หมอดูยอดอัจฉริยะ 490-497
ตอนที่ 490 ภูเขาปีศาจ (1)
โดย
Ink Stone_Fantasy
พม่าที่ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายยิ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศและเขตแดนบางส่วนอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลทหารของพม่าหรือผู้ต่อต้านกองทัพรัฐฉาน เบื้องหลังพวกเขาล้วนมีเงาของกลุ่มผลประโยชน์บางอย่าง มิเช่นนั้นรัฐฉานเพียงกลุ่มเดียวไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางสนับสนุนได้หลายปีเช่นนี้
ตะขิ่น บา เตง ติน เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่สุดคนหนึ่งของรัฐฉาน เนื่องจากอาศัยในหมู่บ้านบนภูเขาอันห่างไกล อีกทั้งไม่เคยประสบกับความวุ่นวายของสงคราม แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ หลังจากที่คิตะมิยะ นาโอกิหาผู้นำรัฐฉานพบและส่งทรัพยากรที่เขาพวกต้องการเร่งด่วนกลุ่มหนึ่งออกไป ตะขิ่น บา เตง ติน ก็กลายเป็นตัวเชื่อมรักษาความสัมพันธ์ฉันท์มิตรกับญี่ปุ่น
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิดูเวลาแวบหนึ่ง พูดว่า “นาโอกิ ไปเร็วๆ หน่อยเถอะ ตอนนี้สายแล้ว!”
พูดกันตรงๆ คิตะมิยะ ฮิโคโตชิไม่คาดหวังว่าครั้งนี้หัวหน้าตระกูลจะหาทองเจอ นั่นเป็นเรื่องครึ่งกว่าศตวรรษแล้ว อีกทั้งประเทศจีนตอนนั้นก็มีคนหลบหนีออกไป ไม่แน่ว่าอาจเอาทองไปนานแล้วก็ได้
ยังมีจุดหนึ่งที่คิตะมิยะ ฮิโคโตชิไม่เข้าใจมาก น้ำหนักทั้งหมดของทองกองนั้นมีเพียงแค่ยี่สิบตัน ตามราคาที่คำนวณไว้ในปีเก้าแปด ทองหนึ่งกรัมเท่ากับยี่สิบดอลลาร์โดยประมาณ ทองยี่สิบตันก็สามสี่ร้อยล้านเท่านั้น
แต่เพื่อหาทองกองนี้ หลายสิบปีที่ผ่านมาแรงคนและทรัพยากรที่ตระกูลคิตะมิยะลงทุนเพื่อสิ่งนี้บวกกับสร้างโรงแรงห้าดาวแห่งนี้ในพม่า เกรงว่าเทียบกับตัวเลขนี้แล้วอาจไม่ต่างกันเท่าไหร่ นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่สมาชิกตระกูลคิตะมิยะจำนวนมากไม่พอใจ
พวกคิตะมิยะ ฮิโคโตชิซึ่งกำลังนำทางตะขิ่น บา เตง ติน กลับไปในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทบนชั้นสิบแปดอีกครั้ง คิตะมิยะ ฮิเดโอะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่บนเสื่อทาทามิค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองไปที่ตะขิ่น บา เตง ติน แวบหนึ่ง พูดว่า “นาโอกิ ให้เขาเล่าเหตุการณ์เถอะ ฉันฟังภาษาพม่าออก!”
“ครับ!”
บนใบหน้าของคิตะมิยะ นาโอกิไม่ปรากฏสีหน้าแปลกประหลาดใดๆ เพราะบทสนทนาเมื่อสักครู่ หลังจากตอบรับไปประโยคหนึ่งจึงตบไหล่ตะขิ่น บา เตง ติน เบาๆ พูดว่า “เล่าเรื่องที่คุณรู้ให้หัวหน้าตระกูลฟัง พวกเราจะได้ส่งคุณกลับไป!”
สายตาฝ้าฟางของตะขิ่น บา เตง ติน ไม่เห็นตอนที่คิตะมิยะ นาโอกิพูดประโยคนี้ ใบหน้าของคนในห้องสองสามคนปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย พูดอย่างดีอกดีใจว่า “ครับ ผมบอกพวกคุณแน่นอน แต่เวลาก็ผ่านมานานมากแล้ว บางเรื่องผมก็นึกไม่ออก”
“ไม่เป็นไร คุณค่อยๆ คิด” คิตะมิยะ ฮิเดโอะโบกมือ ไม่ได้เร่งตะขิ่น บา เตง ติน
“นั่นเป็นเรื่องเมื่อปี 1950 ตอนนั้นผมอายุสิบแปด ที่บ้านยากจนมาก ทุกวันทำได้แค่ขึ้นเขาไปเด็ดผลไม้ป่ากิน…” ในดวงตาของตะขิ่น บา เตง ติน ฉายแววหวนนึกถึงความหลัง นึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกือบครึ่งศตวรรษก่อนหน้านี้ออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เนื่องจากตอนสงครามโลกครั้งที่สอง พม่ากลายเป็นหนึ่งในสนามรบหลักที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจีน อเมริกาและอังกฤษโจมตีญี่ปุ่นซึ่งมีอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับความเสียหายจากสงครามมากกว่าเพื่อนบ้านเช่นลาวและไทยเป็นอย่างมาก ใช้คำว่าหายนะทำลายล้างมาบรรยายก็ไม่เกินไป
แม้ว่าปี 1950 สงครามจะจบไปแล้วห้าปี แต่พม่าซึ่งภูเขาเยอะ ป่ารกชัฏ การคมนาคมเข้าไม่ถึง เศรษฐกิจก็ไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ แต่กลับเป็นเพราะทรัพยากรภายในประเทศถูกญี่ปุ่นปล้นไปอย่างหยาบโลนในช่วงสงคราม กลายเป็นยิ่งยากจนมากขึ้น
ตะขิ่น บา เตง ติน ในตอนนั้นอาศัยอยู่ในเขตภูเขารัฐฉานติดชายแดนพม่า ลาวและจีน ที่นี่ไม่ถูกไฟสงครามรุกราน แต่ชีวิตผู้คนนั้นยากลำบากมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยเขาใหญ่ก็ไม่มีทางดำรงชีวิตต่อไปได้แน่นอน
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ตะขิ่น บา เตง ตินที่ขาดเกลือซึ่งนั่นก็คือร่างกายที่อ่อนแอผิดปกติ เขาในวัยสิบแปดปีดูไปแล้วกลับเหมือนอายุสิบสองสิบสาม คนในบ้านต่างก็อาศัยภูเขาป่าไม้เด็ดสมุนไพรจำนวนหนึ่งไปขายข้างนอก จากนั้นไปแลกเป็นของใช้จำเป็นในชีวิตจำนวนหนึ่ง
ตะขิ่น บา เตง ตินจำได้แม่นว่าการมาถึงของกลุ่มคนยี่สิบกว่าคน ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีคนแค่ร้อยกว่าคนตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะคิดไม่ถึงว่าคนจีนพวกนี้จะนำสิ่งของที่พวกเขาขาดแคลนมากที่สุดอย่างเกลือมาเป็นจำนวนมาก
เงื่อนไขการแลกเปลี่ยนของคนพวกนั้นประหลาดอยู่บ้าง พวกเขาต้องการยืมสัตว์ลากจูงสี่สิบกว่าตัวของหมู่บ้าน และยังใช้แค่วันเดียว วันที่สองก็เอามาคืน
รัฐฉานกับเขตแดนยูนนานของจีนไม่มีเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจน คนทั้งสองประเทศจึงไปมาได้สะดวก ค้าขายไปมากันเป็นประจำ บวกกับชาวบ้านทั้งสองประเทศไร้เล่ห์เหลี่ยม ในสมองไม่มีคำว่าพ่อค้าหน้าเลือด
ดังนั้นธุรกิจจึงตกลงกันได้ราบรื่นมาก และตอนเย็นวันที่สอง คนจีนพวกนั้นก็เอาพวกล่อพวกม้ามาคืนตามที่สัญญาไว้ มีแค่ล่อม้าสามตัวที่ตกไปตายที่ระหว่างเขา พวกเขาก็ชดเชยเงินให้จำนวนหนึ่ง
ว่ากันตามปกตินี่ก็เป็นการทำธุรกิจธรรมดาครั้งหนึ่ง ไม่มีสิ่งที่น่าแปลกใจอะไร แต่สำหรับตะขิ่น บา เตง ตินซึ่งในตอนนั้นเป็นคนส่งล่อม้าให้ชาวจีน เหตุการณ์ที่เขาเห็นกลับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ง่ายดายขนาดนั้น
หลังจากที่นำล่อม้าไปส่งยังสถานที่ที่คนจีนกำหนดไว้ ตะขิ่น บา เตง ตินนึกอยากรู้อยากเห็น ตอนนั้นเดินไปได้ไม่ไกลกลับปีนไปบนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง สังเกตการกระทำของชาวจีนเหล่านั้นจากที่นั่น
เขาพบว่าชาวจีนพวกนั้นนำกล่องไม้สิบกล่องแขวนไว้บนหลังล่อม้าเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามของเขตเขาแห่งนี้ นั่นก็คือภูเขาปีศาจที่พอคนในพื้นที่ได้ยินต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ในใจของคนพม่า มีสถานที่สองแห่งที่ไม่สามารถเข้าไปได้ ที่หนึ่งคือ “เขาคนป่า” ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองมยิจีนาทางตอนเหนือของพม่า ที่นั้นเขาใหญ่ป่าทึบ ไข้มาลาเรียระบาด ว่ากันว่าเดิมทีเคยมีคนป่าปรากฏกายและหลบซ่อนอยู่ ดังนั้นพื้นที่ร้อยสิบกิโลเมตรโดยรอบก็กลายเป็นเขตไร้ผู้คน
ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น กองทัพที่จีนที่ หนึ่งแสนห้าพันนายเดินข้ามเขาคนป่าไปยังอินเดียเหลือเพียงแค่สามสี่พันคน แม้แต่เศษก็ไม่ถึง ในจำนวนทหารทั้งหมดหนึ่งแสนคนของกำลังรบนอกประเทศของจีนที่เข้าพม่าเพื่อร่วมสงคราม ณ ตอนนั้นทหารจีนที่พลีชีพในการสู้รบมีประมาณหนึ่งหมื่นกว่านาย แต่กลับมีห้าหมื่นนายตายที่เขาคนป่า
ดังนั้นเขาคนป่าจึงได้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก หลังสงครามแม้ว่านักวิชาการแต่ละประเทศจะเข้าไปทำการสำรวจศึกษา แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เลวร้ายมาก สุดท้ายต่างก็คว้าน้ำเหลวกลับไป
สถานที่ต้องห้ามอีกที่หนึ่งของพม่าก็คือเขาปีศาจซึ่งตั้งอยู่ในเขตรัฐฉาน ที่นั่นมียอดเขาซ้อนกัน ต้นไม้ใบหญ้าแน่นดุจทะเล บึงในป่าขยายไปไม่หยุด ลุ่มน้ำ เขาใหญ่ ป่าทึบ สัตว์ป่าดุร้ายอาละวาด ไข้มาลาเรียแพร่กระจาย รู้กันแค่ด้านในใจกลางรัฐฉาน โดยไม่ให้คนทั่วไปรับรู้
แต่สถานที่ในเขาปีศาจที่ทำให้คนกลัวไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ในเขามีถ้ำหินเยอะมาก ปากถ้ำจำนวนมากเหมือนช่องแคบระหว่างหุบเขาทั่วไป เมื่อเข้าไปจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่หลังจากเดินลึกเข้าไปด้านในก็จะพบในทันทีว่าตนเองได้เข้ามาในถ้ำแล้ว
ถ้ำเหล่านี้ตัดสลับกันคล้ายเขาวงกตทั่วไป และข้างในมีงูอนาคอนดาจำนวนมากซึ่งชอบที่มืดและเย็นอาศัยอยู่ ตาของงูอนาคอนดาเหล่านี้เกือบจะบอดสนิท แต่การรับกลิ่นและการได้ยินเสียงของพวกมันกลับรับรู้ได้ไวผิดธรรมดา หากมีอะไรขยับ เป็นไปได้มากว่าจะตกอยู่ในวงล้อมของงูอนาคอนดาจำนวนมาก
ดังนั้นหลังจากที่มีคนเข้าไป โดยพื้นฐานแล้วความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตรอดกลับมานั้นน้อยมาก สำหรับคนในพื้นที่รัฐฉาน การเข้าไปในเขาปีศาจอาจจะรอดชีวิตออกมาได้ แต่หากเข้าไปในถ้ำเหล่านี้โดยไม่ตั้งใจแล้ว นั่นมีแค่เส้นทางแห่งความตายเพียงอย่างเดียว
ชาวรัฐฉานที่เกิดใกล้เขาปีศาจ ตั้งแต่เล็กจะได้รับคำเตือนจากผู้ใหญ่ว่าห้ามเข้าไปในเขาเด็ดขาด แต่ก่อนตอนที่ตะขิ่น บา เตง ตินอายุสิบแปด เขาก็ไม่กล้าก้าวเท้าเข้าไปด้านในเขาแม้แต่ก้าวเดียว
ดังนั้นหลังจากที่เขาเห็นคนจีนพวกนั้นต้อนล่อม้าเข้าไปในเขา ปฏิกิริยาแรกคือหลังจากวันนี้ที่หมู่บ้านจะไม่มีปศุสัตว์ให้ใช้ไถไร่นากันแล้ว เพราะในความทรงจำของเขาไม่เคยมีคนหรือปศุสัตว์เข้าไปในเขาแล้วยังมีชีวิตออกมา
เพราะความอยากรู้อยากเห็น ตะขิ่น บา เตง ตินก็คอยจับตาดูอยู่ที่ที่มองเห็นทางเข้าของเขาปีศาจตลอด หนึ่งวันผ่านไปก็เกิดเรื่องที่ทำให้เขาตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนจีนพวกนั้นจะต้อนล่อต้อนม้าออกมาจากในเขา
ตะขิ่น บา เตง ตินที่ระมัดระวังพบว่าแต่เดิมทั้งหมดมีล่อม้าห้าสิบหกตัวกับคนยี่สิบแปดคนเข้าไป แต่เมื่อออกมากลับเหลือล่อกับม้าเพียงห้าสิบตัวกับคนยี่สิบห้าคน พูดได้ว่า ความสูญเสียของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้มีเพียงล่อม้าหกตัวกับคนสามคน
รอจนหลังจากพวกคนจีนเหล่านั้นคืนล่อม้า ชดใช้ค่าเสียหายแล้วจากไป หัวใจวัยหนุ่มของตะขิ่น บา เตง ตินก็ปั่นป่วนขึ้นในทันที คนจีนเข้าไปทำอะไรในเขาปีศาจ? ทำไมถึงออกมาอย่างปลอดภัย ความสงสัยเหล่านี้ทำให้เขาสับสนไม่หยุดมาตลอด
หลังจากนั้นสองปีก็เกิดสงครามกลางเมืองพม่า หมู่บ้านเล็กๆ บนเขาที่มีชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากก็ได้รับผลกระทบไปด้วย สิ่งของจำเป็นมากมายที่ได้จากภายนอกก็ยากที่จะได้รับอีก คนหนุ่มสาวจำนวนมากในหมู่บ้านออกจากภูเขาใหญ่ไปร่วมต่อต้านรัฐบาลทหาร
แต่ตะขิ่น บา เตง ตินไม่ได้ออกไป เขาเอาความลับที่เก็บอยู่ในใจสองปีไปเล่าให้เพื่อนสามคนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กฟัง
ตามสถานการณ์ที่ตะขิ่น บา เตง ตินสังเกตดู พวกเขาก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วมาก ด้านในกล่องที่คนจีนพวกนั้นถือต้องซ่อนสมบัติก้อนโตไว้แน่นอน และสมบัติเหล่านั้นเวลานี้ก็ซ่อนอยู่ในเขาปีศาจ
สุภาษิตกล่าวว่าเงินสามารถจับใจคน ถ้าได้สมบัติก้อนนั้น พวกเขาก็สามารถออกจากพม่าที่อัตคัดนี้ไปใช้ชีวิตที่ประเทศอื่น ภายใต้สิ่งล่อใจอันมหึมานี้ สุดท้ายพวกตะขิ่น บา เตง ตินก็ตัดสินใจเข้าไปในเขาปีศาจ!
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ตะขิ่น บา เตง ตินยากที่จะลืมเลือนไปชั่วชีวิต ถึงขนาดในระหว่างสี่สิบกว่าปีต่อมา เขาตกอยู่ในสภาพที่จิตใจไม่ปกติสุดขีดมาโดยตลอด จนกระทั่งพบกับคิตะมิยะ นาโอกิ หลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยยาครั้งหนึ่ง ตะขิ่น บา เตง ตินก็ค่อยๆ รื้อฟื้นเรื่องราวที่ถูกเขาปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาเกือบครึ่งกว่าศตวรรษ
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาฝ้าฟางคู่นั้นของตะขิ่น บา เตง ตินก็ฉายแววหวาดกลัว ปากหุบแน่นทันที สองมือปัดป่ายอยู่กลางอากาศ ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ไปให้พ้น เจ้าปีศาจ ไปให้พ้นจากฉันเลย!”
“บ้าเอ้ย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย” ในช่วงเวลาสำคัญนี้จู่ๆ ตะขิ่น บา เตง ตินก็ปิดปากไม่พูด คิตะมิยะ ฮิเดโอะโมโหทันทีจนลุกขึ้นยืน แทบอยากจะยื่นมือทั้งสองข้างไปบีบคอตะขิ่น บา เตง ติน
ต้องเข้าใจว่านี่เป็นข้อมูลที่มีค่าที่สุดที่ได้ยินในรอบเกือบห้าสิบปีที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะตามหาทองกองนี้
……
ตอนที่ 491 ภูเขาปีศาจ (2)
โดย
Ink Stone_Fantasy
“หัวหน้า สติของเขาไม่ค่อยดี จำเป็นต้องฉีดยากล่อมประสาทให้เขา!”
คิตะมิยะ นาโอกิรู้ตั้งนานแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น รีบหยิบเข็มกล่อมประสาทจากกล่องโลหะขนาดเล็กที่เขาพกติดตัวมา หลังจากนั้นให้อีกสองจับตัวของตะขิ่น บา เตง ตินไว้ แล้วเขาก็ฉีดยาเข้าไปที่แขนของเขา
การฉีดยานี้ ผ่านไปหนึ่งนาทีกว่า แววตาของตะขิ่น บา เตง ตินก็ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา แต่ความกลัวในตาก็ค่อยๆ ลดลง เขาทำปากขมุบขมิบเป็นเวลานานไม่ได้พูดอะไร
“เทน้ำให้เขาสิ!”ในตอนนี้คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ได้ใจเย็นลง เขาก็รู้ว่า ตะขิ่น บา เตง ตินยู่ในที่เรียกว่าเขาภูตผีปีศาจ จะเจอตัวอะไรกันแน่ ผ่านไปครึ่งศตวรรษมันก็ยากที่จะลืม
“ตอนที่พวกเราเพิ่งเข้ามาในภูเขา ทุกอย่างดูเงียบสงัดมาก…”หลังจากดื่มน้ำเย็นจากคิตะมิยะ นาโอกิส่งให้ ตะขิ่น บา เตง ตินก็เพิ่มความกล้าหาญของเขา แล้วเล่าประสบการณ์ครึ่งศตวรรษเมื่อครู่ต่อไป
ตะขิ่น บา เตง ตินและพรรคพวกของเขาสามคน ไม่เคยเข้ามาในเขาภูตผีปีศาจ เมื่อพวกเขาเข้าไปในปากทางเข้าหุบเขา ก็พบว่าภูเขาเงียบสงบมากป่าที่หนาทึง และดูไม่ต่างจากภูเขาลูกอื่น
และนี่ก็ทำให้พวกของตะขิ่น บา เตง ตินรู้สึกอารมณ์เริ่มผ่อนคลายลง และเดินเข้าไปในภูเขาต่อ
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ เป็นป่าดงดิบที่ไม่มีมนุษย์คนไหนพิชิตได้ เดิมทีไม่มีถนนหนทางเลย ก่อนหน้านี้สองปีมีร่องรอยของคนจีนเข้ามา แต่ดูเหมือนว่าจะถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่หนาบนพื้นดิน
เพราะคำบรรยายที่แปลกประหลาดและน่ากลัวของบรรพบุรุษที่มีต่อเขาภูตผีปีศาจ ทุกครั้งที่เดินไปสามถึงห้าเมตร ต้องใช้มีดทำสัญลักษณ์บนต้นไม้ เพื่อไม่ให้หลงทางบนภูเขา
ภูเขาที่นี่ไม่สูงชัน ในทางตรงกันข้ามกลับแบนราบ และช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างต้นไม้ไม่น้อย รถก็ยังสามารถผ่านไปได้ แค่ตรงกลางจะมีพวกหญ้าขึ้นเต็มไปหมดก็เท่านั้น ตะขิ่น บา เตง ตินและพรรคพวก และชาวจีนที่เข้ามาในภูเขาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็เดินไปตามเส้นทางนี้
และที่พวกเขาคาดไว้ก็ถูกต้อง เพราะเมื่อพวกเขาเดินออกไปประมาณหนึ่งไมล์ ทันใดนั้นตะขิ่น บา เตง ตินรู้สึกว่าวัตถุแข็งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เท้าที่มีรองเท้าฝารองรับรู้สึกเจ็บไปหมด
จากนั้นก็เปิดใบไม้ที่หนาๆ ดู วัตถุขนาดเล็กใหญ่สีเหลืองส้มปรากฎต่อหน้าของทุกคน
“ทองคำ ต้องเป็นทองคำแน่!” แม้ว่าสีของทองคำโลหะสี่เหลี่ยมนี้จะไม่เงาอยู่บ้าง ต่อให้พวกตะขิ่น บา เตง ตินจะไม่เคยเห็นทองคำมาก่อน แต่เมื่อครั้งแรกที่เห็น ก็มีความคิดนี้โผล่ขึ้นมา
ตามวิธีการสอนโดยคนรุ่นเก่า ตะขิ่น บา เตง ตินเอาทองคำที่มีออกซิเดชันอยู่ผิวนอกของตัววัตถุเข้าในปาก และกัดอย่างแรง หลังจากกัดแล้ว บนทองคำนั้น ก็จะมีรอยฟันที่จางๆ ติดอยู่
ต้องรู้ว่า ทองคำนั้นค่อนข้างอ่อน ต่อให้ใช้ตะปูขีดข่วนรอยบนทองคำจริง ทองคำที่มีคุณภาพสูงมากจะทิ้งร่องรอยไว้เล็กน้อย การทดลองของตะขิ่น บา เตง ตินพิสูจน์ได้ว่า พวกเขาได้ทองคำนั้นแล้ว
การค้นพบครั้งนี้ ทำให้พวกตะขิ่น บา เตง ตินดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่า ทองคำก้อนนี้ก็คือทองคำที่พวกคนจีนขนมา แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงตกที่นี่เพียงก้อนเดียว โชคดีที่พวกเขาได้มันแล้ว
แม้ว่าสกุลเงินของทุกประเทศในโลกจะแตกต่างกันในเวลานั้น แต่ทองคำ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ประเทศไหน ต่างก็เป็นเงินตราสกุลแข็ง ทองคำดังกล่าวมีน้ำหนักเกือบสองกิโลกรัม ตามมาตรฐานการครองชีพในพม่าในเวลานั้น ก็เพียงพอสำหรับพวกเขาสองสามคนที่จะใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในเวลาสิบกว่าปี
แต่ความโลภของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด พวกตะขิ่น บา เตง ตินถึงจะรู้ดีว่าทองคำก้อนนี้มีมูลค่ามาก แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังปรารถนา ที่จะหาความมั่งคั่งที่พวกคนจีนซ่อนไว้ เมื่อนึกถึงทรัพย์สมบัติอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาค้นพบนั้น ทั้งสองสามคนถึงกับสั่นเทาไปทั้งตัวและดีใจมาก
ทองคำที่อยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาลืมว่าตัวเองยังอยู่ที่กลางหุบเขาภูตผีปีศาจ หลังจากตะขิ่น บา เตง ตินเก็บทองคำได้แล้ว ทุกคนก็ได้ตัดสินใจที่หาทองคำที่เหลือให้เจอโดยไม่ต้องปรึกษากันเลย
แล้วก็เดินเข้าไปในภูเขาต่อ ทุกคนก็พูดคุยกันอย่างเมามัน หลังจากที่พวกเขาหาทองคำเจอ ทุกคนต่างก็พูดว่าจะไปแต่งเมียสามคน หรือเอาไปแต่งเมียห้าคนดี ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขและคึกคัก ทั้งหมดไม่รู้เลย พวกภูตปีศาจต่างก็โบกเคียวใส่พวกเขาอยู่
ต่อมาก็มีม้าล่อที่ผ่านมาทางนี้ ชายหนุ่มหลายคนที่ตกตะลึงหมกมุ่นความปรารถนา ไล่ตามมันไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้เข้าไปในหุบเขาภูตผีปีศาจที่ลึกสุดแล้ว
เมื่อตะขิ่น บา เตง ตินรู้สึกว่าดวงอาทิตย์อยู่เหนือเขาดูเหมือนจะไม่เปล่งแสงและความร้อนออกมาอีก ถึงรู้สึกได้ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และเข้ามาในถ้ำที่กว้างใหญ่มาก
ถ้ำแห่งนี้มีความสูงประมาณ 20 เมตรและภูเขาด้านบนนั้นบางมาก ก้อนหินหลายที่ได้มีการแตกออกมา แสงแดดบางๆ ยังคงส่องแสงลอดถ้ำ นี่เป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน
เมื่อคิดถึงการกำชับของเหล่าบรรพบุรุษ รู้สึกถึงความมืดมนในถ้ำที่แสงสลัวอยู่แล้ว พวกตะขิ่น บา เตง ตินก็ขนลุกชู่ขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าด้านหน้าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น
แต่เมื่อนึกถึงทองคำที่เอวของตะขิ่น บา เตง ติน บวกกับคนจีนเหล่านั้นก็ออกมาจากภูเขาซึ่งไม่เป็นอันตราย ในที่สุดความกล้าของพวกเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง จุดไฟเตรียมพร้อมแล้ว ก็เดินเข้าไปในถ้ำต่อ
อาจเป็นเพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตและพืชในถ้ำ หลังจากเดินเข้าไปอีก 50 หรือ 60 เมตรแล้ว พวกเขาพบว่า ก็มีร่องรอยของคนทิ้งไว้เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ บางที่ก็มีน้ำขัง จู่ๆ ก็เห็นรอยเท้าของม้าล่ออย่างชัดเจน จึงทำให้พวกของตะขิ่น บา เตง ตินดีใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่ก้อนหินด้านบนแตกและสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ได้ จู่ๆ ก็พบว่า ทางด้านหน้าของพวกเขา ก็มีทางแยกที่ปรากฎขึ้นสามารถไปได้ทุกๆ ทาง ทางแยกนี้ล้อมรอบไปด้วยน้ำที่ขัง ก่อตัวเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ กลางทางแยกตรงนั้น กลายเป็นเวทีเล็กๆ ที่ตั้งอยู่โดดๆ มีพื้นที่ประมาณยี่สิบกว่าตารางเมตร
ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องมาจากด้านบน ทำให้พวกตะขิ่น บา เตง ตินพบว่า บนเวทีเล็กๆ นั้น จู่ๆ ก็มีกล่องทำจากไม้ไผ่หวายและพวกไม้ 40 หรือ 50 กล่อง
อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ชื้น กล่องไม้จำนวนมากได้เน่าเปื่อย ในไม้ที่แตกออก ตะขิ่น บา เตง ตินก็เห็นแสงสีทองที่สว่างอยู่ข้างในนั้นได้ชัดเจน
ขุมทรัพย์ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า ตะขิ่น บา เตง ตินและพรรคพวกก็อดไม่ได้ ทิ้งไฟลงไปในบ่อน้ำ รีบแย่งกันไปที่เวทีเล็กๆ สูงๆตรงนั้น
ในใจของตะขิ่น บา เตง ตินถึงแม้จะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่การเดินทางในครั้งนี้เขาเป็นคนที่เริ่มต้นขึ้น ในใจจึงเกิดความระมัดระวังตัวมากขึ้น ในขณะที่เพื่อนร่วมทางกระโดดโลดเต้นเข้าไปในบ่อน้ำ เขาก็ถือคบเพลิงยืนอยู่บนบก ไม่ได้ลงไปกับพวกเขา
และเป็นเพราะการระมัดระวังของตะขิ่น บา เตง ตินนี้ ถึงรักษาชีวิตเขาไว้ได้ เพราะคนนั้นที่วิ่งไปเวทีเล็กๆ เร็วที่สุด ก็เกิดตกใจขึ้น
ชายผู้ก้าวเท้าลงบนแท่นด้วยเท้าข้างหนึ่ง จู่ๆ ก็ตกลงไปในแอ่งน้ำโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า และแม้แต่ฟองคลื่นก็ยังไม่ได้พัดมา จู่ๆ ก็หายเข้าไปในน้ำแล้ว
ต้องรู้ว่า บ่อน้ำแห่งนี้ลึกแค่เอวเท่านั้น ในขณะที่คนยืนเป็นไปไม่ได้ที่จะท่วมเลยคอ ทันใดนั้นเหตุการณ์นี้ได้ทำให้ใบหน้าของตะขิ่น บา เตง ตินที่ยิ้มอยู่บนฝั่งถึงกับตกตะลึงทันที
ฉากที่อยู่ด้านหน้านี้ คนที่เหลือที่อยู่ในบ่อน้ำสองคนกลับไม่รู้สึกตัว ความสนใจของพวกเขาพุ่งไปที่ขุมทรัพย์ทองคำและเงินที่อยู่บนเวที ในขณะที่ตะขิ่น บา เตง ตินส่งเสียงเรียกออกมา พวกเขาเหมือนกับคนที่หนึ่ง แม้แต่ร้องตะโกนออกมาหนึ่งคำก็ไม่มี แล้วจึงหายไปในน้ำ สองมือคว้าตะเกียกตะกายออยู่บนผิวน้ำแค่สองสามครั้ง
“อ๊า!”
มีหัวหนึ่งโผล่ออกมาจากผิวน้ำ หลังจากที่ส่งเสียงตกใจออกมา มันเหมือนกับถูกลากลงโดยมืออันใหญ่ของปีศาจ นี่เป็นคนแรกที่ประสบอุบัติเหตุในแอ่งน้ำ
แอ่งน้ำนี้ถึงแม้จะใสจนมองทะลุได้ และแสงสว่างที่สาดส่องลงมาบนหัว ตะขิ่น บา เตง ตินที่ยืนอยู่ด้านบนก็ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ความหวาดกลัว ทำให้ตัวของเขาแข็งทื่อ แม้แต่ความคิดที่จะหลบหนีนี้ก็ไม่ได้โผล่ขึ้นมา
ในสายตาของตะขิ่น บา เตง ตินเดิมทีในน้ำนั้นไม่มีตัวอะไรเลย แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็มีเงายาวและร่างกำยำหลายสิบตัว พวกมันเหมือนมังกรเจียวหลง กลิ้งไปมาในสระน้ำ หางใหญ่ๆ โผล่ออกมาผิวน้ำเป็นครั้งคราว มากระทบกับผิวน้ำ
ตะขิ่น บา เตง ตินสะบัดฝันร้ายนี้ไม่ลงนานกว่าครึ่งศตวรรษ เป็นเพราะเขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขาอย่างชัดเจน แม้แต่ฉากของสามคู่หูก็โดนงูอนาคอนดาตัวนั้นกัด ก็เห็นได้อย่างชัดเจน
จนถึงตอนนี้เขายังจำได้ ดวงตาที่สยดสยองและไร้ประโยชน์ของสหายเหล่านั้นที่อยู่ใต้น้ำ เงาที่เหมือนปีศาจ พันและกดทั้งสามคนตลอดเวลา ในท้ายที่สุดมันก็ดันลูกกระตาที่แข็งๆ ของทั้งสามคนออกมา ร่างกายที่เสมือนเป็นอัมพาตที่ลอยขึ้นเหมือนวัชพืชที่อยู่บนผิวน้ำ
จนถึงตอนนี้ งูอนาคอนดาเหล่านั้นเริ่มกินศพของทั้งสามคน งูอนาคอนดาอ้าปากกว้างและแบ่งกินส่วนแขนขาและหัวตามลำดับ ด้วยความพยายามทั้งหมด สระทั้งหมดก็กลายเป็นสระเลือด และตะขิ่น บา เตง ตินก็ไม่ได้เห็นสภาพน้ำที่ใสๆ อีก
ทันใดนั้นราวกับมีลมพัดเข้าตะขิ่น บา เตง ตินสั่นเทาไปหมด เมื่อสมองได้ฟื้นขึ้น หลังจากที่ควบคุมตัวเองได้ เขาก็ไม่กล้าที่จะหันไปมองที่บ่อน้ำ หันหลังกลับและหนีออกมา
ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะปีศาจที่กำลังกัดกินอาหารอยู่หรือไม่ ที่ด้านหลังของตะขิ่น บา เตง ตินก็ไม่มีงูอนาคอนดาตามา และในสมองของเขาก็มีแค่ความคิดที่จะหลบหนี จู่ๆ ก็หนีออกจากถ้ำปีศาจได้สำเร็จ และมาปรากฏตัวบนพื้น
แค่ได้สัมผัสกับแสงแดด ตะขิ่น บา เตง ตินก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เรื่องที่เหลือเขาก็ไม่รู้แล้ว และตัวเองก็ไม่รู้กลับมาที่หมู่บ้านเล็กๆในภูเขาได้อย่างไร
……
ตอนที่ 492 เดินทางมาถึงก่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
จากนี้ไปอีกสิบกว่าปีข้างหน้า ความกลัวนั้นก็จะติดตามชีวิตของตะขิ่น บา เตง ตินมาโดยตลอด สภาพจิตใจของเขาเกิดความผิดปกติบ้างมีสติบ้างเป็นบางเวลา จึงทำให้เขาเหมือนเป็นคนบ้าๆ บอๆ วิ่งเพ่นพ่านอยู่ในหมู่บ้านทุกวัน
ในเวลาตอนที่รู้ตัว ตะขิ่น บา เตง ตินรู้สึกเสียใจ เสียใจกับความโลภที่ทำร้ายตัวเองและเพื่อนสนิท สุดท้ายเพื่อนสนิททั้งสามก็ต้องเสียชีวิต และทองคำที่พันอยู่รอบเอวนั้นก็ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไร
เวลาที่ตะขิ่น บา เตง ตินเกิดจิตฟั่นเฟือน ก็จะชอบตะโกนเสียงดังว่าในภูเขานั้นมีทองคำและปีศาจอยู่ ทองคำทั้งหมดนั้นเจ้าปีศาจสร้างขึ้นมา พวกมันจะสามารถกลืนกินคนเป็นๆ ลงไปในท้องได้
ตามตำนานเล่าขานของโบราณบวกกับวิธีการพูดของตะขิ่น บา เตง ตินแล้วจะมีใครหน้าไหนกล้าเข้าไปในภูเขาปีศาจอีก? อย่าว่าแต่เรื่องทองคำที่พูดออกมาจากปากของคนบ้าคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นเรื่องจริง สภาพน่าเวทนาของตะขิ่น บา เตง ตินก็มากพอที่จะทำให้คนเห็นภูเขาปีศาจแล้วก็ต้องถอยกลับทันที
ถ้าหากว่าไม่ใช่หลังจากนี้อีกสิบกว่าปี คำพูดบ้าๆ บอๆ ของตะขิ่น บา เตง ตินได้ถูกคิตะมิยะ นาโอกิได้ยินเข้า บางทีเขาอาจจะยังโทษตัวเองและจมอยู่กับความเสียใจและความหวาดกลัวที่ไม่อาจถอนตัวได้
“ตะขิ่น บา เตง ติน ตอนที่นายพบทองคำข้างบนนั้นมีตัวหนังสืออะไรไหม?”
หลังจากฟังการบรรยายของตะขิ่น บา เตง ตินจบแล้ว ดวงตาของคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็เป็นประกายขึ้นมา เขาเกือบจะแน่ใจว่า ทรัพย์สินและทองคำพวกนั้นของตระกูลตัวเองที่หายไป ถูกซ่อนอยู่ภายในภูเขาปีศาจ
ต้องรู้ว่า อยู่ในพม่าตามหามาแล้วหลายปีแล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับภูเขาปีศาจ หนำซ้ำยังเคยส่งคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปค้นหาในภูเขา เพียงแต่คนที่เขาทยอยส่งไปสิบกว่าคนนั้น ไม่มีใครมีชีวิตรอดกลับมาแม้แต่คนเดียว
คนที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะส่งไป ล้วนเป็นคนฝีมือดีติดอาวุธพรั่งพร้อมและกำลังใจก็ฮึกเหิมของตระกูล คาดไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้ย่อยยับทั้งกองทัพเมื่ออยู่ในภูเขา จึงทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะคิดว่าที่นั่นคือสถานที่อันตราย คนจีนจึงไม่สามารถเข้าไปและซ่อนของทองคำได้อย่างแน่นอน
บวกกับตะขิ่น บา เตง ตินที่บ้าๆ บอๆ วิ่งร่อนไปทั่วนั้น จึงไม่ถูกคนในตระกูลคิตะมิยะค้นพบเข้า ดังนั้นจนถึงตอนนี้ คิตะมิยะ ฮิเดโอะเพิ่งจะได้ข่าวที่แน่นอนของสมบัติและทรัพย์สินก้อนนั้น
“ผมไม่รู้จักตัวหนังสือ แต่ว่าพวกลวดลายคดๆ งอๆ ที่อยู่บนภาพวาดเหล่านี้!” ตลอดชีวิตของตะขิ่น บา เตง ตินไม่เคยได้ออกจากหมู่บ้านบนภูเขานั้นเลย และเนื่องจากถูกปิดกั้นด้านข่าวสาร กระทั่งคนญี่ปุ่นเคยยึดครองพม่าทั้งหมดเขาก็ยังไม่รู้ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้จักตัวหนังสือญี่ปุ่นไหม
“คุณวาดภาพออกมาได้ไหม?” เสียงของคิตะมิยะ ฮิเดโอะสั่นเครือเล็กน้อย ถึงแม้ภายในใจเขาจะมั่นใจแล้วว่าตะขิ่น บา เตง ตินเคยเห็นทองพวกนั้น มันได้หล่นหายไปตอนอยู่ที่พม่า แต่กลับตามหามากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีก
“ได้สิ!”
ช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ ในหัวของตะขิ่น บา เตง ตินจะนึกถึงพวกทองคำกับงูอนาคอนดายักษ์ ลวดลายที่อยู่บนทองคำ เขาได้จดจำอยู่ภายในใจได้อย่างแม่นยำ ตอนที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะยื่นกระดาษกับปากกาให้เขา จากนั้นเขาก็ลงมือวาดมันขึ้นมา
“โชวะ?!”
ถึงแม้ว่าตะขิ่น บา เตง ตินจะวาดภาพขยุกขยิกไปมาบนกระดาษ แต่ว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะมองปราดเดียวก็จำได้ ตัวหนังสือสองตัวที่อยู่ด้านบนนั้นก็คือ “โชวะ” อีกทั้งยังเป็นรัชสมัยของจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงเหม็นฉาวโฉ่ท่านนั้นที่เปิดฉากการรุกรานของกองทัพญี่ปุ่นในตอนนั้น
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง คนญี่ปุ่นมีนิสัยเคยชินอย่างหนึ่ง นั้นก็คือหลังการปล้นสะดมทองคำและเครื่องเงินเหล่านั้น พวกเขาก็จะนำทองคำเหล่านั้นไปหลอมละลาย หลอมทั้งหมดให้กลายเป็นเหมือนทองคำแท่งเล็กใหญ่ จากนั้นก็ขนกลับไปยังญี่ปุ่นถิ่นฐานเดิม
เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงความแจ่มแจ้งถึงฐานะที่สูงส่งของจักรพรรดิญี่ปุ่นและกำลังทหารของพวกเขา บนทองคำเหล่านี้จะถูกสลักชื่อรัชสมัยของ “จักรพรรดิโชวะ” หลังจากที่ได้เห็นตัวหนังสือสองตัวนี้แล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงไม่เกิดความสงสัยใดๆ อีก
“สิ่งที่ผมรู้ก็พูดออกมาหมดแล้ว ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไร?”
ต่อให้ตะขิ่น บา เตง ตินจะต้องโง่มากกว่านี้ ก็สามารถดูออกว่า เป้าหมายของคนพวกนี้ก็คือทองคำเหล่านั้น ทว่าตอนนี้ความปรารถนาที่จะได้ทรัพย์สินเหล่านั้นของเขานั้นได้หายไปนานแล้ว เพียงแค่คิดว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้นเพื่อเลี้ยงดูตัวเองยามแก่เฒ่า
“ตะขิ่น บา เตง ติน คุณไปพักผ่อนได้แล้ว วางใจได้ ไม่ช้าพวกเราจะส่งคุณกลับไปโดยเร็วที่สุด!” ใบหน้าที่เคร่งขรึมของคิตะมิยะ ฮิเดโอะได้เป็นการทำสัญญากับให้กับตะขิ่น บา เตง ติน จากนั้นจึงส่งสัญญาณให้คิตะมิยะ นาโอกิให้หาคนส่งเขากลับไป
“หัวหน้าครับ พวกเราควรที่จะ?” หลังจากให้ลูกน้องนำตะขิ่น บา เตง ตินออกไปจากห้อง คิตะมิยะ นาโอกิก็ทำท่าบางอย่างที่ลำคอ
“บากะ (ไอ้โง่) เมื่อกี้ที่ฉันพูดแกไม่ได้ยินหรือไง?”
ของคิตะมิยะ ฮิเดโอะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ตบเข้าไปที่หน้าของคิตะมิยะ นาโอกิ พลางสั่งสอนเสียงดังว่า “มันเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าไปในเขาปีศาจและรอดชีวิตกับมาได้ ถ้าพวกเราอยากได้ทองคำพวกนั้น ก็จำเป็นต้องยืมใช้ตัวมันก่อน หรือว่าแกอยากจะฆ่ามันให้ตายนักใช่ไหม?”
“รับทราบ(ไฮ) ผมบุ่มบ่ามไปหน่อยครับ!” ถึงแม้ว่าปากจะมีเลือดซิบ แต่ว่าคิตะมิยะ นาโอกิก็ไม่กล้าเอามือไปเช็ด สองเท้าชิดกันก้มหน้า และยืดหน้าอกตรง
ที่ญี่ปุ่น ไม่สนว่าจะเป็นเขตทหารรัฐบาลหรือครอบครัวของประชาชนทั่วไป จะมีนิสัยอย่างหนึ่งคือไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องหรือหัวหน้ากับลูกน้องก็จะใช้วิธีตบหน้าสั่งสอนจนเคยชิน เพื่อที่จะบอกว่าพวกเขานั้นไม่รู้จักเจียมตัว หลังจากที่ถูกตบหน้าสั่งสอนแล้ว จะไม่อนุญาตให้หลบเด็ดขาด อีกทั้งยังจำเป็นต้องยืดอกตั้งตรงและก้มหน้า
คนญี่ปุ่นคิดว่า สิ่งที่สูงส่งที่สุดคือศีรษะของคนเรา คำขอโทษของคุณ ถ้าศีรษะยิ่งก้มต่ำลงมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นในละครหรือชีวิตจริง สิ่งที่ทให้คนมีความทรงจำที่ลึกซึ้งของคนญี่ปุ่น ก็คือเป็นเพราะว่าภาพลักษณ์ของการตบหน้าสั่งสอนอย่างหนักหน่วง
“หัวหน้าครับ ตามที่ตะขิ่น บา เตง ตินได้บอกไว้ ภูเขาปีศาจนั้นมีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง พวกเราต้องระวังตัวเป็นพิเศษเช่นกัน!”
หลังจากที่เห็นน้องชายลูกพี่ลูกน้องโดนตบ คิตะมิยะ ฮิโคโตชิจึงรีบประเด็นพูดทันที เมื่อครู่การบรรยายของตะขิ่น บา เตง ตินก็ทำให้เขาอกสั่นขวัญหายเช่นกัน ในหัวจึงจิตนาการภาพที่งูอนาคอนดายักษ์กินคนเป็นๆ เป็นอาหาร
และคนของตระกูลคิตะมิยะที่มาในครั้งนี้นั้นล้วนแล้วมีความกล้าหาญฮึกเหิม คิตะมิยะ ฮิโคโตชิก็กลัวว่าจะทำให้แผนของตระกูลคิตะเสียหาย แม้ว่าเขาจะรับช่วงต่อจากหัวหน้า แต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย
พวกคนในพื้นที่ไม่รู้ประสาเหล่านี้ พวกเธอก็เชื่อในเทพพระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ด้วยอย่างนั้นหรือ
คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่ได้ไว้หน้าให้แก่บรรพบุรุษของตัวเองแม้แต่น้อย “คิตะมิยะ นาโอกิ ทันใดนั้นก็รับไปจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็นและยาที่สำคัญไว้สำหรับการเข้าไปในภูเขา พรุ่งนี้เช้า ทุกคนมาเจอกันที่รัฐฉาน นี้เป็นโอกาสที่จะได้เชิดหน้าชูตาของตระกูลคิตะมิยะ!”
“ครับ!” เมื่อครู่ถูกตบสั่งสอนไปอีกครั้ง จึงทำให้คิตะมิยะ นาโอกิใจลอยไปบ้าง และไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อวาโสที่อยู่ตรงหน้าอีกเลย หลังจากที่ตอบรับแล้วนั้น จึงรีบเดินออกไปจากห้อง จนกระทั่งคิตะมิยะ ฮิโคโตชิส่งสายตาให้เขาก็ยังไม่เห็น
สุภาษิตกล่าวไว้ว่า มีเงินทำอะไรก็คล่องตัว ภายใต้เงินมหาศาล การเตีรบมงานจึงเสร็จอย่างรวดเร็ว คิตะมิยะ นาโอกิได้รวบรวมรถออฟโรดกว่าสามสิบคันมุ่งหน้าตรงไปยังรัฐฉาน และคนในตระกูลคิตะมิยะ ก็นั่งรถบัสเข้าไปในเช้าของวันที่สอง
…
ขณะที่คิตะมิยะ นาโอกิเดินทางมาถึงพม่าพร้อมกับหาคนไปช่วยล่าสมบัติ ส่วนเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ที่กำลังขับรถหุ้มเกราะมุ่งหน้าไปทางตองยี
อีกทั้งพื้นที่ของพม่าล้วนแล้วแต่เป็นภูเขาเสียส่วนใหญ่ ภูมิประเทศเป็นลักษณะทิศเหนือสูงทิศใต้ต่ำ ทางทิศตะวันออกจึงเป็นที่ราบสูงรัฐฉาน และยังเรียกอีกอย่างว่ายอดเขาคากาโบราซีที่สูงที่สุดในพม่า เส้นทางค่อนข้างที่จะเดินทางลำบาก ถ้าเกิดว่าไม่ได้ยืมรถหุ้มเกราะนี้มาแล้วล่ะก็ กลัวว่าจะไปไม่ถึงตองยีต้องเสียเวลาอีกสองสามวัน
วันที่สองแสงยามค่ำคืนกำลังใกล้เข้ามา เยี่ยเทียนและพรรคพวกเพิ่งจะมาถึงตองยีทางใต้ที่มีระยะห่างจากทะเลสาบอินเลสิบกิโลเมตร
“เจ้านาย วันนี้พวกเราก็ตั้งแคมป์พักในป่านี้ก่อนแล้วกัน ของพวกนี้ทิ้งไว้ข้างนอกไม่ค่อยปลอดภัย”
มาราไกย์ที่เอารถหุ้มเกราะจอดไว้ไม่ไกลจากทะเลสาบอันเลในซอกหุบเขา รถของเขาเป็นเหมือนคลังแสงขนาดเล็ก ถึงแม้ว่าจะมีใบอนุญาตที่ออกโดยนายพลปอกาง แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าปลอดภัยมาก ถ้าเกิดว่ามีคนพบเห็นแล้วก็ พวกเขาก็จะเดินทางในพม่าลำบากเช่นกัน
เยี่ยเทียนพยักหัว หลังจากที่ดูแผนที่เรียบร้อยแล้ว พูดว่า “พรุ่งนี้พวกเราเราจะมุ่งหน้าไปทางดังหยางในเขตรัฐฉาน วันเดียวน่าจะไปไม่ถึง พวกเราพักระหว่างทางสักวัน”
ถึงแม้ว่าหัวหน้ากองทัพรัฐฉานคุณซาได้ยอมจำนน ขบวนรถของพวกเขาจะไม่ถูกรบกวนโดยกบฏรัฐฉาน แต่เมื่อยิ่งใช้เส้นทางของรัฐฉาน เส้นทางก็ยิ่งขรุขระ เยี่ยเทียนใช้ระยะเวลาสองวันในการเดินทาง นี่คือการมองโลกในแง่ดีที่สุดแล้ว
หลังจากที่วางแผนการเดินทางกับมาราไกย์เรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนก็ขับรถเดินทางไปยังทะเลสาบอันเล หลายปีมานี้มีการทำสงครามอย่างต่อเนื่อง เจ้าพ่อค้ายามากมายหรือพวกมหาเศรษฐีพาหนะที่ใช้ในการโดยสารส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถหุ้มเกราะ เพราะฉะนั้นรถหุ้มเกราะของเยี่ยเทียนก็ไม่ได้เป็นที่ดึงดูดสายตาคนอื่นสักเท่าไร
ทะเลสาบมีพื้นที่ครอบคลุมใหญ่มาก มีเกาะลอยจำนวนมากที่เกิดจากการสะสมของพืชน้ำที่ผุพังในน้ำทะเลสาบ ชาวบ้านสร้างบ้านบนเกาะลอยเพื่อให้แขกได้เยี่ยมชมและพักอาศัย ก่อตัวเป็นภูมิทัศน์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นที่ดึงดูดและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่อยากมาเที่ยวชมไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากทานอาหารประจำท้องถิ่นของพม่านิดหน่อย ยามราตรีก็ปกคลุมไปทั่ว แต่ทะเลสาบอันเลกลับมีแสงไฟสว่างออกมา ชาวบ้านเผ่าอินทาในท้องถิ่นจุดไฟบนเกาะลอย มีการแสดงการพายเรือสำหรับแขกที่อาศัยอยู่บนเกาะ จนกระทั่งตกกลางคืนทะเลสาบก็กลับสู่ความเงียบสงบขึ้นมา
เช้าของวันที่สองเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ออกจากทะเลสาบอันเล มุ่งหน้าไปยังรัฐฉาน ในเวลาเดียวกัน เส้นทางไปยังตองยีส่วนใหญ่จะเป็นจะถึงพื้นที่ราบของมัณฑะเลย์ กองทัพทหารขนาดใหญ่ก็เริ่มกำลังเดินทางไปยังพม่า
แต่ว่าระยะห่างของมัณฑะเลย์และระยะห่างของรัฐฉาน ค่อนข้างใกล้กว่าตองยี ตอนที่เยี่ยเทียนเดินทางได้ครึ่งทางก็ตั้งค่ายพักแรม รถออฟโรดสามสิบหรือสี่สิบคันได้รวมตัวกันในพื้นที่ภูเขาในดังหยางของรัฐฉาน แต่ที่นี่คือที่เดียวกันกับหมู่ในภูเขาที่ตะขิ่น ตะ เตง ตินอาศัยอยู่
กองทัพทหารขนาดใหญ่กว่าร้อยชีวิต ทำให้หมู่บ้านในภูเขาเกิดความคึกคักขึ้นมา แต่ว่าเมื่อได้ยินว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะจะมาทำลายคำสาปของภูเขาปีศาจและบุกยึดสิ่งของเหล่านั้น ชาวบ้านพวกนี้ต่างยกย่องให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะและพรรคพวกเป็นแขกผู้เกียรติ ไม่มีการขัดค้านของการมาเยือนของพวกเขา
“หัวหน้า ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว พวกเราต้องเริ่มเข้าไปในภูเขาพรุ่งนี้เช้า?”
เมื่อมองไปยังทางเข้าภูเขาผีปีศาจที่มืดสนิทจากที่ไม่ไกล และไม่รู้ด้วยเพราะเหตุใด ภายในใจของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าให้เขาเลือกแล้วละก็ เขาก็จะพาทุกคนหันหลังกลับ ไม่มีทางที่จะเข้าไปในนั้นเด็ดขาด
คิตะมิยะ ฮิเดโอะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “กองทัพทหารกลุ่มหนึ่ง ที่ฉีดพ่นกำมะถันไปตามริมทางเดิน ส่วนคนที่เหลือ พรุ่งนี้เริ่มเดินทางขึ้นเขากันแต่เช้า”
……
ตอนที่ 493 นักรบที่กล้าหาญ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ความยามค่ำคืนย่างกรายมาถึง เสียงดังเอะอะครึ่งค่อนวันในหมู่บ้านก็กลับสู่ความเงียบสงบ
เต็นท์นับสิบกว่าหลังได้ตั้งขึ้นบริเวณรอบหมู่บ้านในภูเขา โอบล้อมหมู่บ้านขึ้นมา และบริเวณรอบป่าก็มีร่างเงาของพวกคนญี่ปุ่น คอยสังเกตแสงสว่างของไฟให้คนในหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด
มีเต็นท์ที่มีลักษณะคล้ายชาวมองโกเลียอันหนึ่งที่สูงราวสามเมตร ปูด้วยพรมหรูหรา แขวนดาบซามูไรด้ามหนึ่งไว้หน้าประตูเต้นท์ บนดาบซามูไรนี้เขียนตัวหนังสือสี่ตัวว่า “วูหยุนฉางจิว”
ข้างใต้ของตัวหนังสือ “วูหยุนฉางจิว” สี่ตัวนั้น มีเสื่อทาทามิอย่างประณีตและสวยงามวางอยู่ คิตะมิยะ ฮิเดโอะนั่งอยู่ตรงกลาง อีกสามคนแยกกันนั่งข้างโต๊ะน้ำชา หนึ่งในนั้นมีคิตะมิยะ ฮิโคโตชิและคิตะมิยะ นาโอกิที่มีส่วนรับผิดชอบในการเดินทางครั้งนี้ของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิที่ใจเย็นมาโดยตลอด เวลานี้ได้เผยสีหน้าร้อนบนใบหน้าออกมา พลางมองนาฬิกาข้อมือบ่อยๆ หลังจากที่อดทนมาได้สักพักหนึ่ง เขาจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “หัวหน้า ถึงเวลาที่นัดหมายกันไว้แล้ว ทำไมพวกเขายังไม่กลับมาอีก!”
คนที่คิตะมิยะ ฮิโคโตชิกำลังพูดถึงอยู่นั้น คือทีมสำรวจเล็กที่เข้าไปสำรวจในภูเขาปีศาจล่างหน้าเมื่อสามชั่วโมงก่อน เดิมทีคิตะมิยะ ฮิโคโตชิได้คัดค้านไม่ให้เข้าไปวำรวจภูเขาปีศาจในยามกลางคืน แต่หัวหน้าคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ยันหยัดว่า ส่งคนในกองกำลังทหารเข้าไปแปดคน
ตระกูลที่เดินทางมายังพม่าครั้งนี้มีทั้งหมดเกือบสองร้อยคน และคนที่ถูกส่งเข้าไปแปดคนก็ไม่มีคนสำคัญอะไร แต่สิ่งที่ทำให้คิตะมิยะ ฮิโคโตชิกระวนกระวายใจก็คือ คนที่อยู่ในกลุ่มแปดคนนั้น ยังมีลูกชายของเขาคิตะมิยะ ฮาเซดะ เป็นลูกชายคนโตที่เขาฝากฝังความหวังที่สูงส่งมาโดยตลอด
เมื่อเห็นท่าทางที่อยู่ไม่สุขของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิ คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงพูดว่า “ฮิโคโตชิ การฝึกเคนโด สิ่งสำคัญอันดับแรกคือฝึกจิต อย่าให้สิ่งภายนอกมาปิดบังความจริงพลังจิตวิเศษ ฮาเซดะก็คือศิษย์ที่สืบทอดจากฉันโดยแท้ มีหรือที่ฉันจะไม่เป็นห่วงเขา?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ คำพูดของคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็เปลี่ยนไปทันที” ช่อดอกไม้ที่อยู่ในห้องเรือนกระจกนั้นไม่สามารถเติบโตได้ มีเพียงผ่านการทดสอบที่โหดร้ายเท่านั้น เขาถึงจะเติบโตเป็นเสาหลักของตระกูลคิตะมิยะของพวกเรา!”
ในขณะที่พูดถึงคิตะมิยะ ฮาเซดะ ใบหน้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มเย็นชาและไร้ปราณีออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญมาก
“ครับ หัวหน้าพูดถูก ผมคิดมากเกินไป!” ไม่ว่าที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะจะพูดผิดหรือถูก ถึงอย่างไรก็ส่งคนพวกนั้นไปแล้ว คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ คิตะมิยะ ฮิโคโตชิจึงได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามชะตาลิขิตแล้วกัน
ทันใดนั้น ก็เกิดความโกลาหลข้างนอกเต็นท์ จากนั้นเต็นท์ก็ถูกเปิดออก มีคนหนึ่งที่เดินเข้ามาสวมชุดสีดำทั้งตัวเหลือให้เห็นเพียงดวงตาหนึ่งคู่ คุกเข่าต่อหน้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะพูดว่า “หัวหน้า ตามคำสั่งของท่าน ตอนนี้พวกเราก็ได้ขับรถไปในพื้นที่หนึ่งไมล์ภูเขาปีศาจแล้ว กองกำลังทหารที่ผมพาเข้าไปพวกทหารไปนั้น มีสี่คนที่ยอมตายเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตระกูลครับ!”
“อืม เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อได้ยินว่าไปแปดคนแต่ตายแล้วสี่คน ทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะแสดงสีหน้าตื่นตะลึง พลางถามเสียงขรึม “ทำไมมีคนตายมากขนาดนี้?”
ต้องรู้ว่า ครั้งนี้ที่เข้าไปแปดคนนั้น ถือว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูล ตั้งแต่พวกเขาอายุสามขวบ ก็แช่ร่างกายด้วยน้ำยาที่มีคุณสมบัติพิเศษ การแช่ยานี้เป็นสูตรโบราณที่ตระกูลคิตะมิยะได้รับจากจีนในช่วงปีแรก สามารถเพิ่มระดับความเหนียวของเส้นลมปราณในร่างกาย และขับสารที่ไม่บริสุทธิ์ภายในร่างกายได้อีกด้วย
เมื่อถึงช่วงอายุห้าขวบ เด็กในตระกูลที่มีความสัมพันธ์สายตรงพวกนี้ ก็จะถูกถ่ายทอดความคิดของการถวายความจงรักภักดีต่อวงศ์ตระกูล ยังกระจายตัวไปฝึกอบรมตามค่ายต่างๆ ส่วนเด็กคนอื่นที่ตระกูลคิตะมิยะรับมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ก็ดำเนินการฝึกอบรมอย่างโหดร้ายและทารุณ
การฝึกอบรมอย่างโหดร้ายนี้ ไม่เพียงแต่ร่างกาย กับจิตใจของเด็กพวกนี้ ก็ถือว่าเป็นการทรมานที่แสนสาหัส เพราะว่าการฝึกอบรบนี้จะมีหลากหลายสาขาวิชา นั้นก็คือการที่ให้พวกเขาลงมือฆ่าคู่ต่อสู้ด้วยมือของตัวเอง
เนื่องจากเด็กที่มีความต้านทานอ่อนก็จะง่ายต่อการเจ็บป่วย เพราะฉะนั้น ค่ายฝึกอบรมลับของตระกูลคิตะมิยะ อัตราการตายก็ไม่ได้ต่ำไปกว่าค่ายฝึกซ้อมมวยใต้ดินที่ไซบีเรียหรอก ในสถานการณ์ที่ปกติแบบนี้ ค่ายฝึกอบรมที่มีคนอยู่สามสิบคน สามารถอยู่รอดมาได้ ไม่เกินห้าคน พวกคนเหล่านี้ ก็ถือว่าคือนักรบที่กล้าหาญที่ไม่กลัวตายของตระกูลคิตะมิยะ
แน่นอนว่า ลูกหลานที่มีสายสัมพันธ์โดยตรงของตระกูลคิตะมิยะ ยกเว้นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย โดยปกติจะไม่มีใครตาย แต่ว่าลูกหลานที่สายสัมพันธ์โดยตรงถูกคัดออกไป มักจะถูกคนในตระกูลละเลย ที่ดีที่สุดคือการรับผิดชอบงานของการสืบทอดสายเลือดของครอบครัว
หลังจากที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะได้ยึดตำแหน่งหัวหน้า นับตั้งแต่ก่อตั้งค่ายฝึกอบรมโหดร้ายเมื่อสามสิบปีก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ มีนักรบที่ไม่กลัวตายที่ผ่านคุณสมบัติเพียงยี่สิบกว่าคน ดังนั้นพอได้ยินว่าการเดินทางในครั้งนี้มีคนตายไปแล้วสี่คน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“หัวหน้า มีสามคนถูกงูพิษกัดตายหมด และอีกคนหนึ่ง คือ…ถูกดอกไม้กินคนกลืนเข้าไปแล้วครับ!”
อย่างไรก็ตามคิติมะยะ ฮาเซดะใช้เวลาสิบกว่าปีในการฝึกอบรมอย่างโหดร้าย หัวใจที่ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจนกลายเป็นดั่งเหล็ก แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นเกี่ยวกับภูเขาปีศาจ ในดวงตาของเขาเกิดความหวาดผวา เขาไม่กลัวที่จะต้องต่อสู้ฆ่าฟันกับผู้คน แต่ไม่อาจยอมรับความตายแบบไม่มีสาเหตุแบบนี้
ตอนที่เพิ่งเข้าไปในภูเขาปีศาจ ความเร็วในการเดินทางของพวกเขาค่อนข้างเร็ว ตลอดทางฉีดพ่นด้วยกำมะถันและสารเคมีอื่น ๆ เพื่อขับไล่งูพิษ แต่เมื่อเข้าไปได้สองกิโลเมตร พุ่มไม้ในป่าหรือเนินเขาได้ครอบคลุมภูเขาทั้งหมด
พุ่มไม้เหล่านี้มีความลึกต่ำที่สุดระดับเข่า และความสูงมากสุดก็มีถึงหนึ่งเมตรกว่า ทำให้คนที่เดินอยู่ในนี้ ไม่สามารถพบสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในพุ่มไม้ได้เลย สมาชิกในครอบครัวตายไปแล้วสามคน ตอนที่ใช้มีดปังตอในการเปิดเส้นทาง ดันไปโดนงูพิษฉกตาทำให้เสียชีวิตไปเลย
ถูกแล้ว คือดวงตา เพราะว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่กันนั้น มันเป็นชุดป้องกันพิเศษ มีความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งสูง เขี้ยวพิษของงู ไม่มีทางที่จะทะลุเข้าชุดนี้ได้ นี้ก็เป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งว่าทำไมคิตะมิยะ ฮิเดโอะถึงไม่ห่วงที่จะให้พวกเขาเดินทางเข้ามาในเขาปีศาจตอนกลางคืน
เพียงแต่ตอนที่เดินผ่านพุ่มไม้ ไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะรบกวนรังงูให้ตกใจไหม ทำให้งูนับพันตัวก็เลื่อยออกมา แค่ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมสามคนที่เดินอยู่ข้างหน้า หลังจากเสียงร้องอย่างน่าอนาถ ก็หมดลมหายใจไปแล้ว
เพียงแต่คิติมะยะ ฮาเซดะที่เดินตามหลังอยู่ก็ใช้ปืนไฟพ่นเข้าไปและเผางูเหล่านั้นให้ตายจนหมดแล้ว แต่เพื่อนร่วมทางที่มาด้วยเมื่อครู่ ก็กลาบเป็นศพที่ไหม้เกรียมไปแล้วเหมือนกัน
อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้คิตะมิยะ ฮาเซดะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เกือบทุกสองสามร้อยเมตรที่เขาย่างก้าว ก็จะใช้ปืนไฟพ่นเปลวไฟออกมา ดีที่ว่าพม่าเป็นเขตภูเขาเปียกชื้น จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดไฟไหม้ขึ้นมา
หลังจากนั้นก็เดินหน้าต่อไปประมาณสี่ห้าร้อยเมตร ในพุ่มไม้ก็เริ่มน้อยลง ทำให้คิตะมิยะ ฮาเซดะและคนอื่นถอนหายใจโล่งอกแต่ในเวลานี้ คนหนึ่งที่เดินอยู่ทางด้านขวากองทัพของพวกเขา จู่ๆ ก็ส่งเสียงร้องตกใจ ทุกคนมองไปรอบๆ ทำให้แต่ละคนต้องตกตะลึงงัน
ข้าง ๆของคนนั้น มีพืชเมืองร้อนที่เหมือนกับต้นกล้วยน้ำว้าเล็กน้อย เพียงแต่ว่ามันใหญ่กว่า มีกิ่งก้านและใบไม้ขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป และที่ยอดของกิ่งไม้และใบไม้เหล่านั้น นอกจากนี้ยังมีดอกไม้สีขาวเล็กๆ ให้กลิ่นหอมที่มีเสน่ห์แล้ว
แค่ในช่วงเวลานี้ กิ่งก้านและใบเป็นเหมือนกรง ที่ค่อยๆ ห่อเพื่อนร่วมกองทัพของเขา และกิ่งก้านกับใบยังคงฉีดของเหลวที่มีความกัดกร่อนสูงบางอย่างออกมา เพียงในระยะเวลาสั้นๆ สิบวินาทีกว่า ชุดป้องกันของชายคนนั้นก็สึกกร่อน
รอให้คิตะมิยะ ฮาเซดะกับคนอื่นๆ มีการตอบสนองกลับมา ร่างกายของคนนั้นก็เริ่มเน่าเปื่อย เกิดเสียงกรีดร้องดังอย่างอน่าเวทนาแสบแก้วหู ท่ามกลางความจนปัญญา พวกเขาจึงใช้ได้เพียงแค่ปืนไฟ ทำให้เพื่อนร่วมกองทัพกับต้นไม้กินคนนั้น ถูกเผาไหม้ไปพร้อมกัน
หลังจากเกิดอุบัติเหตุติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้นักรบที่ไม่กลัวตายที่ถูกฝึกมาอย่างโหดเหี้ยมตั้งแต่เด็ก เกิดความรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาภายในใจของพวกเขา หลังจากสำรวจภายในระยะสามกิโลเมตรแล้วจึงต้องรีบถอยกำลังกลับมาทันที
“ที่พม่านี้ ทำไมถึงมีต้นไม้กินคนนะ?” หลังจากที่ได้ยินลูกศิษย์พูด สีหน้าของคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
ดอกไม้กินคนกับต้นไม้กินคน ยังมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เหมือนกับพืชชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่าเสาวรสลิ้นงู หากคนหรือสัตว์ไปถูกมันโดยไม่ตั้งใจ ใบที่ยื่นออกมาก็จะห่อตัวเหมือนกรงเล็บไก่ล้อมรอบ ก็จึงรัดไว้แน่นและลากคนเข้าไป ลากไปจนถึงพื้นหญ้าที่เปียกชื้น จนกระทั่งคนจะไม่สามารถขยับได้
และแมงมุมยักษ์ที่อยู่กับดอกเสาวรสลิ้นงูนั้น พวกมันจะวิ่งไปหาเหยื่อ ดูดและเคี้ยวอย่างระมัดระวัง กินอิ่มอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากแมงมุมกินร่างกายคนแล้ว อุจจาระที่ออกจากการย่อยอาหารจะหลายเป็นปุ๋ยให้กับดอกเสาวรสลิ้นงู
แต่ดอกไม้กินคนหรือต้นไม้กินคนชนิดนี้ มีการกระจายทั่วไปในป่าดึกดำบรรพ์แถบลุ่มแม่น้ำอเมซอนในอเมริกาใต้และหนองน้ำกว้างใหญ่ โดยที่พืชชนิดนี้ไม่เคยปรากฏตัวในทวีปเอเชียมาก่อน
ในการพัฒนาเทคโนโลยีวันนี้ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาตินั้นยากที่จะทำให้คนกลัวได้ แต่ความจริงที่อยู่ตรงหน้า ทำให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี ภูเขาปีศาจนี้ไม่ได้กำราบง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดไว้
เมื่อได้เห็นคิตะมิยะ ฮิเดโอะกำลังพูดพึมพำ คิตะมิยะ ฮิโคโตชิจึงกลัวว่าเขาจะส่งลูกชายของตัวเองเข้าไปในภูเขาปีศาจอีก เขาจึงรีบพูด “หัวหน้าครับ ภูเขาปีศาจนี้แปลกประหลาดมาก ผมว่า…พวกเรารอให้ฟ้าสว่างแล้วค่อยขับรถเข้าไปกันดีกว่า อย่างนี้จะได้ลดความบาดเจ็บน้อยลง!”
“ได้ ฮาเซดะ เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ไม่ต้องพูดออกไปนะ”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะพยักหัว นิสัยของเขานั้นชอบขมเห่งทารุณก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีความคิดบ้าคลั่งที่จะโค่นล้มครอบครัวทั้งหมดตระกูลในภูเขาปีศาจหรอก หลังจากให้คิตะมิยะ ฮาเซดะถอยออกไปแล้ว นี่จึงเป็นครั้งแรกที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะปรึกษาหารือแผนรับมืออย่างจริงจังกับคิตะมิยะ ฮิโคโตชิและนาโอกิอย่างจริงจัง
…
ขณะที่ภูเขาปีศาจได้กลืนกินนักรบที่ไม่กลัวตายเหล่านั้นไปอย่างเงียบสงัดนั้น ระยะห่างจากภูเขาปีศาจเข้าไปในหุบเขากว่าสามร้อยกิโลเมตร ก็มีเต้นท์กางอยู่สองสามอัน และคนสิบคนก็กำลังปิ้งย่างรอบกองไฟอยู่นอกเต้นท์
“ท่านเยี่ย พวกเรามาครั้งนี้มาทำอะไรกันแน่ครับ?”
ขาหมูป่าที่เสียบอยู่บนที่เสียบกำลังหมุน อู่เฉินถามเยี่ยเทียนอย่างระมัดระวัง เพราะการอยู่ด้วยกันสองวันที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าเยี่ยเทียนไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินที่เอาแต่เสวยสุข ไม่ยอมทำงานทำการใดๆ แต่ว่าปกติเขาจะเป็นคนที่คุยง่ายมาก
“พอไปถึงพวกนายก็จะรู้เอง พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อย เพื่อจะได้ไปถึงที่นั่นเร็วหน่อย”
เยี่ยเทียนส่ายหัว มองเข้าไปในยามคืนที่มืดมิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดูเหมือนจะวาดผ่านท้องนภาอันกว้างไพศาล แล้วจึงมองเห็นแสงไฟสว่างจ้ามาจากเทือกเขาปีศาจ
……
ตอนที่ 494 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น (1)
“ดูลับๆ ล่อๆ คุณลุงซ่อนของไวเอง แล้วยังกลัวว่ามันจะ
หายไป?”
หูหงเต๋อที่เห็นเยี่ยเทียนพูดออกมาเพียงครึ่งเดียว จึงบ่นพึมพํา
เบาๆ ขึ้นมาไม่ได้ เขาจึงแอบคิดในใน ว่าโก่วซินเจียรอบรู ้ทุกอย่าง
ของที่เขาเอาไปซ่อน ใช่ว่าคนทั่วไปก็จะสามารถหามันเจอ
“นายจะไปรู ้อะไรกัน รีบพักผ่อนให้เถอะ รักษาสติและจิตใจให้
ดี!”
เยี่ยเทียนจ้องมองไปที่หูหงเต๋อด้วยท่าทางไม่พอใจ ตอนนั้น
โก่วซินเจียพาคนมาทั้งหมดยี่สิบกว่าคน ทุกคนแทบจะเป็ นมือดี
ที่สุดของชีเหมินทั้งสิ้น แม้ว่าจะสูญเสียไปสามคน แต่คนที่ตัวเอง
พามาก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่ฝึ กวิทยายุทธเพียงผิวเผิน ถ้าเกิด
ประมาทก็อาจตายได้ในทันที
อีกทั้งตอนที่โก่ วซินเจียเดินทางออกไปในตอนนั้น ใช ้
ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร ์ที่พิเศษของภูเขาปีศาจ สร ้างค่าย
กลพิฆาตจิ๋วสุ่ยกั่ว นําพลังชี่อาฆาตที่อยู่ในบริเวณรอบๆ ระยะห่าง
ไกลไปหลายกิโลเมตร แล้วสร ้างค่ายกลล้อมรอบสมบัติลํ้าค่า จาก
ทศวรรษที่ผ่านมา พลังชี่พิอาฆาตที่สะสมอยู่ในนั้น ที่สามารฆ่าอู่
เฉินและคนอื่นๆ ได้ทันที
สภาพจิตใจที่ผิดปกติของตะขิ่น บา เตง ตินไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับค่ายกลนั้น เพียงแต่จุดเริ่มต้นของค่ายกล การรวมตัวกันของ
พลังชี่พิฆาตนั้นไม่ได้มากมาย มิฉะนั้นตะขิ่น บา เตง ตินไม่เพียง
แค่สติเลอะเลือน แต่คาดว่าคงก็ไม่มีทางหนีออกมาจากภูขาปีศาจ
ได้
ถึงว่าการฝึ กวิชาของโก่วซินเจียในตอนนั้นจะสู ้กับเยี่ยเทียน
ในตอนนี้ไม่ได้ แต่ความรู ้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับค่ายกลก็น้อยมาก
เพียงแต่การเก็บสะสมมาเป็ นเวลาหลายทศวรรษนี้ จึงทําให้มัน
กลายเป็ นสถานที่ที่น่ากลัว ถ้าว่าเยี่ยเทียนต้องการที่จะทําลาย
เกรงว่าคงต้องใช ้แรงอย่างหนัก
เมื่อเห็นใบหน้าของเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความนิ่งขรึม หูหงเต๋อ
ก็ไม่กล้าที่จะพูดหยอกล้อหรือล้อเล่นอีกเลย อู่เฉินและคนอื่นพอ
ทานอิ่มแล้วก็เข้าไปในเต็นท์พักผ่อน และคํ่าคืนนี้ก็ไม่มีการพูดจา
อีก เช ้าครู่เวลาตีห้าของวันที่สอง เสียงสตาร ์ทรถหุ ้มเกราะของทั้ง
สองคัน ได้ทําลายความเงียบของป่ า เดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขา
ปีศาจ
ระยะทางประมาณสามร ้อยกว่ากิโลเมตร ถ้ามันอยู่ในตําแหน่ง
บนถนนที่ค่อนข้างดี ใช ้เวลาเพียงสามถึงห้าชั่วโมง ก็คงเข้าใกล้
เขาภูเขาและป่าแล้ว และกว่ารถจะผ่านไปได้ก็ไม่ง่ายเลย ความเร็ว
ในการเดินทางช ้ามาก เมื่อเดินทางมาถึงตอนกลางวัน แผนที่
ระยะห่างจากภูเขาปีศาจ เหลือระยะทางอีกหกสิบเจ็ดสิบกิโลเมตร
“ซาซา…บอส เรียกบอส!”
ตอนที่กลุ่มเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ กําลังเตรียมตัวลงจากรถเพื่อ
เตรียมอาหารกลางวัน วิทยุสื่อสารที่อยู่ตรงเอวของเยี่ยเทียนก็ส่ง
เสียงของซาซาดังขึ้นมา จากนั้นจึงตามด้วยเสียงเรียกของมารา
ไกย ์
เยี่ยเทียนหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา ตอบกลับไปว่า “เหล่ามา ฉัน
คือเยี่ยเทียน เกิดเรื่องอะไร? ตอนนี้พวกเธอถึงจุดไหนกันแล้ว?”
“พวกเราถึงบริเวณด้านนอกของภู เขาปี ศาจแล้ว แต่ดู
เหมือนว่าจะมีสถานการณ์บางอย่างผิดปกติ!”
ในตอนนั้นมาราไกย ์ยืนอยู่บนเนินเขาเล็กอันหนึ่งที่มีความสูง
ประมาณสิบกว่าเมตร รถหุ ้มเกราะที่พวกเขาขับมา ได้จอดมันไว้ที่
ป่ าใต้ล่างของเนินเขา และใช ้ใบไม้ต้นไม้สีเขียวอําพรางตัวรถด้วย
แต่พอเข้าไปใกล้ๆ แล้วจึงเป็ นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะได้พบเห็น
ระยะทางระหว่างทางเข้าภูเขาปีศาจกับหมู่บ้านในเขตภูเขานั้น
น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันเมตร แต่ว่าถือกล้องส่องทางไกลของ
กองทัพทหารชั้นสูงแล้ว มาราไกย ์ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์
ของทางนั้นได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้เต็นท์บริเวณรอบๆ ป่ าถูกเก็บขึ้นมาเรียบร ้อยแล้ว แต่ใน
พุ่มไม้ป่ าหญ้าที่อยู่ตรงทางออกของหมู่บ ้าน ทุกคนสามารถเห็น
ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งร่างกายที่แข็งแรงสวมเครื่องแบบอําพรางการ
ต่อสู ้ บนไหล่ของพวกเขา ต่างแบกอาวุธเคลื่อนที่อัตโนมัติ มารา
ไกย ์ลองนับโดยดูคร่าวๆ คนที่พกปืนพิเศษมีทั้งหมดสามสิบสองคน
และทั้งหมู่บ้านได้ล้อมเอาไว้หมดแล้ว
“กองกําลังทหารมืออาชีพ!” หลังจากที่ได้เห็นคนพวกนี้แล้ว
มาราไกย ์ก็มีความคิดในใจแล้วรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาเรียก
หาเยี่ยเทียน
“เหล่ามา คิดหาวิธีแล้วจับมันไว้คนหนึ่ง แล้วถามแหล่งที่มา
ของพวกมันให้ได้ว่ามีทั้งหมดกี่คน!”
หลังจากที่ได้ยินมาราไกย ์รายงานสถานการณ์ เยี่ยเทียนก็นิ่ง
ไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีคนไล่ตาม คาดไม่ถึงว่าจะถูกคน
อื่นยึดครองไปก่อน
“บอส รับทราบ!”
หลังจากมาราไกย ์ตอบกลับก็ปิดเครื่องวิทยุสื่อสาร พลางส่ง
สัญญาณมือลงข้างล่าง หลังจากติดตามเยี่ยเทียนไม่กี่เดือน เหล่า
มาราไกย ์ก็รู ้สึกอึดอัดมาก ตอนนี้เหมือนจะกลับไปใช ้ชีวิตที่คุ ้นเคย
ทําให้ทุกคนมีสีหน้าที่ตื่นเต้น
ทหารญี่ปุ่นดูร ักษาการณ์อย่างเข้มงวด แต่พวกเขาทั้งหมดมุ่ง
ไปล้อมรอบหมู่บ้านเล็กๆ นั่น จึงไม่ได้ระแวดระวังภายนอกเท่าไร
เมื่อมาราไกย ์ลงมือด้วยตัวเอง ก็สามารถแทรกซึมเข้าไประยะห่าง
เพียงห้าสิบเมตรจากหมู่บ ้าน แล้วเคาะศีรษะของทหารที่พกอาวุธ
ติดตัวแบบไร ้สุ่มเสียง
สมาชิกหนึ่งคนในทีมสี่คนของมาราไกย ์ หลายปีก่อนเคยอยู่
ประจําการที่โอกินาว่าของญี่ปุ่ น อีกทั้งภาษาญี่ปุ่ นก็ไม่มีปัญหา
อะไร
และการป้ องกันเฝ้ าระวังภายนอกของคนในหมู่บ้าน จึงไม่
จําเป็ นต้องมีกองทัพทหารอาวุธพร ้อม และภายใต้การลงโทษอย่าง
บีบบังคับให้สารภาพของมาราไกย ์ ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้าหกนาที
พวกเขาก็รู ้จํานวนคนและอาวุธที่พกของอีกฝ่ ายอย่างชัดเจน ทํา
ให้มาราไกย ์และพรรคพวกต้องตกใจมาก
แท้จริงตระกูลคิตะมิยะมาครั้งนี้ ก็พาสมาชิกในตระกูลคิตะมิยะ
มาทั้งหมดหนึ่งร ้อยแปดสิบกว่าคน ทุกคนต่างพกอาวุธติดตัวคือ
ปืนกลขนาดเล็กและระเบิดที่มีอนุภาพสูง นอกจากนี้พวกเขายังมี
รถหุ ้มเกราะหนึ่งคันกับปืนไฟอีกสิบห้าอัน
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ คนส่วนใหญ่ในจํานวนร ้อยกว่าคน เคยมี
ประสบการณ์เป็ นทหารรับจ้างในต่างประเทศมาก่อน กระทั่งมี
มากกว่าสิบคนที่มาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา ถึงจะ
ไม่พูดถึงว่าคนที่เคยผ่านการต่อสู ้รบมาร ้อยครั้งแต่ก็เคยเห็นการ
ฆ่าคนในสนามรบ หากอาวุธดังกล่าวถูกวางอยู่ในพม่า ถือได้ว่า
เป็ นกําลังทหารที่แข็งแกร่ง
แน่นอนว่า ภารกิจนี้ในครั้งนี้ คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ไม่ได้เปิดเผย
ให้กับคนในตระกูลเช่นกัน ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่รักษาความ
ปลอดภัยภายนอกทุกคนจะรู ้ว่าต้องเข้าไปในภูเขา แต่เข้าไปทํา
อะไรนั้น ก็เป็ นเหตุผลที่ไม่สามารถพูดได้
“บอส พวกเรามาทําอะไรกันแน่ครับ?”
หลังจากรู ้สถานการณ์ของอีกฝ่ าย คนเข้าแข็งมาราไกย ์และ
พรรคพวกต่างยิ้มอย่างขมขื่น ต่อให้พวกเขาแข็งแรงกว่านี้ ก็มี
เพียงแค่สี่คน ถ้าต้องการต่อสู ้กับทหารญี่ปุ่นมืออาชีพหนึ่งร ้อยกว่า
คน ในใจของมาราไกย ์รู ้สึกไม่มีความั่นใจเลย
โดยเฉพาะหมู่บ้านที่ถูกสร ้างขึ้นบนเนินเขา มันเป็ นทางเข้า
ของภูเขาปีศาจ และด้านล่างก็เป็ นที่ราบที่จะเฆี่ยนม้าห้อเหยียดได้
มีเพียงพุ ้มไม้เตี้ยกับป่ าไม้ที่อยู่ไปอีกห้าร ้อยเมตร จึงไม่เหมาะอย่าง
ยิ่งสําหรับการโจมตี ก็เพราะว่าเมื่อกี้มาราไกย ์ ต้องปีนขึ้นไปจาก
พื้นถึงห้าร ้อยเมตร จึงไม่ถูกทหารที่รักษาความปลอดภัยสังเกตเห็น
ได้
เยี่ยเทียนไม่ได้ตอบคําถามของมาราไกย ์ แต่กลับถามไปว่า
“เหล่ามา ที่ผมจ้างคุณมา คุณอยู่ในระดับไหน?”
ทหารรับจ้างระหว่างประเทศที่มียศ ยิ่งระดับของทหารรับจ้างมี
ยศสูงมากขึ้น ค่าใช ้จ่ายในการจ้างงานก็ยิ่งแพงขึ้น และในสัญญา
ว่าจ้างหน้าที่ของทหารรับจ้าง นอกจากนี้ยังมีแผนกและกฎระเบียบ
โดยละเอียด ค่าตอบแทนที่สอดคล้องกันแล้ว ถึงจะได้ขับเคลื่อน
อาชีพของทหารรับจ้างเหล่านี้ให้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเหมาะสม
ก็เหมือนกับการซื้อขาย คุณภาพตามราคา คุณไม่สามารถ
มุ่งหวังจะจ้างบอดี้การ ์ดที่จ่ายเงินไปหลักพัน แล้วเขาก็จะขายชีวิต
เพื่อคุณ คนประเภทนั้นอย่างมากที่สุดก็สามารถมีบทบาทเป็ นผู ้
ตาม
“บอส คุณผู ้หญิงซ่งกับพวกเราร่วมเซ็นสัญญาในการว่าจ้าง
ระดับสูงสุด พวกท่านมีสิทธิ ์ที่จะสั่งให้พวกเราสู ้รบครับ!” หลังจาก
ได้ยินเยี่ยเทียนถาม มาราไกย ์จึงยิ้มอย่างขมขื่นอยู่บ้าง เขาเข้าใจ
ความหมายของเยี่ยเทียนแล้ว สงสัยสงครามในวันนี้จะหลีกเลี่ยง
ไม่ได้
“เหล่ามา คุณไม่ต้องเป็ นห่วง ผมไม่มีทางให้พวกคุณไปทําสิ่ง
ที่นอกเหนือจากความสามารถพวกคุณหนอก”
เมื่อมองออกถึงรอยยิ้มที่ขมขื่นของมาราไกย ์ เสียงของเยี่ย
เทียนจึงดังผ่านวิทยุสื่อสารว่า “เหล่ามา ผมต้องการให้คุณจัดการ
กับทหารที่รักษาความปลอดภัยอยู่นอกภูเขาปี ศาจ จากนั้นใช ้
ระเบิดทําการปิ ดล็อคภูเขาปี ศาจไว้ ถ้าหากว่าทําได้ ก็เท่ากับว่า
ภารกิจของพวกคุณในครั้งนี้สําเร็จแล้ว”
แม้ว่าตระกูลคิตะมิยะจะมีกําลังคนมากกว่าหนึ่งร ้อยคน แต่ว่า
พวกเขาก็เพิ่งจะมาถึงที่นี่ เยี่ยเทียนก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก สิ่งที่เขา
กลัวที่สุดก็คือตระกูลคิตะมิยะจะได้ของลํ้าค่านั้นออกไป อย่างนั้น
ถ้าว่าเขาจะมีความสามารถ ก็ไม่สามารถไล่ตามไปที่ญี่ปุ่นเพื่อแย่ง
ชิงทองคํากลับมา
“บอส คุณพูดจริงหรือ?”
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของเยี่ยเทียน มาราไกย ์ก็รู ้สึกฮึกเหิม
ขึ้นมา ถ้าให้พวกเขาปะทะกันอย่างดุเดือดกับคนร ้อยกว่า ตัวมารา
ไกย ์เองไม่มีความสามารถขนาดนั้น แต่การดักซุ่มโจมตีทหาร
รักษาความปลอดภัยนับสิบคนที่ไม่ได้มีความสามารถสูงเท่าไร
พวกเขายังพอมีความมั่นใจมากที่จะรับผิดชอบงานนี้ให้สําเร็จ
“ถูกแล้ว ขอเพียงแค่เธอสามารถจัดการกับทหารรักษาความ
ปลอดภัย และปิดทางเข้าของภูเขาปีศาจได้ สัญญาการจ้างงาน
ระหว่างคุณและผมก็เสร็จสิ้นแล้ว!”
เยี่ยเทียนพูดยํ้าคําพูดของตัวเองอีกครั้งผ่านวิทยุสื่อสาร
ตะโกนบอกทุกคนที่เพิ่งกินข้าวกันอิ่มว่า “รีบทําเวลา ภายในสาม
ชั่วโมง จะต้องถึงที่หมาย!”
…
ภูเขาปีศาจเงียบมานานหลายพันปี ในตอนเช ้าที่เต็มไปด้วย
หมอก เหมือนกับบุกเข้าไปในกลุ่มปีศาจ ป่ าที่เงียบสงบกลายเป็ น
เสียงดัง เสียงสตาร ์ทของเครื่องยนต์สะท้อนไปมาทั้งภูเขา รถหุ ้ม
เกราะคันหนึ่งที่อยู่แถวหน้าสุดปฏิบัติตามหน้าที่ บดขยี้ต้นไม้แตก
ละเอียด
แต่ว่าการดําเนินงานของกองทัพไม่ได้รวดเร็ว เพราะนอกจาก
ต้องตัดต้นไม้ที่หนาพวกนี้แล้ว ยังมีบางสถานที่ต้องสร ้าง
สะพานลอยชั่วคราวเพื่อให้รถหุ ้มเกราะผ่าน
และสัตว ์บางตัวที่ออกหากินตอนกลางคืนก็ถูกปลุกให้ตื่นจาก
การนอนหลับฝันเพราะเสียงที่ดัง และกองทัพที่เดินตามหลังรถหุ ้ม
เกราะ ต่างก็เกิดเสียงกรีดร ้องของตื่นตระหนกเป็ นพักๆ พวกเขาไม่
มีชุดป้ องกันที่พิเศษเหมือนกับกองทัพนักรบที่พร ้อมสละชีวิตพวก
นั้น
โชคดีที่มีการเตรียมตัวอย่างครบครัน ได้จัดเตรียมเซรุ่มงูทุก
ชนิดมาทั้งหมดเพื่อใช ้แก้พิษ ถึงแม้ในคนยี่สิบกว่าคนถูกงูกัด
ระหว่างทางโดยไม่ทันระวัง แต่ก็ไม่มีใครตาย หลังจากเวลาผ่านไป
สามสี่ชั่วโมง รถก็ขับมาถึงบริเวณที่มีดอกไม้กินคนอยู่
เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าดอกไม้กินคนที่ถูกเผาไหม้อยู่นาน คิตะมิยะ
ฮิเดโอะจึงให้คนพาตัวตะขิ่น บะ เตง ตินเข้ามา แล้วพูดด้วยนํ้าเสียง
ไม่ดี “ตะขิ่น บะ เตง ติน แกไม่มีความซื่อสัตย ์ ลูกๆ ของฉันต้อง
เสียสละอย่างมาก ฉันอยากรู ้ว่า แกยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันอีก
ไหม?”
ตะขิ่น บะ เตง ตินมองไปพื้นที่รอบบริเวณนั้นด้วยสีหน้าที่
หวาดกลัว แล้วตะโกนเสียงดัง “ฉันขอสาบาน ว่าทุกคําที่ฉันพูดมัน
คือความจริง ถ้าเดินต่อไปอีกห้าร ้อยเมตร ก็จะสามารถเข้าไปถึงใน
ถํ้านั้นได้ พวก…พวกคุณไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้แล้ว เพราะ
ปีศาจลงคําจะสาปแช่ง!”
แท้จริงแล้วกองทัพทหารที่สละชีวิต ไม่ได้โทษตะขิ่น บะ เตง
ตินเลย เพราะว่าดอกไม้กินคนแบบนี้ในภูเขาปีศาจ มันจะบานใน
ตอนกลางคืน พวกมันจะหากินในเวลากลางคืนในตอนที่มีสิ่งมีชีวิต
เคลื่อนไหว
ตอนที่ 495 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น (2)
“ดีมาก หวังว่าทุกอย่างที่แกพูดมานั้นจะเป็ นเรื่องจริง!”
สายตาราวงูพิษของคิตะมิยะ ฮิเดโอะมองจ้องตะขิ่น บะ เตง ติน
ตาเขม็ง เมื่อเห็นาเขาตัวสั่นเทิ้ม เหมือนนึกถึงภาพที่เห็นงูเลื้อย
เพ่นพ่านไปมา จึงทําให้เหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วหยดลงมาจาก
หน้าผากอย่างต่อเนื่อง
“หัวหน้าครับ ข้างหน้ามีเขตถํ้าอยู่ หน่อยลอบสังหารไร ้เงาเข้า
ไปแล้วครับ!”
พอสิ้นเสียงคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ข้างหน้าก็ส่งข่าวมาเพื่อเบี่ยงเบน
ความสนใจของเขา แต่ว่าอาการของตะขิ่น บะ เตง ตินได้ทรุดตัว
ลงไปกองที่พื้นแล้ว เมื่อครู่คิตะมิยะ ฮิเดโอะได้สร ้างแรงกดดันให้
เขามากเกินไป
คิตะมิยะ ฮิเดโอะไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “อย่าให้หน่อย
ลอบสังหารไร ้เงาเข้าไปโดยพลการ ถอยออกมาจากถํ้าทั้งหมด
พวกข้างหลังก็เร่งตามข้างหน้าให้ทัน!”
หน่ วยลอบสังหารไร ้เงาคือองค์กรที่รับผิดชอบในการลอบ
สังหารโดยเฉพาะของตระกูลคิตะมิยะ รอบรู ้วิชานินจาของญี่ปุ่ น
เชี่ยวชาญในการอําพรางตัว จํานวนของพวกเขายังมีน้อยกว่า
ทหารกล้าที่เสียชีวิตเสียอีก ทั้งหมดมีเพียงแค่สิบสองคน คิตะมิยะ
ฮิเดโอะไม่สามารถสูญเสียได้แม้แต่คนเดียว
ภายใต้คําสั่งของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ความเร็วของกองทัพทหาร
ก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ไม่รู ้ว่าด้วยเหตุผลอะไร ตอนที่ระยะห่างจาก
ถํ้าประมาณสามร ้อยกว่าเมตร ต้นไม้ก็น้อยลงขึ้นมาอย่าง
กระทันหัน
พุ่มไม้บนพื้นดินก็มีน้อยลงเช่นกัน บางที่ก็เต็มไปด้วยพื้น
โคลนสีดํา เมื่อเดินหน้าต่อไปอีกร ้อยกว่าเมตร เดิมทีทุกคนที่
เดินทางกันต่างเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลมากมาย ทันใดนั้นก็
รู ้สึกเย็นขึ้นมาก ความร ้อนของร่างกายกลับเย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้แต่ดวงอาทิตย ์ลอยอยู่เหนือศีรษะ ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู ้สึกร ้อน
มากอีกแล้ว
แต่ว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะทําให้บางคนเกิด
สงสัยขึ้นมา แต่พวกเขาทั้งหมดคิดว่ามันเกิดจากสภาพภูมิอากาศ
ที่เป็ นเอกลักษณ์ในภูเขา จึงไม่ได้สนใจอะไรมาก ทุกคนต่างค่อยๆ
เปิดแขนเสื้อของออก เพื่อสัมผัสถึงรู ้สึกเย็นและสดชื่น
“ปีศาจ ต้องเป็ นคําสาปของปีศาจแน่ๆ!”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตอนนี้ตะขิ่น บะ เตง ตินที่หน้าขาวซีด
มากขณะที่เดินตามกองทัพทหาร ปากก็พึมพํากับตัวเองด้วยภาษา
ท้องถิ่น ถ้าหากไม่มีคนรับผิดชอบคอยประคองเขา เกรงว่าตะขิ่น
บะ เตง ตินก็คงจะไม่มีแรงที่จะเดินต่อไปแล้ว
แม้ว่าครั้งแรกที่เขามาสถานที่แห่งนี้จะผ่านไปกว่าสี่สิบปี แล้ว
แต่ว่าตะขิ่น บะ เตง ตินก็ยังจําได้อย่างแม่นยํา ก่อนที่เขาจะบุกเข้า
ไปในถํ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ตลอดทางที่เต็มไปด้วยพืช เปี่ ยมล้นไป
ด้วยความมีชีวิตชีวา
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เดิมทีพืชเหล่านี้ปกคลุกอยู่บน
พื้นดิน แต่เหมือนหายวับไปกลางอากาศ เมื่อเดินต่อไปอีกร ้อยกว่า
เมตร ตะขิ่น บะ เตง ตินก็มองไม่เห็นมดหรือแมลงอาศัยอยู่สักตัว
ราวกับความเงียบสงบระหว่างสวรรค์และโลก
ลักษณะภูมิประเทศของภูเขาปีศาจนั้นแปลกมาก ทางเข้าถํ้าที่
อยู่กลางภูเขาเหล่านี้ เหมือนกับหุบเขาที่กว้างใหญ่ เมื่อเข้ามาตอน
แรก บนศีรษะยังสามารถมองเห็นแววตา แต่เมื่อเข้าไปลึกขึ้นก็จะ
พบว่าตัวเองเขามาอยู่ในถํ้าแล้ว
และหลังจากที่คุณเดินในถํ้าสักพัก ก็อาจจะยังแสงอยู่เหนือ
ศีรษะ จึงไม่จําเป็ นต้องใช ้ไฟฉายหรือจุดไฟ ก็สามารถมองเห็น
ลักษณะภายในถํ้าได้อย่างชัดเจน จึงเป็ นเหตุให้คนเดินลึกเข้าไป
ในถํ้าโดยไม่รู ้ตัว
อีกทั้งยังไม่รู ้ว่าการก่อตัวเป็ นรูปของสภาพบนพื้นดินนี้เป็ นมา
อย่างไร สถานที่ส่วนใหญ่รูปร่างและลักษณะจะเหมือนกัน ซับซ ้อน
เหมือนเขาวงกต ตอนที่แสงอาทิตย ์เหนือศีรษะบางลงในที่สุดก็ คิตะ
มิยะ ฮิเดโอะจึงสั่งให้กองทัพทหารหยุด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงควา
มืดครึ้มและหนาวเย็น
ที่นี่ไม่มีแม้แต่ลม แต่ทุกคนก็รู ้สึกถึงความหนาวเย็นที่เจาะทะลุ
หัวใจของพวกเขา แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความรู ้สึกเย็นสบาย
เมื่อครู่ บางคนที่มีร่างกายค่อนบอบบาง เริ่มเกิดอาการหนาวสั่น
ขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว
ใบหน้าของคิติมิยะ ฮิเดโอะเผยที่นิ่งขรึม ตกใจและสงสัย
สลับกันไปมา สิ่งที่เป็ นชนวนให้เกิดกลิ่นอายของความมืดครึ้มและ
หนาวเย็นแบบนี้ มันอยู่กับเขามาเกือบครึ่งศตวรรษ
แต่ทว่าตอนนี้ เวลาห้าทุ่มถึงตีหนึ่งของทุกวันเส้นเลือดของคิ
ตะมิยะ ฮิเดโอะจะต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานกับเข็มทิ่มแทงหัวใจนับ
หมื่น คนที่จิตใจวิปริตแบบเขา แท้จริงแล้วก็เป็ นวิธีระบายความ
เจ็บปวดทางหนึ่ง ไม่อย่างนั้น เกรงว่าคิตะมิยะ ฮิเดโอะคงทนไม่ได้
ตั้งนานแล้ว
สัมผัสถึงกลิ่นอายของพลังชี่พิฆาตที่เย็นชาและทะมึนภายใน
ของร่างกาย ทําให้ความคิดของคิตะมิยะ ฮิเดโอะย้อนกลับไปเมื่อ
สิบปีก่อนโดยไม่รู ้ตัว
ตะมิยะ ฮิเดโอะในตอนนั้น เป็ นเพียงแค่ลูกคนหนึ่งที่ไม่มีชื่ออยู่
ในคัมภีร ์ของลูกหลานสายสัมพันธ์โดยตรงของตระกูล ผู ้เป็ นพ่อ
ของเขาในฐานะหัวหน้าครอบครัว เป็ นเหมือนกับม้าที่ออกลูกชาย
ติดต่อกันสิบกว่าคน
แต่คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่ได้มีความโดดเด่นมาก เพื่อที่จะมี
โอกาสได้รับความดึงดูดความสนใจของพ่อ เขาจึงเข้าร่วมกองทัพ
ทหารล่าขุมทรัพย ์ในพม่า แต่ตอนที่พวกเขาพบสถานที่ซ่อนสมบัติ
ของบรรพบุรุษที่เสียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แล้วจึงพบว่า
สมบัติถูกขโมยคนอื่นไปก่อน
ทําให้หัวหน้าที่นํากองทัพมาเกิดโมโห หลังจากส่งคนที่เก่งใน
การสะกดรอยออกไปลาดตระเวน จึงพบว่ามีกลุ่มคนจีนเคยมา
เพ่นพ่านที่นี่แล้ว และเพิ่งเมื่อไม่นานมานี้
ผู ้อาวุโสคนนั้นจึงตัดสินใจ ณ ตอนนั้น ส่งกองกําลังไปติดตาม
และจ่ายเงินเป็ นจํานวนมากเพื่อหาไกด์ท้องถิ่น เมื่อคนจีนเหล่านั้น
กําลังจะเข้าสู่ประเทศจีน ในสถานที่ที่อันตรายของภูมิประเทศจึงจับ
พวกเขาเอาไว้ได้
ที่ผ่านมาคิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่เคยลืม ยามพลบคํ่าพระอาทิตย ์
ยามสายัณห์แดงฉานราวกับเลือด เขาและคนในตระกูลที่มีฝี มือ
ยอดเยี่ยมกว่าร ้อยคนซ่อนตัวอยู่ที่หุบเขาทั้งสองด้าน และที่นี่เป็ น
ทางที่ชาวจีนที่ต้องการกลับประเทศจีนต้องเดินผ่าน
แต่สิ่งที่ทําให้คิติมิยะ ฮิเดโอะคิดไม่ถึงก็คือ กองทัพทหารที่มี
เพียงยี่สิบคนเท่านั้นระวังตัวเป็ นพิเศษ โดยเฉพาะผู ้นํากองทัพคน
นั้นเหมือนมีสัมผัสที่หกก็ไม่ปาน ตอนที่กองทัพเพิ่งเดินเข้าไปใน
หุบเขา เขาจึงรีบหันหน้ากลับแล้วพุ่งออกไป
เพียงแต่ตรงข้างหลัง ก็ยังมีทหารดักซุ่มโจมตีของตระกูลคิตะมิ
ยะอยู่ และเพื่อทําความเข้าใจอย่างชัดเจนถึงที่อยู่ของสมบัติ ตอน
นั้นผู ้อาวุโสคนนั้นจึงไม่ได้ออกคําสั่งให้ยิง แต่ก็นํากองทัพทหารสิบ
กว่าคนล้อมลอบชาวจีนเหล่านั้นเอาไว้
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ทําให้ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง เพราะ
ชาวจีนที่เป็ นฝ่ ายเสียเปรียบ ได้ออกมือก่อน โดยหัวหน้าชาวชัก
กระบี่ชิงเฟิ งยาวสามฟุตที่อยู่ในมือ เมื่อเผชิญหน้ากันก็ฆ่าผู ้อาวุโส
คนนั้นตายคาที่
และชาวจีนที่เขาพาติดตามมาด้วย ทุกคนเหมือนกับเสือที่ลง
จากภูเขามีมาดที่น่าเกรงขามไม่ธรรมดา กองกําลังทหารกว่าสี่สิบ
กว่าคนของตระกูลคิตะมิยะ เมื่อเจอเหตุการณ์สองรุมหนึ่ง เพียง
ระยะเวลาสั้นๆ ก็ถูกชาวจีนเหล่านั้นสังหารจนหมดทั้งกองทัพ
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ ทําให้สมาชิกในครอบครัวที่
ยังคงซุ่มอยู่หลังภูเขาต่างก็ตกตะลึงกัน
พวกเขาหลายคนมีเคยส่วนร่วมในสงครามการรุกรานต่อต้าน
จีน ภาพแห่งความทรงจําของพวกเขา ชาวจีนก็เหมือนกับแกะที่
อ่อนแอ แม้แต่ทหารจีนที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนที่ใช ้ดาบปลายปืนแทง
ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู ้ของเขาทั้งหมด
เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า กลับโค่นล้มความรู ้ความ
เข้าใจของพวกเขาในสมัยก่อน ชาวจีนพวกนี้เป็ นแกะที่ไหนกัน?
ทุก คนเหมือนกับนักฆ่าก็ไม่ปาน จะบางคนหลังจากฆ่าญาติพี่น้อง
ของตัวเองแล้ว ก็ใช ้มีดแทงเข้าไปในหัวใจของพวกเขาแล้วเอาควัก
ออกมาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
หัวหน้าผู ้อาวุโสถูกฆ่า ความโหดร ้ายของศัตรู ทําให้คนญี่ปุ่น
ที่คุ ้นเคยกับการเชื่อฟังคําสั่งของผู ้บังคับบัญชา ไม่รู ้จะทําอย่างไร
ไปชั่วขณะ ความรู ้สึกตื่นตระหนกกระจายอยู่ในจิตใจของพวกเขา
เมื่อเห็นว่าจะพลาดโอกาสสําคัญ และชาวจีนเข้าพวกนั้นก็แยกกัน
เข้าไปในป่ าทึบทั้งสองด้านของหุบเขา
“ยิง ฆ่าพวกมันให้ตาย!”
เวลานี้เสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัด แล้วเสียงคําสั่งของคิตะมิยะ ฮิ
เดโอะก็ดังขึ้นมาด้วย คนญี่ปุ่นพวกนั้นรู ้เหมือนหาที่พึ่งพิงทางใจ
เจอแล้วอย่างฉับพลัน จึงเล็งปืนไปที่พวกชาวจีน แล้วยิงกระสุน
ออก
ถ้าจะพูดถึงความสามารถในการต่อสู ้แบบเดี่ยวของญี่ปุ่นถือ
ว่ามีความแข็งแกร่งมาก พวกเขายิงกระสุนออกไปท่ามกลางความ
สับสนและเตรียมตัวไม่พร ้อม แต่เสี้ยววินาทีนั้นกลับสามารถกราด
ยิงชาวจีนได้ถึงสิบเจ็ดสิบแปดคน และยังเหลืออีกห้าหกคน ที่ซ่อน
ตัวอยู่หลังหินผาก้อนใหญ่ ต่างฝ่ ายต่างยืนกรานและไม่ยอมอ่อน
ข้อต่อกันกับคนของตระกูลคิตะมิยะ
เมื่อการลอบสังหารประสบความสําเร็จ ทําให้คนญี่ปุ่นเหล่านั้น
รู้สึกมั่นใจอีกครั้ง และตําหนิตัวเองสําหรับความกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อ
ครุ่
ดังนั้นตอนที่อีกฝ่ ายเหลืออเพียงอยู่ห้าหกคนนั้น คนญี่ปุ่ น
เหล่านี้แต่ละคนจึงส่งเสียงร ้องเรียก จากนั้นจึงชักดาบซามูไรออก
จากเอวและวิ่งลงที่หุบเขา พวกเขาตัดสินใจที่จะใช ้วิธีการต่อสู ้ด้วย
กําลัง เพื่อลบล้างความอัปยศในใจของพวกเขาเมื่อครู่
แต่ว่าความเป็ นจริงได้โจมตีพวกเขาอีกครั้ง แม้ว่าอีกฝ่ ายจะ
เหลือเพียงห้าหกคน แต่ไม่มีใครที่ไม่มีประสบการณ์การต่อสู ้มา
ร ้อยสนาม การโจมตีของคนสี่สิบห้าสิบคน ไม่สามารถทําให้พวก
เขาเกิดความสับสนวุ่นวายได้ ตรงกันข้ามชาวจีนเพียงสองสาม
คนนนั้กลับฆ่าสิบกว่าคนติดต่กัน
เพียงแต่ครั้งนี้ คนญี่ปุ่นก็มีจิตใจที่เข้มแข็งพร ้อมที่จะต่อสู ้จน
ลืมความหวาดกลัว ด้วยจํานวนคนที่ได้เปรียบ ทําให้พวกชาวจีน
เหล่านั้นเริ่มสู ้ไม่ไหว สุดท้ายจึงเหลือเพียงหัวหน้าและชายร่างสูง
กํายําและแข็งแกร่งพยายามยืนด้วยความลําบาก แต่กลับถูกพวก
เขาล้อมไว้
คิตะมิยะ ฮิเดโอะมีนิสัยเหลี่ยมจัด ครั้งแรกที่บุกโจมตีข ้าศึก
เขาหลบอยู่ด้านหลังสุด เวลานี้ชาวจีนที่ใช ้ดาบคนนั้นชาวจีนคน
นั้นเหมือนว่าจะทานกําลังไม่ไหวแล้ว จึงเดินไปอยู่ข้างตัวเขา
หลังจากที่อีกฝ่ ายแสดงช่องโหว่ออกมา เขาจึงใช ้มีดตัดแขนซ ้าย
ของเขา
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ ายมีการตอบสนองที่เฉียบไว ไม่รอให้คิตะมิยะ
ฮิเดโอะขยายการต่อสู ้อีกต่อไป เขาจึงใช ้มีดแทงไปที่หัวใจของเขา
เร็วดั่งสายฟ้ าแลบ ถ้าเกิดว่าไม่ใช่คนข้างตัวใช ้ฝักดาบมาต้านไว้
เวลานี้คิตะมิยะ ฮิเดโอะคงกลายเป็ นกองกระดูกไปแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่าชายคนนั้นโกรธมาก คาดไม่ถึงว่าเขาจะทิ้งมีด
ของเขา ใช ้ฝ่ ามือขวาตบเข้าไปที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะ ตอนนั้นคิตะมิยะ
ฮิเดโอะก็สัมผัสได้ถึงพลังขนาดใหญ่ที่ผ่านออกมา เลือดในปากพุ่ง
กระเซ็น ร่างกายถอยครูดกระเด็นลอยไปข้างหลัง
จากสายตาที่พร่าเลือน ทําให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองเห็นผู ้ชายที่
แข็งแกร่งเหมือนเจดีย ์เหล็กแผดเสียงคํารามด้วยความโกรธ แล้วจึง
สู ้สุดชีวิตเพื่อหาทางออกคุ ้มกันคนที่แขนถูกตัดขาดคนนั้นฝ่ าวง
ล้อมออกไป ส่วนเรื่องหลังจากนี้ คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ไม่เห็นกับตา
ตัวเองอีก เพราะตอนนั้นเขาได้หมดสติไปแล้ว
หลังจากที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะฟื้นขึ้นมา อย่างแรกเขารู ้สึกว่า
ร่างกายนั้นหนาวเย็นมาก และก็ทําให้นิ สัยของเขาเกิดการ
เปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง พฤติกรรมอันชั่วร ้ายที่ฆ่าพ่อและลูกสาว
จึงเป็ นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลัง
เมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายที่เหมือนกับความเย็นชาอึมครึมที่
เกิดขึ้นภายในร่างกายทุกวันแล้ว ร่างกายของคิตะมิยะ ฮิเดโอะที่
ยืนอยู่ตรงนั้น จึงเกิดอาการสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่รู ้ว่าตัวเอง
ในตอนนี้ แท้จริงแล้วคือกลัวหรือตื่นเต้นกันแน่
“ไอ้โง่ โก่วซินเจีย หรือว่าแกยังไม่ตายใช่ไหม?”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะตระหนักดีว่า หลังจากเกือบครึ่งศตวรรษที่
ผ่านไป เขาจะใช ้วิธีการอย่างอื่นประลองฝี มือกับชาวจีนที่ชื่อโก่ว
ซินเจียอีกครั้ง
ตอนที่ 496 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น (3)
หลังจากจักรพรรดิฟื้นอํานาจในศตวรรษที่ผ่านมา ก็ไม่เคย
ขจัดความทะเยอทะยานของประเทศในแถบเอเชียมาตลอดและยัง
หน่วยสืบราชการลับจํานวนมากไปในหลายประเทศ
หลังจากไม่ได้ทองคํากลับมา ตระกูลคิตะมิยะก็รีบตรวจสอบให้
ชัดแจ้งถึงเบื้องหลังของคนพวกนั้นที่ทําให้พวกเขาเกือบตาย
ดังนั้นคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็รู ้จักชื่อของโก่วซินเจีย และรู ้เพิ่มเติมอีกว่า
เขาคนนี้เคยอยู่ในสงครามการต่อต้านญี่ปุ่น เขาเคยเป็ นเจ้าหน้าที่
หน่วยสืบราชการลับของจีนที่สร ้างความเสียหายให้กับกองทัพ
ญี่ปุ่นอย่างหนัก
ตั้งแต่นั้นมาตระกูลคิตะมิยะได้ระดมทรัพยากรจํานวนมาก ส่ง
คนแอบเข้าไปที่เกาะไต้หวัน อยากได้ทองคําจากโก่วซินเจีย แต่สิ่ง
ที่น่าตกใจคือ โก่วซินเจียที่ผ่านสนามรบมาร ้อยครั้งก็ไม่ตาย เขา
สามารถรอดชีวิตจากเหตุอัคคีภัยได้แปลกประหลาด
บริเวณรอบตัวรู ้สึกได้ถึงแก่นแท้ของพลังหยินพิฆาต ลูกหลาน
ของตระกูลคิตะมิยะที่เดินเข้าไปในถํ้ามีสีหน้าเปลี่ยนไป โชคดีที่
พวกเขาคนฝึ กหนักมาตั้งแต่เด็ก เลือดลมภายในร่างกายชีวิต
เปี่ ยมไปด้วยพลังฮึกเหิม สติปัญญาก็ยังไม่ถูกกัดกร่อนใน
ทันทีทันใด
แต่ถึงอย่างนั้น บางคนที่มีสุขภาพไม่ดี ก็จะทนไม่ค่อยไหว
พลังพิฆาตที่พัดผ่านร่างกายของพวกเขาเหมือนคลื่น กําลัง
ทําลายจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง คนที่ยืนอยู่ข้างหน้า
ทีใบหน้าหน้าซีดเซียว
“หัวหน้า ที่แปลกมาก พวกเราอย่าเพิ่งเข้าไปในชั่วคราว?”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิที่ยืนอยู่ข้างหลังคิตะมิยะ ฮิเดโอะ สีหน้าดู
ไม่ได้เลย เขาคือคนที่มีพรสวรรค์ในการค้าขายของตระกูลคิตะมิยะ
ที่หาเจอได้ยาก หลายปีที่ผ่านมาหากเขาไม่ได้คอยประคับประคอง
ด้วยความยากลําบาก เกรงว่าห่วงโซ่ของเงินทุนของตระกูลคิตะมิ
ยะคงขาดไปนานแล้ว
แต่ในวันที่คิตะมิยะ ฮิโคโตชิว่างก็จะฝึ กเค็นโด แต่พลังนั้นก็
ธรรมดามาก เทียบกับลูกหลานในตระกูลคิตะมิยะยังไม่ได้ ถ้าเขา
ไม่ได้มีความมุ่งมั่นมาก เวลานี้เกรงว่าจะไม่สามารถรักษาสภาพ
จิตใจของเขาไว้ได้แล้ว
“ถอย ถอยออกไปให้หมด!”
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิแล้ว คิตะมิยะ ฮิเด
โอะที่สีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลันยังคงติดอยู่ในห้วงของความทรง
จํา คนที่มาพม่าครั้งนี้ล้วนแล้วคือกองกําลังทหารของตระกูล ถ้า
หากว่าอวัยวะเพศของเขานั้นไม่ตื่นตัวก็เกรงว่าจะเป็ นผู ้ชายเต็มตัว
ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ต้องกลายเป็ นนักโทษที่ใหญ่
ที่สุดในตระกูลแล้ว
ที่จริงแล้วคิตะมิยะ ฮิเดโอะก็รู ้สึกกลุ ้มใจอย่างมาก ฝ่ ามือที่เต็ม
ไปด้วยความเกลียดชังของโก่วซินเจียในตอนนั้น ได้รวบรวมพลัง
ทั้งหมดไว้ในฝ่ ามือ ขณะเดียวกันพลังพิฆาตแทรกซึมเข้าไปใน
ร่างกายของเขา ส่วนเรื่องพลังพิฆาตทําให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่
สามารถเป็ นลูกผู ้ชายได้นั้นเกิดอย่างไม่ตั้งใจ แม้แต่ตัวโก่วซิน
เจียเองก็ไม่รู ้
และพลังพิฆาตในเวลานี้ได้สร ้างค่ายกลพิฆาตจิ๋วกุ่ยสั่ว จึงมี
ผลกระทบต่อระบบประสาทของมนุษย ์ มันสามารถทําลายระบบ
ประสาทส่วนกลางของมนุษย ์ ทําให้เกิดภาพหลอน แต่ไม่ได้เป็ น
อันตรายต่อร่างกายมากนัก
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหัวหน้า พวกลูกหลานของตระกูล
เดิมทีที่รู ้สึกกระวนกระวายใจได้ลดน้อยถอยลงไปราวกับนํ้าลด
จะว่าไปมันก็น่าแปลก หลังจากพวกเขาแค่ถอยออกมาห้าสิบ
ก้าว ความรู ้สึกหนาวเย็นของร่างกายก็หายไปทันที ดวงอาทิตย ์
ส่องแสงตรงเหนือหัวทําให้ร่างกายอบอุ่นไปทั้งตัว เมื่อเทียบกับเมื่อ
ครู่ เหมือนไฟและนํ้าแข็งที่แตกกต่างกันอย่างสิ่นเชิง
“หืม? ทําไมเขายังไม่กลับมานะ?”
ทุกคนหยุดเดิน คิตะมิยะ ฮิเดโอะสังเกตว่า ตําแหน่งที่พวกเขา
ยืนในตอนแรก ยังมีคนหนึ่งหลงเหลืออยู่ตรงนั้น สีหน้าเหมือนจะยิ้ม
แต่ไม่ยิ้ม ดวงตาจ้องมองเข้าไปในส่วนลึกของถํ้า คนนั้นก็คือตะขิ่น
บา เตง ติน
“ไป ไปลากเขากลับมา!” คิตะมิยะ ฮิเดโอะออกคําสั่ง สองคน
ในตระกูลก็ออกมาวิ่งไปทางตะขิ่น บา เตง ติน
เพียงแต่สองคนนั้นยังไม่ทันวิ่งไปถึงตะขิ่น บา เตง ติน ทันใด
นั้นทาคิน เต็ง ตินก็ชูมือทั้งสองข้างเหนือศีรษะแล้วโบกไปมา
พร ้อมตะโกนเสียงดังที่แหบพร่าออกมาว่า “ปีศาจ ฉันจะฆ่าแก ฉัน
จะฆ่าแก!”
ในขณะที่ตะโกนอยู่นั้นตะขิ่น บา เตง ติน ก็เริ่มก้าวเท้าออกมา
เดินโซซัดโซเซลึกเข้าไปในส่วนลึกของถํ้า มือทั้งสองคว้าจับ
อากาศมั่วซั่ว เหมือนกําลังต่อสู ้อยู่กับคนอยู่ คนในตระกูลคิตะมิยะ
มองอยู่อย่างนั้น แล้วก็เกิดความรู ้สึกเหน็บหนาวขึ้นมาในใจแม้แต่
ทั้งสองที่กําลังออกไปก็หยุดวิ่งทันที
พื้นดินในถํ้าไม่ค่อยเรียบ หลังจากวิ่งต่อไปอีกสิบกว่าเมตร
เท้าของตะขิ่น บา เตง ติน ก็สะดุดหินที่นูนออกมาแล้วกลิ้งไปบน
พื้น หลังจากล้มลงแล้ว ตะขิ่น บา เตง ติน ก็ใช ้มือทั้งสองของเขา
บีบคอของตัวเอง ส่งเสียง “ฮึ่ม ฮึ่ม” ออกมาจากปากราวกับลม
หายใจที่กระชั้นถี่ของสัตว ์ร ้าย
และก็ไม่รู ้ว่าตะขิ่น บา เตง ติน ไปเอาแรงมากมายขนาดนี้มา
จากไหน ทันใดนั้นหน้าของเขาก็แดงกํ่า ดวงตาโปนออกมาข้าง
นอกเหมือดวงตาของปลา ยันขาทั้งสองของเอาไว้ไม่หยุด
ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงสิบวินาที ตะขิ่น บา เตง ติน ก็หยุดต่อสู ้
ดิ้นรน อวัยวะบนใบหน้าช่องท้องทั้งเจ็ดตา หู จมูก ปาก ก็มีเลือด
สดไหลออกมา ทําให้เกิดความแปลกประหลาดและน่ ากลัวบน
ใบหน้าที่นอนตายตาไม่หลับของเขา ทุกคนที่มองดูอยู่ต่างถอย
หลังโดยไม่รู ้ตัว พร ้อมกับพ่นลมหายใจเย็นออกมา
ฆ่าตัวตายไม่น่ากลัว ตอนนี้ทั่วโลกจะมีคนตายจากการฆ่าตัว
ตายอยู่ที่เก้าแสนคนทุกปี โดยเฉลี่ยทุกสี่สิบวินาทีก็จะมีหนึ่งคนที่
ฆ่าตัวตาย อีกทั้งวิธีการฆ่าตัวตายก็มีหลายแบบ มีทั้งกินยาพิษ
แขวนคอ กระโดดแม่นํ้า หรือช็อตไฟฟ้ า อีกทั้งวัฒนธรรมการผ่า
ท้องของญี่ปุ่น เป็ นวิธีการบีบบังคับตัวเองให้ตาย และคนที่อยู่ในนี้ก็
ไม่ได้เห็นเป็ นครั้งแรกด้วย
ไอ้โง่ มีแต่คนนี้เท่านั้นที่จะรู ้วิธีการเข้าไปในถํ้าทําไมกลับตาย
สะแล้ว คิตะมิยะฮิเดโอะกลั้นโมโหไว้ไม่อยู่ เดินไปหาสองคนที่ให้วิ่ง
ตามไปเมื่อกี้ ตบไปที่หน้าของพวกเขาทั้งสองซํ้าแล้วซํ้าเล่า
“ไอ้งั่ง!” เมื่อเห็นพยานเพียงคนเดียวที่เข้าไปในถํ้าตอนนั้นต้อง
ตายไปแบบนี้ คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงโกรธขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้รีบวิ่ง
ไปข้างตัวของสองคนที่เพิ่งวิ่งออกไป แล้วตบหน้าพวกเขาไปมา
ติดต่อกันสี่ครั้ง
ขณะที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะอยากจะตบหน้าอีก ทันใดนั้นเสียงที่แก่
ก็ดังออกมาจากในกลุ่ม “ฮิเดโอะ ความโกรธ ระงับอารม์โกรธบ้าง
ช่วงนี้อารมณ์ของคุณเริ่มไม่มั่นคงเรื่อยๆ แล้ว!”
เมื่อได้ยินคนกล้าเรียกชื่อของคิตะมิยะ ฮิเดโอะแบบนี้ ทําให้
ลูกหลานในตระกูลต่างก็ตกใจเป็ นอย่างมากแล้วจึงทยอยหันไป
กลับเห็นคนแก่สามคนยืนหลังค่อมอยู่ตรงกลางกลุ่มผู ้คน
คนแก่สามคนนี้น่าจะอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้ตลอด แต่ที่น่าแปลก
ใจก็คือ จนกระทั่งหนึ่งคนในนั้นพูดออกมา คนที่อยู่ข้างๆ เพิ่ง
สังเกตเห็นตัวตนของพวกเขา
เสียงที่ไม่ค่อยดัง แต่กลับทําให้คิตะมิยะ ฮิเดโอะที่กําลังโมโห
อยู่นั้นใจเย็นลง แล้วจึงหันกลับไปมองกลุ่มคน พูดว่า “ผู ้อาวุโสฟูจิ
โอะ เป็ นเพราะฮิเดโอะไร ้ความสามารถ ผ่านมานานหลายปีก็ยังหา
ของชิ้นนั้นพบสักที ทําให้ตระกูลต้องตกตํ่า!”
“ผู ้อาวุโสฟูจิโอะ เขาก็คือคิตะมิยะ ฟูจิโอะ?”
“โอ้พระเจ้า ผู ้อาวุโสฟูจิโอะยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
คิตะมิยะฮิเดโอะเพิ่งพูดออกไป ทุกคนก็ต่างส่งเสียงตื่นเต้น
ตกใจ สายตาของทุกคนมองไปที่ผู ้อาวุโสสามคนนั้น พวกเขา
ต้องการรู ้ว่าคนไหน ถึงถูกคิตะมิยะ ฮิเดโอะเรียคิตะมิยะ ฟูจิโอะเป็ น
ผู ้อาวุโสฟูจิโอะ?
“ไม่โทษเธอหรอก ประเทศจีนมีคนแปลกอยู่มาก มันไกลเกิน
กว่าคนญี่ปุ่นอย่างเราจะชนะได้”
ผู ้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงกลางส่ายหัวไปมา ดวงตาทั้งสองที่ขุ่นได้
เกิดแสงสว่างทันทีแล้วพูดว่า “สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างแปลก เป็ นไป
ได้ว่าจะมีคนวางค่ายกลฉีเหมินไว้!”
“ค่ายกลฉีเหมิน?” คิตะมิยะ ฮิเดโอะได้ยินจึงตกตะลึง จึงถาม
ว่า “ผู ้อาวุโสฟูจิโอะครับ มีวิธีที่จะทําลายมันไหมครับ?”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะรู ้ว่า คนชราที่อยู่ตรงหน้านี้ แม้ว่าจะอยู่ใน
ตระกูลคิตะมิยะ แต่เขาก็คือบุคคลในตํานานที่มีความสามารถคน
หนึ่ง เขาเกิดก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อายุสามขวบก็เริ่ม
ฝึกซ ้อมวิชานินจา ตอนที่เขาอายุแปดขวบก็ตามพ่อไปที่ประเทศ
จีน ก็ไม่เคยหยุดฝึกซ ้อมวิชานินจา
ในยุคของขุนศึกที่วุ่นวายในประเทศจีน ตอนที่คิตะมิยะ ฟูจิโอะ
เป็ นวัยรุ่นเขาก็ได้แฝงตัวอยู่ในเซียงไฮ้ เคยเข้ารวมกลุ่มแก้งค์ชิงปัง
ต่อมาเขาแสร ้งทําเป็ นเป็ นคนจีนเข้าไปเยี่ยมครูที่มีชื่อเสียงเพื่อ
ฝึกฝนศิลปะการต่อสู ้
ตอนอายุสามสิบ คิตะมิยะ ฟูจิโอะได้นําวิชาดาบของจีนหลอม
รวมเข้าเค็นโดของตระกูล ทําให้วิชาการใช ้ดาบของตระกูลตะมิยะ
เป็ นที่หนึ่ง และในความรวดเร็วและรุนแรงก็มีวิชาการป้ องกัน
เพิ่มเติม จึงเป็ นเหตุให้เกิดความฮือฮาอึกทึกครึกโครมในญี่ปุ่ น
ตอนนั้น และถูกขนานนามว่าเป็ นปรมาจารย ์เค็นโด ช่วงอายุ
สามสิบห้าปี ก็เข้าไปอยู่ในคริสตจักรเพรสไปทีเรียนของตระกูล
ในสงครามการต่อต้านญี่ปุ่ น คิตะมินยะ ฟูจิโอะเป็ นหนึ่งใน
สมาชิกของแก๊งมังกรดํา ได้ทําความผิดในประเทศจีนอยู่บ่อยครั้ง
เขาจะพายอดฝี มือของเค็นโดของญี่ปุ่ นไปด้วยหลายครั้ง ล้อม
ปราบปรมาจารย ์ที่เขาเคยขอเป็ นศิษย ์ และสังหารนักต่อสู ้ของยุทธ
จักรของจีนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
แต่หลังจากที่ญี่ปุ่ นแพ้และยอมจํานน คิตะมิยะ ฟูจิโอะก็หาย
ต๋อมไปเลย กระทั่งคนในตระกูลก็ไม่รู ้ว่เขาไปไหน คนส่วนใหญ่คิด
ว่าเขาตายในช่วงสงครามไปแล้ว แต่ตอนนี้คิตะมิยะ ฟูจิโอะมา
ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็ทําให้ลูกหลานทุกคนต่างตกใจเป็ นอย่างมาก
“นี่อาจเป็ นเพื่อนเก่าที่สร ้างค่ายกลเอาไว้ ก็คือสํานักเสื้อป่ าน
ของจีน!”
คิตะมิยะ ฟูจิโอะก้าวไปข้างหน้าประมาณยี่สิบกว่าก้าว หลับตา
ลงและสัมผัสได้ถึงพลังงานของพิฆาตรุนแรง หลังจากผ่านไปนาน
มาก ก็พูดออกมาว่า “ลือกันว่าในจีนมีคนแปลกอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่าห
ลี่ซั่นหยวน ฉันไม่มีโอกาสได้เห็น แต่ว่าลูกศิษย ์ของเขา ก็คือโก่ว
ซินเจีย ฮิเดโอะ เธอก็รู ้จักคนคนนี้นี่นา!”
คิตะมิยะ ฟูจิโอะอยู่ในสมัยสงครามการต่อต้านญี่ปุ่นเคยเป็ น
เพื่อนกับโก่วซินเจีย เขาเป็ นผู ้นําพวกนินจาของญี่ปุ่น ส่วนโก่วซิน
เจียคือผู ้นําในหมู่คณะฉีเหมิน และเคยต่อสู ้กันโดยที่ไม่มีใครรู ้มา
ก่อน
ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ ายจะสูสีกัน แต่คิตะมิยะ ฟูจิโอะเข้าใจดี ถ้า
หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองกําลังญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งในเวลา
นั้น เกรงว่ากองพลนินจาที่เขาพามานั้น ก็คงถูกโก่วซินเจียตีพ่าย
จนยับเยิน
“ที่แท้ก็เป็ นเขา ผู ้อาวุโสฟูจิโอะครับ ในเมื่อเขาสร ้างค่ายกล
ที่นี่ อย่างนั้นก็ต้องมีทรัพย ์สมบัติของตระกูลซ่อนอยู่ข้างใน
แน่นอน!” สายตาของคิตะมิยะ ฮิเดโอะเปล่งแสงถึงความเคียดแค้น
ความเจ็บปวดที่เขาต้องทนทุกข์ทุกวันมานับทศวรรษ ทําให้เขา
เกลียดโก่วซินเจียเข้ากระดูกดํา
“ค่ายกลฉีเหมินมีการเปลี่ยนที่ไม่อาจคาเดาได้ ฉันต้องใช ้
เวลานิดหน่อย!”
ตอนนั้นที่คิตะมิยะ ฟูจิโอะแอบขโมยวิชาศิลปะการต่อสู ้ใน
ประเทศจีน ตั้งแต่รากกระดูกถูกสร ้างขึ้นแม้ว่าจะได้เรียนศิลปะการ
ต่อสู ้และฉีเหมินตุ ้นเจี่ยมาบ้าง แต่ว่าการถ่ายทอดหัวใจสําคัญของ
สํานักต่างๆ ในฉีเหมิน กลับสัมผัสไม่ถึง และค่ายกลที่อยู่ตรงหน้านี้
ใช่ว่าจะทําลายก็ทําลายได้
“โอเค ถ้าอยากนั้นก็ต้องรบกวนผู ้อาวุโสฟูจิโอะแล้ว!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะสั่งให้ทุกคนในตระกูลถอยหลังไปประมาณสิบ
เมตร แล้วมองไปที่คิตะมิยะ ฮิโคโตชิและถามว่า “คนที่อยู่รอบนอก
ยังติดต่อไม่ได้อีกหรือ? ทําไมถึงเป็ นอย่างนี้ไปได้?”
ตอนที่เดินทางเข้าไปในภูเขาปีศาจ การติดต่อของพวกเขา
กันเขตภายนอกได้ขาดหายอย่างแปลกประหลาด เพียงแต่สถานที่
แห่งนี้ห่างไกลความเจริญ คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงคิดไม่ถึงว่า หลังจาก
ที่พวกเขาทําตัวเหมือนตั๊กแตนจับจั๊กจั่นนั้น ยังมีนกขมิ้นที่
เตรียมพร ้อมแล้วซ่อนอยู่ข้างหลัง
ตอนที่ 497 นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง (1)
“ติดต่ออะไรไม่ได้ หัวหน้าครับ ที่นี่น่าจะมีสนามแม่เหล็กอะไร
เป็ นพิเศษ ทําให้ไม่มีสัญญาณในการติดต่อสื่อสาร”
คิตะมิยะ ฮิโคโตชิส่ายหัวพูดว่า “เมื่อกี้ที่ฉันส่งสามคนกลับไป
ที่หมู่บ้าน ระหว่างทางมีงูและแมลงมากมาย ทั้งสามคนโดนกัด
ได้รับบาดเจ็บ ทําได้แต่เพียงรอเอาทองคํามาได้ก่อน แล้วทุกคนก็
กลับไปด้วยกัน”
ตอนที่ทุกคนในตระกูลคิตะมิยะเดินเข้าไปในภูเขา ใช ้เพียงแค่
รถหุ ้มเกราะในการเดินทาง อีกทั้งยังใช ้ปืนไฟฉีดพ่นสพุ่มไม้ และก็
ฉีดพ่นกํามะถันขับไล่พวกงูสองข้างทาง ทําให้พวกงูและแมลงมีพิษ
ไม่กล้าเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย
แต่หลังจากที่ทุกคนเดินผ่านไปแล้ว พวกงพิษเหล่านั้นก็ค่อยๆ
รวมตัวกันอีกครั้ง และก็ไม่รู ้เป็ นเพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงไหม
พวกงูพิษเหล่านี้เหมือนจะไม่กลัวกํามะถัน มีบางตัวก็กลับไปที่
อาณาเขตของมัน และตอนที่สามคนนั้นเดินผ่าน ไม่ทันได้ระวังก็
ถูกงูฉกเข้า
“หัวหน้า ถึงยังไงก็รู ้แล้วว่าสมบัติได้ถูกซ่อนอยู่ในนี้ อย่างนั้น
พวกเราก็ถอยกลับก่อน แล้วเตรียมแผนการให้ดีกว่านี้ดีไหมครับ?”
ไม่รู ้ว่าเพราะอะไร คิตะยันมิยะ ฮิโคโตชิมีความรู ้สึกกระวน
กระวายใจ ความรู ้สึกแบบนี้เหมือนตอนที่คนในตระกูลพลาดท่า
เสียทีให้กับการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย ์ เขาก็เคยผ่ าน
สถานการณ์แบบนั้นมาก่อน เพียงแต่ว่าคําพูดของคนตํ่าต้อยย่อม
ไม่มีนํ้าหนักน่าเชื่อถือ กลับไม่มีใครเชื่อในคําพูดของเขา
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น คิติมิยะ ฮิโคโตชิเข้าสู่วิสัยทัศของ
การเป็ นหัวหน้า ก็เริ่มต้นเลียนแบบธุรกิจการลงทุนต่างประเทศของ
ครอบครัว จนกระทั่งปีที่แล้ว จึงได้รับการแต่งตั้งเป็ นผู ้สืบทอดของ
ตระกูล
“ฉันก็รู ้สึกไม่ดี แต่ว่าในครั้งนี้ ต้องเอาสมบัตินั้นมาให้ได้”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะส่ายหัว เขาก็คือคนที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปี แล้ว
อีกทั้งพลังพิฆาตภายในร่างกายก็กําเริบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ คิตะมิยะ ฮิ
เดโอะก็ไม่รู ้ว่าตัวเองจะรับมือกับอาการนี้ได้อีกนานแค่ไหน ถ้าหาก
ว่าหาสมบัตินั้นไม่เจอ เขาคงนอนตายตาไม่หลับ
“หัวหน้า สมบัติสามารถเอาเมื่อไรก็ได้ แต่ว่าพวกเราจะถูก
ล้อมไว้ที่นี่ มันเกี่ยวกับการอยู่รอดของตระกูล!” ถึงแม้จะไม่กล้า
ตําหนิว่ากล่าว แต่คําพูดของคิตะมิยะ ฮิโคโตชินั้นกลับไม่น่าฟังสัก
เท่าไร หลังจากพูดจบ เขาจึงคาดเดาอยู่ในใจ กลัวว่าจะทําให้คิตะ
มิยะ ฮิเดโอะโกรธ
“ฮิโคโตชิ กาลเวลาไม่เคยรอใคร กว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ไม่
สามารถถ่วงเวลาให้นานกว่านี้ได้อีกแล้ว!”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะมองซ ้ายมองขวาหนึ่งที ดูเหมือนจะตัดสินใจ
บางอย่าง แล้วจึงพูดกับคิตะมิยะ ฮาเซดะว่า “พวกเธอถอยกลับไป
ทั้งหมด หน่วยลอบสังหารไร ้เงา คอยเฝ้ าระวังภายในระยะสามสิบ
เมตร!”
ภายในตระกูลคิตะมิยะ มีทั้งหมดสองหน่วยที่มีความสามารถ
พิเศษอยู่หนวยหนึ่งเป็ นหน่ วยสังหารไร ้เงาที่รวมตัวจากนินจา
รับผิดชอบในการลอบสังหารและสายลับและสืบความรัก ส่วนอีก
หน่วยหนึ่งจะเป็ นเหมือนนักรบที่พร ้อมพลีชีพ รับผิดชอบในการ
โจมตีและสังหาร ทั้งสองรวมกันเรียกว่าการลอบสังหารไร ้เงา
ในครอบครัวของญี่ ปุ่ นจากยุคสงคราม โดยทั่วไปจะมี
หน่วยงานลับดังกล่าวปะปนอยู่ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคืออิกะ โคกะ
มูซาชิซึ่งเป็ นตระกูลนินจาเป็ นต้น กําลังการต่อสู ้ของพวกเขา เมื่อ
เทียบกับตระกูลคิตะมิยะแล้วยังเหนือกว่าอีกขั้น
ภายใต้คําสั่งของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ หน่ วยลอบสังหารไร ้เงา
ทั้งหมดมีสามสิบกว่าคนก็แยกกันทันที รีบจัดสมาชิกของตระกูล
ต่างห่างกันออกไปสิบเมตร ก่อตัวเป็ นทรงกลมโค้งมน ภายในทรง
กลมโค้งมนนี้มีคนยืนอยู่ในนั้นน้อยมาก
หลังจากทําการเฝ้ าระวังเสร็จแล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะก็ยืนอยู่ข ้าง
ผู ้อาวุโสคิตะมิยะ ฟูจิโอะแล้วพูดกับเขาว่า “ผู ้อาวุโสโชตะ ฮิโคโตชิ
คือลูกหลานที่มีผลงานโดดเด่นในตระกูล เรื่องพวกนี้ ผมคิดว่า…
ไม่ควรจะปิดบังเขาอีกแล้ว”
ตอนที่เผชิญหน้ากับผู ้อาวุโสคนนี้ คิตะมิยะ ฮิเดโอะรู ้สึกตัวเอง
โอหังเล็กน้อย เพราะว่าอายุกับฐานะของเขา ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า คิ
ตะมิยะ โชตะที่อยู่ตรงหน้านี้ เพียงแค่ตัวเขาไม่ได้ยินยอมเข้าร่วม
สมาคมผู ้อาวุโสเท่านั้น
หลังจากที่ผู ้อาวุโสโชตะได้ยินคําพูดของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิ
แล้วจึงพยักหัวและพูดว่า “ฮิโคโตชิ นี่คือความลับสุดยอดของตะมิ
ยะของฉัน เธอสามารถรับรองว่าจะไม่เผยแพร่ออกไปได้ไหม?”
“ผู้อาวุโสครับ ฮิโคโตชิคงจะไม่พูดเรื่องที่ได้ยินในออกไปให้
คนอื่นทราบแม้แต่คําเดียวเด็ดขาดครับ!” เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึม
ของหัวหน้าและผู ้อาวุโส หัวใจของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิจึงสั่นสะเทือน
เดิมที่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าทองคํานี้เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาด
นั้น และก็เป็ นเหมือนที่เขาคิดไว้ ข้างในยังมีความลับอย่างอื่นอีก
“ ดี ฮิโคโตชิ เธอรู ้จักคนที่ชื่อคิตะมิยะ มาซาทาเกะไหม?” คิ
ตะมิยะ ฮิเดโอะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“รู ้จักครับ เขาคือวีรบุรุษของตระกูลพวกเรา เคยเป็ นหัวหน้า
กองพลพม่าครับ” คําถามของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ทําให้คิตะมิยะ ฮิโค
โตชิรู ้สึกไม่เข้าใจนิดหน่อย หรือเรื่องทองคําล็อตนี้ของพม่า ก็คือคิ
ตะมิยะ มาซาทาเกะเป็ นคนเอาไปซ่อน และมีคนที่มีตําแหน่ งใน
ตระกูลบางส่วนก็รู ้ถึงที่ซ่อนของมัน
คิตะมิยะ ฮิเดโอะพูดว่า “เขาคือหัวหน้ากองพลของกองพล
พม่านั้นเป็ นเรื่องจริง แต่ว่าเขาก็คือคนในตระกูลที่รับผิดชอบ
บริหารการเงินของตระกูลเช่นกัน!”
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหัวหน้าแล้ว คิตะมิยะ ฮิโคโตชิ
ตกใจจนอ้าปากค้าง พลางคิดว่าคนที่รับผิดชอบบริหารการเงิน
ของตระกูล มีความสําคัญเท่าเจ้าของบ้าน ปกติจะดูแลภายใน
ตระกูล คิตะมิยะ ฮิโคโตชินึกไม่ถึงว่าในยุคสมัยนั้น คือคิตะมิยะ มา
ซาทาเกะจะรับผิดชอบจัดการบริหารการเงินของตระกูล
สายเลือดของคิตะมิยะ ฮิเดโอะคือความสัมพันธ ์สายตรงของ
ตระกูลคิตะมิยะ คิตะมิยะ ฮิเดโอะคือลูกชายของหัวหน้าคนก่อน
และคิตะมิยะ โชตะที่ยืนอยู่ข ้างเขา ก็คือพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเขา
เมื่อกี้ที่พูดถึงคิตะมิยะ มาซาทาเกะ ก็คือพี่ชายแท้ๆ ของผู้อาวุโสโช
ตะ
ตอนนี้คิตะมิยะ ฮิโคโตชิในเหมือนจะคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ไม่
สามารถจับทางได้ แล้วจึงถามอย่างช่วยไม่ได้ “หัวหน้า ความ…
ความหมายของท่าน ผม…ผมไม่เข้าใจครับ…”
คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงค่อยๆ เอ่ยพูด “ฮิโคโตชิ เธอรู ้ไหมว่าทําไม
หลังสงคราม การพัฒนาตระกูลคิตะมิยะของฉัน ถึงด้อยไปกว่ารุ่น
อื่นๆ?”
“ไม่รู ้ครับ” คิตะมิยะ ฮิโคโตชิส่ายหัว เพราะว่าเขาเกิดหลังจาก
สงคราม จนกระทั่ งปลายปี หนึ่ งพันเก้าร ้อยแปดสิบได้รับ
ความสําคัญจากคิตะมิยะ ฮิเดโอะ ทําให้รู ้ว่าสิ่งของมีความจํากัด
มากมาย
เพียงแต่ว่าหลังจากที่ได้รับสิทธิ ์ในทรัพย ์สินของตระกูลคิตะมิ
ยะ คิตะมิยะ ฮิโคโตชิก็สงสัยมาตลอด เพราะว่าในสายตาของเขา
ตระกูลคิตะมิยะที่มีทรัพย ์สินมากมายมหาศาลจนเทียบไม่ได้นี้ แต่
ความจริงแล้วเงินที่สามารถใช ้ได้นั้นมีความจํากัดมาก ส่วนใหญ่
เป็ นอสังหาริมทรัพย ์ เมื่อเทียบกับฐานะในญี่ปุ่นตระกูลคิตะมิยะยัง
ไม่มีความสอดคล้อง
“เพราะว่าทรัพย ์สมบัติของตระกูลคิตะมิยะของพวกเรา ต้องอยู่
ในมือของคิตะมิยะ มาซาทาเกะเป็ นส่วนใหญ่ ตอนนั้นเขาเสียชีวิต
จากการสู ้รบกับพม่า และที่อยู่ของทรัพย ์สมบัติเหล่านั้นจึง
กลายเป็ นปริศนา แต่ว่าฉันเชื่อ พี่มาซาทาเกะของ จะต้องเก็บ
รักษาทรัพย ์สมบัติเหล่านั้นไว้แน่นอน…”
เมื่อฟังการบรรยายของคิตะมิยะ ฮิเดโอะ และสิ่งที่เป็ นพียง
ความลับสําคัญที่เล่าสืบต่อกันมาในตระกูลคิตะมิยะ ได้ปรากฏอยู่
ตรงหน้าของคิตะมิยะ ฮิโคโตชิ
ที่แท้เพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากสงคราม ตอนนั้น
ตระกูลคิตะมิยะเกือบส่งคนที่มีฝี มือโดดเด่นทั้งหมด และคิตะมิยะมา
ซาทาเกะ ที่มีสิทธิในการดูแลทรัพย ์สิน จึงได้เลื่อนขั้นไปดํารง
ตําแหน่งหัวหน้ากองพลพม่า
ตอนนั้นตระกูลคิตะมิยะได้ทรัพย ์สินมากมายมหาศาลจากทุก
สมรภูมิ รวบรวมผ่านทุกช่องทางโดยผ่านมือของคิตะมิยะ มาซาทะ
เกะ
หลังจากสงครามกับอเมริกา ญี่ปุ่นจึงเผยความเสื่อมโทรมที่จะ
เสื่อมโทรมลง คิตะมิยะ มาซาทาเกะจึงรู ้ตัวว่า สถานการณ์ในการ
ทําสงครามจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปทวีบ
ยุโรปด้วยตัวเอง นําทรัพย์สมบัติของตระกูลคิตะมิยะที่ตัวเองบริหาร
ดูแลฝากไว้ที่ รวบรวมเงินทั้งหมดเก็บเข้าธนาคารกลางของ
ประเทศสวิสเซอร ์แลนด์
เนื่องจากประเทศสวิตเซอร ์แลนด์ได้รักษาความเป็ นกลาง
ทางการเมืองและการทหารในประวัติศาสตร ์ ดังนั้นอุตสาหกรรม
ทางการเงินจึงมีการพัฒนามากที่สุดในโลก ระบบการเงินที่
สมบูรณ์แบบและระบบ “ความลับของธนาคาร” ที่เป็ นที่รู ้จักกันดีมี
ความน่าดึงดูดอย่างมากต่อกระแสเงินสดระหว่างประเทศ แม้ในช่วง
สงคราม ความน่าเชื่อถือของมันก็เพียงพอแล้วสําหรับคนญี่ปุ่นที่จะ
เก็บเงินไว้ในนั้น
ไม่มีใครรู ้ว่าคิตะมิยะ มาซาทาเกะเก็บเงินไว้ในธนาคารกลาง
ของประเทศสวิสเซอร ์แลนด์เป็ นจํานวนมากเท่าไร แต่สิ่งที่มั่นใจได้
ก็คือ เงินที่ตระกูลคิตะมิยะสะสมมาร ้อยกว่าปี ต้องมีเจ็ดสิบ
เปอร ์เซ็นต์ที่อยู่ในนั้น
เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า คิตะมิยะ มาซาทาเกะจะแสดงความ
จงรักภักดีต่อจักรพรรดิในพม่า ถึงแม้เหล่าพี่น้องอาจจะไม่มีจิตใจ
ซื่อสัตย ์แบนี้ ทว่ากระสุนไม่มีตา กระทั่งเขาไม่ทันแม้แต่ทิ้งคําสั่งเสีย
โชคดีที่ตอนนั้นลูกหลานของตระกูลคิตะที่อยู่ข้างกายคิตะมิยะ
มาซาทาเกะได้ปล่อยข่าวออกไป แต่เขาไม่ใช่คนที่รับผิดชอบซ่อน
ทองคํา เขารู ้เพียงแค่ตําแหน่งคร่าวๆ และนี่ก็เป็ นเวลาหลังจากห้าปี
ที่ญี่ปุ่นยอมแพ้ ทําให้ตระกูลคิตะมิยะสามารถสืนค้นตําแหน่งของ
ทองคําอย่างละเอียด ซึ่งเป็ นสาเหตุหลักที่เขาส่งคนมาที่พม่า
“ที่แท้ก็เป็ นอย่างนี้ หัวหน้าครับ ผมเข้าใจท่านผิดไป เชิญท่าน
ลงโทษได้ครับ!”
เมื่อได้ยินเรื่องที่ผ่านมาในอดีตแล้ว คิตะมิยะ ฮิโคโตชิจึงเข้าใจ
อย่างลึกซึ้ง ไม่แปลกใจเลยที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะไม่สนใจการคัดค้าน
ของคนมากมายในตระกูล ลงทุนเงินจํานวนมหาศาลสร ้างโรงแรม
ห้าดาวในพม่าเพื่อทําการสอดแนม และจะลงทุนในพม่าทุกปี ซึ่ง
จุดประสงค์หลักของเขาไม่ใช่ทองคําเหล่านั้นเพียงอย่างเดียว แต่
เขาต้องการตามหาความมั่งคั่งที่คิตะมิยะ มาซาทาเกะเก็บไว้ใน
ธนาคารกลางของประเทศสวิสเซอร ์แลนด์อีกด้วย
ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ประเทศญี่ปุ่นเคยเข้าร่วมสงคราม
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจึงกวาดทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งหมด ทรัพย ์สมบัติที่พวกเขาแย่งมาทั้งหมด ก็คือจํานวนเงิน
มหาศาล แม้จะลองคํานวณเป็ นอย่างดี เกรงว่าจะมากกว่าหนึ่งหมื่น
ล้านดอลลาร ์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเงินที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะลงทุน ถือว่า
ไม่คณามือเท่าไร
“ฮิโคโตชิ นี่คือความลับสุดยอดของตระกูล อย่าบอกใคร
แม้แต่คนเดียว!”
หลังจากพูดถึงความลับนี้แล้ว คิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงถอนหายใจ
โล่งอก รู ้สึกเหนื่อยลึกสุดลึกของหัวใจ บางทีหลังจากนํ าทรัพย ์
สมบัติเหล่านี้ออกมาได้ และกลับญี่ปุ่น เขาก็สามารถเข้าร่วมอบรม
กับคริสตจักรเพรสไบทีเรียนได้แล้ว
“ครับ หัวหน้า!” หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหัวหน้า คิตะมิยะ ฮิ
โคโตชิก็รู ้สึกตื่นเต้นฮึกเหิมขึ้นมา นี่เป็ นครั้งแรกที่หัวหน้าพูดกับ
เขาอย่างเปิดเผยที่จะมอบสิทธิ ์อํานาจให้กับเขารับช่วงต่อ
ตอนนั้นที่โก่วซินเจียสร ้างค่ายกลได้สะสมมานานหลายปี
พลังหยินพิฆาตที่รวมอยู่รอบค่ายกล ได้อยู่ในระดับที่น่ากลัวแล้ว
แม้ ว่าคิตะมิยะ ฟูจิโอะจะพอเข้าใจเกี่ยวกับค่ายกลฉีเหมิน แต่ถ้าจะ
ทําลายก็ดูลําบากมาก และเวลาก็น้อยลงไปเรื่อยๆ
ตอนที่ท้องฟ้ าค่อยๆ มืดลง ในที่สุดเยี่ยเทียนและคนอื่นๆ ก็
มาถึงบริเวณรอบนอกของภูเขาปี ศาจแล้ว เสียงรถหุ ้มเกราะดัง
สะเทือนเลือนลั่น ทําให้ชาวบ้านที่กําลังทํากับข้าวอยู่นั้นต่างชะเง ้อ
มองออกมาจากในบ้าน
แต่การปลอมตัวของเยี่ยเทียนกับคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกันมากกับ
คนญี่ปุ่ นพวกนั้น ล้วนเป็ นชุดสีพรางเหมือนกัน ทําให้พวก
ชาวบ้านที่ใช ้ชีวิตเรียบง่ายนึกไม่ถึงว่า คนที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณ
รอบหมู่บ้านพวกนั้น ตอนนี้ได้กลายเป็ นศพไปทั้งหมดแล้ว นอน
เรียงกันอย่างเป็ นระเบียบอยู่ในป่าที่ห่างห่างจากหมู่บ้านไปสี่ห้าร ้อย
เมตร
“เหล่ามา ทําได้ดีมาก!”
เวลานี้เยี่ยเทียนกับมาราไกย ์สองคนกําลังยืนล้อมรอบศพยี่
สามศพนั้น ส่วนทหารรับจ้างอีกสามคนที่เหลือ ที่กําลังเฝ้ าทางเข้า
ของภูเขาปีศาจอยู่ เพราะขณะที่เยี่ยเทียนได้มอบหมายหน้าที่ให้
พวกเขาจะต้องนําพวกคนญี่ปุ่นที่เข้าไปในภูเขาเหล่านั้นฝังเข้าเข้า
ไปข้างในอีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น