ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 468-471
ตอนที่ 468 ทาสรับใช้
นั่นเป็น…..ศีรษะที่โล้นจนส่องประกาย?
ทั้งหัวคิ้ว ดวงตา จมูก ปาก กระทั่งขนตาและขนคิ้วล้วนซีดขาวราวหิมะ
ใบหน้าด้านข้างที่ขาวราวกระดาษ ปรากฏดอกพลับพลึงแดงมากมาย
ยามนี้เขากำลังใช้ดวงตาที่ไร้ซึ่งนัยตามามองดูนาง
สีหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ และไม่มีแม้แต่ความประหลาดใจเลยด้วยซ้ำ
กลับเป็นตู๋กูซิงหลันที่มองดูคนที่แม้ไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็งดงามอย่างลึกลับน่ากลัว ด้วยความตื่นตะลึงไปครู่หนึ่ง
คู่แค้นที่ฆ่ากันตายไปเมื่อ ‘ชาติก่อน’ …..เสินฟาง กลับมาปรากฏตัวอย่างเปิดเผยอยู่ในบ้านพักส่วนตัวของนาง?
“เยี่ย…..” สองคำหลังยังไม่ทันออกจากปาก ก็เห็นมุมปากของเขากระตุกอย่างเต็มฝืน คำที่ยังไม่ทันออกจากปากเปลี่ยนเป็น “คุณหนู….เยี่ย เจ้า…ท่านตื่นแล้ว”
ถึงกับใช้ภาษาสุภาพด้วย!
เหลือก็แต่ใบหน้าที่งดงามนั้นยังคงทำสีหน้าไร้อารมณ์ แสดงให้เห็นว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้เต็มอกเต็มใจสักเท่าใด
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกหนาวจนขนลุกไปทั้งร่าง
นางนวดขมับศีรษะ พิงร่างลงไปกับปากประตู จับจ้องเข้าด้วยแววตาที่พร่ามัว “เสินฟาง นี่เจ้า กินยาผิดมาหรือไง?”
นับตั้งแต่จากกันที่สระสวรรค์ในแคว้นเซอปี่ซือ นางก็คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ต้องเจอกับเขาแล้ว
ไหนจะรู้ว่าคนกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้านางอย่างโฉ่งฉ่างเช่นนี้
“ไม่ได้กินยา” เสินฟางพูดพลาง ก็ยกแขนขวาของตนเองขึ้นมา ใจกลางของมือขวาปรากฏตัวอักษร ‘ทาส’ สว่างวาบที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้นมาแวบหนึ่ง
“อ๋อ…. ข้าพึ่งจะกลับมาถึงโลกปัจจุบันนี้ ก็ถูกซื่อมั่วใช้ ‘คำสาปทาสรับใช้’ รอให้เจ้ากลับมาเมื่อไหร่ ก็ต้องเป็นทาสของเจ้าไปหมื่นปีเพื่อชดเชยความผิดต่อเจ้า”
เสินฟางพูดจบแล้ว ก็เก็บมือกลับไป
สรุปก็คือ นับตั้งแต่ที่เขากลับมาจากโลกมิติโน้นก็ต้องกลายเป็นทาสรับใช้ของตู๋กูซิงหลันไปอีกหมื่นปี
เพื่อชดใช้หนี้ชีวิตที่เขาติดค้างตู๋กูซิงหลัน
ในหมื่นปีนี้ หากนางบอกให้ไปทางตะวันออก เขาไม่อาจไปทางตะวันตก นางบอกให้ฆ่าคน เขาย่อมไม่อาจช่วยคน
ตู๋กูซิงหลันใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง พลางหัวเราะออกมา
“ช่างสมกับที่เป็นท่านอาจารย์ของข้า”
คนเป็นถึงหนึ่งในสิบยมราชแท้ๆ กลับถูกเขาจับมาบอกให้เป็นทาสรับใช้ก็ต้องเป็นทาสรับใช้
ชาติก่อน ทำไมนางถึงได้ไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าท่านอาจารย์แข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ภายใต้แสงอบอุ่นอ่อนจาง นางสวมใส่เพียงชุดนอนผ้าไหมสีแดงตัวบาง เสียงหัวเราะเมื่อครู่ดุจดั่งนางปีศาจที่เย้ายวน
ฝ่ามือที่บอบบางตบลงไปบนบ่าเย็นๆของเสินฟางเบาๆ “ต่อไป ต้องรบกวนมากแล้ว”
เสินฟาง “………”
เขาเหลือบตามองดูมือที่วางอยู่บนหัวไหล่ จากนั้นก็ถอยออกไปด้านหลังก้าวหนึ่ง ไม่รู้ว่าเขาไปหาผ้าห่มแคชเมียร์สีขาวมาจากไหน คลุมผ้าผืนนั้นลงไปบนร่างของนาง
เรือนร่างที่บอบบางถูกผ้าห่มผืนหนาคลุมลงไปอย่างมิดชิด
“คำสั่งแรกของซื่อมั่วต่อผู้รับใช้ ก็คือห้ามมิให้คุณหนูสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย” พอคลุมผ้าห่มแคชเมียร์ให้นางเรียบร้อยแล้ว เสินฟางก็กล่าวต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ตู๋กูซิงหลัน “หา…”
‘ชาติก่อน’ ท่านอาจารย์ไม่เห็นจะเข้มงวดกับนางเช่นนี้เลย
ชุดนอนชุดนี้ของนาง……ยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ว่าตามจริงแล้ว ตู๋กูซิงหลันไม่เห็นว่ามันจะเปิดเผยอะไรสักเท่าไหร่
“ท่านอาจารย์ล่ะ ข้าอยากจะเจอเขา” ผ่านไปครู่หนึ่ง ตู๋กูซิงหลันถึงได้คิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา
แรงงระเบิดที่ก้นทะเลนั่นรุนแรงเหนือธรรมดา……จิตวิญญาณของท่านอาจารย์สมควรจะกลับมาแล้วกระมัง?
“เข้าฌานไปแล้ว” เสินฟางยังคงกล่าวด้วยสีหน้าเฉยชาต่อไป เขาล่ะอยากจะให้ซื่อมั่วตายไปเสียจริงๆ….หากตายไปคำสาปทาสที่อยู่บนร่างของเขาก็จะได้รับการปลดปล่อย
“เข้าฌานไปแล้ว?” ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว จะอย่างไรนางก็อดที่จะกังวลใจไม่ได้ “เป็นเพราะว่าได้รับบาดเจ็บหรือว่ามีสาเหตุอื่นใดหรือไม่?”
นางทางหนึ่งถาม ทางหนึ่งก็ปลดผ้าห่มแคชเมียร์นั่น ชักเท้าเดินลงไปยังชั้นล่าง
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น…..เกรงว่ามีแต่ท่านอาจารย์เท่านั้นที่รู้อย่างชัดเจน
ยังมีจีเฉวียนอีกคน……เขา……ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
เสินฟางบิดเอวก้มลงไปเก็บผ้าห่มแคชเมียร์บนพื้นขึ้นมา พาดเอาไว้บนแขนแล้วจึงเดินตามนางไปอย่างไม่เร็วไม่ช้า
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในโลกปัจจุบันแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าแบบตะวันตกมาก่อน เขายังคงสวมใส่ชุดยาวสีน้ำเงินเข้ม ดูไปแล้วก็คล้ายดั่งปีศาจรูปงามตนหนึ่ง
“ซื่อมั่วไปเข้าฌานที่ธารน้ำพุเหลืองไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวน รวมถึงคุณหนูด้วย” เสินฟางพูดแล้วก็เสริมต่ออีกประโยคหนึ่ง “พอถึงเวลา เขาก็จะกลับมาเอง”
ธารน้ำพุเหลือง ….นั่นเป็นสถานที่ที่ไม่ว่านักพรตหรือภูติผีปีศาจตนใดได้ยินเข้าก็ยังต้องหน้าเปลี่ยนสี
สถานที่ที่ผู้ที่ตายไปแล้วล้วนต้องผ่านเข้าไป ความสำคัญของธารน้ำพุเหลืองก็คือ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นและความตาย ต่อให้เป็นผู้ที่บำเพ็ญเพียรมานานจนแข็งแกร่งมากเพียงไร หากว่ารั้งอยู่ที่ธารน้ำพุเหลืองนานเกินไปก็ต้องถูกไอแห่งความตายกลืนกินอยู่ดี หากเผลอไผลไม่ทันระวังขึ้นมาก็อาจจะกลายเป็นคนตายไปจริงๆได้โดยง่าย
คนที่กล้าไปเข้าฌานที่ธารน้ำพุเหลืองเกรงว่าคงจะมีแต่ซื่อมั่วเพียงผู้เดียวแล้ว
ตู๋กูซิงหลันเดินลงไปจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายค่อยหันศีรษะกลับมามองดูเสินฟาง
เท่าที่นางจดจำได้ ท่านอาจารย์เคยไปที่ธารน้ำพุเหลืองครั้งหนึ่ง….นั่นเป็นตอนที่เขาสละพลังทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิตของคนทั้งเมืองเอาไว้
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หายตัวไปถึงหนึ่งเดือน จากนั้นนางถึงได้รู้ว่าเขาไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ธารน้ำพุเหลืองนั่นเอง
ดังนั้นพอได้ยินว่าเขาไปที่ธารน้ำพุเหลือง ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกหนักใจขึ้นมา
ครั้งนี้ท่านอาจารย์…..คงจะได้รับบาดเจ็บมากเลยกระมัง
แรงระเบิดที่สามารถกักขังอสุรกายโลกันตร์นั้นได้ จะต้องเป็นขุมพลังของเขา
“ซื่อมั่วสั่งเอาไว้ คุณหนูไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลถึงเขา ใต้หล้านี้ไม่มียมบาลคนใดหรือนรกขุมใดกล้ารั้งตัวเขาเอาไว้” ประเด็นนี้เสินฟางเองก็ประจักษ์แก่ใจดี พวกยมราชหน้าใหม่ได้เห็นเขาแล้วก็ยังต้องอ้อมหลบไปเลย
มือของตู๋กูซิงหลันวางอยู่บนราวข้างบันได อุณหภูมิที่เย็นเฉียบของราวบันไดแล่นผ่านผิวหนังไปยังหัวใจของนาง
นางเกือบจะพุ่งออกไปตามหาอาจารย์ที่ธารน้ำพุเหลืองอยู่แล้ว
แต่ว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นเงาร่างของคนผู้หนึ่งที่อยู่บนโซฟาเสียก่อน คนที่ทำให้แม้แต่ลมหายใจของนางก็ยังต้องสะดุดไป
ห้องโถงที่ชั้นหนึ่งนั้นกว้างขวางมาก โซฟาก็ตัวใหญ่ ทำจากหนังแกะที่อ่อนนุ่ม
คนผู้นั้นเปลือยท่อนบน บาดเจ็บสาหัสจนต้องถูกห่อหุ้มร่างเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลเกือบจะทั้งตัว ทั้งยังสามารถเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาได้อย่างชัดเจน
ชั้นหนึ่งไม่ได้เปิดไฟ มีแต่เพียงแสงจันทร์อ่อนๆที่ส่องผ่านเข้ามาจางๆ
แสงจันทร์จับอยู่บนใบหน้าที่หมดจดงดงามนั้น สะท้อนเครื่องหน้าที่คมชัดของเขาออกมา
เส้นผมที่ทั้งดกดำและยาวสลวยแผ่กระจายอยู่ใต้ร่าง หนุนนำความงดงามให้เด่นชัดกว่าเดิม
“ถูกส่งกลับมาพร้อมกับคุณหนู บาดเจ็บหนักมาก เกือบจะตายเสียแล้ว” เสินฟางกล่าวต่อไป “คนผู้นี้ช่างเก่งกาจนัก แผ่นหลังถูกเผาจนไหม้เกรียม กระดูกหักทั่วทั้งร่างก็ยังไม่ตาย ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
“อ้อ….ข้าช่วยทำแผลให้กับเขาแล้ว อีกไม่กี่วันก็คงจะรู้สึกตัวขึ้นมา”
ตู๋กูซิงหลันมองดูคนที่นอนอยู่บนโซฟา ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
จีเฉวียน…..เขายังไม่ตาย แถมยังกลับมายังโลกปัจจุบันพร้อมกับนาง
ตอนที่นางสาวเท้าเร็วไปที่ข้างกายของจีเฉวียน ก็เห็นขนตาของเขากำลังกระพริบ ภายใต้แสงจันทร์ ดวงเนตรหงส์คู่นั้นลืมขึ้นมาเป็นเส้นบางๆ
เผยความเย็นยะเยือกที่อยู่ภายในออกมา
แต่พอสบตาเข้ากับดวงตาดอกท้อทั้งคู่ของตู๋กูซิงหลัน แววตาที่เย็นยะเยือกของดวงเนตรหงส์ก็ละลายหายไป เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานอย่างที่สุดแทน
เขาอ้าปาก เอ่ยเสียงออกมาจากลำคอสองคำอย่างยากลำบาก “ซิงซิง …..”
ตอนที่ 469 สุดยอดราชินีจอเงิน
น้ำเสียงของพระองค์ทั้งแหบแห้งและฝืดเฝื่อน ราวกับเรียกผ่านกระดาษทรายออกมา
ตู๋กูซิงหลันเห็นรอยแผลไฟไหม้ที่อยู่บนพระศอของพระองค์ก็รู้ว่าเปลวเพลิงของอสุกายโลกันตร์ตัวนั้นแผดเผาคอของเขา
ตู๋กูซิงหลันมองดูริมฝีปากที่ซีดขาวของพระองค์ เห็นมันแห้งผาดจนหลุดลอกออกมา ในใจก็รู้สึกปวดร้าว
นางเดินเข้าไป นั่งลงที่ข้างๆพระองค์ พลางจับพระหัตถ์ของจีเฉวียนเอาไว้ กล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านวางใจเถอะ ……อยู่ในโลกปัจจุบันนี้….ข้าร่ำรวยมากเลยนะ ต่อให้ท่านเป็นคนพิการไปแล้ว ข้าก็ยังเลี้ยงดูท่านได้”
นางคิดเช่นนี้อยู่จริงๆ……..ให้นางเลี้ยงดูฮ่องเต้สุนัขผู้หนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
ตอนแรกจีเฉวียนกำลังอยู่ในความยินดีที่ได้กับมาเจอกัน พอเจอกับประโยคนี้ของนางเข้าไปก็เหมือนกับโดนสาดน้ำเย็นราดรดใส่พระเศียร
ตอนที่อยู่ที่ภูเขาไร้สิ้นสุด พระองค์ทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อจะกดดันให้มันกลับลงไปใต้ภูเขา ตอนสุดท้ายที่ใกล้จะหมดสติไปนั้น ทรงรู้สึกว่าได้ทรงพระเนตรเห็นเงาคนในชุดสีม่วงเงาหนึ่ง
จากนั้น ก็จำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
พระศอของพระองค์ทั้งเจ็บและแสบร้อนราวกับไฟลุก
แต่ก็ยังฝืนตอบออกมาว่า “ต่อให้เราต้องไปขอทาน ก็จะต้องเลี้ยงดูเจ้าให้มีอยู่มีกิน เป็นถึงบุรุษ แล้วจะปล่อยให้คนรักต้องเหนื่อยยากได้อย่างไร”
ตู๋กูซิงหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ส่ายศีรษะ “เกรงว่าจะไม่ได้ คงจะไม่ได้หรอก ท่านไม่รู้จักโทรศัพท์มือถือ We chatใช้ไม่เป็น QR code ก็ไม่รู้เรื่อง แล้วจะสั่งข้าวมากินได้ยังไง”
ใช่แล้ว…..โลกปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้วนก้าวหน้า ตอนนี้ออกจากบ้านไม่มีใครเขาใช้เงินสดกันอีกแล้ว แล้วอย่างนี้ฮ่องเต้สุนัขจะไปขอทานได้อย่างไร?
จีเฉวียนรับฟังด้วยพระพักตร์มึนงง พระองค์ละสายพระเนตรไปจากตัวตู๋กูซิงหลัน มองออกไปรอบด้าน
เป็นห้องที่ดูแปลกประหลาดมาก ……ไม่มีกำแพงเลย ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าดอกกุหลาบในสวนกำลังถูกสายลมพัดจนไหวเอน แต่ว่ากลับไม่มีลมพัดเข้ามาในห้อง
เครื่องเรือนภายในบ้านหลังนี้ก็แปลกประหลาด …..โต๊ะเก้าอี้ล้วนดูแปลกตา แม้กระทั่งเบาะนุ่มที่พระองค์นอนอยู่นี้ก็ยังใหญ่เสียงจนน่าฉงนใจ สวยงามหรูหราเสียจนน่าแปลกใจ
พระองค์หันซ้ายหันขวาไปมาโดยรอบ ที่ที่อยู่ในตอนนี้ไม่ใช่แคว้นต้าโจว….และยิ่งไม่ใช่โลกที่พระองค์เคยอยู่?
“โทรศัพท์มือถือ We Chat Qr Code คืออะไร?” พระองค์ทรงฝืนทนต่อความเจ็บปวดบนพระศอ ไถ่ถามออกไป
ตู๋กูซิงหลันมองดูรอยเลือดที่ซึมออกมาตามพระวรกาย ก็ได้แต่ตบลงไปบนพระหัตถ์เบาๆ เอ่ยตอบอย่างเนิบนาบว่า “ยังมีเวลาอีกมากมาย ให้ท่านค่อยๆทำความเข้าใจ”
เสินฟางยืนอยู่ด้านหลังของนาง มีอยู่ชั่วแวบหนึ่ง ที่อยู่ๆเขาก็รู้สึกขึ้นมาว่าร่างกายของนางกำจายความชั่วร้ายบางประการออกมา
…………………….
เนื่องเพราะสภาพร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส ตลอดครึ่งคืนหลังเขาจึงอ่อนล้าจนหลับใหลไปอีกครั้ง
ตู๋กูซิงหลันห่มผ้าให้เขากับมือ ตนเองก็ดื่มน้ำไปสองแก้วค่อยออกไปรับลมเย็นๆในสวน
พึ่งจะเดินออกไป ก็เห็นภายในสวนดอกกุหลาบของนางมีความเคลื่อนไหว
นางกวาดสายตาราวกับคมดาบไปในทันที “ใครอยู่ที่นั่น?”
พอสิ้นเสียง ก็เห็นก้นของไก่ตัวหนึ่งกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้
ก้นไก่สีเงินยวง เส้นขนเงางาม อ้วนกลมจนปุกปุยอย่างยิ่ง
“กะ กะ กะต๊าก….” เจ้าไก่ดำขนฟูกระพือปีกทั้งสองข้าง กระโจนออกมาอย่างกระตือรือร้น
“พี่สาวตัวน้อยไม่ต้องตกใจไป…กะ กะ กะต๊าก …..ข้าก็คือติ๊งต๊องที่ท่านรักเอ็นดูที่สุดไง ….กะกะกะต๊าก…..”
มันทางหนึ่งกระพือปีก ทางหนึ่งก็พูดไปด้วย
จากนั้นก็ตกตะลึงไปครู่ใหญ่ แล้วอยู่ๆเจ้าไก่ดำขนฟูก็แตกตื่นขึ้นมาอีก
“เฮ้ย …แม่เจ้า! นี่เฮียพูดได้แล้วนี่ กะกะกะต๊าก?”
“กุ๊กๆๆๆ….เฮอะๆๆๆ…ฮ่าๆๆๆๆ….แม้เจ้าโว้ย ไก่อย่างเฮียพูดได้แล้วรึนี่? กะกะกะต๊าก!”
ตู๋กูซิงหลันมองดูท่าทางที่มันยืนยันกับตนเองด้วยความตื่นเต้นจนแทบเสียสติ ……ก็รู้สึกอายแทนจนพูดอะไรไม่ออก
“โอ้วๆๆๆ…….นี่จะต้องเป็นเพราะแรงระเบิดที่สุดแสนน่าสะพรึงกลัวที่ก้นทะเลลึกนั่น ทำเอาไก่อย่างเฮียตกใจจนพูดภาษาคนได้!”
เจ้าไก่ดำขนฟูพร่ำเพ้อจนวิ่งวนไปรอบๆตัวตู๋กูซิงหลัน
“พี่สาวตัวน้อย เฮียจะบอกอะไรให้ฟังนะ….”
“ตอนที่อยู่ในเผ่ามังกรทมิฬ….เฮียกับราชาสุนัขป่าถูกพี่รองของท่านแอบปล่อยออกมา คิดจะไปช่วยพี่สาวชือหลี…แต่ปรากฏว่า…..ปรากฏว่าไอ้หมาป่าอึเหม็นนั่น…..มันกลับพาเฮียไปหลงทางเสียได้!”
“จากนั้นยังโชคดีที่ข้าได้กลิ่นหอมจากกายของพี่สาวตัวน้อย จนตามมาเจอท่าน กะกะกะต๊าก!”
ตู๋กูซิงหลันกำหมัดต่อยลงไปบนศีรษะของมัน จนส่งเสียงดังป๊งออกมาราวกับทุบลงไปบนแผ่นเหล็ก
แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ยังทำให้เจ้าตัววุ่นวายนี้สงบลงได้บ้าง
มันหุบปีกนั่งลงที่ข้างกายนางอย่างเรียบร้อยเชื่อฟัง ใช้ปลายปีกกรีดลงไปบนขอบตาที่ไม่ได้มีน้ำตาสักหยด “ฮือฮือ ฮือ…..พี่สาวตัวน้อย เอาเลย ทุบอีกทุบให้หนักๆ ใช่แล้ว ตบแก้มซ้ายแล้วก็ตบแก้มขวา ท่านทุบตีแบบนี้ข้ารู้สึกสบายมากๆเลย กะกะกะต๊าก!”
ตู๋กูซิงหลันอยากจะต่อยมันให้สลบไปในหมัดเดียว แต่จนปัญญาที่เจ้าตัวนี้เนื้อหนากล้ามใหญ่เกินไป
เสินฟางที่ผลุบๆโผล่ๆได้ทุกที่ทุกเวลาเหมือนกับภูตผี จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของนางอีกครั้ง
เขากล่าวว่า “คุณหนู ที่ติดตามท่านกลับมาจากโลกมิติโบราณนั้น ก็มีฮ่องเต้ชาวมนุษย์ผู้หนึ่ง ไก่ตัวนี้….แล้วก็มีจู๋จู๋ที่หัวเป็นมนุษย์ตัวเป็นมังกร กับดาบยักษ์อีกเล่มหนึ่ง”
“อ๋อ จู๋จู๋นั้นตัวใหญ่เกินไปแล้ว ข้าก็เลยเอามันไปปล่อยเอาไว้ที่ทะเลสาบหลังภูเขา”
ตู๋กูซิงหลันคิดอยู่ในใจว่า ตั้งแต่ที่ตนเองกลับมานั้น หลับลึกไปนานเท่าไหร่แล้ว?
“เจ็ดวันแล้ว” เสินฟางทำเหมือนกับว่าอ่านใจของนางออกอย่างไรอย่างนั้น เขายืนตัวตรงดุจพู่กันอยู่ที่ด้านหลังของนาง “ท่านนอนหลับไปนานถึงเจ็ดวันเต็มๆ”
ตู๋กูซิงหลันเงียบงันไปครู่หนึ่ง พลางเหลือบตามองดูเงาของตนเองแวบหนึ่ง อืม…เจ้าวิญญาณทมิฬนั่นยังคงหลับลึกอยู่ในเงาของนาง เกรงว่าตอนที่อยู่ในก้นทะเลลึกก็คงจะได้รับบาดเจ็บด้วยไม่น้อย
อยากจะนอนก็นอนไปเถอะ ไม่มีร่างเนื้อก็ถือเป็นข้อดีอยู่เหมือนกัน…..
ตอนนี้ติ๊งต๊องก็พูดได้แล้ว…..แค่คิดว่าหากทั้งสองตัวมาถกเถียงกันอยู่ที่ริมหู ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกปวดสมองขึ้นมาทันทีแล้ว
“พี่สาวตัวน้อย…..” ติ๊งต๊องใช้ปีกของมันโอบขาของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ กระพริบสองตาปริบๆใส่นาง “โลกแห่งนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงๆ ท่านพาข้าออกไปเปิดหูเปิดตาหน่อยได้ไหม?”
ตั้งแต่ที่มาถึงมันก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างแล้ว บนภูเขาแห่งนี้มีจิตวิญญาณสมบูรณ์มาก ไอหยินก็ลึกล้ำ
บ้านหลังนี้ก็สร้างอย่างแปลกประหลาด มันเห็นว่าบนถนนด้านนอกมีคนเดินทางผ่านไปมา ก็ยิ่งรู้สึกสนอกสนใจอย่างยิ่ง
ตู๋กูซิงหลันไม่สนใจมัน นางเอาแต่นวดขมับ รู้สึกปวดสมอง
……………………..
ความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายของจีเฉวียนแข็งแกร่งจนน่าแตกตื่นใจ
เพียงแค่เจ็ดวัน กระดูกที่หักทั่งร่างก็ฟื้นฟูไปกว่าครึ่ง
ตู๋กูซิงหลันสั่งซื้อรถเข็นชั้นดีมาจากในเน็ต ตอนที่เด็กส่งสินค้าด่วนมาถึง เขาก็ต้องขนหัวลุกไปทั้งตัว
ได้ยินมานานแล้วว่า บนหุบเขาปีศาจนี้มีคฤหาสน์สุดหรูหราอยู่หลังหนึ่ง บ้านบนภูเขาหลังนี้เล่ากันว่าเป็นที่พักอาศัยของบุคคลลึกลับระดับตำนาน
แต่ต่อให้ฝันเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่า ……บุคคลลึกลับผู้นี้ จะเป็นราชินีจอเงินที่หายตัวไปอย่างลึกลับมาตลอดสองปี….เยี่ยซิงหลัน!
ถึงแม้ว่ายามปกติเขาจะไม่ค่อยได้ชมดูละครสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังต้องยอมรับเลยว่าเยี่ยซิงหลันมีชื่อเสียงโด่งดังมากขนาดไหน…..
นางหายตัวไปตั้งสองปี ข่าวลือต่างๆมีอยู่มากมายจนกลายเป็นเรื่องพาดหัวข่าวเต็มไปหมด
บ้างก็ว่าราชินีจอเงินอำลาวงการไปแต่งงาน แต่งไปเป็นเมียเก็บของพวกผู้ดีในตระกูลใหญ่โต
บ้างก็บอกว่าเพราะได้รับความบอบช้ำทางจิตใจ จึงแอบหนีไปออกบวช…..
ราชินีจอเงินอย่างนั้นอย่างนี้……
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือใต้หัวข้อข่าวลือเหล่านั้นก็มีภาพโฆษณาหนังAVต่อท้ายอยู่เต็มไปหมดอีกด้วย…..
ตอนที่ 470 บุรุษที่อยู่เบื้องหลังของร...
เนื่องเพราะไม่ได้ปรากฏตัวที่ไหนเลยมานานถึงสองปีเต็ม ….ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เลยว่า สุดยอดราชินีจอเงินเช่นนางหายไปไหนกันแน่
จนกระทั่งเด็กส่งของผู้นั้นได้พบกับตัวจริง……
ขณะที่กำลังจะจากไปนั้นเขาก็แอบถ่ายภาพด้านหลังของตู๋กูซิงหลันด้วยความรวดเร็ว เป็นภาพด้านหลังของนางที่นั่งอยู่บนโซฟา กำลังหันไปมองดูจีเฉวียนที่จดจ่ออยู่กับละคร
เขาตวัดมือแชร์ภาพออกไปในทันที
พร้อมกับใส่หัวข้อ “รังรักอันหรูหรา! ผู้ชายที่ซ่อนราชินีจอเงินเอาไว้คือใครกันแน่?”
รูปนี้ถ่ายได้อย่างคมชัด เงาหลังของตู๋กูซิงหลันถูกถ่ายเอาไว้อย่างชัดเจน นางนั่งอยู่บนที่วางแขนของโซฟา สวมใส่ชุดสีแดงทั้งตัว
เส้นผมสีเงินอมดำที่ยาวสลวยถูกปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง ดูเกียจคร้านและตามสบาย
ในมือของนางยังถือผลแอปเปิ้ลที่ปอกไปแล้วครึ่งลูก กริยาดูนุ่มนวลดุจภรรยาสาวในบ้าน ดูก็รู้ว่ากำลังปอกผลไม้ให้กับผู้ชายที่อยู่ข้างๆกิน
ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ข้างกายของนาง สวมใส่ชุดคลุมนอนสีดำตัวใหญ่
เนื่องเพราะกล้องโฟกัสไปที่ตู๋กูซิงหลัน ดังนั้นพระพักตร์ของฮ่องเต้จึงค่อนข้างขุ่นมัว เห็นเป็นโครงหน้าที่ไม่ชัดเจนแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเป็นเพียงแค่ฉากหลังเท่านั้น
ภาพในWeChat นั่นพึ่งถูกส่งขึ้นไปได้เพียงวินาทีเดียว ก็ถูกผู้คนส่งต่อๆกันในทันที จากนั้นก็ดังเป็นพลุทันที
“เฮ้ย!! ผู้ชายคนนั้นคือใครกัน เทพธิดาของพวกเราถึงได้ถูกเขาซ่อนเอาไว้ตั้งสองปี?”
“OMG ผู้ชายคนนี้นี่เอง ทุกคนจำหน้าเขาเอาไว้! เจอเมื่อไหร่ต่อยมันเลย!
“คอมเมนต์บน ประเด็นคือเห็นหน้าเขาชัดเสียที่ไหนล่ะ? ฮือ ฮือ ฮือ……”
“เทพธิดาถึงกับปอกแอปเปิ้ลให้เขากิน….คงจะรักกันจริงนั่นแหละ…..แง แง แง….”
“อย่าร้องเลย วันนี้พวกเราต่างก็เป็นคนอกหักเหมือนกัน”
“แว๊ก…..คอมเมนต์บน แทงใจดำมว๊าก….”
“ขอแทรกเบาๆนะ ผมทรงใหม่ของเทพธิดาสวยมากๆเลย”
“ทุกคนอย่าพึ่งใจร้อน พยายามควบคุมสติไว้ก่อน ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่รูปใบเดียวเอง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแค่ญาติหรือเพื่อนกันก็ได้……เชื่อว่าเทพธิดาจะต้องออกมาให้ความชัดเจนกับทุกคนอย่างแน่นอน”
…………………….
ข้อความบน Wechat แทบจะระเบิดอยู่แล้ว เพียงแค่ครู่เดียว แฮชแทก #ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเทพธิดา #คนอกหัก #ผมทรงใหม่ของเทพธิดา และอื่นๆก็กลายเป็นคำฮิตติดชาร์ตสามอันดับแรก
Wechat แทบจะระเบิดด้วยคอมเมนต์ที่บ้าคลั่งของหนุ่มน้อยที่เป็นแฟนคลับทั้งหลาย
จำนวนคนที่ติดตามเด็กส่งของผู้นั้นก็เขยิบจากสามคนกลายเป็นสามแสนในชั่วพริบตา
ข้อความที่ส่งไปหาเขามีมากมายจนอินบ๊อกแทบระเบิด สื่อต่างๆพยายามจะติดต่อกับเขาอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุดเด็กส่งของก็ได้รู้ซึ้งถึงพลังของไอดอลแล้ว!
……………….
สวนกุหลาบในหุบเขาปีศาจ
ตู๋กูซิงหลันปอกแอปเปิ้ลให้จีเฉวียนกินไปสามลูกแล้ว
นางเหลือบตามองดูจีเฉวียนแวบหนึ่ง เห็นในมือของจีเฉวียนถือแอปเปิ้ลที่ปอกแล้วเอาไว้ กัดกินไปแล้วกว่าครึ่ง สองตายังคงจับจ้องไปที่จอLCD TVขนาดใหญ่ในห้องโถง
หลายวันก่อนฮ่องเต้ทรงบาดเจ็บจนไม่อาจเคลื่อนไหว ตู๋กูซิงหลันจึงสอนเขาดูละครทีวีแก้เบื่อ
ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆของตัวร้ายผู้นี้สูงส่งอย่างยิ่ง เพียงแค่สองวันก็กลายเป็นติดทีวีอย่างงอมแงม ไล่ดูไม่ยอมหยุดเสียแล้ว
บนทีวีกำลังถ่ายทอดละครต่อสู้แย่งชิงกันในวังเรื่องใหม่ที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในตอนนี้
ละครพูดถึง นางเอกที่ ‘บริสุทธิ์ไร้เดียงสา’เหมือนดั่งดอกไม้ขาว ได้เข้าไปอยู่ในวังหลัง ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่แล้วก็ถูกฮ่องเต้หลอกลวง จนเปลี่ยนไปเป็นดอกบัวมีพิษดอกหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มตอบโต้และต่อสู้กับทุกคน จนสุดท้ายก็สามารถเล่นงานฮ่องเต้จนตายได้สำเร็จ
จีเฉวียนชมดูอย่างตื่นเต้นเร้าใจ
วันนี้ก็ดูต่อจนจบตอน พอถึงตอนที่นางเอกให้พิษกำเริบช้ากับฮ่องเต้จนสิ้นพระชนม์ เขาก็ชักจะรู้สึกว่าแอปเปิ้ลไม่ค่อยหวานเท่าไหร่แล้ว
พอหันมา ก็ทอดพระเนตรไปที่ตู๋กูซิงหลันด้วยท่าทางน่าสงสาร
ในมือของตู๋กูซิงหลันยังคงถือมีดปอกแอปเปิ้ลเอาไว้ พลางหันมาจ้องเขาเช่นกัน “ดูอะไร ข้าไม่ได้วางยาพิษท่านเสียหน่อย”
จีเฉวียนพิงพระองค์ลงไปบนโซฟาทั้งร่าง “ซิงซิง ตอนที่เจ้าพึ่งมาถึงต้าโจว กลายเป็นไทเฮาน้อย ใช่ว่าก็เคยวางแผนเอาไว้เหมือนกับนาง….จัดการกับเรา…..”
จีเฉวียนชี้ดรรชนีลงไปที่บนเพลงท่อนสุดท้ายที่เขียนอยู่บนใบหน้าของนางเอกดอกไม้ขาวในละคร
ตู๋กูซิงหลัน “….” พี่ชาย สมองของท่านช่างจินตนาการไปได้อย่างเก่งกาจ
ข้าเคยคิดจะวางยาพิษฆ่าท่านที่ไหนกัน! ก็แค่คิดที่จะฆ่าท่าน ก่อกบฏเท่านั้น! ขอบคุณนะ!
นางคลี่ยิ้มออกมา “ย่อมไม่มีอยู่แล้ว ท่านดูฮ่องเต้ในละครนั่นสิ แก่หงำเหงือกออกอย่างนั้น สู้ท่านไม่ได้แม้แต่น้อย ข้าไม่มีทางลงมือทำร้ายท่านหรอก”
จีเฉวียนย่อมไม่เชื่อวาจาหลอกลวงของนาง
ดวงตาดอกท้อคู่นั้นเป็นประกายแวววาวจนเจิดจ้าอยู่ชัดๆ เขาเห็นได้อย่างชัดเจน
จากนั้น พระองค์ก็เสวยแอปเปิ้ลอีกคำใหญ่ ค่อยตรัสอย่างจริงจังว่า “ เราย่อมไม่เป็นอย่างฮ่องเต้ผู้นั้น….เราชอบเจ้าเพียงผู้เดียว ย่อมต้องไม่ทำให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ และยิ่งไม่ปล่อยให้เจ้ามีโอกาสสวมเขาให้กับเราอย่างเด็ดขาด”
ตู๋กูซิงหลันเบ้ปาก คิดในใจไปว่า พี่ชาย ประโยคสุดท้ายนั้นคือประเด็นสำคัญที่สุดสินะ
ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะชอบเขา…..แต่ว่าทั้งสองคนก็ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องออกหน้าออกตามิใช่หรือ?
นางอ้าปากคิดจะกล่าวอะไรบ้าง ก็เห็นเสินฟางปรากฏตัวขึ้นมาราวกับจิตวิญญาณ ส่งโทรศัพท์มือถือสีเขียวมรกตที่เย็นเฉียบเครื่องหนึ่งให้กับนาง
“คุณหนู Sherry จะคุยกับท่าน”
เสินฟางสวมใส่ชุดยาวแบบปีศาจโบราณ ในมือถือโทรศัพท์มือถือ พูดด้วยภาษาสมัยใหม่ที่ฟังดูไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
แค่ตู๋กูซิงหลันได้ยินชื่อ Sherry สมองของนางก็บวมขึ้นมาแล้ว
นางพึ่งจะรับมือถือมา ก็ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ใช่ชายหรือหญิงดังออกมา
“ทูลหัว! ขอบคุณฟ้าดินที่หล่อนยังไม่ตาย!”
ตู๋กูซิงหลัน “……” ทำไมฟังดูแล้วถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังแช่งตนเองอยู่นะ
“อือ ยังไม่ตาย”
Sherry “ถ้าหล่อนยังไม่ตายจริงๆ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยย่ะ!”
“ขอบใจ”
ท่าทางที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจของตู๋กูซิงหลัน ทำเอาอีกฝ่ายหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆแล้ว
พอเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบไป อารมณ์ที่ระเบิดอยู่เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นคร่ำครวญ “ยัยเด็กร้ายกาจ ตอนนี้โตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม? คิดจะแต่งงานก็ไม่บอกใคร หายตัวไปเสียเฉยๆ หล่อนรู้หรือไม่ว่าตลอดสองปีมานี้ฉัน #%#$%#$%….”
อีกฝ่ายพร่ำพรรณนายาวเหยียดไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงโศกปานจะตาย
“หล่อนรอก่อนนะ ขอฉันกินยาบำรุงหัวใจก่อน”
ตู๋กูซิงหลันฟังไปก็ยกโทรศัพท์ออกห่างตัวไปด้วย
ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเปิดกระปุกอะไรสักอย่าง หยิบยามากินลงไปทั้งอย่างนั้น จากนั้นก็ส่งเสียงคร่ำครวญมาอีกว่า “หล่อนเอาแต่เงียบอยู่อย่างนี้ คิดว่าคนทั้งโลกจะหาหล่อนไม่เจอหรือไงยะ รู้ไหมตอนนี้เขาแตกตื่นกันไปใหญ่ เพราะเด็กส่งของคนหนึ่งเอาหล่อนไปป่าวประกาศแล้ว!”
ตู๋กูซิงหลัน “หืม?”
“ยังจะมาไม่รู้เรื่องอะไรอยู่อีก Wechat จะล่มอยู่แล้ว!” Sherryที่อยู่ในโทรศัพท์โกรธเอาจริงๆ จนต้องควักยาน้ำตราคุณนายหลับง่ายสบายใจออกมาดื่มลงไป
ตู๋กูซิงหลันเปลี่ยนหน้าจอในมือถือไปดู อืม…ระบบล่มอยู่จริงๆ
สิบหัวข้อท๊อปฮิตที่ค้างอยู่ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับตนเอง
ไปอยู่ในโลกมิติโบราณเพียงแค่สองปี กลับรู้สึกว่าเวลากลับผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ….นางแทบจะลืมไปแล้วว่า ตนเองเคยเป็นสุดยอดราชินีจอเงินผู้แสนจะโด่งดัง
Sherry ยังคงอาละวาดฟาดงวงฟาดงาอยู่ในโทรศัพท์ต่อไป “หล่อนรีบบอกมาเร็วๆเลยนะ ว่าไอ้ผู้ชายสุนัขคนนั้นเป็นบุคคลลึกลับมาจากไหน”
นางมองดู wechat แล้วก็หันไปมองดูไอ้ผู้ชายคนนั้น
อืม ไอ้ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนว่าจะกำลังให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือของนางอยู่
ฝ่ามือใหญ่พุ่งเข้ามา เสียงบางอย่างแตกละเอียด ขณะที่ส่งเสียงเข้าไปในมือถือ “ปีศาจ! เรามิใช่สุนัข!”
ตอนที่ 471 ข้าสนใจเพียงแค่อย่างเดียว...
โทรศัพท์มือถือแตกกระจายเป็นชิ้นอยู่บนพื้น ทั้งยังได้ยินเสียงไฟฟ้าช๊อตดังออกมาเบาๆ ก่อนที่เสียงจะตัดไปตู๋กูซิงหลันยังได้ยินเสียงตะโกนด้วยความตกใจของ Sherry
โทรศัพท์มือถือแบบใหม่ล่าสุดที่ผลิตโดยประเทศM ทั่วโลกมีอยู่เพียงหนึ่งร้อยเครื่องเท่านั้น
โทรศัพท์ที่ต่อให้รถฮัมวี่บดลงไปก็ยังไม่เป็นอะไร กลับแตกละเอียด…..ในมือของจีเฉวียน
กระแสไฟฟ้าแผ่ออกมาจากตัวเครื่องช๊อตพระหัตถ์ของจีเฉวียนเบาๆ พระองค์ได้แต่ขมวดพระขนง หันไปตรัสกับตู๋กูซิงหลันว่า “ซิงซิง ของสิ่งนี้ไม่ดีเลย มันกัดคนด้วย”
ตู๋กูซิงหลันพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองดูโทรศัพท์ที่แหลกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปแล้ว
พี่ชาย ท่านไล่ดูละครวังหลวงจนจบเรื่องไปแล้ว ….ขนาดทีวียังยอมรับได้….แล้วกะอีแค่มือถือเครื่องหนึ่งทำไมถึงเข้าใจได้ยากนัก?
เสินฟางยืนมองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พอเห็นเศษที่แตกละเอียด ในมือก็เพิ่มไม้กวาดมาจากไหนก็ไม่รู้
“มือถือเครื่องนี้พังไปแล้ว เงินในบัญชียังต้องติดลบไปอีกสองแสน รถเข็นของฮ่องเต้ชาวมนุษย์ราคาแปดพันหยวน คุณหนูต้องขยันหาเงินกลับมาเติมในบัญชีโดยเร็ว”
ตู๋กูซิงหลัน “…..”
หากว่านางจำได้ไม่ผิดล่ะก็ เงินในบัญชีของนางมีอยู่มากมายหลายล้านเลยไม่ใช่หรือ?
“หลังจากที่ท่านตายแล้วไปที่โลกโบราณได้สามเดือน ซื่อมั่วก็เอาสมบัติทั้งหมดของท่านไปบริจาคให้กับพื้นที่ในภูเขาที่กันดาร สร้างโรงเรียนประถมขึ้นมาพันแห่ง” เสินฟางทางหนึ่งดีดลูกคิดอย่างรวดเร็ว ทางหนึ่งก็กล่าวไปเรื่อยๆ “ตอนนี้สมบัติทั้งหมดที่คุณหนูมีอยู่ก็คือสวนกุหลาบแห่งนี้ กับรถยนต์เฌอรี่หนึ่งคัน….”
“ค่าน้ำค่าไฟและค่าใช้จ่ายประจำวันต่อเดือนของบ้านหลังนี้อยู่ที่ประมาณ ห้าพันหยวน….รวมกับ…..เงินเดือนในฐานะพ่อบ้านของข้า…..รวมกันแล้วก็ประมาณสองหมื่นหยวน”
ตู๋กูซิงหลัน “? ? ?” เรื่องที่ท่านอาจารย์ขายสมบัติทั้งหมดของนางไปสร้างโรงเรียนประถม….นั่นยังพอเข้าใจได้ คงจะทำไปเพื่อสร้างกุศลให้กับตัวนาง
แต่ว่าเสินฟางที่บอกอยู่ชัดๆว่าเป็นทาสของนาง ก็ยังจะเอาเงินเดือน?
“คุณหนู ถึงเป็นทาสแต่ก็มีสิทธิเหมือนกันนะ…” ดอกพลับพลึงแดงที่ข้างแก้มของเสินฟางแดงก่ำขึ้นมาราวกับซับเลือด เสียงดีดลูกคิดดังต่อไป “เดิม….ทุกเดือนข้าต้องไปซื้อหินวิญญาณมาต่อชีวิต….”
ตู๋กูซิงหลันมองดูเขาอย่างจับจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าตั้งแต่แรกนั้นเสินฟางไปทำอะไรมา ดูดกลืนพลังวิญญาณผู้คนไปตั้งมากมายแล้ว ตอนนี้ก็ยังจะต้องพึ่งพาหินวิญญาณมา ‘ต่อชีวิต’ อีก?
พูดถึงหินวิญญาณ มันคือหินที่ดูดซับพลังชีวิตและจิตวิญญาณเอาไว้อย่างเข้มข้น มีการซื้อขายกันในหมู่นักพรต จุดประสงค์หลักก็คือใช้เพื่อฝึกฝนตนเอง
“เงินเดือนเดือนละหมื่นห้า….ราคานี้ขาดตัวแล้ว” เสินฟางไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
พอเห็นว่าสีหน้าของตู๋กูซิงหลันยิ่งทียิ่งไม่น่าดู เสินฟางก็กล่าวต่อไปว่า “คุณหนูอย่าพึ่งใจร้อน ซื่อมั่วยังทิ้งเงินสดไว้ให้ท่านอีกจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดประมาณสามแสน มือถือใช้ไปแล้วสองแสน….หักโน่นนี่ไปอีกเล็กน้อย ตอนนี้ในบัญชียังพอมีเหลืออยู่ประมาณห้าหกหมื่น”
ตู๋กูซิงหลันมองดูมือถือที่ถูกฮ่องเต้สุนัขบีบแตกไป อยู่ๆในใจก็เหมือนจะหลั่งเลือดออกมา!
จีเฉวียนมองดูสีหน้าที่แสนจะเจ็บปวดใจของนาง ถึงแม้ว่าไม่อาจเข้าใจความหมายของถ้อยคำทั้งหมด แต่ก็ยังจับประเด็นสำคัญได้อยู่
ซิงซิงเปลี่ยนจากเศรษฐีแสนร่ำรวยกลายเป็นคนยากจนไปแล้ว
ใช่แล้ว…..แต่ถึงจะยากจนขนาดนั้นก็ยังใช้เงินของตนเองไปซื้อรถเข็นให้กับเขา
ฮ่องเต้มิได้ทรงเข้าใจเรื่องเงินๆทองๆของโลกใบนี้มากนัก
แต่ว่าก่อนนี้ตอนที่อยู่ในต้าโจว ช่างฝีมือสร้างรถเข็นขึ้นมาตามแบบวาดของตู๋กูซิงหลัน ก็ยังต้องสิ้นเปลืองทุนทรัพย์ไปไม่น้อย จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูรถเข็นที่วางอยู่กลางห้องโถง ยังดูสวยงามและทันสมัยกว่าของซิงซิงมากมายนัก จึงรู้สึกว่ามันต้องมีราคาแพงอย่างแน่นอน
“ซิงซิง ……” จีเฉวียนทรงวางแอปเปิ้ลในพระหัตถ์ลง ยื่นไปจับกระโปรงของตู๋กูซิงหลันแทน “ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะพิการไปแล้ว แต่ว่าก็ยังสามารถไปเป็นขอทานเพื่อเลี้ยงดูเจ้าได้”
ว่าตามจริง พระองค์ก็ไม่ทรงทราบว่าร่างกายนี้เมื่อไหร่ถึงจะหายดี ก่อนหน้านั้นต่อให้พระองค์จะต้องทรงไปเป็นขอทาน ก็จะต้องให้ตู๋กูซิงหลันอยู่ดีกินดีให้ได้
“ข้าว่าสามารถทำได้” เสินฟางรีบวางลูกคิดในมือลง หันไปหยิบชามบิ่นขนาดใหญ่และกระดาษ QR code มาส่งถวาย
จากนั้นก็กล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า “จำเอาไว้ว่าหากคนไม่มีเงินสด ก็ให้เขาใส่เงินมาที่บัญชีใน QR code นี้”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
เสินฟาง “ค่ายาที่ใช้รักษาฮ่องเต้ชาวมนุษย์ผู้นี้ไม่ต่ำกว่าล้านหยวนแล้ว …..จากนี้ยังต้องมีพวกยาวิเศษมาบำรุงอีกมากมาย ราคาย่อมไม่น้อย คุณหนูคงไม่อาจรับภาระแต่เพียงผู้เดียวกระมั้ง?
ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงจริงๆว่า เสินฟางที่เคยแต่ฆ่าคนไม่กระพริบตา ดื่มกินวิญญาณอย่างดิบเถื่อน อยู่ๆจะเปลี่ยนเป็นหัวการค้าขนาดนี้?
นางหันมามองดูจีเฉวียนอีกครั้ง เห็นในมือของเขามีชามปากบิ่นใบใหญ่กว่าใบหน้า ในชามนั้นยังมีกระดาษ QR codeที่เคลือบจนแวววาวอีกแผ่น
ดูท่าตัวเลวร้ายอย่างเสินฟางคงจะคิดแผนให้จีเฉวียนไปขอทานเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ไม่เช่นนั้นจะหาชามปากบิ่นมาให้เขาอย่างทันท่วงทีได้อย่างไร
ขมับของนางเต้นตุ๊บๆ จนต้องยกมือนวด จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ตบลงไปบนบ่าของจีเฉวียน ยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนหวาน “ไม่ใช่อย่างนั้น….เสี่ยวเฉวียนจื่อ ข้าเพียงแต่ห่วงอยู่เรื่องเดียว นั่นคือไม่สมฐานะ!”
เสี่ยวเฉวียนจื่อ…
เฉวียนจื่อ….
จื่อ….
ริมพระกรรณของจีเฉวียนมีแต่เสียงของนางสะท้อนกลับไปกลับมา สุดท้ายก็คิดข้อสรุปได้ข้อหนึ่ง “ซิงซิง เรารู้สึกว่า…..งานชมพลุวันสิ้นปีเมื่อปีก่อน เจ้าเรียกเราว่าเสี่ยวเฉวียนๆยังน่าฟังมากกว่า….”
ตอนนั้นเป็นเพราะความผิดพลาดและบังเอิญ นางจึงดื่มยาสร่างเมาของอันหว่านจรือลงไป….จากนั้นก็พะเน้าพะนอพระองค์ต่อหน้าผู้คน แถมยังเรียกพระองค์ว่าเฉวียนเฉวียน
ด้วยท่าทางที่เย้ายวน จีเฉวียนยังคงจดจำได้จนถึงทุกวันนี้
เสี่ยวเฉวียนจื่อ….ฟังดูแล้วเหมือนเสี่ยวหลี่จื่อ
ที่พระองค์มักจะใช้เรียกหลี่ต้าชิงอยู่เสมอ
ตู๋กูซิงหลันยื่นมือไปเชยคางของเขาขึ้นมา “ช่างน่าไม่อาย!”
ตอนนี้นางกับจีเฉวียนต่างก็กลับมาอยู่ในโลกปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบรรดาญาตมิตรที่อยู่ในโลกโบราณจะเป็นเช่นไรกันบ้าง…..อย่างไรเสียช่วงเวลาสั้นๆนี้ก็ยังไม่อาจกลับไปได้ กังวลใจไปก็ไร้ประโยชน์
ร่างกายของจีเฉวียนยังคงไม่หายดี ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เสินฟางว่า จะออกไปไหนมาไหนล้วนต้องใช้เงิน
ตอนนี้สมควรตั้งหลักในมั่นคงก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสไปตามหาท่านอาจารย์ที่ธารน้ำพุเหลือง….
นางคาดเดาเอาเองว่า ตนเองกับจีเฉวียนคงจะถูกบิดาคนงามส่งกลับมาผ่านทางลูกแก้ว
ท่านอาจารย์กับบิดาคนงามมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น ….บางทีเขาอาจจะมีวิธีพิเศษเฉพาะที่สามารถทำให้คนเดินทางข้ามมิติได้ก็เป็นได้
ที่นางเป็นห่วงที่สุดก็คือพี่รองกับชือหลี….
จะอย่างไรก็ต้องคิดหาหนทางกลับไปยังโลกโบราณ
ยังมีเรื่องที่ก่อนหน้านี้เพื่อให้นางสามารถ ‘กลับมาเกิดใหม่’ ในร่างของไทเฮาน้อย ท่านอาจารย์จึงได้ใช้คาถารักษาจิตคืนชีพกับนาง ตอนนี้นางกลับมาแล้ว รอให้หาตัวท่านอาจารย์เจอ ค่อยขอให้แก้ไขคาถานี้
ถึงแม้ว่าท่านอาจารย์จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคยคิด แต่การจะให้ต้องมาเดือดร้อนพลังชีวิตของท่านอาจารย์อยู่ทุกครั้ง ตู๋กูซิงหลันก็รู้สึกว่าทำไม่ได้
………………..
สวนกุหลาบมีพื้นที่กว้างขวาง ตัวบ้านพักจัดสร้างอยูตรงกลาง กิ่งกุหลาบที่ยืดยาวและสลับซับซ้อนพันขึ้นไปบนกำแพง แทบเลื้อยอยู่บนบ้านพักกว่าครึ่งหลัง
หากมองดูแต่ไกล ก็คล้ายกับปราสาทโบราณในยุโรป
ยามดึกดื่น สายลมพัดเย็น จนเกิดฝนตกโปรยปราย ลมพัดแรงจนดอกกุหลาบโยกคลอนอยู่ท่ามกลางสายลม ฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่นอกตัวบ้าน
ได้ยินเสียงใครสักคนทุบประตูอย่างรุนแรง
“ปึงปึงปึง…..”
เสียงที่ดังอยู่นอกประตูท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืนทำให้คนรู้สึกว่าน่าหวาดกลัวกว่าธรรมดา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น