ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 445-447

ตอนที่ 445 โกรธเกรี้ยว

 

 


 


ทันทีที่เยี่ยอิงได้ยินชื่อนั้นเข้า ดวงตาก็ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดขึ้นมา


 


 


“พี่ชาย ท่านเรียกข้าว่าอะไรนะ?” มือของนางวางอยู่บนทรวงอกของเยี่ยเฉิน จากเดิมที่กำลังจมอยู่ในความสุขอย่างที่สุด ก็รู้สึกเหน็บหนาวขึ้นจนเลือดในกายจับแข็งไปทั่วทั้งร่าง


 


 


เยี่ยเฉินเองก็กำลังจมอยู่ในความสุขสม พอถูกเยี่ยอิงเรียก ถึงพลันได้รู้สึกตัวขึ้นมา


 


 


พอเห็นนางท่าทางของนาง ถึงได้มีสติชัดเจน


 


 


ที่ผ่านมา เขาชอบอยู่กับเยี่ยอิงมากที่สุด


 


 


แต่ว่าตอนนี้พอเห็นชัดแล้ว กลับรู้สึกว่าหมดอารมณ์ไปไม่น้อย


 


 


“ฝ่าบาท อนุคนใหม่มาถึงแล้วเพคะ” ในตอนนั้นเอง ด้านนอกมีเสียงสตรีดังเข้ามา


 


 


หากเป็นยามปกติ เมื่ออนุคนใหม่มาถึง ต้องได้รับการชำระล้างจนสะอาดสะอ้านจึงส่งมาที่เตียงบรรทมของไท่จื่อ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน


 


 


ชื่อหลีถูกจับอาบน้ำจนสะอาดสะอ้าน นางอยู่ในชุดนอนสีดำถูกห่อเอาไว้ในผ้าลายผืนงามส่งเข้ามาในห้อง ทรวงอกของนางยังมีตะปูตรึงมังกรที่มิได้ถูกถอนออกไป


 


 


ใบหน้ามิได้ประทินโฉมใดๆทั้งสิ้น บนร่างยังมีกลิ่นหอมของกุหลาบอยู่จางๆ


 


 


นางถูกนางกำนัลหลายคนยกเข้ามา


 


 


พอเข้ามาถึง ก็เห็นภาพที่เยี่ยเฉินกับเยี่ยอิงสองพี่น้องกำลังสนิทสนมกันอยู่


 


 


ทำเอาแม้แต่ชือหลีที่เฉยชากับเรื่องเช่นนี้มาโดยตลอด ตอนนี้ก็ยังถึงกับนิ่งอึ้งไปเช่นกัน….


 


 


เมื่อหลายวันก่อนนางเคยได้พบหน้าไท่จื่อของเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้ครั้งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า สองพี่น้องคู่นี้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา?


 


 


ทั้งยังกระทำเรื่องอย่างว่าในวันรับตัวอนุเสียด้วย?


 


 


ใบหน้าของชือหลีปรากฏความเก้อเขินวูบหนึ่ง….เดิมทีนางกำลังคิดหาหนทางหลบหนี ตอนนี้กลับถูกภาพตรงหน้าทำเอาสมองส่งเสียงเพล้งดังลั่น แผนการทั้งหลายในสมองกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว


 


 


วันนั้น….ตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียนปะทะกับเยี่ยอิงแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


 


นางพาตู๋กูเจวี๋ยออกติดตามอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายเพราะไม่ทันระวังจึงถูกคนของเผ่ามังกรทมิฬจับตัวมา


 


 


ได้แต่โทษว่าตนเองอ่อนแอเกินไป ถึงได้ถูกจับมายังก้นทะเลลึกแห่งนี้ ทั้งยังทำให้ตู๋กูเจวี๋ยที่อ่อนแอราวกับลูกเจี๊ยบนั่นถูกจับมาด้วย


 


 


ตั้งแต่ถูกจับมา นางก็ไม่ได้เจอหน้าตู๋กูเจวี๋ยอีกเลย


 


 


ได้ยินพวกนางกำนัล ‘ที่คอยปรนนิบัติ’ พูดกันว่าเขาถูกขังเอาไว้


 


 


ราชินีเผ่ามังกรทมิฬทรงชิงชังเผ่ามนุษย์ มนุษย์ผู้นั้นคงจะต้องถูกแล่เนื้อไปป้อนปลาในไม่ช้า


 


 


ตะปูตรึงมังกรบนทรวงอกสะกดพลังของนางเอาไว้จนเกือบหมด มีแต่คนในราชวงศ์ของเผ่ามังกรเท่านั้นที่สามารถถอนออกได้….


 


 


เพราะเกรงว่านางจะหลบหนี ตอนที่นางถูกจับตัวส่งมานั้น จึงยังไม่ได้ถอนตะปูตรึงมังกรออกไป


 


 


ในใจของชื่อหลีกังวลถึงตู๋กูเจวี๋ยอย่างยิ่ง


 


 


นางถูกจับมาครึ่งเดือนแล้ว จึงได้ฟังเรื่องของตู๋กูซิงหลันกับจีเฉวียนมาบ้างเล็กๆน้อยๆ…..


 


 


คนหนึ่งถูกเขวี้ยงลงไปในหุบเหวไร้ก้น อีกคนหนึ่งถูกบีบคั้นจนกระโดดตามลงไป…..เกรงว่าไม่หลงเหลือร่างอีกแล้ว


 


 


ต้องมามีจุดจบเช่นนี้ แม้แต่ชือหลีเองก็ยังรู้สึกว่ารับไม่ได้


 


 


แต่ว่าผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว…..หุบเหวไร้ก้นก็ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ….


 


 


นางก็ชักจะเคว้งคว้างแล้ว


 


 


นางได้แต่สวดภาวนาอยู่ในใจ อธิษฐานขอให้ตู๋กูซิงหลันยังมีชีวิตอยู่!


 


 


ตู๋กูซิงหลันออกจะแข็งแกร่งจนพิศดารถึงเพียงนั้น ไม่สมควรจะตกลงไปตายโดยง่าย!


 


 


ในขณะที่ตู๋กูซิงหลันไม่อยู่ นางก็ได้แต่พึ่งพาตนเอง หาทางช่วยตู๋กูเจวี๋ยออกไปให้จงได้….


 


 


เดิมทีในใจของชือหลีกำลังคิดแผนการวุ่นวาย แต่ยามนี้กลับถูกภาพของพี่ชายน้องสาวตรงหน้าทำเอาชะงักไปแล้ว


 


 


เหล่านางกำนัลพึ่งกราบทูลเสร็จ ก็เห็นเยี่ยอิงส่งสายตาราวมีดดาบออกมา


 


 


เนื่องเพราะเมื่อครู่เยี่ยเฉินพึ่งจะเอ่ยเรียกชื่อของตู๋กูซิงหลัน อารมณ์ของนางในตอนนี้จึงไม่ดีอย่างยิ่ง!


 


 


นางลุกขึ้นยืน ผ้าเนื้อบางบนร่างหล่นลงไป จึงยิ่งทำให้สามารถมองเห็นร่องรอยจากสัมพันธ์รักบนผิวพรรณของนางได้อย่างชัดเจน


 


 


นางบิดขาเรียวยาว เดินมาทางเหล่านางกำนัลทีละก้าวๆ ดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่ชือหลี


 


 


พอยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง ก็ตบลงไปบนใบหน้าของชือหลีอย่างโหดเ**้ยม


 


 


“นังคนไร้ยางอาย!” นางเอ่ยด้วยเสียงขุ่นเคือง “ไม่เห็นหรรือว่าพี่ชายกับข้ากำลังอยู่ด้วยกันหรอกหรือ? ยังจะกล้าล่วงล้ำเข้ามา?”


 


 


ชือหลีรับความเกรี้ยวกราดนั้นไปเต็มๆ


 


 


ตบเมื่อครู่ เยี่ยอิงตบได้อย่างโหดเ**้ยม!


 


 


ดวงหน้าครึ่งซีกของชือหลีมีรอยห้านิ้วประทับอยู่ ครึ่งหน้าบวมฉึ่งขึ้นมา!


 


 


นางพึ่งจะอ้าปาก ก็เห็นเยี่ยอิงยกฝ่ามือฟาดลงมาอีกครั้ง ยังคงเป็นครึ่งหน้าเดิม


 


 


“ยังคิดจะเถียงอีก? เจ้ารู้หรือไม่ ผู้ที่พี่ชายรักใคร่ที่สุดก็คือข้า เจ้ามันเป็นตัวอะไร? ก็แค่อนุคนหนึ่ง! ก็แค่เครื่องมือคลอดลูกเท่านั้น แม้แต่นางกำนัลก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ!”


 


 


เนื่องเพราะชือหลีและตู๋กูซิงหลันสนิทสนมใกล้ชิดกัน เยี่ยอิงจึงเทความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดลงไปบนร่างของนาง


 


 


ไยพี่ชายจึงไปคิดถึงสตรีอื่นด้วย?


 


 


ทั้งยังเป็นคนที่ตายไปแล้ว! คนที่ยอมตายเพื่อบุรุษอื่น สตรีที่ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง มีคุณสมบัติใดให้พี่ชายคิดถึงกัน?


 


 


ตลอดหลายปีมานี้ แม้พี่ชายจะรับอนุมามากมาย แต่เขาก็ไม่เคยหวั่นไหวใจไปกับสตรีคนใดมาก่อนเลย…..


 


 


ที่จริงแล้ว แม้แต่ชื่อของพวกนางพี่ชายก็ยังจดจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!


 


 


ตู๋กูซิงหลันผู้นั้น นางมีสิทธิอะไร? มีสิทธิอะไรเข้ามาอยู่ในใจของพี่ชาย?


 


 


ขณะที่มีสัมพันธ์กับตน พี่ชายกลับหลุดชื่อของนางออกมา?


 


 


หัวใจของเยี่ยอิงราวมีคลื่นสาดซัด โกรธเกรี้ยวปานจะระเบิดขึ้นไปบนฟ้า แต่ว่าจะอย่างไรนางก็ไม่อาจไประบายอารมณ์ขุ่นเคืองกับพี่ชายที่ตนเองรักที่สุดได้ ทั้งยังไม่อาจระบายอารมณ์ใส่คนที่ตายไปแล้ว


 


 


ได้แต่ประดังความโกรธแค้นทั้งหมดนี้ลงไปบนร่างของชือหลี


 


 


เยี่ยเฉินเอาแต่มองดูอยู่ด้านข้าง เขาคุ้นเคยกับการที่เยี่ยอิงทุบตีพวกอนุของเขาอยู่แล้ว คนที่ถูกนางทำร้ายจนตายไปก็มีอยู่หลายคน


 


 


เขาล้วนไม่ใส่ใจ เห็นจนชินชาไปแล้ว


 


 


เขาจัดแจงเสื้อผ้าบนร่าง เสยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง อย่างไม่สนใจจะมองดูชือหลีแม้แต่แวบเดียว


 


 


อนุคนหนึ่ง หากสามารถเป็นเครื่องมือระบายความโกรธของนางได้ ตายก็ตายไปเถอะ…..


 


 


หลายปีมานี้ เพราะความเป็นพี่น้องของพวกเขา เขาจึงไม่อาจมอบฐานะไท่จื่อเฟยให้กับนางได้ นี่นับว่าผิดต่อนางมากแล้ว


 


 


ดังนั้นกับสตรีเหล่านี้ เยี่ยเฉินจึงปล่อยให้นางกดขี่ได้อย่างตามสบาย ถือว่าเป็นการชดเชยให้กับนาง


 


 


วันนี้เขาไม่ทันระวังเผลอเรียกชื่อของตู๋กูซิงหลัน….ในใจของนางย่อมต้องไม่ยินดี ไม่อาจโทษที่นางจะเกรี้ยวกราด


 


 


ที่จริงเยี่ยเฉินรู้สึกว่า ท่าทางยามที่เยี่ยอิงมีโทสะทุบตีคนนั้น น่าดูเป็นพิเศษ


 


 


ยามปกติเขาก็ชอบชมดูเยี่ยอิงทุบตีเหยื่อต่างๆ โดยเฉพาะเวลาที่ใช้กรงเล็บฉีกเนื้อบนร่างของเหยื่อเหล่านั้น ออกมาเป็นชิ้นๆ เลือดที่ไหลอาบไปตามผิวพรรณที่ขาวสะอาดราวกับหิมะของนาง ….หึหึ ภาพเหล่าเพียงแค่คิดก็ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา


 


 


ยามนี้พอเห็นนางตบตีชือหลี เขาจึงเอนร่างลงไปบนเก้าอี้ ใช้มือข้างหนึ่งประคองศีรษะเอาไว้ ชื่นชมด้วยความสนุกสนนาน


 


 


ชือหลีถูกคนแบกตัวมา ไม่อาจขยับเขยื่อน


 


 


ฝ่ามือนี้ของเยี่ยอิงตบจนในศีรษะของนางส่งเสียงวิ้งไปหมด มุมปากมีเลือดไหลออกมาในทันที


 


 


นางเขม้นมองด้วยดวงตาเป็นประกาย


 


 


“พวกเจ้าสามารถให้ข้าไสหัวไป ตำแหน่งอนุนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการสักหน่อย”


 


 


เยี่ยอิงคิดไม่ถึงว่า นางยังคิดจะต่อปากต่อคำด้วยจริงๆ


 


 


นางหรี่ดวงตาลง ในดวงตาเปล่งประกายกระหายเลือดที่ชั่วร้ายขึ้นมา “เจ้าไม่กลัวตายหรือไร?”


 


 


ชือหลี “ข้ากลัวตาย พวกเจ้าปล่อยข้าไปได้ไหม?”


 


 


หากว่าตะปูตรึงมังกรในอกถูกถอนออกไปละก็ บางทีนางอาจจะพอรับมือเยี่ยอิงได้สักหลายกระบวนท่า…..


 


 


จากนั้นก็ได้ยินชือหลีเอ่ยต่อไปว่า “หากมิใช่เพราะว่ากำลังของข้าถูกผนึกเอาไว้ละก็ เกรงว่าเจ้าไม่อาจฆ่าข้าได้หรอก”


 


 


เยี่ยอิงหัวเราะเสียงเย็นชา ตบซ้ำลงมาอีกฝ่ามือหนึ่ง “ของเล่นชั้นต่ำ! ยังคิดจะมาเปรียบเทียบกับข้าอีกหรือ?”

 

 

 


ตอนที่ 446 “เจ้าตัวน้อย.....ลำบากเจ้า...

 

 


 


 


ชือหลี “หากมีปัญญาเจ้าก็มาดึงตะปูตรึงมังกรของข้าออกไป ดูสิว่าพวกเราสูสีกันหรือไม่?” 


 


 


เยี่ยอิงในยามนี้กำลังถูกความโกรธเกรี้ยวครอบงำ ไร้ซึ้งเหตุผลใดๆไปแต่แรกแล้ว วิธีการยั่วยุเช่นนี้อาจจะได้ผลก็เป็นได้ 


 


 


ชือหลีได้แต่นำออกมาทดลองดู 


 


 


เยี่ยเฉินมองแผนการของนางออกอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ยกมือห้ามปราม 


 


 


ตอนนี้เสี่ยวอิงกำลังโกรธจัด นางต้องการอาละวาด ในเมื่ออนุคนใหม่นี้ไม่กลัวตาย เช่นนั้นหากถูกนางทุบตีจนตายไปเสียก็ดี 


 


 


ที่ท้าให้ถอดตะปูตรึงมังกร มังกรที่ถูกถอดกระดูกจนการเป็นเพียงแค่ของเล่นไปแล้วอย่างนาง ยังจะเอาชนะเสี่ยวอิงได้อย่างไร? 


 


 


เยี่ยเฉินยิ้มเย็นชา ขณะที่เห็นเขาขยับเสื้อผ้า พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไป ถอนตะปูตรึงมังกรของชือหลีออกมา ได้ยินเสียงหล่นไปด้านข้างกระทบพื้นดังติ้ง 


 


 


เยี่ยเฉินแย้มยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย รอดูน้องสาวของตนเองลงมือทุบตีนังสวะผู้นั้นแต่ฝ่ายเดียว 


 


 


“เสี่ยวอิง นังสวะคนนี้ถือซะว่าพี่ชายชดเชยแทนคำขออภัยให้กับเจ้า ต่อให้ตีจนตายก็ไม่เป็นอะไร” เขาใช้มือยันศีรษะเอาไว้เอ่ยกับเยี่ยอิงอย่างเรียบเรื่อย 


 


 


พอตะปูตรึงมังกรหลุดออกไป ชือหลีก็รู้สึกว่าร่างกายเบาสบายขึ้นมาก 


 


 


นางขับพลังวิญญาณออกมา ร่างกายไหววูบ ก็หลุดออกจากการควบคุมของพวกนางกำนัลอย่างง่ายดาย 


 


 


เยี่ยอิงสีหน้าเคร่งขรึม นางไม่ต้องการสิ้นเปลืองเวลาอีกต่อไป จึงดึงเอาดาบโซ่ของนางออกมาในทันที สบัดไปยังหัวใจของชือหลี 


 


 


เสียง ‘สวบ’ดังขึ้นมาครั้งหนึ่งด้วยความรวดเร็ว ราวกับสายฟ้าสีน้ำเงินฟาดออกมา คิดจะแทงทะลุชือหลีในชั่ววินาที 


 


 


ชือหลีดึงเอาดาบกระดูกมังกรออกมาจากแผ่นหลังอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นตรงหัวใจของตนเองเอาไว้ รับกระบวนท่าของเยี่ยอิงอย่างอยากลำบากไปครั้งหนึ่ง 


 


 


ดาบกระดูกมังกรเล่มนี้เดิมทีก็สร้างขึ้นจากกระดูกของนาง ก่อนหน้านี้พอได้รับโลหิตของตู๋กูซิงหลัน จึงถูกปลุกจิตของดาบขึ้นมา 


 


 


จิตของดาบแผ่ออกไป ยามเมื่ออาวุธทั้งสองกระทบกันจึงเกิดเสียงดัง ทั้งยังมีประกายดอกไม้ไฟงดงาม 


 


 


พอเยี่ยอิงได้เห็นดาบกระดูกมังกรเล่มนั้น ก็ยิ่งคิดไปถึงตู๋กูซิงหลัน 


 


 


นังผีที่คอยตามมาหลอกหลอน! 


 


 


ตายไปแล้วก็ยังคงติดอยู่ในใจของพี่ชาย ตอนนี้กระทั่งอาวุธที่นางเคยใช้ก็ยังจะมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของตน! 


 


 


ชือหลีรับกระบวนท่าจากนางในครั้งนี้ แม้จะมีดาบกระดูกมังกรคุ้มครองอยู่ แต่ร่างกายก็ยังสะท้านจนชาไปทั้งตัว กระดูกทั่งร่างส่งเสียงเลื่อนลั่นออกมา 


 


 


นางถูกถอดกระดูกมังกรไปเนิ่นนานหลายปี……ฝ่ายตรงข้ามถึงกับเป็นเผ่ามังกรทมิฬ ความแตกต่างทางด้านพละกำลังหากจะเปรียบเทียบกันแล้วก็เหมือนกับเด็กห้าขวบที่ไปท้าสู้กับผู้ใหญ่ 


 


 


ย่อมต้องถูกกดขี่อยู่ฝ่ายเดียว! 


 


 


ทรวงอกของนางถูกดาบโซ่กรีดผ่านไปดาบหนึ่ง กรีดผิวออกมาจนเลือดไหลนอง 


 


 


ชือหลีไม่ได้คิดจะปะทะกับเยี่ยอิงอย่างจริงจัง! 


 


 


เพียงแต่คิดจะอาศัยการยั่วยุนี้มาถอนตะปูตรึงมังกรออกไป สิ่งที่นางต้องการจะทำก็คือ…..การหลบหนี! 


 


 


พาตู๋กูเจวี๋ยหลบหนีออกไป! 


 


 


ช่วงที่ผ่านมา จากคำพูดของเหล่านางกำนัลที่นางได้ฟังมา ทำให้นางพอจะรู้สถานที่คุมขังของตู๋กูเจวี๋ย 


 


 


พอเห็นนางหลบหนี เยี่ยอิงก็เผยอริมฝีปากขึ้น นางดึงดาบโซ่ของตนเองกลับมา ใช้ปลายลิ้นละเลียดชิมเลือด 


 


 


พอได้ชิมรสเลือด ดวงตาสีครามคู่นั้นเปล่งประกายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยความกระหายเลือด 


 


 


นางคลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ราวกับว่ามีความสุขที่ได้เห็นเหยื่อที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนกับความตายอย่างสุดชีวิต 


 


 


เลือดของมังกรทอง…..ยังหวานหอมกว่าผู้อื่นมากมายนัก! 


 


 


นังสวะผู้นี้ ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยๆก็สามารถใช้เป็นแหล่งโลหิตได้มิใช่หรือ? 


 


 


เยี่ยอิงสะกิดปลายเท้าเล็กน้อย ก็ไล่ตามไปด้วยความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดออกมา 


 


 


ชือหลีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ว่าความเร็วของเยี่ยอิงก็ยังเหนือกว่านางหลายต่อหลายเท่า เพียงพริบตาเดียวก็ไล่ทันนางแล้ว 


 


 


ดวงตาของเยี่ยอิงติดตามแผ่นหลังของนางมา 


 


 


เยี่ยอิงหัวเราะเฮอะฮะ เสียงดัง เหวี่ยงดาบโซ่ในมือออกไปอย่างไร้ความปราณี 


 


 


ชือหลีขยับร่างไหววูบ หลบคมดาบที่กำลังจะพุ่งเข้ามายังกลางแผ่นหลัง แต่ว่าบนตัวดาบมีใบดาบโค้งมากมายหลายใบ สามารถพลิกแพลงแง่มุมได้อย่างพิศดาร ถึงแม้ว่านางจะหลบพ้นได้ในเวลาอันเฉียดฉิว แต่คมดาบก็ยังกรีดผ่านข้อมือของนาง 


 


 


ยามที่ใบดาบกรีดเข้าไปในเนื้อ แม้แต่กระดูกก็ยังถูกฟันไปเกือบครึ่ง 


 


 


ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาพุ่งจากกระดูกเข้าสู่หัวใจ ปวดจนชือหลีสั่นสะท้านไปทั้งร่าง 


 


 


แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าหยุดยั้งแม้แต่น้อย หากแต่มุ่งโผบินตรงไปยังทิศทางที่ขังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้ 


 


 


เยี่ยอิงก็ไม่คิดจะฆ่านางให้ตายในทันที 


 


 


นางเหมือนกับเหยี่ยวราตรีที่กำลังหยอกเย้ากับเหยื่อ ก่อนที่จะจับกิน ก็หยอกเล่นให้หมดสิ้นเรี่ยวแรงเสียก่อน จากนั้นในเมื่อฝ่ายตกอยู่ในความสิ้นหวังจึงค่อยสังหาร 


 


 


หากจะให้ดีที่สุดก็ต้องให้นางสวะนั่นได้เห็นเลือดของตนเองถูกสูบกินทีละหยดๆจนหมด 


 


 


ก็เผ่ามังกรทมิฬของพวกนาง เป็นเผ่าที่กระหายเลือดอยู่แล้ว 


 


 


บนหอสูง นางกำนัลกำลังคุกเข่าอยู่ที่ข้างกายของหวาชางสุ่ย รายงานสถานการณ์เบื้องล่างออกมา 


 


 


“หากอิงเอ๋อร์ชมชอบก็แล้วไป แค่องค์หญิงทะเลตะวันตกผู้หนึ่ง ตายก็ตายไปเถอะ” ดวงเนตรของหวาชางสุ่ยทอประกายเย็นชา “หากว่านางฆ่าไปคนหนึ่งแล้วยังไม่หายโกรธเกรี้ยว เจ้าก็ส่งคนไปจับตัวองค์หญิงอีกสามทะเลมาให้นางฆ่าเสีย” 


 


 


นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้ารับ “เพคะ” 


 


 


“ยังมี จัดการเฉือนเนื้อของเจ้ามนุษย์ที่ถูกขังอยู่ในคุกผู้นั้น ไปป้อนปลาเสีย” 


 


 


เบื้องหน้าของหวาชางสุ่ยคือ อ่างเลี้ยงปลาขนาดใหญ่ ในนั้นมีปลามังกรที่แสนงดงามอยู่หลายตัว  


 


 


แววเนตรของนางโหดเ**้ยมอย่างที่สุด “เจ้าว่า หากเยี่ยจ้านได้รู้ว่า บุตรชายของเขาถูกเฉือนเนื้อมาบด ป้อนให้กับปลาที่เขาเคยเลี้ยงดูมาด้วยมือของตนเอง เขาจะรู้สึกอย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า” 


 


 


ฟ้าดินช่างเข้าข้างนางแล้ว ตู๋กูซิงหลันตายแล้วคนหนึ่ง ก็ยังส่งลูกชายอีกคนของเยี่ยจ้านมาให้ได้ตายอย่างอนาถ 


 


 


หึหึหึ…. 


 


 


นี่มิเท่ากับว่า สิ่งที่เยี่ยจ้านติดค้างนางเอาไว้กำลังถูกชดใช้ไล่เรียงกันมาหรอกหรือ? 


 


 


นางกำนัลผู้นั้นมิได้ตอบ เพียงแต่ถอยออกไป ตระเตรียมคนไปแล่เนื้อของตู๋กูเจวี๋ยออกมาเป็นทำเนื้อบด 


 


 


………………….. 


 


 


 


 


 


อีกด้านหนึ่ง เพียงแค่ครู่เดียวร่างท่อนบนของชือหลีก็มีแต่บาดแผลทั้งเล็กและใหญ่เต็มไปหมด 


 


 


ที่ลึกที่สุดก็คือแขนซ้าย ที่เกือบจะถูกตัดขาดออกมา จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากระดูกถูกเฉือนไปครึ่งหนึ่ง 


 


 


บนหน้าผากของนางมีแต่เหงื่อ ขณะที่มองเห็นคุกที่มืดมิดไปทั้งแถบตรงหน้า ก็เค้นพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างออกมา  


 


 


ด้านหน้าคุกไม่มีคนเฝ้ายาม ชือหลีไม่ครุ่นคิดก็รีบบุกเข้าไปแล้ว 


 


 


ในคุกคุมขังตู๋กูเจวี๋ยเอาไว้เพียงคนเดียว 


 


 


ยามที่ชือหลีได้เห็นเขาบุรุษชุดขาวก็ถูกทรมานจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว 


 


 


ริมฝีปากของเขาถูกคนเย็บจนติดกัน รอยแผลแห้งจนตกสะเก็ดไปแล้ว 


 


 


เนื่องเพราะขาดน้ำมาเป็นเวลานาน ร่างกายที่เดิมก็ซูบผอมยามนี้ดูแล้วยิ่งอ่อนระโหยโรยแรง 


 


 


ริมฝีปากขอดแห้งจนลอกออกเป็นแผ่นๆ ทั้วทั้งร่างมีแต่บาดแผล ชุดขาวบนร่างถูกเลือดย้อมจนแดงฉาน บาดเจ็บหนักแล้ว 


 


 


ในคุกไม่เจอราชาสุนัขป่าและติ๊งต๊อง 


 


 


มีเขาเหลืออยู่แค่เพียงผู้เดียว 


 


 


พอมองเห็นชือหลี ดวงตาที่อ่อนล้าของเขาก็มีประกายขึ้นมาเป็นครั้งแรก 


 


 


“อื้อ อื้อ อื้อ …..” เขารีบร้อนลุกขึ้นมา คิดจะพุ่งไปหาชือหลี แต่ว่าทั้งมือและเท้าล้วนถูกล่ามเอาไว้ 


 


 


จนเขาไม่อาจขยับไปหาชือหลีได้ 


 


 


เขาได้ยินพวกเวรยามคุยกันว่า….วันนี้องค์ไท่จื่อจะทรงรับอนุ และชือหลีคือผู้ที่ถูกนำตัวไปเป็นอนุ 


 


 


ดังนั้นเขาจึงคิดหาหนทางส่งติ๊งต๊องและราชาสุนัขป่าออกไป ให้พวกมันไปช่วยนาง 


 


 


คิดไม่ถึงว่า นางกลับบุกเข้ามาในคุกแต่เพียงลำพัง 


 


 


ทั่วทั้งร่างของนางมีแต่บาดแผล…..ที่เหวอะหวะน่ากลัว 


 


 


ชือหลีฝืนความเจ็บปวดทั่วร่างเอาไว้ มองดูสภาพของตู๋กูเจวี๋ย ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว 


 


 


“เจ้าตัวน้อย…..ลำบากเจ้ามากแล้ว” 


 


 


“ข้าจะพาเจ้า…..ออกไป” 


 


 


หากว่าสามารถรอดไปได้……ข้าจะยอมคอยฟังเจ้าพูด ไม่เห็นว่าเจ้าปากมากอีกต่อไป 

 

 

 


ตอนที่ 447 “ดูเหมือนว่าข้าจะชอบเจ้าเข...

 

 


 


 


นางไม่เคยบอกตู๋กูเจวี๋ยมาก่อนเลยว่า ยามที่เขาปากพูด หัวขยับจนดวงตาขยับเป็นประกายนั้น น่าดูที่สุดแล้ว 


 


 


ช่วงเวลาที่จับเขาขังเอาไว้ที่คุกใต้ดินนั้น เป็นช่วงเวลาที่นางรู้สึกอิ่มเอิบที่สุดในช่วงหลายพันปี 


 


 


ฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆทั้งยามกลางวันและกลางคืน นับตั้งแต่เรื่องธรรมเนียมเล็กๆของชาวบ้านไปจนถึงเรื่องใหญ่ต่างๆในแผ่นดิน 


 


 


เขาเป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งยังมีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง 


 


 


ชือหลีฝืนทนความเจ็บปวดรวดร้าว กลั้นเสียงของตนเองเอาไว้ มือก็กระชับด้ามดาบกระดูกมังกรขึ้นมา ฟันฉับลงไปบนกุญแจดอกใหญ่นั้นอย่างแรงครั้งหนึ่ง 


 


 


ทันใดนั้น กุญแจและคมดาบก็เสียดสีกันจนเกิดประกายดอกไม้ไฟ 


 


 


ส่งเสียงดังบาดหู 


 


 


ดาบนั้นพอฟันลงมา นอกจากบนตัวกุญแจเพิ่มรอยดาบขึ้นรอยหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้มีผลอะไร 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยเห็นนางบาดเจ็บหนักทั่วทั้งร่าง ในใจก็รู้สึกเหมือนถูกดาบทิ่มแทงเช่นกัน 


 


 


ต้องโทษที่เขาไม่เคยเรียนรู้วรยุทธ์มาก่อน ทั้งยังอ่อนแอเป็นลูกหมาถึงได้ถูกคนรังแกทำร้ายเข้าขนาดนี้ 


 


 


หากว่าเขามีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งเหมือนดังพี่ใหญ่ ต่อให้ต้องตายก็จะขอปกป้องชือหลีเอาไว้ให้ได้ 


 


 


เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ชือหลีที่เป็นเทพ….ก็จะถูกคนรังแกจนอเนจอนาถย่ำแย่ขนาดนี้ 


 


 


เขาส่งเสียงอู้ๆอี้ๆอยู่ในปาก ส่ายศีรษะ คิดจะบอกให้นางรีบหนีไป ไม่ต้องสนใจเขาอีก 


 


 


ชือหลีมีโอกาสหลบหนีแท้ๆ แต่กลับมาที่คุกเพื่อช่วยเหลือเขา เช่นนี้เกรงว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาคงจะไม่มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว 


 


 


สะเก็ดไฟที่กระเด็นออกมา ร้อนลวกยิ่งกว่าน้ำเดือด ส่องสว่างเป็นประกาย ทั้งยังกระทบถูกหลังมือของนาง 


 


 


แต่ว่านางกลับไม่สนใจ ฟันลงมาอย่างต่อเนื่องอยู่หลายดาบ จนกุญแจเริ่มโยกคลอนในที่สุด 


 


 


นางกระทืบเท้าข้างหนึ่งกระโดดโถมเหยียบลงไป เท้านี้ใช้กำลังอย่างรุนแรง จนประตูคุกส่งเสียงสั่นสะเทือน แต่ว่าน่าเสียดาย แม่กุญแจถึงแม้จะหลวมคลายแต่ก็ยังคงติดแน่นอยู่ที่เดิม ไม่ยอมหลุดลงมา 


 


 


“เฮอะ เฮอะ ช่างรักใคร่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งเสียจริง ว่าไง…..ต่อให้ตายก็ยังไม่ลืมที่จะลากไอ้หน้าอ่อนนั้นลงนรกไปเป็นสหายแก้เหงาหรือ?” ในตอนนั้นเอง เยี่ยอิงก็มาถึงคุกแล้วเช่นกัน 


 


 


ชุดสีน้ำเงินครามของนางพลิ้วไหวราวกับมีลมพัด สองมือกอดอกเอาไว้ พิงร่างลงบนกำแพงสีดำของคุกมืด ในมือของนางมีดาบโซ่ นางหรี่ดวงตา แย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย 


 


 


ชือหลีไม่สนใจนาง ยังคงเตะต่อยคุกต่อไป ดาบกระดูกมังกรในมือก็ยิ่งกำขึ้นมาแน่นกว่าเดิม 


 


 


เส้นผมสีแดงของนางโบกโบย นัยตาสีแดงส่องประกาย…..ต่อให้วันนี้นางจะต้องตาย ก็จะต้องพาตัวตู๋กูเจวี๋ยออกไปให้จงได้ 


 


 


เขาเป็นเพียงแค่เจ้าตัวเล็กที่ไร้เดียงสา ไม่สมควรจะถูกลากมาเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงที่สกปรกโสมมเช่นนี้ 


 


 


เยี่ยอิงที่ถูกละเลยก็ยิ่งขุ่นเคืองกว่าเดิม นางขยับร่างเพียงวูบเดียว ก็มาถึงที่เบื้องหน้าของชือหลี 


 


 


ดาบโซ่ในมือพันรัดลงไปบนดาบกระดูกมังกร ทำให้ชือหลีไม่อาจขยับอาวุธได้แม้แต่น้อย 


 


 


จากนั้นก็เห็นนางยกเท้าเตะลงไปบนท้องของชือหลีอย่างรุนแรง 


 


 


ด้วยพละกำลังมหาศาลที่มากับเท้าข้างนั้น จึงเกิดเสียงดัง ‘ตึง’ ชือหลีลอยละลิ่วขึ้นไปกระแทกเข้ากับประตูของคุกอย่างรุนแรง 


 


 


ประตูที่คลายออกไปครึ่งหนึ่งจึงถูกพลังที่แฝงมากับร่างของนางพังทลายจนเปิดออก 


 


 


นางถูกถอดกระดูกมังกรออกไป เดิมทีพละกำลังก็แตกต่างกันมากจนไม่อาจเทียบได้กับเยี่ยอิงอยู่แล้ว  


 


 


เท้านี้ของเยี่ยอิง ทำให้ชือหลีถึงกับกระดูกหักไปหลายท่อน นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอวัยวะภายในของตนถูกทำลาย เลือดสดๆทะลักออกจากปาก ทั้งยังปะปนไปด้วยเศษชิ้นส่วนภายในร่าง 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยอยู่ที่ด้านหลังของนาง ถูกโซ่ตรวนตรึงเอาไว้ ทันทีที่เห็นว่าชือหลีพุ่งทะลุมาชนกำแพงด้านในของคุก เขาก็รีบใช้ตนเองเป็นเบาะเนื้อ รองรับร่างของนางเอาไว้ 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยรับแรงกระแทกจนร่างจมลงไปในกำแพงถึงหนึ่งนิ้ว ในสมองของเขามีแต่เสียงวิ้งๆ แต่น่าแปลกที่แม้จะรับแรงกระแทกที่รุนแรงถึงเพียงนั้น เขากลับไม่ถูกชนจนกระดูกหักทั่วร่าง  


 


 


เพียงแค่ซี่โครงหักไปสองซี่เท่านั้น ใบหน้าที่หล่อเหลามีแต่คราบเลือดอาบนอง 


 


 


เขาอดกลั้นความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้ ยื่นมือไปประคองชือหลีเป็นอย่างแรก 


 


 


เขาใช้ร่างกายที่ผ่ายผอมของตนเองขวางกั้นอยู่ตรงหน้าชือหลี ปากของเขาส่งเสียงอู้ๆอี้ๆ ไม่รู้ว่าต้องการจะพูดว่าอะไรกันแน่ เห็นแต่ตรงที่ถูกเย็บเอาไว้ถูกเขาฝืนกระชากจนปากแผลเปิดออกอีก เลือดไหลออกมาทั่วปาก 


 


 


เลือดเหล่านั้นไหลจากปากไปตามลำคอย้อมเสื้อสีขาวบนทรวงอกของเขาจนชุ่มโชก 


 


 


“หืม? เป็นตัวอ่อนแอที่มีน้ำใจลึกซึ้งกระนั้นหรือ?” เยี่ยอิงหัวเราะออกมาในทันที นางไม่รู้ฐานะของตู๋กูเจวี๋ย เพียงแต่คิดว่าใบหน้าของตัวอ่อนแอผู้นี้ดูคุ้นเคยอยู่บ้าง 


 


 


พอเห็นว่าถึงแม้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังคงปกป้องชือหลีเอาไว้ ในใจก็บังเกิดความริษยาขึ้นมาบ้าง 


 


 


หากว่านางตกอยู่ในอันตราย พี่ชายย่อมต้องปกป้องอยู่เบื้องหน้านางอย่างไม่สนใจสิ่งใดอย่างแน่นอน 


 


 


ต้องใช่แน่! 


 


 


ถึงแม้ว่าคิดเช่นนั้น แต่ว่าหัวใจกลับไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย….. 


 


 


หัวใจของพี่ชายเพิ่มตู๋กูซิงหลันขึ้นมาอีกคน! ในเมื่อคนสองคนนี้สนิทสนมกับตู๋กูซิงหลัน พวกมันก็สมควรตาย! 


 


 


ชือหลีถูกถีบใส่หนึ่งเท้า แต่กลับไม่ได้ตอบโต้ นางกุมดาบกระดูกมังกรเอาไว้ในมือ ส่งพลังวิญญาณสายหนึ่งเข้าไป ก็เห็นดาบกระดูกมังกรในมือของนางหดเล็กลง เหลือขนาดเพียงลูกกุญแจดอกหนึ่ง 


 


 


ฝ่าเท้าเมื่อครู่ นางจงใจไม่หลบ 


 


 


พละกำลังของนางไม่เพียงพอที่จะทำลายคุก แต่ว่าเยี่ยอิงทำได้! 


 


 


นางเพียงต้องการจะปลดปล่อยตู๋กูเจวี๋ยออกจากตรวน และทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อส่งเขาออกไป! 


 


 


ดังนั้นตลอดเวลาเมื่อเข้ามาในคุก ชือหลีจึงมิได้โต้ตอบ ดาบกระดูกมังกรที่มีขนาดเท่าลูกกุญแจพอเสียบเข้าไปในรูตรวน บิดเพียงเบาๆ ก็ได้ยินเสียงคลิกครั้งหนึ่ง ตรวนบนมือของเขาก็หลุดออกอย่างง่ายดายจนหล่นลงไปบนพื้น 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยตะลึงไปเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่านางจะมีความสามารถถึงขนาดนี้ 


 


 


“เหอะ” พอเห็นแล้ว เยี่ยอิงก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง นางกุมดาบโซ่เอาไว้ คนลอยเข้าไปในคุกทั้งร่าง 


 


 


นางไม่พูดพล่ามทำเพลง ดาบโซ่ในมือก็สะบัดออกไป คิดจะแทงคนทั้งสองให้ทะลุ! 


 


 


ข้อมือของชือหลีขยับด้วยความรวดเร็ว ปลดล็อคตรวนบนร่างของตู๋กูเจวี๋ยออกจนหมด 


 


 


เห็นอยู่ว่าดาบโซ่ของเยี่ยอิงพุ่งเข้ามาแล้ว ขณะที่กำลังจะสายเกินไป สองมือของนางก็คว้าลงไปบนหัวไหล่ของตู๋กูเจวี๋ย ขยับร่างวูบหนึ่ง ใช้ร่างของตนเองบดบังเขาเอาไว้ 


 


 


ใบดาบที่แหลมคมทะลวงเข้าไปในช่องท้องของนาง ใบดาบของเยี่ยอิงที่ทั้งโค้งและยาวถึงครึ่งเมตร ดาบทั้งเล่มแทงเข้าไปในท้องของชือหลี ใบดาบสีขาวถูกส่งเข้าไปแต่เมื่อชักออกมากลับมีแต่สีแดง 


 


 


ชือหลีขมวดคิ้วมุ่น กระอักเลือดออกมาคำโต 


 


 


เลือดสดๆเหล่านั้นสาดกระจายไปทั่วใบหน้าของตู๋กูเจวี๋ย 


 


 


นางยังคงกำหัวไหล่ของเขาเอาไว้อย่างแนบแน่น รวบรวมพลังกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดถ่ายทอดพลังที่เหลือลงไปในร่างของตู๋กูเจวี๋ย 


 


 


“เจ้าตัวน้อย…..มีชีวิตต่อไป” 


 


 


นัยตาสีแดงคู่นั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา 


 


 


“จะต้องมีชีวิต…ต่อไป” 


 


 


แต่ละคำที่นางเค้นออกมา ต้องรีดพลังทั่วร่าง ……ตั้งแต่แรกนางก็คิดเอาไว้อย่างดีแล้ว 


 


 


ว่าต่อให้ตนเองจะต้องตาย ก็จะต้องให้เขารอดออกไป 


 


 


นางเป็นเทพแห่งสายน้ำมาตั้งนานหลายพันปีแล้ว ….อยู่มานานพอแล้ว 


 


 


แต่ว่าเขานั้นไม่เหมือนกัน เขาพึ่งจะอายุยี่สิบเท่านั้น ชีวิตของเขาพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น 


 


 


เขายังไม่ได้แต่งงานมีภรรยาและบุตร เขายังไม่ได้เห็นความงดงามของโลกกว้าง เขายังไม่….. 


 


 


เคยมีความรัก 


 


 


ไม่เคยรู้จักความอ่อนหวาน ไม่เคยรู้จักความเจ็บปวด ไม่เคยหัวเราะอย่างโง่งม ไม่เคยร้องไห้อย่างสิ้นหวัง….. 


 


 


ร่างของตู๋กูเจวี๋ยลอยออกไปกลางอากาศ เขาเห็นแต่ริมฝีปากของชือหลีกำลังขยับ เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากคำหนึ่งว่า 


 


 


“ดูเหมือนว่า ข้าจะชอบเจ้าเข้าแล้ว เจ้าตัวน้อย” 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)