หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 478-479
บทที่ 478 สู้เข้าไปอย่าได้ถอย!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หากเป็นคนอื่นที่พูดเช่นนี้ หวังเป่าเล่อคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เพราะชายหนุ่มเกลียดมากเวลาที่มีคนมาเรียกเขาว่าอ้วน และรู้สึกว่าควรช่วยตกแต่งใบหน้าโดยการชกหน้าคนพูด ผู้ซึ่งไม่รู้สักนิดว่าตนเองกำลังพูดสิ่งใดอยู่
เพราะอย่างไรเสีย เขาก็เป็นผู้ที่ผอมและหล่อเหลาที่สุดในสหพันธรัฐแห่งนี้!
ทว่า…เพราะคนที่พูดนั้นเป็นชายชราที่ทั้งแข็งแกร่งและยังมีรัศมีความศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมอยู่รอบกาย แถมยังฉลาดมีแววตาหลักแหลมที่แฝงความเป็นคนโมโหร้าย ทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าการแกล้งเป็นคนขี้ขลาดบ้างก็ไม่น่าอับอายเท่าใดนัก
เพราะถึงแม้ชายชราจะแกล้งทำเป็นรักสงบเท่าใด หวังเป่าเล่อก็ยังสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่ภายในและรัศมีความร้อนอันรุนแรงที่เขาปล่อยออกมา
ยิ่งไปกว่านั้น…ชายหนุ่มยังมองเห็นผู้อาวุโสทุกคนของตำหนักหลอมโอสถยกมือขึ้นคาระชายชราอย่างเคารพนบนอบเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัว เขาเห็นว่ากระทั่งประมุขสำนักและรองประมุขสำนัก รวมถึงผู้อาวุโสชั้นสูงคนอื่นๆ ต่างปรากฏตัว พวกเขาทุกคนก็ยกมือคารวะชายชราเช่นกัน ตอนนั้นเองหวังเป่าเล่อก็รู้ได้ทันทีว่า…คนผู้นี้เป็นใคร!
ชายชราผู้นี้คืออดีตผู้นำแห่งสหพันธรัฐ ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลี่ซิงเหวิน!
หน้าตาเขาต่างจากรูปปั้นในเมืองหลวง… หวังเป่าเล่อกะพริบตาพลางจ้องมองไปที่เกราะกำบังรอบกายเขา ผู้อาวุโสสูงสุดลอยอยู่กลางอากาศห่างจากตัวเขาไปไม่ไกล ชายหนุ่มไม่อาจสัมผัสถึงขั้นพลังปราณของผู้อาวุโสสูงสุดผ่านเกราะกำบังได้ แต่หวังเป่าเล่อก็สามารถสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากกายของชายชรา มันช่างน่ากลัวราวกับเป็นพายุร้าย
ข้ามาที่นี่เพื่อตามหากระต่ายน้อยเท่านั้น…ผู้อาวุโสขั้นสูงสุดมาเกี่ยวอะไรด้วย…เขาขังข้าไว้ทำไมกัน หรือพยายามจะทดสอบพลังของข้า หวังเป่าเล่อถอนหายใจ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาลุกโชน ชายหนุ่มก็อยากจะทดสอบเช่นกันว่าความแตกต่างของพลังระหว่างตัวเขากับผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสูงสุดนั้นจะมากเพียงใด
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ประกอบกับมองเห็นแววตาชื่นชมและให้กำลังใจจากประมุขสำนักรวมถึงผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งตำหนักหลอมอาวุธ หวังเป่าเล่อก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนที่ประกายสายฟ้าจะปะทุขึ้นในดวงตา
ประกายนั้นระเบิดและแปรสภาพเป็นสายฟ้านับไปถ้วนออกมาห้อมล้อมกายหวังเป่าเล่อเอาไว้ สายฟ้ามากมายปรากฏขึ้นจากอากาศรอบกายเขาเช่นกัน เสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่นไปทั่วยอดเขา ผนึกที่ตอนแรงมองไม่เห็นด้วยตาเปล่านั้นเริ่มจะมองเห็นขึ้นมารางๆ เพราะคลื่นรบกวนของสายฟ้า
มันดูคล้ายกล่องโปร่งแสงไม่มีผิด!
ในเมื่อท่านอยากทดสอบข้า…ข้าก็จะแสดงพลังทั้งหมดที่มีให้ท่านได้เห็น! ความมุ่งมั่นฉายวาบอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มเชื่อมั่นในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งนี้เป็นสำนักของเขา เป็นเหตุให้เขาไม่เพียงจะใช้แก่นในแห่งอัคนีเท่านั้น แต่เขาจะใช้แก่นในดอกบัวแห่งความมืดเช่นกัน ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้พลังสูงสุดของแก่นในคู่ที่เขามี!
แก่นในแห่งอัคนีด้านนอกและแก่นในแห่งความมืดด้านใน รวมกับพลังกายที่เขามี ทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาในวินาทีนั้น หากมองจากที่ไกลๆ ก็จะเห็นสายฟ้าสีดำในดวงตาของหวังเป่าเล่อ ในเวลาเดียวกันนั้น รัศมีเยือกเย็นก็แผ่ออกมาจากกายเขา และถัดจากความเย็นยะเยือกออกไปก็คือสายฟ้าที่ฟาดแปลบปลาบส่งเสียงครั่นครืนอยู่ไปมา พลังปราณสุดแข็งแกร่งทวีความรุนแรงขึ้นภายในกายเขา และกล่องโปร่งแสงนั้นเริ่มมีรอยร้าว!
ชายหนุ่มยังไม่ได้โจมตีเลยแม้แต่น้อย แต่กล่องก็เริ่มส่งสัญญาณว่าไม่อาจต้านทานพลังของเขาได้ขึ้นมาแล้ว!
ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงเพราะภาพนั้น โดยเฉพาะประมุขสำนัก รองประมุขสำนัก และบรรดาผู้อาวุโสชั้นสูง พวกเขาต่างพากันจ้องมองตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง สีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังแปลกใจอยู่เล็กน้อย ดวงตาของเขาฉายแววแรงกล้าที่ฉาบเคลือบไปด้วยการยอมรับและความพึงพอใจ
“น่าสนใจ ดูเหมือนว่าผนึกขั้นกำเนิดแก่นในชั้นต้นจะไม่อาจต้านทานพลังที่แท้จริงของเจ้าได้ ถ้าเช่นนั้น…ข้าจะทำให้มันแกร่งขึ้นอีก!” เมื่อพูดจบ มือขวาของหลี่ซิงเหวินก็ขยับเป็นผนึกฝ่ามือชุดใหญ่ จากนั้นจึงชี้ไปที่กล่อง ทันใดนั้นผนึกรูปกล่องก็ส่องสว่างขึ้น เหมือนว่ามันจะแข็งแรงขึ้นกว่าเคย และรอยร้าวเมื่อครู่ก็ผสานตัวเองปิดในพริบตา
แทบจะทันทีที่รอยร้าวบนกล่องสมานตัวปิด หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามต่ำราวสายฟ้า ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาที่เคยแข็งแกร่งกว่าพลังปราณ บัดนี้เริ่มมีปัญหาเมื่อต้องรองรับการใช้งานแก่นในคู่พร้อมๆ กัน แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลาจะมากังวล เขายกมือขวาขึ้นก่อนจะกำเป็นกำปั้น หวังเป่าเล่อไม่ได้ปลดปล่อยพลังเหนือมนุษย์หรือกลเม็ดอื่นใด เขาเพียงแค่ยกหมัดขึ้นจ่อเกราะกำบังตรงหน้าและ…ชกออกไป!
หมัดเพียงหมัดเดียวมีพลังของกระบวนท่าระเบิดกำเนิดดวงดาราสถิตอยู่ มันปล่อยพลังกายขั้นสูงสุดรวมไปถึงพลังของแก่นในทั้งสองของหวังเป่าเล่อออกมา กล่าวได้ว่าเป็นหมัดที่รุนแรงที่สุดที่หวังเป่าเล่อจะปล่อยได้โดยปราศจากการใช้เคล็ดเวทใดๆ!
มีรัศมีก่อตัวขึ้นรอบกายหวังเป่าเล่อขณะที่เขาปล่อยหมัดนั้นออกไป เป็นรัศมีที่แสดงถึง…การบุกตะลุยไปอย่างไม่ย่อท้อ ที่ประกาศก้องว่าจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้แหลกเป็นชิ้นๆ!
เหตุการณ์นี้คล้ายกับครั้งที่เขาอยู่บนเขตจันทราเวท สิ่งที่ชายหนุ่มปลดปล่อยออกมาระหว่างสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายครานั้น หวังเป่าเล่อได้สังหารผู้คนไปนับไม่ถ้วนเพื่อความอยู่รอดโดยที่ไม่ได้เสียเวลาชายตามองคนที่ตายไปเลยด้วยซ้ำ
คล้ายกับครั้งที่เขาต่อสู้เมื่ออยู่บนเขตนครใหม่แห่งดาวอังคาร ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเหตุอสูรหลั่งไหลนับครั้งไม่ถ้วน หวังเป่าเล่อยืนเด่นท้าทายฝูงอสูร แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายจะล่มสลายไป ตัวเขาเองก็ยังคงบุกตะลุยไปอย่างไร้ซึ่งความกลัว!
ประสบการณ์ของเขาที่สั่งสมมานานปีดูเหมือนจะมารวมตัวกันอยู่ในวินาทีนี้ ระหว่างการทดสอบจากผู้อาวุโสสูงสุด ประสบการณ์เหล่านั้นไหลเข้ามารวมกันอยู่ใน…กำปั้นเดียว…ที่นำพาเจตจำนงของชายหนุ่มไปด้วย!
หวังเป่าเล่อคำราม ส่งหมัดออกไป และผนึกแข็งแกร่งที่สามารถต้านทานผู้ฝึกปราณขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางก็บิดงออย่างรุนแรง ไม่อาจต้านทานพลังหมัดนั้นได้ มันแตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที!
หากมองจากที่ไกล ก็จะเห็นราวกับว่ากำปั้นของหวังเป่าเล่อนั้นทะลุกระจกออกมา ชิ้นส่วนโปร่งแสงนับล้านแหลกกระจายออกไปในอากาศ คลื่นพลังวิญญาณอันถาโถมราวคลื่นคลั่งพวยพุ่งออกมาข้างหน้า มันส่งเสียงครั่นครืนคำรามและก่อให้เกิดสายลมกรรโชกในอากาศ
ฉากนั้นทำเอาประมุขสำนัก รองประมุขสำนัก และผู้อาวุโสชั้นสูงต้องผงะด้วยความตกตะลึง ทุกคนต่างจ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างไม่เชื่อสายตา
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า…ในใจพวกเขามองว่าหวังเป่าเล่อเพิ่งจะบรรลุขั้นกำเนิดแก่นในมาหมาดๆ ชายหนุ่มยังไม่ได้เริ่มฝึกฝนเคล็ดเวทของขั้นนี้เลยด้วยซ้ำ ในฐานะผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน เขาควรอยู่ในระดับที่อ่อนแอที่สุด
ทว่า…แม้จะอยู่ในสถานะที่ถือว่าอ่อนแอที่สุด หวังเป่าเล่อก็ยังปลดปล่อยความแข็งแกร่งระดับที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง ทุกคนจินตนาการออกว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกเพียงใดหลังจากที่ได้ทำความคุ้นเคยกับระดับพลังปราณและเรียนรู้ทักษะเวทต่างๆ ในขั้นกำเนิดแก่นในแล้ว
ท่ามกลางความตื่นตะลึงของฝูงชน หวังเป่าเล่อเดินตามคลื่นพลังงานนั้นออกมา ผมยาวสยายของเขาโบกสะพัดไปตามสายลม สายฟ้าเส้นเล็กๆ ไหลแล่นไปทั่วกายเขา ชายหนุ่มดูราวกับเทพสงคราม ยืนนิ่งอยู่บนอากาศท่ามกลางดงสายฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและส่งสายตาไปยังผู้อาวุโสหลี่ซิงเหวิน หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่ก่อตัวอยู่ภายใน ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากพูด แต่เขาก็ต้องตกตะลึงตาค้างไปเสียก่อน
ประสาทสัมผัสของเขาถูกปิดตอนที่ติดอยู่ในผนึกทรงกล่อง บัดนี้เมื่อเขาหลุดออกมาได้และได้มองผู้อาวุโสสูงสุดเต็มตา ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณน่าเกรงขามที่หลั่งไหลออกมาจากกายของชายชรา มันเป็นพลังที่แตกต่างกับผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง!
หวังเป่าเล่อคุ้นเคยกับพลังวิญญาณระดับนั้นเป็นอย่างดี มันเป็นพลังแบบเดียวกับที่ไหลอยู่ในกายของผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสาม…พลังวิญญาณของผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณ!
แม้จะยังไม่สมบูรณ์และยังคงเติบโตอยู่อย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็ดูไม่ผิดแน่นอน เขาสัมผัสได้ถึงแก่นในของผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังย่อยสลายและก่อตัวขึ้นใหม่อยู่ในกาย ชายชรากำลังจะบรรลุขั้นจุติวิญญาณในไม่ช้าอย่างแน่นอน!
หวังเป่าเล่อกะพริบตา ความกล้าหาญของเขาหดหายไปในทันที เขารีบทำท่าทางเคารพนบนอบอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นผสานเพื่อทำความเคารพผู้อาวุโสสูงสุด
“ศิษย์หวังเป่าเล่อทำความเคารพผู้อาวุโสสูงสุด ข้าไม่แน่ใจว่าทำไม แต่รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยใกล้ชิดทันทีที่ได้เห็นท่าน ท่านผู้อาวุโสสูงสุดผู้ทรงเกียรติ ข้านึกถึงท่านปู่ของข้าเอง…เป่าเล่อขออวยพรให้ท่านปู่ผู้อาวุโสสูงสุดมีอายุยิ่งยืนนาน!” ทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกแปร่งเมื่อได้ยินสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูด ผู้อาวุโสสูงสุดหลี่ซิงเหวินดูคล้ายจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เขารู้ทันว่าหวังเป่าเล่อเลือกที่จะไม่โอ้อวดความสำเร็จของเขาก่อนหน้านี้ แม้ชายชราจะไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่อวางแผนจะพูดสิ่งใด แต่ก็รู้ดีว่าจะต้องเป็นวาจาอวดดีตามประสาคนหนุ่มที่มั่นใจในตนเองมากเกินไป
แน่นอน ชายชรารู้ดีว่าทำไมหวังเป่าเล่อจึงหุบปากเอาไว้และเลือกแสดงความนบนอบแทน ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกชอบเจ้าหวังเป่าเล่อคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าหนุ่มคนนี้มีความชอบอยู่ไม่น้อยเมื่อครั้งอยู่ในสำนักศึกษา ชายชรานึกเอ็นดูเขามาตั้งแต่ตอนนั้น จากนั้นเมื่อได้ลองประมือกับศิษย์ของตน หลี่ซิงเหวินก็ยิ่งเห็นว่าหวังเป่าเล่อมีฝีมือไม่เลวและอยากจะได้ตัวมาเป็นศิษย์ส่วนตัว
แม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกมากมายเท่าใดนัก แต่ความรู้สึกนี้กลับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเพราะเหตุการณ์บนเขตจันทราเวท ทำให้เขามองหวังเป่าเล่อเป็นคนใหม่ หาไม่แล้ว ชายชราคงไม่จับตัวผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอาวุโสจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพมาเป็นๆ ตามความประสงค์ของหวังเป่าเล่อ
หลี่ซิงเหวินตามดูหวังเป่าเล่อมาตั้งแต่ชายหนุ่มถูกส่งไปยังดาวอังคาร เฝ้ามองเขาเติบโตขึ้นทั้งทางกายภาพและหน้าที่การงาน ผลงานอันโดดเด่นของหวังเป่าเล่อในช่วงระยะเวลาอันสั้นทำให้เขายิ่งรู้สึกยอมรับอย่างมาก ผลการทดสอบในวันนี้ทำให้ชายชรายิ่งมีความสุขขึ้นอีก เขาชอบนิสัยของหวังเป่าเล่อ
“เจ้าหนุ่มนี่ซ่อนความลับไว้มากมาย ข้าเชื่อว่าเขาแสดงมันออกมาให้เห็นเพราะตอนนี้เขาอยู่กับพวกเรา ดูจากนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขา เขาจะต้องปกปิดความลับเอาไว้อย่างมิดชิดทีเดียวตอนที่อยู่ในโลกภายนอก ดังนั้น…สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะหลุดออกไปสู่โลกภายนอกไม่ได้เด็ดขาด ข้าขอให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ด้วย แน่นอนว่า แม้ข้อมูลจะรั่วไหลก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าใด ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครหน้าไหนจะกล้ามายุ่งกับคนของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ใต้จมูกข้า” หลี่ซิงเหวินหันไปสั่งผู้อาวุโสข้างกาย น้ำเสียงของเขาหยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง ประมุขสำนักตอบรับอย่างนอบน้อม หลี่ซิงเหวินหันมามองหวังเป่าเล่อ สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกชมชอบและยอมรับ
“เจ้าตัวยุ่ง ตามข้ามา!” หลังจากพูดเช่นนั้น หลี่ซิงเหวินก็หันหลังเดินนำเข้าไปในโถงของตำหนักหลอมโอสถ
บทที่ 479 ข้าเองละแซ่เจ้า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หวังเป่าเล่อตอบรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะกุลีกุจอตามผู้อาวุโสสูงสุดเข้าไปในโถงของตำหนักหลอมโอสถ ในนั้นว่างเปล่าไร้ผู้คน หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดก้าวเข้าไปในโถง เขาก็หันกลับมาจ้องมองหวังเป่าเล่อ
ชายชรายังคงมีรอยยิ้มที่กึ่งๆ จะไม่ใช่รอยยิ้มอยู่บนสีหน้า หวังเป่าเล่อเริ่มขนลุก จึงพยายามส่งยิ้มชนิดที่ดูจริงใจมากขึ้นให้ เขากะพริบตาก่อนจะพยายามแสดงด้านที่น่าเอ็นดูให้อีกฝ่ายเห็น
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้เอ่ยว่ากระไร เพียงแต่ยิ้มต่อไป หวังเป่าเล่อเริ่มจะกังวล เขารู้สึกว่าผู้อาวุโสสูงสุดนั้นคล้ายจิ้งจอกเฒ่า เมื่อชายหนุ่มไม่อาจคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่ จึงทำได้เพียงสงสัยว่าควรเปลี่ยนกลยุทธ์ดีหรือไม่ หวังเป่าเล่าพยายามตีหน้าซื่อจึงยืนจ้องตากับผู้อาวุโสสูงสุดอยู่เช่นนั้น
“เป่าเล่อ พลังปราณของเจ้าน่าประทับใจทีเดียว” ผู้อาวุโสสูงสุดมองเห็นว่าหวังเป่าเล่อสลับเปลี่ยนลักษณะนิสัยได้ในพริบตา ก่อนจะยกมือไพล่หลังและพูดอย่างสบายๆ
“ความสำเร็จของศิษย์ในบัดนี้ ส่วนหนึ่งนั้นแลกมาด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และหยดน้ำตาของตน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการดูแลและสั่งสอนของสำนัก” หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึกทันทีที่ได้ยินและเปลี่ยนท่าทีไปเป็นผู้น้อยที่นอบน้อม
“เจ้าหยุดประจบประแจงข้าเถิด จริงอยู่ว่าการเรียนการสอนของพวกเรานั้นมีประโยชน์ แต่พวกเราก็ดูแลและสั่งสอนศิษย์มามาก ข้าไม่เคยเห็นใครอื่นเลยที่ประสบความสำเร็จเช่นเจ้า” หลี่ซิงเหวินพึงใจการโต้ตอบของหวังเป่าเล่ออยู่เงียบๆ ทว่าเขารู้ดีว่าความสำเร็จของหวังเป่าเล่อในขณะนี้เป็นเพราะชายหนุ่มฉกฉวยโอกาสที่ผ่านมาเอาไว้ได้เสียมากกว่า
“เป่าเล่อ ข้าจะพาเจ้าลงไปดูสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย มีเรื่องบางอย่าง…ที่เจ้าสามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้แล้ว เพราะระดับพลังปราณของเจ้าในขณะนี้สูงพอแล้ว” หลี่ซิงเหวินมองหวังเป่าเล่อขณะที่พูดอย่างเนิบๆ สายตาที่จ้องมองมานั้นเปี่ยมความหมาย
หวังเป่าเล่อมองเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุด เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตอบคำ
“แผนพันธุ์กล้าสหพันธรัฐนั้นสำคัญยิ่ง ไม่ควรมีใครออกจากแผนกลางคัน ถึงกระนั้น ทั้งต้วนมู่ฉีและตัวข้าเองก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าจะบรรลุขั้นกำเนิดแก่นในได้ก่อนที่แผนจะลุลวงเสียอีก”
“ด้วยเหตุนี้เจ้าจึงมีสิทธิ์ที่จะเลือก เจ้าจะร่วมอยู่ในแผนพันธุ์กล้าต่อไป…หรือเจ้าจะออก” หลี่ซิงเหวินไม่ได้พูดต่อไป กลับกัน ชายชรารอฟังคำตอบจากหวังเป่าเล่อเสียก่อน
หวังเป่าเล่อถึงกับขมวดคิ้ว ชายหนุ่มไม่อาจเข้าใจเจตนาที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดเพิ่งพูด ข้อมูลที่เขามีนั้นไม่ครบถ้วน เขาจึงไม่อาจหาคำตอบได้ และเห็นได้ชัดว่าชายชราจงใจให้เป็นเช่นนั้น
สิ่งนี้เป็นการทดสอบอีกด่านหนึ่งอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อลอบถอนหายใจอย่างลับๆ ก่อนจะยกมือขึ้นถูหน้าผาก ชายหนุ่มพยายามชั่งน้ำหนักว่าควรจะตอบว่าอย่างไร โดยเริ่มคิดทบทวนข้อมูลที่เคยอ่านมาเกี่ยวกับแผนพันธุ์กล้าสหพันธรัฐ
ตามที่เขาได้เรียนรู้มานั้น แผนพันธุ์กล้าสหพันธรัฐเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่ เป็นสิ่งที่สนับสนุนปฏิบัติการนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้เพื่อให้สหพันธรัฐขึ้นไปที่กระบี่สำริดเขียวโบราณได้สำเร็จ
เมื่อคิดในแง่นี้ ข้อความของหลี่ซิงเหวินก็ชัดเจนขึ้น…
หากว่าแผนพันธุ์กล้าสหพันธรัฐเกี่ยวข้องกับการขึ้นไปยังกระบี่สำริดเขียวโบราณ หากข้าถอนตัวตอนนี้ มิเท่ากับว่าข้าต้องทิ้งโอกาสที่จะขึ้นไปยังกระบี่สำริดเขียวโบราณอย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อใคร่ครวญ ชายหนุ่มเชื่อว่าการเข้าร่วมปฏิบัติการดวงอาทิตย์ปักกระบี่มีความเสี่ยง และนี่เป็นสาเหตุว่าเหตุใดผู้อาวุโสสูงสุดจึงถามคำถามนั้นกับเขา
หลี่ซิงเหวินเฝ้ารอคำตอบอย่างอดทนขณะที่หวังเป่าเล่อครุ่นคิด เมื่อเขาเห็นแววตาที่เหมือนคิดได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อ ชายชราจึงยิ้มออกมาบางๆ
“เจ้าคิดถี่ถ้วนแล้วใช่หรือไหม”
“มันอันตรายเพียงใดขอรับ” หวังเป่าเล่อไม่ได้ตอบคำถาม แต่ถามคำถามที่มีในใจออกไปแทน มีแสงประหลาดส่องประกายอยู่ในแววตาขณะที่ชายหนุ่มจ้องมองผู้อาวุโสสูงสุด
หลี่ซิงเหวินแสดงสีหน้ายอมรับหวังเป่าเล่ออีกครั้งเมื่อได้เห็นแสงนั้นและได้ยินคำตอบจากปากอีกฝ่าย ชายชราชอบพูดคุยกับผู้คนที่ฉลาดเฉลียว และยังนิยมคนหนุ่มสาวที่พูดจาตรงไปตรงมา ชายชราจึงเอ่ยออกมาช้าๆ “เจ้ากลัวตายหรือไม่เล่า”
“ข้าเสี่ยงแล้วจะได้อะไรหรือขอรับ”
ประกายตายอมรับในแววตาของหลี่ซิงเหวินยิ่งแกร่งกล้าขึ้นเมื่อได้ยินคำถามนี้ ชายชราหัวเราะเสียงลั่นก่อนจะยกมือขวาขึ้นชี้ไปทางหวังเป่าเล่ออยู่ซ้ำๆ จนในที่สุดเขาก็กวาดชายเสื้อไปด้านข้างและตอบว่า
“มีมากมายทีเดียว พลังปราณของเจ้าจะรุดหน้าอย่างรวดเร็ว แถมเจ้ายังจะได้รับโอกาสที่เกินจินตนาการมากมาย เจ้าอาจจะได้พบอารยธรรมการฝึกตนที่แตกต่างจากของสหพันธรัฐอย่างสิ้นเชิง เจ้าอาจจะ…ได้เรียนรู้ต้นกำเนิดของอารยธรรมการฝึกตนของสหพันธรัฐก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้าทำสิ่งใดสำเร็จ เจ้าก็จะได้รับการปูนบำเหน็จเป็นยศ การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของสหพันธรัฐคนต่อไปก็เริ่มจะเป็นไปได้ขึ้นมา!” หลี่ซิงเหวินไม่ได้วางแผนจะพูดส่วนสุดท้าย แต่เมื่อเห็นว่าหวังเป่าเล่อดูไม่ใส่ใจเท่าใด เขาจึงจงใจใส่เรื่องการเป็นผู้นำสหพันธรัฐเข้าไปด้วย
แล้วก็เป็นตามที่เขาหวังไว้ เมื่อได้ยินส่วนสุดท้ายนั้น สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายกล้า
“ทุกสิ่งที่ศิษย์มีวันนี้ ศิษย์ได้รับมาจากสำนัก หากสำนักต้องการข้า ข้าก็จะขึ้นเขาลงห้วยโดยไม่ปริปากบ่น!” หวังเป่าเล่อทุบอกและประกาศด้วยเสียงอันดัง ชายหนุ่มบัดนี้ดูเป็นผู้ที่ยอมเสียสละตน ราวกับว่าจะยอมทำทุกสิ่งเพื่อสำนัก
หลี่ซิงเหวินถึงกับอึ้งในความสามารถในการปฏิญาณตนต่อทุกสถานการณ์ของหวังเป่าเล่อ เขาหัวเราะออกมาด้วยความอ่อนใจ
“ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จะเป็นส่วนหนึ่งของแผนพันธุ์กล้าสหพันธรัฐต่อไป ข้าเชื่อว่าในไม่ช้าเจ้าจะได้รู้เหตุผลที่แผนนี้ถูกสร้างขึ้นมา ดังนั้นข้าจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้
“ส่วนเรื่องโจวเสี่ยวหยา…เจ้าอย่าไปถือโทษโกรธผู้อาวุโสชั้นสูงของตำหนักหลอมโอสถนักเลย ความสามารถในการหลอมโอสถของนางนั้นธรรมดายิ่ง ทว่าวิญญาณของนางมีคุณสมบัติพิเศษ เพราะเหตุนี้ นางจึงทำได้ดีมากเมื่อต้องหลอมโอสถเห็นธรรมที่เป็นของตระกูลข้า”
“ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงสอนเคล็ดวิชาฝึกปราณให้นาง เคล็ดวิชานี้ช่วยให้นางเห็นธรรม ดังนั้นนางจึงต้องถือสันโดษครั้งละนานๆ พอนางบรรลุธรรมเมื่อใด ข้าจะรับนางเข้ามาเป็นศิษย์เอกของข้า!” หลี่ซิงเหวินอธิบายสถานการณ์ของโจวเสี่ยวหยา หากชายชราไม่ได้อธิบายก็คงจะไม่เป็นไรนัก แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ถึงกับต้องหายใจเข้าลึก
“บรรลุธรรมหรือขอรับ” หวังเป่าเล่อไม่ค่อยชอบสาขาปรัชญาเต๋าสักเท่าใดนัก เมื่อครั้งที่เขายังอยู่บนเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ชายหนุ่มคิดว่าคนของสาขานั้นเสียสติกันไปหมดแล้ว และจากสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดเพิ่งจะบอกเขา ขณะนี้กระต่ายน้อยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสาขาปรัชญาเต๋าอย่างอ้อมๆ เสียแล้ว
“ทำไม เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ” หลี่ซิงเหวินจ้องมองมา
หวังเป่าเล่อได้แต่ถอนใจเพราะพลังปราณอันน่าพรั่นพรึงของชายชรา ชายหนุ่มตอบรับอย่างเศร้าสร้อย “นางเป็นหญิงสาวอายุน้อยหน้าตาสวยงาม ผู้ซึ่งหลงผิดและกำลังหมดเปลืองเวลาชีวิตไปในห้องลับกับการถือสันโดษ ต่อให้นางจะสามารถเห็นธรรมได้เช่นหลี่อู๋เฉิน นางก็คงไม่อาจจะต่อสู้ได้…”
“ไร้สาระ สาขาปรัชญาเต๋าของข้าไร้เทียมทาน เจ้าคอยดูเถิด พอโจวเสี่ยวหยาเห็นธรรมเมื่อใด นางจะขยี้เจ้าราวกับมดปลวกเลยเชียว!” หลี่ซิงเหวินยิ้มเยาะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดตามที่พูด แต่ก็ต้องยืนหยัดปกป้องเกียรติของสาขาปรัชญาเต๋าหลังจากที่เห็นท่าทีรังเกียจของหวังเป่าเล่อ
“หากท่านอาจารย์มีความสุข…แต่คนเราก็ไม่ควรถือสันโดษอยู่ตลอดเวลานะขอรับ คนเราควรมีสมดุลในการใช้ชีวิตบ้าง…” หวังเป่าเล่อถอนใจพลางจ้องมองอย่างวิงวอนไปยังผู้อาวุโสสูงสุด
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ทีหลังและให้นางพักสักสองสามวันแล้วกัน” หลี่ซิงเหวินกระแอมกระไอ เขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองอาจจะโหดเกินไปหน่อย ที่ปล่อยให้มีหญิงสาววัยเปล่งปลั่งต้องถูกขังให้ถือสันโดษทุกวันๆ…ชายชรายอมตกลงพร้อมโบกมืออย่างตัดรำคาญ เช่นนั้นเองหลี่ซิงเหวินก็เตรียมพร้อมที่จะจบการสนทนา
“โปรดรอก่อนขอรับท่านปู่ผู้อาวุโสสูงสุด ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าหมายถึงว่า…ข้ามาถึงขั้นกำเนิดแก่นในแล้ว แต่ยังไม่มีเคล็ดวิชาในขั้นนี้เลย ท่านผู้อาวุโสสูงสุดผู้ทรงเกียรติ ท่านปู่ที่รักของข้า มีเคล็ดวิชาฝึกตนดีๆ จะแบ่งให้ข้าบ้างไหมขอรับ” หวังเป่าเล่อพูดอย่างเร่งรีบ สายตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
“ข้าได้ให้คนไปจัดการรวบรวมเคล็ดวิชาฝึกปราณของขั้นกำเนิดแก่นในทั้งหมดที่สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์มีเอาไว้ให้แล้ว ไปถามหาเจ้าน้อยเถอะ เขาจะอธิบายให้เจ้าฟังโดยละเอียด ในช่วงนี้ขอให้เจ้าอยู่ที่สำนักไปก่อน อย่าเพิ่งกลับดาวอังคาร อยู่อีกสักสองสัปดาห์…ข้าจะสร้างโอกาสอันดีให้กับบรรดาศิษย์ของสำนักเรา!” หลี่ซิงเหวินหัวเราะอย่างโอหังก่อนจะเดินออกจากโถงหายลับไป
หวังเป่าเล่อกะพริบตา ชายหนุ่มพอจะเดาออกว่าผู้อาวุโสสูงสุดหมายถึงสิ่งใด เขาตื่นเต้นเล็กน้อยและอยากจะให้มันเกิดขึ้นเร็วๆ หวังเป่าเล่อสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับเจ้าน้อยที่ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวถึง หลังจากที่คิดอยู่เป็นนาน เขาก็ไม่อาจทราบได้ว่าคนๆ นั้นคือใคร
ด้วยความสงสัยหวังเป่าเล่อจึงส่งข้อความเสียงไปหาประมุขสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์
“ประมุขสำนักขอรับ ผู้อาวุโสสูงสุดสั่งให้ข้าตามหาเจ้าน้อยเพื่อเรียนเคล็ดเวท เขาคือใครหรือขอรับ ข้าครุ่นคิดมาเป็นวันก็ยังคิดไม่ออก”
เสียงจากปลายสายนั้นเงียบสนิท หลังจากความเงียบครู่ใหญ่ เสียงแหบพร่าของประมุขสำนักก็เข้ามากระทบโสตประสาท
“ข้าเองละแซ่เจ้า!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น