ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 451-471
บทที่ 451 พวกแกเล่นไปเถอะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวพบว่าตำแหน่งปลาฝูงนี้อยู่ที่สี่สิบกว่าเมตรใต้ผิวน้ำทะเล กำลังเหมาะกับการใช้อวนจับ
ปลาชนิดนี้ดูๆ แล้วคล้ายกับปลาค็อด รูปร่างแบนยาว ดูแล้วสวยงาม ปากของพวกมันใหญ่ ตาโต ตัวลื่นเป็นเงา สีน้ำตาลเข้ม เกล็ดบนตัวเล็กและหยาบ ดูจากฝูงปลาแล้ว ขนาดของปลาพวกนี้ไม่เล็ก ส่วนมากยาวราวหนึ่งเมตร บางตัวก็ยาวได้ถึงหนึ่งเมตรครึ่ง
ฝูงปลาฝูงโต ลึกลงไปใต้น้ำจนถึงสี่ห้ากิโลเมตร ปลาทะเลจำนวนมากแย่งกันว่ายนำหน้า ดูๆ แล้วน่าเกรงขาม
ปลาชนิดนี้มีชื่อว่าปลาทูน่าขาว คนนิวฟันด์แลนด์เรียกมันว่าเข็มขัดกุหลาบ ภาษาจีนเรียกภาษาบ้านว่าออยฟิช วัวผิวดำ จากชื่อก็ดูออกว่ามันเป็นตระกูลเดียวกับปลาซาบะแต่ไม่ใช่ปลาค็อด
แต่เพราะหน้าตาดูเหมือนปลาค็อด พื้นที่ภายในประเทศของแคนาดากับประเทศแลนด์ล็อกที่อื่นก็มักจะมีพ่อค้าแม่ค้าที่เอามันมาอ้างว่าเป็นปลาค็อด
ที่จริงแล้วนี่เป็นปลาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ต่ำที่สุด กินไม่ได้ด้วยซ้ำ ใช้ได้แค่เป็นน้ำมันหล่อลื่นในอุตสาหกรรมกลั่น ในตัวของมันมีเจ็มไพโลท็อกซินซึ่งเป็นสารขี้ผึ้งธรรมชาติ สามารถใช้หล่อลื่นเครื่องจักรได้
สารขี้ผึ้งนี้ย่อยได้ยากในร่างกายคน หลังจากบริโภคเข้าไปจะทำให้เกิดการหดเกร็งของกระเพาะได้ง่าย ถ้าเด็กกินเข้าไปละก็ยุ่งยากกว่านี้แน่ ไขมันสะสมในลำไส้ก็จะทำให้เกิดการท้องเสียเพื่อขับมันออกไป
ตอนนั้นที่ฉินสือโอวไปซื้อลูกปลาค็อดที่เซนต์จอห์นครั้งแรกก็มีคนเอาลูกปลาชนิดนี้มาหลอกขายเป็นลูกปลาค็อด
ตอนนี้ฉินสือโอวหลอกคนอื่นเป็นครั้งแรก ที่ใช้ก็คือปลาชนิดนี้ ต้องบอกว่ากรรมตามสนอง ทำอะไรได้อย่างนั้น
แต่ว่าใช้ปลาทูน่าขาวมาหลอกคนก็อย่าสะใจเกินไป เพราะปลาชนิดนี้จัดอยู่ในประเภทอาหารต้องห้ามในแคนาดากับอเมริกา ก็หมายความว่า เหล่าชาวประมงจับปลาชนิดนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ขายให้โรงงานไปกลั่นน้ำมันหล่อลื่น ก็ต้องหาวิธีขายให้ต่างประเทศ
แน่นอนว่าตัวเลือกมากที่สุดของพวกชาวประมงก็คือทิ้งไปตั้งแต่ตรงนั้น เพราะปลาชนิดนี้ราคาต่ำไปจริงๆ !
ก็เพราะเหตุผลนี้ทำให้ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มีปลาทูน่าขาวมากมาย พวกมันอยู่เป็นกลุ่ม พอเจอฝูงหนึ่ง ก็มักจะถึงพันตัน…
เรือประมงทุกลำมีเครื่องหาปลาและเรดาร์โซนาร์ ระยะห่างมากๆ เครื่องนี่ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเข้าใกล้ฝูงปลาก็ยังสามารถแสดงจำนวนปลาและเส้นทางการเคลื่อนไหวบนหน้าจอ
พอเห็นเรือฮาวิซทปล่อยอวน แล้วยังเห็นจากเครื่องหาปลาว่าในแถบทะเลนี้มีปลาจำนวนมากจริงๆ ชาวประมงที่ตามมาด้านหลังก็ตื่นเต้นยกใหญ่ รีบปล่อยอวนลงกัน มีอวนใหญ่แค่ไหนก็ปล่อยลงไป เราจะมาหาเงินกันแล้ว!
ชาวประมงกำยำคนหนึ่งเห็นขนาดของฝูงปลาบนหน้าจอก็อ้าปากกว้างก่อนจะถามออกมา “กัปตัน เราจะไม่ปล่อยอวนกันจริงๆ เหรอ? พระเจ้า ดูสิ ปลาตั้งเยอะ! เรากวาดล้างรังของพวกมันกันเลยดีกว่า!”
บูลพูดขึ้นอย่างตามสบาย “ฉันล่ะไม่เข้าใจว่าสมองอันตั้งใหญ่ของนายใส่อะไรไว้ข้างใน ขี้เลื่อยหรือไง? ในเมื่อกัปตันให้เราเก็บอวน งั้นมันก็ชัดอยู่แล้วว่าปลาพวกนี้ไม่มีค่าให้จับ! ฝูงปลาใหญ่ขนาดนี้ อยู่ใต้น้ำสี่ห้าสิบเมตร ไม่มีค่าให้จับ แน่นอนว่าต้องเป็นปลาทูน่าขาวอยู่แล้ว!”
ได้ฟังบูลชี้ความจริงแบบตรงประเด็นให้ฟัง ฉินสือโอวก็แอบตกใจ
มิน่าล่ะแลนซ์กับชาร์คถึงบอกว่าไอ้หนุ่มนี่นอกจากอารมณ์ร้อนแล้วนอกนั้นก็เป็นมือดีในทุกเรื่อง เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย ประสบการณ์และปฏิกิริยาของเขาล้วนแล้วแต่โดดเด่น ที่สำคัญคือยังหนุ่ม มีค่าให้อบรม
“ปลาทูน่าขาว? !” ชาวประมงทั้งแถวมองไปทางฉินสือโอว ใบหน้ากลั้นยิ้มไม่ได้ “ฮ่ะ งั้นเจ้าพวกนี้คงจะซวยแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวยักไหล่โดยไม่พูดอะไร เดินทอดน่องไปบนดาดฟ้าดูเรื่องสนุก
เจอฝูงปลาที่ใหญ่ขนาดนี้ เหล่าชาวประมงแน่นอนว่าลงมือจับกันเอาเป็นเอาตาย อวนใหญ่ได้แค่ไหนก็เอาเท่านั้น เครื่องยนต์ส่งเสียงร้องคำรามเสียงต่ำ เร่งเครื่องเต็มที่
วินนี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้ เธอเห็นว่าตลอดทางตกกุ้งมังกรมาเยอะจึงพูดขึ้นว่า “พวกนี้ล่ะ พวกนายกะว่าจะจัดการยังไง?”
ฉินสือโอวตอบ “ทำกุ้งลวกจิ้มอีก?”
ชาร์ลเมอร์พูดพลางยิ้มแห้งๆ ว่า “ไม่ต้องหรอกกัปตัน ที่ทำไว้คราวที่แล้วยังมี เยอะไปหน่อย ฮ่ะๆ ว่าคงกินได้อีกครึ่งปี”
วินนี่เห็นว่าในห้องครัวมีพวกพริกกับชวงเจียเลยเสนอขึ้น “สุดหล่อ ถ้าพวกนายไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี งั้นให้ฉันทำกุ้งมังกรหม่าล่าเป็นไง?”
ได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวก็ตาเป็นประกาย
เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองไหเต่า ฉินสือโอวชอบกินกุ้งมังกรหม่าล่ามาก ตอนนั้นไม่ใช่เมนล็อบสเตอร์แต่เป็นกุ้งมังกรน้ำจืดในแม่น้ำแลนด์ล็อกชนิดหนึ่ง เนื้อสัมผัสดี เปลือกกุ้งบาง หมักเข้าเนื้อได้ง่ายกว่า
ตอนนั้นฉินสือโอวชอบกินกับข้าวนี้มาก แต่เงินเดือนน้อยของแพง ราคาของกุ้งมังกรหม่าล่าค่อนข้างสูง เดือนๆ หนึ่งเขาก็กินไม่ได้แม้สักครั้ง ได้แต่สนองความอยากของตัวเองบางครั้งเวลาไปเลี้ยงข้าวลูกค้า
ตอนนี้วินนี่ออกตัวเสนอ เขาเลยโบกมือทันที “ข้าอนุญาต!”
วินนี่เล่นไปตามน้ำโดยการเอามือทั้งสองข้างมาประสานกันที่เอวข้างขวาแล้วโน้มตัวเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงหวาน “ขอบพระทัยในความกรุณา ข้าน้อยรับคำสั่ง”
พวกบูลและแลนซ์เห็นพวกเขาหวานแหววใส่กันก็ทำท่าเหมือนจะอ้วก ฉินสือโอวคว้าบูลแล้วผลักเขาไปด้านข้างเรือพลางตะโกน “เมาเรือก็อ้วกใส่ทะเลโน่น!”
กุ้งมังกรตามธรรมชาติสะอาดมาก อาศัยอยู่ในทะเลเขตน้ำเย็นที่ไม่มีมลพิษ กินแพลงก์ตอนไม่ก็ปลา หรือหอยตัวเล็ก แค่ล้างง่ายๆ ก็เอามาทำอาหารได้แล้ว
วินนี่ถามว่าจะให้กุ้งมังกรอ้วกเอาของสกปรกในกระเพาะออกมาไหม ฉินสือโอวโบกมือแล้วตอบ “ไม่เป็นไร ที่รัก กระเพาะของกุ้งมังกรก็สะอาดมากๆ คุณรู้ไหมว่าในกระเพาะของพวกมันมีอะไร? ฟัน! มีฟันกับกรดกระเพาะ จะมีอะไรเหลือ?”
วินนี่ยิ้มพลางใช้ช้อนซุปเคาะหัวเขาแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้นิสัยไม่ดี แกล้งข้าอีกแล้ว หาว่าข้าไม่รู้เรื่องทะเลหรือ?”
ฉินสือโอวเซ็ง เขาไม่ได้พูดเหลวไหล ฟันของเมนล็อบสเตอร์ไม่ได้อยู่ที่ปาก แต่งอกอยู่ในกระเพาะ นี่ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ทางชีวภาพเรื่องหนึ่ง
วินนี่ทำความเข้าใจเสร็จก็จูบเขาหนึ่งที ลูบหัวไปพลางก็ปลอบใจไปด้วย “จุ๊บๆ ฮ่องเต้อย่าทรงงอนเลย”
ทั้งสองคนยิ้มพลางเข้าครัวด้วยกัน ทำกับข้าวกันกะหนุงกะหนิง พวกบูลต่างแกล้งทำท่าอยากอ้วกต่อไป
กุ้งมังกรหม่าล่าทำง่าย ใส่พริก ชวงเจีย ต้นหอม ขิง กระเทียมลงไปก่อนแล้วผัดให้หอม จากนั้นก็ใส่วานิลลา โป๊ยกั๊ก ยี่หร่า น้ำมันหอย ซอสพริก แบบนี้ฐานเครื่องปรุงก็ได้แล้ว แค่ใส่กุ้งมังกรลงไปผัดก็เป็นอันเสร็จ
หลังจากที่กุ้งมังกรเริ่มงอในกระทะก็เติมเหล้าจีนนิดหน่อย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำกับน้ำตาล เสร็จแล้วก็ผัดให้เข้ากัน พอผัดเสร็จก็เติมน้ำร้อนอีกเล็กน้อย ค่อยๆ ต้มด้วยไฟอ่อน น้ำซอสต้มไปได้ครู่หนึ่งเครื่องปรุงก็เข้าเนื้อแล้ว
กุ้งมังกรยังต้มอยู่ในกระทะ ฉินสือโอวนั่งอยู่ที่ดาดฟ้ารับลมทะเลอาบแดดดูพวกชาวประมงยุ่งวุ่นวายตัวเป็นเกลียวโดดเปล่าประโยชน์ ในใจก็แอบหัวเราะ เล่นกันเองเถอะ ส่วนฉันก็จะคอยดูเรื่องสนุก
จนถึงตอนที่กุ้งมังกรออกจากกระทะ พวกชาวประมงก็ยังยุ่งไม่จบ
วินนี่ยกกุ้งไปที่ดาดฟ้า บูลเอาโต๊ะโปโลน้ำออกมาเพื่อวางกุ้งมังกรและเบียร์ ฉินสือโอวโบกมือเรียก คนทั้งกลุ่มพากันดื่มเบียร์กินกุ้งมังกรกันอย่างครื้นเครง
แลนซ์ชูขวดเบียร์ขึ้นแล้วพูดขึ้น “มาเถอะ ดื่มให้กับคุณนายกัปตัน ขอบคุณการดูแลอย่างใจกว้าง กุ้งมังกรแสนอร่อย!”
“จูบเลย!” เหล่าชาวประมงชูขวดเบียร์แล้วเชียร์ด้วยรอยยิ้ม
วินนี่จูบลงบนแก้มของฉินสือโอวฟอดใหญ่ จากนั้นก็แกะเปลือกกุ้งมังกรสีแดงเผยเนื้อกุ้งสีขาวหิมะเด้งด้านในแล้วยื่นให้เขาก่อนจะถามอย่างคาดหวัง “ลองชิมดู รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินสือโอวจิ้มซอสแล้วเอาเข้าปาก “สุดยอดเลย ที่รัก ฝีมือคุณน่ะที่หนึ่งเลย!”
บทที่ 452 แอบทำลับๆ ล่อๆ
โดย
Ink Stone_Fantasy
พวกชาวประมงบนเรือฮาวิซทดื่มเบียร์กันอย่างครื้นเครง บรรยากาศเรือประมงลำอื่นก็ครึกครื้นเช่นกัน ถึงเวลาดึงอวนแล้ว!
เครื่องยนต์ของเรือประมงแต่ละลำส่งเสียงคำราม อวนอันหนักอึ้งถูกดึงขึ้นมาช้าๆ
มองดูสายเคเบิลที่ตึงจนแทบจะขาด เรโกริโอ แอนโทนิโอ กัปตันของเรือเจ้าหน้าที่มาดริดพูดอย่างภูมิใจ “ดู จะจับปลาก็ต้องใช้สมองเป็น คนเซนต์จอห์นจับปลาเก่งนักไม่ใช่เหรอ? งั้นเราก็ตามพวกเขา อย่างไรก็ต้องได้เงินบ้างจริงไหม?”
“ฉันเดาว่าปลาอวนนี้ต้องถึงห้าตันแน่!” อัลฟอลโซ ลิซาราโซที่เป็นคนขับเรือของกัปตันพูดในแง่ดี
“คนเซนต์จอห์นช่างเป็นคนดีที่พระเจ้าส่งมาจริงๆ ฮ่ะๆ ต้องขอบคุณเจ้าพวกดวงซวยพวกนั้น”
“ตอนนี้พวกเขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ แต่นี่คือความจริง พวกเราต้องสอนเพื่อนตัวน้อยพวกนี้ให้ยอมรับความจริงที่โหดร้ายสักหน่อย”
“งั้นพวกเขาต้องจ่ายค่าเรียนสักหน่อยไหม?”
พวกชาวประมงบนเรือเยาะเย้ยกันไม่หยุด ล้วนแล้วแต่ตื่นเต้นไปกับปลาที่กำลังจะได้
สายเคเบิลถูกดึงกลับมาทีล่ะนิ้ว ปลาตัวโตยาวหนึ่งเมตรหรือแม้แต่เมตรครึ่งต่างโผล่ขึ้นจากน้ำ…
“แจ๋ว! ปลาดีๆ เยอะขนาดนี้ เยอะ…”
หลังจากที่ชาวประมงเห็นปลาทะเลที่จับได้ก็ตะโกนอย่างดีใจ แต่พอเห็นผิวสีน้ำตาลเทาของปลาพวกนี้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
มีคนเอ่ยปลอบใจ “ไม่เป็นไร อาจจะเป็นปลาแซลมอนโคโฮที่เพิ่งจะวางไข่เสร็จแล้วเพิ่งกลับมาที่ทะเลก็ได้ ตอนกลางวันเราเจอปลาแซลมอนโคโฮฝูงหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
หลังจากนั้นอวนก็ถูกเครื่องยนต์ยกขึ้นมาแล้วกางออก ปลาพวกนี้ร่วงลงมาบนดาดฟ้าไม่ก็ในช่องแช่แข็ง เผยตัวจริงออกมาหมดเปลือก…
พอดูหน้าตาของปลาพวกนี้ให้ชัดๆ แล้ว เสียงโห่ร้องดีใจของเหล่าชาวประมงก็ค่อยๆ แผ่วลงก่อนที่แววตาจะเริ่มนิ่งค้าง
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น พวกชาวประมงก็ใช้เสียงที่ดังกว่าเสียงโห่ร้องยินดีเมื่อครู่ก่นด่า “หลอกกันนี่หว่า!”
“ไอ้เวร! ทำไมกลายเป็นปลาทูน่าขาวไปได้!”
“เสียแรงเปล่า! เปลืองน้ำมัน! สมควรตายๆๆ! ไอ้งี่เง่า! ปลาทูน่าขาว! ปลาทูน่าขาว! ปลาทูน่าขาวสมควรตายพวกนี้ทำไมไม่สูญพันธุ์ไปซะ!”
“ทำไมเราโชคร้ายแบบนี้? ลำบากมาเพื่อจับไอ้พวกนี้เนี่ยนะ? งมหินขึ้นมากองหนึ่งยังดีเสียกว่า!”
ใบหน้าเย่อหยิ่งของกัปตันเรโกริโอ แอนโทนิโอซีดเผือด มือทั้งสองข้างของเขากำข้างเรือไว้แน่น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงถี่ อยากด่าคนแต่ก็ด่าไม่ออก!
เขาจะด่าใครได้? ได้แต่โทษตัวเขาเองที่โดนผลประโยชน์กับจินตนาการครอบงำจนหน้ามืดตามัว แต่จริงๆ แล้วถ้าใจเย็นหน่อยเขาก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าฝูงปลานั้นเป็นปลาอะไร
ก็ใช่ แม้แต่บูลยังสามารถเดาจากเบาะแสไม่กี่อย่างเลยว่าเป็นปลาทูน่าขาว กัปตันที่ออกทะเลมาหลายปีอย่างพวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะเดาไม่ออก
ที่พลาดได้ขนาดนี้หลักๆ ก็เพราะชาวประมงเหล่านี้เชื่อในเรือฮาวิซทแบบไม่ลืมหูลืมตา พวกเขาแค่เห็นเรือฮาวิซทปล่อยอวน แต่กลับไม่เห็นว่าอวนไม่ได้กางออก! บวกเข้ากับความคิดที่จะแย่งเงินซึ่งแทรกซึมเข้าไปทุกส่วนของสมอง พอเห็นฝูงปลาแล้วจะยังใจเย็นวิเคราะห์ได้ไง?
เหมือนที่คำสแลงของแคนาดาว่าไว้ ก่อนที่พระเจ้าจะทำลายจะต้องให้บ้าเสียก่อน!
เรื่องซวยไม่ได้มาเรื่องเดียว ซวยซ้ำซวยซ้อน ลำบากตั้งนานจับปลาทูน่าขาวที่ไร้ประโยชน์ได้เป็นฝูงก็แย่แล้ว หลังจากนั้นยังมีคนบอกเรโกริโอ แอนโทนิโอเสียงสั่นอีกว่า “กัปตัน อวนของเรามีรอยขาดสองสามที่…”
ฉินสือโอวเรียกปลาทูน่าขาวว่า ‘ปลาต้มตุ๋นแสนสมบูรณ์แบบ’ ไม่ใช่แค่พวกมันไม่มีราคา แต่ยังเพราะปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้าย พวกมันเป็นปลากินเนื้อเชียวนะ เหมือนกับฉลาม
หลังจากที่จับขึ้นมาแล้ว ปลาทูน่าขาวก็ดิ้นสุดแรง พวกมันตัวใหญ่แรงเยอะ จะดิ้นจนอวนขาดสักสองสามรูก็เป็นเรื่องปกติ
ได้ยินรายงานจากลูกน้อง คราวนี้เรโกริโอ แอนโทนิโอทนไม่ไหวแล้ว เขาตบข้างเรือแล้วด่ากราด “ไอ้คนเซนต์จอห์นสมควรตาย! ตาบอดกันหรือไง? ปลาแบบนี้ก็จับได้เหรอ? ไปตายซะ!”
ยังมีพวกที่ด่ากราดพร้อมกับเรโกริโอ แอนโทนิโออีกเยอะ กัปตันแทบจะทุกคนที่พบว่าปลาที่จับมาอย่างลำบากเป็นปลาทูน่าขาวก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟด่าไม่หยุด
บูลเปิดวิทยุพลางกินเบียร์ในขณะที่ยิ้มไปด้วย บางครั้งเขาก็พูดแทรกนิดหน่อย ด่าว่าทำไมปลาทูน่าขาวถึงเยอะแบบนี้จนทำเอาพวกเขาเสียหายไปไม่น้อย
คนอื่นๆ พอได้อารมณ์ก็ด่าด้วยสักหน่อย แต่ความสนใจของคนส่วนมากอยู่ที่กินกุ้งมังกรกับดื่มเบียร์
ฉินสือโอวให้พวกเขาพักผ่อนให้ดีๆ พอตกกลางคืนก็ต้องทำงานกันแล้ว
ทะเลดีกว่าพื้นดินก็ตรงที่ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างวันไม่เยอะ พออาทิตย์ตกดิน น้ำทะเลก็จะระบายความร้อนออกมา แม้ว่าจะมีลมทะเลพัดมา แต่ว่าอุณหภูมิก็ไม่หนาวจนถึงขั้นทนไม่ได้
วินนี่กับชาวประมงคนอื่นๆ ล้วนสวมเสื้อโค้ตผ้าฝ้ายกับชุดดำน้ำ เพียงแต่เธอไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยทำงาน ฉินสือโอวก็ไม่ให้เธอทำ ที่จริงเขาเองก็ไม่ทำ ขี้เกียจได้โล่จริงๆ …
ฉินสือโอวเล่นกับหู่จือและเป้าจือ จิตสำนึกโพไซดอนกำลังหาจุดเหมาะๆ ที่จะวางที่ดักกุ้ง ไอซ์สเกตที่อยู่ข้างหลังมาหาเขาอย่างดีใจ พาเขามุ่งหน้าไปทางทิศใต้
ตามไอซ์สเกตไปสามสี่สิบกิโลเมตร แสงสีเงินสว่างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ฝูงปลาแซลมอนโคโฮ!
ปลาแซลมอนโคโฮเป็นปลาที่อยู่กันเป็นกลุ่ม นอกจากช่วงผสมพันธุ์แล้วพวกมันก็จะไม่แยกกัน เห็นได้ชัดว่าแม้จะโดนไล่จนกระจายกันไปเมื่อตอนกลางวัน แต่หลังจากนั้นพวกมันก็กลับมารวมกลุ่มกันใหม่ กลายเป็นฝูงขึ้นมาอีก
เห็นปลาแซลมอนโคโฮ ฉินสือโอวก็ดีอกดีใจ เขาถ่ายพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้ไอซ์สเกตเป็นรางวัล พอโบกมือ จิตสำนึกโพไซดอนครอบเอาปลาแซลมอนโคโฮส่วนมากไว้
เอาไปเลย!
จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมฝูงปลากลับไปยังเขตทะเลของฟาร์มปลาต้าฉิน จิตสำนึกโพไซดอนอีกอันแยกกันหาฝูงกุ้งกับฝูงปลาจากบอลหิมะและไอซ์สเกต
เลือกน่าทะเลได้แล้ว เรือฮาวิซทปิดไฟดวงใหญ่เหลือแค่ไฟดวงเล็กๆ ให้ความสว่างที่ท้ายเรือ ฉินสือโอวออกคำสั่งให้พวกชาวประมงโยนที่ดักกุ้งลงทะเลไป
เรือลำอื่นมองไม่เห็นว่าเรือฮาวิซทกำลังทำอะไรอยู่ ได้แต่นั่งพักอย่างหัวเสีย
กลางคืนไม่เหมือนกลางวัน พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้มากไป ถ้าเกิดไม่ระวังจนเรือทั้งสองลำชนกันล่ะก็สนุกสนานแน่ๆ ถึงตอนนั้นฉินสือโอวอาจจะพาคนเข้าไปกระทืบพวกเขาจริงๆ ก็ได้
เห็นพวกชาวประมงคลำทำงานกันท่ามกลางความมืด ฉินสือโอวก็ออกอาการเซ็ง การจับปลาที่ตอนแรกควรจะเปิดเผย ตอนนี้ไหงกลายเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างกับมาขโมยปลา?
ที่น่าเซ็งกว่าก็คือ ตอนกลางคืนปล่อยอวนจับปลาไม่ได้ ควบคุมได้ไม่ดี อวนจะพังได้ง่าย แบบนั้นได้ไม่คุ้มเสีย
พอเป็นแบบนั้น เมื่อกลางวันได้มาไม่เยอะ พอเหล่าชาวประมงวางที่ดักกุ้งเสร็จก็ไปนอนกันก่อน ถึงตอนเที่ยงคืน ฉินสือโอวก็เรียกพวกเขาให้ตื่น เปิดไฟดวงใหญ่ เริ่มเก็บที่ดักกุ้ง!
พอไฟบนเรือฮาวิซทสว่างขึ้น เรือประมงลำอื่นก็มองเห็นแล้วว่าพวกเขากำลังทำอะไร
เห็นชาวประมงบนเรือฮาวิซทยุ่งอยู่กับการเก็บที่ดักกุ้ง พวกเขาก็รีบเข้าไปใกล้ เลือกที่ได้แล้วก็โยนที่ดักกุ้งลงไป ขอแบ่งจากเขาหน่อยก็ยังดีนี่
ฉินสือโอวยิ้ม ฝูงกุ้งในแถบทะเลแถวนี้ไม่ใหญ่ เขาใช้จิตสำนึกโพไซดอนล็อกพิกัดที่แม่นยำมาแล้ว จุดที่ที่ดักกุ้งตกลงไปเป็นจุดที่กุ้งมังกรรวมตัวกันเยอะที่สุด ถ้ากระจายปล่อยที่ดักกุ้งมั่วๆ ไปรอบๆ ล่ะก็ จับกุ้งมังกรได้ไม่กี่ตัวหรอก
……………………………………….
บทที่ 453 ฉันออกโรงเอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนที่ฟ้าเริ่มสาง เหล่าชาวประมงต่างพากันตื่นขึ้นแล้ววิ่งไปเก็บที่ดักกุ้งล็อตที่สองที่ท้ายเรือ เพราะที่เลือกจับล้วนไม่ใช่กุ้งมังกรฝูงใหญ่ ฉะนั้นที่ได้มาทั้งคืนก็ไม่ได้เยอะอะไร จับได้ทั้งหมดห้าร้อยกว่าปอนด์
พอฟ้าสว่างเรือประมงก็ตามมาอีก ฉินสือโอวกำลังกินโจ๊กปลิงทะเล กับผักดองที่เอามาด้วย เหนื่อยใจจริงๆ เลย
เป็นครั้งแรกที่เขาเจอคู่ปรับที่ติดหนึบขนาดนี้ อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่ใช่มหาสมุทรใหญ่โต เรือประมงที่นี่มากเกินไปเลยไม่มีที่ให้หลบ ฉินสือโอวสั่งให้เรือฮาวิซทแล่นรอบอ่าวไปครึ่งรอบ ลำเก่าไปลำใหม่ก็มาอีก…
คราวนี้ก็กลายเป็นจับกุ้งกันจริงๆ แล้ว ที่ปล่อยอวนก็จับปลากันไม่ได้เลย แหของพวกเขาเพิ่งจะลงทะเลไป เรือข้างหลังก็พากันปล่อยอวนลงทะเลด้วย แบบนี้ฝูงปลาต้องตกใจจนกระจายไปคนละทางแน่ จับปลาได้ก็เทพแล้ว
ปล่อยอวนจับปลาเป็นวิธีจับปลาที่โหดมากวิธีหนึ่ง ขนาดใหญ่ จับได้เยอะ อวนหนึ่งปล่อยลงไปได้ห้าตันสิบตันก็เป็นเรื่องปกติ
เรือฮาวิซทมีน้ำหนักแค่สองร้อยตัน ที่ตามมาข้างหลังเขายังมีเรือกลตกปลาขนาดพันตัน ถ้าไอ้นั่นปล่อยอวนตามเขาล่ะก็สามารถจับพวกเขาเข้าไปด้วยกันได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเลือกที่จะจับกุ้งมังกรตอนกลางคืน หาจุดของฝูงกุ้งมังกรไว้ก่อน หนึ่งวันจับได้สองครั้ง
เหล่าชาวประมงไม่ชอบใจเสียแล้ว ช่วงนี้ตาของบูลเป็นสีแดงตลอด พอเห็นเรือประมงข้างหลังก็ยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือโปรอย่างแลนซ์ก็ทนไม่ได้กับการที่รายได้ลดลงทันที ตอนกินข้าวเขาก็พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่าครั้งหน้าออกทะเลต้องเอาปืนมาด้วย
ฉินสือโอวตบโต๊ะแล้วเอ่ยถาม “บอกฉันมาสิว่าตอนนี้มีกุ้งมังกรเท่าไร?”
“สองวันครึ่งแล้ว น่าจะมีแค่ประมาณพันห้าร้อยปอนด์เองครับ” แลนซ์พูดพลางถอนหายใจไปด้วย
เหล่าชาวประมงต่างพากันใช้ส้อมและช้อนซุปเคาะจานเพื่อนระบายความอัดอั้นของตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปตอนกลับท่าพวกเขาได้ห้าพันก็ไม่เลวแล้ว ไม่มีทางได้ถึงหมื่นแน่
ชาร์ลเมอร์เติมไวน์ให้ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “กัปตัน ถ้าไม่ไหวเราก็เปลี่ยนทะเลเถอะครับ รีบไปที่เขตอเมริกาก่อนที่ฤดูจับกุ้งมังกรจะหมด อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มองเราเป็นหนามยอกอกไปแล้ว”
บูลแย่งพูดขึ้นมา “ไม่ได้หรอก เราห่างจากเขตอเมริกามาก อีกอย่างเรือเราก็เล็กเกินไป ถ้าเจอพายุในทะเลจะทำยังไงล่ะ? ต้องอยู่ อย่างมากฉันก็เล่นงานเจ้าพวกนั้นเสียหน่อย!”
พวกชาวประมงเริ่มเอะอะขึ้นมา แต่ละคนตะโกนว่าจะสู้ หู่จือกับเป้าจือก็อยู่ในท่าเตรียมสู้แล้ว กระโดดโลดเต้นผสมโรงไปด้วย
ฉินสือโอวให้วินนี่ปรามหู่จือกับเป้าจือ ตอนที่เขากำลังจะพูด แลนซ์ก็ยืนขึ้นมาตะโกนเสียงเฉียบ “หุบปาก! ไอ้พวกสมควรตาย! พวกแกเป็นกัปตันเหรอ? พวกแกตัดสินใจแทนกัปตันได้เหรอ?!”
“เราต้องเชื่อฟังกัปตันสิ! พวกแกดูบัตรธนาคารของตัวเองดูสิ ครั้งนี้ที่ออกมาเราได้ไปเท่าไรแล้ว? ถ้าไม่ได้กัปตัน พวกแกตอนนี้คงหน้านิ่วคิ้วขมวดไปขอกู้ธนาคารอยู่เลย! ต้องรู้จักพอดี เข้าใจไหม? เราได้มาเยอะพอแล้ว! ต้องพอดี!”
แลนซ์ค่อนข้างน่าเกรงขามในหมู่คนพวกนี้ สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล ฟังเขาตะโกนเสร็จพวกชาวประมงก็ไม่พูดอะไรแล้วมองไปทางฉินสือโอว
ฉินสือโอวตัดสินใจได้แล้ว เขาพูดขึ้นว่า “มีความสุขกับการเดินทางบนเรือเถอะ กลางวันพัก กลางคืนทำงาน จับแค่กุ้งมังกร สองวันมานี้ฉันหาจุดที่กุ้งมังกรตัวใหญ่รวมตัวกันได้บ้าง คิดว่าอีกสองวันให้หลังคงได้ไม่น้อย”
ตกกลางคืน ที่ดักกุ้งถูกหย่อนลงทะเลทีละอัน จิตสำนึกโพไซดอนก็ลงทะเลไปตามๆ กัน ไม่มีทางอื่นแล้ว ฉินสือโอวจำเป็นต้องทำงานเอง
จิตสำนึกโพไซดอนหมุนอยู่ใต้ทะเล ที่นี่มีกุ้งมังกรประมาณหนึ่งพันกว่าตัว เป็นฝูงที่ไม่เล็กเลย คงเพิ่งจะอพยพมา ไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงแยกย้ายกันไปแล้ว
จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมพวกกุ้งมังกร ฉินสือโอวส่งพวกมันเข้าไปในที่ดักกุ้ง แต่ละอันยัดเข้าไปสองตัว กวาดไปตลอดทาง ไม่นานก็ยัดที่ดักกุ้งทั้งหมดสองร้อยอันจนเต็ม
สองชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงเก็บที่ดักกุ้ง แลนซ์พยักหน้าแล้วพาชาวประมงทำงาน
จับกุ้งไม่เหมือนลากอวนจับปลา นี่เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนสูง ปกติที่ดักกุ้งต้องโยนลงทะเลไปทั้งวันทั้งคืนหรืออาจจะนานกว่านั้นถึงจะเก็บขึ้นมาได้
เพราะตามปกติแล้ว เหล่าชาวประมงได้แต่อาศัยประสบการณ์หากุ้งมังกร ต่างกับฉินสือโอวที่สามารถเห็นตำแหน่งของฝูงกุ้งได้เลย
ทีนี้ก็ต้องรอ พูดกันจริงๆ แล้วการจับกุ้งต้องใช้เหยื่อล่อดีๆ บวกเข้ากับโชคช่วยถึงจะจับได้ ไม่อย่างนั้นวางดักเป็นพรวนได้กุ้งมังกรกว่าสิบตัวก็เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อย
การที่ฉินสือโอวทิ้งที่ดักไว้สองชั่วโมงก็จะเก็บขึ้นมาไม่มีประโยชน์ในสายตาชาวประมง สองชั่วโมงนี้แค่การที่กุ้งมังกรจะหาที่ดักได้ยังยากเลย
แต่พวกเขายอมรับในความสามารถของฉินสือโอว ในเมื่อกัปตันบอกว่าให้เก็บที่ดักกุ้ง ต่อให้เป็นกับดักว่างๆ พวกเขาก็ทำ!
ไม่นาน ที่ดักกุ้งแต่ละอันก็ถูกเก็บขึ้นมา ในนั้นมีแต่กุ้งมังกรอ้วนๆ ทั้งนั้น…
ฉินสือโอวมองจุดลึกของทะเลด้วยสีหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก เขาอธิบายเรียบๆ “ทรัพยากรกุ้งมังกรที่นี่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ตอนแรกฉันกะว่าจะรอให้ราคากุ้งมังกรขึ้นอีกสักหน่อยค่อยมาจับ ตอนนี้ดูท่าจะไม่ต้องแล้วล่ะ”
พวกแลนซ์ทั้งดีใจและเซ็งในขณะเดียวกัน ที่ดีใจก็เพราะในที่สุดก็เริ่มจับอะไรได้มากขึ้นแล้ว ที่เซ็งก็เพราะกุ้งมังกรพวกนี้เดิมทีสามารถขายในราคาสูงได้ ตอนนี้ได้แต่ลงมือจัดการล่วงหน้าแล้ว
เพราะความสามารถในการหาปลาหากุ้งมังกรของฉินสือโอว พวกชาวประมงเลยมองอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เป็นฟาร์มส่วนตัวไปเสียแล้ว
คืนนี้ได้มาสี่รอบ กุ้งมังกรสี่พันกว่าปอนด์ถูกส่งเข้าช่องแช่แข็ง ทุกครั้งที่ดักกุ้งล้วนแล้วแต่เต็ม
ตอนฟ้าสว่างที่เก็บกุ้งรอบสุดท้าย แซ็ก ชาวประมงที่อายุมากที่สุดพูดขึ้น “ฉันนี่เหมือนย้อนกลับไปสามสิบปีก่อนเลย ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็ก ออกทะเลกับปู่แล้วก็พ่อ ทุกครั้งที่หย่อนที่ดักกุ้งก็ได้กุ้งมาแบบนี้แหละ!”
ทางพวกเขาน่ะดีใจแล้ว ทางฉินสือโอวเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว เขาโบกมือ แม้แต่ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน กลับถึงห้องก็กอดวินนี่นอนหลับ
หู่จือกับเป้าจือคอตกเข้ามาอ้อนให้เล่นด้วย วินนี่ผลักพวกมันออกไป ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อพวกแกเหนื่อยขนาดไหน?
พักผ่อนมาทั้งวัน ตอนหลังเปลี่ยนที่แล้วทำงานอีกสองคืน กุ้งที่ได้ก็ยังน้อย สองคืนได้กุ้งมังกรมาทั้งหมดหกพันปอนด์ ฉินสือโอวเหนื่อยมากๆ แล้ว
พักไปหลายวัน พวกชาวประมงก็ไม่ค่อยหัวร้อนกันเท่าไรแล้ว พอเห็นฉินสือโอวเหนื่อย พวกเขาก็เลยออกปากขอกลับ กุ้งมังกรหมื่นกว่าปอนด์ นี่ก็ไม่น้อยแล้ว!
หลังจากที่ฟ้าสว่าง พอเรือฮาวิซทหันหัวเรือก็มีเรือประมงลำหนึ่งเข้ามายึดจุดที่มันเคยอยู่เมื่อคืน จากนั้นเหล่าชาวประมงก็โยนที่ดักกุ้งกัน
เรือประมงลำอื่นก็รีบยึดอาณาเขตของตัวเอง ตอนกลางวันพวกเขาก็ไม่ตามเรือฮาวิซทแล้ว เพราะหลายวันมานี้พวกเขารู้แล้วว่าเรือฮาวิซทพักตอนกลางวันทำงานตอนกลางคืน
แต่พอรู้ว่าเรือฮาวิซทจะกลับท่า เรื่องนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อย แน่นอนว่าที่มากกว่านั้นก็คือผิดหวัง
ฉินสือโอวโทรหาเกย์ ยอร์กกับฟิลิปป์โดยเฉพาะ บอกว่าเขามีกุ้งมังกรประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปอนด์ เชิญเขาให้ส่งคนมาตรวจและเอาไป
เกย์กับฟิลิปป์ครั้งนี้ไม่ต้องมาเอง พวกเขาส่งผู้ช่วยของตัวเองมา
………………………………………
บทที่ 454 เจ้าชายกุ้งมังกร
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนนี้เรือฮาวิซทเป็นดาวเด่นของสโนว์ดิคไปแล้ว หนึ่งเพราะพวกเขาช่วยคนบนเรือฝ่าพายุคราเคน18 สื่อก็รายงานกันโครมๆ จนเรือลำนี้กลายเป็นเรือฮีโร่ชื่อดังในแถบอเมริกาเหนือ
อีกอย่างคือปลาที่จับได้ ตอนนี้พวกชาวประมงที่ท่าเรือสโนว์ดิคพูดต่อๆ กันจนเรื่องที่ว่าพวกเขาได้ปลากับกุ้งจำนวนมากจากสองครั้งที่ออกทะเลเข้าหูชาวประมงทุกคน
แบบนี้พอเรือฮาวิซทเข้าเทียบท่าก็ดึงดูดความสนใจของชาวประมงจำนวนมาก แม้ว่าในทะเลชาวประมงบนเรืออื่นกับเรือฮาวิซทเป็นคู่แข่งกัน พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะแย่งทรัพยากร
แต่พอถึงท่าเรือ พวกเขาก็แสดงออกถึงความเคารพที่มีต่อเรือฮาวิซท พอชาร์คขับเรือเข้ามา เรือประมงในเส้นทางก็จะหลีกทางให้พวกเขาแล่นเข้าเทียบท่าโดยตรง
บางครั้งถ้าเจอกัปตันที่พิธีรีตองหน่อยก็จะบีบแตร ถ้ามีชาวประมงยืนอยู่บนดาดฟ้า ตอนที่เรือฮาวิซทแล่นผ่านก็จะถอดหมวกโบกมือ
ฉินสือโอวบ่น “เสแสร้งจริงๆ ให้ตายเถอะ ตอนตามเราอยู่ในทะเลพวกนั้นไม่ใช่แบบนี้เลยนะ”
แลนซ์คาบไปป์พลางพูดกลั้วหัวเราะ “เรื่องปกติมากๆ กัปตัน ใช้คำสแลงนิวฟันด์แลนด์เราก็คือ ‘ในทะเลเราเป็นเครื่องหาเงิน ถึงฝั่งก็กลายเป็นอารยชน’”
เรือฮาวิซทจอดเทียบท่า ผู้ช่วยของเกย์กับฟิลิปป์และฉินสือโอวต่างจับมือกัน ชาวประมงหลายคนที่อยู่ที่ท่าก็พากันเข้ามามุงใกล้ๆ พวกเขาเคยได้ยินข่าวลือมาว่าทุกครั้งที่เรือฮาวิซทออกทะเลจะจับกุ้งมังกรได้มากมาย แต่ไม่เคยเห็นกับตา
เซ็งไปกับการออกทะเลตลอดการเดินทาง ตอนที่ขายกุ้งมังกรฉินสือโอวอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ผู้ช่วยของเกย์บอกเขาว่าราคากุ้งมังกรขึ้นปอนด์ละสองดอลลาร์
ช่างวันคริสต์มาสและปีใหม่การขายกุ้งมังกรปริมาณมากส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างเห็นได้ชัด จำนวนของกุ้งมังกรกำลังลดน้อยลง อุปทานในตลาดตกฮวบลงจากปีก่อน72% คาดว่าเริ่มจากกลางปีนี้ ตลาดกุ้งมังกรคงได้แต่อาศัยกุ้งมังกรในทะเลลึกมาค้ำจุน
พอรู้ว่าตอนนี้กุ้งมังกรหนึ่งปอนด์ขายได้42ดอลลาร์ พวกชาวประมงต่างพากันช็อก ตาแก่แซ็กอุทานออกมา “เป็นราคาที่บ้าจริงๆ 42 ดอลลาร์! นี่ไม่ใช่กุ้งมังกร นี่มันทูน่าครีบน้ำเงิน!”
ฉินสือโอวเคยอ่านข้อมูลบนหนังสือพิมพ์ สองปีก่อนต่อให้เป็นตอนที่ราคาของกุ้งมังกรดีหน่อยก็หกเจ็ดดอลลาร์ต่อปอนด์ ตอนนี้จู่ๆ ก็ขึ้นไปถึง 42 ดอลลาร์ แถมราคายังขึ้นต่อเนื่องอีก น่าตกใจมาก
แลนซ์กับบูลพาคนไปช่องแช่แข็งเพื่อเอากุ้งมังกรเข้าไปใส่กล่องรักษาอุณหภูมิ กุ้งมังกรเป็นลังๆ ถูกเครื่องยกขึ้นมาชั่งน้ำหนัก จากนั้นก็ขนไปที่รถบรรทุกขนส่งแช่แข็งเรื่อยๆ ทีละลัง
เห็นพวกชาวประมงรอบๆ ต่างอึ้งไปตามๆ กัน บางคนก็ตะโกนอย่างไม่อยากเชื่อ “เฮ้ กัปตัน ในลังพวกนี้มีแต่กุ้งมังกร?”
ฉินสือโอวพยักหน้าก่อนตอบ “ใช่เพื่อน ครั้งนี้โชคไม่เลว เราเจอกุ้งมังกรไม่น้อยเลย”
“พระเจ้า ไม่ใช่แค่โชคดีหรอก! โชคดีมากๆ สิไม่ว่า!” บางคนพูดอย่างอิจฉา
สุดท้ายกุ้งมังกรหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยห้าสิบปอนด์ ขายไปได้ห้าแสนกว่าดอลลาร์
นอกจากกุ้งมังกร ยังมีปูราชินีหนึ่งพันหนึ่งร้อยกว่าปอนด์ ปลาแซลมอนโคโฮห้าร้อยห้าสิบปอนด์ ปลากระโทงร่มสองพันกว่าปอนด์ พวกนี้ฉินสือโอวให้พวกของเกย์สองคนจัดการ ขายไปได้แสนดอลลาร์
ชาวประมงที่รุมมุงอยู่ไม่รู้ว่าฉินสือโอวขายไปได้เท่าไรกันแน่ แต่พวกเขารู้ว่าเจ้านี้ต้องได้เยอะแน่ๆ เพราะเดือนกว่าแล้วที่ไม่มีใครสามารถออกทะเลแล้วได้กุ้งมังกรหนึ่งหมื่นปอนด์ขึ้นไปกลับมาในคราวเดียว!
แต่ก่อนกุ้งมังกรราคาต่ำมากมาตลอด ฉะนั้นพวกชาวประมงไม่ค่อยจะสนใจที่จะจับพวกมัน ชาวประมงส่วนมากที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ล้วนหาเงินจากการจับปลา
ปรากฏว่าเมื่อฤดูที่แล้วราคาของกุ้งมังกรก็เริ่มขึ้น แทบจะทุกคนตื่นเต้นพากันออกทะเลจับกุ้งมังกร
ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มีกุ้งมังกรไม่น้อย แต่คนที่มาจับเยอะเกินไป พอแบ่งให้ทุกคน จำนวนของกุ้งมังกรก็ลดลงมาเยอะ แน่นอนเพราะราคาของกุ้งมังกรเพิ่มขึ้น ฉะนั้นเงินที่ได้จากการจับกุ้งก็ไม่ได้น้อยลง นี่ก็คือเหตุผลที่เหล่าชาวประมงกระตือรือร้นแย่งกุ้งมังกรกัน
แต่ว่าไม่มีเรือจับกุ้งต่ำกว่าพันปอนด์ลำไหนที่สามารถจับกุ้งมังกรได้หนึ่งหมื่นปอนด์หรือห้าตันในคราวเดียว ส่วนเรือจับกุ้งพันปอนด์ขึ้นไปก็ไปจุดทะเลลึกกันหมด ฉะนั้นครั้งนี้ฉินสือโอวได้สร้างตำนานเล็กๆ ที่สโนว์ดิคเสียแล้ว
ปลากุ้งถูกขนไปจากช่องแช่แข็ง บูลกับแลนซ์ก็เริ่มพาชาวประมงเก็บเรือประมง
แม้จะบอกว่าปลากุ้งถูกใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง แต่จริงๆ แล้วช่องที่ใส่ปลากับกุ้งมังกรไม่ใช่ช่องแบบเดียวกัน ปลาจะใส่ไว้ในช่องแช่อุณหภูมิต่ำ นั่นคือช่องแช่แข็งของจริง ส่วนกุ้งมังกรใส่ไว้ในช่องอุณหภูมิปกติ ช่องแบบนี้เอาไว้ใช้ใส่กุ้งปู กุ้งปูต้องเป็นๆ ถึงจะขายได้ราคาสูง ถ้าตายแล้วไม่ได้ราคา
แม้เรือฮาวิซทจะหนักสองร้อยตัน สองร้อยตันนี้ก็ไม่ใช่ความจุสินค้าแต่เป็นปริมาณระบายน้ำ จริงๆ แล้วความจุสินค้ามีแค่ประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์ซึ่งก็คือแปดสิบตัน สัดส่วนของช่องแช่ทั้งสองแบบคือ 4:1 ช่องแช่แข็งจุได้หกสิบกว่าตัน ช่องรักษาอุณหภูมิจุได้สิบเจ็ดสิบแปดตัน
ไม่ต้องถามเลยว่าตอนที่เก็บกวาดช่องแช่ อยู่ที่ช่องรักษาอุณหภูมิสบายกว่า ปริมาณงานก็น้อยกว่า ทุกครั้งบูลจะพาคนไปเก็บกวาดช่องแช่แข็งแล้วเหลือโอกาสการเก็บช่องรักษาอุณหภูมิไว้ให้แลนซ์ ตอนที่แลนซ์เลือกคนก็เลือกพวกที่อายุมากหน่อยอย่างแซ็กกับชาร์ลเมอร์
เรื่องนี้กลายเป็นกฎไปโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องพูด คนที่บูลโบกมือเรียกเข้าไปในช่องแช่แข็ง ไม่มีใครว่าอะไร
ฉินสือโอวชื่นชมจุดนี้มาก ชาวประมงสิบกว่าคนนี้เป็นทีมที่เยี่ยมมาก ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ออกเงินซื้อมาด้วยราคาสูง
ฉินสือโอวพาวินนี่กับหมาไปที่โรงแรมก่อน เตรียมมื้อใหญ่ร้อนๆ ไว้รอรับพวกชาวประมง
พวกชาวประมงทำงานไป เสียงสัญญาณเตือนข้อความมือถือของแลนซ์ดังขึ้น วินนี่ไปธนาคารเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีพวกเขาแล้ว 170,000 ดอลลาร์
“กัปตันเท่มากเลย ฮู้ ฉันชอบเขา!” แลนซ์ชูมือถือพลางพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
ตามปกติ กัปตันไม่ได้คำนวณเงินให้ลูกน้องไวขนาดนี้ กระทั่งพูดได้ว่าช้ามาก ปกติแล้วกัปตันจะไม่ได้แบ่งรายได้ให้ลูกน้องตั้งแต่ฤดูจับปลาแรกจบลง แต่รอฤดูจับปลาต่อไปเริ่มแล้วถึงคิด
นี่เป็นกฎ เพราะเงินที่กัปตันให้ลูกเรือต้องคิดภาษี เขาต้องรอจนภาษีออกแล้วหักภาษีออกถึงจะให้ลูกเรือ
ส่วนฉินสือโอว ทุกครั้งที่เขาได้เงินมาเขาก็ให้คิดเงินให้ชาวประมงทันที ภาษีเหรอ? ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันควักให้แล้วก็มาตกที่ฟาร์มปลา เทียบกับภาษีเป็นพันเป็นหมื่น เงินหลักพันของพวกเขานี่ไม่เท่าไร
รายละเอียดเล็กๆ พวกนี้มักจะได้ใจของพวกชาวประมง ใครบ้างไม่ชอบได้เงินไวๆ? คนแคนาดามักจะพูดว่า ‘ถ้าเงินยังไม่เข้ากระเป๋าก็ยังไม่ถือว่าเป็นของเรา’ พวกเขามองเงินสำคัญยิ่งกว่าคนจีนเสียอีก
ฉินสือโอวไปถึงที่โรงแรมพอนั่งลงก็มีคนตามมาถาม “เจ้าชายกุ้งมังกร ขอถามหน่อยว่าเรือของคุณยังอยากได้คนเพิ่มไหม?”
มองดูชาวประมงสองสามคน ฉินสือโอวตอบยิ้มๆ “ขอโทษด้วยเพื่อน ลูกน้องฉันมีพอแล้ว สิบสองคน”
ได้ยินแบบนั้น พวกชาวประมงก็ทำหน้าผิดหวัง แต่ชายคนหนึ่งที่ดูเก่งกาจเอ่ยขึ้น “เจ้าชายกุ้งมังกร คุณสนใจสร้างพันธมิตรเรือชั่วคราวไหม? ตามระเบียบแล้ว เรารวบรวมเงินหนึ่งในสิบส่วนให้คุณได้นะ”
…………………………………………
บทที่ 455 นำพันธมิตรเรือออกทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวไม่ค่อยสนใจสิ่งที่พวกชาวประมงพวกนี้พูดสักเท่าไร ตอบตามมารยาทไปไม่กี่คำก็บอกปัดพวกเขาไป ไม่ใช่ว่าเขาไร้มารยาท แต่เพราะหิวมากเลย…
เหล่าชาวประมงทยอยมาถึงที่โรงแรม ฉินสือโอวดีดนิ้ว พนักงานก็เริ่มยกอาหารมา พอซุปบีทรูทอุ่นๆ ถูกยกขึ้นมาก็แย่งกันกินจนหมด ส่วนอีวิลสันก็ยกกินจากชาม
ไม่มีทางอื่น ฉินสือโอวเลยได้แต่สั่งเพิ่มอีกสองที่ถึงจะเพียงพอกับความต้องการ
ที่จริงแล้วซุปบีทรูทเป็นซุปผักข้นของยูเครน พอเป็นซุปแล้วจะร้อนหรือเย็นก็กินได้ กินซุปร้อนในวันหนาวๆ จะอุ่นสบายมาก เป็นที่นิยมในแถบยุโรป เพราะที่แคนาดามีคนยุโรปที่ย้ายสัญชาติมามากมายเลยทำให้ซุปชนิดนี้เป็นที่นิยมในช่วงฤดูหนาว
หลังจากนั้นทางโรงแรมก็ยกอาหารพื้นเมืองของท่าเรือสโนว์ดิคมา อย่างเช่นสตูรวม คล้ายๆ กับสตูตะวันออกเฉียงเหนือ ซี่โครงหมูกองโตตุ๋นกับผัก พวกชาวประมงกินกันจั๊บๆ ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่ารสชาติธรรมดา เทียบไม่ได้กับซุปสตูที่เขากินตอนสมัยมหาวิทยาลัย
มีกับข้าวหลายอย่าง ที่วินนี่สั่งมารสชาติดีแต่ปริมาณน้อยไปหน่อย ทำไงได้ โรงแรมก็แบบนี้กันทั้งนั้น
พวกชาวประมงกินกับข้างกันไม่พอเลยเล็งจานหลัก วินนี่สั่งอาหารสี่อย่างที่ขึ้นชื่อที่สุดของสโนว์ดิค มีแฮมเบอร์เกอร์เนื้อแองกัส พิซซ่าไก่ผงกะหรี่น้ำเชื่อมเมเปิล ลาซานญ่า กับริซอตโต้ซอสเนื้อกวาง
สี่อย่างนี้เป็นของโปรดของพวกชาวประมง มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทั้งสี่จานมีเหมือนกันซึ่งก็คือปริมาณเยอะ แฮมเบอร์เกอร์เนื้อแองกัสใหญ่พอๆ กับชามกระเบื้องใบโต ฉินสือโอวกินไปแค่ครึ่งเดียวก็กินไม่ไหวแล้ว เนื้อวัวในนั้นใหญ่กว่าฝ่ามือเขาเสียอีก
อีวิลสันเห็นว่าฉินสือโอวกินไม่ลงเลยเสนอตัวช่วย รับแฮมเบอร์เกอร์ครึ่งเดียวนั้นมายัดเข้าปากไป
ฉินสือโอวมองอึ้งๆ อีวิลสันแทบจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ ยัดเข้าปากไปก็เห็นแก้มเขาขยับไม่กี่ครั้ง พอคอยืดก็กลืนแฮมเบอร์เกอร์ลงไปแล้ว
วินนี่มองแล้วเป็นห่วงเลยเทโกโก้ร้อนแล้วหนึ่งให้อีวิลสัน อีวิลสันยกขึ้นซดจนหมด มือหนึ่งแฮมเบอร์เกอร์ อีกมือถือพิซซ่าแล้วกินต่อไป!
เหล่าชาวประมงกินจวนเสร็จก็เริ่มหงอย แลนซ์เอ่ยขึ้น “ครั้งนี้รายได้เราไม่เลว แต่ออกทะเลครั้งหน้าต้องลำบากกว่านี้แน่ เฮ้อ ระหว่างทางที่มาฉันได้ยินคนพูดถึงเรือฮาวิซทของเราเยอะแยะ คราวนี้เราดังแล้วจริงๆ ”
บูลกินอิ่มมีแรง อารมณ์ก็ขึ้น เขาตบโต๊ะก่อนจะพูดอย่างโมโห “กัปตัน เราต้องแสดงให้พวกนั้นเห็นสักหน่อย ให้พวกมันรู้ว่า…”
ยังพูดไม่จบ อีวิลสันเห็นเขาถลึงตาใส่ฉินสือโอวเลยนึกว่าจะตีกันอีก ซัดมาหนึ่งหมัดจนบูลกระเด็นลงไปใต้โต๊ะ
ฉินสือโอวรีบประคองบูลขึ้นมา ชาวประมงหลายคนพากันหัวเราะ วินนี่ต่อว่าอีวิลสันสองสามคำ อีวิลสันเกาหัวแล้วถือจานของตัวเองเดินไปจากโต๊ะอาหารอย่างไม่สบอารมณ์
คราวนี้วินนี่จนใจ ได้แต่ตามไปปลอบใจเขา กล่อมให้เขากลับโต๊ะ
ชาร์คคุยเล่นกับคนอื่นๆ เสร็จก็พูดเสียงค่อย “บอส ผมแนะนำให้คุณประกาศว่าครั้งหน้าออกทะเลเราจะรวมตัวพันธมิตรเรือดีกว่า แม้ว่าจะทำให้เราได้ปลาน้อยลงแต่ประสิทธิภาพจะมากขึ้น”
ก่อนหน้านี้ที่มีชาวประมงมาเสนอเรื่องพันธมิตรเรือ ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ตอนนี้ชาร์คก็เสนอแผนแบบนี้ เขาเลยสนใจขึ้นมา ถามว่าทำยังไง
ชาร์คตอบ “เราประกาศออกไป รับสมัครเรือกี่ลำออกทะเลด้วยกัน ใครยินดีมาก็มา คุณเป็นผู้บังคับบัญชา พวกเขาต้องเชื่อฟัง จากนั้นสุดท้ายเอาหนึ่งในสิบส่วนถึงหนึ่งในสี่ส่วนของปลาที่จับได้แบ่งให้พวกเรา”
พวกแลนซ์ไม่ค่อยยินดีเท่าไร เพราะการรวมตัวพันธมิตรเรือส่งผลกระทบต่อปริมาณปลาที่จับได้ เนื้อน้อยคนเยอะ ไม่พอแบ่ง
ฉินสือโอวพิจารณาครู่หนึ่งรู้สึกว่าใช้ได้เลยให้แลนซ์ไปประกาศรับสมัครเรือสิบลำ เก็บปลาที่จับได้ในตอนท้ายหนึ่งในสี่ส่วน
สัดส่วนของการเก็บค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง หนึ่งในสี่ส่วนเลยนะ ถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดเลยทีเดียว แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาไม่ได้เก็บเกินไป เรือประมงเหล่านั้นแค่ตามเขา รายได้ต้องเยอะกว่าออกทะเลเองหลายเท่าอยู่แล้ว จ่ายแค่หนึ่งในสี่ส่วนเป็นค่าข้อมูล ก็สมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ?
ถ้าไม่ใช่เพราะตามกฎเป็นหนึ่งในสี่ส่วน ฉินสือโอวต้องเรียกสูงกว่านั้นแน่นอน ไม่อยากตามก็แล้วแต่ สมัยนี้ค่าข้อมูลแพงขนาดไหน? นี่ก็ถือว่าถูกมากๆ แล้ว
คราวนี้พักบนบกสองวัน งานของฉินสือโอวในทุกๆ วันก็คือ ตอนเช้าไปออกกำลังกายกับวินนี่ สายๆ พาหมาเดินเล่น บ่ายไปกะหนุงกะหนิงกันที่สวน ตกกลางคืนไปโรงแรมทำเรื่องน่าเขิน
ช่วงสายของวันที่สาม ฉินสือโอวพาวินนี่และหมาขึ้นเรือสำราญ พวกเขาต้องกลับเกาะแฟร์เวลกันแล้ว เพราะวันหยุดของวินนี่สิ้นสุดลงแล้ว
ตอนนี้เข้ากลางเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินสุริยคติแล้ว ปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นวันปีใหม่จีน ฉินสือโอวตั้งใจว่าจะกลับบ้านตอนกลางเดือนมกราคม ฉะนั้นเขายังออกทะเลได้อีกสองสามรอบ
พอถึงท่าเรือ ฉินสือโอวถามชาร์คเรื่องรับสมัครพันธมิตรเรือ ชาร์คบอกว่าหลายวันมานี้ได้รับโทรศัพท์ไม่น้อย แต่ไม่ค่อยโอเคกับการแบ่งผลประโยชน์หนึ่งในสี่ส่วน ตอนนี้มีเรือทั้งหมดห้าลำที่ยืนยันว่าจะออกทะเลกับพวกเขา
ห้าลำก็ห้าลำ ฉินสือโอวรู้สึกว่าห้าลำก็ไม่น้อยแล้ว ดูท่าว่าชาวประมงที่ท่าเรือสโนว์ดิคพวกนี้จะไม่ค่อยมองการณ์ไกลกัน นี่ไม่ใช่ลงทุนผลิตเสียหน่อย แต่หลังจากได้ผลลัพธ์แล้วจ่ายค่าข้อมูลนิดหน่อยก็พอ
ชาร์คอธิบาย “คนส่วนมากไม่ได้รู้สึกว่าสัดส่วนสูงเกินไป แต่ไม่มั่นใจในตัวพวกเรา พวกเขาคิดว่าที่เราจับปลาได้ผ่านๆ มาเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือไม่ก็พระเจ้าช่วยอะไรแบบนี้ เพราะเราช่วยคนไว้เยอะ คนดีได้ดีไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวตอบพลางหัวเราะกว้าง “ดูท่าฉันจะยังไม่ได้ทำให้เจ้าพวกนี้เชื่อตาม โอเค งั้นเราออกทะเล ให้พวกมันได้ดูความสามารถของฉัน!”
เกือบจะถึงเวลารวมตัวแล้ว กัปตันเรือทั้งห้ารออยู่ที่ท่าแล้ว คนพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นกัปตันหนุ่มที่อายุประมาณสามสิบ พวกเขามาจากนครเซนต์จอห์นเหมือนกับพวกฉินสือโอว ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน มิน่าล่ะถึงได้เชื่อใจเขา
ฉินสือโอวกวาดตาดู เรือทั้งห้าลำมีชื่อว่าดาบคม ป๊อปอาย ระฆังแห่งความสุข น้ำเชื่อมปลาดำ แลบราดอร์คำราม ล้วนเป็นเรือประมงเล็กขนาดระหว่างหนึ่งร้อยถึงสองร้อยตัน ความยาวก็แค่ประมาณสิบกว่าถึงยี่สิบเมตร
เรือประเภทนี้ออกทะเลต้นทุนน้อยหน่อย มิน่าล่ะกัปตันถึงกล้าพนัน พนันได้ก็ได้ พนันไม่ได้ก็เสียไม่เท่าไร
เหล่าลูกเรือทำการเตรียมตัวก่อนออกทะเลโดยการตรวจเครื่องและขนเสบียงกับน้ำจืด ฉินสือโอวคุยกับกัปตันทั้งห้าคนครู่หนึ่ง แนะนำตัวทำความรู้จักและ ทำความคุ้นเคยนิสัยของกันและกัน เผื่อออกทะเลไปแล้วจะเกิดขัดแย้งอะไรกัน
ทางฉินสือโอวมีข้อเดียว คือเขาต้องมีสิทธิสั่งการเด็ดขาด ถ้ามีใครไม่ฟังเขาก็จะเตะออกจากพันธมิตรทันที
กัปตันทั้งห้าไม่ได้มีข้อโต้แย้ง ขอแค่ได้เงินก็พอ
ภายใต้การนำของเรือฮาวิซท เรือหกลำก็พากันออกจากท่า แค่แป๊บเดียวข้างหลังก็มีเรือตามมาอีกยี่สิบสามสิบลำแล้วยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ดูเป็นขบวนใหญ่ทีเดียว
มองดูเรือที่ตามหลังมา ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “สมควรตาย ไอ้พวกงั่งพวกนี้ไม่มั่นใจในตัวเราไม่ใช่เหรอ? แล้วจะตามมาทำไมอีก?”
“นี่แหละ ธรรมชาติของมนุษย์” แซ็กยักไหล่พูด “พวกเขาไม่มั่นใจในเราก็เลยไม่กล้าเอารายได้หนึ่งในสี่ส่วนเข้ามาเดิมพัน แต่พวกเขาก็ยินดีตามพวกเราไปขอส่วนแบ่งด้วยหน่อย ยังไงก็ไม่เสียเงินไม่ใช่เหรอ?”
……………………………………………
บทที่ 456 ซีนใหญ่
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ทีมเรือฮาวิซทออกจากท่าก็มีเรือประมงขับตามมาเรื่อยๆ เรือจับกุ้งลำหนึ่งที่เขียนว่า ‘ซูเปอร์คัลเลอร์’ ค่อยๆ เข้าเทียบท่า พอจอดสนิท กัปตันก็กระโดดลงจากเรือมาถามคนรู้จัก “ตาแก่พีท รู้จักเรือฮาวิซทไหม?”
ชาวประมงเฒ่ากลอกตา แล้วพูดเนิบนาบ “นี่เออร์วิง สมองพังแล้วหรือไง? ตอนนี้ทั้งแคนาดารู้จักเรือฮาวิซทกันหมด ฉันก็ไม่ได้หูหนวกตาบอด จะไม่รู้ได้ยังไง?”
“ไอ้งี่เง่า ฉันถามแกก็ตอบ พูดอะไรไร้สาระเยอะแยะ?” กัปตันเออร์วิงตอบโกรธๆ
“โอเค ถามสิ พ่อคนหัวร้อน ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็เลือดออกในสมองกลายเป็นเจ้าชายนิทรา”
เออร์วิงโดนคำของชาวประมงเฒ่าสวนกลับมาจนตัวสั่นเทิ้ม เขาถุยน้ำลายแล้วพูดขึ้น “ก็ดี งั้นฉันถามนาย เรือฮาวิซทตอนนี้อยู่ที่ท่าหรือเปล่า?”
ชาวประมงเฒ่าหัวเราะออกมาแล้วมองเขาอย่างเหยียดหยาม “เออร์วิง ตานายบอดหรือไง? ดูสิว่าที่ท่ามีเรือฮาวิซทลำนั้นอยู่หรือเปล่า? ฉันบอกว่าฉันไม่ได้หูหนวกตาบอด ดูท่านายจะมีปัญหาด้านนี้…”
“พวกเขาออกทะเลไปตอนไหน?”
“ประมาณสองชั่วโมงก่อนที่นายจะกลับมาละมั้ง แล้วนายมาถามเรื่องของเรือฮาวิซททำไม? เออใช่ ครั้งนี้ออกทะเลผลงานเป็นไงบ้าง? งั้นสภาพอย่างนายตอนนี้ คงไม่เท่าไรหรอกใช่ไหมล่ะ? ชดเชยเงินจนหมดตูดอีกล่ะสิท่า? ฮ่ะๆ ดีใจที่ได้ยิน…”
“ไปตายซะ ไอ้แก่งั่ง แกทายผิดแล้ว ฉันจับกุ้งมังกรได้สองพันกว่าปอนด์!”เออร์วิงพูดไปพลางหัวเราะร่า แต่ยิ้มๆ อยู่ก็อารมณ์บูดขึ้นมาอีก ตะโกนขึ้น “ไอ้พวกบื้อบนเรือนั่นน่ะ รีบไปจัดการปลากุ้งให้เรียบร้อย เราจะไล่ตามเรือฮาวิซท!”
เขาทั้งตะคอกทั้งตะโกน ครู่เดียวก็ดึงดูดความสนใจคนรู้จัก ชาวประมงคนอื่นเข้ามาถามว่าเขาทำอะไร
เออร์วิงไม่พูดอะไร เขาขับเรือไปที่ท่าเรือบริษัทซีดับเบิลยู กุ้งมังกรเป็นลังๆ ถูกยกขึ้น ชาวประมงแถวๆ นั้นอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันใด ต่างพากันรุมถามเออร์วิงว่าเขาไปเอากุ้งมังกรเยอะแยะขนาดนี้มาจากไหน
เออร์วิงปิดปากเงียบอย่างภูมิอกภูมิใจ ผู้จัดการสถานีของบริษัทซีดับเบิลยูคำนวณราคาหลังจากที่ชั่งน้ำหนักกุ้งมังกรที่แบ่งตัวผู้ตัวเมียเรียบร้อยแล้ว หกหมื่นดอลลาร์
เห็นเช็คหกหมื่นในมือของเออร์วิง ชาวประมงก็ตาร้อนกันเป็นแถว วิ่งไล่ตามเออร์วิงเพื่อถามเขาว่าทำอย่างไรถึงได้กุ้งมังกรเยอะขนาดนี้
เออร์วิงไม่ยอมพูด หลังจากเก็บเรือจนว่างเขาก็รีบร้อนขึ้นเรืออยากจะจากไป แต่ลูกเรือแต่ละคนล้วนมีสีหน้าเหนื่อยหน่าย อยากจะพักผ่อน
ทำไงได้ เออร์วิงปล่อยลูกน้องไปแบบไม่สบอารมณ์ ส่วนตัวเองก็ไปฆ่าเวลาที่บาร์
ชาวประมงก็แบบนี้ พอเหล้าเข้าปากก็คุมกางเกงกับปากไม่ได้ ก่อนหน้านี้เออร์วิงพยายามเก็บเป็นความลับ รัมขวดหนึ่งกับเบียร์สองแก้วใหญ่เข้าปากไปเขาก็คุมปากตัวเองไม่ได้แล้ว
ชาวประมงสองสามคนรวบรวมเงินสองร้อยดอลลาร์ให้นักเต้นเพื่อให้เธอไปหยอดเออร์วิงแล้วถามเรื่องกุ้งมังกร
เจอกับนักเต้นสาวสุดยั่วยวน เออร์วิงก็เริ่มคุยโว “รู้ไหมว่าเมื่อกี้ฉันได้เงินมาเท่าไร? หกหมื่น แม่หวานใจ หกหมื่น! รู้ไหมว่าฉันได้มายังไง? ง่ายมาก ฉันตามหลังเรือฮาวิซท ดูว่าเขาวางที่ดักกุ้งไว้ที่ไหน พอพวกเขาไปฉันก็อยู่ต่อเพื่อจับกุ้ง…”
หลังจากนั้นเขาเริ่มเมาแล้ว พึมพำคำอย่าง ‘ที่สุดท้ายกุ้งมังกรเยอะมากเลย’ ‘รู้งี้กลับมาก่อนสักครึ่งวันแล้ว’
คำพูดพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว พวกชาวประมงรู้อย่างหนึ่งจากเออร์วิง รวมกลุ่มกับเรือฮาวิซททำเงินได้เยอะจริงๆ !
ตอนนี้ไปตามเรือฮาวิซทยังทันไหม? เหล่าชาวประมงอารมณ์เสียกับเป็นแถบ แต่ตอนนี้ก็เรือฮาวิซทก็ออกจากท่าไปได้สี่ห้าชั่วโมงแล้ว พวกเขาโทรศัพท์ดาวเทียมไปหาเจ้าของเรือที่ตามเรือฮาวิซท คนพวกนั้นบอกว่าเรือฮาวิซทเริ่มวางที่ดักกุ้งกันแล้ว
จริงๆ แล้วคนพวกนี้แค่พูดมั่ว พวกเขาแค่ไม่อยากให้มีคู่แข่งเพิ่มเท่านั้นเอง ฉินสือโอวจะวางที่ดักกุ้งไวขนาดนั้นได้ไง? เขาแค่หากุ้งมังกรผ่านเจ้าพวกน่ารักทั้งหลาย
บอลหิมะทุกวันนี้กลายเป็นหมาล่าเนื้อแห่งท้องทะเล หลังจากที่พวกมันเจอฝูงกุ้งมังกรก็จะหยุด จากนั้นฉินสือโอวก็ส่งจิตสำนึกโพไซดอนไป พวกมันถึงจากไปแล้วหาฝูงกุ้งฝูงต่อไป
ควบคุมฝูงกุ้งสองฝูงไว้ได้ ฉินสือโอวก็ไร้แรงกดดันแล้ว
เขาถือโอกาสที่ตอนกลางวันอากาศดีลากเก้าอี้ผ้าใบมานั่นบนดาดฟ้า ใส่แว่นกันแดดอาบแดดอย่างเกียจคร้าน น้ำผลไม้และไวน์ข้างตัวอยากกินก็จิบนิดนึง
เจ้าของเรือที่ตามหลังกำลังสังเกตผ่านกล้องส่องทางไกล พวกเขายังไม่วางใจกับปลาที่จะจับได้ในการออกทะเลครั้งนี้ แต่ละคนคาดหวังอยากจับได้ไวๆ อย่างน้อยก็ได้เงินค่าน้ำมันกับค่าบำรุงเรือกลับมา
ปรากฏว่าที่พวกเขาเห็นคือฉินสือโอวทั้งอาบแดดทั้งดื่มไวน์อยู่บนดาดฟ้า เหลือแค่มีสาวสวยมาอาบแดดเป็นเพื่อนแล้ว
พอเห็นแบบนี้ เจ้าของเรือก็ทนไม่ได้กันเป็นแถบ เริ่มด่าทอกันในวิทยุสาธารณะ
ที่จริงแล้วฉินสือโอวไม่ได้ว่างขนาดนั้น นี่เป็นแค่แผนเท่านั้น
ในห้องคนขับ ชาร์คติดต่อกัปตันของเรืออีกห้าลำผ่านทางช่องวิทยุเข้ารหัสเริ่มสั่งการตามที่ฉินสือโอววางไว้ “ทุกคน เตรียมลงมือได้ ยึดพวกเราเป็นศูนย์กลาง เรือดาบคมไปทางทิศใต้ เรือป๊อปอายไปทิศตะวันตก เรือระฆังแห่งความสุขไปทิศตะวันออก เรือน้ำเชื่อมปลาดำกับแลบราดอร์คำรามไปทิศเหนือ”
“ทุกคนต้องระวังระยะห่างไว้ด้วย สองกิโลเมตร เสร็จแล้วก็วางที่ดักกุ้งได้เลย เริ่มทำงานได้!” ชาร์คพูดด้วยท่าทีของผู้บังคับบัญชา
พอจัดตำแหน่งเสร็จ เรือห้าลำที่ตามอยู่ก็ขยับทันที
ระยะห่างสองกิโลเมตร สำหรับท้องทะเลแล้วไม่ไกลเลย หลังจากที่เรือประมงกระจายตัวห่างออกไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างเตือนกันแล้วค่อยๆ ไปในที่ของตัวเอง
ตอนนี้ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ผ้าใบ “ทุกคน ทำงาน! วางที่ดักกุ้งแล้วไปรับเงินกัน!”
พวกชาวประมงลงมืออย่างรวดเร็ว ปล่อยที่ดักกุ้งเป็นพรวนลงก้นทะเล เรือห้าลำวงนอกก็พากันปล่อยที่ดักกุ้งลง ชั่วขณะนั้น บนผิวน้ำทะเลก็มีบอลลูนทุ่นมากมายหลากสีโผล่ขึ้นมา
ฝูงกุ้งมังกรในทะเลแถบนี้เป็นฝูงกุ้งมังกรตัวโตที่เหลือไม่มากในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ มีถึงหมื่นเพียงแต่อยู่กันกระจัดกระจาย จากเรือฮาวิซทที่เป็นศูนย์กลาง ในวงรัศมีสามสี่กิโลเมตรล้วนมีกุ้งมังกร
วิธีกระจายตัวแบบนี้เหมาะกับการทำงานแบบพันธมิตรเรือมาก พอกระจายไปรอบๆ ก็จะสามารถใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่าที่สุด
เห็นเรือฮาวิซท เรือพวกนี้ก็โยนที่ดักกุ้งลงไป เรือที่ตามมาก็อยากจะเข้าไปขอแบ่งเขาบ้าง
ถึงตอนนี้ก็เห็นข้อดีของการรวบรวมพันธมิตรเรือแล้ว เรือหกลำมาประจำตำแหน่งในทะเลแถบนี้ก็ล้อมไว้เสียจนแน่นหนา เรือลำอื่นแล่นเข้ามาไม่ได้ อย่างมากก็ได้แต่ปล่อยที่ดักกุ้งอยู่รอบนอก
เพิ่งจะปล่อยที่ดักกุ้งไป ฉินสือโอวเป็นห่วงว่าเรือที่อยู่รอบนอกจะจนตรอก ไม่กล้าออกไปจับปลา เขาบอกกับกัปตันทั้งห้าให้คอยดูสายเคเบิลของตัวเอง ระวังเรือวงนอกจะทำพัง
ไม่ต้องให้เขาเตือนกัปตันทั้งห้าก็เตือนกัปตันเรือพวกนั้นในช่องวิทยุสาธารณะไปเรียบร้อยแล้ว อย่าเข้าใกล้ในระยะสองกิโลเมตร ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าหาเรื่อง
ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่กลัวเรื่องตีกันแล้ว กลุ่มพันธมิตรเรือเป็นพันธมิตรที่ไม่แนบชิดกัน แต่ต่อให้ไม่แนบแน่นแค่ไหนก็ยังเป็นพันธมิตรอยู่ดี
ในขณะที่เรือลำอื่นๆ เป็นแค่กลุ่มกระจัดกระจาย ในนั้นมีคนที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ถ้ากลุ่มเรือจะโจมตีเรือลำไหน เรือลำอื่นจะดูเฉยๆ ไม่เข้ามาช่วย
กัปตันทุกคนเข้าใจถึงหลักการนี้ดี ฉะนั้นพวกเขาจะไม่แล่นเข้ามาในเขตทำงานของเรือฮาวิซทโดยพลการเหมือนเรือในช่วงก่อนหน้านี้
…………………………………………
บทที่ 457 พันธมิตรเรือแนวนอน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ที่ดักกุ้งลงทะเลไป ฉินสือโอวก็นอนลงไปอีก คนว่างอยู่ แต่จิตสำนึกโพไซดอนไม่ได้ว่าง ควบคุมฝูงกุ้งมังกรสองฝูงต่อจากบอลหิมะและไอซ์สเกต เขาให้ทั้งสองตัวเริ่มไปหาฝูงปลา
ปลาอื่นไม่เอา เอาแต่ปลาแฮดดัค จำนวนเยอะ ราคาค่อนข้างสูง ทำเงินได้เร็ว
ดูฝูงกุ้งมังกรทั้งสอง ฉินสือโอวส่ายหน้า ฝูงค่อนข้างเล็ก แถมระยะไกลนิดหน่อยแล้ว กุ้งทั้งสองห่างกันหนึ่งร้อยห้าสิบกว่ากิโลเมตร ขับเรือประมงไปต้องใช้เวลาสามสี่ชั่วโมง
หลังจากการออกทะเลคราวที่แล้ว เหล่าชาวประมงก็ชินกับการทำเงินแบบว่างๆ
บูลยืดตัวสองสามครั้งแล้วพูดขึ้น “ครั้งแรกที่ออกทะเลไม่ต้องทำงาน ไม่ค่อยชินจริงๆ แฮะ”
พ่อครัวชาร์ลเมอร์คาบบุหรี่แล้วพูดกลั้วหัวเราะ “นายอยากยุ่งขนาดนั้น งั้นก็ไปหาเรื่องทำให้ยุ่งสิ”
บูลพูดอย่างภูมิใจ “ให้ฉันไปยุ่งที่ไหน? เรือฮาวิซทเป็นเรือใหม่ เครื่องยนต์ก็ใหม่เอี่ยม ดาดฟ้าเรือกับห้องแช่ก็สะอาดสะอ้าน ช่วยบอกฉันทีสิชาร์ลเมอร์หัวล้าน ว่าฉันควรไปทำอะไรดี?”
ชาร์ลเมอร์โดนบูลสวนจนพูดไม่ออก เห็นอีวิลสันเดินผ่านมาเลยพูดขึ้น “ง่ายจะตาย ไปตีกับอีวิลสันสักรอบหนึ่งสิ!”
สีหน้าของบูลเปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมา “อย่าพูดมั่วๆ นะ เจ้าเด็กนี่มันทึ่ม! ให้ตายสิ อย่ามาพูดมั่วๆ นะ!”
ถ้าชาร์ลเมอร์พูดประมาณว่าถ้านายกระทืบบูลสักที ฉันจะทำอาหารมื้อใหญ่เลี้ยง งั้นพวกบูลรอโดนกระทืบได้เลย
บูลไม่ถือว่าตัวเล็ก เกือบๆ จะถึงหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตร รูปร่างสูงใหญ่ บึกบึน เมื่อก่อนนี้ฉินสือโอวเจอคนผิวขาวสูงใหญ่แบบนี้ต้องตัวสั่นแน่นอน
แต่อีวิลสันยิ่งกว่านั้น เขามีความสูงสองเมตรหนึ่งที่น่ากลัวอยู่แล้ว โครงสร้างกระดูกใหญ่ หลังจากที่มาที่ฟาร์มปลาก็มีของกินดีๆ สารอาหารครบครัน ไม่มีอะไรทำก็ไปทำงานที่ท่าเรือ ตอนนี้เขาตัวโตเป็นยักษ์ไปแล้ว!
“ชาร์ลเมอร์ อีวิลสันหิวแล้ว กินอะไรได้บ้าง?” อีวิลสันถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ชาร์ลเมอร์ยิ้มร้ายไปทางบูลแล้วพูดขึ้น “นายอยากกินวัวตัวหนึ่งไหม? เนื้อวัวตัวผู้ อร่อยมาก”
อีวิลสันไอคิวต่ำ แต่ไม่ได้ปัญญาอ่อน เขากะพริบตามองบูลแล้วเอ่ยถาม “หมายถึงวัวเลี้ยงตัวผู้ หรือบูลเพื่อนรักของเรา?”
ได้ยินคำของอีวิลสัน บูลก็ซาบซึ้งรีบเข้าไปกอดอีวิลสัน ที่แท้ในใจของยักษ์ติ๊งต๊องคนนี้ก็มองเขาเป็นเพื่อนรัก
ฉินสือโอวมองพวกเขาเล่นกันพลางยิ้มไป แลนซ์ที่กำลังเล่นไพ่ในมือเดินมาถาม “กัปตัน เล่นไหม?”
“คู่มือลูกเรือข้อ เอ่อ ข้อสิบใช่ไหม?” ฉินสือโอวถาม
“ห้ามเล่นพนัน” แลนซ์ยักไหล่ “แต่พวกผมฆ่าเวลาแสนน่าเบื่อได้”
ชาวประมงเป็นพวกที่ชอบการพนันที่สุด การพนันสำคัญเยี่ยงชีวิต พวกเขาหาเงินได้ไม่ง่าย แต่ชีวิตบนทะเลน่าเบื่อหน่ายก็เลยชอบเล่นไพ่กัน เล่นไปเล่นมาก็เล่นจนเงินหมด
และเงินที่พวกเขาได้ก็มักจะเป็นเงินของเพื่อน ไม่ว่าจะสนิทกันแค่ไหน พอเสียเงินอย่างไรก็ต้องรู้สึกไม่ดีบ้าง หลายครั้งเข้าก็ส่งผลกระทบต่อความสามัคคีของทีม
ฉินสือโอวโบกมือให้พวกเขาไปเล่นกันเอง เขารอรายงานจากไอซ์สเกตกับบอลหิมะ ขอแค่มีฝูงปลาปลาแฮดดัค ก็โจมตีเลย
ตอนนี้ทรัพยากรประมงของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์หดหายอย่างมาก ฝูงปลาแฮดดัคไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ที่บอลหิมะกับไอซ์สเกตหาเจอก็เล็กเกินไป เรือประมงหนึ่งลำไปจับไม่คุ้ม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพันธมิตรเรือ
ไม่มีตัวเลือกที่ดีก็จับกุ้งอยู่นี่แหละ
ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่ต้องลงไปทำงานเอง ก็เก็บที่ดักกุ้งครึ่งวันครั้งอีก จำนวนของกุ้งมังกรแถวนี้มีไม่น้อย จับครั้งแรกก็ได้กุ้งสามร้อยกว่าตัว ส่วนมากตัวค่อนข้างใหญ่ ถึงสี่ร้อยปอนด์แน่นอน
เรือประมงที่วงนอกก็มีบางลำที่เรียนรู้และเก็บที่ดักกุ้งตาม จุดที่พวกเขาอยู่กุ้งมังกรค่อนข้างกระจายตัว แต่เฉลี่ยแล้วที่ดักกุ้งหนึ่งอันมีกุ้งสักตัวแน่ๆ
ท้องทะเลในฤดูหนาวนั้นอาหารไม่อุดมสมบูรณ์ ขอแค่เจอที่ดักกุ้งที่แขวนพวกเครื่องในสัตว์หรือปลาหมึก พวกมันต้องมุดเข้าไปแน่ๆ
สำหรับเรือห้าลำที่ล้อมอยู่ นี่เป็นการเก็บเกี่ยวแน่นอน ในขณะที่เก็บที่ดักกุ้งไปก็มีคนร้องตะโกนในวิทยุเข้ารหัส
อยู่ที่เขตทะเลนั้นหนึ่งวันหนึ่งคืน ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยเล่นเกมอ่านนิยาย
ครั้งนี้ตอนที่เทียบท่า ฉินสือโอวให้แลนซ์ไปซื้อเอกซ์บอกซ์ 360 กับพวกแผ่นเกมอย่างคอลล์ ออฟ ดิวตี้ เนชันแนล แมชชีน แน่นอนว่ามีแต่ของแท้ทั้งนั้น
เมื่อก่อนตอนที่ฉินสือโอวยังอยู่ที่จีนก็เคยได้ยินว่าอเมริกากับแคนาดาให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญา ฟังเพลงดูหนังเล่นเกมก็ต้องจ่ายเงินทั้งนั้น
แต่ที่จริงพอหลังจากที่มาที่นิวฟันด์แลนด์ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย การละเมิดลิขสิทธิ์มีอยู่ให้เห็นได้ทั่วไป อย่างเช่นในเครื่องเล่นพกพาของพวกชาวประมงก็มีแต่เพลงที่โหลดมาแบบผิดลิขสิทธิ์ทั้งนั้น
เพียงแต่เทียบกับจีนแล้วก็หนักกว่าจริงๆ เพลง หนัง และเกมที่ออกมาใหม่มีแต่ของแท้ ของละเมิดลิขสิทธิ์มีแต่ของเก่า
เรียกพวกบูลและคนอื่นๆ มาด้วย ฉินสือโอวเปิดเกมสงครามมฤตยูวันสิ้นโลกที่ เป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
เกมสงครามมฤตยูวันสิ้นโลกขายดีมากในอเมริกาเหนือ เพราะระบบเป็นแบบยุคใหม่ อาศัยปุ่มง่ายๆ ก็สามารถบังคับท่าต่อสู้สุดเท่และยังสามารถรวมยุทธวิธีหลากหลายเข้าด้วยกันด้วย
บูลเงยหน้าตะโกนออกมาตามเกมที่เปิดขึ้น และเสียงดนตรีอันคุ้นหู “ออกโจมตีกับฉันนักสู้ทั้งหลาย! ให้ไอ้พวกเดรัจฉานตัวตลกมันไปตายซะ!”
ฉินสือโอวกำลังเล่นเป็นโดมินิค ซานติเอโก นักรบผู้อยู่ยงคงกระพัน เขาเองก็ร้องตะโกนอยู่เช่นกัน “ฉันสู้เพื่อเมียฉัน! ฉันสู้เพื่อครอบครัวของฉัน! ตายในสนามรบ จัดการไอ้พวกเดรัจฉานให้สิ้นซาก!”
ชาวประมงที่มุงดูกันอยู่ร้องตะโกนกันระงม คนผลัดกันเล่นเป็นแถว ไม่ว่าจะเล่นได้ดีไหมก็ได้เล่น
เก็บที่ดักกุ้งมาสี่รอบติด บนเรือฮาวิซทก็มีกุ้งมังกรตัวโตหนึ่งพันห้าร้อยปอนด์ขึ้นมาทันที ผลการรบครั้งนี้ไม่เลว รวบรวมพันธมิตรเรือออกทะเลด้วยกันนี่ดีจริงๆ
เรืออีกห้าลำก็พอใจมาก พวกเขาไม่ได้อะไรเยอะขนาดนั้น แต่ถึงแปดร้อยปอนด์แน่ๆ เมื่อก่อนไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ! นี่แค่หนึ่งวันหนึ่งคืนเอง!
ตอนเช้าหลังจากที่โยนที่ดักกุ้งลงทะเลไปแล้ว ในที่สุดฉินสือโอวก็ได้รับสัญญาณที่ไอซ์สเกตส่งมา เจอฝูงปลาแฮดดัคขนาดใหญ่ฝูงหนึ่ง ประเมินคร่าวๆ แล้วน่าจะถึงสามสี่สิบตัน
เอาที่วัดลอยตัวบนเรือลงน้ำไป เครื่องนี้เชื่อมกับจีพีเอสด้วย ทำให้ตั้งพิกัดเรือได้สะดวก หลังจากนั้นฉินสือโอวก็เรียกกัปตันอีกห้าคนผ่านวิทยุไร้สาย พอหันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ก็เร่งความเร็ว
ฝูงปลาแฮดดัคห่างจากจุดที่พวกเขาอยู่ไปประมาณหกสิบกว่ากิโลเมตร ความเร็วยี่สิบนอตต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่งถึงจะไปถึง
ปลาแฮดดัคพวกนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำทะเล พวกมันเป็นปลาหน้าดินที่ไม่ถนัดในการว่ายน้ำระยะทางไกล เรื่องนี้ช่วยผ่อนแรงของพวกฉินสือโอวได้เยอะ ฉินสือโอวจะทำการสั่งการแล้ว
ภายใต้การสั่งการของเขา เรือทั้งหกลำรวมถึงเรือฮาวิซทก็เรียงกันในแนวนอน จากนั้นก็ไล่ตามฝูงปลาด้วยความเร็วยี่สิบนอตเหมือนกัน
เรือประมงทั้งหกลำห่างกันสองกิโลเมตร แบบนี้อวนที่อยู่ใต้น้ำสามารถเปิดออกได้เต็มที่พอดีและไม่พันกันเอง เรือประมงแล่นไป จู่โจมฝูงปลา
…………………………………………
บทที่ 458 เรือหรู
โดย
Ink Stone_Fantasy
ด้านหลังพันธมิตรเรือก็มีเรือบางลำที่ตามมา แต่เรือประมงทั้งหกเรียงกันถี่เกินไป พวกเขาเลยได้แต่มองดูอย่างร้อนใจอยู่ข้างหลัง เข้ามาเอาส่วนแบ่งกับเขาไม่ได้
ก่อนนี้ฉินสือโอวจับปลาไม่ได้ ไม่ใช่เพราะปลาน้อยไปหรือเรือหาปลาเยอะเกินไป เพราะทุกคนไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน สถานการณ์ดีขนาดไหนก็ยุ่งวุ่นวายได้
เรือประมงทุกลำล้วนมีเครื่องโซนาร์สำหรับหาปลา ถ้าอยู่ห่างเครื่องนี้ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าใกล้ในรัศมีสามสี่กิโลเมตรคลื่นโซนาร์ก็จะตรวจจับฝูงปลาแล้วแสดงผลบนหน้าจอเพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาพของฝูงปลา
พอเจอฝูงปลา เหล่าชาวประมงก็ล้วนบ้าขึ้นมา ทุกคนต่างกังวลว่าอีกฝ่ายจะชิงลงมือก่อนแล้วตัวเองจับไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างก็เร่งปล่อยอวนกัน แบบนี้ที่ไหนๆ ก็มีแต่คนปล่อยอวน เวลาที่ปล่อยก็ไม่เหมือนกัน ฝูงปลาพอตกใจก็จะกระจายไปทั่ว สุดท้ายใครก็จับไม่ได้
แต่พันธมิตรเรือไม่เหมือนกัน เรือหกลำร่วมมือกัน อวนต่อกันเป็นแนวเส้นตรง แบบนี้สุดท้ายแล้วตอนเจอฝูงปลาพวกมันก็ตกใจว่ายหนีอยู่ดี แต่ที่หนีไปได้จะมีแค่ปลาที่อยู่ริมๆ ทั้งสองด้านของฝูง ไม่ว่าจะว่ายไปด้านหน้าหรือถอยหลัง สุดท้ายปลาพวกนี้ก็เข้าอวนอยู่ดี
ฉินสือโอวคุมอยู่ตรงกลางพลางขอให้กัปตันทั้งสองข้างใจเย็นๆ พวกกัปตันดูดบุหรี่เข้าปากกันแทบเป็นแทบตายถึงใจเย็นลงได้
ขอทีเถอะ ตอนนี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเงินดอลลาร์แคนาดาเป็นกองเลยนะ แม้ว่าจะยังประเมินชนิดของปลาแบบเฉพาะเจาะจงไม่ได้ แต่ความเป็นไปได้ที่จะเป็นปลาค็อดเยอะที่สุด ต่อให้ไม่ใช่ปลาค็อดปลาซาบะ ก็ยังได้สักหมื่นสองหมื่น ก็ดีมากๆ แล้ว!
จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมอยู่ใต้น้ำ ในตอนนั้นเอง ฉากอลังการกำลังจะเริ่มแล้ว
ก่อนอื่นเรือประมงก็ขับไปที่แถบทะเลด้านบนของฝูงปลา ในตอนนั้นอวนที่ลากมาด้านหลังยังไม่ถึง ฉะนั้นฝูงปลาเลยยังไม่ได้ตกใจ ยังคงว่ายจับกลุ่มกันเหมือนเดิม
ฝูงปลาแฮดดัคหนาแน่นตั้งแต่ก้นทะเลไปจนถึงยี่สิบกว่าเมตรด้านบน และยื่นไปด้านหน้าหลายกิโลเมตร ภายในอาณาเขตนั้นมีแต่ปลาค็อดตัวอ้วน
ตอนนั้นที่คนยุโรปเจอเกาะนิวฟันด์แลนด์ ว่ากันว่าสามารถเหยียบปลาค็อดขึ้นฝั่งได้ อาจฟังดูเกินจริง แต่ตอนนี้ที่ดูจำนวนของฝูงปลาแฮดดัคก็คงว่าแบบนั้นได้จริงๆ!
หลังจากเรือประมงมาอยู่ตรงแถบทะเลด้านบนตรงท้ายฝูงปลา ฉินสือโอวก็ให้สัญญาณเรือดาบคมกับเรือป๊อปอายที่อยู่ทั้งสองด้านให้เร่งเครื่อง แบบนี้อวนที่ต่อกันก็เปลี่ยนจากเส้นตรงเป็นเส้นโค้ง ล้อมฝูงปลาไว้ได้หมด
เรือประมงที่ตามอยู่ข้างหลังก็เริ่มรับรู้ถึงฝูงปลาจากหน้าจอ ตาของเหล่าชาวประมงต่างแดงกันหมด แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเรือประมงทั้งหกขวางทางจับปลาไว้หมดแล้ว เว้นแต่ว่าพวกเขาจะอ้อมไปอีกทาง
แต่ว่า ด้วยเวลาแล้วก็ไม่ทันอยู่ดี…
เข้าไปใกล้ฝูงปลา จู่ๆ เรือประมงก็เร่งเครื่องไปที่ยี่สิบนอต พอแบบนี้อวนก็ลากขยับไวขึ้นฉับพลันจนรบกวนปลาค็อด
แต่ตอนนี้ปลาค็อดอยากจะหนีก็ไม่ทันแล้ว นอกจากปลาตรงขอบทั้งสองและปลาที่หลุดจากอวน ปลาแฮดดัคที่เหลือล้วนเข้าอวนไปอย่างจนใจ
ต่อให้รอดไปได้ ปลาแฮดดัคก็ไม่มีทางรอดชีวิต เพราะด้านหลังยังมีเรือประมงสิบกว่าลำที่กางตาข่ายมรณะไว้แล้ว
จิตสำนึกโพไซดอนอยู่ในน้ำ ฉินสือโอวเป็นพยานในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ อนาถ โหด เหี้ยม!
มนุษย์ช่างเป็นปรปักษ์ของสิ่งมีชีวิตจริงๆ!
แน่นอนว่าพูดแบบนี้ก็ออกจะเสแสร้งไปนิด อย่างไรเสียปลาแฮดดัคก็มีจำนวนมาก ฉินสือโอวคนเดียวจับไปแค่กว่าสิบตันไม่มีผลกระทบอะไรกับสถานะการอยู่รอดของพวกมัน ที่ส่งผลกระทบต่อปลาทะเลจริงๆ คือการจับปลามากเกินความจำเป็นและมลภาวะทางทะเล!
ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเก่ามานั่งเสียความรู้สึกในตอนนี้ ครั้งนี้จำนวนฝูงปลาเยอะ เขาดูที่อวนก็พบว่าอัดเต็มไปด้วยปลาแฮดดัคเลยติดต่อเหล่ากัปตันผ่านวิทยุไร้สายให้พวกเขารีบเก็บอวนแล้วทำขั้นตอนต่อไป
ในตอนนั้น เรือประมงก็เร่งความเร็วเพียงประมาณยี่สิบนาที ต่างกับเวลาสี่สิบนาทีตามหลักการของการเก็บอวนแค่ครึ่งเดียว กัปตันคนอื่นสงสัย ไม่กล้าเก็บอวนในทันที
ฉินสือโอวไม่สนใจ อย่างไรฉันก็เตือนไปแล้ว พวกนายไม่เก็บก็เป็นความเสียหายของพวกนาย
ทางเรือฮาวิซท พอฉินสือโอวบอกให้เก็บอวน แลนซ์ก็คุมเครื่องให้ค่อยๆ เก็บอวนขึ้นมาผ่านลูกรอก
ชาร์ลเมอร์ไปเปิดประตูช่องแช่ พออวนถูกยกขึ้นมาที่ปากประตูแล้วกางอวนออกก็อย่างกับพายุเข้า ปลาแฮดดัคอวบอ้วนก็ร่วงลงไปเป็นตับจนอัดแน่นเต็มช่องแช่หนึ่งช่อง อย่างน้อยสี่ตัน!
เทปลาค็อดออกมา เหล่าชาวประมงก็กรูกันเข้าไปเก็บอวนให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้นัดหมาย หลังจากนั้นก็โยนกลับลงทะเลอีก เริ่มการลวกอวนยกที่สอง
เรือประมงรอบข้างเห็นเรือฮาวิซทได้ผลเก็บเกี่ยวงามเลยรีบเก็บอวน พอเป็นแบบนี้ ตอนเก็บอวนเรือประมงต้องลดความเร็วจนหยุดลง เรือห้าลำนั้นไม่ได้เก็บอวนในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าไม่มีทางรักษาตำแหน่งให้เป็นระเบียบได้
แต่เรือฮาวิซทไม่เสียเปรียบ เพราะตอนนี้พวกเขานำอยู่ข้างหน้า อวนที่สองฉินสือโอวลากไปสี่สิบนาทีถึงเก็บ แม้ว่าเวลาจะเพิ่มมาเท่าหนึ่ง แต่ปลาแฮดดัคที่ได้มาก็ไม่เท่ากับครั้งแรก
ส่วนเรืออีกห้าลำ อวนที่สองได้สักครึ่งหนึ่งของอวนแรกก็ไม่เลวแล้ว พอเรือประมงเดินเรือด้วยความเร็วเดียวกันไม่ได้ งั้นแนวป้องกันก็มีช่องโหว่ ปลาค็อดก็หนีไปได้
แบบนี้ก็ไม่เลว ฉินสือโอวไม่อยากจะฆ่าปลาพวกนี้ให้ตายทั้งหมด
สองหมื่น ได้ปลาแฮดดัคมาเจ็ดแปดตัน พวกชาวประมงเรือฮาวิซทพากันโห่ร้องดีใจ ในช่องวิทยุสาธารณะ เหล่ากัปตันด้านหลังกลับร้องอย่างร้อนใจ
“นี่เพื่อน ปรานีกันหน่อยสิ เหลือส่วนแบ่งไว้ให้เราบ้าง โอเคไหม?”
“พระเจ้า! พวกแกโหดกันไปแล้ว พวกแกจะจับปลาให้หมดอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เลยหรือไง?”
“ไม่! ทำไมฉันไม่เข้าร่วมพันธมิตรของเรือฮาวิซทกันนะ! ตอนนั้นฉันต้องสมองพิการแน่! ต้องเป็นแบบนั้นแน่!”
การจะเจอฝูงปลาแฮดดัคใหญ่ๆ แบบนี้ต้องใช้โชค โชคของเรือฮาวิซททำให้เหล่ากัปตันต่างอิจฉา เกรงว่าหลายปีมานี้พวกเขาก็คงจะไม่เจอฝูงปลาใหญ่แบบนี้
แน่นอนว่า ฉินสือโอวต่อให้มีบอลหิมะกับไอซ์สเกตที่เป็นหมาล่าเนื้อแห่งท้องทะเลทั้งสองก็ต้องใช้เวลาสิบกว่าวันถึงจะเจอได้แบบนี้ หลายวันหลังจากนี้ไม่มีทางหาฝูงปลาใหญ่แบบนี้ได้อีกแล้ว
ฝูงปลาแฮดดัคกระจายไปคนละทิศละทาง อยู่ต่อก็ไม่มีประโยชน์ ฉินสือโอวเตรียมกลับ
ในตอนนั้นจิตสำนึกโพไซดอนก็เจอสิ่งใหม่ที่ก้นทะเล ฝูงปลาแฮดดัคกระจายตัวกัน เรืออับปางลำหนึ่งเผยออกมา
เรืออับปางใต้ทะเลเยอะมากๆ ฉินสือโอวเจอหลายรอบแล้ว แต่ที่ใช้ได้ก็มีไม่เยอะ ของส่วนมากในเรืออับปางโดนน้ำทะเลกัดไม่ก็โดนสัตว์น้ำทำลายไปหมดแล้ว
เรืออับปางลำนี้ก็เป็นเรือไม้ ความยาวประมาณเจ็ดแปดสิบเมตร แบบเรือใหญ่โต ต่อให้ทุกวันนี้จมอยู่ใต้ทะเลนานหลายร้อยปี ตัวเรือผุพังโอนเอน แต่ยังคงเห็นได้ว่ามันเคยยิ่งใหญ่มาก่อน
ฉินสือโอวสังเกตดูอย่างละเอียดครู่หนึ่ง เรือลำนี้ในตอนที่ยังคงแล่นอยู่ในทะเลคงจะยิ่งใหญ่น่าดู ต่อให้ผุขนาดนี้แต่ก็ยังคงพอจะเห็นได้ถึงสีที่เคยสวยประณีต
นอกนี้หลายๆ จุดอย่างตรงท้ายเรือ เสาเรือและประตูล้วนสลักอย่างประณีต ไม้กระทุ้งที่หัวเรือเป็นหัวเสือที่ล้อมเป็นวงกลม ถ้ากวาดสาหร่ายที่เกาะอยู่ออก ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน
จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปภายในเรือลำนั้น ของข้างในแทบจะเสียไปหมด แต่ตรงช่องแช่แข็งเจอหีบใหญ่ที่วางกระจัดกระจายมากมาย
หีบเหล่านี้เชื่อมติดกันไปแล้วด้วยเหตุเพราะสาหร่าย ลายที่ยังเห็นได้ชัดดูสวยงามแบบโบราณ เห็นได้ชัดว่าของข้างในคงไม่ธรรมดาแน่
………………………………………………….
บทที่ 459 ยุ่งเหยิงไปหมด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนนี้ที่ฉินสือโอวเห็นหีบสมบัติเรืออับปางก็ตื่นเต้นตามความเคยชิน ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เห็นหีบในช่องแช่ เขาก็รู้สึกว่าเงินดอลลาร์นับไม่ถ้วนกำลังโบกมือให้เขาอยู่
ดูความประณีตโอ่อ่าหรูหราของเรือใหญ่ลำนี้ก็รู้ว่าของข้างในต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนทำลายฝาอันผุพังของหีบสมบัติอย่างคาดหวัง ของข้างในเผยตัวออกมา เครื่องลายครามเป็นกองเลย!
ตลอดเวลามานี้ ฉินสือโอวเคยเจอรูปปั้นในทะเล เจอรูปวาด แต่ไม่เคยเจอเครื่องลายครามเลย
ต้องรู้ว่าขอแค่ย้อนเวลาไปสักร้อยปี เครื่องลายครามทั้งหมดโดยเฉพาะเครื่องลายครามจีนล้วนแล้วแต่มีราคาทั้งนั้น เรือลำนี้ดูที่พิกัดและหน้าตาก็รู้แล้วว่าไม่ใช่เรือจีน แต่ยุโรปสมัยใหม่ก็มีเครื่องลายครามมูลค่าสูงมากมาย
พอคิดแบบนี้ ฉินสือโอวมีความสุขจนน้ำตาแทบไหล
ปรากฏว่าพอเขาดูดีๆ ก็พบว่าตัวเองร้องไห้จริงๆ เพราะเครื่องลายครามในหีบสมบัตินี้แตกไปหมดแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าราคาของเครื่องลายครามพวกนี้คงจะไม่ต่ำแน่ๆ ในหีบมีกระดาษหนังวัวกับหนังกวางนุ่มนิ่มหนาๆ ห่อไว้อยู่ แต่ตอนที่เรืออับปางกระแทกก้นทะเลแรงเกินไป เครื่องลายครามเลยโดนกระแทกจนแตกอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพียงแต่เรื่องดีก็คือ ในที่สุดฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าเรือลำนี้ชื่อว่าอะไร ชื่อว่า ‘ราชาแห่งท้องทะเล’ น่าจะเป็นเรืออังกฤษอับปาง บนเครื่องลายครามก็ใช้ตัวหนังสือภาษาอังกฤษพิมพ์ชื่อเรืออยู่ด้วย
ฉินสือโอวไม่ตายใจ เขาเปิดหีบออก เครื่องลายครามในนั้นมีหลากหลายแบบ บางอันก็มีขอบทอง บางอันก็สีสันสดใส ไม่มีเครื่องลายครามสักอันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่ดีที่สุดก็แตกเป็นสองเสี่ยง น่าเสียดายจริงๆ
ต้องรู้ว่าเครื่องลายครามพวกนี้ในตอนนั้นถูกดูแลอย่างดี แค่ดูที่ผิวซึ่งยังคงเงาวับเหมือนใหม่ทั้งที่แช่น้ำทะเลมานานหลายร้อยปีก็รู้แล้วว่าคุณภาพดีแค่ไหน บางทีนี่อาจจะเกี่ยวกับหนังกวางกันน้ำที่ห่อมันอยู่ก็ได้ แต่นี่ก็อธิบายได้ว่าเครื่องลายครามพวกนี้เป็นของดีคุณภาพสูง
ค้นอย่างละเอียดอีกรอบหนึ่ง ของในเรือเยอะมาก ยังมีเครื่องเงินและทองอีก แต่ว่าพลังของเวลาก็น่ากลัวมาก การกัดกร่อนของน้ำทะเลกับสาหร่ายที่พันอยู่ทำให้พวกมันไม่เหลือสภาพเดิม ไม่มีมูลค่าอะไรแล้ว
ไม่ได้อะไรกลับมา ฉินสือโอวได้แต่กลับขึ้นผิวน้ำ ปลาแฮดดัคจับเสร็จแล้ว กลับท่าได้แล้ว
เขาก็ยังไม่ถอดใจกับเครื่องลายครามในเรืออยู่ดี กะจะกลับไปปรึกษากับบิลลี่แล้วก็เบลคดูว่าพอจะสามารถซ่อมเครื่องลายครามแตกพวกนี้ได้ไหม
เหตุเพราะเรืออับปางที่เจอดูเหมือนจะไม่ค่อยมีมูลค่า ฉินสือโอวก็เลยเซ็ง ไม่ตื่นเต้นเหมือนกับพวกชาวประมง เขานั่งดูผิวน้ำทะเลเงียบๆ ที่หัวเรือ เจ้าของเรือคนอื่นๆ เห็นท่าทางเขาแบบนั้นก็พากันยกนิ้วโป้งให้ ท่าทาแบบนี้มีความลึกซึ้ง มีความหมายแฝง
หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป เรือประมงกลับไปจุดที่วางที่ดักกุ้งไว้ ฉินสือโอวมองดูก็ถลึงตาโดยพลัน เฮ้ย หรือว่าเรามาผิดที่? นี่มันที่ไหน ทำไมทุ่นลอยเยอะขนาดนี้?
บนผิวน้ำสุดลูกหูลูกตา ทุ่นลอยหลากสีหลักร้อยอันลอยไปตามแรงคลื่น ทุ่นพวกนี้สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายราวกับดวงตามากมายหลายคู่ที่กะพริบตามาทางฉินสือโอว…
“ให้ตายเถอะ!” พอเห็นแบบนี้ชาวประมงทั้งหมดก็อดด่าออกมาไม่ได้
ไม่ต้องเดา ทุ่นเหล่านี้ต้องเป็นสัญลักษณ์ทุ่นที่ดักกุ้งของเรือประมงลำอื่นแน่ๆ พวกเขาถือโอกาสที่พันธมิตรเรือฮาวิซทไม่อยู่เอาที่ดักกุ้งของตัวเองปล่อยลงในทะเลแถบนี้ด้วย แถมยังกินเนื้อที่ของเรือฮาวิซทแบบหน้าไม่อายอีก
บนพื้นดินก็มีกฎของพื้นดิน ทะเลมีกฎทะเล ไปที่ไหนก็ต้องมีกฎ
กฎของการจับกุ้งมังกรก็คือ ขอแค่เป็นแถบทะเลสาธารณะ ใครโยนทุ่นลงมาก่อน อย่างน้อยเขตทะเลรัศมีสี่ห้ากิโลเมตรก็ถือเป็นเขตของเขา คนอื่นจะวางที่ดักกุ้งไม่ได้
ที่ดักกุ้งล้วนต้องใช้สายเคเบิลยาวๆ ผูกไว้ เพราะน้ำทะเลเคลื่อนอยู่ตลอด ฉะนั้นเชือกเลยไม่ได้อยู่กับที่ ถ้าเชือกใกล้กันเกินไปก็จะพันกันได้ง่าย พอตอนที่เก็บที่ดักกุ้งขึ้นเรือก็จะทำให้เชือกไม่ได้รับแรงจนขาด
เมื่อก่อนไม่มีใครแหกกฎนี้ ฉินสือโอวก็ไม่ได้คิดมาถึงด้านนี้ ตอนนั้นเขาห่วงแค่ว่าชาวประมงคนอื่นๆ โยนที่ดักกุ้งไว้ใกล้เกินไป ที่ไหนได้ ชาวประมงพวกนี้ไม่ใช่แค่ใกล้ แต่เอาที่ดักกุ้งมารวมกันไว้เลยต่างหาก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผลงานของพันธมิตรเรือฮาวิซททำให้คนพวกนี้บ้าคลั่งไปเลยจนพวกนั้นเกิดความคิดอย่างถ้าฉันไม่ได้กุ้งมังกรพวกแกก็อย่าคิดจะได้ไป
ไม่ว่าจะว่าอย่างไร คนพวกนี้ก็ล้ำเส้นไปแล้ว ฉินสือโอวโกรธทันที นอกจากคำว่ารังแกกันเกินไปจะเรียกว่าอะไรได้อีก?
“ให้ตายเถอะ ทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้! เห็นความอ่อนน้อมของฉันเป็นความอ่อนแอใช่ไหม? ให้ความเกรงใจแล้วเหยียบหัวกันใช่ไหม? เห็นฉันรังแกง่ายใช่ไหม?” ฉินสือโอวตะคอกใส่ช่องวิทยุสาธารณะอย่างกราดเกรี้ยว “เก็บที่ดักกุ้งตอนนี้เลย! แม้แต่สายที่พันสายเคเบิลเราก็ตัดทิ้งไปให้หมด!”
หลังจากที่เตือนจบ ฉินสือโอวก็โยนวิทยุในมือทิ้งไป ให้บูลกับแลนซ์ไปเก็บที่ดักกุ้ง
เลี่ยงยาก เชือกของที่ดักกุ้งพันกับเชือกของที่ดักอันอื่น กำลังมอเตอร์แรงมากเลยควบคุมไม่ได้ มันดึงเชือกตามกำลังคงที่ พอเชือกพันกันเสียดสีไม่กี่ครั้งก็ขาด
เห็นเชือกที่ขาดไป บูลก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “กัปตัน เล่นไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนนี่ให้ตายเลยเถอะ! ต้องสั่งสอนเจ้าพวกงั่งนี่สักหน่อยแล้ว!”
ชาร์คเข้ามาห้ามบูลกับฉินสือโอวที่กำลังจะระเบิดอย่างสุขุมแล้วพูดอย่างใจเย็น “บอส อย่าเพิ่งใจร้อน ยังเหลือปลายเชือกอีกข้าง เราเริ่มจากตรงโน้น เราใช้คนลาก ดึงที่ดักกุ้งขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน”
เพื่อที่จะกันไม่ใช้เชือกปลายหนึ่งขาด ฉะนั้นที่ดักกุ้งล้วนมีสายเคเบิลสอดผ่านตรงกลาง ทั้งสองปลายของเชือกผูกทุ่นไว้ด้วย ปลายหนึ่งขาดไปก็ดึงจากอีกปลายได้ เป็นหลักประกันสองชั้น
แต่ตอนนี้เชือกด้านหนึ่งขาดไปแล้ว อีกด้านเลยต้องระวัง ไม่อย่างนั้นถ้าขาดอีกก็ไม่มีทางงมที่ดักกุ้งขึ้นมาแล้ว
เชือกปลายนี้ก็พันกัน เพียงแต่ฉินสือโอวไม่กลัว เขาเตรียมไว้แล้ว จิตสำนึกโพไซดอนหาจุดที่เชือกพันเป็นปม ควบคุมกระแสน้ำให้ไหลเข้าไปเพื่อแก้ปมที่พันไม่ค่อยแน่นจนสามารถเก็บที่ดักกุ้งขึ้นมาได้ปกติ
ผลงานที่ได้มายังคงไม่เลว ในที่ดักกุ้งสี่สิบอันมีกุ้งมังกรทั้งหมดหกสิบกว่าตัว นั่นทำให้ความโกรธของเหล่าชาวประมงบรรเทาลงบ้าง ทุกคนทำท่าโมโหพร้อมจะกระทืบคนแล้ว
ฉินสือโอวคิดวิธีเอาคืนไว้เรียบร้อยแล้ว เขาเลยไม่โกรธแล้ว สั่งให้ชาร์คหาที่ดักกุ้งอีกสี่อัน จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงขึ้นมาทีละอัน
เหล่าชาวประมงสาวเก็บที่ดักกุ้งอยู่ข้างนอก ฉินสือโอวเข้าไปในห้องคนขับเพื่อถามกัปตันอีกห้าคน สภาพของพวกเขาแย่กว่า เพราะพวกเขาไม่ได้มีจิตสำนึกโพไซดอนที่ช่วยแก้ปมเชือก เรือดาบคมเสียที่ดักกุ้งไปหนึ่งตับแล้ว
ฉินสือโอวปลอบใจพวกเขา แต่ไม่ได้ใช้จิตสำนึกโพไซดอนเข้าช่วย พวกเขาเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน เขาก็ไม่ใช่แม่ชี เรื่องบางเรื่องเขาไม่จำเป็นต้องยุ่ง
เรือฮาวิซทเก็บที่ดักกุ้งกลับมาได้ก่อน เอากุ้งมังกรทั้งหมดมารวมกัน แลนซ์เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดอย่างซาบซึ้ง “พระเจ้าคุ้มครอง ที่ดักกุ้งไม่มีปัญหาเลย”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้น “ใช่ ของเราไม่มีปัญหา แต่ไอ้พวกพ่อแม่ไม่สั่งสอนนั่นน่ะมี!”
บทที่ 460 กลับบ้านกันแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ไม่รู้จะบอกว่าพระเจ้ายุติธรรมได้ไหม นอกจากเรือฮาวิซท เรือลำอื่นอีกห้าลำล้วนเสียที่ดักกุ้งไปหนึ่งตับ
เหล่ากัปตันก่นด่าผ่านวิทยุไร้สาย เรือประมงลำอื่นรู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ต้องยั่วโมโหพวกเขาแน่ๆ ฉะนั้นเลยอยู่ห่างจากจุดที่จับกุ้งมังกรไกลออกไป ครั้งนี้พวกนั้นไม่ตามติดแล้ว แค่ดีใจกับความหายนะของคนอื่นอยู่ไกลๆ
คนบนเรือประมงพวกนั้นไม่คิดจะตามเรือฮาวิซทแล้ว พวกเขากะจะยึดกุ้งมังกรในแถบทะเลตรงนี้เพราะดูท่าแล้วกุ้งมังกรที่นี่เยอะมาก
ฉินสือโอวส่งบูลไปร่วมศึกน้ำลายในวิทยุสาธารณะ เขาเสียงดังและใจร้อนที่สุด เหมาะกับการแสดงเป็นเหยื่อสถานการณ์
จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่การแสดง ตอนนี้บูลทำตัวเป็นเหยื่อแล้วด่าจนคอแหบคอแห้ง ถ้าไม่รู้ยังนึกว่าเรือฮาวิซทเก็บที่ดักขึ้นมาไม่ได้สักอัน
ด่าเสร็จเรื่องนี้ก็ถือว่าจบกันไป จะให้ลงน้ำไปตัดเชือกทั้งหมดก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? จะให้รออยู่ตรงนี้หยั่งเชิงกับพวกชาวประมงไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ใช่ไหม? ถ้าไม่ได้สักอย่าง ก็กลับดีกว่า
นี่ก็คือสิ่งที่พวกชาวประมงบนเรือพวกนั้นคิดไว้
แต่พวกเขามองไม่เห็นใต้ทะเล ถ้าเห็นล่ะก็ พวกเขาต้องเสียใจแน่ที่ตัวเองทำมาอวดฉลาดรังแกฉินสือโอว?
จิตสำนึกโพไซดอนระบายความเกรี้ยวกราดออกมาในแถบทะเลนี้ กระแสน้ำใต้ทะเลพัดผ่านให้เชือกพลิ้วไปทั่ว แบบนี้เชือกหลักร้อยเส้นต่างก็พันกันไม่มากก็น้อยจนกลายเป็นปมยุ่งเหยิง!
ภายใต้กระแสน้ำ สายเคเบิลพันกันยุ่งมาก ต่อให้ฉินสือโอวมีจิตสำนึกโพไซดอนตอนนี้ก็แกะไม่ออกแล้ว
จัดการเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวก็จากไป มุ่งหน้าไปยังจุดต่อไปที่ฝูงกุ้งมังกรอยู่!
รอจนพันธมิตรเรือหายไปจากผิวน้ำทะเล เรือประมงที่สังเกตการณ์อยู่ก็ขับเข้ามา พวกเขาแดกดันพันธมิตรเรือฮาวิซทในวิทยุสาธารณะอย่างผู้ชนะ รู้สึกดีถึงที่สุด
รอจนถึงยามเย็นตอนที่เตรียมจะเก็บที่ดักกุ้งขึ้นมา คนพวกนี้ก็พบว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
เชือกของที่ดักกุ้งทั้งหมดผูกกันหมดเลย คราวนี้พันกันเป็นเงื่อนตาย เชือกทั้งสองปลายไม่รอดสักด้าน พันกันไปหมด พันกันเสียยิ่งกว่าชายหญิงในรักร้อนแรงที่มีอะไรกันครั้งแรกเสียอีก…
ช่องวิทยุสาธารณะเจื้อยแจ้วขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนพวกชาวประมงคิดไม่ถึงว่าเป็นฝีมือฉินสือโอว พวกเขาได้แต่โทษกันเองว่าเอาเชือกมาใกล้ของตัวเองมากเกินไป พอเป็นแบบนี้สงครามน้ำลายที่รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้กว่าสิบเท่าก็เริ่มขึ้น
เวลานี้พวกฉินสือโอวก็ถึงจุดที่กุ้งมังกรรวมตัวกันอยู่แล้วโยนที่ดักกุ้งลงไป ฉินสือโอวหาฝูงปลาแฮดดัคเล็กๆ ฝูงหนึ่งแล้วพาเรือลำอื่นเข้าไปล้อมปิดทาง
ที่เล่นงานชาวประมงพวกนั้นจนโกรธ ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่ปรานีเลย เจอฝูงปลาค็อดก็จับให้เขา อย่างที่ภาษาเน็ตประโยคหนึ่งว่าไว้ เดินตามทางของตัวเอง ให้คนอื่นไม่มีทางเดิน
ล่องอยู่ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มาสี่วัน หนึ่งรอบจบลงแล้ว ฉินสือโอวก็พาพันธมิตรเรือกลับท่า
เพราะปลาที่จับได้ในการออกทะเลครั้งนี้ค่อนข้างเยอะ ตกกลางคืนพวกชาวประมงต่างก็เหนื่อยอ่อน จำเป็นต้องจำแนกประเภทกันจนดึก การลากอวนจับปลาเป็นการกวาดจับทั้งหมด ที่จับได้ไม่ใช่แค่ปลาแฮดดัค ปลาทั้งหมดที่อยู่ระหว่างทางก็โดนจับเข้าอวนหมด บางครั้งยังจับฉลามตัวเล็กได้ด้วย
ตอนที่พันธมิตรเรือแล่นเข้าท่าเรือสโนว์ดิค พวกชาวประมงที่อยู่แถวๆ ท่าก็พากันเข้ามามุงดู พวกเขาไม่เชื่อว่าเรือฮาวิซทจะโชคดีขนาดนี้ ออกทะเลทีไรก็ได้ปลามาเยอะแยะทุกที
ความจริงทำให้พวกเขาผิดหวัง ตอนที่พวกเขามาถึงท่าเรือ ที่เห็นก็คือชาวประมงพันธมิตรเรือฮาวิซทที่เจิดจรัส พอเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจก็รู้ว่าพวกเขาต้องได้ปลามากแน่ๆ
ปลาที่เรือฮาวิซทได้มานำออกขายแยกให้ผู้ขายอาหารทะเล หลังจากที่ผู้ช่วยของเกย์กับฟิลิปป์ตรวจคุณภาพของกุ้งมังกรกับปลาแฮดดัคก็ซื้อสัตว์น้ำทั้งหมดตามราคาครั้งที่แล้ว
กุ้งมังกรยังคงเป็น 42 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ปลาแฮดดัค 8 ดอลลาร์ต่อปอนด์ เป็นราคาที่ไม่เลว
ท่ามกลางชาวประมงที่อึ้งตะลึงงัน กุ้งมังกรกับปลาแฮดดัคเป็นลังๆ ถูกเครื่องยกยกขึ้นมาชั่งน้ำหนัก กุ้งมังกรทั้งหมด 8500 ปอนด์ ปลาแฮดดัคทั้งหมด 36 ตัน!
กุ้งมังกรขายไปได้ประมาณสามแสนหกหมื่น ปลาแฮดดัคขายไปได้ประมาณห้าแสนแปดหมื่น นอกนั้นยังมีปลิงทะเลขั้วโลกเหนือ ปลาแซลมอนแอตแลนติก พอลลอค ปลาทะเลตัวแบนแอตแลนติก ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและปลากระโทงสีน้ำเงินเป็นต้น
ปลาพวกนี้ถ้าไม่ใช่จำนวนน้อยก็ไม่ได้ราคา ฉะนั้นฉินสือโอวเลยขายให้กับพ่อค้าซื้ออาหารทะเล เป็นการนำไปก่อน ได้มาหนึ่งล้าน!
ฉินสือโอวบอกเรื่องรายได้กับลูกน้องชาวประมงของตัวเอง เจ้าพวกนั้นแปะมือกันอย่างตื่นเต้น บูลอยากชนหมัดกับคนรอบๆ ข้างเพื่อฉลอง ปรากฏว่าพอหมุนตัวไปดูข้างๆ ก็เจอกับอีวิลสัน…
“นี่ยังไม่ใช่รายได้ทั้งหมด พวกเรายังมีเงินหนึ่งในสี่ส่วนที่ยังไม่ได้เก็บอีก” ฉินสือโอวพูดอย่างอารมณ์ดี
พอเขาพูดขึ้นแบบนั้น เหล่าชาวประมงก็ยิ่งอารมณ์ดี รายได้ครั้งนี้ต้องทะลุสถิติแน่
หลังจากที่กัปตันเรืออีกห้าลำขายสัตว์น้ำที่จับมาก็เอาเช็คมาให้อย่างรู้หน้าที่ เรือดาบคมมีรายได้ทั้งหมดสองแสนสองหมื่น เรือป๊อปอายได้สองแสนห้าหมื่น ระฆังแห่งความสุขได้สองแสนหนึ่ง น้ำเชื่อมปลาดำคือสองแสนแปด แลบราดอร์คำรามได้สามแสนสี่!
เหล่าเจ้าของเรือดีใจกว่าพวกชาวประมงเรือฮาวิซทเสียอีก เรือนี่ของพวกเขา เงินส่วนมากก็เป็นของพวกเขา จะไม่ดีใจได้ไง?
รายได้ของเรือห้าลำทั้งหมดแล้วหนึ่งล้านสามแสน หนึ่งในสี่ส่วนก็คือห้าแสนสอง พอเป็นแบบนี้รายได้ของเรือฮาวิซทก็เป็นหนึ่งล้านห้าแสน!
ให้เช็คเงินสดเรียบร้อย เหล่าเจ้าของเรือประมงก็ขอบคุณยกใหญ่ จากนั้นก็หวังว่าจะสามารถร่วมพันธมิตรเรือกับเรือฮาวิซทต่อไป พวกเขายินดีตามฉินสือโอวคนเดียว ต่อไปในทะเลฉินสือโอวสั่งอะไรพวกเขาก็ยินดีทำตาม
แต่ฉินสือโอวปฏิเสธอย่างเสียดาย “เพื่อนๆ ฉันสนุกที่เราได้ร่วมงานกัน แต่ฤดูจับกุ้งมังกรสำหรับฉันกำลังจะจบแล้ว พรุ่งนี้กับวันมะรืนพักผ่อนสักหน่อย เสร็จแล้วเราก็จะกลับบ้านแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นพวกกัปตันเรือก็ร้อนใจทันที ต่างพากันยื้อฉินสือโอวให้อยู่ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ต่ออีกสักพัก เดือนกุมภาพันธ์น่ะเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง
พวกเขาคิดถูก ตามเรือฮาวิซทออกทะเลครั้งเดียวได้เงินเยอะกว่าที่พวกเขาออกทะเลทั้งเดือนอีก ถ้าตามเรือฮาวิซทออกทะเลทั้งเดือน งั้นสัตว์ทะเลที่จับได้ต้องเยอะกว่าที่เคยจับได้ทั้งฤดูกาลแน่ สักล้านแปดก็ไม่ใช่ปัญหา!
แต่ฉินสือโอวตัดสินใจแล้ว เขาได้แต่สัญญาว่าปีหน้าตอนมาที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์อีกจะเหลือที่ไว้ให้พวกเขา ฤดูจับปลาปีนี้จบเพียงเท่านี้
พอเห็นว่าเปลี่ยนใจเขาไม่ได้แล้ว กัปตันทั้งห้าก็ได้แต่ยอมรับ ทั้งสองฝ่ายต่างแลกช่องทางติดต่อกับที่อยู่ และนัดออกทะเลด้วยกันอีก
กลับมาถึงโรงแรม ฉินสือโอวแบ่งเงินให้พวกชาวประมงเสร็จก็มอบภารกิจให้บูลหนึ่งอย่าง ให้เขาไปซื้อแผ่นพลาสติกสีขาวยาวหกเมตรกว้างสองเมตรมาสองแผ่น
“ซื้อแผ่นพลาสติกมาทำไมครับ?” บูลถามอย่างสงสัย
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วอธิบาย “แน่นอนว่าก็เอามาเปลี่ยนชื่อเรือตอนออกทะเล พวกเรายังต้องออกทะเลอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่หลังจากทำประมงเสร็จก็ไม่กลับท่าเรือสโนว์ดิคแล้ว ไปท่าเรือบาสก์เลย พอจัดการกับสัตว์น้ำที่จับได้ก็กลับบ้านทางนั้นได้”
พอได้ยินว่าไม่ได้กลับบ้านเลยแต่จะออกทะเลอีกครั้ง บูลก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ใส่เสื้อโค้ตก็วิ่งออกไปเลย
การจับกุ้งมังกรครั้งสุดท้ายของปีนี้ ฉินสือโอวตั้งใจจะลงมือโหดหน่อย ใครก็ไม่เว้น!
………………………………………
บทที่ 461 เรือฮาวิซทไปไหนแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังลงมาจากเรือ ที่ที่ฉินสือโอวไปเยอะที่สุดตอนนี้กลับเป็นบาร์ ทำเอาเขาแอบคาดไม่ถึง
คิดไปคิดมา อาจจะเพราะเขาอยู่เงียบๆ ที่เกาะแฟร์เวลนานเกินไป มีโอกาสบางครั้งก็จะไปในที่คนเยอะๆ พบปะคนหน่อย
ก็ยังคำพูดเก่านั่นแหละ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ฉินสือโอวอยู่ในบาร์ไม่ใช่เพื่อกินเหล้าหรือจีบหญิง แค่เพื่อมาดูแข่งบาสกับพวกกลุ่มชายฉกรรจ์ การแข่งฤดูกาลปกติของเอ็นบีเอกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด หน้าจอใหญ่ในบาร์จะมีฉายการแข่งทั้งวัน
ตอนตีหนึ่ง ดูการแข่งเสร็จและถกกันเรื่องผู้เข้าคัดเลือกเกมรวมดาราจบ ฉินสือโอวและเหล่าชาวประมงก็ออกจากบาร์ด้วยกันเตรียมไปพักผ่อน ปรากฏว่าจู่ๆ มือถือก็ดังขึ้น พอดูการแจ้งเตือนสายเรียกเข้าก็เห็นว่าอาฟิฟเป็นคนโทรมา
“รบกวนคุณพักผ่อนหรือเปล่า ไอ้น้องฉินสือโอวของฉัน?”อาฟิฟทักทายง่ายๆ
ฉินสือโอวตอบว่าฉันเพิ่งดูบาสเสร็จ ยังไม่นอน อาฟิฟบอกว่าก็ดี จากนั้นก็เข้าเรื่อง เรียบง่ายตรงเข้าประเด็น “ภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ ห้าสิบล้านดอลลาร์ไม่มีปัญหา ให้มืออาชีพมาตรวจของได้เมื่อไหร่?”
พอได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวก็ตาสว่างขึ้นมาทันที ห้าสิบล้านดอลลาร์เชียวนะ หักภาษีแล้วเงินที่เขาได้ก็ยังมีมากถึงยี่สิบห้าล้าน คิดเป็นเงินดอลลาร์แคนาดาก็สามสิบล้าน!
เขารีบโทรหาเบลคกับบิลลี่ทันที ให้พวกเขารีบติดต่ออาฟิฟ เอาภาพของแวนโก๊ะขายออกไป
ห้าสิบล้านเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เบลคเคยบอกเขาแล้ว ภาพนี้เอาเข้าประมูลราคาขั้นต่ำแค่ยี่สิบสี่ล้าน ราคาขายอย่างมากสามารถเพิ่มเป็นเท่าตัว
นอกจากนั้น ตอนนี้ขายภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ออกไปยังมีข้อดีอีกอย่าง นั่นก็คือสามารถลดค่าโปรโมตได้ ยังห่างจากงานประมูลฤดูใบไม้ผลิอีกสองเดือน การโปรโมตเป็นทางการของงานประมูลยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย นั่นคือตอนที่ใช้เงินเยอะ
ขายภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ไป ฉินสือโอวก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ต่อจากนี้ก็เตรียมออกทะเลครั้งสุดท้ายก็พอ จากนั้นก็กลับบ้านไปฉลองปีใหม่ได้แล้ว
ฟ้าสนองความปรารถนาของคน ช่วงสองวันมานี้อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์สภาพอากาศไม่ค่อยดี เมฆปกคลุมจนมืดครึ้ม กรมอุตุประกาศว่าจะมีลมทะเลระดับสี่ถึงห้า ลมแบบนี้ไม่ถือว่าแรง แต่ก็ทำให้กัปตันบางคนกลัวได้ เพราะอย่างไรเสียพายุคราเคน 18 ก็เพิ่งจะผ่านไป
ชาวประมงบนเรือเรือฮาวิซทกลับไม่กลัว พวกเขาเคยผ่านพายุลูกใหญ่มาแล้ว ลมเบาๆ แค่นี้เรียกได้แค่ว่าฝนตกปรอยๆ ไม่กดดันอยู่แล้ว
พักผ่อนสองวันแล้ว เติมน้ำจืด น้ำแข็ง น้ำมันกับอาหารทั้งคืน ตีสองครึ่ง เรือฮาวิซทก็ออกจากท่าไปอย่างเงียบเชียบ เข้าอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ท่ามกลางคลื่นทะเลที่ซัดไปมา
พอออกจากอ่าว ฉินสือโอวก็ให้ชาร์คกับบูลพาคนไปปิดชื่อที่ข้างเรือด้านนอก บูลซื้อแผ่นพลาสติกสองแผ่นสีเดียวกับเรือฮาวิซทแล้วใช้สีดำพ่นชื่อไปแบบส่งเดช เรือปลาขวานทะเลลึก
ปลาขวานทะเลลึกเป็นปลาสีเงินที่สวยมาก เครือปลาขวานหนาม วงศ์ปลาขวาน ส่วนอกกว้างหนา ข้างตัวทั้งสองแบนราบ ส่วนมากจะอยู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ไม่ค่อยมีชื่อในแถบนิวฟันด์แลนด์
เรือฮาวิซทที่เปลี่ยนชื่อแล้วครั้งนี้เป็นอิสระ นอกจากจะมีคนขึ้นเรือไปตรวจดู ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ถึงตัวจริงของเรือฮาวิซท
เหมือนกับรถยนต์บนพื้นดินที่ไม่อนุญาตให้ปิดใบอนุญาตและใบต่ออายุ เรือในทะเลก็ไม่อนุญาตให้ปิดชื่อเรือเช่นกัน แต่นี่ก็แค่กฎหมาย ไม่มีใครมาตรวจใครจะสนเรื่องพวกนี้?
อย่างเช่นหนังดังเรื่องนักฆ่าหน้านักบุญของนิโคลัส เคจที่มีฉากเคสให้น้องชายเปลี่ยนชื่อเรือก่อนที่ตำรวจทะเลจะมาถึงเพื่อหลีกหนีการไล่ล่าของตำรวจทางทะเลระหว่างประเทศและรอดจากการติดตามของตำรวจทะเล
ตอนฟ้าสาง เหล่าชาวประมงมาที่ท่าเรือถึงพบว่าเรือฮาวิซทที่พวกเขาจับตาดูอยู่หายไปแล้ว
พวกชาวประมงเซ็งไม่มีอะไรเทียบ ทุกครั้งที่ฉินสือโอวออกทะเลก็เป็นตอนหลังฟ้าสว่าง นั่นทำให้พวกชาวประมงสับสน โดนเรือฮาวิซทตลบหลังเข้าเต็มๆ
พวกเขาไปหาสอบถามดูก็รู้ว่าเรือฮาวิซทเติมของและเสบียงก่อนที่ออกจากท่า พอรู้ว่าเรือฮาวิซทจะออกทะเลอีกครั้งก็พากันติดต่อชาวประมงที่ออกทะเลว่ามีใครเห็นเรือฮาวิซทบ้างไหม
คำตอบที่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวังอย่างมาก เรือฮาวิซทเหมือนกับหายไปกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีใครเห็นพวกเขาเลย
เรื่องนี้ปกติมาก ครั้งนี้เรือฮาวิซททำการประมงในทิศทางท่าเรือบาสก์ แล่นไปแปดชั่วโมงถึงเริ่มโยนที่ดักกุ้ง
บอลหิมะกับไอซ์สเกตหาฝูงกุ้งมังกรสองฝูงที่ค่อนข้างรวมกลุ่มกัน เหล่าประมงเอาที่ดักกุ้งโยนลงไป ฉินสือโอวก็ใช้จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมให้พวกมันมุดเข้าไปข้างใน แค่สองชั่วโมงครึ่งก็เก็บที่ดักกุ้งได้แล้ว
นอกจากกุ้งมังกร เป้าหมายอีกอย่างของฉินสือโอวก็คือปลาทะเลที่มีค่ามากกว่าปลาแฮดดัค นั่นก็คือปลาแซลมอนชัม
ปลาแซลมอนชัมมักจะชินกับการอยู่ในเขตทะเลนอกชายฝั่ง บอลหิมะหาปลาแซลมอนแอตแลนติกฝูงหนึ่งเจอก่อน ฉินสือโอวให้เรือขับเข้าไป
หว่านอวนลงไป เรือแล่นไปข้างหน้า สี่สิบนาทีหลังจากนั้นก็เก็บอวนขึ้นมา ในนั้นมีแต่ปลาแซลมอนแอตแลนติก สองตันกว่าเต็มๆ
ปลาแซลมอนแอตแลนติกไม่ค่อยรวมกลุ่มกันเหมือนปลาแฮดดัค พวกมันมักจะอยู่เป็นกลุ่มเล็ก นี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประมงที่มากเกินไปของชาวประมง
เหล่าชาวประมงทุ่มเททำงานทั้งวันทั้งคืน วันๆ หนึ่งได้พักก็สามสี่ชั่วโมง ปลากับกุ้งมังกรที่จับได้ตอนกลางวันเยอะเกินไป ตอนกลางคืนเลยต้องจัดช่องแช่ปลาทั้งคืน
ช่องแช่แต่ละช่องโดนยัดเต็มไปด้วยปลาทะเล เหล่าชาวประมงอาจเหนื่อยแต่ก็กำลังใจดี เห็นสัตว์น้ำที่จับได้มากมายแต่ละครั้งก็หัวใจพองโต
ใช้เวลาไปเจ็ดวันเต็ม ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังจนช่องแช่แข็งโดนยัดจนเต็ม ปลาแซลมอนชัมอย่างน้อย 55 ตันกับกุ้งมังกรอย่างน้อย 20 ตันล้วนถูกจัดเก็บ
ฉินสือโอวเหนื่อยแทบขาดใจ เพราะใช้พลังโพไซดอนมากไป สภาพเขาแย่ยิ่งกว่าพวกชาวประมงเสียอีก ล็อตสุดท้าย เขาแทบจะใช้พลังโพไซดอนที่มีทั้งหมดกวาดล้างแถบทะเลรอบข้าง
เรือประมงถูกยัดไว้เต็ม ส่วนของเรือฮาวิซทที่จมลงในน้ำลึกขึ้นเกือบๆ หนึ่งเมตร ตอนนี้คลื่นมาก็ซัดเข้ากระทบตัวเรือโดยตรง ฉินสือโอวโบกมือ แล่นเรือกลับ!
พอได้ยินว่ากลับ เหล่าชาวประมงก็หมดแรงกันทันใด สีหน้าพวกเขาซีดเผือด หมดเรี่ยวแรง หาที่นั่งสูบบุหรี่ด้วยกัน
บูลแจกจ่ายบุหรี่ ฉินสือโอวเห็นว่าที่พวกเขาสูบมีแต่ที่ม้วนเองจึงถาม “พวกนายไม่มีบุหรี่แล้วเหรอ?”
บูลถามไปตามจิตสำนึก “ไม่ ตอนนี้บุหรี่ไม่สนุกแล้ว เราต้องสูบกัญชา”
“อะไรนะ กัญชา?”ฉินสือโอวขมวดคิ้ว “อย่าเล่นของพวกนี้ ให้ตายเถอะ มันไม่มีต่อร่างกาย”
เรื่องนี้เขาต่อว่าพวกชาวประมงมากไม่ได้ เรือประมงออกทะเล โดยเฉพาะทางไกล บนเรือมักจะมีกัญชาซ่อนไว้ เพราะการทำงานในทะเลทั้งเหน็ดเหนื่อยและน่าเบื่อ ชาว พอนานวันไปพวกชาวประมงเริ่มไม่ไหว ถึงตอนนี้ก็ต้องการกัญชามาลดความเครียด
ตอนอยู่จีน ฉินสือโอวเห็นสื่อที่โปรโมตเกี่ยวกับกัญชาเหมือนกับเป็นของชั่วร้ายมาก แต่มาถึงแคนาดา เพราะได้รับอิทธิพลจากสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้ไม่ค่อยถูกต่อต้าน เสียงที่ต้องการให้กัญชาถูกกฎหมายที่แคนาดาเหมือนจะเยอะกว่าที่อเมริกาเสียอีก
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินสือโอวโหลดกฎลูกเรือจากเน็ต ในนั้นมีกฎข้อหนึ่งว่าไม่อนุญาตให้ลูกเรือเสพกัญชา แต่ทุกวันหลังเลิกงานสามารถสูบได้เล็กน้อย
ฉะนั้น ตอนนี้เห็นพวกชาวประมงสูบกัน ฉินสือโอวก็พูดเด็ดขาดก็ไม่ได้ มันก็เกี่ยวกับพวกวิถีชีวิต วัฒนธรรม เหมือนกับคนมุสลิมที่เห็นคนฮั่นกินหมูจะไปห้ามเขากินก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
บูลเห็นฉินสือโอวขมวดคิ้วในใจก็เลยตะขิดตะขวงขึ้นมา แลนซ์เข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้เรื่องเขาก็อธิบาย
ฉินสือโอวพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจ บูลรีบส่งให้เขาหนึ่งมวน ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธ บอกกับทุกคนว่ารักษาสุขภาพกันด้วย พอขึ้นบกใครก็ห้ามแตะอีก
บูลอธิบาย “พวกเราแค่ไม่อยากเสียของ เราเอามาตอนออกจากเมืองแฟร์เวลแล้วไม่ได้สูบสักที ตอนนี้จะกลับแล้ว ถ้าไม่สูบก็ต้องทิ้ง ทุกคนก็เลยสูบคนละมวนสองมวน พอดีกับที่จะได้มีแรงขนของลงท่า”
ฉินสือโอวกลอกตาให้เขาแบบไม่พอใจ ของแบบนี้ก็ใช้เหตุผลว่าประหยัดมาอ้างได้ด้วยเหรอ? เขาอยากจะพูดอะไรต่อ ปรากฏว่าพอหันไปก็เจอชาร์คกับแลนซ์ที่แบ่งกันยัดใส่ใบยาสูบคนละนิดละหน่อยเช่นกัน ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ กลับไปนอนดีกว่า
เพียงแต่ว่าพวกลูกเรือก็ฉลาดใช้ได้ พอเห็นว่าฉินสือโอวไม่ชอบให้พวกเขาสูบ แลนซ์ก็เคาะเอาของในไปป์ออก แล้วพูดกับคนอื่นๆ “ทิ้งกันให้หมดเถอะ ดูท่าสำออยกันสิ อย่างกับว่าเหนื่อยกันนักหนา”
คนอื่นๆ ก็เข้าใจสถานการณ์เลยพากันโยนมวนยาสูบทิ้งลงทะเล บูลสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดอย่างเสียดาย “ซื้อมาตั้งร้อยกว่าดอลลาร์เลยนะ น่าเสียดาย”
ฉินสือโอวพูด “ถ้าพวกนายแค่เพื่อแก้เหนื่อย ฉันก็ไม่ได้คัดค้านอะไรมากมาย ที่ฉันห่วงก็คือต่อไปพวกนายทำงานกับฉันได้เงินมาแล้วจะมาติดของพวกนี้!”
แลนซ์อธิบายแทนทุกคน “ไม่หรอกกัปตัน วางใจเถอะ เราแค่ใช้มันคลายเครียดเฉยๆ ถ้าคุณไม่อยากให้บนเรือฮาวิซทมีของแบบนี้งั้นต่อไปเราก็ไม่ใช้แล้ว ผมกล้าสาบานต่อคุณ ในหมู่พี่น้องของเราไม่มีใครกล้า!”
…………………………………………
บทที่ 462 ไม่เคยมีมาก่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหล่าชาวประมงมองฉินสือโอว พวกเขารู้ดีว่าคนจีนเกลียดการที่คนรอบข้างสูบกัญชาเสพสารเสพติด ตอนที่บูลเอากัญชาขึ้นเรือมาด้วยตามความเคยชินพวกเขาก็เลยไม่ได้แตะเลย ครั้งนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหมดเรี่ยวหมดแรงบวกกับไม่อยากเอากลับขึ้นฝั่งอีกก็เลยเอาออกมา
พวกเขากังวลว่าถ้าฉินสือโอวเจอว่าพวกเขาสูบสิ่งนี้แล้วจะปฏิเสธรับพวกเขาเป็นลูกเรือ แบบนั้นก็แย่สิ ตอนนี้พวกเขานับถือฉินสือโอวมาก แล้วก็รู้ว่ามีแค่การติดตามฉินสือโอวเท่านั้นถึงจะหาเงินได้
ฉินสือโอวไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล เขาเห็นชาวประมงแต่ละคนกดดันก็โบกมือพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่หวังว่าพวกนายจะไม่ติด เพราะฉันเชื่อว่านี่มันไม่ใช่ของดี แต่ถ้าพวกนายสูบเป็นบางครั้งตอนออกทะเลฉันก็ไม่ว่าอะไร อย่างห่วงไปเลย ฉันไม่ใช่พวกความคิดคร่ำครึอย่างพวกลาดตระเวนชายฝั่ง”
หน้าที่พื้นฐานอย่างหนึ่งของหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งก็คือตรวจเรือที่เสพยา ตอนนี้บนบกตรวจกันเข้มงวดมาก พวกที่อยากยาก็เลยจัดเรือกลนั่งออกทะเลแล้วไปทำเละเทะในทะเล การขายยาเสพติดในทะเลก็เป็นปัญหาช่องทางขนส่งยาเสพติดที่แต่ละประเทศกำลังปวดหัวเป็นที่สุด
ขอแค่เจอว่ามีเรือจัดปาร์ตี้ในทะเล หน่วยลาดตระเวนก็จะทำการตรวจ งานแบบนั้นหากัญชาหรือสารเสพติดชนิดอ่อนได้ง่าย
พอเห็นว่าฉินสือโอวไม่ได้ห้ามข้อนี้แบบเด็ดขาดเหล่าชาวประมงก็ถอนหายใจ บูลยิ้มแบบอักอ่วน “ผมกลัวว่าคุณจะไล่พวกเราออกเพราะเรื่องนี้ พระเจ้าก็รู้ว่าตอนอยู่บนเรือฮาวิซทมีความสุขแค่ไหน พวกเราชอบที่นี่”
ฉินสือโอวยิ้มก่อนจะเข้าไปในห้องพัก ชาร์คสูบบุหรี่ให้กระปรี้กระเปร่าแล้วเข้าไปในห้องคนขับ
เรือฮาวิซทค่อยๆ เข้าเทียบท่าเรือ เรือที่ผ่านไปมาก็พากันทักทายเมื่อเห็นพวกเขา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ท่าเรือบาสก์ เรือฮาวิซทคู่ควรกับการเป็นดาวเด่นที่สุด
ในตอนที่ฉินสือโอวเตรียมเข้าเทียบท่า เรือเร็วลำหนึ่งก็เข้ามาใกล้เรือฮาวิซทแล้วเอ่ยถาม “กัปตันฉิน?”
“ฉันอยู่นี่ มีอะไรเหรอ?” ฉินสือโอวชะโงกหัวออกมาถาม
“ช่วยมากับผมหน่อย มาที่ท่าตรงนี้” ชายหนุ่มผิวขาวบนเรือเร็วพูดยิ้มๆ “ทีแรกพวกเราเตรียมเซอร์ไพรส์อย่างหนึ่งไว้ให้คุณ ตอนนี้ดูท่าจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไร แต่ก็ไม่แย่นะ”
ฉินสือโอวไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงตามเรือเร็วไปทางท่าเรือที่ตั้งอยู่ที่ขอบ นั่นคือท่าเรือสำหรับเรือประมงขนาดเล็กถึงปานกลาง
ท่าเรือนี้มีที่จอดเรือมากมายอย่างเช่นท่าเรือบาสก์ หลักๆ แบ่งเป็นท่าเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ท่าเรือบรรทุกสินค้าหมื่นตัน ท่าจอดเรือยอชต์ ท่าจอดเรือสินค้าธรรมดา และท่าจอดเรือประมง
ที่จอดเรือพวกนี้รับผิดชอบโดยบริษัทท่าเรือบริษัทเดียว ตอนที่เรือเข้าเทียบท่าต้องจ่ายเงิน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแพงกว่าค่าจอดรถมาก นอกจากนี้ปากท่าจอดเรือเล็กบางที่ก็ให้บริษัทประมงหรือไม่ก็บริษัทโลจิสติกส์เช่า เก็บเงินแบบสัญญา
ท่าเรือบาสก์เป็นท่าเรือประมง หลักๆ ก็รับผิดชอบการเทียบท่าของเรือประมง ที่จอดที่เกี่ยวข้องก็เลยเยอะ ตั้งแต่ท่าเบอร์หนึ่งถึงเบอร์หกล้วนให้เป็นที่จอดของฟาร์มปลา
ตอนที่เรือฮาวิซทเข้ามาใกล้ที่จอดเบอร์สี่ก็เห็นว่ากำลังสร้างซุ้มประตูอยู่ ดำเนินไปใกล้เสร็จสิ้น แต่ยังไม่แล้วเสร็จ สามารถเห็นชื่อท่าได้บนซุ้มประตูนั้น ท่าเรือฮาวิซท
“โห!”หลังจากที่เหล่าชาวประมงเห็นชื่อบนซุ้มประตูก็พากันแปะมือฉลอง การมีที่จอดเรือที่ตั้งชื่อตามเรือของตัวเองเป็นเกียรติสูงสุดของชาวประมงในทะเล
ซุ้มประตูนั้นนอกจากชื่อ ‘ท่าเรือฮาวิซท’ ยังมีลายเส้นแบบเรียบง่ายของเรือฮาวิซทด้วย ที่ด้านหลังยังมีชื่อของฉินสือโอวและชาวประมงทุกคนที่อยู่บนเรือตอนนั้น และเล่าเรื่องเหตุการณ์ช่วยชีวิตท่ามกลางพายุแบบง่ายๆ ให้ชื่อพวกเขาว่า ‘ความภาคภูมิใจของท่าเรือบาสก์’
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมา พวกเขารีบเอาเรือเทียบท่าแล้วถ่ายรูปให้กัน พวกชาวประมงเล่นทวิตเตอร์กันทั้งนั้น ถ่ายรูปเสร็จก็อัปกันใหญ่ ฉินสือโอวเองก็ได้แต่อัปคิวคิว ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้ลงอะไร ปฏิกิริยาทั่วไปของพวกเพื่อนๆ ก็เป็นท่าทางทะเล้นแบบสุดๆ
การมีสิทธิตั้งชื่อที่จอดเรือมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งซึ่งก็คือต่อไปเวลาเรือฮาวิซทเข้ามาจอดที่ท่านี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ไม่ต้องจ่ายเงิน พอฉินสือโอวรู้ก็ส่ายหน้า ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกก็ไม่ไปสโนว์ดิคแล้ว อยู่ที่ท่าเรือบาสก์ดีกว่า
หลังจากที่พวกฉินสือโอวมาที่ท่าเรือบาสก์ก็อยู่หนึ่งวัน วันที่สองรถขนส่งของบริษัทอาหารทะเลก็มาถึง
เพราะไปควิเบกจากท่าเรือบาสก์ไกลเกินไป ฉะนั้นค่าขนส่งก็เลยเพิ่มมากขึ้น ราคาของปลากุ้งตกลง แต่ก็ลดลงค่อนข้างน้อย กุ้งมังกรจะลดหนึ่งดอลลาร์ในทุกสิบปอนด์ ส่วนปลาทะเลจะลดหนึ่งดอลลาร์ในทุกห้าปอนด์
ชื่อเสียงของเรือฮาวิซทที่ท่าเรือบาสก์มีแค่ช่วยชีวิตในพายุ ชื่อเสียงเรื่องผลงานประมงยังดังไม่ถึงที่นี่ ต่อให้ดังมาถึงที่นี่ก็ไม่มีทางดังไปกว่าตำนานกู้ภัยในทะเล ฉะนั้นตอนที่ปลาของพวกเขาออกจากช่องแช่ก็ไม่ค่อยมีคนมามุงเท่าไร
กุ้งมังกรสิบเก้าตันครึ่ง ปลาแซลมอนโคโฮยี่สิบสองตัน ปลาแซลมอนชัมแอตแลนติกยี่สิบแปดตัน ปลาค็อดแอตแลนติกสี่ตัน ปลาแฮดดัคสี่ตัน ปลากระโทงร่มหนึ่งตัน นี่ก็คือที่พวกเขาได้จากการออกทะเลครั้งนี้!
ตอนนี้ราคาของกุ้งมังกรเปลี่ยนไปในแต่ละวัน ครั้งนี้กุ้งมังกรขึ้นราคาอีกแล้ว ตอนนี้ปอนด์ละสี่สิบสี่ดอลลาร์ หนึ่งกิโลเกือบๆ เก้าสิบดอลลาร์ ปลาแซลมอนโคโฮกิโลกรัมละสามสิบหกดอลลาร์ ปลาแซลมอนชัมแอตแลนติกกิโลละสี่สิบดอลลาร์ ปลากระโทงร่มกับปลาแฮดดัคราคาก็ลงมาหน่อย
ได้กุ้งมังกรหนึ่งล้านแปดแสน ปลาแซลมอนชัมทั้งสองประเภทได้มาสองล้านบวกกับปลาแฮดดัคและปลากระโทงสีน้ำเงิน รายได้ครั้งนี้สูงถึงสี่ล้าน!
ครั้งนี้เกย์มาด้วยตัวเอง เพราะฉินสือโอวบอกรายได้โดยประมาณให้เขารู้ผ่านโทรศัพท์ดาวเทียม เงินที่เข้ามาเกี่ยวข้องเยอะเกินไป ผู้ช่วยของเขาตัดสินใจเองไม่ได้
หลังจากตรวจสอบคุณภาพของกุ้งมังกรกับปลาทะเล เกย์ก็ทึ่งไป “โห พระเจ้า พวกนายไปเอาของดีมากมายขนาดนี้มาจากไหน? โอ้โห ฉันไม่เคยเจอชาวประมงที่ไหนบ้าพลังอย่างพวกนายมาก่อนเลย!”
“ฉันมีชาวประมงที่ดีที่สุดในโลก แน่นอนว่าจับได้เยอะ”ฉินสือโอวตอบด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เกย์เขียนเช็คให้ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “เพื่อน นายนี่แจ๋วจริงๆ พูดจริงๆ ตอนนี้ฉันอิจฉาพวกนายมากๆ ตอนนี้ฉันคิดอยู่ว่าควรจะปิดตลาดอาหารทะเลแล้วไปทำงานบนเรือนายดีไหม”
ฉินสือโอวถอนหายใจพลางยิ้มฝืนๆ “อย่ามาไม้นี้ดีกว่า นายแค่เห็นเราตอนเฉิดฉาย นายไม่อยากรู้หรอกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเราผ่านมาได้ยังไง!”
เขาชี้ไปทางพวกชาวประมง “เห็นสภาพพวกเขาไหม? แย่ไม่มีอะไรเทียบ! พวกชาวประมงของฉันแต่ละคนเฉลี่ยแล้วน้ำหนักลดคนละห้ากิโล! โอ้โห ครั้งหน้าไม่เอาแล้ว พวกเราไม่ทำงานไม่คิดชีวิตแบบนี้แล้ว”
รายได้ครั้งนี้สามารถใช้คำว่าน่าทึ่งมาอธิบาย เรือประมงทะเลไกลออกไปครึ่งปีรายได้ถึงสี่ห้าล้านก็ไม่เลวแล้ว ประเด็นคือฉินสือโอวมีแต่ปลาราคาสูงๆ ถ้าไม่มีของดีอย่างจิตสำนึกโพไซดอนก็ไม่มีทางจับปลาเเซลมอนแปซิฟิกที่มีราคาได้มากมายขนาดนี้
แต่เพื่อรายได้พวกนี้ ฉินสือโอวทุ่มเทไปเท่าไรมีแค่เขาที่รู้ ในทุกๆ วันพลังโพไซดอนจะหมด ตั้งแต่ที่เขามาที่แคนาดา ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน
คราวที่แล้วที่เขาเหนื่อยขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปตอนที่เขายังอยู่บริษัทน้ำมันของจีน มีครั้งหนึ่งเขาต้องทำงานล่วงเวลาครึ่งเดือนเพื่อจัดการเรื่องการตรวจสอบเงินเดือนพนักงานฝ่ายบุคคลของสำนักงานใหญ่
ผลลัพธ์กับการลงแรงสัมพันธ์กัน ประโยคนี้จริงเสมอ!
……………………………………………
บทที่ 463 เงินสด มีแต่เงินสด
โดย
Ink Stone_Fantasy
การออกทะเลครั้งนี้ให้ความมั่นใจกับฉินสือโอว นั่นก็คือการมีจิตสำนึกโพไซดอนชาตินี้อยากรวยก็ง่ายนิดเดียว ขอแค่กัดฟันออกทะเลสักครั้งหนึ่งก็อยู่สบายทั้งปีแล้ว!
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขาไม่ขาดเงิน ไม่จำเป็นต้องทำงานไม่คิดชีวิตแบบนี้แล้ว
ได้เช็คมา ฉินสือโอวกับเกย์ก็จับมือกัน ก่อนจะบอกลากันทั้งสองฝ่าย
ฉินสือโอวเชื้อเชิญเกย์ด้วย เดือนเมษายนปีนี้ฟาร์มปลาต้าฉินก็จะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว เขาอยากให้เกย์ไปดู ถ้าเป็นไปได้ละก็ทั้งสองร่วมกับฟิลิปป์ครองตลาดอาหารทะเลในควิเบกไปเลย!
เกย์ไม่ได้สนใจอะไรกับวิสัยทัศน์ของอันกว้างไกลของฉินสือโอว เขาไม่รู้ว่าในฟาร์มปลาต้าฉินมีปลาอะไรอยู่บ้าง คิดว่าคงไม่ต่างอะไรกับปลาทะเลในแถบทะเลอื่น เขาเลยแค่หัวเราะให้ฉินสือโอวเล็กน้อย ไม่ได้เอาเรื่องนั้นมาใส่ใจ
ฉินสือโอวไม่สนใจ ความจริงชนะคำคุยโว หลายๆ เรื่องอาศัยแค่ปากพูดไม่ได้
ส่งเกย์กลับไป ฉินสือโอวก็จะแบ่งเงินแล้ว เหล่าชาวประมงมุงเข้ามารอรอบด้านแล้วมองเขาตาปริบๆ ราวกับหู่จือและเป้าจือที่รอกินข้าว
“กัปตัน ครั้งนี้เราขายได้เท่าไร?” แลนซ์ถามอย่างคาดหวัง
ฉินสือโอวชี้ไปที่บูล “นายไม่ต้องซื้อแลนด์โรเวอร์อีโวคแล้วเพื่อน ซื้อเรนจ์โรเวอร์เลยดีกว่า”
เรนจ์โรเวอร์เป็นรถเอสยูวีหรู มีหลายรุ่นซึ่งราคาต่างกันออกไป แต่ที่ถูกที่สุดก็สูงถึงแสนสามแสนสี่ดอลลาร์แคนาดา
พูดไปฉินสือโอวก็เอาเช็คให้แลนซ์ให้พวกชาวประมงส่งต่อกันไป
เห็นตัวเลขบนเช็คนั้น ทุกคนก็ร้องตะโกนแปะมือกัน บูลดึงมือของฉินสือโอวอย่างตื่นเต้น “เหลือเชื่อเลย กัปตัน ทำงานกับคุณได้เงินเยอะกว่าไปค้ายาที่เม็กซิโกอีก!”
พวกเขาเตรียมใจไว้แล้ว เพราะบนเรือมีปลาเท่าไรพวกเขารู้ดีกว่าฉินสือโอว
แต่ว่าบนเรือมีปลาเท่าไรกับได้เงินเท่าไรเป็นคนละเรื่องกัน เลขศูนย์ที่เรียงกันบนเช็คนั้นทำเอาใจคนสั่นเลยจริงๆ!
สี่ล้าน 28 เปอร์เซ็นต์งั้นก็ 1.12 ล้าน แบ่งให้ทุกคนก็ได้ประมาณหนึ่งแสนบวกกับเงินที่ได้ในสามครั้งแรก คนที่ได้น้อยสุดก็ได้มา 120,000
ที่นิวฟันด์แลนด์ ผู้บริหารระดับกลางในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ปีหนึ่งก็ได้แค่หนึ่งแสนสองหมื่น แต่พวกเขาทำงานไม่ถึงเดือนก็ได้เงินเท่านี้แล้ว พอให้ภูมิใจได้!
ชาร์ลเมอร์กับแซ็กถอดหมวกออกมาโยนไปในอากาศ ลมทะเลพัดมาไม่รู้ว่าหอบไปที่ไหน ส่วนจะพัดไปไหนพวกเขาก็ไม่สนใจ ตอนนี้ประเด็นสำคัญคือเช็คต่างหาก!
ฉินสือโอวเจอเงินก้อนโตมาเยอะ สี่ล้านนอกจากตอนที่เพิ่งได้มารู้สึกตื่นเต้นหน่อย แต่หลังจากนั้นก็เฉยๆ แล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาเหนื่อยมาก โบกรถแท็กซี่ไปพักที่โรงแรม
เหล่าชาวประมงก่อนหน้านี้ก็เหนื่อยจนไม่ไหว แต่ฤทธิ์กัญชาบวกกับเช็คทำให้แต่ละคนตาแดงก่ำ ดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าตอนออกทะเลอีก ทำเอาฉินสือโอวประหลาดใจ เป็นอย่างที่คิด เงินทองถึงจะเป็นแรงกระตุ้นความก้าวหน้าของคน
ฉินสือโอวไม่ได้โอนเงินให้แลนซ์ในทันที ไม่อย่างนั้นเจ้านี่ต้องนอนไม่หลับแน่ เขาบอกว่านอนตื่นแล้วค่อยไปโอนเงินที่ธนาคาร จากนั้นก็หาห้องไปนอน
เหล่าชาวประมงตื่นเต้นยกกลุ่ม พวกเขาซื้อเบียร์และขนมมากมายจากร้านสะดวกซื้อไปห้องแลนซ์ไม่รู้ว่าสังสรรค์กันถึงกี่โมงถึงไปนอน
ฉินสือโอวนอนตั้งแต่สี่โมงเย็นไปจนถึงเช้าของอีกวัน แบบนี้เขาตื่นขึ้นมาถึงค่อยรู้สึกว่าสภาพจิตกลับสู่ปกติ
เขาออกจากโรงแรมไปเดินเตร่แถวท่าเรือรอบหนึ่ง อากาศไม่ค่อยดีเท่าไร ค่อนข้างอึมครึม ฉินสือโอวใส่ชุดค่อนข้างหนา แต่ก็ยังคงมีคนจำเขาได้ คนแถวนั้นมาขอเขาถ่ายรูปคู่ทำเอาเขาแอบปลื้มตัวเอง ฉันก็กลายเป็นคนดังบ้างแล้ว
หลังจากที่ออกกำลังเสร็จกลับมา ฉินสือโอวก็โทรหาเทย์เลอร์ แฮสเลอร์หัวหน้านักออกแบบจากร้านทิฟฟานี่สาขานิวยอร์กเพื่อถามเรื่องความคืบหน้าของการออกแบบเครื่องประดับ
เขาไม่เคยนึกเลยว่าการออกแบบอัญมณีต้องใช้เวลาขนาดนี้ เทย์เลอร์บอกเขาว่าเครื่องเพชรพลอยเริ่มทำไปแล้ว แต่อย่างน้อยยังต้องใช้เวลาเดือนครึ่งถึงจะออกจากเตาได้อย่างสมบูรณ์
ฉินสือโอวคิดคำนวณครู่หนึ่ง ก็ยังโอเค แบบนี้ก็ยังทันวันครบรอบหนึ่งปีที่เขากับวินนี่รู้จักกัน
ตอนผ่านธนาคารมอนทรีออล ฉินสือโอวก็นึกอะไรได้จึงเดินเข้าไปแล้วคว้าเอาบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ยื่นให้กับพนักงานต้อนรับ
พอพนักงานต้อนรับสาวหน้าตาสวยเห็นบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ก็ส่งรอยยิ้มเย้ายวนมาให้ เธอรับมาแล้วเข้าสู่ระบบเว็บบริษัท ใส่เลขบัญชีกับเลขประจำตัวเพื่อทำการเทียบ หลังจากนั้นก็รีบแจ้งผู้จัดการ
ผู้จัดการลงมาชั้นล่าง ยื่นมือออกมาแต่ไกลเพื่อจับมือฉินสือโอวแล้วจึงถามขึ้น “คุณฉินต้องการใช้บริการอะไรครับ?”
ฉินสือโอวตอบ “ช่วยถอนเงินสด 1.15 ล้านให้ผมหน่อยครับ”
ห้านาทีหลังจากนั้น กล่องนิรภัยสามกล่องที่ประกอบไปด้วยสองกล่องใหญ่กับหนึ่งกล่องเล็กก็ถูกยกมา ผู้จัดการพูดอย่างนอบน้อม “คุณฉิน กรุณาตรวจดูหน่อยครับ นี่คือเงิน 1.15 ล้าน”
ไม่ต้องตรวจ ฉินสือโอวเปิดดูสักหน่อยก็พยักหน้าโอเค ผู้จัดการโทรไปเรียกยามธนาคารสองคนให้ขับรถไปส่งฉินสือโอวกลับโรงแรม
พวกชาวประมงยังคงนอนยันเที่ยง หลังจากที่ตื่น ฉินสือโอวให้แลนซ์ไปเรียกให้ทุกคนมาที่ห้องเขา
เหล่าชาวประมงรู้ดีว่านี่คือกำลังจะแบ่งเงิน ดังนั้นก็เลยเข้าห้องฉินสือโอวมาอย่างตื่นเต้นพอพวกเขาเข้าไปก็อึ้ง เงินสีส้มอมเหลืองเป็นตั้งๆ กองอยู่บนโต๊ะ เป็นระเบียบด้วย!
ล้านหนึ่งสำหรับฉินสือโอวแล้วไม่เท่าไร ก็แค่ตัวเลขที่เรียงกันเท่านั้น แต่ว่าพอเปลี่ยนเป็นเงินสด แม้แต่เขาก็รู้สึกตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้ตอนที่จัดเรียงเงินสดพวกนี้ เขาตื่นเต้นมาตลอดเลย ได้ดมกลิ่นน้ำหมึกอ่อนๆ สัมผัสของธนบัตรใหม่เอี่ยม เขารู้สึกราวกับว่าเขาครองโลกทั้งใบ
นี่ก็คือพลังของเงิน!
“โอเค นี่คือของพวกนาย เพื่อนๆ พวกนายแบ่งกันเองแล้วกัน” ฉินสือโอวพูดพร้อมผายมือไปด้วย
นี่เป็นการทดสอบเล็กๆ ของเขา อยากจะดูความสามัคคีของทีมนี้สักหน่อย ดูว่าภายใต้การกระตุ้นของเงินทองพวกเขายังสามารถเชื่อฟังแลนซ์กับชาร์คเหมือนที่เคยสาบานไว้ได้ไหม
แน่นอนว่านอกจากนี้ยังมีจุดประสงค์อีกอย่าง นั่นก็คือเขาต้องการชนะใจของเหล่าชาวประมงแบบตรงๆ ให้พวกชาวประมงเชื่อฟังและเชื่อใจเขาอย่างสนิทใจ
พวกชาวประมงเข้ามาล้อมโต๊ะทีละคน ครู่เดียวก็ล้อมกันจนแน่น แต่พวกเขาแค่ล้อมดู ไม่มีใครยื่นมือไปแย่งเลย บูลนั่งใกล้เกินไป แลนซ์จึงผลักเขาออก เขายิ้มพลางนั่งยองอยู่หน้าโต๊ะ มองเงินตาเป็นมัน
ฉินสือโอวให้แลนซ์กับชาร์คปรึกษากันเรื่องแบ่งเงินกัน นี่คือเงิน 1.12 ล้าน
“ฉัน ชาร์ค บูล คนละ 110,000 ดอลลาร์ อีวิลสันออกแรงเยอะที่สุด ฉะนั้นได้หนึ่งแสน พวกนายที่เหลือได้คนละ 86,000 ดอลลาร์” แลนซ์ใช้ไปป์เคาะโต๊ะแล้วพูดขึ้น “ทุกคนมีอะไรจะแย้งไหม?”
เหล่าชาวประมงมองกันเองแล้วพยักหน้าพร้อมกัน “โอเค ไม่มีใครแย้ง!”
แลนซ์เชิญให้ฉินสือโอวไปนั่งที่ข้างโต๊ะ เหล่าชาวประมงเข้าแถว แต่ละคนถือกล่องกระดาษเล็กๆ ฉินสือโอวแบ่งให้พวกเขาคนละกอง เป็นการจบการออกทะเลจับกุ้งมังกรด้วยความดีใจ
แบบนี้ฟาร์มปลาต้าฉินก็มีคนงานรุ่นที่หกนับจากชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น อีวิลสัน เบิร์ด พวกเขาจะรับงานในฟาร์มปลาแล้วกลายเป็นกำลังสำคัญของฟาร์ม
………………………………………
บทที่ 464 ครอบครัวพร้อมหน้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือฮาวิซทเทียบเข้าท่า หู่จือ เป้าจือเห่าโฮ่งๆ พลางวิ่งเข้ามา ชาร์คกระโดดลงจากเรือแล้วกางแขนออก ปรากฏว่าเจ้าสองตัวก็ทำอย่างกับเจอดินถล่ม แยกกันวิ่งซ้ายขวาอ้อมตัวเขาไป จากนั้นก็พุ่งเข้าอกของฉินสือโอวแล้วแลบลิ้นเลียมือและหน้าเขาอย่างกระตือรือร้น
ชาวประมงบนเรือผิวปากหัวเราะเยาะชาร์ค บูลยังชูนิ้วกลางให้แล้วพูดว่า “นายถ่อมตัวไปแล้ว ชาร์ค”
วินนี่และเออร์บักพาเด็กทั้งสี่รออยู่ที่ท่าเรือ ฉงต้าวิ่งมาอย่างเชื่องช้า แล้วก็เป็นฉินสือโอวที่ต้องเข้าไปกอดมันไว้ ปอหลัวเข้ามาใช้เขาคลอเคลียไหล่เขาอย่างใกล้ชิด แล้วยังแลบลิ้นออกมาเลียฝ่ามือของฉินสือโอวด้วย
ฉงต้าที่อายุหนึ่งปีตัวยาวถึงหนึ่งเมตรหนึ่งเซนติเมตรแล้ว รอบอก รอบเอว และสะโพกคงจะถึงหนึ่งเมตรหนึ่งแล้ว อ้วนจนไม่เป็นท่าเลย
ฉินสือโอวอุ้มฉงต้าสุดแรงแล้วยิ้มให้วินนี่ “ดูสิ เจ้านี่อ้วนอีกแล้ว คุณอยู่บ้านไม่ได้กระตุ้นให้มันลดน้ำหนักแน่ๆ ”
“เปล่านะ ฉันพามันลดแล้ว” วินนี่ตอบด้วยรอยยิ้มบาง เธอยืนอยู่หน้าฉินสือโอว ทั้งสองคนกอดกันแน่น
“ผมคิดถึงคุณ”
“ฉันก็เหมือนกัน ที่รัก คิดถึงทุกวันทุกคืนเลย”
เสี่ยวหมิงกับกระรอกดินทั้งบ้านกระโดดโลดเต้นขึ้นมาบนท่าเรือ ฉินสือโอวดีดนิ้วให้พวกมัน เสี่ยวหมิงวิ่งมาอย่างรวดเร็ว คว้ากางเกงเขาแล้วพุ่งขึ้นไหล่ พูดได้ว่าว่องไวมาก
บุชร้องกาๆ กระโดดโลดเต้นไปตลอดทาง ปีกทั้งสองข้างตีผึ่บผับ ใกล้จะบินได้แล้ว ขนาดกระโดดแล้วบินจากแค่อาศัยอากาศก็ยังได้ประมาณเมตรกว่า ฉินสือโอวยื่นมือไปรับมันแล้วเอามาไว้บนไหล่
“ดูสิ บ้านเราพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว” ฉินสือโอวยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ
วินนี่พูดขึ้น “จะพร้อมหน้าได้ยังไง? ลูกสาวตัวน้อยของพวกเรายังไม่มาเลย”
หมาป่าขาวน้อยหลัวปอนั่งอยู่ท้ายท่าเรือตัวเดียว มันมองฉินสือโอวแล้วก้มหน้าถอนหายใจอย่างกับวันดีๆ จบสิ้นแล้ว
ไม่ได้เจอเกือบเดือน เสี่ยวหลัวปอโตขึ้นกว่าเดิมหน่อย ไม่ได้ผอมแห้งเป็นก้าง แต่อ้วนท้วน ขนสีขาวทั้งตัวก็ฟูฟ่อง วินนี่โบกมือให้มัน มันชูหางส่ายก้นวิ่งมาราวกับบอลที่กำลังกลิ้ง
ฉินสือโอวหิ้วเสี่ยวหลัวปอไว้ในมือ เขามองตามันแล้วถาม “ไม่ได้เจอหลายวัน แกยังจำฉันได้ไหม?”
เสี่ยวหลัวปอรีบแลบลิ้นออกมาเลียนิ้วของฉินสือโอวอย่างประจบด้วยสีหน้าประจบประแจง เหลือแค่พูดออกมาว่าอย่างนายน่ะต่อให้กลายเป็นขี้เถ้าก็จำได้
เล่นกับเจ้าตัวน้อยเสร็จ ฉินสือโอวกอดเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ทั้งสี่ เขาเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้เด็กๆ ล้วนแล้วแต่เป็นหอยสังข์หรือไม่ก็พวกเปลือกหอยสวยงามที่เขางมเอง
ครอบครัวของชาร์คกับแลนซ์และชาวประมงคนอื่นๆ ก็มาต้อนรับพวกเขา ภาพที่ครอบครัวกลับมาเจอหน้าพร้อมหน้าพร้อมตามักจะมีความสุขเป็นพิเศษ เหล่าชาวประมงกอดภรรยา พวกเขาฝ่าลมฝนกระทั่งเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตออกทะเล ไม่ใช่เพื่อที่คนพวกนี้จะได้อยู่อย่างมีความสุขเหรอ?
ฉินสือโอวกับเชอร์ลี่ย์เด็กทั้งสี่กำลังคุยเล่นกัน เล่าให้พวกเขาฟังถึงเหตุการณ์น่ากลัวตอนที่เรือเจอพายุคราเคน 18 ในตอนนั้นผู้หญิงผมสีน้ำตาลอมเหลืองอ่อนๆ ก็มาตรงหน้าเขาอย่างเขินอายก่อนจะถามแบบลองเชิง “สวัสดีค่ะ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิคะ คุณเป็นกัปตันเหรอ?”
“ใช่ครับ คุณคือ?” ฉินสือโอวไม่รู้จักเธอ
“ฉันชื่อว่าแอนนา สตาเซีย อาเลฟ ไม่ทราบว่าเวเบอร์อยู่ที่ไหนคะ? เขาอยู่บนเรือคุณใช่ไหม? เวเบอร์ เบนจามิน” หญิงสาวถามอย่างคาดหวัง
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาคิดๆ ดูแล้วส่ายหน้า “เวเบอร์ เบนจามิน? ไม่ ไม่มีนะ บนเรือเราไม่มีคนนามสกุลเบนจามินนะ”
“ก็คือบูลไง” วินนี่พูดอย่างจนใจ เธอยังจำฉายาและชื่อนามสกุลของทุกคนบนเรือได้เลย ฉินสือโอวนี่สอบตกด้านการเป็นกัปตันจริงๆ
ฉินสือโอวอักอ่วน “เอ่อ คุณหมายถึงบูล? สมควรตายเอ๊ย ชื่อของบูลคือเวเบอร์เหรอ? พระเจ้า ฉันไม่รู้เลยสักนิด ช่วยอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้ไหม ฉันพยายามจำชื่อของทุกคนและครอบครัวแล้วนะ โอเค?”
เพื่อที่จะแก้สถานการณ์อักอ่วน ฉินสือโอวหันไปตะโกนคุยกับแลนซ์ “เพื่อน ไอ้บูลมันไปไหน?”
“ชื่อผมคืออะไร คุณกัปตัน? ! อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้!” แลนซ์ก็ตะโกน
“โอเค เฮอร์แมน รูเพิร์ต โอเค? พวกนายคิดว่าฉันเป็นไอ้งั่งหรือไง? เมื่อกี้ฉันแค่คิดไม่ทัน!” ฉินสือโอวพูดอย่างน่าสงสาร
เหล่าชาวประมงยิ้มออกมา แลนซ์กะพริบตาให้ฉินสือโอว ฉินสือโอวเดินไปหา เขาพูดเสียงค่อย “ไอ้เจ้าบูลซ่อนอยู่ในห้องในเรือ เพราะเขาไม่อยากเห็นภาพพวกเรารวมตัวกับครอบครัว”
“ครอบครัวเขาล่ะ?”
“เอ่อ ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อแม่ไม่ค่อยดี ส่วนแอนนาเพิ่งหย่ากับเขา โอ้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของบูล ไม่มีใครรู้หรอกว่าบูลเป็นคนยังไง พวกเขาแต่งงานกันแค่ครึ่งปีก็หย่ากันแล้ว!”
ฉินสือโอวเพิ่งจะรู้ว่าหญิงสาวที่ดูอ่อนโยนจะเป็นภรรยาเก่าของบูล “งั้นเธอมาทำอะไร? พวกนายได้บอกที่บ้านไหมว่าครั้งนี้ออกทะเลได้เงินเท่าไร?”
เขาคิดว่าแอนนาเป็นคนประเภทที่ก่อนนี้รังเกียจที่บูลไม่มีเงิน พอได้ข่าวมาว่าพวกเขาออกทะเลได้เงินมาเยอะก็วิ่งกลับมาหา
แลนซ์เข้าใจความหมายของเขา “ไม่ กัปตัน ไม่ใช่แบบนั้น แอนนาเป็นคนดี เธอเป็นห่วงบูลมากๆ! นิสัยของบูลแย่มาก กระทั่งเคยตบตีแอนนา ผมเป็นคนไปเคลียร์ให้ทุกครั้ง…”
“อะไรนะ? ไอ้หนุ่มนั่นมันขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันดูไม่ออกเลย” ฉินสือโอวทำหน้าคาดไม่ถึง ต่อหน้าเขาบูลทำตัวเชื่องราววัวที่ถูกตอน
แลนซ์ชี้ไปที่อีวิลสันที่กำลังรังแกฉงต้า “ขอร้องล่ะกัปตัน มีไอ้นั่นอยู่ ใครกล้าระเบิดอารมณ์ต่อหน้าคุณบ้าง?”
พอเข้าใจที่มาที่ไป ฉินสือโอวก็เข้าไปถามถึงจุดประสงค์ที่แอนนามา แอนนากัดริมฝีปากก่อนจะตอบ “ฉันเคยเห็นข่าวของพวกคุณ เวเบอร์ทำได้ดีมากตอนเกิดพายุ เขาเป็นคนดี ก่อนหน้านี้ฉันเคยทำเขาเจ็บก็เลยมาขอโทษ”
“ไม่ แอนนา ผมรู้ว่าเป็นบูลที่ควรจะขอโทษคุณ คุณรออยู่นี่ครู่หนึ่งนะ”
พูดจบเขาก็พาอีวิลสันขึ้นเรือแล้วตรงเข้าไปในห้องพักในเรือ
ตอนนี้บูลกำลังอ่านนิตยสารอยู่ในห้อง มือพลิกไปแบบมั่วๆ สีหน้าเหงาหงอย
“ไฮ กัปตัน คุณมาได้ไง?” บูลที่เห็นฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
ฉินสือโอวชี้ไปที่นอกเรือ “ผู้หญิงของนายมาหา บอกว่ามาขอโทษ แต่ฉันคิดว่านายต่างหากที่ควรขอโทษเธอ”
“แอนนา?” บูลถามอย่างอึ้งๆ “เธอ เธอมาเหรอ?”
พอได้สติเขาก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ๆ กัปตัน คุณไม่เข้าใจเรื่องระหว่างเรา เฮ้อ ผมไม่ลงไปหรอก ผมยังต้องอ่านนิตยสาร…”
“กฎลูกเรือข้อแรก ข้อสอง ข้อสาม นายจำไม่ได้หรือไง?” ฉินสือโอวถามด้วยรอยยิ้ม
บูลกำลังจะอธิบาย ฉินสือโอวโบกมือแล้วพูดขึ้น “ฉันไม่อยากจะพูดมาก นายมีสองทางเลือก หนึ่ง นายฟังคำสั่งกัปตันแล้วลงเรือไป…”
“ไม่ กัปตัน! ผมเคารพคุณ แต่ผมเลือกทางที่สอง…” บูลตะคอก
“สอง อีวิลสันเตะนายลงเรือ!” ฉินสือโอวยิ้มพลางปรบมือ อีวิลสันก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยรอยยิ้มใสซื่อ
………………………………………
บทที่ 465 กลับบ้านฉลองปีใหม่
โดย
Ink Stone_Fantasy
บูลรีบยืนขึ้นมาแล้วพูดว่า “เห็นแก่พระเจ้าเถอะ อย่าๆ อย่าลงมือนะ โอเค ผมลงเรือ! พระเจ้า ผมเคยสาบาน ผมจะไม่ไปเจอแอนนาอีก…”
“อย่าพูดมาก ลงเรือไปขอโทษแอนนา แล้วคุยกับเธอดีๆ ถ้านายตีเธออีก งั้นฉันก็จะเห็นแก่พระเจ้าให้อีวิลสันไปคุยกับนายสักหน่อย” ฉินสือโอวพูด
บูลทำหน้าลำบากใจ ฉินสือโอวรู้ว่าเรื่องหัวใจไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะเข้าใจได้ง่ายๆ เขาไม่ได้อยากเป็นพระเจ้า แล้วก็ไม่มีพลังจะเป็นพระเจ้า แค่รับผิดชอบในฐานะกัปตันเท่านั้น
“บูล ถ้านายเคยทำผิดต่อแอนนาก็ขอโทษ! มันจะยากไปกว่าการที่เราเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งท่ามกลางพายุหรือไง? ยังจำคำวิจารณ์ของสื่อที่มีต่อนายได้ไหม? ชายฉกรรจ์ที่เหยียบไหล่เทพแห่งความตาย!”
คำวิจารณ์นี้ได้มาเพราะตอนนั้นบูลกับอีวิลสันเหยียบบันไดที่โอนเอนไปช่วยคน ตอนนั้นลมแรงคลื่นก็ลูกโต แต่เรือฮาวิซทยังคงไม่ไหวติง บันไดก็ลื่นเหลือเกิน ถ้าไม่ระวังตกลงไปก็จะถูกคลื่นกลืนกินทันที
ได้ยินคำของฉินสือโอวบูลก็พยักหน้ารัวก่อนจะเอ่ยปาก “ขอบคุณ กัปตัน ผมรู้แล้วว่าควรจะทำยังไง!”
ฉินสือโอวลงจากเรือส่งเหล่าชาวประมงกลับ เขากับวินนี่และคนอื่นๆ พูดคุยหัวเราะกันพลางเดินไปทางคฤหาสน์ วินนี้พูดยิ้มๆ “ฟาร์มปลาไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว ตอนที่คุณไม่อยู่น่ะแย่มากๆ เลย”
ที่ทำเอาฉินสือโอวจนใจก็คือ หลังจากนี้คฤหาสน์คงจะเงียบเหงากว่าเดิม เพราะเดี๋ยวเขาก็ต้องพาวินนี่กลับบ้านฉลองปีใหม่แล้ว
สำหรับคนก็ไม่เท่าไร เพราะฉินสือโอวจะพาวินนี่ เออร์บักและเชอร์ลี่ย์ รวมถึงเด็กๆ ทั้งสี่กลับบ้าน ฉลองปีใหม่นี่นา ที่สำคัญคือบรรยากาศ คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก พ่อแม่ก็จะยิ่งดีใจ
แต่เจ้าพวกตัวเล็กทำไง? หู่จือ เป้าจือหรือกระทั่งเสี่ยวหลัวปอก็ยังไม่เท่าไร พาหมาเข้าออกนอกประเทศไม่มีปัญหาอะไร ฉงต้ากับปอหลัวล่ะ? พวกมันเข้าจีนไม่ได้แน่
ที่ดีหน่อยก็คือ ฉงต้าตอนนี้ไม่ค่อยกระดี๊กระด๊าเท่าไร กลับไปถึงคฤหาสน์ก็หาที่อุ่นๆ หมอบลงนอน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่พามันกลับบ้านก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต
“ฉงต้าจะจำศีลฤดูหนาวเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
วินนี่หัวเราะออกมา “จำศีล? ไม่ ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะที่รัก รอถึงตอนกินข้าว คุณก็จะรู้เองว่ามันร่าเริงกว่าใครเพื่อน!”
เชอร์ลี่ย์อธิบาย “คือแบบนี้นะคะฉิน ครึ่งเดือนกว่าก่อนหน้านี้เราดูรายการเกี่ยวกับหมีสีน้ำตาล ในนั้นบอกว่าหมีสีน้ำตาลจะนอนจำศีล เหมือนว่าฉงต้าจะดูเข้าใจ ตั้งแต่วันนั้นทุกครั้งที่กินอิ่มมันก็จะนอนที่ด้านล่างเตาผิงไม่ก็แอร์”
ฉินสือโอวหยิบปลาแซลมอนแอตแลนติกที่ตั้งใจเก็บไว้ตัวหนึ่งออกมาโบกไปมาเหนือหัวฉงต้า จมูกของฉงต้าขยับฟุดฟิดทันที มันลืมตามองดูแล้วรีบหลับตาลงอีกก่อนจะกรนเป็นจังหวะต่อ
“ไอ้เจ้านี่นี่!” คราวฉินสือโอวจะยังไม่เข้าใจเป้าหมายของเจ้านี่อีกเหรอ? เขาลากมันขึ้นมาแล้วหยิกหูให้มันไปวิ่งในสวน
ฉงต้าไม่อยากไป กอดขาของฉินสือโอวร้องงอแงอู้อี้ ดูท่าทางน่าสงสาร แต่พอฉินสือโอวเผลอ มันก็กระโดดขึ้นมากินปลาแซลมอนแอตแลนติกทำเอาฉินสือโอวหัวเสีย
ในตอนเย็นที่ปักกิ่งยังไม่ถึงกลางวัน ฉินสือโอวโทรหาเหมาเหว่ยหลงถามว่าถ้าเขาจะเอาหมีตัวหนึ่งกลับจีนจะทำเรื่องตรวจสัตว์เข้าออกประเทศให้เขาได้ไหม
เหมาเหว่ยหลงตอบอย่างจนใจ “ขอแค่แกผ่านด่านศุลกากรสนามบิน ทางฉันก็ทำให้แกได้ทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นต่อให้ฉันออกหน้าก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้นายไม่รู้หรอกว่ากฎหมายในประเทศเคร่งยิ่งกว่าเดิมมาก”
ฉินสือโอวได้แต่วางสาย หลังจากนั้นเขาก็นึกถึงเอี๋ยนตงเหล่ยจึงถามเขาว่ามีวิธีไหม
หลังจากเรื่องพายุคราเคน เอี๋ยนตงเหล่ยเคยโทรหาเขา ชมเขาว่าเขาสร้างชื่อเสียงให้คนจีนแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บอกว่าการที่เขาช่วยชีวิตคนไว้ทำให้คนจีนในนิวฟันด์แลนด์อยู่ง่ายขึ้นเยอะ
ได้รับโทรศัพท์จากเขา เอี๋ยนตงเหล่ยนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ศุลกากรด่านตรวจโรคเข้าออกประเทศจัดการเรื่องนี้ใช่ไหม? เดี๋ยวฉันติดต่อให้ คุณไปทำใบรับรองการเลี้ยงเซนต์จอห์น แบบนี้เอาหมีไปด้วยก็ไม่เป็นไร”
เอี๋ยนตงเหล่ยเป็นคนสุขุม ฉินสือโอวมั่นใจในตัวเขามาก ในเมื่อเขาบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ งั้นก็ต้องไม่มีปัญหาแน่
ปอหลัวก็หมดหนทางแล้ว ได้แต่วานทางบ้านของชาร์คกับซีมอนสเตอร์ให้ช่วยดูแลให้ ดีที่เจ้านี่พยศเป็นปกติ ไม่เหมือนกับหู่เป้าฉงสามตัวที่น่าห่วง พอห่างจากฉินสือโอวก็ร้องงอแง
กลางเดือนกุมภาพันธ์ ฉินสือโอวเก็บกวาดคฤหาสน์เตรียมตัวกลับบ้าน ฟาร์มปลามีชาร์คกับซีมอนสเตอร์คอยคุม นอกจากนี้แลนซ์ยังพาชาวประมงอีกเก้าคนเข้าอพาร์ตเมนต์ของฟาร์มปลาแล้ว มีเรื่องอะไรก็ไม่จำเป็นต้องกังวล
กลับบ้านตอนปีใหม่จะขาดของขวัญไม่ได้ ฉินสือโอวกับวินนี่ซื้อของเยอะแยะ โสมอเมริกาหลายสิบแท่ง ปลิงทะเลขั้วโลกเหนือแห้งสิบกว่ากรัม ของทะเลแห้งที่ควรมีก็มีหมด นอกนั้นยังมีน้ำเชื่อมเมเปิล น้ำมันแมวน้ำ น้ำมันปลาทะเลลึกเป็นต้น แต่ละขวดใหญ่ๆ ทั้งนั้น
สุดท้ายมาคิดๆ ดู ฉินสือโอวก็ซื้อนมผงอีกลังใหญ่ วินนี่ถามเขาว่าจะให้ใคร เขาบอกว่าเตรียมไว้ให้เพื่อน
กลับบ้านคนเยอะแถมยังพาพวกหมา หมี และนกอินทรีไปอีก ฉินสือโอวเลยโทรหาเจนนิเฟอร์ให้เหมาเครื่องบินให้เขา บินตรงจากเซนต์จอห์นไปถึงปักกิ่ง พอตรวจแล้วไม่มีปัญหาก็บินไปที่สนามบินจังหวัดซึ่งใกล้กับบ้านเกิดมากที่สุด
เพราะคอนเนคชั่นเลยทำได้ราบรื่น ฉินสือโอวเลยสามารถวางใจเอาพวกเหล้าบุหรี่ไปด้วย ไอซ์ไวน์ ไวน์ รัม เขาเอามาอย่างล่ะหน่อย ตอนฉลองปีใหม่ก็เอามารับแขกได้
บริษัทเอ็กซ์เพรสใหญ่จริง วันที่สองหลังจากที่ฉินสือโอวโทรศัพท์ไป เจนนิเฟอร์ก็ติดต่อหาเครื่องบินโดยสารชั้นยอดมีชื่อให้ได้แล้ว เครื่องบินบอมบาร์เดียร์ ชาเลนเจอร์ 350!
เครื่องบินรุ่นนี้เป็นเครื่องบินเอกชนรุ่นที่ดีที่สุดผลิตโดยผู้นำทางการบินบอมบาร์เดียร์ มีที่นั่งทั้งหมด2+16ที่ พื้นที่กว้างขวางแน่นอน ความยาวตัวเครื่อง21เมตร ความยาวปีก22เมตร เป็นตัวเต็งในหมู่เครื่องบินส่วนตัว
พื้นที่กว้างพอ ฉินสือโอวเลยพาเบิร์ดไปด้วย เจ้านี่ไม่ค่อยพูดแถมฉลาด กลับบ้านเหมาะให้เป็นคนขับรถ ยาม ไม่ก็คนงาน บนเครื่องยังเป็นคนขับเครื่องสำรองได้ด้วย
การเช่าจากเซนต์จอห์นไปสนามบินจังหวัดครั้งนี้ทั้งหมดสองแสนหนึ่งดอลลาร์ บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสลดได้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แบบนี้ก็แสนหกดอลลาร์แคนาดา เปลี่ยนเป็นเงินหยวนก็คือแปดแสน
ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่แพงเลยสักนิด คนเยอะขนาดนี้ถ้านั่งชั้นหนึ่งก็ต้องใช้เงินแสนหกดอลลาร์ แถมตอนนี้พวกเขาเหมาเครื่องด้วย
ที่จริงแล้วยังมีเครื่องบินที่ราคาเช่าถูกกว่านี้ อย่างเช่นแอร์บัส 350 ฟอลคอน 2000 บินครั้งหนึ่งค่าเช่าไม่ถึงแสนดอลลาร์ด้วยซ้ำ
แต่ว่าระยะการบินพวกนี้ใกล้เกินไป เซนต์จอห์นห่างจากบ้านเกิดมากๆ ตั้งหนึ่งหมื่นหกพันกว่ากิโลเมตร ระยะบินของเครื่องบินพวกนี้มีแต่สามพันกิโลเมตร ห้าพันกิโลเมตร บินครั้งหนึ่งต้องลงจอดเพื่อเติมน้ำมันหลายครั้ง ยุ่งยากเกินไป
ระยะบินของชาลเลนเจอร์ 350 คือ 12,000 กิโลเมตร จากเซนต์จอห์นบินไปเติมน้ำมันที่เมืองแวนคูเวอร์ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็บินตรงไปปักกิ่งเอาเครื่องลงทำการตรวจสอบทางศุลกากร
อีกอย่างเครื่องบินนี้ก็เร็วมาก สามารถถึง 82 มัค แค่ 15-16 ชั่วโมง ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็กลับถึงบ้านแล้ว
ขึ้นเครื่องจากสนามบินเซนต์จอห์น มีพนักงานขนสัมภาระเข้าใต้ท้องเครื่อง ฉินสือโอวแค่ต้องพาทุกคนไปพักผ่อน
วินนี่เคยได้รับการฝึกเครื่องบินส่วนตัว รู้จักเครื่องรุ่นชาเลนเจอร์เป็นอย่างดี พอขึ้นเครื่องเธอก็ปรับที่นั่งให้เป็นเตียงเล็กๆ ให้เด็กๆ ทั้งสี่ขึ้นไปนั่ง จากนั้นก็ช่วยเออร์บักดึงจอแสดงตรงหน้าออกมาแล้วเปิดละครที่เขาชอบ
มองวินนี่ทำโน่นทำนี่ ฉินสือโอวกอดอกพิงประตูดูอยู่ด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกแบบนี้ดีจริงๆ เหมือนกับวินนี่กำลังทำโน่นนี่ให้ลูกของตัวเอง
………………………………………
บทที่ 466 ฉลามบาสกิงมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ภายในของชาเลนเจอร์ 350 กว้างขวางมาก ประดับตกแต่งก็หรูหราราวกับห้องประธานาธิบดี
โต๊ะอาหารเก้าอี้นอนก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ในนี้ยังมีบาร์เล็กๆ โฮมเธียเตอร์ในตัว มีโต๊ะพนันตัวเล็ก มิน่าล่ะคนรวยถึงชอบเล่นเครื่องบินส่วนตัวกัน สนุกจริงๆ
ฉินสือโอวถามราคาเครื่องบินลำนี้กับวินนี่ เธอบอกว่าประมาณ 24 ล้านดอลลาร์แคนาดา แต่ไม่รวมภาษี แต่ละรัฐเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยต่างกัน สุดท้ายจ่ายจริงน่าจะถึง 30 ล้าน
สนามบินของฟาร์มปลาสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่า 30 ล้านก็ไม่ถือว่าแพง อาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์จะขายออกไปแล้ว ตัวเขาเองก็มีทรัพย์สินร้อยล้าน เดี๋ยวซื้อสักลำดีกว่า
วินนี่เหมือนจะรู้ถึงความคิดของเขาจึงชี้ไปที่เขาอย่างตักเตือนก่อนเอ่ยปาก “อย่าคิดอะไรเหลวไหลนะ ห้ามซื้อเครื่องบิน! ดูปากฉันนะ ห้าม เปลือง เงิน ซื้อ เครื่อง บิน!”
มองดูริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชื้นสีชมพูของวินนี่ จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกถึงตอนที่เจอกันครั้งแรกในเครื่องบิน เขาเข้าไปประชิดถามเสียงเบา “เห็นริมฝีปากของคุณ วินนี่ รู้ไหมว่าผมนึกถึงอะไร?”
วินนี่ไม่รู้สิแปลก อย่างไรเสียเธอก็ได้รับอิทธิพลจากวงการแอร์โฮสเตสอันแสนวุ่นวายมา เธอถองศอกใส่ฉินสือโอวอย่างเขินอายแล้วพูดเสียงเบา “คุณมันทะลึ่ง อย่าคิดจะให้ฉันทำแบบนั้นเด็ดขาดนะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะพลางเปลี่ยนเรื่องคุย เขาไม่ได้ให้วินนี่ใช้ปากให้บนเตียง ถึงแม้ว่าแบบนั้นจะรู้สึกดีมากๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าต้องไม่ใช่คืนฮันนีมูน จะเป็นการดูถูกผู้หญิงไปสักหน่อย
“วินนี่ เจอพ่อแม่ผมครั้งนี้เรียกพ่อกับแม่เหมือนผมดีไหม?”
“ไม่ดี เรายังไม่ได้แต่งงานเลยนะ”
“คุณบอกวันมา เราแต่งกันเลย คุณก็รู้นี่ที่รัก ผมรอไม่ไหวแล้ว”
“งั้นเรามีลูกกันสักคนก่อนดีไหม? อุ้มลูกแต่งงานต้องเยี่ยมแน่”
“…”
หลังจากที่ตรวจความดันอากาศ และแรงดันน้ำมันเครื่องว่าไม่มีปัญหา นักบินกับหอควบคุมการบินทำการยืนยันเรียบร้อย เครื่องบินก็เข้าสู่รันเวย์ เครื่องวิ่งแล่นไปช้าๆ แล้วเริ่มเหินไปในอากาศตามส่วนหัวที่ยกขึ้น
วินนี่จับมือฉินสือโอวเอาไว้ ให้เขาเอาหัวพิงมาที่อกอวบอิ่มของเธอ ไม่มีใครเข้าใจถึงโรคกลัวความสูงของฉินสือโอวไปมากกว่าเธออีกแล้ว
เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ทั้งสี่มองทั้งสองอย่างสงสัย วินนี่ยิ้มมีเสน่ห์แล้วอธิบาย “น้าไม่ค่อยสบายน่ะ ตอนเครื่องขึ้นบินรู้สึกไม่ค่อยดี”
เด็กๆ ทั้งสี่เข้าใจในทันที เชอร์ลี่ย์เข้าไปจับมือวินนี่เอาไว้แล้วพูดขึ้น “แบบนี้ดีขึ้นไหมคะ?”
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าล้วนโดนคาดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่ พวกมันดิ้นอยากจะไปหาฉินสือโอว พอวินนี่ถลึงตาใส่เจ้าพวกนี้ก็สงบลงทันที
เสี่ยวหลัวปอหัวเราะเยาะหู่เป้าฉง มันยังเล็กก็เลยได้สิทธิพิเศษ อย่างเช่นตอนนี้ถูกวินนี่อุ้มไว้ในอก แน่นอนว่าเรียกได้ว่าโดนหัวของฉินสือโอวทับอยู่ข้างล่างอีกที
หลังจากที่เครื่องบินเข้าสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์ ฉินสือโอวก็รู้สึกดีขึ้นมาก เบิร์ดเดินมายื่นไอซ์ไวน์ที่ใส่องุ่นให้เขาก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “จะรู้สึกดีขึ้น”
เที่ยวบินสิบกว่าชั่วโมง ฉินสือโอวว่างไม่มีอะไรทำก็เลยหลับตาแล้วไปที่ทะเล
ไข่ที่ปฏิสนธิของทูน่าครีบเหลืองเริ่มฟักแล้ว ฟาร์มปลามีลูกปลาทูน่าครีบเหลืองตัวเล็กๆ เพิ่มมาอีกนับไม่ถ้วน พวกมันร่าเริงอยากรู้อยากเห็น ว่ายไปทั่วในฟาร์มปลา
ฉินสือโอวควบคุมพวกมันไม่ได้ นี่จะตัดสินชะตาของพวกมัน เพราะไม่ว่าปลาแซลมอนชัมหรือปลาค็อดก็ล้วนกินพวกมันเป็นอาหารได้…
เพียงแต่ฉินสือโอวไม่เสียดาย เพราะทูน่าครีบน้ำเงินก็วางไข่ไว้มากมายเหมือนกัน รอจนเขาฉลองปีใหม่กลับมา ในฟาร์มปลาคงจะมีลูกปลาทูน่าครีบน้ำเงินอีกมาก
กฎของธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่รอดผู้ที่อ่อนแอถูกคัดออก ลูกปลาทูน่าตัวน้อยพวกนี้มีอย่างน้อยเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้โต ไม่นานก็จะเข้าปากปลาใหญ่กลายเป็นอาหาร แต่ต่อให้หนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นรอดมาได้ก็ยังน่าจับตามองอยู่ดี
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นทูน่าครีบเหลืองหรือน้ำเงิน แม่ปลาของพวกมันก็จะวางไข่หลักล้านหรือกระทั่งสิบล้านฟอง!
ฉินสือโอวตอนนี้ตีกับตัวเองอยู่ อย่างมากเพียงแค่สี่ปี ปลาทูน่าพวกนี้ก็จะโตขึ้น งั้นฟาร์มปลาต้าฉินจะต้องส่งผลกระทบน่ากลัวต่อตลาดทูน่าในระดับโลกแน่ๆ
เพราะตามกำลังการอนุรักษ์ของเขา จำนวนปลาทูน่าที่ฟาร์มปลาต้าฉินผลิตออกมาได้นั้นพอๆ กับทะเลเขตอื่นในโลก!
ของยิ่งน้อยยิ่งแพง เมื่อก่อนราคาปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ค่อยสูงเท่าไร เพียงแต่หลังจากนั้นเจอการประมงเกินความจำเป็น ราคาก็เลยค่อยๆ สูงขึ้น
ถ้าจู่ๆ ฟาร์มปลาต้าฉินส่งปลาทูน่าครีบน้ำเงินเข้าตลาดเป็นหมื่น งั้นเขาเชื่อว่าตลาดปลาทูน่าจะต้องทลายแน่!
แต่นี่ก็เป็นเรื่องในอนาคต ฉินสือโอวยังไม่จำเป็นต้องกังวลในตอนนี้ ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ทางเขาจะต้องได้เงินเยอะแน่ๆ
ฉลามบาสกิงว่ายมาฟาร์มปลาต้าฉินช้าๆ มันมาจากทะเลตะวันตกเฉียงเหนือ พอดีกับที่ปลาแลมป์เพรย์มาเจอเข้า
เจ้าพวกแวมไพร์ท้องทะเลเหล่านี้เห็นฉลามบาสกิงเข้าก็ตื่นเต้น ให้ตายสิ ตอนนี้มีเลือดเนื้อเท่าไรเนี่ย?
ดังนั้นพวกมันจึงกรูกันเข้าไป แต่พอเข้าไปก็จนใจ ผิวของฉลามบาสกิงหนาและเหนียวเกินไป ฟันของพวกมันเจาะไม่เข้าด้วยซ้ำ เห็นเนื้อก้อนโตอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินเข้าปากไม่ได้!
ช่วงนี้พี่น้องฉลามกบทั้งเจ็ดกำลังเซ็ง ก่อนหน้านี้บอลหิมะกับไอซ์สเกตออกจากทะเลแนวปะการังทำให้พวกมันดีใจมาก เฮยป้าหวังไม่มาในเขตทะเลตื้น กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีถูกย้ายไปแล้ว แบบนี้พวกมันก็กลายเป็นเจ้าทะเลแห่งเขตแนวปะการัง
ในเขาไร้เสือลิงก็กลายเป็นราชา พี่น้องฉลามกบทั้งเจ็ดในช่วงเวลานั้นมีความสุขอย่าบอกใคร อยากกินปลาแซลมอนชัมก็กิน อยากกินลูกปลาทูน่าก็กิน อยากกินปลาแฮร์ริ่งก็กิน อยากกินกุ้งมังกรก็กิน ดีจะตาย
ปรากฏว่าช่วงหลายวันก่อนบอลหิมะกับไอซ์สเกตกลับมาแล้ว เห็นพวกนั้นทำอันธพาลไว้ที่แนวปะการัง พอจับได้ก็จัดการอย่างโหด
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องบาดเจ็บไม่เบา ดังนั้นพวกมันจึงตัดสินใจหนีไปจากเขตทะเลแนวปะการัง ให้ราชาบอลหิมะกับไอซ์สเกตทั้งสองไปตายเสียเถอะ พวกฉันไม่รับใช้แล้ว พวกเราไปมุมตะวันตกเฉียงเหนือ ให้ห่างจากพวกแก…
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องว่ายออกมาอย่างอารมณ์ดี โห น้ำทะเลด้านนอกช่างใสจริงๆ แม้แต่รสชาติของออกซิเจนในน้ำทะเลก็ไม่เหมือนกัน… เฮ้ย นั่นมันอะไร?
เพิ่งจะว่ายไปเขตทะเลตะวันตกเฉียงใต้หยุดลงไม่เท่าไร พี่น้องทั้งเจ็ดเงยขึ้นมาก็เจอกันสัตว์ประหลาดตัวใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง แถมยังค่อยๆ อ้าปากด้วย!
ฉลามบาสกิงเป็นที่รู้จักเพราะปากอันใหญ่โต พออ้าปากก็เหมือนมีหลุมดำโผล่กลางทะเล
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องตกใจกลัวตัวสั่น รีบหันว่ายหนีกันอกสั่นขวัญแขวน ให้ตายเถอะ ข้างนอกอันตรายชะมัด กลับเขตทะเลแนวปะการังดีกว่า ถึงสองราชาจะแย่ แต่พวกนั้นไม่กินฉลามกบนี่
เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีดูดซึมพลังโพไซดอนไปแล้วก็โตไวกว่าเดิม เจ้าพวกน่ากลัวพวกนี้สามารถโตได้ถึงสี่สิบเซนติเมตร และกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีสี่สิบเซนติเมตรเรียกได้ว่าเป็นนักฆ่ามือหนึ่งแห่งท้องทะเล พวกมันไม่กลัวฉลามด้วยซ้ำ!
แต่หาเจอได้น้อยมาก เพราะกั้งประเภทนี้ชอบฉายเดี่ยวก็เลยกลายเป็นอาหารของคู่ต่อสู้ได้ง่าย
ทะเลไม่ให้บริเวณของตัวเองมีสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่ไร้ศัตรู นอกจากมนุษย์ มนุษย์เป็นความผิดพลาดหนึ่งในกระบวนการวิวัฒนาการตามธรรมชาติ ปรากฏว่าความผิดพลาดเล็กน้อยจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวที่สุดมาจนทุกวันนี้
ความเปลี่ยนแปลงที่พลังโพไซดอนมีต่อกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไม่ใช่แค่ทำให้พวกมันโตไวขึ้น ยังทำให้พวกมันสามัคคีมากขึ้น พลังโพไซดอนเปลี่ยนนิสัยของพวกมัน กั้งนักรบพวกนี้จับกลุ่มกัน ทำอันธพาลในทะเล เจอใครก็ฆ่าไม่เว้น!
มองดูซากปูราชินี หอยงวงช้างที่ถูกเคาะจนแตกด้านหลังกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีแล้ว ฉินสือโอวก็ปวดหัวขึ้นมา จะทำอย่างไรกับเจ้าพวกนี้ดี? ไม่มีประโยชน์มากมาย แต่จะทิ้งก็เสียดาย!
……………………………………
บทที่ 467 ลำดับของปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ความแข็งแกร่งของทัพกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีนั้นไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย เดี๋ยวก่อนนะ ความแข็งแกร่ง? ฉินสือโอวยักมุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มร้าย
เจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงเก่งนักไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่หัวเราะเยาะเย้ยดูถูกฉันหรือไง? นายไม่ได้อยากจะสร้างคฤหาสน์ทำอสังหาริมทรัพย์ตอนต้นฤดูใบไม้ผลิเหรอ? ได้ ฉันก็จะส่งกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไป ดูสิว่าจะทำอย่างไร!
ประโยชน์ของคฤหาสน์คืออะไร? ให้คนอยู่! งั้นจุดเด่นของคฤหาสน์ฟาร์มปลาแกธเธอริงคืออะไร? เกาะกลางทะเลเล็กๆ ที่เป็นเหมือนยูโทเปีย โกลด์โคสต์! งั้นถ้าโกลด์โคสต์นี้มีกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีแสนดุโผล่มายังจะมีใครมาอยู่อีกล่ะ?
คิดมาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็ย้ายทัพกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไป แต่เขาก็ไม่คิดจะเล่นใหญ่
ความไม่พอใจที่เขามีต่อเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงก็เพราะเจอการปฏิบัติไม่เท่าเทียม ไม่ใช่เพราะตัวเองซื้อฟาร์มปลาไม่ได้ ฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่ขายให้เขาก็ได้ แต่เขาหวังว่าเจ้าของอ้วนนั่นจะพูดกับเขาดีๆ
ขอแค่ทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันอย่างใจเย็น ต่อให้เขาซื้อฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรเรื่องดีๆ ในโลกก็ไม่มีทางเกิดกับเขาเพียงคนเดียว ตอนนี้สิ่งที่เขามีอยู่ก็มากพอให้เขาพอใจแล้ว
แต่ว่าสภาพความเป็นจริงล่ะ? การกระทำของเจ้าอ้วนนั่นทำเขาไม่พอใจจริงๆ ! ในเมื่อไม่พอใจก็เล่นงานมัน เล่นจนมันเองก็หงุดหงิด!
พอย้ายทัพกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไปเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ตระเวนไปทั่วฟาร์มปลา ตอนที่เจอลูกปลาทูน่าก็ถ่ายพลังโพไซดอนเข้าไปหน่อย ปลาทูน่ายิ่งเยอะ ยิ่งโตดีๆ ถึงจะดีกว่า ไม่ว่าจะว่าไงปลาชนิดนี้ก็ได้ราคามากกว่าปลาค็อดอยู่มาก
พลังโพไซดอนนั้นเยี่ยมมาก มันมีผลต่อการกระตุ้นการเจริญเติบโตของพวกปลาอย่างชัดเจน ตอนนี้ปลาค็อดในฟาร์มปลามีหลายตัวที่โตจนขนาดใหญ่ประมาณตัวโตเต็มวัยแล้ว
ปลาแฮดดัค ปลาหิมะ ปลาพอลลอค ปลาช่อนทรายแก้ว ปลาค็อดกรีนแลนด์ ปลากิราร์ดนอร์เวย์ ปลาอลาสก้าพอลล็อคเป็นต้น ที่ควรมีฟาร์มปลามีหมด แน่นอนว่าจะขาดปลาค็อดแอตแลนติกไม่ได้
ปลาค็อดแอตแลนติกโตไวมาก ปลาค็อดที่เต็มวัยยาวได้สองเมตร หนักถึงร้อยกิโลกรัม เนื้อสัมผัสปลาชนิดนี้เด้งละเอียด กลิ่นคาวเนื้ออ่อน ตัวโต จำนวนเยอะ เกี่ยวกับคำพูดที่ว่าเหยียบปลาค็อดเดินขึ้นเกาะนิวฟันด์แลนด์ได้ก็มาจากปลาชนิดนี้แหละ
น่าเสียดายที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ซึ่งเคยเป็นที่ที่มีปลาชนิดนี้มากที่สุดในตอนนี้แทบจะไม่มีเหลือเพราะการประมงของคน กลับกลายเป็นอเมริกากับไอซ์แลนด์ก็อนุรักษ์ไว้ได้ดีกว่า ตอนนี้ทรัพยากรเกี่ยวกับปลาค็อดที่อ่าวเคปค้อดของรัฐแมสซาชูเซตส์กับแถบทะเลไอซ์แลนด์อุดมสมบูรณ์กว่า
ปลาค็อดแอตแลนติกในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์น้อยขนาดไหน? ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินสือโอวไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เจอปลาแฮดดัคเยอะขนาดนั้น แต่ก็ไม่ค่อยเจอปลาค็อดแอตแลนติก!
จากที่เคยเป็นปลาที่พบได้ทั่วไปของแอตแลนติกเหนือ ในตอนนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ของทุกที่ ต้องบอกว่านี่เป็นเรื่องเศร้าอย่างหนึ่ง
ตอนนี้ปลาท้องถิ่นที่เป็นที่ยอมรับให้จับมีไม่กี่อย่างก็คือปลาทูน่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ กุ้งมังกรอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ปูราชินีทะเลอลาสก้า ปลาค็อดแอตแลนติกทะเลไอซ์แลนด์
ปลาค็อดแอตแลนติกของฟาร์มปลาต้าฉินเป็นปลาที่โตไวที่สุด มีกลุ่มปลาที่ตัวยาวเกินหนึ่งเมตรแล้ว แบบนี้ในแถบทะเลทั่วไปต้องใช้เวลาสี่ปีถึงจะโตได้ขนาดนี้ พอผ่านการพัฒนาจากพลังโพไซดอนก็ใช้แค่ปีเดียวเท่านั้น!
หลังจากที่ฝูงปลาใหญ่โผล่ออกมา ก็ต้องจับ ไม่อย่างนั้นนานวันไปพวกมันจะเป็นภัยต่อระบบนิเวศน์ของฟาร์มปลา อย่างเช่นถ้าลูกปลาทูน่าเจอกับปลาค็อดแอตแลนติกโตเต็มวัยจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย…
ฉินสือโอววิเคราะห์ปลาที่ได้ของฟาร์ม วางแผนในใจว่าหลังเข้าฤดูใบไม้ผลิจะจับด้วยลำดับแบบไหนดี เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนหลังเขาค่อยๆ หลับไป พอลืมตาเครื่องบินก็หยุดลง
ถึงเมืองแวนคูเวอร์แล้วเหรอ? ฉินสือโอวตื่นขึ้นมาหาวพลางถาม
วินนี่ที่กำลังแปรงขนหมาป่าบนหัวของเสี่ยวหลัวปอจูบเขาครั้งหนึ่งก่อนจะตอบ “ไม่ ที่รัก คุณกลับประเทศแล้ว ที่นี่ปักกิ่ง”
“ไวขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
“ลุงฉินต่างหากที่หลับเยอะไป” กอร์ดอนที่กำลังกอดไอแพดเล่นเกมตอบเจือเสียงหัวเราะ
เชอร์ลี่ย์เขกหัวเขาหนึ่งทีแล้วพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด “น้ำเสียงแบบไหนกัน? ไม่รู้จักใช้คำแสดงความเคารพหรือไง?”
มิเชลหัวเราะออกมา เชอร์ลี่ย์มองเขาทีหนึ่ง เขาจึงรีบพูดทันที “ดูสิ พี่ชายที่เคารพของผม กอร์ดอน เออร์บักเป็นเด็กทึ่ม ใช่ไหม ลุงฉินที่รัก?”
ฉินสือโอวกับวินนี่หัวเราะไปกับการหยอกล้อของเด็กๆ หู่จือ เป้าจือ ร้องหงิงออกมา นอกจากอึฉี่กินข้าวแล้วก็โดนรัดไว้กับที่นั่งตลอด จะทนไม่ไหวแล้ว
ฉงต้าไม่สนใจ นอนอยู่ข้างบนเลียพุงตัวเองหลับปุ๋ย ปากอ้าๆ หุบๆ กรนอยู่
บุชหมอบอยู่ที่หน้าต่างดูวิวข้างนอกด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ดูท่าว่ามันจะกระหายท้องฟ้ามากขึ้นทุกที
เอี๋ยนตงเหล่ยช่วยเขาหาคอนเนคชั่นดีๆ ไว้ ฉินสือโอวลงเครื่องมายืดเส้นยืดสายแล้วถือโอกาสให้ศุลกากรและหน่วยกักกันขึ้นเครื่องมาตรวจ
วินนี่เตรียมใบรับรองการรับเลี้ยงของหู่เป้าฉงและหมาป่าขาว ส่วนบุชก็ไม่ต้องแล้ว
กลุ่มคนสวมชุดเครื่องแบบเดินพูดคุยหัวเราะกันมา ฉินสือโอวเจอหน้าพวกเขาก็อึ้งไป ไม่น่าเชื่อว่าในนั้นจะมีคนรู้จักด้วย “พี่ พี่หลี่?”
หัวหน้าแผนกกักกันก็คือนักท่องเที่ยวที่เขาเคยเจอที่เมืองแฟร์เวล ตอนนั้นฉินสือโอวยังพาเขาขึ้นเขาล่าสัตว์อยู่เลย ชื่อหลี่อะไรหลงนี่แหละ ฉินสือโอวจำไม่ได้แล้วว่าเขาชื่ออะไรกันแน่ ก็เลยเรียกพี่
สายตาของคนคนนั้นหยุดลงแล้วมองมาก่อนจะยิ้มขึ้นมาทันที “น้องชายฉิน? ที่แท้ก็นายเองเหรอ นายนี่คือ? โอ้ กลับบ้านฉลองปีใหม่!”
เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเข้าไปจับมือกันอย่างกระตือรือร้นกับฉินสือโอว จากนั้นก็แนะนำเพื่อนร่วมงานให้รู้จัก
พอคนพวกนี้ได้ยินว่าฉินสือโอวก็คือคนวางแผนการท่องเที่ยวเมืองแฟร์เวลให้คนจีนที่ดังมากที่ปักกิ่งก็ค่อนข้างเกรงอกเกรงใจกัน พากันหยอกล้อบอกว่าเจ้าหลี่เต๋อหลงไปเที่ยวที่นั่นครั้งหนึ่งกลับมาก็อวดใหญ่ ปีนี้พวกเราก็มีแผนไปเที่ยว ขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณฉินด้วย อะไรประมาณนี้
ฉินสือโอวเพิ่งจะนึกได้ คนวัยกลางคนคนนี้ชื่อว่าหลี่เต๋อหลง
มีคอนเนคชั่นกับเอี๋ยนตงเหล่ยเรื่องหลังจากนี้ก็ง่ายแล้ว คนกลุ่มหนึ่งพาสุนัขตำรวจเข้าไปตรวจครู่หนึ่ง ไม่มีปัญหาอะไรก็ประทับตราและเซ็นชื่อบนหนังสือเดินทาง และใบรับรอง แบบนี้พอไปถึงสนามบินจังหวัดก็จะสะดวกหน่อย ไม่ต้องตรวจครั้งที่สอง
เครื่องบินเติมน้ำมันอีกครั้ง ฉินสือโอวพาวินนี่เดินเตร่แถวข้างเครื่องบินครู่หนึ่งแล้วขึ้นเครื่องไปอีก ครั้งนี้ก็ไวแล้ว เครื่องบินแทบจะบินไปด้วยกันแล้วก็ลงจอด ถึงสนามบินจังหวัดแล้ว
ฉินสือโอวโทรหาที่บ้านล่วงหน้าแล้ว พี่เขยขับรถเอ็มพีวีเจ็ดที่นั่งของเพื่อน ฉินเผิงก็ขับรถกระบะมารออยู่หน้าสนามบินแล้ว
ทั้งสองฝ่ายเจอหน้ากัน ต่างก็โบกมือให้กันตั้งแต่ไกล ฉินสือโอวกอดฉินเผิงแล้วถาม “รถกระบะนี่ของนายเหรอ?”
นี่เป็นรถกระบะฉางเฉิง ราคาคงไม่แพง แต่ดูใหม่มาก เห็นได้ชัดว่าซื้อมาไม่นาน
ฉินเผิงพูดพลางหัวเราะ “เปิดร้านซ่อมรถนี่ ไม่มีรถก็ไม่ค่อยสะดวก ฉันกับเมียปรึกษากันก็เลยซื้อรถกระบะคันหนึ่ง ให้เศรษฐีขับเครื่องบินอย่างนายหัวเราะเยาะแล้ว”
“รถกระบะก็ดีออก” ฉินสือโอวชนหมัดกับเขา “อย่าเรียกฉันว่าเศรษฐี เรียกฉันลุงเศรษฐี!”
“บอกแล้วว่าไม่พูดถึงเรื่องความอาวุโสไง!”
“ไม่พูดถึงได้ไง พ่อแม่ลูกเมียสบายดีไหม? จำได้ไหม ตอนปีใหม่ลูกนายต้องหัดเรียกฉันว่าลุง พาเธอมาอวยพรปีใหม่ฉัน!”
“ฉันยอมแล้ว แกมาแกล้งฉันคนเดียวก็พอ ปล่อยลูกสาวฉันเถอะ”
…………………………………………
บทที่ 468 เห่าเหมือนหมา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากนั้นฉินสือโอวก็แนะนำฉินเผิงให้รู้จักวินนี่และเออร์บัก เห็นวินนี่ที่ดูสง่า ฉินเผิงก็เก็บใบหน้ายิ้มแย้มไร้สาระก่อนจะจับมือเธออย่างเกรงใจ แล้วยังโม้เรื่องฉินสือโอวใหญ่ แน่นอนว่าที่โม้ก็คือตอนเขาเด็กๆ แกล้งตัวเขาไว้อย่างไร
ฉินสือโอวเปิดกล่องกระดาษใบใหญ่ที่ทางสนามบินจัดเตรียมไว้ ฉงต้ากับหู่จือ เป้าจือได้เห็นแสงอาทิตย์เสียที ครั้งนี้แม้แต่ฉงต้าก็อึดอัดแทบแย่ พอเห็นแสงแดดก็ร้องดีใจ
วินนี่รีบดึงฉงต้าไว้ คอยปลอบคอยโอ๋ส่งมันขึ้นหลังกระบะ หู่จือกับเป้าจือเชื่อฟังดี ฉินสือโอวผิวปาก เจ้าสองตัวก็ส่ายหางไปนั่งข้างเขา
ฉินเผิงมองดูอย่างอึ้งๆ นานสองนานกว่าจะเรียกสติคืนมาได้ “เฮ้ยๆๆ นี่กลับบ้านมาฉลองปีใหม่หรือทำอะไรเนี่ย? ทำไมเอาหมามาด้วย? ที่เข้าไปเมื่อกี้คืออะไร? นั่นมันหมาอะไร ฉันไม่เคยเห็น”
“นั่นไม่ใช่หมา เป็นหมี ลูกหมีสีน้ำตาลค่ะ” เชอร์ลี่ย์อธิบายด้วยภาษาจีนที่ไม่ถือว่าชัดมากนัก
ฉินเผิงอึ้งแบบสุดๆ พี่เขยก่อนหน้านี้ก็เคยเจอ ในสายฉินสือโอวก็บอกแล้ว เขาเตรียมใจไว้แล้ว
รถสองคันขับตามกันไปตามทางกลับบ้าน อากาศไม่ค่อยดีแต่สภาพถนนไม่เลว ครึ่งชั่วโมงให้หลังลงจากทางด่วนก็เป็นเมืองเล็ก ขับต่อไปอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านแล้ว
สภาพอากาศอึมครึมตลอดเลยดูไม่ออกว่ากี่โมง ฉินสือโอวมองดูประตูเหล็กสีเขียวอันคุ้นเคยก็อุทานในใจ ถึงบ้านแล้ว!
ทีนี้ก็ปล่อยหู่จือกับเป้าจือได้แล้ว เขาเปิดประตูรถแล้วพยักหน้าให้พวกมัน เจ้าสองตัวเริ่มทำท่าดีใจ วิ่งพุ่งออกไปราวกับลูกธนูสองดอก ฉินเผิงอึ้งไปอีกรอบ “โห หมาบ้านแกแกร่งจัง!”
พ่อฉินกับแม่ฉินได้ยินเสียงรถก็สวมรองเท้าแตะวิ่งออกมา เห็นเงาร่างของลูกชาย พ่อฉินฉีกยิ้มในทันที แม่ฉินเข้ามาต้อนรับวินนี่พลางถามไถ่ไม่ขาดปาก “วินนี่ เดินทางเหนื่อยไหม? ที่บ้านหนาวไหม? หิวไหม? อยากกินน้ำไหม?”
“พ่อ แม่ หนูสบายดีค่ะ” วินนี่ตอบด้วยรอยยิ้มบาง
พ่อฉินกับแม่ฉินอึ้งไปก่อนจะออกอาการดีใจทั้งคู่แล้วเปลี่ยนไปเรียก ‘ลูกสาว’ ทันที
วินนี่หันกลับไปกะพริบตาให้ฉินสือโอว ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้เธอ ที่รักเธอเก่งจริงๆ
ฉินเผิงช่วยขนของเป็นกองลงมา ฉินสือโอวกับเบิร์ดต่างยุ่งวุ่นวาย ครั้งนี้อย่างกับย้ายบ้านเลยจริงๆ ห่อเล็กห่อใหญ่นับไม่ถ้วน แค่เหล้ากับบุหรี่ก็สองลังใหญ่แล้ว
พ่อฉินเข้ามาช่วย เก็บของไปก็แอบถามไปด้วย “ลูกกับวินนี่จดทะเบียนกันแล้วเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบ “ยัง แต่…”
“งั้นมีลูกหรือยัง?”
“พ่อ คิดอะไรกันเนี่ย ผมกับวินนี่บริสุทธิ์นะ…”
“คิดจะหลอกใครเนี่ย? พ่อแกอย่างน้อยก็อาบน้ำร้อนมาก่อน ช่างเถอะไม่พูดแล้ว แกมีความสามารถจะทำเรื่องยุ่ง เรื่องดีๆ ทำไมจะทำไม่ได้”
พ่อฉินเก็บของไป จู่ๆ ก็กะละมังเหล็กสองสามอันก็ร่วงจากลังลงมาบนพื้น อันเล็กอันใหญ่กระเด็นกระดอนส่งเสียงเพล้ง
“กลับบ้านจะเอากะละมังมาทำไม?” แม่ฉินที่กำลังดึงมือวินนี่ถามสารทุกข์สุกดิบถามขึ้น
วินนี่เองก็ทำหน้าสงสัยแล้วมองไปทางฉินสือโอว “คุณเอาชามข้าวมาให้เด็กๆ เหรอ?”
ฉินสือโอวงงยิ่งกว่าใคร พวกนี้คือชามข้าวของหู้เป้าฉงและเด็กๆ ทั้งสี่ แต่เขาไม่ได้เอามานี่นา
เห็นชามของตัวเองตกลงมา หู่จือกับเป้าจือที่กำลังวิ่งเป็นบ้าเป็นหลังก็พุ่งกลับมาอ้าปากคาบชามแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน
ฉงต้าก็ตามหลังมา คาบชามของตัวเองไว้แล้วนั่งอยู่ข้างๆ ปอหลัวก็เข้ามาคาบชามที่เหลือเงียบๆ ตาสีดำจ้องมอง เอียงหัวมองฉินสือโอวแล้วเริ่มทำหน้าตาน่ารัก
“พวกนั้นแอบยัดเข้าไปเองตอนไหน?” ฉินสือโอวงง
พี่เขยพูดพลางหัวเราะ “ที่บ้านเลี้ยงอะไรเนี่ย แต่ละตัวฉลาดเกินสัตว์”
ฉินเผิงอับจนคำพูด สิ่งที่พบที่เห็นในวันนี้ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อสัตว์ใหม่เสียแล้ว
ของเก็บเกือบจะเสร็จแล้ว ฉินเผิงเตรียมยกลังใหญ่ลังหนึ่ง ฉินสือโอวห้ามแล้วพูดว่า “อันนั้นฉันเตรียมไว้ให้หลานสาว นมผงเอ็นฟามิล ของแท้จากอเมริการัฐมอนตานา ฉันขอให้เพื่อนที่อเมริกาช่วยซื้อให้ ของแท้แน่นอน”
นมผงเอ็นฟามิลเป็นหนึ่งในสิบยี่ห้อนมผงรายใหญ่ของโลก บริษัทก็เป็นบริษัทใหญ่ห้าร้อยอันดับแรก มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา แบรนด์มีอายุร้อยปี โดยเฉพาะนมผงที่ผลิตโดยรัฐมอนตานา มีชื่อมากๆ
“ไอ้บ้า ห้ามเรียกหลานสาว ต้องหลานสาวคนโต!” ฉินเผิงยิ้มพลางแซวฉินสือโอว สุดท้ายจึงพูดขึ้น “ขอบใจนะ ไม่พูดมาก เดี๋ยวไปกินเหล้าบ้านฉัน ไส้ เนื้อตุ๋น ผักดอง อาหารผัด ที่ควรมีก็มีหมด”
กลับมาถึงบ้าน พ่อฉินกับแม่ฉินเตรียมกับข้าวไว้เต็มโต๊ะ นอกจากกับข้าวพื้นเมืองทางเหนือยังมีอาหารตะวันตกทั่วไปอย่างพวกสเต๊กเนื้อ เนื้อตุ๋น ไก่ทอด
ฮุยฮุยที่ออกไปเล่นข้างนอกโดนพี่สาวฉินจูงกลับมา ในมือเธอยังจูงหมาสีดำชื่อเกี๊ยวซ่า ดูท่าเกี๊ยวซ่าจะโดนตามใจกับเสี่ยวฮุยสองคนจนชิน หลังจากที่กลับมาก็เชิดหน้าชูคอ ดูเหนือว่าทุกคน
ปรากฏว่าพอเข้าประตู เกี๊ยวซ่าก็ทำจมูกฟุดฟิดแล้วพองขน หมาป่าขาวเสี่ยวหลัวปอกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามา
หมาป่าก็คือหมาป่า ไม่ว่าจะอาบน้ำให้มันอย่างไร บนตัวก็ยังมีกลิ่นหมาป่า
เกี๊ยวซ่าได้กลิ่นนั้น ในใจก็เลยเกิดเครียด แต่พอมันเห็นเสี่ยวหลัวปอตัวแค่นั้นก็ไม่ใส่ใจ อ้าปากคำรามออกมา “โฮ่งๆๆ…”
หู่จือกับเป้าจือที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพอได้ยินเสียงของพวกเดียวกันก็หูตั้ง ทั้งสองตัวพุ่งออกไปตามกัน ทางเกี๊ยวซ่าที่กำลังขู่หมาป่าขาวตัวน้อยจู่ๆ ก็รู้สึกว่าแปลกขึ้นมา มันกะพริบตา หมาดุสองตัวที่ตัวใหญ่กว่ามันมากก็โผล่มาอย่างไม่ประสงค์ดี
บนตัวของหู่จือกับหู่จือมีออร่าผู้แข็งแกร่งในหมู่หมา เจอกับหมาตัวเล็กเกือบครึ่งหนึ่งก็ไม่ได้สนใจจะทำอะไร แค่มองเย็นชาปกป้องหมาป่าน้อยก็พอ
เสี่ยวหลัวปอเห็นหูจือกับเป้าจือปรากฏตัวก็รีบไปยืนด้วยแล้วเห่าใส่เกี๊ยวซ่าเป็นบ้าเป็นหลัง “อะอู้ว…โฮ่ง! อะอู้วๆๆ!”
หลังจากนั้นฉงต้าก็ได้ยินเสียงเห่าของทั้งสามก็ตื่นเต้นขึ้นมา มันเอาชามข้าวซ่อนไว้ใต้โต๊ะแล้วเดินเข้ามาพร้อมด้วยไขมันทั้งตัว กะพริบตาเล็กๆ มองเกี๊ยวซ่าด้วยความสนใจ
คราวนี้ถึงตาเกี๊ยวซ่าร้องเสียงหลงบ้างแล้ว แม้ว่ามันจะไม่เคยเจอหมีสีน้ำตาล แต่นี่ก็ไม่ขวางความเกรงกลัวที่มีต่อของราชาแห่งป่า มันวิ่งหางหดไปแอบหลังเสี่ยวฮุยทันที
พอเสี่ยวฮุยเห็นเพื่อนเล่นดีๆ อย่างฉงต้าก็ลากเกี๊ยวซ่าวิ่งไปข้างๆ ฉงต้าแล้วจั๊กจี้มัน
ฉงต้าครางด้วยความสบาย และสองเสียงนั้นที่ทำเอาเกี๊ยวซ่ากลัวหัวหด
พ่อฉินแม่ฉินให้ฉินสือโอวพาพวกตัวเล็กไปกินข้าว เห็นเจ้าตัวเล็กหลัวปอ แม่ฉินก็นั่งยองลงแล้วดึงหัวเล็กๆ ของมันก่อนพูดขึ้น “นี่ ไปหาหมาสีขาวมาเลี้ยงจากที่ไหน? สีขาวทั้งตัวเลย หายากนะ”
บอกความจริงเรื่องของหลัวปอที่บ้านไปก็ไม่เป็นไร ฉินสือโอวจึงพูดขึ้น “แม่ หมาอะไร นี่หมาป่า! หมาป่าขาวนิวฟันด์แลนด์!”
เสี่ยวหลัวปอเหมือนจะเข้าใจว่าถึงเวลาตัดสินตำแหน่งในบ้านแล้ว มันรีบถอยหลังไปสองก้าวแล้วยืดคอ เงยหน้ายืดอกแขม่วพุงส่ายก้นแล้วตะเบ็งเสียง “อะอู้ว…อู้วๆๆ โฮ่งๆ!”
ฉินสือโอวนิ่งอึ้งไป “จะบ้าตาย วินนี่ ใครสอนมันเห่าเหมือนหมากัน?”
หู่จือกับเป้าจือวิ่งมาอย่างโอ้อวด ส่ายหัวส่ายหางเอาความดีความชอบ นอกจากเจ้าสองตัวนี้แล้วยังจะมีใครอีก?
…………………………………………
บทที่ 469 การรบกันของเด็กๆ
โดย
Ink Stone_Fantasy
อาหารมื้อค่ำมีหลากหลายเมนูมาก ทั้งไส้กรอกนึ่ง หัวไชเท้าตุ๋นซี่โครง ซี่โครงน้ำแดง เห็ดหอมตุ๋นไก่ เนื้ออบต้นหอม ซี่โครงทอด ถั่วแขกผัดแห้ง มันฝรั่งซอยผัดเปรี้ยวเผ็ด ไข่เยี่ยวม้าราดพริกสด แผ่นไข่ทอดใส่หัวหอม ปลาอินทรีบั้งตุ๋น พริกหยวกผัดเนื้อเส้น ยำแตงกวา แมงกะพรุนผัดผักกาดขาว เสิร์ฟพร้อมกับซุปเนื้อแพะชามใหญ่
อาหารพวกนี้ไม่ได้ใช้เทคนิคในการทำอะไรมากมาย และก็ไม่ได้เป็นอาหารหรูหราอะไร แต่นี่คืออาหารที่ทำกินกันในช่วงฤดูหนาวของทางตอนเหนือของประเทศจีน ทักษะการฟันดาบที่เก่งกาจไม่ได้อยู่ที่คมดาบ แต่อยู่ที่การฝึกฝนของผู้ใช้ต่างหาก
พ่อของฉินสือโอวหยิบเหล้าขาวสองขวดออกมาจากห้องนอน ฉินสือโอวมองดูทีหนึ่ง เฮ้ย นี่เป็นเหล้าเหมาไถนี่นา
“พ่อครับ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่พ่อยอมซื้อเหล้าแพงขนาดนี้น่ะ?” ฉินสือโอวถามพร้อมหัวเราะ
พ่อของฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “ถึงฉันจะอยากซื้อก็ซื้อไม่ได้หรอก จะให้ฉันไปซื้อที่ไหนล่ะ? นี่ต้องขอบคุณแกนะ เหล้านี่เป็นของที่เพื่อนนักเรียนของแกที่ปักกิ่งส่งมาให้น่ะ เป็นเหล้าที่ดีจริงๆ ฉันดื่มไปแก้วเล็กๆ แก้วหนึ่ง รสชาติเข้มข้นมากเลย”
“พ่อแกน่ะตะกละ แค่ได้เห็นเหล้าบุหรี่ก็ละสายตาไม่ได้แล้ว” แม่ของฉินสือโอวมองค้อนทีหนึ่ง
ฉินสือโอวรินเหล้าให้กับเออร์บักกับเบิร์ด เบิร์ดดมครู่หนึ่งก็ยิ้มแล้วพูดว่า “เหล้าขาวกลั่นเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว ดื่มให้เต็มที่เลยนะ ถ้าดื่มเยอะไปก็แค่ไปนอน มาที่นี่ก็เหมือนกับอยู่หอพักนั่นแหละ ไม่ต้องเกรงใจฉันนะ” ฉินสือโอวพูด
มื้ออาหารพร้อมหน้าพร้อมตามื้อแรก ฉินสือโอวกินอย่างดีใจสุดขีด
คนทั้งครอบครัวอยู่กินข้าวพร้อมหน้ากันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คนแก่ร่างกายแข็งแรง เด็กๆ ก็น่ารัก ใต้โต๊ะยังมีลูกหมาวิ่งเล่นไปมา ฉินสือโอวไม่ได้มีความทะเยอะทะยานอะไรมากมาย ขอแค่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็พอแล้ว
หลังตื่นนอนวันที่สอง ฉินสือโอวลงจากเตียง เห็นพ่อกับแม่ตื่นอยู่ก่อนแล้ว และกำลังวุ่นอยู่กับการนวดแป้งเพื่อจะทำแป้งห่อเกี๊ยวน้ำ
ฉินสือโอวถามอย่างสงสัยว่า “พ่อแม่ครับ วันนี้ไม่ใช่วันตงจื้อสักหน่อย จะห่อเกี๊ยวทำไมครับ?”
แม่ของฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “เมื่อก่อนนายชอบกินเกี๊ยวกุ้ยช่ายอ่อนที่สุดไม่ใช่เหรอ? กลับมาก็กินเยอะหน่อยแล้วกัน กลับไปนิวฟันด์แลนด์แล้วคงหากินไม่ได้แล้วนะ”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างอ่อนโยน แล้วก็ไปช่วยพ่อแม่นวดแผ่นแป้งห่อเกี๊ยว ตั้งแต่เด็กเขาก็ถูกคุณพ่อบังคับให้ทำงานบ้าน ทำอาหาร ดังนั้นเขาจึงทำงานพวกนี้เป็นทั้งหมด
พอเขาลงมือทำเท่านั้น พ่อของฉินสือโอวมองแล้วก็พยักหน้า พูดว่า “อืม นวดได้ดีเลยทีเดียว”
ฉินสือโอวจึงตอบกลับไปประโยคหนึ่งว่า “ก็ได้พ่อนี่แหละที่บังคับจนผมทำเป็น”
พอพ่อของฉินสือโอวได้ฟังคำพูดเขาแล้ว ก็ห่อเหี่ยวใจขึ้นมาทันที “ตอนนั้นพ่อเองก็ไม่มีทางเลือก ฉันกับแม่แกรู้สึกว่าบ้านเราไม่ได้มีเงิน หน้าตาแกเองก็ไม่ได้หล่อเหลาอะไร ถ้ายังไม่ฝึกทำงานบ้านอีก อีกหน่อยคงหาเมียไม่ได้แน่”
ฉินสือโอว “…”
เมื่อกินมื้อเช้าแล้ว ฉินสือโอวก็อยู่บ้านคุยเป็นเพื่อนกับพ่อแม่ เสี่ยวฮุยวิ่งออกมา บอกว่าจะพาเชอร์ลี่ย์กับพาวลิสออกไปเล่นกันในหมู่บ้าน
พวกเชอร์ลี่ย์รู้สึกว่าประเทศจีนเต็มไปด้วยความพิศวง การให้เสี่ยวฮุยพาไปเล่นก็ดีเหมือนกัน ฉินสือโอวจึงไม่พูดอะไรแค่พยักหน้าอนุญาตเท่านั้น
จากนั้นเด็กห้าคนกับหมาอีกสามตัวจึงออกจากบ้านไปอย่างมีความสุข
หมู่บ้านตระกูลฉินถือเป็นหมู่บ้านระดับกลางในเมืองนี้ มีทั้งหมดหกร้อยกว่าครัวเรือน หมู่บ้านอยู่ตรงตีนเขาพอดี ดังนั้นภูมิประเทศของเมืองจึงค่อนข้างขรุขระ ตรงฝั่งตะวันออกจะสูงนิดหนึ่ง ส่วนตรงฝั่งตะวันตกจะเตี้ยลงหน่อย
หน้าหมู่บ้านคือแม่น้ำไป๋หลง ด้านหลังคือผืนป่าและสวนผลไม้ของคนในหมู่บ้าน น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ไม่อย่างนั้นทั้งหมู่บ้านจะเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวดอกไม้แดงที่สวยสดงดงามดูมีชีวิตชีวามาก
แต่ฤดูหนาวนั้นจะไม่ค่อยมีที่ไหนให้ไปเที่ยวได้ จะมีก็แต่ลานนวดข้าวใหญ่ข้างหลังหมู่บ้านเท่านั้นที่กลายเป็นสวนสนุกของพวกเด็กๆ ตอนฉินสือโอวเด็กก็มักจะไปเล่นที่ลานนี้ในช่วงฤดูหนาวเหมือนกัน เด็กๆ ทุกคนพากันมาลื่นล้ม ดีดลูกแก้ว ปาหิมะกันที่นี่ สนุกมากเลย
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกๆ บ้านต่างก็มีทีวี แม้แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังมีกันแทบจะทุกบ้าน หรือแม้แต่บ้านที่ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ก็มีสมาร์ตโฟนกัน พอมีเกมคอมพิวเตอร์ให้เล่นแล้ว แล้วใครจะยอมทนหนาวไปเล่นที่ลานนวดข้าวกันอีก?
เสี่ยวฮุยพาเพื่อนๆ เดินเล่นกันสักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้เล่นได้เลย จึงพาพวกเขาไปที่ลานนวดข้าว อย่างน้อยลานนวดข้าวก็มีกองเปลือกข้าวโพดที่ตั้งเป็นสามเหลี่ยมอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศ สามารถใช้มาเล่นซ่อนหาได้
แต่สำหรับคนที่มีส่วนสูงหนึ่งเมตรหกถึงหนึ่งเมตรเจ็ดอย่างเชอร์ลี่ย์กับพาวลิสนั้น การเล่นซ่อนหาค่อนข้างจะน่าเบื่อไปนิด พาวลิสจึงยักไหล่อยากปฏิเสธ เชอร์ลี่ย์กะพริบตา ดึงตัวเขาไว้แล้วพูดว่า “เอาน่า พวกเราเล่นซ่อนหากันก็ดีนะ พวกเธอซ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นคนหาเอง”
พวกเสี่ยวฮุยจึงไม่คิดอะไรมากอีก จากนั้นเด็กผู้ชายทั้งหลายก็รีบมุดเข้าไปในกองฟางพวกนั้นอย่างไร้เดียงสา เพราะคิดว่าตัวเองหาที่ซ่อนได้ดีแล้ว แต่เชอร์ลี่ย์เพียงแค่โบกมือเรียกหู่จือกับเป้าจือเท่านั้น ทีนี้ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น
เล่นไปได้สักพัก พวกของเสี่ยวฮุยก็ทนไม่ไหวแล้ว เพราะไม่ว่าจะซ่อนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แล้วจะสนุกกันได้อย่างไร? จึงเป็นธรรมดาที่ไม่อยากเล่นต่อ
พาวลิสเดาออกว่าเชอร์ลี่ย์แอบเล่นขี้โกง แต่สาวตาโตคนนี้กลับยักไหล่อย่างไม่แคร์ ใช่แล้ว ชั้นอยากเล่นแบบนี้ จะทำไมล่ะ?
ขณะที่กำลังเบื่ออยู่นั้น หูของหู่จือกับเป้าจือก็ตั้งขึ้นมา จ้องไปทางสวนผลไม้ จากนั้นก็พุ่งตัวออกไปตามๆ กัน
“เกิดอะไรขึ้น?” เสี่ยวฮุยตกใจขึ้นมา
แลบราดอร์สองตัว ตัวหนึ่งวิ่งไล่ไปตรงๆ อีกตัวก็ไล่อ้อมไปอีกทาง ไม่นานกระต่ายสีเทาตัวหนึ่งก็ถูกไล่ต้อนออกมาจากสวนผลไม้
ทั้งที่จะประกบตัวกระต่ายได้แล้วแท้ๆ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเห่าของสุนัขตัวใหญ่ดังออกมาจากสวนผลไม้ ตามด้วยชายวัยรุ่นห้าหกคนที่พาเยอรมันเชเพิร์ดหลายตัวก็มาปรากฏตัวขึ้น
เยอรมันเชเพิร์ดที่ปรากฏตัวออกมากะทันหันนั้น ไม่ได้สร้างความกดดันให้กับหู่จือกับเป้าจือแต่อย่างใด ทั้งสองตัวทำภารกิจสำเร็จแล้ว กระต่ายที่วิ่งต้อนได้ถูกคาบอยู่ในปากเรียบร้อย พวกมันจึงวิ่งโต๋เต๋กลับไปยื่นกระต่ายให้กับเชอร์ลี่ย์
เชอร์ลี่ย์เป็นคนดูแลเสี่ยวฮุย จึงยื่นกระต่ายป่าตัวนั้นให้เขาแล้วพูดว่า “ตอนบ่ายเอาไปให้คุณยายนะ ถ้าเอาไปย่างกิน รสชาติดีมากเลย”
“เฮ้ พวกเธอทำอะไรน่ะ? เมื่อกี้มีคนเข้ามาในสวนผลไม้บ้านฉันใช่ไหม?” ชายวัยรุ่นที่ตัวสูงผอมคนหนึ่งถามด้วยเสียงแข็ง ชายวัยรุ่นข้างๆ ดึงตัวเขาทีหนึ่ง ชี้ไปที่พวกของเชอร์ลี่ย์แล้วพูดอย่างประหลาดใจว่า “ดูสิ ต้าเป่า เด็กต่างชาติ”
ชายวัยรุ่นมองไปที่เด็กผู้หญิงตาใสแป๋วกับพวกพาวลิสสามคน อึ้งไปพักหนึ่ง แล้วถามว่า “พวกเธอเป็นคนต่างชาติเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์ยักไหล่เบาๆ เธอรู้สึกว่าชายวัยรุ่นพวกนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก จึงผิวปากเรียกหู่จือและเป้าจือเพื่อจะพาพวกมันกลับไป
ชายวัยรุ่นไม่พอใจ คนผอมสูงจึงคว้ามือแย่งกระต่ายไปจากเสี่ยวฮุย แล้วพูดว่า “กระต่ายตัวนี้ถูกจับได้ที่สวนผลไม้ของบ้านฉัน พวกเธอยังคิดจะเอามันกลับไปอีกเหรอ?”
เสี่ยวฮุยเป็นคนขี้กลัว จึงพูดเสียงเบาว่า “พวกเราไม่ได้…”
เมื่อเห็นเสี่ยวฮุยถูกชายวัยรุ่นแกล้ง เชอร์ลี่ย์ที่ถือว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่จึงโกรธแล้วเข้าไปแย่งกระต่ายมา ตะโกนว่า “นี่ไม่ใช่ของบ้านพวกเธอ โอเคไหม? มันเป็นของข้างทาง พวกเราจับได้ตรงข้างทางต่างหาก!”
“พวกเธอมาจากหมู่บ้านไหนกัน? ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย? พวกเธอต้องเคยเข้าไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นหู่จือของฉันคงไม่เห่าเสียงดังแบบนี้หรอก” ชายผอมสูงพูดตัดบทเสี่ยวฮุย
เชอร์ลี่ย์ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หู่จือบ้านนายเหรอ? หู่จือเป็นของพวกเรา จะเป็นของพวกนายได้ยังไงกัน?”
“อย่ามามั่วนะ กระต่ายนี้ต้องถูกจับได้ที่สวนผลไม้บ้านฉันแน่นอน งั้นก็ต้องเป็นของบ้านฉันสิ”
“ช่างเถอะน่า ต้าเป่า กระต่ายถูกเขาจับได้ข้างทางนะ จะเป็นของบ้านนายได้ไงกัน” ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ทนมองต่อไม่ไหวพูดทวงความยุติธรรมให้
เมื่อกี้ตอนที่ชายวัยรุ่นต้าเป่าที่ถูกเชอร์ลี่ย์แย่งกระต่ายไปก็รู้สึกเสียหน้ามากอยู่แล้ว ตอนนี้เพื่อนยังมาเข้าข้างคนอื่นอีก เขาจึงโกรธขึ้นมาทันที ชี้ไปเชอร์ลี่ย์แล้วตะโกนว่า “เชอะ ไอ้พวกชาวต่างชาติพวกนี้สามหาวเสียจริง! เอากระต่ายมาให้ฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะปล่อยหมาไปกัดพวกเธอ!”
แม้พวกพาวลิสจะไม่เข้าใจคำพูดทั้งหมด แต่ก็พอรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาดี จึงรีบถามออกไปเสียงแข็งทันทีว่า “เฮ้ย พวกนายน่ะ อยากมีเรื่องเหรอ? กับเด็กผู้หญิงน่ะต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษนะ โอเคไหม?”
…………………………………..
บทที่ 470 หู่เป้าผู้กล้าหาญ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“โอคงโอเคอะไรกัน แกคิดว่าฉันไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษหรือไง?” มีชายวัยรุ่นอีกคนเบะปากพูดว่า “ต้าเป่า พูดภาษาอังกฤษเลย อย่าให้พวกมันดูถูกพวกเราได้!”
ชายวัยรุ่นสองคนข้างๆ ค่อนข้างมีเหตุผล ดึงตัวต้าเป่าแล้วพูดโน้มน้าวว่า “เอาน่าต้าเป่า กระต่ายตัวเดียวเอง นายไม่เคยกินหรือไง?”
ต้าเป่าผลักเพื่อนสองคนนั้นออกแล้วพยายามนึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ตัวเองเคยเรียนมา อืม มาคือ come ไปคือ go พยักหน้าคือ yes ส่ายหัวคือ no ให้ตายเถอะ คำพวกนี้ไม่มีประโยชน์นี่นา ดีที่เขาหัวไวนึกถึงหนังที่เขาดูขึ้นมา จึงตะโกนออกไปว่า “ฟัคยู!”
ถึงตอนนี้ความแตกต่างของวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศได้ถูกเผยออกมาแล้ว การรบกันจึงเปิดม่านขึ้นในทันที
สำหรับเชอร์ลี่ย์แล้ว สิ่งเดียวที่ยอมไม่ได้ก็คือคำด่าคำนี้นี่แหละ
สาวตาใสจ้องตาถมึงทึง ดวงตาโตคู่นั้นแดงก่ำขึ้นมาทันที ชี้นิ้วไปที่ต้าเป่าแล้วพูดออกมาทีละคำว่า “นายมันสารเลว! ฉันไม่อยากสร้างปัญหาให้กับฉิน ถ้าหากอยู่ที่เกาะแฟร์เวลแล้วล่ะก็ ฉันจะต่อยเธอจนเธอต้องร้องเรียกแม่เลยล่ะ!”
หู่จือกับเป้าจือที่ตอนแรกนั่งมองอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์ชี้นิ้วไปชายวัยรุ่นแถมตายังแดงก่ำอีก เจ้าสองตัวนี้จึงตื่นตัวขึ้นมาทันที พวกมันลุกขึ้นมาแล้วก็พุ่งตัวเข้าไป และเริ่มเห่าขู่พวกวัยรุ่นกลุ่มนั้น “โฮ่งๆ!”
แลบราดอร์สองตัวนั้นเป็นเพียงหมาขนาดตัวโตปานกลาง ตัวยังใหญ่ได้ไม่ถึงครึ่งของเยอรมันเชเพิร์ดด้วยซ้ำ พวกวัยรุ่นแม้จะตกใจไปครู่หนึ่งแต่ก็ตั้งสติขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ตะโกนไปที่เยอรมันเชเพิร์ดของตัวเองว่า “หู่จือ ไป กัดมัน!”
ฉินสือโอวมักจะใช้สำเนียงภาษาบ้านเกิดเรียกชื่อ ‘หู่จือ’ อยู่บ่อยๆ ดังนั้นเมื่อได้ยินฝ่ายตรงข้ามเรียกชื่อตัวเองอย่างกะทันหัน หู่จือจึงเกิดอาการงุนงงไปชั่วครู่
แต่เยอรมันเชเพิร์ดตัวใหญ่ที่มีชื่อเดียวกันตัวนั้นกลับไม่งุนงงเลย มันจ้องเหยียดหยามไปที่เจ้าหมาตัวเล็กสองตัวหู่จือกับเป้าจือทีหนึ่ง แล้วก็อ้าปากกว้างของมันพุ่งเข้าไปกัดทันที
หู่จือที่ไม่ทันตั้งตัวจึงโดนชนจนล้มลง ตอนที่กลุ่มชายวัยรุ่นกำลังจะส่งเสียงร้องดีใจอยู่นั้น หู่จือที่นอนลงไปกับพื้นก็เตะขาทั้งสี่ออกไปอย่างแรง ทำเอาเยอรมันเชเพิร์ดตัวใหญ่ที่ทับตัวเองอยู่ถึงกับหายใจหอบออกมา
จากนั้น ทั้งหู่จือและเป้าจือก็ร่วมมือกันออกสู้ หู่จือโจมตีทางตรง ส่วนเป้าจือก็โจมตีด้านข้าง เจ้าสองตัวนี้นั้นเคยสู้กับหมูป่ากับหมาป่าอาร์กติกมาแล้ว ขนาดสัตว์ที่ช่ำชองด้านการต่อสู้อย่างหมาป่าอาร์กติกของนิวฟันด์แลนด์ยังเคยแพ้พวกมันมาแล้วเลย หมาบ้านอย่างเยอรมันเชเพิร์ดตัวนี้จะคณามือมันเหรอ?
ตอนนี้กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังจะส่งเสียงร้องเฮ เห็นเพียงหมาขนทองสองตัวที่กระโดดโจมตีอย่างเกรี้ยวกราดว่องไว พวกเขายังไม่ทันมองชัดเจนเลย ก็ได้ยินเสียงเยอรมันเชเพิร์ดของตัวเองที่โดนเตะจนหอบ จากนั้นก็ร้องเอ๋งๆ แล้วล้มลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากตอนแรกที่โดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวแล้ว หู่จือกับเป้าจือก็น็อคเอาท์ฝ่ายตรงข้ามทันที ด้วยความรวดเร็วและว่องไว
กลุ่มวัยรุ่นมองกันอ้าปากตาค้าง หู่จือกับเป้าจือหันตัวกลับไปจ้องเขม็งไปที่พวกเขา แยกเขี้ยวแล้วก็ร้องเห่าตามมาสองที
วัยรุ่นผอมสูงนั้นรีบวิ่งออกไปทันทีพร้อมตะโกนว่า “ให้ตายเถอะพวกเธอแน่จริงอย่าหนีนะ ฉันจะไปปล่อยหมาทั้งหมดออกมา!”
ในชนบทนั้นมักจะเลี้ยงหมาเพื่อเฝ้าดูสวนผลไม้ เลี้ยงทีก็หลายตัว และจะไม่ขังหมาไว้ด้วย เพราะรอบๆ สวนผลไม้นั้นจะใช้ตาข่ายเหล็กล้อมไว้ หมาวิ่งหนีออกไปไม่ได้อยู่แล้ว หากว่ามีคนถูกกัด นั่นก็เพราะอยากจะเข้ามาขโมยของในสวนผลไม้นั่นเอง ถึงโดนกัดก็สมควรโดนอยู่แล้ว
ชายวัยรุ่นวิ่งเข้าไปในสวนผลไม้หยิบชามเหล็กขึ้นมาแล้วก็เริ่มตีชามอย่างบ้าคลั่ง ตามมาด้วยเสียงหมาร้องดังสนั่น หมาหลายตัวส่งเสียงร้องแล้วพุ่งออกมาจากทุกมุมของสวนผลไม้
เมื่อเห็นแบบนี้ หู่จือกับเป้าจือจึงตั้งการ์ดทันที สองพี่น้องมองตากันทีหนึ่ง ไม่พูดพล่ามทำเพลงเลือกที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมเข้าไปก่อน
ชายวัยรุ่นที่เรียกหมาของตัวเองออกมาได้ใจอย่างสุดขีด ความจริงเขาก็ไม่ใช่เด็กที่เลวร้ายอะไรหรอก แค่อยากสร้างเรื่องข่มขู่พวกเชอร์ลี่ย์เท่านั้น แต่พอเขาหันหลังเตรียมจะพูดเท่านั้น เงาสีทองสองตัวก็ได้พุ่งเข้ามาใกล้
หู่จือใช้หัวโหม่งไปที่ลำตัวของหมาอีกตัวจนหมาอีกตัวลอยลิ่วออกไป เมื่อขาแตะลงพื้นแล้วก็หันตัวมาเพิ่มความเร็วขึ้น พุ่งไปที่หมาตัวใหญ่ข้างๆ แล้วก็ฝังเขี้ยวลงไป
หมาตัวใหญ่ตัวนั้นก็หันตัวมาอยากจะกัดกลับเหมือนกัน แต่ว่าความเร็วของทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับดิน มันเพิ่งจะหันตัวกลับมาเท่านั้นแต่ก็ไม่ทันเพราะไหล่ของมันได้ถูกกัดไปเสียแล้ว จึงเสียหลักแล้วล้มลงกับพื้น
ส่วนเป้าจือที่อยู่อีกทางนั้นหลังจากพุ่งตัวราวกับเสือออกไปได้ครึ่งทาง ก็กระโจนไปที่หมาอีกตัวแล้วอ้าปากกัดไปที่คอของมันจนมีบาดแผล หมาที่อยู่ข้างๆ พุ่งเข้ามาหามัน แต่เป้าจือที่ขาหน้ากำลังกดหมาอีกตัวอยู่บนพื้นก็ได้ดีดขาหลังออกไป เตะโดนไปที่หน้าของหมาที่แอบลอบกัดมันอย่างจัง เตะจนหมาตัวนั้นร้องออกมาด้วยเสียงเจ็บปวด เพราะปากของมันได้เบี้ยวผิดรูปไปแล้ว
ยังเหลือหมาอีกหนึ่งตัว เจ้าตัวนี้ค่อนข้างฉลาด เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีแถมในชามข้าวก็ไม่มีของกินอีก จึงตัดสินใจหันหัวหนีไปแทน
สุดท้ายเหลือไว้ก็แต่ชายวัยรุ่นผอมสูงต้าเป่าที่ยืนอึ้งอยู่ตรงกลาง เขามองไปที่หมาห้าตัวของบ้านตัวเองที่โดนจัดการราบคาบ แล้วก็มองไปที่หู่จือกับเป้าจือที่ยืนแยกเขี้ยวใส่เขาอยู่ ก็ตกใจจนถึงกับร้องไห้แงๆ ขึ้นมา
พวกเชอร์ลี่ย์รู้ว่าตัวเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว กระต่ายก็ไม่เอาแล้ว รีบเรียกหู่จือกับเป้าจือกลับมาแล้ววิ่งกลับบ้านไป เป้าจือวิ่งไปได้สองร้อยเมตร หยุดคิดสักพักแล้วก็วกกลับไปที่เดิม คาบกระต่ายขึ้นมาแล้วรีบวิ่งจากไป
ส่วนวัยรุ่นที่เหลืออยู่ก็ตะลึงกันจนปากค้าง มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “โอ้โหให้ตายเถอะ นี่มันหมาหรือเสือกันแน่เนี่ย? ทำไมเก่งขนาดนี้? ต้าเป่า นายไม่ต้องร้องแล้ว นายเคยบอกว่าหมาบ้านนายเป็นพันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์หรืออะไรนี่แหละไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงสู้กับตัวขนทองสองตัวไม่ได้ล่ะ?”
“ใช่ๆ เขาบอกว่าเป็นพันธุ์ทิเบตันแมสติฟฟ์จริงๆ เห็นบอกว่าทิเบตันหนึ่งตัวสู้เสือได้ ทิเบตันสามตัวจมเรือบรรทุกอากาศยานได้ ทิเบตันห้าตัวเอาชนะพระเจ้าได้ ส่วนทิเบตันสิบตัวสามารถสร้างโลกใหม่ได้…”
“ฮือๆๆๆ พวกแกมันสารเลว ฉันจะไปหาฮือๆ หาพ่อของฉัน ฮือๆ พวกมันรอก่อนเถอะ ไอ้พวกฝรั่งพวกนั้นฮือๆๆๆ…”
ฉินสือโอวกำลังคุยอยู่กับพ่อแม่อย่างมีความสุข พวกเด็กๆ ก็วิ่งกรูกันเข้ามา กลับถึงบ้านพวกเขาก็แอบเข้าไปในห้องนอนกันทันที เชอร์ลี่ย์ฉลาดมาก รู้ว่าเรื่องแบบนี้ต้องไปหาวินนี่ก่อน
วินนี่นั้นเป็นคนที่ละเอียดมากกว่าฉินสือโอวมาก เมื่อเห็นเด็กๆ วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบวกกับเห็นรอยเลือดบนคอของหู่จือแล้วก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ เธอจึงพูดปลอบใจพวกเด็กๆ ก่อน จากนั้นค่อยไปเช็กอาการหู่จือ สุดท้ายจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อได้รู้ว่าเป็นเพียงแค่หมาทะเลาะกัน วินนี่จึงวางใจขึ้นมา เธอออกไปหาแอลกอฮอล์มาทำแผลให้หู่จือ แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
พ่อของฉินสือโอวที่พอได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้วก็พูดว่า “สวนผลไม้ข้างหลังที่เลี้ยงหมาเยอะๆ ก็คงเป็นของเหวินซูนั่นแหละ คงไม่มีเรื่องอะไรหรอกมั้ง? บ้านเขาเลี้ยงหมาใหญ่ไว้ตั้งหกเจ็ดตัว หมาเล็กบ้านเราไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว”
ฉินสือโอวยิ้มขื่นๆ คุณพ่อไม่รู้ถึงพลังการต่อสู้ของหู่จือและเป้าจือ นี่น่ะเป็นหมานักต่อสู้ตัวจริงที่เคยสู้กับหมาป่าอาร์กติกมาแล้วนะ แถมตอนนั้นยังสู้กับหมาป่าอาร์กติกถึงสองตัวในทีเดียวด้วย
นอกจากครั้งนั้นที่สู้กับหมาป่าอาร์กติกแล้ว หู่จือยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนเลย ครั้งนี้ถูกกัดคอเข้า มันจึงโกรธมาก หลังวิ่งกลับมาแล้วก็นั่งลงสักพัก ร้องเห่าไปที่ฉงต้าสองที แล้วก็วิ่งเลียบกำแพงออกประตูไปเลย
ฉงต้าสูดจมูกเสียงดังฟืดๆ ลุกขึ้นพาตัวอวบอ้วนของมันเดินออกไปข้างนอก แต่เพราะตัวใหญ่เกิน จึงถูกฉินสือโอวสังเกตเห็นทันที แล้วตะโกนว่า “ฉงต้า กลับมานี่ พวกแกจะไปไหนกัน?!”
ฉงต้านั้นขี้เกียจเข้าขั้น พอฉินสือโอวตะโกนเรียก เมื่อมันเห็นว่าหมดโอกาสไปช่วยแก้แค้นให้เพื่อนแล้ว จึงตัดสินใจล้มตัวลงที่สวน นอนอาบแดดแทน!
หู่จือกับเป้าจือวิ่งกลับมาอย่างหัวเสีย ตอนวิ่งผ่านฉงต้าก็ทำหน้าไม่พอใจใส่เหมือนจะสื่อว่า เรื่องคุยโวล่ะเก่งนัก พอถึงเวลาคับขันกลับหายหัวซะงั้น
ตอนกินมื้อเที่ยงกันอยู่ เหวินซูก็มาหาที่บ้าน บ้านที่มีเด็กต่างชาติอยู่ก็มีแค่บ้านฉินสือโอวบ้านเดียว หาได้ง่ายมาก
พ่อของฉินสือโอวเชิญให้เหวินซูนั่งลงกินข้าวด้วยกัน เหวินซูยิ้มขื่นๆ แล้วพูดว่า “คุณอาครับ ผมจะมากินข้าวบ้านคุณทำไม ไปบ้านผมเถอะ บ้านผมมีหมาถูกกัดตายไปสองตัว เราไปกินเนื้อหมากันเลยทีเดียวดีกว่า”
พ่อของฉินสือโอวตกใจตาโต ถามว่า “อะไรนะ หมาบ้านนายตายไปสองตัวเหรอ? คงไม่ได้ถูกหมาสองตัวของบ้านเรากัดตายใช่ไหม? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
หมู่บ้านตระกูลฉินเป็นหมู่บ้านตามชนบททั่วไป พวกญาติสนิทมิตรสหายนั้นแค่แหงนหน้าก็ได้เจอแล้ว คนส่วนมากต่างก็เป็นญาติสนิทกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกคณะกรรมการหมู่บ้านจะมีการฉ้อโกงกันบ้าง แต่เรื่องการกลั่นแกล้งเพื่อนบ้านนั้นไม่มีแน่นอน เหวินซูมาหาถึงบ้านก็ไม่ได้จะมาหาเรื่องอะไร แค่มาเพื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ฉินสือโอวรู้ว่าอีกฝ่ายมาหาที่บ้านเพราะอยากจะขอค่าเสียหาย เขาจึงพาเหวินซูเข้าไปในห้องนอน ดีที่ในกระเป๋ามีเงินสดอยู่บ้าง เขาหยิบเงินออกมาสองปึกยื่นให้กับเหวินซู แล้วพูดว่า “เงินสองหมื่นนี้ถือว่าเป็นเงินชดเชยให้หมาสองตัวของคุณแล้วกันนะ คุณคิดว่ามันพอไหมครับ? หากไม่พอก็บอกนะครับ”
เหวินซูรับเงินอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “พอแล้วล่ะ พวกนายกินข้าวเถอะ ฉันกลับบ้านไปสั่งสอนลูกฉันก่อน”
…………………………………..
บทที่ 471 ตกปลาเดียวดายท่ามกลางหิมะโปรย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตกดึกเหวินซูพาลูกชายมา ดูจากตาที่บวมเป่งอย่างกับลูกท้อของชายวัยรุ่นผอมสูงต้าเป่า สงสัยกลับบ้านไปคงถูกคุณพ่อสั่งสอนไปยกใหญ่แน่ๆ เพราะเด็กผู้ชายในหมู่บ้านที่ร้องไห้หนักขนาดนี้นั้นมีน้อยมาก
เงินชดเชยถึงมือแล้ว งั้นฝั่งตัวเองก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย เหวินซูจึงพาลูกชายมาที่บ้านเพื่อขอโทษเชอร์ลี่ย์กับเด็กๆ ทั้งห้าคน
ต้าเป่าพูดขอโทษด้วยเสียงสะอื้น เชอร์ลี่ย์ที่เห็นผู้ชายคนหนึ่งร้องไห้ขนาดนี้ก็ใจอ่อน บอกเขาว่าไม่เป็นไรฉันยกโทษให้เธอแล้ว
ฉินสือโอวพยักหน้าพูดว่า “แบบนี้สิถึงจะถูก เด็กๆ อยู่ด้วยกันก็ไม่ควรจะมีเรื่องชกต่อยกับด่ากันนะ อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ถือเป็นบทเรียนของเธอนะ ต่อไปอย่าเห็นว่าคนอื่นตัวเล็กอายุน้อยกว่าก็จะรังแกคนอื่น รู้ไหม?”
หู่จือกับเป้าจือที่ยังคงแยกเขี้ยวใส่ต้าเป่าอยู่นั้นได้เผยให้เห็นถึงเขี้ยวสีขาวเงาวับ ทำเอาขาทั้งสองข้างของเด็กวัยรุ่นที่อยู่ชั้นมัธยมต้นสั่นระริก เพราะเขารู้ว่าหมาสองตัวนี้เก่งแค่ไหน!
นอกจากขอโทษแล้ว เหวินซูยังมาที่นี่เพื่อมอบเนื้อหมาให้ด้วย เขาบอกว่าหมาสองตัวนั้นได้เอาไปจัดการแล้ว นี่ก็เลยนำเนื้อหมาบ้านมาให้เสี่ยวโอวกับคนแคนาดาชิมด้วย
คนชนบทนั้นไม่ค่อยพิถีพิถันนัก หมาที่เลี้ยงในบ้านนอกเสียจากว่าเลี้ยงมานานจนกลายเป็นหมาแก่หรือไม่ก็หมาที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วนั้น ตัวอื่นๆ พอตายแล้วก็จะเอาเนื้อมากิน ยิ่งกับหมาตัวใหญ่ที่ซื้อมาเพราะจะเอามาเฝ้าสวนผลไม้แบบนี้แล้วยิ่งไม่มีความสัมพันธ์อะไรด้วยอยู่แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ว่าตายแล้วจะนำไปฝัง น่าเสียดายเนื้อพวกนั้นแย่
ระหว่างพวกเด็กๆ แล้วไม่ได้มีทิฐิอะไรมาก คืนนั้นมีหิมะใหญ่ตกลงมา วันที่สองจึงมีหิมะหนาปกคลุมไปทั่วทั้งถนน เด็กหลายคนจึงทิ้งเกมที่บ้านแล้ววิ่งออกไปเล่นกัน
ต้าเป่าเดินมาหาที่บ้านอย่างประหม่า ถามเสี่ยวฮุยกับเชอร์ลี่ย์ว่าพวกเขาจะออกไปเล่นกับเขาไหม ฉินสือโอวโบกมือไปมา ให้พวกเด็กๆ ออกไปเล่นกันให้สนุก
แม่ของฉินสือโอวรีบเอาเสื้อขนเป็ดออกมาสวมให้เด็กๆ ทีละคน ปากก็พูดเตือนไม่หยุดว่าอย่าทะเลาะกัน อย่าด่ากันแล้วก็อย่าถอดเสื้อด้วย
ฉินสือโอวรีบหยุดไว้ แล้วพูดว่า “แม่ครับ พวกเขาออกไปเล่นกันนะครับ ทั้งวิ่งทั้งกระโดดทั้งซนกัน แม่ให้พวกเขาใส่เสื้อหนาขนาดนี้ทำไมกัน?”
แม่ของฉินสือโอวจ้องตาเขม็งแล้วพูดว่า “ข้างนอกยังมีหิมะตกอยู่เลย หนาวขนาดนี้ไม่ใส่เสื้อกันหนาวได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวปัดมืออย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ อากาศของนิวฟันด์แลนด์หนาวกว่าที่นี่มาก ตอนพวกเขาออกไปเล่นก็ใส่แค่เสื้อกีฬาแค่นั้น อีกอย่าง ถ้าหนาวจริงๆ พวกเขาจะไม่กลับบ้านมาบอกว่าหนาวหรืออย่างไร? พวกเขาไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะครับ”
แม่ของฉินสือโอวยังอยากพูดต่อ แต่พ่อของฉินสือโอวที่เดินจูงหมูกลับมาปัดมือแล้วพูดว่า “เอาน่าๆ เสี่ยวโอวกับเสี่ยวเวยต่างก็เคยเข้ามหาวิทยาลัยนะ จะเลี้ยงเด็กสู้เธอไม่ได้เลยเหรอ? ให้พวกเขาไปเล่นเถอะ”
เสี่ยวฮุยรีบไปตามน้ำทันที “ผมก็จะถอดด้วย! ใส่แบบนี้วิ่งไม่ไหว!”
แม่ของฉินสือโอวยังคงพึมพำว่าการได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเกี่ยวอะไรกับการเลี้ยงเด็กกัน แต่ก็ยอมให้เสี่ยวฮุยถอดเสื้อขนเป็ดออกเปลี่ยนไปใส่เสื้อแจ็กเกตให้แทน
เสี่ยวฮุยยิ้มอย่างดีใจ เหตุผลที่เขาไม่อยากใส่เสื้อขนเป็ดก็เพราะเขาอยากใส่เสื้อผ้าสวยๆ ที่ป้าสะใภ้ซื้อมาฝากจากต่างประเทศนั่นเอง
เสื้อที่วินนี่ซื้อมาฝากเสี่ยวฮุยนั้นถือว่าลงทุนมากเลย เพราะเป็นเสื้อสีล้วนของแบรนด์คาลวินไคลน์คิดส์จากอเมริกา นี่เป็นหนึ่งในแบรนด์เสื้อผ้าเด็กที่ดีที่สุดของอเมริกาเหนือ บริษัท CKK ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1968 จนถึงปัจจุบัน และถูกเรียกว่าเป็นตัวแทนของแบรนด์เสื้อผ้าเด็กตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ เสื้อผ้าเด็กที่ออกแบบมานั้นผสมผสานระหว่างแฟชั่นสไตล์อเมริกันของ CK แต่ก็ยังคงอยู่ซึ่งความน่ารักไร้เดียงสาแบบเด็กๆ ไว้ด้วย
เชอร์ลี่ย์แต่งตัวง่ายๆ เธอสวมเสื้อยีนกับรองเท้าหนัง ทำให้ไม่มีมาดคุณหนูใสตาเหลืออยู่แล้ว แต่เปี่ยมไปด้วยมาดสาวห้าวที่กระฉับกระเฉงแทน
ฉินสือโอวเห็นพ่อหิ้วหัวหมูเข้าไปในห้องครัว จึงถามว่าเอามาจากที่ไหน
พ่อของฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ แล้วพูดว่า “ที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านคุณลุงห้าของแกฆ่าหมูเพื่อไหว้ปีใหม่ มีทั้งหมดสองหัว ฉันเลยไปขอมาหัวหนึ่งน่ะ”
ฉินสือโอวตบบ่าพ่อแล้วพูดว่า “แหม ตอนนี้พ่อเป็นที่นับหน้าถือตาแล้วนะ ขนาดหัวหมูยังขอซื้อมาได้เลยเหรอเนี่ย?”
ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ที่บ้านเกิดของฉินสือโอวนั้นทุกคนต่างก็ชอบเนื้อหัวหมูกัน ตอนฆ่าหมูเพื่อไหว้ปีใหม่นั้นหัวหมูถือว่าเป็นส่วนที่มีค่ามากที่สุด ดังนั้นการจะไปขอซื้อหัวหมูจากบ้านคนอื่นมาได้นั้น ถือว่าตัวเองมีหน้ามีตามากทีเดียว
พ่อของฉินสือโอวทำหน้าหยิ่งผยอง พูดว่า “ไม่ได้ซื้อ แต่เขาให้มา”
แม่ของฉินสือโอวอธิบายว่า “ปีนี้พ่อแกไม่มีอะไรทำ จึงไปช่วยซ่อมบ้านคุณลุงห้าของแก คุณลุงห้าเขารู้ว่าแกกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้าน จึงตั้งใจพูดย้ำกับพ่อแกน่ะ ว่าถึงปีใหม่ตอนที่พวกเขาฆ่าหมูกันให้ไปเอาหัวหมูมาอันหนึ่งให้แกกิน”
วินนี่มองไปที่หัวหมูที่น่ากลัวนี่อย่างตกตะลึง แล้วใช้ภาษาอังกฤษพูดกับฉินสือโอวว่า “ถ้าคุณกินไอ้นี่เข้าไปแล้วห้ามขึ้นเตียงฉันเดือนหนึ่งเลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เสี่ยวหลัวปอกัดคุณแน่”
ฉินสือโอวหัวเราะดีใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เสี่ยวหลัวปอกลัวผมยิ่งกว่าอะไร คุณคอยดูเถอะว่ามันจะกล้ากัดผมหรือเปล่า? ที่บ้านยังมีหมูป่าอีกหลายตัว เดี๋ยวผมจะไปจัดการเสียหน่อย ของแบบนี้อร่อยมากนะ”
วินนี่ส่ายหัวอย่างแรง กลิ่นหัวหอมกลิ่นซอสเธอยังพอรับได้ แต่การกินหัวหมูแบบนี้นั้นเธอรับไม่ได้จริงๆ
การจัดแจงหัวหมูค่อนข้างยุ่งยาก ฉินสือโอวเห็นวินนี่ไม่ค่อยชอบสิ่งนี้ จึงพาเธอไปเที่ยวในหมู่บ้าน แนะนำบ้านเกิดของตัวเองให้เธอ
เออร์บักที่ออกไปเดินเล่นแต่เช้าพาหู่จือกับเป้าจือกลับมา เมื่อเห็นฉินสือโอวออกบ้าน จึงพูดว่า “ฉิน แม่น้ำใหญ่หน้าหมู่บ้านของคุณไม่ได้แข็งเป็นน้ำแข็ง พวกเราไปตกปลากันดีไหม?”
ฉินสือโอวถามพ่อแม่อย่างแปลกใจ นี่ก็เดือนสิบสองแล้วทำไมถึงยังไม่เป็นน้ำแข็งอีก?
พ่อของฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดว่า “แกไม่รู้อะไร ปีนี้ที่นี่ถือว่าเป็นหนาวอุ่น! เฮ้อ ดูหิมะที่ตกวันนี้สิ นี่น่ะความจริงเป็นหิมะแรกของปีนะ! ดูท่าแล้วช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลินี้ก็คงยังไปทำสวนไม่ได้แน่”
ฉินสือโอวไม่สนใจ ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำแล้วกัน ที่บ้านก็ไม่ได้ขัดสนนี่?”
พ่อของฉินสือโอวส่ายหัว จุดนี้เขาไม่เถียงกับลูกชาย คนหนุ่มจะมาเข้าใจความรู้สึกของคนแก่ที่มีต่อการทำไร่ทำนามาทั้งชีวิตได้อย่างไร?
การไปตกปลาตอนหิมะตกแม้จะแปลกไปบ้าง แต่เมื่อคืนฉินสือโอวได้ใช้พลังโพไซดอนไปสำรวจดูในแม่น้ำไป๋หลงแล้ว ในแม่น้ำมีปลาตัวอ้วนไม่น้อยเลย สามารถไปตกมาตุ๋นเป็นซุปมาดื่มได้
ดังนั้นเขาจึงไปหาหมวกงอบมาสองใบให้วินนี่กับเออร์บัก ที่บ้านมีเบ็ดตกปลาอยู่แล้ว เขาจึงใช้น้ำมันผสมกับแป้งโปรตีนทำเป็นเหยื่อ แล้วก็พาทั้งสองคนออกจากบ้านไป
ข้างนอกหิมะตกไม่หนักแล้ว มีตกลงมาบ้างประปรายเท่านั้น ไม่กระทบต่อการตกปลา
ระหว่างเดินอยู่บนถนนในหมู่บ้าน ฉินสือโอวรู้สึกหดหู่เล็กน้อย พูดขึ้นมาว่า “เมื่อก่อนผมมักจะคิดว่าหมู่บ้านนั้นใหญ่มาก เขตอำเภอยิ่งใหญ่กว่า แต่ตอนนี้พอลองมองกลับมาดู ความจริงที่นี่นั้นเล็กมากจริงๆ ถนนแคบ บ้านก็เตี้ย”
เขาส่ายหัวไปมา ตอนจากบ้านไปที่อื่น เขามักรู้สึกว่าบ้านเกิดนั้นดีไปเสียหมด แต่พอได้กลับมาจริงๆ เขากลับรู้สึกว่าบ้านเกิดนั้นไม่เหมือนกับที่ตัวเองคิดไว้ ว่าเป็นที่ที่สามารถเอาไว้หลบลมหลบฝนของเขาได้ บ้านเกิดที่สวยงามนั้นก็คงมีแต่ในใจเท่านั้น
เพราะการขุดคลองและการจัดการของรัฐบาล แม่น้ำไป๋หลงในตอนนี้สะอาดกว่าเมื่อก่อนมาก ฉินสือโอวยืนอยู่บนเขื่อนหันกลับไปมองหมู่บ้าน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว ทำให้มองไม่เห็นหลังคาสีแดงกับกำแพงสีขาวแล้ว
เสี่ยวหลัวปอหดตัวอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่อย่างออดอ้อน ฉินสือโอวจับมันไปไว้บนพื้น มันมองไปที่พื้นโคลนอย่างรังเกียจ หาหินก้อนหนึ่งแล้วกระโดดขึ้นไป ยืนสั่นริกๆ อยู่บนนั้น
วินนี่อยากอุ้มมัน แต่ฉินสือโอวพูดว่า “เจ้าตัวนี้มันแสร้งทำน่ะ ตอนหิมะตกตอนอยู่ที่บ้านก็เห็นมันวิ่งเล่นไปทั่วกับหู่จือกับเป้าจือ ไม่เห็นมันจะสั่นเลย มันเป็นถึงหมาป่าอาร์กติกนะ ใช้ชีวิตอยู่บนเขาหิมะ”
หลัวปอสั่นไปสักพัก เมื่อเห็นวินนี่ไม่ยอมมาอุ้ม ก็โกรธจนใช้เล็บขุดหิมะออกแล้วนั่งลงไป
ฉินสือโอวหาหินที่ค่อนข้างมั่นคง นั่งอยู่บนนั้นสะบัดเบ็ดออกไปอย่างแรง สะบัดเหยื่อไปที่ตรงหน้าปลาลิ่นที่กำลังหาอาหารอยู่ใต้น้ำนั่น
……………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น