ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 450-451
ตอนที่ 450 “ฆ่า!”
นางไม่ได้สวมรองเท้า ขณะที่ปลายเท้าที่งดงามดั่งเท้าหยกข้างนั้นแตะอยู่บนดาบยักษ์สีดำที่ดูมืดมิดและลึกลับ ก็ยิ่งดูกระจ่างจนไร้สิ่งใดเทียบ
ดาบยักษ์ยังคงคำรามออกมา แม้ว่าได้ทำลายกระบี่ผงาดฟ้าจนหักสะบั้นไปแล้ว แต่มันกลับไม่มีรอยร้าวแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำประกายแสงหม่นๆบนตัวดาบก็ยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม
ดวงตาของเยี่ยเฉินหรี่ลง ร่างของเขากระโดดถอยไปด้านหลัง ในมือยังคงกุมด้ามกระบี่ผงาดฟ้าที่หักเอาไว้
บนตัวกระบี่ที่เหลือไร้ประกายอีกต่อไป แม้แต่จิตกระบี่ที่เคยมีอยู่ก็สูญสิ้นอย่างราบคาบ
ดาบเล่มนั้น….ดูดกลืนพลังของกระบี่ผงาดฟ้าไปจนหมดสิ้น?
เขาขมวดคิ้วมุ่น แต่ที่ทำให้เขาเกิดความสนใจยิ่งกว่าดาบก็คือเจ้าของดาบเล่มนั้น—ตู๋กูซิงหลัน
นับตั้งแต่แวบแรกที่นางปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งสายตาและความสนใจทั้งหมดของเขาก็รวมอยู่ที่นางเพียงผู้เดียว
นางยังมีชีวิตอยู่!
เขาเห็นนางกระโดดลงไปในหุบเหวไร้ก้นกับตาของตนเอง นางถึงกับสามารถรอดออกมาได้!
ไม่เพียงแค่นั้น…..
เยี่ยเฉินมองดูร่างของตู๋กูซิงหลันที่ยามเคลื่อนไหวคล้ายจะมีละอองแสงสีเงิน ในใจต้องอดสั่นสะท้านไม่ได้
หวาชางสุ่ยและเยี่ยอิงต่างก็เห็นอย่างชัดเจน….
นังสวะผู้นั้น…..มันถึงกับยังไม่ตาย?!
ตู๋กูซิงหลันเหยียบอยู่บนดาบยักษ์ ดวงตาดอกท้อกวาดออกไปด้วยรังสีอำมหิตที่เข้มข้นอย่างที่สุด
สายตานั้นกวาดไปยังเยี่ยเฉิน เยี่ยอิง และหวาชางสุ่ยที่อยู่บนหอสูงจนครบในรอบเดียว
สายตาของนางเหมือนดั่งเจ้าหนี้ พอกวาดผ่านก็ทำให้หัวใจของคนทั้งสามเกิดอาการผวาขึ้นมา
แม้แต่คนอื่นๆในเผ่ามังกรทมิฬก็พลอยรู้สึกหวาดหวั่นไปด้วย…….
พวกเขาทำคอแข็ง พอมองดูสาวน้อยในชุดสีแดงผู้นั้น…..อยู่ๆก็ทำให้คิดไปถึงราชามังกรขึ้นมา
องค์ราชามังกรทรงมีผู้สืบทอดสายเลือดอยู่ในเผ่ามนุษย์ บุตรนอกสมรสผู้นั้นก็อยู่ที่นี้แล้ว ตอนนี้สาวน้อยที่กระโดดลงไปในหุบเหวผู้นั้นก็กลับขึ้นมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน!
ไม่เพียงแค่นั้น ในร่างของนางยังมีพลังของเผ่ามังกรอีกด้วย!
ฝูงชนต่างก็อดจะประหลาดใจไม่ได้ว่า ที่ใต้หุบเหวไร้ก้นนั้น นางได้พบเจอกับสิ่งใดเข้ากันแน่?
แล้วบุรุษเผ่ามนุษย์ที่เคยไล่ตามนางมาผู้นั้นเล่า? แหลกเละไปแล้ว?
องค์ราชามังกรยังคงมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?
เกรงว่านอกจากบุตรสาวนอกสมรสผู้นั้นแล้ว ก็คงจะไม่มีผู้ใดที่รู้คำตอบอีกแล้ว
ตู๋กูเจวี๋ยที่กำลังตกอยู่ในความโกรธเกรี้ยวมองดูสาวน้อยผู้นั้น พลังกระหายเลือดที่กำลังคุ้มคลั่งอยู่ในร่างกายทำให้ยังไม่อาจควบคุมตนเองได้ ทรวงอกถูกคมกระบี่ผงาดฟ้าแทงลงไปแผลหนึ่ง เลือดไหลซึมออกมา แต่ว่าปากแผลก็กำลังประสานกันอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในตาของเขามีแต่แสงสีแดง มือยังคงกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ เขาต้องการเพียงทำลายทุกอย่างให้ราบเรียบเป็นหน้ากลองเท่านั้น
ตู๋กูซิงหลันหันกลับมามองดูเขาอีกครั้ง นางไม่เคยเห็นพี่รองเป็นเช่นนี้มาก่อนเลย
บนหลังมือของเขามีเกล็ดสีดำปรากฏขึ้นเต็มไปหมด พอมองดูอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าเกล็ดเหล่านั้นสะท้อนแสงสีเงินยวงเป็นประกาย
บนริมฝีปากของเขายังคงมีเศษด้ายบางส่วนอยู่ เลือดไหลซึมไปทั่วปาก ใบหน้าที่เดิมนุ่มนวลอ่อนโยนตอนนี้มีแต่ความเ**้ยมเกรียม
ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปด้วยพลังที่พุ่งพล่าน ดาบกระดูกมังกรที่ถูกยกจนสูงไม่อาจฟาดลงมาใส่ตู๋กูซิงหลัน
สติรับรู้ที่เลือนลางกำลังร่ำร้อง….อย่าได้ทำร้ายนาง ไม่อาจทำร้ายนาง!
ตู๋กูซิงหลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็ยื่นมือออกไปคว้าตู๋กูเจวี๋ยเข้ามาในอ้อมกอด “พี่รอง ไม่เป็นอะไรแล้ว”
นางยื่นมือมาตบแผ่นหลังของเขา “ข้ากลับมาแล้ว”
ข้ากลับมาแล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้ผู้ใดแตะต้องพวกท่านได้แม้แต่เส้นผมเดียว!
ตอนที่อยู่ใต้หุบเหว นางได้ยินบิดาเล่าเรื่องราวมากมาย รวมถึงเรื่องขุมพลังกระหายเลือดที่บิดาชักนำออกจากร่างของนางไปอยู่ในร่างของพี่รองแทนด้วย นึกไม่ถึงว่าพลังนั้นจะระเบิดออกมาเร็วถึงเพียงนี้
ได้ยินบิดาเล่าว่า….มีแต่ตอนที่ถูกรังแกหรือบีบคั้นอย่างรุนแรง พลังกระหายเลือดถึงจะระเบิดออกมา
พี่รองเป็นคนจิตใจดีอย่างยิ่ง นางไม่กล้าคิดเลยว่าเขาต้องถูกบีบคั้นถึงเพียงไหนจึงได้ทำให้กลายเป็นสภาพนี้ไป
ใจกลางฝ่ามือของนางปรากฏพลังจิตวิญญาณของมังกรขึ้นมาขุมหนึ่ง ส่งเข้าไปในหัวใจของเขา
แม้ว่าไม่อาจควบคุมพลังของจิตมังกรภายในร่างของเขา แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ยังพอจะช่วยเรียกสติของเขาให้ฟื้นคืนมาได้บ้าง
ไม่มีผู้ใดมองเห็นพลังของจิตมังกรในฝ่ามือของตู๋กูซิงหลัน และไม่มีผู้ใดรู้ว่าคำพูดของนางเหล่านั้น ตู๋กูเจวี๋ยจะได้ยินบ้างหรือไม่ คนผู้นั้นตอนนี้กลายเป็นคนที่บ้าคลั่งไปแล้ว!
เจอะใครก็ฟันคนนั้น เจอใครก็กัดคนนั้น!
ครู่ต่อมา แววตาที่บ้าคลั่งของตู๋กูเจวี๋ยค่อยเบาบางลงไปสองส่วน
เขามองดูตู๋กูซิงหลันที่อยู่ตรงหน้า ในที่สุดค่อยอ้าปาก เอ่ยอย่างได้สติขึ้นมาทีละคำ “น้องเล็ก…”
“พวกเขาพูดกันว่าเจ้าตายไปแล้ว”
เขาใช้สองมือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนชุ่มโชกโอบกอดนางอย่างแนบแน่น
“พี่รองรู้อยู่แล้ว ว่าเจ้าจะต้องไม่ตาย!
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้าน
พี่รองไม่เคยรู้เรื่องสภาพร่างกายของตนเอง ยิ่งไม่รู้เลยว่าอยู่ดีๆร่างกายของเขาจึงเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขากำลังห่วงใยอย่างล้นพ้นก็ไม่ใช่ตัวของเขาเอง
ในตอนนั้นเอง เขาล้วงเอาเกล็ดงูสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ
“ชือหลีนาง……”
ตู๋กูซิงหลันมองดูเกล็ดงูที่ถูกย้อมเลือดชิ้นนั้น ก็หันกลับไปหาดวงตาที่กำลังเดือดดาลของเขา
นางเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว “ฆ่า!”
ทุกผู้ที่อยู่ในที่นี้!
นอกจากสามแม่ลูกที่ต้องตายอย่างแน่นอนแล้ว คนอื่นๆที่เคยทำร้ายพี่รองและชือหลี……ก็จะไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเช่นกัน!
พลังของจิตมังกรที่ทรนงในร่างกายของคนทั้งสองถูกปลุกเร้าขึ้นมา ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน พลังในร่างก็ปิดกั้นเสียงไม่ให้รั่วไหลสู่ภายนอก ผู้อื่นจึงไม่มีทางได้ยินอะไร
ดังนั้นจึงยังไม่มีใครทันรู้ตัวเลยว่าตู๋กูเจวี๋ยที่กระหายเลือดเอาแต่ฆ่าฟันนั้นถูกตู๋กูซิงหลันเรียกสติกลับมาแล้ว
เยี่ยอิงนั่งอยู่บนหัวของมังกรดำตัวหนึ่ง หลังจากเกิดความประหลาดใจที่ได้เห็นตู๋กูซิงหลันปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง นางก็สงบจิตใจลงได้อย่างรวดเร็ว แขนของนางที่ถูกตู๋กูเจวี๋ยฟันขาดไปนั้น ตอนนี้เลือดก็หยุดไหลแล้ว
พอเห็นว่าตู๋กูซิงหลันเปิดเผยช่องโหว่ที่แผ่นหลังออกมา นางก็ยิ้มอย่างเย็นชาออกมาในทันที ใช้มือข้างเดียวที่เหลืออยู่สะบัดดาบโซ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังทั้งหมดที่นางมี ครั้งนี้จะต้องคว้าเอาหัวใจสกปรกโสโครกในร่างของตู๋กูซิงหลันออกมาได้แน่!
ไม่เห็นหรือว่า ? ตั้งแต่วินาทีที่นางปรากฏตัวขึ้นมานั้น สายตาของพี่ชายก็จับจ้องอยู่บนร่างของนางอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเคลื่อนออกไปเลยแม้แต่น้อย
รอดออกมาจากหุบเขาไร้ก้นบึ้งได้แล้วจะอย่างไร? วันนี้ก็นางตายลงนรกไปอยู่ดี!
ไม่ จะต้องให้นางดับอนาถยิ่งกว่าตกลงไปในนรก!
ในเผ่ามังกรทมิฬ พลังของเยี่ยอิงนับว่าอยู่ในระดับแนวหน้า ครั้งนี้นางใช้พลังอย่างสุดกำลัง ดาบโซ่ทั้งสิบสองเล่มโผบินออกไปถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลันด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาด
ต่อให้เป็นกำแพงเหล็กกล้ายามนี้ก็มีแต่ต้องถูกทะลวงพรุนจนกลายเป็นตะแกรง!
เยี่ยเฉินที่อยู่ด้านข้าง คิดจะหยุุดยั้งพลังของเยี่ยอิงเอาไว้
เขาเฝ้าครุ่นคิดถึงตู๋กูซิงหลันมาตลอดหลายวัน ปรารถนาจะครอบครองนางให้จงได้ ไม่ง่ายนักที่นางจะรอดกลับมาจากหุบเหวไร้ก้นได้ นี่นับว่าฟ้าดินได้ให้โอกาสแก่เขาแล้ว เขาย่อมไม่ต้องการให้นางตกตายไปอย่างง่ายๆ
อย่างน้อยๆ…..ก็ต้องกลายเป็นสตรีของเขาก่อนค่อยตาย!
เขาเกิดความต้องการในตัวตู๋กูซิงหลันขึ้นมาแล้ว หลังความต้องการนี้คลี่คลาย เสี่ยวอิงคิดจะบดบี้นางอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น
หากว่าตายไปเสียแต่ตอนนี้….พอมาถึงมือของเขาก็จะเหลือเพียงแค่ศพที่เย็นชืด ไร้รสชาติ
แต่ว่าดาบโซ่ของเยี่ยอิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็พุ่งไปถึงร่างของตู๋กูซิงหลันแล้ว เขาคิดจะรั้งเอาไว้ก็ไม่ทันการเสียแล้ว
ฝูงชนทั้งหลายต่างก็เห็นว่าดาบโซ่ทั้งสิบสองเล่มของเยี่ยอิงกำลังจะคว้านเข้าไปในร่างของตู๋กูซิงหลัน
เดิมทีพอเห็นว่านางสามารถกลับออกมาจากหุบเหวไร้ก้นได้ แสดงว่าจะต้องมีฝีมืออยู่บ้าง ที่แท้ก็เป็นเพียงแค่หมอนปักลายเท่านั้น ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่ภายในกลวงจนว่างเปล่า
เยี่ยอิงหัวเราะเสียงเย็นออกมา “ เป็นแค่เศษสวะเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น…ไหนเลยคู่ควร…”
เสียงของนางยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงติ๊งคราหนึ่ง เห็นตัวดาบโค้งที่เดิมกำลังจะคว้านเข้าไปในร่างของตู๋กูซิงหลัน พุ่งกลับมาหานางจนหมดสิ้น!
ตอนที่ 451 “ไม่ต้องรีบร้อน.....ค่อยๆ...
เยี่ยอิงไร้หนทางจะป้องกัน ได้แต่หลบลงไปอยู่หลังหัวมังกรอย่างรวดเร็ว
ดาบโค้งทั้งสิบสองเล่มนั้นพุ่งเข้ามาตัดเขามังกรขาดสะบั้นลงไปในทันที ทั้งยังเลี้ยวเข้ามาหานาง ด้วยแง่มุมพิศดาร
เยี่ยอิงพึ่งจะทุ่มเทพลังทั้งหมดในร่างของไป ตอนนี้เรี่ยวแรงไม่ทันฟื้นคืน
นางที่เป็นดั่งป้ายเกียรติยศของเผ่ามังกรทมิฬ กลับต้องดิ้นรนหลบหลีกอาวุธของตนเอง
หัวของมังกรดำตัวนั้นถูกใบดาบเฉือนเข้าไปทั้งซ้ายและขวา จนเลือดไหลนองออกมา เพียงพริบตาเดียวก็ลึกจนสามารถมองเห็นได้ถึงกระโหลก ทำให้เยี่ยอิงไร้ที่กำบังอีกต่อไป
ดาบสุดท้ายยังคงพุ่งเข้ามาฟันมือซ้ายของนางขาดไปจนมองเห็นกระดูก เลือดไหลท่วมร่าง!
หากมิใช่เพราะว่าเยี่ยเฉินเข้ามาอย่างทันเวลา ที่ดาบนั้นฟันทิ้งไปจะต้องเป็นคอของนางอย่างแน่นอน
ในมือของเยี่ยเฉินมีง้าวมังกร เพียงกวาดออกไปเบาๆก็สะบั้นดาบโค้งจนหักเป็นชิ้นๆ!
เขาใช้มือข้างหนึ่งกอดเยี่ยอิงเอาไว้ แผ่พลังของจิตมังกรในร่างออกมา ร่างพุ่งออกไปเพียงครั้งเดียว ก็กระโดดลงไปบนหัวของมังกรดำอีกตัว ดวงตาทั้งสองของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ตู๋กูซิงหลัน
เมื่อครู่ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่า ดาบโซ่ที่เสี่ยวอิงเขวี้ยงออกไปกำลังจะคว้านลงไปในร่างของตู๋กูซิงหลัน แต่ที่จริงเพียงกระทบถูกพลังของจิตมังกรบนร่างของนางเท่านั้น
แม้แต่เสื้อผ้าของนางก็ยังไม่โดนสัมผัสเลยด้วยซ้ำ!
ดาบโค้งทั้งสิบสองเล่มนี้ ถูกพลังในร่างของนางสะท้อนกลับออกมา ทั้งยังเกือบจะตัดศีรษะของเสี่ยวอิงเข้าแล้ว!
เยี่ยอิงอยู่ในอ้อมอกของเขาตระหนกจนวิญญาณแทบหลุดลอย
นางไม่ทันได้เห็นเลยว่า เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…..
เห็นอยู่ชัดๆว่าดาบโซ่ของนาง…..
นางไอออกมาเบาๆ มุมปากมีแต่เลือด จับจ้องตู๋กูซิงหลันด้วยความเคียดแค้น เอ่ยว่า “พี่ชาย ท่านต้องล้างแทนให้กับข้า ฆ่านังแพศยาน้อยนั่นเสีย! แม่ของนางที่เป็นนังแพศยาก็คือคนที่แย่งชิงพระบิดาของพวกเราไป ตอนนี้นังแพศยาน้อยยังคิดจะมาแย่งชิงท่านไปอีก!”
สีหน้าของเยี่ยเฉินอึมครึมอย่างยิ่ง สายตาของเขาที่มองดูตู๋กูซิงหลันเปี่ยมไปด้วยความสับสน
พลังในร่างของนาง…..ช่างแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เฉพาะที่สามารถทำลายกระบี่ผงาดฟ้าของเขาได้ในการลงดาบเพียงแค่ครั้งเดียว ก็นับว่ามิใช่เรื่องเล็กๆแล้ว
ขณะที่เขามองไปนั้น ตู๋กูซิงหลันก็หันร่างกลับมาพอดี กวาดตามองดูพวกเขาด้วยความเย็นชาอย่างที่สุด
นางสะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ในมือปรากฏพลังขุมหนึ่ง ทันใดนั้นก็ยื่นไปคว้าดาบยักษ์ที่ลอยขึ้นมาจากใต้เท้าเอาไว้
กุมด้ามดาบเอาไว้พาดลงไปบนบ่า
ริมฝีปากแดงแย้มเยื้อน เส้นผมสีดำมีละอองแสงสีเงินพลิ้ววราวโบยบิน ดวงตาดอกท้อที่เย็นยะเยือกนั้นกวาดมองดูชาวเผ่ามังกรทมิฬที่ออกันอยู่อย่างแน่นขนัด “ให้เวลาพวกเจ้านับถึงสาม หากไม่คิดจะพัวพันกับเรื่องนี้ ก็ไสหัวไป!”
“หากอยากจะมีเอี่ยวกับเรื่องนี้….”
นางหยุดครู่หนึ่ง ก็เอ่ยออกมาสามคำอย่างเย็นชา “ฆ่าไม่เว้น!”
ท่าทางที่อหังการเช่นนั้น ดูราวกับว่ามีแต่นางจึงจะเป็นเทพผู้สูงส่ง ส่วนพวกเขาก็เป็นเพียงแค่เผ่าพันธุ์หนึ่ง หากคิดจะไปต่อต้านกับเทพเจ้า ก็จะเป็นเหมือนกับเหล่ามดที่มีแต่จะโดนเหยียบย่ำเท่านั้น?
รู้หรือไม่ว่า ที่จริงแล้วลูกสาวนอกสมรสผู้นี้ต่างหาก ที่เป็นตัวต่ำต้อยที่สุดที่แท้จริง?
“ท่านดูนังแพศยาน้อยนั่น มันโอหังถึงขนาดนี้?” เยี่ยอิงโกรธจนถึงกับกระอักเลือดแล้ว นางเป็นถึงองค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬแท้ๆ ก็ยังไม่เคยโอหังถึงเพียงนี้มาก่อน นังแพศยาน้อยชั้นต่ำผู้หนึ่งมีสิทธิ์อะไร?
ชาวเผ่ามังกรทมิฬน้อยนักที่จะเคยถูกกดลงมาจนถึงเพียงนี้ แต่ละคนจับจ้องไปที่ตู๋กูซิงหลัน ต่างก็คิดจะหาทางสั่งสอนนังตุ๊กตาน้อยที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำให้หนักๆสักครั้ง
“สาม…..”
ตู๋กูซิงหลันคร้านจะไปสนใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากของนางเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกออกมา
“สอง…..”
บนหอสูง สีหน้าของหวาชางสุ่ยย่ำแย่อย่างยิ่ง ทั้งที่อยู่ในในพื้นที่ของนาง หากยังถูกลูกนอกสมรสทั้งสองของนังคนนั้นบีบคั้นต่อไป แล้วจะให้เผ่ามังกรทมิฬของนางอยู่ต่อไปได้อย่างไร?
“องค์ราชินีเพคะ….ตอนนี้พระองค์จะทรงลงมือสั่งสอนตัวที่สร้างความวุ่นวายทั้งสอง ให้รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเลยหรือไม่เพคะ?” นางกำนัลที่อยู่ข้างตัวนางก็โกรธแค้นอย่างยิ่งเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางนำพาคนจะไป ‘แล่เนื้อ’ ที่คุกนั้น เกือบจะถูกไอ้เด็กน้อยตู๋กูเจวี๋ยผู้นั้นคว้าไปดูดเลือดแล้ว บนลำคอยังเหลือรอยเล็บที่น่าเกลียดอยู่หลายรอย
ตัวเลวร้ายเช่นนี้หากปล่อยทิ้งเอาไว้ ก็มีแต่จะกลายเป็นเภทภัยเท่านั้น
เมื่อเรื่องมาถึงตอนนี้ หวาชางสุ่ยกลับสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้
นางหรี่ดวงตาทั้งสอง เส้นผมสีขาวใต้แสงเทียนกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือก
“ไม่…..ไม่ต้องรีบร้อน” นางโบกมือเบาๆ….ตลอดหลายปีมานี้ ไม่เคยมีใครที่รอดกลับขึ้นมาจากใต้หุบเหวไร้ก้นมาก่อน แต่ว่านังแพศยาน้อยนั่นกลับสามารถกลับมาได้ ไยจึงมีเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้?
ไม่เพียงแต่กลับขึ้นมาได้ แต่ว่าบนร่างของนางก็มีพลังของจิตมังกรสายหนึ่งอยู่ด้วย
พลังของจิตมังกร คือขุมพลังพิเศษเฉพาะของเผ่ามังกรทมิฬ
มังกรแต่ละตัวมีขุมพลังที่แตกต่างกัน ….มีแต่มังกรที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรมาอย่างยาวนานเท่านั้นจึงจะสามารถกำหนดจิตให้เกิดเป็นจิตมังกรได้
เศษสวะน้อยทั้งสองนั่น เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา …..ไม่เคยผ่านการฝึกฝน แล้วจะสามารถสร้างจิตมังกรขึ้นมาได้อย่างไร?
หวาชางสุ่ยคิดกลับไปกลับมา ก็ได้คำตอบเพียงข้อเดียวเท่านั้น
เยี่ยจ้านยังไม่ตาย!
เขาอยู่ที่ใต้หุบเหวไร้ก้นนั่น!
ใช่แล้ว……จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน นังสวะน้อยนั่นถึงได้สามารถออกมาจากหุบเหวไร้ก้นได้
มิเช่นนั้น นางก็คิดไม่ออกเลยว่า ใต้หล้านี้จะยังมีใครที่มีพลังที่จะสามารถส่งคนกลับมาจากดินแดนแห่งความตายได้
นางกำนัลผู้นั้นไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าสอบถาม
นางลูบคลำบาดแผลบนลำคอ ในใจก็เอาแต่ด่าทอไม่ยอมหยุด
หวาชางสุ่ยสงบนิ่งดุจภูเขาไท่ซาน มองดูตู๋กูซิงหลันที่กำลังแสดงความโอหังต่อไป
แต่ว่ามือของนางเองก็กุมพัดวายุเอาไว้อย่างแนบแน่น….นางต้องการจะดูว่า นังแพศยาน้อยนั่นจะสามารถโอหังไปได้ถึงเมื่อไหร่ รอให้มันลำพองจนขยับไม่ไหวอีกต่อไป นางค่อยๆจัดการกับมันเอง!
จากนั้น ก็จะจับมันลากลงไปใต้หุบเหวไร้ก้นตามหาเยี่ยจ้าน
…………………
“หนึ่ง”
ยามที่ตู๋กูซิงหลันเอ่ยคำสุดท้ายออกมา ก็เห็นว่าชาวมังกรทมิฬเพียงถอยออกไปไม่กี่คนเท่านั้น
พวกที่อยู่ที่เดิมทั้งหมดล้วนจับตามองดูนางด้วยสายตาอึมครึม
นางเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมา ใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ พอขยับมือสะบัดดาบยักษ์ ก็แผ่รังสีกดดันที่แข็งแกร่งออกมา
“ซวบ……” เพียงแค่รังสีที่กดดันนั้นกำจายออกไป มังกรดำหลายตัวในฝั่งของเยี่ยเฉินก็ถูกฟันขาดไป
อย่างโหดเ**้ยมเฉียบขาด! ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี!
มังกรดำเหล่านั้นไม่ทันจะได้โต้ตอบ ร่างกายก็ขาดเป็นสองท่อนไปแล้ว
จากนั้นก็ร่วงลงสู่พื้นอย่างรุนแรง กระแทกใส่ตำหนักแต่ละหลังจนแหลกย่อยยับ
“พี่รอง ด้านหลังของข้า มอบให้กับท่านแล้ว!” ตู๋กูซิงหลันเอ่ยพลางเหลือบตาไปมองดูตู๋กูเจวี๋ยที่อยู่ด้านหลัง
ตู๋กูเจวี๋ยกุมดาบกระดูกมังกรของชือหลีอย่างแนบแน่น พอสะบัดดาบออกไปครั้งหนึ่งก็สังหารพวกที่คิดจะฉกฉวยโอกาสทิ้งไป
สติสัมปชัญญะของเขาเหลืออยู่เพียงหนึ่งหรือสองส่วน อีกไม่นานก็อาจจะถูกพลังที่กระหายเลือดดูดกลืนลงไปอีกครั้งแล้ว ในสมองของเขาจดจำได้แต่ประโยคของตู๋กูซิงหลันที่ว่า “ด้านหลังของข้า มอบให้ท่านแล้ว!”
ดังนั้นเขาจึงกลับเป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ชีวิตจิตใจอีกครั้ง ติดตามตู๋กูซิงหลันฆ่าล้างไปตลอดทาง
ส่วนตู๋กูซิงหลันก็ทะยานไปข้างหน้าพุ่งไปยังด้านหน้าของเยี่ยเฉิน
เยี่ยเฉินยังคงโอบกอดเยี่ยอิงเอาไว้ ยืนอยู่บนหลังคาของตำหนักหลังหนึ่ง
ณ ก้นทะเลลึกของเผ่ามังกรทมิฬมีแต่ราตรีอันมืดมิดอยู่ตลอดเวลา
สายลมเย็นพัดโหม พลิ้วผ่านเสื้อผ้าและเส้นผมของนาง แววตาของนางมีแต่ความเย็นชาสุดหยั่ง จับจ้องไปยังเยี่ยอิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆไล่ไปทีละคน!
เริ่มจากเยี่ยอิง….ไปจนถึงหวาชางสุ่ยที่คอยจับตาดูอยู่ นางจะไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว!
เยี่ยเฉินใช้ง้าวมังกรเข้าต้านรับ พอปะทะกันรอบนี้ เขาถึงกับชาวาบตลอดร่าง ง่ามมือที่กุมด้ามง้าวมังกรเอาไว้ถึงกับฉีกขาด รอยแผลลากเป็นเส้นยาว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น