ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 439-446

 ตอนที่ 439 คิดอยากจะให้คนทั้งหมดหมุนรอบตัวคุณหรอ


อู่เยวี่ยค่อยๆ ฟื้นคืนสติสู่สภาพเดิม บนใบหน้าแสบร้อน มีรสชาติสนิมอยู่ในปาก ในใจนั้นทั้งเจ็บปวดทั้งขมขื่น


โตมาจนถึงตอนนี้แม้กระทั่งนิ้วหัวโป้งพ่อยังไม่เคยแตะต้องเธอเลยสักครั้ง แต่หลังจากที่อู่เหมยปรากฏตัวมา นี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วที่อู่เจิ้งซือตีเธอ


เวลานี้ในใจของพ่อ เธอคงจะโดนทิ้งเหมือนกับรองเท้าแล้วล่ะมั้ง?


“พ่อ พ่อเปลี่ยนไปแล้ว เพียงเพราะคะแนนของหนูถดถอย ไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับพ่อได้ พ่อก็เลยหงุดหงิดมองหนูไม่เข้าตาไปเสียทุกอย่าง พ่อไม่คิดว่าหนูเป็นลูกสาวอีกต่อไปแล้ว  พ่อแค่เห็นหนูเป็นเครื่องมือ เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้สร้างหน้าตาให้ตนเองเท่านั้น!”


อู่เยวี่ยน้อยใจและเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด  เธอไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตัวเองทำผิด อู่เหมยนังสารเลวนี่ ปล่อยข่าวลือของเธอไปทั่วทุกที่ ทำลายชื่อเสียงของเธอ อีกทั้งยังแย่งความรักของพ่อไป เธอได้แต่เสียใจที่ไม่ทำให้ขาของนังอู่เหมยพิการไปเสียเลย!


เหอปี้อวิ๋นได้ยินคำพูดของลูกก็พลันตกใจยกใหญ่ ต่อให้เธอจะคิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอก็ยังใจเย็นกว่าอู่เยวี่ย รู้ว่าคำพูดพวกนี้ห้ามพูดต่อหน้าของอู่เจิ้งซืออย่างเด็ดขาด


อู่เจิ้งซือเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบทั้งยังรักศักดิ์ศรีเป็นที่สุด แต่อยู่ข้างนอกกลับทำตัวเหมือนคนใจกว้าง เยวี่ยเยวี่ยพูดหักหน้าอู่เจิ้งซือแบบนี้ เขาไม่โมโหสิถึงจะแปลก!


“เยวี่ยเยวี่ยลูกทำไมถึงได้พูดจากับพ่อแบบนี้ รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!” เหอปี้อวิ๋นแสร้งตำหนิ


สติปัญญาของอู่เยวี่ยโดนอู่เจิ้งซือตบจนหายไปหมดแล้ว คำพูดของเหอปี้อวิ๋นยิ่งทำให้เธอสะเทือนใจ อู่เยวี่ยยิ้มเยาะพูดว่า “หรือว่าหนูพูดผิดไป? ตอนนี้กลับมองอู่เหมยดูดีขึ้น ทั้งยังได้รางวัลอีก ในใจของพ่อก็คงมีแต่อู่เหมย  ส่วนหนูถ้าไม่ตีก็ด่า เป็นเพราะว่าตอนนี้หนูไม่ใช่ที่หนึ่ง ไม่สามารถนำเกียรติยศมาให้พ่อได้แล้ว!”


อู่เหมยชำเลืองมองไปทางอู่เจิ้งซือที่หน้าคล้ำเขียวด้วยความโกรธอย่างเงียบๆ ยิ้มเยาะอยู่ในใจ อู่เยวี่ยนี่เป็นพวกเห็นแก่ตัวชะมัด หวังว่าคนบนโลกทั้งหมดจะหมุนรอบตัวเธองั้นเหรอ โดยเฉพาะสายตาของผู้ชายจะต้องมองมาที่เธอ คิดว่าตัวเองเป็นทองคำจริงๆ หรือยังไง!


เชอะ ต่อให้เป็นทองคำก็ไม่แน่ว่าจะมีคนชอบนะ!


บางคนชอบเพชรกว่าก็มีถมไป?


“พี่นี่ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย พ่อยังดีกับพี่ไม่พออีกหรอ? พี่เป็นลูกที่พ่อแม่รักและทะนุถนอมที่สุดในบ้าน พี่ยังมีอะไรที่ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”


“พี่มีเหตุผลอะไรที่อยากจะให้ฉันใช้ชีวิตแย่กว่าพี่ให้ได้? ฉันดูดีกว่าพี่ ทำงานบ้านได้ดีกว่าพี่ มีความสามารถหลายอย่างมากกว่าพี่  นอกจากเรื่องคะแนนการเรียนที่พอถูไถแล้ว พี่ยังมีอะไรที่เอามาอวดได้บ้าง? ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพี่เอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองควรจะเป็นคนที่ใครเห็นใครก็รักได้?”


อู่เหมยฉีกบาดแผลทีละชั้นของอู่เยวี่ยด้วยคำพูดอย่างไร้ความปราณี เธอเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บนะ ด่าเพื่อระบายอารมณ์ไปไม่กี่ประโยคคงไม่มากเกินไปมั้ง!


หน้าของอู่เยวี่ยขาวซีดในชั่วพริบตา คำพูดของอู่เหมยเหมือนกับมีดเล่มหนึ่งที่แทงเข้าไปที่ขั้วหัวใจของเธออย่างโหดเหี้ยมจนเลือดไหลโชก


เหอปี้อวิ๋นโอบกอดลูกสาวสุดที่รักด้วยความเจ็บปวดอย่างจับใจ มองอู่เหมยอย่างเกลียดชัง ด่าว่า “พี่แกดีกว่าแกหลายร้อยเท่า ถ้าแกยังพูดไร้สาระอีกฉันจะตีแกให้ตาย!”


อู่เหมยยักไหล่ พูดกับอู่เยวี่ยอย่างเย็นชาว่า “ดูสิ แม่แท้ๆ ของพี่ดีกับพี่มากขนาดไหน พี่ทำไมยังไม่รู้จักพออีก? หรือว่าคิดอยากจะให้พ่อรักชอบพี่แบบไม่มีศีลธรรมใช่ไหม?”


สีหน้าของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอคิดแบบนี้จริงๆ เธอชอบความรู้สึกที่โดนคนรุมรักปกป้องอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อก่อนพ่อแม่ก็เป็นแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองราวกับเจ้าหญิงก็ไม่ปาน


แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นซินเดอเรลล่า ซินเดอเรลล่าที่ยังไม่ได้เจอแม่มด!


อู่เหมยมองความคิดเธอออก มองอู่เยวี่ยแล้วยิ้มเยาะออกมาพูดถากถางว่า “พี่คิดว่าพ่อไร้คุณธรรมไร้การศึกษาอย่างแม่หรือไง? พ่อเขาเป็นปัญญาชน  พ่อจะสามารถปกป้องคนที่ทำผิดได้ยังไง? ตอนเด็กขโมยเข็ม โตขึ้นขโมยทอง ตอนนี้ไม่สั่งสอนพี่ หรือว่าต้องรอให้พี่โตไปแล้วไปสร้างเรื่องขายขี้หน้าให้ตระกูลอู่งั้นเหรอ?”


…………………………………………..


ตอนที่ 440 มือของหนูยังต้องวาดรูปอีก


ทุกประโยคของอู่เหมย ทำเอาสีหน้าอู่เยวี่ยซีดเผือด อู่เจิ้งซือยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเข้าหู แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นเหมือนกับเหอปี้อวิ๋น  ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้เหรอ?


เหอปี้อวิ๋นกลับโมโหเป็นไฟ ด่าด้วยอารมณ์เดือดดาลว่า “คุณอู่คุณยอมให้นังเด็กสมควรตายนี่พูดจาซี้ซั้วได้ไง? คุณดูสิว่ามันพูดอะไรบ้าง มันก่อความวุ่นวายไปหมดแล้ว!”


อู่เจิ้งซือมองเธออย่างเย็นชา มีแต่ความรู้สึกรังเกียจสะอิดสะเอียน คำพูดที่พ่นออกมาแน่นอนว่าไม่ได้น่าฟังอะไรเลย “เหมยเหมยพูดผิดยังไง? แต่ไหนแต่ไรมาระดับการศึกษาคุณก็ไม่ได้สูงอยู่แล้ว บอกให้คุณอ่านหนังสือให้มากหน่อยก็ไม่ฟัง สมน้ำหน้าแล้วที่ลูกก็ยังดูถูกคุณ!”


“คุณอู่ ทำไมคุณถึงได้พูดแบบนี้? เป็นอย่างที่เยวี่ยเยวี่ยพูดไม่มีผิด คุณโดนนังเด็กสมควรตายนี่ดูดวิญญาณไปแล้วจริงๆ ในใจของคุณตอนนี้ไม่มีพวกเราสองแม่ลูกอีกต่อไปแล้ว!”


เหอปี้อวิ๋นรู้สึกท้อแท้ในใจ น้ำตาไหลพรากลงมา เธอนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตอันแสนสุขเหตุใดถึงกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ?


อู่เหมยส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา อดพูดประชดไม่ได้ว่า “คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนูยังไม่ร้อง แต่อู่เยวี่ยที่เป็นคนทำร้ายกลับร้องไห้เสียเอง  นี่พี่กำลังแสดงงิ้วบทไหนอยู่หรอ?”


เหอปี้อวิ๋นที่ร้องไห้เสียงดังหยุดชะงักทันที แล้วด่าอย่างโมโหว่า “แกพูดอะไรไร้สาระอีกแล้ว? หนึ่งวันถ้าไม่ได้พูดใส่ร้ายพี่สาวแกมันจะคันลิ้นหรือยังไง? ฉันจะตีแกให้ตายนังใจดำอำมหิต!”


อย่างไรเสียคนมักจะบีบลูกพลับอ่อน ในเมื่อเธอจนปัญญาที่จะระบายความโมโหกับอู่เจิ้งซือได้ จึงพุ่งเป้าไปหาอู่เหมยแทน!


เท้าของอู่เหมยไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่ จึงเบี่ยงตัวหลบไม่ทัน ทำให้เหอปี้อวิ๋นจับแขนได้ ร่างกายที่ไม่โดนทุบตีมานานมักไวต่อความเจ็บอยู่แล้ว เจ็บจนเธออดจะสูดอากาศเข้าไปไม่ได้


“พ่อคะ แขนของหนูยังต้องวาดรูปอีกนะ!”


อู่เหมยร้องเสียงดัง เธอรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้อู่เจิ้งซือสนใจ เป็นไปดังคาด ——


อู่เจิ้งซือสีหน้าเย็นชาลง เพราะว่าเท้าของอู่เหมยได้รับบาดเจ็บ ผลสุดท้ายแม้แต่งานแสดงของเมืองก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ ถ้าหากเข้าร่วมได้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสไปปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนในงานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีนของเมืองก็เป็นได้ โอกาสที่ดีเช่นนี้กลับโดนอู่เยวี่ยทำลายลงไปเสียแล้ว!


แต่เขาก็ไม่ได้เป็นทุกข์มากขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็ยังมีการแข่งขันระดับประเทศอยู่อีกหนึ่งครั้ง


การแข่งขันระดับประเทศเทียบกับงานเลี้ยงเทศกาลตรุษจีนของเมืองเมื่อเปรียบกันแล้ว ก็ไม่ได้สูงกว่าหรือด้อยไปกว่ากันเลย ก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุด มือสองข้างของอู่เหมยนั้นมีค่ามากกว่าสมบัติล้ำค่าของประเทศเสียอีก บาดเจ็บเล็กน้อยก็ไม่ได้เป็นอันขาด!


เหอปี้อวิ๋นจะใจกล้าเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะกล้าทำร้ายมือของอู่เหมย อู่เจิ้งซือจะไม่โกรธได้อย่างไร?


เขาไม่คิดที่จะด่าอีกต่อไป มุ่งตรงไปดึงมือของเหอปี้อวิ๋นออกแต่ก็ยังเพียงพอที่จะระบายความโกรธออกไปได้ ฝ่ามือคันยุบยิบของอู่เจิ้งซือก็สะบัดฟาดลงไปอย่างไม่ยั้งคิด  เห็นเหอปี้อวิ๋นเดินโซเซสะดุดล้มลงไปกองที่พื้น เขาถึงสบายใจได้!


“โอ้ย!”


อู่เหมยที่ยังอัดอั้นความโกรธอยู่ จงใจส่งเสียงร้องออกมา อู่เจิ้งซือรีบร้อนเดินเข้าไปดู รอบมือขวาเล็กๆ ของอู่เหมยมีสีเขียวช้ำขึ้นมาหนึ่งรอย มันเตะตาเป็นที่สุด!


“พ่อคะ มือของหนูไม่มีแรงแล้ว!”


อู่เหมยแสดงท่าทีเจ็บปวด ใบหน้าตื่นตระหนก ในใจกลับแอบยิ้มอย่างมีความสุข ผิวของเธอนั้นอ่อนนุ่มจึงทำให้เห็นรอยเขียวช้ำเป็นวงใหญ่ได้ง่าย  แต่อันที่จริงกลับไม่มีอะไรร้ายแรง อย่าพูดถึงวาดรูปเลย ยิงปืนควงกระบองก็ยังทำได้สบายๆ


อู่เจิ้งซือได้ยินก็ยิ่งร้อนรน เขาไม่สงสัยคำพูดของอู่เหมยเลยสักนิด ไม่เห็นหรือไงว่ารอบแขนของอู่เหมยเขียวช้ำไปหมดแล้ว!


“พ่อจะเอายาหม่องมาทาให้!”


อู่เจิ้งซือไม่ได้สนใจสองแม่ลูกที่กองอยู่บนพื้น รีบวิ่งไปเอายาหม่องที่ห้องของตัวเอง รีบเอามาทาให้อู่เหมย กลัวว่าจะมีผลกระทบต่อการแข่งขันในปีหน้า


“ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ!”


อู่เหมยเจ็บจนน้ำตาไหลพราก ที่เหอปี้อวิ๋นบีบไม่ได้เจ็บเท่าไรหรอก แต่ที่อู่เจิ้งซือทายาให้เมื่อกี้แทบจะเอาชีวิตน้อยๆ ของเธอไม่รอด!


อู่เจิ้งซือนั้นคิดว่ามือของเธอเจ็บปวดเอามากๆ ยิ่งรู้สึกรังเกียจเหอปี้อวิ๋นมากยิ่งขึ้นไปอีก สีหน้าขึงขังน่ากลัวไปกว่าเดิม!


………………………………………….



ตอนที่ 441 ให้พี่สาวช่วยหนูซักผ้า


อู่เหมยแค่มองสีหน้าของอู่เจิ้งซือก็รู้แล้วว่าคำพูดที่เธอพูดไปนั้นมีผลแล้ว เธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีก วิ่งพลางกระโดดเข้าไปที่ห้องของตัวเองหยิบเอาเสื้อผ้าสกปรกสองสามชิ้นของตัวเองออกมา แล้วก็ตรงดิ่งไปทางห้องอาบน้ำ


“เหมยเหมยลูกกำลังทำอะไรอยู่?” อู่เจิ้งซือถาม


“ซักผ้าไงคะ หนูไม่ใช่พี่สาวนะที่จะมีแม่ซักผ้าให้น่ะ!”


อู่เหมยพูดประชดประชันขณะกำลังแช่เสื้อผ้าลงในน้ำ เธอตั้งใจห้อยมือทั้งสองข้างลงอย่างน่าสงสาร ขยี้เป็นครั้งคราวสองสามครั้ง แกล้งทำตัวน่าสงสาร ใครบ้างล่ะจะทำไม่เป็น!


อู่เจิ้งซือมองอย่างขัดหูขัดตา ยิ่งเป็นห่วงมือของอู่เหมยเข้าไปใหญ่ อีกอย่างเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาตั้งกฎระเบียบไว้ ให้อู่เยวี่ยซักเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้ดูแล้ว เหอปี้อวิ๋นช่วยเธอซักมันทั้งหมดหรือนี่?


เหอปี้อวิ๋นกรีดร้องในใจท่าไม่ดีแล้ว รีบร้อนอธิบายว่า “เยวี่ยเยวี่ยมือของเธอแตกไปหมดแล้ว โดนน้ำไม่ได้ ฉันก็เลย…”


“หน้าไหว้หลังหลอกดีจริงๆ เยวี่ยเยวี่ยโดนเธออบรมสั่งสอนจนเสียคนหมดแล้ว ทั้งโกหก ขโมยของ จนเลยเถิดไปไกลถึงโรยเข็มหมุดในรองเท้าของเหมยเหมย เหอปี้อวิ๋น เธอช่างอบรมสั่งสอนลูกสาวออกมาได้ดีจริงๆ นะ!”


อู่เจิ้งซือตวาดเสียงต่ำ ความเกลียดชังในดวงตาทิ่มแทงเหอปี้อวิ๋นจนเจ็บไปหมด เธอมองข้ามเข็มหมุดห่อนั้นไป ให้ความสนใจแค่ประโยคหลังเพียงเท่านั้น เธอตะโกนตอบกลับอย่างไม่ยินยอมว่า “คุณอู่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าแต่ฉัน เยวี่ยเยวี่ยมีแค่ฉันคนเดียวที่อบรมสั่งสอนหรือไง? ตอนนี้ในใจคุณ ในสายตาของคุณมีแต่นังเด็กสมควรตายนั่น ดังนั้นฉันกับเยวี่ยเยวี่ย คุณจะมองยังไงก็คงขวางหูขวางตาไปทั้งหมดเลยสินะ!”


ลึกๆ แล้วอู่เยวี่ยก็คิดแบบนี้ ความอิจฉาริษยาปิดบังดวงตาของเธอและทำให้สมองของเธอสับสนเลอะเลือน เธอเกลียดอู่เหมยจนเข้ากระดูก แม้กระทั่งอู่เจิ้งซือเธอก็เริ่มที่จะเกลียดแล้ว


มีแค่เหอปี้อวิ๋นที่ทำให้เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอีกครั้ง รู้สึกว่าในบ้านนี้ มีแค่เหอปี้อวิ๋นเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อเธออย่างจริงใจ!


ความคิดของอู่เยวี่ยนั้นผิดเพี้ยนไปหมด เธอลืมไปแล้วว่าไม่กี่วันก่อนตัวเธอเองยังโทษเหอปี้อวิ๋นอยู่เลยที่คิดว่าเธอทำร้ายตัวเองจนเป็นโรคประสาท แล้วก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองจะเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยตัดสินใจที่จะเอาใจอู่เจิ้งซือ


ความคิดพวกนี้เธอลืมไปหมดแล้ว เธอแค่รู้สึกว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้สึกเพียงว่าอู่เจิ้งซือลำเอียงและเขาก็ปฎิบัติกับเธออย่างไม่ยุติธรรม


“พ่อลำเอียง ตอนนี้พ่อรักแต่อู่เหมย ไม่รักหนูแล้ว!”


อู่เยวี่ยตะโกนเสียงดังอย่างเสียใจ ไม่ได้รับรู้ถึงความผิดของตัวเองเลยสักนิดเดียว ยิ่งทำให้อู่เจิ้งซือโมโหอย่างรุนแรง


“พี่อู่เยวี่ย จนถึงตอนนี้ทำไมยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองทำผิด? เพื่อไม่ให้หนูได้เข้าร่วมการแสดงในเมือง พี่ถึงกับตั้งใจทำให้เท้าของฉันได้รับบาดเจ็บ ทำไมจิตใจของพี่ถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้? พี่รู้หรือเปล่าว่าเพื่อนๆ นักเรียนของพี่ที่โรงเรียนเรียกพี่ว่ายังไง?”


อู่เหมยหยุดชะงัก หัวเราะเยาะว่า “พวกเขาเรียกพี่ว่านังงูพิษ นังงูพิษที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่างูจงอางอีก!”


“นังคนใจดำปล่อยข่าวลือไร้สาระอะไรอีกแล้ว ชื่อเสียงของพี่สาวเธอโดนเธอทำลายหมดแล้ว!” เหอปี้อวิ๋นด่าอย่างโมโห หน้าตาดุร้ายเหมือนกับอยากจะฆ่าคนก็ไม่ปาน


อู่เหมยมองไปที่สองแม่ลูกอย่างเฉยเมย พูดทีละคำว่า “ชื่อเสียงของพี่ก็เป็นพี่เองที่ทำลายมันทิ้ง และก็เป็นแม่ที่ด้วยที่ทำลายทิ้ง”


เหอปี้อวิ๋นโมโหจนกระโดดเต้นเร่า เพียงแต่ว่า…


มือของเธอยังไม่ทันจะเหวี่ยงออกไป ตัวของเธอเองก็โดนอู่เจิ้งซือตบคว่ำจนลงไปกองที่พื้น ใบหน้าทั้งสองด้านถือได้ว่ามีร่องรอยสมดุลกันแล้ว


ดวงตาของอู่เหมยปรากฏร่องรอยเหยียดหยามขึ้นแวบหนึ่ง แต่ก่อนทำไมเธอถึงไม่รู้เลยนะว่าเหอปี้อวิ๋นจะโง่ได้ขนาดนี้!


“พ่อคะ มือของหนูเจ็บ ซักผ้าไม่ไหว ให้พี่สาวช่วยหนูซักเถอะ!”


นี่คือความคิดที่เธอเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ ไม่มีอะไรที่จะทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกอับอายขายหน้าได้เท่าให้อู่เยวี่ยซักผ้าแทนเธอแล้ว!


อู่เยวี่ยโมโหคิดจะเปิดปากเพื่อปฏิเสธ แต่ทันใดนั้น อู่เจิ้งซือกลับเห็นด้วยเสียแล้ว


“แบบนี้ก็ดี ให้พี่สาวลูกช่วยซักผ้าให้ลูก ทำจนกว่าลูกจะจบการแข่งขัน ระหว่างนี้เหมยเหมย มือของลูกนอกจากวาดภาพเขียนอักษร อย่างอื่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกก็ไม่ต้องทำทั้งหมด!”


…………………………………………..


ตอนที่ 442 พี่สาว ฉันจะขยันเปลี่ยนเสื้อผ้านะ


                เดิมทีอู่เหมยแค่คิดว่าจะให้อู่เยวี่ยแช่น้ำเย็นไม่กี่วัน เพื่อให้มือเน่าๆ ของเธอทรุดหนักลงไปอีก แต่ไม่คาดคิดว่าอู่เจิ้งซือจะพูดเช่นนี้ และเลื่อนเวลาไปจนถึงก่อนการแข่งขันโดยอัตโนมัติ


                เวลานี้ยังห่างจากการแข่งขันตั้งหลายเดือน ตอนนั้นอากาศถึงจะอุ่นขึ้น มือของอู่เยวี่ยก็คงจะต้องทรมานแล้วล่ะ!


                อู่เยวี่ยไหนเลยจะยินยอมช่วยซักผ้าให้อู่เหมย แทบไม่ต้องใช้ความคิด เธอก็ออกปากปฏิเสธเลยว่า “ไม่เอา หนูอยากไม่อยากซักผ้า พ่อลำเอียง!”


                อู่เหมยหัวเราะเบาๆ พูดว่า “พี่สาว หลายปีก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของพี่ หนูเป็นคนซักทั้งหมด ตอนนั้นทำไมพี่ไม่พูดว่าพ่อลำเอียงบ้างล่ะ?”


                ใบหน้าของอู่เจิ้งซือมีบางส่วนที่อดกลั้นไว้ไม่ได้ เขารู้อยู่แก่ใจอย่างชัดเจนถึงสถานภาพการเป็นอยู่ของอู่เหมยในบ้านนั้นเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จึงรู้สึกเสียใจต่ออู่เหมยเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาเห็นอู่เหมยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก นี่จึงทำให้เขาปลื้มใจมาก แต่อู่เยวี่ยเรื่องอะไรไม่พูดกลับพูดถึงเรื่องนั้น ทำไมจะต้องพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมา


                อารมณ์โมโหที่เพิ่งจะดับลงก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง ตะโกนพร้อมตบลงไปว่า


                “นังเด็กไม่รู้สำนึก ยังไม่รีบไปซักผ้าอีก!”


                ครั้งนี้กลับดี ใบหน้าทั้งสองด้านของอู่เยวี่ยก็มีรอยสมส่วนกันแล้ว เหมือนกับแม่สุดที่รักของเธอไม่มีผิด


                ใบหน้าเหมือนหมูที่สมบูรณ์!


                การตบครั้งนี้ปลุกให้อู่เยวี่ยได้สติ เธอไม่กล้าต่อต้านอีกต่อไป เดินเข้าห้องน้ำอย่างเงียบๆ หยิบเสื้อผ้าในมือของอู่เหมยมาซักด้วย


                น้ำเย็นทิ่มแทงมือของเธอจนปวดแล้วปวดอีก หลายวันแล้วที่ไม่ได้สัมผัสกับน้ำเย็น ปากแผลบนมือเดิมทีนั้นตกสะเก็ดแล้ว แต่ตอนนี้แผลกลับเปิดอีกครั้ง คาดการณ์ได้ว่าพรุ่งนี้มือของเธอจะมีแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผลแน่นอน


                อู่เหมยกระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆ ว่า “ขอบคุณนะพี่สาว ฉันจะขยันเปลี่ยนเสื้อผ้าบ่อยๆ นะ”


                อู่เยวี่ยทำร้ายเท้าของเธอ งั้นเธอก็วางแผนที่จะทำร้ายมือของอู่เยวี่ย ทุกวันให้สัมผัสกับน้ำเย็น แม้แต่ผิวหมูก็ยังพองขึ้นมาได้!


                อู่เยวี่ยไม่รู้สึกสักนิดว่าทำแบบนี้กับอู่เหมย มันคือความใจดำอำมหิต


                ถึงแม้ว่านิสัยพื้นฐานของมนุษย์นั้นจะดีงามก็ตาม แต่อู่เยวี่ยนั้นมีนิสัยน่ารังเกียจเป็นพื้นเดิม เรียกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เลวทรามตั้งแต่เด็ก หัวใจตับม้ามและปอดล้วนแต่เป็นสีดำ


                จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นว่าการที่ตัวเองโรยเข็มหมุดในรองเท้าคนอื่นจะเป็นความผิดแต่อย่างใด!


                วันรุ่งขึ้น มือของอู่เยวี่ยอาการหนักขึ้นไปอีกขั้นจริงๆ สภาพบวมและแดงเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีเลือดไหลออกมา มืออันแสนบอบบางถึงคราวอวสานอย่างสิ้นเชิง แผลเน่าเปื่อยรุนแรงขนาดนี้ วันหลังต่อให้หายดีแล้ว บนมือก็ยังเหลือรอยแผลเป็นไว้ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะเสียรูปทรงได้!


                อู่เจิ้งซือไม่สนใจมือของอู่เยวี่ย เขาผิดหวังท้อแท้กับลูกสาวคนโตของเขาแล้ว ก็เหมือนทัศนคติที่เขาเคยมีต่ออู่เหมยแต่ก่อนไม่มีผิด สิ่งที่เหลือก็มีแต่การเมินเฉยเย็นชา และทำได้แค่ตัดหางปล่อยวัด!


                แน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำกับอู่เยวี่ยนั้นยังคงแตกต่างกันเล็กน้อย ถึงอย่างไรเสียก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จะให้ทำเป็นไม่สนใจจริงๆ ก็คงไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรเธอยังมีสายเลือดเล็กๆ เป็นความผูกพันธ์ ที่มักจะดึงเอาหัวใจของอู่เจิ้งซือกลับมาอยู่เสมอ เพียงแต่ว่าตอนนี้เขากำลังโมโหมาก มองดูเหมือนเขาไม่สนใจแล้วจริงๆ


                และอู่เยวี่ยก็คิดเช่นนั้นจริงๆ ว่าอู่เจิ้งซือไม่รักเธออีกต่อไปแล้ว


                อู่เยวี่ยที่ไม่ได้นอนหนึ่งคืนเต็มๆ นั้น เดิมทีเธอยังคิดที่จะตื่นแต่เช้ามาพูดวิงวอนให้อู่เจิ้งซือยกโทษให้สักประโยค แก้ไขความสัมพันธ์ของพ่อลูกให้กลับเป็นเหมือนเดิม แต่พอเธอเห็นท่าทีของอู่เจิ้งซือแบบนี้ หัวใจเหมือนกับโดนแช่ในเตาน้ำแข็งทั้งดวงก็ไม่ปาน แข็งจนได้ยินเสียงดังก้องกังวาล


                แม้อู่เยวี่ยจะมีอายุสิบสี่ปีแต่ใจก็ถือว่าดำอำมหิต มีความสุขุมห่างไกลอย่างเทียบไม่ได้กับอายุเพียงเท่านี้  พอเธอเห็นอู่เจิ้งซือแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง และยิ่งไม่พอใจต่ออู่เจิ้งซือมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโกรธขึ้นมา ก็ทำหน้าเมินเฉยเย็นชาเสียเลย และทำเป็นเพิกเฉยไม่สนใจกับอู่เจิ้งซือขึ้นมา


                อู่เจิ้งซือเห็นอู่เยวี่ยที่จนถึงตอนนี้ยังทำท่าทางเหมือน ‘ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด’ ในใจก็เย็นเยียบขึ้นมาอีก เขารู้สึกว่าลูกสาวคนโตนั้นถูกเหอปี้อวิ๋นเลี้ยงจนเสียคนไปแล้วจริงๆ


                เฮ้อ! วันหลังเขาคงไม่มุ่งหวังให้อู่เยวี่ยรุ่งโรจน์เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลแทนเขา ขอเพียงแค่เด็กคนนี้ไม่เดินผิดทางก็พอแล้ว!


                อู่เจิ้งซือยังไม่ได้ตระหนักถึงลูกสาวตัวน้อยที่น่าภาคภูมิใจในอดีตคนนี้เลย ตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่ลูกสาวคนนี้ไม่เดินผิดทางก็ดีแล้ว และในวันเดียวกันเขากลับคิดอยากจะเติมแต่งคุณสมบัติดีๆ ให้ลูกสาวคนเล็กเพิ่ม เพื่อจะได้หาผู้ชายที่เหมาะสมกับลูกสาวคนเล็ก ที่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นความหวังทั้งหมดของตระกูล


…………………………………………..


ตอนที่ 443 คำกำชับของคุณปู่


คุณปู่อู่ก็ได้รับรู้เรื่องนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน จี้เหวินฮุ่ยเองที่เป็นคนบอกเขา เรื่องใดเกี่ยวกับอู่เยวี่ยที่สามารถกดขี่อู่เยวี่ยได้ เธอจะกระตือรือร้นมากว่าใครเสมอ เพราะว่าเรื่องที่มีอู่เยวี่ยมาเกี่ยวข้อง ในโรงเรียนก็จะแพร่กระจายไปทั่วเหมือนลมฝนเต็มท้องฟ้า จี้เหวินฮุ่ยจะไม่รู้ได้อย่างไรกัน?


แน่นอนว่าคุณปู่โมโหเป็นอย่างมาก โทรศัพท์เรียกให้อู่เจิ้งซือไปหา พวกเขาพูดคุยอะไรกันบ้างไม่มีใครรู้ รู้เพียงแต่ว่าหลังจากที่อู่เจิ้งซือกลับมา ก็มีท่าทีที่เย็นชาไม่สนใจอู่เยวี่ยมากยิ่งขึ้นไปอีก


ที่จริงแล้วคุณปู่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่กำชับให้ต่อไปอู่เจิ้งซือเอาความใส่ใจตั้งไปที่อู่เหมยให้มาก สำหรับอู่เยวี่ยนั้น แค่ให้เธอมีกินมีใช้ก็พอแล้ว


“หน้าแก่ๆ ของฉันโดนนังมารผจญนี่ทำให้ขายหน้าไปหมดแล้ว ฉันเคยพูดมานานแล้วว่า จะแต่งภรรยาก็ควรแต่งกับคนที่มีคุณธรรม พี่ชายใหญ่ของแกน่ะทำได้ดี แต่ดูแกสิ แต่งอะไรมาก็ไม่รู้ ทั้งยังจะคลอดนังมารผจญอย่างอู่เยวี่ยออกมาอีก ธาตุแท้สันดานเลวไม่ช้าเร็วก็ต้องเปิดเผยออกมาทั้งหมด!”


คุณปู่ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห พอถึงคราวอู่เยวี่ยกลายเป็นแบบนี้ เขารู้สึกว่าเป็นเพราะสายเลือดคุณภาพต่ำของคนแซ่เหอเป็นเหตุ ตอนเด็กไม่แสดงออกมา พอถึงชั้นมัธยมต้นก็เริ่มแสดงออกมา


มิเช่นนั้น ก็ไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไรว่าจากเด็กสาวที่แสนดี แต่ตอนนี้กลายเป็นผีบ้าแบบนี้ไปแล้ว!


อันที่แล้วอู่เจิ้งซือก็คิดคล้ายๆ กับพ่อของเขา คิดว่าเหอปี้อวิ๋นเป็นหายนะของลูกสาวคนโต แต่ว่าเขาก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะทำเป็นไม่สนใจอู่เยวี่ยเลยได้ ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เขายังคงหวังว่าอู่เยวี่ยจะสามารถมีอนาคตที่ดีได้


“เหมยเหมยเด็กคนนี้ไม่เลว ที่สุดแล้วก็เป็นประเภทเดียวกับตระกูลอู่ของพวกเรา มีความสามารถ ลูกรอง วันหลังลูกก็เอาใจใส่เหมยเหมยให้มากๆ หลังจากนี้จะต้องสามารถนำเกียรติยศมาให้ตระกูลอู่ของพวกเราเป็นแน่!”


อู่เจิ้งซือได้แต่รับปาก ไม่กล้ามองคุณพ่อ หวาดผวาเป็นอย่างมาก


สำหรับอู่เหมย เขารู้สึกซับซ้อนมาก


อันที่จริงแล้วเขายังคาดหวังไว้ว่า คนที่จะเป็นเกียรติให้แก่บรรพบุรุษก็คืออู่เยวี่ย ไม่ใช่อู่เหมย


ไม่ใช่แค่คุณปู่ที่กำชับอู่เจิ้งซือ คุณย่าก็กำชับเจาะจงเป็นพิเศษ เธอเตือนว่าตอนปีใหม่ต้องระวังใส่ใจกับคำพูด และอย่าให้เป็นเหมือนเมื่อก่อน ที่สนใจแค่อู่เยวี่ยและไม่เหลียวแลไม่สนใจอู่เหมย


ถึงแม้ว่าคุณย่าจะไม่สมัครใจ แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมาเธอคิดว่าสามีใหญ่ที่สุด เป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าต่อต้านเขา แต่ในใจกลับรักและทะนุถนอมหลานสาวคนโตมาก วางแผนไว้ว่าหากอยู่ลับหลังสามีจะดูแลอู่เยวี่ยให้มากขึ้น


                หลานสาวรวมทั้งหมดสองคน คนเล็กนั้นรู้สึกไม่เข้าตา หากเธอไม่รักใคร่หลานสาวคนโตจะให้ไปรักใคร่ใครที่ไหน?


                อู่เหมยพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างมาก ทุกอย่างอยู่ในแผนของเธอ หากไม่มีอะไรที่เกินความคาดหมาย อู่เยวี่ยก็ลุกขึ้นไม่ได้อีก ตอนนี้อู่เยวี่ยเกือบจะโดนเพื่อนๆ ทั้งโรงเรียนเมินแล้ว ไม่มีใครอยากจะสนใจเธอ ยกเว้นเหยียนหมิงต๋า


                ที่ทุกวันจะติดตามอยู่เป็นเพื่อนข้างกายอู่เยวี่ย แม้แต่พายุฝนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ก็ต้องทำแบบลับๆ ล่อๆ


                คุณปู่เหยียนได้ยินเรื่องที่อู่เยวี่ยโรยเข็มหมุด ก็ยิ่งเกลียดชังอู่เยวี่ยขึ้นไปอีก ออกคำสั่งเข้มงวดห้ามเหยียนหมิงต๋าไปมาหาสู่อู่เยวี่ย เหยียนหมิงต๋าไม่กล้าต้อต้านคุณตาต่อหน้า แต่กลับเฝ้าปกปักรักษาคนในใจอยู่ลับหลัง


                แต่ว่าอู่เหมยก็ยังไม่ค่อยพอใจ ถึงแม้ว่าอู่เยวี่ยในตอนนี้จะเป็นคนที่ใครเห็นใครก็เกลียด แต่เรื่องโรคประสาทของเธอกลับไม่เป็นไปตามแผน ทุกคนยังคงไม่ค่อยยอมเชื่อเรื่องที่อู่เยวี่ยเป็นโรคประสาท


                ทว่าอู่เหมยก็ไม่ได้รีบร้อน เธอกำลังรอโอกาส วันที่จะสามารถเหยียบอู่เยวี่ยไว้ใต้เท้าได้ในที่สุด


                นิสัยของอู่เยวี่ยยิ่งนานไป ก็ยิ่งหม่นหมองระทมทุกข์ ทุกวันนี้ เวลากลับถึงบ้านก็ไม่พูดไม่จากับใคร เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ในโรงเรียนก็เป็นเช่นนี้ พวกอาจารย์ก็ผิดหวังกับเธออย่างยิ่ง สอนเธอแบบเรื่อยๆ และไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเมื่อก่อน


                มัธยมต้นเดิมทีนั้นเป็นเส้นแบ่งเขต เพื่อนนักเรียนหลายคนที่ปกติคะแนนไม่ได้ดี มีแนวโน้มที่จะกลายม้ามืดในทันที ฝ่าฟันขึ้นมาอยู่ระดับบนของทั้งโรงเรียน หากคุณก้าวถอยหลัง คนอื่นก็จะขึ้นมา มีนักเรียนดีเด่นปรากฏตัวขึ้นมามากมายไม่ขาด อาจารย์จะให้ความสนใจคุณคนเดียวไปตลอดได้อย่างไร?


แผลที่เท้าของอู่เหมยค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้สยงมู่มู่มารับส่งทุกวันแล้ว แต่ว่าสยงมู่มู่ก็ยังคงไปเรียนกับเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน อากาศค่อยๆ เย็นลง ปิดเทอมฤดูหนาวกำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้แล้ว


“ปิดเทอมฤดูหนาวเธอจะอยู่ที่ไหน? ฉันนะ พอปิมเทอมฤดูหนาวปุ๊บ ก็จะกลับไปเมืองหลวงกับพ่อและแม่ คุณลุงเล็กของฉันก็จะอยู่ที่นั่นเหมือนกัน!” มีอยู่วันหนึ่ง ตอนเลิกเรียนสยงมู่มู่ได้พูดคุยกับอู่เหมยเกี่ยวกับแผนการในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวของเขา


…………………………………………..


ตอนที่ 444 คนสองคนที่นอนไม่หลับตอนดึก


                อู่เหมยใจเต้น เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยได้ยินสยงมู่มู่พูดมาก่อนว่าป้าของเขาเหมือนกับตัวเธอมาก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ป้าของเธอกับฉันตกลงว่าเหมือนกันมากขนาดไหน?”


                สยงมู่มู่พินิจพิจารณาเธออยู่หลายรอบ พูดว่า “ไม่ว่ายังไงก็เหมือนมาก น่าเสียดายที่ฉันไม่มีรูปของป้าฉันเลย ไม่อย่างนั้นก็จะเอารูปให้เธอดูแล้ว!”


                เขาเห็นว่าอู่เหมยผิดหวังเล็กน้อย จึงพูดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนปีใหม่ฉันถ่ายรูปคุณป้าเล็กสักสองสามรูป เอากลับมาให้เธอดู”


                “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก ฉันแค่รู้สึกแปลกใจ ทำไมที่ไหนๆ ก็มีแต่คนเหมือนกับฉัน!” อู่เหมยรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง


                “เธอยังเหมือนใครอีกเหรอ?” สยงมู่มู่รู้สึกประหลาดใจ


                อู่เหมยขมวดคิ้ว “คุณน้าของฉันน่ะ แต่ว่าฉันไม่เคยพบเธอมาก่อน แล้วก็ไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงเธอมาก่อน มีครั้งที่แล้วที่แม่ทะเลาะกับพ่อฉัน แม่พูดถึงสองสามคำ พูดว่าฉันกับเธอรูปร่างหน้าตาคล้ายกันมาก แถมยังพูดอีกว่า…”


                คำพูดประโยคหลังอู่เหมยไม่ได้พูดออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ พูดออกมาคงไม่ค่อยน่าฟังเท่าไร


                สยงมู่มู่ซักไซ้ไล่เรียงว่า “ยังพูดว่าอะไรอีก?”


                “ไม่มีอะไร!”


                อู่เหมยปิดปากไม่พูดอะไร สยงมู่มู่อยากรู้จนใจคันยิบๆ แต่ไม่ว่าเขาจะซักไซ้ไล่เรียงอย่างไร อู่เหมยก็ไม่พูดอะไรซักคำอีกเลย จึงได้โมโหจนวิ่งพล่านกระโดดไปมา


                “พูดก็พูดแค่ครึ่งเดียว อู่เหมยเธอจริงใจใช่ไหมเนี่ย? เธอรอฉันเลยนะ วันหลังถ้ามีเรื่องอะไร เธอจะต้องเอาแต่ขอร้องพี่ชายคนนี้!” สยงมู่มู่กระหืดกระหอบ


                อู่เหมยมองบนใส่เขาหนึ่งที ส่งเสียงเบาๆ “เจ้าเด็กอมมือ!”


                แต่ว่าเธอรู้สึกแปลกใจกับคุณป้าเล็กคนนั้นจริงๆ เธอรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่?


                อยู่ดีๆ เธอก็นึกถึงสาวงามคนนั้นที่ปรากฏอยู่ในฝันของเธอ จะเป็นไปได้ไหมที่จะมีหน้าตาแบบนั้น?


                ตอนเย็น อู่เหมยก็ฝันอีกแล้ว ยังคงเป็นสาวงามคนนั้นเหมือนเดิม ครั้งนี้ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก โบกมือมาทางเธอไม่หยุด อีกทั้งยังเรียกไม่หยุดว่า “เหมยเหมย!”


                เสียงนั้นเธอได้ยินอย่างชัดเจนมาก เธอพูดคำว่าเหมยเหมย แต่อู่เหมยไม่แน่ใจเลยว่าที่เธอพูดคือคำว่า ‘เหมยเหมย’ ที่แปลว่าน้องสาว หรือว่า ’เหมยเหมย’ ที่แปลว่าสวย หรือว่าอย่างอื่น


                แต่อู่เหมยรู้สึกว่าเหมยเหมยที่ผู้หญิงคนนี้เรียก ก็คือเหมยเหมยชื่อของเธอ นี่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึก


                ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่นะ?


                ทำไมถึงได้เข้าฝันของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก?


                นึกถึงทั้งวัน ตอนดึกก็ฝันถึง หรือว่าเป็นเพราะตอนกลางวันสยงมู่มู่พูดถึงคุณป้าเล็กของเขา ดังนั้นเธอถึงฝันเห็นผู้หญิงคนนี้?


                อู่เหมยไม่ยินดีให้เป็นเหตุผลนี้ เธอหวังยิ่งขึ้นไปอีกว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเธอ บางทีเธออาจจะรู้สึกอยู่ลึกๆ มาตลอด คิดว่าตัวเธอเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเหอปี้อวิ๋น


                หรือบางทีเธอยิ่งหวังว่าตัวเองจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเหอปี้อวิ๋นล่ะมั้ง!


                อู่เหมยนอนไม่หลับอีกต่อไป ลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดหน้าต่าง มองไปที่พระจันทร์สว่างเหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน จิตใจห่อเหี่ยว น่าเสียดายที่ฉิวฉิวยังไม่กลับมา ไม่มีใครให้พูดด้วยเลย


                เวลาประมาณเที่ยงคืน สนามเด็กเล่นด้านหลังเงียบมาก มีลมหนาวพัดเข้ามา อู่เหมยอดหนาวสั่นไม่ได้ สมองแจ่มใสขึ้นมาบ้าง เธอสวมเสื้อโค้ตหนากันหนาว ถือโอกาสนั่งบนขอบหน้าต่างเพื่อชมจันทร์ ถึงอย่างไรก็นอนไม่หลับแล้ว


                คนที่นอนไม่หลับตอนกลางคืนเหมือนกันยังมีเหยียนหมิงซุ่น เขาจ้องมองดูบ้านเก่าอยู่หนึ่งหลัง ทำเลที่ตั้งไม่ได้ดีมาก ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมือง แต่บ้านนั้นใหญ่มาก มีห้องยี่สิบกว่าห้อง อีกทั้งยังมีพื้นที่โล่งขนาดใหญ่อีก


                เขาประเมินคร่าวๆ ห้องรวมกับพื้นที่ว่างน่าจะประมาณยี่สิบหมู่[1] เจ้าของตั้งราคาเริ่มอยู่ที่สามหมื่นหยวน ไม่ยอมลดราคาแม้แต่นิดเดียว


                สามหมื่นเป็นเงินทั้งหมดที่เขามี ถ้าหากเขาซื้อบ้านหลังนี้ เขาก็จะมีเงินติดตัวไม่มากเลยจริงๆ เมื่อไม่มีเงินก็จะไม่มีความรู้สึกปลอดภัย นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนหมิงซุ่นลังเล


                เหยียนหมิงซุ่นที่จิตใจเต็มไปด้วยเรื่องกังวลเพิ่งจะเดินมาถึงสนามเด็กเล่น สายตาของเขามองไปที่ห้องของอู่เหมยอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็เห็นสาวน้อยนั่งห้อยขาอยู่บนขอบหน้าต่าง จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ


…………………………………………..


[1] หน่วยวัดขนาดพื้นที่ของจีน 1หมู่=666.67 ตารางเมตร


ตอนที่ 445 แบ่งปันฝันหวาน


อู่เหมยแหงนคอขึ้น จ้องมองไปที่ดวงจันทร์แบบตาไม่กะพริบ พลางโยกหัวเคลื่อนไหวไปพร้อมกับดวงจันทร์ มองอย่างเพลิดเพลินใจ


ปกติเธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไร นึกไม่ถึงว่าดวงจันทร์ตอนกลางคืนนั้นจะสวยงามเช่นนี้ อู่เหมยมองนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าฝั่งตรงข้ามมีอีกคนมองมาจากบนต้นการบูรเก่า


เหยียนหมิงซุ่นมองเด็กบื้อนั่งใจลอยก็รู้สึกว่าตลกดี เขาคนเป็นๆ ที่ตัวใหญ่ขนาดนี้และยังอยู่ใกล้ขนาดนี้ แต่นึกไม่ถึงว่าเด็กบื้อยังมองไม่เห็น นี่ต้องโง่มากขนาดไหนเนี่ย!


เป็นคนโง่แต่ยังมีความกล้า สูงขนาดนี้ก็ยังไม่กลัวจะตกลงมา!


หัวของอู่เหมยโดนอะไรก็ไม่รู้กระเด็นมาใส่ กลิ้งตกลงมาบนมือของเธอ เป็นผลสีดำๆ หนึ่งลูกที่มาจากต้นการบูร เธออดที่จะหันไปมองที่ต้นการบูรไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นหันมายิ้มให้เธอ


“พี่หมิง…”


อู่เหมยรีบปิดปาก หันไปยิ้มโง่ๆ ให้เหยียนหมิงซุ่น เพิ่งจะกลุ้มใจว่าไม่มีคนที่จะพูดคุยเรื่องที่อยู่ในใจ ก็มีคนตัวใหญ่ตัวเป็นๆ โผล่ออกมา อีกทั้งยังเป็นเหยียนหมิงซุ่นอีก


ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอถึงสามารถเห็นเหยียนหมิงซุ่นได้ในช่วงเวลานี้ อู่เหมยดีใจจนพูดไม่ออก อีกทั้งยังมีร่องรอยของความรู้สึกหวานชื่น


เหยียนหมิงซุ่นมองไปรอบๆ กระโดดทะยานมาทั้งร่างเหมือนกับครั้งที่แล้ว โผไปบนท่อระบายน้ำ อู่เหมยรีบถอยกลับไป เพื่อให้ที่ว่างแก่เหยียนหมิงซุ่น


“ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก?”


เหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่ถัดจากอู่เหมย ถามเสียงเบา ลมหายใจร้อนของเขาพ่นรดบนใบหูของอู่เหมย ทั้งอุ่นและร้อน อู่เหมยรู้สึกคันยุบยิบจั๊กจี้


พลันใบหน้าแดงอย่างไม่มีเหตุผล!


เธอท่องคาถาสงบใจอยู่ในใจสามรอบ แอบเตือนสติตัวเอง ตัวเองประจำเดือนยังไม่มาเลย จะคิดมากไปทำไมเนี่ย?


“คิดอะไรอยู่?”


ไม่ตอบรับเป็นเวลานาน เหยียนหมิงซุ่นเห็นแค่เด็กน้อยคนนี้พูดเองเออเองอย่างปัญญาอ่อน แล้วก็ไม่รู้ว่ากำลังกระซิบอะไร จึงถามอีกครั้ง


“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดไปเรื่อย คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้นิดหน่อยค่ะ เหอๆ!” อู่เหมยพูดอย่างหวาดๆ


ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาวูบหนึ่ง อู่เหมยตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว จับมืออู่เหมยขึ้นมาถู มือเย็นเฉียบของเธอ ทำให้เขายิ่งขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่


“ลงไปเถอะ กลางดึกมานั่งบนหน้าต่างให้ลมหนาวพัดเล่น เธอโง่ใช่ไหมเนี่ย?”


เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจและไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสอธิบายใดๆ เขาดึงตัวอู่เหมยลงมา แล้วก็ปิดหน้าต่างสนิทเช่นกัน บอกให้อู่เหมยกลับเข้าไปซุกอยู่ในผ้านวม


“ดึกขนาดนี้ไม่นอน ออกไปตากลมหนาวทำอะไร?” เหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้ง


อู่เหมยหดตัวอยู่ในผ้านวมอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี สูดจมูกพูดเสียงเบาว่า “ฉันฝันน่ะก็เลยนอนไม่หลับ”


“ฝันร้าย?”


เหยียนหมิงซุ่นคิดว่าเด็กน้อยฝันร้าย จึงพูดปลอบใจ “ฝันน่ะมักจะกลับกัน บ่อยครั้งที่ฝันร้ายมักจะหมายถึงข่าวดี ไม่อะไรน่ากลัวหรอก”


อู่เหมยส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ใช่ฝันร้าย แต่ฝันดีมากเลยต่างหาก!”


เธออดไม่ได้ที่จะเล่าแบ่งปันฝันสองครั้งนั้นให้เหยียนหมิงซุ่นฟัง อีกทั้งยังมีเรื่องราวของผู้หญิงที่สวยๆ คนนั้น


“พี่หมิงซุ่น พี่ว่าทำไมฉันฝันถึงสองครั้งก็ฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นติดต่อกัน? พี่ดู เธอหน้าตาแบบนี้ เหมือนฉันมากเลยใช่หรือเปล่า?”


อู่เหมยเปิดลิ้นชักหยิบภาพเหมือนที่เธอวาดไว้เมื่อตอนฝันครั้งแรกและส่งให้เหยียนหมิงซุ่น มองดูเขาอย่างกระสับกระส่าย


เหยียนหมิงซุ่นคลี่รูปออก มองผู้หญิงบนนั้นด้วยความประหลาดใจ เหมือนอู่เหมยอยู่เจ็ดแปดส่วน วาดได้เหมือนจริงมาก ไม่เหมือนกับเป็นคนในฝันเลย


“เธอปรากฏตัวในความฝันของเธอจริงๆ เหรอ? หรือว่าเธอเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างสงสัย


คนที่ปรากฏในฝันส่วนใหญ่มักจะมีหน้าตาเลือนราง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะชัดเจนเช่นนี้ เขารู้สึกว่าบางทีอู่เหมยอาจจะเคยเห็นรูปภาพผู้หญิงคนนี้ หรือเจอตัวคนจริงๆ ที่ไหนมาก่อน


“เธอมาปรากฏในความฝันของฉัน แต่ว่าสยงมู่มู่กับฉันพูดคุยกันบางเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง บางทีอาจจะมีผลก็ได้”


อู่เหมยชี้ไปที่ไฝสีแดงชาดที่อยู่ระหว่างคิ้วเยื้องไปทางซ้ายของผู้หญิงบนภาพเหมือนและพูดว่า “สยงมู่มู่บอกว่าหน้าตาฉันเหมือนกับคุณป้าเล็กของเขามาก ไฝสีแดงชาดของเธอก็เป็นสิ่งที่เขาพูดกับฉัน”


…………………………………………..


ตอนที่ 446 สถานที่ใหญ่มาก


เรื่องที่อู่เหมยเหมือนคุณป้าเล็กของสยงมู่มู่ เขาเคยได้ยินอู่เหมยพูดถึงมาก่อน ตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าแปลกมาก คนสองคนที่ไม่มีสายเลือดเดียวกันเลยแม้แต่น้อย จะหน้าตาเหมือนกันขนาดนั้นได้อย่างไร?


นี่มันไม่สอดคล้องกันหลักพันธุศาสตร์!


“เหมยเหมย เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าเธอก็เคยพูดเหรอว่า เธอหน้าตาคล้ายกับน้าเธอ?” เหยียนหมิงซุ่นถาม


อู่เหมยผงกหัว “น้าของฉันเอง เป็นศัตรูคู่อาฆาตของแม่ฉัน เหมือนแม่จะเรียกเธอว่า ‘เหยียนซินหย่า’ บอกว่าฉันหน้าตาเหมือนเธอมาก อีกทั้งคุณน้าคนนั้นก็มีไฝสีชาด แปลกมากจริงๆ ทำไมถึงได้มีคนเหมือนฉันเยอะขนาดนี้?”


เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกว่าแปลกมากเหมือนกัน อู่เหมยหน้าตาไม่หมือนอู่เจิ้งซือแล้วก็ไม่เหมือนเหอปี้อวิ๋นด้วย แต่กลับเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักไม่เคยพบกันมาก่อน ช่างน่าสนใจจริงๆ


“ไม่ต้องคิดแล้ว เป็นเพราะเธอคิดมากจนเกินไปถึงได้เก็บเอาไปฝัน ครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ทั้งวัน ตอนกลางคืนถึงได้เก็บเอาไปฝันไง”


เหยียนหมิงซุ่นตบหัวอู่เหมยเบาๆ บอกให้เธออย่าคิดนู่นคิดนี่เยอะแยะ อู่เหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่อยากบอกเลยว่าเชื่อฟังมากขนาดไหน


เหยียนหมิงซุ่นอดไม่ได้ที่จะลูบผมที่นุ่มลื่นของอู่เหมย เด็กน้อยไม่เพียงแต่สูงขึ้น ผมก็เปลี่ยนกลายเป็นสีดำเงางาม ไม่เหมือนเมื่อก่อนผมเหลืองๆ ฟูๆ ทั้งหัว เป็นเด็กหัวฟูที่แท้จริง


“พี่หมิงซุ่น ดึกขนาดนี้ทำไมก็ยังไม่นอนล่ะ? หรือว่าพี่ก็ฝันเหมือนกัน?” อู่เหมยถามอย่างแปลกใจ


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่ออกมาคิดอะไรนิดหน่อยน่ะ”


อู่เหมยกะพริบตาปริบๆ และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เรื่องสำคัญมากไหม”


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ใช่ สำคัญมากๆ”


อู่เหมยมองออกถึงความลังเลใจบนหน้าของเขา จึงพูดขึ้นมาว่า “สะดวกที่จะพูดกับฉันไหม? ไม่แน่ว่าฉันอาจจะช่วยได้นะ เหมือนสุภาษิตที่ว่า คนเขลาสามคนเทียบเท่าหนึ่งจูกัดเหลียง[1]ไม่ใช่เหรอ!”


แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้คาดหวังว่าอู่เหมยจะออกความคิดอะไร แต่ใจเขาในเวลานี้ค่อนข้างจะสับสน หาใครสักคนพูดด้วยก็ดีเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงพูดเรื่องที่เขาจะซื้อบ้านออกมา


อู่เหมยหัวใจเต้นรัว โอ๊ยตายแล้ว! สามหมื่นหยวน!


บ้านหลังนี้ต้องใหญ่ขนาดไหนกันนะ?


“ทำเลไม่ใช่ว่าดีมาก ฉันแค่เห็นว่าที่ตรงนั้นใหญ่ น่าจะประมาณยี่สิบหมู่ได้ วันหลังต่อให้อยากจะมีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ก็คงยากมาก” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย


อู่เหมยพยักหน้ารัวๆ ก็ยากน่ะสิ ไม่สิ ต้องพูดว่าหาได้ยากมากๆ ยี่สิบปีข้างหน้าทุกพื้นที่ทุกนิ้วในเมืองจินเป็นทองทั้งนั้น อย่าพูดถึงพื้นที่ยี่สิบหมู่เลย แม้แต่หนึ่งหมู่ยังหายากเลย!


สามหมื่นหยวนซื้อสถานที่ใหญ่ขนาดนี้ ช่างคุ้มค่ามากจริงๆ!


“พี่หมิงซุ่น บ้านหลังนั้นอยู่ที่ไหนเหรอ?”


“อยู่หลังสถานีรถไฟทางใต้ อยู่ค่อนข้างจะไกลเลยล่ะ”


อู่เหมยใจเต้นรัวอีกครั้ง สถานีรถไฟทางใต้?


พระเจ้า! ที่ตรงนั้นอีกยี่สิบปีข้างหน้าคือทำเลทองเลยนะ!


“พี่หมิงซุ่น พี่อย่าลังเลเลย รีบไปซื้อบ้านหลังนั้นไว้เถอะ!”


อู่เหมยตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เร่งรัดเหยียนหมิงซุ่นไม่หยุด แทบอยากจะให้เขาไปซื้อเลยตอนนี้ เหยียนหมิงซุ่นมองอย่างแปลกใจ เด็กน้อยคนนี้จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้!


อู่เหมยเห็นเขามีลักษณะท่าทางเฉยๆ ดูแล้วไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร จึงรีบถามว่า “พี่หมิงซุ่น พี่มีเงินไม่พอใช่ไหม?”


“พอน่ะพอ แต่ว่านี่เป็นทั้งหมดที่พี่มีทั้งตัว”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ปิดบัง เขารู้สึกเหมือนกับอู่เหมย รู้สึกว่าระหว่างเขากับอู่เหมยไม่ต้องปิดบังอะไร


“งั้นพี่รีบไปซื้อเลย ยังไงก็ต้องห้ามให้คนอื่นมาแย่งไปได้นะ!”


อู่เหมยเร่งรัดอีกครั้ง ทำเลทองที่ใหญ่ขนาดนั้น ในอนาคตแค่พึ่งที่ตรงนั้นเก็บค่าเช่า ก็มีกินมีใช้ทั้งชาติแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังลังเลอะไร?


เหยียนหมิงซุ่นมองดูอู่เหมยที่กำลังวิ่งพล่านกระโดดไปทั่วอย่างมีความสุข “เธอรีบร้อนขนาดนี้ไปทำไม? ที่ตรงนั้นถ้าฉันไม่ซื้อ ก็ไม่มีใครยินดีที่จะซื้อแล้ว”


…………………………………………..


[1] มีความหมายว่า แม้จะเป็นคนเขลาก็ตาม แต่หากมีความร่วมแรงร่วมใจกันเปิดกว้างรับความคิดเห็นของกันและกัน ก็จะสามารถคิดวิธีดีๆ ได้เช่นเดียวกับผู้มีปัญญา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)