ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 438-440
ตอนที่ 438 “ข้ารู้แต่ว่า ฆ่าคนชดใช้ชี...
ตู๋กูซิงหลันเหม่อมองดูเขาแล้วพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
เดิมทีนางคิดว่าต้นไม้ที่ดูดซับจิตวิญญาณด้านหลังนั่น….เกิดจากความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของต้นไม้ที่อยู่เบื้องหลัง
คิดไม่ถึงว่า ที่จริงแล้วจะถูกเยี่ยจ้านใช้เพื่อ…..
นางมองดูต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง แม้แต่นางเองก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่แสนจะอ่อนแอของมารดาในนั้น….
นางเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์ไสยเวทย์ของโลกโน้น มีพรสวรรค์ในการสัมผัสกับจิตวิญญาณอย่างแข็งแกร่ง หากว่าแม้แต่นางยังสัมผัสไม่ได้ นั่นจะน่ากลัวถึงเพียงไร
หุบเหวไร้ก้นเมื่อสิบสองปีก่อนคงจะต้องยิ่งโหดเ**้ยมและอันตรายกว่าตอนนี้อีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า
สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบของสงครามมหาเทพโบราณ เพียงแค่ไอสังหารก็คงสามารถทำลายร่างของมนุษย์ได้แล้ว
มารดาจะอย่างไรก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ….แล้วนางจะไปต้านทานได้อย่างไร?
เยี่ยจ้านเป็นราชามังกรของเผ่ามังกรทมิฬ ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นเขา กลับใช้พลังวิญญาณมังกรครึ่งหนึ่ง สละเวลาไปสิบกว่าปี ถึงได้เสาะหาจิตวิญญาณของมารดาได้เล็กน้อยจนแทบจะสัมผัสไม่ได้….
ตู๋กูซิงหลันไม่รู้เลยว่า หากจะรวบรวมจิตวิญญาณให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จะต้องใช้เวลามากมายเพียงไร
บางที…..เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียเลยด้วยซ้ำ
เขากำลังสละกำลังและพลังชีวิต ไปรอคอยสิ่งที่ไม่มีวันประสบผลสำเร็จ
ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ข้างกายเขา ล้วงเอายันต์สีเหลืองหลายใบออกมาจากในอกเสื้อ ริมฝีปากก็เอ่ยเอื้อนคาถา ก็เห็นยันต์เหล่านั้นบินออกไปทั้งสี่ทิศ
มีบ้างที่เกาะลงบนต้นไม้ ผนึกเข้าไปในลำต้น มีบ้างบินเข้าไปในความมืดมิด ลึกเข้าไปในหุบเขา
“ยันต์รวบรวมวิญญาณ?” เยี่ยจ้านสมกับที่เป็นสหายเก่าแก่ของซื่อมั่ว ได้เห็นเพียงแค่แวบเดียวเขาก็รู้แล้ว
ซื่อมั่วมิได้เก็บงำวิชา ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีล้วนถ่ายทอดให้กับบุตรสาวของเขาจนสิ้น
ยันต์ที่สามารถรวบรวมจิตวิญญาณได้นี้ แต่ละใบล้วนแสนล้ำค่า
ตู๋กูซิงหลันพอใช้ออกก็ซัดออกไปสิบกว่าใบ ทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างทรงอานุภาพ
หากว่าเป็นเพียงสถานการณ์ธรรมดาทั่วๆไป ยันต์รวบรวมวิญญาณมากมายเพียงนี้ต้องสามารถเสาะหาจิตวิญญาณคืนมาได้สามส่วนหรือเจ็ดส่วนแล้ว
แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าค่อนข้างซับซ้อน….ตู๋กูซิงหลันเองก็ยังไม่กล้ารับประกันว่ายันต์รวบรวมวิญญาณเหล่านี้จะใช้ได้ผลหรือไม่
“บางที…จะมากจะน้อยอาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง” ตู๋กูซิงหลันพูดพลางลุกขึ้นยืน แนบใบหน้ากับต้นไม้ รับฟังเสียงจากต้นไม้ต้นนี้อย่างตั้งใจ
นี่เป็นต้นไม้ที่เยี่ยจ้านสร้างขึ้นจากร่างจริงของเขา ฝังรากลึกอยู่ใต้หุบเขาไร้ก้น ดูดซับพลังวิญญาณจากพื้นดินทั้งหลายเพื่อคุ้มครองจิตวิญญาณของมารดา
ในต้นไม้มีเสียงหัวใจเต้นสะท้อนออกมาอย่างแผ่วเบา กิ่งก้านและใบที่อยู่เหนือศีรษะโน้มลงมา โอบกอดนางเอาไว้อย่างแผ่วเบา
เหมือนดั่งมือของมารดาที่ลูบไล้เบาๆ
ไม่รู้ว่าทำไม จมูกของตู๋กูซิงหลันถึงได้รู้สึกแสบร้อนขึ้นมา
นางกางแขนออก สวมกอดต้นไม้นั้นเบาๆทั้งยังแนบใบหน้าเข้าไป
มิว่าจะอย่างไร นางจะต้องทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มี ไปรวบรวมจิตวิญญาณทั้งหมดของมารดากลับมา
เรื่องราวในตอนนั้น….ตู๋กูซิงหลันไม่โทษว่าเยี่ยจ้าน
ได้แต่บอกว่าเขาแบกภาระเอาไว้ในร่าง มีความจำใจของตนเอง ตอนนี้เขาเลือกที่จะเสาะหาจิตวิญญาณของมารดาอยู่ใต้หุบเขาไร้ก้น รอคอยให้นางกลับมา
แสดงว่าเขาให้คุณค่าของความรักมากกว่าความแค้น
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันนั้นไม่เหมือนกัน
ครู่ต่อมา ก็เห็นนางปล่อยต้นไม้ ดวงตาดอกท้อมีแต่ความเย็นยะเยือกสุดหยั่ง มือของนางสัมผัสกับดาบยักษ์ที่อยู่ข้างๆ กระชับด้ามดาบเอาไว้ ไอสังหารบนร่างเข้มข้นเสียจนแม้แต่เยี่ยจ้านที่ตาบอดก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” เขาเอ่ยถามเบาๆ
“ล้างแค้น” ตู๋กูซิงหลันบอกออกไปสองคำอย่างรวบรัด
“ท่านพ่อเป็นราชามังกร ย่อมไม่อาจใช้ดาบประหัตประหารราชินีของตนเองได้ แต่ข้าไม่เหมือนกัน ข้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนาง” แววตาของตู๋กูซิงหลันเย็นยะเยือก “ข้ารู้แต่ว่า ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต นางทำให้มารดาร่างแหลกลาญจิตวิญญาณแตกสลาย นางก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามสมควร”
มารดามิใช่มือที่สาม!
ตอนนั้นมารดาได้ตัดสินใจถอยออกจากความรักความแค้นนี้แล้ว!
นางไม่เคยทำร้ายหวาชางสุ่ย ทั้งยังเลือกที่จะส่งเสริมพวกเขา เสียสละความสุขของตนเอง
หากว่าหวาชางสุ่ยมิได้ลงมือกับมารดา ตู๋กูซิงหลันคงจะรู้สึกสงสารนางอยู่บ้าง นางเองก็ ‘จับพลัดจับผลู’ กลายเป็นเหยื่อที่ถูกทำร้ายของเหตุการณ์นี้เช่นกัน
แต่ว่ามารดาก็อุตส่าห์ทำถึงขั้นนี้แล้ว นางกลับโหดเ**้ยมถึงกับลงมือฆ่าฟัน เอาชีวิตมารดา!
ตู๋กูซิงหลันย่อมไม่มีทางอภัยให้นาง!
เยี่ยจ้านอ้าปากค้าง ผ่านไปนานก็ยังไม่พูดอะไร
ตอนนั้น…..เป็นเพราะเขามีข้อกังวลมากไป สุดท้ายแล้วจึงไม่ได้ฆ่านาง
เพียงแต่ทุบตีนางจนปางตาย นางบาดเจ็บสาหัส บาดแผลนี้ ชั่วชีวิตก็ไม่อาจหายขาดได้
เสี่ยวหลันต้องการฆ่านางเพื่อแก้แค้นให้กับมารดา เขาไม่มีคุณสมบัติจะไปห้ามปราม
ตู๋กูซิงหลันเรียกเขา ‘ท่านพ่อ’ คำหนึ่ง ก็เท่ากับว่ายอมรับฐานะของเขาแล้ว
เขารู้ดีว่า …..นางไม่ได้เกลียดเขา และไม่โทษว่าเขา
บุตรสาวผู้นี้ รู้จักแยกแยะเรื่องราวอย่างชัดเจน
ครู่ใหญ่ เขาค่อยเอ่ยว่า “ตอนนี้เจ้ายังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มิใช่คู่มือของนาง”
“แม้แต่ จะเป็นคู่มือของเยี่ยเฉิงและเยี่ยอิงก็ยังไม่ได้”
ตู๋กูซิงหลันควงดาบยักษ์ในมือรอบหนึ่ง “ท่านมิใช่บอกว่าในร่างของข้ามีพลังที่หลับใหลของเผ่ามังกรทมิฬหรอกหรือ?”
ริมฝีปากแดงของตู๋กูซิงหลันคลี่ออกมา ดาบยักษ์ในมือยิ่งเปล่งแสงเย็นยะเยือกที่ทึมทึบ นางลืมตากว้างมองดูความมืดมิดที่อยู่เหนือต้นไม้ขึ้นไป
ตอนนี้นางถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเยี่ยเฉิงถึงได้ต้องการรับอนุอยู่ตลอดเวลา ต้องการจะมีบุตรให้ได้ ของเพียงคลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้
ถึงแม้ว่าเขามิได้รับสืบทอดพลังของเผ่ามังกรทมิฬ แต่ก็คิดจะใช้วิธีสืบทอดสายเลือดทางบิดาให้กำเนิด ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’ ขึ้นมา
จากนั้นค่อยดูดซับพลังของ ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’ มาเป็นพลังของตนเอง
‘พลังของเผ่ามังกรทมิฬ’ นั้นซุกซ่อนอยู่ในสายเลือดที่สืบทอดต่อกันมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการข้ามรุ่นก็ยังสามารถกระทำได้ เพียงแต่ว่าโอกาสนั้นมีไม่มาก
เขาก็ไม่ย่อท้อที่จะทดลองไปเรื่อยๆ
สิ่งที่เยี่ยเฉินทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อจะได้มา กลับอยู่ในร่างกายของนาง
ตู๋กูซิงหลันไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นไก่อ่อนมาก่อน
ตอนที่นางพึ่งจะมาถึงโลกนี้ ร่างกายนี้อ่อนแอเสียจนไม่น่าเหลียวแล
แต่ว่าตอนนี้ เพียงแค่เวลาสั้นๆสองเดือน ก็ถูกนางฝึกฝนจนกลายเป็นร่างกายที่แข็งแกร่งได้แล้ว
นางสมควรคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ร่างกายนี้เป็นร่างของผู้มีพรสวรรค์อันแข็งแกร่ง!
ถึงเยี่ยจ้านจะมองไม่เห็น แต่ว่าในสมองก็บังเกิดภาพ บุตรสาวของเขาถือดาบเอาไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย
ตอนนั้นพลังทั้งหมดในร่างของนางถูกเขาสะกดเอาไว้ …พลังที่นางมีอยู่ในร่างกายตอนนี้ย่อมเกิดจากการที่นางฝึกฝนขึ้นมาด้วยตนเอง
บุตรสาวผู้นี้ ยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้มากมาย
ตอนนั้นที่สะกดเอาไว้ ก็เพื่อจะปกป้องนาง
บุตรสาวที่เติบโตอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขาและซื่อมั่ว วันนี้ได้เติบใหญ่แล้ว มีความคิดเป็นของตนเอง เขาไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องไปปิดกั้นนางเอาไว้อีก
“บิดาจะคลายสะกดให้กับเจ้า” พักใหญ่ เยี่ยจ้านถึงได้เอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็คล้ายกับว่าคิดอะไรขึ้นได้ เขาชี้ไปทางจีเฉวียนที่อยู่ห่างออกไป
“เจ้าต้องการแก้แค้นให้กับมารดา แล้วคนผู้นี้เล่า?”
ยากนักที่เขาจะชี้ไปได้ถูกทาง ตู๋กูซิงหลันมองตามนิ้วมือของเขาไป
ต้นไม้ต้นนี้ก็เชื่อฟังอย่างยิ่ง พอรู้ว่าตู๋กูซิงหลันกำลังมองไปที่จีเฉวียน ก็รีบส่งคนมา
เขาถูกกิ่งไม้พันเอาไว้จับนอนหงายขณะส่งมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลัน ตลอดทั้งร่างของเขามีแต่บาดแผล คนหลับลึกไปไม่ได้สติ เส้นผมดำยาวพลิ้วเบาๆ
ตอนที่ 439 ต้าโจวไม่อาจไร้ฮ่องเต้
ใบหน้าที่งดงามนั้นแม้อยู่ใต้แสงสว่างรำไรของแมลงกินวิญญาณก็ยังงดงามเกินกว่าจะเป็นจริง
ในชั่วขณะหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าเขาเหมือนกับคนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความฝัน
“เจ้ากระโดดลงมายังหุบเหวไร้ก้นเพื่อคนผู้นี้” เยี่ยจ้านเอ่ยเบาๆ อย่างมั่นใจ
ตู๋กูซิงหลันไม่มีอะไรจะโต้แย้ง นางมองดูจีเฉวียนนิ่งๆ บาดแผลของเขายังไม่สมานตัว ปากแผลยังมีรอยเลือดให้เห็นอยู่
“เสี่ยวหลัน เจ้าชอบคนผู้นี้ใช่หรือไม่ ชอบอย่างยิ่ง?” เยี่ยจ้านถามต่อไป
เขาเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี ตอนนั้นเพื่อชิงชิง เขาก็กระโดดลงมาในหุบเหวไร้ก้นเช่นกัน
หากมิใช่เพราะว่ารักชอบจนถึงในกระดูก ใครเล่าจะยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออีกคนหนึ่ง แม้แต่ชีวิตของตนก็ยังทุ่มเทลงไป
ตู๋กูซิงหลันเงียบงัน ที่จริง ขาดไปอีกนิดเดียวนางก็เกือบจะยอมรับเขา เกือบจะหลงรักเขาเข้าแล้ว
เป็นเขาเข้ามาพัวพันนาง ทำลายระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง และก็เป็นเขาที่ผลักไสนางออกไปจนไกล
นางไม่มีทางยอมรับการที่เขาจะมีแสงจันทราอื่นอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็เข้าหานางได้
ที่กระโดดตามเขาลงมาในหุบเขาไร้ก้น ….เพราะไม่คิดจะติดค้างอะไรเขา และก็เพราะตราประทับบงกชดำทองที่บั้นเอวของเขาด้วย
พอนางยื่นมือออกไป ก็เห็นกิ่งไม้ช่วยกันส่งจีเฉวียนมาตรงหน้านาง
เส้นผมสีดำของเขาพลิ้วไปตามแรงลม สัมผัสกับมือของนางเบาๆอย่างอ่อนโยน
ตู๋กูซิงหลันมองดูเขา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริงๆ ใบหน้าซีดขาวดุจกระดาษ แม้แต่ริมฝีปากทั้งสองก็ยังมีรอยเลือดแห้งเกรอะอยู่จางๆ
นางยื่นมือออกไป เหนือใบหน้าของเขา
แต่พอห่างเพียงแค่ครึ่งนิ้วก็พลันหยุดลงเสียดื้อๆ
นางหันหน้ากลับไป มองไปยังเยี่ยจ้าน กล่าวอย่างจริงจังว่า “ท่านพ่อ ข้าป่วยเป็นโรคที่หากชอบใครขึ้นมาหัวใจก็จะเจ็บปวด ความรัก สำหรับข้าแล้วคือความทรมานที่ฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่ง”
ดังนั้นตอนแรกนางไม่สนใจอาการเจ็บปวดของตนเองก็คิดจะยอมรับเขา ชอบเขาให้ได้ ….ทั้งยังคิดจะอยู่ร่วมกับเขาอย่างจริงจัง
เยี่ยจ้านออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง เขาขยับริมฝีปากน้อยๆ ยื่นมือออกไปตามทิศทางที่คิดว่าเป็นมือข้อมือของนาง
พลังวิญญาณสายหนึ่งแทรกซึมเข้าไปในร่างของตู๋กูซิงหลันแต่ยังไม่ทันลงลึกเข้าไป ก็ถูกบางสิ่งสกัดกั้นออกไป
หัวคิ้วที่งดงามของเขาขมวดน้อยๆ พลังมังกรของเขาสัมผัสได้ว่าหัวใจของนางถูกพลังคำสาปสกัดกั้นเอาไว้ พอคำสาปวิญญาณนั้นถูกฉีกออกส่วนหนึ่ง หัวใจของนางก็ถูกฉีกเป็แผลรอยหนึ่ง
บุตรสาวถูกคนสาปแช่ง!
ไม่อาจชมชอบผู้อื่น ….มิเช่นนั้นจะทำให้อาการกำเริบ สร้างความทุกข์ทรมานให้กับตนเอง
คำสาปนี้ไม่เพียงแต่ประทับอยู่ในร่างของนาง แม้แต่จิตวิญญาณของนางก็ถูกสาปด้วย ….หากจะบอกว่าโหดร้ายก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้ทำร้ายถึงเอาชีวิต
เพียงแต่….ออกจะไร้แก่นสารเกินไป
ตอนที่นางยังเป็นทารกนั้น เขาไม่เคยรู้สึกถึงคำสาปเช่นนี้มาก่อน
พอเห็นสีหน้าของเขา ตู๋กูซิงหลันก็รู้แล้วว่าเรื่องราวไม่ธรรมดา
“เรื่องนี้ ซื่อมั่วเองก็ไม่รู้หรือ?” ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เยี่ยจ้านถึงได้ถามออกไป ถูกคนสาปวิญญาณ เรื่องที่ไม่อาจชอบใครได้ทั้งนั้นเช่นนี้ บอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่เ เรื่องเล็กก็ไม่เล็ก….ดูการบำเพ็ญเพียรของซื่อมั่ว เขาสมควรจะรู้อย่างชัดเจนต่างหาก
“ก่อนที่จะได้พบโอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นี้ ข้าไม่เคยชอบใครมาก่อนเลย ท่านอาจารย์ย่อมไม่รู้” ตู๋กูซิงหลันว่าแล้วก็เหลือบมองไปทางจีเฉวียนอีกแวบหนึ่ง
คำว่าชอบที่นางหมายถึงย่อมเป็นการชอบพอกันระหว่างชายหญิง
นางอยู่ข้างกายท่านอาจารย์มานานหลายปี….ก็ไม่เคยรู้สึกปวดใจ ท่านอาจารย์ย่อมไม่เคยทราบ
นานอีกพักใหญ่ เยี่ยจ้านถึงได้ถอนหายใจออกมา เขาชักจะอยากรู้จริงๆแล้วว่าโอรสสวรรค์แคว้นโจวผู้นี้มีรูปลักษณ์เช่นไร ถึงได้ทำให้บุตรสาวของเขาถึงกับยอมทนต่ออาการเจ็บหัวใจเพื่อไปชอบเขา
คนผู้นั้นตกลงมาอย่างกระทันหัน และบังเอิญหล่นลงมาบนต้นไม้มังกรของเขาเข้าพอดี ไม่ต้องไปลูบคลำดูก็รู้ได้ว่า ร่างกายของเขาถูกทำร้ายโดยพลังของพัดวายุ
เรื่องนี้ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดดูก็บอกได้ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับหวาชางสุ่ยอย่างแน่นอน
พอเขายื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของคนผู้นั้น ก็รู้ได้เลยว่านี่เป็นบุรุษยอดที่งดงามอย่างยิ่ง …..ยิ่งไปกว่านั้นในร่างของเขาก็ยังมีพลังของซื่อมั่วอยู่ด้วย
นี่ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่แล้ว เพราะมีพลังของซื่อมั่ว ถึงได้สามารถต้านทานพลังทำลายล้างของพัดวายุได้ แถมยังมีชีวิตอยู่
แต่เพราะอย่างไรก็ยังเป็นร่างของมนุษย์ ดังนั้นจึงต้องกระดูกหักไปเจ็ดแปดท่อน อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังคงไม่ฟื้นได้สติขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่า คนที่เผอิญช่วยเอาไว้ จะเป็น ‘คนในดวงใจ’ ของบุตรสาวเข้าพอดี
ในใจของเยี่ยจ้านเกิดความว้าวุ่นขึ้นมา ….เขาอยากจะรู้ฐานะที่แท้จริงของ ‘โอรสสวรรค์แคว้นโจว’ ผู้นี้ให้ชัดเจน อยากจะรู้ว่าคนผู้นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับซื่อมั่ว
เขายื่นมือออกไป สำรวจลึกลงไปในร่างกายของจีเฉวียน ในชั่วขณะนั้น ก็สามารถสัมผัสถึงพลังหยินที่เย็นยะเยือกและพลังของพัดวายุที่บิดเกลียวอยู่ภายในร่าง กำลังโรมรันกันอยู่ที่ภายในร่างกายของเขา
ผู้ที่มีร่างกายเป็นเพียงแค่มนุษย์ กลับสามารถทนรับพลังขนาดนี้ได้
ด้วยข้อจำกัดของร่างกายมนุษย์ เมื่อต้องรับพลังมากมายเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นก็สมควรจะตายไปตั้งแต่แรกหลายรอบแล้ว
แต่ว่าเขากลับยังอยู่รอดมาได้ ไม่เพียงแค่นั้น ในร่างกายของเขาก็ยังมีพลังของหยกสรรพชีวิตอยู่ด้วย
พลังของหยกสรรพชีวิตนี้สมควรจะเข้าสู่ร่างกายของเขาได้ไม่นาน อย่างไรไม่เกินครึ่งปี
ใช้ร่างกายของมนุษย์มารองรับพลังเหล่านี้….เห็นชัดว่ามิใช่ธรรมดา
หรือบางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้ชัดเจน ว่าเขามีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร
ขนตาของเยี่ยจ้านกระพริบเบาๆ ขณะที่คิดจะสัมผัสพลังเหล่านั้นให้มากขึ้น ก็พบว่าพลังของจีเฉวียนผลักไสพลังของเขาออกมา ทำให้เขาต้องหยุดลง
แต่พลังนั้นก็ไม่อาจทำร้ายเยี่ยจ้านได้เช่นกัน
“เขามีปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ?” ตู๋กูซิงหลันเห็นเยี่ยจ้านนิ่งเงียบไป จึงเข้าใจว่าเขาสังเกตสิ่งใดออก
เยี่ยจ้านส่ายศีรษะ “แปลกมากๆ แข็งแกร่งเกินมนุษย์มนา”
เรื่องที่ในร่างกายของเขามีพลังของซื่อมั่ว เยี่ยจ้านไม่ได้บอกกับตู๋กูซิงหลัน
เรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน ไม่ควรบอกออกไปให้บุตรสาวกังวลใจ
ตู๋กูซิงหลันย่อมรู้ว่าจีเฉวียนแข็งแกร่ง แต่ว่าแข็งแกร่งถึงเพียงไหน แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ชัดเจน
“เจ้าสามารถวางใจได้ เขาไม่ตายหรอก พลังในร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง อยู่ในหุบเขาไร้ก้นนี้ไปอีกสักปีกว่าๆ กระดูกในร่างของเขาก็จะประสานกันได้เอง”
ปีกว่าๆ สำหรับราชามังกรมีชีวิตยืนยาวราวกับชั่วกาลนานเช่นเขาก็เหมือนเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
“แคว้นต้าโจวไม่อาจไร้ฮ่องเต้” ตู๋กูซิงหลันกระพริบตาครั้งหนึ่ง “หากแว่นแคว้นวุ่นวาย บ้านก็ไม่อาจเป็นบ้าน ทำร้ายชีวิตมากมาย”
แต่ไหนแต่ไรนางก็เป็นคนที่แยกแยะเรื่องราวชัดเจนอยู่แล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้เป็นเพราะเรื่องของนางกับจีเฉวียนกระทบกระเทือนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของราษฏร
หากแคว้นหนึ่งปราศจากฮ่องเต้….นานถึงปีกว่า ย่อมต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นย่อมกลายเป็นภัยพิบัติต่อหลายชีวิต
ถึงแม้ว่าจีเฉวียนจะกระทำเรื่องที่ผิดต่อนางอย่างไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี
ต้าโจวต้องการเขา
เยี่ยจ้านชะงักไปเล็กน้อย จึงค่อยยิ้มออกมาอ่อนๆ “บุตรสาวที่แสนดีของข้าห่วงใยใต้หล้า เป็นสตรีดีงามที่มีความคิดอ่าน”
ไม่เสียทีที่ซื่อมั่วเลี้ยงดูจนเติบโตมา…ถึงแม้ว่าจะมีสายเลือดของเผ่ามังกรทมิฬ แต่ก็ถูกซื่อมั่วสั่งสอนจนกลายเป็นคนรุ่นเยาว์ที่มีความดีอยู่ในตัว
ตอนที่ 440 คนคร่ำครึที่เดี๋ยวดีเดี๋ยว...
เขาเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าตาแก่อย่างซื่อมั่ว เดิมทีก็เป็นคนคร่ำครึที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
ยามดีๆนั้น….ต่อให้เหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายก็ไม่มีผู้ใดจะเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีต่อสรรพชีวิตได้เท่าเขา
ยามร้ายขึ้นมา….เยี่ยจ้านคิดๆดูแล้วก็รู้สึกหนาวๆอยู่บ้าง
ยังดีที่หากไม่มีสถานการณ์ผิดปกติอะไร…..ซื่อมั่วก็จะดีอยู่เสมอ
ลูกศิษย์ที่เขาอบรมขึ้นมา ต่อให้นอกลู่นอกทางไปบ้างก็ไม่หลุดไปไหนไกล
ตู๋กูซิงหลันไม่ตอบคำ นางเพียงแต่จดจำคำของจีเฉวียนได้อย่างแม่นยำ จดจำความตั้งใจในการที่จะเป็นฮ่องเต้ของเขา
มือของนางวางลงบนร่างของเขา จนสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวที่อยู่ภายใน ท่านพ่อมีหนทางจะช่วยเหลือเขาหรือไม่เจ้าคะ? หรือว่ามีหนทางใดจะส่งเขากลับไปต้าโจวได้บ้าง?”
ยามที่นางไม่อยู่ในต้าเหยียน ก็ยังมีท่านตาและพี่ใหญ่คอยรักษาการณ์อยู่ แต่หากจีเฉวียนไม่อยู่ในต้าโจว…เรื่องก็คงจะซับซ้อนและอันตรายกว่ามาก
อย่าว่าแต่….ตู๋กูซิงหลันเองก็กระจ่างแก่ใจดีว่า เบื้องหลังของพวกเขายังมีกลุ่มอำนาจที่คอยเคลื่อนไหวในความมืดแอบซ่อนอยู่
เรื่องของราชครูถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น มิใช่จุดสิ้นสุด
มีคนจงใจจัดฉาก แต่คนผู้นั้นเป็นใครแม้แต่ตัวนางก็ยังคลำไม่เจอ…..คนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของฉางซุนซิ่วผู้นั้น……
จะต้องเป็นคนที่คอยจุดไฟขึ้นมา
เยี่ยจ้านถึงกับเคยเปิดช่องว่างของกาลเวลามาแล้ว ทั้งยังส่งนางไปยังโลกปัจจุบันได้ บางทีอาจจะมีหนทางส่งเขากลับไปยังต้าโจว
ตู๋กูซิงหลันเอ่ยปากก็เรียกหาบิดา เรียกอย่างสนิมสนมลื่นไหล
ฟังแล้วหัวใจของเยี่ยจ้านก็อบอุ่นอย่างยิ่ง ต่อให้นางต้องการดวงดาวบนท้องฟ้า เขาที่เป็นบิดาก็จะเด็ดลงมาให้กับนาง!
เมื่อครู่เขาพึ่งจะกลับมานั่งลงที่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน พอได้ยินคำพูดของนางก็ลุกขึ้นอีกครั้ง เดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว ก็พึมพำกับกิ่งไม้ใหญ่ว่า “นับว่าเด็กน้อยอย่างเจ้าโชคดี ที่มีบุตรสาวคนดีของข้ามาขอความเมตตาแทนเจ้า…”
กิ่งไม้ใหญ่ “…..” มันไม่ใช่เด็กน้อยนะ ขอบคุณ
ตู๋กูซิงหลัน “ท่านพ่อ….เขาอยู่ทางขวามือของท่าน”
เยี่ยจ้านยื่นมือออกไปคลำกิ่งไม้ใหญ่ดูเล็กน้อย ก็กระแอมไอออกมา พลางหันไปทางขวามืออย่างไร้ซุ่มเสียง
ขณะที่คลำไปตามร่างของจีเฉวียนนั้น ใจกลางฝ่ามือของเขาก็ปรากฏลำแสงสีเงินออกมา แสงสีเงินนั้นซึมซาบลงไปในหน้าผากของจีเฉวียน
ในตอนนั้นเอง กิ่งไม้ที่พันอยู่รอบตัวเขาก็ถอยออกไปด้านข้าง
เส้นผมของจีเฉวียนพลิ้วไหวราวกับปลิวลม พอแสงสีเงินของเยี่ยจ้านแทรกซึมผ่านหน้าผากของจีเฉวียนลงไป ทั่วทั้งร่างของเขาก็เปล่งประกายแสงสีเงินออกมาชั้นหนึ่ง
เพียงครู่เดียวก็เห็นร่างกายของเขาขับเอาหมอกสีดำออกมา
หมอกสีดำเหล่านั้นรายล้อมแสงสีเงินเอาไว้ จนห่อหุ้มร่างของเขาทั้งร่าง….ก็เห็นพลังของสายลมที่คมกริบหอบหนึ่งถูกหมอกสีดำและแสงสีเงินผลักดันออกไปจากร่างกายของเขา
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ตอนแรกๆพลังของสายลมที่คมกริบยังรุนแรงอย่างยิ่ง
ขนาดตู๋กูซิงหลันที่อยู่ด้านข้างยังรู้สึกได้เลยว่าผิวเนื้อทั่วร่างเจ็บปวดอยู่บ้าง
เดิมทีเสื้อผ้าบนร่างของนางก็ถูกสายลมที่คมกริบนั้นบาดจนขาดไม่มีชิ้นดีอยู่แล้ว
นางไม่ได้สนใจตนเอง เอาแต่มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ…..
พลังจากพัดของหวาชางสุ่ยนางเคยประจักษ์มาแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าพลังนั้นจะรุกเข้าไปในร่างกายของจีเฉวียน จะกลายเป็นสายลมที่เกรี้ยวกราด อาละวาดอยู่ภายในร่างกายของเขา
สามลมที่น่ากลัวเช่นนี้ หากทำร้ายคนที่ร่างกายภายนอกสักครั้งหนึ่ง ก็เพียงพอจะตัดขาของคนธรรมดาออกไป….. แต่จีเฉวียนกับรับเอาไว้ทั้งอย่างนั้น
นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าจีเฉวียนจะต้องเจ็บปวดสักเพียงไร
พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ กำลังของลมที่คมกริบก็อ่อนลงไปทุกที สุดท้ายก็เหลือเพียงสายลมจางๆ
เยี่ยจ้านถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง แสงสีเงินในฝ่ามือของเขาก็จางลงไป
ตู๋กูซิงหลันสังเกตเห็นว่าขนาดเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเช่นบิดาของนาง บนหน้าผากก็ยังมีเหงื่อบางๆชั้นหนึ่ง
ร่างกายที่แท้จริงของเขาถูกเขาเปลี่ยนเป็นต้นไม้มังกรไปแล้ว ทั้งยังใช้พลังมังกรกว่าครึ่งในร่างไปตามหาจิตวิญญาณของมารดากลับมา….เยี่ยจ้านในวัยนี้ ย่อมมิได้แข็งแกร่งเช่นดังก่อนแล้ว
“ยังดี ที่กระดูกในร่างของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง จึงไม่ถูกสายลมบาดจนกลายเป็นเนื้อเละๆ” ผ่านไปอีกครู่หนึ่งท่านพ่อคนงามจึงได้เอ่ยขึ้นมา “พลังของพัดวายุในร่างของเขาสลายไปหมดแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของร่างนี้ อีกไม่นานก็จะฟื้นฟูได้เอง”
พอเขายื่นมือออกไป ก็เห็นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งเคลื่อนลงมา
กิ่งไม้นั้นพันรัดลูกแก้วใสกระจ่างเอาไว้ลูกหนึ่ง ลูกแก้วที่ทอประกายสว่างและนุ่มนวล หล่นลงบนฝ่ามือของเยี่ยจ้านเบาๆ
เยี่ยจ้านใช้ปลายนิ้วคลำสัมผัสลูกแก้ว จากนั้นค่อยส่งมาที่ด้านหน้าของตู๋กูซิงหลัน “ลูกหลัน เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะส่งเขากลับไปที่ต้าโจว?”
ไม่รอให้ตู๋กูซิงหลันตอบคำ เขาก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “จากกันครั้งนี้ เกรงว่าคงยากที่จะได้เจอกันอีกครั้งแล้ว”
ในชีวิตของเขา เคยตัดสินใจพลาดเรื่องหัวใจไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เขาสูญเสียสตรีที่รักที่สุดไป ต้องเฝ้าอยู่ใต้หุบเหวไร้ก้นเนิ่นนาน ไม่รู้กี่วันเดือนปี
เขาไม่อยากให้บุตรสาวต้องมา…….โดดเดี่ยวอ้างว้างเช่นเดียวกัน
ก้นทะเลลึกแห่งนี้เดิมทีก็เป็นเขตแดนต้องห้ามอยู่แล้ว หากคนธรรมดาคิดจะอาศัยกำลังของตนเองผ่านเข้ามา ก็คงจะยากเย็นยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นฟ้า….
โอรสสวรรค์ผู้นี้ไล่ตามบุตรสาวของเขามาถึงที่นี่ หัวใจดวงนั้นย่อมมิใช่เท็จ
จีเฉวียนยังไม่ได้สติ จึงไม่มีใครเห็นว่าขนตาของเขากำลังกระพริบน้อยๆ
ตู๋กูซิงหลันเงียบงันไปเนิ่นนาน นางลูบคลำดาบยักษ์ในมือ จากนั้นค่อยขยับริมฝีปากสีแดง “ท่านพ่อ ใต้หล้านี้คนที่สามารถฝากชีวิตแก่กันในสนามรบ นอกจากพี่น้องแล้วคือใครอีก?”
เยี่ยจ้านตะลึงไปเล็กน้อย “หืม?”
“คนรักไง” ตู๋กูซิงหลันตอบเขาอย่างมั่นใจ
นางพลิกดาบยักษ์กลับขึ้นไปบนบ่า ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมองดูจีเฉวียน “ข้ากับเขามิใช่พี่น้องกัน ยิ่งมิใช่คนรัก จึงไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเขาเอาไว้ที่นี่”
เยี่ยจ้าน “……” พูดไปก็มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้องอยู่
บุตรสาวคนดีคงจะไม่ได้….ไม่ต้องการลากโอรสสวรรค์แคว้นโจวเข้ามาพัวพัน คิดจะแบกดาบลุยเดี่ยวออกไปทั่วทิศแต่เพียงลำพัง?
นิสัยเช่นนี้….มีส่วนคล้ายคลึงกับตัวเขาในยามหนุ่มอยู่หลายส่วน
เยี่ยจ้านดูแล้วก็เห็นว่าบุตรสาวกำลังปกป้องโอรสสวรรค์แคว้นโจวอยู่เป็นแน่
ปากบอกว่าไม่ชมชอบ แต่มิว่าทำอะไรล้วนคำนึงถึงเขาอย่างรอบคอบ
เขาเป็นบิดา ไม่สะดวกจะวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป พักใหญ่ต่อมาถึงเอ่ยว่า “หากเจ้าคิดดีแล้วก็แล้วไป”
“คิดดีแล้วเจ้าค่ะ”
ตู๋กูซิงหลันตอบนางกำด้ามดาบแน่นเข้า จีเฉวียนช่วยนางทอนพลังของหวาชางสุ่ยไปแล้วครั้งหนึ่ง
นางไม่ต้องการให้เขามาทนรับอะไรแทนนางอีก
ที่ขอให้บิดารักษาเขา และส่งเขากลับไป ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของเขาจากนาง
แค้นของมารดา! นางย่อมต้องจัดการด้วยมือตนเอง!
เยี่ยจ้านเห็นนางท่าทางหนักแน่นราวเหล็กกล้า ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
สองมือของเขาประคองลูกแก้วเอาไว้ ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคาถา ใจกลางฝ่ามือก็ผุดพลังสายหนึ่งขึ้นมา
จากนั้นก็เห็นกิ่งไม้ที่อยู่บนศีรษะเลื่อนลงมา พวกมันลอยอยู่เหนือลูกแก้ว ส่งพลังวิญญาณที่ได้จากแมลงกินวิญญาณเข้าไปภายในลูกแก้วอย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่ครู่เดียว ก็เห็นในลูกแก้วที่เปล่งประกายสุกใสปรากฏภาพของวังหลวงของแคว้นต้าโจว
พอภาพนั้นหมุนไป ก็เปลี่ยนจากตำหนักเฟิ่งหมิงกงเป็นตำหนักตี้หัว
ไปหยุดตรงต้นฮว๋ายสองต้นที่ปลูกอยู่ตรงปากประตูพระตำหนัก ดอกฮว๋ายฮวากำลังผลิบาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น