ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 447-454

 ตอนที่ 447 ให้เงินพี่


อู่เหมยไม่เชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว ส่งเสียงเอะอะว่า “ไม่มีคนซื้อ จะเป็นไปได้ยังไง? ที่ใหญ่ขนาดนั้น วันหลังจะหาบ้านดีอย่างนี้ก็คงหาไม่ได้อีกแล้วนะ”


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ บ้านหลังนี้จะบอกว่าดีก็มีแค่พื้นที่ใหญ่ อย่างอื่นก็ไม่ได้มีอะไร ทำไมอู่เหมยถึงได้ทำเหมือนบ้านหลังนี้เป็นของล้ำค่าสุดที่รักไปซะได้?


อู่เหมยเห็นเหยียนหมิงซุ่นทำหน้านิ่งๆ ก็ร้อนใจมากๆ แต่เธอก็ไม่สามารถพูดได้ว่าที่ตรงนั้นในอีกยี่ปีสิบให้หลังจะเป็นทำเลทองในเมืองจิน ถ้าพูดแบบนี้ก็จะป็นการเปิดเผยความลับเรื่องการเกิดใหม่ของตัวเธอเองน่ะสิ


“พี่หมิงซุ่น พี่เชื่อฉัน บ้านหลังนั้นถ้าพี่ซื้อมันจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแน่นอน ไม่สิ มันจะคุ้มค่าเป็นร้อยเท่าที่จ่ายไปเลย พี่เชื่อฉันสักครั้งนะ จะต้องซื้อนะ ถ้าพี่เงินไม่พอฉันยังพอมีอยู่ ฉันจะให้พี่ทั้งหมดเลย!”


อู่เหมยรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ยินดีที่จะซื้อบ้านหรือว่าลำบากใจเพราะเงินในกระป๋าเป็นเหตุ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เงินสามหมื่นหยวนก็เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงมากจริงๆ


เธอกระโดดออกจากเตียงด้วยเท้าเปล่า ลากกล่องเปล่าออกมาจากใต้เตียง นำเงินที่ก่อนหน้านั้นให้เหยียนหมิงซุ่นขายของออกมา มีประมาณหนึ่งพันห้าร้อยกว่า เธอาเอาเงินทั้งหมดส่งให้กับเหยียนหมิงซุ่น


“พี่หมิงซุ่น เงินพวกนี้ให้พี่ทั้งหมด พรุ่งนี้พี่ก็ไปซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้!”


เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ค่อนข้างที่จะสับสน เด็กบื้อคนนี้เชื่อใจเขาขนาดนี้ เงินหนึ่งพันห้าร้อย บอกว่าให้ก็ให้เลยหรือ?


“เธอไม่กลัวว่าวันหลังพี่จะไม่คืนเงินเธอหรอ?” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นมีความประหลาดใจ


อู่เหมยส่ายหัวโดยไม่ต้องคิด พูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่มีทาง พี่หมิงซุ่นไม่ใช่คนแบบนั้น!”


อนาคตผู้นำระดับสูงนะ จะมาอุบอิบอะไรกับเงินเล็กน้อยแค่นี้ของเธอ?


“ตัวฉันเองยังไม่สามารถรับรองได้ เธอเอาอะไรมาเชื่อใจฉัน?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างจงใจ


อู่เหมยย่นจมูก เอียงคอมองเหยียนหมิงซุ่น หัวเราะพูดว่า “ไม่ว่ายังไงฉันก็เชื่อใจพี่หมิงซุ่น อีกอย่างเงินพวกนี้ก็เป็นพี่ที่ช่วยฉันหามา ต่อให้ไม่คืนจริงๆ ก็ไม่เป็นไร!”


เหยียนหมิงซุ่นใจอ่อนจนพูดไม่ถูก เขาอดไม่ไหวบีบจมูกอู่เหมย ถอนหายใจเบาๆ พูดว่า “ช่างเป็นเด็กที่โง่จริงๆ!”


ฝ่ามือของชายหนุ่มนั้นหยาบอีกทั้งยังอบอุ่น ลูบไล้ผิวที่ละเอียดอ่อนนุ่ม เด็กสาวรู้สึกอ่อนแรง อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะลูบมือเขา เหยียนหมิงซุ่นใจเต้น ตัดใจดึงมือกลับไม่ลง


เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นบนใบหน้า อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะลูบแล้วลูบอีก เหมือนกับลูกแมว ช่างน่ารักเป็นอย่างมาก


ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็ดึงมือกลับอย่างไม่เต็มใจ ชอบเอามือไปวางไว้บนใบหน้าของเด็กน้อย นี่เขาเป็นคนประเภทไหนกันเนี่ย!


เมื่อบนมือไม่มีความรู้สึกนุ่มอุ่นเกลี้ยงเกลาอีก เหยียนหมิงซุ่นวูบโหวงในใจ รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เขาอดกลั้นที่จะเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง พลันดึงเงินอู่เหมยออกมามากกว่าครึ่ง


“ที่จริงแล้วพี่ขาดเงินอีกนิดหน่อย หนึ่งพันนี้พี่ขอยืมเธอมาหมุนเงินก่อน หลังจากปีหน้าพี่จะคืนให้”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปฏิเสธเงินของอู่เหมย เงินที่จะซื้อบ้านนั้นเขามีพอ แต่เงินนั้นเป็นเงินทั้งหมดที่เขามี หลังจากซื้อบ้านแล้วทั้งเนื้อทั้งตัวก็จะไม่มีเงินเลยแม้แต่แดงเดียว


ถึงแม้ว่าจะมีของล้ำค่าเก็บไว้พอสมควร แต่ของพวกนั้นเขายังไม่ได้ตั้งใจที่จะขายออก อีกอย่างหากเขาจะไปหาลุงหมิงบ่อยๆ ก็คงไม่ดี


“คุณยายของพี่ร่างกายไม่ค่อยดี ทุกวันต้องกินยา ดังนั้นตัวพี่จึงขาดแคลนเงินไม่ได้จริงๆ”


เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขายังลังเลไม่ตัดสินใจ อีกอย่างใกล้จะปีใหม่แล้ว ต้องใช้เงินเยอะ เขาไม่อยากถอนเงินฝากออก แต่ว่าเงินของอู่เหมยก็มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องด่วนที่ร้อนใจมากของเขา สามารถผ่อนคลายไม่ตึงเครียดจนถึงหลังปีใหม่แล้ว


อู่เหมยไม่สนใจโบกมือไปมา “พี่หมิงซุ่นขอแค่พี่เอาไปใช้ ไม่ต้องรีบคืน หนึ่งพันพอใช้ไหม? ไม่งั้นเงินพวกนี้ก็เอาไปด้วยสิ ถึงอย่างไรฉันก็ใช้เงินไม่เยอะเท่าไหร่หรอก”


เธอเอาเงินที่เหลือห้าร้อยหยวนยัดใส่ในมือของเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้หัวเราะออกมา ในใจอ่อนหยวบไปหมด


…………………………………………..


ตอนที่ 448 อยากจะพูดเรื่องที่อยู่ในใจ


เหยียนหมิงซุ่นนำเงินห้าร้อยหยวนส่งคืนให้กับอู่เหมย พูดยิ้มๆ ว่า “ขอแค่มีเงินเตรียมไว้พร้อมซื้อยาให้คุณยายก็พอแล้ว ตัวพี่ยังพอมีเงินอยู่ น่าจะพอใช้”


“งั้นก็ดี ถ้าพี่หมิงซุ่นเงินไม่พอใช้ก็มาถามมาเอากับฉันได้นะ ไม่ต้องมาเกรงใจอะไรกับฉันหรอก!”


อู่เหมยเห็นเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เอา ก็ไม่ได้ยืนหยัดให้รับอีก เธอเอาเงินเก็บลงไปในกล่องใหม่อีกครั้ง ฉิวฉิวก็ยังไม่ได้กลับมา จึงทำได้แค่ใส่ไว้ในนี้ก่อนชั่วคราว


แค่สามารถช่วยเหลือเหยียนหมิงซุ่นได้ อู่เหมยก็มีความสุขเป็นอย่างมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่างก็เป็นเหยียนหมิงซุ่นที่ช่วยเหลือเธอตลอด ในที่สุดตอนนี้เธอก็สามารถตอบแทนน้ำใจคืนได้บ้างแล้ว


เหยียนหมิงซุ่นตบหัวอู่เหมยเบาๆ อีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างลึกซึ้ง แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่ค้นพบ


“ได้ พี่จะไม่เกรงใจอะไรกับเธออีกแน่นอน!”


อู่เหมยหัวเราะอย่างพอใจ คิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้เหยียนหมิงซุ่นพูดถึงคุณยายของเขา ถามอย่างใส่ใจว่า “พี่หมิงซุ่น คุณยายพี่ป่วยเป็นอะไรหรอ? หนักไหม?”


“ไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรงอะไรมาก เพียงแค่ต้องกินยาทุกวัน อีกทั้งท่านก็ไม่สามารถทำงานหนักได้”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรมาก อันที่จริงแล้วโรคที่คุณยายเขาเป็นนั้นคือความทุกข์ที่มาจากใจ แม่ของเขาเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณตาคุณยาย แล้วก็เป็นลูกคนที่สองเป็นแก้วตาดวงใจ สถานะนั้นสูงกว่าลุงหลายคนมาก


คุณแม่ที่อายุยังน้อยก็ไม่อยู่แล้ว คุณตาคุณยายเป็นคนที่รู้สึกเสียใจที่สุดในโลก ตั้งแต่นั้นมาคุณยายก็ไม่สามารถออกจากความเจ็บปวดมาตลอด บวกกับเมื่อตอนอายุยังน้อยนั้นท่านก็เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป ร่างกายก็ทรุดลงทันที


เดิมทีครอบครัวของคุณตายังถือว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ แต่พอต้องรักษาคุณยาย ไม่ถึงสองปีก็ยากจนข้นแค้น โชคดีที่ได้พบเจอกับลุงหมิง ถึงจะพอมีทางที่สามารถช่วยเหลือได้ แล้วก็ยังสามารถเชิญคุณหมอที่ดีกว่ามารักษาคุณยายสุดที่รักได้อีกด้วย ทำให้พวกเขาทั้งคุณตาและลุงมีชีวิตที่สมบูรณ์และมั่งคั่งได้ในที่สุด


ชาติก่อนอู่เหมยได้ยินเรื่องบ้านฝั่งตายายฝ่ายแม่ของหยียนหมิงซุ่นมาบ้างคร่าวๆ เหมือนว่าทางฝั่งนั้นจะไม่ได้เดินทางสายข้าราชการ แต่เป็นด้านธุรกิจการค้าแทน อีกทั้งยังทำธุรกิจที่ใหญ่มาก ลูกพี่ลูกน้องของคุณลุงหลายคนกลายเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง บริษัทปี่เหมยซูหานก็เป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่มาก


กล่าวโดยสรุปว่าครอบครัวฝั่งแม่ของเหยียนหมิงซุ่นนั้นมีชีวิตที่ดีเลยในชาติก่อน ส่วนเรื่องคุณยายของเขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วก็ไม่รู้ว่าอาการป่วยของคุณยายเขาหายดีหรือไม่


“พี่หมิงซุ่นอย่ากังวล วันหลังการแพทย์จะยิ่งพัฒนามากขึ้น คุณยายของพี่จะต้องดีขึ้นมาแน่ๆ!” อู่เหมยพูดปลอบใจ


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “พี่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ลุงหมิงแนะนำให้พี่คนหนึ่งที่เก่งมาก เขาเป็นมือหนึ่งของแผนกนรีเวช คุณยายพี่กินยาที่เขาจ่ายให้ก็ดีขึ้นมาเยอะเลย ขอเพียงแค่พี่สามารถหาตัวยาสำคัญได้ ปีหน้าคุณยายพี่ก็จะสามารถลงจากเตียงได้แล้ว”


อู่เหมยดีใจแทนเขา รีบถามว่า “ยาตัวสำคัญที่คุณหมอบอกคือยาอะไร หายากมากไหม?”


“โสมภูเขาร้อยปี หายากอยู่พอสมควรเลย”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปิดบังอู่เหมย ค่ำคืนนี้อยู่ๆ เขาก็มีความปรารถนาที่จะระบายความในใจ ในหลายปีนี้เขาแบกเรื่องราวมากมายด้วยตัวเองมาตลอด แม้ว่าความสัมพันธ์ของคุณตากับลุงๆ จะดี แต่เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องที่เก็บไว้ในใจกับพวกเขาเลย นับจากตอนนั้นก็ผ่านมาเป็นระยะเวลายาวนาน เขาชินแล้วที่อยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว เคยชินที่จะต้านทานความรู้สึกไว้ด้วยตัวเองต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมาก็ตาม


แต่เวลานี้เขากลับอยากพูดคุยกับอู่เหมย พูดเรื่องที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพูด เขาพึงพอใจสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างมาก


พออู่เหมยได้ยินว่าเป็นโสมภูเขาร้อยปีก็ตกตะลึง ของล้ำค่าพวกนี้สามารถพบเจอกันได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องหามันมาได้[1] ถึงมีเงินก็ไม่แน่ว่าจะหาซื้อได้!


เหยียนหมิงซุ่นกลับปลอบใจเธอ “พี่วางแผนไว้ว่าปิดเทอมฤดูหนาวจะไปเมืองหลวงสักหน ดูว่าจะหาซื้อได้ไหม ถ้าไม่ได้จริงๆ แล้วล่ะก็ พี่จะไปภูเขาฉางไป๋ด้วยตัวเอง สถานที่สามารถพบโสมภูเขาร้อยปีได้อยู่เสมอ”


อู่เหมยรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “พี่หมิงซุ่น แม่บุญธรรมของฉันจะกลับเมืองหลวงตอนปีใหม่ อีกทั้งแม่บุญธรรมก็เก่งมาก ฉันจะขอให้แม่บุญธรรมช่วยพี่สอบถามให้นะ!”


เหยียนหมิงซุ่นตอนนี้ถึงนึกถึงจ้าวอิงหนานขึ้นมาได้ ด้วยอิทธิพลของตระกูลจ้าว หากลองสอบถามเรื่องพวกนี้น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ ก่อนหน้านั้นเขากลับไม่ได้นึกถึงเลย


…………………………………………..


[1] หมายความว่า คุณอาจจะสามารถพบเจอได้โดยบังเอิญ ซึ่งการบังเอิญก็ไม่ได้ง่าย แต่คุณไม่สามารถไปแสวงหาหรือไปขอมาได้ พูดง่ายๆ ว่า หายากมากๆ ต้องแล้วแต่ดวงนั่นเอง


ตอนที่ 449 โทรศัพท์ของเหยียนซินหย่า


และแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้เกรงใจอะไรกับอู่เหมยอีก “ได้ รบกวนเหมยเหมยแล้ว”


อู่เหมยยิ้มแป้น รู้สึกง่วงขึ้นมาจนกลั้นไม่ไหวหาวออกมาหวอดใหญ่แล้วก็หาวอีก น้ำตาก็ไหลออกมา


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมองเด็กน้อยที่อ้าปากหาวอย่างไม่กระดากใจเลยแม้แต่น้อย ฟันที่ไม่ราบเรียบก็เผยออกมาหมด เขานึกขึ้นมาได้ ถามอย่างล้อเล่นว่า “ให้พี่ดูฟันที่หลุดครั้งที่แล้วหน่อยว่าโผล่ออกมาหรือยัง?”


อู่เหมยยังไม่ทันได้ปิดปาก ก็โดนใครบางคนบีบค้างเอาไว้ เหยียนหมิงซุ่นใช้แรงแค่เล็กน้อย ปากก็อ้ากว้างมากๆ ฟันทั้งปากก็ปรากฏออกมากให้เห็น


ช่องโหว่ก่อนหน้านั้นได้มีฟันสีขาวแหลมๆ โผล่ขึ้นมาแล้ว ยังมีฟันหน่ออ่อนๆ ขึ้นมาใหม่ไม่น้อยอีกสองที่ ฟันข้างหน้าก็เปลี่ยนเป็นฟันแท้ขึ้นมาใหม่แทบจะหมดแล้ว สายตาของผู้นำระดับสูงในอนาคตนั้นขนาดสายตาสั้นแค่กวาดตามองก็ยังพบว่ามีฟันผุหลายซี่อย่างรวดเร็ว


‘ฮิฮิ’


เหยียนหมิงซุ่นดีดเบาๆ อู่เหมยปวดจนน้ำตาคลอ จ้องมองใครบางคนอย่างต่อว่า


“วันหลังกินลูกอมให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้ายังกินอีกฟันจะหลอหมดปากเอาได้นะ!”


สายตาของเหยียนหมิงซุ่นนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก อู่เหมยอดไม่ได้ที่จะหดคอ พูดแก้ตัวเสียงเบาว่า “ฉันไม่ได้กินเยอะเท่าไหร่เลย กินแค่นิดเดียวเอง”


“ไม่ได้กินลูกอมเยอะจะมีฟันผุได้ยังไง? รอปิดเทอมฤดูหนาวพี่จะพาเธอไปหาหมอฟัน ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่หนักมากก็รีบไปรักษาให้เร็วหน่อย”


อู่เหมยที่อ้าปากอยู่อยากจะประท้วง ตีให้ตายอย่างไรเธอก็ไม่อยากไปหาหมอฟัน ในบรรดาคุณหมอทั้งหมด หมอที่เธอกลัวที่สุดก็คือหมอฟัน ทั้งค้อนทั้งหัวเจาะทั้งหมดนั้น แค่เธอมองก็สั่นไปทั้งตัว ให้เธอไปห้องผ่าตัดเอามีดเฉือนสักทียังจะดีซะกว่า!


“ประท้วงไปก็ไม่มีผล เอาตามนี้แหละ ปิดเทอมฤดูหนาวพี่จะพาเธอไปหาหมอฟัน พรุ่งนี้ยังต้องไปเรียน รีบไปนอนเถอะ!”


เหยียนหมิงซุ่นพูดน้ำเสียงไม่ให้ปฏิเสธได้ง่ายๆ อู่เหมยก็ไม่มีความกล้าพอที่จะปะทะกับผู้นำระดับสูงในอนาคตผู้นี้ ได้แต่พยักหน้าอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม พยายามคิดในทางที่ดีอย่างสุดความสามารถ รักษาฟันให้หายในตอนนี้  ภายภาคหน้าจะได้ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่ฟันผุอย่างใหญ่สองซี่นั้นทำเอาเจ็บปวดจนเกือบตาย


                เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างจะพอใจกับความฉับไวของอู่เหมย ตบหัวเธอเบาๆ เป็นการชมเชย ลุกขึ้นแล้วกระโดดไปบนขอบหน้าต่าง หันมาโบกมือไม้โบกมือทำท่าทางให้อู่เหมยปิดหน้าต่างให้ดี แล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว


อู่เหมยรีบพุ่งไปทางหน้าต่าง กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นลงถึงพื้นเรียบร้อยแล้ว ยกไม้ยกมือมาทางเธออีกครั้ง พูดกับเธออย่างไม่มีเสียงอู่เหมยก็เข้าใจ เขาบอกให้เธอปิดหน้าต่างแล้วไปนอน!


เธอยิ้มอย่างสดใสแล้วก็โบกไม้โบกมือตอบ ปิดหน้าต่างแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วหลับสนิทอย่างรวดเร็ว หลับลึกเป็นอย่างมาก


วันต่อมา ช่วงกลางวันเหยียนหมิงซุ่นก็ไปจองบ้านหลังนั้น เขาไม่ลังเลอีกต่อไป อู่เหมยพูดไม่ผิด ซื้อตอนนี้วันหลังจะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พื้นที่ผืนใหญ่ขนาดนี้ ในอนาคตคงยากที่จะได้พบเจออีกแน่นอน


วันที่สอง หลังเลิกเรียนอู่เหมยก็ไปกินข้าวที่บ้านของสยงมู่มู่ ระยะนี้เธอมักจะมากินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลสยงเสียส่วนใหญ่ อู่เจิ้งซือก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร ผูกญาติกันแล้วเรียบร้อย กินข้าวกันไม่กี่มื้อก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร


อาหารบ้านตระกูลสยงแต่ไหนแต่ไรมาจะเป็นอาหารที่หลากหลายเต็มโต๊ะไปหมด อู่เหมยกินไปครึ่งหนึ่งก็เตรียมที่จะพูดเรื่องโสมภูเขาร้อยปี แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาเสียก่อน อู่เหมยอยู่ใกล้ที่สุดเธอจึงลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์


อาจจะเป็นเพราะได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเลย เสียงผู้หญิงในโทรศัพท์เลยลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ขอโทษนะคะ ขอถามหน่อยว่าใช่บ้านของจ้าวอิงหนานไหมคะ?”


ผู้หญิงคนนี้พูดจานุ่มนวลอ่อนหวานมาก ไพเราะน่าฟังสุดๆ อู่เหมยรีบพูดขึ้นมาว่า “ใช่แล้วค่ะ จ้าวอิงหนานเป็นแม่บุญธรรมของหนูเอง คุณน้ากรุณารอสักครู่นะคะ!”


จ้าวอิงหนานเดินมารับโทรศัพท์แล้วใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว พูดอย่างดีใจว่า “พี่สะใภ้เล็ก นานแล้วที่ไม่ได้โทรศัพท์มาหาเลยนะ สาวน้อยคนเมื่อกี้เป็นลูกบุญธรรมที่เพิ่งรับมาใหม่ๆ น่ะ เสียงเพราะมากเลยใช่ไหมล่ะ หน้าตาดีกว่าเสียงอีกนะ หลังปีใหม่ฉันจะเอารูปของเธอให้พี่ดูนะ!”


…………………………………………..


ตอนที่ 450 เสียงที่ไพเราะน่าฟัง


เหยียนซินหย่าที่อยู่ในสายโทรศัพท์หัวเราะ “เด็กน้อยอายุเท่าไรแล้ว? แค่ฟังเสียงก็รู้เลยว่ารูปร่างหน้าตาต้องดีแน่ๆ”


“ปีเดียวกันกับมู่มู่เลย อ่อนกว่าแค่ไม่กี่เดือน ลูกบุญธรรมของฉันคนนี้นะหน้าตาดูดีกว่าตุ๊กตาอีก วาดรูปก็เก่ง เต้นรำก็เก่งเป็นอันดับหนึ่ง ใช่แล้ว เธอกับพี่สะใภ้เล็กยังค่อนข้างที่จะเหมือนกันอีกด้วยนะ!” จ้าวอิงหนานชมอู่เหมยประหนึ่งว่าคนแบบนี้เจอได้แต่บนฟ้าบนสวรรค์ บนพื้นดินไม่มีคนแบบนี้หรอก ทำเอาอู่เหมยเขินจนหน้าแดงไปหมด


แต่ว่าเธอกลับคิดถึงเสียงของผู้หญิงในโทรศัพท์เมื่อกี้อยู่ตลอด เธอก็คือผู้หญิงคนที่มีหน้าตาคล้ายกับเธอ?


เสียงไพเราะน่าฟังจริงๆ ทั้งนุ่มทั้งอ่อนโยน อีกทั้งยังมีสำเนียงใต้นิดหน่อย


เหยียนซินหย่าไม่ได้เอาคำพูดของจ้าวอิงหนานมาใส่ใจ เธอคิดว่าที่จ้าวอิงหนานพูดคงเหมือนแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็มักจะมีคนสองสามคนที่หน้าตาคล้ายกันอยู่เสมอ ถ้าหน้าตาเหมือนกันทุกส่วนแบบนั้นสิถึงเรียกว่าแปลก!


แต่ว่าสาวน้อยคนเมื่อกี้เสียงไพเราะน่าฟังมากจริงๆ ฟังแล้วรู้สึกสบาย อีกทั้งเด็กคนนี้ก็อายุสิบสองขวบ!


ถ้าลูกสาวของเธอเติบโตขึ้นมา ตอนนี้ก็คงอายุประมาณนี้ เสียงก็คงจะต้องยิ่งไพเราะน่าฟังมากกว่านี้แน่นอน


เหยียนซินหย่าถอนหายใจเบาๆ พูดคุยกับจ้าวอิงหนานอีกสองสามประโยค ก็วางสายไป


“แม่ คุณป้าเล็กโทรศัพท์มาทำไมเหรอ?” สยงมู่มู่ถาม


จ้าวอิงหนานยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้ามีแต่ความสุข ตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด พูดอย่างมีความสุขว่า “คุณลุงเล็กของลูกหมดวาระประจำการแล้ว หลังปีใหม่ก็จะไปประจำการที่อีกเมือง พวกเธอรู้ไหมว่าไปที่ไหน?”


สยงมู่มู่มองแค่แวบเดียวก็มองออกถึงความคิดของแม่ตัวเอง ทั้งหมดเหมือนเขียนอยู่บนใบหน้าของแม่แล้ว!


“ดูท่าทางแม่ดีใจขนาดนี้ คงไม่ใช่ที่เมืองจินของพวกเราหรอกใช่ไหม?”


จ้าวอิงหนานดีดกบาลของสยงมู่มู่อย่างหงุดหงิด แค่แป๊บเดียวก็เดาออก ไม่ให้ความร่วมมือกับเธอเลยสักนิด ลูกชายอย่างไรก็ไม่รู้ใจเท่าลูกสาว!


สยงมู่มู่ยิ้ม ถามว่า “ครั้งนี้คุณลุงเล็กทำหน้าที่อะไรเหรอ? แล้วจะมาประจำการเมื่อไหร่?”


“เขาจะมาดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเมืองจิน มุ่งเน้นไปที่เศรษฐกิจ มาประจำการในฤดูใบไม้ผลิ วันหลังพวกเราสองบ้านจะได้อยู่ในเมืองเดียวกันแล้ว” จ้าวอิงหนานเต็มเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานใจปีติยินดี


ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจินจะว่าดีก็ดี เพียงแต่ห่างไกลจากบ้านแม่มาก ทำให้คิดถึงญาติพี่น้องขึ้นมาอยู่บ่อยๆ แต่หากเป็นตอนนี้ก็ดีเลย ตั้งแต่เด็กเธอเองก็มีความรักความผูกพันธ์ที่สนิทสนมกับพี่ชายคนเล็กคนนี้มาก สิบกว่าปีก่อนนั้นเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมีน้อย ส่วนใหญ่จะห่างกันซะมากกว่า แต่ตอนนี้ก็นับว่าทั้งคู่จะได้กลับมารวมตัวมาพบเจอกันอีกครั้ง


พ่อสยงก็ดีใจไปกับภรรยา สำหรับเรื่องที่จ้าวอิงหัวจะเป็นนายกเทศมนตรี หรือเป็นรองนายกเทศมนตรีนั้น เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่เขาสนใจที่สุดก็คือความรู้สึกของภรรยาเขา ขอเพียงแค่ภรรยาเขามีความสุข เขาก็มีความสุข


อู่เหมยใจเต้นโครมคราม พี่ชายคนเล็กของจ้าวอิงหนานเป็นรองนายกเทศมนตรีของเมืองจิน?


ตำแหน่งนี้ไม่ต่ำเลย เมืองจินนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองหลวงที่เป็นเมืองใหญ่เลย ไม่ใช่ว่าใคร ก็สามารถเข้ามาปะปนในวงการการเมืองได้อย่างมั่วซั่ว


อีกทั้งพี่ชายคนเล็กของจ้าวอิงหนานอายุคงไม่เยอะมากแน่นอน มากที่สุดก็คงจะประมาณสี่สิบปีได้ เป็นรองนายกเทศมนตรีในวัยนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นนายกเทศมนตรีต่างหาก ที่เขาก็แค่ทำเพียงชั่วคราวเท่านั้น


ดูท่าแล้วเธอคงจะดูแคลนบ้านฝั่งแม่ของจ้าวอิงหนานมากเกินไป เสียดายที่ชาติที่แล้วเธอไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องด้านนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอคงไม่เหมือนคนตาบอดข้ามแม่น้ำอยู่อย่างนี้ มืดมนสนิท


“คุณป้าเล็กของนายเป็นคนใต้ใช่ไหม ฉันฟังสำเนียงของเธอเหมือนกับทางพวกเรามากเลย” อู่เหมยถามสยงมู่มู่เสียงเบา


“ใช่แล้ว คุณป้าเล็กกับลุงเล็กเจอกันแล้วก็รู้จักกันตอนที่เดินทางไปที่ภาคใต้ ได้ยินคุณแม่บอกว่าเป็นคนใต้ แต่รายละเอียดว่าเป็นคนที่ไหนกันแน่นั้นก็ไม่รู้แน่ชัด คุณป้าเล็กแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่พูดเรื่องของทางบ้านฝั่งเธอเลย” สยงมู่มู่ยักไหล่


อู่เหมยนึกขึ้นมาได้ ถามว่า “คงไม่ใช่ว่าคุณป้าเล็กของนายก็ไม่มีญาติพี่น้องหรอกนะ?”


สยงมู่มู่ยักคิ้ว หนีบกุ้งให้อู่เหมยหนึ่งตัว ยิ้มตาหยีพลางพูดว่า “ไม่ผิดเลย นี่สมองทำงานแล้วล่ะสิ ดูท่าแล้วกินกุ้งก็มีประโยชน์อยู่ กินเยอะๆ หน่อย!”


อู่เหมยถลึงตามองอย่างหงุดหงิด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเสียงของเหยียนซินหย่าอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเสียงจะไพเราะน่าฟังมาก แต่มักจะมีความเศร้าโศกเส้นบางๆ แทรกอยู่เสมอ


เธอกลับรู้สึกอยู่ตลอดว่าผู้หญิงคนนี้มีชีวิตที่ไม่มีความสุขเลย!


…………………………………………..


ตอนที่ 451 ห่วงใยคุณป้าเล็กคนนั้นเป็นอย่างมาก


อู่เหมยอดไม่ไหวสอบถามขึ้นมา “นี่ คุณป้าเล็กของนายน่ะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับคุณลุงเล็กของนายใช่ไหม? ทำไมฉันถึงได้ยินเหมือนกับว่าเธอเป็นภรรยาจอมโกรธแค้นยังไงอย่างนั้นน่ะ!”


สยงมู่มู่หนีบกุ้งใส่ไว้ในชามของเธออีก พูดอย่างไม่ชอบใจว่า “เพิ่งจะพูดไปเมื่อกี้เองว่าสมองทำงานแล้ว ตอนนี้โดนน้ำเข้าอีกแล้วนะ ความสัมพันธ์ของคุณลุงเล็กกับคุณป้าเล็กของฉันดีมากจะตาย เป็นเพราะคุณป้าเล็กของฉันน่ะสุขภาพร่างกายไม่ดี รู้หรือยัง? รีบกินกุ้งบำรุงสมองเข้าไป เธอนี่เหมือนคนโง่จริงๆ”


อู่เหมยก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้สึกเอาใจใส่กับคุณป้าเล็กคนนี้เป็นอย่างมาก จนอดไม่ไหวอยากรู้อยากไถ่ถามตลอด ได้ยินสยงมู่มู่บอกว่าเธอสุขภาพไม่ค่อยดี จึงถามอย่างร้อนใจว่า “คุณป้าเล็กของนายเป็นโรคอะไร สามารถรักษาให้หายได้ไหม?”


 “รายละเอียดก็ไม่ชัดเจนเท่าไร จำได้แค่ว่าสุขภาพของเธอนั้นไม่เคยดีขึ้นมาตลอด แม่ฉันบอกว่าเธอได้รับบาดเจ็บจากการคลอดลูก ต้องค่อยๆ บำรุงกันไป” สยงมู่มู่พูดพลางส่ายหัว


จากที่อู่เหมยได้ยินก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น น่าจะเป็นภาวะชี่และเลือดพร่องที่ผู้หญิงเป็นกันบ่อยๆ แต่ว่าพอดูจากสถานการณ์ป้าของสยงมู่มู่แล้ว สุขภาพร่างกายน่าจะทรุดหนักมากเลยทีเดียว


ก็เหมือนคุณยายของเหยียนหมิงซุ่นและแม่ของเหมยซูหาน ชี่และเลือดต่างก็พร่องค่อนข้างจะหนัก ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ พูดออกมาว่า “คุณยายของพี่หมิงซุ่นกับคุณป้าเล็กของนายไม่ต่างกัน พี่หมิงซุ่นปีนี้หาคุณหมอชื่อดังมาได้คนหนึ่ง จ่ายยามาไม่กี่ชุดก็ดีขึ้นมาเยอะเลย ฉันได้ยินพี่หมิงซุ่นบอกว่า คุณหมอชื่อดังคนนี้ถนัดด้านนรีเวชมากๆ ไม่อย่างนั้นนายให้คุณป้าเล็กของนายไปหาคุณหมอคนนี้ดูแลด้วยเลยสิ!”


จ้าวอิงหนานหูไว ได้ยินที่อู่เหมยพูด รีบถามว่า “เหมยเหมยพูดว่าคุณหมอชื่อดังนี่คืออะไรกันเหรอ รีบบอกแม่เร็ว”


อู่เหมยเล่าเรื่องโรคของคุณยายเหยียนหมิงซุ่น อีกทั้งยังเล่าเรื่องแม่ของเหมยซูหาน พูดเน้นว่า “พี่หมิงซุ่นบอกว่าคุณหมอชื่อดังคนนี้เก่งมากๆ เขายังแนะนำคุณหมอคนนี้ให้เหมยซูหานด้วย ได้ยินมาว่าได้ผลดีไม่น้อยเลย”


เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยซูหานไปเข้าพบคุณหมอชื่อดังคนนั้น กินยาไปได้สามชุด คุณแม่ของเหมยซูหานก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเบาขึ้นเยอะอย่างชัดเจน แตกต่างจากยาที่กินเมื่อครั้งก่อนมาก


จ้าวอิงหนานรู้สึกสนใจฝีมือชั้นหนึ่งของคุณหมอนรีเวชคนนี้เป็นอย่างมาก สถานการณ์ของเหยียนซินหย่าฟังดูแล้วคล้ายกับสถานการณ์ของคุณยายเหยียนหมิงซุ่นและแม่ของเหมยซูหานมากๆ หลายปีมานี้ก็กินยาไม่น้อย แต่กลับไม่ได้มีผลดีขึ้นเลย


                หมอชื่อดังพวกนั้นต่างก็เป็นพวกหว่านเงินซื้อชื่อเสียง จนมีแต่ชื่อเสียงจอมปลอมก็เท่านั้น คนที่มีความสามารถจริงๆ ต่างก็แอบซ่อน ไม่เต็มใจที่จะต่อสู้เพื่อชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านั้น อู่เหมยพูดถึงคุณหมอชื่อดังคนนี้ ดูท่าแล้วคงจะเป็นหมอที่มีฝีมือตัวจริงแน่ๆ!


 “เหมยเหมย ลูกรู้ไหมว่าคุณหมอชื่อดังคนนี้พักอยู่ที่ไหน? มีชื่อว่าอะไร?”


อู่เหมยส่ายหัวอย่างรู้สึกผิด “หนูก็ไม่รู้ค่ะ มีแค่พี่หมิงซุ่นที่รู้ อีกทั้งพี่หมิงซุ่นยังบอกอีกว่าคุณหมอคนนี้มีนิสัยที่แปลกมาก ต้องเป็นคนที่รู้จักพามาถึงจะได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่สนใจแน่นอน”


                จ้าวอิงหนานยิ่งได้ยินก็ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีกว่าคุณหมอชื่อดังคนนี้จะต้องเป็นคนที่ปกปิดฝีมือที่สูงส่งของตัวเอง ยิ่งคนที่มีฝีมือระดับสูงนิสัยก็จะยิ่งแปลก


                ตอนนี้เธอแทบอยากจะโทรศัพท์หาเหยียนซินหย่าให้มาที่นี้มากจริงๆ แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พ่อสยงเลยออกความเห็นว่า “สุขภาพร่างกายของพี่สะใภ้เล็กใช่ว่าจะหายได้ในระยะเวลาสั้นๆ ซะหน่อย เวลานี้ยังไม่ต้องรีบร้อน พี่ชายเล็กของเธอไม่ใช่ว่าฤดูใบไม้ผลิก็จะมาแล้วเหรอ ถึงเวลานั้นค่อยไปหาคุณหมอคนนั้นก็ยังไม่สาย”


จ้าวอิงหนานโดนสามีพูดเกลี้ยกล่อม สุดท้ายก็ไม่ได้โทรศัพท์ไปหา เพียงแค่บอกให้อู่เหมยจำไว้ว่าให้พูดกับเหยียนหมิงซุ่นสักหน่อยว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าให้พาพวกเธอไปหาคุณหมอชื่อดังคนนั้น


แน่นอนว่าอู่เหมยรับปากอย่างเต็มที่ เธอถือโอกาสพูดเรื่องโสมภูเขาร้อยปีไปด้วยเลย “แม่บุญธรรมคะ คุณหมอคนนั้นบอกว่าจะต้องใช้โสมภูเขาร้อยปี แบบนี้ถึงจะสามารถรักษาคุณยายของพี่หมิงซุ่นให้หายดีได้ เขาถามร้านขายยาในเมืองจินตั้งหลายร้านแต่ก็ไม่มี เลยอยากจะไหว้วานแม่บุญธรรมช่วยสอบถามในเมืองหลวงให้หน่อยค่ะ”


…………………………………………..


ตอนที่ 452 คู่ที่เหมาะสมกัน


จ้าวอิงหนานพอได้ยินคำว่าโสมภูเขาร้อยปีก็มีสีหน้าลำบากใจ ส่ายหัวพลางพูดว่า “ตอนนี้อย่าพูดถึงร้อยปีเลย แม้กระทั่งห้าสิบปีก็ยังไม่ค่อยจะมีเลย ถึงแม้ว่าพอจะมีบ้าง แต่โดยทั่วไปก็มักจะเป็นครอบครัวคนรวยที่เก็บเอาไว้ให้ตระกูลของตัวเองใช้ น้อยมากที่จะเอาออกมาขาย ถ้าพี่หมิงซุ่นของลูกอยากจะหาโสมภูเขาร้อยปีให้ได้นั้นคงยากมาก แต่ถ้าเป็นโสมอายุสามสิบสี่สิบปีกว่าแม่ก็คงจะสามารถหาให้พอได้อยู่”


อันที่จริงแล้วจ้าวอิงหนานยังไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แน่นอนว่าที่เมืองหลวงมีโสมภูเขาร้อยปี อีกทั้งเธอก็ยังสามารถหามาได้ แต่ว่าจะต้องติดค้างน้ำใจคนอย่างใหญ่หลวง


ถ้าหากว่าเป็นอู่เหมยที่อยากจะได้เอง เธอยินดีที่จะติดค้างน้ำใจคนได้ แต่อู่เหมยนั้นช่วยคนอื่นหา มันไม่คุ้มที่เธอจะยอมติดค้างน้ำใจคนเพื่อคนอื่น ก็เลยตอบไปแบบนั้น


อู่เหมยรู้สึกผิดหวัง แต่ว่าเธอเตรียมใจเอาไว้บ้างนานแล้ว รู้ว่าโสมภูเขาร้อยปีนั้นตามหาได้ยากอย่างแท้จริง โอกาสที่จะหาเจอนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก


                “สามสี่สิบปีกว่าก็พอได้อยู่ เพียงแค่ว่าประสิทธิภาพของยาจะลดลง คุณหมอบอกว่าถ้าหากว่าหาได้ไม่ถึงร้อยปี ก็คงทำได้แค่เพียงใช้สามสิบสี่สิบปีแทน”


                อู่เหมยขอร้อง “แม่บุญธรรมคะ แม่ช่วยพี่หมิงซุ่นเขาหาซื้อมาหน่อยได้ไหมคะ พี่เขาเคยไปซื้อด้วยตัวเองมาครั้งหนึ่งแต่สุดท้ายก็ถูกหลอก คุณหมอบอกว่าเป็นของปลอม แม้กระทั่งสิบปียังไม่ถึงเลย กินไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำให้พี่หมิงซุ่นเขาสูญเงินไปไม่น้อยเลย”


                จ้าวอิงหนานหัวเราะ “การซื้อโสมเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ถ้าจะไปหาซื้ออย่างคนปกติทั่วไปคงไม่สามารถที่จะหาซื้อของโสมที่ดีของแท้ได้หรอกนะ พี่หมิงซุ่นของลูกยังถือว่าโชคดี อย่างน้อยก็เป็นโสมแท้ ยังมีคนบางพวกเอาหัวไชเท้ามาทำเป็นโสมคนเลย! แต่ในเมื่อลูกบุญธรรมของแม่ออกปากทั้งที แม่ก็คงจะช่วยซื้อให้ รับรองว่าจะเป็นโสมป่าในปีที่มีค่าพอให้ทำยา เพียงแต่ราคาจะสูงหน่อยนะ ลูกต้องพูดกับเหยียนหมิงซุ่นให้ชัดเจน ไม่ใช่พอถึงเวลานั้นก็บอกว่าแพงล่ะ”


                จ้าวอิงหนานตกปากรับคำ โสมป่าสามสิบสี่สิบปีเท่านั้นเอง ขอเพียงแต่เธอปล่อยข่าวออกไป ก็จะมีคนส่งมาให้กำใหญ่ๆ เลยแหละ


                อู่เหมยดีใจจนกอดและหอมจ้าวอิงหนานไปหนึ่งที ขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะแม่บุญธรรม!”


                จ้าวอิงหนานบีบแก้มที่นุ่มลื่นของเด็กน้อย พูดหยอกล้อว่า “เหมยเหมยลูกกับเหยียนหมิงซุ่นสนิทกันมากเลยเหรอ?”


                อู่เหมยหน้าแดงแล้วแดงอีก พยักหน้า ไม่ปฏิเสธ


                “พี่หมิงซุ่นเป็นคนที่ดีมาก หนูชอบที่จะเล่นกับเขาค่ะ” อู่เหมยพูดเสียงเบา


                จ้าวอิงหนานหัวเราะอย่างขบขันมองอู่เหมยลูกสาวตรงหน้าที่ทำท่าทางเอียงอายดูแล้วช่างมีเสน่ห์ดึงดูด ในหัวปรากฏภาพคู่ที่เหมาะสมกันออกมาโดยอัตโนมัติ ผู้ชายคือเหยียนหมิงซุ่น ผู้หญิงคืออู่เหมย


                สองคนนี้มองดูแล้วช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากจริงๆ ดีต่อสายตาเป็นอย่างมาก!


                จ้าวอิงหนานอดมองลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ อู่เหมยไม่ได้ หน้าตาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเหยียนหมิงซุ่นเท่าไร แต่ว่าทำไมพอนั่งอยู่กับอู่เหมยกลับไม่ดูเหมาะสมเท่าเหยียนหมิงซุ่นกันนะ?


                “รู้จักแต่กิน ยิ่งกินยิ่งโง่!”


                จ้าวอิงหนานอดไม่ได้ที่จะปาเกาลัดใส่หัวของสยงมู่มู่ ช่างเป็นลูกชายที่โง่เง่าจริงๆ อุตส่าห์บอกแล้วว่าศาลาริมน้ำย่อมจะได้ดวงจันทร์ก่อน[1] ดีจริงๆ ระวังคนอื่นจะมาขุดแย่งเอาไปเถอะ!


                เสียอารมณ์!


                สยงมู่มู่โมโหจนส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ตีกับจ้าวอิงหนานขึ้นมา อู่เหมยยิ้มตาหยีมองสองแม่ลูกตีกัน ในหัวกลับคิดถึงเสียงคุณป้าเล็กของสยงมู่มู่อีกครั้ง


                อยากจะเจอหน้าผู้หญิงคนนี้สักครั้งจริงๆ เลย สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรนะ?


                วันต่อมาอู่เหมยก็พูดเรื่องโสมภูเขา เหยียนหมิงซุ่นถึงแม้ว่าจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีใจมาก “ขอบคุณนะอู่เหมย พรุ่งนี้พี่จะเอาเงินให้อาจารย์จ้าวด้วยตัวเอง”


อู่เหมยถามอย่างกังวลว่า “งั้นโสมร้อยปี พี่จะทำยังไงล่ะ? แม่บุญธรรมบอกว่าเมืองหลวงก็หาไม่ได้ บอกให้พี่อย่าเสียเวลาเลย”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเบาๆ ในดวงตามีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เขาพูดเสียงเบาแต่มั่นคงว่า “ถ้าที่เมืองหลวงไม่มีพี่ก็แค่ไปหาที่ภูเขาฉางไป๋ ยังไงก็ต้องหาเจอ”


…………………………………………..


[1] หมายความว่า การที่เป็นคนใกล้ตัวหรืออยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบกว่าก็จะได้รับประโยชน์หรือมีโอกาสมากกว่า


ตอนที่ 453 ถานซูฟางมาเยี่ยมบ้าน


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แค่พริบตาเดียวก็จะปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว วิชาเรียนต่างๆ ก็เรียนจบหมดแล้ว ทั้งโรงเรียนต่างก็เข้าสู่ช่วงทบทวนบทเรียน อู่เหมยก็มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนเป็นอย่างมาก เธอพยายามที่จะสอบให้ได้คะแนนดีๆ ในการสอบปลายภาค


สอบกลางภาคเธอได้เกรดเฉลี่ยถึงแปดสิบคะแนน ปลายภาคเธอก็หวังว่าจะสามารถทำได้แปดสิบห้าคะแนน นี่เป็นจุดมุ่งหมายที่เธอกำหนดไว้ให้ตัวเอง


การดำเนินชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่า พวกแม่บ้านของครอบครัวต่างๆ ก็พากันยุ่งอยู่กับการทำงานบ้าน งานครัว ทั้งทำเป็ดแดดเดี่ยว, หมูสามชั้นเค็ม, กุนเชียง…


บนระเบียงทางเดินมีกลิ่นทำที่ให้คนเมาขจรขจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ทุกบ้านทุกหน้าประตูต่างก็แขวนหมูเค็ม กุนเชียง เป็ดแดดเดียวอยู่เต็มไปหมด มองแล้วก็แทบน้ำลายหก


แน่นอนว่านี่เป็นวิธีการเปรียบเทียบแข่งขันกันอย่างลับๆ ฉบับเหล่าแม่บ้าน เนื้อสัตว์ที่แขวนอยู่หน้าบ้านใครมีเยอะ ก็หมายถึงบ้านของคนนั้นมีชีวิตที่ดีที่สุด หากในช่วงเวลานี้ สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ก็เป็นการพิสูจน์คุณภาพชีวิตว่าได้มาตรฐานขนาดไหน


และคนที่หยิ่งทระนงในเรื่องไร้สาระอย่างเหอปี้อวิ๋นเดิมทีก็เป็นคนที่ไม่ยอมตกตามอยู่หลังใคร ปกติมักจะตัดใจซื้อเนื้อไม่ลง แต่พอถึงเวลาแบบนี้กลับใจกว้างมาก ทั้งเป็ดแดดเดียว หมูเค็ม กุนเชียง เธอก็ไม่ได้มีน้อยกว่าใครเหมือนกัน ประตูบ้านอู่ก็แขวนเนื้อเต็มไปหมด เหมือนกับป่าเนื้ออย่างไรอย่างนั้น


ไม่ว่าใครได้เห็นต่างก็พูดมาประโยคนึงว่า : โอ้โห! ทั้งอาคารเนี่ย บ้านตากเนื้อไว้เยอะที่สุดก็คือบ้านของคุณนะอาจารย์เหอ เกรงว่าจะกินได้ถึงฤดูร้อนปีหน้าได้เลยล่ะ!


ช่วงเวลาแบบนี้เป็นอะไรที่ทำให้เหอปี้อวิ๋นจะพอใจเป็นอย่างมาก เธอชอบความรู้สึกที่ได้รับความนิยมแบบนี้


อีกทั้งเป็นเพราะว่าปีนี้เรื่องราวในบ้านไม่ค่อยราบรื่น อู่เยวี่ยตอนนี้ก็มีสภาพอย่างกับผีอีก เหอปี้อวิ๋นจึงยิ่งทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ ซื้อข้าวของอย่างอลังการมากกว่าปีที่แล้วๆ มา ระเบียงทางเดินก็มีวัตถุดิบแขวนเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม


เรื่องเนื้อเค็มอย่างไรก็จะต้องได้ที่หนึ่งของทั้งโรงเรียนแน่นอน!


คำชมเชยที่หายไปจากลูกสาวคนโต เหอปี้อวิ๋นจะต้องเอากลับมาจากเนื้อเหล่านี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นปีนี้เธอจะรู้สึกว่าจิตใจไม่สงบ!


ทว่า ตอนเย็นบ้านตระกูลอู่ก็มีแขกมาหาอย่างคาดไม่ถึง และเป็นแขกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมา คนๆ นั้นก็คือแม่เลี้ยงของเหยียนหมิงซุ่น หรือก็คือแม่แท้ๆ ของเหยียนหมิงต๋า…ถานซูฟาง


ถานซูฟางยังคงสวยงามอย่างมีระดับและดูมีความรู้เหมือนเคย ด้วยเสื้อขนแกะสีเทาอ่อน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนังแกะสีขาวนวล ผมเกล้าเป็นมวยผม ดวงตาภายใต้แว่นตากรอบทองนั้นดูดีและเฉียบแหลม


มองแค่แวบเดียวก็รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้คือปัญญาชนชั้นสูง อีกทั้งยังคนที่ไม่คบค้าสมาคมกับใครง่ายๆ


ถานซูฟางถือเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในตึกนี้ ถึงอย่างไรผู้ชายของเธอก็เป็นหัวหน้าหน่วยงานการศึกษา ควบคุมช่วยเหลือเหล่าอาจารย์ ฐานะของเธอก็เป็นดั่งเรือที่ลอยตามน้ำขึ้น อย่างไรฐานะของเธอย่อมสูงตามไปด้วย ใครเห็นเธอทีหนึ่งต่างก็ต้องเอาใจเธอครั้งหนึ่ง


แน่นอนว่ารวมถึงเหอปี้อวิ๋นด้วย ถานซูฟางเป็นแขกที่มาไม่ค่อยบ่อยจริงๆ น้อยครั้งที่จะแวะไปคุยกับบ้านคนอื่น แต่วันนี้กลับมาบ้านเธอเป็นกรณีพิเศษ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีหรอกหรือ!


อู่เหมยก็รู้สึกแปลกใจมาก ถานซูฟางเป็นคนที่ชอบประจบเอาใจคนที่มีอำนาจ ขณะเดียวกันก็มีท่าทียโสโอหังกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า คนปกติทั่วไปแม้กระทั่งหางตาเธอยังไม่เหลียวแลด้วยซ้ำ แน่นอนว่าตระกูลอู่ก็ไม่อยู่ในสายตาเธอเช่นกัน


ชาติที่แล้วตระกูลอู่กับตระกูลเหยียนได้มีลูกหลานแต่งงานกัน ถานซูฟางก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ดีอะไรกับเหอปี้อวิ๋น ตอนที่พูดจาสายตาก็มองท้องฟ้า ทำหน้าเชิดมั่นใจ


ตอนนี้อาชีพข้าราชการของเหยียนโฮ่วเต๋อไม่ได้ใหญ่โตอะไร ตระกูลเหยียนก็ยังไม่เป็นเหมือนยุคหลังที่ตำแหน่งเลื่อนขึ้นอย่างพรวดพราดแบบนั้น ถานซูฟางในตอนนี้จึงยังคงมีท่าทีสำรวมอยู่ แต่ความหยิ่งยโสเหยียดหยามที่ออกมาจากธาตุแท้พวกนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ได้


ยกเว้นก็แต่เหอปี้อวิ๋น!


“คุณหมอถานเชิญนั่ง เชิญกินเมล็ดแตงโมเถอะ เยวี่ยเยวี่ยมาสวัสดีก่อนสิลูก นี่คือคุณน้าถานนะ คุณหมอถาน นี่คือลูกสาวคนโตของฉัน อู่เยวี่ย”


เหอปี้อวิ๋นทักทายอย่างอบอุ่น แถมยังเรียกอู่เยวี่ยออกมาจากห้อง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นโอกาสสามารถทำให้อู่เยวี่ยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนได้ เธอจะไม่มีทางละทิ้งโอกาสนั้น


“สวัสดีค่ะคุณน้าถาน” อู่เยวี่ยเดินออกมาจากห้อง


ถานซูฟางยิ้มเบาๆ แต่ก็ไม่ได้นั่งลง ยืนพิจารณาอู่เยวี่ยอยู่อย่างนั้น หน้าตาถือว่าพอได้ มิน่าล่ะถึงเป็นนังจิ้งจอกได้ ถ้าหากว่าภูมิหลังของครอบครัวดี เธอคงจะไม่ต่อต้านคัดค้านที่ตอนนี้ลูกชายจะหาคู่


แต่ครอบครัวที่มีภูมิหลังยากจนอย่างตระกูลอู่ ต่อให้อู่เยวี่ยหน้าตาเหมือนกับนางฟ้านางสวรรค์ เธอก็ไม่มีทางเห็นดีเห็นงามด้วย!


…………………………………………..


ตอนที่ 454 สั่งสอนลูกสาวของเธอให้ดี อย่าให้มาพัวพันกับลูกชายของฉัน


สายตาของถานซูฟางนั้นเฉียบคมจนเกินไป มองจนอู่เยวี่ยรู้สึกอึดอัด เธอก้มหัวลงแสร้งทำเป็นเขินอาย แอบเดาว่าเจตนาที่แม่ของเหยียนหมิงต๋ามาหานั้นคืออะไร?


ระยะนี้เธอมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในโรงเรียน ไม่มีเพื่อนนักเรียนสักคนสนใจเธอ อาจารย์ก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเมื่อก่อน มีเพียงเหยียนหมิงต๋าเท่านั้นที่ยังทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ยืนข้างเธออย่างเด็ดเดี่ยว


ความเดียวดายทำให้อู่เยวี่ยพึ่งพาอาศัยเหยียนหมิงต๋าหนักขึ้นเรื่อยๆ เดินไปไหนมาไหนด้วยกันกับเหยียนหมิงต๋า เธอถึงจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พ่ายแพ้อะไรขนาดนั้น อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนคนหนึ่งคอยอยู่ข้างๆ เธอ!


อู่เยวี่ยก็ไม่รู้ว่าในใจของเธอเองคิดอย่างไรกับเหยียนหมิงต๋า แม้ไม่ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับไม่ชอบ แต่เธอสามารถแน่ใจได้อย่างหนึ่ง ก็คือตอนนี้เธอขาดเหยียนหมิงต๋าไม่ได้


เพราะว่าเธอเหลือแค่ความอ่อนโยนจากคนนี้แค่คนเดียวแล้ว!


ถานซูฟางมองอู่เยวี่ยขึ้นๆ ลงๆ อย่างละเอียดอีกรอบ พลันยกริมฝีปากยิ้มเยาะ เธอหันไปมองอู่เหมย ดวงตาเปล่งประกายวาบ


ได้ยินมานานแล้วว่าลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่หน้าตาดูดีมาก ตอนนี้ดูแล้วก็เป็นโฉมงามจริงๆ!


อีกทั้งสาวน้อยคนนี้ก็ยังเป็นลูกบุญธรรมของจ้าวอิงหนาน ถึงแม้จะพูดได้แค่ว่าเป็นลูกบุญธรรม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีการรับเป็นญาติกันอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าฐานะทางสังคมก็สูงขึ้นเยอะ ถ้าหากคนที่หมิงต๋าชอบคือลูกสาวคนเล็กของตระกูลอู่ละก็ พอพิจารณาจากความงามของอู่เหมยกับฐานะของจ้าวอิงหนานแล้ว เธอก็ไม่ได้คัดค้านอะไร


ถานซูฟางแอบตำหนิเหยียนหมิงต๋าในใจ ขี้ตาคงทำให้ตามองไม่ชัดซะจริงๆ น้องสาวหน้าตาดีๆ ไม่ชอบ ทำไมจะต้องไปชอบพี่สาวที่หน้าตาธรรมดากันนะ?


ช่างเป็นคนที่โง่จริงๆ!


“คุณหมอถาน?”


ตั้งแต่ถานซูฟางเข้าห้องมาจนถึงตอนนี้ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว บนใบหน้าก็มองไม่ออกว่าคิดอะไร เหอปี้อวิ๋นกังวลในใจไม่หยุด จนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียกออกมา


ถานซูฟางเก็บสายตากลับมา มองไปที่เหอปี้อวิ๋น ยกริมฝีปากยิ้มเยาะ พูดช้าๆ ว่า “อาจารย์เหอ วันนี้ที่ฉันมาก็เพราะว่าอยากจะพูดเรื่องลูกชายของฉัน ฉันเป็นคนที่พูดจาตรงๆ อีกสักครู่ถ้าฉันพูดอะไรตรงไหนที่ไม่เข้าหู อาจารย์เหอก็อย่าว่าฉันหาเรื่องกับคนที่มีความรู้ต่ำกว่าเลยนะ!”


เหอปี้อวิ๋นใจกระตุก เธอไม่ใช่คนโง่ คำพูดตั้งแต่ถานซูฟางเดินเข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้มาเพื่อสร้างสัมพันธ์อันดี


“คุณหมอถานเอาอะไรมาพูด พูดก็พูดเถอะ พวกเราเองก็รู้จักและเป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่กันมาสิบปีแล้ว ฉันเป็นคนยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? ฉันชอบพูดคุยกับคนที่มีนิสัยตรงๆ ไม่เปลืองสมอง คุณหมอถานนั่งลงค่อยๆ พูดเถอะ ยืนพูดมันเหนื่อยนะ!”


เหอปี้อวิ๋นหัวเราะเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ครั้งนี้ถานซูฟางถือว่าไว้หน้าเธอ นั่งลงแล้วยังดื่มชาอึกใหญ่ อีกสักครู่ต้องพูดเยอะหน่อย ต้องทำให้คอชุ่มชื่นเข้าไว้ถึงจะดี


“อาจารย์เหอเป็นคนที่ตรงไปตรงมาจริงๆ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมกับคุณแล้วกัน หมิงต๋าของฉันเป็นคนที่จิตใจดีตั้งแต่เด็ก เจอแมวตายหมาตายอยู่บนถนนก็จะหลั่งน้ำตา ถ้าหากว่าเห็นใครหกล้มแล้วช่วยเหลือ ไม่ว่ายังไงก็เรียกได้ว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง!”


ถานซูฟางพูดมาตั้งเนิ่นนานแต่ก็พูดโอ้อวดยกยอถึงความเห็นอกเห็นใจที่มากมายของลูกชายตัวเอง จิตใจยังมีเมตตายิ่งกว่าพระแม่มารีซะอีก เหอปี้อวิ๋นโดนปั่นจนสับสนมึนงงไปหมด ลูกชายคุณจิตใจจะดีมีเมตตาหรือไม่ มันคุ้มค่าที่จะตั้งใจมาพูดที่บ้านเธอเป็นพิเศษเลยหรือ?


“อาจารย์เหอ ความหมายที่ฉันจะสื่อคุณคงยังจะไม่ค่อยเข้าใจ ฉันพูดให้ตรงอีกหน่อยก็แล้วกัน ระยะนี้ลูกสาวของคุณที่ประสบกับความเคราะห์ร้ายนั้นฉันก็ได้ยินมาบ้าง สำหรับความประพฤติของลูกสาวของคุณฉันก็จะไม่วิจารณ์ต่อ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ลูกสาวของฉัน ฉันก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะพูด แต่ว่า…”


ถานซูฟางหยุดอยู่พักหนึ่ง ดื่มชาอีกครั้ง พึงพอใจที่ได้เห็นสีหน้าที่ดูไม่ได้ของอู่เยวี่ย ตลอดจนรอยยิ้มที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเหอปี้อวิ๋น จึงพูดต่อไปว่า “ลูกสาวของคุณไม่มีคุณสมบัติใดที่ฉันจะต้องไปเอาใจใส่ แต่หมิงต๋าเป็นลูกชายของฉัน ฉันจำเป็นต้องเอาใจใส่ เส้นทางในอนาคตของหมิงต๋าของฉันไม่เหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไปหรอกนะ ดังนั้น อาจารย์เหอก็ควรจะอบรมสั่งสอนลูกสาวของคุณให้ดี อย่ามาหลอกใช้ความเห็นอกเห็นใจของหมิงต๋าในทางที่ผิด เกาะติดอยู่ข้างกายหมิงต๋าของฉันทั้งวัน ฉันไม่ได้หวังให้ลูกชายของฉันโดนเพื่อนร่วมห้องที่มีความประพฤติไม่ดีพาออกนอกลู่นอกทางหรอกนะ!”


………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)