ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 486-492

 บทที่ 486 เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย

โดย

Ink Stone_Fantasy

แคนาดาเป็นประเทศสำหรับผู้อพยพ ประชาชนจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับรัฐเอกราชมากนัก ยิ่งความคิดถึงบ้านเกิดนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เรื่องนี้ดูได้จากที่พวกเขายินยอมให้กษัตริย์ของอังกฤษมาปกครองนั่นเอง


เมื่อก่อนอังกฤษได้ให้ความสำคัญและจริงจังกับการปกครองอินเดียมาก แต่พอคนอินเดียเห็นโอกาสที่จะเป็นเอกราชเท่านั้น ก็รีบเรียกร้องขอแยกตัวมาเป็นเอกราชทันที และทำการเพิกถอนของทุกอย่างที่บ่งบอกว่าถูกอังกฤษปกครองออกจากดินแดนอินเดียทันที


แต่แคนาดาไม่ได้มีปัญหานี้ เพราะพวกประชาชนเป็นพวกอะไรก็ได้ สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุดคือสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันของความรักระหว่างญาติพี่น้องมากกว่า


รายการ BBC ของอังกฤษเคยมาทำการสำรวจความคิดของประชาชนในแคนาดาครั้งหนึ่ง ก็ได้รู้ว่าในใจคนแคนาดานั้น ฐานะทางครอบครัวสำคัญที่สุด รองลงมาคือเมืองที่อยู่ รองลงมาอีกคือจังหวัดที่อาศัย สุดท้ายจึงจะเป็นประเทศ


อย่างการเสียสละเพื่อชาติอะไรทำนองนั้น สำหรับคนแคนาดาแล้วค่อนข้างไกลตัว ดังนั้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองแคนาดาจึงไม่ได้ออกตัวอะไรมากนัก หากไม่ใช่เพราะอังกฤษถูกยึดดินแดนจนทำให้จำเป็นต้องเข้าไปช่วยแล้ว พวกเขาเองก็ไม่อยากเข้าร่วมหรอก


เยอรมันจะปกครองโลกเหรอ? อ้อ งั้นก็ให้เขาปกครองเถอะ คนเยอรมันมาปกครองแล้วพวกเราจะไม่มีขนมปังกับปลาค็อดกินหรือไง?


ตอนที่คนนิวฟันด์แลนด์เจอกับคนต่างชาติแล้วแนะนำตัวเองนั้น พวกเขาจะบอกว่าตัวเองเป็นคนนิวฟันด์แลนด์ น้อยคนนักที่จะบอกว่าตัวเองเป็นคนแคนาดา


สำหรับเมืองชนบทเล็กๆ อย่างเมืองแฟร์เวลนี้ การยอมรับในประเทศของพวกเขายิ่งน้อยไปใหญ่ การที่งานเฉลิมฉลองประจำวันครบรอบเมืองสำคัญยิ่งกว่างานเฉลิมฉลองวันครบรอบประเทศ ก็เพราะเหตุนี้


เวลาตีห้าครึ่งของเช้าวันเสาร์ งานเฉลิมฉลองวันครบรอบเมืองก็เริ่มอย่างเป็นทางการ ทางเจ้าหน้าที่รัฐในเมืองได้เตรียมปืนใหญ่ไว้สิบหกแท่ง ปืนใหญ่ล้วนเป็นปืนครกแบบสั้นแบบเก่าที่ใช้ในช่วงศตวรรษที่สิบหกสิบเจ็ด ถูกนำมาวางไว้บนเรือหาปลา


เพราะเรื่องที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก่อนหน้านี้ทำให้เรือฮาวิซทโด่งดังขึ้นมา จึงได้รับโอกาสให้เป็นเรือบรรจุปืนใหญ่ ปืนใหญ่ถูกตั้งไว้ที่ข้างซ้ายของเรือสี่แท่ง พอเช้าตรู่เรือหาปลาจึงได้ทำการหันหัวไปทางทิศตะวันออก ส่วนปืนใหญ่นั้นได้หันหน้าไปทางน่านน้ำทางทิศเหนือแทน


เรือหาปลาสี่ลำเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงขับออกจากท่าเรือ ดวงอาทิตย์ยามเช้าได้ค่อยๆ ลอยขึ้นมาบนผืนน้ำทะเล แสงสีส้มแดงที่สว่างไสวกำลังสาดส่องไปที่ผิวน้ำทะเล ทำให้มีสีสันที่อบอุ่นปรากฏออกมา


บนเรือฮาวิซทมีพวกนีลเซ็น เบิร์ด ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ดูแลปืนใหญ่คนละแท่ง หลังแฮมเล็ตประกาศรายละเอียดผ่านเครื่องส่งสัญญาณแล้ว ฉินสือโอวก็ให้พวกเขาจุดไฟ ยิงได้!


 “ปังๆๆๆ!!!”


หลังจบเสียงดังเปรี้ยงปร้าง ปืนครกสั้นที่ทำจากทองสัมฤทธิ์สั่นไหว แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงนั้นทำเอาเรือฮาวิซทลอยถอยหลังไปถึงสี่ห้าเมตร ลูกระเบิดถูกยิงออกไปแล้ว แน่นอนว่าได้ระเบิดควันสีรุ้งออกมาอยู่บนฟ้า เปลี่ยนให้ผิวน้ำทะเลกลายเป็นสีหลากสี


บนเรือแต่ละลำมีปืนใหญ่สี่แท่ง ปืนแต่ละแท่งได้ยิงลูกระเบิดสีรุ้งออกไปสี่ลูก รวมทั้งหมดก็หกสิบสี่ลูก


นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มายืนมองกันที่ท่าเรือหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บอกว่าการเฉลิมฉลองในจีนนั้นจะห้ามใช้เลขสี่ แต่ที่เมืองแฟร์เวลนั้นกลับใช้กันเสียเยอะเชียว แค่เริ่มต้นก็มีสี่สี่ตัวแล้ว


ลูกระเบิดที่ใช้ในงานเฉลิมฉลองแบบนี้เป็นของที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ มีส่วนผสมหลักเป็นฟอสฟอรัสขาว หลังลูกระเบิดถูกยิงออกไปทำปฏิกิริยากับอากาศแล้ว จึงระเบิดออกมาทันที ทำให้สีต่างๆ ที่อยู่ข้างในถูกระเบิดออกมา


ลูกระเบิดล่องลอยไปบนอากาศ ทำให้เกิดเส้นโค้งหลากสีราวกับสายรุ้งหลงเหลืออยู่ ควันสีรุ้งพวกนี้จะปรากฏอยู่บนอากาศประมาณหนึ่งวันครึ่ง ขอแค่ลมทะเลไม่แรงเกินไป ก็จะรู้สึกเหมือนที่ท่าเรือได้มีสายรุ้งพาดอยู่เป็นเวลาสักพักเลยล่ะ


หลังยิงระเบิดเปิดงานแล้ว ก็เปิดเรือหาปลาสี่ลำให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม แค่จ่ายค่าเข้าชมห้าสิบดอลลาร์แคนาดาก็สามารถขึ้นไปบนเรือเพื่อออกหาปลาได้ระยะหนึ่ง ปลาที่หามาได้นั้นจะแบ่งให้กับพวกนักท่องเที่ยวด้วย


นี่ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวรู้สึกดีมาก ห้าร้อยดอลลาร์แคนาดาเท่ากับสองพันห้าร้อยหยวน พวกเขาคำนวณสักพัก การออกเรือทีหนึ่ง ปลาที่หาได้อย่างไรก็คงเกินเงินสองพันห้าแล้วล่ะมั้ง? จึงพากันทยอยลงทะเบียนขึ้นเรือกัน


ฉินสือโอวมองดูอย่างสนุกสนาน พวกนักท่องเที่ยวคิดง่ายเกินไปแล้ว การออกเรือแบบนี้เป็นเพียงการออกเรือเป็นพิธีเพราะแค่ออกเรือไปพื้นที่ใกล้เคียงหว่านแหแล้วก็กลับมาเท่านั้น ใช้เวลามากสุดก็แค่หนึ่งถึงสองชั่วโมง จะหาปลาได้สักเท่าไรกันเชียว? การจะได้ทุนคืนนั้นคงยาก แต่ว่าก็เป็นการหาความสนุกได้ดี


งานฉลองวันครบรอบเมืองได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก ปกติจะมีกันสามขั้นตอน หนึ่งคือกินดื่มให้จุใจ กินให้อิ่มดื่มให้จุก สองคือเข้าร่วมกิจกรรม ดูการแสดง สามคือตอนกลางคืนไปรอบกองไฟที่ทะเลสาบเฉินเป่า ดื่มด่ำอาหารค่ำท่ามกลางแสงไฟ


เพราะงานฉลองเริ่มกันแต่เช้า หลายๆ คนจึงเริ่มหิวแล้ว ดังนั้นคนในเมืองล้วนเตรียมอาหารเช้าแล้วนำมาที่ถนนในเมือง พวกผู้หญิงหิ้วตะกร้ามา ข้างในจะมีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม แค่เข้าไปทักทายก็สามารถหยิบกินได้แล้ว


วินนี่ทำของง่ายเช่นขนมไข่เจียว เกี๊ยวทอด กับคุ้กกี้ พอมีนักท่องเที่ยวไปทักทายเธอ เธอก็จะหยิบของให้


แต่ว่าพวกนักท่องเที่ยวที่ไปทักทายกลับไม่ใช่เพื่อไปขอของกิน แต่เพื่อไปขอถ่ายรูปกับเธอ


วันนี้วินนี่ใส่ชุดพื้นเมืองเป็นเดรสยาวสไตล์อังกฤษ ก็คือเดรสยาวมีโครงเหล็กแบบที่เอลิซาเบธ สวอน นางเอกของ (ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน)ใส่ตอนเป็นลมนั่นเอง บนหัวสวมหมวกปีกกว้าง ดูสวยงามสะดุดตามาก


ในงานฉลองวันครบรอบชุดที่ผู้คนในเมืองใส่จะออกไปทางชุดของยุคศตวรรษที่สิบหกสิบเจ็ด เสื้อผ้าพื้นเมืองแต่สวยงาม นี่ก็ถือเป็นหนึ่งในภาพที่สวยงามเช่นกัน


ที่หัวมุมถนนได้มีการตั้งเวทีขึ้นมาตรงกลางถนน แฮมเล็ตได้ไปเชิญวงดีเจที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงจากเซนต์จอห์นมา ทั้งวงเต็มไปด้วยวัยรุ่นที่มีรอยสักเต็มตัว กับไว้ผมยาวแปลกประหลาดกำลังจับกีตาร์ร้องเพลงอย่างบ้าคลั่งอยู่บนเวที ทำเอาผู้คนรอบๆ พากันตะโกนร้องตามไปด้วย


เพื่อการสะดวกในการจัดการ และป้องกันการเกิดภาวะคนแน่นเกินไป ทางเจ้าหน้าที่รัฐของเมืองจึงทำการเช่าเสาสัญญาณสื่อสารของโมโตโรล่ามาตั้งไว้ในเมือง พวกร้านค้าในเมืองต่างก็มีวิทยุสื่อสารไว้ติดต่อกัน


ฉินสือโอวเดินหาแผงขายปิ้งย่างแล้วสั่งตับห่านย่างมาหนึ่งชุด เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าของแบบนี้ก็ยังสามารถเอามาย่างได้อีก คนยุโรปนี่เป็นพวกคนแปลกจริงๆ


เจ้าของแผงปิ้งย่างจึงย่างให้เขาสองไม้ เขานำตับมาหั่นเป็นแผ่นก่อน จากนั้นใช้น้ำมันทอดอย่างง่ายๆ แล้วค่อยนำไปปิ้งจนสุก มีทั้งหมดรวมสี่ชิ้น หนึ่งไม้ราคา 15 ดอลลาร์แคนาดา อย่างกับวิ่งราวกันแหนะ


ฉินสือโอวเบะปากเพราะคิดว่าราคาแพงไป เจ้าของแผงลอยพูดอย่างพอใจว่า “นี่ถือว่าแพงเหรอ? ฉินที่รัก นี่น่ะเป็นปิ้งย่างสไตล์ฝรั่งเศสนะ ถ้าไม่มีผมล่ะก็ ถ้าคุณอยากกินก็ไปกินถึงฝรั่งเศสเลย!”


 “โอ้โห มีระดับขนาดนี้เลยเหรอ?”


 “ถูกต้องที่สุด”


 “เถ้าแก่ ตับห่านย่างไม้หนึ่ง ราคาเท่าไรครับ?” มีนักท่องเที่ยวถามขึ้นมา


 “สิบดอลลาร์แคนาดา ถ้าไม่เอาใบเสร็จราคาจะถูกลงหนึ่งดอลลาร์แคนาดาครับ”


พอฉินสือโอวได้ยินแล้วก็โกรธขึ้นมาทันที ตะโกนออกไปว่า “ไม่ใช่ไม้ละสิบห้าดอลลาร์แคนาดาเหรอ?”


เถ้าแก่พูดด้วยเสียงนิ่งว่า “ไม่ต้องตื่นตระหนกขนาดนั้น ฉินที่รัก ผมพึ่งเรียนคำพูดหนึ่งมาจากเพื่อนร่วมชาติของคุณ เรียกว่าโก่งราคาคนรวยช่วยคนจน…”


 “ไร้สาระ พวกคุณมันพ่อค้าเลว!”


ก็แค่เรื่องเล็กๆ ที่บังเอิญเกิดขึ้น สุดท้ายตอนฉินสือโอวจ่ายเงินให้เถ้าแก่ เถ้าแก่เก็บเงินเขาแค่ 15 ดอลลาร์แคนาดา แล้วก็ขยิบตาพูดกับเขาว่า “ไม้นั้นผมให้ฟรีแล้วกันนะ”


หน้าร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์มีลานจอดรถอยู่ ตอนนี้รถได้ถูกย้ายออกไปหมดแล้ว บนพื้นที่ว่างนั้นได้วางสไลเดอร์น้ำเป่าลมอยู่ เด็กอายุห้าหกขวบกับเจ็ดแปดขวบกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ที่นั่น


พอใกล้ช่วงบ่ายหลังอากาศอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้วนั้น กิจกรรมก็เริ่มเยอะขึ้นมา เพราะในเมืองได้เลี้ยงสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ กับสุนับเล็กๆ พันธุ์นิวฟันด์แลนด์ไว้เยอะมาก ดังนั้นจึงได้จัดงานวิ่งแข่งของสุนัขขึ้น


การแข่งขันนั้นง่ายมาก ก็คือดูว่าสุนัขบ้านไหนวิ่งได้ไวกระโดดได้ไกลนั่นเอง มีของรางวัลเป็นของเล็กๆ จำพวกผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว กับชุดว่ายน้ำ


ฉินสือโอวให้หู่จือกับเป้าจือลงแข่งด้วย ครั้งนี้เขาชนะใสๆ เลย จะมีใครวิ่งเร็วกว่าหู่จือกับเป้าจือได้อย่างไร? เจ้าสองตัวเล็กนี่นำชัยชนะกับของรางวัลพวกผ้าขนหนูกับผ้าเช็ดตัวกองโตมาให้เขา ปีนี้เขาคงไม่ต้องซื้อของพวกนี้แล้วล่ะ


ขณะที่ฉินสือโอวกำลังพาหู่จือกับเป้าจือคว้าชัยชนะไปทั่วอยู่นั้น วิทยุสื่อสารในมือก็ดังขึ้นมา “บอส มาที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงหน่อยครับ ให้ตายเถอะ ดันเกิดปัญหาขึ้นมานิดหน่อยครับ”


บทที่ 487 ต้องจัดการนายแน่นอน

โดย

Ink Stone_Fantasy

เสียงของชาร์คดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร ฉินสือโอวจึงรีบตรงไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงทันที


เพราะวันนี้ในเมืองแออัดมาก ฉินสือโอวจึงไม่ได้ขับรถมา แล้วขับเฮลิคอปเตอร์มาแทน


นี่เป็นการกระทำที่โอเวอร์ไปหน่อย เพราะเกาะแฟร์เวลก็มีพื้นที่แค่นี้ แค่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินก็ถึงแล้ว เป็นการฟุ่มเฟือยน้ำมันจริงๆ


แต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า มันสะดวกมากๆ เฮลิคอปเตอร์จอดไว้ที่ดาดฟ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง แค่ขึ้นไปด้านบนก็สามารถไปไหนก็ได้ที่อยากไปแล้ว ส่วนเรื่องน้ำมันที่ใช้ไปเหรอ? ก็มีเงินนี่นะ จะทำตามใจอย่างไรก็ได้


พอเบิร์ดดึงคันบังคับขึ้นเท่านั้น เฮลิคอปเตอร์ลำเล็กก็ทำให้เกิดลมแรงขึ้นมาทันที บอลลูนที่ลอยอยู่ข้างๆ อันหนึ่งถึงกับโดยแรงลมพัดลอยออกไปทันที จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กที่บินขึ้นฟ้าแล้ว ก็เอนตัวบินไปทางฟาร์มปลาแกธเธอริง


ฉินสือโอวมองลงมาข้างล่าง มองเห็นเรือฮาวิซทจอดอยู่บนทะเล คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ชายหาดของฟาร์มปลาแกธเธอริง ดูท่าแล้วคงกำลังโต้เถียงกันอยู่


ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว หิมะก็เริ่มละลาย ฟาร์มปลาแกธเธอริงได้เริ่มการก่อสร้างรีสอร์ต ความจริงเขาได้เตรียมพื้นที่เสร็จตั้งนานแล้ว แต่เพราะการก่อสร้างโรงงานเคมีทำให้ไม่ได้สร้างต่อ ตอนนี้เหลือแค่งานง่ายๆ คือการสร้างตึกเท่านั้น


ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ฟาร์มปลาได้ถูกออกแบบให้สร้างบ้านพักเดี่ยวจำนวนสี่ห้าสิบหลัง ไม้ หิน ซีเมนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งจำนวนมากได้ถูกส่งมาที่ฟาร์มปลาแล้ว


เครื่องบินลงจอด ฉินสือโอวขมวดคิ้วเดินเข้าไปประจันหน้ากับเถ้าแก่อ้วนเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริง แล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”


เถ้าแก่อ้วนส่งสายตาเย็นชาไปที่เขาทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ถามคนของคุณสิ พวกเขาบุกรุกเข้ามาจับปลาที่ฟาร์มปลาของผมโดยพลการ อย่ามาบอกผมว่าพวกเขาแค่ล้อเล่นนะ”


ฉินสือโอวรู้สึกเบื่อเจ้าอ้วนนี่เต็มที เขาจึงไปถามชาร์คว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชาร์คอธิบายว่า เมื่อกี้ที่เขาขับเรือพานักท่องเที่ยวมาจับปลานั้น ขากลับได้ขับผ่านฟาร์มปลาแกธเธอริง พอเถ้าแก่อ้วนเห็นก็ให้คนมาหยุดเรือหาปลาของพวกเขา


เมื่อได้ฟังคำพูดของชาร์ค เถ้าแก่อ้วนก็แสยะยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร แล้วพูดอย่างหัวเสียว่า “ฮะ แค่ขับผ่านฟาร์มปลาของฉันเหรอ? ถ้ามีขโมยเดินผ่านบ้านนาย นายจะเชื่อคำพูดของเขาไหมล่ะ?”


ที่แคนาดามีกฎหมายอยู่ว่าห้ามบุกรุกเขตพื้นที่ส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัดถึงขนาดนี้ การที่เรือหาปลาขับผ่านแบบนี้เป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยมาก ฉินสือโอวเองก็ยังอนุญาตให้เรือพาณิชย์ กับเรือบรรทุกที่ขับผ่านมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของฟาร์มปลาด้วยเลย


เห็นได้ชัดเลย ว่าเถ้าแก่อ้วนนี่อยากหาเรื่อง การหาเรื่องกับเรื่องเล็กๆ แบบนี้เขายังกล้าทำอีกก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งล่ะ


คำพูดของเถ้าแก่อ้วนนั้นพูดได้เกินไปมาก สีหน้าชาร์คจึงแดงเดือดขึ้นมา ตะโกนว่า “หุบปากเหม็นๆ ของนายซะ! นายว่าใครเป็นขโมยกัน?”


 “เจ้านายของพวกเราไม่ได้ว่านาย เขาแค่เปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆ ทำไมนายต้องมีท่าทีเดือดดาลแบบนี้ด้วยล่ะ?” ชายวัยรุ่นผมทองที่มากับเถ้าแก่อ้วนพูดอย่างเหยียดหยาม


ฉินสือโอวตบบ่าชาร์คให้เขาใจเย็นๆ จากนั้นก็พูดกับชายวัยรุ่นว่า “เรื่องแรก ฉันกำลังพูดกับเจ้านายนายอยู่ หมาอย่างนายไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแทรก เรื่องที่สอง เจ้าอ้วน เห็นแก่หน้าพระเจ้าเถอะ วันนี้เป็นวันฉลองวันครบรอบ ฉันน่ะไม่อยากจะมีเรื่องกับคนสารเลวอย่างนาย ดังนั้นนายก็เพลาๆ บ้างเถอะ โอเคไหม?”


เถ้าแก่อ้วนอัลเบิร์ต วิลเลียม สมิธถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจคนใหญ่คนโตในเซนต์จอห์น บริษัทอสังหาของเขานั้นก็ถือว่ามีระดับในเมืองนิวฟันด์แลนด์ด้วย ปกติจึงไม่มีคนพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อถูกฉินสือโอวด่าว่าแบบนี้ เขาจึงโกรธขึ้นมาทันที


 “ไอ้นี่ นายจะได้พูดสามหาวก็แค่ตอนนี้ล่ะ แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้นายร้องไห้เอง รอรับหมายศาลจากฉันเถอะ!” อัลเบิร์ตแตะนิ้วไปที่อกของฉินสือโอวและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง


ฉินสือโอวไม่เข้าใจจริงๆ ไอ้สารเลวนี่มันบ้าเหรอไง? ทำไมถึงหาเรื่องเขาแบบนี้?


เรือฮาวิซทก็แค่ขับผ่านฟาร์มปลาของเขาเท่านั้น ก็เหมือนกับมีคนขับรถผ่านสวนที่ไม่ได้กั้นกำแพงไว้นั่นแหละ เพราะเรื่องแค่นี้ถึงกับต้องหยุดรถเขาแล้วก็ฟ้องเขาข้อหาบุกรุกพื้นที่เลยเหรอ?


แต่ถึงจะขึ้นศาลจริงๆ ฉินสือโอวก็ไม่กลัวเจ้าหมอนี่หรอก ปากของทนายใหญ่เออร์บักว่างมาได้สักพักแล้ว เขาไม่ยอมทนกับนิสัยเสียของเจ้าอ้วนนี่หรอก อัลเบิร์ตยื่นนิ้วมาแตะที่อกของเขา เขาจึงยื่นมือสวนไปจับข้อมือของเขาไว้ ใช้แรงนิดเดียวเท่านั้นก็บิดจนเขาร้องเสียงหลงออกมา


ยื่นนิ้วไปแตะอกของคนอื่น นิสัยแย่ๆ แบบนี้ในประเทศจีนฉินสือโอวไม่ค่อยพบเจอ แต่ที่แคนาดานั้นเจอได้บ่อยมาก เพราะคนชั้นสูงแทบจะทุกคนมักชอบปฏิบัติต่อคนชั้นล่างแบบนี้ทั้งนั้น ทำอย่างกับว่าการทำแบบนี้จะสามารถบ่งบอกว่าตัวเองเป็นใหญ่อย่างไรอย่างนั้น


เขาเกลียดการกระทำแบบนี้มาก ดังนั้นจึงสั่งสอนอัลเบิร์ตไป ยื่นมือไปจับข้อมือเขาแล้วหมุนไปครึ่งรอบ เขาเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา


บอดี้การ์ดสองคนที่มากับอัลเบิร์ตกำลังจะลงมือ เบิร์ดกับชาร์คจึงเข้าไปขวางไว้อย่างเกรี้ยวกราด ทั้งสี่คนจึงเริ่มลงไม้ลงมือกันขึ้นมา


ฉินสือโอวปล่อยอัลเบิร์ต แล้วพูดอย่างไม่ไยดีว่า “ฟังนะ เจ้าอ้วนโง่ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบหน้าฉัน ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็ไม่ชอบหน้านายสุดๆ ! ตอนแรกฉันไม่อยากจะเอาเรื่องกับนาย แต่ในเมื่อนายอยากจะเปิดศึกก่อน งั้นฉันจะเล่นด้วยแล้วกัน!”


ทางอัลเบิร์ตคนน้อยกว่า เขารู้ว่าถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปต้องเสียเปรียบแน่นอน เขาจึงโบกมือให้บอดี้การ์ดของเขากลับมา มองไปที่ฉินสือโอวอย่างเคียดแค้นแล้วพูดว่า “ไอ้หนู รอรับหมายศาลเถอะ ฉันต้องทำให้นายได้เจอบทเรียนแสนแพงแน่นอน!”


ฉินสือโอวอ้าแขนออก หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “มาได้ตลอดเวลาเลย”


อัลเบิร์ตทำอะไรฉินสือโอวไม่ได้ จึงพาพวกลูกน้องเดินกลับเข้าไปในบ้านไม้ของฟาร์มปลา


ฉินสือโอวมองไปที่ระยะทางระหว่างบ้านไม้ถึงริมทะเล ในใจก็เริ่มวางแผนว่าจะสั่งสอนเจ้าอ้วนนี่อย่างไรดี


เรื่องนี้จึงจบลงชั่วคราว พวกฉินสือโอวกลับไปถึงเมืองแฟร์เวล


มีคนเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แฮมเล็ตฟัง แฮมเล็ตจึงมาหาฉินสือโอว พร้อมพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ไอ้สารเลวนั้นทำเกินไปแล้ว! ผมไม่ยอมให้เขาอยู่ที่เกาะแฟร์เวลนี้ต่อแน่นอน ถ้ารีสอร์ตของเขาสร้างเสร็จแล้ว ต้องนำพาความหายนะมาให้พวกเราแน่นอน”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนฝูง พวกเราฉลองเทศกาลของเรากันก่อนเถอะ ผมมีวิธีจัดการเขาได้แน่นอน”


เทศกาลเฉลิมฉลองเพิ่งเริ่มเปิดฉาก ตอนบ่ายพวกชาวเมืองก็เริ่มกิจกรรมเดินชมรอบเมืองกัน เดินจากฝั่งหนึ่งของเมืองไปยังอีกฝั่งหนึ่ง


รายการโทรทัศน์ของเซนต์จอห์นได้มาทำการถ่ายวิดีโอ ฉินสือโอวได้ยินพิธีกรพูดเย้ยว่านี่คือการเดินชมรอบเมืองที่เล็กที่สุดในโลก


หลังช่วงบ่าย ถนนหลักของเมืองแฟร์เวลก็ได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของตลาดนัด ตลาดเกษตร การแข่งปิ้งย่าง แข่งเต้นรำ ชาวเมืองกับนักท่องเที่ยวต่างก็ร่วมกิจกรรมกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้เตรียมสิ่งของมาเป็นของรางวัลด้วย


ตอนบ่ายโมงครึ่ง อากาศเริ่มร้อนแล้ว ในเมืองจึงจัดงานบาสเกตบอลชายหาดขึ้น


ที่ไหนที่มีชายหาดก็จะมีวอลเลย์บอลชายหาด ที่ชายหาดได้มีการแบ่งพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 16 คูณ 8 เมตร และได้เก็บกวาดสิ่งของที่จะทำให้ผู้คนบาดเจ็บจำพวกหินกับเปลือกหอยไปแล้ว คนทั้งสองทีมแค่ขึงตาข่ายแล้วก็สามารถเริ่มเกมกันได้แล้ว


ฉินสือโอวไม่เคยเล่นวอลเลย์บอล แต่วินนี่บอกกับเขาว่า มันง่ายมาก พูดง่ายๆ ก็คืออย่าให้บอลตกพื้นก็พอ ถ้าเห็นคนตบบอลมาคุณก็แค่กระโดดขึ้นมารับลูกให้มันลอยกลับไปก็พอแล้ว


เมื่อเป็นแบบนี้ ด้วยความแข็งแรงของร่างกายของฉินสือโอว ที่ทั้งสายตาดี ยืดหยุ่นได้ดี พละกำลังก็มาก พอลงสนามแล้วก็กลายเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมทันที เขาจึงเอาชนะพวกนักกีฬาที่แค่อยากมาเข้าร่วมกิจกรรมพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย


บทที่ 488 หนึ่งความคิด

โดย

Ink Stone_Fantasy

กลางคืนแถวทะเลสาบเฉินเป่ามีการแสดงรอบกองไฟ ผู้คนจึงพากันไปจองที่กันที่สนามหญ้าข้างๆ แม่น้ำกันตั้งแต่บ่าย


คนจีนจองที่ชอบใช้เก้าอี้ แต่คนแคนาดาเจ๋งกว่า ใช้ผ้าปูเตียงจองกัน


พอเป็นแบบนี้แล้ว เมื่อยืนมองจากทะเลสาบ ก็จะเห็นผ้าปูเตียงหลากสีหลายลายเต็มไปหมด ถึงตอนนั้นก็แค่นั่งกันบนผ้าปูเตียงทานอาหารกันก็พอแล้ว สะดวกมาก


ฉินสือโอวกับชาร์คไปจองที่ข้างทะเลสาบโดยวางเตาปิ้งย่างไว้ หลังเล่นวอลเลย์บอลชายหาดเสร็จแล้วเขาก็มาเตรียมปิ้งย่าง ชาร์คได้ย่างหมูบ้านครึ่งตัว จนเนื้อเหลืองและมันวาว กลิ่นหอมของเมล็ดยี่หร่ากับพริกป่นนั้นหอมเสียจนทำให้คนทำลายไหลได้เลย


ปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่น้ำแข็งบนทะเลสาบเฉินเป่าละลายจนเกือบหมดแล้ว ฉินสือโอวขับเรือไปในทะเลสาบ ยิงธนูยิงปลาในมือออกไปรัวๆ ไม่ถึงสิบห้านาทีก็สามารถจับปลาคาร์ฟตัวใหญ่ห้าตัวกลับมาได้


ในหมู่นักท่องเที่ยวนั้นมีทั้งแม่บ้านและผู้ชายที่ทำอาหารเป็นอยู่มากมาย ทางเมืองได้เตรียมอุปกรณ์ทำอาหารจำพวกหม้อตะหลิวกับผักสดและวัตถุดิบไว้ก่อนแล้ว ให้พวกนักท่องเที่ยวทำอาหารจีน ในมื้อค่ำกลางแสงไฟคืนนี้จำเป็นต้องมีอาหารจำนวนมาก


เนื้อย่าง ผัดผักกับอาหารอีกมากมายที่ผู้คนนำมาจากบ้านได้ถูกวางไว้เต็มโต๊ะข้างทะเลสาบ ตอนพลบค่ำพระอาทิตย์เพิ่งจะตกไปไม่นานดอกไม้ไฟก็ถูกจุดขึ้นมา แสงไฟพุ่งตรงไปบนฟ้า อย่างกับดอกไม้ไฟที่ส่องไสว เป็นการเริ่มต้นของราตรีที่ไม่หลับใหล


หลังท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ก็ตามมาด้วยมื้อค่ำรอบกองไฟ เรือไม้หลายลำขับเข้าไปในทะเลสาบเฉินเป่า แต่ละลำเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟที่หลังจากจุดแล้วก็ได้ส่งดอกไม้ไฟสีสันสวยงามแต่ละลูกขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่องสว่างผืนฟ้าบนทะเลสาบ


มาถึงวันอาทิตย์ กิจกรรมส่วนมากก็จบลงไปมากแล้ว แต่ว่าตอนบ่ายก็ยังมีไฮไลท์ของงานอยู่ นั่นก็คือโบสถ์ประจำเมืองที่ซ่อมแซมเสร็จแล้วได้เปิดประตูออกมาอีกครั้งนั่นเอง


แม้จะบอกว่าเป็นการบูรณะซ่อมแซม แต่ความจริงแล้วบางส่วนของโบสถ์ได้ถูกต่อเติมให้ขยายใหญ่ขึ้นด้วย เก้าอี้ถูกเปลี่ยนเป็นของใหม่ทั้งหมด ปูพื้นด้วยหินอ่อนแผ่นใหญ่ ดูใหม่ทั้งหลัง


เมื่อผู้คนที่แต่งตัวสุภาพเข้าไปในโบสถ์กันแล้ว กริมม์บาทหลวงอาวุโสก็เดินหลังค่อมขึ้นไปที่แท่นเทศน์ พูดเทศนาหนึ่งบทที่ยกมาจาก ‘พระวรสารนักบุญมัทธิว’ ให้กับเหล่าผู้ติดตามฟัง


ฉินสือโอวไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ดังนั้นจึงยืนอยู่ข้างหลังอย่างรู้ตัว เขายืนมองดูบาทหลวงเฒ่าที่พูดเพียงไม่กี่คำก็ต้องหยุดหอบกำลังสวดมนต์สรรเสริญด้วยหน้าตาจริงจัง กับพวกชาวประมงที่ร่างกายใหญ่โตที่กำลังอ่านพระคัมภีร์ตามอย่างศรัทธาแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกขึ้นมาว่า มนุษย์ที่มีศาสนาก็ดีเหมือนกันนะ


แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่มีศาสนาจะเป็นคนดีกันหมด อย่างเช่นเถ้าแก่อ้วนอัลเบิร์ต


ไอ้หมอนี่ลงมือได้ไวจริงๆ บ่ายวันจันทร์ทางศาลของเซนต์จอห์นก็โทรศัพท์มา บอกพวกเขาว่าทนายของอัลเบิร์ตได้ฟ้องชาร์คกับฉินสือโอวแล้ว ข้อหาก็คือบุกรุกไปที่ฟาร์มปลาส่วนบุคคลเพื่อแอบตกปลา


หลังฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์แล้วก็โกรธจนหัวเราะออกมา ตอนแรกเขานึกว่าอัลเบิร์ตแค่ขู่เขาเท่านั้น ไม่คิดว่าเจ้าหมอนี่จะเอาจริงขึ้นมา


หลังเออร์บักฟังเรื่องราวแล้วก็บอกอย่างสบายใจว่าไม่มีปัญหา เขาได้ต่อสายให้ศาลส่งสำเนาหลักฐานที่โจทก์มีมาให้เขาชุดหนึ่ง


ไอ้เจ้าอัลเบิร์ตสมกับเป็นจระเข้แห่งวงการธุรกิจจริงๆ ฝีมือไม่เบาเลย ในฟาร์มปลาของเขาเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด ก็มีสิ่งก่อสร้างเยอะขนาดนั้นนี่นะ อย่างนี้ตอนเรือฮาวิซทขับผ่าน ก็คงถูกถ่ายภาพไว้แล้วล่ะ


ฉินสือโอวมองดูสักพัก รู้สึกว่าหลักฐานนี้ไม่ส่งผลดีต่อฝั่งตัวเองเลย เพราะบนเรือมีแขวนเบ็ดตกปลาไว้ด้วย


เออร์บักหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก จุดนี้จัดการได้ง่าย ที่พวกเราเห็นได้ชัดๆ ก็แค่ว่ามีเบ็ดตกปลา มองไม่เห็นว่ามีสายเบ็ดหรือเปล่า พวกเราแค่บอกว่าบนเบ็ดไม่มีสายเบ็ด แค่นี้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”


ฉินสือโอวถาม “หมายความว่าอย่างไรครับ?”


เออร์บักอธิบายว่า “กฎหมายของแคนาดาไม่เหมือนกฎหมายของจีนที่นายคุ้นเคยนะ ในกฎหมายแคนาดานั้น วิธีการและเส้นทางในการก่อคดีนั้นสำคัญมาก อย่างเช่นว่านายถือมีดจ่อไปที่คนคนหนึ่ง นี่คือการข่มขู่ แต่ถ้าสิ่งที่นายถือคือตะเกียบ แน่นอนว่าไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่”


เมื่อได้ยินเออร์บักพูดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็พลันเกิดความคิดขึ้นมา เขาพูดว่า “ถ้าหาก ผมหมายถึงถ้าหากนะ ถ้าทางศาลหาปลาในทะเลเขตฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่เจอเลย งั้นการตัดสินคดีนี้ก็ยิ่งง่ายเลยใช่ไหมครับ?”


 “ถ้าพวกเขาไม่เจอปลาเลยสักตัว ฉันจะทำให้ไอ้สารเลวอัลเบิร์ตเจอดีเข้าจังๆ เลย ถึงตอนนั้นเขาก็อย่าคิดว่าจะได้สร้างรีสอร์ตต่ออีกเลย” เออร์บักพูดพร้อมหัวเราะ


ฉินสือโอวฟังแล้ว ก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที ถามว่า “ทำไมถึงพูดแบบนี้ครับ?”


 “แคนาดาต้องการคุ้มครองอุตสาหกรรมการประมง จึงเคยประกาศ ‘กฎหมายคุ้มครองฟาร์มปลา’ อ้างอิงจากกฎหมายนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้คนซื้อฟาร์มปลาแล้วละเลยการดูแลฟาร์มปลาแล้วนำผืนดินไปใช้ในการอื่น กฎหมายข้อนี้มีช่องโหว่อยู่ นั่นก็คือ ‘ละเลยการดูแลฟาร์มปลา’ แต่ทำอย่างไรถึงเรียกว่าเป็นการละเลยฟาร์มปลานั้นกลับไม่ได้ระบุไว้แน่ชัด”


 “แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าหากฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่สามารถผลิตปลาได้เลย ก็ถือว่าเป็นการละเลยการดูแลฟาร์มปลาอย่างแน่นอน!” เออร์บักหัวเราะแล้วพูดกับฉินสือโอว


ฉินสือโอวเองก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มต่างก็เจ้าเล่ห์ทั้งคู่


ศาลเซนต์จอห์นทำงานเร็วมาก หลังส่งใบเรียกตัวมาแล้ว ก็ใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้นก่อนจะมีการไต่สวนคดี


ฉินสือโอวกับชาร์คไปถึงศาล ตอนนี้ทั้งสองคนคือผู้ต้องหา อัลเบิร์ตนั่งอยู่ตรงที่นั่งฝั่งโจทก์อย่างอิ่มอกอิ่มใจ ตอนที่ทั้งสองฝ่ายพบหน้ากัน เถ้าแก่อ้วนก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “ดูๆ นายขู่ว่าจะจัดการฉันให้ได้ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ใครที่เป็นฝ่ายเหนือกว่าล่ะ?”


 “ดีใจด้วยนะที่นายอยู่เหนือกว่า” ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมพูดออกมาอย่างจริงใจ


หลังจากเปิดศาลแล้ว ทนายของทั้งสองฝั่งก็เริ่มโต้กัน เออร์บักกัดไม่ปล่อยอยู่สองข้อ หนึ่งก็คือตอนนั้นเรือหาปลาไม่ได้หว่านแห เบ็ดตกปลาบนเรือก็ไม่มีสายเบ็ด สองก็คือฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่ได้มีคนดูแลมาหลายปีแล้ว ชาร์คที่เป็นกัปตันจึงไม่รู้ว่าฟาร์มปลานี้เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล


ทนายที่อัลเบิร์ตหามาก็เก่งมากเหมือนกัน เขายื่นหลักฐานวัตถุออกมา ก็คือจำนวนปลาที่ตกได้บนเรือฮาวิซท ส่วนพยานก็ยิ่งง่ายไปใหญ่ ก็พวกกลุ่มคนงานที่กำลังทำการสร้างรีสอร์ตในตอนนั้นที่อ้างว่าพวกเขาเห็นว่าเรือฮาวิซทกำลังหว่านแหลงไปในทะเลเขตของฟาร์มปลาแกธเธอริง


ตอนที่ได้ยินทนายของอัลเบิร์ตยื่นหลักฐานวัตถุออกมา เออร์บักก็หัวเราะขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไม่กี่วันก่อนผมเห็นคุณอัลเบิร์ตกำลังตามล่าฝูงนกเพนกวินที่น่าสงสารที่ฟาร์มปลาของเขา”


ทนายของอัลเบิร์ตจึงหัวเราะร่าออกมาอย่างลืมตัว แล้วพูดว่า “ทนายของฝั่งผู้ต้องหากำลังพูดจาไร้สาระอยู่ ใครๆ ก็รู้ ว่าทั่วทั้งเกาะแฟร์เวลนั้นไม่มีเพนกวินเลยสักตัว…”


 “ใช่แล้วล่ะ ผมกำลังพูดจาไร้สาระ ก็เหมือนกันกับคุณไม่ใช่เหรอ? ทั่วทั้งเกาะแฟร์เวลไม่มีนกเพนกวิน แต่เท่าที่ผมรู้ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงก็ไม่มีปูราชินีเช่นกัน! งั้นเชิญคุณบอกผมที ปูราชินีมากมายที่เห็นในหลักฐานวัตถุนั้นมาจากไหนครับ?” เออร์บักพูดตัดบททนายคนนั้นอย่างแข็งกร้าว


เมื่อได้ฟังคำพูดของเออร์บักแล้ว ทนายคนนั้นก็หัวเราะออกมา พูดว่า “ไม่นะ คุณเออร์บัก ที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์นั้นมีปูราชินีอยู่ทั่วทุกที่นะครับ แน่นอนว่าฟาร์มปลาของพวกเราก็มีเช่นกัน…”


 “ช่วยยื่นหลักฐานด้วยครับ” เออร์บักพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมขอยื่นเรื่องให้ทำการตรวจสอบฟาร์มปลาแกธเธอริงครับ ที่ฟาร์มปลานั้นไม่มีปูราชินีเลยสักตัวแน่นอนครับ”


 “เพราะเท่าที่ผมทราบ เพื่อป้องกันสัตว์จำพวกปูกับกุ้งจะส่งผลเสียต่อคุณภาพของชายหาด เจ้าของฟาร์มปลาของพวกเราได้นำเข้าปรสิตจำพวกปรสิตกินลิ้นเข้ามา เพื่อให้สัตว์จำพวกกุ้งกั้งปูยอมให้มนุษย์จับกินมากกว่าให้ปรสิตประเภทนี้มาเกาะ”


 “นอกเหนือจากนั้น ผมขอเป็นตัวแทนเมืองแฟร์เวลเพื่อทำการยื่นฟ้องคุณอัลเบิร์ต ฟ้องเขาข้อหาฝ่าฝืน ‘กฎหมายการดูแลฟาร์มปลา’ เพื่อที่จะสร้างรีสอร์ตริมทะเลที่สวยงาม และได้สร้างความเสียหายให้กับฟาร์มปลาอย่างร้ายแรง!”


บทที่ 489 สุภาพบุรุษแก้แค้น

โดย

Ink Stone_Fantasy

โจทก์กลายเป็นผู้ต้องหา ผู้ต้องหากลายเป็นโจทก์ บรรยากาศในศาลแปรเปลี่ยนไปทันที อัลเบิร์ตโกรธเสียจนหน้าแก่ๆ นั้นแดงเผือกขึ้นมา ส่วนทางฝั่งฉินสือโอวก็เริ่มมีสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมา ชาวบ้านที่ฟังอยู่ข้างๆ พากันหัวเราะร่าออกมา


ผู้พิพากษาใช้ค้อนทุบโต๊ะ ตะโกนคำว่า ‘อยู่ในความสงบ’ ออกมาสองที รอจนไม่มีคนพูดคุยกันแล้วจึงประกาศพักศาล


การโต้ตอบที่เออร์บักพูดออกมานั้นดูเหมือนจะแข็งกร้าวดุดัน แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะหากพูดตามหลักการแล้ว ฟาร์มปลาที่ใหญ่อย่างฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีปูราชินีเลย และตามหลักความจริง ศาลเองก็คงไม่โง่หาเรือหาปลาไปทำการขุดดินค้นหาว่าที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่มีปูราชินีจริงหรือเปล่าง่ายๆ อยู่แล้ว


ส่วนทางฝั่งอัลเบิร์ตที่ฟ้องฉินสือโอวก็หมดทางไปต่อเช่นกัน ถึงแม้เขาจะมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ แต่ทางเรือฮาวิซทมีพยานบุคคลมากกว่า นักท่องเที่ยวทุกคนต่างก็ยินยอมขึ้นให้การเพื่อยืนยันว่าปลาที่จับได้นั้นไม่ได้จับที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง


ยิ่งไปกว่านั้น เออร์บักก็ยืนยันอย่างแข็งขันว่าตอนที่เข้าไปในทะเลเขตฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นได้เก็บสายเบ็ดจากเบ็ดตกปลาแล้ว และทางฝั่งนักท่องเที่ยวเองก็พูดแบบเดียวกัน บวกกับทางบริษัทเองก็ได้มีกฎกำหนดไว้แล้ว ว่าหลังจากตกปลาเสร็จแล้วตอนกลับต้องเก็บสายเบ็ดทั้งหมด เพื่อป้องกันตะขอไปเกี่ยวโดนคนด้วย


ดังนั้นการฟ้องของอัลเบิร์ตจึงไม่มีน้ำหนักมากพอ สุดท้ายคดีนี้จึงจบไปเสียดื้อๆ คำตัดสินของศาลก็คือไม่รับคำฟ้องของเออร์บัก และตัดสินให้ฟาร์มปลาแกธเธอริงแพ้คดี


กับผลการตัดสินนี้ อัลเบิร์ตไม่ค่อยพอใจนัก เขาไม่ใช่คนโง่ ความจริงเขารู้แต่แรกแล้วว่าการฟ้องแบบนี้ไม่สามารถทำอะไรฉินสือโอวได้ เขาก็แค่อยากสั่งสอนฉินสือโอวเท่านั้น


แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ได้รับบทเรียนเช่นกัน วิธีการใส่ร้ายป้ายสีของเออร์บักนั้นช่างเด็ดเสียจริง


หลังจากเลิกศาลแล้ว ฉินสือโอวกับอัลเบิร์ตได้มาเจอกันอีกครั้ง ทั้งสองคนจ้องตากันแล้วยิ้มเยาะออกมาทั้งคู่ การฟ้องร้องที่ไม่มีผลลัพธ์ครั้งนี้ถือว่าได้เป็นการเปิดศึกระหว่างทั้งสองแล้ว


หากว่าเมื่อก่อนฉินสือโอวไม่ได้สนใจว่าจะได้ครอบครองฟาร์มปลาแกธเธอริงหรือเปล่าแล้วล่ะก็ งั้นตอนนี้ก็พูดได้ว่าเขาต้องได้ฟาร์มปลานี้มาครอบครองให้ได้!


แต่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ฟาร์มปลาแกธเธอริงได้เริ่มการก่อสร้างรีสอร์ตแล้ว ตอนนี้ได้สร้างไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว จะให้อัลเบิร์ตยอมปล่อยมือคงเป็นไปไม่ได้


ฉินสือโอวไม่กลัว เขาคิดวิธีจัดการอัลเบิร์ตได้แล้ว นั่นก็คือให้กลุ่มทหารงูทะเลที่เก่งกาจกับพวกนักฆ่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ให้ทั้งคู่ออกโรง ต้องทำให้อัลเบิร์ตเจ็บแสบจนดูไม่ได้แน่นอน


ก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมใช้วิธีนี้สักที เพราะฉินสือโอวรู้สึกว่าการทำแบบนี้ค่อนข้างเกินไป เหมือนกับเป็นการวางกับดักเพื่อทำร้ายคน


แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่ออัลเบิร์ตหาเรื่องทำตัวเอง ถ้าเขายังคงอยู่ที่เกาะแฟร์เวลต้องคิดจะหาเรื่องฉินสือโอวตลอดแน่ ฉินสือโอวถือโอกาสชิงลงมือก่อนเลยแล้วกัน ลงมือจัดการเขาก่อนค่อยว่ากัน


ตามแผนที่ฉินสือโอววางไว้คือ เขาคิดจะสั่งการให้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีลงมือ ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงมีคนงานกว่าร้อยคนพักอาศัยอยู่ชั่วคราวใช่ไหม? งั้นก็ส่งพวกกั้งตั๊กแตนไป ให้พวกเขาไปรบกวนพวกคนงาน


ด้วยพลังทำลายล้างที่น่ากลัวของกั้งตั๊กแตน คิดว่าหลังจากที่พวกคนงานเจอกับพวกมันแล้วคงไม่มีใครยอมอยู่ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงอีกแน่นอน


ส่วนตัวอัลเบิร์ตนั้นก็ยิ่งไม่อยากให้ฟาร์มปลาตัวเองมีกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมากกว่าพวกคนงานเสียอีก งั้นเพื่อจัดการกั้งพวกนี้ เขาก็ทำได้แค่พ่นยาฆ่ากุ้งปูบนชายหาดเท่านั้น


ขอแค่เขากล้าทำแบบนี้ ฉินสือโอวก็จัดการเขาได้แล้ว โดยการไปยื่นเรื่องฟ้องเขาที่แผนกอุตสาหกรรมการประมงข้อหาทำลายสภาพแวดล้อมของฟาร์มปลา ถึงตอนนั้น ก็สามารถใช้ ‘กฎหมายการดูแลฟาร์มปลา’ ได้แล้ว แม้ศาลจะไม่ส่งเรือไปตรวจสอบฟาร์มปลา แต่กรมอุตสาหกรรมการประมงต้องทำแน่


ถ้าหากทางกรมอุตสาหกรรมการประมงเห็นว่าตอนนี้ฟาร์มปลาแกธเธอริงกลายเป็นพื้นที่รกร้างไม่มีปลาให้จับแล้ว บวกกับที่อัลเบิร์ตเจ้าของฟาร์มปลาคนนี้ที่ไม่ได้มีการปรับปรุงฟาร์มปลาเป็นเวลามากกว่าสามปีแล้วล่ะก็ งั้นอ้างอิงจาก ‘กฎหมายการดูแลฟาร์มปลา’ พวกเขาสามารถเรียกคืนฟาร์มปลาแกธเธอริงเพื่อนำไปออกประมูลต่อไปได้


นี่ก็คือการคุ้มครองฟาร์มปลาและเศรษฐกิจบนมหาสมุทรของรัฐบาลแคนาดา ถือว่าเป็นการออกหมัดหนักอย่างแน่นอน!


ฉินสือโอวรู้สึกว่าแผนนี้ไม่เลว พลบค่ำวันเดียวกันเขาจึงออกไปทำตามแผนอย่างตื่นเต้นดีใจ


ความฝันนั้นสวยงาม ความจริงนั้นโหดร้าย พวกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไม่ใช่หมาหมีหมาป่าสี่พี่น้องที่เฉลียวฉลาด พอพวกมันออกจากน้ำได้แล้วก็หลุดจากการควบคุมของฉินสือโอวทันที ตอนนี้ไม่รู้ว่าวิ่งไปอยู่ที่ไหนกันแล้ว


แต่ในเมื่อคิดแผนการคร่าวๆ ออกแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าแผนนี้ไม่มีปัญหา ก็แค่ต้องทำการใส่ใจในรายละเอียดให้มากกว่านี้เท่านั้น


การผสมพันธุ์ของเหล่าปลาไข่ได้จบลงแล้ว พวกปลาตัวเมียกลับลงน้ำว่ายไปทางส่วนลึกของฟาร์มปลา แต่เรื่องที่ทำให้ฉินสือโอวดีใจก็คือ ปลาตัวเมียยังไม่ได้ออกจากเขตน่านน้ำของฟาร์มปลา


พลังเทพแห่งท้องทะเลเป็นพลังที่ดีมาก หญ้าทะเลกับพืชทะเลในฟาร์มปลาต่างก็ได้รับพลังเทพแห่งท้องทะเล ถึงแม้ว่าจะน้อยมาก แต่สำหรับพวกปลาแล้วก็ยังถือว่าพวกมันมีแรงดึงดูดที่มากอยู่ หลังจากที่ปลาไข่ได้ลองลิ้มรสหญ้าทะเลรอบๆ เกาะแฟร์เวลแล้ว ก็ถูกดึงดูดให้พวกมันอาศัยต่อ


เมื่อมีฝูงปลาไข่ ฟาร์มปลาก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปนำพวกปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะเข้ามาแล้ว ปลาไข่เหมาะที่จะเป็นอาหารของปลาค็อด ปลาทูน่ากับปลาแซลมอนแปซิฟิกมากกว่า เพราะว่าปลาประเภทนี้มีนิสัยที่จะว่ายไปเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากหากจะให้พวกมันอาศัยอยู่ในน่านน้ำที่กำหนดเพื่อเป็นอาหาร


แต่พลังเทพแห่งท้องทะเลสามารถทำได้


ฝูงปลาไข่อยู่ต่อ ปลาวาฬหลังค่อมยังคงตัดสินใจจากไป แม้ว่าพวกมันจะยังไม่ออกจากฟาร์มปลาต้าฉิน แต่พวกมันได้ว่ายน้ำออกจากเขตทะเลใกล้ๆ ไปที่น่านน้ำลึกแล้ว และกำลังว่ายไปทางทิศเหนือ


บอลหิมะกับไอซ์สเกตว่ายตามฝูงปลาวาฬหลังค่อมไป แม่ปลาวาฬหลังค่อมแทบจะทุกตัวจะว่ายพาลูกปลาวาฬหลังค่อมไปด้วย ความรักของแม่ใจดีลูกกตัญญูแบบนี้แหละที่ดึงดูดเด็กสองตัวนี้ที่ขาดความรักจากแม่


ฉินสือโอวมองภาพนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ตอนบ่ายเขาขับเรือเด็คพาอีวิลสันออกทะเลไป ใช้พลังเทพแห่งท้องทะเลโอบล้อมบอลหิมะกับไอซ์สเกต ให้พวกมันมาหาเขาบนผิวน้ำ


เจ้าสองตัวนี้สนใจกุ้งแดงมาก ฉินสือโอวจึงนำแหขนาดเล็กไปด้วย และหว่านไว้ในทะเลตลอดทางสุดท้ายก็ให้อีวิลสันเก็บแหขึ้นมา เขาใช้อ่างล้างหน้าใส่กุ้งแดงแล้วป้อนให้กับบอลหิมะและไอซ์สเกต


บอลหิมะโตจนมีความยาวถึงสองเมตรกว่าแล้ว นับวันหัวของมันก็เริ่มเหมือนหยกที่แกะสลักเป็นทรงลูกบอลเข้าไปทุกที มองไปแล้วทำให้รู้สึกดีมาก ท่าทางตอนอ้าปากขึ้นมาบนผิวน้ำนั้นทั้งดูเงอะงะและน่ารักมาก


ส่วนไอซสเกตก็เริ่มมีร่างกายที่แข็งแรงดุดันเหมือนฉลามเสือทรายขึ้นทุกที ร่างกายเติบโตได้เรียวยาวและแข็งแรงขึ้นมาก ตอนอ้าปากแล้วเผยให้เห็นถึงฟันที่แหลมคมนั้นอย่างกับมีดสั้นที่เรียงรายกันอยู่ แหลมคมจนหาที่เปรียบไม่ได้เลย


ทั้งสองตัวกำลังแย่งกันกินกุ้งแดง เงาที่ดุดันหนึ่งตัวก็กระโดดขึ้นมาจากในน้ำ อย่างกับธนูที่โค้งงอ เงานี้ได้เผยร่างออกบนผิวน้ำ เป็นความสวยงามที่น่าทึ่งทีเดียว


หลังกระโดดโลดโผนกลางอากาศเสร็จ ตกลงไปในน้ำ ปลาโลมาที่ฉีกรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาระหว่างไอซ์สเกตกับบอลหิมะ มันอ้าปากที่เรียวยาวนั้นร้องเสียงงีดๆ ออกมา สายตาจับจ้องไปที่กุ้งแดงในมือของฉินสือโอวอย่างมีความสุข


ปลาโลมาปากขวด!


การที่ได้เห็นเจ้าตัวที่เหมือนกับยิ้มอยู่ตลอดนี้อีกครั้ง ฉินสือโอวก็รู้สึกดีขึ้นมา เขายื่นมือไปข้างหน้า โลมาน้อยว่ายเข้ามาใช้ปากของมันแตะไปที่ฝ่ามือของเขา จากนั้นก็ว่ายกลับไปอ้าปากต่อ


สำหรับโลมาน้อยตัวนี้แล้วบอลหิมะกับไอซ์สเกตไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับมันเลย คืนนั้นพูดได้ว่าพวกมันสองตัวได้ช่วยชีวิตโลมาน้อยไว้ ตอนนี้ดูท่าว่าพวกมันคงจะไปทำเรื่องยุ่งเข้าแล้ว เพราะสิ่งที่พวกมันช่วยไว้ก็คือเจ้าตัวที่จะมาแย่งความรักจากเจ้านายตัวหนึ่งนั่นเอง!


บทที่ 490 มิสเตอร์บีน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ไอซ์สเกตและบอลหิมะอยู่ฝั่งเดียวกันมาโดยตลอด พวกมันหยอกล้อกัน หาอาหารด้วยกัน และได้รับการดูแลเอาใจใส่จากฉินสือโอวพร้อมกัน โลมาอย่างแกจะเข้ามาแทรกแซงได้ยังไง?


ดังนั้น ทั้งสองจึงหันไปแยกเขี้ยวใส่โลมาปากขวดอย่างรวดเร็ว แสดงทีท่าว่าถ้าแกกล้าเข้ามาแย่งความรักอีกก็ลองดู


โลมาน้อยไม่ได้สนใจ มันส่งเสียงร้องสองที จากนั้นว่ายอ้อมเรือเด็คไปโผล่อีกฝั่ง และยังคงมองฉินสือโอวด้วยรอยยิ้มที่สดใส


เมื่อไอซ์สเกตและบอลหิมะเห็นอย่างนี้ ให้ตายเถอะ เจ้านี่เคยได้รับการฝึก ฝีมือไม่ธรรมดา ไปจัดการกับมันกันเถอะ!


ฉินสือโอวหยุดทั้งสองไว้ เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกอันสำรวจในน่านน้ำรอบข้าง แต่ไม่พบร่องรอยของฝูงโลมาปากขวด เขาคิดในใจว่า หรือฝูงโลมาจะหนีไปแล้ว? แล้วการที่โลมาน้อยตัวนี้ยังอยู่หมายความว่ายังไง?


โลมาปากขวดทำให้คนหลงรักได้ง่ายจริงๆ ฉินสือโอวลูบหัวของไอซ์สเกตและบอลหิมะ แล้วลูบปากของโลมาน้อย และพูดขึ้นว่า “ถ้าแกอยากอยู่ที่ฟาร์มปลานี้ แกต้องเข้ากับพี่ชายสองตัวนี้ให้ได้ เอาล่ะ จะตั้งชื่อให้แกละกัน ชื่อเรแกนเป็นไง?”


เรแกนเป็นอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ตามที่ฉินสือโอวรู้ เขาคนนี้เป็นผู้นำประเทศที่ยิ้มบ่อยที่สุดในโลก เขามักจะยิ้มให้กับสื่อ ซึ่งเหมือนโลมาน้อยตัวนี้


นอกจากยิ้มบ่อยแล้ว เรแกนยังชอบพูดล้อเล่น เรื่องตลกที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นในปี 1984 ตอนนั้นเรแกนต้องการทดสอบไมโครโฟนก่อนที่จะกล่าวสุนทรพจน์ และในตอนนั้นเขาคิดว่าไมโครโฟนยังไม่ได้เชื่อมต่อกับห้องควบคุมเสียง จึงหัวเราะและพูดออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า “เราจะระเบิดสหภาพโซเวียตใน 5 นาที!”


รู้ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ไหม? สหภาพโซเวียตระดมกองเรือทะเลดำอย่างรวดเร็ว และหันขีปนาวุธยุทธภัณฑ์ทั้งหมดไปยังสหรัฐอเมริกา ในตอนนั้นเอง เป็นเพราะคำพูดล้อเล่นประโยคนั้น สงครามโลกครั้งที่สามใกล้เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว!


ฉินสือโอวพูดไปลูบหัวโลมาน้อยไป โลมาน้อยมุดลงไปในน้ำและกระโดดออกมา แล้วส่งเสียงร้องหลายหน


เมื่อเห็นอย่างนี้ ฉินสือโอวตบหัวของมันเบาๆ แล้วหัวเราะและพูดว่า “แกไม่พอใจเหรอ? ฉันรู้ว่าชื่อนี้ดูถูกตระกูลโลมาปากขวดของแกไปหน่อย แต่ในฐานะที่เขาเคยเป็นผู้นำของประเทศมหาอำนาจ แกก็ทนใช้ไปเถอะ”


โลมาน้อยยังคงกระโดดไปมาไม่หยุด ฉินสือโอวเห็นภาพที่มันอ้าปากยิ้มให้ตนเอง ทันใดนั้นก็นึกถึงอีกชื่อหนึ่งที่เหมาะสมมากกว่า นั่นก็คือ มิสเตอร์บีน!


ชื่อเสียงเรียงนามของมิสเตอร์บีนน่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก เขาเป็นตัวละครตลกที่สร้างขึ้นโดยนักแสดงตลกที่ชื่อดังโรวัน แอตคินสัน ในปี 2009 บีบีซีได้คัดเลือกเขาให้เป็นนักแสดงที่สามารถทำให้ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และบทบาทของมิสเตอร์บีนนี้ ก็เป็นบทบาทตลกยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวตัดสินใจทันทีว่า “โอเค หนุ่มน้อย แกชื่อมิสเตอร์บีนแล้วกัน! ”


โลมาปากขวดน้อยเบิกตากว้างมองเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มกระโดดไปมาอย่างมีความสุข


ฉินสือโอวหยอกล้อกับพวกมัน และใส่พลังโพไซดอนในตัวพวกมัน เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้กันระหว่างพวกมัน


ไอซ์สเกตและบอลหิมะไม่พอใจเล็กน้อย พวกมันยังคงมองมิสเตอร์บีนเป็นศัตรู ฉินสือโอวจึงต้องอยู่กับพวกมันจนถึงเย็น อย่างน้อยก็เพื่อให้พวกมันไม่ต้องแยกเขี้ยวใส่กันในตอนที่เจอกัน


เมื่อกลับถึงฝั่ง วินนี่โทรมาพอดี ถามเขาว่าเย็นนี้จะกินอะไร


ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจว่าจะไปดูที่โรงผักเองว่ามีอะไรน่ากิน


สมกับที่เป็นห้องเรือนกระจกเทคโนโลยีสูง ระยะเวลาแค่สองเดือนกว่า ผักผลไม้ทั้งหมดก็สุกเต็มที่แล้ว กุ้ยช่าย ปวยเล้งและผักบุ้งเจริญงอกงาม เห็นได้ชัดว่าสามารถนำไปปรุงอาหารได้แล้ว


ฉินสือโอวเด็ดมะเขือเทศลูกหนึ่งมาเช็ดและกัดไปคำหนึ่ง ดีมาก รสชาติดีทีเดียว กัดลงไปแค่คำเดียวน้ำที่อยู่ในมะเขือเทศก็กระเด็นออกมา เห็นได้ชัดว่าสุกเต็มที่แล้ว


กวางมูสน้อยปอหลัวเดิมเข้าห้องเรือนกระจกอย่างอกผายไหล่ผึ่ง มันเหลียวซ้ายแลขวา ใบหน้าเรียวยาวของมันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ สำหรับมันแล้วนี่ถือเป็นถิ่นของมัน มันก็มีส่วนในการทำให้ผักผลไม้เติบโตได้ดีเหมือนกัน


ฉินสือโอวตบเขากวางบนหัวของมันพร้อมกับชมมัน และยัดมะเขือเทศที่กัดไปแล้วครึ่งหนึ่งเข้าไปในปากของมัน จากนั้นมุ่งหน้าไปหาอย่างอื่นต่อ


หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว ฉินสือโอวได้ยินเสียง ‘ปั้บ’ เขาหันกลับไปมอง เห็นมะเขือเทศครึ่งลูกกลิ้งอยู่บนพื้น ปอหลัวมองเขาด้วยสายตารังเกียจ มันอ้าปากแล้วคาบมะเขือเทศเองลูกหนึ่ง และเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย


เมื่อเห็นอย่างนี้ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกกังวลใจ เจ้าตัวนี้ไม่มีจิตสำนึกของผู้พิทักษ์ นี่เป็นการฝากปลาไว้กับแมวจริงๆ ที่แท้มันก็คิดว่าของทั้งหมดที่อยู่ในนี้เป็นของมัน


ในสวนมีผักมากมาย แต่ฉินสือโอวเป็นคนเลือกทาน ผักที่เขาชอบมีเพียงไม่กี่อย่าง เช่น มะเขือยาว พริก ถั่วฝักยาว ถั่วแขก ถั่วแปบ แตงกวา มันฝั่ง มะเขือเทศ เป็นต้น ผักอื่นๆ จำพวกผักอเมริกันนั้นเขาไม่สนใจเท่าไร เพราะนั่นมีไว้สำหรับเออร์บักและวินนี่


เขาเด็ดมะเขือยาวมาสองลูก ถั่วแปบครึ่งตะกร้าและพริกอีกจำหนึ่งหนึ่ง จากนั้นฉินสือโอวก็ขุดมันฝรั่งมาอีกสองลูก และเก็บแตงกวาอีกสองสามลูกแล้วเดินออกไปจากห้องเรือนกระจก


วินนี่กำลังทำสลัดให้เด็กๆ ในครัว ฉงต้า ต้าป๋าย เสี่ยวหมิง ล้วนอยู่ในนั้น ครอบครัวกระรอกดินก็ตามไป แต่เห็นได้ชัดว่าสถานะของพวกมันต่ำกว่าเล็กน้อย พวกมันนั่งมองอยู่หน้าประตูห้องครัว


เมื่อสังเกตเห็นความขี้อายของครอบครัวกระรอกดิน วินนี่หัวเราะอย่างเอ็นดู เธอล้างแอปเปิลผลใหญ่ผลหนึ่งวางในจานใบเล็ก แล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าครอบครัวกระรอกดิน


แม่กระรอกดินเดินไปทางอื่นและปล่อยให้ลูกๆ แย่งกัน มันกระโดดโลดเต้นไปที่ถังขยะแล้วคาบแกนแอปเปิลที่วินนี่ทิ้งขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย


วินนี้หั่นแตงกวาที่เก็บมาจากห้องเรือนกระจกชิ้นหนึ่งแล้วนั่งป้อนมัน แม่กระรอกดินดมกลิ่นแล้วคาบกลับไปป้อนให้ลูกๆ


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ดูสิ ช่างเป็นความรักที่น่าตื้นตันใจอะไรอย่างนี้”


เขากำลังพูดเยาะเย้ย แต่วินนี้รู้สึกตื้นตันใจจริงๆ เธอจับมือของฉินสือโอวแล้วพูดว่า “เธอเป็นแม่ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คุณว่าในอนาคตฉันจะเป็นอย่างนี้ได้ไหม จะเป็นแม่ที่ดีได้ไหม?”


ฉินสือโอวจูบบนหน้าผากของวินนี่หนึ่งที แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ได้สิ ที่รัก คุณจะเป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลก ดีกว่าแม่ของผมแน่นอน ในตอนเด็กแม่ของผมตีผมอยู่บ่อยๆ คุณจะตีลูกของเราไม่ได้นะ”


วินนี่หยิกเขาหนึ่งที เธอรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น เธอพูดว่า “ถ้าลูกของเราซนเหมือนคุณในตอนเด็ก ฉันก็จะตีเขาเหมือนกัน!”


ปอหลัวเดินตามเข้ามา วินนี่เห็นว่ามากันครบแล้ว จึงแบ่งผลไม้ให้พวกมัน เจ้าตัวน้อยเหล่านี้เริ่มมื้อเย็นกันได้แล้ว


ฉินสือโอวรู้สึกว่าวินนี่มีความอดทนที่สูงจริงๆ ปอหลัวและฉงต้าต่างก็กินจุ ในทุกๆ วัน หลังจากที่วินนี่เลิกงาน เธอก็จะนำผลไม้ปริมาณมากกลับมาจากเมือง จากนั้นล้างและหั่นให้พวกมัน ดูแลเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ดีกว่าแม่บางคนดูแลลูกตัวเองอีก


เมื่อมาคิดดูแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองเย็นชาเกินไป วินนี่อยากมีลูกมาก ทำไมตนจึงหนีอยู่เรื่อยล่ะ? ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ต้องรีบกำหนดวันแต่งงานแล้วล่ะ เขาไม่อยากอุ้มลูกตอนจัดงานแต่งงาน


หลังจากตัดสินใจแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกโล่งอกไปที เขาต่อต้านการแต่งงานและการมีลูกมาโดยตลอด เพราะว่าเขายังคงไม่มั่นใจในชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เขารู้สึกว่าชีวิตในตอนนี้ดีเกินไป ราวกับว่ากำลังอยู่ในความฝัน


การแต่งงานและมีลูก จำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบมากมาย เขาไม่รู้ว่าถ้าตนเองไม่มีหัวใจโพไซดอนแล้ว จะยังสามารถทำให้วินนี่และลูกมีความสุขได้หรือไม่ เขากลัวจุดนี้มาก เพราะว่าเขารักวินนี่มากจริงๆ!


แต่ชีวิตของคนเรานั้นมาพร้อมกับความรับผิดชอบ เขาเชื่อว่า ตนเองจะสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ แม้ว่าจะไม่มีหัวใจโพไซดอน เขาก็จะสามารถจัดการกับฟาร์มปลา และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับวินนี่


บทที่ 491 ห่านขาวพร้อมเสิร์ฟแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อแบ่งผลไม้เสร็จแล้ว วินนี่ต้มซี่โครงหมูอย่างง่าย แล้วผสมในอาหารสุนัขให้หู่จือและเป้าจือกิน เด็กๆ กระดิกหางทานกันอย่างเอร็ดอร่อย


ฉงต้าหันไปมอง มันเห็นซี่โครงหมูในชามข้าว ก็รีบยื่นอุ้งเท้าออกมาผลักหู่จือเป้าจือออก แล้วเริ่มกินอย่างตะกละตะกลาม


เมื่อหู่จือและเป้าจือถูกผลักออก พวกมันส่งเสียงร้องอย่างโกรธเกรี้ยว กระโดดขึ้นไปจับหัวของฉงต้าแล้วใช้ปากดึงหูของมัน


ฉงต้าสะบัดหัวไปมา สลัดหู่จือและเป้าจือออกอย่างง่ายดาย แล้วหมอบลงไปกินซี่โครงหมูในชามข้าวต่อ


หู่จือและเป้าจือไม่กล้ากัดฉงต้าอย่างเต็มแรง พวกเขามองวินนี่และส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร และฟ้องวินนี่โดยการเอาหัวไปถูที่น่องของวินนี่


วินนี่ใช้แรงค่อนข้างมากในการผลักฉงต้าออก และแย่งชามข้าวมาวางไว้ตรงหน้าหู่จือและเป้าจือ ขณะที่เธอกำลังจะโมโห ฉงต้าก็วิ่งไปที่ชามข้าวของตนเอง และกินที่อยู่ของในชามต่อ


“ดูสิ ฉงต้าอ้วนเพราะอย่างนี้เอง” วินนี่พูดอย่างจนปัญญา “ตอนนี้มันเริ่มเรียนรู้ที่จะรังแกคนอื่นแล้ว คุณต้องสั่งสอนมันสักหน่อยแล้วล่ะ”


ฉินสือโอวตบก้นของฉงต้า และพูดว่า “ดูซิตอนนี้แกอ้วนขนาดไหนแล้ว? ขี้เหร่ไม่พอแถมยังอ้วนอีก ในอนาคตข้างหน้ายังอยาก…”


ฉงต้าหันกลับมากอดฉินสือโอว มันพยายามยืดคอเพื่อเลียเขา ในปากส่งเสียงร้องเล็กๆ ราวกับว่ากำลังเสียใจที่ถูกตำหนิ


บุชรอมาครู่หนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้กินปลา จึงแสดงความไม่พอใจในทันที มันวิ่งอย่างรวดเร็วสองก้าวและกระพือปีก แล้วกระโดดขึ้นไปในโต๊ะอาหาร จากนั้นส่งเสียงร้องโวยวาย “กากา กากา”


วินนี่รีบไปแปรงขนให้มัน และพูดปลอบใจว่า “โอเค โอเค รู้แล้วว่าถึงตาแกแล้ว ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม? จะรีบแล่ปลาของแกตอนนี้แหละ!”


วินนี่เปิดตู้เย็นดูแล้วพูดว่า “เฮ้ ที่รัก ในบ้านไม่มีเนื้อแล้ว ซี่โครงหมูชิ้นสุดท้ายฉันให้หู่จือและเป้าจือแล้ว”


ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แย่แล้ว ผมลืมไปเลย เนื้อกวางและเนื้อหมูป่าก่อนหน้านี้ถูกนำไปใช้ในงานฉลองเมืองแล้ว”


อินทรีหัวขาวกินปลาและเนื้อเป็นอาหาร วินนี่ใช้อัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งกับบุชมาโดยตลอด ตอนนี้ไม่มีเนื้อแล้ว เธอจึงต้องให้มันกินปลาคาพีลินสี่ตัว


ตั้งแต่มีความฝัน บุชก็เริ่มรู้จักการยับยั้งชั่งใจ เมื่อมันกินปลาคาพีลินไปสองตัวก็หยุดกิน แล้วเงยหน้ามองวินนี่อย่างมีความหวังพร้อมส่งเสียงร้อง ‘กากา’


วินนี่มองมันอย่างหมดหนทาง เธอทำท่าจนปัญญาแล้วพูดว่า “เนื้อหมดชั่วคราว ที่รัก กินปลาอีกสองตัวดีไหม?”


บุชกะพริบตา และยังคงส่งเสียงร้อง ‘กากา’ วินนี่ยังคงทำท่าจนปัญญา เมื่อทำซ้ำๆ บุชก็เข้าใจแล้ว มันร่อนปีกไปที่ตู้เย็น วินนี่เปิดตู้เย็น มันก็กระโดดขึ้นมอง


เมื่อลงสู่พื้น บุชโกรธเล็กน้อย มันส่งเสียงร้อง ‘กากา’ วินนี่ส่งปลาคาพีลินให้มัน เจ้าตัวเล็กอารมณ์เสีย มันใช้ปีกของมันปัดปลาที่อยู่ในมือวินนี่ตก จากนั้นวิ่งไปจับปลาคาพีลินแล้วส่งเสียงคำรามต่อ


ฉินสือโอวเห็นแล้วรู้สึกโกรธมาก เจ้านี่เกินไปแล้วล่ะ แต่เขาไม่จำเป็นต้องลงโทษมันด้วยตัวเอง เขาหันไปทางหน้าต่างแล้วผิวปากหนึ่งที นิมิตส์ที่อยู่บนต้นไม้บินเข้ามาในทันที


ไม่ต้องรอดูสถานการณ์ นิมิตส์รู้จุดประสงค์ที่ฉินสือโอวเรียกมันขณะรับประทานอาหาร มันกางปีกอย่างแข็งแกร่งออก แล้วตบเข้าไปที่หัวของบุช


บุชเงียบในทันที มันก้มหน้าไปคาบปลาคาพีลินที่อยู่ใต้อุ้งเท้าอย่างไร้ชีวิตชีวา แล้วกลืนลงคอไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไร


มันต้องอย่างนี้สิ ฉินสือโอวนึกถึงท่าทางการบินร่อนของบุชก่อนหน้านี้ เขาล้างมันฝรั่งไปพูดไปว่า “เราควรปล่อยบุชบินอีกครั้ง ผมคิดว่าครั้งนี้น่าจะได้”


“ในรถเหมือนเดิมไหม?” วินนี่ถาม


ฉินสือโอวส่ายหน้า “ไม่ ครั้งนี้ให้มันบินโดยตรง พรุ่งนี้จะโยนมันลงมาจากเฮลิคอปเตอร์”


“พระเจ้า ถ้ามันยังบินไม่ได้ล่ะ?” วินนี่ถามอย่างกังวล “เราจะเข้มงวดกับเด็กอย่างนี้ไม่ได้”


ฉินสือโอวอธิบายว่า “ไม่เป็นไร ให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปบนผิวน้ำ ถ้าโยนลงไปอย่างนั้นอย่างมากก็แค่อาบน้ำเย็นในทะเล ไม่อันตรายหรอก”


อย่างนี้ก็ได้ วินนี่พยักหน้าเห็นด้วย


หลังจากฉินสือโอวล้างมันฝรั่งสะอาดแล้ว ก็เรียกเบิร์ดมาหั่นเป็นเส้น


เบิร์ดทำความสะอาดมีดหั่นผัก มือหนึ่งกดมันฝรั่งไว้อีกมือสับมีดอย่างรวดเร็ว ได้ยินแต่เสียง ‘ฉับ ฉับ ฉับ’ ที่คมชัดและเป็นจังหวะ มันฝรั่งถูกหั่นเป็นแผ่นที่มีขนาดเท่ากันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเบิร์ดหมุนทิศทางของใบมีด มันฝรั่งกลายเป็นเส้นๆ ในทันที


ไม่ได้กินมันฝรั่งเส้นมานานแล้ว ฉินสือโอวคิดจะนำไปยำ เขาต้มมันฝรั่งเส้นในน้ำเดือดจนสุก แช่ในน้ำเย็นสักครู่ จากนั้นผสมกับน้ำมันพริก ใส่น้ำมันหอย ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูลงไป เมนูนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ทำง่ายและอร่อยในเวลาเดียวกัน


เมนูนี้แล้วเสร็จในเวลาเพียงไม่กี่นาที ฉินสือโอวทำการชิม อืม ดีมาก มันฝรั่งโพไซดอนอร่อยกว่า เส้นมันฝรั่งกรอบโดยไม่มีความเหนียวนุ่ม รสชาติหอมสด เหมาะที่จะทำเมนูยำ


เนื้อสัตว์หมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ทำอาหารมังสวิรัติ แน่นอนว่ามีไข่ไก่ ไข่เป็ดและไข่นกจำนวนมาก


ฉินสือโอวเตรียมจะทอดไข่ เขาเปิดตู้ควบคุมอุณหภูมิออก ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยไข่ไก่และไข่เป็ด


เมื่อเห็นไข่จำนวนมากอย่างนี้ ฉินสือโอวรู้สึกตกใจ เขาพูดว่า “มีคนเอาไข่ไก่มาให้เหรอ?”


วินนี่ยิ้ม “เป็นไปได้ยังไง ทั้งหมดนี้เชอร์ลี่ย์และกอร์ดอนเป็นคนไปเก็บมา ตอนนี้เป็ดและไก่มีจำนวนมาก พรุ่งนี้คุณเข้าไปดูหน่อย ถ้ามีเวลาก็ขยายฟาร์มสักหน่อยเถอะ”


ฉินสือโอวเป็นสัตว์กินเนื้อ ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์ก็จะรู้สึกไม่มีความสุข เมื่อเนื้อกวางและเนื้อหมูป่าหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กินเนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อห่านกันเถอะ เพราะมีจำนวนมากอยู่แล้ว


เมื่อเห็นอีวิลสันลูบท้องทำท่าว่าหิว ฉินสือโอวก็ลงมือกับห่านขาวอย่างไม่ลังเล ที่บ้านเกิดของเขามีเมนูหนึ่งที่เรียกว่ามันฝรั่งต้มห่านความดันสูง รสชาติไม่เลว


เมื่อบอกอีวิลสันว่าเย็นนี้กินห่าน เขารีบวิ่งออกไปอย่างรีบร้อน ตอนกลับมานั้นมีห่านขาวอวบอ้วนติดมือมาด้วย ห่านถูกหักคอแล้ว แค่ถอนขนและทำความสะอาดก็นำไปปรุงอาหารได้แล้วล่ะ


มันฝรั่งมีอยู่แล้ว โชคดีที่ก่อนหน้านี้ขุดมันฝรั่งอ่อนมาพอดี อย่างนี้ไม่ต้องหั่น ปอกเปลือกแล้วนำไปต้มได้เลย


หลังจากทำความสะอาดห่านแล้ว ฉินสือโอวสับมันเป็นชิ้นๆ ห่านตัวนี้หลังจากถอนขนและนำเครื่องในออกแล้วก็ยังหนักประมาณสิบโล เย็นนี้อิ่มหนำสำราญแน่ๆ


หลังจากล้างเนื้อห่านแล้วก็ได้ต้มในน้ำเดือดเพื่อทำให้เนื้อแน่นกว่าเดิม ฉินสือโอวใส่น้ำมัน น้ำเชื่อมเมเปิล ซีอิ๊วและน้ำส้มสายชูลงไป หลังจากเคี่ยวน้ำซุปจนข้นแล้ว ก็เทเนื้อห่านลงไป แล้วผัดอย่างไม่หยุดมือ


ฉินสือโอวเทน้ำซุปที่ต้มเนื้อห่านก่อนหน้านี้ลงไปในหม้อความดันสูง แล้วใส่หัวหอม ขิงและพริกแห้งลงไปบางส่วน และสมุนไพรจำพวกโป๊ยกั๊ก พริกไทยเสฉวน และเฉินผี ต้มรวมกับเนื้อห่านและมันฝรั่ง


หลังจากต้มไปได้ห้านาที ฉินสือโอวเทซีอิ้ว น้ำเชื่อมเมเปิลและเกลือลงไป แล้วต้มต่ออีกยี่สิบนาที เนื้อห่านหม้อนี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วล่ะ


วินนี่ได้ชิมเนื้อห่าน เธอพยักหน้าและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “หอมมาก เผ็ดมาก ชามาก เหมาะที่จะเป็นมื้อเย็นมาก”


วินนี่บอกว่าเครื่องในของห่านนั้นนอกจากส่วนตับแล้วที่เหลือให้โยนทิ้งทั้งหมด แต่ฉินสือโอวบอกว่าเขาจะจัดการเอง จากนั้นตะโกนเรียกอีวิลสันให้เขาไปล้างลำไส้ห่าน เพราะเขาต้องการจะเก็บไว้ทำไส้ห่านแช่พริก


บทที่ 492 บุชน้อยฝึกบิน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังฟื้นตัว สำหรับดินแดนที่อยู่เหนือสุดอย่างนิวฟันด์แลนด์ ฤดูใบไม้ผลิมาถึงช้ามาก แต่ก็ทำให้ดูมีค่ามากกว่าเดิม


เกาะแฟร์เวลมีสภาพอากาศที่ไม่เลว ตั้งอยู่ที่ทางใต้สุดของนิวฟันด์แลนด์พอดี เนื่องจากอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่น สภาพอากาศของเกาะจึงค่อนข้างคล้ายกับบอสตัน ฤดูใบไม้ผลิมาถึงเร็ว ปลายเดือนมีนาคมก็เริ่มมีนกขมิ้นบินถลาและพฤกษาก็เริ่มผลิใบแล้ว


ฉินสือโอวออกจากบ้านพักในตอนเช้า มองไปทางพุ่มไม้เล็กๆ ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวในระยะไกล แล้วหันกลับมามองบุชที่อยู่บนไหล่ของตน เขายิ้มแล้วพูดว่า “นกขมิ้นบินถลาพฤกษาผลิใบในเดือนกุมภาพันธ์ ฉันและคุณพบกันที่ทะเลสาบตะวันตก…”


วินนี่รวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง เธอพูดขึ้นว่า “คุณกำลังพูดพร่ำเพรื่ออะไร อย่าดัดแปลงบทกวีโบราณ คุณต้องเคารพภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของคุณ!”


ฉินสือโอวหันไปลูบหน้าของเธอหนึ่งที จากนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันให้ความเคารพอย่างมากในใจ ไปกันเถอะ ที่รัก ไปดูท่าทางการบินของบุชกัน!”


เบิร์ดตรวจสอบเครื่องยนต์และเครื่องมือของเครื่องบิน เพราะต้องการปล่อยบุช เขาจึงเอาประตูของเฮลิคอปเตอร์ออก เพื่อให้ฉินสือโอวสามารถปล่อยบุชออกไปได้ตลอดเวลา


เดิมทีบุชเกาะบนไหล่ของฉินสือโอว เมื่อเห็นเบิร์ดเอาประตูเฮลิคอปเตอร์ออก มันตื่นตัวในทันที หลังจากส่งเสียงร้อง ‘กากา’ สองครั้ง ก็อยากกระโดดลงพื้น


ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดัง แล้วอุ้มบุชขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เบิร์ดรอให้เขาคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วจึงออกบิน


บุชส่งเสียงร้องเสียงดังราวกับอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ มันกระพือปีกอย่างแรง ทั้งเหยียดทั้งขาเท้าในเวลาเดียวกัน อยากสลัดฉินสือโอวให้หลุดแล้ววิ่งหนีไป


เห็นได้ชัดว่า การบินที่ไม่ประสบความสำเร็จครั้งก่อนนั้นมีผลกระทบต่อจิตใจของบุชเป็นอย่างมาก ทำให้มันจดจำและนำมาเป็นบทเรียนในตอนนี้


แต่น่าเสียดายที่มันเป็นแค่อินทรีหัวขาวอ่อนวัย ไม่แรงเยอะเหมือนพ่อและแม่ของมัน หลังจากที่ฉินสือโอวกอดมันไว้ ไม่ว่ามันจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด


วินนี่นั่งอยู่ข้างๆ คอยปลอบใจบุช ฉินสือโอวไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เพราะเขากำลังใส่หูฟัง แต่บุชเริ่มผ่อนคลาย มันไม่ต่อต้านแล้ว


เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่ในอากาศในระยะที่สูงเหนือระดับน้ำทะเลเกินสิบเมตร ความสูงนี้กำลังเหมาะสม แต่ถ้าตกลงไปบนผิวน้ำก็จะทำร้ายบุชได้เหมือนกัน


ฉินสือโอวไม่สามารถโยนมันออกไปแบบนี้ได้ เฮลิคอปเตอร์ยังคงบินวน ทำให้เกิดลมแรง เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาจึงคลานไปที่ประตูเครื่องบินเพื่อจะปล่อยบุชลง


แต่เข็มขัดนิรภัยผูกฉินสือโอวไว้ เขาขยับไปมาและรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงปลดเข็มขัดนิรภัยออก และหมอบอยู่ตรงประตูอย่างระมัดระวัง และยื่นบุชออกไป


หลังจากยื่นแขนออกไปแล้ว ฉินสือโอวมองออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ


เขาคิดมาโดยตลอดว่าความกลัวในความสูงของเขานั้นได้บรรเทาลงมากแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิมเพราะเครื่องบินบินขึ้นและบินลงอย่างไร้น้ำหนัก


เมื่อก่อนฉินสือโอวนั่งเฮลิคอปเตอร์อยู่บ่อยๆ เพราะความสูงในการบินที่ไม่สูงมาก เวลาเขามองไปข้างนอกจึงไม่รู้สึกอะไร


แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่มีการป้องกันจากประตูเครื่องบิน เมื่อเขายื่นหน้าออกไปก็รู้สึกชาไปทั้งตัว


ลมที่เกิดจากการบินวนพัดมาโดนตัวของเขา ความรู้สึกวิงเวียนผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองกำลังตกลงไปจากบนฟ้า…


เมื่อมีอาการวิงเวียนอย่างนี้ ฉินสือโอวเริ่มนั่งนิ่งๆ ไม่ได้ เขาพยายามปกป้องตัวเอง แต่กลับไม่ได้ผลอะไร เขาโน้มตัวไปข้างหน้า และร่วงลงไปกับบุช


“ไม่!!!” ขณะที่วินนี่กำลังกรีดร้อง ฉินสือโอวก็หล่นลงไปจากบนฟ้าแล้วจริงๆ


ฉินสือโอวโบกแขนของเขาด้วยความตื่นตระหนก และบุชก็ถูกเขาโยนทิ้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาดิ้นรนอยู่บนทิ้งฟ้าอยู่พักหนึ่ง เสียง ‘ตู้ม’ ดังขึ้น เขาได้ตกลงไปในน้ำแล้ว


หลังจากตกลงไปในมหาสมุทร ฉินสือโอวกลับสงบลง น้ำในต้นฤดูใบไม้ผลิยังคงเย็นมาก แต่ฉินสือโอวไม่รู้สึกอะไร การมีอยู่ของหัวใจโพไซดอนทำให้เขาเสมือนปลาได้น้ำ ไม่นานเขาก็โผล่หัวออกมา


ฉินสือโอวยืดหัวออกมาจากน้ำ เขายื่นมือออกมาเช็ดน้ำทะเลบนหน้า แล้วเงยหน้ามอง ร่างที่แข็งแกร่งร่างหนึ่งที่กำลังบินวนอยู่บนหัวเขา


ในที่สุดบุชก็บินได้แล้ว!


ในตอนนี้ ความเร็วในการบินของนกอินทรีหัวขาวไม่เร็วเท่าไร เส้นทางการบินก็คดเคี้ยวไปมา แต่เมื่อมันบินอยู่ในอากาศกลับมีความสง่างาม ความสง่างามนี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษอินทรีทะเลหัวขาวของมัน มันซ่อนอยู่ในสายเลือด ในที่สุดวันนี้มันก็ปรากฏขึ้น!


บุชบินวนอยู่บนผิวน้ำทะเล เมื่อเห็นหัวของฉินสือโอวโผล่ออกมา มันก็พุ่งลงมาในทันที แล้วยืนบนหัวของฉินสือโอว และส่งเสียงร้อง ‘กากา’ อย่างภาคภูมิใจ ท่าทางของมันดูยโสมาก


เห็นฉินสือโอวไม่เป็นอะไร วินนี่ที่หมอบอยู่ตรงประตูเครื่องบินก็รู้สึกโล่งอก จากนั้นเธอก็หัวเราะเสียงดัง ตอนนี้ฉินสือโอวเอียงอายมาก เดิมทีเขาอยากเห็นบุชเป็นตัวตลก แต่ตอนนี้กลับถูกบุชหยามสักงั้น


ชาวประมงที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่บนท่าเรือรีบขับเรือยอชต์เข้าไปหา ฉินสือโอวตะโกนใส่พวกเขาว่า “ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกังวล ให้ตายเถอะ แกไปไกลๆ เลยบุช!”


ฉินสือโอวโบกมือ บุชย่ำเท้าอย่างแรงบนหัวเขาหนึ่งทีทำให้เขาจมลงไปในน้ำ และใช้แรงน้ำกระพือปีกแล้วบินลงมา


ในขณะนี้เอง มิสเตอร์บีนโลมาปากขวดปรากฏตัว ปลาคาร์ฟตัวหนึ่งกระโดดออกจากน้ำ หัวลื่นๆ ของมันชนเข้ากับบุชที่ไม่ได้ตั้งตัวพอดี


ราวกับว่ากำลังโยนลูกโบว์ลิ่ง บุชที่รู้สึกภาคภูมิใจเมื่อครู่ถูกชนกระเด็นและตกลงไปในน้ำทะเล


ฉินสือโอวรีบพูดชมมิสเตอร์บีน โลมาน้อยยื่นหน้าออกมาและส่งเสียงร้อง สายตามองไปที่บุชที่ตกลงไปในน้ำ


สำหรับลูกบุญธรรมที่ตนเองเพิ่งรับไม่นานนี้ ฉินสือโอวรู้สึกพึงพอใจกับมันมาก เด็กคนนี้ฉลาด เมื่อเห็นบุชรังแกเขาก็รีบตรงเข้ามาช่วย


สมแล้วที่เป็นสัตว์ปีกที่แข็งแกร่งที่สุดในท้องทะเล หลังจากบุชตกลงไปในน้ำ มันดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่งแล้วกระพือปีกบนผิวน้ำ แล้วขึ้นบินอีกครั้ง


บุชบินขึ้นด้วยความยากลำบากอีกครั้ง มันโกรธมาก เดิมทีนกอินทรีหัวขาวก็ดูเหมือนโกรธตลอดเวลาอยู่แล้ว บวกกับท่าทางแกร่งกล้าของมัน และตอนนี้มันกำลังเต็มไปด้วยความโกรธ จึงทำให้ดูมีพลังมากกว่าปกติ


บุชบินบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว มันส่งเสียงคำราม ‘กากา’ แต่มิสเตอร์บีนไม่กลัว มันยื่นหัวออกมาจากน้ำ แล้วพ่นน้ำไปทางบุชเพื่อยั่วโมโห


ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งผิวน้ำ บุชเริ่มรู้สึกโมโห มันจำเป็นต้องรักษาความยิ่งใหญ่ของตระกูลอินทรีหัวขาวของตน มันเล็งไปที่เรแกน และพุ่งเข้าใส่


และในขณะนั้นเอง ปากขนาดใหญ่สองปากปรากฏขึ้นที่ด้านซ้ายและด้านขวาของมิสเตอร์บีน พวกมันอ้าปากเผยให้เห็นฟันแล้วกัดไปที่บุช


บอลหิมะและไอซ์สเกตซุ่มอยู่ข้างๆ ตลอดเรื่อยมา!


โชคดีที่บุชไหวพริบดี เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีมันก็รีบกระพือปีกและเบรกตัวในอากาศ จึงไม่เกิดโศกนาฏกรรมที่ต้องตกลงไปในปากของวาฬเบลูกาหรือฉลามเสือทราย


เรือยอชต์ได้แล่นเข้ามาแล้วในเวลานี้ ชาร์คและแลนซ์ดึงแขนของฉินสือโอวเพื่อลากเขาขึ้นไปบนเรือ


หลังจากขึ้นเรือแล้วฉินสือโอวผิวปากเสียงดังใส่บุชหนึ่งครั้ง บุชส่งเสียงร้อง ‘กากา’ ใส่สามพี่น้องในท้องทะเลอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็บินลงมา


การทะเลาะกันในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ความขัดแย้งระหว่างเจ้าแห่งท้องฟ้าในฟาร์มและเจ้าแห่งมหาสมุทรตัวน้อยเหล่านั้นเพิ่งเริ่มขึ้น


……………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)