หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 462-463
บทที่ 462 กลับเข้าประจำที่เสีย!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ทันทีที่วิญญาณแห่งเรือหลอมรวมเข้ากับผนึกมืดของหวังเป่าเล่อ และก้มหัวคำนับเขา ความรู้สึกแปลกประหลาดก็ทวีคูณขึ้นในใจชายหนุ่ม ราวกับว่าเขาสามารถชี้เป็นชี้ตายโชคชะตาของวิญญาณแห่งเรือนี้ได้เพียงใจนึก
ความรู้สึกนี้แปลกประหลาดมากสำหรับเขา เป็นความรู้สึกเปี่ยมอำนาจเช่นเดียวกันกับที่ชายหนุ่มเคยรู้สึกต่อดวงวิญญาณสามดวงที่เขาได้ชำระบาปให้ระหว่างอยู่ที่สำนักแห่งความมืด
ต่อไปก็วิญญาณชุดคลุมและวิญญาณไม้พาย! เมื่อนึกถึงแรงแค้นของวิญญาณวุธอีกสองดวงที่เหลือ หวังเป่าเล่อก็พ่นลมออกมา ชายหนุ่มที่ขณะนี้ยืนอยู่บนเรือสีดำยกมือขวาของตนขึ้นวาด เพื่อออกคำสั่งให้เรือเคลื่อนที่ไปข้างหน้า กลืนเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดมิด ก่อนจะอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เรือลำน้อยโผล่ขึ้นมาอีกครั้งที่ชั้นสามของโลกใต้ดินในลานจัตุรัสสาธารณะกลางเมือง!
ตอนนี้ทั้งชายชราและเด็กชายต่างกระวนกระวายไม่ต่างกัน พวกเขาไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่อจะกลับมาในรูปแบบใดหลังจากที่เข้าถ้ำไป แต่ความอาฆาตแค้นก็ฝังแน่นในจิตใจคนทั้งคู่ไม่รู้คลาย ทั้งสองต้องการสังหารหวังเป่าเล่อ แต่ก็ทำด้วยตนเองไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องเรียกอสูรร้ายจากโลกใต้ดินมาอออยู่ตรงปากทางเข้าถ้ำ เพื่อเฝ้ารอเป้าหมายปรากฏกาย
ทั้งสองพยายามส่งกองทัพอสูรเข้าไปในถ้ำแล้ว แต่ก็มีกำแพงล่องหนกันไว้ไม่ให้ใครย่างกรายเข้าไปได้ ต่อให้ราชครูและเด็กชายเสี่ยวเป่าจะกังวลเพียงใด ก็ทำได้เพียงล้อมปากทางเข้าเอาไว้เท่านั้น
ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อนั้น ผืนฟ้าก็พลันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ลมโบกพัดหวีวหวิว เมฆซัดโหมกระหน่ำ สายฟ้าฟาดลงมาไม่ขาดสาย พื้นดินสั่นสะเทือนก่อนยุบตัวลงเป็นหุบเหวเมื่อรอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พลังปริศนาระเบิดออกจากรอยแยกนั้น ก่อนก่อตัวขึ้นเป็นพายุร้ายที่พัดขึ้นสู่สวรรค์เบื้องบน ผืนดินที่แตกออกสลายกลายเป็นเศษดินทรายกระจุยกระจายไปในอากาศ อสูรร้ายในบริเวณนั้นต่างพากันกรีดร้องโหยหวน ขณะถูกแรงที่มองไม่เห็นซัดปลิวไปข้างหลัง
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก สีหน้าของราชครูและเด็กชายอาบด้วยความตื่นตระหนก เรือสีดำลำใหญ่ลอยออกจากรอยแตกบนพื้น
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ เรือสีดำที่พุ่งออกจากพื้นโลกนั้นลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายชราและเด็กชาย ทั้งสองเห็นหวังเป่าเล่อที่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเรือในทันที!
ความกลัวจับขั้วหัวใจถาโถมเข้าใส่ราชครูและเสี่ยวเป่า พร้อมด้วยความรู้สึกมากมายปนเปกันมั่วไปหมด ความทรงจำเลวร้ายสมัยที่ยังอยู่ในสำนักแห่งความมืดผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ โดยเฉพาะเด็กชายที่ตัวสั่นอย่างรุนแรง แววตาอาบด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต ก่อนจะกรีดร้องเสียงแหลมน่าขนลุกออกมา
เสียงกรีดร้องนั้นปลุกให้อสูรร้ายที่กำลังถอยร่นกลับมาดุร้ายอีกครั้ง แม้ในใจจะจับด้วยความกลัว แต่อสูรเหล่านั้นก็ตาแดงก่ำ พุ่งเข้าโจมตีหวังเป่าเล่อด้วยความบ้าคลั่ง
“ไอ้พวกโง่อวดดี!” หวังเป่าเล่อพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ดวงตาเย็นเยียบ เพียงแค่คิด เรือสีดำใต้ฝ่าเท้าของเขาก็เรืองแสงสีดำออกมา แสงนั้นมองดูเหมือนดังคลื่นของอักขราจารึกที่หมุนวนและกวาดล้างออกไปทุกที่
ทุกที่ที่แสงนั้นพาดผ่าน อสูรที่กำลังพุ่งเข้าใส่ด้วยความดุร้ายก็ตัวสั่นเทาก่อนหยุดเคลื่อนไหวไปโดนสิ้นเชิง ไม่ว่าพลังปราณของพวกมันจะอยู่ในระดับใด แต่ตัวตนของมันก็เชื่อมอยู่กับวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสิ้น รังสีมืดที่แผ่ออกจากวัตถุเวทแห่งความมืดนี้ เข้าหลอมรวมกับเลือดและเนื้อ ส่งให้พวกมันกลายพันธุ์เป็นอสูรแห่งความมืด
การกลายพันธุ์นี้ทำให้พวกมันต้านทานอำนาจของวัตถุเวทแห่งความมืดที่หวังเป่าเล่อเป็นเจ้าของไม่ได้ คลื่นอักขราจารึกที่แพร่กระจายออกเป็นวงนั้นมาพร้อมเสียงระเบิดดังสนั่น สัตว์ร้ายระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ทีละตน เหมือนดอกไม้สีโลหิตที่เบ่งบานสาดกระเซ็นไปทั่วสารทิศ!
หวังเป่าเล่อกำจัดอสูรเหล่านี้ทิ้งเหมือนใบไม้ร่วง ทำให้ดวงตาของเสี่ยวเปาหดแคบลงด้วยความตกใจ แต่เด็กชายก็เป็นคนโหดเหี้ยมน่ากลัว แม้จะรู้ว่าเปลวไฟสีดำในกายของหวังเป่าเล่ออาจทำให้เขาได้รับอันตรายสาหัส แต่เด็กชายก็เลือกที่จะยืนหยัดสู้ต่อให้รู้ดำรู้แดงไปข้าง ราวกับวิญญาณร้ายที่บ้าคลั่งได้สิงสู่เขาไปเรียบร้อยแล้ว ดวงตาของเสี่ยวเป่ากลายเป็นสีแดงฉาน เขาวาดมือเพื่อรวบรวมเศษซากเลือดเนื้อจากอสูรที่สิ้นชีพเข้าหาตน
เลือดสดๆ หยุดเคลื่อนไหวในฉับพลันก่อนไหลมารวมกันเป็นสายธารโลหิต มันพุ่งเข้าหาเด็กชายและไหลวนอยู่รอบกายเขาเหมือนเกราะป้องกันสีแดงฉาน ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป่าจะตั้งใจใช่เกราะโลหิตนี้ป้องกันภัยจากเปลวไฟสีดำของหวังเป่าเล่อ เด็กชายกรีดร้องเตรียมโจมตี ก่อนพุ่งเข้าใส่เป้าหมายด้วยความเร็วมากสุดเท่าที่ร่างเล็กจะอำนวย!
แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ยี่หระกับเด็กชายตัวน้อยแม้แต่นิดเดียว หากสถานการณ์นี้เกิดก่อนที่เขาจะเข้านิมิตมืด หวังเป่าเล่อคงรับมือความสยองตรงหน้าไม่ไหว แต่ในนิมิตมืด หวังเป่าเล่อพบดวงวิญญาณมากหน้าหลายตาเป็นอาจิณในสำนัก นอกจากนี้ยังได้สัมผัสแสนยานุภาพที่สำนักมีต่อดวงวิญญาณแต่ละดวงด้วยตนเอง เขาจึงไม่รู้สึกเกรงกลัววิญญาณใดๆ อีกต่อไป
หวังเป่าเล่อไม่สนใจดวงวิญญาณของเด็กชายที่กำลังคืบเข้ามาใกล้ เนื่องจากชำระบาปให้เด็กน้อยนี้ด้วยตนเอง
แม้จะเป็นเพียงความทรงจำจากความฝัน แต่เมื่อเขาใส่ผนึกมืดเข้าไปในร่างของเสี่ยวเป่า ความทรงจำของเด็กชายก็จะเปลี่ยนไปในทันที!
ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เขาพูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“หนวกหูเหลือเกิน!” ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นโบกสะบัด ราวกับกำลังวาดดวงวิญญาณเช่นที่เคยทำในนิมิตมืด หวังเป่าเล่อเริ่มวาดภาพด้วยวิชา… ใบหน้าแห่งซากศพ!
ทันทีที่ชายหนุ่มวาดนิ้ว ดวงวิญญาณของเสี่ยวเป่าที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีก็สั่นสะท้าน พลังที่ยากเกินจะต่อต้านพุ่งผ่านเกราะคุ้มกันโลหิตเข้ามาได้ และประทับลงบนดวงจิตของเสี่ยวเป่า ไม่ต่างอะไรจากปลายพู่กันที่แต่งแต้มลงบนวิญญาณของเด็กชาย!
ตอนนั้นเองปากของเสี่ยวเป่าพลันหายไป เสียงกรีดร้องน่าขนลุกก็เช่นกัน…
เด็กชายตัวสั่นเทาไม่หยุด ดวงตาเอ่อล้นด้วยความพรั่นพรึง หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นโบกอีกครั้ง ทันใดนั้น ร่างครึ่งหนึ่งของเด็กชายก็มลายหายไปราวกับถูกลบทิ้ง!
ตอนนั้นเองอารมณ์ในแววตาของเสี่ยวเป่าก็ก้าวเลยความรู้สึกกลัวไปเป็นตกใจแทบสิ้นสติ ความรู้สึกที่ดวงวิญญาณตนเองโดนฉีกเป็นชิ้นๆ ซึ่งเกือบลืมไปแล้วผุดขึ้นมาจากก้นเหวลึกของความทรงจำอีกครั้ง ราวกับมหาสมุทรแห่งความชั่วร้ายกำลังโหมกระหน่ำให้เขาจมลง เสี่ยวเป่าตัวสั่นงันงก ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ร้องขอความเมตตา
นี่คือพลังที่สำนักแห่งความมืดมีเหนือดวงวิญญาณ และคือพลังที่บุตรแห่งความมืดมีเหนือวิญญาณวุธ อันเป็นเอกเทศจากขั้นปราณโดยสิ้นเชิง แม้หวังเป่าเล่อจะยังมีปราณเพียงขั้นกำเนิดแก่นใน ซึ่งน้อยกว่าขั้นปราณของเสี่ยวเป่านัก แต่เด็กชายก็เป็นเพียงวิญญาณวุธเท่านั้น ตราบใดที่ขั้นปราณของเขายังไม่สูงจนถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องยอมสยบอยู่แทบเท้าหวังเป่าเล่ออยู่ร่ำไป!
“จะไม่คุกเข่าลงหรือ” หวังเป่าเล่อเห็นแววร้องขอความเมตตาในดวงตาเสี่ยวเป่า จึงหยุดขยับนิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ทันทีที่พูดจบ เด็กชายตัวจ้อยก็คุกเข่าลงกับพื้น แต่ด้วยความที่ร่างครึ่งร่างสลายไป จึงกลายเป็นว่าเขาล้มลงนอนกับพื้นทันทีที่คุกเข่าลง หน้าผากกระแทกพื้นซ้ำไปซ้ำมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุกที่ยอมจำนนราบคาบ
ภาพตรงหน้าทำให้ราชครูที่อยู่ห่างออกไปเพียงนิดเดียวตกใจกลัวแทบสิ้นสติ เขาอุทานลมหายใจสะดุด!
“วิชาใบหน้าซากศพ!” ชายชราตัวสั่นงันงก เขารีบถอยหนีทันทีโดยไม่รีรอ ในใจมีอยู่ความคิดเดียวเท่านั้น คือต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดว่าจะหนีไปยังที่ใด…
“อยากตายเช่นนั้นหรือ!” หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองชายชราที่กำลังเผ่นหนีด้วยแววตาเย็นเยียบ เขาไม่ได้ใช้วิชาใบหน้าแห่งซากศพต่อ แต่ดวงตาของชายหนุ่มกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งเบ้า ราวกับถูกวาดด้วยหมึกสีดำสนิท!
ทันทีที่ดวงตาของชายหนุ่มมืดมิดลง ดอกบัวแก่นในแห่งความมืดภายในกายของเขาก็เริ่มหมุนวน มือมายาพุ่งพรวดออกจากร่างของชายหนุ่ม!
มือนั้นเป็นสีดำสนิทเช่นกัน การปรากฏของมันทำให้บรรยากาศรอบกายติดลบเยือกแข็ง เด็กชายที่ยังคงคำนับอยู่นั้นตัวสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ความกลัวทวีความรุนแรงขึ้นในนัยน์ตาทั้งสองข้าง
เหล่าอสูรที่ยังไม่ถูกสังหารต่างก็ตัวสั่น มือใหญ่สีดำที่ไหลออกจากร่างของหวังเป่าเล่อพุ่งตรงไปหา… ราชครูชราที่กำลังวิ่งหนีไปไกล!
“หัตถ์สื่อวิญญาณ!” ราชครูกรีดร้อง ดวงตามืดมนด้วยความสิ้นหวังขณะพยายามหนี แต่ก็ไม่เป็นผล หัตถ์สื่อวิญญาณคืบเข้าใกล้และคว้าร่างของเขาเอาไว้ ชายชราพยายามดิ้นหนีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หัตถ์นั้นโยนร่างของเขาเข้ามาในเรือของหวังเป่าเล่อ!
หวังเป่าเล่อมองร่างราชครูเฒ่าที่หัตถ์สื่อวิญญาณจับมาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะมองเด็กชายที่ยังคงคำนับอยู่เหมือนตุ๊กตาล้มลุก ชายหนุ่มโบกมือขวาเพื่อเรียกผนึกแห่งความมืดอีกสองอันที่เหลือออกมา ประทับตราเข้าไปในวิญญาณของทั้งสอง
วิญญาณวุธทั้งสองสั่นเทาก่อนจะแน่นิ่งลง แววตาโชติช่วงเร่าร้อนขณะความทรงจำถูกสับเปลี่ยน กลายเป็นเรื่องราวที่หวังเป่าเล่อได้ชำระบาปให้ในนิมิตมืด ในที่สุดดวงวิญญาณทั้งสองนี้ก็กลายเป็นวิญญาณวุธของหวังเป่าเล่อโดยสมบูรณ์!
“ไม่กลับเข้าประจำที่หรือ” หวังเป่าเล่อพูดอย่างไร้อารมณ์ ขณะเก็บหัตถ์สื่อวิญญาณกลับเข้าร่าง ราชครูก้าวมาข้างหน้าก่อนเปลี่ยนร่างเป็นชุดคลุมยาวสีดำ มันพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อและเข้าคลุมไหล่ทั้งสองข้างของเขา ทันทีที่ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้น ดวงวิญญาณของเด็กชายก็แปรสภาพเป็นไม้พายตะเกียงสีดำเช่นกัน หวังเป่าเล่อคว้าไม้พายตะเกียงนั้นเอาไว้มั่น!
ทันใดนั้นโลกใต้ดินทั้งใบก็สั่นสะเทือน รวมถึงชั้นหนึ่งและชั้นสองด้วย!
หวังเป่าเล่อสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่บนเรือสีดำ รังสีที่เขาปล่อยออกมาเปลี่ยนไป ในมือถือไม้พายที่มีตะเกียงห้อยอยู่ที่ปลายด้าม ฉายแสงเรืองน่าพิศวง…
หากเจ้าผินฟางอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย เขาคงดีใจจนเนื้อเต้น เพราะหวังเป่าเล่อในตอนนี้ เหมือนเงาในภาพสลักบนผนังไม่มีผิดเพี้ยน จนเรียกได้ว่าเป็นภาพเดียวกันก็ว่าได้!
บทที่ 463 อาวุธเทพคุณภาพกลาง!
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ได้ไม้พายตะเกียงและชุดคลุมสีดำมาครอบครองเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็ยืนหลับตานิ่งอยู่ในโลกใต้ดิน สายฟ้าฟาดอยู่กลางใจขณะที่ภาพหนึ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในความคิด
เขาเห็นภาพเรือขนาดมหึมาลำหนึ่ง เรือลำนั้นฝังอยู่ใต้ดินลึก ยาวหลายร้อยเมตรและเป็นสีดำสนิท ลำเรือถูกทำลายไปเกือบหมด ส่วนที่เหลืออยู่ก็เต็มไปด้วยรอยร้าวขนาดใหญ่
ปราณมืดซึมออกจากรอยแยกเหล่านั้นไม่ขาดสาย หลั่งไหลลงผืนดินและแทรกซึมเข้าสู่โลกใต้ดินเปลี่ยนอาณาเขตกว้างใหญ่ให้กลายเป็นดินแดนมืด
ภาพในใจของหวังเป่าเล่อดูไม่สมเหตุสมผลอย่างสิ้นเชิง อันดับแรกคือ เรือที่พังไปแล้วกว่าร้อยละเก้าสิบจะยังคงรูปร่างอยู่ได้อย่างไร หากว่ากันตามความเป็นจริง เรือลำนี้ควรจะพังลงไปตั้งนานนมแล้ว แต่เรือสีดำในมโนภาพของหวังเป่าเล่อยังคงรูปร่างอยู่ได้ด้วยพลังประหลาดบางอย่าง แม้ร่องรอยความเสียหายจะมากเหลือ แต่เรือสีดำลำนี้ก็ยังคงดูเหมือนเรืออยู่!
เรือลำนี้คือเรือสำปั้นแห่งความมืด!
การที่เรือถูกฝังอยู่ใต้ดาวอังคาร ทำให้พลังปราณของดาวทั้งดวงแปรปรวน ปราณมืดซึมเข้าใต้ผืนดินกว่าครึ่งของดาวดวงนี้ มันกระทบต่อวิวัฒนาการของสัตว์ร้ายบางสายพันธุ์ และส่งผลให้เกิดการกลายพันธุ์ การกลายพันธุ์นี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้เหตุอสูรหลั่งไหลมากมายอุบัติบนดาวอังคาร
ปราณมืดจากเรือสำปั้นยังทำให้ซากศพและศพผีโบราณตื่นขึ้นมาร่วมกับอสูรหลั่งไหลอีกด้วย!
เหตุที่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเรือสำปั้นแห่งความมืดที่ทรงพลานุภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นเพราะ… วัตถุเวทแห่งความมืดที่ฝังอยู่ใต้ดินดาวอังคารไม่ได้มีแค่เรือสำปั้นเท่านั้น!
ยังมีไม้พายตะเกียงและชุดคลุมสีดำด้วย!
ในนิมิต หวังเป่าเล่อเห็นไม้พายขนาดยักษ์อยู่ข้างเรือสำปั้น ไม้พายนั้นก็ผุพังไม่แพ้กัน และดูเหมือนจะเสียหายมากกว่าตัวเรือด้วยซ้ำ เนื่องจากเหลือเศษอยู่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ตะเกียงและด้ามจับหายไปโดยเป็นรอยเหมือนโดนกระชากออก ชะตากรรมของด้ามจับและตะเกียงนั้นเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบได้
อีกฝั่งหนึ่งของเรือสำปั้นมีชุดคลุมสีดำฝังดินอยู่ ชุดคลุมนั้นก็เหลือเศษผ้าอยู่เพียงน้อยนิดเช่นกัน ส่วนเศษผ้าที่เหลือจะอยู่ที่ใดนั้นไม่มีใครล่วงรู้
วัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสามนี้ คือวัตถุเวทของบุตรแห่งความมืดจากสำนักแห่งความมืดที่แท้จริง!
หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้นหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ หัวใจของเขาท่วมท้นด้วยความรู้สึกมากมาย เขารู้ว่าเสื้อคลุมสีดำที่สวมอยู่ เรือที่ใต้เท้า และไม้พายตะเกียงในมือเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ไม่ใช่ของที่จับต้องได้จริงแต่อย่างใด กระนั้นชายหนุ่มก็ยังตกใจกับสภาพที่แท้จริงของวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสาม
แม้จะเสียหายถึงเพียงนี้แต่ก็ยังทรงพลังเหลือเกิน… จนเปลี่ยนสภาพภูมิทัศน์ใต้ดินของดาวอังคาร และยังทำให้อสูรกลายพันธุ์อีกด้วย แถมยังทำให้เกิดโลกใต้ดินสามชั้นบนดาวอังคาร… หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึกให้กับความคิดนั้น เขารู้แล้วว่าตนอยู่ที่ใด ตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ภายในวัตถุเวทแห่งความมืด สถานที่แห่งนี้มีพลังเวทที่ทำให้มิติบิดเบี้ยว จนทำให้เกิดโลกใต้ดินทั้งสามชั้นขึ้น และมันก็มีขนาดใหญ่อย่างเหลือเชื่อ
เนื่องจากหวังเป่าเล่อผนึกตราลงบนวิญญาณวุธทั้งสามแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มเป็นนายของวัตถุเวทแห่งความมืดเรียบร้อย เขาเห็นวัตถุเวทเหล่านี้มีขนาดใหญ่มหึมา เนื่องจากพวกมันเสียหายหนัก จึงสูญเสียความสามารถในการลดขนาดของตนเองลง หากซ่อมแซมจนถึงจุดหนึ่ง ชายหนุ่มจะสามารถย่อขนาดของสิ่งเหล่านี้ได้โดยใช้เพียงความคิดเท่านั้น!
หากวัตถุเวททั้งสามชิ้นนี้กลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์… มันจะทรงพลังถึงเพียงใดกันนะ ความตกใจเกาะกุมหวังเป่าเล่อ เขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว ตามความรู้เรื่องวัตถุเวทแห่งความมืดที่ชายหนุ่มได้รับมาในนิมิตมืด เมื่อวัตถุเวทได้รับการซ่อมแซมจนเสร็จสมบูรณ์ มันจะกลายมาเป็นอาวุธทรงพลังที่ช่วยให้บุตรแห่งความมืดท่องไปในจักรวาลได้ไม่รู้จบ!
เพียงแค่คิดชายหนุ่มก็ตื่นเต้นจนตัวสั่น หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็หายใจเข้าลึกและออกคำสั่งว่า “วิญญาณวุธทั้งหลาย จงรายงานความเสียหายของวัตถุเวทประจำกายเจ้าให้ข้าทราบ!”
ทันทีที่หวังเป่าเล่อพูดจบ เสียงของวิญญาณวุธทั้งสามก็ดังก้องอยู่ในศีรษะเขา ทั้งสามพูดด้วยน้ำเสียงเคารพเชื่อฟังอย่างถึงที่สุด
“นายท่านขอรับ ไม้พายตะเกียงขาดหายไปราวร้อยละหกสิบ ส่วนที่ขาดหายไปอยู่ที่ใดข้าไม่อาจทราบหรือสัมผัสได้ ที่เหลืออยู่ร้อยละสี่สิบได้รับความเสียหายราวร้อยละแปดสิบ ที่ไม้พายตะเกียงนี้ยังติดอยู่ด้วยกันได้ เป็นเพราะพลังแห่งกฎจักรวาลเท่านั้น…”
“นายท่านขอรับ ชุดคลุมสีดำก็เช่นกัน ชิ้นส่วนของชุดคลุมหายไปราวร้อยละเจ็ดสิบ… ที่เหลืออยู่อีกร้อยละสามสิบที่ก็เสียหายเป็นส่วนมาก…”
คำตอบของเด็กชายและราชครูทำให้หวังเป่าเล่อปวดหัว วัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสามชิ้นเสียหายมากเกินกว่าจะรับได้ โดยเฉพาะชุดคลุมสีดำ ชายหนุ่มรู้สึกว่าชุดคลุมนั้นดูไม่เหมือนชุดคลุม หากแต่เป็นเศษผ้าชิ้นๆ เสียมากกว่า…
ไร้ประโยชน์สิ้นดี ข้าอุตส่าห์ตื่นเต้น! ชายหนุ่มถอนใจ
“นายท่านขอรับ หากมีวัตถุดิบมากพอ วัตถุเวทเหล่านี้จะซ่อมแซมตนเองได้ ตราบใดที่วัตถุเวทหนึ่งในสามฟื้นสภาพกลับมาครบร้อยละสิบ ก็จะสามารถสร้างเกราะคุ้มกันซึ่งต้านทานการโจมตีของผู้ที่มีปราณต่ำกว่าระดับจิตวิญญาณอมตะได้ขอรับ!” คำพูดของวิญญาณวุธทำให้หวังเป่าเล่อกลับมามีความหวังอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับพลังของวัตถุเวทแห่งความมืดเหล่านี้
“เพียงแค่ร้อยละสิบก็ทำได้เช่นนั้นหรือ แล้วหากมากกว่านั้นเล่า”
“หากเรือสำปั้นแห่งความมืดกลับมาใช้งานได้ร้อยละสามสิบ จะสามารถโจมตีด้วยพลังระดับเดียวกับผู้มีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะระดับสูงได้ แต่การทำเช่นนั้นต้องใช้พลังงานสูงมากขอรับ จึงต้องการวัตถุดิบมาซ่อมแซมเพิ่มเติมก่อนที่จะปล่อยพลังออกเป็นครั้งที่สองได้! ในเมื่อชิ้นส่วนของไม้พายตะเกียงและชุดคลุมยังขาดหายไป ข้าขอเสนอให้นายท่านเริ่มซ่อมแซมเรือสำปั้นที่สภาพครบกว่าก่อน!” วิญญาณวุธชายหื่นประจำเรือสำปั้นเอ่ย ก่อนยื่นรายการวัตถุดิบให้หวังเป่าเล่อ…
หากเป็นก่อนหน้านี้ ราชครูและเด็กชายคงประท้วงข้อเสนอของวิญญาณชายหื่นประจำเรื่องสำปั้นเป็นแน่ แต่ตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงความขุ่นหมองและจำยอมอยู่ในจิตใจ ทั้งสองทำได้เพียงทำตามคำสั่งอันเป็นประกาศิตเท่านั้น และอย่างไรเสีย การซ่อมแซมเรือสำปั้นก่อนก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกาย แต่หลังจากอ่านรายการวัตถุดิบที่ได้รับมา เขาก็อดตบหน้าผากตนเองไม่ได้ วัตถุดิบที่ต้องใช้ซ่อมแซมเรือสำปั้นแห่งความมืดนั้นมากมายเกินไป มีหลายชิ้นที่เป็นวัตถุดิบหายาก บางชิ้นก็เป็นถึงชิ้นส่วนต้นกำเนิดแห่งดวงดาวเลยทีเดียว…
วัตถุดิบทั้งหมดที่หวังเป่าเล่อเคยใช้หลอมวัตถุเวท เทียบไม่ได้แม้แต่นิดกับสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษ โดยด้อยค่ากว่าอยู่ถึงหนึ่งในหมื่นเลยทีเดียว ชายหนุ่มจึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ข้าใช้วัตถุดิบเหล่านี้หลอมอาวุธเทพได้หลายชิ้นเลยเชียว!”
“นายท่านขอรับ เป็นเช่นนั้นจริงๆ เสียด้วย แต่อาวุธเทพที่หลอมออกมาจะขาดพลังแห่งกฎจักรวาลอยู่ ทำให้เป็นเพียงอาวุธเทพระดับด้อยเท่านั้น” ราชครูเอ่ยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่วิญญาณเรือจะมีโอกาสได้พูดว่าเขามีประโยชน์เพียงใด
ดวงตาของหวังเป่าเล่อส่องประกาย เขาอ่านตำรามากมายในนิมิตมืด แต่ก็ไม่เจอข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธเทพแม้แต่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะซักถามต่อ
“อาวุธเทพระดับด้อยหรือ?”
“ขอรับนายท่าน อาวุธเทพแบ่งออกเป็นระดับด้อย ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสมบูรณ์แบบ ความแตกต่างเรื่องพลังของแต่ละระดับนั้นมากล้น เหมือนพื้นดินกับสวรรค์เลยทีเดียว!” ผู้ที่ตอบคือเสี่ยวเป่า ผู้ตระหนักได้ว่าหากหวังเป่าเล่อเริ่มซ่อมเรือสำปั้นก่อน คุณค่าของเขาจะลดลง ด้วยเหตุนี้เด็กชายจึงรีบชิงพูดออกมาเพื่อแสดงว่าตนยังมีประโยชน์อยู่
“เจ้าเคยเห็นอาวุธเทพของสหพันธรัฐหรือไม่ เป็นระดับใดกัน” หวังเป่าเล่อถามทันที
“พวกข้าไม่เคยเห็น แต่รู้สึกได้ขอรับ อาวุธเทพนั้นเป็นอาวุธเทพระดับด้อยขอรับ!”
“ระดับด้อยหรือ แล้ววัตถุเวทแห่งความมืดนี้เล่า” หวังเป่าเล่อหายใจไม่เป็นจังหวะ
“วัตถุเวททั้งสามชิ้นนี้เป็นวัตถุเวทระดับกลาง หากฟื้นคืนสภาพจนครบสมบูรณ์ จะสามารถปล่อยพลังเทียบเท่าอาวุธเทพระดับสูงได้ขอรับ!”
เมื่อหวังเป่าเล่อได้ยินคำตอบ ก็ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาทอประกายเจิดจ้าเหมือนดวงดาว ส่วนดวงใจก็โชติช่วงไปด้วยไฟแห่งความหวัง ราวกับว่าจับพลัดจับผลูไปเก็บเอาของล้ำค่าที่ประเมินราคามิได้มาจากข้างถนน เขาเคยคิดว่าอาวุธเทพของสหพันธรัฐนั้นทรงพลังยิ่ง จนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ แต่มันกลับเป็นเพียงอาวุธเทพระดับต่ำเท่านั้น วัตถุเวทแห่งความมืดของเขาต่างหาก ที่จะกลายมาเป็นอาวุธเทพระดับสูงเมื่อซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย!
ชายหนุ่มอยากเริ่มรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดเพื่อเริ่มซ่อมแซมวัตถุเวทของตนในทันที ดวงตาของเขาเป็นสีแดงก่ำ เหมือนผีดิบที่อดโซมาหลายพันปี ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอแสงสีแดงออกมา ขณะมองไปรอบกายอย่างลุกลี้ลุกลน
“ทรัพยากร… ข้าต้องการทรัพยากรจำนวนมาก…” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเอง ทันใดนั้น ภาพของผู้ฝึกตนจากนอกโลกสามคนที่มีปราณระดับจุติวิญญาณก็ผุดขึ้นมาในใจ!
เจ้าพวกนั้นต้องมีทรัพยากรเก็บไว้เป็นจำนวนมากแน่! หวังเป่าเล่าเลียริมฝีปาก ดวงตาทอแสงอำมหิตกร้าว จิตของเขาที่ผูกติดอยู่กับวัตถุเวทแห่งความมืดทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า เพราะวัตถุเวทเหล่านี้ลดขนาดลงมาไม่ได้ ทำให้เขาควบคุมมันได้อย่างยากลำบากหากออกไปยังโลกภายนอก และจะปล่อยพลังของมันออกมาไม่ได้ถึงขีดสุด ทว่าในโลกใต้ดินที่วัตถุเวทเหล่านี้สร้างขึ้นมา หวังเป่าเล่อผู้เป็นนายของวัตถุเวททั้งสาม… ถือเป็นเทพเจ้า!
แม้พลังปราณของเขาจะด้อยกว่า จึงไม่อาจเอาชนะได้ด้วยกำลังของตนเอง แต่หากเขายืมพลังของวิญญาณวุธ ก็คงสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณได้!
“ไปกันเถิด เราจะไปล่าทรัพยากรมาซ่อมเรือสำปั้นกัน!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขาชี้ไม้พายตะเกียงมายาไปข้างหน้า ทันใดนั้น ท้องฟ้าและพื้นดินก็สั่นไหวอีกรอบ โลกใต้ดินทั้งสามชั้นสะท้านสะเทือน แสงสว่างระเบิดออกจากหลายส่วนของโลกใต้ดินนี้
ชุดคลุมมายาที่หวังเป่าเล่อสวมอยู่ปลิวไสวตามสายลมขณะที่เรือสำปั้นที่อยู่ใต้เท้าเริ่มเคลื่อนที่ หวังเป่าเล่อและวัตถุเวทแห่งความมืดทั้งสามลอยขึ้นไปในอากาศ หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความมืดไร้ที่สิ้นสุด ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น