ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 472-482

 ตอนที่ 472 พ่อคุณทูนหัว


 


 


ตอนแรกตู๋กูซิงหลันกำลังหลับสนิท พอมีเสียงทุบประตูนางจึงตื่นขึ้นมา


 


 


นางสวมใส่ชุดนอนผูกเอวสีแดงทั้งตัว ปล่อยผมสีเงินดำยาวสยาย ค่อยๆก้าวลงจากเตียง


 


 


พอมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นด้านนอกฝนตกหนักราวกับน้ำที่สาดลงมา เสียงทุบประตูที่ดังมาจากประตูใหญ่ยังคงดังไม่หยุด


 


 


นางเปิดประตูห้องนอนออกไป พอพึ่งจะเปิดประตูก็เห็นจีเฉวียนสวมใส่ชุดนอนสีดำทั้งตัว นั่งอยู่บนรถเข็นมองมาที่นาง


 


 


ในพระหัตถ์ยังคงถือชามปากบิ่นที่เสินฟางทิ้งไว้ให้เมื่อกลางวันเอาไว้ ในชามยังมีป้าย QR codeอยู่


 


 


“ดึกดื่นค่อนคืน ท่านจะทำอะไร?” ตู๋กูซิงหลันมองดูเขาอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง


 


 


จีเฉวียนและนางต่างก็พักอยู่ในห้องบนชั้นสอง เพียงแต่ห้องของทั้งสองอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน กั้นด้วยทางเดินระหว่างห้องเท่านั้น


 


 


นับจั้งแต่ที่จีเฉวียนมาที่โลกปัจจุบันนี้ ก็ไม่เคยเข้าไปในห้องของตู๋กูซิงหลันแม้แต่ครั้งเดียว


 


 


ตอนนี้สายพระเนตรของพระองค์จับจ้องไปบนร่างของตู๋กูซิงหลัน


 


 


นับๆดู นางก็ใกล้จะอายุครบสิบแปดปีแล้ว


 


 


ร่ายกายของหญิงสาวเติบโตอย่างสมส่วน แม้อยู่ในกระโปรงชุดนอนก็ยังไม่อาจปกปิดความงดงามของนางได้


 


 


มีส่วนโค้งส่วนเว้า แขนขาเรียวยาว ที่ๆควรกลมก็กลมที่ๆควรนูนก็นูน


 


 


ชายกระโปรงชุดนอนคลุมถึงแค่ขาอ่อน ปลีน่องเรียวยาวขาวผุดผ่องดั่งเนื้อหยก เรียวแขนทั้งสองนวลเนียนดุจดั่งรากบัวอมสีชมพูจางๆ


 


 


เวลาอยู่ในบ้าน ตู๋กูซิงหลันไม่เคยสวมรองเท้า บ้านทั้งหลังปูพรมเอาไว้ทุกพื้นที่ นางกำลังยืนอยู่บนพรมสีครีม ดูงดงามและเย้ายวนราวนางมารจากอีกภพหนึ่ง


 


 


จีเฉวียนมองดูนางอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าเลือดในกายร้อนรุ่มขึ้นมาในทันที เลือดพุ่งขึ้นไปบนสมอง จนทำให้สองพระกรรณแดงซ่าน


 


 


พระองค์รีบเบนสายพระเนตรออกไป “ซิงซิง สตรีในโลกของพวกเจ้า สวมใส่เสื้อผ้าแต่น้อยเพียงเท่านี้น่ะหรือ?”


 


 


เผยเรียวแขนอวดเรียวขา ตอนที่อยู่ในต้าโจว พระองค์เคยเห็นแต่สตรีจากหนานเจียงเท่านั้นที่สวมใส่เช่นนี้


 


 


หยวนเมิ่งก็คือตัวอย่างที่มีให้เห็น


 


 


หากอยู่ในต้าโจว สวมใส่อย่างเปิดเผยเช่นนี้มีแต่คนจะจะดูหมิ่น


 


 


“ใช่แล้ว นี่มันธรรมดาจะตายไป” ตู๋กูซิงหลันโยกศีรษะ “ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ?”


 


 


จีเฉวียนมองดูชามปากบิ่นใบใหญ่ในมือ ตรัสตอบอย่างจริงจังว่า “เขาคิดจะวางแผนหาเงินครั้งใหญ่”


 


 


“ขายตัวหรือ?” ตู๋กูซิงหลันมองดูชุดนอนที่บางเบาและหลวมกว้างของเขา เห็นหัวไหล่ข้างหนึ่งเผยออกมา เจ้าตัวร้ายผู้นี้ ถึงจะพิการ แต่ขนาดยามนั่งอยู่บนรถเข็นก็ยังดูงดงามน่ามอง


 


 


แค่ใบหน้านั้น ก็ไม่รู้ว่าสามารถล่อลวงสตรีได้มากมายขนาดไหนแล้ว


 


 


จีเฉวียนชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาในทันที “ไม่ได้นะ ร่างกายของเราเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว”


 


 


“ตึง…..” พระองค์ตรัสพึ่งจะขาดคำ ก็ได้ยินเสียงทุบประตูดังอย่างรุนแรงมาจากประตูใหญ่ จากนั้นก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงซอยถี่ๆอย่างรีบร้อนดังมาตามทางเดิน


 


 


เพียงครู่เดียว เงาร่างหนึ่งก็ขึ้นมาบนชั้นสอง


 


 


ตลอดร่างมีแต่น้ำ หอบเอาลมและฝนมาจากภายนอก


 


 


พอมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียน ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากขึ้นมา ก็เห็นฮ่องเต้ทรงต่อยหมัดออกไป ตรงสู่ช่วงท้อง


 


 


“ปีศาจจากที่ไหนกัน….ดึกดื่นกล้ามารบกวนความฝันผู้คน!” จีเฉวียนหรี่ดวงเนตรหงส์ แววพระเนตรทอประกายเย็นยะเยือกออกมา


 


 


ถึงแม้ว่าพระองค์จะยังไม่หายดี แต่ว่าพละกำลังก็ยังแข็งแกร่ง หมัดนี้ต่อยออกไปยังไม่ทันถึงตัว ลมจากหมัดก็ม้วนออกไปก่อนแล้ว


 


 


หากมิใช่เพราะว่าตู๋กูซิงหลันรีบเข้ามาห้ามปรามพระองค์เอาไว้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงต้องจบชีวิตไปแล้ว


 


 


ตู๋กูซิงหลันขยับร่างไหววูบ มาบดบังอยู่ด้านหน้าจีเฉวียน


 


 


หมัดที่กำลังจะพุ่งออกไปถูกร่างของนางบดบังเอาไว้ ดีที่นางก็แข็งแกร่ง อีกทั้งจีเฉวียนยังเก็บหมัดกลับไปได้ทัน ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ลมหมัดวูบหนึ่งพุ่งออกไป ยังไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่อะไร


 


 


อีกฝ่ายตกใจจนกระโดดตัวลอย ขนาดเป็นเพียงแค่ลมหมัดหอบหนึ่ง คนผู้นั้นก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าโดนฆ้อนอันใหญ่ทุบลงมาบนซี่โครง ทำเอาจุกจนเกือบจะกระอักเลือด


 


 


แต่พอได้เห็นสตรีตรงหน้า เลือดที่กำลังจะกระอักออกมาก็ได้แต่กลืนลงไปก่อน


 


 


“ทูนหัว!” น้ำเสียงร้อนรนนั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทั้งยังยื่นมือยื่นไม้อย่างยืดยาวออกมาไขว่คว้าตู๋กูซิงหลัน


 


 


ตู๋กูซิงหลันหลบวูบไปด้านข้าง คนที่พุ่งเข้ามาจึงคว้าได้แต่อากาศ


 


 


คนผู้นั้นพุ่งไปคว้าสิ่งที่อยู่ด้านหลังของนางแทน…..นั่นก็คืออ้อมพระอุระของฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนเก้าอี้รถเข็น


 


 


จีเฉวียนยังไม่ทันได้ศึกษาวิธีใช้รถเข็นสักเท่าไหร่ จึงหลบได้ไม่ทัน เห็นแต่ศีรษะสีชมพูพุ่งเข้ามาหาพระอุระขององค์


 


 


ใช่แล้ว…..สิ่งที่ปรากฏบนสายพระเนตรคือ สตรีในชุดสีชมพู ผมสีชมพู แม้แต่เสื้อ กางเกงและรองเท้าก็เป็นสีชมพู


 


 


ฝ่าบาททรงรู้สึกว่าในท้องปั่นป่วนขึ้นมาทันที


 


 


ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา คีบหลังคอที่เปียกชุ่มของอีกฝ่ายโยนคนทิ้งไป


 


 


คนผู้นั้นถูกโยนออกไปไกลเกือบเมตร มึนงงไปครู่ใหญ่ถึงได้ลุกขึ้นมาได้


 


 


ตลอดทั้งร่างของเขาเปียกฝนจนชุ่มโชก เส้นผมสีชมพูเปียกชื้นจนลีบติดใบหน้า


 


 


เขาสวมใส่แว่นตาทรงกลมสีทองที่ดูหรูหรา แม้แต่แว่นตาก็เปียกฝน


 


 


“อ้ายย่าห์ แม่จ๋าของลูก!” พอยืนขึ้นมาได้ เขาก็รีบร้อนถอดแว่นตาลงมา เป่าลมหายใจลงไป ใช้แขนเสื้อเช็ดกระจกแว่นอย่างรวดเร็ว


 


 


จากนั้นก็สวมกลับเข้าไป จับจ้องฮ่องเต้ด้วยสายตาที่เป็นประกาย


 


 


“ทูนหัว! นี่….นี่ก็คือสามี(เหล่ากง)ใหม่ที่สมควรตายสักพันครั้งของหล่อนหรือ?” พอเห็นแจ้งแจ่มชัด เขาก็ระริกระรี้ขึ้นมา


 


 


หันกลับไปหาตู๋กูซิงหลัน


 


 


สายตามองกลับไปกลับมาระหว่างคนทั้งสอง


 


 


มิน่าเล่าก่อนหน้านี้มีผู้ชายทั้งสดทั้งนุ่มตั้งมากตั้งมายมาให้เลือกนางก็ไม่เคยแยแส….ที่แท้ก็มีของที่ดีกว่าจนคนอื่นเทียบไม่ติดอยู่แล้วนั่นเอง


 


 


ตู๋กูซิงหลันรับคำเบาๆครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า คำว่าใหม่ที่ใช่คู่กับคำว่าสามีนั้น ออกจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายอยู่เสียหน่อย


 


 


ตอนนี้ ถึงจีเฉวียนจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ว่าราศีที่ออกจากตัวก็ยังสง่างามหาใดเปรียบ ราวกับว่านั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างไรอย่างนั้น


 


 


“เราไม่ใช่ขันที(กงกง) แต่เป็นโอรสสวรรค์ต้าโจว” พระองค์ตรัสด้วยสีพระพักตร์เข้ม กริยาที่มีต่อคนชุดชมพูที่เป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิงผู้นี้ติดจะต่อต้านอย่างชัดเจน


 


 


เพราะเขาทำท่าทำทางสนิทสนมกับซิงซิงมากจนเกินไป


 


 


Sherry ตกตะลึงไปแล้ว เขาหันหน้ากลับไปหาตู๋กูซิงหลัน สีหน้าแตกตื่น


 


 


นี่ทูนหัวแต่งกับคนบ้าหรือ?


 


 


เอาเถอะ…..เห็นแก่ใบหน้าที่ฟ้าดินและผู้คนต่างริษยานี้ ต่อให้เป็นคนบ้า……ก็แต่งได้


 


 


เพียงแต่ว่า…..ทูนหัวที่เป็นถึงยอดเทพธิดาเหนือกว่าผู้หญิงมากมาย….ต้องถือว่าขาดทุนไปหน่อยละมั้ง?


 


 


ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าปวดขมับ นางต้องสงบใจลง ค่อยกล่าวว่า “นั่นเป็นพวกติดละครอย่างหนัก ชอบเป็นนักแสดง ตอนนี้กำลังเข้าบทฮ่องเต้อยู่ ออกไม่ได้”


 


 


คำอธิบายนี้สามารถเข้าใจได้


 


 


Sherry เข้าใจได้อย่างตรงจุดในทันที


 


 


เขาจับกรอบแว่นไว้ สองขาไขว้กัน พิงตัวไปกับกำแพง อีกมือหนึ่งก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมา ชมเชยจีเฉวียน “พ่อทูนหัว อย่างนั้นคุณก็เยี่ยมมากๆเลยนะ!”


 


 


จีเฉวียน “เราไม่ต้องการให้เจ้ามาชมเชย”


 


 


Sherry รู้สึกได้เลยว่า พ่อทูนหัวคนนี้เหมาะกับการเป็นนักแสดงอย่างยิ่ง


 


 


ดูสง่าราศีนั่นสิ เด่นมากๆ ราวกับว่าหลุดออกมาจากรูปปั้นฮ่องเต้หินในสุสานโบราณ


 


 


หยกงามล้ำค่าระดับโลกเช่นนี้ หากว่าไม่ไปเป็นนักแสดงล่ะก็จะต้องเป็นการสูญเสียอย่างที่สุด!


 


 


โรคบ้างานของคนที่เป็นแมวมองชั้นนำ ถึงกับระเบิดออกมาในทันที


 


 


ตู๋กูซิงหลันหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง หยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งมาส่งให้เขา ให้เขาเช็ดละอองน้ำออกจากตัว จากนั้นก็พาคนไปที่ห้องโถง นางคิดจะเรียกเสินฟางให้ยกน้ำมาแก้วหนึ่ง กลับพบว่าพ่อบ้านของตนหายหัวไปไม่เหลือแม้แต่เงา


 


 


จึงได้แต่รินน้ำให้เขาด้วยตนเอง จากนั้นก็เอ่ยว่า “Sherry คุณวิ่งมาที่บ้านของฉันกลางดึก มีเรื่องอะไรหรือ?”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 473 ปลาเค็มพลิกตัว


 


 


Sherry เช็ดผมจนทั่วศีรษะเสร็จแล้ว ก็กุมแก้วน้ำอุ่นเอาไว้ในมือ


 


 


สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ร่างของจีเฉวียนอย่างไม่ยอมละสายตาด้วยความสงสัย…..เส้นผมที่ยาวเฟื้อยนั่นไปทำมาจากร้านไหนกัน ทำไมถึงได้ดูเหมือนของจริงขนาดนั้น….


 


 


ผมปลอมที่ดาราผู้ชายใช้กันจะมากจะน้อยก็ต้องมีรอยต่อด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่าเส้นผมของเขากลับสวยงามอย่างไร้ตำหนิ ราวกับว่าเป็นผมจริงที่ยาวตามธรรมชาติ


 


 


พ่อคุณ พ่อทูนหัวคงจะเอาจริงเอาจังกับการแสดงมากๆเลยสินะ


 


 


สายตาของเขาทำให้จีเฉวียนรู้สึกอึดอัดพระองค์ นอกจากเสินฟางแล้ว …..คนๆนี้เป็นคนแรกที่พระองค์ได้พบบนโลกนี้


 


 


บุรุษบนโลกใบนี้ มีรสนิยมแต่งกายที่ประหลาดเช่นนี้หรือ?


 


 


ตอนที่อยู่ในโลกของพระองค์…..ไม่เคยทรงพบเห็นบุรุษใดสวมใส่ชุดสีชมพูมาก่อนเลย


 


 


แม้แต่ซูเยาที่อารมณ์ออกจะแปรปรวนก็ยังสวมใส่แต่ชุดสีแดงเข้ม


 


 


กระทั่งตู๋กูซิงหลันสอบถามอีกครั้ง Sherry ถึงได้ดึงสติกลับมา เขาเก็บสายตากลับมาจากจีเฉวียน พิงร่างลงไปบนโซฟา


 


 


ทำท่าทางน่าสงสารปานจะร้องไห้!


 


 


“ทูนหัว!” เขาหันไปรำพันกับตู๋กูซิงหลัน “หล่อนรู้หรือเปล่า ตลอดสองปีมานี้…..ฉันนึกว่าหล่อนตายไปแล้ว!”


 


 


“โทรศัพท์ก็ไม่รับ ข้อความก็ไม่ตอบกลับ ทั่วทั้งโลกไม่มีใครติดต่อหล่อนได้เลยสักคน….” Sherry น้ำตาร่วงกราว “รู้ไหม ว่าฉันน่ะ แอบไปซื้อที่ดินสุสานที่ภูเขาหนานซานใช้เงินไปตั้งหมื่นห้า เอาเสื้อผ้าที่หล่อนเคยใส่แสดงตอนแสดงละครเรื่องแรกไปฝัง ถือเสียว่าได้ส่งเสื้อผ้าไปให้หล่อนใช้…แถมยังต้องแอบๆทำไม่กล้าบอกใคร…..ฮือ ฮือ ฉันลำบากขนาดไหนรู้มั้ยยะ”


 


 


Sherry เป็นผู้จัดการของตู๋กูซิงหลัน


 


 


เป็นผู้ชายตัวโตที่สูงเมตรแปดสิบ แต่ข้างในใจกลับเล็กกะปิ๋วหลิว


 


 


ถือว่าเป็นกึ่งพี่เลี้ยงกึ่งเพื่อนผู้ชายที่สนิทของนาง


 


 


มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่รู้ก็คือฐานะอีกอย่างของตู๋กูซิงหลันที่เป็นปรมาจารย์คุณไสย์เท่านั้น


 


 


ตู๋กูซิงหลันโยนกระดาษทิชชู่ให้ครึ่งห่อ Sherry ทั้งเช็ดน้ำตาทั้งสั่งขี้มูก ร้องไห้เสียงจนสองตาแดงก่ำ


 


 


“หล่อนมันคนไม่มีน้ำใจ……..สองปีมานี้ไม่เคยส่งข่าวอะไรสักแอะ พอจะปรากฏตัวอีกครั้งก็ไม่ยอมบอกฉันเป็นคนแรก กลายเป็นไอ้เด็กส่งของแซงหน้ารู้ก่อน….หล่อนรู้หรือไม่ ตอนนี้พวกสื่อมวลชนทั้งหลายกำลังจะระเบิดแล้ว อีกไม่นานพวกเขาจะต้องบุกมาถึงที่อยู่ของหล่อนที่นี่ หล่อนอย่าได้คิดจะอยู่อย่างสงบได้อีก”


 


 


ตู๋กูซิงหลันนั่งลงที่ข้างๆเขา ไขว้ขา เรียวขาทั้งสองทั้งยาวทั้งขาว


 


 


ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแล้ว ก็หมุนรถเข็นเข้าไปหา นำผ่าห่มบนโซฟากางออกมา คลุมลงไปให้กับนาง


 


 


“ซิงซิง ดึกแล้วอากาศเย็น ระวังไม่สบาย”


 


 


Sherry “……” สีหน้าแตกตื่น


 


 


ไม่ใช่มั้ง….ถึงแม้ว่าคืนนี้จะมีพายุฝนตกลงมา แต่ว่าตอนนี้ก็ถือเป็นหน้าร้อนไม่ใช่หรือ? หนาวที่ไหนกัน!


 


 


Sherry ปากค้างพูดอะไรไม่ออก จนต้องหันมาหาตู๋กูซิงหลันเปลี่ยนเรื่องไปว่า “ทูนหัว ทิศทางของกระแสในอินเตอร์เน็ตรอต้อนรับการกลับมาของเธออยู่….แต่ว่าตอนนี้มีคนก่อปัญหาอยู่ด้านหลัง เขียนเรื่องต่อว่าเสียดสีเธออยู่ไม่น้อย ทั้งยังจ้างกองทัพมาถล่มอีกไม่น้อย แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ ‘สาดโคลน’มาเป็นกระบุง ตอนนี้สถานการณ์จึงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”


 


 


ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยท่าทางที่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย


 


 


ขนาดคลื่นลมและพายุในโลกโบราณนางก็ยังผ่านพ้นมาหมดแล้ว แล้วจะมาตกใจอะไรกับเรื่องเท่านี้


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่ได้มีข่าวคาวอะไรให้ขุดคุ้ยเสียหน่อย


 


 


ที่มีข่าวโครมๆออกไป…..ก็เป็นแค่โคมลอยเท่านั้น


 


 


“เธอหายตัวไปนานถึงสองปี ซ่งเจียงเสวี่ยก็ถือโอกาสเป็นปลาเค็มพลิกตัว กลายเป็นราชินีจอเงินคนใหม่ ฉันว่านะ เบื้องหลังทั้งหมดนี่จะต้องเป็นฝีมือของนางอย่างแน่นอน!”


 


 


พอพูดถึงเรื่องดาวดวงใหม่อย่างซ่งเจียงเสวี่ยขึ้นมา Sherry ก็หงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


นังตัวร้ายนั่น……คือตัวอกตัญญูแท้ๆเชียวล่ะ!


 


 


แต่ก่อนนั้น ตอนที่ถูกพวกสื่อโจมตี คนที่ช่วยเหลือนางก็คือซิงหลัน…..


 


 


ตอนนี้กลับดีนัก พอกอดขาบริษัทใหญ่ไต่ขึ้นสูง ก็หันกลับมาฝังซิงหลันเสียสนิท!



 

 

 


ตอนที่ 474 พ่อคุณทูนหัวเอาใจแต่ลูกพี่...

 

“แน่ใจหรือว่าเป็นฝีมือของเธอจริงๆ?” ตู๋กูซิงหลันพิงร่างลงไปบนโซฟา สองมือกอดอก แววตาเป็นประกายเย็นยะเยือก


 


 


แต่นางก็ไม่ได้ผลักไสผ้าห่มบนตัวออกไป


 


 


ความห่วงใยเอาใจใส่จากบุรุษ หากปฏิเสธมีแต่จะทำให้หมองใจกันเสียเปล่า


 


 


“เก้าในสิบส่วนเลยเอ้า” Sherry พยักหน้า “เธอก็รู้นี่ว่า วงการนี้ยิ่งลึกก็ยิ่งร้าย วิธีการก็ยิ่งชั่วช้า สองปีที่เธอไม่อยู่…..เดิมทีนางไต่เต้าชื่อเสียงมาจาก ‘เพื่อนสนิท’ ……ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว แล้วนางจะไม่ร้อนใจได้หรือ?”


 


 


“ฉันว่านะ ตอนนั้นน่ะ ไม่สมควรจะไปช่วยนังคนเนรคุณนั่นเลย!” Sherry คิดแล้วก็แค้นเสียจนมวนท้อง!


 


 


ละครชุดเรื่องแรกของตู๋กูซิงหลันคือเรื่องดาบประกาศิตเทพธิดาแมรี่ซู จอมมารหญิงที่ทั้งงดงามเย้ายวน โหดเ**้ยมและแข็งแกร่ง บทบาทที่โดดเด่นส่งให้นางดังเป็นพลุแตกอย่างรวดเร็ว


 


 


หลังจากนั้น บรรดายักษ์ใหญ่ในวงการต่างก็หมายตาเธอ คิดจะเซ็นสัญญากับเธอให้ได้


 


 


แต่ว่าวงการบันเทิงก็เป็นเช่นนี้เอง เดิมทีก็เป็นวงการที่มีเรื่องสกปรกปะปนอยู่แล้ว


 


 


เพียงแค่เขาพลั้งเผลอไปแว๊บเดียว ก็ถูกคนฉวยโอกาส พาตู๋กูซิงหลันไปกินข้าวในงานเลี้ยงส่วนตัว


 


 


ถึงจะบอกว่ากินข้าว แต่สำหรับคนบันเทิงแล้วมันก็คือการซื้อขายร่างกายแลกเปลี่ยนกัน….


 


 


คนบันเทิงขายเนื้อหนัง นายทุนก็จะให้โอกาสพวกเธอได้แสดง หรือว่ามีบทบาท หรือไม่ก็ได้โชว์ตัวอะไรขึ้นมา ขอแค่ให้ได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้ามวลชนได้เป็นที่ดึงดูดความสนใจก็พอ


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยถูกผู้จัดการของนางชักนำไปเป็นเพื่อนดื่มเพื่อนนอนของพวกนั้น….ตอนนั้นซ่งเจียงเสวี่ยพึ่งจะเริ่มมีชื่อเสียง ดูไปแล้วก็น่ารักไร้เดียงสา


 


 


ตอนที่เขาพาคนไปตามหาซิงหลัน ก็พบว่าทูนหัวของตนกำลังตะบันหน้าคนเหล่านั้นจนจมูกเขียวหน้าเบี้ยวกันไปทั้งแถบ


 


 


ทั้งยังบังเอิญยื่นมือไปช่วยเหลือซ่งเจียงเสวี่ย ‘ที่หลงผิด’เอาไว้ด้วย


 


 


ตอนนั้นตนเองก็เห็นว่าซ่งเจียงเสวี่ยหน้าตาใสซื่อไร้เดียงสา เป็นกำพร้าที่ไร้ทั้งบิดามารดา เติบโตจากสถานกำพร้ามาแต่เล็ก ไม่รู้จักโลกภายนอกจนน่าส่งสาร จึงดึงตัวนางมาจากผู้จัดการของนาง


 


 


ใครจะไปคิดว่า….นี่มันจะเป็นเรื่องชาวนากับงูเห่าแท้ๆเชียว


 


 


สาวน้อยคนนั้นดูๆแล้วเหมือนจะใสซื่อไร้เดียงสา แต่ที่จริงแล้วกลับร้ายลึก ตั้งแต่ตอนแรกที่ซิงหลันยังอยู่ ซ่งเจียงเสวี่ยก็แอบไปทำข้อตกลงลับๆที่ไม่อาจบอกใครได้กับพวกยักษ์ใหญ่ในวงการแล้ว….


 


 


ถึงแม้ว่าจะได้รับโอกาสมาไม่น้อย แต่ว่าเมื่อมีตู๋กูซิงหลันส่องสว่างเจิดจ้าอยู่ด้านหน้า ต่อให้นางมีดีโดดเด่นอย่างไรก็ยังต้องหมองไป


 


 


ดังนั้นจะดังก็ไม่ดังจะดับก็ไม่ดับ เป็นแค่นักแสดงแถวสามมาโดยตลอด


 


 


กระทั่งเมื่อตู๋กูซิงหลันหายตัวไป นางก็เริ่มสร้างบทบาทในฐานะ ‘เพื่อนสนิท’ ขึ้นมา สุดท้ายสร้างเรื่องที่ทั้งกำกับเองเล่นเองอย่างใหญ่โตว่าทะเลาะกับเขาที่เป็นผู้จัดการ


 


 


ทำเอาเขาโดนเผาจนเกรียมไปทั้งตัว


 


 


เฮ่อ หลังจากที่ซิงหลันหายตัวไปสองปี ในที่สุดนางก็ได้ครองบัลลังค์ราชินีสมใจแล้ว


 


 


หากนับเวลาดู ก็พึ่งจะเมื่อเดือนก่อนนี้เอง


 


 


มีแต่คนที่ได้รับรางวัลเฟิ่งหวงทองคำเท่านั้นถึงจะถือว่าได้เป็นราชินีจอเงิน


 


 


ดูสิ พึ่งจะได้รับรางวัลมายังไม่ทันจะร้อนมือ ทูนหัวก็กลับมาแล้ว


 


 


Sherry เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสองปีให้ตู๋กูซิงหลันฟังด้วยความขุ่นเคือง แต่กลับเห็นทูนหัวของตนเองมีสีหน้าสงบนิ่ง ราวกับว่าไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย


 


 


“เธอไม่โกรธเลยหรือ?” Sherry ไม่เข้าใจ


 


 


“ก็เค้าทำร้ายตัวเอง ฉันจะต้องไปโกรธอะไร?” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเบาๆ หากSherryไม่ได้เอ่ยขึ้นมา นางก็คงจะลืมคนๆนี้ไปแล้ว


 


 


วงการบันเทิงก็มีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่แล้ว คิดจะอยู่รอดได้โดยไม่แปดเปื้อนตะกอนแม้แต่น้อย ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย


 


 


โดยเฉพาะกับคนที่ไม่มีใครหนุนหลังมาก่อนอย่างซ่งเจียงเสวี่ย


 


 


ตู๋กูซิงหลันเป็นคนใจกว้าง ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่ซ่งเจียงเสวี่ยแอบทำเรื่องเล็กๆน้อยๆลับหลังตน นางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร


 


 


เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเก่งกาจขึ้นมา จนถึงขึ้นได้รับรางวัลเฟิ่งหวงทองคำกับเขาด้วย


 


 


“ทูนหัว นี่หล่อนเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดหรือยังไง!” Sherry หงุดหงิดจนท้องจะระเบิดแล้ว เมื่อเห็นคนของตนเอง ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย


 


 


ตู๋กูซิงหลันยื่นมือไปลูบศีรษะของเขา “แต่ว่ายัยนั่นกล้ารังแกเธอ ฉันก็จะเอาคืนให้เธอเอง”


 


 


นางย่นคิ้วหัวเราะเบาๆ แววตาของดวงตาดอกท้อคู่นั้นทอประกายร้ายกาจออกมา


 


 


Sherry ตะลึงไปเล็กน้อย รู้สึกว่านางมีบางอย่างแปลกไปกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย


 


 


คล้ายกับว่าอุปนิสัยเติบโตขึ้นแล้ว


 


 


ที่จริงเสินฟางยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้บอกตู๋กูซิงหลัน นั่นคือก่อนที่ซื่อมั่วจะไปเข้าณานที่ธารน้ำพุเหลืองได้ใช้ยันต์ครอบการจดจำกับนาง


 


 


ถึงแม้ว่าเยี่ยซิงหลันกับตู๋กูซิงหลันจะมีความคล้ายคลึงกันถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ว่าก็ยังมีบางส่วนที่ไม่เหมือนกัน


 


 


ตอนนี้นางกลับคืนมาพร้อมฐานะและร่างกายของตู๋กูซิงหลัน ย่อมต้องยังเป็นใบหน้าของตู๋กูซิงหลัน


 


 


แม้ว่าทั้งเยี่ยซิงหลันและตู๋กูซิงหลันต่างก็คือตัวนาง


 


 


ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในก้นทะเลลึก ขณะที่ซื่อมั่วตบไหล่นางก็ได้ผนึกยันต์ครอบการจดจำนี้ให้กับนางแล้ว


 


 


เมื่ออยู่ในโลกปัจจุบัน ไม่ว่าใครที่ได้พบเห็นนาง ต่างก็จะคิดว่าตู๋กูซิงหลันก็คือเยี่ยซิงหลัน


 


 


ใบหน้านี้พวกเขามองไม่เห็นความแตกต่างใดๆ


 


 


คนอย่างซื่อมั่ว…..ไม่ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ล้วนทำทุกอย่างเพื่อตู๋กูซิงหลันทั้งนั้น


 


 


แต่ว่ากลับไม่เคยเอ่ยปากบอกกับนาง


 


 


แม้แต่ Sherry ที่สนิทสนมใกล้ชิดกับเยี่ยซิงหลันจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆอยู่บ้าง แต่ก็ยังดูไม่ออก


 


 


ตู๋กูซิงหลันเห็นสายตาของเขา ก็เอ่ยว่า “พอดีเลยช่วงนี้ตึงมืออยู่บ้าง เธอช่วยดูหน่อยสิว่า มีอะไรที่น่าสนใจ….”


 


 


พูดแล้ว สายตาของนางก็มองไปยังฮ่องเต้ที่นั่งถือชามปากบิ่นอยู่ฝั่งตรงข้าม


 


 


หากจะฝากความหวังให้เขาไปเป็นขอทาน….เกรงว่าทั้งสองคนต้องอดตายแน่ๆ


 


 


หากตัวร้ายผู้นี้ออกไปจากสวนดอกกุหลาบ เกรงว่าอัตรารอดชีวิตในโลกที่เทคโนโลยีพัฒนาไปจนล้ำหน้าขนาดนี้คงจะเป็นศูนย์


 


 


ได้ฟังประโยคนี้ของนาง Sherry ก็อดจะตกใจไม่ได้ จนต้องมองตามสายตาของตู๋กูซิงหลันมายังจีเฉวียนด้วยคน


 


 


นี่หรือจะเป็นเพราะว่า พ่อทูนหัวคนนี้ไม่อาจเลี้ยงดูซิงหลันได้ จึงต้องบีบให้ซิงหลันปรากฏตัวอีกครั้ง?


 


 


หากว่าเขาจำได้ไม่ผิดละก็ แค่รายได้จากกการถ่ายละครเพียงเรื่องเดียวของทูนหัว …. ก็สามารถจะแลกทองมากองท่วมบ้านพักของนางแล้วไม่ใช่หรือ?


 


 


พอเห็นชามในมือของพ่อทูนหัวและป้าย Qr Code …..เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องถามออกไป


 


 


“ขอโทษนะพ่อทูนหัว นี่คุณกำลังเตรียมตัวจะไปทำอะไร?”


 


 


จีเฉวียน “ขอทาน เลี้ยงดูซิงซิง”


 


 


Sherry …..ม่ายยย


 


 


ที่แท้ทูนหัวของเขาไม่ได้แต่งกับยอดชายผู้ร่ำรวย…..แต่ว่าแต่งกับเด็กหน้าขาวที่ต้องเอามาเลี้ยงดูอุ้มชู!


 


 


ถุย! ไอ้เด็กหน้าขาวที่ดีแต่ขอข้าวกิน!


 


 


Sherry อดจะดูถูกเขาไม่ได้ ต่อให้หล่อเหลาแค่ไหนก็ยังรับไม่ได้!


 


 


เขาได้แต่ขมวดหัวคิ้ว หันไปเอ่ยกับตู๋กูซิงหลันว่า “พอดีเลยละครใหม่ที่กำลังจะออกตอนนี้ ขาดตัวประกอบชายคนหนึ่ง…..หากว่าพ่อหน้าขาว….อะแฮ่ม พ่อทูนหัวไม่รังเกียจละก็ มาลองเล่นดูก็ได้เอาๆไหม? ยังไงก็ยังได้เงินมากกว่าไปเป็นขอทานเยอะเลย!”


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “ฉันบอกให้เธอหางานให้ฉันทำ”


 


 


“ได้เงินเยอะหรือ? สามารถซื้อเนื้อมาเลี้ยงซิงซิงได้มากแค่ไหน ซื้อเสื้อผ้าได้กี่ชิ้น?” ไหนจะรู้ว่าฮ่องเต้กลับทรงไต่ถามอย่างจริงจัง “ซิงซิงชอบกินเนื้อ เสื้อผ้าก็มีน้อยจนเกินไป เราจะต้องหาเงินให้มากๆ”


 


 


ถึงพระองค์จะฟังคำบางคำไม่เข้าพระทัย อย่างเช่นตัวประกอบชายอะไรนั่น แต่ก็รู้ว่า นั่นสามารถหาเงินได้


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…..”


 


 


Sherry “พ่อหน้าขาว…. พ่อทูนหัวช่างรักใคร่ทนุถนอมลูกพี่หลันของพวกเราจริงๆ”


 


 


“วางใจเถอะ วางใจได้เลย พอให้ลูกพี่หลันมีกินมีใช้ไปเดือนหนึ่งอย่างแน่นอน”


 


 


ฮ่องเต้ทรงลูบชามปากปิ่นในพระหัตถ์ ตรัสอย่างรวบรัดชัดเจนว่า “ตกลง เรารับงานนี้แล้ว”

 

 

 


ตอนที่ 475 เราเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำพู...

 

Sherry เห็นเขารับปากอย่างรวดเร็ว แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา


 


 


เขากำลังจะพูดออกไป ก็เห็นตู๋กูซิงหลันตบลงมาบนบ่าของเขา “อย่าได้สนใจเขา ฉันกำลังพูดเรื่องสำคัญกับเธออยู่นะ”


 


 


ตอนนี้นางเงินขาดมือ ต้องหางานแสดงสักงาน จะได้พอมีเงินใช้ผ่านพ้นไปได้


 


 


ที่จริงแล้วหากว่ารับงาน ‘ปราบผีกำจัดปีศาจ’ ด้วยอีกทาง เม็ดเงินก็จะยิ่งมาก เพียงแต่ว่าตอนนี้นางยังไม่คิดจะทำ


 


 


อยากจะเก็บแรงเอาไว้ไปตามหาท่านอาจารย์ที่ธารน้ำพุเหลืองมากกว่า


 


 


หากว่าให้ฮ่องเต้สุนัขไปถ่ายละคร เกรงว่านางคงต้องกินยาบำรุงหัวใจตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง


 


 


เขายังไม่เข้าใจโลกใบนี้แม้แต่น้อย ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะก่อเรื่องใดขึ้นมาได้บ้าง


 


 


Sherry เห็นท่าทางของนาง ก็ต้องปวดใจ สมบัติพัสถานตั้งมากมายของทูนหัวคงจะถูกพ่อหน้าขาวคนนี้ผลาญจนหมดสิ้นไปแล้ว?


 


 


คนที่เป็นดั่งเทพธิดาเช่นนาง สมควรจะได้รับการทะนุถนอมเอาไว้ในฝ่ามือ ไอ้หน้าขาวที่สมควรตาย!


 


 


Sherry ได้แต่แอบด่าจีเฉวียนอยู่ในใจ


 


 


ต่อหน้ายังคงส่งยิ้มหวานให้กับตู๋กูซิงหลันต่อไป “ทูนหัวน้อย ช่วงนี้ละครในบริษัทยังไม่ได้เจาะจงใครไว้เลย”


 


 


พูดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นลำบากใจขึ้นมา


 


 


“ตอนนี้บทที่มีอยู่มีแต่นางร้าย….”


 


 


ด้วยศักดิ์ศรีของทูนหัว ให้นางมาเล่นบทรองที่เป็นนางร้ายถือว่าเป็นการดูถูกนางเกินไปแล้ว?


 


 


“นางร้าย?” ตู๋กูซิงหลันคลายหัวคิ้ว หัวเราะได้ในทันที “นางร้ายก็ดีสิ บทไม่เยอะ เงินเยอะ ได้อยู่ๆ”


 


 


ตอนนี้สมบัติทั้งบ้านที่นางมีก็เหลือเพียงเท่านี้แล้ว….ยังจะไปเลือกมากอะไรอีก


 


 


วงการบันเทิงเก่าไปใหม่มารวดเร็วจะตายไป นางหายตัวไปตั้งสองปี หากเป็นคนอื่นก็ต้องถือว่าหมดยุคสิ้นความนิยมไปแล้ว


 


 


Sherry คิดไม่ถึงว่านางจะรับปากอย่างง่ายดายขนาดนี้


 


 


สีหน้าของเขายังคงไม่น่าดู


 


 


“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือ” นางเอ่ยถาม


 


 


“นางเอกของเรื่องนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ….. ก็คือซ่งเจียงเสวี่ย” Sherry กล่าวอย่างอึกๆอักๆ “เธอไปเล่นประกบนาง…..นี่ไม่เท่ากับว่าถูกดูถูกหรอกหรือ?”


 


 


“ฉันนึกว่าจะเป็นเรื่องอะไรเสียอีก ไม่เป็นไร Okเลย”


 


 


ตู๋กูซิงหลันสีหน้าไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น


 


 


“นางร้ายในเรื่องนี้ยังร้ายมากนะ…. ใครเล่นมีหวังต้องเสียแฟนคลับ ดังนั้นจึงไม่มีนักแสดงหญิงคนไหนกล้ารับงานนี้” Sherry กล่าวอย่างอึกๆอักๆต่อไป “เธอแน่ใจนะว่าจะรับ?”


 


 


“รับแน่นอน” ตู๋กูซิงหลันมองดูฮ่องเต้สุนัขที่ยังคงนั่งซื่อบื้อต่อไป คิดหรือว่านางจะไปยอมให้เขาไปเป็นนักแสดงเพื่อเลี้ยงดูนางจริงๆ?


 


 


จีเฉวียนยังคงถือชามปากบิ่นเอาไว้ในมือ พลางคิดไปว่า ก่อนหน้านี้สมควรจะพกพาสมบัติล้ำค่าติดตัวเอาไว้ให้มากหน่อย หากเอาไปขายในโรงรับจำนำ อย่างน้อยจะได้พอมีเงินมาใช้สอยบ้าง


 


 


……………………


 


 


วันรุ่งขึ้นตู๋กูซิงหลันก็ได้รับบทละครที่ Sherry ส่งมาให้


 


 


เป็นบทละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายแฟนตาซีเรื่อง《สนมคลั่งกลับชาติมาเกิด》ซึ่งเป็นนิยายสุดฮิตในขณะนี้


 


 


นางเอกได้กลับมาเกิดใหม่เปลี่ยนจากคนพิการเป็นผู้มีพรสวรรค์ สตรีอัปลักษณ์กลายเป็นยอดโฉมสคราญ


 


 


ตลอดเรื่องต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่โหดเ**้ยม สู้รบตบตีจนได้ครอบครองความยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จทั้งความรักและชีวิตการงาน


 


 


นางร้ายเป็นพี่สาวแท้ๆของนางเอก เป็นบุปผาพิษดอกหนึ่ง ที่มีพรสวรรค์สูงส่งตั้งแต่ยามเด็ก ภายนอกดูอบอุ่นอ่อนโยน แต่แท้ที่จริงแล้วกลับร้ายลึก ไม่เพียงแต่แย่งชิงคู่หมั้นของนางเอก ทั้งยังทำตัวเป็นอริกับนางเอกอยู่ตลอดเวลา จนต้องมีจุดจบที่ดับอนาถ


 


 


ชาติก่อนนางก็เป็นคนที่ทำร้ายนางเอกจนต้องตาย


 


 


ดังนั้นเมื่อนางเอกได้กลับชาติมาเกิดใหม่ จึงตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องแก้แค้นนางร้ายอย่างสาสม ทำให้นางอยู่มิสู้ตาย


 


 


ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูบทละครรอบหนึ่ง ว่ากันตามจริงแล้ว….ก็ไม่เห็นว่าบทละครเรื่องนี้มันจะน่าสนอกสนใจที่ตรงไหน


 


 


ที่ซ่งเจียงเสวี่ยสนใจบทละครเรื่องนี้ เพราะอยากจะได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับนางเองในเรื่องหรือยังไง?


 


 


……………………………….


 


 


วันที่สาม ตู๋กูซิงหลันได้รับโทรศัพท์จาก Sherry ว่า ทางบริษัทต้องการให้นางไปออดิชั่น


 


 


Sherry โกรธมาก


 


 


ให้ทูนหัวต้องมารับบทนางร้ายก็นับว่าเสียศักดิ์ศรีมากแล้ว ตอนนี้ยังจะให้นางไปทดสอบบทอีกหรอ?


 


 


นี่เป็นเพราะพวกที่อยู่เบื้องหลังจงใจร่วมมือกับซ่งเจียงเสวี่ย หรือคิดจะทำอะไร?


 


 


ตู๋กูซิงหลันเห็นแล้วก็ไม่ว่าอะไรสักคำ ขับรถเณอรี่QQของนางออกไปในทันที


 


 


พอรถไปถึงหน้าประตูใหญ่ ก็เห็นฮ่องเต้ทรงประทับอยู่บนรถเข็น วิ่งตะลุยดุ่ยๆมาที่หลังรถ


 


 


กำพระหัตถ์ต่อยใส่ท้ายรถ


 


 


“เปรี้ยง!”


 


 


ได้ยินเสียงดังสนั่น ท้ายรถยุบลงไปทั้งแถบ จนรถแทบจะพลิกกลับหงายท้อง


 


 


ตู๋กูซิงหลันหัวกระแทกเข้ากับเพดานรถอย่างไม่ทันได้ป้องกันตัว จนหัวโนขึ้นมาเล็กน้อย


 


 


นางรีบถอดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูรถ เกลือกกลิ้งลงมา แทบจะตะโกนด่าพ่อใส่คนที่ลงมือ


 


 


แต่กลับเห็นจีเฉวียนผลักรถเข็นพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ยื่นพระหัตถ์มาโอบเอวนางเอาไว้ “ซิงซิง เรานึกว่าเจ้าถูกกล่องเหล็กประหลาดนี่กินเข้าไปแล้วเสียอีก!”


 


 


ท่าทางที่เหมือนสูญเสียของสำคัญแต่พลันได้กลับคืนมาของพระองค์ ทำเอาตู๋กูซิงหลันถึงกับมึนงงไปแล้ว


 


 


กล่องเหล็กประหลาด?


 


 


นางหันกลับไปมองดูรถเณอรี่QQ ที่ท้ายพังยับไปแล้วแวบหนึ่ง


 


 


ฮ่องเต้สุนัขนึกว่านางถูกรถกินลงไป?


 


 


นางนวดศีรษะที่ปูดบวมเล็กน้อยของตนเอง รู้สึกร้องไห้ไม่ออก


 


 


นับตั้งแต่ที่จีเฉวียนมาถึงที่นี่…….ก็ยังไม่เคยเห็นรถยนตร์มาก่อน…..ย่อมต้องไม่เข้าใจว่านี่คืออะไร


 


 


ก็ก่อนนี้ทั้งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาเอาแต่เหม่อมองฟ้า หากว่าเมื่อไหร่ที่ไม่ได้เห็นนางอยู่ในระยะสายตาก็เป็นต้องกระสับกระส่ายร้อนใจ พอหันมาเห็นว่านางถูกกล่องเหล็กประหลาดนี้กลืนลงไป เขาย่อมต้องตกใจเป็นบ้าเป็นหลัง


 


 


เดิมทีโลกของนางก็ไม่ถือว่าสงบสุขเท่าไหร่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหนเมื่อไหร่ล้วนมีอันตราย


 


 


ตู๋กูซิงหลันเห็นสีพระพักตร์ที่จริงจังของเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้


 


 


นางต้องเปลืองน้ำลายไปมากมายถึงได้สามารถอธิบายให้เขาฟังจนเข้าใจได้ว่ารถยนตร์คืออะไร


 


 


อืม…..พาหนะแทนสัตว์อสูรสำหรับใช้เดินทางที่เคลื่อนที่ด้วยน้ำมัน


 


 


พอบอกแบบนี้ฮ่องเต้สุนัขก็เข้าใจได้ในทันที


 


 


ตู๋กูซิงหลันตบหลังรถเบาๆ ดันท้ายรถให้ปูดออกมา เคาะอีกสองทีก็พอจะใช้ได้อยู่


 


 


ตอนนี้นางมีรถยนต์คันนี้เพียงคันเดียวเท่านั้น….คงต้องทนใช้ไปก่อน


 


 


“ซิงซิง เจ้าจะไปที่ไหน?” จีเฉวียนดึงชายกระโปรงของนางเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองดูนาง ราวกับลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังจะถูกทอดทิ้ง


 


 


วันนี้ตู๋กูซิงหลันสวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงเพลิงทั้งตัว และรองเท้าไม่มีส้น แถมยังมีหมวกกันแดดใบใหญ่ และแว่นกันแดดที่แทบจะบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง


 


 


จีเฉวียนมองดูการแต่งกายของนาง ก็รู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังจะไปทำเรื่องอะไรที่ไม่อาจบอกผู้คน


 


 


“ไม่ว่าจะไปที่ใด พาเราไปด้วยได้หรือไม่?” ไม่รอให้ตู๋กูซิงหลันตอบรับ จีเฉวียนก็ตรัสต่อไปอย่างน่าสงสาร


 


 


ตั้งแต่ที่เขามาถึงโลกใบนี้ ก็รู้จักแต่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น


 


 


ตู๋กูซิงหลันมองดูท่าทางที่ทั้งซื่อทั้งน่าสงสารของเขา ก็รู้สึกว่ายากจะเชื่อมโยงเขากับฮ่องเต้สุนัขที่ทั้งสูงส่งและหยิ่งทนงเข้าด้วยกัน


 


 


ทำเอานางรู้สึกว่าต้องใจอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้


 


 


“ไปด้วยกันก็ได้ แต่ว่าท่านต้องอยู่ในรถตลอดเวลา ห้ามออกไปไหนทั้งนั้นรู้ไหม?”


 


 


“เราว่าง่ายอยู่แล้ว เชื่อฟังเจ้าที่สุด” จีเฉวียนนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเรียบร้อย


 


 


ที่จริงตอนนี้พระองค์สามารถลุกขึ้นยืนได้บ้างแล้ว แต่ว่าไม่อาจยืนนานเกินไป ไม่เช่นนั้นเป็นต้องเจ็บปวดกระดูกทั่วทั้งร่าง


 


 


พอพระองค์กำลังจะลุกขึ้นประทับยืน ฝ่ามือที่เรียวยาวและละเอียดอ่อนของตู๋กูซิงหลันก็ยื่นเข้ามาโอบเอวพระองค์เอาไว้


 


 


ขยับเพียงวูบเดียวก็ยกพระองค์ขึ้นมาอุ้มเอาไว้ จากนั้นก็จับใส่เข้าไปในรถอย่างเรียบร้อยโดยไม่มีเสียงหอบหายใจเสียด้วยซ้ำ!


 


 


ก็ขนาดดาบยักษ์ของพี่ใหญ่นางก็ยังแบกไปแบกมาได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วจีเฉวียนที่หนักไม่ถึงร้อยโล….นางย่อมสามารถอุ้มท่าเจ้าหญิงได้อย่างไม่มีเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย

 

 

 


ตอนที่ 476 เอาเรื่องชั่วร้ายของเรา แพ...

 

ครั้งก่อนที่ถูกนางแบกเอาไว้ …..คือตอนที่อยู่ในสุสานของเย่วฮูหยิน


 


 


จีเฉวียนทรงอิจฉามาโดยตลอด….อิจฉาที่ตอนนั้นนางแบกพระองค์บนหลัง แต่ว่าอุ้มจีเย่วเอาไว้


 


 


ในที่สุดวันนี้พระองค์ก็พอพระทัยแล้ว


 


 


ดูสิ ซิงซิงก็อุ้มพระองค์เหมือนกัน


 


 


ขอให้สายตาของหมู่แมลงทั้งหลายในสวนกุหลาบแห่งนี้จงเป็นพยาน


 


 


รถของตู๋กูซิงหลันพึ่งจะบึ่งออกไป สองขาของไก่ตัวหนึ่งก็ตะกุยออกมาและรีบไล่ตามไปในทันที


 


 


…………………


 


 


นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้ทรงได้ออกไปข้างนอก ครั้งแรกที่จะได้เห็นโลกของซิงหลัน


 


 


บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า ถนนทั้งกว้างทั้งเรียบ ไม่เพียงเท่านั้น แต่ละเส้นยังมีถนนตัดกันวุ่นวาย ทั้งยังมีอุโมงค์ลอดผ่านไป


 


 


บนถนนมีกล่องเหล็กประหลาดจำนวนมาก…..


 


 


กล่องเหล็กประหลาดเหล่านั้นล้วนกินมนุษย์เข้าไป


 


 


ผู้คนบนโลกใบนี้ล้วนมั่งมีเงินทอง …..แต่ละคนต่างก็มีตัวประหลาดไว้ในครอบครอง!


 


 


ในอากาศมีกลิ่นหืนที่น่าอึดอัด ท้องที่ถูกเขย่าอยู่ในกล่องเหล็กของฮ่องเต้ต้องรู้สึกอึดอัดไม่สบายขึ้นมาทันที


 


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบนถนนพลุกพล่านไปด้วยกล่องเหล็กมากกว่าเดิม ทั้งยังมีโคมไฟมากมายบนถนนที่สว่างไสวพร้อมจะส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา


 


 


พวกกล่องเหล็กจึงติดกันยาวเหยียด…..


 


 


จนกลายเป็นขยับก้าวหนึ่งก็หยุดก้าวหนึ่ง ขยับอีกก้าวก็หยุดอีก ฮ่องเต้ทรงรู้สึกว่าในพระกรรณมีแต่เสียงอื้อไปหมด อาหารที่อยู่ในกระเพาะก็ทำท่าจะตีกลับขึ้นมา


 


 


 ตอนนี้พอดีเป็นช่วงเที่ยง กลางฤดูร้อน พระอาทิตย์ที่ด้านนอกส่องแสงสว่างจ้าลงมา รถเณอรี่QQที่เป็นแบบธรรมดาที่สุดคันนี้ ไม่มีแม้แต่เครื่องปรับอากาศเสียด้วยซ้ำ


 


 


จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูฉลองพระองค์ยามนอนสีดำตัวหนา แต่ไหนแต่ไรพระองค์ทรงกลัวอากาศเย็นมาโดยตลอด แต่เมื่อต้องสวมชุดนอนตัวหนาอบอยู่ในรถ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อซึมออกมาจากพระเศียรมากมาย


 


 


ร้อนมาก


 


 


ทั้งยังอึดอัดไม่สบาย


 


 


พระนาสิกของพระองค์ไวต่อกลิ่นต่างๆ ดังนั้นกลิ่นน้ำมันรถทั้งหลายจึงอบอวลอยู่ในพระนาสิก จนพระองค์อยากอาเจียน


 


 


ในเมืองมีต้นไม้น้อยมาก แวดล้อมไปด้วยตึกสูง ทั้งยังมีกล่องเหล็กประหลาดที่รูปร่างทั้งใหญ่และยาวเป็นพิเศษ ซิงซิงบอกว่า นั่นเป็นรถไฟกล่องเหล็กด่วนพิเศษ เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สามารถเดินทางได้นับพันลี้


 


 


ซิงซิงเติบโตอยู่ในโลกที่แสนจะสะดวกสบาย


 


 


แต่ว่าก็เป็นโลกที่ไม่ค่อยจะน่าอยู่สักเท่าไหร่


 


 


“ซิงซิง เจ้าเติบโตอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ช่างน่าสงสารจริงๆ” ฮ่องเต้ที่ทรงย่นพระนาสิก ในพระทัยมีแต่ความห่วงใยนาง


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “หือ?”


 


 


 เห็นดวงหน้าของเขาซีดขาวราวกระดาษ นางก็กล่าวอย่างหยอกล้อในทันทีว่า “ฮ่องเต้สุ….เสี่ยวเฉวียนเฉวียน ไม่เอาน่า นี่ท่านเมารถหรือ?”


 


 


ระหว่างทางที่ลงมาจากภูเขาปีศาจ บนถนนแทบจะไม่มีรถ ดังนั้นถึงแม้ว่านางจะขับรถเชอรี่QQ ที่ใกล้จะเป็นเศษเหล็กอยู่ร่อมร่อ แต่ว่าก็แล่นชิวมาตลอดทาง พอมาถึงในเมืองรถรามากมาย จึงต้องขับๆหยุดๆทำให้น่ามึนหัวที่สุด


 


 


จีเฉวียน “เราไม่เป็นไร”


 


 


คนบางคนเห็นท่าทางสงบนิ่ง แต่ว่าที่จริงแล้วในใจวูบโหวงไปหมดแล้ว


 


 


พระองค์ต่อยเจ้ากล่องเหล็กของซิงซิงใบนี้จนมันเกือบจะพังเละเทะ ในพระทัยก็สำนึกผิดอยู่แล้ว หากว่ายังอาเจียนออกมาใส่ท้องของมันอีกละก็ เกรงว่าเจ้ากล่องประหลาดใบนี้จะต้องเกลียดชังพระองค์ไปชั่วชีวิตเป็นแน่


 


 


ในเมื่อมันเป็นสัตว์อสูรแสนรักของซิงซิง เช่นนั้นพระองค์ก็ต้องพยายามทำให้มันเกิดความรู้สึกที่ดีกับพระองค์เอาไว้บ้าง ทุกสิ่งที่อยู่รอบกายซิงซิง ….พระองค์ล้วนถือว่ารักบ้านเผื่อแผ่นกกา


 


 


ขณะที่พระองค์คิดมาจนถึงตรงนี้ ก็ได้ยินเสียงตู๋กูซิงหลันบีบแตรสองครั้ง


 


 


เชอรี่QQ “ปี๊บ ปี๊บ…..”


 


 


จีเฉวียนทรงคิดไปในพระทัยว่า “เราเข้าใจดี จะไม่ทำร้ายเจ้าแม้แต่น้อย เพราะเจ้าคือสัตว์เลี้ยงของซิงซิง”


 


 


รถที่อยู่ข้างหน้าตู๋กูซิงหลัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบสองที่นั่ง กลางวันแสกๆกลับขับอย่างฉวัดเฉวียน


 


 


ผู้หญิงที่อยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า “ที่รักคะคุณดูสิ รถเชอรี่QQเก่าๆกันนั้นกล้าขับจี้ตามพวกเรามาด้วย”


 


 


ผู้ชายที่อยู่ในรถยนตร์ไฟฟ้า “ที่รักไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ ก็แค่QQ คันหนึ่ง ยังกล้ามาอวดเบ่งอะไรอีก…… เงินเก็บของพวกเราก็ซื้อQQ รุ่นใหม่ได้คันหนึ่งสบายๆ คิดว่าพวกเราไม่มีเงินซื้อหรือไง? พวกเราก็แค่ไม่สนใจ!”


 


 


ผู้หญิงในรถยนต์ไฟฟ้า “โอ้ใช่คะที่รัก เรามีเงินเยอะจะตายไป”


 


 


ตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียนต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูง ย่อมสามารถได้ยินทุกคำพูดของสามีภรรยาคู่นี้โดยไม่มีอะไรตกหล่น


 


 


จีเฉวียน “ซิงซิง ในโลกของพวกเจ้า สัตว์อสูรกล่องเหล็กที่แพงที่สุดมีราคาสักเท่าไร?”


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “ไม่มีแพงที่สุด มีแต่แพงขึ้นไปกว่านั้นอีก”


 


 


จีเฉวียน “?”


 


 


ว่าแล้ว สายพระเนตรของฮ่องเต้ก็จับจ้องอยู่บนกล่องเหล็กที่วิ่งผ่านไปผ่านมา


 


 


มองไปมองมา สุดท้ายสายพระเนตรของฝ่าบาทก็ไปหยุดอยู่ที่บนร่างของกล่องเหล็กใบยักษ์ที่เรียกว่า รถไฟฟ้า​แบบด่วนพิเศษ


 


 


มีแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะดูยิ่งใหญ่เหมาะสมกับซิงซิง


 


 


ฮ่องเต้ทรงคิดเช่นนี้อยู่ในพระทัย จะต้องจับมันมาเป็นพาหนะให้กับซิงซิงให้จงได้ นางจะได้ดีใจ


 


 


หากตู๋กูซิงหลันรู้ว่าเขามีความคิดเช่นนี้อยู่ในใจละก็ ต่อให้ตีนางจนตาย นางก็คงจะไม่ยอมพาเขาออกไปข้างนอกด้วยแน่นอน!


 


 


หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมง เจ้าQQ ที่ใกล้เป็นเศษเหล็กคันนี้ก็มาจอดที่ใต้ตึกบริษัทภาพยนตร์เทียนหยิ่งได้ในที่สุด


 


 


ช่วงบ่ายสอง อากาศร้อนแทบระเบิด


 


 


ตอนที่ตู๋กูซิงหลันขับเจ้าQQคันนี้เข้าไปยังที่จอดรถ ก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยเรียกไว้ในทันที


 


 


ไม่ใช่ว่าพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่มีตาดู แต่ว่าคนที่มาที่บริษัทเทียนหยิ่ง ต่อให้เป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆก็ยังมีรายได้ปีละระดับสิบล้าน …ใครเค้าจะขับQQผุๆผังๆมากัน?


 


 


ดูเอาเถอะ….กันชนท้ายรถก็ย้อยลงมาหมดแล้ว เกรงว่าออกถนนไปไม่ทันเท่าไหร่ก็คงจะร่วงลงมาแล้ว


 


 


นี่ถ้าล้อหล่นออกมา…..คงจะตลกน่าดู


 


 


กระทั่งเมื่อได้เห็นใบหน้าของตู๋กูซิงหลันเข้า…..พนักงานรักษาความปลอดภัยถึงได้ใบ้กินขึ้นมา


 


 


หลายปีก่อน แค่เวลาที่เธอออกไปไหนมาไหนตามปกติ มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ได้ขับรถหรูออกมา? มีครั้งหนึ่งสื่อมวลชนเคยทำข่าวเรื่องโรงเก็บรถของเธอ……เฉพาะแค่โรงเก็บรถก็มีขนาดถึงหนึ่งในสี่ของสนามฟุตบอลแล้ว! รถหรูๆมีมากมายจนนับไม่ถ้วย


 


 


รถQQที่ผุผังคันนี้….ช่างเตะตาจริงๆ


 


 


แต่ว่าพอคิดดูอีกที ตอนนี้บนอินเตอรร์มีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่า เธอถูกบ้านสามีไฮโซไล่ออกมา จึงต้องจำใจกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง……


 


 


ก่อนหน้านี้พนักงานรักษาความปลอดภันย่อมไม่เชื่อ แต่ว่าตอนนี้พอได้เห็นเธอขับรถQQมาที่บริษัท ก็ชักจะเชื่อข่าวลือเหล่านั้นขึ้นมาในทันที


 


 


เขาถึงว่า……ข่าวลือมิใช่ว่าลมพัดที่ไม่มีความจริง จะอย่างไรก็พอจะเชื่อถือได้อยู่บ้าง


 


 


รอจนตู๋กูซิงหลันเดินจากไปแล้ว เขาก็แอบไปถ่ายรูปรถของเธอเอาไว้ในทันที พอคิดจะส่งไปให้พวกกระจอกข่าวเพื่อหาเงินสักเล็กน้อย ก็เห็นกระจกข้างคนขับเลื่อนลงมาอย่างช้าๆ เผยดวงหน้าที่งดงามที่สุดแต่ก็เย็นชาอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน


 


 


ฮ่องเต้ทรงกวาดพระเนตรไปหยุดอยู่ที่เขาแวบหนึ่ง พอเห็นโทรศัพท์มือถือในมือของเขาก็ทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป


 


 


 ตอนแรกพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ตื่นตัวขึ้นมา คิดจะคว้าเครื่องช๊อตไฟฟ้าตรงเอวขึ้นมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นจีเฉวียนทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา เขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกสาป เดินตรงเข้าไปที่เบื้องพระพักตร์อย่างเหม่อลอย


 


 


หลังจากนั้นก็ส่งมอบมือถือให้ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม


 


 


จีเฉวียนทรงรับโทรศัพท์มือถือมา เห็นบนหน้าจอเป็นรูปท้ายรถQQที่บี้แบน


 


 


พระองค์ก็ต้องทรงขมวดพระขนง “ตัวเลวร้ายอย่างเจ้า คิดจะเอาความผิดที่เราทำไปป่าวร้องให้ทั่วแผ่นดินหรือไง?”


 


 


พระองค์ก็แค่ต่อยเจ้าQQไปหมัดเดียว จะต้องเอาไปประกาศให้ใต้หล้ารับรู้กันจนทั่วหน้าเลยหรือ?


 


 


ดูสิ นี่ถึงขนาดวาดรูปที่บาดเจ็บของเจ้าQQออกมา ราวกลับกลัวคนใต้หล้าจะไม่รู้ว่า ผู้ที่เป็นถึงฮ่องเต้ของต้าโจวอย่างพระองค์ รังแกสัตว์พาหนะตัวหนึ่ง?


 


 


พนักงานรักษาความปลอดภัยถูกคำพูดของพระองค์ทำเอาตกใจ


 


 


ผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างเวอร์วังคนนี้….เขามากับราชินีจอเงินคนก่อน…..


 


 


เขา เขา เขา บอกว่าเขาทำเรื่องเลวร้ายอะไร? ทำไมถึงได้กลัวคนอื่นรู้กันนะ?

 

 

 


ตอนที่ 477 “บุกเดี่ยวมาเพียงลำพัง”

 

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยของบริษัทเทียนหยิ่งมานานหลายปี มีคนเด่นคนดังแบบไหนที่ไม่เคยพบเห็นบ้างเล่า 


 


 


คนผู้นี้…..หน้าตาดีมาก แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่พวกที่จะควรไปหาเรื่องด้วย 


 


 


กลางหน้าร้อน กลับกล้าสวมชุดนอนสีดำทั้งตัวออกมาข้างนอก 


 


 


ดูอย่างไรก็เหมือนพวกมาเฟียลับๆที่ไม่ควรจะไปผิดใจด้วยเลย 


 


 


ตอนนี้อยู่ๆเขาก็เอ่ยถึงเรื่องเลวร้ายขึ้นมา พนักงานรักษาความปลอดภัยก็พาลนึกไปถึงเรื่องฆ่าคนปิดปากขึ้นมาในทันที อยู่เขาก็รู้สึกมวนท้องขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าไปหาเรื่องอะไรกับจีเฉวียน 


 


 


จีเฉวียนยึดมือถือของเขาเอาไว้  


 


 


พอดวงเนตรหงส์มองไป พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นก็ขาสั่นขึ้นมา ในชั่วขณะนั้นเขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกภูเขาลูกหนึ่งทับเอาไว้ จนในอกมีแต่ความอึดอัดไปหมดแทบจะกระอักเลือดออกมา 


 


 


เขากดหน้าอกเอาไว้ เกือบจะเข้าใจไปว่าตนเองเป็นโรคหัวใจเสียแล้ว 


 


 


จีเฉวียนเพียงเหลือบพระเนตรมองดูเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยพระโอษฐ์ตรัสว่า “รถไฟกล่องเหล็กด่วนพิเศษแบบใดที่แพงที่สุด?” 


 


 


พนักงานรักษาความปลอดภัย “?” 


 


 


 ฮ่องเต้ทรงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตรัสว่า “รถไฟฟ้าด่วนพิเศษ” 


 


 


อืม ซิงซิงคล้ายจะเรียกมันแบบนี้ 


 


 


สมองของพนักงานรักษาความปลอดภัยแทบจะกลายเป็นน้ำเปล่าหมดแล้ว เขาไม่เข้าใจที่พระองค์ตรัสแม้แต่น้อย 


 


 


แต่เมื่อต้องเผชิญกับบุคคลยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะเงียบเฉย ได้แต่เอ่ยว่า “ในเมืองหลวงพึ่งจะเปิดสายสามสิบแปด ใช้รถแบบใหม่ทั้งหมด สายนี้น่าจะแพงที่สุดแล้วละมั้ง?” 


 


 


“อืม เรียกว่า สามสิบแปดรึ?” (38=ซานสือปา) 


 


 


ฮ่องเต้ทรงเห็นว่าชื่อนี้จำง่ายดี สมควรจับมาเป็นสัตว์พาหนะให้กับตู๋กูซิงหลันที่สุดแล้ว  


 


 


พนักงานรักษาความปลอดภัยผงกศีรษะราวโขลกกระเทียม “หรือจะเรียกว่าสามแปดก็ได้” (38=ซานปา=คำด่าว่า นังตอแหล) 


 


 


“ลูกพี่ ออกประตูไปแล้วก็เลี้ยวขวา เดินผ่านไปสองไฟแดง ก็จะเจอประตูทางเข้าของสายสามแปดแล้ว เมื่อวันก่อนพึ่งจะเปิดใช้บริการเอง ของใหม่ใสแจ๋วเลย” 


 


 


“ดี เราเข้าใจแล้ว เจ้าไสหัวไปได้” ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีพระพักตร์เป็นน้ำแข็ง 


 


 


พนักงานรักษาความปลอดภัยได้แต่เหลือบมองโทรศัพท์มือถือแวบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าขอคืนมา 


 


 


พอฮ่องเต้ปรายพระเนตรมาอีกครั้ง เขาก็แทบจะโกยสี่ขาวิ่งออกไปจากที่จอดรถใต้ดิน 


 


 


…………………………. 


 


 


บนชั้นห้าของตึกเทียนหยิ่ง 


 


 


พอตู๋กูซิงหลันเข้ามาถึง ก็รู้สึกถึงไอเย็นแปลกๆวูบวาบที่ซอกคอ 


 


 


บริษัทเทียบหยิ่งคือบริษัทสร้างละครฟอร์มยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก่อตั้งมานานถึงสามสิบปีแล้ว ปั้นดาราจนกลายเป็นสี่ราชาและห้าราชินีจอเงิน   จนถึงบัดนี้ไม่มีบริษัทใดจะยิ่งใหญ่เกินหน้าได้เลย 


 


 


ในวงการบันเทิง บริษัทเทียนหยิ่งนั้นเปรียบดังผืนฟ้าอันยิ่งใหญ่ 


 


 


ยามปกติในบริษัทมีดารานักแสดงเข้าออกไม่น้อย ตอนแรกที่ทุกคนได้เห็นตู๋กูซิงหลันก็ยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆออกไป 


 


 


เพียงแต่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอปรากฏตัว สายตาของทุกคนต่างก็พากันจับจ้องมาที่ร่างของเธอ 


 


 


เยี่ยซิงหลันหรือ? หลังจากหายตัวไปสองปี….ก็บุกเดี่ยวมาที่เทียนหยิ่งตามลำพัง? 


 


 


 ดูชุดกระโปรง หมวกและแว่นตาราคาถูกๆนั่นสิ…. 


 


 


ทุกคนยิ่งมาต่างก็ยิ่งรู้สึกว่า…..เรื่องที่แพร่สะพัดในอินเตอร์เน็ตนั้นคงจะไม่ใช่เรื่องโกหก เธอคงจะถูกคนตระกูลใหญ่บ้านไฮโซถีบหัวส่งออกมาจริงๆ ถึงได้จำใจต้องปรากฏตัวเช่นนี้ 


 


 


ได้ยินว่าคนที่เธอแต่งงานด้วย ก็คือคุณชายน้อยZของตระกูลที่ลึกลับที่สุดในเมืองหลวง 


 


 


เมื่อหลายวันก่อน มีข่าวในวงมืดว่า เธอไปพัวพันกับคุณชายน้อยZ 


 


 


เธอหายตัวไปนานถึงสองปี คุณชายZคนนั้นก็ไม่มีความเคลื่นไหวใดๆเช่นกัน ดูท่าทั้งสองคนคงจะแอบไปปลีกวิเวกจริงๆ 


 


 


จากรูปที่เด็กส่งของถ่ายออกมา เค้าโครงของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังตู๋กูซิงหลัน ก็ดูคล้ายคลึงกับคุณชายน้อยZอยู่หลายส่วน 


 


 


คนอย่างเยี่ยซิงหลันเย่อหยิ่งออกจะตายไป แล้วมีหรือจะไปปอกแอปเปิ้ลให้คนอื่นกิน? 


 


 


สองปีมานี้….คงจะไปคอยปรนนิบัติพัดวี ยกน้ำร้อนน้ำชาให้คุณชายZคนนั้นมาละสิ? 


 


 


แล้วเป็นไงละ แค่แป๊ปเดียวก็คงจะถูกเขาเล่นจนเบื่อแล้วสินะ 


 


 


เกิดเป็นผู้หญิง ต้องรู้จักคิดรู้จักทำอะไรด้วยตนเองเอาไว้บ้าง อย่าได้เอาแต่พึ่งพาผู้ชายอยู่ตลอด ดูสิเป็นไง เยี่ยซิงหลันที่เคยมีชื่อเสี่ยงโด่งดังตอนนี้ต้องชื่อเสียงพังพินาศไปแล้วเห็นไหม? 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเมินเฉยต่อสายตามากมาย เดินหน้าเชิดอกตรง ไปยังห้องออดิชั่นที่ชั้นห้า 


 


 


Sherry บอกเอาไว้แล้ว่า คนที่จะมาทำการทดสอบบทให้กับเธอก็คือ ผู้กำกับเรื่อง《พระสนมคลั่ง》ที่ชื่อ หยุนโหว เป็นคนที่รับมือไม่ง่ายเท่าไหร่ 


 


 


พอตู๋กูซิงหลันก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็ได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยในทันที 


 


 


ผิวพรรณขาวผ่องราวเมล็ดข้าว เรือนร่างบอบบางและสง่างามในชุดกระโปรงติดกันสีเขียว เมื่ออยู่ท่ามกลางฤดูร้อนเช่นนี้ก็ยิ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดูแล้วสดชื่น 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ย 


 


 


ไม่พบกันสองปี มีสง่าราศีดูดีขึ้นมาเชียว 


 


 


เดิมทีซ่งเจียวเสวี่ยกำลังพูดคุยกับหยุนโหวอยู่ พอเห็นตู๋กูซิงหลันเข้ามาถึงได้ชะงักบทสนทนาไป สายตาของเธอทอดลงมาบนร่างของตู๋กูซิงหลันอย่างช้าๆ มองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า 


 


 


“ไม่เจอกันสองปี อาหลัน สบายดีสินะ” 


 


 


น้ำเสียงของเธอเบานุ่ม ดูไม่ออกเลยว่ามีเค้าของความยินดีที่ ‘เพื่อนเก่าได้กลับมาเจอกัน’ อยู่หรือไม่ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันมองไปยังเธอด้วยแววตาเรียบเฉย “อย่ามาเรียกฉันแบบนี้ พวกเราไม่ได้สนิทกัน” 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าไปในทันที “เธอล้อเล่นแล้ว พวกเราเคยเป็นเพื่อนซี้กันมาก่อนนะ” 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยแต่งหน้ามาอย่างปราณีต แววตามีรอยยิ้มสามส่วน เย็นชาเจ็ดส่วน สีหน้าเช่นนี้ใครได้เห็นต่างก็มองออกอย่างชัดเจน 


 


 


ตู๋กูซิงหลันนวดศีรษะ “ก่อนหน้านี้เคยเก็บสุนัขข้างทางที่เกือบจะอดตายมาได้ อุตส่าห์เลี้ยงดูอย่างดีจนอ้วนพี สุดท้ายแล้วมันกลับมาแว้งกัดครั้งหนึ่ง แล้วยังจะกล้ามาร้องขอความเป็นธรรมอีก” 


 


 


ประกายตาของผู้กำกับหยุนโหวส่องไปยังร่างของคนทั้งสองสลับกันไปมา คำพูดของเยี่ยซิงหลันเท่ากับด่ากันซึ่งๆหน้าอยู่ชัดๆ ต่อให้คนตาบอดก็ยังรู้ว่าเธอกำลังประชดใส่ซ่งเจียงเสวี่ย 


 


 


เยี่ยซิงหลันคนนี้ ……ถึงจะหายตัวไปนานถึงสองปี แต่ก็ยังคงเป็นคนที่ไม่ไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้นเหมือนเดิม 


 


 


ตอนนี้ซ่งเจียงเสวี่ยกลายเป็นราชินีจอเงินคนใหม่ไปแล้วนะ เธอยังจะเห็นว่าซ่งเจียงเสวี่ยเป็นแค่นักแสดงหญิงชั้นสามอยู่อีกหรือ? 


 


 


หยุนโหวกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นตู๋กูซิงหลันปรายตามาทางนี้ 


 


 


“วันนี้ฉันมาเพื่อทดสอบบท ไม่สนใจจะฟังเรื่องไร้สาระที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน” แค่ประโยคเดียว ก็ทำเอาคำพูดทั้งหลายของหยุนโหวที่ยังไม่ทันได้เอ่ยออกมาต้องกลืนกลับลงไป 


 


 


เดิมทีเขาคิดจะเถียงแทนซ่งเจียงเสวี่ยสักสองประโยค แต่ว่าผู้หญิงคนนี้กลับเหมือนถังแก๊ส ยังไม่ทันจะแตะก็พร้อมจะระเบิดแล้ว 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยสีหน้าไม่น่าดู …..ตอนนี้ข่าวฉาวของเยี่ยซิงหลันแพร่กระจายไปทั่วแล้ว ยังคิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของผู้คนเหมือนแต่ก่อนอีกหรือ? 


 


 


เธอได้แต่สงบอารมณ์ขุ่นเคืองของตนเองลง ทัดปอยผมที่ข้างหลังหู “ อย่างนั้นพวกเราก็อย่ามัวคุยกันอยู่เลย ไปทดสอบบทเลยเถอะ” 


 


 


ว่าแล้ว เธอก็หันไปส่งยิ้มให้กับตู๋กูซิงหลันอีกครั้ง “อ่อ ลืมบอกเธอไปเลย วันนี้ฉันก็มาเป็นผู้ร่วมพิจารณาด้วยอีกคน เพราะว่าจะมาเล่นประกบฉันไม่ใช่หรือ ฉันย่อมต้องใส่ใจอยู่แล้ว จริงไหม?” 


 


 


 หยุนโหวกลัวว่าเยี่ยซิงหลันจะระเบิดลงที่ตรงนี้ จึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “เจียงเสวี่ยเป็นนักแสดงมืออาชีพที่มีความรับผิดชอบ ก็เลยคัดเลือกฉากที่นางเอกและนางร้ายปะทะกันมาเป็นบททดสอบ ฉากนี้ขอเพียงคุณเล่นได้ดีให้พวกเราพอใจ บทนางร้ายใน 《พระสนมคลั่ง》จะต้องเป็นของคุณอย่างแน่นอน” 


 


 


หากว่ากันตามจริง ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยซิงหลันอยู่ๆก็มีข่าวฉาวออกมามากมายขนาดนี้ …..การที่เธอยอมมาเล่นเป็นนางร้ายให้ หยุนโหวย่อมรู้สึกดีใจอย่างมาก 


 


 


แต่ช่างน่าเสียดาย…..ตอนนี้ชื่อเสียงของเยี่ยซิงหลันเละเทะหมดแล้ว ทำให้เขารู้สึกลังเลอยู่บ้าง 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยเสนอตัวมาช่วยเขาเลือกบททดสอบ เขาย่อมต้องรู้สึกขอบคุณอยู่แล้ว เพราะอย่างไรตู๋กูซิงหลันก็ไม่ได้รับงานการแสดงมาสองปีแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเธอยังเล่นละครได้หรือไม่? 


 


 


“เรื่องในฉากนั้นเป็นแบบนี้….” หยุนโหวพูดพลางก็รีบฉวยเอาบทละครขึ้นมาเล่มหนึ่ง 


 


 


เป็นตอนที่นางเอกกลับมาเกิดใหม่ แล้วได้พบกับนางร้ายโดยบังเอิญ 

 

 

 


ตอนที่ 478 “สถานที่ของข้า ไหนเลยจะให้...

 

นางร้ายสั่งให้สาวใช้ประจำตัวผลักนางเอกตกน้ำ นางเอกหลบได้โดยบังเอิญ สาวใช้จึง ‘พลั้งมือ’ ทำให้นางร้ายตกลงไปในน้ำแทน 


 


 


เป็นฉากน่าเบื่อๆที่ไม่ต้องการคำชี้แนะหรืออธิบายใดๆทั้งสิ้น 


 


 


จุดสำคัญก็คือ: ตกน้ำ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูซ่งเจียงเสวี่ยแวบหนึ่ง ก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่  


 


 


ขณะที่หยุนโหวกำลังพูดอยู่นั้น ก็เห็นตู๋กูซิงหลันพุ่งเข้ามาหาอีกหลายก้าว บีบเขาจนต้องถอยไปติดกำแพง 


 


 


หยุนโหวเป็นผู้กำกับตัวเล็กที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ว่าเขากลับเตี้ยกว่าตู๋กูซิงหลันถึงครึ่งศีรษะ 


 


 


พอตู๋กูซิงหลันบุกเข้าไป แค่กลิ่นไอคุกคามก็เพียงพอจะกดทับเขาให้ตายได้แล้ว 


 


 


ชั่วขณะนั้น หยุนโหวรู้สึกว่าถูกบีบคั้นจนหายใจไม่ออก 


 


 


ตู๋กูซิงหลันไล่บี้เขาลงไปอีก มุมปากก็ขยับยกขึ้นมา “ไม่รู้ว่า แบบไหนจึงจะทำให้พอใจ? จะให้ฉันตกน้ำหลายๆรอบ จนกว่าจะพอใจรึเปล่า?” 


 


 


วันนี้ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะมีประจำเดือนมา ทั้งยังขับรถผ่านอากาศร้อนๆมาหลายชั่วโมง อารมณ์ย่อมแย่อยู่แล้ว 


 


 


“มะ ไม่ใช่……ทำไมคุณถึงได้คิดไปอย่างนั้นเล่า?” ที่จริงฉากนี้ซ่งเจียงเสวี่ยเป็นคนเลือกนะ…. 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยกับเยี่ยซิงหลันเคยมีความสนิทสนมใกล้ชิดกัน …….แล้วจะหาเรื่องทำร้ายคุณหรือ? 


 


 


ขณะที่เขากำลังจะพูดออกมา ก็เห็นตู๋กูซิงหลันยกหมัดขึ้นมาต่อยเข้าใส่ 


 


 


เฉียดริมหูของเขา ฝังลงไปบนกำแพงด้านหลัง 


 


 


กำแพงถึงกับทะลุเป็นรูโบ๋! อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องประชุมของเทียนหยิ่ง ที่ผู้บริหารระดับสูงกำลังประชุมกันอยู่ พวกเขากำลังถกกันเรื่องสถานภาพและชื่อเสียงของเยี่ยซิงหลัน 


 


 


ตอนนี้เสียงถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มหนึ่งเห็นว่าเธอมากไปด้วยพรสวรรค์ สมควรช่วยเธอล้างข่าวลือ และสนับสนุนต่อไป 


 


 


อีกฝ่ายเห็นว่าแม้ว่าผลงานของซ่งเจียงเสวี่ยจะไม่อาจเทียบเท่ากับเยี่ยซิงหลัน แต่ว่าEQของเธอดีมาก ทำงานจริงจังและรับผิดชอบ สมควรสนับสนุนซ่งเจียงเสวี่ย ส่วนเยี่ยซิงหลันนั้นก็ถือว่าเป็นคลื่นเก่าที่หมดกระแสนิยมไปแล้ว 


 


 


ขณะฝ่ายที่สนับสนุนนางเอกซ่งกำลังพูดออกมาอย่างดุเดือด อยู่ๆก็มีหมัดต่อยทะลุกำแพงเข้ามา 


 


 


ซีเมนต์บนกำแพงถูกทะลวงจนเป็นรูโหว่ 


 


 


กลายเป็นช่องขนาดใหญ่เท่าใบหน้า ทำให้สมาชิกระดับสูงทั้งหลายต่างก็สามารถมองเห็นตู๋กูซิงหลันได้อย่างชัดเจน 


 


 


ทั้งๆที่เธอเป็นถึงราชินีจอเงินคนก่อน แต่วันนี้พอปรากฏตัวขึ้น เดินทางมาจนถึงบริษัท กลับไม่มีใครออกไปต้อนรับแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่า ในใจของเหล่าผู้บริหารทั้งหลายต่างก็ตระเตรียมจะทอดทิ้งเธอแล้ว 


 


 


หมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันต่อยโครมใส่กำแพงก็เสมือนต่อยลงไปบนใบหน้าของผู้คนมากมาย 


 


 


หยุนโหวตกใจจนเกือบจะฉี่ราดแล้ว 


 


 


เศษฝุ่นคลุ้งกระจายจนเขารู้สึกอึดอัดไปทั่วปอด …..ตอนที่เยี่ยซิงหลันพึ่งจะเข้าวงการมาใหม่ๆ ก็เคยต่อยพวกผู้มีอิทธิพลในวงการทั้งหลายจนร่วงในงานเลี้ยงมื้อหนึ่ง นับตั้งแต่ตอนนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นตัวอันธพาล! 


 


 


หายตัวไปสองปี ทั้งที่พึ่งจะกลับมา แต่ความอันธพาลของเธอดูเหมือนจะหนักข้อมากกว่าเดิม! 


 


 


บอกต่อยเป็นต่อย! 


 


 


หยุนโหวไม่กล้าคิดเลยว่า หากว่าหมัดเมื่อครู่…..เบี่ยงเข้ามาอีกเล็กน้อย กระแทกลงบนศีรษะของเขาละก็ เกรงว่าสมองของเขาคงจะถูกฝังลงไปในกำแพงแล้ว 


 


 


“จะบอกเอาไว้เลยว่า เจ้ชิงชังพวกที่ชอบเล่นสกปรกลับหลังที่สุดแล้ว” ตู๋กูซิงหลันมองผ่านช่องแตกบนกำแพงเข้าไป ส่งสายตาเย็นชาไปยังผู้คนทั้งหลายที่อยู่ภายในห้อง 


 


 


ทุกถ้อยคำ ทุกคำพูดของเธอดังเข้าไปในหูของคนทั้งหมด 


 


 


“ตอนที่วางแผนชั่วพวกนี้ อย่าลืมคิดเอาไว้ด้วยว่า หากถูกเปิดเผยแผนสกปรกขึ้นมา จะต้องตายอย่างอนาถถึงเพียงไหน!” 


 


 


ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มองไปที่ซ่งเจียงเสวี่ย แต่ซ่งเจียงเสวี่ยก็ยังต้องตะลึงจนแข็งค้างไป 


 


 


คำพูดของเยี่ยซิงหลัน เท่ากับกล่าวกับเธอโดยตรง 


 


 


ทุกวันนี้ตู๋กูซิงหลันถือว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิงไปแล้ว จู่ๆก็คิดจะกุข่าวฉาวมาใส่ความเธอ แล้วคิดว่าเธอจะไม่โต้กลับหรืออย่างไร? 


 


 


บรรดาลูกพี่ในวงการต่างก็ต้องอ้าปากค้างกันไป มองดูสาวน้อยในกระโปรงชุดแดงตรงหน้าอย่างไม่กล้าเชื่อสายตา 


 


 


เธอน่ากลัวเกินไปแล้ว! 


 


 


ใบหน้าที่งดงามนั้น กับพละกำลังที่แสดงออกมา…. กลายเป็นความกลมกลืนบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก ราวกับว่าเธอเกิดมาพร้อมกับสิ่งนี้อยู่แล้ว 


 


 


“ทั้งหมดจงฟังเอาไว้ให้ดี ฉัน…. เยี่ยซิงหลัน กลับมาแล้ว!” 


 


 


น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดังเลย แต่กลับสะท้อนอย่างกึกก้องในหูของทุกคนในตึกเทียนหยิ่ง 


 


 


“สถานที่ของข้า ไหนเลยจะให้สุนัขข้างถนนเข้ามาได้ ไอ้พวกที่ซ่อนอยู่ใต้ดินแอบทำเรื่องชั่ว จุดจบของพวกเจ้า……มาถึงแล้ว” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันไม่ใช่คนที่ยอมศิโรราบต่อใครมาก่อน 


 


 


ขณะที่ในอินเตอร์เน็ตกำลังแพร่กระจายข่าวลวงอยู่นี้ นางกลับเอาแต่อยู่กับบ้านเลี้ยงดูฮ่องเต้สุนัข ในใจก็คิดหาหนทางจะไปตามหาท่านอาจารย์ ไม่มีเวลาจะไปใส่ใจข่าวลือเหล่านั้นแม้แต่น้อย 


 


 


แต่ว่าในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้พวกที่เล่นสกปรกนั้นมามาอึอยู่บนศีรษะของนางอย่างเด็ดขาด 


 


 


นางขยับริมฝีปากสีแดง ค่อยๆเก็บหมัดกลับมาอย่างช้าๆ ดวงตาดอกท้อเปล่งประกายแวววาว 


 


 


ขนาด เยี่ยเฉิน ไท่จื่อของเผ่ามังกร นางยังกล้ากระทืบเขาลงไปบนพื้น แล้วนับประสาอะไรกับพวกคนจิตใจสกปรกบนโลกปัจจุบันใบนี้? 


 


 


ในเมื่อวางแผนการสู้ไม่ได้ เช่นนั้นหมัดก็ต้องแข็งกว่าเข้าไว้ 


 


 


จะไปสนใจว่าใครเป็นใครไปทำไม จะอย่างไรขอแค่ต่อยจนพวกมันส่งเสียงร้องเรียกพ่อออกมาก็เป็นพอ 


 


 


โดยเฉพาะพวกที่อยู่ฝั่งนางเอกซ่ง …..ต่างก็มองดูตู๋กูซิงหลัน ด้วยความรู้สึกเหมือนได้เห็นอุกาบาตที่ตกลงมาจากท้องฟ้า 


 


 


คราวนี้ สายตาของตู๋กูซิงหลันวกกลับมาที่ร่างของหยุนโหว 


 


 


แค่นางดึงหมัดที่ต่อยออกไปกลับมา หยุนโหวก็ต้องผวาจนตัวสั่น 


 


 


เสียงของหมัดที่ต่อยกำแพงเสียจนทะลุเมื่อครู่ ยังก้องอยู่ในรูหูของเขาอยู่ จนถึงตอนนี้หัวใจของเขายังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เลย 


 


 


พอเห็นเหมือนกับว่าตู๋กูซิงหลันจะต่อยลงมาอีกครั้ง เขาก็กลัวจนแทบมุดลงไปแล้ว 


 


 


“ผู้กำกับหยุน คุณจะตื่นเต้นไปไหนกัน?” ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันสัมผัสลงไปบนหลังคอเสื้อของเขาไปเบาๆ ก็หิ้วคนขึ้นมาได้ง่ายๆ 


 


 


ตอนนี้หยุนโหวเข่าอ่อนไปหมดแล้ว กลัวจนแทบจะฉี่ราดออกมา 


 


 


ตู๋กูซิงหลันหัวเราะเสียงเย็นชาครั้งหนึ่ง ยื่นปลายนิ้วออกมาสองนิ้ว ไปปัดฝุ่นบนบ่าของเขาเบาๆ 


 


 


“เมื่อครู่เป็นการทดสอบบทกันไม่ใช่หรือ? บทละครฉันอ่านดูหมดแล้ว นางร้ายเป็นผู้มีพรสวรรค์แต่กำเนิด หมัดเดียวต่อยกำแพงพัง นางย่อมสามารถทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ?” 


 


 


หยุนโหวเห็นเธอหัวเราะออกมา ก็รู้สึกขนหัวลุกตัวชา 


 


 


“ซิงหลัน คุณทำให้ผู้กำกับตกใจแล้วนะ” ถึงตอนนี้ซ่งเจียงเสวี่ยถึงได้มีช่องเอ่ยปากขึ้นมาได้บ้าง เธอเอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “ผู้กำกับหยุนกับฉันต่างก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรสักหน่อย คุณคิดมากไปเอง แล้วยังทำร้ายคนอื่นอีก” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันขี้เกียจจะสนใจเธอ 


 


 


การไม่เห็นความสำคัญ…..บางครั้งก็เป็นการดูถูกอย่างแรง 


 


 


“หยุนโหว เมื่อครู่การแสดงตอนทดสอบบทของฉัน คุณพอใจหรือไม่?” ตู๋กูซิงหลันยังคงไม่คลายมือออกจากหยุนโหว 


 


 


ตอนนี้แค่ได้ยินเธอเรียกชื่อตัวเอง หยุนโหวก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้ว 


 


 


เขาไม่กล้าคาดหวังว่าผู้หญิงอ่อนแออย่างซ่งเจียงเสวี่ยจะช่วยเหลืออะไรตนเองได้ 


 


 


เห็นหรือเปล่าว่า เหล่าผู้บริหารของเทียนหยิ่งตอนนี้กลายเป็นก้อนหินกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าร้องเรียกฝ่ายรักษาความปลอดภัยเลยสักคน 


 


 


เมื่อตกอยู่ใต้การคุกคามที่บ้าระห่ำของเยี่ยซิงหลัน เขาก็ได้แต่เป็นฝ่ายยอมแพ้เท่านั้น! 


 


 


เขาพยักหน้าติดๆกันหลายครั้ง ค่อยส่งยิ้มเปลี้ยๆให้ “พอใจ พอใจมากๆเลย ย่อมต้องพอใจมากอยู่แล้ว” 


 


 


“ในเมื่อพอใจ ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นค่าตัวหน่อยเป็นไง?” 


 


 


หยุนโหว “……..” 

 

 

 


ตอนที่ 479 “ฝ่าบาทคิดจะขึ้นไปบนฟ้าแล้ว”

 

ตู๋กูซิงหลันขัดถูหมัดของตนเองไปมา “อ้ายย่าห์ ช่วงนี้รู้สึกคันมือคันไม้บ่อยจริงๆ” 


 


 


หยุนโหว “เพิ่ม! เพิ่มค่าตัวอีกสิบเปอร์เซ็นต์ทุกๆตอนเลย!” 


 


 


ค่าตัวของนางคือตอนละสามแสนหยวน สำหรับบทนางร้ายนี้ถือว่าไม่น้อยแล้ว  


 


 


ส่วนซ่งเจียงเสวี่ยเป็นราชินีจอเงินคนใหม่ จึงได้ถึงล้านห้าแสนหยวนต่อตอน 


 


 


ตู๋กูซิงหลันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ฉันรู้สึกกระดูกมันก็ขัดๆอยู่นะ ต้องได้เงินเยอะหน่อยถึงจะหาย” 


 


 


หยุนโหวกัดฟันพูดว่า “เพิ่มยี่สิบเปอร์เซ็นต์ …..มากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆครับ เจ้หลัน!” 


 


 


เขาเป็นผู้กำกับ ไม่ใช่ผู้ผลิต บอกให้ขึ้นเงินก็ขึ้นเงินให้ง่ายๆได้อย่างไร 


 


 


ยามปกติ เขายังเคยยักยอกเอาส่วนของพวกนักแสดงมาไว้เองเสียด้วยซ้ำ….. 


 


 


ตู๋กูซิงหลันยังคงขัดถูหมัดต่อไป “ราคาเดียว ไม่มีต่อรอง หนึ่งล้าน น้อยกว่านี้หยวนหนึ่งก็ไม่ได้ มากกว่านี้หยวนหนึ่งก็ไม่ต้องการ” 


 


 


ที่ผ่านมา ทุกการแสดงของเธอล้วนคิดค่าตัวอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด ….. 


 


 


แต่ก่อนนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงที่โด่งดังที่สุด ก็ไม่เคยขึ้นราคาจนเกินความจริงไป 


 


 


ล้านหนึ่ง ไม่มากไม่น้อย กำลังพอดีแล้ว 


 


 


หยุนโหวกัดฟันพยักหน้า 


 


 


เขารู้สึกว่าเธอเป็นผีดูดเลือดแท้ๆ…… เขาคงจะต้องคืนส่วนที่ยักยอกเอาไว้ให้เธอไปทั้งหมด ถึงจะพอโปะค่าตัวตอนละล้านของเธอได้ 


 


 


ด้วยความเกรงกลัวในตัวเธอ…..สุดท้ายเขาจึงยอมตกลงเช่นนี้ 


 


 


ที่จริงซ่งเจียงเสวี่ยก็คิดจะช่วยเหลืออะไรเขาบ้าง แต่ไม่ว่านางจะพูดอะไรออกไป ตู๋กูซิงหลันกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน 


 


 


หยุนโหวจึงถูกข่มขู่จนกลัวหงอไปแล้ว! 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยนั่งลงบนโซฟานุ่มตัวหนึ่ง น้ำเสียงเย็นชาลงกว่าเดิม 


 


 


“ได้ยินมาว่าคุณถูกไล่ออกจากบ้าน ขนาดรถก็ยังต้องขับเณอรี่QQเก่าๆคันหนึ่ง ……. แล้วตอนนี้ยังจะมาข่มขู่ผู้กำกับอีกหรือ” 


 


 


“ซิงหลัน หากว่าคุณขาดเงินจริงๆ มาหาฉันก็ได้นะ เห็นแก่ความเคยเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ของเรา ฉันต้องช่วยคุณอยู่แล้ว” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันไม่ได้สนใจเธอเลยแม้สักนิดเดียว เพียงมีความสุขกับตนเองเท่านั้น 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยคอยจับตามองดูตู๋กูซิงหลันอยู่เสมอ ….สิ่งที่เธอต้องการ ไม่ใช่แค่การกดดันบีบคั้นตู๋กูซิงหลัน 


 


 


หากแต่เป็นการทำลายให้จมดิน บีบให้คนที่อยู่เบื้องหลังของเธอปรากฏตัวออกมา 


 


 


บุรุษผู้….หายสาปสูญไปนานหลายปีแล้ว 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยพึ่งจะพูดจบ ตึกเทียนหยิ่งทั้งหลังก็สะเทือนขึ้นมา 


 


 


แผ่นดินสั่นสะเทือน ฝุ่นผงคลุ้งกระจัดกระจาย พอมองลงไปจากหน้าต่าง ก็เห็นพื้นยุบลงไปเป็นหลุมใหญ่ 


 


 


หลุมนั้นลึกลงไปถึงสิบกว่าเมตร ยังดีที่ตรงบริเวณที่ยุบนั้นไม่มีรถหรือผู้คนเดินผ่าน 


 


 


ทุกคนต่างก็พากันตกอกตกใจ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันกวาดตาไปมองครั้งหนึ่ง ก็เห็นในหลุมยุบนั้นมีเงาร่างสีดำสายหนึ่ง และใบหน้าที่วูบหายไปในชั่วพริบตา 


 


 


ด้วยความสามารถของนางหากจะมองดูใบหน้าของคนที่ห่างออกไปสักร้อยเมตรย่อมไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว  


 


 


เพียงแต่พอมองไปแวบนั้น ตู๋กูซิงหลันก็ต้องเข่าอ่อนขึ้นมาบ้างแล้ว 


 


 


ฮ่องเต้สุนัข! เขาลงไปทำอะไรที่ข้างล่างนั่น? 


 


 


นางกำชับแล้วกำชับอีกไม่ใช่หรือว่า ให้อยู่แต่ในรถ ห้ามวิ่งไปไหนทั้งนั้น? 


 


 


ตู๋กูซิงหลันไม่มีเวลาจะเซ็นสัญญากับหยุนโหวอีกแล้ว นางหันกลับพุ่งตรงไปยังทางรถไฟใต้ดินในทันที 


 


 


พอเท้าพึ่งจะก้าวลงบันไดลงไปถึงชั้นล่าง ก็เห็นตรงปากหลุมยุบที่พังทลายนั้นมีหัวรถไฟคันหนึ่งโผล่ออกมา! 


 


 


ใช้แล้ว หัวรถ! หัวขบวนรถไฟ! 


 


 


ชื่อขบวน ‘เหอเสีย’ ที่เขียนเอาไว้เตะตาของนางในทันที 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “ ! ! !” นางว่าแล้วไง! 


 


 


จากกระจกใสบนหัวขบวนรถไฟ สามารถมองเห็นคนขับที่กำลังตัวสั่นสะท้านอยู่! 


 


 


และที่ข้างกายเขา ย่อมต้องเป็นจีเฉวียนผู้ไม่เคยสะทกสะท้านกับเรื่องใดมาก่อน 


 


 


ตู๋กูซิงหลันแทบจะยอมคุกเข่าให้เขาแล้ว พี่ชายผู้นี้เป็นตัวก่อเรื่องโดยแท้! 


 


 


นางยังไม่ทันได้เข้าไป ก็เห็นจอLED ขนาดใหญ่บนตึกฝั่งตรงข้ามกระพริบถี่ๆหลายครั้งจากนั้น 


 


 


“ขอแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย…….ภายในเมืองเกิดการจู่โจมที่น่ากลัว……คนชุดดำที่ไม่รู้ที่มาจำนวนสิบกว่าคน ได้ทำการเข้าจู่โจมรถไฟฟ้าใต้ดินสายสามสิบแปดที่สถานีเทียนหยิ่ง…” 


 


 


“ผู้จู่โจมมีอาวุธปืน และมีดดาบ พบเห็นใครก็เข้าทำร้าย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก” 


 


 


“ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้น สุภาพบุรุษผมยาวผู้หนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น และเข้าต่อสู้กับคนร้ายเหล่านั้น…..ทำให้คนจำนวนมากรอดจากการบาดเจ็บล้มตายมาได้” 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “?” สุภาพบุรุษผมยาว? ? ? 


 


 


“รายงานด่วนแจ้งว่า รถไฟฟ้าใต้ดินสายสามสิบแปด เหอเสีย สูญเสียการควบคุมจนพุ่งขึ้นมาด้านบน…..ทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้น….” 


 


 


พอมีข่าวออกมาแบบนี้….ทั่วทั้งเมืองหลวงก็ต้องตื่นตูมแล้ว 


 


 


ที่นี่คือเมืองหลวงนะ! 


 


 


กลางวันแสกๆ ถึงกับมีกลุ่มคนร้ายบุกทำลายสถานีรถไฟใต้ดินด้วยหรือ? 


 


 


“หากว่าไม่ได้สุภาพบุรุษผมยาวคนนั้นช่วยเอาไว้ เกรงว่าพวกคุณคงจะไม่ได้เจอฉันอีกแล้ว” พอเกิดเรื่องปุ๊บ ก็มีคนส่งข้อความในเวยป๋อทันที 


 


 


“จริง ดาบของพวกผู้ร้ายห่างจากชั้นไปเพียงแค่เมตรเดียวเอง ฉันนึกว่าตัวเองจะต้องตายแล้วเสียอีก น่ากลัวมากๆเลย ต้องขอบคุณสุภาพบุรุษผมยาวคนนั้นจริงๆ!” 


 


 


จากนั้นเพียงครู่เดียวก็มีผู้คนส่งข้อความว่าตนเองปลอดภัยแล้ว ขึ้นไปบนเวยป๋อมากมาย และถกเถียงเรื่องนี้กันใหญ่ 


 


 


แต่เรื่องที่พวกเขาแสนจะเสียดายก็คือ พวกเขามองไม่เห็นเลยว่าสุภาพบุรุษผมยาวผู้นั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร 


 


 


เห็นแต่เขาสวมใส่ชุดนอนสีดำ…ชุดนอนตัวหนา ที่อกมีรูปหมีสีน้ำตาลสกรีนอยู่บนนั้น 


 


 


ใบหน้าของเขาเหมือนจะถูกหมอกบดบัง จึงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน 


 


 


พอสถานการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายโจมตีรถไฟใต้ดินสายสามสิบแปดสงบลงแล้ว ผู้โดยสารก็พากันทยอยออกจากตัวรถโดยสาร 


 


 


“นี่มันบ้าไปแล้ว สายสามสิบแปดเกิดเรื่องผู้ก่อการร้ายโจมตี รถไฟขบวนเหอเสียนี้ถึงกับทะลุขึ้นมาบนพื้น …….นี่มันเหตุการณ์แปลกประหลาดอะไรกัน” 


 


 


โลกปัจจุบันกลายเป็นโลกที่ก้าวหน้าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปแล้วทุกคนใช้ชีวิตกันมานานขนาดนี้ ต่างก็พึ่งจะเคยได้เห็นเหตุการณ์ที่รถไฟใต้ดินพุ่งขึ้นมาด้านบนเป็นครั้งแรก 


 


 


…………………….. 


 


 


อีกด้านหนึ่ง คนขับรถหัวขบวนที่ตัวสั่นสะท้านตอนนี้ถึงกลับเป็นลมไปแล้ว 


 


 


หากมิใช่เพราะว่าอาการบาดเจ็บของจีเฉวียนยังไม่หายดี 


 


 


เกรงว่าพระองค์คงคิดจะลากรถไฟใต้ดินคันนี้ขึ้นมาด้วยกำลังของตนเองเพียงคนเดียว เพื่อมอบให้กับซิงซิงแล้ว 


 


 


แต่ว่าตอนนี้พระองค์ทรงพบว่า เจ้าสัตว์อสูรพิเศษตัวนี้……คล้ายกับว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวออกนอกเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ได้ 


 


 


พอพระองค์ฝืนลากมันขึ้นมาจากใต้ดิน มันก็ไม่ยอมขยับอีกต่อไปแล้ว 


 


 


“มันวิ่งไปที่อื่นไม่ได้หรือ?” ฮ๋องเต้ทรงหันไปถามคนขับที่ตอนนี้สลบเหมือดไปแล้ว 


 


 


ร่างของคนขับครึ่งหนึ่งพาดอยู่บนเก้าอี้นั่ง อีกครึ่งหนึ่งพาดอยู่บนแผงควบคุม สภาพเหมือนอยากร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา 


 


 


“โถ่ ลูกพี่ ในโลกนี้มันจะมีรถไฟฟ้าที่ไหนขึ้นมาวิ่งบนถนนได้กันเล่า!” 


 


 


“ที่แท้ก็ดูดีแต่ว่าใช้การอะไรไม่ได้” ฮ่องเต้สีพระพักตร์ไม่สบพระทัย จากนั้นก็ยกพระหัตถ์ต่อยใส่กระจกบนหัวขบวนรถ พุ่งร่างหายแวบจากไป 


 


 


เสียแรงไปต้องมาก กลับไม่อาจหาพาหนะมาให้ซิงซิงใช้สอยได้ ฝ่าบาททรงขุ่นพระทัยนัก 


 


 


หมัดเมื่อครู่ถือว่าเป็นการลงโทษมันก็แล้วกัน 


 


 


พระองค์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รอบพระองค์ปกคลุมไปด้วยไอหยินและหมอกดำกลุ่มหนึ่ง 


 


 


หมอกดำนี้คนทั่วไปไม่อาจมองเห็น และเป็นเพราะหมอกดำนี้ ทำให้พวกเขาไม่อาจเห็นพระพักตร์ของจีเฉวียนได้อย่างชัดเจน 


 


 


การแย่งชิงสัตว์อสูรมา….ย่อมไม่ใช่เรื่องที่องอาจอะไร ฮ่องเต้ย่อมไม่ทรงคิดจะเผยพระพักตร์ออกไป 


 


 


พอเสด็จออกมาได้ ก็ทรงรู้สึกขึ้นมาในทันทีว่ากระดูกทั่วร่างปวดร้าวอย่างรุนแรง ทันทีที่หารถคันเล็กของพระองค์พบก็เข้าไปประทับนั่งอย่างรวดเร็ว 


 


 


ว่าแล้ว…..ยังไม่อาจเคลื่อนไหวมากเกินไปจริงๆ ไม่รู้ว่าร่างกายนี้ เมื่อไหร่ถึงจะหายดี 


 


 


รถไฟใต้ดินนั่นใช้การไม่ได้ …..พระองค์จะต้องทรงหาสิ่งอื่นที่ใช้งานได้และดูเก่งกาจมาเป็นพาหนะของซิงซิง 


 


 


ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นในอากาศ 


 


 


ฮ่องเต้ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมอง ก็เห็นเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านไป 


 


 


เครื่องบินเดินทางในอากาศ มองดูก็รู้ว่ามีขนาดใหญ่มาก 


 


 


อืม….ถึงจะใหญ่อย่างไรก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าอสูรกายโลกันตร์ 


 


 


ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองดูเจ้านกตัวใหญ่ที่บินอยู่ในอากาศตัวนั้น…. ดวงเนตรที่พึ่งจะหรี่ลงไปก็เป็นประกายขึ้นมา 


 


 


หากไม่ใช่เพราะว่าตู๋กูซิงหลันรีบกลับมาที่ข้างพระองค์ได้อย่างทันเวลา เกรงว่าตอนนี้พระองค์คงจะออกไปลงมือกับเครื่องบินลำใหญ่นั่นอีกแล้ว 


 


 


ตู๋กูซิงหลันสวมหมวกสีดำใบใหญ่เอาไว้ ใช้มือข้างหนึ่งคว้าหลังพระศอของจีเฉวียน 


 


 


บนร่างของพระองค์มีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ทั่วพระพักตร์และพระหัตถ์เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด 


 


 


“เสี่ยวเฉวียนเฉวียน แค่ไม่ได้คอยจับตาดูท่านแวบเดียว ท่านก็โผขึ้นไปบนฟ้าอีกแล้วใช่ไหม?” 

 

 

 


ตอนที่ 480 ฮ่องเต้สุนัขแสดงฝีมือ

 

ฮ่องเต้ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมองเจ้านกยักษ์ที่อยู่บนท้องฟ้า……. 


 


 


ว่ากันตามจริง หากไม่ใช่เพราะซิงซิงจับพระองค์ไว้ได้ทัน พระองค์ก็คิดจะขึ้นไปบนฟ้าแล้ว 


 


 


ครู่ต่อมาพระองค์ค่อยเก็บสายพระเนตรกลับมา มองดูตู๋กูซิงหลันด้วยสายพระเนตรสำนึกผิดพลางตรัสว่า “ซิงซิง สัตว์อสูรที่เป็นพาหนะของเจ้ามีแต่คนหัวเราะเยาะ เราคิดจะจับตัวที่แข็งแกร่งสักหน่อยมาให้เจ้า แต่ว่าเจ้าตัวรถไฟฟ้านั่นมันช่างไม่ได้เรื่อง เราเห็นว่าตัวที่บินอยู่บนฟ้านั่นน่าจะดีกว่า” 


 


 


เงียบไปครู่หนึ่งพระองค์ก็ตรัสถามอีกว่า “ตัวที่อยู่บนท้องฟ้านั่นก็ต้องกินน้ำมันเหมือนกันจึงจะเคลื่อนไหวได้หรือ?” 


 


 


พูดตามจริง เจ้าสัตว์อสูรที่เป็นพาหนะในโลกของซิงซิงช่างดูแลยากนัก พวกมันต้องกินน้ำมัน…..ฮืม ไม่เหมือนกับสัตว์อสูรในโลกของพระองค์ที่เชื่อฟังว่าง่ายกว่ามาก 


 


 


ตอนแรกตู๋กูซิงหลันยังคิดจะตำหนิเขาสักสองคำ แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็พูดไม่ออกหัวเราะไม่ได้ 


 


 


นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้สุนัขมาถึงโลกใบนี้ ก็สนใจทุกสิ่งที่อย่างรอบตัวไปหมด 


 


 


ฮ่องเต้สุนัขมาจากโลกยุคโบราณ ต่อให้ความสามารถในการปรับตัวสูงส่งแค่ไหน แต่เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆจะให้ปรับตัวเข้ากลับโลกใหม่ที่พัฒนาไปกว่าพันปีแล้วก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย 


 


 


ขนาดตู๋กูซิงหลันเองหากเกิดข้ามไปยังโลกอนาคตอีกหลายพันปีที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า เกรงว่าก็คงจะปรับตัวไม่ได้อยู่บ้างเช่นกัน 


 


 


ข้ามจากปัจจุบันไปอดีตนับว่ายากแล้ว จากอดีตมาปัจจุบันยิ่งต้องการการปรับตัวมากกว่า 


 


 


ยิ่งไปกว่านั้นช่วงที่ผ่านมาจีเฉวียนก็อยู่แต่ในบ้านพักสวนกุหลาบ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ตู๋กูซิงหลันพาเขาออกมา ฮ่องเต้สุนัขที่ไม่เคยรู้จักโลกภายนอกทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก็นับว่าเป็นที่เข้าใจได้ 


 


 


ตอนนี้พวกนางคงต้องอยู่ในโลกนี้ไปอีกสักพัก ในเมื่อจีเฉวียนมาที่นี่แล้ว ก็นับว่าเป็นพรหมลิขิต สมควรจะให้เขาทำความเข้าใจโลกใบนี้เอาไว้บ้าง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันตัดสินใจว่าก่อนที่จะเริ่มการถ่ายหนัง จะต้องพาเขาเข้าเมืองมาสักหลายๆครั้ง 


 


 


เห็นเขามีเลือดเปื้อนตัว นางก็อดไม่ได้ที่จะหยิบกระดาษทิชชู่ห่อเล็กๆออกมาจากกระเป๋าถือ ช่วยเขาเช็ดถูใบหน้า 


 


 


เมื่อครู่ได้เห็นข่าวด่วนจากจอบนตึกฝั่งตรงข้ามกับตึกเทียนหยิ่งแล้ว สุภาพบุรุษผมยาวผู้นั้น ไม่ใช่จีเฉวียนแล้วจะเป็นใครไปได้กัน 


 


 


สิบผู้ก่อการร้ายกลุ่มนั้นเผชิญหน้ากับฮ่องเต้สุนัข ฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บย่อมต้องเป็นพวกนั้นอยู่แล้ว 


 


 


ตู๋กูซิงหลันช่วยเช็ดพระพักตร์ให้ด้วยตนเอง ฮ่องเต้ย่อมปลื้มพระทัยอย่างยิ่ง 


 


 


พระองค์คว้ามือของนางเอาไว้ ดวงตาหงส์คู่นั้นแสดงอารมณ์ลึกซึ้งออกมา “ซิงซิง เรากลายเป็นคนโง่งมไปแล้ว จะไม่ต้องการเราอีกแล้วหรือเปล่า?” 


 


 


พระองค์เป็นฮ่องเต้แห่งต้าโจว ตอนที่รุกไล่ตามขอความรักนาง พระองค์เคยตรัสเอาไว้แล้วว่า…..รอให้แผ่นดินเป็นปึกแผ่น พระองค์จะตามนางมาที่โลกนี้ 


 


 


ดังนั้นจีเฉวียนจึงเตรียมพระทัยถึงโลกใหม่มาแต่แรกแล้ว 


 


 


แต่เพราะเหตุการณ์ที่ใต้ทะเลลึกในเผ่ามังกรทมิฬ ทำให้พวกเขาต้องมาถึงล่วงหน้า เดิมทีพระองค์ทรงคิดเอาไว้ว่า ด้วยพระสติปัญญาและพระทัยที่มุ่งมั่นของพระองค์ ยอมสามารถจัดการกับทุกอย่างได้ แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว….. 


 


 


แม้แต่โอรสสวรรค์ก็ยังต้องถึงคราวที่ ‘มือเท้าติดขัด’ ไปเหมือนกัน 


 


 


ตอนแรกๆที่ซิงซิงมาถึงต้าโจว ก็ถูกจับไปอยู่ในตำหนักเย็น …….ปราศจากอาหารและเสื้อผ้า ทั้งยังต้องถูกคนรังแก ยากนักที่นางผ่านมันมาได้ 


 


 


อืม….ซิงซิงเก่งจริงๆ 


 


 


แววเนตรที่สำนึกเสียใจของจีเฉวียนเป็นประกายขึ้นมา…… 


 


 


ตู๋กูซิงหลันช่วยเช็ดคราบเลือดที่เหลือเพียงเล็กน้อยให้กับเขา พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับสายตานั้นพอดี 


 


 


นางขยับปลายนิ้วแปะๆลงไปบนใบหน้าของเขา “ท่านต้องเชื่อฟัง อย่าได้ไปเที่ยวจับสัตว์อสูรของผู้อื่น ……อย่าเที่ยวใช้กำลังง่ายๆ โลกปัจจุบันมีกฏหมายค้ำจุนสังคม สร้างความสงบยุติธรรม เป็นใต้หล้าที่สงบร่มเย็นแบบที่ท่านเคยเฝ้าฝันมาโดยตลอด” 


 


 


จีเฉวียน “เราเชื่อฟังเจ้าที่สุดแล้ว ต่อไปจะไม่ไปจับกล่องเหล็กประหลาดพวกนั้นแล้ว” 


 


 


อืม จะต้องจับเจ้านกยักษ์บนฟ้านั่น 


 


 


จากนั้นพระองค์ก็ตรัสอีกว่า “โลกนี้ยังไม่ค่อยสงบสุขเท่าไหร่ ยังมีพวกที่ใช้กำลังจู่โจมทำร้ายผู้คน….พวกที่ก่อความวุ่นวายพวกนั้น หากว่าอยู่ในต้าโจว ล้วนต้องถูกประหารต่อหน้าฝูงชน” 


 


 


อืม ต้าโจวของพวกเราก็รู้จักใช้กฏหมายเช่นกัน 


 


 


ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่ลืมที่จะเอ่ยชมเชยเขา “เรื่องที่มีผู้ก่อการร้ายจู่โจมน้อยนักที่จะเกิดขึ้นได้ วันนี้ที่ท่านจัดการพวกมัน ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง” 


 


 


ที่นี่เป็นเมืองหลวง เป็นที่ๆสมควรจะสงบสุขที่สุด  


 


 


แต่ว่าการเปิดการจู่โจมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ในเมืองหลวง ตู๋กูซิงหลันก็พึ่งจะเคยเห็น 


 


 


คนเหล่านี้สวมใส่ชุดสีดำ ฆ่าคนอย่างรวดเร็วและเ**้ยมโหด แค่ดูก็รู้แล้วว่าผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ตู๋กูซิงหลันเห็นเพียงแวบเดียวก็คาดเดาออกแล้ว ว่าพวกเขาเป็นมือสังหารที่ผ่านการฝึกฝนมา 


 


 


คิดสังหารคนในเมือง…..ทั้งยังลงมือในที่พลุกพล่าน คนที่บงการอยู่เบื้องหลังคิดจะวางแผนอะไรเอาไว้กันแน่? 


 


 


ต้องการจะสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน หรือว่ามีแผนการอื่นใดอีก? 


 


 


ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่า คาดเดายากอยู่เหมือนกัน 


 


 


ตอนนั้นหากมิใช่เพราะว่าจีเฉวียนผ่านเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยบังเอิญ….เกรงว่าวันนี้ทั่วทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสามสิบแปดคงจะต้องมีการหลั่งเลือดท่วมเป็นคลองแน่ 


 


 


ย่อมต้องเกิดความวุ่นวายจนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกแล้ว 


 


 


อยู่ๆนางก็คิดไปถึงความรู้สึกอึดอัดอืมครึมที่นางสัมผัสได้ยามที่พึ่งเข้าไปในบริษัทเทียนหยิ่ง 


 


 


ตู๋กูซิงหลันขมวดหัวคิ้ว ขณะเดียวกันก็เช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนพระหัตถ์ของจีเฉวียนไปด้วย 


 


 


“ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปเดินเล่นดูอะไรใหม่ๆ” 


 


 


เดิมทีตู๋กูซิงหลันคิดจะกลับไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม แต่ว่าตอนนี้มีทั้งตำรวจและนักข่าวจำนวนมาก นางจึงไม่คิดจะรีบร้อนไปดู 


 


 


ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าฮ่องเต้สุนัขอาจถูกคนถ่ายรูปไว้ เสื้อผ้าเหล่านี้ก็มีคนเคยเห็นหมดแล้ว 


 


 


เงินในบัญชีของนางยังมีอยู่อีกห้าหมื่นหยวน พาเขาไปซื้อเสื้อผ้านับว่ายังพอได้อยู่ 


 


 


“จะพาเราไปท่องเที่ยวหรือ?” จีเฉวียนดีพระทัยขึ้นมา ขอเพียงได้ไปกับตู๋กูซิงหลัน พระองค์ก็พอพระทัยแล้ว 


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “พาท่านไปผลาญเงิน” 


 


 


…………………….. 


 


 


ห้างสรรพสินค้าสือไต้ เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง 


 


 


พอตู๋กูซิงหลันขี่เชอรี่QQไปจอดที่ลานจอดรถ ก็ก่อให้เกิดข่าวลือใหม่ๆอีกรอบ 


 


 


นางสวมหมวกใบใหญ่ ใส่แว่นตาดำ ปิดบังตนเองอย่างมิดชิด 


 


 


ก่อนหน้านี้จีเฉวียนทรงใช้กำลังภายในไปมาก ตู๋กูซิงหลันเกรงว่าจะทำให้อาการบาดเจ็บของเขาหนักกว่าเดิม จึงให้เขานั่งบนรถเข็น นางเข็นเขาเข้าไปในห้าง 


 


 


ชุดนอนของจีเฉวียนมีหมวกคลุมติดกัน พอสวมหมวกลงไป คนอื่นๆก็มองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัดแล้ว 


 


 


ก่อนหน้านี้ตอนที่ลงมือในรถไฟฟ้าใต้ดิน พระองค์ใช้พละกำลังเกินควรไปบ้าง ร่างกายจึงอ่อนเพลียเล็กน้อย 


 


 


ตอนนี้พองอพระองค์ลงไปบนเก้าอี้รถเข็น สวมหมวกคลุมเอาไว้ ทั้งยังไอออกมาอีกสองสามทีจึงดูเหมือนผู้สูงอายุไปเสียแล้ว 


 


 


บังเอิญมีพวกป้าแก่ๆเดินออกมาจากร้านขายทอง เห็นตู๋กูซิงหลันกำลังพาจีเฉวียนไปขึ้นลิฟท์ 


 


 


พวกป้าๆทั้งกลุ่มจึงขึ้นลิฟท์ไปด้วย 


 


 


พวกเธอเห็นตู๋กูซิงหลันผิวพรรณขาวรูปร่างบอบบาง ถึงแม้จะมองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัด แต่ก็คาดเดาได้ว่าหญิงสาวผู้นี้ต้องงดงามดุจดอกไม้อย่างแน่นอน 


 


 


“สมัยนี้ละนะ หญิงสาวที่มีใจกตัญญู พาพ่อแก่ๆของตนเองมาเดินเล่นตามห้างฯ ยิ่งทียิ่งมีน้อย” 


 


 


คุณป้าAหันไปมองดูตู๋กูซิงหลันพลางถอนหายใจ 


 


 


“จริงด้วย ดูลูกสาวคนดีของฉันสิ ขนาดจะให้มาเดินห้างกับฉันสักรอบยังยากเลย” คุณป้าBส่ายศีรษะไปมา 


 


 


คุณป้าC สายตาเป็นประกาย ในมือของเธอมีถุงหลายใบ ตู๋กูซิงหลันกวาดตาดูแวบหนึ่ง ก็รู้ว่าเป็นร้านทองร้านใหญ่ที่ชั้นหนึ่ง 


 


 


พวกคุณป้าๆในโลกปัจจุบันดูจะมีความชอบแบบเดียวกัน ชอบซื้อทอง…..พวกคุณป้าทั้งหลายในเมืองหลวงล้วนเป็นคนมั่งมี 


 


 


“ยายหนู มีแฟนแล้วหรือยัง?” คุณป้าCมองดูตู๋กูซิงหลันอยู่นานแล้ว 


 


 


ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินฮ่องเต้ทรงตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซิงซิงของเราเป็นดอกไม้ที่มีเจ้าของแล้ว” 

 

 

 


ตอนที่ 481 ราชวงค์สุนัขเฒ่าบ้าบอ

 

พวกป้าๆ “?” 


 


 


เรารึ? ( 朕เจิ้น= คำแทนตัวฮ่องเต้) 


 


 


เล่นผีสางอะไรกัน? 


 


 


บรรยากาศภายในลิฟท์อึดอัดขึ้นมา……ฮ่องเต้สุนัขมิใช่คนโง่ พระองค์มายังโลกใบนี้ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว แฟนแปลว่าอะไร พระองค์พอจะเข้าพระทัยอยู่บ้าง 


 


 


คุณป้า Aสีหน้าตกใจ “ยายหนูน้อยช่างน่าสงสารเสียจริงๆ อายุยังน้อยแค่นี้ คุณพ่อก็กลายเป็นโรคสมองเสื่อมไปแล้ว…..” 


 


 


คุณป้าB “ยายหนูเป็นตัวอย่างของเด็กกตัญญูจริงๆ” 


 


 


หรือไม่จริง? พอแก่ตัวลงก็เรียกตนเองฮ่องเต้ขึ้นมา ไม่ใช่โรคสมองเสื่อมแล้วจะเรียกว่าอะไร? 


 


 


ก่อนหน้านี้จีเฉวียนทรงถูกเพลิงของอสุรกายทมิฬเผาผลาญลำคอ ตอนนี้ยังไม่ฟื้นฟูดี 


 


 


เวลาพูดออกมาเสียงทั้งแหบแห้งทั้งสาก หากไม่ได้มองหน้า คนอื่นย่อมต้องคิดว่าเขาเป็นคนแก่จริงๆนั่นแหละ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเหลือบตามองดู ‘คุณพ่อที่แก่จนสมองเสื่อม’ไปแล้วแวบหนึ่งก็ต้องอมยิ้มออกมาเบาๆ 


 


 


จินตนาการของพวกป้าๆช่างบรรเจิดเกินไปแล้ว คุณป้ากลุ่มนี้ช่างน่ารักจริงๆ 


 


 


คุณป้าCยังไม่ยอมถอดใจ หันมากล่าวกับตู๋กูซิงหลันอีกว่า “ยายหนูน้อย ลูกชายของฉันน่ะ หน้าตาดี เรียนจบหมอมาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยังไงหนูก็ให้เบอร์ติดต่อทิ้งเอาไว้สิ คนหนุ่มคนสาวนะ เป็นเพื่อนกันเอาไว้ก็ดี” 


 


 


“อาการป่วยของคุณพ่อหนู ไม่แน่ว่าลูกชายของฉันอาจจะพอหาทางช่วยอะไรได้บ้างนะ” 


 


 


สถานที่อย่างเมืองหลวง มีแต่คนที่มีความสามารถ 


 


 


คนหนุ่มคนสาวที่ยังไม่แต่งงานมีให้เห็นเยอะแยะไปหมด กลายเป็นเหล่าพ่อแม่ที่น่าสงสาร ต้องร้อนใจจนต้องรีบช่วยลูกชายหาสะใภ้ หรือกระทั่งพ่อแม่ที่ช่วยลูกสาวหาสามีก็มีถมไป 


 


 


ถูกทาบทามในลิฟท์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเพียงยิ้มให้อย่างมีมารยาท 


 


 


นางยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงจีเฉวียนตรัสอย่างเย็นชาว่า “จบมาจากฮาโวฮาเวิดงี่เง่านั่นมีประโยชน์อะไรกัน?” 


 


 


ฮาร์วาร์ดสองคำนั่นฟังดูแล้วเหมือนพวกตลกงี่เง่าจะตายไป! 


 


 


ว่าแล้ว พระองค์ก็ตรัสต่อไป “เราเกิดมาในราชวงศ์ สองมือปกครองใต้หล้า มีแต่ยอดสุนัขเฒ่าเช่นเราถึงจะคู่ควรกับซิงซิง” 


 


 


พวกป้าๆทั้งหลาย “! ! !” 


 


 


ราชวงศ์สุนัขเฒ่าบ้าบออะไรกัน! 


 


 


“ยายหนูคุณพ่อของหนูป่วยไม่เบาเลยนะ จำเป็นต้องได้รับการรักษาจริงๆ!” 


 


 


ป่วยก็ส่วนป่วยเถอะ มีที่ไหนยังจะมาจ้องจะตะครุบลูกสาวของตนเองอีก? 


 


 


ตู๋กูซิงหลันที่อยู่ใต้หมวกและแว่นตากันแดดก็ตกตะลึงไปเช่นกัน 


 


 


หากรู้แต่แรกว่าเขาจะต้องมาที่โลกปัจจุบันนี้ นางไม่ควรใช้คำว่าสุนัขเฒ่ามาเอ่ยชมเขา….. 


 


 


ดูเอาเถอะเชื้อพระวงศ์สุนัขเฒ่าผู้นี้เอ่ยอย่างภาคภูมิใจขนาดไหน 


 


 


นางนวดขมับ ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเก้อเขินทั้งยังไม่กล้าเสียมารยาท “นั่นเอ่อ….เขาไม่ใช่คุณพ่อของฉันหรอกคะ เป็นแฟนของฉันเองค่ะ” 


 


 


ประโยคเดียวทำเอาคุณป้าทั้งหลายพูดอะไรไม่ออก 


 


 


“ติ๊ง….” พอดีกับที่ลิฟท์มาหยุดอยู่ที่ชั้นแปดพอดี 


 


 


ตู๋กูซิงหลันเข็นจีเฉวียนออกไป ทิ้งพวกป้าๆที่งงเป็นไก่ตาแตกเอาไว้ข้างหลัง 


 


 


สาวๆสมัยนี้…..รสนิยมแปลกประหลาดเกินไปแล้ว? 


 


 


ผู้ชายหนุ่มๆหล่อๆไม่เอา จะไปคว้าเอาคนแก่ที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม? 


 


 


ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายเกินไปแล้ว 


 


 


……………… 


 


 


 


 


 


เดิมทีสายพระเนตรของจีเฉวียนยังอยู่ที่ทองบนตัวป้าๆเหล่านั้น แต่ว่าตอนนี้ความสนใจทั้งหมดกลับพุ่งไปที่ประโยค ‘แฟน’ ของตู๋กูซิงหลันเมื่อครู่แล้ว 


 


 


“ซิงซิง เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเราคือใครนะ?” พระองค์หันพระพักตร์กลับไปมองดูนาง ด้วยความอยากฟังอีกครั้งหนึ่ง 


 


 


“ราชวงค์สุนัขเฒ่า?” ตู๋กูซิงหลันตอบ 


 


 


จีเฉวียนส่ายพระเศียร “นั่นมันเป็นที่เราพูดเอง ไม่ใช่ที่เจ้าพูด” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ตอบเขา ขณะเดียวกันก็เดินมาถึงร้านแฮร์สปาพอดี 


 


 


พูดให้ง่ายๆก็คือร้านทำผม  


 


 


นี่เป็นร้านแฟรนไชส์ที่ค่อนข้างหรูหราในเมืองหลวงเลยทีเดียว 


 


 


พอเพิ่งจะเข้าไป จีเฉวียนก็เห็นว่ามีคนกำลังตัดผมอยู่ 


 


 


สีพระพักตร์ของพระองค์แปรเปลี่ยนไปในทันที ซิงซิงคิดจะตัดพระเกศาของพระองค์ทิ้งไปหรือ? 


 


 


“ไม่ได้นะ ไม่ได้ ร่างกายและเส้นผมได้รับจากบิดามารดา ไม่สมควรทำให้เสียหาย” ฝ่าบาททรงอยากจะทรงวิ่งหนีแล้ว 


 


 


“ตัดไม่ได้จริงๆหรือ?” ตู๋กูซิงหลันมองดูปอยผมที่รุ่ยลงมาจากใต้หมวกเหล่านั้น….. 


 


 


เส้นผมที่เหยียดตรงและนุ่มลื่น 


 


 


ตัดทิ้งไปก็ออกจะเสียดายอยู่บ้าง แต่ว่าเมื่ออยู่ในโลกปัจจุบัน หากผู้ชายไว้ผมยาวมากไปก็ดูค่อนข้างจะประหลาดอยู่บ้าง 


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น…ตัวร้ายผู้นี้ก็กลายเป็นข่าวโด่งดังไปแล้ว เกรงว่าตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตคงจะกำลังควานหาผู้ชายผมยาวกันให้ควัก 


 


 


ฝ่าบาททรงส่ายพระเศียร อย่างไม่ยินยอมตัดพระเกศา 


 


 


หากไม่มีผมคงน่าเกลียดแย่! 


 


 


พวกผู้ชายที่พระองค์ได้ทรงพบเห็นในวันนี้…….แต่ละคนเหมือนกันตัวประหลาดหัวโล้น! 


 


 


“เอาเถอะ…..ไม่ตัดก็ไม่ตัด” ยากนักที่ตู๋กูซิงหลันจะยอมง่ายๆสักครั้ง 


 


 


จากนั้นนางก็พาพระองค์ไปยังจุดที่มีผู้คนบางตา ใช้หนังยางมันพระเกศาเป็นมวยผม 


 


 


จากนั้นก็ไปที่ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ เลือกเสื้อผ้าแบบตะวันตกสีน้ำเงินเข้มให้กับพระองค์ 


 


 


รูปร่างของจีเฉวียน ไม่ว่าส่วนไหนนางก็เคยเห็นมาหมดแล้ว เสื้อผ้าพวกนี้แค่ดูเพียงแวบเดียว นางก็รู้แล้วว่าแบบไหนที่เหมาะกับเขา 


 


 


พนักงานหญิงเห็นนางสวมใส่เสื้อผ้าราคาถูก ในใจก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา สีหน้าไม่ค่อยสู้ดี 


 


 


เธอไม่ค่อยอยากจะให้คนบนรถเข็น….ที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้ 


 


 


เพราะว่า….ราคาก็ไม่ใช่จะถูกๆ 


 


 


“เอาชุดนี้แหละ” ขณะที่ตู๋กูซิงหลันยื่นมือออกไปจะหยิบ ก็มีมืออีกข้างยื่นออกมา 


 


 


เป็นมือที่ทั้งขาวนวลและนุ่มนิ่ม ปลายเล็บแหลมๆสีเขียวใบชาเฉียดผ่านหลังมือของนางไป 


 


 


“หืม?” อีกฝ่ายสวมแว่นตาดำอันใหญ่และใส่หน้ากากปิดปาก กวาดตามองมา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที 


 


 


“บังเอิญจริง พวกเราเจอกันอีกแล้ว” ซ่งเจียงเสวี่ยยิ้มอ่อนๆ 


 


 


หลังมือของตู๋กูซิงหลันถูกปลายเล็บแหลมของนางข่วนจนบวมน้อยๆ นางคร้านที่จะสนใจซ่งเจียงเสวี่ย 


 


 


เพียงหันไปหาพนักงานหญิงคนนั้น แล้วเอ่ยย้ำอีกครั้งว่า “เอาชุดนี้ค่ะ” 


 


 


พนักงานหญิงสีหน้าไม่สู้ดี….. เธอไม่รู้จริงๆว่ายายคนจนนี่ไปเอาความมั่นใจและเย่อหยิ่งมาจากไหนกัน 


 


 


“ต้องขอโทษด้วย ฉันก็จะเอาชุดนี้เหมือนกัน” 


 


 


ถึงแม้ว่าจะถูกตู๋กูซิงหลันเมินใส่ ซ่งเจียงเสวี่ยก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า 


 


 


เธอถอดแว่นกันแดดและผ้าปิดปากออก หันไปสบตากับพนักงาน “เอาไปใส่ถุงได้เลยค่ะ ฉันรับชุดนี้” 


 


 


พอพนักงานหญิงได้เห็นใบหน้าของเธอ ก็ตื่นเต้นจนจะเป็นลม 


 


 


นั่นๆๆๆ….นั่นคือ ราชินีจอเงิน ซ่งเจียงเสวี่ย? 


 


 


ทำไมเธอถึงได้มาที่ห้างสือไต้ได้! 


 


 


ตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันออกจากบริษัทเทียนหยิ่ง ซ่งเจียงเสวี่ยก็แอบตามมาตลอดทาง 


 


 


เพียงแต่เมื่อครู่นี้คลาดกันไป พอวนไปวนมาอยู่หลายรอบก็เหลือบเห็นรถเชอรี่QQคันนั้นของเธอ จึงตามมาจนถึงที่นี่ 


 


 


พอดีกับที่….ได้เห็นผู้ชายที่อยู่บนเก้าอี้รถเข็นคันนั้น 


 


 


ผู้ชายคนนี้….คนที่อยู่เบื้องหลังตู๋กูซิงหลันคนนั้นหรือ? 


 


 


บุคคลลึกลับที่คอยปกป้องนางมาตลอดหลายปีคนนั้น? 


 


 


บุรุษที่ทำให้โลกของเหล่านักพรตทั้งหลายต้องแตกตื่นด้วยความตกใจ? 


 


 


ดวงตาดอกท้อหลังแว่นตากันแดดของตู๋กูซิงหลันเปล่งประกายเย็นยะเยือกขึ้นมา 


 


 


นางยกสองมือขึ้นกอดอก ลดแว่นตาลง แสงเย็นชาในดวงตาดอกท้อเปลี่ยนเป็นเอาเรื่อง 


 


 


ขณะที่พนักงานหญิงคนนั้นกำลังกุลีกุจอพับเสื้อผ้าใส่ถุง สายตาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมามองดูนาง 


 


 


“สิ่งของที่เจ้ถูกใจ ใครหน้าไหนกล้าแตะก็ลองดู?” นางเอ่ยขึ้นมากล่าวด้วยน้ำเสียงเ**้ยมเกรียมพลาง เดินเข้าไปหาอย่างสง่างาม 


 


 


ในที่สุดก็ค่อยยอมเสียสายตาหันมามองซ่งเจียงเสวี่ยตรงๆ 


 


 


“กล้าแตะต้องของๆเจ้ เธอคิดถึงจุดจบเอาไว้แล้วใช่ไหม?” 

 

 

 


ตอนที่ 482 “สิ่งประหลาดในร่างกายของซ่...

 

ฮ่องเต้ทรงรีบจัดสรรพระองค์เองเอาไว้ใน ‘สิ่งของของซิงซิง’ โดยทันที 


 


 


อืม ซิงซิงพาพระองค์มาซื้อเสื้อผ้า กล้าแตะต้องเสื้อผ้าของพระองค์ก็เท่ากับแตะต้องพระองค์ 


 


 


สายพระเนตรภายใต้หมวกคลุมชุดนอนกวาดไปยังร่างของซ่งเจียงเสวี่ยด้วยแววพระเนตรเย็นชา  


 


 


พระขนงของพระองค์ขมวดมุ่น 


 


 


สตรีผู้นี้……มีไอหยินหนักแน่น ซิงซิงเก่งกาจนัก สมควรจะตรวจสอบออก 


 


 


ยามที่จีเฉวียนทอดพระเนตรออกไปนั้น ซ่งเจียงเสวี่ยคล้ายกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอหรี่ตามองกลับมา จากนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้จีเฉวียนอีกหลายก้าว ราวกับว่าต้องการจะมองให้ชัดเจน 


 


 


พอขยับเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นตู๋กูซิงหลันเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้า ดูตาของนางจดจ้องอยู่บนร่างของซ่งเจียงเสวี่ย ขณะที่ซ่งเจียงเสวี่ยยังไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ ก็ชิงต่อยหมัดออกไปก่อนแล้ว 


 


 


หมัดนี้พอต่อยออกไป ซ่งเจียงเสวี่ยแทบจะปลิวขึ้นไปทั้งตัว 


 


 


พนักงานหญิงหันกลับมา เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นพอดี 


 


 


นี่ๆๆๆๆ…..ต่อให้ตีให้ตายเธอก็ไม่กล้าเชื่อ ว่าผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าราคาถูกนั่น….. 


 


 


จะเป็นราชินีจอเงินคนก่อน เยี่ยซิงหลัน? 


 


 


วันนี้มันเป็นวันอะไรกัน …..ทำไมทั้งสองคนถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกัน? 


 


 


แล้ว….ราชินีจอเงินคนก่อนก็ยังต่อยใส่ราชินีจอเงินคนปัจจุบันด้วย? 


 


 


เธอตกใจจนอ้าปากค้าง แล้วก็ตัดสินใจรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาในทันที 


 


 


นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว! 


 


 


ทันทีที่เปิดมือถือ จีเฉวียนก็ผลักรถเข็นเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพนักงานหญิงอย่างรวดเร็ว 


 


 


พระองค์ยื่นพระหัตถ์ใหญ่โตออกไป คว้าโทรศัพท์มือถือของพนักงานหญิงผู้นั้นขึ้นมา บีบแตกละเอียดคาพระหัตถ์! 


 


 


เสียงแตกเปรี๊ยะ ชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือแตกกระจายออกมากระเด็นใส่หน้าของพนักงานขาย จนได้เลือด 


 


 


จากนั้นก็เห็นฮ่องเต้ที่อยู่ใต้หมวกของชุดนอนตรัสด้วยดวงเนตรหงส์ที่เย็นชาดุจน้ำแข็งว่า “ยามที่ซิงซิงของเราสั่งสอนผู้คน อย่าได้สอดมือ!” 


 


 


ถึงแม้ว่าพระองค์จะมิได้เข้าใจเรื่องโทรศัพท์มือถือสักเท่าไร แต่ก็ทรงทราบดีว่า ของเล่นชิ้นนี้สามารถวาดภาพขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในเพียงวูบเดียว 


 


 


ตัวอย่างเช่น ตอนนี้ซิงซิงกำลังจัดการคน มันก็สามารถบันทึกภาพทั้งหมดของนางเอาไว้ 


 


 


อืม ถือว่าเป็นของเล่นที่ใช้การได้อยู่เหมือนกัน 


 


 


ของเล่นชิ้นนี้สามารถก่อปัญหาได้ไม่น้อย 


 


 


สิ่งที่ฝ่าบาททรงสามารถทำได้ในขณะนี้ ก็คือปกป้อง! ปกป้องสุดชีวิต! 


 


 


ซิงซิงจะทำร้ายคนก็ช่าง จะต้องเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายกระทำเรื่องสุดชั่วช้า จนถึงกับทำให้นางหมดความอดทนอย่างแน่นอน! 


 


 


พอคิดเช่นนี้ พระวรกายของจีเฉวียนก็สร้างไอหมอกสีดำออกมา 


 


 


แสงสว่างภายในร้านครึ้มลงอีกหลายส่วน ราวกับว่าไฟถูกดับ ทั่วทั้งร้านมืดมิดไปหมด 


 


 


และทันทีที่พระวรกายของจีเฉวียนปรากฏหมอกดำขึ้นมา บริเวณด้านในของร้านก็เหมือนกับถูกกางกั้นเอาไว้ 


 


 


คนภายนอกมองไม่เห็นว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น 


 


 


พระองค์ทรงทราบว่า ในโลกปัจจุบันใบนี้ ซิงซิงเป็นคนดังที่มีชื่อเสียง 


 


 


คนมีชื่อเสียงทำร้ายคนอื่น ย่อมต้องเกิดข่าวลือเสียหายในสังคม 


 


 


ดังนั้นพระองค์จึงกางเขตกันร้านนี้เอาไว้ในความมืด แยกมันออกจากภายนอก 


 


 


วันนี้….ต่อให้สตรีผู้นั้นถูกซิงซิงทุบตีจนเป็นทะลุเป็นตะแกรง ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามาช่วยเหลือนาง 


 


 


……………………… 


 


 


หมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันพอต่อยออกไป ซ่งเจียงเสวี่ยก็ถอยร่นไปอีกหลายก้าว 


 


 


ใบหน้าที่งดงามนุ่มนวลของเธอแขวนรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป 


 


 


มุมปากของเธอมีเลือดไหลซึมออกมา เธอยกมือขึ้นปาดเช็ด จดจ้องตู๋กูซิงหลันอย่างไม่วางตา 


 


 


เธอยกหมัดขึ้นมา จับตาดูนางอย่างเย็นชา “เยี่ยซิงหลัน ในที่สุดก็อดไม่ไหวแล้วใช่ไหม? กล้าตบตีฉันต่อหน้าผู้คน วันนี้เธอจะต้องกลายเป็นหนูข้างถนนอย่างแน่นอน!” 


 


 


ทันทีที่พูดจบ เธอถึงได้รู้สึกถึงหมอกดำที่รายล้อมอยู่รอบห้อง 


 


 


นี่….มันอะไรกัน? 


 


 


เธอมองไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็น ก็ต้องรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา 


 


 


“หรอ? ไหนๆก็จะต้องกลายเป็นหนูข้างถนนแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ขออัดเธอให้ตายไปเลยเป็นไง? วันๆจะได้ไม่ต้องมาคอยหลอกหลอน ให้รำคาญใจอีก” 


 


 


ตู๋กูซิงหลันยกหมัดขึ้นมา ไม่พูดไม่จาก็ต่อยใส่ร่างของนางแบบไม่ยั้ง 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยคราวนี้รู้จักฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว เธอหลบวูบไปด้านข้าง ถกชายกระโปรงชักเอาปืนขึ้นมาด้ามหนึ่ง 


 


 


ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกำลังจะต่อยลงมาอีกหมัดหนึ่งนั้น เธอก็สับไกปืนยิงออกไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


ปืนนี้เก็บเสียง เสียงที่ดังออกมาจึงเบามาก 


 


 


ได้ยิงเสียงฟุบครั้งหนึ่ง ลูกกระสุนก็พุ่งออกไปในอากาศ 


 


 


ท่ามกลางความมืด ลูกกระสุนพุ่งตรงเข้าหาสมองของตู๋กูซิงหลัน 


 


 


“อดีตราชินีจอเงินริษยาจนคลุ้มคลั่ง คิดจะลงมือฆาตกรรมราชินีจอเงินคนปัจจุบัน ….เยี่ยซิงหลัน แกตายแน่ อย่างมากฉันก็โดนแค่ข้อหาพยายามปกป้องตนเองเท่านั้น สบายๆไร้ปัญหา” ซ่งเจียงเสวี่ยกุมปืนเอาไว้พลางยิ้มอย่างเย็นชา 


 


 


“ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แกก็ยังไม่รู้จักฉลาดขึ้นมาเสียบ้าง….บ้าบิ่นจนไร้สมอง วันนี้แกหาเรื่องตายเอง จะโทษใครไม่ได้หรอกนะ!” 


 


 


ลูกกระสุนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยมุมที่ไม่ธรรมดา ไม่เปิดโอกาสให้คนได้หลบหลีกแม้แต่น้อย 


 


 


ขณะที่ซ่งเจียงเสวี่ยพูดออกไปพึ่งจะขาดคำ ก็เห็นกระสุนลูกนั้นกำลังจะพุ่งทะลุเข้าหน้าผากของตู๋กูซิงหลัน 


 


 


นางชะงักหยุดอยู่กับที่ ศีรษะระเบิดออกมา 


 


 


เลือดและสมองกระเด็นไปโดนราวแขวนเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างจนเปรอะเปื้อนไปหมด 


 


 


พนักงานหญิงเห็นฉากนั้นแล้ว ก็ร้องเสียงแหลมออกมา “ฆ่าคนแล้ว!” 


 


 


เธอตกใจจนสลบลงไปในทันที 


 


 


เธอยังคงสงสัยขึ้นมาว่าตนเองฝันไปหรือไม่! 


 


 


อีกด้านหนึ่ง ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนรถเข็นสาดพระเนตรเย็นชาออกมา พระองค์โผขึ้นจากเก้าอี้รถเข็น พุ่งเข้าไปถึงข้างกายซ่งเจียงเสวี่ยในทันที 


 


 


แต่ไหนแต่ไรฝ่าบาทไม่เคยทำร้ายอิสตรีมาก่อน 


 


 


แต่ว่าครั้งนี้ พระองค์กลับใช้พละกำลังทั้งหมดในร่าง คว้าลำคอของซ่งเจียงเสวี่ยเอาไว้ในวูบเดียว แทบจะเด็ดศีรษะของเธอออกมาในทันที! 


 


 


ต่อหน้าต่อตาของพระองค์……กล้าทำกับซิงซิง…… 


 


 


ขณะที่ซ่งเจียงเสวี่ยถูกพระองค์บีบคอเอาไว้ก็ยังยื่นมือไปกระชากหมวกคลุมบนชุดนอนของจีเฉวียนออกมา 


 


 


ทันใดนั้นเอง เธอก็ได้เห็นดวงพักตร์ที่งดงามล้ำโลกนั้น 


 


 


ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เพราะหายใจแทบไม่ออก 


 


 


บุรุษผู้นี้…..เขาก็คือซื่อมั่วหรือ? 


 


 


ไม่…ไม่คล้าย แต่ก็ดูคล้าย! 


 


 


เธออ้าปากกว้างพยายามจะหอบหายใจเข้าไป แต่ว่าสิ่งที่สัมผัสได้กลับมีแต่ความเหน็บหนาวสุดหยั่ง 


 


 


ในร่างกายราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังถูกบีบคั้นออกมา 


 


 


บางอย่างกำลังฉีกกระชากกางกรงเล็บออกมาราวกับหลุดออกจากเปลือก 


 


 


ไม่เป็นไร….อย่างไรเสียเยี่ยซิงหลันก็ตายไปแล้ว! 


 


 


เธอสามารถทำให้มันตายได้ครั้งหนึ่ง ก็ย่อมสามารถทำให้มันตายได้เป็นครั้งที่สอง 


 


 


ที่เสินฟางระเบิดพลังคลุ้มคลั่ง ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือของนางหรอกหรือ? 


 


 


ต้องโทษทีเสินฟางนั่นมันไม่ได้เรื่อง ไม่อาจทำลายจิตวิญญาณของเยี่ยซิงหลันไปด้วย! 


 


 


ซ่งเจียงเสวี่ยแสยะยิ้มออกมา ด้วยความอยากหัวเราะอย่างสะใจ 


 


 


แต่ว่าในขณะนั้นเอง เธอกลับเห็นที่ด้านหลังของจีเฉวียนมีสตรีในชุดสีแดงผู้หนึ่งเดินออกมาอย่างช้าๆ 


 


 


ในมือของนางมียันต์ใบหนึ่ง บนยันต์แผ่นนั้นมีอักขระ ‘หุ่นเชิด’กำกับอยู่ มันผนึกลงไปบนกระสุนที่เธอยิงออกมาเมื่อครู่ 


 


 


ยังดีที่เธอมีปฏิกริยาว่องไว ใช้ยันต์บังคับหุ่นเชิดเปลี่ยนที่กับร่างกายของตนเอง มิเช่นนั้นนางคงจะถูกระเบิดหัว จนต้องล่องเรือไปยมโลกเสียแล้ว 


 


 


“ไง เดี๋ยวนี้ปืนเค้าทำใหม่แล้วหรอ ขนาดกระสุนยังสามารถผนึกไอหยินลงไปได้ด้วย?” 


 


 


นางกล่าวอย่างไม่เร็วไม่ช้า เดินมาถึงตรงหน้าซ่งเจียงเสวี่ยที่มุมปากก็ยังมีรอยยิ้มประดับค้างอยู่ แต่ว่าสีหน้ากลับเปลี่ยนไปเสียแล้ว ลูกกระสุนในฝ่ามือถูกผลักเข้าไปในทรวงอกของซ่งเจียงเสวี่ย 


 


 


“เฮือก!” ซ่งเจียงเสวี่ยส่งเสียงร้องออกมาคำหนึ่ง 


 


 


ผิวหนังของเธอหลุดลอกออกมา ทั่วทั้งร่างมีแต่เลือด ตัวประหลาดที่ไร้ผิวหนังตัวหนึ่งคืบคลานออกมาจากร่างของเธอ 


 


 


จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูผิวหนังที่ว่างเปล่าผืนนั้นร่วงลงไปบนพื้น 


 


 


นั้นเป็นปีศาจที่มีร่างดุจมนุษย์ตนหนึ่ง …..ที่มีแต่เลือดโชกท่วมตัว แม้แต่ใบหน้าก็ยังเละจนเลอะเลือน ลูกตาที่ไม่มีหนังตาคู่นั้นดูแล้วน่าหวาดผวาเป็นพิเศษ 


 


 


เธอหันมาจับจ้องมองไปยังตู๋กูซิงหลันด้วยความแค้น 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)