หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 460-461

 บทที่ 460 ตื่นจากความฝัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อหมิงคุนจื่อได้ยินชื่อที่หวังเป่าเล่อเรียกตน รอยยิ้มของเขาก็อ่อนโยนขึ้นอีก หมิงคุนจื่อดีใจที่หวังเป่าเล่อจำตนเองได้ จนความดีใจนั้นฉายออกทางแววตา เสียงแก่ชราของเขาเจือความรู้สึกว่างเปล่า เหมือนเสียงสะท้อนที่เดินทางมาจากอดีตและจักรวาลอันไกลโพ้นและตอนนี้ก็ก้องอยู่ในตำหนักหมื่นศิลป์และจิตใจของหวังเป่าเล่อ


“เจ้ารู้ด้วยหรือ”


เมื่อได้ยินดังนั้น หวังเป่าเล่อก็หายใจถี่ขึ้น เขาตระหนักแล้วว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้น่าจะเป็นเพียงความฝัน ความทรงจำเรื่องเรื่องสหพันธรัฐต่างหากที่อาจเป็นเรื่องจริง กระนั้นเมื่อได้ยินสิ่งที่หมิงคุนจื่อเอ่ย ชายหนุ่มก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี


“ข้า…” หวังเป่าเล่อพึมพำขณะมองอาคารต่างๆ รอบตัว ทุกสิ่งกำลังค่อยๆ จางหายไปเช่นเดียวกับตัวของหมิงคุนจื่อจนสามารถมองทะลุได้ เขาเห็นขุนเขาและปราสาทที่อยู่ในโลกภายนอก เขาเห็นท้องฟ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาและปุยเมฆสีขาว เขาเห็นร่างของศิษย์ที่คุ้นตามากมายจากสำนักแห่งความมืดกำลังเดินขวั่กไขว่อยู่ในอากาศ


หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงระฆังของสำนักแห่งความมืดลอยมาแต่ไกล แต่เสียงนั้นช่างบางเบาเหลือเกิน ชายหนุ่มเห็นกระทั่งภาพครั้งที่ตนเองวาดใบหน้าซากศพ และความทรงจำอันแสนคุ้นเคยอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในสำนักแห่งความมืด


สักพักใหญ่ต่อมา หวังเป่าเล่อก็ถามเสียงแผ่ว “ท่านอาจารย์ นี่คือนิมิตมืดหรอกหรือ…”


หมิงคุนจื่อไม่ตอบคำถามนั้น เขาเพียงแต่ยิ้มด้วยสีหน้าที่อ่อนโยนมากขึ้นอีก ร่างทั้งร่างของชายชราบางเบาลงเรื่อยๆ เมื่อเขายกมือขวาขึ้น ก้อนแสงสีดำสว่างจ้าสามก้อนก็พุ่งออกมาจากปลายแขนเสื้อ ลอยอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ


ก้อนแสงสีดำแต่ละก้อนมีขนาดเท่ากำปั้น แต่พลังงานที่แผ่ออกมาจากแต่ละก้อนทรงพลังรุนแรง พลังงานนั้นแผ่ออกมาท่วมบรรยากาศโดยรอบ และอัดแน่นไปด้วยอำนาจของธรรมชาติ


เมื่อมองใกล้ๆ หวังเป่าเล่อก็เห็นว่าภายในก้อนแสงสีดำแต่ละก้อนนั้น… มีเรือเดียวดาย ชุดคลุมสีดำ และไม้พายตะเกียงอยู่ภายใน!


“ศิษย์ของสำนักแห่งความมืดจะได้รับสมญานามว่าบุตรแห่งความมืด หลังจากที่บรรลุปราณระดับจิตวิญญาณอมตะ และจะได้รับวัตถุเวทแห่งความมืดสามชิ้นด้วยกัน เพื่อใช้ส่งวิญญาณที่เวียนว่ายตายเกิดในจักรวาลแห่งนี้… ตอนนี้เวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว เต๋าสวรรค์ล่มสลาย กฎแห่งจักรวาลนี้จึงใช้การไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”


 หมิงคุนจื่อพูดเสียงเบา เสียงชราของเขาฟังดูห่างไกลขึ้นอีก เขาสะบัดแขนเสื้อ ก้อนแสงสีดำทั้งสามก็ลอยเข้าไปในกายของหวังเป่าเล่อ ก่อนจะผนึกรวมกับแก่นในแห่งความมืดของเขา และกลายสภาพเป็นผนึกแห่งความมืดสามผนึก!


“ข้า อาจารย์ของเจ้าได้หลอมรวมดวงวิญญาณสามดวงที่เจ้าชำระบาปเข้าไปในวัตถุเวทแห่งความมืด และเปลี่ยนทั้งสามเป็นวิญญาณวุธให้เจ้าเรียบร้อย… แม้ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นในนิมิตมืด แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นนิมิตมืด… ที่ข้าสร้างไว้ให้เจ้าเพียงผู้เดียว!


“เมื่อเจ้าตื่นขึ้นสู่โลกแห่งความจริง เจ้าเพียงต้องปลดปล่อยพลังของแก่นในแห่งความมืด เพื่อถ่ายทอดทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนิมิตมืดให้กับดวงวิญญาณทั้งสามดวงนี้ ความทรงจำก่อนหน้านี้ของดวงวิญญาณทั้งสามจะแปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำในนิมิตมืดนี้ทันที แล้วดวงวิญญาณทั้งสามก็จะเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์!”


หวังเป่าเล่อตัวสั่นเมื่อได้ยิน เขาเข้าใจดีว่าถึงเวลาแห่งการจากลาแล้ว ความทรงจำของชายหนุ่มที่เกิดขึ้นในนิมิตมืดฉายขึ้นในแววตา พร้อมความลังเลที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจ


“ท่านอาจารย์ ท่าน… อยู่ในวัตถุเวทแห่งความมืดบนดาวอังคารเช่นนั้นหรือ ใบหน้าที่ร้องเรียกข้ามาตลอด คือท่านหรือขอรับ”


หมิงคุนจื่อรู้สึกได้ว่าหวังเป่าเล่อไม่อยากจากโลกแห่งนี้ไป เขายกมือที่พร่าเลือนขึ้นตบศีรษะหวังเป่าเล่อเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แววตาอ่อนโยนขณะถอนหายใจเสียงเบา


“ผู้ที่ร้องเรียกเจ้าใช่ข้า แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ข้าเช่นกัน


“เป่าเล่อ สำนักแห่งความมืดล่มสลายไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงดวงจิตของข้าเท่านั้น และแม้แต่ดวงจิตยังแทบเอาชีวิตไม่รอดในสำนักแห่งความมืดบ้านเกิดของเรา… ตอนที่เจ้าได้เปลวไฟสีดำดวงแรกมาครอบครอง จิตของข้าสัมผัสได้จึงตื่นขึ้นมา ตั้งแต่นั้นข้าก็เฝ้าดูเจ้ามาตลอด วันนี้ข้าได้ถ่ายทอดศาสตร์แห่งความมืดให้เจ้าผ่านนิมิตมืด… แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่าการรับเจ้าเข้าสู่สำนักแห่งความมืดเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่


“แต่เจ้าต้องจำไว้ให้ดี… ว่าในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่ถูกหรือผิดตายตัว สำนักแห่งความตายอาจล่มสลายไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้จากไปด้วยความดี ความชั่ว ความเกลียดชัง หรือความอาฆาตแค้นแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นผลของสงครามระหว่างมหาเต๋าเท่านั้น!


“สำนักแห่งความมืดของเราปวารณาตนเป็นข้ารับใช้แห่งเต๋าสวรรค์ เนื่องจากนี่คือเจตจำนงแห่งเต๋าของสำนักแห่งความมืด!


“การล่มสลายของเต๋าสวรรค์ส่งผลให้เจตจำนงแห่งเต๋าของสำนักแห่งความมืดสูญสิ้นลง และด้วยเหตุนี้ สำนักของเราจึงกลายเป็นเพียงอดีต… เจ้าคงเป็นบุตรแห่งความมืดคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของรุ่นนี้ จงทำตามความต้องการในหัวใจของตนเองเถิด!”


หมิงคุนจื่อประกาศเจตจำนงของตนอย่างชัดเจน แม้หวังเป่าเล่อจะได้รับเข้าเป็นศิษย์ของสำนักแห่งความมืด  แต่ก็ได้รับการถ่ายทอดเพียงเคล็ดเวทกับกระบวนเวทเท่านั้น ยังไม่มีสิทธิ์ประกอบกิจตามเจตจำนงแห่งเต๋าของสำนักแห่งความมืด ก่อนหน้านี้หมิงคุนจื่อได้พูดสิ่งเดียวกันนี้ขณะที่ต่อสู้กับจักรพรรดิแห่งตระกูลไม่รู้สิ้น เขาเอ่ยถึงอดีตและปัจจุบัน แต่ไม่ได้พูดถึงอนาคตเลยแม้แต่คำเดียว!


ชายชราถอนหายใจ แววตาของเขาดูห่างไกลออกไป ราวกับกำลังย้อนรำลึกความหลังอยู่ เขาพึมพำต่อ “ข้ามีศิษย์ที่เปี่ยมล้นด้วยพรสวรรค์อยู่คนหนึ่งในอดีต น่าเสียดายยิ่งนัก ที่การทำตามความต้องการในหัวใจตนเอง เป็นสิ่งที่ข้าเพิ่งเรียนรู้หลังจากที่สำนักของเราล่มสลาย มิเช่นนั้นข้าคงเฉลยให้ศิษย์ผู้นั้นได้รู้แจ้งแล้ว…” หมิงคุนจื่อส่ายศีรษะพร้อมถอนหายใจเบาอีกครั้งด้วยความรู้สึกหนักอก ร่างของเขาจางลงจนแทบมลายหายไป และกำลังจะโบกมือเพื่อยุตินิมิตมืด หวังเป่าเล่อตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยิน และพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา


“ท่านอาจารย์ ท่านหมายถึงศิษย์พี่เฉินชิงเช่นนั้นหรือขอรับ”


คำถามนั้นดูแสนธรรมดา หลังจากที่หวังเป่าเล่อได้ยินสิ่งที่หมิงคุนจื่อพูด เขาก็พอเดาได้ว่าอาจารย์หมายถึงใคร เขาไม่คาดคิดว่าหมิงคุนจื่อจะเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคอันแสนเรียบง่ายนั้น แววตาของหมิงคุนจื่อตกใจยิ่ง เขาเริ่มหายใจถี่ โลกนิมิตมืดทั้งใบสั่นไหวราวกับจะล่มสลายลงต่อหน้าต่อตา!


ทั้งหมดเป็นเพราะคำถามของหวังเป่าเล่อ คำถามที่ทำให้หมิงคุนจื่อตกใจจนทำตัวไม่ถูก!


“เป่าเล่อ… เจ้ารู้จักเฉินชิงได้อย่างไร มีผู้ใดบอกเจ้าเช่นนั้นหรือ หรือว่าเจ้า… เห็นเขา” หมิงคุนจื่อจ้องหน้าหวังเป่าเล่อและพูดด้วยเสียงเบาราวกระซิบ


ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทา จิตใจยุ่งเหยิงกว่าเดิมด้วยความสับสน


“ใช่ขอรับ ข้าเห็นเขา ท่านไม่เห็นเขาหรอกหรือ ท่านอาจารย์…” ทันทีที่พูดออกมา ดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกกว้าง ความคิดน่าตกใจวาบเข้ามาในสมอง


“เจ้าเห็นเขาจริงด้วยสินะ…” หมิงคุนจื่อพึมพำ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปรอบกาย


“ช่างน่าสนใจเสียจริง แต่เป่าเล่อ นี่เป็นนิมิตมืดที่อาจารย์สร้างมาให้เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น ในนิมิตนี้มีทั้งความจริงและมายาปะปนกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ภายในนิมิตนี้… ไม่ควรมีคนชื่อเฉินชิงอยู่!”


คำเฉลยของหมิงคุนจื่อทำให้หวังเป่าเล่อหายใจสะดุดอย่างรุนแรง ความตระหนกตกใจยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เป็นไปตามที่เขาคาดไว้จริงๆ เสียด้วย


“หากไม่มีคนผู้นั้น… แล้วชายที่ข้าเจอเล่า… ศิษย์พี่เฉินชิงสอนวิชาใบหน้าซากศพให้ข้าด้วยซ้ำ แถมยังบอกความลับของเขากับข้า…” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเอง ส่วนหมิงคุนจื่อกลับระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง


“เป่าเล่อ ศิษย์พี่ของเจ้าผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ข้าสร้างนิมิตมืดให้เจ้า ส่วนเขา… ก็สร้างนิมิตมืดให้ข้าอีกทีหนึ่ง!” หมิงคุนจื่อดูเหมือนจะคิดบางสิ่งออก เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาเจือด้วยความทรงจำมากมายและความรู้สึกเอ่อล้น ในที่สุดเขาก็ยกมือขวาขึ้นแตะหน้าผากหวังเป่าเล่อ


“เป่าเล่อ ชะตากำหนดมาแล้วว่าเราทั้งสองมีวาสนาได้เจอกันเพียงเท่านี้ ต่อจากนี้จงทำตามหัวใจของเจ้าเถิด ได้เวลา… ตื่นจากความฝันแล้ว!”


ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นเทา เขารู้สึกเหมือนสวรรค์และพื้นพิภพพลิกกลับตาลปัตร ทุกสิ่งพร่าเลือนพร้อมเสียงกระจกแตกที่ดังสะท้อนอยู่ในหู ดวงจิตของเขาออกจากร่างนี้ไป ก่อนพุ่งขึ้นไปยังจักรวาลที่พร่างพรายด้วยดวงดารา ขณะที่ดวงจิตกำลังเดินทางนั้น เวลาก็หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านด้วยอัตราเร็วที่แตกต่างกัน เวลาหนึ่งพันปีอัดแน่นเข้าด้วยกัน กลายเป็นเวลาเพียงชั่วอึดใจ!


หวังเป่าเล่อเห็นพิกัดดาวที่สำนักแห่งความมืดเคยตั้งอยู่ หลายปีต่อมา การต่อสู้ครั้งใหญ่อุบัติขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เขาเห็นจักรพรรดิแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นและผู้ฝึกตนผู้ทรงพลังมากมายกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดในสงครามดาราจักร


สงครามนั้นเป็นเพียงภาพสีเลือนในสายตาเขา จากนั้นสำนักแห่งความมืดทั้งสำนัก… ก็แหลกสลายกลายเป็นเพียงเถ้าธุลี


เสียงกระจกในหูเขาดังขึ้นอีกจนแทบทนรับไม่ไหว ดวงตาของหวังเป่าเล่อมืดมิด ในตอนนั้นเอง… ณ ระบบสุริยะ ใต้ดินสีแดงของดาวอังคาร และโลกใต้ดินที่วัตถุเวทแห่งความมืดสถิตอยู่ ร่างของหวังเป่าเล่อนั่งขัดสมาธินอนหลับอยู่ในเรือเดียวดายสีดำ ลอยอ้างว้างอยู่ในความมืดมิดไร้จุดสิ้นสุด ร่างนั้นสั่นสะท้าน ก่อนลืมตาตื่นขึ้น!


ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดเปลือกตา เปลวไฟสีดำในกายเขาก็สั่นไหว ก่อนปล่อยไอเย็นออกมาไม่ขาดสาย ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในนิมิตมืดได้ติดตัวเขามายังโลกแห่งนี้ด้วย! ภายในพริบตา เปลวไฟสีดำในกายของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มจำนวนขึ้นหลายสิบเท่า และอัดแน่นรวมกันเป็นแก่นในแห่งความมืด พลังปราณระเบิดออกจากร่างของชายหนุ่ม!


ในเวลาเดียวกันนั้น ณ จุดหนึ่งในจักรวาลไร้ขอบเขต ห่างจากระบบสุริยะไปไกลแสนไกล มีดินแดนที่ถูกตราว่าเป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามทั้งสิบในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้! ดินแดนนั้นเต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง เศษกระดูกมากมายนับไม่ถ้วน และพายุร้ายที่ทำลายได้แม้ดวงดาว สิ่งมีชีวิตใดที่ย่างกรายเข้ามาคงไม่มีวันได้กลับออกไปพร้อมลมหายใจ!


เศษซากที่เหลืออยู่ของอนุสาวรีย์ศิลาลอยเท้งเต้งอยู่ในอวกาศ ท่ามกลางซากกระดูกภายในดินแดนต้องห้ามนี้


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างซากอนุสาวรีย์ศิลา เขาเอามือไพล่หลัง ขณะมองไปที่อนุสาวรีย์นั้นอย่างเงียบๆ ชุดคลุมทรงโบราณของเขาเป็นสีดำสนิท ขั้นปราณเป็นปริศนา ทันทีที่เศษซากมหึมาพุ่งเข้าชนร่างของชายผู้นี้ เศษซากนั้นก็พลันระเบิดออกเป็นจุณ ภาพที่เห็นสื่อได้ว่าขั้นปราณของเขาย่อมสูงส่งจนยากจะหยั่งถึง!


อนุสาวรีย์ศิลาตรงหน้าชายผู้นี้ปล่อยรัศมีความเก่าแก่ออกมา ดูเหมือนว่ามันจะอยู่มานานเกินไปจนเหนือกาลเวลาไปเสียแล้ว บนอนุสาวรีย์ศิลานั้นมีนามมากมายสลักอยู่ แต่ในตอนนี้นามเหล่านั้นล้วนอับแสงลงเสียสิ้น มีเพียงนามเดียวที่ยังทอแสงประหลาดอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิด


นามนั้นก็คือ… เฉินชิง!


หากหวังเป่าเล่อยืนอยู่ตรงนั้น เขาย่อมจำได้ว่าอนุสาวรีย์ศิลาแห่งนี้นี้คืออนุสาวรีย์บุตรแห่งความมืดของสำนักแห่งความมืด และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือศิษย์พี่เฉินชิงที่เขาเจอในนิมิตมืด คนผู้นี้ดูเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน เว้นก็แต่ริ้วรอยแห่งวัยที่เพิ่มมากขึ้นตามกาลเวลา


ชายปริศนาผู้นี้คือเฉินชิงนั่นเอง!


เฉินชิงยืนมองอนุสาวรีย์ศิลาและชื่อของตนที่เรืองแสงอยู่เป็นเวลานาน ทันใดนั้น เขาก็ยกมือขวาขึ้น สลักนามอีกนามหนึ่งที่มีสามพยางค์ลงไปข้างชื่อตนด้วยนิ้วมือทีละเส้น


ชื่อใหม่นั้นเขียนว่า… หวังเป่าเล่อ!


ทันทีที่ชื่อนั้นปรากฏขึ้นบนอนุสาวรีย์ศิลา มันก็เรืองแสงอยู่ครู่หนึ่งก่อนดับวูบลง ราวกับว่าอนุสาวรีย์ศิลาไม่เห็นด้วยและไม่อนุมัติชื่อนั้น ในตอนที่ชื่อของหวังเป่าเล่อกำลังจะเลือนหายไปนั้นเอง เฉินชิงก็พูดออกมาอย่างไม่ยี่หระ


“ตอนนั้นเจ้าก็ไม่ยอมให้ข้าเป็นบุตรแห่งความมืด ข้าจึงทำลายอนุสาวรีย์ศิลานี่ไปเสียครึ่งหนึ่ง ตอนนี้หากเจ้าคิดจะลบนามของศิษย์น้องข้าอีก เราจะได้เห็นกันว่าเจ้าจะยังเหลือซากอยู่อีกหรือไม่!”


ทันทีที่เฉินชิงพูดจบ อนุสาวรีย์ศิลาก็สั่นสะท้าน หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก มันก็เลือกประนีประนอมด้วยความรู้สึกชิงชัง ชื่อของหวังเป่าเล่อไม่อับแสงลงอีกต่อไป แต่กลับสว่างเจิดจ้าอยู่ในความมืดมิด!


บทที่ 461 เปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง!

โดย

Ink Stone_Fantasy

สำนักแห่งความมืดที่มีมาแต่โบราณกาลพรั่งพร้อมด้วยเคล็ดเวทและกระบวนเวททรงพลังมากมาย และนิมิตมืดก็เป็นหนึ่งในนั้น!


การใช้ต้นกำเนิดแห่งเต๋าภายในกายของผู้ใช้เวทในการสร้างดินแดนแห่งความฝันเพื่อบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ  เพื่อจะถ่ายทอดเคล็ดเวทและข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับสำนักให้ รวมถึงจัดสรรสภาพแวดล้อมให้หวังเป่าเล่อบรรลุขั้นปราณได้สำเร็จ ทั้งหมดนั้นใช้พลังปราณมืดในการสรรค์สร้าง… โดยปราณมืดนั้นมาจากต้นกำเนิดแห่งเต๋าภายในกายหมิงคุนจื่อทั้งสิ้น!


ด้วยเหตุนี้… แม้หวังเป่าเล่อจะบรรลุขั้นปราณในความฝัน เมื่อเขากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง พลังปราณมืดจำนวนมากจะสะสมอยู่ภายในวิญญาณของเขาเพื่อส่งให้เขาบรรลุขั้นปราณในชีวิตจริงได้ จึงเป็นเหตุว่าเมื่อชายหนุ่มตื่นขึ้น เปลวไฟสีดำภายในกายเขาก็เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นแปดสิบเอ็ดดวงโดยอัตโนมัติ และเริ่มซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ก่อนอัดแน่นรวมกันเป็นแก่นใน!


การบรรลุปราณในโลกแห่งความจริงนี้ เป็นปรากฏการณ์เดียกับตอนที่หวังเป่าเล่อบรรลุปราณในโลกแห่งความฝัน พลังปราณในกายของชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พลังนั้นระเบิดออกจากภายในกาย ทันทีที่แก่นในแห่งความมืดก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างเรียบร้อย!


พลังปราณมืดจำนวนมากระเบิดออกไปทุกทิศทางหลังจากที่แก่นในแห่งความมืดปรากฏขึ้น ราวกับเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่ไหลบ่าเข้าท่วมเส้นปราณทั่วร่างของหวังเป่าเล่อ เสียงปะทุดังก้องขึ้นทุกครั้งที่กระแสพลังงานไหลเข้าภายในกายเขา เส้นปราณของหวังเป่าเล่อพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัว!


พลังที่แก่กล้ายิ่งกว่าตอนที่เขาสัมผัสได้ในความฝันก่อตัวขึ้นรุนแรงภายในกาย เสียงระเบิดดังก้องเหมือนสายฟ้าฟาดสะท้อนไปทั่วความมืดมิดรอบกาย หวังเป่าเล่อตัวสั่นไม่หยุด ขณะที่เสียงปะทุดังถี่ราวกับเสียงฟ้าร้อง ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอันเนื่องมาจากการบรรลุขั้นปราณก่อตัวเด่นชัดขึ้นทั่วร่างของเขา ปราณมืดพวยพุ่งออกจากร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือ จนทำให้เกิดภาพที่น่าพรั่นพรึง


ปราณมืดยังคงแผ่ขยายไปทั่วบรรยากาศ และเริ่มเผาไหม้เปลี่ยนสภาพไปเป็นไฟเย็นที่กระจายไปทั่วบริเวณ น้ำวนอุบัติขึ้นโดยมีหวังเป่าเล่ออยู่ที่ตาพายุ น้ำวนเกรี้ยวกราดนั้นคำรามก่อนหมุนวนรุนแรง เส้นผมของชายหนุ่มพัดไสวแม้ไร้ลม หวังเป่าเล่อดูเหมือนเทพเจ้าแห่งความตายที่ปรากฏกายขึ้นพร้อมภัยพิบัติไม่มีผิด!


ร่างอ้วนกลมของเขาผ่ายผอมลงเล็กน้อย ก่อนเริ่มปล่อยอำนาจออกมาจางๆ รังสีอำนาจและกระแสพลังงานที่ระเบิดออกจากกายล้ำหน้าพลังขั้นรากฐานตั้งมั่นไป เขารู้ว่าตนเอง… ไม่ได้เป็นผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็น… ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน!


หวังเป่าเล่อไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าภายในจุดตันเถียน เหนือดอกบัวสีเขียวที่ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเมล็ดแห่งการดูดกลืน มีดอกไม้ตูมดอกใหม่… กำเนิดขึ้น!


ดอกไม้ตูมนี้ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกันกับที่แก่นในแห่งความมืดก่อเป็นรูปร่าง และเบ่งบานกลายเป็นดอกบัวทันที กลีบของมันเริ่มร่วงโรย จนทำให้ปราณมืดปริมาณมหาศาลพวยพุ่งออกมา เมื่อกลับดอกร่วงหล่นและปลิวหายไป ตรงกลางดอกปรากฏเป็น…


ดอกบัว


ดอกบัวสีเขียวดอกหลักมีฝักเพียงฝักเดียวเท่านั้น ฝักบัวสร้างเม็ดบัวได้ และยังปล่อยพลังปราณอ่อนๆ ออกมาด้วย แต่บัดนี้… ดอกบัวดอกที่สองปรากฏขึ้นเป็นที่เรียบร้อย ดอกบัวดอกนี้หน้าตาไม่เหมือนดอกบัวดอกแรก มันมีสีดำและปล่อยปราณมืดออกมา ทั้งยังเรืองแสงประหลาดด้วย หากเพ่งมองใกล้ๆ … จะเห็นว่าดอกบัวดอกนี้มีแก่นในแห่งความมืดของหวังเป่าเล่อฝังอยู่!


แก่นในแห่งความมืดในดอกบัวดอกที่สองส่งพลังรุนแรงเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ออกมาพลังนั้นยิ่งใหญ่กว่าดอกบัวดอกแรกมากนัก!


ราวกับว่าเป็นดอกบัวที่มีคุณภาพต่างกัน!


การเปลี่ยนแปลงอันแสนแปลกประหลาดภายในกายของหวังเป่าเล่อยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าดอกบัวดอกที่สามกำลังจะงอกออกมาข้างๆ ดอกบัวดอกที่สอง!


ดอกบัวดอกที่สามนี้อัดแน่นด้วยสายฟ้ามากมาย แต่ดูเหมือนจะยังขาดอาหารบำรุงไปบ้างจึงยังไม่เบ่งบาน แต่ชายหนุ่มรู้ว่าเมื่อใดที่ดอกบัวดอกที่สามบาน ในกายของชายหนุ่มจะมีดอกบัวทั้งหมดถึงสามดอกด้วยกัน!


ดอกหนึ่งคือแก่นในแห่งความมืด อีกดอกหนึ่งคือ… แก่นในแห่งอัสนี หากเป็นเช่นนั้น ดอกบัวสีเขียวนี่คือสิ่งใดกันแน่นะ… ความคิดของหวังเป่าเล่อยังคงไม่แจ่มชัดนัก คำถามมากมายผุดขึ้นในใจตามสัญชาตญาณ หลังจากที่ชายหนุ่มพิจารณาดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง


แต่เขาก็ไม่ได้จมอยู่กับความคิดนี้นานนัก เมื่อจิตของเขาตื่นขึ้นเต็มที่ เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนิมิตมืดก็พรั่งพรูเข้ามาในสมอง ชายหนุ่มตัวสั่นเทา ลมหายใจสะดุด


นิมิตมืด… สำนักแห่งความมืด! หวังเป่าเล่อก้มหน้า ความรู้สึกซับซ้อนมากมายหมุนวนอย่างบ้าคลั่งในจิตใจ เมื่อคิดได้ว่าตนเองได้รับรู้เหตุการณ์การล่มสลายของสำนักแห่งความมืดกับตาตนเองก่อนที่จะจากนิมิตมืดมา สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนเวลานับอนันต์ที่บีบอัดเหลือเพียงเสี้ยววินาทีเดียว จากนั้นก็ผ่านพ้นไป หวังเป่าเล่อไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เนื่องจากไม่มีข้อมูลมากพอ ชายหนุ่มนั่งเงียบอยู่บนเรือน้อย จากนั้นก็หยิบหน้ากากนิลออกมาโดยไม่ลังเล!


“แม่นางน้อย..” หวังเป่าเล่อกระซิบเข้าไปในหน้ากากด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย


“เจ้าบอกข้าเรื่องวิชาแห่งศาสตร์มืดและสำนักแห่งความมืดได้หรือไม่…” หวังเล่อพูดเสียงต่ำ หน้ากากนิลกะพริบแสง หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก เสียงของแม่นางน้อยก็สะท้อนขึ้นมาในใจเขา


“หลังจากที่เจ้าหลับใหล ดวงจิตของเจ้าก็หายไป…”


“ข้ากลับไปที่สำนักแห่งความมืด…” หวังเป่าเล่อพึมพำ สิ่งที่เขาพูดทำให้แม่นางน้อยเงียบไป เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ เสียงของแม่นางน้อยที่เจือความเหนื่อยอ่อนก็ก้องอยู่ในจิตของหวังเป่าเล่อ


“บันทึกทางประวัติศาสตร์ของสำนักแห่งความมืดของเราขาดหายไปหลังจากที่สำนักล่มสลาย จึงทำให้ชนรุ่นหลังทำได้เพียงคาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น จากหลักฐานที่หลงเหลืออยู่ ดูเหมือนว่าการล่มสลายของสำนัก… จะเกี่ยวข้องกับตระกูลไม่รู้สิ้น!”


“ข้าไม่ใช่สายตรงของสำนักแห่งความมืด ข้าไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่จากหลักฐานอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ บ่งชี้ว่าการล่มสลายของสำนักแห่งความมืดเกิดขึ้นเพราะมีหนอนบ่อนไส้ในสำนัก…” ถึงตอนนี้เสียงของแม่นางน้อยก็ขาดหายไป นางพูดช้าลงเรื่อยๆ ราวกับกำลังพยายามย้อนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไกลแสนไกล หรือไม่ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะเล่าต่อไปอย่างไรดี


แต่ก่อนที่แม่นางน้อยจะนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นมาโดยฉับพลัน ลมหายใจแทบหยุดนิ่ง


“ข้าว่าแล้วเชียว! ข้าเข้าใจแล้วแม่นางน้อย! ตระกูลไม่รู้สิ้นควบคุมอำนาจแห่งชีวิต ส่วนสำนักแห่งความมืดควบคุมอำนาจแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และท่องไปทั่วจักรวาลเพื่อตามหาดวงวิญญาณตามเจตจำนงของเต๋าสวรรค์ มหาสงครามระหว่างอำนาจเต๋าแห่งชีวิตและเต๋าแห่งความตาย จบลงที่ความพ่ายแพ้และการล่มสลายของสำนักแห่งความมืด อาจารย์ข้าถึงได้พูดออกมาว่า… เต๋าสวรรค์ถึงจุดจบ… ส่วนคนทรยศนั้น ข้าไม่รู้ว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุดคนอื่นๆ ปกครองศิษย์ของตนอย่างไร แต่หากคนทรยศอยู่ภายใต้การปกครองของอาจารย์ข้าแล้วละก็ คนทรยศนั้น… จะต้องเป็น… ศิษย์พี่ของข้าอย่างแน่นอน”


“หา?” แม่นางน้อยตัวแข็งทื่อ หากนางปรากฏกายอยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อ สีหน้าของนางคงแสดงชัดว่างุนงงอย่างที่สุด หลังจากนั้นสักพักนางก็กระแอมกระไอออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ


หวังเป่าเล่อยังคงพึมพำกับตัวเอง เขารวมเรื่องราวที่ได้ยินจากแม่นางน้อยเข้ากับเรื่องที่ตนได้พบเจอมา ภาพเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นก่อตัวขึ้นในใจเขาทีละน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่ชายหนุ่มก็สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะฝังความคิดนั้นลงก้นบึ้งของจิตใจ หวังเป่าเล่อลุกขึ้นยืนมองไปยังความมืดมิดที่รายล้อมอยู่ เขาโค้งคำนับต่ำท่ามกลางความเงียบงัน


ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นตรงพลางหลับตานิ่ง ผ่านไปครู่หนึ่ง หวังเป่าเล่อก็เปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมไอเย็นเยือกที่แผ่ซ่านในดวงตา


วิญญาณวุธ… ผู้ฝึกตนจากนอกโลก! หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขาก้มหน้าลงมองเรือที่ฝ่าเท้าของตน แก่นในแห่งความมืดในกายสั่นเทา พลังปราณมืดระเบิดออกจากทุกอณูของร่างกาย พลังนั้นสะพัดออกมาเป็นคลื่นขณะเจ้าของปราณตะโกนก้อง!


“วิญญาณแห่งเรือ!”


เสียงของหวังเป่าเล่อเต็มเปี่ยมด้วยพลังอำนาจจากแก่นในแห่งความมืดที่หวังเป่าเล่อได้มาครองระหว่างอยู่ในนิมิตมืด… พลังนั้นเปี่ยมล้นด้วยอำนาจของสำนักแห่งความมืด… เป็นพลังที่ทำให้ผู้ถือครองเดินทางทั่วไปในจักรวาล เพื่อปกครองดวงวิญญาณนับล้านดวงที่ว่ายวนเวียนอยู่ในจักรวาลแห่งนี้!


เสียงของชายหนุ่มสะท้อนอยู่ในความมืดมิดไร้ขอบเขต พลังของปราณมืดจากตัวหวังเป่าเล่อซอกซอนไปทุกซอกทุกมุมของความมืดนี้ สายฟ้าและพายุหมุนก่อนตัวขึ้นตรงหน้าชายหนุ่มพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง เงาร่างทะมึนของชายผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่ลมหายใจ ชายร่างหนาก็มายืนอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ!


หวังเป่าเล่อรู้จักชายผู้นี้เป็นอย่างดี เขาคือวิญญาณชายหื่นที่หวังเป่าเล่อชำระบาปให้ในดินแดนแห่งความฝัน!


ดวงตาของชายตรงหน้าหลับสนิท ยิ่งรูปร่างชัดเจนเท่าไหร่ ยิ่งเห็นว่าร่างกายของเขาขาดแหว่งไปเป็นบางส่วน พลังวิญญาณของเขาอ่อนแรงมาก พลังที่ปล่อยออกมาจากร่างทำให้หวังเป่าเล่อรู้ว่าผู้ที่ร้องเรียกเขาให้เข้ามาที่นี่ คือดวงวิญญาณของชายผู้นี้นี่เอง!


ท่านอาจารย์บอกว่าผู้ที่ร้องเรียกข้าคือท่าน แต่ก็ไม่ใช่ท่าน บางทีคงหมายถึงเช่นนี้กระมัง… ท่านอาจารย์ร้องเรียกหาข้าผ่านวิญญาณดวงนี้ หวังเป่าเล่อจ้องวิญญาณของชายร่างใหญ่ตรงหน้าพลางครุ่นคิด ดวงตาของเขาอ่อนลง แต่เขาก็ต้องทำสิ่งที่ตนเองควรทำ หวังเป่าเล่อสร้างผนึกฝ่ามือปลุกพลังของแก่นในแห่งความมืดภายในกาย ผนึกแห่งความมืดอันหนึ่งที่หมิงคุณจื่อมอบให้เขาในนิมิตมืดหายไปทันที ผนึกนั้นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ ก่อนพุ่งตรงเข้าไปที่ชายร่างใหญ่ตรงหน้า มันทะลวงเข้าไปในหน้าผากของชายผู้นั้น ก่อนผสานเข้ากับดวงวิญญาณของเขา แทนที่ความทรงจำเดิมของชายหื่น… ด้วยความทรงจำที่หมิงคุนจื่อสร้างให้ในนิมิตมืด!


กระบวนการนี้ทำให้วิญญาณแห่งเรือเป็นของหวังเป่าเล่ออย่างแท้จริง!


ทุกสิ่งในความฝันของเขากลายมาเป็นความจริง!


ชายร่างหนาตัวสั่นสะท้าน ก่อนลืมตาขึ้นในทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงร้อนรุ่มเมื่อมองมายังหวังเป่าเล่อ และทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลงทำมือคารวะ โค้งตัวคำนับต่ำ


“ขอคารวะ นายท่าน!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)