ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 454-456
ตอนที่ 454 “จับเจ้าได้แล้ว หึ...”
ต่อให้ตู๋กูซิงหลันได้รับพลังที่แข็งแกร่งจากใต้หุบเหวไร้ก้นมามากมายขนาดไหนก็ตาม
มารดาของนางก็ยังเป็นเพียงเผ่ามนุษย์….เลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในกายของนางเป็นเลือดของพวกมนุษย์ ร่างกายเช่นนี้ย่อมไม่มีท่างที่จะมาเปรียบเทียบกับสายเลือดบริสุทธิ์ของคนในราชวงค์มังกรทมิฬได้
เยี่ยเฉินฝึกฝนมาหลายพันปี เขาไม่เชื่อหรอกว่าตนเองจะไปพ่ายแพ้ให้กับสาวน้อยที่มีเลือดมังกรเพียงแค่ครึ่งเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น…..ตอนนี้เขาได้ทุ่มพลังในร่างออกไปอย่างเต็มที่
จิตที่แหลมคมของง้าวเกิดจากพลังของสัตว์อสูรถูซีที่เขาเคยล้มได้ตัวนั้น สัตว์อสูรในบรรพกาล …..นอของมันสามารถทะลวงขุนเขาให้กลายเป็นรูได้
ต่อให้เป็นทวยเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า….ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้
ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ขึ้นมาเตรียมพร้อมในทันที
นางหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง รอยยิ้มบนริมฝีปากแดงไม่เพียงแต่ไม่เลือนหาย ทั้งยังแย้มยิ้มอย่างกว้างขวางกว่าเดิม เป็นรอยยิ้มที่เ**้ยมเกรียมเปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือด
รูปร่างที่บอบบางเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของดาบยักษ์แล้วก็ยิ่งเห็นที่ถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
นางไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกุมดาบยักษ์ทะยานเข้าไปปะทะกับเยี่ยเฉิน
นางบอกแล้วอย่างไร ไม่ต้องรีบ ไล่เรียงไปทีละคน!
พละกำลังของเยี่ยเฉิน ตอนที่ได้ประมือกันก่อนหน้านี้นางก็พอจะรู้อยู่เจ็ดแปดส่วนแล้ว แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
หากว่าผนึกในร่างของนางยังไม่ถูกบิดาคนงามคลายออก ก็คงจะไม่สามารถรับมือเขาได้จริงๆ
แต่ว่าตอนนี้….ไม่เหมือนกันแล้ว!
ในแววตาของนางมีประกายเลือด ขณะที่นออันแหลมคมของถูซีบนง้าวมังกรกำลังจะพุ่งเข้ามาถึงนั้น ดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันก็ฟันเข้าใส่ลำคอของเยี่ยเฉิน
เยี่ยเฉินคิดไม่ถึงว่า นางไม่คิดจะหลบหลีกแม้แต่น้อย หากแต่คิดจะฟันเขาให้ถึงตายเท่านั้น!
ดาบยักษ์เล่มนี้ถึงแม้จะสามารถฟันเสี่ยวอิงได้สำเร็จ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะฟันเขาเข้า!
เกล็ดของเขา คือสิ่งที่สามารถป้องกันคมอาวุธได้ดีที่สุดในใต้หล้า ไม่มีทางที่จะได้รับบาดเจ็บง่ายๆ
หากแต่เป็นตู๋กูซิงหลันต่างหาก…..ไม่หลบหรือ?
เช่นนั้นก็มีแต่จะต้องตาย!
“ติ้ง!” ปลายแหลมของนอแรดยักษ์สัมผัสกับหน้าผากของตู๋กูซิงหลัน
ได้ยินเสียงกระทบดังสดใส คล้ายดั่งเสียงโลหะถูกเคาะ สะเก็ดไฟกระเด็นออกมามากมายราวดอกไม้ไฟ
ใต้สะเก็ดไฟนั้น กึ่งกลางหน้าผากของตู๋กูซิงหลันพลันปรากฏตราประทับมังกรสีดำอมเงินขึ้นมา
แต่รอยประทับนี้ไม่เหมือนกับของพวกเยี่ยเฉิน……
รอยประทับของนางทอแสงสีดำเข้มข้น ทั้งยังมีสีแดงเลือด แสงนั้นระเบิดวาบออกมา ทำลายนอแรดยักษ์จนแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง!
ในตอนนั้นเอง ศีรษะของมังกรสีดำอมเงินตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างของตู๋กูซิงหลัน เพียงแต่ศีรษะก็มีขนาดใหญ่กว่าตำหนักหลังหนึ่งเขาไปแล้ว มันผงาดอยู่ด้านหลังนางด้วยท่าทางน่าเกรมขามและแข็งแกร่งดุร้าย
บนหน้าผากของมังกรตัวนั้น มีตราประทับที่เหมือนกันกับบนหน้าผากของตู๋กูซิงหลันอย่างไม่ผิดเพี้ยน
ยามนี้ มังกรตัวนั้นกำลังจ้องสองตาที่เป็นประกายมองกวาดไปทั่วด้วยความเย็นชา
แววตาของมันเหมือนกับตู๋กูซิงหลันราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน ทั้งเย็นชาทั้งหยิ่งผยอง
แววตาที่มองดูฝูงชน ราวกับมองดูซากศพกองหนึ่ง
“นั่นคือ ……พลังของจิตมังกรทมิฬ?!”
ความแข็งแกร่งจนเจิดจ้านั้น ไม่เพียงแค่เยี่ยเฉิน แม้แต่คนอื่นๆก็ไม่อยากจะเชื่อสายตา!
รอบประทับนั่นพวกเขาคุ้นเคยอย่างที่สุดแล้ว ……นั่นเป็นตราประทับของราชามังกร…..ที่สืบทอดกันมาผ่านทางสายโลหิตเท่านั้น เป็นขุมพลังที่มีแต่ราชามังกรทมิฬเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง!
ตลอดหลายปีมานี้องค์ไท่จื่อทรงรับอนุมามากมายนับไม่ถ้วน ก็เพื่อจะได้ให้กำเนิดทารกศักดิ์สิทธ์ที่มีพลังของจิตมังกรทมิฬ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้ว พลังของจิตมังกรทมิฬ……กลับถูกลูกสาวนอกสมรสผู้หนึ่งรับไปแล้ว?
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปแล้ว รวมถึงหวาชางสุ่ยที่อยู่บนหอสูงด้วย
ต่อให้นางเคยเยือกเย็นเพียงไร …..แต่ว่าตอนนี้สองมือกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“เป็นไปไม่ได้! พลังของเยี่ยจ้านจะถูกนังแพศยาน้อยรับไปได้อย่างไร?”
น้ำเสียงของนางสั่นเครือ ราวกับว่ากัดฟันเอ่ยแต่ละคำออกมา
ตลอดหลายปีมานี้ นางเข้าใจไปว่าพลังนั้นยังไม่ได้ปรากฏ คิดไม่ถึงว่าที่จริงกลับถูกคนถ่ายทอดไปตั้งแต่แรกแล้ว?
ทั้งยังเป็นสายเลือดชั้นต่ำอย่างพวกมนุษย์!
“เยี่ยจ้าน! เยี่ยจ้าน! ท่านมันลำเอียงนัก!” หวาชางสุ่ยโกรธแค้นจนตัวสั่นสะท้าน ขนาดตอนที่เยี่ยจ้านนำนางมนุษย์ผู้นั้นกลับมา นางก็ยังไม่โกรธแค้นเท่าตอนนี้เลย!
“องค์ราชินีเพคะ……โปรดถนอมพระวรกาย” นางกำนัลพยายามทูลเตือนด้วยความระมัดระวัง
“แค่สวะชาวมนุษย์ผู้หนึ่ง! นางไม่คู่ควรจะได้รับพลังของจิตมังกรทมิฬ!” หวาชางสุ่ยกัดฟันกรอด ข้อนิ้วขาวโพลน นางเรียกป้ายบัญชาการหยกดำชิ้นหนึ่งออกมาจากในแหวนของตน
“ปลดปล่อยอสุรกายโลกันตร์ทั้งหมดออกมา! วันนี้มิว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ต้องนำสิ่งที่อยู่ในร่างกายของนังแพศยาน้อยนั่นกลับคืนมาให้เฉินเอ๋อร์ให้จงได้!”
หวาชางสุ่ยออกคำสั่ง พลางส่งป้ายบัญชาการหยกดำให้กับนางกำนัลประจำตัว
องค์ราชินีเพคะ…..หากพวกอสุรกายโลกันตร์เหล่านั้นหลุดออกมา…..เกรงว่าเผ่ามังกรทมิฬทั้งหมดก็คง……” นางกำนัลตื่นตระหนกจนขวัญผวา หากปลดปล่อยอสุรกายโลกันตร์ออกมาละก็ วิธีนี้เท่ากับว่าต่อให้สามารถสังหารศัตรูได้สำเร็จแต่ว่าฝ่ายตนเองก็ต้องสูญเสียหนักจนแทบไม่เหลืออะไร
เช่นนี้….ทั่วทั้งก้นทะเลลึกจะไม่เหลือความสงบสุขอีกแล้ว
“อย่ามัวพล่ามไร้สาระ รีบไป!” หวาชางสุ่ยขมวดคิ้วมุ่น
นางรู้ดีว่าพลังของจิตมังกรทมิฬนั้นน่าหวาดกลัวเพียงไร เมื่อนังแพศยาน้อยนั่นได้สืบทอดไปแล้ว บางทีแม้แต่เฉิงเอ๋อร์ก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของนาง
สายตาของหวาชางสุ่ยจับจ้องไปที่ร่างของเยี่ยเฉิน ทันใดนั้นก็เห็นดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันกวาดลงมาใส่เขาเช่นกัน
เยี่ยเฉินหลบลงไปได้ทัน ดาบยักษ์นั่นจึงไม่ได้ตัดหัวของเขา แต่ว่ากลับฟันโดนสะบักไหล่แทน
เกล็ดมังกรบนร่างของเขามีสะเก็ดไฟกระเด็นออกมา แต่ว่าก็ไม่อาจต้าทานดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ได้
ดาบยักษ์ที่ทั้งหนักและแหลมคมเฉือนลงไปในร่างของเขา ทั้งยังเถือลึกลงไป
ยังดีที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าเยี่ยอิงมากนัก เยี่ยเฉินใช้พลังอย่างสุดกำลัง ค่อยพาร่างกายหลุดพ้นออกมาจากดาบยักษ์ได้
เขาคิดจะเหาะถอยหนีออกไป แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกับมีข่ายยันต์สีเหลืองดักเอาไว้ก่อนแล้ว เขาไม่อาจหลบหนีออกไปจากข่ายมนต์เหล่านี้ได้
เขาได้แต่ถอยหลบไปอีกหลายเมตร ยืนร่างที่มีเลือดท่วมอยู่บนซากปรักหักพัง มองดูตู๋กูซิงหลันด้วยความตื่นตะลึง เมื่อครู่ง้าวมังกรของเขาไม่เพียงไม่อาจสังหารตู๋กูซิงหลัน แต่กลับปลุกเร้าจิตมังกรทมิฬของนางขึ้นมา กระทั่งง้าวมังกรของเขาก็ยังเกือบจะถูกทำลายลงไปด้วยแล้ว
มังกรยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังของนางตัวนั้น คือสัญลักษณ์ของจิตมังกรทมิฬ
มือของเขากุมปากแผลเอาไว้ หรี่ดวงตาลง มองดูสิ่งที่ตนเองเฝ่าถวิลหามาตลอดทั้งวันและคืน ….ในแววตามีแต่ความกระหาย!
ในเมื่อพระบิดาเอาแต่ลำเอียงเช่นนี้ เขาก็จะแย่งชิงสิ่งที่สมควรเป็นของเขาแต่แรกกลับคืนมา!
จิตมังกรทมิฬสมควรเป็นของเขาแต่แรก! เป็นของเขาเท่านั้น!
ตู๋กูเจวี๋ยอยู่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลันออกไปไม่ไกล ร่างของเขามีแต่เลือดท่วมตัว มองดูจิตมังกรที่อยู่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน สติที่แตกซ่านไปค่อยๆชัดเจนขึ้นมาอีกเล็กน้อย
น้องเล็ก……
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นพวกที่คิดจะฉวยโอกาสทำร้ายนางจากด้านหลังอย่างไม่กลัวตาย พวกมันยังไม่ทันได้เข้าใกล้นาง ตู๋กูเจวี๋ยก็โผร่างทะยานเข้าไป คว้าแต่ละคนมาฉีกเป็นชิ้นๆก่อนแล้ว
“ด้านหลังของน้องเล็ก มีข้าคอยปกป้องอยู่! ใครก็ไม่อาจแตะต้องนางแม้แต่เส้นผม!” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในปากย้อมไปด้วยเลือดสดใหม่
ในเมื่อนางต้องการเปิดฉากฆ่าล้าง….เช่นนั้นเขาก็จะช่วยนางขจัดสิ่งกีดขวางเส้นทางเอง!
สองพี่น้องชายหญิงต่างก็กลายเป็นมารปีศาจไปแล้ว!
ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันลูบไล้ผ่านตัวดาบยักษ์เพียงเบาๆ นางขยับวูบหนึ่ง ก็มาถึงเบื้องหน้าของเยี่ยเฉิน
เอ่ยเสียงเย็นยะเยือกที่ข้างหูของเยี่ยเฉินว่า “จับเจ้าได้แล้ว เฮอะ….”
ตอนที่ 455 ไม่พอใจก็มาทุบข้าสิ?
น้ำเสียงของนางคล้ายจะย้อมไปด้วยเลือด ยามได้ยินที่ริมหู ก็เหมือนดังสายลมในหิมะที่พัดกลางฤดูหนาวพลิ้วผ่านต้นคอออกไป
เมื่อครู่เยี่ยเฉินยังคงมุ่งหวังจะครอบครองจิตมังกรทมิฬในร่างของนางอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนจะฉี่ราด!
เมื่อครู่เขามองไม่เห็นเลยว่าตู๋กูซิงหลันมาถึงเบื้องหน้าของเขาได้อย่างไร!
ผู้ที่ได้ครอบครองพลังของจิตมังกรทมิฬจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นน่าตื่นตระหนกถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เยี่ยเฉินไม่อยากจะเชื่อ!
เขากุมง้าวมังกรเอาไว้แน่น ขยับร่างไล่ฟาดเงาร่างของตู๋กูซิงหลัน
ง้าวมังกรยังคงสร้างร่างจิตของถูซีออกมา มันร้องคำรามดั่งจะทำลายตู๋กูซิงหลันให้เป็นผุยผง
ในขณะเดียวกันดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันก็ฟันลงมาสั่งสอนมัน
ดาบนี้พอฟันออกไปก็เห็นจิตของดาบยักษ์แปลงเป็นมังกรสีเงินยวงขนาดใหญ่ มังกรยักษ์ตัวนั้นอ้าปากกว้างกลืนกินถูซีของเยี่ยเฉินลงไป
มังกรยักษ์กลืนกินถูซีที่มีขนาดราวภูเขาเล็กๆลูกหนึ่งลงไปก็เรอขึ้นมาเบาๆครั้งหนึ่ง
ดวงตาสีเงินยวงของมังกรหลุบลงเล็กน้อย สีหน้าอิ่มเอมเปรมปรี
ในขณะเดียวกันบนตัวดาบของดาบยักษ์ก็เพิ่มลวดลายถูซีตัวเล็กๆขึ้นมาอีกลายหนึ่ง
ง้าวมังกรในมือของเยี่ยเฉินแตกสลายกลายเป็นฝุ่นธุลี
เยี่ยเฉิน “……..”
เขาแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา!
ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปเล็กน้อย ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่…..ดูเหมือนจะน่าเกรงขามกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้เสียอีก
มังกรตัวนี้ทำไมถึงได้ดูแล้วคุ้นตานัก…..ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยเห็นบิดากลายร่างเป็นมังกรมาก่อน แต่พอได้มองดูมังกรตัวนี้…..ก็รู้สึกว่าช่างคล้ายคลึงกับบิดาคนงามอย่างยิ่ง
บิดาคนงามทำสิ่งใดลงไปกันแน่?
พอเยี่ยเฉินได้สติขึ้นมา ก็เห็นมังกรสีเงินยวงที่ดาบยักษ์จำแลงขึ้นมาค่อยๆเลือนหายไป
ตู๋กูซิงหลันสะบัดปลายดาบลงไป นัยตาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าจะสับเขาให้เป็นสองส่วน!
ในตอนนั้นเอง กางเกงท่อนล่างของเขาก็เพิ่มรอยเปียกชื้นขึ้นมา เปียกชื้นจนชุ่มโชกไปหมดอย่างไม่อาจควบคุมได้
ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย เขาถึงกับ…..ฉี่ราดแล้ว?
เยี่ยเฉินไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเรื่องนี้คือความจริง เขาเชื่อว่าจิตใจของเขาแข็งแกร่งอย่างที่สุด แต่ว่าร่างกายกลับซื่อสัตย์กว่ามาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเฉียดตายตรงหน้า ร่างกายก็ไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไป
ยังโชคดี….ที่เขาสวมใส่เสื้อผ้าสีดำ คนอื่นย่อมมองไม่เห็น
เพียงแต่กลิ่นหึ่งที่เสียดแทงจมูกนั่นจะอย่างไรก็ไม่อาจกลบเกลื่อนได้ ริมฝีปากสีแดงของตู๋กูซิงหลันขยับอย่างเย็นชา น้ำเสียงก็เย็นยะเยือก
“อ๋อ? ตกใจจนฉี่ราดงั้นหรือ?”
ซุ่มเสียงของนางไม่ได้ดัง แต่ว่ากลับสะท้อนไปทั่วทุกหลืบมุมของวัง จนทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
องค์ไท่จื่อของพวกเขา ….กลับถูกลูกนอกสมรสผู้หนึ่งทำให้ตกใจจนฉี่ราด?
พวกเขาทั้งตื่นตระหนกทั้งละอาย ในยามนี้จึงไม่มีใคร….กล้าเข้าไปให้ความช่วยเหลือองค์ไท่จื่อแม้แต่คนเดียว
สตรีผู้นี้คือมารปีศาจ แม้แต่ดาบยักษ์ของนางก็มิใช่อาวุธธรรมดา!
ก่อนหน้านี้จะต้องมีพลังอำนาจบางอย่างปกปิดความพิเศษของมันเอาไว้อย่างแน่นอน …….ถึงได้ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจผิดไปว่าดาบนั้นเป็นเพียงแค่อาวุธธรรมดาของพวกมนุษย์
เมื่อครู่นี้ตอนที่จิตของดาบกลายเป็นมังกร พวกเขาต่างก็ได้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า นั่นก็คือราชามังกร
คำพูดของตู๋กูซิงหลัน เยี่ยเฉินไร้หนทางจะปฏิเสธ ชั่วขณะนั้น ร่างของเขาคล้ายดั่งจะถูกผนึกเอาไว้ ฝ่าเท้าหนักขึ้นอีกเป็นพันชั่ง ทั้งยังถูกรังสีจากดาบยักษ์และความอหังการของตู๋กูซิงหลันกดดันจนขยับไม่ได้
ได้แต่รอให้ตู๋กูซิงหลันบุกเข้ามาฟาดฟัน
ชั่วขณะที่ดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันกำลังจะฟันลงมาบนกระหม่อมของเขานั้น สายลมที่รุนแรงหอบหนึ่งก็โหมเข้ามา
สายลมแต่ละระรอกรุนแรงดั่งคมดาบลม ฉีกทำลายยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันจนขาดวิ่น
ดาบลมเหล่านั้นยังสาดประกายของสายฟ้าฟาดออกมาด้วย
มันทำลายข่ายยันต์สีเหลืองของตู๋กูซิงหลันลงจนหมดสิ้น
จากนั้นก็เห็น หวาชางสุ่ยเหินลงมานางสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเงิน บนศีรษะเกล้ามวยทรงสูง ปักปิ่นหงส์ประดับหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้
นางมาถึงเบื้องหลังของเยี่ยเฉินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กำบังเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง
ในมือของนางมีพัดวายุ นัยตาสีน้ำเงินครามนั้นจับจ้องตู๋กูซิงหลันด้วยแววเนตรเ**้ยมโหด
ขณะที่มองไปยังดาบยักษ์ในมือของนางด้วยเช่นกัน…..
ความลำเอียงของเยี่ยจ้านทำให้นางถึงกับหมดสิ้นขีดจำกัดไปแล้ว
อยู่ๆนางก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่เยี่ยเฉินกลับมายังก้นทะเลลึกนั้น …..เขามังกรบนศีรษะของเขาหายไปข้างหนึ่ง
นางเข้าใจมาตลอดว่าเขาไปเผชิญหน้ากับเทพไท้บนสวรรค์ชั้นฟ้า ถึงได้ถูกตัดเขามังกรไปข้างหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงว่า…..เขาจะอุทิศเขามังกรของตนเองมาเป็นโลหะวัตถุเพื่อสร้างยอดศาสตราวุธขึ้นมาด้วยตนเอง…..
ไม่เพียงแต่จะมีพลังโจมตีและพลังป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดเท่านั้น แต่ว่ายังถ่ายทอดพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งของเขาลงไปด้วย……พลังดูดซับจิตวิญญาณ
นี่จึงสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมดาบเล่มนั้นถึงได้สามารถดูดซับจิตของกระบี่ผงาดฟ้าและง้าวมังกรของเฉินเอ๋อร์ได้!
เขาไม่เพียงแต่มอบขุมพลังหนึ่งเดียวของจิตมังกรทมิฬให้กับนังแพศยาน้อยนั่น แม้แต่เขามังกรของตนเองก็ยังยกให้มัน!
ทุกสิ่งที่นังเด็กนั่นได้มีและได้เป็นล้วนเป็นเพราะเยี่ยจ้านมอบให้กับมันอย่างไม่มีหวงแหน!
ทำไมเขาถึงได้ลำเอียงเช่นนี้!
นังแพศยาน้อยนั่นเป็นเพียงเศษสวะเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น แม้แต่คุณสมบัติที่จะเหยียบย่างเข้ามาในเผ่ามังกรทมิฬก็ยังไม่มี!
ตู๋กูซิงหลันกุมดาบยักษ์เอาไว้แน่น สองตากวาดมองออกไปอย่างเย็นชา
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเผชิญหน้ากับหวาชางสุ่ยอย่างตรงๆ
เยี่ยเฉินและเยี่ยอิงต่างก็มีส่วนคล้ายคลึงกับนางอยู่มาก แค่ได้เห็นนาง ตู๋กูซิงหลันก็คิดถึงมารดาที่ต้องตายอย่างอนาถขึ้นมา
สีแดงเลือดในแววตาของนางยิ่งเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม นางมองดูหวาชางสุ่ยอย่างเย็นชา “ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว”
หวาชางสุ่ยปกป้องเยี่ยเฉินเอาไว้อย่างจริงจัง ชุดกระโปรงสีครามของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาทั้งคู่ของนางจ้องมองอยู่ที่ตู๋กูซิงหลัน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นตู๋กูซิงหลันใกล้ๆ นังแพศยาน้อยผู้นี้ช่างเหมือนกับตู๋กูชิงชิงไม่มีผิด ต่างก็มีแต่ความจองหองอยู่ทั้งตัวจนทำให้คนอยากอาเจียน
“มารดาของเจ้าแย่งชิงสามีของข้า แย่งชิงบิดาของเฉินเอ๋อร์และอิงเอ๋อร์ไป วันนี้ สายเลือดชั้นต่ำของนางก็ยังจะมาก่อความวุ่นวายในเผ่ามังกรทมิฬอีก เจ้ามันช่าง….ด้านดีนัก”
หวาชางสุ่ยยกตนขึ้นไปอย่างสูงส่ง นางชิงชังรังเกียจตู๋กูซิงหลันไปจนถึงแก่นกระดูก
โดยเฉพาะเรื่องที่นางได้รับสืบทอดพลังของจิตมังกรทมิฬไป
“วาจาไร้สาระช่างมากมาย” ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ชี้ออกไป “เจ้าลองกล้าหยามยันมารดาของข้าดูอีกทีไหม?”
นางบอกเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่ามารดาไม่ใช่มือที่สาม! นางไม่เคยกระทำเรื่องทำลายครอบครัวของผู้อื่นมาก่อน ตอนนั้นนางควักลูกตาออกมา คิดถอยออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจนั่น กลับบ้านไปดูแลลูกๆใช้ชีวิตอย่างสงบเสี่ยมแล้ว
แต่ว่าหวาชางสุ่ยกลับบีบคั้นนางจนหมดหนทาง ทำให้นางต้องร่างแหลกวิญญาณแตกสลาย!
ตอนนี้ก็ยังจะมาเหยียดหยามนางอยู่อีกหรือ?
ดวงตาของตู๋กูซิงหลันมีแต่หมอกเลือดเข้มข้น นางมาเพื่อแก้แค้น! ไม่ได้มาเพื่อฟังหวาชางสุ่ยลบหลู่มารดา!
ดาบยักษ์พุ่งไปที่ใบหน้าของหวาชางสุ่ย จนนางต้องใช้กระบวนท่า ยกพัดวายุขึ้นมาปัดป้องอย่างกระทันหัน
ได้ยินเสียง ‘ฮึม’ ครั้งหนึ่ง ดาบยักษ์ปะทะกับพัดวายุ จนเกิดระเบิดพลังสะท้อนสะท้านอย่างรุนแรง
ครู่ต่อมาเห็นหวาชางสุ่ยยังยืนอยู่ในที่เดิม
นางคล้ายมิได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย เพียงแต่สีหน้าซีดขาวอย่างปราศจากสีเลือดโดยสิ้นเชิง ดวงตาคู่นั้นยังคงหรี่มองตู๋กูซิงหลันอย่างเย็นชา “ที่วันนี้เจ้าสามารถมาเหิมเกริมอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬได้ ก็เป็นเพราะว่าเยี่ยจ้านถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งให้กับเจ้า หากว่าไม่มีเขาคอยปกป้อง เจ้ามันเทียบไม่ได้กับมดตัวเล็กด้วยซ้ำ เป็นเพียงเศษสวะเผ่ามนุษย์!”
คำพูดนี้ของนางไม่ได้พูดเพื่อให้ตู๋กูซิงหลันฟัง แต่ว่าเอ่ยออกมาให้เผ่ามังกรทมิฬทั้งหมดได้ยินต่างหาก
ต่อให้ตู๋กูซิงหลันได้รับจิตมังกรทมิฬไป แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านางเป็นเพียงแค่ชาวเผ่ามนุษย์เท่านั้น
เฉินเอ๋อร์ของนางต่างหากคือผู้สืบสายเลือดที่แท้จริง!
สิ่งที่นางกำลังจะทำ ก็คือการนำสิ่งที่สมควรจะเป็นของเฉินเอ๋อร์กลับมา
หวาชางสุ่ยอ้าปากขึ้นมา กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่พลันเห็นว่าตู๋กูซิงหลันขยับตัววูบหนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าของนาง ดาบยักษ์ในมือกวาดออกไปด้านข้าง หมัดลุ่นๆข้างหนึ่งก็ซัดใส่ปากของนางในทันที
หลังจากที่คลายสะกดออกไป พละกำลังในร่างของนางก็เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างมหาศาลจนหน้าตื่นตระหนก
แต่ว่าตัวตนในโลกก่อนโน้นของนางก็มิได้อ่อนแอ!
ทั้งหมดนั้นเกิดจากการฝึกฝนด้วยตัวของนางเอง!
ในร่างของหวาชางสุ่ยมีบาดแผลที่ไม่อาจรักษาหายชั่วชีวิต เพราะฉะนั้นหมัดนี้ของตู๋กูซิงหลันนางจึงไม่มีทางหลบได้ทัน ถูกตู๋กูซิงหลันต่อยใส่เต็มปากไปครั้งหนึ่ง
“ข้าย่อมมีความสามารถเพียงพอที่จะรับการสืบทอด หากไม่พอใจ ก็มาทุบข้าสิ?”
ตอนที่ 456 ในที่สุดก็เกิดความเคลื่อนไหว
หวาชางสุ่ยถูกหมัดนั้นของนางต่อยเข้าไปเต็มๆ มุมปากถึงกับแตกเลือดไหลซึมออกมา
ดวงพักตร์ที่ซีดขาวดุจกระดาษ โกรธขึ้งถึงขีดสุด
ประโยคนั้นตู๋กูซิงหลันจงใจกล่าวออกมาเพื่อยั่วยุนางชัดๆ
นางสะบัดแขนเสื้อขึ้นมา ปาดเช็ดรอยเลือดที่มุมปากออกไป มืออีกข้างของนางกุมด้ามพัดวายุเอาไว้แน่น แต่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น
นางเพียงหรี่ดวงเนตรลง มองออกไปยังฝั่งตรงข้ามกับหุบเหวไร้ก้น ณ จุดที่ไม่ไกลนัก ที่นั่นเป็นภูเขาสูงใต้ทะเล
ในที่สุด…..ก็เกิดความเคลื่อนไหวแล้ว
มุมปากของหวาชางสุ่ยขยับน้อยๆ ประกายตาปรากฏรอยยิ้มเ**้ยมเกรียมอย่างเย็นชาชั่วแวบหนึ่ง
แววตานั้นของนาง ตู๋กูซิงหลันไม่ทันเห็น
นี่ช่างจริงแท้เลยว่า ราชินีแห่งเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้มีจิตใจลึกซึ้งยิ่งกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มากนัก นางมิใช่ผู้ที่แสดงความขุ่นเคืองออกมาเพียงเพราะถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ
ที่จริงหวาชางสุ่ยถือเป็นผู้ที่เข้มแข็งอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่ายามนี้นางไม่อาจลงมือได้ง่ายๆ
พัดวายุเล่มนี้มีพลังรุนแรงอย่างที่สุด แต่ว่านางกลับเอาแต่กุมมันเอาไว้ ไม่ย่อมลงมือ
ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูเส้นผมขาวโพลนของนาง ในใจก็ชั่งน้ำหนักไปด้วย
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันเหวี่ยงหมัดมาอีกครั้ง หวาชางสุ่ยก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งคว้าเยี่ยเฉินที่อยู่ด้านหลัง ขยับร่างราวเหินบิน ลอยถอยออกไปไกลนับร้อยเมตร
ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้ไล่ตามไป ดาบยักษ์ในมือก็ถูกนางเขวี้ยงออกไปก่อน
ดาบยักษ์พุ่งเข้าหากลางแผ่นหลังของหวาชางสุ่ย เสียงของดาบที่พุ่งทะยานมาถึงนางอย่างรวดเร็ว
แต่นางก็เตรียมตัวอยู่ก่อนแแล้ว พัดวายุในมือบดบังแผ่นหลังเอาไว้ สะกัดกั้นดาบยักษ์เอาไว้ได้ แต่กระดูกหลังทั้งหมดก็ยังคงต้องรับแรงสะท้อน
อวัยวะภายในทั้งหมดปวดร้าวจากพลังสะท้อนนั้น
ศาสตราวุธที่หลอมสร้างขึ้นมาจากเขามังกรของเยี่ยจ้าน ไม่มีทางที่ใครที่ไหนก็จะรับเอาไว้ได้ หลายปีก่อนนางยังถูกเยี่ยจ้านทุบตีจนเกือบตาย กลายเป็นอาการบาดเจ็ดที่ไม่มีทางหายขาด ไม่อาจออกศึกได้อีก
ร่างกายที่เป็นเช่นนี้ช่างน่าเสียดายนัก….
หวาชางสุ่ยฝืนทนอาการเจ็บปวดเอาไว้ นำตัวเยี่ยเฉินเหาะหนีต่อไป
นางออกคำสั่งครั้งหนึ่ง ก็มีมังกรดำจำนวนมากมายพุ่งเข้ามาปกป้องนางและเยี่ยเฉินเอาไว้
มังกรดำทุกตัวรายล้อมเข้ามาเป็นวง จนกลายเป็นแถบสีดำอึมครึมขนาดใหญ่
พวกมันแต่ละตัวต่างก็จ้องมองมาที่ตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาดุดันถมึงทึง พวกมันเพียงปกป้ององค์ราชินีและไท่จื่อแม่ลูกเอาไว้ โดยมิได้เคลื่อนไหววู่วาม
พอดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันถูกพัดวายุซัดกลับมา ดวงตาของนางก็กลายเป็นสีแดงเลือดเข้ม
เส้นผมและเสื้อผ้าพลิ้วออกไป นางสะกิดปลายเท้าเล็กน้อยก็ไล่ตามไปในทันที
“ฮึม!”
ทันใดนั้นเอง ได้ยินเสียงคำรามดังกึกก้องมาจากทิศทางตรงกันข้ามกับหุบเหวไร้ก้น
เสียงคำรามนั้น ทำให้แผ่นดินทั้งหมดไหวสะเทือนขึ้นมา
ไม่เพียงแต่บนพื้นดิน แต่เสียงนั้นก็ยังสะท้อนไปมาอยู่ในอากาศอีกด้วย
รอบด้านของวังมังกรทมิฬยังเกิดน้ำทะเลแยกออกไป
ฝูงชนพากันอุดหู ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูที่มาของเสียง จากนั้นก็เห็นว่าภูเขาสูงตรงก้นทะเลกำลังแตกออก ลาวาร้อนๆสีแดงกำลังพวยพุ่งขึ้นมา ไล่ไปทางที่ตั้งของวังมังกร
เพียงครู่เดียว อุณหภูมิในระยะสิบลี้ก็เพิ่มพูนขึ้นมา วังมังกรที่เป็นสีดำทมึนทั้งหมดถูกส่องจนสว่างจ้า
ความสว่างกระจายไปทั่วทุกด้าน
สาหร่ายและพืชพรรณที่มีอยู่ไม่น้อยทั่วพื้นดินล้วนถูกความร้อนแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ฝูงชนทั้งหมดต่างตื่นตระหนกจนยืนอยู่กับที่ ต่างก็หันไปมองที่ตั้งของภูเขาใต้ทะเลด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
นั่นเป็นภูเขาไฟลูกหนึ่ง ตั้งอยู่ในทิศตรงกันข้ามกับหุบเหวไร้ก้น ที่นั่นเป็นเขตหวงห้ามอีกแห่ง
ซึ่งไม่เคยเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆมานานถึงห้าพันปีมาแล้วกระมั้ง?
ทำไมอยู่ดีๆถึงได้?
พอคลื่นความร้อนที่โหดเ**้ยมรุนแรงทะลักออกมา เผ่ามังกรทั้งหลายต่างก็พากันถอยหนี
หวาชางสุ่ยมือข้างหนึ่งลากเยี่ยเฉิน มืออีกข้างก็ล้วงเอาลูกแก้ววงเวทย์ออกมา ครอบคลุมตัวนางและเยี่ยเฉินเอาไว้
‘ศพ’ ของเยี่ยอิงถูกทิ้งเอาไว้ในหลุมด้านหลังตู๋กูซิงหลัน เมื่อเป็นเช่นนี้หวาชางสุ่ยก็ไม่มีปัญญาจะไปช่วยนางอีกแล้ว
สายตาของนางจับจ้องไปยังลาวาที่พวยพุ่งออกมาจนท่วมฟ้า ลาวาเหล่านั้นพอพุ่งออกมา ก็ระเบิดขึ้นไปราวกับลูกไฟ จากนั้นก็ตกกระจายลงไปทั่วทุกมุมของวัง ทำให้พื้นที่ทังหมดกลายเป็นขุมนรก
กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งกระจายไปทั่ว รมจนคนหายใจไม่ออก
ตู๋กูซิงหลันหรี่ดวงตาลง พลิกร่างถอยกลับไป หลบหลีกลาวาหลายสาย นางกวาดสายตาไปท่ามกลางฝูงชน ตามหาตำแหน่งของพี่รองด้วยความรวดเร็ว
นางพกพาดาบยักษ์มายังเบื้องหน้าพี่รอง
เขาพอจะมีสติอยู่บ้าง แต่ก็ยังงุนงงอยู่เป็นพักๆ ไม่รู้ว่าดื่มเลือดผู้คนไปแล้วมากมายเพียงไร สองตาถึงได้แดงก่ำไปหมด!
“ปกป้องชือหลี!” ตู๋กูซิงหลันคว้ามือของเขาเอาไว้ ตะโกนเสียงดังใส่
ก่อนหน้านี้ตอนที่ปะทะกับสามแม่ลูกหวาชางสุ่ย นางจงใจถอยออกจากตำแหน่งที่ชือหลีอยู่ เพราะเกรงว่าจะพลาดพลั้งไปทำให้ชือหลีบาดเจ็บ
ตอนนี้อยู่ๆก็มีลาวาระเบิดออกมา ชือหลีย่อมตกอยู่ในอันตราย
“ชือหลี…..ชือหลี…….” ตู๋กูเจวี๋ยพยายามจะตั้งสติขึ้นมา แต่ความกระหายเลือดในร่างทำให้เขายากที่จะสงบอารมณ์ลงได้
เขาพึมพำอยู่บนริมฝีปาก ราวกับคนที่หลงทางหาทางออกไม่เจอ คิดแต่จะจมดิ่งลงในความสะใจที่ได้เข่นฆ่าต่อไปเรื่อยๆ
เขายังไม่อาจควบคุมพลังของตนเองได้……บางที หากว่าเขาเข้าใกล้ชือหลีก็อาจจะพลั้งมือทำร้ายนางก็เป็นได้เช่นกัน
ตู๋กูซิงหลันขมวดคิ้ว ไม่เสียเวลาพูดจากับเขาอีกต่อไป
พี่รองที่เป็นเช่นนี้ สามารถปกป้องตนเองได้อย่างแน่นอน
นางละทิ้งตู๋กูเจวี๋ย ไปเสาะหาชือหลีด้วยตนเอง
คุกถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งแรง เบื้องหน้าของชือหลีมีศพแห้งนับสิบกระจัดกระจายเต็มไปหมด นางถูกเยี่ยอิงตัดมือและเท้า นอนจมกองเลือดอย่างไม่อาจเคลื่อนไหว
ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้นางสลบไปหลายต่อหลายครั้ง ท่ามกลางความมึนงง นางได้ยินเสียงตะโกนเรียกของตู๋กูซิงหลัน
พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นแต่กองไฟสูงท่วมฟ้า สาวน้อยผู้นั้นสวมใส่ชุดสีแดงตลอดร่าง เส้นผมสีดำประกายเงินยาวพลิ้วลงมา ดวงตาดอกท้อทั้งคู่มีแววเคียดแค้นไม่จางหาย
“ชือหลี!” ถึงแม้ว่าตู๋กูซิงหลันจะรู้อยู่แล้วว่านางจะต้องถูกทรมาณอย่างทารุณ ….แต่ว่าเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า หัวใจก็ยังต้องเจ็บปวดอย่างรุนแรง
นางโอบกอดชือหลีไว้ เก็บมือเท้าที่ถูกตัดขาดขึ้นมาด้วย มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ายามที่นางสัมผัสร่างที่มีแต่เลือดท่วมของชือหลี สองมือสั่นสะท้านขนาดไหน
หากชือหลีเป็นเพียงคนธรรมดา คงตายจนเย็นชืดไปแต่แรกแล้ว
“อาหลัน…..” ชือหลีลืมตาขึ้นมาอย่างลำบากกินแรง นางอ่อนล้ามาก นางคิดจะสัมผัสใบหน้าของตู๋กูซิงหลัน แต่ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าตนเองไม่มีมือแล้ว….
พอนางเอ่ยคำพูดออกมาคำหนึ่ง ก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“อาหลัน……ข้า …..ข้าไม่อาจปกป้องเจ้าตัวน้อยนั่นให้ดี….ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว….” แววตาของชือหลีพร่าเลือน อาการบาดเจ็บสาหัสทำให้นางไม่อาจแยกแยะสถานการณ์รอบด้านได้ชัดเจน ฝุ่นผงที่ฟุ้งกระจาย ทำให้นางมองเห็นตู๋กูซิงหลันได้ไม่ชัด
“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ เจ้าทำดีที่สุดแล้ว” ตู๋กูซิงหลันฉีกกระโปรงของตนเองออกมา มัดชือหลีไว้บนหลัง
“เจ้าไม่ต้องสนใจข้าแล้ว….ข้าจบสิ้นแล้ว เจ้าอย่าได้สิ้นเปลืองแรงอีกต่อไป” ชือหลีเอ่ยอย่างอ่อนล้า นางไม่เพียงแต่มือเท้าขาด ร่างกายยังบอบช้ำอย่างหนัก ไม่อาจมีชีวิตรอดได้อีกต่อไป
“หากข้าไม่ให้เจ้าตาย ต่อให้พญายมก็ขวางข้าไม่ได้!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น