ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 444-450

บทที่ 444 ทำเงินได้เยอะไปแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ท่าเรือสโนว์ดิคกับท่าเรือบาสก์ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกตะวันตกของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉินสือโอวเลือกตรงกลับไปยังท่าเรือบาสก์เพราะสะดวกกว่า


แต่ตอนนั้นใครให้เขาคิดไม่ถี่ถ้วนกัน ไม่นึกว่าตอนโทรหาบัตเลอร์แล้วอีกฝ่ายจะทำงานเร็วมีคุณภาพ ช่วยติดต่อนักธุรกิจอาหารทะเลควิเบกให้เขาทันที แถมพวกเขาก็มาถึงที่สโนว์ดิคแล้วด้วย เขาไม่ควรปล่อยให้พวกนักธุรกิจอาหารทะเลรอเก้ออยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?


ดังคำกล่าวว่า การบุกเบิกช่องทางย่อมไม่ง่าย


ในเมื่อไม่มีทางเลือก คงต้องกลับไปสโนว์ดิคก่อน แต่แบบนี้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน คือทำให้พวกบูลกระจ่างเหตุผลในที่สุด มิน่ากัปตันถึงอยากกลับก่อน ถ้าออกเดินทางตอนมะรืนนี้ย่อมไปไม่ทันแน่


เรือฮาวิซทตะบึงฝ่าลมโต้คลื่นไปในทะเล ระหว่างทางกลับเห็นเรือประมงมากมายที่กระตือรือร้นอยากฉวยโอกาสทำกำไรในรอบยี่สิบปีช่วงฤดูที่ล็อบสเตอร์ราคาแพง


แน่นอนว่าด้วยการแข่งขันที่สูง ล็อบสเตอร์จำนวนมากถูกจับไปตั้งแต่สองเดือนแรกแล้ว พวกชาวประมงคงไม่สามารถจับอะไรได้


ตลอดทางกลับคนมากมายเมื่อเห็นพวกเขาก็จะถามว่าเก็บเกี่ยวเป็นยังไงบ้าง


ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง ท่าเรือสโนว์ดิคก็ไม่ได้ใหญ่มาก ตอนพวกเขากลับไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทุกคนที่สนใจก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี


ฉินสือโอวจึงส่งสัญญาณให้แลนซ์พูดไปตามจริง


แลนซ์ที่ในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกหน้าเสียที แต่ทุกคนก็อยากแสดงความโดดเด่นบ้าง ขณะที่เขาจะเก็บกล้องยาสูบจากปาก ก็เห็นฉินสือโอวทำท่าบอกให้บูลถือไมค์วิทยุไว้ อีกฝ่ายพูดอย่างตื่นเต้น “ก็ไม่เลวหรอกพวก ไม่เลวเลย! ขอพระเจ้าอวยพร ครั้งนี้พวกเราได้ล็อบสเตอร์มาฝูงหนึ่ง และลงอวนจับปลาค็อดได้อีกส่วนหนึ่ง นายรู้จักไหม แฮดดัคน่ะ นั่นแหละ ก็คือเจ้าตัวน่ารักพวกนี้ไงล่ะ!”


“แล้วได้เท่าไรล่ะ? เห็นนายตื่นเต้นขนาดนั้น ฉันเดาว่าคงมีล็อบสเตอร์สักหนึ่งพันสองพันปอนด์สินะ แล้วก็แฮดดัคอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปอนด์ใช่ไหม?”ใครบางคนกล่าวล้อเลียน ดูท่าจะอิจฉาผลการเก็บเกี่ยวของเรือฮาวิซท


ได้ฟังดังนั้น ในช่องวิทยุสาธารณะก็มีคนหัวเราะต่อว่า “ไม่เอาน่า อาลี่ ดูประชดเข้า…”


แลนซ์เอ่ยขัดคนพวกนั้นเสียงดังว่า “ที่จริงพวกนายเดาผิดแล้ว ล็อบสเตอร์พวกเราไม่ใช่สองพันปอนด์หรอก แต่เป็นห้าพันปอนด์ต่างหาก! ส่วนปลาแฮดดัคฉันยังบอกจำนวนแน่ชัดไม่ได้ เพราะมันเยอะมาก ถ้าให้กะอาจจะไม่ตรง แต่แน่ใจว่าหน่วยไม่ใช่ ‘ปอนด์’ ใช้อะไรดีแทนดี?”


“ใช้ตันไหม? มันน่าจะห้าสิบหกสิบตันไม่ใช่เหรอ?” ชาร์ลเมอร์จงใจเน้น


“อาจจะหกสิบห้าตันก็ได้ หรือไม่ก็ถึงเจ็ดสิบตัน” ชาวประมงอีกคนหัวเราะเสียงดัง


ช่องสาธารณะตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ ก่อนพวกชาวประมงจะตะเบ็งเสียงขึ้นมา


“ไร้สาระ พวกนายไปเหยียบขี้หมาก่อนออกทะเลมาเหรอไง? ทำไมถึงโชคดีขนาดนั้นได้?”


“พวกนายต้องล้อเล่นแน่ๆ ปลาค็อดห้าหกตันเนี่ยนะใครจะเชื่อ แต่ล็อบสเตอร์ห้าหกพันปอนด์? โอ้ ไม่ ที่นี่มันเซนต์ลอว์เรนซ์นะ ไม่ใช่อ่าวเคปค้อด!”


“ล่าสุดใครจับล็อบสเตอร์ได้ห้าหกปอนด์นะ? เรือควีนเฟรเวอร์หรือเปล่า? นั่นมันเมื่อไรนะ? เดือนที่แล้ว ใช่ เมื่อเดือนที่แล้ว!”


“ไม่ว่ามันจะเมื่อไรก็ตาม ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าจะมีคนจับได้ขนาดนั้น!”


ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณครับ ฉินสือโอวยักไหล่ให้พวกชาวประมง “ฉันไปดาดฟ้าเรือก่อนนะ พวกนายตามสบายเลย แต่อย่าไปหาเรื่องพวกเขามาก ระวังมีคนมาปล้นปลาที่เราจับด้วย”


บนดาดฟ้าแสงแดดยามเที่ยงวันส่องกำลังดี ฉินสือโอวเรียกนิมิตส์ลงมาแล้วช่วยมันจัดขน ขณะเรือล่องกลับสู่ท่าเรือสโนว์ดิค


ทันทีที่มือถือมีสัญญาณ ฉินสือโอวก็ส่งหมายเลขโทรศัพท์ของเขาให้บัตเลอร์ จะมีทั้งหมดสองคนที่มาท่าเรือ ต่างฝ่ายนัดเจอกันที่ท่าเรือหมายเลขหก


เรือฮาวิซทกำลังจะเทียบท่า ชายวัยกลางคนผมทองสองคนก็พากันโบกมือทักทายเขา คนหนึ่งสวมสูทเรียบร้อย ทาโพเมดแต่งผม ใบหน้าหล่อเหลา พร้อมประดับรอยยิ้มแบบมืออาชีพ


อีกคนแต่งตัวแบบเดียวกับชาวประมง ผูกผ้าโพกหัวสีฟ้าทะเล สวมชุดคาวบอยแบบหยาบๆ ผิวสีแดงก่ำเหมือนคนออกแดดบ่อย


ชัดเจนว่าบัตเลอร์เคยแนะนำฉินสือโอวและเรือฮาวิซทให้ทั้งสองคนแล้ว พอทั้งคู่เห็นเรือประมงก็เข้ามาต้อนรับ ยื่นมือมาให้แต่ไกล


ฉินสือโอวจับมือพวกเขาตอบอย่างเป็นกันเอง ต่างฝ่ายต่างแนะนำตัว ชายที่สวมชุดคาวบอยชื่อเกย์ ยอร์ก ส่วนชายใส่สูทชื่อฟิลิปป์ อิงแลนด์ เออร์เนส ประวัติไม่ธรรมดาเลย ตลาดอาหารทะเลสามแห่งที่ใหญ่ที่สุดในควิเบกล้วนมีพวกเขาเป็นช่องทางส่งออก


ทั้งสองถามฉินสือโอวว่ามีอะไรอยากเสนอขายบ้าง ฉินสือโอวนำล็อบสเตอร์กับปลาแฮดดัคที่แพ็คแล้วเรียบร้อยมาให้พวกเขาดู ซึ่งที่เหลือต้องทำอะไรต่อเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะพ่อค้าธุรกิจอาหารทะลมาถึงสองคนพร้อมกัน ไม่ได้บอกแนะนำตามขั้นตอน และเขาก็เสนอราคาไม่เก่งเสียด้วย


ฟิลิปป์ถอดสูทออกแล้วเข้าไปในห้องแช่แข็งกับเกย์ตรวจสอบปลาที่เรือฮาวิซทจับมาได้ด้วยตัวเอง พอออกมาก็ถามฉินสือโอวอย่างสุภาพว่าเขากำหนดราคาไว้เท่าไร จากนี้สนใจมาร่วมงานด้วยกันไหม


ฉินสือโอวงงไปหมดแล้ว แน่นอนว่าอยากร่วมงานด้วยอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้นะ การเอาปลากุ้งไปขายโดยตรงให้คนขายสินค้าย่อมดีกว่า เพราะกำไรผ่านคนกลางน้อย เขาก็ได้เงินเยอะกว่านั่นเอง


เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมฟิลิปป์หรือเกย์ที่เป็นถึงผู้ถือช่องทางขายอาหารทะเลรายใหญ่ ไม่น่าจะสนใจชาวประมงเล็กๆ อย่างเขาจนทำตัวสุภาพด้วยอย่างนี้ โดยเฉพาะตอนนี้ทั้งสองอาจยังไม่รู้เรื่องที่ฉินสือโอวมีฟาร์มปลาขนาดใหญ่อยู่ เป็นแค่การคุยเรื่องปลาของเรือฮาวิซท แต่ก็ไม่มีท่าทีดูถูกอย่างใด


ทว่ายามนี้ไม่ใช่เวลามาหาคำตอบ ในเมื่อทั้งสองสนใจปลาของเขา งั้นก็ถามราคาไปตามตรงเลยก็แล้วกัน


ท่าทางเกย์กับฟิลิปป์คงคุยกันในห้องแช่แข็งมาเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยเข้าประเด็นว่า “ล็อบสเตอร์สี่สิบดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์ ทั้งตัวผู้ตัวเมียราคาเดียวกัน เราให้ราคาปลาแฮดดัคคุณสูงขึ้นมาได้หน่อย เป็นแปดดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์”


ราคานี้นับว่าสูงมากทีเดียว ตอนส่งขายให้บริษัทประมงซีดับเบิลยู ราคาล็อบสเตอร์แยกต่างหาก ปลาแฮดดัคหนึ่งกิโลกรัมได้สิบดอลลาร์ก็เป็นกิโลกรัมละประมาณห้าดอลลาร์


เมื่อเป็นอย่างนี้ ฉินสือโอวที่เตรียมจะพูดต่อราคาก็ต้องกลืนกลับลงไป แล้วเอ่ยว่า “โอเค เอาราคาตามนั้นเลยครับ!”


ก่อนหน้านี้บนเรือ ฉินสือโอวถามชาร์คกับแลนซ์เตรียมไว้ และได้รู้ว่าราคาที่ซื้อจากธุรกิจอาหารทะเลโดยตรงสามารถให้ราคาสูงกว่าบริษัทประมงถึง 50% ซึ่งถือว่าสูงมาก มาดูราคาที่ฟิลิปป์กับเกย์ให้ตอนนี้มันก็สูงจริงๆ


พอรู้ราคาเสนอขายของล็อบสเตอร์กับปลาแฮดดัคแล้ว พวกแลนซ์ก็พากันกำหมัดตะโกน เยส


ฉินสือโอวเอาล็อบสเตอร์กับแฮดดัคไปชั่งน้ำหนัก รถบรรทุกแช่แข็งวอลโว่สองคันขับเข้ามา แล้วขนผลิตผลทางทะเลที่ชั่งน้ำหนักแล้วไม่มีปัญหาขึ้นรถไป


ล็อบสเตอร์ทั้งหมด 5,800 ปอนด์ เป็นสองแสนสามหมื่นกว่าดอลลาร์ ปลาแฮดดัคทั้งหมดหกสิบสี่ตัน รวมกันได้ 1.02 ล้าน!


หมายความว่าฉินสือโอวออกทะเลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ เป็นเวลาสั้นๆ สองวันครึ่ง ก็ได้มา 1.25 ล้านแล้ว!


เมื่อเห็นแถวเลขศูนย์บนเครื่องคิดเลข ฉินสือโอวก็แทบถีบเก้าอี้เตี้ยจนมันกระเด็น บ้าเอ้ย แล้วตัวเองเหนื่อยแทบตายเพื่อทำฟาร์มปลาเนี่ยนะ? ตอนไปทะเลแค่พาพวกโมเอะตัวโปรดออกไปฆ่าปลาน้ำลึกก็พอแล้วนี่นา?!


เที่ยวอ่าวสักรอบก็ได้มาอีก 1.25 ล้าน งั้นขับเรือยักษ์หมื่นตันไปทะเลลึก รอบหนึ่งก็น่าจะได้…สิบถึงยี่สิบล้าน?!


“แม่เจ้า จะทำเงินได้เยอะไปแล้ว” ฉินสือโอวยักไหล่กับพวกชาวประมง


……………………………………………


บทที่ 445 สมรภูมิใหญ่โต

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังตรวจสอบปลากุ้งแล้วว่าไม่มีปัญหาก็นำขึ้นรถบรรทุกแช่แข็ง แล้วเกย์กับฟิลิปป์ก็ส่งเช็คให้ฉินสือโอวเป็นจำนวน 1.25 ล้าน!


คราวนี้คงให้คนช่วยแยกเช็คไม่ได้ ฉินสือโอวโทรหาวินนี่ให้เธอช่วยโอนเงินเข้าบัญชีของแลนซ์สามแสน


ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกชาวประมงก็มารวมตัวกันอีกครั้ง ผลัดกันดูโทรศัพท์ของแลนซ์ เพราะเขาเชื่อมบัญชีบัตรเครดิตไว้กับมือถือนั่นเอง


“โอเค โอเค พวกนายไปแบ่งเงินกันเองนะ วันนี้จะไปดูระบำเปลื้องผ้าอีกหรือเปล่าเนี่ย?” ฉินสือโอวยิ้มล้อ


บูลตาเป็นประกาย เอ่ยว่า “ไม่ล่ะกัปตัน พวกเราไม่ไปบาร์หรอก! เราออกทะเลอีกรอบดีไหมครับ? พระเจ้าคงรู้แล้วว่าพวกเราไม่ได้มาตกปลาตกกุ้ง แต่มาปล้นธนาคารต่างหาก!”


แลนซ์ตบบ่าบูล พูดน้ำเสียงจริงจังว่า “กัปตันเขาต้องการพัก แกเข้าใจไหมเนี่ย ไปพัก!”


กล่าวจบเขาก็หันมายิ้มประจบกับฉินสือโอว “พักคืนหนึ่งแล้วไปออกทะเลต่อพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ?”


พวกเขาตามฉินสือโอวไปรอบเดียวเทียบเท่ากับทำงานให้กัปตันคนอื่นตลอดฤดูตกปลา รายได้ดีแบบนี้ใครจะไม่คึกกัน


ที่จริงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะออกต่ออยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังต้องรีบไปเข้าร่วมพิธีไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากพายุคราเคนที่ท่าเรือบาสก์อีก แถมร่างกายพวกชาวประมงก็ล้าเสียจนกินอะไรไม่ลง


เหลือเวลาอีกสองวันก่อนถึงวันงาน พวกชาวประมงจะแต่งชุดไม่เรียบร้อยแบบนี้ไปไม่ได้แน่ เสื้อดาวน์ขนเป็ดที่บูลสวมยังปักคำว่า ‘ปุ๋ยดีเกิดจากโลก’ อยู่เลย คราบเปื้อนฝุ่นบนหน้ายังหนากว่าสีเทาของเสื้อดาวน์เสียอีก


ถึงอย่างไรท่าเรือสโนว์ดิคก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง พลังในการบริโภคจึงมีพอสมควร ฉินสือโอวลองหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต พบว่าที่นี่มีร้านแฟรนไชส์เสื้อผ้าคุณภาพดีอยู่ เช่นร้านอาร์มานี่สูทและร้านราฟเลอแรน


จะเข้าร่วมพิธีก็ต้องสวมสูทรองเท้าหนัง ฉินสือโอวเลือกมาส่วนหนึ่ง แล้วพาทุกคนไปที่ร้านราฟเลอแรน


ที่ประเทศจีน ฉินสือโอวรู้สึกว่าพวกอาร์มานี่มีบรรยากาศของความชั้นสูง แต่พอมาแคนาดาก็พบว่าคนแคนาดาไม่ได้สนใจแบรนด์นี้ของยุโรปเท่าไร


เพราะของที่อาร์มานี่จำหน่ายในแคนาดานั้นต่างจากของประเทศยุโรป ทางรัฐสภาแคนาดามีการรายงานจำนวนการขายสินค้าฟุ่มเฟือยออกมาว่า ปีที่แล้วอาร์มานี่ได้จำหน่ายสินค้าในแคนาดาไปทั้งหมดสี่ร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา ขณะเดียวกันตัวกิจการได้ใช้เงินลงทุนไปถึงสองร้อยสี่สิบล้านดอลลาร์แคนาดา


มาลองคำนวณดู อาร์มานี่ขายสินค้าในแคนาดาได้ทั้งหมดสี่ร้อยล้านชิ้น ค่าบริการโฆษณาและอื่นๆ อีกสองร้อยสี่สิบล้าน พวกเขาย่อมต้องการทำเงิน งั้นราคาเสื้อผ้าพวกนี้มันเท่าไรกันล่ะ?


ราฟเลอแรนเป็นแบรนด์ของอเมริกา และค่อนข้างมีอิทธิพลในแคนาดา ปีที่แล้วขายได้หนึ่งพันห้าร้อยล้าน ค่าบริการไม่เกินหกแสนล้าน แต่ผู้บริโภคระดับสูงในแคนาดาต่างรู้จักแบรนด์นี้ทั้งนั้น


ฉินสือโอวพากลุ่มชาวประมงที่การแต่งกายและมารยาทในการสนทนาสุดบ้านนอกเข้าไปในร้านราฟเลอแรน ทีแรกเขาค่อนข้างกังวล ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นร้านเสื้อผ้าชั้นนำที่เปิดในห้างใหญ่ ไม่ใช่ร้านขายของข้างทาง รูปลักษณ์ของพวกเขาไม่ค่อยเข้าเท่าไร


ทว่าก็ด้วยความต่างของร้านขายเสื้อผ้าชั้นนำ ทัศนคติการบริการย่อมไม่เหมือนกัน ถึงแม้กลุ่มพวกหน้าตาบ้านนอกจะเข้ามาในร้าน แต่ทั้งพนักงานชายหญิงต่างก็ต้อนรับพวกเขา แถมยังสุภาพมีความอดทนอีกด้วย


ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงเลือกสูท บูลพูดเสียงเบาว่าของพวกนี้แพงเกินไป พวกเราไปดูเซลล์แมนที่ขายเสื้อผ้าผู้ชายดีกว่า


เซลล์แมนเป็นตลาดขายเสื้อผ้าราคาถูกสำหรับผู้ชายที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา


ฉินสือโอวโบกมืออย่างอารมณ์ดี บอกว่านี่จะเป็นชุดทำงานพวกเขา ในอนาคตถ้าพวกนายอยากมาทำงานกับฉัน ทางฟาร์มปลาก็จะออกใบเสร็จให้ ถือเป็นค่าอุปกรณ์ชิ้นแรก


ได้ยินดังนั้น ต่างก็สะพรึง หัวใจเต้นรัวด้วยความประหม่ากัน พวกชาวประมงรีบทำใจกล้าเข้าไปกวาดตามองเลือกอย่างระมัดระวัง แล้วเลือกสูทสีดำสามพันสองร้อยดอลลาร์มา


สามพันสองร้อยดอลลาร์ถือว่าไม่แพง คิดเป็นเงินหยวนก็ไม่เกินหมื่นหก


และที่พวกชาวประมงเลือกมาก็เป็นสูทที่ถูกที่สุดของร้านราฟเลอแรน คุณภาพดีพร้อมได้ส่วนลด 20%


ในเมื่อตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็จ่ายเงิน เขาไม่ได้คิดว่าพวกชาวประมงจำเป็นต้องใส่ของราคาแพง เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่ได้ทำผลงานอะไรให้เขา


แต่เขาก็ซื้อให้ชาร์คตัวหนึ่งในราคา 14,000 ดอลลาร์ เหตุผลคือพวกแลนซ์กับชาวประมงเพิ่งมาทำงานกับเขา แต่ชาร์คร่วมงานกับเขามาจะครบปีแล้ว ด้วยความตั้งใจอุตสาหะ ทั้งฟาร์มปลาก็เป็นเขาที่คอยจัดการ


ทุกคนซื้อเสร็จแล้ว เหลืออีวิลสันที่ยังซื้อไม่ได้ เพราะรูปร่างสูงใหญ่กำยำของเขา


สาวแนะนำสินค้าเห็นฉินสือโอวลำบากใจ เลยช่วยอีวิลสันวัดความสูง ความกว้างบ่า อก เอว สะโพก ขา แล้วบอกว่า “ถ้าคุณรอได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะส่งสูทที่เหมาะกับสุภาพบุรุษท่านนี้จากนิวริชมอนด์มาให้ค่ะ”


ฉินสือโอวพยักหน้า เอาตามนั้น


ตอนจ่ายเงินรูดบัตร ฉินสือโอวหยิบบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสออกมาอีกครั้ง อยากจะอวดเสียหน่อย หลักๆ คืออยากรู้ว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไรเมื่อเห็นบัตร…


อยากอวดก็อวดไม่สำเร็จเสียแล้ว พวกชาวประมงดันไม่มีใครรู้จักบัตรนี้เลย หรือไม่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจว่าฉินสือโอวจะใช้อะไรจ่าย เพราะรู้อยู่แล้วว่ากัปตันอายุน้อยคนนี้เป็นเศรษฐีหน้าใหม่


จ่ายเงินเสร็จ ฉินสือโอวให้ทิปกับพนักงานแนะนำสินค้าคนละสี่ร้อยดอลลาร์ พวกเขามารยาทในการบริการนี่ไม่ต้องพูดถึง มีความเป็นมืออาชีพเสียจนเขาต้องชมเชย


ถ้าให้พูดอย่างเข้มงวดกว่านี้ พวกเขาที่เข้ามาในร้านราฟเลอแรนทั้งที่แต่งตัวไม่เหมาะสมกัน และเป็นการไม่ให้เกียรติคนอื่น แต่ฉินสือโอวก็ไม่มีทางเลือก ชาวประมงจะเอาชุดสะอาดมาจากไหน?


ดังนั้นเขาถึงกับคิดว่า ถ้าคนในร้านปฏิเสธพวกเขา เขาก็คงใช้บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสมากดดันคนไม่ได้อยู่ดี มันไม่ใช่การอวด แต่ดูโง่แทน


ปรากฏทุกคนกลับปฏิบัติอย่างเท่าเทียม บริการดีมีความใส่ใจ จะให้ทิปไปก็สมควรแล้ว


ร้านแฟนไซส์ราฟเลอแรนทำงานมีประสิทธิภาพมาก วันที่สองสูทที่เพิ่มความยาวความกว้างมาให้เรียบร้อย เสื้อเชิ้ต เนกไท รองเท้าหนังก็ส่งมาถึง ไม่ใช่แค่นั้น คนที่ร้านยังส่งเสื้อในและถุงเท้ามาให้ด้วย มีคุณภาพไม่พอ การบริการยิ่งยอดเยี่ยมจริงๆ


เมื่อทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ฉินสือโอวก็จ้างเรือยนต์ลาดตระเวนมาลำหนึ่ง พาพวกชาวประมงไปท่าเรือบาสก์ก่อน


งานไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากพายุคราเคนจะเริ่มพรุ่งนี้ ฉินสือโอวมาก่อนล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อเตรียมตัว เพราะถึงวันจริงเขาต้องขึ้นไปกล่าวในฐานะเรือฮาวิซท เพื่อแสดงความระลึกถึงกัปตันและต้นหนเรือแนสแกส


ปรากฏตอนที่เรือลาดตระเวนพวกเขามาถึงท่าเรือบาสก์ ตลอดทางท่าเรือมีนักข่าวกลุ่มใหญ่เข้ามารายล้อม สาดแสงแฟลชใส่แชะๆ อย่าว่าแต่ชาวประมงที่นิ่งอึ้งเลย ฉินสือโอวก็ชะงักไปเช่นกัน


นี่มันสมรภูมิอะไรกัน?


ทว่าตัวเด่นในงานหลักนี้ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นชายอายุน้อยหน้ายาวกำยำคนหนึ่ง


อายุประมาณยี่สิบแปดยี่สิบเก้าปี ผมสั้นสีบลอนด์อ่อน ดูมีนิสัยองอาจ ตัวผอมสูงยืนตรงอยู่บนท่าเรือ ทั้งดูผอมบางแต่ก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา น่าเสียดายที่ใบหน้าของหนุ่มคนนี้ยาวไปหน่อย ทำให้เสน่ห์ลดลง


ฉินสือโอวเห็นแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ หน้า เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง แต่พวกชาร์คกับแลนซ์ที่อยู่ด้านข้างเห็นหน้าตาคนคนนั้นก็อุทานเสียงดังพร้อมกัน


“บ้าน่า เจ้าชายเฮนรีนี่นา!”


“พระเจ้าช่วย เจ้าชายเฮนรี!”


“คนราชวงศ์อังกฤษก็มาด้วยงั้นหรือเนี่ย? ทายาทผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์คนที่สี่ของอังกฤษด้วยนะ?”


……………………………………..


บทที่ 446 เจออาฟิฟอีกครั้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ที่แท้เจ้าชายอังกฤษก็มาร่วมงานไว้อาลัยด้วยนี่เอง ฉินสือโอวประหลาดใจมาก แต่นี่มันจะเหนือความคาดหมายไปแล้ว ถึงแม้ต้นปี 1867 แคนาดาจะแยกตัวจากการเป็นอาณานิคมอังกฤษมาปกครองตัวเองโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าพูดถึงด้านการระบบการปกครอง ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่อาจตัดขาดความสัมพันธ์ได้


ตอนนี้แคนาดาเป็นของเครือจักรภพอังกฤษ ผู้นำประเทศเพียงในนามยังคงเหมือนเดิมก็คือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ถ้าแคนาดาเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเกี่ยวกับธรรมชาติหรือมนุษย์ ราชวงศ์อังกฤษต้องมาปรากฏตัวเพื่อแสดงความมีส่วนร่วม


ที่ฉินสือโอวประหลาดใจคือ เจ้าชายเฮนรีที่ราชวงศ์อังกฤษส่งมา ผู้ที่เพิ่งยุติการรับราชการในกองทัพ และผู้สืบทอดคนที่สี่ของราชวงศ์ ฉินสือโอวเคยเห็นตัวจริงแค่ในโทรทัศน์กับหนังสือพิมพ์เท่านั้น


เรือลาดตระเวนเข้าเทียบท่า เจ้าชายเฮนรีผู้ถือดีเดินยิ้มมาตรงหน้าฉินสือโอวที่ขึ้นฝั่งมาคนแรก เขายื่นมือจับทักทายกับเจ้าชาย ค่อนข้างน่าอายทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนดังระดับสูงทางการเมือง


เฮนรีจับมือกับฉินสือโอว ก่อนเอ่ยอย่างสุภาพว่า “สวัสดีคุณกัปตัน ผมเฮนรี ชาลส์ อัลเบิร์ต เดวิด ถือเป็นเกียรติที่ได้มาพบคุณที่นี่”


ฉินสือโอวพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด พอใจสงบลงแล้วจึงยิ้มตอบว่า “สวัสดีครับ เจ้าชายเฮนรี ผมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติและประหลาดใจไม่น้อยที่ได้มาพบท่าน ขอพระเจ้าคุ้มครองแคนาดา ขอพระเจ้าคุ้มครองสหราชอาณาจักร!”


นอกจากรอยยิ้มสั่นๆ บนหน้า ฉินสือโอวก็แทบจะบ้าตายแล้ว ใช่สิ เขากำลังอยู่ต่อหน้านักการเมืองอายุน้อยระดับโลกผู้เจิดจรัสนะ แต่แล้วยังไงล่ะ? เขายังมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่นะ ในฐานะสายเลือดที่น่าเกรงขาม โลกนี้จะยังมีใครเทียบกับพระเจ้าได้อีกกันล่ะ?


หลังการจับมือกันอย่างสุภาพ ฉินสือโอวก็หลบไปด้านข้างให้เขาเดินผ่านไปหาชาร์คที่ขึ้นฝั่งมาเป็นคนต่อไป เจ้าชายเฮนรีจับมือเขาและกล่าวแนะนำตัวต่อ


เมื่อถึงท่าเรือ พวกนักข่าวก็เข้ามาล้อมฉินสือโอวรัวคำถามใส่


“คุณกัปตันคะ ปีนี้การเก็บเกี่ยวปลาเป็นยังไงบ้างคะ? พวกเราได้ยินว่าวันที่สองหลังเกิดพายุคุณก็ออกจากท่าเรือบาสก์ไปจับปลาต่อเลย?”


“คุณฉินครับ คุณเป็นชาวจีนย้ายถิ่นมาใช่ไหมครับ? ช่วยบอกความประทับใจของคุณที่มีต่อแคนาดาหน่อยครับ?”


“คุณกัปตัน วันที่เผชิญหน้ากับพายุคราเคน18 วันที่คุณยืนสั่งการอยู่หน้าหัวเรือ คุณช่วยอธิบายปณิธานที่จะตามหาผู้รอดชีวิตเมื่อตอนนั้นหน่อยครับ”


นักข่าวพวกนี้พูดจาชัดเจนแต่พูดเร็วมาก ฉินสือโอวฟังออกแต่ก็ตอบไม่ทัน


จนในที่สุดเขาก็ตามคำถามสุดท้ายทัน ตอนที่กำลังจะพูดลูกหมาสองตัวก็เบียดฝูงคนวิ่งกระโดดมาด้านหน้า


พวกนักข่าวตะลึง ฉินสือโอวทำหน้าตกใจ เขาคว้าหู่จือกับเป้าจือขึ้นมาก่อนมองไปรอบๆ และเห็นวินนี่ยืนต้อนรับอยู่ตรงหน้าฝูงคนที่มองมาอย่างริษยา


“เฮ้ ที่รัก” ฉินสือโอวดันนักข่าวเข้าไปกอดวินนี่แล้วจูบอย่างดูดดื่ม


ทั้งนักข่าวและคนแถวนั้นทยอยปรบมือให้ คนยุโรปอเมริกันล้วนชื่นชอบฉากซาบซึ้งของพระนางที่เพิ่งผ่านเรื่องราวมา ซึ่งเห็นได้บ่อยในหนังฮอลลีวูด


เออร์บักก็มาด้วย ทนายเฒ่าเสยผมขาวจนเรียบ เล็มหนวดเครามาอย่างดี สวมชุดสูทแบบผู้ดียุโรปในยุคกลาง


เจ้าชายเฮนรีกับพวกชาวประมงที่จับมือทักทายกันเสร็จแล้ว เดินเข้ามากลุ่มสุดท้าย พอเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ยืนด้วยกัน ดวงตาเขาก็ฉายความประหลาดใจ ก่อนเอ่ยถามว่า “กัปตัน นั่นภรรยาคุณเหรอ?”


ฉินสือโอวไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากแบบในละครที่ตัวเจ้าชายมาแย่งนางไม้ไป จึงตอบไปตรงๆ ว่า “ใช่ครับ ภรรยาผมเอง”


“พวกคุณดูเหมาะกันดีนะ” ดูท่าเจ้าชายเฮนรีจะพูดด้วยความจริงใจจริงๆ


แต่ฉินสือโอวระแวงกับท่าทีนั้น เพราะคำวิจารณ์ของหลานชายเฮนรีนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร ฉินสือโอวเคยเห็นภาพวีรกรรมของเขาบนอินเทอร์เน็ต ทั้งทุบตีนักข่าว สวมชุดทหารนาซี เรื่องอื้อฉาวต่างๆ


ฉินสือโอวกับวินนี่จับมือแสดงความขอบคุณ เจ้าชายเฮนรีพูดอีกว่า “คุณกัปตัน ไม่ทราบว่าคู่หูของคุณ ฮีโร่ในใจกลางพายุล่ะ?”


“ใครนะครับ?”


“ผู้นำฝูงแกะของพระเจ้าน่ะ”


ฉินสือโอวเข้าใจว่าเจ้าชายเฮนรีพูดถึงนิมิตส์ แต่เจ้าตัวนั้นไม่รู้ว่าบินไปไหนแล้ว ตอนเรือเข้าเทียบท่าก็ยังเห็นพักผ่อนอยู่ข้างเรือ น่าจะเพราะเห็นคนเยอะ เลยบินหนีไปหาอิสระแทน


เจ้าชายเฮนรีได้ฟังเขาอธิบายก็ถอนหายใจด้วยความเสียดาย สุดท้ายก็หันมามองพลางพูดว่า “หวังว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นนกฟรีเกตในตำนานนะกัปตัน ได้โปรดพามันมาที่งานไว้อาลัยพรุ่งนี้ด้วย เพราะมันจะเป็นตัวหลัก”


ฉินสือโอวรับปาก เขาจับมือกับฉินสือโอวอีกครั้งก่อนเดินทางกลับพร้อมข้าราชการประจำพื้นที่นั้น


พวกนักข่าวเองก็กลับไปไล่ตามเจ้าชายเฮนรีต่อ


ทางรัฐบาลแคนาดาได้จัดการเรื่องรถและที่พักให้เรียบร้อย แล้วพาทุกคนไปยังโรงแรมฮาเบอร์การ์เด้น โรงแรมสี่ดาวเพียงแห่งเดียวของท่าเรือบาสก์


เย็นนั้นมีสัมภาษณ์กับสื่อใหญ่ของเจ้าชายเฮนรีและตัวแทนรัฐบาลแคนาดา มารายงานเรื่องความเสียหายจากพายุ และตอบคำถามนักข่าว


ฉินสือโอวไม่ต้องเข้าร่วม เลยอยู่ในห้องหวานกับวินนี่ ปรากฏมีคนมาเคาะห้อง พอเขาเปิดประตูก็เห็นชายชาวอาหรับหน้าตาดีสวมชุดยาวขาวยืนอยู่ด้านนอก


เมื่อเห็นหน้าพี่รูปหล่อชัดๆ ฉินสือโอวก็ตะโกนด้วยความตกใจ “เฮ้ย อาฟิฟ?!”


นายอาหรับคนนี้ก็คือเศรษฐีอาหรับ อาฟิฟ ซีค ลีฟะฮ์ บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน และเป็นคนที่ประมูลรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ ‘เพอร์ซิอัสกับเมดูซ่า’ ด้วยราคาสูงสุดในงานประมูลของบริษัทประมูลริชชี่นั่นเอง


อาฟิฟจับมือกับเขา แล้ววางมือขวาตรงหัวใจพร้อมโค้งให้เขา “ขอบคุณคุณมาก เพื่อนฉินสือโอว ผมต้องขอบคุณที่คุณช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติของผมไว้ด้วย!”


ฉินสือโอวนึกถึงชาวอาหรับในชุดขาวบนเรือวันนั้น ถามว่า “นั่นเป็นคนของเอมิเรตส์งั้นเหรอ?”


อาฟิฟพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว พวกเขาทุกคนล้วนเป็นครอบครัวของอัลเลาะห์ โชคดีที่ได้คุณช่วยไว้ พี่น้องของผม ไม่งั้นคงเกิดโศกนาฏกรรมไปแล้ว”


ฉินสือโอวเชิญอาฟิฟเข้ามาในห้อง วินนี่ให้หู่จือกับเป้าจือทำตัวดีๆ รออยู่ในห้องนอน แล้วออกมารับอาฟิฟ


อาฟิฟเป็นถึงเศรษฐี มีไหวพริบ ความจำดี มีความสามารถ พอเขาเห็นวินนี่ก็จำได้ว่าทั้งสองเคยเห็นกันหลายครั้งที่ท่าเรือต่างๆ และเป็นธรรมดาที่จำชื่อไม่ได้


ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างพูดคุยกัน นิมิตส์ก็บินเข้ามาทางหน้าต่าง ยืนร้องแกว๊กๆ บนเท้าแขนโซฟา


วินนี่หยิบจานใส่อาหารกระป๋องให้ นิมิตส์คายปลาตัวเล็ก มันเคยชินกับการเอาของขวัญมาให้ฉินสือโอวทุกครังที่กลับมา


ทันทีที่เห็นนิมิตส์ สีหน้าของอาฟิฟพลันเคร่งขรึมขึ้น ถามว่า “สหายฉินสือโอว นี่คือผู้นำฝูงแกะของอัลห์งั้นเหรอ? เป็นนกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! มิน่าเขาถึงสามารถฝ่าพายุนำทางพวกคุณได้!”


ฉินสือโอวยืดแขนให้นิมิตส์บินมาเกาะ เขาเห็นอาฟิฟท่าทางสนใจมาก เลยปล่อยลงตรงหน้าให้เขาได้ดูใกล้ๆ


ทีแรกๆ ไม่รู้สึกเลยว่าอาฟิฟจะเป็นคนที่เคร่งศาสนา เขายื่นแขนให้นิมิตส์ขึ้นมาเกาะ แล้วจูบลงบนปีกนกฟรีเกตครู่หนึ่ง แสดงความมุ่งมั่น


……………………………………………………


บทที่ 447 ความรุ่งโรจน์ของมนุษยชาติ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เช้าวันต่อมา ฉินสือโอวกับวินนี่ที่ตื่นแล้วต่างสวมชุดทางการ อากาศหนาวเย็น แน่นอนว่าชุดแพรไหมของเขาใส่ไม่ได้แล้ว วินนี่จึงช่วยเขาซื้อสูทสีดำตัวหนึ่ง ปักลายสีเงินด้านข้าง ทำให้ดูจริงจังลึกลับเล็กน้อย


วินนี่สวมสไตล์เรียบๆ แต่สง่า ด้านบนคลุมด้วยเสื้อกันหนาวไหมพรมสีดำ เข็มกลัดสีเงินตรงหน้าอกเป็นประกายโดดเด่น ด้านล่างสวมถุงน่องสีดำไว้… ที่ยุโรปอเมริกา วัฒนธรรมผ้าไหมสีดำนั้นเชื่อมโยงกับงานจำพวกงานศพ งานไว้อาลัย


สถานที่ที่จัดงานไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตจากพายุคราเคน18 ถูกเลือกจัดที่จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในท่าเรือบาสก์ รยัลอิเพรสชั่นพาร์ค


เป็นสวนแบเปิดแห่งหนึ่ง มีพื้นที่หนึ่งร้อยเอเคอร์ขึ้นไป ต้นไม้ด้านในถูกผู้ไว้ด้วยดอกไม้ขาว ทางผู้ร่วมงานก็ถือดอกไม้สีขาวอย่างกุหลาบขาว ดอกพุดซ้อน ดอกบัว หรือดอกไม้อื่นๆ


ตอนฉินสือโอวเข้าไปในสวน วินนี่ช่วยเขาเลือกดอกเบญจมาศมาดอกหนึ่ง เขาถามว่ามันหมายถึงอะไร วินนี่ตอบ “เป็นการรำพึงถึงคุณธรรมและเกียรติของผู้เคราะห์ร้าย จดจำดวงวิญญาณที่จากไป”


ฉินสือโอวแกล้งหยิกแขนวินนี่ เขารู้สึกว่าถ้าพระเจ้ามีจริง ของขวัญที่มีค่าที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ ไม่ใช่จิตสำนึกโพไซดอน แต่เป็นวินนี่


ทั้งสองพาพวกชาวประมงเข้าไปยังจัตุรัสในสวน แล้วก็มีคนมารับพวกเขา พาไปยังด้านหลังของจัตุรัส ซึ่งมีคนอยู่ในนั้นส่วนหนึ่งแล้ว เช่นเจ้าชายเฮนรี


เจ้าชายเฮนรีพาผู้หญิงมาด้วยคนหนึ่งเหมือนกัน ผมสีทองผิวขาว มีความสง่า แม้เธอจะยังอายุไม่มาก แต่แค่มองก็รู้ได้เลยว่าเป็นผู้ดีมีการศึกษา


พอเห็นพวกฉินสือโอว เจ้าชายเฮนรีก็พยักหน้าอย่างสุภาพ แล้วแนะนำหญิงสาวที่ตามมาด้วย “นี่คือเพื่อนของเรา เลดี้แคโรไลน์ ควินติน่า เซาล์เบิร์ท เบทส์”


“เชิญเรียกฉันว่าแคโรไลน์เถอะค่ะ คุณกัปตัน” สาวสูงศักดิ์ส่งยิ้มพร้อมจับมือกับฉินสือโอว แล้วยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง


ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจนัก จึงแอบถามวินนี่เบาๆ ว่า “ทำไมถึงเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า ‘เลดี้’ ล่ะ? เขาแต่งงานแล้วเหรอ?”


วินนี่อธิบายโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า “คุณคนโง่ที่รัก เลดี้ในที่นี้คือเป็นคำนำหน้า พวกคนชั้นสูงคำนำหน้าของชนชั้นสูงอังกฤษมันก็จะยุ่งยากหน่อย แต่พูดง่ายๆ คือ พวกภรรยาของลอร์ดปกติจะเรียกว่า เลดี้ ตามที่คุณเข้าใจ แต่ลูกสาวของพวกเขาก็เรียกเลดี้ด้วยเหมือนกัน แล้วเรียกรวมกันทั้งชื่อนามสกุล”


ฉินสือโอวกระจ่างทันที แล้วเขาก็ถามอีก “แต่ตอนเจ้าชายเฮนรีแนะนำตัวกับผม เหมือนเขาจะชื่อเฮนรี(Henry)นะ ทำไมถึงเรียกเขาว่าฮันรี(Hanry)กันล่ะ”


วินนี่ตอบ “มันก็แค่วิธีอ่านอีกแบบหนึ่ง แล้วแต่ใครถนัดแบบไหน ส่วนใหญ่ก็จะขี้เกียจแก้กัน และที่จริงชื่อทางการของเจ้าชายก็คือเจ้าชาย เวลส์ เฮนรี”


ฉินสือโอวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่วินนี่ขยิบตาให้เขา “ไม่ว่าจะเรียกยังไง เขามันก็แค่ไอ้บ้าคนหนึ่งเท่านั้น! ถ้าไม่ได้ไปเข้ากองทัพมาสิบปีนะ ป่านนี้เขาคงทำขายขี้หน้าจนเสียชื่อเจ้าชายหมดแล้ว”


ฉินสือโอวหัวเราะหึหึ วินนี่นินทาผู้ชายกับเขา จะไม่ดีใจได้ยังไง


จากนั้นอาฟิฟก็มา เขาพาเด็กสาวโลลิต้ามาด้วย ดูอายุราวสิบสี่สิบห้า ส่วนสูงพอๆ กับเชอร์ลี่ย์ ผมสีดำตาสีดำ มีสายเลือดอาหรับแท้ๆ


แต่ต่างจากเด็กสาวอาหรับส่วนใหญ่ ตรงที่ใบหน้าของโลลิต้ามีความสวยอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งอายแชโดว์โดยธรรมชาติและขนตาที่งอนยาวซึ่งหาได้ยากในผู้หญิงเอเชีย ด้วยรายละเอียดของหางตาบนและล่างทำให้ดวงตาของเธอดูลุ่มลึก


เจอฉินสือโอวรอบนี้ อาฟิฟกอดเขาแทนการจับมือ


กอดกันเสร็จ อาฟิฟก็แนะนำเด็กสาวข้างตัว “นี่คือลูกพี่ลูกน้องของผม เจ้าหญิงซาลามาห์ เป็นเด็กสาวที่สวยมาก จริงไหมครับ?”


ฉินสือโอวเห็นด้วย “ใช่เลย สวยมาก โดยเฉพาะตาของเธอ ยังกับนางฟ้าเลย”


เขารู้ว่าประเทศอาหรับคุ้นเคยกับการแต่งงานในเครือญาติ เลยอนุมานว่าเจ้าหญิงโลลิต้าน่าจะเป็นคู่หมั้นของอาฟิฟที่เตรียมไว้ เจ้าหมอนี่ช่างโชคดีในความรัก ส่วนเจ้าหญิงน้อยก็สวยจริงๆ


พวกเขากระซิบพูดคุยกัน กระทั่งบาทหลวงคนหนึ่งเดินขึ้นเวที แล้วเริ่มพิธีไว้อาลัย


ผู้เสียชีวิตจากพายุทั้งหมด 25 คน พนักงานนำรูปขาวดำของพวกเขาวางไว้ด้านหลังแท่น สมาชิกครอบครัวของ 25 คนนั้นถูกเชิญมายังจัตุรัส พวกเขาต่างร้องไห้โอบกอดกันอย่างเศร้าโศก


ขั้นแรกคือผลัดกันมอบดอกไม้ ฉินสือโอวมอบดอกเบญจมาศสีขาวของตัวเองให้ภรรยาของแคสแมน กัปตันเรือแนสแกส วินนี่ที่เดินตามอยู่ด้านข้างกอดเธอพร้อมบอกว่า “ร้องให้เต็มที่เลยนะคะ คุณนาย กัปตันแคสแมนเป็นกัปตันที่ดีที่สุดที่ฉันเคยรู้จักเลยค่ะ เขาเป็นคนดี และได้เป็นแบบอย่างให้กับแฟนของฉันด้วยค่ะ”


งานดำเนินต่อไป จากนั้นก็เป็นการขึ้นพูด เจ้าชายเฮนรีในฐานะราชวงศ์อังกฤษและต่อด้วยรัฐบาลแคนาดาขึ้นพูดต่อ แล้วจึงเป็นฉินสือโอว ที่ขึ้นพูดในฐานะเรือฮาวิซท


วินนี่เตรียมบทให้เขาแล้ว และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอย่างนี้ ตอนขึ้นเวทีจึงไม่ค่อยประหม่าเท่าไร เริ่มด้วยการคุยเรื่องทั่วไปก่อน


“อย่างแรก ผมขอแสดงความเคารพต่อแคสแมนกัปตันเรือแนสแกส คุณต้นหนกิลเบิร์ตและยืนไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตอีก 25 ท่าน…”


“ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด ตอนที่เรือโดยสารวางเรือชูชีพ พวกผู้ชายพาเด็กและผู้หญิงลงไปในชูชีพก่อน”


“เท่าที่ผมทราบ มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘กฎบนทะเล’ ที่บอกผู้ชายพวกนั้นทำการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ แล้วให้พวกเขารอความช่วยเหลือเป็นกลุ่มสุดท้าย พวกเขาทำไป แค่เพราะในฐานะที่ผู้แข็งแกร่งปกป้องผู้อ่อนแอกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันหมดไม่ว่าบนแผ่นดินหรือทะเล แต่นั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาเลือก”


“ยิ่งไม่มีทางลืมกัปตันแคสแมนที่ปักหลักจับเชือกเรือยางเอาไว้จนต้องตายและต้นหนกิลเบิร์ตที่ช่วยร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด พวกเขาเลือกที่จะเป็นแบบอย่างทำสิ่งที่กัปตันควรทำ ความรับผิดชอบนั้นสำคัญเกินกว่าจะมาคิดเล็กน้อย!”


“…ท่านสุภาพบุรุษท่านสุภาพสตรีครับ กัปตันและคุณต้นหนได้ยืนหยัดที่จะปกป้องคุณค่าของมนุษย์ที่แม้เก่าแก่แต่ก็เยาว์วัยเสมอจนถึงที่สุด พวกเขาเชิดชูจิตวิญญาณแห่งอารยธรรมของมนุษย์ และจะไม่มีใครมองข้ามปณิธานของวีรบุรุษได้ เพื่อช่วยชีวิตลูกเรือและผู้โดยสาร พวกเขาต่างมุ่งมั่นกันจนวินาทีสุดท้าย!”


“…ต้องขอบคุณการเสียสละของพวกเขา ที่ทำให้เราได้เห็นคุณค่าและยังความสวยงามในตัวของมนุษย์อยู่ ขอบคุณครับ”


เมื่อฉินสือโอวพูดไว้อาลัยจบ ก็โค้งคำนับ แล้วคนด้านหลังก็เข้ามาพูดต่อ


กระทั่งคนที่เหลือกล่าวไว้อาลัยหมดแล้ว ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายจึงดึงผ้าสีขาวที่คลุมรูปปั้นยักษ์กลางจัตุรัส เผยให้เห็นนกฟรีเกตตัวหนึ่งที่บินโฉบลงมา


รูปปั้นนกฟรีเกตสูงสองเมตรครึ่ง และปีกที่กว้างสองเมตรกว่า รูปปั้นทั้งตัวทำมาจากหินอ่อน การแกะสลักดูดุดันน่าเกรงขาม หัวของมันเชิดขึ้น ปีกทรงพลังสองข้างกางออก ขนบนตัวยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย แต่ไม่ดูรก มีแต่ความห้าวหาญ!


ฉินสือโอวสะกิดนิมิตส์ให้ดูรูปปั้นนกฟรีเกต มันกางปีกบินไปรอบๆ รูปปั้น สุดท้ายก็ร่อนลงบนรูปปั้นด้วยความสงสัย


พวกนักข่าวยืนเบียดกันเพื่อถ่ายภาพ


……………………………………………………


บทที่ 448 ขายภาพวาดชื่อดัง

โดย

Ink Stone_Fantasy

นอกจากการไว้ทุกข์ในช่วงกลางวันแล้ว ในช่วงเย็นเจ้าชายฮันรียังเป็นเจ้าภาพจัดงานประมูลเพื่อการกุศลขึ้นมาด้วย


ดูเหมือนอเมริกาเหนือจะทำได้ดีกว่าเขตยุโรปและเอเชีย ทุกครั้งที่พวกเขาจัดงานรำลึกอะไรขึ้นมาสักอย่าง ต่อมาก็จะมีการจัดงานประมูลเพื่อการกุศลขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเงินที่ได้จากการประมูลก็จะถูกผู้จัดงานประมูลนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์


ไม่ว่าพวกนายทุนจะน่ารังเกียจหรือขูดรีดมูลค่าของผลงานมากแค่ไหน แต่สำหรับคนมีเงินส่วนมากในแคนาดาแล้ว ชื่อเสียงและหน้าที่ย่อมสำคัญมากกว่าทรัพย์สิน แน่นอนว่าเงินของคนพวกนั้นมีมากจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นต่อให้มีเงินเพิ่มมากขึ้นอีกก็คงเป็นเพียงแค่ตัวเลขสะสมสำหรับพวกเขาเท่านั้น


สินค้าที่ฉินสือโอวหยิบออกมาประมูลก็คือปลาพระจันทร์ที่เขาตกได้ในช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อเขาลงมือทำเป็นตัวอย่างแล้ว หากไม่มีสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลที่ยอดเยี่ยมก็คงไม่มีชาวประมงหน้าเก่าคนไหนกล้าใช้ปลาเป็นสินค้าประมูลได้อีก


ในงานประมูลฉินสือโอวเป็นได้เพียงตัวประกอบ เพราะตราบใดที่ยังมีพวกเศรษฐีอาหรับอยู่ โอกาสในการโอ้อวดจะเวียนมาถึงเขาได้เหรอ?


ปลาพระจันทร์ถูกอาฟิฟประมูลไปได้ ส่วนฉินสือโอวก็กำลังพิจารณากำไลทองคำขาวซึ่งเป็นผลงานของแคโรไลน์เพื่อนำไปเป็นของขวัญให้วินนี่


แต่ในขณะที่เขากำลังเตรียมเสนอราคา จู่ๆ กลิ่นหอมอบอวลก็ลอยมาตามลม ใครบางคนสะกิดเขาเบาๆ จนเขาต้องหันไปมองแล้วพบว่าคนคนนั้นก็คือเจ้าหญิงงโลลิต้าผู้มีดวงตางดงาม เจ้าหญิงกำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาเปล่งประกายพร้อมความสงสัยที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาแวววาวคู่นั้น


“คุณเป็นกัปตันเรือเหรอคะ?” เจ้าหญิงซาลามาห์ถามออกมาเสียงเบา


ฉินสือโอวพยักหน้า “ครับ ผมมีเรือเล็กๆ อยู่ลำหนึ่ง นอกจากนี้ผมยังเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่เลี้ยงปลาเอาไว้เยอะแยะด้วยครับ”


“มีปลาเยอะแยะเลย? มีปลาอะไรบ้างคะ? มีฉลามไหม? ปลาโลมาล่ะ? แล้วก็วาฬตัวโตๆ ด้วย?” เจ้าหญิงซาลามาห์เบิกตาโตถามออกมา จมูกเล็กๆ ของเธอขยุกขยิกไปมา แถมริมฝีปากสีเชอร์รีก็ดูเอิบอิ่มจนเหมือนผลแอปริคอท


ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะ “มีฉลามกับวาฬครับ แถมวาฬยังเป็นวาฬเบลูกาที่สวยมากด้วย แต่ฟาร์มปลาของผมไม่มีปลาโลมาหรอกนะครับ เกรงว่าคงทำให้องค์หญิงผิดหวังแล้ว”


เจ้าหญิงซาลามาห์บิดนิ้วไปมา เมื่อเธอเห็นว่ามีคนกำลังพิจารณาเธอด้วยความสงสัยเธอก็ใช้ปลายเท้าของรองเท้าบูตเล็กๆ เคาะลงไปบนพื้นแล้วเดินจากไปช้าๆ ด้วยใบหน้าที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นสร้อยข้อมือก็เริ่มเปิดประมูล ฉินสือโอวสามารถชิงสร้อยข้อมือเส้นนั้นมาได้ในราคา 45,000 เหรียญ หลังจากงานเลี้ยงในช่วงเย็นสิ้นสุดลงเขาก็กลับไปยังโรงแรม วินนี่ยื่นข้อมือออกมาอย่างมีความสุข ฉินสือโอวได้แต่ยักไหล่แล้วพูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา “ไม่ ผมไม่ได้ให้คุณสักหน่อย”


“จะเอาไปให้เจ้าหญิงองค์น้อยหรือไง?” วินนี่ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม


ฉินสือโอวอุ้มหู่จือขึ้นมาแล้วพูดออกไป “ทำไมไม่เอามันให้หู่จือล่ะ?”


“คุณอยากจะรัดคอเจ้าเด็กนี่ให้ตายหรือไงคะ?” วินนี่ทำท่าเหมือนจะเอาสร้อยข้อมือไปสวมให้หู่จือ จนทำให้มันตกใจวิ่งหนีไปทันทีเพราะมันไม่อยากถูกสายจูงล่ามเอาไว้


ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกันไปมาอาฟิฟก็โทรเข้ามาหาเขาเพื่อชวนเขาไปฟิตเนสของโรงแรม


หลังจากฉินสือโอวไปถึงเขาก็พบว่าบริเวณด้านนอกฟิตเนสมีบอดี้การ์ดสวมชุดดำยืนอยู่ประมาณ 4 คน 2 คนในนั้นเป็นชายวัยกลางคนผิวขาวขณะที่อีก 2 คนเป็นชาวตะวันออกกลางไว้หนวดเครา


เป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากเข้าไปในฟิตเนสแล้วนอกจากอาฟิฟก็ยังมีเจ้าชายฮันรีอยู่ด้วย


เจ้าชายฮันรีกำลังเปลือยอกชกกระสอบทรายจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อรางๆ ยามที่เขาขยับร่างกาย คงเป็นเหมือนอย่างที่พวกสื่อพูดเอาไว้ เจ้าชายหัวแข็งเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออยู่ในกองทัพ เขาคงได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง


“มาชกด้วยกันไหมครับ?” เจ้าชายฮันรีส่งสัญญาณให้ฉินสือโอวสวมอุปกรณ์ชกมวย


ฉินสือโอวปฏิเสธ “ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่เคยชกมวยมาก่อน คงเป็นคู่ต่อสู้ให้คุณไม่ได้หรอก”


เจ้าชายฮันรีพูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมชวนคุณมาชกกระสอบทรายด้วยกันต่างหาก”


ถ้าเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็ไม่ปฏิเสธ นีลเซ็นและเบิร์ดเคยสอนศิลปะการชกมวยในกองทัพให้เขามาก่อน ในฟาร์มปลาเองก็มีกระสอบทราย เวลาไม่มีอะไรทำฉินสือโอวก็จะไปชกมันเรียกเหงื่อเล่นๆ เหมือนกัน


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระสอบทรายที่แกว่งไปมา ฉินสือโอวก็ขยับไหล่เหมือนกำลังทำท่าทางหลอกล่อก่อนจะแย็บหมัดพุ่งเข้าไปด้านหน้าอย่างรุนแรง


เมื่อหมัดขวาถูกปล่อยออกไปหมัดซ้ายก็ตามมาติดๆ แล้วพุ่งออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง!


หลังจากโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่องอีกหลายที กระสอบทรายที่ถูกโจมตีก็กระเด็นกระดอนไปมา ฉินสือโอวขยับเท้าไล่ตามไปทางด้านซ้ายของกระสอบทรายอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้หมัดซ้ายและหมัดขวาถูกปล่อยออกไปพร้อมๆ กัน ร่างกายของเขาขยับไปมาเป็นเงาวูบไหวแล้วโจมตีเข้าใส่กระสอบทรายรวดเร็วเหมือนพายุจนมันสั่นไปมาไม่หยุด!


เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวรัวหมัดใส่กระสอบทรายจนมันน่าสงสารมากแค่ไหน เจ้าชายฮันรีก็ได้แต่เบิกตามองเขาอย่างโง่งมก่อนจะหันไปพูดกับอาฟิฟที่อยู่ข้างๆ “พี่ผมบอกว่าคนจีนชอบถ่อมตัว แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย”


อาฟิฟที่เตรียมจะแสดงฝีมือสวมเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดออกไปเงียบๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกขายหน้า


หมัดของฉินสือโอวไม่มีทักษะอะไรมากมาย แต่เมื่อนำข้อดีของการระเบิดพลังหมัด การก้าวเท้า ความเร็วและความพลิ้วไหวของปลายเท้ามารวมกัน ต่อให้ไม่มีทักษะใดๆ ก็ยังสามารถปลดปล่อยการชกมวยอันยอดเยี่ยมออกมาได้


หลังจากออกกำลังกายไปสักพัก ฉินสือโอวที่เริ่มมีเหงื่อออกก็หยุดมือลงแล้วหันไปพูดคุยกับเจ้าชายทั้งสอง เจ้าชายฮันรีไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไร นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่นับว่ามีฐานะเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสนิทสนมกับฉินสือโอว ด้วยเหตุนี้หลังจากเขาพูดคุยไปได้ไม่กี่ประโยคเขาก็บอกลาแล้วปล่อยให้อาฟิฟและฉินสือโอวอยู่ด้วยกันต่อ


เมื่อเจ้าชายฮันรีจากไปแล้วอาฟิฟก็พูดขึ้นมา “ผมกับเฮนรีเพิ่งพบกันได้ไม่กี่ครั้ง เขากับลูกพี่ลูกน้องของผมรวมไปถึงฮามานแดนพี่ชายของเจ้าหญิงซาลามาห์มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์”


โรงเรียนนายร้อยทหารบกแซนด์เฮิสต์อาจไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายในหมู่คนจีน แต่มันมีชื่อเสียงโด่งดังมากในแถบยุโรปและยังได้ชื่อว่าเป็น ‘โรงเรียนทหารแห่งสหราชอาณาจักร’ ด้วย สถานที่แห่งนี้เชี่ยวชาญในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศอังกฤษ ดังนั้นชนชั้นสูงในอังกฤษเกือบ 50% จึงเคยศึกษาอยู่ที่นั่นมาก่อน


แน่นอนว่าหากเล่าว่าชนชั้นสูงเหล่านั้นได้เรียนรู้อะไรในโรงเรียนทหารบ้าง ฉินสือโอวคงไม่เชื่อ แต่เขาก็เป็นแฟนทหารตัวยง ดังนั้นเขาย่อมรู้ดีว่าเรื่องของทหารเป็นเรื่องน่าเบื่อและสิ้นเปลืองพลังงานอย่างหนึ่งสำหรับคนธรรมดา


เมื่อพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่หลายประโยค หัวข้อของทั้งสองคนก็เปลี่ยนไปเป็นการสะสมงานศิลปะ อาฟิฟถามว่าเขามีของสะสมที่น่าสนใจบ้างหรือเปล่า ฉินสือโอวหัวใจกระตุกวูบแล้วพูดขึ้นมา “ผมไม่ได้มีของดีอะไรหรอกครับ แต่ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีภาพเขียนอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์ของวิลเลียมด้วย ภาพนั้นดูไม่เลวเลย”


เมื่อได้ยินคำพูดของฉินสือโอว อาฟิฟก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้วถามออกมาทันที “ฉินสือโอว คุณบอกว่าอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์อย่างนั้นเหรอ ภาพนั้นเป็นของเพื่อนคุณเหรอครับ? เมื่อไม่นานมานี้ภาพนั้นสร้างพายุลูกใหญ่ขึ้นในวงการนักสะสมเลยนะครับ มีนักสะสมหลายคนรู้สึกตื่นเต้นกันมากเมื่อได้ยินชื่อของมัน”


“รวมถึงคุณด้วยหรือเปล่าครับ?”


“แน่นอนว่าต้องรวมผมด้วยสิ ถ้าเป็นไปได้ผมก็หวังว่าผมจะได้ซื้อภาพนั้นมา ส่วนเรื่องราคาก็ให้เพื่อนของคุณเสนอมาเลย”


ฉินสือโอวส่งสัญญาณให้อาฟิฟรอสักครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ไปโทรศัพท์หาบิลลี่และเบลคเพื่อบอกกล่าวข้อเสนอของอาฟิฟให้พวกเขาทราบ


บิลลี่ไม่อยากขาย เขาให้เหตุผลว่าบริษัทได้ทุ่มเททรัพยากรและบุคคลไปเป็นจำนวนมากเพื่อโฆษณาให้ภาพนี้ขายได้ในราคาสูง ดังนั้นหากเขาขายมันเป็นการส่วนตัวในตอนนี้ก็เท่ากับว่าเขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก่อนหน้านี้ไปจนหมด


แต่เบลคไม่สนใจ เขากล่าวว่า “พวกเราเสียแรงโฆษณาไปตั้งเยอะขนาดนั้น นี่เพื่อน ไม่ใช่ว่าพวกเราอยากขายมันในราคาดีๆ หรอกเหรอ? ถามเขาดูสิ เขายอมจ่าย 50 ล้านดอลลาร์เพื่อมันหรือเปล่า? ถ้าเขายอมจ่ายก็ขายมันให้เขาซะ!”


………………………………………


บทที่ 449 เรือประมงที่ตามหลังมา

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภาพอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์นี้ไม่ถือว่าเป็นผลงานคลาสสิกของแวนโก๊ะ แต่เพราะภาพนี้เป็นภาพตอนที่เขาเปลี่ยนสไตล์วาดภาพ ฉะนั้นจะต้องมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แน่นอน นอกจากนั้นแล้วภาพนี้ยังมีลายเซ็นของแวนโก๊ะด้วย แบบนี้ถ้าพวกเบลคจะตั้งราคาสูงก็ไม่ถือว่าเกินไป


ที่จริงแล้วภาพแท้ของแวนโก๊ะ ไม่ว่าจะขายไปด้วยราคาเท่าไรก็เป็นเรื่องปกติทั้งนั้น นิวยอร์กในตอนต้นปีใหม่ร่วมกับบริษัทซัทเทบีส์ลอนดอนจัดการประมูลขึ้นครั้งหนึ่ง ตอนนั้นในงานประมูลก็มีผลงานเลซาลิสก็องของแวนโก๊ะ สุดท้ายรูปนั้นถูกประมูลไปด้วยราคาหกสิบหกล้านสามแสนดอลลาร์สหรัฐ


แต่ราคาของภาพพวกนี้ยังคงห่างกับภาพภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช ภาพนี้ในตอนนั้นก็เคยถูกประมูลไปด้วยราคาสูงถึง 8,250 ดอลลาร์สหรัฐที่นิวยอร์ก และ ‘ตอนนั้น’ ก็หมายถึงปี 1990 ถ้าคำนึงเรื่องเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ลดลง ถ้าคิดเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ มูลค่าของภาพภาพเหมือนของนายแพทย์กาแชก็ประมาณ 15.3 พันล้านดอลลาร์!


ฉินสือโอวบอกราคากับอาฟิฟ เขาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธในทันที แต่ต้องการ ‘พิจารณา’ ดูก่อน


คุยเกี่ยวกับอาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์เสร็จทั้งสองฝ่ายก็แยกย้าย วันที่สองฉินสือโอวก็พาเหล่าชาวประมงกลับไปที่ท่าเรือสโนว์ดิค เตรียมออกทะเลต่อ


พวกเหล่าประมงแทบจะทนรอไม่ไหวอยู่นานแล้ว พอถึงสโนว์ดิคก็ถอดชุดสูทออกอย่างระมัดระวังทันที แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นชายฉกรรจ์ที่ไร้ความละเอียดอ่อน ไม่รู้จักการเก็บรักษาเสื้อสูท สุดท้ายก็เป็นวินนี่ที่ช่วยพวกเขาเอาไปแขวนเก็บไว้ให้


วินนี่ลาพักหนึ่งอาทิตย์ ครั้งนี้กะว่าจะออกทะเลกับฉินสือโอวสักครั้ง


โชคของพวกเขาไม่เลว ตั้งแต่เรือฝ่าพายุคราเคน18 ออกมาได้ สภาพอากาศที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็ดีมากมาตลอด อย่างมากก็มีลมระดับสามสี่ ระลอกคลื่นทะเลนุ่มนวล แสงแดดสาดส่อง เหมาะที่จะออกทะเลไม่น้อย


ฉินสือโอวกับคนอื่นๆ เพิ่งจะก้าวเท้าไปขึ้นเรือฮาวิซทก็มีชาวประมงเข้าใกล้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ตอนแรกเขานึกว่าพวกเขามาหาผู้รอดชีวิตจากเรือแนสแกสที่พวกเขาช่วยไว้ ปรากฏว่าพอเหล่าชาวประมงอ้าปากพูดถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องนั้น


“เฮ้ กัปตันหนุ่ม ปกติเวลาพวกคุณจับกุ้งมังกรใช้เหยื่ออะไรเหรอ?” ชาวประมงมีอายุดูท่าทางใจดีคนหนึ่งถามขึ้น ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ต่างก็หูผึ่งรอฟัง


ฉินสือโอวจัดสายเคเบิลพลางตอบแบบไม่ใส่ใจ “ตอนแรกก็ใช้เครื่องในสัตว์ ตอนหลังเปลี่ยนไปใช้หมึกกล้วยกับปลาหมึกกระดอง ทำไมเหรอ?”


“โอ้ๆ ไม่มีอะไร ฉันอยากจะพูดว่าฉันก็ชอบเหยื่อที่เป็นเครื่องในสัตว์ กุ้งมังกรชอบ!”


“ใช่แล้วเพื่อน กุ้งมังกรชอบกินของพวกนี้”


“งั้นใช้แค่เครื่องในสัตว์อย่างเดียวเหรอ? ได้เติมอะไรอย่างอื่นลงไปไหม? คุณก็รู้ ตอนนี้มีเรืออย่างน้อยพันลำที่ใช้อันนั้นเป็นเหยื่อ แต่ก็ไม่ค่อยได้อะไรกลับมาเท่าไร”


“ไม่มีของอย่างอื่น พวกเราใช้เครื่องในสัตว์แช่แข็ง เติมอะไรลงไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”


“ใช่ๆ กัปตันหนุ่ม แต่คุณต้องมีเคล็ดลับอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้น คุณก็รู้ ไม่มีทางที่คุณจะทำให้กุ้งมังกรกับปลาแฮดดัคมารุมรักเรือคุณได้หรอก”


มองดูสีหน้าคาดหวังของเหล่าชาวประมงฉินสือโอวก็ยิ้มออกมา เขารู้จุดประสงค์ของคนพวกนี้ อยากรู้เคล็ดลับที่เขาตกกุ้งมังกรกับปลาค็อดได้มากมายแบบนี้ แต่แน่นอนว่าเขาบอกไม่ได้


จัดการทุกอย่างเสร็จ เรือฮาวิซทก็เตรียมออกจากท่า ปรากฏว่าเรือเพิ่งออกจากท่า พรรคพวกเรือประมงประมาณสามสี่สิบลำก็แล่นตามหลังมาราวกับฝูงหมาป่าที่เล็งวัวป่าอเมริกาเหนือที่อ้วนท้วน


เรื่องแบบนี้ปกติมาก หลายวันมานี้ที่ท่าเรือมีการกระจายข่าวลือเกี่ยวกับเรือฮาวิซทตลอด อย่างเช่นครั้งแรกที่พวกเขาออกทะเลก็หาได้ห้าแสนกว่า ออกทะเลครั้งที่สองได้ล้านกว่า!


สำหรับเหล่าชาวประมงที่อยากร่ำรวยจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์แล้ว ผลงานของเรือฮาวิซทถือว่าเหลือเชื่อ! พวกเขาจะเชื่อสนิทว่าเรือฮาวิซทเจอที่ลับที่กุ้งมังกรกับปลาแฮดดัคมารวมตัวกัน เลยอยากพากันตามไปขอส่วนแบ่งด้วย


พวกแลนซ์ไม่อยากให้พวกนั้นแย่งที่จับปลาล้ำค่าที่ฟาร์มปลาตัวเองอุตส่าห์เจอจึงหาทางสลัดพวกที่ตามมาทิ้งไป


แต่ทะเลกว้างใหญ่ไพศาล เรือฮาวิซทก็ไม่ถือว่าเร็ว แน่นอนว่าสลัดพวกชาวประมงที่ตามมาด้านหลังไม่ได้


เห็นวินนี่อยู่บนเรือ ดวงตาของแลนซ์ก็กลอกไปมาอย่างมีเลศนัยแล้วพูดขึ้น “เฮ้ กัปตัน ทำไมไม่พาคุณวินนี่ไปเที่ยวเขตทะเลแปร์เซสักหน่อยล่ะ? ไปดูหินประหลาดเซนต์ลอว์เรนซ์เสียหน่อย นั่นมันจุดชมวิวท่องเที่ยวที่รองลงมาแค่ท่าเรือสโนว์ดิคเลยนะ”


ฉินสือโอวพิจารณาคำแนะนำของแลนซ์ก็รู้สึกว่าข้อเสนอนี้ไม่เลว ควรจะพาวินนี่ไปวนดูแถวเขตทะเลที่หินแปร์เซตั้งอยู่เสียหน่อย วินนี่ขึ้นเรือมาไม่ใช่เพื่อทำงานหาเงิน


หินแปร์เซหรือเรียกอีกชื่อว่าเพอเซ่ ร็อก เป็นหินโค้งตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกยกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติของแคนาดา ฉินสือโอวเคยได้ยินมานานแล้ว ตอนนี้ได้ไปดูก็ดี


ดังนั้นเรือฮาวิซทจึงหันไปทางเหนือ แล้วแล่นไปทางแถบทะเลแปร์เซอย่างยิ่งใหญ่


จากท่าเรือสโนว์ดิคตามชายฝั่งทะเลไปทางเหนือประมาณหนึ่งร้อยกว่ากิโลเมตร แนวเขาหินลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นราวโผล่ออกมาจากทะเล ทอดแนวยาวไปบนผิวน้ำ รอบๆ มีคลื่นเข้าซัดไม่หยุดหย่อน น้ำทะเลมากมายสาดกระเซ็น แต่เขาหินก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย!


ประมาณตรงกลางของเขาหินลูกนี้ จู่ๆ ตรงกลางของหินก็กลวง กลายเป็นประตูหินโค้งที่สูงถึงสิบสี่สิบห้าเมตร


วินนี่หยิบเอากล้องมาถ่ายรูป แลนซ์พูดกับฉินสือโอวว่า “ว่ากันว่าเมื่อร้อยยี่สิบกว่าปีก่อนวิวที่นี่สวยกว่านี้อีก ตอนนั้นมีประตูหินโค้งใหญ่แบบนี้สองอัน น่าเสียดายที่โดนลมโดนฝนจนประตูหินอันหนึ่งพังลงไปแล้ว ไม่รู้ว่าอันที่เหลือจะทนไปได้นานแค่ไหน”


ฉินสือโอวยักไหล่ก่อนจะตอบ “พลังของเวลายิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นของที่แข็งแกร่งแค่ไหน สุดท้ายต่อหน้าเวลาแล้วก็จะหายไปอยู่ดี”


ชมรอบๆ เขาหินครู่หนึ่ง ฉินสือโอวก็ปล่อยแพเล็กลงแล้วพาวินนี่ออกจากเขตฟาร์มเข้าไปใกล้เขาหิน พวกเขาลอดผ่านใต้ประตูหินโค้ง ชื่นชมเขาหินใหญ่ยักษ์ในระยะใกล้ ตื่นตาตื่นใจกว่าเดิมอีก!


ถ่ายรูปมาพอแล้ว ฉินสือโอวก็สั่งการเรือให้เข้าไปในเขตศูนย์กลางของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ จิตสำนึกโพไซดอนตามไอซ์สเกตกับบอลหิมะไปหากุ้งมังกรกับฝูงปลาค็อด


ก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจมาเที่ยวแถวๆ เขาหินแปร์เซไม่ใช่แค่อยากดูแนวหินประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ยังเพราะเรือที่ตามหลังเรือฮาวิซทมามันเยอะเกินไป เรือที่มากมายขนาดนี้ต่อให้เจอฝูงกุ้งฝูงปลาตอนนี้ก็ไม่พอแบ่งให้ทุกคน


ตอนแรกฉินสือโอวหวังว่าพวกชาวประมงที่ตามมาจะหมดความอดทนแล้วจากไปเอง แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าเหล่าชาวประมงช่างมีความอดทนจริงๆ ตอนออกจากท่าก็มีเรือตามมายี่สิบกว่าลำ สุดท้ายตอนที่เรือฮาวิซทแล่นจากไปจากเขาหิน ก็ยังคงมีเรือยี่สิบกว่าลำเหมือนเดิม


นั่นทำให้ฉินสือโอวค่อนข้างรำคาญ เขาเลือกฝูงกุ้งมังกรฝูงหนึ่งไว้แล้ว บอลหิมะไปเจอเมื่อคืนวานนี้ อยู่ตรงบริเวณอ่าวน้ำลึก ที่นี่ได้รับผลกระทบจากแบคทีเรียค่อนข้างน้อย ขนาดของฝูงกุ้งไม่เลว


แต่ถ้าไม่สามารถสลัดเหล่าชาวประมงทิ้งไปได้ ต่อให้เจอฝูงกุ้งที่โตกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องถูกแย่งไปหมดแน่นอน


………………………………………………


บทที่ 450 เล่นงานพวกแกสักที

โดย

Ink Stone_Fantasy

“กัปตัน ทำไงดี?” บูลถามอย่างหัวเสีย “ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะกระทืบไอ้พวกตามติดก้นพวกนั้นให้แบน!”


ตัดทางทำมาหากินคนก็เหมือนฆ่าพ่อแม่ เหล่าชาวประมงได้โอกาสหาเงินมาไม่ง่าย ปรากฏว่าโดนเรือประมงพวกนี้ทำวุ่นจนเสียหมด จะไม่โกรธได้อย่างไร?


พอเรือประมงตามมาทัน อยากจะจับอะไรได้ก็ยากแล้ว


ฉินสือโอวไม่ใช่คนขี้เหนียวที่ตัวเองกินเนื้อแล้วไม่เหลือซุปไว้ให้คนอื่น ประเด็นคือพวกชาวประมงตอนนี้ออกจะบ้าบอไปหน่อย เขากล้าพนันเลยว่าขอแค่เขาเอาที่ดักกุ้งโยนลงทะเลไป รอบๆ นั้นจะต้องวางที่ดักกุ้งกันเพียบในทันทีแน่ๆ


แบบนั้นพอเชือกที่มัดที่ดักกุ้งพันกัน อย่าพูดเรือฮาวิซทจับกุ้งได้เลย แค่เก็บที่ดักกุ้งกลับมาได้ครบก็ถือว่าพระเจ้าคุ้มครองแล้ว


อวนจับปลาก็เหมือนกัน ฝูงปลารวมตัวกันหาอาหารในบริเวณเล็กๆ แต่ก็กระจายกันไปในเขตทะเลหลายตารางกิโลเมตร


พอเรือฮาวิซทปล่อยอวน เรือหาปลาลำอื่นก็จะปล่อยตาม แบบนี้ก็จะรบกวนความสงบใต้น้ำ จะเป็นการทำให้ปลาตกใจหนีไป ใครก็อย่าหวังจะจับปลาได้


ฉินสือโอวให้สัญญาณให้บูลควบคุมอารมณ์ไว้ เขาเองก็รำคาญมากๆ จะให้ตีกับชาวประมงข้างหลังก็ไม่ได้จริงไหม? แต่เขาก็ไม่มีวิธีไล่พวกเขาให้ไปไกลๆ จริงๆ


ในใจกรุ่นโกรธ ฉินสือโอวเลยไม่ปล่อยอวนเสียเลย แค่แล่นเรือฮาวิซทล่องในอ่าวไปทั่ว มีปล่อยอวนจับอะไรนิดๆ หน่อยๆ เป็นพักๆ แต่ขอแค่เรือฮาวิซทปล่อยอวน เรือประมงลำอื่นก็ปล่อยอวนทันทีเช่นกัน


ตอนกลางวัน บอลหิมะเจอฝูงปลาแซลมอนชัมฝูงหนึ่ง ในนั้นมีแต่ปลาแซลมอนโคโฮอ้วนๆ ทั้งนั้น ทำเอาฉินสือโอวตาเป็นประกาย


ปลาแซลมอนโคโฮเป็นหนึ่งในปลาที่มีค่าที่สุดในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ มีข้างท้องสีเงินประกาย พวกมันปรากฏตัวบนผิวน้ำตามด้านบนตามช่วงน้ำขึ้น แสงแดดส่องผ่านผิวน้ำกระทบลงบนตัวพวกมันจนเป็นแสงสีม่วงอ่อน ทั้งสวยและดูสูงค่า


ใครๆ ก็รู้ว่าปลาแซลมอนชัมวางไข่ตามกระแสน้ำในแม่น้ำ แซลมอนโคโฮก็เหมือนกัน เพียงแต่เทียบกับพวกตระกูลใกล้เคียงและพวกห่างๆ แล้ว ปลาชนิดนี้อยู่ในทะเลนานกว่า ปกตินอกจากขยายพันธุ์แล้วนอกนั้นก็อยู่แต่ในทะเล


ในฟาร์มของฉินสือโอวก็เพาะเลี้ยงปลาแซลมอนโคโฮกับปลาแซลมอนชินูก เขาเสียดายที่จะจับมาตลอด ปลาทั้งสองชนิดนี้ล้วนแล้วแต่มีราคามาก


เสียดายที่จะจับในฟาร์มปลาของตัวเอง แต่ของสาธารณะแน่นอนว่าไม่ เห็นปลาแซลมอนโคโฮพวกนั้น ฉินสือโอวก็สั่งให้เรือฮาวิซทปล่อยอวนจับปลา


ปรากฏว่าเรือประมงด้านหลังเห็นเรือฮาวิซทปล่อยอวน พวกเขาก็เข้ามาล้อมไว้รอบด้านทันที และพากันปล่อยอวนลงทะเลเช่นเดียวกัน ส่วนที่ว่าถ้าอวนเกิดพันกันขึ้นมาจะทำอย่างไร? พวกเขาไม่คิด ขอแค่มีโอกาสหาเงินได้ก็พอ!


จู่ๆ อวนมากมายขนาดนี้ก็ถูกปล่อยลงในเขตทะเลแถบนี้ สภาพแวดล้อมแสนสงบใต้ท้องทะเลก็ถูกทำลายทันที เหล่าปลาแซลมอนชัมสัมผัสได้ถึงอันตรายจึงรีบแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ หนีกันไปคนละทิศคนละทาง อวนส่วนมากสุดท้ายพอดึงขึ้นมาก็ไม่ได้อะไรมาก


เพราะเรือฮาวิซทปล่อยอวนก่อนเลยได้อะไรมาหน่อย อวนปล่อยเอาปลาใส่ในช่องแช่ ได้ประมาณสี่ห้าร้อยกิโลกรัม


เห็นว่าที่ร่วงลงมาจากอวนเป็นปลาแซลมอนชัม บูลก็ตื่นเต้นขึ้นมาพลางร้องตะโกน “โอ้ พระเจ้า! โอ้ พระเจ้า! ผมรักท่าน รักท่านสุดๆ ! นี่มันปลาแซลมอนโคโฮ! ราคาสูงกว่าปลาแฮดดัคมากด้วย!”


แลนซ์ก้มลงไปหยิบปลาอ้วนสองสามตัวขึ้นมาดูแล้วพูดอย่างพอใจ “ปลาดีๆ ทั้งนั้น ดูสิ ปรสิตบนตัวเยอะขนาดนี้ สองข้างของลำตัวยังมีสีเงินสว่างแสนสมบูรณ์แบบ ปากของปลาตัวผู้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเข้าตลาดต้องได้ราคาสูงแน่!”


พูดไป เขาก็ถอนใจอย่างเสียดายขึ้นอีก “น่าเสียดายที่ครั้งนี้จับปลามาได้น้อยไป อย่างมากก็ครึ่งตัน จะขายได้เท่าไรเชียว?”


ปกติปลาแซลมอนโคโฮจะขายให้ร้านอาหารเพื่อทำพวกปลาดิบกับซาชิมิ ฉะนั้นราคาจึงแพงลิ่ว


แต่ไม่ใช่ปลาแซลมอนโคโฮทั้งหมดที่จะสามารถขายได้ราคาสูง มีแค่ปลาที่อยู่แต่ในทะเล ไม่ค่อยได้ไปวางไข่ในแม่น้ำถึงจะมีราคา


การวิเคราะห์เรื่องนี้ไม่ยากสักนิด ปลาแซลมอนโคโฮดึงดูดปรสิตมาก ปรสิตบนตัวยิ่งเยอะก็ยิ่งสด แสดงว่าเวลาที่อยู่ในทะเลก็ยิ่งนาน ถ้ามันเคยเข้าไปขยายพันธุ์ในแม่น้ำล่ะก็ ปรสิตจะไม่มีทางมีชีวิตได้ในน้ำจืด จะค่อยๆ ตายไปแล้วหลุดออกจากตัวปลา


อีกอย่าง ถ้าปลาแซลมอนโคโฮอาศัยในน้ำจืดไปช่วงหนึ่งสีเงินสว่างสมบูรณ์แบบบนลำตัวของพวกมันก็จะเริ่มเปลี่ยนไป สีจะค่อยๆ หมองลงจนสุดท้ายกลายเป็นสีน้ำตาลเทา


เรื่องนี้เกี่ยวกับปริมาณไขมันที่ปลาเเซลมอนแปซิฟิกสะสมไว้ในร่างกาย ปลาชนิดนี้หาอาหารและเติบโตในทะเล สะสมปริมาณไขมันไว้มาก ไขมันยิ่งเยอะเนื้อก็ยิ่งคุณภาพดี


แต่พอไปอยู่ในน้ำจืด พวกมันก็ไม่หาอาหารอีก อาศัยเพียงการเผาผลาญไขมันที่สะสมมาเพื่อรักษาพฤติกรรมพื้นฐานที่จำเป็นต่อการผสมพันธุ์ ยิ่งเผาผลาญไขมันมากเท่าไร สีเงินสว่างบนผิวก็ยิ่งหม่นลง คุณภาพเนื้อก็ยิ่งตก


อีกอย่าง การอาศัยอยู่ในน้ำจืดนานเกินไป ปลาแซลมอนโคโฮยังจะเสียรูปร่างทรงกระสวยสมบูรณ์แบบที่มีแต่เดิมด้วย บนผิวจะผุดลายจุดสีน้ำตาลแดง ปากก็จะกลายเป็นทรงตะขอใหญ่ด้วย


การที่สามารถจับปลาแซลมอนโคโฮที่ไม่เคยผสมพันธุ์มาก่อนได้ในฤดูแบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่โชคดีมากๆ เพราะพวกมันชินกับการวางไข่ตามกระแสน้ำระหว่างเดือนตุลาคมกับธันวาคม ต่อให้เจอปลาแซลมอนโคโฮในเดือนมกราคมบางครั้ง แต่ก็ผ่านการวางไข่มาแล้ว


จู่ๆ ปลาแซลมอนโคโฮสิบกว่าตันก็กลายเป็นเหลือไม่ถึงครึ่งตัน ถ้าในใจฉินสือโอวไม่โกรธก็คงโกหก เขามองไปทางเรือประมงที่ตามหลังมาอย่างโกรธเคืองพลางเริ่มครุ่นคิดว่าจะเล่นงานพวกนั้นอย่างไรดี


เรือประมงพวกนี้ไม่รู้ตัวสักนิด พอพวกเขาพบว่าการปล่อยอวนครั้งนี้มีมูลค่าเยอะก็ยิ่งเชื่อว่าฉินสือโอวมีเคล็ดลับวิธีหาปลาเฉพาะตัว ต่อให้อวนนี้ได้ปลาไม่เท่าไร แต่การตัดสินใจที่พวกเขาจะตามเรือฮาวิซทก็แน่วแน่มากขึ้น


เงินดอลลาร์ที่ถึงมือบินหายไปแล้ว คนนิสัยดีอย่างชาร์คกับแลนซ์ยังโกรธ คนหลังเข้าไปในห้องคนขับหยิบวิทยุไร้สายขึ้นมาเริ่มด่า “เห็นแก่พระเจ้าเถอะไอ้พวกงั่ง ห่างๆ พวกเราไปหน่อยจะได้ไหมฮะ? ดูสันดานตัวเองหน่อยเถอะ อย่างกับฝูงหมูขาสั้นอ่อนแอ! แม่พวกแกไม่ได้สอนให้พวกแกยืนด้วยลำแข้งตัวเองหรือไง? ไอ้พวกสมควรตาย ก่อนที่เราจะโกรธ รีบไสหัวไปซะ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้…”


แต่ความโกรธของเขาล้วนแล้วแต่เสียเปล่า เรือประมงด้านหลังก็ยังคงตามมาติดๆ แล้วยังมีคนเยาะเย้ยผ่านช่องวิทยุสาธารณะเสียงเย็นอีกด้วย “อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เป็นของพวกแกหรือไง?” คนเซนต์จอห์น แน่จริงก็มาต่อยเราเลย บ่นยืดยาวเป็นผู้หญิงแบบนี้มันแน่เสียที่ไหน?”


บนผิวน้ำทะเลไม่มีทางตีกันได้จริงๆ เว้นแต่ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่เสียดายชีวิตแล้วใช้วิธีชนเรือประมงกัน


แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่อนุญาตให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เราให้สัญญาณเพื่อให้เหล่าชาวประมงสงบลง หลังจากนั้นเขาก็ควบคุมให้บอลหิมะกับเซเบอร์ออกจู่โจมรอบข้าง ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดก็หาเป้าหมายในอุดมคติ ปลาทูน่าขาว!


หลังจากที่เจอปลาชนิดนี้ ฉินสือโอวให้แลนซ์กับบูลล็อคอวนไว้แล้วแกล้งทำเป็นปล่อยอวนอย่างกับเจอปลาฝูงใหญ่


ทางเรือฮาวิซทปล่อยอวน เรือประมงที่ตามหลังมาก็ตื่นเต้นกันใหญ่ในทันที


ก่อนหน้านี้พวกเขาปรึกษากันในสายวิทยุที่เข้ารหัสว่าใครไปทางไหน ไปจุดไหนก็ล้วนถูกวางไว้หมด


ครู่เดียว เรือประมงทั้งหมดก็เร่งความเร็วแล้วล้อมเข้ามาจากข้างหลัง อวนแต่ละอันถูกปล่อยลงจน แทบจะครอบคลุมทั้งท้องทะเลในแถบนั้น


………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)