หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 446-447
บทที่ 446 ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเขาเช่นกัน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
โทรโข่งอาวุธเวทนั้นมีสีแดงสดและดูแปลกตาเป็นอย่างยิ่ง ภายนอกของมันปกคลุมไปด้วยแผนภาพที่ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์สีเข้มอ่อนแตกต่างกัน หากพิจารณาดูดีๆ แล้ว จะเห็นว่าแผนภาพเหล่านี้ประกอบกันเป็นรูปพยัคฆ์ที่มีเปลวไฟลุกท่วมกาย
ในวินาทีที่หวังเป่าเล่อหยิบโทรโข่งออกมานั้น ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเปิดใช้งานมันทันที หลังจากที่เร่งเสียงขึ้นจนสุด และตะโกนเข้าไป โทรโข่งก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงของหวังเป่าเล่อถูกขยายขึ้นหลายต่อหลายเท่า กลายเป็นพายุหมุนของคลื่นเสียงที่ระเบิดเข้าใส่ฝูงกิ้งก่าอย่างรุนแรง
ความสั่นสะเทือนรุนแรงแผ่กระจายไปทั่ว คลื่นพลังหลายชั้นไหลบ่าทะลักทลายจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นนั้นพวยพุ่งและระเบิดออกไปทั่วทุกสารทิศราวกับเป็นกระแสน้ำและคลื่นกระทบฝั่ง ก่อให้เกิดเป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้!
ท่ามกลางคลื่นพลังนั้นทะเลเพลิงถือกำเนิดขึ้น เป็นการยากที่จะบอกว่ามันเกิดขึ้นจากร่างของพยัคฆ์หรือว่ามาจากคลื่นเสียงอันดังเสียจนแปรเปลี่ยนสถานะของสรรพสิ่งไปกันแน่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น ทะเลเพลิงก็ไหลบ่าท่วมไปทุกสารทิศ พยัคฆ์อัคคีพุ่งทะยานออกมาจากโทรโข่ง ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคับพื้นที่ พยัคฆ์ส่งเสียงคำรามอย่างดุร้ายขณะที่จ้องมองไปยังฝูงกิ้งก่าที่คลานหนีกันราวกับหนอน!
เสียงคำรามของพยัคฆ์บวกกับเสียงของหวังเป่าเล่อผนวกกันกลายเป็นคลื่นพลังรุนแรง จนอาจเปรียบได้กับการเอาเหล็กกล้าไปตีหิน คลื่นเสียงระเบิดจนกระทั่งมหาสมุทรวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าโทรโข่งถูกทำลายล้างไป สิ่งรอบข้างถล่มทลายราวกับถูกฉีกทึ้งด้วยมือขนาดมหึมาจำนวนนับไม่ถ้วน ขณะที่กระแสเสียงนั้นแพร่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง วิญญาณจำนวนมากก็สั่นเทาและล่าถอย พวกมันไม่กล้าจะขยับเข้ามาใกล้อีกแม้เพียงก้าวเดียว หากมองจากที่ไกลๆ จะเห็นได้ว่ามหาสมุทรวิญญาณนั้นแหวกออกเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่!
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด นั่นเพราะมหาสมุทรวิญญาณได้รับผลกระทบจากคลื่นเสียงของโทรโข่งเพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของการโจมตีจากหวังเป่าเล่อในครั้งนี้คือกิ้งก่าที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นต่างหาก
พวกมันได้รับความเสียหายอย่างมาก ดูแล้วช่างน่าเวทนา อสูรกิ้งก่าขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์สามตัวที่กระโจนไปบนอากาศก่อนที่จะกระทบกับคลื่นเสียงนั้นไม่ทันได้แตะพื้นเสียด้วยซ้ำ พวกมันต่างถูกกวาดกระเด็นไป ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีโลหิตกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง
ยังมีอสูรกิ้งก่าอีกสี่ตัวอยู่ด้านหลัง แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้อยู่หน้าสุด แต่พลังของคลื่นเสียงก็ฉีกร่างของพวกมันออก กะโหลกแตกร้าว แขนขาขาดวิ่น ด้วยสภาพยับเยินนี้ อสูรกิ้งก่าที่เหลือต่างจึงพากันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะสำรอกโลหิตออกมาเต็มปาก
แม้ว่าจะเคยทดสอบพลังของโทรโข่งมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ทดลองพลังเต็มขั้นของมัน มาบัดนี้ เมื่อโทรโข่งสำแดงพลังที่แท้จริงออกมา แม้แต่หวังเป่าเล่อเองก็ยังอดตกใจไม่ได้ พลังนั้นรุนแรงจนแทบจะพัดโทรโข่งหลุดจากมือเขาไปด้วย
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงสัญญาณการต่อต้านซึ่งเกือบจะกลายเป็นการสะท้อนกลับ หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าอาวุธเวทหลอมใหม่ทุกชิ้นย่อมมีแรงพยศ ต้องใช้เวลากว่าจะทำให้มันเชื่องและสงบลงอย่างสิ้นเชิง
ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีเวลาดูแลหรือปราบพยศมัน เขามองตรงไปข้างหน้า ปล่อยเปลวไฟสีดำในกายให้ไหลวนอยู่รอบๆ โทรโข่ง ดวงจิตของโทรโข่งสั่นไหวและหยุดนิ่งไปในทันที ครั้งนี้แทนที่จะสร้างแรงสะท้อนกลับ แต่โทรโข่งกลับส่งพลังเสียงออกมารุนแรงขึ้น
ทว่าตอนนั้นเอง ไอน้ำสีม่วงคล้ำก็ปรากฏขึ้นจากหมอกเลือดซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของอสูรกิ้งก่าที่ถูกสังหาร ไอน้ำเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วแถมยังงดูไม่รู้สึกรู้สากับพลังของคลื่นเสียง มันก่อตัวขึ้นไม่ห่างออกไปนักและกลายมาเป็นเงาร่างของตุ๊กตาขนาดเท่าฝ่ามือ
คลื่นพลังชั่วร้ายแผ่ซ่านออกมาจากตุ๊กตาโลหิตม่วงแทบจะในทันที แสงอันเยือกเย็นส่องประกายออกมาจากตำแหน่งที่ควรจะเป็นดวงตา มันหมุนตัวและพุ่งทะยานออกไป ไม่ใช่ทางหวังเป่าเล่อ แต่ตรงไปยังฝูงอสูรกิ้งก่าที่บาดเจ็บ
อสูรกิ้งก่าเหล่านั้นแม้จะเจ็บหนัก แต่ก็ยังมีปราณอยู่ในขั้นรากฐานตั้งมั่น ร่างกายของพวกมันแข็งแรงยิ่ง ทว่าตุ๊กตาโลหิตสีม่วงกลับพุ่งทะลวงผ่านร่างของพวกมันไปอย่างง่ายดาย เมื่อตุ๊กตาโผล่ทะลุออกมาจากร่างของอสูรเหล่านั้น มันได้ดึงเส้นด้ายโลหิตสีม่วงออกมาด้วย และทำให้เหล่าอสูรกิ้งก่าสิ้นใจ
ภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อถึงกับตัวสั่นด้วยความตกใจ ชายหนุ่มหรี่ตาลง ไม่ได้โจมตีต่อแต่อย่างใด เขาเก็บโทรโข่งและรีบถอยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังปลายเส้นทางที่มหาสมุทรวิญญาณได้สร้างขึ้นมาเพื่อเขาด้วยความเร็วสูง
วินาทีที่ชายหนุ่มหนีมานั้นเอง ก็บังเกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่นมาจากอีกด้านหนึ่งในมหาสมุทรวิญญาณ ตอนนี้ผู้ฝึกตนต่างดาวทั้งสามสลัดเหล่าวิญญาณที่สกัดกั้นพวกเขาได้สำเร็จ ความจริงแล้วทั้งสามนั้นทั้งแข็งแกร่งและสามารถต่อสู้ร่วมกันได้อย่างเข้าขา หาไม่แล้ว ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ หากมาที่นี่เพียงคนเดียวและถูกล้อมด้วยเหล่าวิญญาณ อย่างไรเสียก็ไม่มีทางที่จะหนีไปได้ แถมยังอาจเสียชีวิตด้วยซ้ำหากไม่ระวังตัว!
ที่นี่มีวิญญาณอยู่มากมายเกินไป!
“เจ้าจั่วอี้เซียนมีค่ามาก เราต้องจับเขาให้ได้!” วินาทีที่พวกเขาออกตัวไปนั้น ความเกรี้ยวกราดที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ฝึกตนทั้งสามชัดเจนยิ่ง ทว่าหลังจากเผชิญหน้ากันหลายครั้ง และยิ่งเมื่อพวกเขารู้สึกว่าโลกนี้เข้าข้างจั่วอี้เซียนมากเสียจนน่าขัน ทั้งสามก็ออกจะเกรงๆ อยู่เล็กน้อย
ดังนั้นทั้งสามจึงรีบมุ่งหน้าไปเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ พวกเขามาปรากฏตัวที่ทางเดินและพุ่งตรงไปยังทิศที่หวังเป่าเล่อไป ถึงกระนั้นพื้นที่บริเวณนี้ก็พิลึกพิลั่นเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งทั้งสามยังรู้สึกว่าไม่อาจใช้วิชาเคลื่อนย้ายได้ จึงต้องลดความเร็วลง แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังว่องไวกว่าหวังเป่าเล่อ แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะล่วงหน้าไปก่อน แต่ภายในไม่กี่ลมหายใจ ผู้ฝึกตนทั้งสามก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงบริเวณที่ตุ๊กตาโลหิตสีม่วงอยู่
ทันทีที่พวกเขาเห็นตุ๊กตา ชายหน้าตะขาบก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ อันที่จริงแล้ว เหตุที่อสูรกิ้งก่ากลายมาเป็นตัวแทนของเขาเป็นเพราะสายเลือดของพวกมันมีสายเลือดโบราณปะปนอยู่ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงดูอสูรกิ้งก่าจึงเท่ากับเป็นการเลี้ยงดูสายเลือดโบราณไปในตัว
ขณะนี้เมื่อสายเลือดโบราณได้ถูกปลดปล่อยออกมา สายเลือดโบราณที่รวบรวมมาจึงไม่อาจย้อนกลับได้ และเพราะไม่มีทรัพยากรมากพอ เขาจึงไม่อาจสร้างร่างตัวแทนที่ต้องการได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือใช้มันเป็นหุ่นเชิดต่อไป
ทว่าชายหนุ่มไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้น เขาใช้ผนึกฝ่ามือก่อนจะชี้ตรงไป ตุ๊กตาโลหิตม่วงเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวน มันเกรี้ยวกราดขึ้นกว่าเดิมขณะที่วิ่งผ่านทางเดิน ร่วมการไล่ล่าไปกับผู้ฝึกตนทั้งสามด้วย
แต่ก่อนที่ทั้งสามจะพุ่งไปถึงสุดทางเดิน หวังเป่าเล่อก็หันกลับมาและตะโกนเข้าไปในโทรโข่งด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี
คลื่นเสียงขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากโทรโข่ง ก่อนจะก่อให้เกิดคลื่นเสียงเป็นทอดๆ ที่ส่งเสียงดังสนั่นอยู่เบื้องหลังชายหนุ่ม
หากว่าคลื่นเสียงเหล่านั้นพุ่งตรงไปหาผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสาม พวกเขาคงจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้โดยไม่จำเป็นต้องลดความเร็ว เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าอสูรกิ้งก่ามากนัก ทว่าหวังเป่าเล่อกลับเล็งไปที่มหาสมุทรวิญญาณที่รายล้อมอยู่ ส่งผลให้คลื่นในมหาสมุทรวิญญาณหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง อาจเป็นเพราะคลื่นเสียงของหวังเป่าเล่อหรือเพราะเหตุผลแปลกประหลาดบางประการ แต่มหาสมุทรวิญญาณก็เกิดระเบิดตัวขึ้น ทำให้วิญญาณแค้นจำนวนมหาศาลปรากฏกาย ขวางหน้าผู้ฝึกตนทั้งสามเอาไว้อีกครั้ง
“บัดซบ!” ผู้ฝึกตนทั้งสามเดือดดาลจนแทนสิ้นสติ พวกเขาอยู่ในขั้นจุติวิญญาณ และไม่เคยคิดเลยว่าการไล่ล่าสังหารผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นนั้นจะวุ่นวายถึงเพียงนี้!
ตอนนั้นเองพวกเขาก็มองผ่านฝูงวิญญาณแค้นไปยังสุดทางเดิน ที่สุดทางเดินในห้วงลึกของมหาสมุทรวิญญาณ มีกระแสน้ำวนกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูราวกับว่ากำลังรอต้อนรับหวังเป่าเล่ออยู่กระนั้น!
“ที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเขาอย่างนั้นหรือ” ภาพตรงหน้าทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสามโมโหจนแทบคลั่ง ลมหายใจของหวังเป่าเล่อรัวเร็วขึ้นขณะก้าวเข้าไปยังความพร่ามัวนั้น แต่เพราะอันตรายที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือก แรงดึงดูดของกระแสน้ำวนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
หวังเป่าเล่อกัดฟัน พุ่งตรงเข้าไปในกระแสน้ำวนอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมเสียเวลาไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว!
ชายหนุ่มพุ่งหายเข้าไปทันที!
เมื่อหวังเป่าเล่อก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวน มันก็หดเล็ดลงอย่างรวดเร็วราวกับกำลังจะปิด แต่ ตุ๊กตาโลหิตม่วงผู้ซึ่งแหกด่านวิญญาณแค้นมาได้ด้วยความสามารถในการสยบวิญญาณก็มาปรากฏอยู่ใกล้ๆ กระแสน้ำวน มันไม่ได้เข้าไป แต่รีบส่งเส้นด้ายโลหิตสีม่วงมาถ่างเปิดกระแสน้ำวนไว้ราวกับจะซื้อเวลา!
แม้จะง้างกระแสน้ำวนไว้ได้เพียงสามลมหายใจ แต่เท่านั้นก็เพียงพอ ตอนนั้นเองชายหน้าตะขาบจากต่างดาวก็หยิบสมบัติเวทรูปร่างเหมือนใบไม้ดำออกมา!
บทที่ 447 หลบหนี!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ใบไม้ดำนั้นไม่ใช่ใบไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เเส้นใบของมันก็เช่นกัน หากดูใกล้ๆ ก็จะเห็นได้ว่าเส้นใบนั้นดูคล้าย…ผิวหนังมนุษย์!
ความจริงแล้วมันคือใบไม้ที่สร้างขึ้นมาจากผิวหนังมนุษย์เป็นๆ!
ใบไม้ส่งเสียงกรอบแกรบที่ฟังดูคล้ายเสียงความเจ็บปวดและบ้าคลั่ง เมื่อถูกซัดออกไปก็พัดกระจายดั่งลมพายุที่ปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ เป็นพายุที่หวังจะพัดพาทุกสิ่งในพังพินาศลงไปจนสิ้น จนทำให้เหล่าวิญญาณแค้นที่รายล้อมอยู่สั่นเทิ้มราวกับจะสิ้นสติ
เมื่อได้แรงกดดันจากใบไม้ดำช่วยแก้สถานการณ์ ผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสามก็หลุดออกจากวงล้อมของวิญญาณแค้นได้สำเร็จและก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวน ทว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไปนั่นเอง ใบหน้าของชายหน้าตะขาบก็ซีดเผือด ใบไม้สีดำที่เขาถืออยู่เมื่อครู่ขณะนี้ขึ้นมาติดอยู่บนหน้าผาก แถมยังขยับตัวไปมาราวกับกำลังดูดกลืนโลหิตจากหว่างคิ้วของเขาอยู่
ชัดเจนว่าสมบัติเวทนี้ไม่ใช่จะนำมาใช้ส่งเดชได้ เพราะมีราคาใหญ่หลวงที่เขาต้องจ่าย ดังนั้นตอนที่เขาไล่ล่าหวังเป่าเล่ออยู่ก่อนหน้านี้ เขาจึงเลือกใช้สมบัติที่ประคมประหงมมาเป็นเวลากว่าสามสิบปีแทนสมบัติเวทชิ้นนี้
ทว่าในวินาทีนั้น แม้ว่าจะยังไม่ใช่สถานการณ์จวนตัว เขาก็ยังมีความรู้สึกแรงกล้าว่า หากไม่สามารถจะก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนและคว้าหวังเป่าเล่อไว้ ก็เป็นไปว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่นี่ ชายหน้าตะขาบคิดว่าหากเป็นเช่นนั้น ไม่ช้าเขาก็คงได้แต่นั่งรอความตายเป็นแน่
โลกใบนี้ช่างทารุณกับพวกเขาแต่ใจดีกับหวังเป่าเล่อเสียจนพวกเขาอดขนลุกไม่ได้!
วินาทีเดียวกับที่ทั้งสามพุ่งเข้าไปในกระแสน้ำวน มันก็ปิดและอันตรธานหายไป ทางเดินกลางมหาสมุทรวิญญาณพลันหายไปเช่นกัน ความสงบสุขหวนคืนสู่มหาสมุทรวิญญาณอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนกระนั้น คลื่นพัดกระทบฝั่งได้ยินชัดเจน กระทั่งเสียงร่ำไห้ของวิญญาณแค้นก็ยังดังแว่วมาจากไกลๆ
หวังเป่าเล่อเองรู้สึกถึงความใจดีที่โลกนี้มีต่อเขามาได้สักพักแล้ว หากจะพูดให้ชัดก็คือเสียงเพรียกที่เรียกหาเขาอยู่มีอิทธิพลต่อโลกนี้อย่างยิ่ง ทำให้อุปสรรคนานัปการที่กั้นขวางชายหนุ่มไว้หายไปทั้งสิ้น
โลกนี้ช่วยกระทั่งขัดขวางผู้ที่ตามล่าเขาอย่างแข็งขัน แต่กระนั้นหวังเป่าก็ยังไม่แน่ใจกับเรื่องนี้นัก แถมเริ่มรู้สึกเคลือบแคลงกับคำพูดของแม่นางน้อย ชายหนุ่มคิดว่าช่างเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปเมื่อแม่นางน้อยจะเข้าไปจำศีลวินาทีที่เขาเข้ามาในโลกนี้พอดิบพอดี
หากข้าไม่ได้คิดมากเกินไปและแม่นางน้อยพูดถูกแล้วละก็…วิชาแห่งศาสตร์มืดที่ข้าเฝ้าฝึกฝนมานั้นส่งผลต่อวัตถุเวทแห่งความมืด! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสิ่งรอบกาย แสงสะท้อนวาบขึ้นภายในดวงตาของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มขณะนี้ไม่ได้ยืนอยู่บนมหาสมุทรวิญญาณอีกต่อไป แต่อยู่ที่ชั้นสองของโลกใต้ดินในมหาสมุทรวิญญาณ!
แม้ท้องฟ้าในชั้นสองของโลกใต้ดินนี้จะเต็มไปด้วยโคลนตมสีแดงตุ่นๆ มันก็ไม่ได้สว่างไสวเพราะหมู่ดาว แต่กลับส่องแสงได้ด้วยตนเอง และแม้จะไม่สว่างไสวมากนัก แต่โลกทั้งใบก็ถูกฉาบเคลือบด้วยสีแดงตุ่นๆ
ราวกับว่า…เป็นเลือดจากร่างคนตายกระนั้น!
เมื่อมองที่พื้นก็เห็นหินหลุมศพเรียงรายอยู่มากมาย!
หินหลุมศพเหล่านั้นมีหลากหลายขนาดต่างๆ กันไป บ้างก็แตกร้าวบ้างก็สมบูรณ์ ทุกชิ้นล้วนแล้วแต่ดูน่าสะพรึงกลัว และในจุดที่ห่างออกไปตรงบริเวณที่ไม่มีหินหลุมศพอยู่ ก็จะมีเนินฝังศพใหญ่น้อยเรียงรายเต็มไปหมด!
บรรยากาศของที่นี่อวลด้วยกลิ่นอายความตายมาเป็นระยะเวลานาน บรรยากาศของที่นี่เต็มไปด้วยความเปื่อยเน่าและเก่าแก่
หวังเป่าเล่อกลั้นลมหายใจ ชายหนุ่มมองกวาดไปยังสิ่งรอบข้างและยังรู้สึกถึงเสียงเพรียกที่ดังมาถึงเขา เสียงนั้นดังขึ้นกว่าเดิม ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังมองดูบรรยากาศโดยรอบอยู่นั้นเอง เนินฝังศพที่อยู่ห่างออกไประยะหนึ่งก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมาอย่างปุบปับ มือที่เปื่อยเน่าเอื้อมทะลุขึ้นมาจากภายใต้ดินโคลน!
นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อหรี่ลง ชายหนุ่มกำลังจะวิ่งหนีแต่ก็พลันมองเห็นว่ามือที่ยื่นออกมานั้นราวกับกำลังส่งสัญญาณ ทันใดนั้นเอง มือที่เปื่อยเน่าจำนวนมากก็โผล่ขึ้นมาจากเนินฝังศพเหล่านั้น บางหลุมมีหัวกะโหลกที่กำลังเน่าเปื่อยโผล่ขึ้นมาด้วย!
ภายในพริบตาเดียว พื้นที่โดยรอบก็เหมือนเคลื่อนไหวได้เพราะมีศพจำนวนมหาศาลโผล่ขึ้นมาจากหลุมฝังศพด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นทุกที
วินาทีที่พวกมันปรากฏขึ้นมา มันก็พากันอ้าปากราวกับกำลังส่งเสียงหวีดร้อง แม้จะไม่มีเสียงออกมา แต่ผู้ฝึกตนก็รับรู้เสียงกรีดร้องได้จากดวงจิต พาให้ร่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
ราวกับว่าเหล่าศพตายซากนี้ไม่ได้กลิ่นเนื้อและเลือดสดๆ มาเป็นเวลานาน ซากศพที่ลุกขึ้นมาจากหลุมพากันจ้องมองหวังเป่าเล่อ ก่อนจะอ้าปากอีกครั้งและเริ่มคืบคลานเข้าใส่
แต่กระนั้นเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ หวังเป่าเล่อก็เรียกเปลวไฟสีดำภายในกายออกมา เปลวไฟสีดำสนิทปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา รัศมีอันเย็นเยียบแผ่ซ่านเต็มที่ ซากศพที่มุ่งหน้าเข้ามาพากันตกตะลึงก่อนจะล่าถอยไป ฝ่ายหวังเป่าเล่อนั้นได้ยินเสียงเพรียกหาตัวเขาดังขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน เมื่อเสียงเพรียกดังขึ้นกว่าเดิม แผ่นดินที่เต็มไปด้วยหลุมฝังศพตรงหน้าหวังเป่าเล่อก็ทรุดตัวลงพลันเกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่น เผยให้เห็นถ้ำขนาดใหญ่ ทันทีที่ถ้ำนั้นปรากฏ ก็พลันมีเสียงเพรียกก้องกังวานดังลั่นอยู่ภายในหัวของหวังเป่าเล่อ
“บุตรแห่งความมืด…จงมา…มาทางนี้…”
หวังเป่าเล่อไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ชายหนุ่มคาดการณ์ไว้นานแล้ว เหตุการณ์นี้คล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเขาอยู่บนชั้นแรกของโลกใต้ดิน ขณะนี้สายตาของเขาฉายแววมุ่งมั่น ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว อย่างไรเสียก็ต้องไปดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เป็นต้นตอของทุกอย่างคืออะไร ยิ่งไปกว่านั้นหวังเป่าเล่อก็ไม่มีทางออกอื่น ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นและมุ่งหน้าไปที่ถ้ำ
ตอนนั้นเองพื้นที่ว่างเปล่าข้างๆ หลุมศพก็ปรากฏเป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์ ผู้ฝึกตนจากต่างดาวทั้งสามและตุ๊กตาโลหิตม่วงก้าวเท้าออกมา
ทว่าทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว เหล่าซากศพที่เพิ่งจะขึ้นมาจากหลุมก็ส่งเสียงคำรามและพุ่งตรงเข้าใส่ ก่อนที่พวกเขาจะได้กวาดตามองดูโดยรอบเสียด้วยซ้ำ
หากมองลงมาจากมุมสูงก็จะเห็นได้ว่าจำนวนซากศพนั้นมีมากมายเสียจนเกินจะนับ พวกมันรวมตัวกันหนาแน่นและกำลังถาโถมเข้าใส่คณะผู้ฝึกตนทั้งสามจากทุกทิศทางพร้อมๆ กัน ห่างออกไป ซากศพอื่นๆ ต่างพากันคลานออกมาจากหลุมและผนึกกำลังกับซากศพด้านบนเพื่อเข้าโจมตีอีกระลอก
เมื่อผู้ฝึกตนทั้งสามมองเห็นสถานการณ์ พวกเขาก็ต่างพากันเดือดดาล ทั้งสามมองเห็นหวังเป่าเล่อกำลังวิ่งเข้าไปในถ้ำที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวของที่นี่
ทั้งสามต้องทนเห็นหวังเป่าเล่อหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ทั้งจิตสังหารและความเกรี้ยวกราดในใจพุ่งสูงจนควบคุมไม่อยู่ โดยเฉพาะกับชายหน้าตะขาบ เขาเป็นคนที่มีสัญชาตญาณเฉียบคมมาโดยตลอด และขณะนี้เขามีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าพวกเขาไม่อาจยอมให้จั่วอี้เซียนหลุดมือไปได้ มิเช่นนั้นสถานการณ์จะต้องกลับตาลปัตรแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาจึงปลดปล่อยจิตสังหารทั้งหมดออกมา ความกราดเกรี้ยวปรากฏขึ้นในแววตา เขาใช้ผนึกฝ่ามือเรียกใบไม้สีดำออกมาอีกครั้ง ชายหนุ่มโบกมือ ใบไม้ก็พุ่งแหวกอากาศตรงไปยังหวังเป่าเล่อทันที
แม้ว่าจะมีซากศพจำนวนมหาศาลขวางทางไว้ แต่ใบไม้ก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วซ้ำยังมีพลังมหาศาล ทำให้ตัดทะลุผ่านศพเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ภายในไม่กี่อึดใจ ใบไม้นั้นก็อยู่ห่างจากหวังเป่าเล่อไม่ไปถึงสามร้อยเมตร!
ถ้าดูจากความเร็วของใบไม้ ไม่มีทางเลยที่หวังเป่าเล่อจะเข้าถ้ำไปได้ก่อนที่ใบไม้จะถึงตัวและสังหารเขา หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงที่กำลังจะมาเยือน
หากไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันใบไม้ได้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ทว่าหวังเป่าเล่อไม่อาจยอมตายไปเฉยๆ ได้ เส้นเลือดสีเข้มปูดโปนบนหน้าผาก ชายหนุ่มคำรามออกมาเสียงต่ำ ตอนนั้นเองอัสนีสวรรค์สี่เส้นก็ปรากฏออกมาจากกาย และตอนที่เขาพยายามจะปัดป้องใบไม้ออกไป เปลวไฟสีดำก็ปรากฏขึ้นด้วย!
ทันทีที่เปลวไฟสีดำปรากฏขึ้น ทั้งสวรรค์และพื้นพิภพก็สั่นสะเทือน พื้นที่ทั้งหมดของโลกใต้ดินชั้นที่สองดูราวกับว่าจะเคลื่อนไหวได้ด้วยดวงจิตของตน เป็นดวงจิตที่เปี่ยมไปด้วยความเกรี้ยวกราด วิตกกังวล และเสียงกรีดร้องอันเงียบงัน ทั้งหมดนั้นกลายมาเป็นพลังของดวงจิตที่แพร่กระจายไปจนทั่ว
พลังแห่งดวงจิตทำให้หินหลุมศพทั้งหมดปลิวกระเด็นออกจากพื้นในพริบตา พร้อมทั้งส่งเสียงกัมปนาทดังสนั่น ราวกับว่ามีพลังลึกลับที่ดึงหินหลุมศพเหล่านั้นมาเป็นกำแพงกั้นขวางระหว่างใบไม้สีดำและหวังเป่าเล่อเอาไว้!
เสียงกระแทกกระทั้นดังสนั่นอยู่อย่างต่อเนื่อง หินหลุมศพถูกใบไม้ดำทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและทะลุผ่านไป ทว่าหินหลุมศพก็มีมากมาย แถมยังปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องชิ้นแล้วชิ้นเล่า ทำให้ระยะทางเพียงสามร้อยเมตรนั้นดูห่างไกลกว่าความเป็นจริงมาก หินหลุมศพจำนวนนับไม่ถ้วนยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่เป็นประหนึ่งเกราะป้องกันที่ช่วยลดพลังของใบไม้ลง
ในที่สุดใบไม้ดำก็ผ่านทะลุหินหลุมศพชิ้นสุดท้าย ก่อนจะปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังเป่าเล่อ มันทำลายกระทั่งอัสนีสวรรค์ของเขาพร้อมทะลุผ่านเปลวไฟสีดำมาปักอกชายหนุ่มอย่างแรง!
หวังเป่าเล่อตัวสั่น โลหิตสาดกระเซ็นออกจาปาก ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่กระแทกเข้าที่หน้าอก กระดูกแทบทั้งหมดหักทันที ทว่าเขาก็ยังไม่ตาย!
ใบไม้นั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ทว่าพลังแห่งดวงจิตของโลกใบได้ลดความแข็งแกร่งของใบไม้ลงไปมากเช่นกัน หวังเป่าเล่อเองก็มีร่างกายแข็งแรงและพลังการฟื้นตัวก็รวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงยังรอดมาได้แม้จะบาดเจ็บสาหัส!
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังขยับไปอย่างทุลักทุเลนั้น เขาก็อาศัยพลังเฮือกสุดท้ายลากร่างของตนเข้าไปในถ้ำ ถ้ำหายวับไปทันทีที่หวังเป่าเล่อก้าวเข้าไป ส่งผลให้อาณาบริเวณนี้กลายเป็นพื้นที่ไร้ทางออกไปโดยปริยาย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น