ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 445-447
ตอนที่ 445 โกรธเกรี้ยว
ทันทีที่เยี่ยอิงได้ยินชื่อนั้นเข้า ดวงตาก็ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดขึ้นมา
“พี่ชาย ท่านเรียกข้าว่าอะไรนะ?” มือของนางวางอยู่บนทรวงอกของเยี่ยเฉิน จากเดิมที่กำลังจมอยู่ในความสุขอย่างที่สุด ก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นจนเลือดในกายจับแข็งไปทั่วทั้งร่าง
เยี่ยเฉินเองก็กำลังจมอยู่ในความสุขสม พอถูกเยี่ยอิงเรียก ถึงพลันได้รู้สึกตัวขึ้นมา
พอเห็นนางท่าทางของนาง ถึงได้มีสติชัดเจน
ที่ผ่านมา เขาชอบอยู่กับเยี่ยอิงมากที่สุด
แต่ว่าตอนนี้พอเห็นชัดแล้ว กลับรู้สึกว่าหมดอารมณ์ไปไม่น้อย
“ฝ่าบาท อนุคนใหม่มาถึงแล้วเพคะ” ในตอนนั้นเอง ด้านนอกมีเสียงสตรีดังเข้ามา
หากเป็นยามปกติ เมื่ออนุคนใหม่มาถึง ต้องได้รับการชำระล้างจนสะอาดสะอ้านจึงส่งมาที่เตียงบรรทมของไท่จื่อ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
ชื่อหลีถูกจับอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน นางอยู่ในชุดนอนสีดำถูกห่อเอาไว้ในผ้าลายผืนงามส่งเข้ามาในห้อง ทรวงอกของนางยังมีตะปูตรึงมังกรที่มิได้ถูกถอนออกไป
ใบหน้ามิได้ประทินโฉมใดๆทั้งสิ้น บนร่างยังมีกลิ่นหอมของกุหลาบอยู่จางๆ
นางถูกนางกำนัลหลายคนยกเข้ามา
พอเข้ามาถึง ก็เห็นภาพที่เยี่ยเฉินกับเยี่ยอิงสองพี่น้องกำลังสนิทสนมกันอยู่
ทำเอาแม้แต่ชือหลีที่เฉยชากับเรื่องเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนนี้ก็ยังถึงกับนิ่งอึ้งไปเช่นกัน….
เมื่อหลายวันก่อนนางเคยได้พบหน้าไท่จื่อของเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้ครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า สองพี่น้องคู่นี้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา?
ทั้งยังกระทำเรื่องอย่างว่าในวันรับตัวอนุเสียด้วย?
ใบหน้าของชือหลีปรากฏความเก้อเขินวูบหนึ่ง….เดิมทีนางกำลังคิดหาหนทางหลบหนี ตอนนี้กลับถูกภาพตรงหน้าทำเอาสมองส่งเสียงเพล้งดังลั่น แผนการทั้งหลายในสมองกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว
วันนั้น….ตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียนปะทะกับเยี่ยอิงแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
นางพาตู๋กูเจวี๋ยออกติดตามอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายเพราะไม่ทันระวังจึงถูกคนของเผ่ามังกรทมิฬจับตัวมา
ได้แต่โทษว่าตนเองอ่อนแอเกินไป ถึงได้ถูกจับมายังก้นทะเลลึกแห่งนี้ ทั้งยังทำให้ตู๋กูเจวี๋ยที่อ่อนแอราวกับลูกเจี๊ยบนั่นถูกจับมาด้วย
ตั้งแต่ถูกจับมา นางก็ไม่ได้เจอหน้าตู๋กูเจวี๋ยอีกเลย
ได้ยินพวกนางกำนัล ‘ที่คอยปรนนิบัติ’ พูดกันว่าเขาถูกขังเอาไว้
ราชินีเผ่ามังกรทมิฬทรงชิงชังเผ่ามนุษย์ มนุษย์ผู้นั้นคงจะต้องถูกแล่เนื้อไปป้อนปลาในไม่ช้า
ตะปูตรึงมังกรบนทรวงอกสะกดพลังของนางเอาไว้จนเกือบหมด มีแต่คนในราชวงศ์ของเผ่ามังกรเท่านั้นที่สามารถถอนออกได้….
เพราะเกรงว่านางจะหลบหนี ตอนที่นางถูกจับตัวส่งมานั้น จึงยังไม่ได้ถอนตะปูตรึงมังกรออกไป
ในใจของชื่อหลีกังวลถึงตู๋กูเจวี๋ยอย่างยิ่ง
นางถูกจับมาครึ่งเดือนแล้ว จึงได้ฟังเรื่องของตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียนมาบ้างเล็กๆน้อยๆ…..
คนหนึ่งถูกเขวี้ยงลงไปในหุบเหวไร้ก้น อีกคนหนึ่งถูกบีบคั้นจนกระโดดตามลงไป…..เกรงว่าไม่หลงเหลือร่างอีกแล้ว
ต้องมามีจุดจบเช่นนี้ แม้แต่ชือหลีเองก็ยังรู้สึกว่ารับไม่ได้
แต่ว่าผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว…..หุบเหวไร้ก้นก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ….
นางก็ชักจะเคว้งคว้างแล้ว
นางได้แต่สวดภาวนาอยู่ในใจ อธิษฐานขอให้ตู๋กูซิงหลันยังมีชีวิตอยู่!
ตู๋กูซิงหลันออกจะแข็งแกร่งจนพิศดารถึงเพียงนั้น ไม่สมควรจะตกลงไปตายโดยง่าย!
ในขณะที่ตู๋กูซิงหลันไม่อยู่ นางก็ได้แต่พึ่งพาตนเอง หาทางช่วยตู๋กูเจวี๋ยออกไปให้จงได้….
เดิมทีในใจของชือหลีกำลังคิดแผนการวุ่นวาย แต่ยามนี้กลับถูกภาพของพี่ชายน้องสาวตรงหน้าทำเอาชะงักไปแล้ว
เหล่านางกำนัลพึ่งกราบทูลเสร็จ ก็เห็นเยี่ยอิงส่งสายตาราวมีดดาบออกมา
เนื่องเพราะเมื่อครู่เยี่ยเฉินพึ่งจะเอ่ยเรียกชื่อของตู๋กูซิงหลัน อารมณ์ของนางในตอนนี้จึงไม่ดีอย่างยิ่ง!
นางลุกขึ้นยืน ผ้าเนื้อบางบนร่างหล่นลงไป จึงยิ่งทำให้สามารถมองเห็นร่องรอยจากสัมพันธ์รักบนผิวพรรณของนางได้อย่างชัดเจน
นางบิดขาเรียวยาว เดินมาทางเหล่านางกำนัลทีละก้าวๆ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ชือหลี
พอยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง ก็ตบลงไปบนใบหน้าของชือหลีอย่างโหดเ**้ยม
“นังคนไร้ยางอาย!” นางเอ่ยด้วยเสียงขุ่นเคือง “ไม่เห็นหรรือว่าพี่ชายกับข้ากำลังอยู่ด้วยกันหรอกหรือ? ยังจะกล้าล่วงล้ำเข้ามา?”
ชือหลีรับความเกรี้ยวกราดนั้นไปเต็มๆ
ตบเมื่อครู่ เยี่ยอิงตบได้อย่างโหดเ**้ยม!
ดวงหน้าครึ่งซีกของชือหลีมีรอยห้านิ้วประทับอยู่ ครึ่งหน้าบวมฉึ่งขึ้นมา!
นางพึ่งจะอ้าปาก ก็เห็นเยี่ยอิงยกฝ่ามือฟาดลงมาอีกครั้ง ยังคงเป็นครึ่งหน้าเดิม
“ยังคิดจะเถียงอีก? เจ้ารู้หรือไม่ ผู้ที่พี่ชายรักใคร่ที่สุดก็คือข้า เจ้ามันเป็นตัวอะไร? ก็แค่อนุคนหนึ่ง! ก็แค่เครื่องมือคลอดลูกเท่านั้น แม้แต่นางกำนัลก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
เนื่องเพราะชือหลีและตู๋กูซิงหลันสนิทสนมใกล้ชิดกัน เยี่ยอิงจึงเทความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดลงไปบนร่างของนาง
ไยพี่ชายจึงไปคิดถึงสตรีอื่นด้วย?
ทั้งยังเป็นคนที่ตายไปแล้ว! คนที่ยอมตายเพื่อบุรุษอื่น สตรีที่ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง มีคุณสมบัติใดให้พี่ชายคิดถึงกัน?
ตลอดหลายปีมานี้ แม้พี่ชายจะรับอนุมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยหวั่นไหวใจไปกับสตรีคนใดมาก่อนเลย…..
ที่จริงแล้ว แม้แต่ชื่อของพวกนางพี่ชายก็ยังจดจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ตู๋กูซิงหลันผู้นั้น นางมีสิทธิอะไร? มีสิทธิอะไรเข้ามาอยู่ในใจของพี่ชาย?
ขณะที่มีสัมพันธ์กับตน พี่ชายกลับหลุดชื่อของนางออกมา?
หัวใจของเยี่ยอิงราวมีคลื่นสาดซัด โกรธเกรี้ยวปานจะระเบิดขึ้นไปบนฟ้า แต่ว่าจะอย่างไรนางก็ไม่อาจไประบายอารมณ์ขุ่นเคืองกับพี่ชายที่ตนเองรักที่สุดได้ ทั้งยังไม่อาจระบายอารมณ์ใส่คนที่ตายไปแล้ว
ได้แต่ประดังความโกรธแค้นทั้งหมดนี้ลงไปบนร่างของชือหลี
เยี่ยเฉินเอาแต่มองดูอยู่ด้านข้าง เขาคุ้นเคยกับการที่เยี่ยอิงทุบตีพวกอนุของเขาอยู่แล้ว คนที่ถูกนางทำร้ายจนตายไปก็มีอยู่หลายคน
เขาล้วนไม่ใส่ใจ เห็นจนชินชาไปแล้ว
เขาจัดแจงเสื้อผ้าบนร่าง เสยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง อย่างไม่สนใจจะมองดูชือหลีแม้แต่แวบเดียว
อนุคนหนึ่ง หากสามารถเป็นเครื่องมือระบายความโกรธของนางได้ ตายก็ตายไปเถอะ…..
หลายปีมานี้ เพราะความเป็นพี่น้องของพวกเขา เขาจึงไม่อาจมอบฐานะไท่จื่อเฟยให้กับนางได้ นี่นับว่าผิดต่อนางมากแล้ว
ดังนั้นกับสตรีเหล่านี้ เยี่ยเฉินจึงปล่อยให้นางกดขี่ได้อย่างตามสบาย ถือว่าเป็นการชดเชยให้กับนาง
วันนี้เขาไม่ทันระวังเผลอเรียกชื่อของตู๋กูซิงหลัน….ในใจของนางย่อมต้องไม่ยินดี ไม่อาจโทษที่นางจะเกรี้ยวกราด
ที่จริงเยี่ยเฉินรู้สึกว่า ท่าทางยามที่เยี่ยอิงมีโทสะทุบตีคนนั้น น่าดูเป็นพิเศษ
ยามปกติเขาก็ชอบชมดูเยี่ยอิงทุบตีเหยื่อต่างๆ โดยเฉพาะเวลาที่ใช้กรงเล็บฉีกเนื้อบนร่างของเหยื่อเหล่านั้น ออกมาเป็นชิ้นๆ เลือดที่ไหลอาบไปตามผิวพรรณที่ขาวสะอาดราวกับหิมะของนาง ….หึหึ ภาพเหล่าเพียงแค่คิดก็ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา
ยามนี้พอเห็นนางตบตีชือหลี เขาจึงเอนร่างลงไปบนเก้าอี้ ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะเอาไว้ ชื่นชมด้วยความสนุกสนนาน
ชือหลีถูกคนแบกตัวมา ไม่อาจขยับเขยื่อน
ฝ่ามือนี้ของเยี่ยอิงตบจนในศีรษะของนางส่งเสียงวิ้งไปหมด มุมปากมีเลือดไหลออกมาในทันที
นางเขม้นมองด้วยดวงตาเป็นประกาย
“พวกเจ้าสามารถให้ข้าไสหัวไป ตำแหน่งอนุนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการสักหน่อย”
เยี่ยอิงคิดไม่ถึงว่า นางยังคิดจะต่อปากต่อคำด้วยจริงๆ
นางหรี่ดวงตาลง ในดวงตาเปล่งประกายกระหายเลือดที่ชั่วร้ายขึ้นมา “เจ้าไม่กลัวตายหรือไร?”
ชือหลี “ข้ากลัวตาย พวกเจ้าปล่อยข้าไปได้ไหม?”
หากว่าตะปูตรึงมังกรในอกถูกถอนออกไปละก็ บางทีนางอาจจะพอรับมือเยี่ยอิงได้สักหลายกระบวนท่า…..
จากนั้นก็ได้ยินชือหลีเอ่ยต่อไปว่า “หากมิใช่เพราะว่ากำลังของข้าถูกผนึกเอาไว้ละก็ เกรงว่าเจ้าไม่อาจฆ่าข้าได้หรอก”
เยี่ยอิงหัวเราะเสียงเย็นชา ตบซ้ำลงมาอีกฝ่ามือหนึ่ง “ของเล่นชั้นต่ำ! ยังคิดจะมาเปรียบเทียบกับข้าอีกหรือ?”
ตอนที่ 446 “เจ้าตัวน้อย.....ลำบากเจ้า...
ชือหลี “หากมีปัญญาเจ้าก็มาดึงตะปูตรึงมังกรของข้าออกไป ดูสิว่าพวกเราสูสีกันหรือไม่?”
เยี่ยอิงในยามนี้กำลังถูกความโกรธเกรี้ยวครอบงำ ไร้ซึ้งเหตุผลใดๆไปแต่แรกแล้ว วิธีการยั่วยุเช่นนี้อาจจะได้ผลก็เป็นได้
ชือหลีได้แต่นำออกมาทดลองดู
เยี่ยเฉินมองแผนการของนางออกอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ยกมือห้ามปราม
ตอนนี้เสี่ยวอิงกำลังโกรธจัด นางต้องการอาละวาด ในเมื่ออนุคนใหม่นี้ไม่กลัวตาย เช่นนั้นหากถูกนางทุบตีจนตายไปเสียก็ดี
ที่ท้าให้ถอดตะปูตรึงมังกร มังกรที่ถูกถอดกระดูกจนการเป็นเพียงแค่ของเล่นไปแล้วอย่างนาง ยังจะเอาชนะเสี่ยวอิงได้อย่างไร?
เยี่ยเฉินยิ้มเย็นชา ขณะที่เห็นเขาขยับเสื้อผ้า พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไป ถอนตะปูตรึงมังกรของชือหลีออกมา ได้ยินเสียงหล่นไปด้านข้างกระทบพื้นดังติ้ง
เยี่ยเฉินแย้มยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย รอดูน้องสาวของตนเองลงมือทุบตีนังสวะผู้นั้นแต่ฝ่ายเดียว
“เสี่ยวอิง นังสวะคนนี้ถือซะว่าพี่ชายชดเชยแทนคำขออภัยให้กับเจ้า ต่อให้ตีจนตายก็ไม่เป็นอะไร” เขาใช้มือยันศีรษะเอาไว้เอ่ยกับเยี่ยอิงอย่างเรียบเรื่อย
พอตะปูตรึงมังกรหลุดออกไป ชือหลีก็รู้สึกว่าร่างกายเบาสบายขึ้นมาก
นางขับพลังวิญญาณออกมา ร่างกายไหววูบ ก็หลุดออกจากการควบคุมของพวกนางกำนัลอย่างง่ายดาย
เยี่ยอิงสีหน้าเคร่งขรึม นางไม่ต้องการสิ้นเปลืองเวลาอีกต่อไป จึงดึงเอาดาบโซ่ของนางออกมาในทันที สบัดไปยังหัวใจของชือหลี
เสียง ‘สวบ’ดังขึ้นมาครั้งหนึ่งด้วยความรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าสีน้ำเงินฟาดออกมา คิดจะแทงทะลุชือหลีในชั่ววินาที
ชือหลีดึงเอาดาบกระดูกมังกรออกมาจากแผ่นหลังอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นตรงหัวใจของตนเองเอาไว้ รับกระบวนท่าของเยี่ยอิงอย่างอยากลำบากไปครั้งหนึ่ง
ดาบกระดูกมังกรเล่มนี้เดิมทีก็สร้างขึ้นจากกระดูกของนาง ก่อนหน้านี้พอได้รับโลหิตของตู๋กูซิงหลัน จึงถูกปลุกจิตของดาบขึ้นมา
จิตของดาบแผ่ออกไป ยามเมื่ออาวุธทั้งสองกระทบกันจึงเกิดเสียงดัง ทั้งยังมีประกายดอกไม้ไฟงดงาม
พอเยี่ยอิงได้เห็นดาบกระดูกมังกรเล่มนั้น ก็ยิ่งคิดไปถึงตู๋กูซิงหลัน
นังผีที่คอยตามมาหลอกหลอน!
ตายไปแล้วก็ยังคงติดอยู่ในใจของพี่ชาย ตอนนี้กระทั่งอาวุธที่นางเคยใช้ก็ยังจะมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของตน!
ชือหลีรับกระบวนท่าจากนางในครั้งนี้ แม้จะมีดาบกระดูกมังกรคุ้มครองอยู่ แต่ร่างกายก็ยังสะท้านจนชาไปทั้งตัว กระดูกทั่งร่างส่งเสียงเลื่อนลั่นออกมา
นางถูกถอดกระดูกมังกรไปเนิ่นนานหลายปี……ฝ่ายตรงข้ามถึงกับเป็นเผ่ามังกรทมิฬ ความแตกต่างทางด้านพละกำลังหากจะเปรียบเทียบกันแล้วก็เหมือนกับเด็กห้าขวบที่ไปท้าสู้กับผู้ใหญ่
ย่อมต้องถูกกดขี่อยู่ฝ่ายเดียว!
ทรวงอกของนางถูกดาบโซ่กรีดผ่านไปดาบหนึ่ง กรีดผิวออกมาจนเลือดไหลนอง
ชือหลีไม่ได้คิดจะปะทะกับเยี่ยอิงอย่างจริงจัง!
เพียงแต่คิดจะอาศัยการยั่วยุนี้มาถอนตะปูตรึงมังกรออกไป สิ่งที่นางต้องการจะทำก็คือ…..การหลบหนี!
พาตู๋กูเจวี๋ยหลบหนีออกไป!
ช่วงที่ผ่านมา จากคำพูดของเหล่านางกำนัลที่นางได้ฟังมา ทำให้นางพอจะรู้สถานที่คุมขังของตู๋กูเจวี๋ย
พอเห็นนางหลบหนี เยี่ยอิงก็เผยอริมฝีปากขึ้น นางดึงดาบโซ่ของตนเองกลับมา ใช้ปลายลิ้นละเลียดชิมเลือด
พอได้ชิมรสเลือด ดวงตาสีครามคู่นั้นเปล่งประกายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยความกระหายเลือด
นางคลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ราวกับว่ามีความสุขที่ได้เห็นเหยื่อที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับความตายอย่างสุดชีวิต
เลือดของมังกรทอง…..ยังหวานหอมกว่าผู้อื่นมากมายนัก!
นังสวะผู้นี้ ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยๆก็สามารถใช้เป็นแหล่งโลหิตได้มิใช่หรือ?
เยี่ยอิงสะกิดปลายเท้าเล็กน้อย ก็ไล่ตามไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดออกมา
ชือหลีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ว่าความเร็วของเยี่ยอิงก็ยังเหนือกว่านางหลายต่อหลายเท่า เพียงพริบตาเดียวก็ไล่ทันนางแล้ว
ดวงตาของเยี่ยอิงติดตามแผ่นหลังของนางมา
เยี่ยอิงหัวเราะเฮอะฮะ เสียงดัง เหวี่ยงดาบโซ่ในมือออกไปอย่างไร้ความปราณี
ชือหลีขยับร่างไหววูบ หลบคมดาบที่กำลังจะพุ่งเข้ามายังกลางแผ่นหลัง แต่ว่าบนตัวดาบมีใบดาบโค้งมากมายหลายใบ สามารถพลิกแพลงแง่มุมได้อย่างพิศดาร ถึงแม้ว่านางจะหลบพ้นได้ในเวลาอันเฉียดฉิว แต่คมดาบก็ยังกรีดผ่านข้อมือของนาง
ยามที่ใบดาบกรีดเข้าไปในเนื้อ แม้แต่กระดูกก็ยังถูกฟันไปเกือบครึ่ง
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาพุ่งจากกระดูกเข้าสู่หัวใจ ปวดจนชือหลีสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าหยุดยั้งแม้แต่น้อย หากแต่มุ่งโผบินตรงไปยังทิศทางที่ขังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้
เยี่ยอิงก็ไม่คิดจะฆ่านางให้ตายในทันที
นางเหมือนกับเหยี่ยวราตรีที่กำลังหยอกเย้ากับเหยื่อ ก่อนที่จะจับกิน ก็หยอกเล่นให้หมดสิ้นเรี่ยวแรงเสียก่อน จากนั้นในเมื่อฝ่ายตกอยู่ในความสิ้นหวังจึงค่อยสังหาร
หากจะให้ดีที่สุดก็ต้องให้นางสวะนั่นได้เห็นเลือดของตนเองถูกสูบกินทีละหยดๆจนหมด
ก็เผ่ามังกรทมิฬของพวกนาง เป็นเผ่าที่กระหายเลือดอยู่แล้ว
บนหอสูง นางกำนัลกำลังคุกเข่าอยู่ที่ข้างกายของหวาชางสุ่ย รายงานสถานการณ์เบื้องล่างออกมา
“หากอิงเอ๋อร์ชมชอบก็แล้วไป แค่องค์หญิงทะเลตะวันตกผู้หนึ่ง ตายก็ตายไปเถอะ” ดวงเนตรของหวาชางสุ่ยทอประกายเย็นชา “หากว่านางฆ่าไปคนหนึ่งแล้วยังไม่หายโกรธเกรี้ยว เจ้าก็ส่งคนไปจับตัวองค์หญิงอีกสามทะเลมาให้นางฆ่าเสีย”
นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้ารับ “เพคะ”
“ยังมี จัดการเฉือนเนื้อของเจ้ามนุษย์ที่ถูกขังอยู่ในคุกผู้นั้น ไปป้อนปลาเสีย”
เบื้องหน้าของหวาชางสุ่ยคือ อ่างเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ ในนั้นมีปลามังกรที่แสนงดงามอยู่หลายตัว
แววเนตรของนางโหดเ**้ยมอย่างที่สุด “เจ้าว่า หากเยี่ยจ้านได้รู้ว่า บุตรชายของเขาถูกเฉือนเนื้อมาบด ป้อนให้กับปลาที่เขาเคยเลี้ยงดูมาด้วยมือของตนเอง เขาจะรู้สึกอย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ฟ้าดินช่างเข้าข้างนางแล้ว ตู๋กูซิงหลันตายแล้วคนหนึ่ง ก็ยังส่งลูกชายอีกคนของเยี่ยจ้านมาให้ได้ตายอย่างอนาถ
หึหึหึ….
นี่มิเท่ากับว่า สิ่งที่เยี่ยจ้านติดค้างนางเอาไว้กำลังถูกชดใช้ไล่เรียงกันมาหรอกหรือ?
นางกำนัลผู้นั้นมิได้ตอบ เพียงแต่ถอยออกไป ตระเตรียมคนไปแล่เนื้อของตู๋กูเจวี๋ยออกมาเป็นทำเนื้อบด
…………………..
อีกด้านหนึ่ง เพียงแค่ครู่เดียวร่างท่อนบนของชือหลีก็มีแต่บาดแผลทั้งเล็กและใหญ่เต็มไปหมด
ที่ลึกที่สุดก็คือแขนซ้าย ที่เกือบจะถูกตัดขาดออกมา จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากระดูกถูกเฉือนไปครึ่งหนึ่ง
บนหน้าผากของนางมีแต่เหงื่อ ขณะที่มองเห็นคุกที่มืดมิดไปทั้งแถบตรงหน้า ก็เค้นพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างออกมา
ด้านหน้าคุกไม่มีคนเฝ้ายาม ชือหลีไม่ครุ่นคิดก็รีบบุกเข้าไปแล้ว
ในคุกคุมขังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้เพียงคนเดียว
ยามที่ชือหลีได้เห็นเขาบุรุษชุดขาวก็ถูกทรมานจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว
ริมฝีปากของเขาถูกคนเย็บจนติดกัน รอยแผลแห้งจนตกสะเก็ดไปแล้ว
เนื่องเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานาน ร่างกายที่เดิมก็ซูบผอมยามนี้ดูแล้วยิ่งอ่อนระโหยโรยแรง
ริมฝีปากขอดแห้งจนลอกออกเป็นแผ่นๆ ทั้วทั้งร่างมีแต่บาดแผล ชุดขาวบนร่างถูกเลือดย้อมจนแดงฉาน บาดเจ็บหนักแล้ว
ในคุกไม่เจอราชาสุนัขป่าและติ๊งต๊อง
มีเขาเหลืออยู่แค่เพียงผู้เดียว
พอมองเห็นชือหลี ดวงตาที่อ่อนล้าของเขาก็มีประกายขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“อื้อ อื้อ อื้อ …..” เขารีบร้อนลุกขึ้นมา คิดจะพุ่งไปหาชือหลี แต่ว่าทั้งมือและเท้าล้วนถูกล่ามเอาไว้
จนเขาไม่อาจขยับไปหาชือหลีได้
เขาได้ยินพวกเวรยามคุยกันว่า….วันนี้องค์ไท่จื่อจะทรงรับอนุ และชือหลีคือผู้ที่ถูกนำตัวไปเป็นอนุ
ดังนั้นเขาจึงคิดหาหนทางส่งติ๊งต๊องและราชาสุนัขป่าออกไป ให้พวกมันไปช่วยนาง
คิดไม่ถึงว่า นางกลับบุกเข้ามาในคุกแต่เพียงลำพัง
ทั่วทั้งร่างของนางมีแต่บาดแผล…..ที่เหวอะหวะน่ากลัว
ชือหลีฝืนความเจ็บปวดทั่วร่างเอาไว้ มองดูสภาพของตู๋กูเจวี๋ย ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว
“เจ้าตัวน้อย…..ลำบากเจ้ามากแล้ว”
“ข้าจะพาเจ้า…..ออกไป”
หากว่าสามารถรอดไปได้……ข้าจะยอมคอยฟังเจ้าพูด ไม่เห็นว่าเจ้าปากมากอีกต่อไป
ตอนที่ 447 “ดูเหมือนว่าข้าจะชอบเจ้าเข...
นางไม่เคยบอกตู๋กูเจวี๋ยมาก่อนเลยว่า ยามที่เขาปากพูด หัวขยับจนดวงตาขยับเป็นประกายนั้น น่าดูที่สุดแล้ว
ช่วงเวลาที่จับเขาขังเอาไว้ที่คุกใต้ดินนั้น เป็นช่วงเวลาที่นางรู้สึกอิ่มเอิบที่สุดในช่วงหลายพันปี
ฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆทั้งยามกลางวันและกลางคืน นับตั้งแต่เรื่องธรรมเนียมเล็กๆของชาวบ้านไปจนถึงเรื่องใหญ่ต่างๆในแผ่นดิน
เขาเป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งยังมีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง
ชือหลีฝืนทนความเจ็บปวดรวดร้าว กลั้นเสียงของตนเองเอาไว้ มือก็กระชับด้ามดาบกระดูกมังกรขึ้นมา ฟันฉับลงไปบนกุญแจดอกใหญ่นั้นอย่างแรงครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้น กุญแจและคมดาบก็เสียดสีกันจนเกิดประกายดอกไม้ไฟ
ส่งเสียงดังบาดหู
ดาบนั้นพอฟันลงมา นอกจากบนตัวกุญแจเพิ่มรอยดาบขึ้นรอยหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้มีผลอะไร
ตู๋กูเจวี๋ยเห็นนางบาดเจ็บหนักทั่วทั้งร่าง ในใจก็รู้สึกเหมือนถูกดาบทิ่มแทงเช่นกัน
ต้องโทษที่เขาไม่เคยเรียนรู้วรยุทธ์มาก่อน ทั้งยังอ่อนแอเป็นลูกหมาถึงได้ถูกคนรังแกทำร้ายเข้าขนาดนี้
หากว่าเขามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหมือนดังพี่ใหญ่ ต่อให้ต้องตายก็จะขอปกป้องชือหลีเอาไว้ให้ได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ชือหลีที่เป็นเทพ….ก็จะถูกคนรังแกจนอเนจอนาถย่ำแย่ขนาดนี้
เขาส่งเสียงอู้ๆอี้ๆอยู่ในปาก ส่ายศีรษะ คิดจะบอกให้นางรีบหนีไป ไม่ต้องสนใจเขาอีก
ชือหลีมีโอกาสหลบหนีแท้ๆ แต่กลับมาที่คุกเพื่อช่วยเหลือเขา เช่นนี้เกรงว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาคงจะไม่มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
สะเก็ดไฟที่กระเด็นออกมา ร้อนลวกยิ่งกว่าน้ำเดือด ส่องสว่างเป็นประกาย ทั้งยังกระทบถูกหลังมือของนาง
แต่ว่านางกลับไม่สนใจ ฟันลงมาอย่างต่อเนื่องอยู่หลายดาบ จนกุญแจเริ่มโยกคลอนในที่สุด
นางกระทืบเท้าข้างหนึ่งกระโดดโถมเหยียบลงไป เท้านี้ใช้กำลังอย่างรุนแรง จนประตูคุกส่งเสียงสั่นสะเทือน แต่ว่าน่าเสียดาย แม่กุญแจถึงแม้จะหลวมคลายแต่ก็ยังคงติดแน่นอยู่ที่เดิม ไม่ยอมหลุดลงมา
“เฮอะ เฮอะ ช่างรักใคร่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งเสียจริง ว่าไง…..ต่อให้ตายก็ยังไม่ลืมที่จะลากไอ้หน้าอ่อนนั้นลงนรกไปเป็นสหายแก้เหงาหรือ?” ในตอนนั้นเอง เยี่ยอิงก็มาถึงคุกแล้วเช่นกัน
ชุดสีน้ำเงินครามของนางพลิ้วไหวราวกับมีลมพัด สองมือกอดอกเอาไว้ พิงร่างลงบนกำแพงสีดำของคุกมืด ในมือของนางมีดาบโซ่ นางหรี่ดวงตา แย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย
ชือหลีไม่สนใจนาง ยังคงเตะต่อยคุกต่อไป ดาบกระดูกมังกรในมือก็ยิ่งกำขึ้นมาแน่นกว่าเดิม
เส้นผมสีแดงของนางโบกโบย นัยตาสีแดงส่องประกาย…..ต่อให้วันนี้นางจะต้องตาย ก็จะต้องพาตัวตู๋กูเจวี๋ยออกไปให้จงได้
เขาเป็นเพียงแค่เจ้าตัวเล็กที่ไร้เดียงสา ไม่สมควรจะถูกลากมาเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงที่สกปรกโสมมเช่นนี้
เยี่ยอิงที่ถูกละเลยก็ยิ่งขุ่นเคืองกว่าเดิม นางขยับร่างเพียงวูบเดียว ก็มาถึงที่เบื้องหน้าของชือหลี
ดาบโซ่ในมือพันรัดลงไปบนดาบกระดูกมังกร ทำให้ชือหลีไม่อาจขยับอาวุธได้แม้แต่น้อย
จากนั้นก็เห็นนางยกเท้าเตะลงไปบนท้องของชือหลีอย่างรุนแรง
ด้วยพละกำลังมหาศาลที่มากับเท้าข้างนั้น จึงเกิดเสียงดัง ‘ตึง’ ชือหลีลอยละลิ่วขึ้นไปกระแทกเข้ากับประตูของคุกอย่างรุนแรง
ประตูที่คลายออกไปครึ่งหนึ่งจึงถูกพลังที่แฝงมากับร่างของนางพังทลายจนเปิดออก
นางถูกถอดกระดูกมังกรออกไป เดิมทีพละกำลังก็แตกต่างกันมากจนไม่อาจเทียบได้กับเยี่ยอิงอยู่แล้ว
เท้านี้ของเยี่ยอิง ทำให้ชือหลีถึงกับกระดูกหักไปหลายท่อน นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอวัยวะภายในของตนถูกทำลาย เลือดสดๆทะลักออกจากปาก ทั้งยังปะปนไปด้วยเศษชิ้นส่วนภายในร่าง
ตู๋กูเจวี๋ยอยู่ที่ด้านหลังของนาง ถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้ ทันทีที่เห็นว่าชือหลีพุ่งทะลุมาชนกำแพงด้านในของคุก เขาก็รีบใช้ตนเองเป็นเบาะเนื้อ รองรับร่างของนางเอาไว้
ตู๋กูเจวี๋ยรับแรงกระแทกจนร่างจมลงไปในกำแพงถึงหนึ่งนิ้ว ในสมองของเขามีแต่เสียงวิ้งๆ แต่น่าแปลกที่แม้จะรับแรงกระแทกที่รุนแรงถึงเพียงนั้น เขากลับไม่ถูกชนจนกระดูกหักทั่วร่าง
เพียงแค่ซี่โครงหักไปสองซี่เท่านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลามีแต่คราบเลือดอาบนอง
เขาอดกลั้นความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้ ยื่นมือไปประคองชือหลีเป็นอย่างแรก
เขาใช้ร่างกายที่ผ่ายผอมของตนเองขวางกั้นอยู่ตรงหน้าชือหลี ปากของเขาส่งเสียงอู้ๆอี้ๆ ไม่รู้ว่าต้องการจะพูดว่าอะไรกันแน่ เห็นแต่ตรงที่ถูกเย็บเอาไว้ถูกเขาฝืนกระชากจนปากแผลเปิดออกอีก เลือดไหลออกมาทั่วปาก
เลือดเหล่านั้นไหลจากปากไปตามลำคอย้อมเสื้อสีขาวบนทรวงอกของเขาจนชุ่มโชก
“หืม? เป็นตัวอ่อนแอที่มีน้ำใจลึกซึ้งกระนั้นหรือ?” เยี่ยอิงหัวเราะออกมาในทันที นางไม่รู้ฐานะของตู๋กูเจวี๋ย เพียงแต่คิดว่าใบหน้าของตัวอ่อนแอผู้นี้ดูคุ้นเคยอยู่บ้าง
พอเห็นว่าถึงแม้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังคงปกป้องชือหลีเอาไว้ ในใจก็บังเกิดความริษยาขึ้นมาบ้าง
หากว่านางตกอยู่ในอันตราย พี่ชายย่อมต้องปกป้องอยู่เบื้องหน้านางอย่างไม่สนใจสิ่งใดอย่างแน่นอน
ต้องใช่แน่!
ถึงแม้ว่าคิดเช่นนั้น แต่ว่าหัวใจกลับไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย…..
หัวใจของพี่ชายเพิ่มตู๋กูซิงหลันขึ้นมาอีกคน! ในเมื่อคนสองคนนี้สนิทสนมกับตู๋กูซิงหลัน พวกมันก็สมควรตาย!
ชือหลีถูกถีบใส่หนึ่งเท้า แต่กลับไม่ได้ตอบโต้ นางกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ในมือ ส่งพลังวิญญาณสายหนึ่งเข้าไป ก็เห็นดาบกระดูกมังกรในมือของนางหดเล็กลง เหลือขนาดเพียงลูกกุญแจดอกหนึ่ง
ฝ่าเท้าเมื่อครู่ นางจงใจไม่หลบ
พละกำลังของนางไม่เพียงพอที่จะทำลายคุก แต่ว่าเยี่ยอิงทำได้!
นางเพียงต้องการจะปลดปล่อยตู๋กูเจวี๋ยออกจากตรวน และทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อส่งเขาออกไป!
ดังนั้นตลอดเวลาเมื่อเข้ามาในคุก ชือหลีจึงมิได้โต้ตอบ ดาบกระดูกมังกรที่มีขนาดเท่าลูกกุญแจพอเสียบเข้าไปในรูตรวน บิดเพียงเบาๆ ก็ได้ยินเสียงคลิกครั้งหนึ่ง ตรวนบนมือของเขาก็หลุดออกอย่างง่ายดายจนหล่นลงไปบนพื้น
ตู๋กูเจวี๋ยตะลึงไปเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่านางจะมีความสามารถถึงขนาดนี้
“เหอะ” พอเห็นแล้ว เยี่ยอิงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง นางกุมดาบโซ่เอาไว้ คนลอยเข้าไปในคุกทั้งร่าง
นางไม่พูดพล่ามทำเพลง ดาบโซ่ในมือก็สะบัดออกไป คิดจะแทงคนทั้งสองให้ทะลุ!
ข้อมือของชือหลีขยับด้วยความรวดเร็ว ปลดล็อคตรวนบนร่างของตู๋กูเจวี๋ยออกจนหมด
เห็นอยู่ว่าดาบโซ่ของเยี่ยอิงพุ่งเข้ามาแล้ว ขณะที่กำลังจะสายเกินไป สองมือของนางก็คว้าลงไปบนหัวไหล่ของตู๋กูเจวี๋ย ขยับร่างวูบหนึ่ง ใช้ร่างของตนเองบดบังเขาเอาไว้
ใบดาบที่แหลมคมทะลวงเข้าไปในช่องท้องของนาง ใบดาบของเยี่ยอิงที่ทั้งโค้งและยาวถึงครึ่งเมตร ดาบทั้งเล่มแทงเข้าไปในท้องของชือหลี ใบดาบสีขาวถูกส่งเข้าไปแต่เมื่อชักออกมากลับมีแต่สีแดง
ชือหลีขมวดคิ้วมุ่น กระอักเลือดออกมาคำโต
เลือดสดๆเหล่านั้นสาดกระจายไปทั่วใบหน้าของตู๋กูเจวี๋ย
นางยังคงกำหัวไหล่ของเขาเอาไว้อย่างแนบแน่น รวบรวมพลังกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดถ่ายทอดพลังที่เหลือลงไปในร่างของตู๋กูเจวี๋ย
“เจ้าตัวน้อย…..มีชีวิตต่อไป”
นัยตาสีแดงคู่นั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“จะต้องมีชีวิต…ต่อไป”
แต่ละคำที่นางเค้นออกมา ต้องรีดพลังทั่วร่าง ……ตั้งแต่แรกนางก็คิดเอาไว้อย่างดีแล้ว
ว่าต่อให้ตนเองจะต้องตาย ก็จะต้องให้เขารอดออกไป
นางเป็นเทพแห่งสายน้ำมาตั้งนานหลายพันปีแล้ว ….อยู่มานานพอแล้ว
แต่ว่าเขานั้นไม่เหมือนกัน เขาพึ่งจะอายุยี่สิบเท่านั้น ชีวิตของเขาพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น
เขายังไม่ได้แต่งงานมีภรรยาและบุตร เขายังไม่ได้เห็นความงดงามของโลกกว้าง เขายังไม่…..
เคยมีความรัก
ไม่เคยรู้จักความอ่อนหวาน ไม่เคยรู้จักความเจ็บปวด ไม่เคยหัวเราะอย่างโง่งม ไม่เคยร้องไห้อย่างสิ้นหวัง…..
ร่างของตู๋กูเจวี๋ยลอยออกไปกลางอากาศ เขาเห็นแต่ริมฝีปากของชือหลีกำลังขยับ เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากคำหนึ่งว่า
“ดูเหมือนว่า ข้าจะชอบเจ้าเข้าแล้ว เจ้าตัวน้อย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น