ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 479-485
บทที่ 479 วันที่หนึ่ง วันปีใหม่ (วันเที่ยว)
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อกลับถึงบ้านก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที วันที่สามสิบคืนก่อนปีใหม่ทุกบ้านจะต้องดื่มเหล้า กินอาหารดีๆ เป็นการให้รางวัลตัวเองที่เหนื่อยมาทั้งปี บวกกันคืนนี้จะมีงานเฉลิมฉลองปีใหม่ให้ดูทางโทรทัศน์ด้วย สามารถกินอาหาร คุยเล่นกัน แถมยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วย เป็นคืนที่สนุกสนานมีความสุขที่สุดของปีของเหล่าชาวไร่ชาวนาเลย
วันนี้เป็นวันที่คนทั้งครอบครัวต้องช่วยกันทำอาหารที่จะกินกันค่ำนี้ วินนี่กับเออร์บักทำอาหารตะวันตก พ่อและแม่ของฉินสือโอวกับฉินสือโอวทำอาหารจีน เชอร์ลี่ย์เป็นลูกมือให้พวกเขา เบิร์ดแบกเตาย่างขึ้นมา แล้วพาพวกเด็กๆ ไปย่างของกัน พวกเขาเองเก่งแค่เรื่องนี้แหละ
เตาย่างนี้เป็นเตาที่เบิร์ดต่อขึ้นมาเองในระหว่างที่อยู่ที่นี่ ที่ฉินเผิงมีทั้งอุปกรณ์และเครื่องเชื่อมเหล็ก เบิร์ดจึงสามารถทำเตาย่างเล็กๆ ออกมาสองอันได้อย่างง่ายดาย
ตกกลางคืนอาหารรสเลิศแต่ละจานก็ขึ้นเสิร์ฟ พ่อของฉินสือโอวนำเหล้าและเครื่องดื่มไปวางไว้บนโต๊ะ เท่านี้เตียงที่กว้างและใหญ่ก็ถูกอัดแน่นแล้ว ฉินสือโอวและพ่อต้องยืนอยู่ข้างล่างอย่างเลือกไม่ได้
คนเยอะก็ครึกครื้น พ่อและแม่ของฉินสือโอวดีใจสุดขีด แต่ก่อนพอหลังจากที่พี่สาวแต่งออกไป ในบ้านก็เหลือแค่ฉินสือโอวคนเดียว คืนวันที่สามสิบก็มีกันแค่สามคน ทำให้ไม่สนุกเสียเลย
แต่ปีนี้ดีเลย แค่พวกเด็กๆ ก็มีกันถึงสี่คน พูดคุยโดยผสมกันทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาจีน จะมีอะไรที่ครึกครื้นมากกว่านี้อีก?
อีกอย่างบนพื้นยังมีหมีหนึ่งตัวหมาป่าหนึ่งตัวหมาสองตัวกับนกอินทรีหัวขาวอีกตัว บุชยังดี แค่ได้เกาะอยู่พนักเก้าอี้ก็ไม่ขยับแล้ว แต่เจ้าหมาหมีหมาป่าสี่ตัวนี่สิที่พออยู่ด้วยกันก็ไม่มีความสงบอีกต่อไป ทั้งแย่งกันกินแย่งกันดื่มแย่งกันเล่น ทำเอาฉินสือโอวยุ่งวุ่นวายทีเดียว
ดนตรีเปิดงานเฉลิมฉลองวันตรุษจีนดังขึ้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนข้างนอกเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟที่สว่างไสว พ่อของฉินสือโอวยกแก้วเหล้าขึ้นมาพูดว่า “วันนี้เป็นวันไหว้ของพวกเรา แล้วก็ ยินดีต้อนรับแขกของเรา เออร์บักกับเบิร์ด หวังว่าปีหน้าคนในบ้านเราจะเยอะกว่านี้ แหะๆ เสี่ยวโอว แกคงเข้าใจความหมายของพ่อใช่ไหม?”
ฉินสือโอวหมดคำพูด ขนาดตอนนี้ยังสามารถโยงเรื่องเข้ากับเรื่องมีลูกได้อีกเหรอ? เขาโบกปัดมือพูดว่า “พ่อ พูดต่อเถอะ รีบพูดเร็ว อาหารเย็นหมดแล้ว”
วินนี่หัวเราะอย่างดีใจแล้วพูดว่า “ไม่เห็นต้องรีบเลย คุณพ่อพูดต่อเถอะค่ะ อาหารเย็นแล้วเดี๋ยวหนูไปอุ่นให้ใหม่”
เธอกับพ่อและแม่ของฉินสือโอวนั้นยืนอยู่ฝั่งเดียวกันนี่นา เธอเองก็อยากจะมีลูกแล้ว
พ่อและแม่ของฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ กันออกมา สุดท้ายพ่อของฉินสือโอวพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า ‘ขอให้ทุกคนร่างกายแข็งแรงสมหวังสมปรารถนา’ จากนั้นก็เป็นคนนำดื่ม คืนนี้นอกจากเบิร์ดแล้วคนอื่นๆ ก็ดื่มไวน์กันหมด เพราะไวน์นั้นไม่แรง สามารถดื่มได้เต็มที่
เริ่มจากการกินเค้กปีใหม่ก่อน เพราะนี่คืออาหารหลักของคืนวันไหว้ เป็นสัญลักษณ์ว่าให้ชีวิตสูงหรือดีขึ้นทุกปี (เค้กปีใหม่ในจีนมีเสียงพ้องกับคำว่าสูงขึ้นทุกปี)
เค้กปีใหม่ของบ้านเกิดฉินสือโอวนั้นเป็นเค้กข้าวที่มีรสหวาน เขาได้ยินว่ามีคนทำเค้กข้าวรสเค็มด้วย? นั่นจะไม่เรียกว่าบ้าได้ยังไง? เค้กปีใหม่ต้องมีรสหวานสิ บ๊ะจ่างก็ต้องหวาน ส่วนมะเขือเทศผัดไข่ก็ต้องเค็ม…
การกินอาหารค่ำวันไหว้กันสามคนกับการกินอาหารค่ำวันไหว้กันสิบคนนั้นผลลัพธ์ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คนสิบคนค่อยๆ กินไปพลางหัวเราะกันไปพลาง ไหนจะดูงานเฉลิมฉลองอีก เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้กินได้ช้าไปอีก แถมยังมีพวกหมาหมีหมาป่าทั้งสี่ตัวที่แหย่กันเล่นเป็นพักๆ อีก ทำให้เวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืนโดยไม่รู้ตัว
เหล่าพิธีกรในทีวีกำลังไหว้ปีใหม่กัน ฉินสือโอวก็ไหว้ปีไหว้กับพ่อแม่ตัวเอง เออร์บักกับวินนี่และคนอื่นๆ ก็ร่วมด้วย คนบนโต๊ะอาหารต่างก็ร่วมไหว้และอวยพรปีใหม่ซึ่งกันและกัน
วินนี่เคยเล่าเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่บ้านเกิดของฉินสือโอวให้เด็กทั้งสี่คนฟัง เชอร์ลี่ย์กับพวกเมื่อเห็นทุกคนไหว้ปีใหม่กันแล้ว ก็คุกเข่าคำนับพ่อและแม่ของฉินสือโอวด้วย พูดว่าคุณปู่คุณย่าสวัสดีวันปีใหม่
พ่อและแม่ของฉินสือโอวดีใจจนหุบยิ้มไม่ลงเลย จากนั้นก็หยิบซองแดงที่เตรียมไว้ยัดให้กับทุกคน ฉงต้าที่กะพริบตาเล็กๆ ของมันจ้องดูอยู่นั้น ก็ถือโอกาสหมอบลงกับพื้น ใช้หัวที่อ้วนๆ ของมันโขกไปที่พื้นสองทีเลียนแบบพวกเด็กๆ
ฉากนี้ทำเอาพ่อและแม่ของฉินสือโอวมองแล้วอึ้งไปตามๆ กัน พ่อของฉินสือโอวรีบให้คนบนเตียงคั่งนั่งเบียดๆ กัน แล้วออกแรงลากฉงต้าขึ้นไปบนเตียงด้วย จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าหมีตัวนี้ถึงฉลาดขนาดนี้กัน? ไอ้หยา ฉันอยู่มานานขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกนะที่รู้ว่าหมีก็คำนับไหว้ปีใหม่เป็นด้วย!”
ฉงต้าที่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้นก็เหมือนกับผีที่ได้เข้าไปในหมู่บ้าน วินนี่เอาสลัดผลไม้กับเนื้อไก่ทอดให้มันกิน มีอะไรมันก็กินอันนั้น อ้าปากแล้วก็รีบกินรีบกลืนอาหารอย่างบ้าคลั่ง
แม่ของฉินสือโอวเอามือลูบไปที่หูที่นุ่มของฉงต้าอย่างพอใจแล้วพูดว่า “ถึงว่าไม่ว่ายังไงพวกเธอก็จะต้องพาเจ้านี่กลับมาฉลองปีใหม่ให้ได้ พวกมันเหมือนเป็นคนในครอบครัวจริงๆ รอบรู้ไปเสียหมด ดีจริงๆ ”
ข้างนอกมีเสียงจุดประทัดดังขึ้นประปราย ไม่นานเสียงประทัดก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นดังขึ้นพร้อมกันไม่ขาดสาย
หลังจากกินข้าวเสร็จหากเป็นเมื่อก่อนก็ต้องเข้านอนแล้ว แต่วันนี้พ่อและแม่ของฉินสือโอวดีใจกันมาก ทำให้ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด วินนี่จัดการให้เด็กทั้งสี่คนกลับห้องไปก่อน ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็เอาไพ่ออกมาเล่นกัน
เล่นไพ่กันจนถึงตีสี่ พ่อของฉินสือโอวเก็บไพ่แล้วก็เตรียมตัวต้มเกี๊ยวน้ำต่อ หลังจากกินเกี๊ยวน้ำเสร็จก็ต้องไปไหว้ปีใหม่กัน บ้านของพวกเขามีศักดิ์ค่อนข้างสูง คนจะมาไหว้ปีใหม่ก็เยอะ ดังนั้นจึงต้องรีบเปิดประตูบ้านแต่เช้า เมื่อเป็นแบบนี้ก็แน่นอนว่าต้องกินข้าวเช้ากันเร็วหน่อย
ฉินสือโอวออกไปข้างนอกกับเบิร์ดเพื่อจุดประทัดด้วยกัน ในบ้านมีวินนี่ที่ช่วยพ่อของฉินสือโอวต้มเกี๊ยวน้ำอยู่ เขาหันกลับไปดูเงาคนใต้แสงไฟนั้น แล้วรู้สึกพอใจมาก
เป็นอีกครั้ง ที่เขารู้สึกขอบคุณตัวเองที่รู้จักยับยั้งชั่งใจ หากว่าเขาไม่ได้มั่นคงกับวินนี่ แต่ไปมั่วกับสาวๆ ในแคนาดาแทนแล้วล่ะก็ เขาอาจจะมีความสุขบ้างเป็นครั้งคราวก็จริง แต่คงไม่ได้มีความสุขเหมือนกับวันสำคัญอย่างวันปีใหม่แบบนี้หรอก
เริ่มตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็มีคนมาหาเพื่อไหว้ปีใหม่กันแล้ว
บ้านคนจนในเมืองนั้นไร้คนถามหา บ้านเศรษฐีแม้อยู่ในเขาลึกก็ยังมีญาติมาหา เพราะฉินสือโอวเป็นต้นเหตุ ทำให้ปีนี้คนที่จะมาไหว้ปีใหม่ที่บ้านจึงเยอะเป็นพิเศษ คนบางคนที่ต้องนับกันไกลเลยถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นญาติกันก็ยังมาไหว้ปีใหม่กับพ่อและแม่ของฉินสือโอว
แบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร เพราะบ้านเขามีศักดิ์สูงกว่านี่นา
วินนี่เตรียมซองแดงไว้ตะกร้าใหญ่ เธออยู่ข้างๆ แม่ของฉินสือโอว ขอเพียงคนที่มามีเด็กมาด้วยเธอก็จะรีบยื่นซองให้ เฮงๆ รวยๆ แม่ของฉินสือโอวเองก็ดีอกดีใจ
คนที่มาไหว้ปีใหม่ส่วนมากจะถือโอกาสมาเพื่อดูหน้าเจ้าสาวมากกว่า เพราะนี่เป็นเจ้าสาวต่างชาติคนแรกในโลกของพวกเขานี่นา คนสวยบุคลิกก็ดีอีกต่างหาก พวกเขารู้สึกสงสัยอยากรู้มาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้จึงใช้การไหว้ปีใหม่เพื่อเป็นข้ออ้างมาดูด้วยตัวเอง
วินนี่นั้นได้เรียนเรื่องมารยาททางสังคมมา ตอนเรียนมหาลัยมีคลาสสอนมารยาท ทำงานแล้วก็ยังมีคลาสสอนมารยาทอีก การดูแลผู้คนของเธอนั้นจึงทั้งอ่อนโยนและสง่างาม การตอบคำถามผู้อาวุโสก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ ทำให้คนที่มาไหว้ปีใหม่เห็นแล้วก็หมดคำพูด
หลังจากนั้นคนในหมู่บ้านเมื่อจะสอนลูกหลานก็จะใช้วินนี่เป็นแบบอย่าง “ตั้งใจเรียนนะ เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ เรียนจบแล้วก็หางานดีๆ ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะหาสะใภ้ที่ดีเหมือนเสี่ยวโอวได้ยังไง?”
ฉินสือโอวที่เดินเล่นอยู่กับคุณพ่อก็มีความสุขมาก เพราะพวกเขามีศักดิ์สูงกว่า ระหว่างทางพอเจอผู้คนก็แทบจะทุกคนที่ไหว้ปีใหม่กับพวกเขา
ระหว่างเดินอยู่นั้นก็เจอเข้ากับฉินเผิง หมอนี่พอเห็นฉินสือโอวแล้วก็รีบก้มหน้าแอบเข้าไปในกลุ่มคน ครอบครัวเขามีคนเยอะ แค่คุณลุงคุณอาก็หกคนแล้ว ไม่เหมือนบ้านฉินสือโอว ที่มีลูกสองคนแต่มีคนสืบสกุลแค่คนเดียว
ฉินสือโอวดึงตัวฉินเผิงไว้ ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “มา หลานชาย มาไหว้ปีใหม่กับคุณน้ากัน วันนี้นายใส่สูทผูกไทด้วยเหรอ? ไอ้หยา ดูไปดูมาก็ไม่เลวนี่นา”
“ให้ตายเถอะ แกนี่มันฉินโซ่ว(สัตว์เดรัจฉาน)จริงๆ ปล่อยน้องไปครั้งหนึ่งได้ไหม? ถ้าหากฉันเรียกนายว่าคุณน้างั้นต่อไปคงไม่มีหน้ามาเจอนายแล้ว” ฉินเผิงยิ้มระทมอย่างไม่มีทางเลือก
“รีบๆ เร็ว จริงจังหน่อย วันนี้เป็นวันปีใหม่นะ แล้วนายจะไหว้ปีใหม่พ่อฉันยังไง?”
“คุณปู่ สวัสดีปีใหม่ครับ”
พ่อของฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ พูดกับฉินสือโอวว่า “พอแล้วๆ นายอย่าไปแกล้งต้าเผิงเลย เพื่อนกันอย่างพวกแกสองคนนี่จะพูดเรื่องลำดับญาติทำไมกัน”
ฉินเผิงรีบสะบัดออกจากฉินสือโอวแล้ววิ่งหนีไป ฉินสือโอวตะโกนตามหลังไปว่า “เดี๋ยวฉันจะไปบ้านนาย ถ้าลูกสาวนายไม่เรียกฉันว่าคุณปู่ล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องเมียนายแน่!”
บทที่ 480 ฟาร์มปลาในแม่น้ำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวตั้งตาคอยเทศกาลตรุษจีนมาก คนในครอบครัวก็ร่วมกันฉลองวันไหว้อย่างมีความสุข แต่ว่าไม่นาน เทศกาลนี้ก็จบลงแล้ว
เมื่อผ่านวันที่สามวันที่สี่ไป บรรยากาศปีใหม่ก็เริ่มหมดแล้ว คนในหมู่บ้านก็เริ่มยุ่งกันขึ้นมาอีกครั้ง พ่อและแม่ของฉินสือโอวไปที่สวนผักเก็บกุ้ยช่าย เพื่อเตรียมย้ายไปปลูกที่สวนอื่น
พวกท่านไม่เหมือนกับฉินสือโอวที่ปลูกกุ้ยช่ายอย่างลวกๆ หว่านเมล็ดพันธุ์ไปที่ผืนดินให้พวกมันโตขึ้นมาก็พอแล้ว จะขึ้นเยอะขึ้นน้อยเขาก็ไม่สนใจ อย่างไรเสียดินก็อุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว จะได้เก็บเกี่ยวตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
แต่พ่อและแม่ของฉินสือโอวนั้นจะหว่านเมล็ดกุ้ยช่ายลงบนดินแต่ต้นปีจากนั้นคลุมดินไว้ พอปลายปีต้นกล้าขึ้นแล้ว ก็จะทำการย้ายต้นกล้าลงปลูกใหม่
ฉินสือโอวอยากขอพ่อแม่ว่าไม่ต้องทำงานแล้ว แต่เมื่อได้ไปดูที่สวนผักแล้ว ก็เห็นว่าผักที่พ่อกับแม่ปลูกนั้นไม่ได้มีเยอะเลย มีปลูกต้นกล้ากุ้ยช่ายเพียงแปลงเล็กๆ แปลงเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ปลูกทีครั้งละหกร้อยถึงหนึ่งพันสองร้อยตารางเมตร
เมื่อเห็นฉินสือโอวไม่พูดอะไร พ่อของฉินสือโอวก็หัวเราะขึ้นมา “เอาน่า ลูกชาย แกไปยุ่งธุระของตัวเองเถอะ ฉันกับแม่ของแกไม่โง่หรอกนะ ตอนนี้ที่บ้านไม่ได้ขัดสนแล้ว คิดว่าพวกเราจะยังทำงานเหมือนเมื่อก่อนอีกเหรอ? แค่ปลูกอะไรนิดหน่อยเก็บไว้กินเองแค่นั้น กินไม่หมดก็ขาย”
พอผ่านปีใหม่มาแล้วเรื่องที่ต้องทำก็ควรเริ่มทำได้แล้ว ฉินสือโอวเองก็ยังมีงานต้องทำเหมือนกัน นั่นก็คือการรับทำเหมาก่อสร้างแม่น้ำไป๋หลง
ก่อนปีใหม่เขาได้เซ็นสัญญารับเหมาแล้ว ฉินสือโอวให้เงินไป ปีละสองแสนหยวน ค่ารับเหมานี้ถือว่าเป็นค่าจ้างปกติสำหรับงานแบบนี้
บริเวณที่เขารับเหมามาคือเขตด้านหน้าของหมู่บ้านตระกูลฉิน มีความยาวประมาณเจ็ดถึงแปดร้อยเมตร ส่วนความกว้างไม่เท่ากัน ความกว้างตรงส่วนหัวและปลายค่อนข้างแคบประมาณสี่ถึงห้าเมตร ส่วนตรงกลางค่อนข้างกว้างหน่อย มีประมาณยี่สิบเมตร
วันที่หกหลังปีใหม่ ฉินสือโอวหาเวลาไปที่เขตเมืองอำเภอเพื่อซื้อตาข่ายล้อม ไปล้อมไว้ตรงส่วนหัวและปลายของแม่น้ำ แค่นี้ก็สามารถเลี้ยงปลาน้ำจืดได้แล้ว
จากนั้นเขาก็ใช้พลังโพไซดอนไปสำรวจดูในน้ำ เงินตำลึงในเรือที่จมลงไปยังคงแน่นิ่งอยู่ที่นั่นไม่ไปไหน มีปลาเฉาฮื้อหลายตัวที่ว่ายล้อมรอบไปแถวเรือลำนั้น เพราะทั้งสี่ด้านของเรือลำนั้นมีพืชน้ำขึ้นอยู่สามารถกินเป็นอาหารได้
ฉินสือโอวให้พี่เขยช่วยเขาติดต่อบริษัทลูกปลากับลูกกุ้ง เพื่อซื้อลูกกุ้งหนึ่งหมื่นตัวกับลูกปลาทอง ลูกปลาคาร์ฟกับลูกปลาดุกอีกหนึ่งหมื่นตัว ตอนปล่อยลูกปลาพวกนี้ลงไปในแม่น้ำ จำนวนปลาก็เยอะจนละลานตาไปหมด
ที่เขาจะเลี้ยงต่อไปนี้คือปลาเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง แต่ก่อนจะเลี้ยงต้องทำให้ ‘น้ำมีชีวิต’ ก่อน นี่คือคำพูดที่คนในบ้านเกิดเขาชอบพูดกัน ความหมายก็คือหาปลาที่เลี้ยงง่าย โตง่ายไปอาศัยอยู่ในน้ำก่อนช่วงหนึ่ง ให้ในแม่น้ำมีกลิ่นอายของปลาก่อน
เมื่อซื้อปลากับกุ้งแล้วก็ต้องมีอาหารด้วย ฉินสือโอวไม่อยากเลี้ยงด้วยอาหารปลาสำเร็จรูป เพราะการทำแบบนั้นนอกจากจะเหนื่อยแล้ว การเลี้ยงแบบนั้นยังทำให้ได้ปลาที่มีเนื้อเกรดต่ำด้วย รสชาติไม่ได้เรื่องเลย
เขาอยากปลูกพืชน้ำแทน แต่กลายเป็นว่าทั้งอำเภอกลับไม่มีบริษัทไหนที่มีเมล็ดพันธุ์พืชน้ำขายเลย ไม่เหมือนกับที่นิวฟันด์แลนด์ที่ทำอุตสาหกรรมด้านนี้มานาน ทำให้มีพวกเมล็ดพันธุ์หญ้าทะเลกับเมล็ดพันธุ์พืชน้ำขายเต็มไปหมด
เมื่อเป็นแบบนี้เขาจึงเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อติดต่อหาซื้อแทน สุดท้ายก็เจอเข้ากับบริษัทที่ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์ในน้ำที่มีเมล็ดพืชน้ำขายอยู่ ฉินสือโอวสั่งซื้อไปจำนวนห้าตัน แล้วจ้างรถบรรทุกลำหนึ่งลากกลับมาให้
การทำอุตสาหกรรมปลาไม่ซื้ออาหารสำเร็จรูปแต่กลับซื้อเมล็ดพืชน้ำแทน ทำเอาคนในหมู่บ้านประหลาดใจไปตามๆ กัน จึงพากันมาถามไถ่
ฉินสือโอวอธิบายว่า ก่อนที่เมล็ดพันธุ์พืชน้ำจะเติบโตนั้น พวกมันยังมีบทบาทสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเป็นอาหารให้กับพวกลูกกุ้งล็อบสเตอร์กับลูกปลานั่นเอง ดังนั้นซื้อทีจึงต้องซื้อจำนวนเยอะๆ เมล็ดพันธุ์พืชน้ำห้าตันนี้ สุดท้ายต้นที่เติบโตได้นั้นคงมีไม่ถึงหนึ่งตันด้วยซ้ำ ที่เหลือนั้นไม่ตายก่อนก็คงเข้าไปอยู่ในท้องของลูกปลาแทน
เมื่อได้ฟังคำพูดเขาแล้ว คนในหมู่บ้านต่างก็พากันส่ายหัว เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย
อาหารปลาจะราคาสักเท่าไรกันเชียว? หากใช้อาหารปลาเลี้ยงปลาทองแล้วล่ะก็ หนึ่งตันก็ราคาแค่สองพันถึงสี่พันหยวนเท่านั้น แต่ว่าเมล็ดพันธุ์พืชน้ำล่ะ? หนึ่งตันราคาตั้งหนึ่งหมื่นสี่พันหยวน ราคามันหลายเท่าเลยนะ!
ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาหาคนมาช่วยหว่านเมล็ดห้าพันกิโลกรัมลงในน้ำ จากนั้นก็วุ่นอยู่กับการล้อมแหกั้นไว้ริมตลิ่งตรงเขตที่มีปลาไว้
จุดประสงค์ที่ต้องล้อมไว้ไม่ใช่เพราะกลัวมีคนมาขโมยปลา แต่กลับกัน เขากลัวว่าจะมีคนไปเล่นน้ำในแม่น้ำมากกว่า โดยเฉพาะพวกเด็กๆ พวกเขาชอบลงไปว่ายน้ำในแม่น้ำกันช่วงหน้าร้อน
อีกหน่อยฟาร์มปลาที่เต็มไปด้วยพืชน้ำ ถ้าเด็กๆ ลงไปเล่นน้ำแล้วถูกพืชน้ำพันขาไว้ล่ะก็ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่!
นอกจากจะล้อมแหกั้นตรงตลิ่งแล้ว ฉินสือโอวยังแขวนป้ายไว้ทั้งสี่ด้าน เขียนไว้ว่า ในน้ำพืชน้ำเยอะ กรุณาอย่าลงเล่น!
เมื่อเห็นฉินสือโอวแขวนป้าย หัวหน้าหมู่บ้านก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วพูดว่า “เสี่ยวโอว ทำไมนายไม่ใช้อาหารปลาเลี้ยงล่ะ? ใช้พืชน้ำไม่ค่อยดีนะ เสียเงินเยอะไม่ว่า ยังอันตรายมากด้วย”
ฉินสือโอวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณก็เห็นสภาพน้ำของแม่น้ำของเราแล้ว ทุกบ้านต่างก็มาว่ายน้ำซักผ้ากันที่นี่ หากผมไม่ปลูกพืชน้ำเพื่อมาชำระล้างแม่น้ำก่อนแล้วล่ะก็ ปลาของผมจะโตได้เหรอ?”
หัวหน้าหมู่บ้านทำเสียงจิ๊จ๊ะอีกรอบ แต่ก็หมดคำพูด จึงทำได้แต่เดินจากไปอย่างมึนงง
สุดท้ายใช้เวลาไปทั้งหมดสิบกว่าวัน ฟาร์มปลาในแม่น้ำก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ทั้งลูกปลาและลูกกุ้งก็ปล่อยลงไปแล้ว ฉินสือโอวได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกบัวไปอีกชุดหนึ่ง นี่คือจุดเด่นของบ้านเกิด ฤดูร้อนชมดอกบัว ฤดูใบไม้ร่วงเก็บใยบัว ทั้งสวยงามและยังมีผลทางเศรษฐกิจด้วย
เมื่อฟาร์มปลาสร้างเสร็จแล้ว พ่อและแม่ของฉินสือโอวอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมา พวกเขารู้ว่าถ้าปลาตัวโตขึ้นมาหน่อยแล้วต้องมีคนมาขโมยปลาแน่ๆ จึงเตรียมตัวจะย้ายไปอาศัยอยู่ข้างแม่น้ำตอนที่อากาศอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว
ฉินสือโอวดีใจขึ้นมาทันที เมื่อพ่อและแม่ไปอยู่ข้างแม่น้ำแล้ว งั้นงานที่สวนผักก็จะไม่ต้องไปทำอีกแล้ว เพราะการดูแลปลานั้นไม่เหนื่อยแค่ใช้เวลาเยอะเฉยๆ คุณจะต้องอยู่เฝ้าที่นั่นทั้งวัน เพราะขอแค่ออกห่างแล้ว คนขโมยปลาก็จะมีโอกาสเข้าไปได้ทันที
พ่อของฉินสือโอวก็รู้ถึงจุดนี้ ดังนั้นเขาจึงปลูกผักในสวนแค่พอตัวเองกิน สวนผักอื่นๆ ต่างก็หยุดไปหมด กะว่าพอเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วจะเริ่มปลูกพวกต้นผลไม้แทน โรงงานผลไม้กระป๋องใกล้จะเริ่มก่อสร้างแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพอถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วก็ต้องมีส่วนแบ่งออกมาแน่นอน
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็แผ่พลังโพไซดอนไปที่แม่น้ำ แล้วพูดกับพ่อแม่ว่า “เอาล่ะ พ่อกับแม่รอเก็บเกี่ยวปลาก็พอแล้ว ฤดูใบไม้ผลิปีนี้พวกลูกกุ้งล็อบสเตอร์กับปลาก็สามารถเอาไปขายได้แล้ว ถึงตอนนั้นแล้วต้องได้กำไรดีกว่าการทำไร่ทำนาแน่นอน”
พ่อของฉินสือโอวพูดว่า “ทำไมแกถึงต้องเลี้ยงปลาทองอะไรพวกนี้ด้วย? ปลาแบบนี้ไม่ได้ราคา เลี้ยงพวกปลาไหล ปลาแมนดาริน ปลาทรายแดง กับปลาดุกหัวเหลือง ปลาพวกนี้สิถึงจะมีราคา”
ฉินสือโอวยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “พ่อ พ่อไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก ฟังลูกชายเถอะ ไม่ผิดแน่นอน ปลาที่เลี้ยงตอนนี้เลี้ยงง่าย กินได้ทุกอย่าง แต่พวกปลาไหลกับปลาแมนดารินกลับไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องเลี้ยงปลาบ้านๆ พวกนี้ให้โตก่อน”
ฟาร์มปลาในแม่น้ำสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว พ่อของฉินสือโอวขอเจ้าเกี๊ยวซ่าของเสี่ยวฮุยไว้เพื่อใช้งาน ความจริงแล้วเขาอยากได้หู่จือกับเป้าจือมากกว่า แต่คงจะขอเจ้าสองตัวนี้ไม่ได้แน่นอน เพราะวินนี่เห็นเจ้าสองตัวนี้เป็นเหมือนกับลูกชายเลยทีเดียว
เสี่ยวฮุยเองก็ไม่ค่อยเต็มใจ เพราะเขาอยากฝึกให้เจ้าเกี๊ยวซ่าเป็นสุนัขทหาร แต่คุณปู่คุณย่าบอกกับเขาว่า ปลาในแม่น้ำนั้นเป็นปลาที่เลี้ยงให้เขาทั้งนั้น หลังจากนี้ทุกวันอาทิตย์เขาสามารถพาเพื่อนตัวน้อยไปตกปลาที่ริมแม่น้ำได้ด้วย
เมื่อได้ยินแบบนี้ เขาจึงยอมยกเกี๊ยวซ่าให้อย่างเต็มอกเต็มใจทันที “อืม เกี๊ยวซ่า เป็นเด็กดีนะ ดูแลปลาให้ดีๆ นะ ปลาทั้งหมดนี่เป็นของฉันหมดเลยนะ
วันที่ 15 มกราคมเป็นวันเทศกาลโคมไฟ คนทั้งครอบครัวก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างมีความสุขกันอีกรอบ ครั้งนี้พี่สาวและพี่เขยพาเสี่ยวฮุยมาด้วย คนสิบกว่าคนอัดกันจนบ้านแน่นไปหมดเลย ฉินสือโอวซื้อพวกประทัดและดอกไม้ไฟมามากมาย คนทั้งกลุ่มจึงพากันจุดดอกไม้ไฟเล่นอยู่หน้าประตูบ้าน
กินขนมบัวลอยแล้ว ดอกไม้ไฟก็เล่นแล้ว ฉินสือโอวก็จะต้องเตรียมตัวกลับเกาะแฟร์เวลแล้ว กลับบ้านไปพักอยู่เกือบเดือน ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการอยู่ดูแลพ่อกับแม่ที่บ้านได้อย่างจุใจจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะอยู่มาเกือบเดือนแล้วก็จริง แต่พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็ยังไม่อยากให้ลูกชายกลับอยู่ดี เพราะกลับไปครั้งนี้ กว่าจะได้มาอีกอย่างน้อยก็ต้องมีครึ่งปี
เมื่อเห็นสีหน้าฝืนยิ้มฝืนดีใจของพ่อและแม่ของฉินสือโอว วินนี่ก็แอบไปสะกิดฉินสือโอวพูดว่า “ถ้าหากว่า เอ่อ ฉันหมายถึงถ้าหากว่านะ ถ้ามีเงินมากพอแล้วล่ะก็พวกเราซื้อเครื่องบินลำหนึ่งเถอะ แบบนี้ไปๆ มาคงสะดวกมากกว่านี้”
บทที่ 481 ฟาร์มไร่นากับฟาร์มสัตว์
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนจากกัน ในใจของฉินสือโอวก็รู้สึกไม่ดี แต่ฟาร์มปลาของเขาอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์ ที่นั่นเป็นทั้งหมดของเขา ดังนั้นเขาจึงยังต้องกลับไป
พ่อของฉินสือโอวกลับทำใจได้แล้ว พูดว่า “เอาน่า อย่ามายืดยาดตรงนี้กันเลย กลับไปเถอะ อย่าลืมกลับมาบ่อยๆ ก็พอแล้ว”
“กลับมาบ่อยก็ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเยอะไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวพูดหยอกกลับ เมื่อก่อนทุกครั้งที่บอกว่าจะกลับมา พ่อและแม่ของฉินสือโอวมักจะใช้เรื่องค่าเดินทางเป็นเหตุผลในการบอกปฏิเสธทุกครั้ง
พ่อของฉินสือโอวสูบบุหรี่ฟอดหนึ่ง แล้วพูดว่า “ลงทุนไปกับโรงงานผลไม้กระป๋องเยอะขนาดนี้ กำไรที่ได้พอค่าเดินทางหนึ่งร้อยรอบแล้ว ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกปวดใจกับค่าเดินทางแค่นี้หรอกนะ”
เมื่อหยอกล้อกันเสร็จแล้ว ฉินสือโอวยกกระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ที่จัดเสร็จแล้วขึ้นมาเตรียมตัวออกจากบ้าน ครั้งนี้ฉินเผิงหารถกระบะมาให้สามคัน ลูกมือเขาสองคนเองก็ขับรถมากันคนละคันเพื่อมาส่ง
แน่นอนว่า ที่มาช่วยส่งจริงๆ นั้นคือสัมภาระนั่นเอง พ่อกับแม่ของฉินสือโอวได้ตระเตรียมของให้เขามากมาย ครึ่งหนึ่งของของขวัญปีใหม่ที่ซื้อก่อนสิ้นปีได้ถูกยัดเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของเขา หรือก็คือฉินสือโอวต้องเช่าเครื่องบินเหมาลำเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงนำของเยอะขนาดนี้กลับไปไม่ได้แน่
เมื่อถึงสนามบินของจังหวัดแล้ว ฉินสือโอวกอดฉินเผิงหนึ่งที แล้วบอกเขาว่าอีกหน่อยถ้าลูกโตแล้วให้พาไปเที่ยวที่นิวฟันด์แลนด์ เขาจะเป็นคนดูแลเอง ฉินเผิงลูบจมูกแล้วพูดพร้อมหัวเราะว่า “ได้เลย ถึงตอนนั้นฉันจะไปเปิดโลกกว้างบ้าง ฉันยังไม่เคยออกนอกจังหวัดมาก่อนเลย”
ครั้งนี้ฉินสือโอวยังคงเช่าชาเลนเจอร์ 350 เหมาลำเช่นเดียวกับขามา
เครื่องบินใหม่หรูหราได้จอดรออยู่ที่สนามบินมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ดึงดูดสายตาของผู้โดยสารไว้มากมาย ทำเอาผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ถามว่านี่เป็นเศรษฐีบ้านนอกคนไหนที่ใช้เงินตามใจซื้อเครื่องบินส่วนตัวหรูหราลำนี้
ถ้าเทียบกับขามาแล้ว แค่นี้เรียกว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอกไม่ได้หรอก เพราะขากลับนี้ฉินสือโอวจ่ายค่าเช่าเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เมื่อได้รู้ว่าเขาจะเหมาลำกลับแคนาดา เหมาเหว่ยหลงจึงหาเพื่อนร่วมแชร์ค่าเครื่องบินให้เขามาสามคน ทั้งสามคนกำลังเตรียมบินกลับแวนคูเวอร์จากปักกิ่ง พอดีกับว่าเป็นเส้นทางเดียวกับบินจากปักกิ่งไปเซนต์จอห์น ฉินสือโอวรู้สึกถูกชะตากับเขาทันที ทั้งสองจึงร่วมกันแชร์ค่าเหมาลำกลับไป
ฉินสือโอวในตอนนี้ไม่ได้ขัดสนเงินทอง แต่เขาก็ยังคงมีความเป็นชาวนาในตัวนิดๆ ยังคงรู้สึกว่าหากตรงไหนประหยัดได้ก็ควรจะประหยัดดีกว่า อีกอย่างชาเลนเจอร์นั้นเป็นเครื่อง 16 ที่นั่ง พวกเขาก็ใช้แค่ที่นั่งเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ชาเลนเจอร์บินตรงจากสนามบินจังหวัดไปปักกิ่ง ฉินสือโอวไปพูดคุยเล่นกันกับพวกเหมาเหว่ยหลง เมื่อได้เห็นเขากับวินนี่รักกันหวานแหวว เหมาเหว่ยหลงจึงพูดอย่างหดหู่ว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ นะคิดไม่ถึงจริงๆ คนขี้อายอย่างฉินสือโอวก็หาภรรยาได้เหมือนกัน”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วเตะเขาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ให้เขาแนะนำผู้ชายที่ร่วมแชร์เครื่องบินด้วยว่าเขาเป็นใคร
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้แนะนำอย่างละเอียด บอกแค่ว่าเขาเป็นคนที่เจ๋งกว่าหลายเท่า เป็นลูกทายาทคนรวย แต่หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดต่ออีกว่า “ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก เพื่อน ไอ้หมอนั่นน่ะมีชื่อเสียงในวงการดีมาก นายไปทำความรู้จักกับเขาไว้เถอะ ขอแค่เขาเป็นเพื่อนนายแล้ว อีกหน่อยไม่ว่าจะทำอะไรในประเทศจีน เขาจัดการให้ได้แน่นอน”
ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาพักอยู่ที่ปักกิ่งหนึ่งวันหนึ่งคืน วันที่สองที่ออกเดินทาง เหมาเหว่ยหลงก็ได้ให้ของเขามาอีกชุดใหญ่ รวมไปถึงเสื้อไหมพรมให้วินนี่ด้วย
“เป็นงานทำมือ นี่เป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ผมทุ่มเทมากเลยนะ วินนี่ คุณต้องเก็บไว้ดีๆ นะ” เหมาเหว่ยหลงพูดพร้อมทำท่าทางเสียดาย
ฉินสือโอวเข้าไปมองดู ส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่ใช่ตัวที่นายทอตอนอยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมคุ้นตาจังเลย?”
หลังจากกอดลา ฉินสือโอวขึ้นไปบนเครื่องบินไม่นาน ชายหนุ่มมาดผู้ดีคนหนึ่งก็ได้พาชาวต่างชาติคนหนึ่งกับคนจีนคนหนึ่งขึ้นเครื่องมา
ชายหนุ่มคนนี้มองไปอายุมากกว่าฉินสือโอว แต่ก็ไม่มากกว่าเท่าไร บุคลิกน่าเกรงขาม แม้ว่าจะไม่ได้มีเสน่ห์มาก แต่ก็สามารถให้ความรู้สึกดีๆ กับคนที่พบได้
“สวัสดีครับ คุณฉินสือโอว? ผมเป็นเพื่อนของเหมาเหว่ยหลงชื่อว่าโอวหยางไห่ ทะเลที่ใหญ่กว่าอ่าวแม่น้ำทะเลสาบครับ (ไห่แปลว่าทะเล)” ชายหนุ่มยิ้มพร้อมยื่นมือทำท่าแนะนำตัวเอง
แค่การแนะนำตัวง่ายๆ โอวหยางไห่ก็ได้รับความรู้สึกดีๆ จากฉินสือโอวไปแล้ว คนนี้เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ
อีกสิ่งที่โอวหยางไห่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกดีด้วยก็คือตอนที่เขาเห็นหน้าตาที่สวยสะดุดตาของวินนี่นั้นกลับทำเหมือนเห็นผู้หญิงทั่วไป ไม่ได้มีการจ้องมองเป็นพิเศษ เพียงแค่ทักทายเป็นมารยาทเท่านั้นก็ไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเอง
หลังเครื่องบินออกตัวไปถึงชั้นสตราโทสเฟียร์แล้ว ฉินสือโอวจึงไปที่บาร์เครื่องดื่มเพื่อดื่มเหล้าสงบใจที่เต้นแรงอยู่
พอดีกับที่โอวหยางไห่ก็มาดื่มเหล้าด้วย ทั้งสองคนจึงคุยกันขึ้นมา
ฉินสือโอวเริ่มจากแนะนำฐานะของตัวเองในประเทศจีนกับฟาร์มปลาที่นิวฟันด์แลนด์ก่อน เมื่อโอวหยางไห่รู้ว่าเขามีฟาร์มปลา ก็ได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์การจับปลากับราคาปลาในตลาด ถามค่อนข้างละเอียด
จากนั้นโอวหยางไห่ก็แนะนำเรื่องของตัวเองบ้าง ฐานะในประเทศจีนไม่ได้พูดถึง พูดเพียงว่าตอนเด็กก็ได้ไปเรียนที่อเมริกาแล้ว จากนั้นก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านสักเท่าไร
โอวหยางไห่นั้นยิ่งใหญ่กว่าฉินสือโอวมากเลย เขามีฟาร์มไร่นาขนาดสามแสนหมู่(หมู่คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย 1 หมู่= 0.416667 ไร่) และยังมีร้านอาหารมิชลินสามดาวอีกร้านที่แวนคูเวอร์ เชฟของร้านอาหารก็คืออีกสองคนที่ขึ้นเครื่องมาพร้อมกับเขา คนหนึ่งเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศส อีกคนเป็นเชฟอาหารจีน
หลังจากคุยไปสักพัก ทั้งคู่ก็ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ฉินสือโอวรู้สึกสนใจเรื่องราวของโอวหยางไห่ เขามีความรู้สึกทันทีว่าการลงทุนกับฟาร์มไร่นาดูท่าไม่เลวเลย
เมื่อได้รู้ว่าเขาสนใจ โอวหยางไห่จึงแนะนำสถานการณ์ของฟาร์มไร่นาในแคนาดาให้เขาฟัง “ตอนนี้การลงทุนในฟาร์มใหญ่นั้นไม่เลวเลย ในเก้าปีที่ผ่านมานี้ มีแปดปีที่ความต้องการธัญพืชของโลกนั้นมากกว่าปริมาณการผลิต ปริมาณของธัญพืชที่มีนั้นมีน้อยกว่าปริมาณความต้องการและยังคงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ”
“เหตุผลเพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป ผลกระทบจากเชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้ทั่วทั้งโลกกำลังเจอกับวิกฤตขาดแคลนอาหาร ผมไม่ได้แค่ได้ยินมานะ เรื่องพวกนี้เป็นข้อมูลที่ผมสรุปได้หลังจากไปเที่ยวรอบโลกมาแล้ว”
เชฟชาวจีนที่อยู่กับโอวหยางไห่พูดแทรกมาประโยคหนึ่งว่า “โอวหยางมีทริปเที่ยวรอบโลกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ผมกับแอบบีย์ก็ถูกช่วยไว้ตอนเขาไปท่องเที่ยวด้วย”
โอวหยางไห่หัวเราะ บอกว่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องพูดถึงหรอก พวกนายสองคนตั้งใจดูแลร้านอาหารก็พอแล้ว
ฉินสือโอวถามว่า “งั้นถ้าหากจะซื้อฟาร์มไร่นา ควรซื้อในแคนาดาหรือว่าอเมริกาดีกว่าครับ?”
โอวหยางไห่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของคุณครับ น่าจะพอๆ กัน ผมแนะนำให้คุณอยู่ที่แคนาดาแหละครับ ที่เขตทุ่งหญ้าก็มีฟาร์มไร่นาและฟาร์มปศุสัตว์ดีๆ อยู่มากเหมือนกัน คุณไปซื้อที่รัฐซัสแคตเชวันก็ไม่เลวนะครับ”
เขตทุ่งหญ้ามีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเขตที่ราบทุ่งหญ้าแพรรีแคนาดา บ้านของวินนี่ก็อยู่ที่นี่
นี่เป็นที่ราบแคบที่มีความยาวสี่ร้อยกว่ากิโลเมตรที่อยู่ติดพรมแดนสหรัฐอเมริกา มีดินสีน้ำตาลกับดินดำเป็นหลัก มีพื้นที่เพาะปลูกที่ใหญ่เป็นสัดส่วนเศษสามส่วนสี่ของแคนาดา ปริมาณการผลิตข้าวสาลีของรัฐซัสแคตเชวันนั้นครอบคลุมไปทั่วประเทศแคนาดาคิดเป็นอัตราเศษสามส่วนห้า ส่วนปริมาณการส่งออกไปทั่วโลกก็ครอบคลุมไปถึงอัตราเศษหนึ่งส่วนสิบ
ตลอดเวลาการเดินทางสิบกว่าชั่วโมง ฉินสือโอวได้พูดคุยกับโอวหยางไห่ถึงข้อมูลต่างๆ ของฟาร์มปลา ฟาร์มไร่นา ฟาร์มปศุสัตว์ ทั้งสองต่างก็ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้พูดคุยกันได้อย่างออกรสออกชาติ
สุดท้ายเมื่อถึงซัสแคตเชวัน โอวหยางไห่ต้องลงเครื่องแล้ว เขาให้เชฟชาวจีนโอนเงินให้กับวินนี่ จากนั้นก็ยื่นนามบัตรให้กับฉินสือโอว บอกว่าจากนี้ให้ติดต่อกันบ้าง
ฉินสือโอวมองไปที่นามบัตรนั้น บนนั้นเขียนข้อความอย่างเรียบง่าย แค่สองประโยคเท่านั้น เจ้าของฟาร์ม นักท่องเที่ยว จากนั้นก็แค่ชื่อเขากับเบอร์โทรศัพท์
ส่วนฉินสือโอวก็มองดูนามบัตรที่เออร์บักทำให้กับเขาแล้วยิ้มออกมา ของเขาเองก็เรียบง่ายเช่นกัน เจ้าของฟาร์มปลา นักการกุศล
สุดท้ายตอนจากกัน โอวหยางไห่ก็พูดขึ้นมาว่า “น้องชาย เรื่องที่คุณช่วยชีวิตคนในทะเลเมื่อเดือนที่แล้วนั้นเท่มากเลย เป็นชายชาตรีของประเทศจีนจริงๆ หลังจากการคุยกันวันนี้แล้ว ผมพูดจากใจจริงเลยว่า คนจีนที่ผมนับถือในแคนาดามีสองคน หนึ่งในนั้นก็คือคุณล่ะ”
………………………………………
บทที่ 482 ฟาร์มปลาที่สวยงามตระการตา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังชาเลนเจอร์ 350 ทำการเติมน้ำมันที่ซัสแคตเชวัน พร้อมกับจอดพักเครื่องครู่หนึ่งแล้ว ก็เริ่มออกบินอีกครั้ง เพราะยังต้องบินข้ามไปยังอีกฟากของเมืองแคนาดาอีก…
แต่ใจคนมักเป็นแบบนี้ประจำ ก็คือหากว่ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วล่ะก็ จะรู้สึกว่าทำอะไรก็ราบรื่นไปหมด เวลาก็ผ่านไปไวมาก ฉินสือโอวงีบไปสักพัก เครื่องบินก็ไปถึงเซนต์จอห์นแล้ว นีลเซ็นที่ขับเรือแฟร์เวลมาได้ไปรอรับอยู่ที่ท่าเรือเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้ บอส สวัสดีปีใหม่ครับ”
“นีลเซ็นที่รัก สวัสดีปีใหม่ ขอให้ปีนี้หาศรีภรรยาที่สวยงามเจอนะ” ฉินสือโอวโอบกอดเขาอย่างอบอุ่น
นีลเซ็นยิ้มพร้อมพูดว่าขอให้เป็นตามนั้นเถอะ เบิร์ดเดินตามหลังมา เพื่อนรักทั้งสองคนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติขึ้นมา
เบิร์ดโชว์พวกกระดาษตัดรูป ภาพวาด เครื่องเซรามิกที่เขานำมาจากจีนให้นีลเซ็นดู แล้วพูดอย่างเสียดายว่า “เสียดายตุ๊กตาน้ำตาล กับตุ๊กตาแป้งข้าวเหนียวพังไปแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันต้องให้นายได้ชื่นชมฝีมือหัตถกรรมที่ยอดเยี่ยมของจีนอย่างแน่นอน! มันมหัศจรรย์มากเลย!”
ระหว่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นีลเซ็นก็ได้ขับเรือยอชต์มุ่งหน้ากลับไปสู่ฟาร์มปลา
ฉินสือโอวยืนอ้าแขนทั้งสองข้างอยู่บนหัวเรือ เพื่อรับลมทะเลอันหนาวเย็น แล้วพูดตะโกนออกมาว่า “ฟาร์มปลาของฉัน ฉันกลับมาแล้ว!”
พอฉลองปีใหม่แล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ความจริงหากนับตามฤดูกาลแล้ว ก็เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วจริงๆ แต่ว่าตอนเช้าในฤดูใบไม้ผลิของนิวฟันด์แลนด์นั้นหนาวมาก บนน้ำทะเลลอยไปด้วยแผ่นน้ำแข็งมากมาย เป็นน้ำแข็งที่ลอยมาจากกรีนแลนด์ที่อยู่ทางเหนือ
แผ่นน้ำแข็งสีขาวโพลนน้อยใหญ่ พวกมันลอยล่องอยู่บนผิวน้ำ มีสีขาวใสเหมือนคริสตัล แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมานั้น ขอแค่ส่องลงมาได้ถูกมุมก็จะมีสีรุ้งที่สวยงามเปล่งประกายออกมา
ฉินสือโอวนึกย้อนไปถึงเดือนเมษายนปีที่แล้วที่เขาเพิ่งมาถึงที่ฟาร์มปลานี้ ตอนนั้นก็มีแผ่นน้ำแข็งเช่นกัน แต่ไม่เยอะเท่าตอนนี้
เมื่อเรือยอชต์เข้าใกล้ท่าเรือ ปอหลัวที่กำลังวิ่งเล่นแก้เบื่ออยู่ที่ชายหาดก็กระดิกหูอย่างตื่นตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมา มันจ้องมองไปที่เรือยอชต์ที่กำลังขับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สักพักก็มองเห็นฉินสือโอว
มันจึงดีใจขึ้นมาทันที ส่งเสียงออกทางโพรงจมูกแล้ววิ่งเลียบไปทางท่าเรือ สุดท้ายก็ทำท่าปลากระโดดที่สวยงาม กระโดดจากท่าเรือลงไปในทะเล แล้วขยับขาทั้งสี่ว่ายน้ำเข้าไปหาอย่างดีใจ
นับตั้งแต่การไปตกกุ้งที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ครั้งล่าสุด ฉินสือโอวก็ไม่ได้ใช้เวลากับปอหลัวอีกเลยเป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้ว
เขาให้เบิร์ดปล่อยเรือพายลงมา พายเรือเล็กนั้นไปหาปอหลัวแล้วกอดมันเป็นคนแรก ยื่นมือออกไปขยี้หัวที่ปกคลุมไปด้วยขนหยุบหยับของมัน พายเรือพามันเข้าฝั่ง
หลังจากกลับถึงฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มเก็บของ แฮมเล็ตที่มาหาอย่างกะทันหัน เมื่อได้เห็นหน้าเขาแล้วก็พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “เฮ้ ฉินที่รัก กลับบ้านไปฉลองปีใหม่แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? มันยอดไปเลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพูดอย่างพอใจว่า “ใช่ครับ อย่างที่คุณรู้ ผมกลับบ้านไปฉลองตรุษจีน ก็เหมือนวันปีใหม่ของพวกคุณนั่นแหละ เยี่ยมยอดขนาดนั้นเลยครับ”
“ยังมีเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากกว่านั้นอีกนะ สัปดาห์ที่สี่ของเดือนมีนาคมน่ะเป็นวันเฉลิมฉลองวันครบรอบเมือง ว่าอย่างไร เตรียมสนุกสุดเหวี่ยงได้เลย!” แฮมเล็ตพูดพร้อมสะบัดหมวกในมือไปมา
การที่ฉินสือโอวเลือกที่จะกลับมาตอนนี้ก็เพราะเหตุนี้ด้วยเหมือนกัน สัปดาห์ที่สี่ของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นวันเฉลิมฉลองวันครบรอบเมืองของเมืองแฟร์เวล สมัยก่อนชาวยุโรปกลุ่มแรกที่มาที่เกาะแฟร์เวลก็มาถึงตอนปลายเดือนมีนาคม แต่ว่าเป็นวันที่อะไร คนที่มาเป็นคนอังกฤษหรือว่าคนฝรั่งเศสนั้น ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชัดเจน
สำหรับเมืองเล็กๆ ที่มีธรรมเนียมเก่าแก่อย่างเมืองแฟร์เวลนี้นั้น งานเฉลิมฉลองวันครบรอบเมืองนั้นสำคัญยิ่งกว่าวันคริสต์มาสเสียอีก ทุกๆ บ้านจะทำการแขวนโคมและตกแต่งเชือกสีรุ้ง ทุกคนต่างก็มีส่วนร่วมด้วย ถึงตอนนั้นแล้วจะมีถ่ายทอดในรายการโทรทัศน์ด้วย ช่องโทรทัศน์ของเซนต์จอห์นถึงขั้นมีการอัดเทปในวันงานเก็บไว้ด้วย
แน่นอนว่าฉินสือโอวก็จะไปร่วมด้วย งานเลี้ยงที่ใหญ่โตอย่างนี้ก็คือการไปเล่นนั่นเอง ไม่เกี่ยงว่าคุณจะเล่นอะไร แต่อยู่ที่คุณจะเล่นอย่างมีความสุขหรือเปล่า แม้ว่าคุณจะไปวิ่งเปลือยในเมือง แต่ขอแค่เล่นได้อย่างสนุกสนาน ก็ไม่มีใครมาหัวเราะคุณได้
เมื่อได้รู้ว่าคนทุกคนในฟาร์มปลาจะไปร่วมงานด้วย แฮมเล็ตก็จากไป ฉินสือโอวถามว่าต้องให้เงินช่วยเหลือไหม แฮมเล็ตบอกว่าไม่เป็นไร เพราะงานสนับสนุนการท่องเที่ยวสามสี่ไตรมาสของปีที่แล้ว ทำให้ตอนนี้ทางเมืองมีเงินมากพอ สถานะทางการเงินก็ดีขึ้นอย่างมาก
หลังจากนั้นพวกชาร์ค ซีมอนสเตอร์ แลนซ์กับชาวประมงอีกกลุ่มใหญ่ก็พากันมาหาฉินสือโอว พวกเขาเองก็รู้ธรรมเนียมเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเป็นการฉลองปีใหม่ของประเทศจีน ครั้งนี้พวกเขาจึงพากันมาไหว้ปีใหม่ ฉินสือโอวได้นำของขวัญมาฝากพวกเขาด้วย ดีเลยจะได้ถือโอกาสแจกให้พวกเขาเลย
กลับบ้านมาวันที่สอง ฉินสือโอวตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย ตอนวิ่งอยู่ที่ชายหาดเขาเห็นฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นกำลังบินไกลออกไปบนผิวน้ำทะเล จำนวนที่มีมากเป็นหมื่นตัวนั้น กำลังรวมตัวกันสยายปีกบินไปบนฟ้า มองไปราวกับเป็นกลุ่มเมฆดำ มองดูแล้วอลังการมาก
ตอนแรกฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นได้ออกลูกไว้ประมาณหกพันกว่าตัว แล้วให้ไข่นกฟักตัวอยู่บนชายหาด ฉินสือโอวนึกว่าพวกมันคงแข็งตายกันหมดแล้ว
แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า เขาดูถูกความพยายามในการขยายพันธุ์ของพวกสัตว์มากเกินไป
นกจมูกหลอดหางสั้นที่ยังไม่โตพวกนี้จะไปที่ชายหาดเพื่อหาพี่ๆ น้องของตัวเองทุกวัน ขอแค่มีนกที่ฟักตัวออกมาจากไข่แล้ว พวกมันก็จะคาบกลับไปที่กองหญ้าแห้งในป่าด้วยทันที แล้วไปจับปลาเล็กมาป้อนให้เป็นอาหาร
หลังจบฤดูหนาว ฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นจึงขยายจำนวนขึ้นมามากอย่างคาดไม่ถึง ลูกนกจำนวนสองสามพันตัวมีชีวิตรอดขึ้นมา จนถึงวันนี้พวกมันก็สามารถบินตามฝูงได้แล้ว
วินนี่เองยังเคยอัดวิดีโอไว้ด้วย หากไม่ใช่เพราะต้องกลับบ้านไปฉลองปีใหม่กับฉินสือโอวแล้วล่ะก็ ตอนนี้เธอคงจะถ่ายทำสำเร็จจนสามารถอัปโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ตได้แล้ว
เห็นนกจมูกหลอดหางสั้นบินออกไปไกล ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจ เพราะเขตน้ำทะเลใกล้ๆ นั้นมีปลาที่อุดมสมบูรณ์ เหล่านกจมูกหลอดหางสั้นจึงไม่ค่อยจะบินไปหาอาหารไกลขนาดนั้น
หลังจากนั้นประมาณสองวัน นกจมูกหลอดหางสั้นที่มักจะออกหากินตอนเช้าและกลับมาตอนค่ำ ได้บินไปหาอาหารที่ฟาร์มปลาในจุดที่ไกลออกไป
ไม่นาน ระยะการบินของพวกมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นอกเหนือจากนั้นยังมีลูกนกบางตัวบินมาด้วย ส่วนมากเป็นนกบูบีเท้าแดง
แรกเริ่มฉินสือโอวรู้สึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงปล่อยพลังโพไซดอนไปในน้ำแล้วเขาก็เข้าใจ ลูกนกพวกนี้ตามฝูงปลามานั่นเอง!
หลายวันมานี้ ที่ฟาร์มปลามีฝูงปลาฝูงใหญ่ว่ายเข้ามา ใช้คำว่าฝูงใหญ่มาเปรียบเปรยคงไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะขนาดแผ่พลังโพไซดอนออกไปไกลแล้ว ก็ยังสามารถเจอปลาพวกนี้อยู่เลย ปลาพวกนี้ชุกชุมมาก เยอะราวกับดาวบนท้องฟ้า เมื่อพวกมันรวมตัวกันแล้ว แม้มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ก็เหมือนกับจะไม่ใหญ่พอให้พวกมันอยู่
ฉินสือโอวยืนอยู่ที่ท่าเรือมองไปอีกฟากของฟาร์มปลา บนผิวน้ำทะเลเต็มไปด้วยสีดำมืดครึ้ม และอึมครึม เพราะนกทะเลหลายพันตัวที่กำลังบินขนาบไปกับผิวน้ำ ขอแค่พวกมันอ้าปากลงน้ำ ก็สามารถจับปลาขึ้นมาได้แล้ว ปลาเยอะเหลือเกิน!
เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ฉินสือโอวตะลึงจนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา แลนซ์เดินมาข้างเขาแล้วพูดว่า “สุดยอดมากเลยใช่ไหมครับ? ฝูงปลาไข่น่ะครับ เวลานี้ของทุกปีพวกมันก็จะมาที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ พวกมันกับฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นนั้นล้วนเป็นสองสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ของฟาร์มปลาเลย ขนาดว่าพวกผมเคยเห็นภาพนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นก็ยังรู้สึกตกใจเหมือนตอนเห็นครั้งแรกอยู่เลย!”
“นี่ไม่ใช่น่าตกใจนะ แลนซ์ แต่เป็นความตระการตาต่างหาก! สิ่งมีชีวิตที่สวยงามตระการตาอย่างนี้ พวกเราไม่ควรจะแค่ตกตะลึงแต่ควรจะรู้สึกเคารพด้วย!” ฉินสือโอวพูดพึมพำออกมา
ปลาไข่ อีกชื่อคือปลาสเมลท์ พวกมันเป็นหนึ่งในปลาที่เกิดในแม่น้ำ เติบโตในทะเลเหมือนกับปลาเเซลมอนแปซิฟิก ฤดูใบไม้ผลิของทุกปี ปลาชนิดนี้จะหยุดกินอาหาร แล้วว่ายต้านน้ำจากเขตน้ำใกล้ขึ้นไป เพื่อไปวางไข่ที่แม่น้ำที่มีแหล่งพืชน้ำ
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ตลอดชีวิตของปลาไข่จากทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกนั้นจะอาศัยอยู่แต่ในมหาสมุทร วิธีการวางไข่ของพวกมันนั้นมีจุดเด่นมาก หรือจะพูดว่าเป็นความตระการตาที่อนาถ…
…………………………………………
บทที่ 483 เด็กเก็บปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฤดูใบไม้ผลิของทุกปี กระแสน้ำเย็นจากขั้วโลกเหนือและกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมจะไหลมาบรรจบกันที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ จึงนำพาสัตว์ประเภทปลากับสาหร่ายมาอาศัยที่นี่ด้วย ปลาไข่ก็ถูกปรากฏการณ์นี้ดึงดูดมาเช่นกัน
พวกปลาไข่ว่ายหนีความหนาวเย็นจากใต้ทะเลลึกมาถึงชายฝั่ง จากนั้นก็จะเริ่มกินอาหาร เพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูผสมพันธุ์ที่ใกล้มาถึง
ปลาไข่ที่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้รวมกลุ่มกันอยู่ทั่วสี่ทิศของฟาร์มปลาในเกาะแฟร์เวล ในทะเลแทบจะเต็มไปด้วยปลาประเภทนี้ ฉินสือโอวถึงกับกลัวขึ้นมา ปลาเล็กที่ดูเป็นมิตรพวกนี้จะมาเบียดพวกกุ้งปลาของเขาตายหรือเปล่านะ
แน่นอนว่านี่เป็นการกังวลที่ไร้สาระ เพราะการมาถึงของฝูงปลาไข่นั้น เป็นโอกาสที่ดีในการล่าอาหารของปลาใหญ่ในฟาร์มปลา แม้ว่าห่วงโซ่อาหารของฟาร์มปลาจะสมบูรณ์ แต่สำหรับเหล่าปลาเเซลมอนแปซิฟิกกับเหล่าปลาค็อดแล้วนั้น ปลาไข่ย่อมมีรสชาติดีกว่าพวกปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะอยู่แล้ว
ปลาไข่มีสารอาหารสูง เพราะมีแคลเซียมสูง ไข่ปลาในท้องปลาตัวเมียก็มีเยอะ ปลาตัวเมียที่แข็งแรงและโตเต็มที่หนึ่งตัว น้ำหนักของไข่ปลาในตัวก็หนักเป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ของน้ำหนักตัวทั้งหมดแล้ว!
เหล่าปลาตัวใหญ่ที่จำศีลมาตลอดฤดูหนาวได้เริ่มทยอยออกล่าเหยื่อ พวกมันกระจายกันอยู่ทั่วทุกมุมของฟาร์มปลาเพื่อทำการล่าอาหาร ฝูงไข่ปลาจึงได้เผชิญกับภัยในการดำรงชีวิต
แต่เพราะมีปลาไข่ว่ายเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ดังนั้นแม้ว่าจะมีปลาใหญ่กับนกล่าอาหารอยู่ แต่ขนาดของฝูงปลาก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ปรากฏการณ์ที่อลังการแบบนี้มักจะสามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอ บางครั้งพวกวินนี่ก็จะพากันมาดูปรากฏการณ์นี้ที่ท่าเรือเหมือนกัน ชาร์คพูดกับฉินสือโอวว่า “เมื่อก่อนตอนที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ยังมีปลาค็อดปริมาณมากนั้น ก็มีประมาณนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีคำพูดที่ว่าสามารถเหยียบบนหัวปลาค็อดเพื่อเดินจากเรือไปขึ้นฝั่งได้!”
จุดที่ไกลออกไปจากฟาร์มปลามีเสียงร้องประหลาดของนกดังขึ้นมา เสียงนั้นชัดเจนและยังคงดังไม่ขาดสาย ตามมาด้วยการมาถึงของคลื่นใหญ่ ราวกับเป็นน้ำพุที่ระเบิดออกมา
“ปลาวาฬหลังค่อมมาแล้ว” ชาร์คพูดพร้อมหัวเราะ “เจ้าพวกนี้ต้องมาร่วมกินอาหารมื้อโอชะนี้ด้วยทุกปีน่ะ ไม่เคยขาดเลยแม้แต่ปีเดียว”
ฉินสือโอวถามอย่างสนใจว่า “ปลาวาฬหลังค่อมเหรอ? รอบเกาะแฟร์เวลมีเจ้าพวกนี้ด้วยเหรอ?”
แม้ว่าปลาวาฬหลังค่อมจะไม่ใช่ปลาวาฬพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ของมหาสมุทรเช่นกัน พวกมันมีลำตัวที่อ้วนและใหญ่ สามารถโตจนมีความยาวถึงสิบสี่ถึงสิบห้าเมตร ขนาดตัวพอๆ กับฉลามบาสกิงเลย
แต่ถ้าเทียบกับฉลามบาสกิงที่โง่และขี้เกียจแล้ว ปลาวาฬหลังค่อมจะขยันกว่ามาก พวกมันว่ายน้ำได้ไม่เร็ว แต่ว่ามีความมุ่งมั่นมาก สามารถว่ายจากออสเตรเลียที่อยู่ซีกโลกใต้มาถึงขั้วโลกเหนือได้ การเดินทางข้ามโลกในทะเลแบบนี้ช่างน่าตกใจเสียจริง!
“บอส ในเกาะแฟร์เวลนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณต้องรู้นะครับ คุณต้องไม่รู้มาก่อนแน่ ตอนที่ฟาร์มปลายังมีปลาค็อดเยอะอยู่นั้น ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ของเราเคยเป็นจุดรวมตัวปลาวาฬหลังค่อมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาก่อนนะครับ!” ซีมอนสเตอร์พูดอย่างภูมิใจ
ชาร์คมองไปที่มหาสมุทรอันไกลโพ้น แล้วพูดว่า “ปีนี้ปลาวาฬหลังค่อมมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ผมว่าฟาร์มปลาของเราน่าจะกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองได้อีกครั้งนะ ไม่แน่นะอาจสามารถทำให้ปลาวาฬหลังค่อมแปดถึงสิบตัวอาศัยต่อได้อีกช่วงก็เป็นได้”
“ปลาวาฬหลังค่อมหน้าตาเป็นอย่างไรเหรอคะ?” เชอร์ลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวพาเธอไปขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ แล้วพูดว่า “พวกเราไปดูกันตอนนี้เลย”
ปลาวาฬหลังค่อมสองตัวที่นำหน้ามาถึงก่อน ตัวหนึ่งเป็นวาฬตัวใหญ่ว่ายพาวาฬตัวเล็กตัวหนึ่งมาด้วย พวกมันแหวกว่ายอยู่บนผืนน้ำ ทั้งคู่กำลังหยอกเล่นอย่างสนิทสนม และพ่นน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน
ปลาชนิดนี้มีหลังที่ค่อนข้างเตี้ย แผ่นหลังของพวกมันจะไม่เป็นเส้นตรงเหมือนกับปลาวาฬชนิดอื่น แต่จะมีรูปร่างเว้าขึ้นมา เกิดเป็นเส้นโค้งเว้าที่สวยงาม ดูเหมือนกับบัลลังก์ของเทพโพไซดอน ทำให้ได้ชื่อว่า “ปลาวาฬบัลลังก์ (ชื่อในภาษาจีนเรียกแบบนี้)”
ฉินสือโอวใช้พลังโพไซดอนสำรวจดูปลาตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาลพวกนี้ แล้วก็แผ่พลังโพไซดอนให้กับพวกมันจำนวนหนึ่ง เผื่อว่าพลังนี้จะทำให้พวกมันจำฟาร์มปลาต้าฉินได้ แล้วมาที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี
เมื่อได้รับพลังโพไซดอนแล้ว ปลาวาฬหลังค่อมตัวแม่เหมือนจะรู้สึกหิวขึ้นมา มันดำลงไปในน้ำแล้วเริ่มอ้าปากล่าอาหารทันที
เช่นเดียวกับฉลามบาสกิง วิธีการล่าอาหารของปลาวาฬหลังค่อมคือการดูดอาหาร การดูดที่รุนแรงหนึ่งครั้งสามารถดูดน้ำทะเลเข้าไปได้ถึงห้าหมื่นลิตร น่ากลัวสุดขีด!
แน่นอนว่า การทำแบบนี้ทำให้พวกปลาไข่ ปลาค็อดและหญ้าทะเลต่างก็ตกเข้าไปในปากอันใหญ่โตของมัน มันใช้การกรองอาหาร กรองเอาน้ำทะเลออกไปเหลือไว้แต่ปลาตัวเล็กๆ กับหญ้าทะเล แล้วกลืนลงไปในท้องอย่างเอร็ดอร่อย
ปลาวาฬหลังค่อมตัวเล็กยังไม่สามารถหาอาหารด้วยตัวเองได้ ยังคงต้องดื่มน้ำนมจากแม่อยู่
แต่ว่าแม่วาฬที่เพื่อปกป้องมันนั้นได้อาศัยอยู่แต่ใต้ทะเลลึกมาตลอด ที่นั่นไม่มีอาหารอะไรที่กินได้เลย นับจากวันที่ดำลงไปใต้ทะเลลึก แม่วาฬหลังค่อมก็ไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว พึ่งแต่ไขมันที่สะสมไว้ก่อนหน้ามาดำรงชีวิตเท่านั้น
ตอนนี้ไขมันได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว ทำให้มีน้ำนมไม่มากพอ วาฬหลังค่อมตัวน้อยดูดได้ไม่นานก็ว่ายจากไปอย่างผิดหวัง รอให้แม่วาฬล่าปลาไข่ สั่งสมไขมันเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำนมที่หอมหวานต่อไป
บอลหิมะที่ไม่รู้ว่าว่ายมาตอนไหน มันจ้องมองไปที่วาฬหลังค่อมแม่ลูกที่กำลังหยอกเล่นกันอยู่ด้วยสีหน้าเหงาหงอย มองไปโดดเดี่ยวน่าดู
ฉินสือโอวพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอกับบอลหิมะครั้งแรก ตอนนั้นมันว่ายมาพร้อมกับวาฬขาวตัวหนึ่ง แต่ว่าแล้วแม่วาฬล่ะ?
หลังปลาไข่ได้กินแพลงก์ตอนกับหญ้าทะเลในฟาร์มปลาอย่างอิ่มหนำ และสั่งสมกำลังมากพอแล้ว พวกมันจึงเริ่มแหวกว่ายต่อไป
ไม่เหมือนกับปลาส่วนมาก ปลาไข่เป็นปลาชนิดที่วางไข่บนผืนดิน นี่ก็หมายความว่าถ้าพวกมันอยากจะขยายพันธุ์ ก็จำเป็นต้องขึ้นฝั่ง ไปทำการปฏิสนธิบนชายหาด
และวิธีที่พวกมันจะไปถึงชายหาดได้ก็มีเพียงวิธีเดียว ก็คือต้องว่ายโต้คลื่นไป ถือโอกาสตอนที่คลื่นขึ้นมาแล้วว่ายตามดอกคลื่นเพื่อกระโดดไปขึ้นฝั่งบนชายหาด
ทำให้หลายวันต่อจากนี้ ประชาชนของเมืองแฟร์เวลได้มีโอกาสเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทร
ปลาไข่นับไม่ถ้วนใช้คลื่นที่ซัดเข้ามากระโดดขึ้นไปบนชายหาด บนชายหาดของฉินสือโอวเต็มไปด้วยกองปลาประเภทนี้แทบทั้งหมด นับไม่หวาดไม่ไหว!
ไม่ว่าจะนกจมูกหลอดหางสั้นหรือนกบูบีเท้าแดง ก็คงดีใจจนแทบบ้า เพราะพวกมันได้เจอกับการหาอาหารที่สบายที่สุดในรอบปี ขอเพียงแค่อ้าปากรออยู่ที่ชายหาด ก็มีปลาไข่มุดเข้าไปในปากพวกมันโดยอัตโนมัติ
แต่ทางฝั่งปลาไข่นั้นไม่มีทางเลือก เพื่อทำภารกิจการขยายเผ่าพันธุ์ให้สำเร็จพวกมันจำเป็นต้องเข้าไปยังคมดาบของศัตรู
ทุกวันจะมีปลาไข่จำนวนหลายแสนตัวที่โต้คลื่นมายังชายหาด ชายหาดตอนนี้ได้เข้าสู่ความวุ่นวายที่ไม่เคยมีมาก่อน…
ปลาไข่กระโดดขึ้นฝั่ง นกทะเลพากันหาอาหารอย่างบ้าคลั่ง ปลาตัวใหญ่จำพวกหนึ่งก็ตามอยู่ข้างหลัง หลังพวกมันไปถึงชายหาดแล้ว ก็เริ่มสะบัดตัวไปมาอย่างแรง คลื่นทะเลและเม็ดทรายที่ถูกสะบัดไปมานั้น ทำให้บรรยากาศบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
แต่ว่าปลาไข่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรอดชีวิตเลย เวลาที่พวกมันอยู่บนฝั่งได้นั้น มากสุดก็แค่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น
พวกมันใช้คลื่นทะเลเพื่อขึ้นฝั่ง พอคลื่นถอยกลับไปแล้ว พวกแม่ปลาก็จะกลับไปสู่ทะเลพร้อมกับคลื่นด้วย ในสิบกว่าวินาทีนี้แหละ ที่ปลาตัวผู้จะต้องหาพวกมันให้เจอ แล้วก็รีบทำการปฏิสนธิให้เสร็จจากด้านข้างลำตัว
ตอนนี้ก็คือ ช่วงที่เลวร้ายที่สุด คลื่นทะเลจะซัดเข้าฝั่งเรื่อยๆ หลังปลาตัวเมียได้รับการปฏิสนธิแล้วก็จะสามารถกลับไปสู่ทะเลได้ แต่ปลาตัวผู้นั้นเพราะใช้แรงไปหมดแล้ว นอกเสียจากว่าจะโชคดีถูกคลื่นม้วนพากลับลงทะเลไปด้วย ไม่อย่างนั้นพวกมันก็ต้องตายอยู่บนชายหาด
นี่คือกฎของธรรมชาติ ชะตาของปลาไข่ก็คือแบบนี้
แต่พวกเด็กๆ ที่พอมองมาถึงตอนนี้ต่างก็พากันรับไม่ได้ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์กับพวกชาวประมงพากันเอาแหปลามาเก็บปลาอย่างดีใจ แต่มิเชลกลับถามฉินสือโอวอย่างตื่นกลัวว่า “ทำไมไม่ให้ปลาเล็กพวกนี้กลับไปที่ทะเลครับ?”
ฉินสือโอวอธิบายเหตุผลให้ฟัง บอกว่าพวกมันไม่มีแรงกลับทะเลแล้ว มิเชลจึงถามว่า “งั้น ที่พวกชาร์คมาจับปลา ก็เพื่อเอาไปกินไม่ก็ขายไม่ใช่เหรอครับ?”
“แน่นอน เพราะพวกเราคงกินเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอก ตอนนี้มีปลาแบบนี้เต็มไปหมด ใครจะมาซื้อกันล่ะ?”
เมื่อได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ มิเชลกับพวกเด็กๆ ก็วิ่งไปที่ชายหาด เก็บปลาตัวผู้ที่หมดแรงกระโดดขึ้นมาทีละตัวแล้วโยนลงทะเลไป จากนั้นชาร์คน้อยกับเหล่าลูกของชาวประมงก็เข้าไปร่วมด้วย ทำให้ได้เห็นภาพความแข็งแรงและดื้อดึงที่มีเฉพาะในตัวของเด็กๆ เท่านั้น
บทที่ 484 รอยยิ้มโลมา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชาร์คน้อยแย่งแหปลามาจากมือพ่อ แล้วโยนปลาลงทะเลไป
ชาร์คหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “นี่ ไอ้ตัวเล็ก นายทำอะไรน่ะ? นายจะเป็นผู้กอบกู้เหรอ?”
ชาร์คน้อยตะโกนเสียงดังว่า “ฉินบอกว่า พวกพ่อจับปลาไม่ได้เอาไว้กินแล้วก็ไม่ได้เอาไว้ขาย ปลาแบบนี้ไม่มีประโยชน์ พวกพ่อจะเก็บไปให้ไก่เป็ดห่านกิน!”
ความจริงแล้วนำไปเลี้ยงไก่กับเป็ดเท่านั้น ไม่จำเป็นเอาให้ห่านกินหรอก เพราะตอนนี้เจ้าพวกนั้นได้ทำการยึดอำนาจบนชายหาดไปแล้ว กางปีกตามจิกตามกินไปทั่ว พวกมันพากันกินปลาไข่กันอย่างเมามันเลยทีเดียว
ที่เหล่าชาวประมงเก็บปลา อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อเป็นการเก็บกวาดด้วย ปลาพวกนี้กลับลงทะเลไม่ได้ หากตายอยู่บนชายหาดแล้วเน่าไปจะมีกลิ่นเหม็นมาก แล้วก็ยังมีพวกแบคทีเรียและเชื้อโรคด้วย ไม่อนามัยเอามากๆ
แต่ว่าตอนนี้พวกเด็กๆ ก็ได้แสดงความเมตตาโดยการโยนปลาลงทะเลแล้ว ฉินสือโอวเห็นว่าตามใจพวกเขาก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยการที่พวกเขาทำแบบนี้ก็เป็นการรักษาความสะอาดให้ฟาร์มปลาด้วย
ชาร์คอยากจะตีก้นของลูกชาย ฉินสือโอวจึงตะโกนออกไปว่า “อย่านะ เพื่อนฝูง เด็กทุกๆ คนล้วนก็มีความเมตตาแบบนี้ทั้งนั้น พวกเราควรจะรักษาความรู้สึกแบบนี้ของพวกเขาไว้นะ”
วินนี่เองก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ ตอนนี้พวกเด็กๆ กำลังเดินทางมาถึงทางแยกของชีวิตแล้ว ไปทางซ้ายคือความไร้เดียงสาที่เร่าร้อน ไปทางขวาคือผลประโยชน์ที่เลือดเย็น พวกเราต่างก็รู้ว่าควรจะไปทางซ้ายถึงจะถูก แต่การไปทางขวาจึงจะสามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ ดังนั้นเราจึงมักจะเลือกไปทางขวากัน”
“ตอนนี้ พวกเด็กเลือกทางที่ถูกแล้ว พวกเขาอยากรักษาความไร้เดียงสาและความรักนั้นไว้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือช่วยให้พวกเขาเดินบนทางนี้ให้ดีที่สุด เชื่อว่าสักวันหนึ่ง พวกเราต้องรู้สึกภูมิใจกับการกระทำในวันนี้แน่”
แลนซ์เองก็ดึงบ้องไปป์ออกแล้วพูดกับชาร์คว่า “ใช่แล้ว เพื่อนของฉัน ตอนนั้นทำไมพวกเราถึงต้องฝ่าลมพายุไปช่วยกลุ่มคนแปลกหน้าล่ะ? ก็เพราะในใจของเราก็มีความไร้เดียงสากับความบริสุทธิ์แบบนี้ไง”
ชาร์คชูมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ แล้วพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือกว่า “ขอเถอะ ฉันเองก็ไม่มีใจที่อยากจะฆ่าล้างพวกมันนะ โอเค? พวกคุณพูดเหมือนกับว่าผมเป็นสารเลวจอมโฉดอย่างไรอย่างนั้น! พวกเด็กๆ ไปเล่นเถอะ!”
วินนี่ใช้กล้องถ่ายรูปถ่ายรูปให้พวกเด็กๆ จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “รอจนพวกเขาโตแล้ว กลับมาดูเรื่องที่ทำกันวันนี้ แล้วคิดถึงความรู้สึกที่พวกเขามีในวันนี้ ต้องเป็นเรื่องที่เยี่ยมมากแน่นอน”
มองดูพวกเด็กๆ เก็บปลาโยนลงไปในน้ำอยู่บนชายหาด หมา หมี หมาป่า และเจ้ากวางกะพริบตาปริบๆ ก็พากันวิ่งหลุนๆ เข้าไป ใช้กรงเล็บข่วนปลาในคลื่นน้ำ ฉินสือโอวที่มองอยู่ถึงกับหัวเราะฮ่าๆ ออกมา
พอพวกของชาร์คมาถึงท่าเรือแล้ว ฉินสือโอวพูดว่า “ความจริงพวกนายไม่ต้องเหนื่อยก็ได้นะ ที่นี่มีนกกับห่านเยอะขนาดนี้ หรือถ้าไม่หมดจริงๆ ก็สามารถปล่อยไก่กับเป็ดออกมา ถึงตอนนั้นคิดว่าปลาบนชายหาดนี้คงถูกกินหมดเกลี้ยงก่อนจะเน่าแน่นอน”
“งั้นพวกเราไปเตรียมทำปลาตากแห้งกับปลาเค็มกันเถอะ” บูลพูด
พวกเขาขับเรือออกทะเล หว่านแหลงไปทีหนึ่ง ปลาที่ได้กลับมาก็เพียงพอที่จะกินไปหนึ่งปีแล้ว ทำอย่างไรได้ ปลาเยอะเกินไปนี่นา
หากจะกินปลาไข่ ก็ต้องกินปลาตัวเมียที่ยังไม่ออกไข่ เพราะปลาแบบนั้นเนื้อเยอะรสชาติดีที่สุด
ช่วงนี้ที่เกาะแฟร์เวลได้เริ่มการกินปลาไข่ทุกรูปแบบ แม้แต่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดยังออกเมนูแฮมเบอร์เกอร์ปลาไข่ออกมา ร้านพิซซ่าก็มีพิซซ่าซอสปลาไข่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเซตเฟรนช์ฟรายคู่ปลาไข่ด้วย เมนูใหม่ๆ ทั้งนั้น
เพราะการปรากฏตัวของปลาไข่ ฉินสือโอวไม่ได้ไปสำรวจในฟาร์มปลาแบบจริงจังมาหลายวันแล้ว เพราะไม่ว่ามองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยปลาไข่ ในสถานการณ์แบบนี้การจะสำรวจดูการเจริญเติบโตของปลากุ้งนั้นลำบากมาก
แต่สิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ไม่ว่าจะปลาแซลมอนแปซิฟิก ปลาค็อดหรือปลาทูน่า คงเติบโตได้ดีอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะลูกปลาทูน่า การมาถึงของปลาไข่นั้นช่วยลดความกดดันในการดำรงชีวิตของพวกมันอย่างมาก เพราะพวกปลาค็อดกับปลาแซลมอนแปซิฟิกไม่เห็นพวกมันเป็นอาหารอีกต่อไป ทำให้พวกมันมีโอกาสดำรงชีวิตต่อไปได้
ฉินสือโอวแผ่พลังโพไซดอนไปรอบๆ น่านน้ำใกล้ๆ จุดที่มองเห็นได้ล้วนเต็มไปด้วยปลาไข่ เขาจึงแผ่พลังลงไปยังท้องทะเลที่ลึกลงไปอีก
ฉลามบาสกิงอ้าปากใหญ่ที่เหมือนหลุมกำลังค่อยๆ เวียนว่ายอยู่ใต้ท้องทะเล เหล่าปลาต่างก็พากันว่ายหลบมัน
หลายวันต่อมา ก็มีปลาวาฬหลังค่อมอีกห้าหกตัวว่ายมาจากทางทะเลใต้ พวกมันกำลังหาอาหารกันอย่างมีความสุขในฟาร์มปลา ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว
ปลาวาฬหลังค่อมเป็นปลากินจุ การมาของพวกมันอาจไม่มีภัยต่อปลาค็อด กับปลาทูน่าที่ตัวใหญ่ เพราะถึงแม้พวกมันจะตัวใหญ่ แต่กลับไม่ล่าพวกปลาใหญ่
แต่ว่าลูกปลาทูน่าที่อุตส่าห์รอดพ้นเงื้อมมือของปลาค็อดกับปลาแซลมอนแปซิฟิกกลับเป็นอันตราย การที่พวกปลาวาฬหลังค่อมอ้าปากดูน้ำทะเลแล้วไปทีหนึ่ง ไม่ว่าลูกปลาเยอะแค่ไหนก็ไม่พอพวกมันกินหรอก
ฉินสือโอวสำรวจไปรอบหนึ่งตอนกำลังจะกลับไป ก็พลันเห็นบอลหิมะกับไอซ์สเกตกำลังว่ายน้ำหนีกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แถวเขตน้ำตื้น เขาจึงแผ่พลังไปปลอบใจพวกมัน บอลหิมะกับไอซ์สเกตที่รู้สึกได้ว่าเขามาที่นี่จึงรีบว่ายไปเทียบทางชายฝั่ง
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีอะไรนี่นา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?
จากนั้นก็มีคลื่นทะเลซัดตามมา ฉินสือโอวจึงแผ่พลังโพไซดอนออกไปถึงชายหาด เขาจึงสังเกตเห็นว่าบนชายหาดมีปลาใหญ่ขนาดหนึ่งเมตรกว่าๆ ตัวหนึ่งเกยตื้นอยู่
ปลาตัวนี้มีลำตัวที่เรียบมาก ผิวลื่นวาวไม่มีขน สีแผ่นหลังเป็นสีเงินออกฟ้า มีหัวขนาดใหญ่ จมูกค่อนข้างยาว ปากค่อนข้างเล็ก กำลังดิ้นไปดิ้นมาบนชายหาดอย่างร้อนรน แต่ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถกลับลงทะเลไปพร้อมกับคลื่นได้
ฉินสือโอวจ้องมองอยู่ชั่วครู่ ก็มองออกทันทีว่านี่เป็นปลาโลมานี่นา
ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ จุดประสงค์ของปลาโลมาตัวนี้เหมือนกับปลาวาฬหลังค่อม ต่างก็มาเพื่อลิ้มรสปลาไข่อันโอชะมื้อใหญ่นั่นเอง แต่เจ้าตัวนี้กลับไม่ระวัง ถึงขั้นตามปลาไข่จนตัวเองโดนซัดขึ้นไปบนฝั่ง แล้วก็กลับลงทะเลไม่ได้
สงสัยเป็นเพราะมีแรงเยอะ และเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปลาโลมาถือเป็นหนึ่งในปลานักผจญภัยของมหาสมุทร พวกมันมักชอบเล่นอะไรแผลงๆ อย่างเช่นการวิ่งไล่ตามอาหารมาจนถึงชายหาดนี่นั่นเอง
เดินเล่นริมแม่น้ำประจำก็ยากที่รองเท้าจะไม่เปียก เรื่องโลมาเกยตื้นนั้นเป็นเรื่องที่พบได้ประจำ เหตุผลก็เพราะพวกมันชอบเล่นล้ำเส้น เข้าไปที่น่านน้ำที่ตื้นเกินไป สุดท้ายจึงติดอยู่ที่นั่น
ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด ใช้พลังโพไซดอนเรียกคลื่นใหญ่มา คลื่นลูกใหญ่ซัดเข้าไปที่ชายหาดอย่างจัง ไม่นานก็ซัดเจ้าโลมาน้อยที่โชคร้ายนั้นขึ้นจากพื้นมาได้ เพราะได้พลังของคลื่นลูกนี้ โลมาน้อยจึงสะบัดหัวขยับหาง ทำให้ออกจากชายหาดที่กักตัวมันแล้วลงทะเลไปได้
ไม่เสียแรงที่เป็นเจ้าตัวเล็กที่ฉลาดที่สุดในมหาสมุทร หลังจากหนีออกมาได้แล้ว โลมาน้อยก็รีบดำลงไปในทะเล ชั่วพริบตาก็สามารถว่ายออกไปได้ไกล ไกลจากฝั่งออกไปมาก
ฉินสือโอวตามไปปลอบใจมัน เจ้าตัวเล็กฉีกปากออกมา เป็นใบหน้าเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มที่สดใส!
เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้ถึงพันธุ์ของโลมาน้อยตัวนี้ทันที นี่คือโลมาชื่อดังโลมาปากขวดนี่นา
หากพูดว่าโลมาคือสิ่งมีชีวิตไอคิวสูงในมหาสมุทรแล้วล่ะก็ งั้นโลมาปากขวดก็เป็นอัจฉริยะในหมู่โลมานั่นเอง
พวกมันมีไอคิวที่สูงมาก น้ำหนักหัวของพวกมันมีน้ำหนักมากกว่าหัวคนถึง 0.1-1.6 กิโลกรัมเลย
นอกเหนือจากนั้น จำนวนร่องสมองและความซับซ้อนของสมองพวกมันก็มีเยอะกว่ามนุษย์เสียอีก อ้างอิงจากการวิจัยของเหล่านักธรรมชาติวิทยา ไอคิวของปลาโลมาปากขวดในโลกของสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นรองแค่กับมนุษย์เท่านั้น ไอคิวสูงกว่าลิงชิมแปนซีด้วย
เราสามารถดูได้จากการฝึกโลมาของประเทศต่างๆ อย่างรัสเซียกับโปแลนด์ในรัฐบอลติกที่ถึงขั้นฝึกฝนให้โลมาปากขวดช่วยเหลือทหารเรือค้นหาทุ่นระเบิดใต้น้ำด้วย ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่การที่ถูกทหารเรือเลือกใช้ ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าปลาโลมาชนิดนี้มีความสามารถพิเศษเกินใคร
………………………………………
บทที่ 485 งานเฉลิมฉลองวันครบรอบเมือง
โดย
Ink Stone_Fantasy
โดยปกติแล้ว โลมาปากขวดจะอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม นี่ก็เหมือนกันกับมนุษย์ พวกมันชอบอยู่กันเป็นฝูง
ฉินสือโอวหาดูอีกที ก็เจอเข้ากับฝูงปลาโลมาปากขวดที่กำลังล่าอาหารอยู่ที่ทะเลฝั่งเหนือ ปลาโลมาพวกนี้ตัวที่ยาวที่สุดมีขนาดสองเมตรครึ่ง ตัวอื่นๆ จะมีขนาดระหว่างหนึ่งเมตรถึงสองเมตร
ฉินสือโอวพาโลมาปากขวดตัวน้อยที่ช่วยไว้ได้ ไปส่งปลาโลมาตัวน้อยนี้ที่ทะเลฝั่งเหนือ เจ้าพวกนี้ก็ไม่รอบคอบเสียจริง เพื่อนเกือบจะตายอยู่บนชายหาดแล้วแท้ๆ แต่พวกมันกลับยังหยอกล้อกันสนุกสนานอยู่ที่นี่อีก ไม่รักเพื่อนเสียเลย
ปลาโลมาตัวน้อยตัวนี้ก็คงจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน พอมันว่ายกลับมาแล้วก็ไปชนพวกโลมาตัวใหญ่หลายที แล้วกระโดดขึ้นบนผิวน้ำส่งเสียงร้องงึดๆ ออกมา ดวงตาเบิกกว้างคู่นั้นดูราวกับกำลังโกรธอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ฝูงปลาโลมาดูเหมือนจะไม่เข้าใจความโกรธของเจ้าตัวน้อย พวกมันหลบการชนของโลมาน้อย จากนั้นก็เริ่มหยอกล้อกันต่อ
ฉินสือโอวเตรียมจากไป โลมาปากขวดตัวน้อยสะบัดหางไปมา ว่ายตามหลังพลังเทพแห่งท้องทะเลมา
ปลาแซลมอนแปซิฟิกสีเงินตัวหนึ่งว่ายมาอย่างงุนงง โลมาปากขวดตัวน้อยอ้าปากจับมันไว้ในทันที ตามด้วยกระโดดขึ้นข้างบนทำให้ปลาถูกโยนออกมาบนผิวน้ำ แล้วใช้หางตบไปอย่างแรงจนปลาตัวนี้โดนตบลอยขึ้นไป
จากนั้น ตัวมันเองก็กระโดดตามปลาตัวนี้ขึ้นมาบนผิวน้ำ ใช้ปากกัดไปที่ปลาตัวนี้กลางอากาศ เล่นคนเดียวอย่างสนุกสนาน
ฉินสือโอวเห็นมันเล่นคนเดียวอย่างสนุกสนาน จึงเรียกพลังเทพแห่งท้องทะเลกลับ กอดวินนี่แล้วเข้านอน
หลังผ่านการซ่อมแซมหนักหน่วงที่กินเวลาถึงสี่เดือนกว่าๆ แล้ว ในที่สุดสนามบินก็ซ่อมจวนใกล้เสร็จแล้ว วิลมาหาฉินสือโอวเพื่อเชิญเขาไปตรวจตราที่ฟาร์มปลาของมิสเตอร์รอท
ฉินสือโอวไปสำรวจดู ลู่วิ่งรูปตัวทีได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นของฟาร์มปลาที่กว้างขวาง ลู่วิ่งมีความยาวสี่กิโลเมตร แนวขวางมีความกว้างสองกิโลเมตร พื้นผิวมีทั้งเรียบเนียนและขรุขระ เป็นถนนที่ทำจากยางมะตอย ซีเมนต์และอิฐที่ราดไว้อย่างหนา
“ฉิน เชื่อผมนะ ลู่วิ่งนี่มีคุณภาพที่ดีที่สุดแน่นอน จะใช้เป็นสนามแข่งรถ F1 ก็ไม่มีปัญหา หากเป็นเครื่องบิน ขอแค่คุณไม่ใช้มาบินเครื่องบินทิ้งระเบิดกับเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน” วิลพูดอย่างมั่นใจ
หอบังคับการบินกำลังสร้างกันอย่างขะมักเขม้น วิลบอกว่าโครงสร้างของหอประภาคารได้ตั้งเสร็จแล้ว ใช้เวลาแค่ครึ่งเดือนก็สร้างเสร็จแล้ว จากนั้นเขาก็จะสามารถติดตั้งพวกอุปกรณ์สื่อสารได้แล้ว
ฟาร์มปลามีสนามบินเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบเรียบง่าย แต่ฉินสือโอวก็ยังรู้สึกพอใจ เพราะอย่างไรเสียก็ใช้แค่จอดเครื่องบินส่วนตัวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสร้างหรูหรามากมาย
เบิร์ดไปเซนต์จอห์นเพื่อขับเครื่องบินบรรทุกกลับมา เครื่องบินบินวนอยู่บนฟ้าหนึ่งรอบ ไม่ต้องใช้การสั่งการจากหอบังคับการบิน ก็สามารถลงจอดได้อย่างง่ายดาย
ฉินสือโอวนำกลุ่มชาวประมงปรบมือให้ เบิร์ดมีท่าทีถ่อมตัว แล้วพูดว่า “ไม่ต้องปรบมือหรอกครับบอส เรื่องนี้น่ะง่ายมาก เครื่องบินบรรทุกเป็นเครื่องบินที่ใช้ในการเกษตร ถึงแม้ไม่มีลู่วิ่ง ขอแค่มีถนนที่ใช้การได้ก็สามารถลงจอดได้แล้ว”
ก็จริง สำหรับเขาแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ถือว่ายากเลย
นอกจากจอดเครื่องบินแล้ว ฉินสือโอวยังขับรถของเขามาจอดที่นี่ด้วย ทั้งรถพอร์ช 918 ฟอร์ดเอฟ650 และรถคาดิลแลควันด้วย แบบนี้ฟาร์มปลาก็ดูดีมีราศีขึ้นมาแล้ว
ในเมื่อจะทำการปรับปรุงฟาร์มปลาแล้ว ก็ถือโอกาสปรับปรุงครั้งใหญ่เสียเลย ฉินสือโอวบอกวิลว่า หลังสร้างหอบังคับการบินเสร็จแล้ว ออกแบบแผนผังให้เขาอีกอัน เขาจะทำการขุดเอาทรัพยากรบ่อน้ำร้อนทั้งสองบ่อของเขามาใช้ให้เต็มที่ การแช่น้ำร้อนในฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก
วิลบอกว่าเรื่องนี้ไม่ยากเลย ก็แค่สร้างบ้านเท่านั้น จะให้ดีต้องสร้างในบ้านบ่อหนึ่ง กลางแจ้งบ่อหนึ่ง บ่อกลางแจ้งทำเป็นแบบสไตล์ธรรมชาติ สร้างพวกภูเขากับต้นปาล์มปลอมเล็กๆ ล้อมรอบไว้ ส่วนบ่อในบ้านนั้นก็สร้างเป็นสไตล์โมเดิร์น
ฉินสือโอวมองไปที่บ่อน้ำร้อนบ่อเล็กสองบ่อนั้นแล้ว ก็ถามอย่างสงสัยว่าทำได้เหรอ
วิลตบหน้าอกแล้วพูดว่าไม่มีปัญหา และร่ายศัพท์ทางเทคนิคตามมาอีกยาวเหยียด ฉินสือโอวเองก็ฟังไม่เข้าใจ ความหมายหลักๆ ก็คือบ่อน้ำร้อนนี่สามารถขยายได้ ทรัพยากรน้ำร้อนใต้ดินของฟาร์มปลานั้นมีเพียงพอ
เวลาสิบกว่าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันสุดสัปดาห์ที่สี่ของเดือนมีนาคมได้มาถึงแล้ว พร้อมกับการมาถึงของงานเฉลิมฉลองของเมือง
เมืองแฟร์เวลไม่ได้จัดงานเฉลิมฉลองประจำวันครบรอบเมืองอย่างจริงจังมาห้าหกปีแล้ว เหตุผลก็เพราะไม่มีเงินจึงจัดไม่ได้ ตอนนี้มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแล้ว จำนวนภาษีของเมืองกับรายได้จากนักท่องเที่ยวนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในที่สุดปีนี่จึงสามารถทำตามใจอยากได้แล้ว
เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ ถังเบียร์จำนวนมากก็ถูกย้ายมาวางไว้บนถนน ถนนแทบจะทุกเส้นจะมีถังเบียร์วางไว้สองถัง เปิดหัวก๊อกไว้ ขอแค่บิดหัวก๊อกก็สามารถดื่มเบียร์ได้ทันที
แฮมเล็ตได้เช่าบอลลูนจากเซนต์จอห์นมาสิบกว่าลูก มีลูกหนึ่งที่ใหญ่เป็นพิเศษ มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงยี่สิบกว่าเมตร ในตะกร้านั้นสามารถจุคนได้ถึงสิบกว่าคน ส่วนอันอื่นๆ นั้นเล็กกว่ามาก มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ห้าเมตรถึงสิบเมตร ทุกอันได้ห้อยป้ายไม่ก็เชือกสีรุ้งไว้ เป็นการเพิ่มบรรยากาศงานเทศกาล
ร้านค้าทุกร้านต่างก็ทำความสะอาดกันอย่างหมดจด หน้าประตูต่างก็แขวนป้ายโปรโมชั่นเรียกลูกค้าไว้ ร้านสินค้าพื้นเมือง โรงแรม กับร้านอาหารบางร้านต่างก็ขึ้นป้ายลดราคาไว้ ร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์คนน้องยิ่งแล้วใหญ่เพราะได้ทำโปรโมชั่นใหญ่ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับลูกค้า
ตอนวันตรุษจีนเจี้ยนผานโฮ่วไม่ได้กลับบ้าน เขากลับประเทศไปทำวีซ่าที่สำนักบริหารแรงงานต่างด้าวเสร็จแล้วก็ตรงกลับมาทำงานที่ร้านคิวเอสทันที เมื่อเห็นร้านอื่นๆ กำลังลดราคาในวันเทศกาลเฉลิมฉลองประจำเมือง จึงถามเจ้านายพอล ซาโกรว่าจะร่วมจัดโปรโมชั่นด้วยหรือเปล่า
ซาโกรตบมือเขาหนึ่งที แล้วพูดอย่างจำใจว่า “มันไม่เหมือนกัน โอเค? วันนี้พวกเราต้องปิดร้านแล้ว นี่เป็นความต้องการของทางรัฐบาล ถ้าเกิดว่ามีไอ้บ้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแย่งปีนไปแล้ววิ่งไปรัวปืนในเมือง ใครก็รับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
บนต้นไม้สองข้างทางของถนนหลักของเมืองได้แขวนพวกรูปและป้ายเต็มไปหมด บางรูปเป็นรูปงานวันครบรอบของปีก่อนๆ บางรูปเป็นภาพโปรโมตเมือง และยังมีรูปแนะนำสินค้าพื้นเมืองของนิวฟันด์แลนด์ด้วย
พลบค่ำวันศุกร์ เรือบรรทุกลำหนึ่งได้มาจอดเทียบท่า พวกคนงานยกกระถางดอกไม้สดลงมาทีละกระถาง พวกนี้ล้วนเป็นดอกไม้ที่เพิ่งย้ายออกมาจากสวนดอกไม้ สีสันสวยงาม เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับฤดูใบไม้ผลิแรกเริ่มได้มากทีเดียว
ตอนนี้ทุกโรงแรมได้เต็มไปด้วยผู้คน ทางสภาเมืองกับบริษัททัวร์ฉวินซิ่นได้จัดกิจกรรมขึ้นมา สำหรับงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้ ช่วงนี้ทางบริษัททัวร์เองก็ลดราคาเช่นกัน ต้องเพิ่มจำนวนผู้คนก่อน ต้องจัดงานเทศกาลในครั้งนี้ให้ครึกครื้นที่สุดก่อนค่อยว่ากัน
อีกอย่าง คนเยอะก่อนจึงจะสามารถหาเงินได้ แม้ว่ามีการลดราคาค่าทัวร์แล้ว แต่พวกนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายในเมือง ในงานเฉลิมฉลองนี้ไม่ได้มีแต่พ่อค้าเกาะแฟร์เวลมาเปิดร้านเท่านั้น ร้านค้าของเซนต์จอห์นเองก็จะมาด้วย
ฉินสือโอวก็ถือโอกาสจองแผงลอยไว้ด้วย แผงหนึ่งไว้ปิ้งย่าง แผงหนึ่งไว้ทำอาหาร แน่นอนว่าแผงเกี๊ยวน้ำของพวกเด็กๆ ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
ร้านเกี๊ยวน้ำของพวกเด็กๆ ขยายใหญ่ขึ้น ชาร์คน้อย ลูกชายซีมอนสเตอร์ คราเคนน้อย และลูกสาวแลนซ์ ลอเรนซ์ล้วนมาร่วมหุ้นกัน ช่วงนี้พาวลิสกับเชอร์ลี่ย์กำลังเตรียมที่จะทำให้ร้านกลายเป็นร้านแฟรนไชส์ เอาเถอะ จะเรียกว่าเป็นแผงลอยแฟรนไชส์ก็ได้
การทำแผงลอยเล็กๆ นี้ จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อหาเงิน แต่เพื่อการมีส่วนร่วมด้วยต่างหาก ให้กิจกรรมเฉลิมฉลองนี้ครึกครื้นขึ้นมาอีกนิด
งานเทศกาลเฉลิมฉลองวันครบรอบของเมืองในครั้งนี้ยังมีจุดน่าสนใจต่างจากเมื่อก่อนอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือโบสถ์ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมเสร็จแล้ว สามารถเปิดใช้งานได้ในวันนี้ ผู้คนจึงสามารถไปสวดมนต์ได้
เริ่มจากคืนวันศุกร์ แผงลอยต่างๆ บนถนนก็เริ่มค้าขายกันแล้ว พวกชาร์คกับเบิร์ดทำหน้าที่ดูแลแผงปิ้งย่างที่มีทั้งเนื้อหมูป่า เนื้อกวาง เนื้อไก่เป็ดห่านปลากับผักสด ของที่ควรจะมีก็มีครบทุกอย่าง
กำไรที่ได้ในการขายปิ้งย่างในงานเฉลิมฉลองนี้จะเป็นของพวกเขา ฉินสือโอวไม่ขอรับส่วนแบ่งด้วย ทำให้ทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น