เนื่องจากฉินสือโอวถูกทำร้ายมา วินนี่จึงอนุญาตให้เขาไปพักผ่อน ส่วนตัวเข้าครัวไปทำอาหารกลางวัน
เห็นวินนี่เข้าครัว บุชบินเข้าไปอย่างรีบร้อน และยืนจ้องๆ มองๆ ตะกร้าผักของวินนี่บนตู้เย็น
วินนี่เปิดตะกร้าผักให้มันดูและพูดว่า “เอาน่ะๆ ดูนี่สิ แม่ซื้อเนื้อวัวที่แกชอบกินที่สุดมาด้วย ดีใจไหม? ถ้าดีใจก็ออกไปก่อน อย่ารบกวนแม่ทำอาหาร”
บุชส่งเสียงร้อง ‘กากา’ สองที และจับหูหิ้วตะกร้าไม่ยอมปล่อย ฉินสือโอวผิวปาก บุชมองไปทางฉงต้า และส่งเสียงร้อง ‘กากา’ สองครั้งอย่างกระวนกระวาย
ฉินสือโอวต้องเรียกฉงต้ากลับไปก่อน บุชจึงบินไปที่โซฟาอย่างสบายใจ
เมื่อเตรียมอาหารให้เจ้าตัวเล็กเสร็จ ขณะที่วินนี่แบ่งนั้น เธอยื่นจานให้ฉินสือโอวหนึ่งใบ ข้างในเป็นองุ่น แบล็กเบอร์รี่และแก้วมังกรที่เธอตั้งใจคัดมาอย่างดี
“ที่รัก คุณช่างเป็นคนที่ใส่ใจในทุกๆ เรื่องจริงๆ” ฉินสือโอวยิ้ม
วินนี่กำลังทำอาหารในห้องครัว ฉินสือโอวโทรหาลีฟ ไดม์เลอร์ ถามเธอเรื่องความคืบหน้าของเครื่องประดับ
ลีฟบอกว่า “ช่างบังเอิญเหลือเกิน คุณฉิน วันนี้เครื่องประดับเพิ่งเสร็จสมบูรณ์ คุณสามารถมารับได้ตลอดเวลา”
เขาเจอวินนี่ตอนกลางเดือนเมษายน เหลือเวลาอีกเพียงสองวัน ดังนั้นเขาจึงนัดกับลีฟว่า ในวันมะรืนเขาจะไปรับเครื่องประดับที่นิวยอร์ก
หลังจากตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น เขาและชาร์คและคนอื่นๆ ออกตรวจตราที่ฟาร์มปลา เพื่อดูผลเก็บเกี่ยว หลังกลับจากนิวยอร์ก ก็ต้องเตรียมพร้อมในการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วล่ะ
ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่ได้ขับเรือฮาวิซท แต่เป็นเรือเด็คของเออร์บัก คอมพิวเตอร์ขนาด 21 นิ้ววางอยู่บนดาดฟ้าของเรือเด็ค ข้างล่างของมันเชื่อมต่อกับโซนาร์ที่มีความแม่นยำ
เมื่อเรือเด็คแล่นออก บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏจุดดำเล็กๆ จำนวนมาก เมื่อเห็นจุดดำเหล่านี้ ชาร์คและซีมอนสเตอร์ฮึกเหิมในทันที
“เป็นยังไงบ้าง?” ฉินสือโอวถาม
“เยี่ยมจริงๆ!” ชาร์คพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดูนี่สิ นี่ล้วนแต่เป็นปลาใหญ่ที่สามารถจับได้แล้ว ผมเดาว่าเป็นปลาค็อด แต่ปลาค็อดโตเร็วอย่างนี้น่าแปลกใจจริงๆ”
ซีมอนสเตอร์พยักหน้า “ใช่ครับ น่าประหลาดใจจริงๆ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ก่อนหน้านี้ของฟาร์มปลาต้าฉินไม่ได้แย่อย่างที่เราคิด ปลาเหล่านี้ไม่น่าจะโตขึ้นภายในปีเดียว มันน่าจะอยู่มาก่อนหน้านี้แล้ว”
ฉินสือโอวคิดในใจว่าพวกนายทายผิดแล้วล่ะ ปลาค็อดเหล่านี้เป็นลูกปลาจากปีที่แล้ว
แต่การที่ชาร์คและซีมอนสเตอร์คิดแบบนี้ก็ไม่แปลก ลูกปลาค็อดจะโตถึงหนึ่งเมตรได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา 4 – 5 ปี และต้องอยู่ในกรณีที่มีเหยื่อเพียงพอ และน้ำทะเลมีคุณภาพดีด้วย
ดังนั้น พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงร่องรอยของปลาตัวใหญ่เหล่านี้กับลูกปลาเมื่อหนึ่งปีก่อนได้
เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และคนอื่นๆ ฉินสือโอวได้แต่ถอนหายใจ พลังโพไซดอนน่ากลัวจริงๆ!
ฉินสือโอวควบคุมพลังโพไซดอนและดูใต้น้ำ นอกจากปลาค็อดแล้ว ยังมีปลาแซลมอนแปซิฟิกที่สามารถจับไปขายได้แล้ว
แต่เขาไม่ต้องการทำอย่างนั้น ข้อแรกเพราะว่าฝูงปลายังไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ข้อสองคือพวกมันเพิ่งเข้ามาในฟาร์มปลาไม่นาน คุณภาพของเนื้อน่าจะยังไม่ดีเท่าที่ควร
ความจริงแล้วของล้ำค่าที่แท้จริงในฟาร์มปลาไม่ใช่ปลาสองชนิดนี้ที่มีจำนวนมาก แต่เป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินต่างหาก
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินกว่าห้าร้อยตัว จากพลังโพไซดอน ปลาชุดเริ่มแรกมีความยาวกว่าสี่เมตรแล้ว แม้แต่ปลาตัวเล็กก็มีความยาวกว่าสองเมตรแล้ว และมันได้กลายเป็นพลังที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ในท้องทะเลแล้วล่ะ
และแน่นอนว่า ปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดคือน้ำเงินใหญ่ มันเป็นพี่ใหญ่ของปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ลำตัวยาวเกือบสี่เมตรครึ่ง แม้แต่เจ้าดำใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะมายั่วมัน
ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจที่จะเซอร์ไพรส์ชาวประมง แต่เซอร์ไพรส์นี้ใหญ่เกินไปไม่ได้ ถ้าปลาทูน่าครีบน้ำเงินปรากฏทั้งฝูง พวกเขาต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆ
เขาจึงตัดสินใจจะเลี้ยงปลาต่ออีกหนึ่งปี และให้พวกมันปรากฏตัวในปีหน้า ให้พวกมันปรากฏตัวแค่ 1-2 ตัวก่อน เพื่อแสดงตัวตนของพวกมัน
ตอนนี้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินยังโตไม่เต็มไว ปลาชนิดนี้สามารถโตได้ถึงห้าเมตรเลยทีเดียว!
ด้วยความคิดนี้ ฉินสือโอวได้ควบคุมปลาตัวหนึ่งที่รองจากน้ำเงินใหญ่
ปลาตัวนี้มีความยาวประมาณ 4.2-4.3 เมตร เทียบเท่าฉลามตัวเล็กตัวหนึ่ง ลำตัวที่เพรียวบางของมันมีความสวยงามเป็นพิเศษ ผิวของมันกระชับและเรียบเนียน ลำตัวส่วนบนของมันเป็นสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกลึกลับของมหาสมุทร ส่วนลำตัวส่วนล่างของมันเป็นสีขาวหิมะ การผสานกันระหว่างสีน้ำเงินและสีขาว ทำให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ
เขาควบคุมปลาตัวใหญ่ตัวนี้ให้ว่ายผ่านเรือเด็ค จู่ๆ ชาร์คก็ร้องออกมาว่า “ให้ตาย มีฉลามในฟาร์มปลาของเรา! ดูหัวของมันสิ ผมเดาว่าเป็นฉลามเสือทราย!”
“มันอาจเป็นปลาโลมาตัวใหญ่ โลมาเบอร์ใหญ่” ซีมอนสเตอร์หัวเรา
เป็นเรื่องปกติที่ฉลามจะถูกดึงดูดมาในฤดูเก็บเกี่ยว แต่ไม่ต้องกังวลเกินไป แค่หย่อนเบ็ดและตกมันขึ้นมาก็พอ
ฉินสือโอวควบคุมให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินว่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว โดยเผยให้เห็นลำตัวบางส่วน
เมื่อเห็นเงาของปลาทูน่าครีบน้ำเงินในน้ำ ชาร์คและซีมอนสเตอร์ต่างตกตะลึงพรึงเพริด
หลังจากปล่อยปลาตัวนี้ไป ฉินสือโอวมอไปที่ชาร์คและคนอื่นๆ แล้วพูดว่า “ผมคิดว่ามันไม่ใช่ฉลาม เพื่อน ผมอาจมองผิดไป แต่ถ้ามองไม่ผิด มันคือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน”
“ให้ตายเถอะ!”
“พระเจ้า!”
“ผมคิดว่าตัวเองฝันไป!”
ชาร์คมองฉินสือโอวอย่างอบอุ่นและตะโกนออกมาว่า “มันคือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน บอส เป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินจริงๆ แต่ทำไมมันตัวใหญ่อย่างนี้ล่ะ? ผมไม่เคยเห็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ตัวใหญ่อย่างนี้มาก่อน!”
ซีมอนสเตอร์ตะโกนว่า “รวยแล้วล่ะ บอส เราจะรวยแล้ว! ถ้าจับปลาตัวนี้ขึ้นมาได้ เงินหนึ่งล้านก็ไม่ใช่ปัญหา!”
“ใช่ ไปงานประมูลปลาทูน่าในโตเกียวกันเถอะ!” แลนซ์ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
บทที่ 498 กล่องสมบัติมหัศจรรย์
โดย
Ink Stone_Fantasy
ปลาทูน่าเป็นเหมือนงานศิลปะ ถ้าต้องการให้มันมีราคา ก็ต้องไปที่งานประมูล และงานประมูลที่มีระดับสูงที่สุดก็คือ การประมูลปลาทูน่าในฤดูใบไม้ผลิที่จัดขึ้นที่ตลาดสึกิจิโตเกียวในญี่ปุ่นทุกเดือนเมษายน
ตามปกติแล้ว ราคาของปลาทูน่าอยู่ระหว่าง 50-100 ดอลลาร์แคนาดา ราคาในแต่ละส่วนก็แตกต่างกัน
หลังจากการประมูล ราคาของปลาทูน่าไม่ได้คิดตามส่วนแล้ว แต่อิงตามราคาทั่วไป โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ 1 หมื่น ฤดูใบไม้ผลิในปี 2012 สถิติราคาที่สร้างขึ้นในตลาดสึกิจินั้นเป็นปลาทูน่าสีน้ำเงินที่มีน้ำหนัก 222 กิโลกรัม
ปลาตัวนั้นมาจากพื้นที่ทะเลโอมา จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ในท้ายที่สุดก็ขายในราคาที่สูงถึง 15.54 ล้านเยนหรือ 2.2 ล้านดอลลาร์แคนาดา!
ก่อนหน้านี้ สถิติสูงสุดของปลาทูน่าครีบน้ำเงินคือ 56.49 ล้านเยน และปลาตัวนั้นก็มีน้ำหนักถึง 269 กิโลกรัม ซึ่งแตกต่างกันเกือบสามเท่า
เหตุผลที่ทำให้ราคาสูงจนน่ากลัวนั้น เกี่ยวข้องกับสภาพและเงื่อนไขของประเทศญี่ปุ่น
งานประมูลก็คือการโฆษณาอย่างหนึ่ง เพื่อส่งเสริมให้ชาวประมงจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินได้ ชาวญี่ปุ่นได้ออกกลอุบายนี้อย่างไร้ยางอาย ทำให้ปลาตัวหนึ่งมีราคาสูงเกินควร เพื่อดึงดูดชาวประมงให้จับปลาได้มากขึ้น
สำหรับการอยู่รอดของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหรอ? ชาวญี่ปุ่นที่ชอบมองอะไรแคบๆ นั้นไม่สนใจหรอก!
นอกจากนี้ ราชาปลาทูน่าที่เข้าร่วมในการประมูลครั้งแรกก็มักจะถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ‘การตลาดที่ดี’ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับชาวญี่ปุ่น
และแน่นอนว่าปลาที่ทำให้ราคาประมูลสูงเฉียดฟ้านั้นต้องเป็นราชาปลา ปลาชนิดอื่นๆ ก็เข้าร่วมกันประมูลเหมือนกัน แต่ราคามีความสมเหตุสมผลมากกว่า อย่างมากก็แพงกว่าปกติร้อยละ 20 – 50 เท่านั้น
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวนี้ของฉินสือโอวมีความยาวถึงสี่เมตรครึ่ง และมีน้ำหนักมากกว่า 500 กิโลกรัม ไม่ว่าจะเป็นด้านรูปร่างหรือด้านคุณภาพ ต้องดีกว่าราชาปลาก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน ดังนั้น ถ้าเขานำปลาตัวนี้ไปที่ญี่ปุ่น มันจะต้องเป็นราชาปลาของปีนี้แน่นอน
ชาร์คและซีมอนสเตอร์ประเมินราคาของปลาทูน่าตัวนี้ที่ 1 ล้าน บางคนอาจสงสัยว่าทำไมปลาตัวใหญ่กว่าแต่กลับมีราคาที่ต่ำลง
เพราะฉินสือโอวโชคไม่ดี ตลาดอาหารทะเลของโตเกียวเพิ่งมีการปฏิรูปเมื่อปีที่แล้ว ราคาการประมูลปลาทูน่าถูกจำกัด ในอนาคต ราคาปลาทูน่าครีบน้ำเงินขนาด 200 กิโลกรัม สามารถขายได้ในราคา 1 – 2 แสนดอลลาร์แคนาดาก็เกินพอแล้วล่ะ
ไม่ว่าจะราคา 1 ล้านหรือราคา 5 ล้าน สำหรับปลาตัวหนึ่งแล้ว ล้วนแต่เป็นราคาที่สูงมาก ชาร์คและคนอื่นๆ เริ่มเตรียมการ และหันหัวเรือทันทีเพื่อตกปลาตัวนี้
ฉินสือโอวให้พวกเขากลับไปเตรียมตัว ส่วนเขานั้นถือโทรศัพท์มือถือกำลังคุยกับคนรู้จักในคิวคิว ตราบใดที่เขาไม่ลงมือ คนเหล่านี้ไม่มีทางจับปลาทูน่าตัวนั้นได้ ฟาร์มปลาต้าฉินไม่ใช่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ น้ำลึกเกินไป ปลาไม่สามารถมองเห็นเหยื่อได้
ในตอนเที่ยงวินนี่ไม่ได้กลับมา ฉินสือโอวไปที่ห้องเรือนกระจก เขาเด็ดพริกมาหนึ่งกำมือ แล้วเอาไปผัดไข่ไก่ และตอนนี้เขาสนใจไข่ห่านมากกว่า แต่ห่านขาววางไข่เพียงไม่กี่ฟอง และปกป้องเป็นอย่างดี เรื่องนี้ต้องว่ากันอีกนาน
หลังจากเด็ดพริกเสร็จและเดินออกมาแล้ว จู่ๆ ร่างหนึ่งก็วิ่งผ่านมา จากนั้นตามด้วยเสียง ‘โบ้ม’ ไก่ป่ารัฟฟ์ดสีสันหลากหลายตัวหนึ่งถูกโยนลงบนพื้น
ไก่ป่ารัฟฟ์ดเป็นไก่ป่าชนิดเดียวกับไก่ป่าเฮเซล เมื่อเทียบกันแล้ว ตัวหลังดูโง่กว่า ไก่ป่ารัฟฟ์ดดูฉลาดและมีความระมัดระวังมากกว่า เพียงแค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ มันก็จะซ่อนตัวในทันที ซึ่งจับตัวได้ยากมาก
คนที่โยนไก่ป่ารัฟฟ์ดลงมาคือบุช มันบินวนบนท้องฟ้าหลายรอบอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นเก็บปีกของมันแล้วยืนบนไหล่ของฉินสือโอว
ทั้งบุชและนิมิตส์เวลาทำอะไรต่างรู้ดีแก่ใจ ไม่ว่าพวกมันจะยืนอยู่บนไหล่หรือบนแขนของฉินสือโอว พวกมันต่างก็จะจับแขนของเขาเบาๆ ไม่อย่างนั้นไหล่ของฉินสือโอวพังไปแล้วล่ะ
เมื่อเห็นไก่ป่ารัฟฟ์ดตัวนี้ ฉินสือโอวรู้สึกดีใจมาก เขายกบุชขึ้น แล้วหัวเราะและพูดว่า “เด็กดี แกรู้จักล่าสัตว์ป่าแล้วเหรอ? เก่งมาก! เยี่ยมจริงๆ!”
นิมิตส์ไม่สามารถจับกระต่ายและไก่ป่าได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับกำลังขาของมัน เท้าของนกฟรีเกตไม่ค่อยมีแรง พวกมันไม่กล้าล่าสัตว์ป่าด้วยความเร็วสูง เพราะขณะที่สัตว์ป่าดิ้นรนอาจทำให้เท้าของมันหักได้
แต่อินทรีหัวขาวก็จะไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ พวกมันเป็นน่าล่าแห่งทะเล บกและท้องฟ้า พลังเท้าของมันเป็นอันดับหนึ่งในหมู่สัตว์ปีก!
สัตว์ปีกไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้ เพราะกล้ามเนื้อส่วนหน้าของพวกมันไม่สามารถขยับไปในแนวขวางได้ ดังนั้นจึงทำให้บุชดูเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา
ฉินสือโอวเกาหัวบุชอยู่พักหนึ่ง แล้วเขาก็เก็บไก่ป่ารัฟฟ์ดเข้าไปในตู้เย็นอย่างมีความสุข
เมื่อวินนี่กลับมาในตอนเย็น ฉินสือโอวเอาไก่ป่ารัฟฟ์ดออกมาให้เธอดู และบอกเธอว่าบุชเป็นคนล่ามันมา
วินนี่เองก็รู้สึกประหลาดใจมาก เธอวางบุชลงบนตักและลูบขนของมัน แล้วชื่นชมมัน ในขณะเดียวกันกับมองไปที่ฉงต้า ซึ่งหมายความว่า แกมันเอาแต่กิน สู้บุชไม่ได้เลย
ฉงต้าไม่เคยสนใจสายตาของคนอื่น อย่างไรก็ตาม มันหน้าด้านอยู่แล้ว จากนั้นมันขยับจมูก แล้วมองไปทางห้องครัว ฉินสือโอวกำลังตุ๋นไก่ป่ารัฟฟ์ด
ไก่ป่าเป็นสัตว์ป่าที่มีรสชาติดี ไม่ว่าจะนำไปย่าง ปิ้ง ตุ๋นหรือผัดก็อร่อย แต่แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือตุ๋นเพื่อกินน้ำซุป รสชาติเข้มข้นแถมเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
ในมื้อเย็น บุชได้กลายเป็นฮีโร่ เพราะทุกๆ คน เพราะทั้งเออร์บัก เด็กๆ ทั้งสี่ ฉินสือโอวและวินนี่ ต่างก็ได้ดื่มซุปไก่รสชาติดี เสือ เสือดาว หมีและหมาป่าก็ได้กินกระดูกไก่ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความดีความชอบของมันจริงๆ
เมื่อได้รับคำชมเชยจากทุกคน บุชสะบัดหางของมันอย่างภาคภูมิใจ เมื่อฉงต้ากินอิ่มแล้วก็นอนอยู่ข้างๆ มัน มันรู้สึกไม่ค่อยพอใจ จึงใช้ปากของมันจิกฉงต้าเพื่อไล่มันไปที่อื่น ราวกับว่าเมื่อต้องอยู่ร่วมกับหมีขี้เกียจอย่างฉงต้าจะทำให้มันต่ำลงยังไงอย่างงั้น
หลังจากได้ดื่มน้ำแกงรสชาติดี ฉินสือโอวและวินนี่ก็ตรงไปที่นิวยอร์กในวันรุ่งขึ้น ครั้งนี้บิลลี่มารับเขาเหมือนเดิม เขาขับออดี้ อาร์ 18 มา ผู้หญิงคนข้างๆ ได้เปลี่ยนไปเป็นนางแบบหุ่นดีตัวเล็ก
“แลนด์โรเวอร์คันก่อนหน้านี้ของนายล่ะ?” ฉินสือโอวถาม
บิลลี่โบกมือ “ไม่ชอบเลยเปลี่ยนรถกับพี่ชายน่ะ นี่เป็นรถของเขา”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็เสียเปรียบแล้วล่ะ” ฉินสือโอวหัวเราะ “อาร์ 8 ถูกกว่าแลนด์โรเวอร์ของนาย”
บิลลี่มองไปรอบๆ เห็นว่านางแบบที่เขาพามากำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ จึงพูดกับฉินสือโอวด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ ฉันไม่ได้เสียเปรียบ เห็นผู้หญิงคนนั้นไหม? ฉันรับเธอมาพร้อมกับอาร์ 8 คันนี้”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ฉินสือโอวสำลักน้ำในทันที วินนี่รีบมาลูบหลังให้เขา และพูดว่า “คุณเป็นคุณพ่อแล้วนะ ทำไมยังสำลักน้ำเหมือนเด็กๆ ล่ะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแห้งๆ สองที เพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง
บิลลี่มองวินนี่ที่กำลังเป็นห่วงฉินสือโอว เห็นความรักที่ทั้งสองมีต่อกัน ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที
หลังจากขับไปถึงอาคารทิฟฟานี่ เขาหยุดรถแล้วดื่มน้ำ แล้วแสร้งทำเป็นสำลักน้ำ แต่นางแบบที่เขาพามาด้วยไม่แม้แต่จะมองเขา กลับทำท่าตื่นเต้นกับสัญลักษณ์สีน้ำเงินคลาสสิกของทิฟฟานี่
ผู้หญิงไม่มีภูมิต้านทานต่ออัญมณีเงางามเหล่านี้ตั้งแต่เกิด เช่นเดียวกับผู้ชายที่ไม่มีภูมิต้านทานในอาวุธทรงพลัง
วินนี่ก็เหมือนนางแบบคนนั้น เมื่อถึงหน้าประตูทิฟฟานี่ ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความโหยหา เธอจับมือของฉินสือโอวอย่างไม่รู้ตัวและถามขึ้นว่า “เรามาที่นี่ทำไม?”
ฉินสือโอวจูบเธอหนึ่งทีแล้วพูดว่า “คุณเอากุญแจที่ผมเคยให้คุณมาไหม? เรามาเพื่อเปิดกล่องสมบัติมหัศจรรย์”
บทที่ 499 เจ้าหญิงยามราตรี
โดย
Ink Stone_Fantasy
ลีฟ ไดม์เลอร์รออยู่หน้าประตูแล้ว นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มรูปหล่อวัยกลางคนที่ดูเหมือนทอม แฮงค์ ชายชรารูปหล่อสวมชุดสูทตามสบาย ดูไม่ซื่อตรงอย่างทอม แต่ดูสง่า และดูออกเลยว่าเป็นคนในแวดวงศิลปะ
เมื่อเห็นฉินสือโอว ลีฟก็เข้าไปกอดเขา จากนั้นแนะนำหนุ่มรูปหล่อวัยกลางคนคนนั้น ที่แท้ชายคนนี้ก็เป็นผู้จัดการของแฟลกชิป สโตร์ทิฟฟานี่นิวยอร์ก ชื่อคาสเซิล เรดิคัส
เมื่อทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวกันแล้ว ลีฟได้ยินฉินสือโอวบอกว่าวินนี่เป็นคู่หมั้นของเขา เธอก็แสดงสีหน้าชื่นชม เธอยิ้มอย่างลึกลับและถามว่า “คุณฉิน ถ้าอย่างนั้นของขวัญของคุณ ก็ต้องทำมาเพื่อคู่หมั้นของคุณใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “ของขวัญของผมอยู่ที่ไหนล่ะ?”
ลีฟกระซิบกับพนักงานขายหญิงคนหนึ่ง พนักงานขายหญิงคนนั้นเดินจากไป ไม่นานก็มีคนเข็นรถออกมา บนรถมีตู้ที่มีความสูงเท่าคนคนหนึ่ง ภายนอกตู้เป็นขนแพะที่ถูกย้อมเป็นสีฟ้า ดูหรูหราเป็นพิเศษ
แม่กุญแจถูกแขวนไว้บนตู้อย่างเป็นสัญลักษณ์ ฉินสือโอวให้วินนี่ขึ้นไปเปิด เขาพูดว่า “ที่รัก ผมไม่รู้ว่าคุณจะชอบของที่อยู่ข้างในไหม แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมอยากบอกคุณว่า ผมอยากให้คุณมีความสุขตลอดเวลา”
วินนี่ยิ้มหวาน เธอขึ้นไปไขแม่กุญแจที่รูปร่างธรรมดา ลีฟขึ้นไปเอาแม่กุญแจออก จากนั้นกดไปที่ตู้หนึ่งครั้ง
ทันใดนั้น ตู้เปิดออกอัตโนมัติ ทำจากไฟเบอร์กลาสนี่เอง มันถูกควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้งกระบวนการ เมื่อกดลงไป ตู้พับลงทีละแผ่น
จากการเก็บโดยอัตโนมัติของไฟเบอร์กลาส เผยให้เห็นของที่อยู่ข้างใน มันเป็นแบบจำลองผู้หญิง ทำตามรูปร่างหน้าตาของวินนี่ทั้งหมด ดูเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง ฝีมือสูง แสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่สวยงามของวินนี่อย่างชัดเจน
สิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้ง แต่เป็นสิ่งประดับชุดนั้นที่อยู่บนหุ่น ตั้งแต่เครื่องประดับผมไปจนถึงต่างหู จากสร้อยคอไปถึงแหวน จากเครื่องประดับหน้าผากไปถึงเครื่องประดับอก จากสร้อยข้อมือไปถึงสร้อยข้อเท้า…
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือเครื่องประดับอกแสนงดงามชิ้นนั้น ดูเหมือนสไตล์วังอินเดีย ใช้เทคโนโลยีแกรนูล รวมไข่มุกดำนับร้อยเม็ดในพวงเดียวกัน
เทคโนโลยีแกรนูลนั้นไม่ซับซ้อน แค่ให้ความร้อนกับแผ่นโลหะที่มีขนาดตามขนาดลูกปัดที่ต้องการ จนกระทั่งโลหะละลายที่อุณหภูมิสูงและลูกบอลโลหะเหลวแบบสมมาตร แต่เนื่องจากส่วนประกอบหลักของเครื่องประดับชุดนี้เป็นไข่มุกสีดำที่มีค่ามากกว่า จึงไม่ได้ใช้ลูกโลหะ เพียงแค่ทำแผ่นเสริมแพลตตินัมเพื่อยึดไข่มุกดำเหล่านั้นไว้
ไข่มุกสีดำที่มีขนาดแตกต่างกันและจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบทำให้เกิดลวดลายที่สวยงาม ซึ่งเต็มไปด้วยความหรูหรา
เครื่องประดับหัวดูมีเอกลักษณ์ มีผีเสื้อขนาดเท่าฝ่ามือคอยกันผม นอกจากนี้ยังมีไข่มุกสีดำแผ่นเล็กๆ เรียงกันเป็นกลีบดอกไม้ เครื่องประดับหัวใช้ทองคำขาวเป็นฐาน เมื่อสีดำและสีขาวผสานเข้าด้วยกัน ช่างงามสง่า
ต่างหูเป็นพู่สองเส้น มีไข่มุกดำที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ด้านบน ด้านล่างเป็นปิ่นระย้าที่เรียงกันด้วยไข่มุกดำขนาดเล็ก เมื่อลมพัดโชยมา พู่สั่นเล็กน้อย ทำให้คนมองหลงรักอย่างไม่รู้ตัว
เครื่องประดับหน้าผากทำจากไข่มุกดำขนาดต่างๆ ที่เรียงกันเป็นรูปทรงใบมะกอก เหมือนมงกุฎลอเรลที่พบได้ทั่วไปในเทพธิดากรีก
สร้อยข้อมือทั้งสองมีรูปร่างที่แตกต่างกัน แขนขวาเป็นสร้อยข้อมือลายลูกไม้สไตล์สนับข้อมือ ส่วนสร้อยข้อมือแขนซ้ายนั้นดูเหมือนลวดลายบนจาน ไล่ตั้งแต่ข้อมือไปจนถึงปลายข้อศอก
สร้อยข้อมือทั้งสองต่างออกแบบด้วยลวดละเอียดในรูปแบบของลวดลายที่ซับซ้อน การออกแบบลักษณะนี้เพียงแค่ยึดไข่มุกดำด้วยการพันลวดทองคำขาวและเงินหลายเส้นที่มีความหนาและความยาวต่างกัน จากการพันผิดพันถูกของเส้นเงินทำให้มันกลายเป็นความสวยงามที่เต็มไปด้วยจินตนาการ ทำให้โครงสร้างของเครื่องประดับเต็มไปด้วยความสมบูรณ์และแปลกใหม่
เครื่องประดับชิ้นอื่น เช่น แหวน กำไลเท้า เป็นต้น ก็มีความเป็นอัตลักษณ์เหมือนกัน
สุดท้าย วางมงกุฎขนาดเท่าฝ่ามือบนฝ่ามือของหุ่นขี้ผึ้ง มงกุฎชิ้นนี้ใช้การฝังแบบกุดั่น
ช่างฝีมือที่มีฝีมือดีเด่นทุบทองคำขาวเป็นแผ่นฟอยล์บางที่ละเอียดอ่อนและนุ่ม จากนั้นฝังไข่มุกดำเข้าไปอย่างระมัดระวัง และให้ไข่มุกดำและชั้นวางบดบังเชลแล็กอย่างชาญฉลาด
ไม่จำเป็นต้องมีการเชื่อมหรือให้ความร้อน เพียงแค่ทำตามโครงดั้งเดิมของไข่มุกดำ และปล่อยให้แผ่นแพลตตินั่มทำหน้าที่ของมัน หลังจากการขัดอย่างระมัดระวัง มงกุฎก็เป็นอันแล้วเสร็จ
โดยรวมแล้ว มีเพียงคำเดียวที่สามารถอธิบายเครื่องประดับชุดนี้ได้ นั่นก็คือ สง่าเลิศล้ำ
ตำแหน่งของหุ่นขี้ผึ้งถูกเลือกมาอย่างดีโดยลีฟ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างหน้าต่างด้านทิศใต้และห้องโถง ทำให้แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิที่สาดส่องเข้ามานุ่มนวลเป็นพิเศษ
แสงแดดที่นุ่มนวลส่องประกายไปที่ไขมุกสีดำใส แสงที่สะท้อนออกมานุ่มนวลกว่าเดิม ดูเหมือนแสงเหล่านี้จะเป็นสีดำ เช่นเดียวกับหมึกที่สาดกระเซ็น เปล่งประกายบนไข่มุกดำ ทำให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหรูหรา
พริบตาเดียว บริกรและลูกค้าทั้งหมดในล็อบบี้ต่างพากันตกตะลึง ตั้งแต่วินนี่เปิดตู้กระจก ในล็อบบี้ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ!
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเคยเห็นรูปของเครื่องประดับแล้ว หลังจากที่ลีฟเกิดไอเดียก็ส่งให้เขาดู แต่ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ภาพถ่ายและวัตถุจริงก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้แต่ชายแท้ที่ชอบความรุนแรงอย่างเขา เมื่อได้เห็นเครื่องประดับชุดนี้ก็ตกตะลึงในความงดงามของมันเหมือนกัน
และยังคงเป็นคำเดิมคำนั้น ความงามที่แท้จริงนั้นสามารถชื่นชมได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเชื้อชาติหรือเพศภาพ
เมื่อเห็นเครื่องประดับชุดนี้ วินนี่เอามือปิดปากตัวเอง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย จากนั้นเธอหันหลังกลับ และมองฉินสือโอวด้วยสายตาที่ยากที่จะเชื่อ
ฉินสือโอวยักไหล่และพูดว่า “คุณก็รู้ วินนี่ ฉันไม่เคยได้รับการศึกษาระดับผู้ดี และไม่มีศิลปะในหัวใจ สิ่งที่ผมจะทำให้คุณได้ ก็คือใช้ไข่มุกดำที่ผมหามาได้ทำเครื่องประดับให้คุณสักชุด แต่ผมออกแบบไม่เป็น มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก”
“ของชิ้นนี้สมบูรณ์แบบมาก ฉิน สมบูรณ์แบบมากเสียจนมีแค่เทพธิดาเท่านั้นที่เหมาะสมกับมัน มันงดงามเกินไป ไม่ควรปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราด้วยซ้ำ” วินนี่จับมือของฉินสือโอวแล้วพึมพำ
คาสเซิล เรดิคัสปรบมือเป็นคนแรก ผู้คนรอบข้างก็ปรบมือตามๆ กัน จึงสามารถทำลายความเงียบในล็อบบี้ลงได้
บิลลี่ผลักฉินสือโอวทีหนึ่งแล้วพูดแล้ว “เพื่อน ตอนนี้นายควรจะจูบวินนี่”
ฉินสือโอวกอดวินนี่และพูดด้วยเสียงเบาว่า “เดิมทีผมเพียงแค่อยากขอคุณแต่งงาน แต่ผมไม่รู้ว่าคุณชอบหรือเปล่า ดังนั้นจึงตัดสินใจมอบของขวัญชิ้นเล็กๆ ให้คุณก่อน ในอนาคตข้างหน้าถ้าผมแน่ใจแล้วว่าผมสามารถเลือกของขวัญที่คุณชอบได้แล้ว ค่อยขอคุณแต่งงานแล้วกัน”
วินนี่ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ไม่ ที่รัก คุณจะทำให้ฉันเสียนิสัยนะ จริงๆ คุณทำให้ฉันเสียนิสัยไปแล้ว”
ลีฟยิ้มแล้วพูดว่า “วินนี่ ตั้งชื่อให้เครื่องประดับของคุณสิ สิทธิ์ในการตั้งชื่ออยู่ที่คุณ”
วินนี่เอียงหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ชื่อ ‘เจ้าหญิงยามราตรี’ แล้วกัน ดูนั่นสิ เธอดูลึกลับและสง่าขนาดไหน นอกจากชื่อ ‘เจ้าหญิงยามราตรี’ แล้ว ฉันคิดชื่ออื่นไม่ออกแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ชื่อนี้ นี่เป็นชื่อที่ไม่เลวเลย” ลีฟกล่าว “คุณอยากลองใส่มันไหม? เราได้เตรียมห้องไว้ให้คุณแล้ว”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น