ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 433-443

 บทที่ 433 แหล่งรวมล็อบสเตอร์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภายในวันเดียว เรือฮาวิซทก็ได้ล็อบสเตอร์มาเพิ่มอีกหนึ่งพันกว่าปอนด์ในการเก็บเกี่ยวรอบสอง ถือว่าประสบความสำเร็จงดงาม


เหล่าชาวประมงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น แลนซ์คาบกล้องยาสูบสุดที่รักพลางฮัมเพลงพื้นบ้านของนิวฟันด์แลนด์ ‘สัญจรเคียงทะเล’ ทุกๆ คนต่างเพลิดเพลิน


ฉินสือโอวพิงหัวเรือมองเมฆสายัณห์สีชมพู ในมือถือโทรศัพท์ดาวเทียมเครื่องใหญ่โทรหยอดคำหวานกับวินนี่ไม่หยุด


ผ่านไปสักพัก วินนี่จึงเรียกหาหู่จือเป้าจือฉงต้าซึ่งพวกมันก็พากันส่งเสียงระงม เจ้าเด็กพวกนี้เชื่อฟังกันมาก ยกเว้นบางตัว ตอนฉินสือโอวไม่อยู่บ้าน เจ้าพวกนี้ก็เริ่มทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบใช้บารมีเสือใช้อำนาจข่มเหงชาวบ้านกัน วินนี่ปล่อยให้พวกมันร้องไป แต่ฉินสือโอวไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย


พอเห็นฉินสือโอวยังไม่วางโทรศัพท์ดาวเทียมเสียที บูลก็อุทานว่า “กัปตันนี่รวยจริงๆ นั่นมันโทรศัพท์ดาวเทียมเลยนะ! เขาโทรมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย? ใช้เงินไปตั้งเท่าไรแล้ว?”


ใครคนหนึ่งหัวเราะพลางเอ่ยขึ้นว่า “กัปตันกำลังโทรคุยกับแฟนอยู่ จะเท่าไรก็คุ้มทั้งนั้นแหละ บูล มิน่าล่ะแกถึงทนเมียไม่ได้ ปกติแกก็ขี้เหนียวขนาดนี้เลยเหรอ?”


บูลได้ยินก็หน้าแดงก่ำ ตะโกนว่า “เฟอร์บัค นายต้องขอบคุณกัปตันนะ ถ้าไม่ใช่ว่ากำลังอยู่บนเรือเขา ฉันได้ซัดปากเสียๆ ของแกแน่!”


“อย่างนายน่ะไปอัดกับอีวิลสันดีกว่า อัดตาแก่อย่างฉันไปจะได้แสดงฝีมืออะไรกัน?” เฟอร์บัคหัวเราะ


ได้ยินดังนั้นบูลก็ก้มหน้าลงอย่างคับแค้นใจ เขาสู้อีวิลสันไม่ได้จริงๆ


ฉินสือโอวคุยโทรศัพท์เสร็จ เรือประมงลำหนึ่งก็ขับเข้ามา ความยาวประมาณสิบเมตรหน้าตาเหมือนเรือตกปลาที่มีเบ็ดตกปลาห้อยอยู่รอบๆ เบ็ดค่อนข้างสั้นและไม่ได้ใช้สายเบ็ดในการตกแต่เป็นเชือกหนาเท่านิ้วแทน


“พวกเขากำลังทำอะไรน่ะ?” ฉินสือโอวถาม


“มาตกล็อบสเตอร์กันครับ เป็นวิธีตกล็อบสเตอร์แบบหนึ่งของชาวประมงเก่าในรัฐนิวบรันสวิก เชือกหนึ่งเส้นสามารถจับล็อบเตอร์ยักษ์ได้ทีละครั้ง เพียงแค่ต้องดึงเชือกขึ้นมาบ่อยๆ แต่ก็เป็นวิธีเก็บเกี่ยวที่ไม่เลว” ชาร์คอธิบาย


เมื่อคนวางกรงดักกุ้งเห็นการเก็บเกี่ยวของเรือฮาวิซท พวกเขาก็เข้ามาวางเบ็ดตกปลาใกล้ๆ เพื่อตกกุ้งด้วย


เห็นดังนั้นบูลก็ตะโกนด้วยความโมโหทันที “เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย! พวกนายน่ะ ดูให้ดีหน่อยสิ นี่มันอาณาเขตของเรือฮาวิซทนะ! เห็นแก่พระเจ้า อย่าคิดจะมาหาเรื่องพวกเราเชียว!”


“นายหัวร้อนเกินไปแล้ว บูล ใจเย็นลงหน่อย ที่นี่คืออ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ไม่ใช่ฟาร์มปลาของพวกเรานะ เราไม่มีสิทธิ์กำหนดพื้นที่ในทะเลตามใจชอบ” ฉินสือโอวกล่าวกับบูลอย่างใจเย็น


เรือตกปลาที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินฉินสือโอวพูด คนหนุ่มคนหนึ่งก็เอ่ยยิ้มๆ “คุณนี่ ช่างเป็นคนที่มีเหตุผลเสียจริง…”


“เรือฮาวิซท? เรือฮาวิซทที่มาจากเซนต์จอห์นนั่นน่ะเหรอ?” เรือตกปลาของชายร่างยักษ์ลำหนึ่งขับเข้ามาถาม


บูลตอบอย่างอารมณ์เสีย “ก็แน่ล่ะสิ นอกจากพวกเราจะมีเรือฮาวิซทไหนอีก?”


ทุกคนต่างตกตะลึง พอได้ยินเขายืนยันเช่นนั้นคนบนเรือตกปลาก็พากันมองตัวเรือฮาวิซทและชื่อเรือภาษาจีนด้านบน แล้วซุบซิบพูดคุยกันก่อนจะถอนสมอจากไป


พวกฉินสือโอวงุนงง หมายความว่าอย่างไรกัน? พวกตัวเองฉาวโฉ่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมแค่ได้ยินชื่อเรือพวกเขาถึงกับหนีเลย?


จากนั้นก็มีเรือเข้ามาอีกเรื่อยๆ แต่ทันทีที่รู้ชื่อเรือ เรือพวกนั้นก็พากันถอยกลับหมด


สักพักพวกฉินสือโอวถึงเริ่มเดาออก คนพวกนี้ไม่ได้กลัวพวกเขา แต่เคารพพวกเขาต่างหาก เพราะเรือที่ถอยไปนั้นได้ชักธงขึ้นพร้อมเปิดหวูดเรือประมงด้วย ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพของชาวประมงในทะเล


นอกจากที่เคยช่วยเรือแนสแกสไว้ ฉินสือโอวก็ไม่นึกว่าตัวเองจะทำให้ใครมานับถือได้ แต่ชัดเจนแล้วว่า คนพวกนี้น่าจะรู้เรื่องวีรกรรมที่พวกเขาฝ่าพายุเมื่อคืนนั้นกัน


ใช้เวลาถึงสองวันครึ่งในการจับฝูงเมนล็อบสเตอร์ที่เดินผ่านมา เรือฮาวิซทจึงถอนสมอกลับ


จากทั้งหมดสามวันสี่คืน เรือฮาวิซทก็เก็บเกี่ยวได้สำเร็จในที่สุด บนเรือนอกจากล็อบสเตอร์หกพันปอนด์ ยังมีปลาทะเลชนิดต่างๆ อีกสี่สิบกว่าตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปลาแฮดดัค แค่ราคาจากปลาทะเลพวกนี้ก็ได้ไม่ต่ำกว่าสี่แสนแล้ว!


เหล่าชาวประมงเริ่มชินชากับความสามารถในการหาปลาของฉินสือโอว ตะลึงไปหลายครั้งจนหายประหลาดใจแล้ว


หลายวันมานี้พวกเขาเหนื่อยล้ามาก เพราะปลาเยอะเกินไป กลางวันก็ลากอวนกลางคืนก็แยกปลา พวกแลนซ์และบูลแทบจะทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทีเดียว!


แน่นอนว่าเป็นความยุ่งอย่างมีความสุข ถ้าเกิดว่างขึ้นมานั่นหมายถึงเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย


“กลับท่าเรือแล้วไปพักกัน!” ฉินสือโอวเอ่ยขึ้นหลังตรวจดูปริมาณปลากุ้งในถังน้ำแข็ง


ล็อบสเตอร์ต้องนำขึ้นฝั่งไปทั้งเป็นๆ ไม่ใช่ว่าพวกมันจะอยู่ได้แค่หนึ่งร้อยกว่าชั่วโมง แต่เพราะปริมาณล็อบสเตอร์ที่อัดแน่นอยู่ในถังน้ำแข็งนั้นจะทำให้พวกมันขาดอากาศหายใจตายกันได้


พอได้ยินว่ากลับได้แล้ว ทุกคนก็ผ่อนคลายทันที บูลไม่ได้คัดค้าน เพียงเดินไปหามุมหนึ่งในห้องบังคับการแล้วซุกตัวผล็อยหลับไป


ชาร์คไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการที่ฉินสือโอวจะให้ราคาสูง แต่เอ่ยด้วยความเลื่อมใสแทน “พวกเขาเป็นคนดีทั้งนั้นเลย! ผมไม่ได้เห็นคนหลายคนที่ตั้งใจทำงานขนาดนี้มานานแล้ว ผมรู้ว่านี่ออกจะน่าอายสักหน่อย แต่ผมก็ต้องขอชมคุณนะบอส คุณเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำจริงๆ”


ฉินสือโอวค่อนข้างกระอักกระอ่วน คุณพี่ตอกหน้าผมมากครับ ผมเป็นผู้นำบ้าอะไรล่ะ กลางวันกินลมอาบแดดกลางคืนก็ได้กินดื่มเต็มที่แล้วยังวิ่งไปนอนในห้องโดยสารเสียเต็มตื่นอีกเนี่ยนะ?


ขณะที่พวกชาวประมงเหนื่อยแทบตาย เขากลับยังมีพลังล้นเหลือ


หลังประสานเรื่องเส้นทางกับชาร์ค ฉินสือโอวก็ขับเรือประมงไปยังท่าเรือที่ใกล้ที่สุด


สโนว์ดิคเป็นแค่ท่าเรือเล็กๆ แห่งหนึ่งในรัฐนิวบรันสวิก ก่อนศตวรรษที่ยี่สิบ สิ่งที่โดดเด่นของสถานที่นี้มีเพียงทิวทัศน์อันน่าหลงใหลของทะเลแอตแลนติกและพวกหินรูปทรงประหลาดเท่านั้น แต่เมื่อราคาล็อบสเตอร์แอตแลนติกทะยานสูงขึ้น หมู่บ้านประมงเล็กๆ แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งรวมของล็อบสเตอร์ไป เพราะข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์


เขาขับเรือมุ่งสู่ทิศตะวันตกไปแผ่นดินของรัฐนิวบรันสวิกที่ยื่นออกมาเหมือนจะงอยปากเหยี่ยวทะเล ส่วนหน้าของชายฝั่งนี้ก็คือหมู่บ้านและท่าเรือปัจจุบันของสโนว์ดิคนั่นเอง


ตกเย็นแสงสายัณห์สาดส่อง เรือฮาวิซทก็เข้าเทียบท่าอย่างเป็นทางการ


ทุกครั้งที่ถึงฤดูตกปลา สโนว์ดิคจะดูอลังการเป็นพิเศษ ตอนเรือประมงเข้าจอดใกล้ๆ ท่าฉินสือโอวเห็นแต่ไกลว่ารอบข้างเต็มไปด้วยเรือประมงมากมายทั้งสีแดง สีดำ สีขาว ตั้งแต่เรือตกปลาเล็กสิบกว่าตันจนถึงเรือประมงห้าพันตัน แทบจะมีทุกอย่างเลย!


หลังนอนพักสามสี่ชั่วโมง สติและเรี่ยวแรงของพวกชาวประมงก็เริ่มกลับมาบ้าง ฉินสือโอวเตรียมน้ำยาบ้วนปากกลิ่นมินต์เข้มข้นให้พวกเขา พอชาวประมงแต่ละคนได้บ้วนปากก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก


แลนซ์และคนอื่นๆ มักมาทำงานที่เซนต์ลอว์เรนซ์กันบ่อยๆ เลยค่อนข้างคุ้นเคยกับท่าเรือสโนว์ดิค พอฉินสือโอวถามว่าจะไปขายปลาที่ไหน ทุกคนก็ต่างตอบเป็นเสียงเดียว “เคลียร์วอเตอร์!”


ชื่อบริษัทเคลียร์วอเตอร์ ถ้าให้แปลก็หมายถึง ‘บริษัทน้ำใส’ เป็นบริษัททางทะเลเกี่ยวกับล็อบสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดาหรือทั่วโลก แน่นอนว่าพวกเขาขายผลิตผลทางทะเลอื่นๆ เช่นกัน เพียงแค่มีล็อบสเตอร์เป็นตัวหลัก ซึ่งราคาล็อบสเตอร์ที่พวกเขาจะให้นั้นถือว่ายุติธรรมที่สุด


………………………………………………


บทที่ 434 ขายปลาขายกุ้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

บริษัทเคลียร์วอเตอร์มีขอบข่ายที่ใหญ่ที่สุด และราคาที่ยุติธรรมที่สุด แต่พวกเขากลับไม่ได้รวมเข้ากับท่าเรือสโนว์ดิค เพราะบริษัทนี้มีกฎว่าจะรับแค่ล็อบสเตอร์ปริมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปอนด์เท่านั้น หากน้อยกว่านั้นก็จะไม่ให้บริการ


เป็นการลดจำนวนพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะเพื่อขายให้ได้ราคาดีชาวประมงจะต้องให้ความร่วมมือเก็บเกี่ยวล็อบสเตอร์มาเองก่อน แล้วจึงแบ่งเงินทีหลัง


ซึ่งยังเป็นการเปิดช่องทางการทำงานให้กับบริษัทผลิตผลทางทะเลอื่น นอกจากล็อบสเตอร์ที่เก็บเกี่ยวมาเยอะตามปกติชาวประมงก็ยังไปเสนอขายให้กับบริษัทเล็กๆ พวกนี้ด้วยเช่นกัน หนึ่งเพราะขี้เกียจค้าขายเอง สองเพราะราคาคุณภาพเนื้อล็อบสเตอร์นั้นต่างกัน เวลาแบ่งเงินเลยมักมีปัญหา


บริษัทเคลียร์วอเตอร์เป็นส่วนที่สะดุดตาที่สุดในท่า โกดังเก็บปลาก็อยู่ข้างท่าเรือพอดี พร้อมรถแช่แข็งสำหรับขนย้ายอาหารทะเลขนาดใหญ่จอดตรงด้านข้าง


เมื่อเห็นบริษัทเคลียร์วอเตอร์บูลก็หลุดหัวเราะเสียงดัง ฉินสือโอวถามว่ามีอะไร เขาจึงชี้ไปบนหลังคากล่าวว่า “ก็ซีดับเบิลยูมันเละเทะไปหมดเลย ทีแรกพวกเขาติดตั้งป้ายขนาดใหญ่ไว้ด้านบนอาคารเป็นจอแอลอีดี แล้วดูสิ ตอนนี้มันหายไปแล้ว ต้องโดนพายุถล่มใส่แน่เลย!”


พายุลูกนั้นตอนนี้ถูกรัฐบาลแคนาดาตั้งชื่อว่า ‘พายุคราเคน18’ คราเคนเป็นชื่อของสัตว์ประหลาดในทะเลทางยุโรปเหนือ ที่ได้ชื่อนี้เพราะว่าพลังทำลายล้างพายุมันรุนแรงมากนั่นเอง


ตอนฉินสือโอวโทรหาวินนี่ได้รู้ว่าภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้เรืออับปางไปสิบลำ คนเสียชีวิต 20 คน ตอนนี้รายงานข่าวเรื่องพายุคราเคน 18 กลายเป็นประเด็นไปทั่วอเมริกาเหนือ ทางรัฐบาลแคนาดากำลังให้ความสนใจกับภัยพิบัตินี้เป็นพิเศษ


ระหว่างคุยกัน เรือฮาวิซทก็เข้าเทียบท่า แลนซ์ผู้เชี่ยวชาญตะโกนเรียกชายหัวล้านวัยกลางคนคนหนึ่งบนท่าเรือ “ตาหัวแร้งเกตส์! หันมาขอบใจฉันเสีย ฉันเอาดอลลาร์แคนาดามาส่งนายว่ะ!”


ชายหัวล้านวัยกลางคนหันมามองแลนซ์พร้อมหัวเราะเสียงดัง แล้วหยิบยาสูบโยนมาให้เขา “พวกนายนี่เอง ดีจริงที่นายไม่โดนคราเคนลากลงทะเลไปด้วย! ไหน เอาล็อบสเตอร์มาเท่าไรกันล่ะ? สองร้อยปอนด์ไหม?”


ทีแรกฉินสือโอวเข้าใจมาตลอดว่ามีแค่คนจีนที่ชอบให้บุหรี่เป็นการแสดงความซาบซึ้ง พอมาแคนาดาถึงพบว่าคนที่นี่ก็ชอบทำแบบเดียวกัน เวลารวมตัวเจอคนรู้จักมักจะสูบบุหรี่พูดคุยเหมือนกับคนจีน


แลนซ์คาบกล้องยาแล้วสูดเข้าเต็มปอด เอ่ยว่า “สองร้อยปอนด์? นี่นายอำฉันเล่นหรือไง? คิดว่าฉันจะไม่รู้กฎของซีดับเบิลยูเหรอ? ถ้าไม่ถึงหนึ่งพันปอนด์ก็ขึ้นท่าไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ?”


เกตส์หัวล้านถอนหายใจตอบ “นั่นมันกฎของเมื่อก่อน ตอนนี้ทุกคนก็บ้าจับล็อบสเตอร์เหมือนกันหมด ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก็เริ่มมีน้อยคนที่จะจับล็อบสเตอร์ถึงพันปอนด์ได้สักครั้ง พวกเราเลยต้องรับล็อบสเตอร์แบบสะเปะสะปะอย่างนี้”


ทั้งสองต่างพูดคุยขณะแลนซ์ขึ้นท่าเรือ ส่วนบูลพาคนไปเปิดฝาถังน้ำแข็ง ข้างในเต็มไปด้วยล็อบสเตอร์ที่ถูกยางมัดก้ามไว้อย่างแน่นหนา


เมื่อเห็นล็อบสเตอร์พวกนี้ เกตส์หัวล้านก็แทบโยนบุหรี่ในมือทิ้ง เขาพูดอย่างตะลึง “พระเจ้า นี่พวกนายไปบุกรังล็อบสเตอร์มาหรือไง? มีกี่ตัวกันเนี่ย? ฉันกล้าพนันเลยว่าปีนี้ฉันไม่เคยเห็นใครจับล็อบสเตอร์ได้เยอะเท่านี้มาก่อน!”


“ที่จริงก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอก ยังไม่รู้จำนวนแน่ชัด แต่พวกเราคิดว่าน่าจะมีสักหกพันปอนด์ได้! มา พาพวกของนายมาดูคุณภาพล็อบสเตอร์กัน แล้วพวกเราจะได้สินค้าได้เงินกันเสียทีไง!” แลนซ์แสร้งเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังแต่ที่จริงก็แอบภูมิใจไม่น้อย


เกตส์ลงจากเรือไปทดสอบดูเนื้อด้วยตัวเอง เนื้อล็อบสเตอร์ไม่เหมือนกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่มีเกณฑ์เข้มงวด หลักๆ แค่แยกเป็นสองแบบคือเปลือกแข็งและเปลือกนิ่ม ยิ่งเปลือกแข็งเนื้อยิ่งแน่น รสชาติดีราคาสูง


นอกจากนี้ ล็อบสเตอร์ยังแบ่งออกเป็นตัวผู้และตัวเมีย ของตัวผู้จะค่อนข้างเนื้อสัมผัสดีกว่า แต่เนื้อตัวเมียจะเป็นสีเหลือง ซึ่งทั้งสองมีราคาต่างกัน ช่วงก่อนล็อบสเตอร์ตัวเมียวางไข่ราคาจะสูงกว่าตัวผู้ พอหลังวางไข่ราคาก็ตกลง


เกตส์สุ่มตรวจล็อบสเตอร์พวกนี้คร่าวๆ โดยเคาะก้ามกับเปลือกหลังของพวกมัน แล้วอุทานว่า “พวกนายนี่โชคดีชะมัด! นอกจากเดาว่าไปตะลุยรังมันมา ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกนายจะหาล็อบสเตอร์ยักษ์ที่ดีขนาดนี้ได้จากไหนอีก! คุณภาพเยี่ยมมาก! ตัวผู้สามสิบห้าดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์ ตัวเมียสามสิบดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์!”


ราคานี้ถือว่าค่อนข้างสูง ช่วงก่อนที่จะเตรียมเลี้ยงล็อบสเตอร์ฉินสือโอวเคยเช็กราคาของปีนี้แล้วพบว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง ปกติล็อบสเตอร์ที่ชาวประมงจับมาขายให้บริษัทผลิตผลทางทะเล หนึ่งปอนด์จะได้สิบถึงสิบห้าดอลลาร์


อย่างไรก็ตามควรบวกราคาเพิ่มเพื่อคืนกำไรอยู่ดี ฉินสือโอวจึงถอนหายใจกล่าวว่า “ในตลาดราคาล็อบสเตอร์มีแต่ร้อยดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์ทั้งนั้น ที่ท่าเรือทำไมถึงให้ราคานี้กัน?”


เกตส์ตอบยิ้มๆ “พวก ท่าทางนายจะไม่เข้าใจนะว่าการตลาดล็อบสเตอร์น่ะ…”


“ไอ้โล้น ระวังคำพูดแกด้วย นี่คือกัปตันของเรานะ! กัปตันผู้ทรงเกียรติน่ะ!” บูลพูดอย่างหัวเสีย เหล่าชายฉกรรจ์ที่ตอนนี้เลื่อมใสฉินสือโอวอย่างสุดใจ ย่อมไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเขาเป็นอันขาด


เกตส์ผู้มีพื้นฐานเป็นนักธุรกิจไม่ได้ถือสาโกรธอย่างใด เพียงหัวเราะเสียงดังก่อนอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง “ที่พวกเราซื้อล็อบสเตอร์ ไม่ใช่เพื่อส่งให้ตลาดแล้วโดนเอาไปเข้าคลังเก็บพวกนั้น นั่นมันสิ้นเปลืองแรงงานกับทุนของเราเกินไป…”


ท่าเรืออาริชัตในรัฐโนวาสโกเซียของบริษัทเคลียร์วอเตอร์มีโกดังเก็บล็อบสเตอร์ชื่อดรายแลนด์พาวนด์ โกดังแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในฐานะ ‘โรงแรมห้าดาวล็อบสเตอร์’ ว่ากันว่าสามารถจุล็อบสเตอร์ได้ถึงห้าพันกว่าตัว


โกดังล็อบสเตอร์แบ่งเป็น 34 ชั้น มีน้ำทะเลเย็นๆ ไหลเวียนอยู่ด้านในโดยคงอุณหภูมิไว้ระหว่าง 34-40 ฟาเรนไฮต์เพื่อรักษาระดับความแข็งของล็อบสเตอร์ ทำให้สามารถจัดส่งมันไปทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี


หลังแนะนำวิธีการทำธุรกิจของตัวเองเรียบร้อย เกตส์ก็บอกอีกว่า “ถึงแม้จะส่งให้ตลาดโดยตรงแต่พวกเราก็ยังต้องใช้รถแช่แข็งหรือเครื่องบินในการขนส่งอยู่ดี ซึ่งราคาก็ไม่ใช่น้อยเลย…”


ตอนเขาพูดถึงตรงนี้ นิมิตส์ที่กินอิ่มแล้วบินตามเรือฮาวิซทมาวนหาทางเข้า พอเห็นฉินสือโอวมันก็พุ่งถลาลงมาหุบปีกอยู่บนบ่าเขา


เมื่อเห็นนกฟรีเกตยักษ์ เกตส์พลันนิ่งงันไป ก่อนมองฉิวสือโอวอีกรอบแล้วไล่ไปยังชื่อเรือข้างเรือที่เขียนด้วยสีขาวไว้ เขาถามหยั่งเชิงว่า “เรือฮาวิซท? พวกนายคือเรือฮาวิซทงั้นเหรอ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ตอบ “ใช่ครับ เรือฮาวิซทเอง…”


“พระเจ้า! ไม่คิดว่าพวกนายจะมาที่สโนว์ดิคนะเนี่ย? โอ้ พระเจ้า! รู้หรือเปล่า ตอนนี้พวกนายกลายเป็นฮีโร่ของแคนาดาไปแล้ว! ในข่าวบอกว่าพวกนายกล้าฝ่าไต้ฝุ่นคราเคน 18 ไปช่วยผู้รอดชีวิตแปดสิบสี่คน? จริงหรือเปล่า? เป็นเรื่องจริงเหรอ?” เกตส์คว้าแขนฉินสือโอวไว้ขณะรัวถาม


ฉินสือโอวแบมือ ตอบว่า “น่าจะอย่างนั้น พวกเราช่วยชีวิตคนบนเรือแนสแกสจริงๆ ถ้าผมปฏิเสธมันก็คงย้อนแย้งเกินไป แต่ผมคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการเสนอราคาขายล็อบสเตอร์กับปลาทะเลของเราต่างหาก”


การเสนอราคาผ่านไปอย่างง่ายดาย หลังตกลงราคาล็อบสเตอร์ก็ทำการแพ็กใส่กล่องชั่งน้ำหนัก ซึ่งทั้งหมดได้ 6,800 ปอนด์ ล็อบสเตอร์ตัวผู้ 4,000 ปอนด์ ตัวเมีย 2,800 ปอนด์ รวมเป็นสองแสนสองหมื่นสี่พันดอลลาร์แคนาดา


เกตส์เตรียมจะเอ่ยแสดงความยินดีกับพวกเขาแล้วเป็นอันเสร็จสิ้น ปรากฏบูลและชาวประมงคนอื่นกลับนำถังน้ำแข็งเข้ามาเปิดอีกอัน เผยให้เห็นหน้าตาของปลาทะเลที่แพ็กมาอย่างดี


แม้จะเคยเห็นฉากนี้มาหลายครั้ง แต่เกตส์ก็อดทึ่งกับการเก็บเกี่ยวของพวกฉินสือโอวไม่ได้อยู่ดี


……………………………………………


บทที่ 435 ส่วนแบ่งก้อนใหญ่

โดย

Ink Stone_Fantasy

ปลาทะเลสี่สิบตันที่มีปลาแฮดดัคกว่าครึ่งจำนวน 28 ตัน และปลาพอลลอคที่เยอะรองลงมาแต่ราคาถูกกว่าอีก 5 ตัน


ซึ่งเป็นเรื่องเกินคาด ฉินสือโอวไม่ได้อยากจับปลาราคาถูกพวกนี้ แต่พวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูงจำนวนมาก ถ้าไม่จับก็คงรู้สึกผิดที่มันอุตส่าห์มาประเคนให้ถึงหน้าบ้าน


ราคาตลาดปลาแฮดดัคไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไรนัก หนึ่งกิโลกรัมได้ 10 ดอลลาร์ 28 ตันก็ได้ 280,000 ส่วนปลาพอลลอค 5 ตันขายได้ 5,000 ดอลลาร์ ที่เหลือเป็นปลาช่อนทรายแก้ว ปลากะพงแซนเดอร์ ปลาแฮลิบัตแอตแลนติก ปลากะพงทะเล ฯลฯ ทุกชนิดส่วนใหญ่ปริมาณหนึ่งตันขึ้นไป ขายได้ 6,000 ดอลลาร์


ออกทะเลรอบนี้ฉินสือโอวจึงได้ทั้งหมดห้าแสนหกหมื่นห้าพันดอลลาร์!


สำหรับเรือประมงเดินทะเลพันตัน ห้าหกแสนที่เก็บเกี่ยวได้จากการออกเรือถือว่ายังไม่เท่าไร แต่ของเรือฮาวิทซที่มีปริมาณการขับน้ำเพียงสองร้อยตัน กลับเก็บเกี่ยวได้วันละหนึ่งแสนสี่หมื่นกว่าจากการอยู่ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์สี่วันเท่านั้น!


เกตส์หัวล้านเขียนใบเช็คให้ฉินสือโอวพร้อมยกนิ้วโป้งให้ “คุณนี่เป็นกัปตันที่กล้าหาญและโชคดีมากเลยนะ! ถึงคุณกลับไปพรุ่งนี้แล้วแต่เรื่องเล่าจะยังคงหลงเหลืออยู่ที่นี่ต่อไป!”


หลังยื่นใบเช็คให้เขา เกตส์ก็เอ่ยชมอีกครั้ง “แน่นอนว่า ย่อมเทียบกับเรื่องที่คุณเผชิญหน้ากับพายุคราเคนนั้นไม่ได้อยู่แล้ว”


ฉินสือโอวโบกเช็คไปมาพลางกล่าวอย่างสงบว่า “พวกเราคนจีนมีคำกล่าวว่าฟ้าหลังฝนอยู่ ซึ่งแน่นอนแล้วว่าโชคดีของพวกเรามาถึงแล้ว”


ตามที่ตกลงไว้ ฉินสือโอวต้องนำเงินแบ่งให้ลูกเรือทุกคน 28 เปอร์เซ็นต์ เป็นทั้งหมด 165,000 โดยประมาณ


และฉินสือโอวยังสัญญาไว้ว่าจะแบ่งล็อบสเตอร์อวนแรกทั้งหมดหนึ่งร้อยกิโลกรัมหรือสองร้อยปอนด์ให้พวกเขาด้วย กลายเป็นเจ็ดพันดอลลาร์


สรุปคือเขาต้องให้ 180,000 ดอลลาร์ โดยเกตส์หัวล้านเป็นคนเขียนเช็คแยก 180,000 ให้แลนซ์ ส่วนที่เหลือ 365,000 เขาเก็บไว้เอง


พวกชาวประมงไม่สนใจคราบน้ำคราบเปื้อนสกปรกจากการจับปลากุ้งบนตัว พากันเข้าไปล้อมแลนซ์เพื่อรับใบเช็คมาตรวจดูตัวเลขที่อยู่ด้านหน้า


อีกด้านเกตส์ใช้มีดสับปลาแฮดดัคให้นิมิตส์กิน แต่นกฟรีเกตผู้เย่อหยิ่งเพียงเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนกระพือปีก บินไปซุกตัวแบบอินทรีอยู่บนไหล่ฉินสือโอวแทน


“นี่มันคนเลี้ยงแกะของพระผู้เป็นเจ้าชัดๆ! เจ้าตัวนี้ฉลาดมาก!” เกตส์ชื่นชมฉินสือโอวหลุดหัวเราะ


ดูท่านิมิตส์จะเริ่มมีชื่อเสียงทีเดียว ได้มากระทั่งชื่อเล่นแถมยังน่าเกรงขามอีก ผู้เลี้ยงแกะของพระเจ้า!


ตอนนี้ปลากุ้งก็ขายแล้ว เรือเทียบท่าเรียบร้อย ที่เหลือก็พักผ่อน


ฉินสือโอวกล่าวกับพวกชาวประมงว่า “พวกนายคงเหนื่อยแย่แล้วใช่ไหม? เอาล่ะไปนอนกันได้เลย ฉันให้วินนี่จองโรงแรมไว้แล้ว โรงแรมเซนต์เจมส์สิบสามห้อง คนละห้องสำหรับทุกคน ไปนอนให้หน้ามืดกันเลย!”


ชาร์คเอ่ยยิ้มๆ “บอส ตอนนี้ทุกคนเขาหลับไม่ลงกันหรอกครับ เพิ่งได้เงินกันมา คุณไม่รู้หรอกว่านานแค่ไหนแล้วที่ทุกคนได้เงินจากการเก็บเกี่ยวเยอะขนาดนี้!”


“ครั้งก่อนที่ฉันออกทะเลแล้วได้มาหมื่นดอลลาร์ก็เมื่อห้าปีก่อนจากการตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เซนต์ลอว์เรนซ์นั่นแหละ” แลนซ์หัวเราะ


แลนซ์และชาร์คทำการเจรจาสั้นๆ กับเกตส์ เมื่อรวมอีวิลเข้าไปก็มีทั้งหมด 13 คน พวกเขาสองคนและบูลจะได้คนละห้าพันดอลลาร์ ส่วนคนที่เหลือสิบคนได้คนละหนึ่งหมื่นสามพันดอลลาร์


ผลลัพธ์เช่นนี้ใครจะไม่พอใจกัน? พวกเขาคำนวณไว้ว่าตอนออกทะเลครั้งหนึ่งคงได้สักพันดอลลาร์ ปรากฏตอนนี้กลับได้มาเพิ่มเป็นสิบเท่าตัว!


นอกจากนี้ แลนซ์ ชาร์คและบูลที่ได้เงินมากที่สุดยังรับแค่สองพันดอลลาร์ ซึ่งเป็นการถ่อมตนมาก


ด้วยเหตุนี้เกตส์จึงต้องเขียนเช็คหนึ่งแสนแปดหมื่นแยกเป็นสิบสามชุดให้ทีละคน


ที่จริงปกติเกตส์คงไม่รับคำขอแบบนี้ เขาไม่ใช่ธนาคาร แต่ตอนฉินสือโอวขอให้เขาช่วย เขากลับตอบตกลงทันที โดยมีข้อแม้แค่ให้เขาได้ถ่ายรูปกับเรือฮาวิซทพร้อมนิมิตส์เท่านั้น


ฉินสือโอวชอบนักอะไรที่ทำโดยไม่ต้องเสียเงิน อย่าว่าแต่ถ่ายรูปเลย ถ้าเกตส์อยากนอนบนเรือฮาวิซทก็ไม่มีปัญหา


แบ่งเงินเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็คิดจะไปนอน ทว่าบูลกลับทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เขาเอ่ยว่า “มาเถอะกัปตัน เดี๋ยวพวกเราพาคุณไปเที่ยวบาร์กัน”


ก็จริงที่หลังกลับจากทะเลแล้วควรฉลองเสียหน่อย ฉินสือโอวตอบ “เที่ยวให้หนำใจเลยทุกคน ฉันเลี้ยงเอง”


พูดจบ เขาก็หยิบห้าพันดอลลาร์ส่งให้แลนซ์ไปก่อน พวกเขาจะเอาไปทำอะไรก็ทำ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เหนื่อยกันอยู่แล้ว


พวกแลนซ์เลือกบาร์ที่ชื่อ ‘P-Pเบียร์คลับ’ ระหว่างทางบนรถแท็กซี่ บูลแนะนำให้ฉินสือโอวฟังว่า “เบียร์ของP-Pเป็นที่ขึ้นชื่อมาก พวกเขาสามารถทำเบียร์ตามฤดูกาลได้ดีที่สุด ถ้าคุณรู้สึกว่ารสผลไม้ในเบียร์บลูเบอร์รีมอลต์มันข้นเกินไป ก็ต้องลองเบียร์ฮ็อพของ IPA ดู มันเยี่ยมมาก!”


“P-P ยังมีอาหารจานหลัก เบียร์ขนมปัง หอยแมลงภู่นึ่ง และแน่นอนพิซซ่าอบฟืนของขึ้นชื่อในรัฐนิวบรันสวิก!” แลนซ์กล่าวเสริม


ความจริงฉินสือโอวรู้ตั้งแต่มาถึงที่บาร์แล้ว ว่าเจ้าพวกขี้โม้นี่ไม่ได้สนใจเบียร์อะไรนั่นแต่แรกหรอก แต่เป็นสาวระบำเปลื้องผ้าต่างหาก! ใช่ P-P เบียร์คลับก็คือผับเปลื้องผ้านั่นเอง!


เพราะมีคนมากมายไปจับล็อบสเตอร์ที่ท่าเรือ ในร้านจึงมีคนเยอะตาม ไม่เหมือนเกาะแฟร์เวลช่วงกลางคืนฤดูหนาวที่มีลูกแมวแค่สามตัวอยู่ในบาร์


บาร์แห่งนี้คนสองร้อยคนต่างอัดแน่นอยู่ด้านใน ในมือถือเบียร์ไม่ก็เหล้าแรงพลางตะโกนคุยกันเสียงดัง


ท่อเหล็กประกายวาวที่ตั้งอยู่บนเวทีกลางร้าน มีสาวหุ่นเซ็กซี่หกเจ็ดคนกำลังโยกไหวร่างอ้อนแอ้นอย่างบ้าคลั่ง น้ำหนึ่งผมทองตาฟ้าแต่ละคนล้วนมีส่วนเว้นส่วนโค้ง


ฉินสือโอวสั่งเบียร์บลูเบอร์รีมอลต์ที่บูลแนะนำเป็นพิเศษแก้วหนึ่ง เครื่องดื่มมีสีน้ำเงินทะเล เมื่อลองยกขึ้นดม ก็พบว่ากลิ่นผลไม้ของบลูเบอร์รีและกลิ่นเหล้าของมอลต์นั้นผสมผสานอย่างลงตัว!


ต่างจากฉินสือโอวที่ดื่มเบียร์เงียบๆ พวกชาวประมงแต่ละคนเลือกกระดกเบียร์ไรย์แก้วใหญ่และล้อมดูสาวระบำเปลื้องผ้าอยู่หน้าเวที


ถ้าจะดูอยู่หน้าสุดก็ต้องให้เงินด้วย ไม่เกี่ยวว่าเท่าไร ให้หมื่นหนึ่งก็เหมือนมั่นหน้า หรือให้แค่หนึ่งดอลลาร์สาวนักเต้นก็ไม่ดูถูกคุณ


พวกชาวประมงมองท่าเต้นร้อนแรงของเหล่าสาวนักเต้นอย่างหน้าบาน พอมีคนเดินเข้ามาพวกเขาก็จะยัดธนบัตรกระจายใส่ในทรวงอกหรือถุงน่องพวกหล่อน


นี่เป็นความต่างของแนวคิดการใช้จ่ายระหว่างคนจีนกับคนอเมริกันเหนือ คนจีนมักคุ้นชินกับการใช้จ่ายอย่างกระเสือกกระสน ถ้ามีเงินก็จะเก็บไว้ตลอด


คนแคนาดาต่างออกไป พวกเขากับคนอเมริกันมีแนวคิดคล้ายกัน ได้เงินมาก็เพื่อใช้ ไม่มีเงินก็กินขนมปังกับของแห้ง พอมีเงินก็กินมื้อใหญ่


เพราะงั้นซีมอนสเตอร์และชาร์คจึงค่อนข้างชื่นชมฉินสือโอวที่ควบคุมตัวเองได้ ทั้งที่มีเงินขนาดนี้กลับไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเลย ถ้ามาไว้กับคนแคนาดาล่ะก็แทบไม่อยากจะคิด


ในส่วนนี้ฉินสือโอวคงไปตัดสินอะไรไม่ได้ ด้วยวิธีการเรียนรู้ สภาพแวดล้อมที่โตมา และแนวคิดการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ทำให้แนวทางชีวิตของคนจีนกับคนอเมริกาเหนือไม่เหมือนกัน จึงบอกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด เขาแค่จัดการตัวเองได้ก็พอ


ตอนนี้ฉินสือโอวเปิดกว้างแล้ว เขาทำตามสัญญาให้รางวัลแก่ชาวประมงอย่างใจกว้าง ถึงพวกเขาจะใช้เงินหมดภายในคืนนี้เขาก็พูดอะไรไม่ได้ แต่คงให้เงินเพิ่มแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว


เสียงเพลงจบลง กลุ่มนักเต้นสาวลงจากเวที และสาวอเมริกันผมดำผิวสีน้ำผึ้งอีกกลุ่มก็ขึ้นไปแสดงต่อ


…………………………………………


บทที่ 436 เสน่ห์ของท่าเรือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

นี่เป็นขั้นตอนทั่วไปของบาร์ระบำเปลื้องผ้าในอเมริกาเหนือ พอนักเต้นสาวผมทองลงจากเวทีไปแล้วก็มาถึงช่วงทำกำไร คือการ Table-Dance หรือที่แปลว่าเต้นบนโต๊ะนั่นเอง


ฉินสือโอวรู้สึกว่าแปลแบบนี้ไม่ค่อยถูกเท่าไร เพราะเหล่าสาวนักเต้นไม่ได้เต้นบนโต๊ะกัน แต่ไปนั่งอยู่บนตัวคนแทน


ตอนสาวนักเต้นถอยออกมา บูลก็หยิบม้วนธนบัตรสกุลดอลลาร์ส่งให้เธอ ครั้งนี้เป็นสิบดอลลาร์คงเพราะบรรยากาศครึกครื้นพาไป


ฉินสือโอวหัวเราะขณะมองชาวประมงเจ้าเล่ห์พวกนี้ แลนซ์ทำท่าบอกให้เขามาด้วย ฉินสือโอวยังคงส่ายหน้า ไม่ใช่เขาไม่มีอารมณ์เที่ยว เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่การค้าประเวณีเป็นแค่ลูกเล่นของบาร์เท่านั้น ต่อให้วินนี่รู้ก็ไม่ได้ว่าอะไร


แต่ตอนนี้มุมมองเขากว้างขึ้นแล้ว สาวผมทองพวกนี้มองไกลๆ ก็หุ่นดีอยู่หรอก ทว่าพอดูใกล้ๆ จะเห็นว่าผิวหยาบกร้าน ใบหน้าไม่เนียนละเอียด จึงไม่เพียงพอทำให้เขาสนใจได้


ฉินสือโอวปฏิเสธ แลนซ์เลยลุกไปเอง เขาเก็บยาสูบดึงนักเต้นสาวขายาวคนหนึ่งมาถามว่า “เฮ้ หวานใจ Private-Dance ไหม?”


ได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็แทบสำลักเบียร์ เขาเข้าใจมาตลอดว่าแลนซ์เป็นคนซื่อๆ ที่แท้ลึกๆ ก็เป็นคนร้ายกาจไม่น้อย


คำว่า Private-Dance ฉินสือโอวไม่รู้จะแปลความหมายยังไง ที่ประเทศจีนจะใช้คำว่า ‘ลัมบาด้า’ แต่ก็ยังไม่ตรงเสียทีเดียว เพราะการเต้นนี้เทียบกับลัมบาด้าของจีนแล้วน่าตื่นเต้นกว่าเยอะ!


แลนซ์และชาวประมงอีกสองคนต่างพานักเต้นสาวไปตรงมุมร้านที่มีโคมไฟสลัวกับโซฟาตัวหนึ่ง พวกชาวประมงนั่งพิงโซฟา โดยนักเต้นบริการให้พวกเขาเป็นเวลาหนึ่งเพลง


แน่นอนว่า ตั้งแต่ต้นจนจบเสื้อผ้าบนตัวของชาวประมงยังอยู่ครบ ซึ่งถือว่าทำตามกฎ


ถ้าระหว่างนั้นพวกเขาทำมือเท้าขยุกขยิกคิดอยากฉวยโอกาส ในครั้งแรกพวกนักเต้นจะแค่ผลักออก แต่หากมีรอบสองพวกเธอก็จะหยุดให้บริการแล้วเก็บค่าปรับแทน


ฉินสือโอวไปถามมา ได้ความว่าเพลงหนึ่งได้ครั้งละห้าสิบดอลลาร์ เทียบกับธุรกิจขายเนื้อปลาแล้วยังทำเงินได้มากกว่าอีก!


เที่ยวเล่นจนเที่ยงคืน พวกชาวประมงถึงยอมวางแก้วเบียร์ด้วยความเมาและเตรียมตัวกลับ


สุดท้ายแลนซ์ก็ดึงฉินสือโอวมาบอกว่า “กัปตัน คุณให้พวกเรามาห้าพันดอลลาร์แล้วมันเหลือพันกว่า ผมให้คืนครับ!”


ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธตอบ “ฉันบอกแล้วว่าเลี้ยง เพราะงั้นที่เหลือนายก็เก็บไว้เถอะ เอาไว้ใช้เที่ยวต่อ”


ฉินสือโอวนึกว่าทุกคนจะพาสาวกลับจากบาร์มากัน บาร์เทนเดอร์ได้แนะนำสาวนักเต้นพาร์ทไทม์ไว้ให้ ถ้ามองตาแล้วถูกใจ ราคารับได้ก็สามารถพากลับโรงแรมได้เลย


ปรากฏพวกชาวประมงถือมาแต่เบียร์เต็มมือ ไม่ได้พาผู้หญิงไปด้วย


ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ บูลที่เดิมเป็นคนตรงไปตรงมาหงุดหงิดง่ายดันยกยิ้มอย่างสุขุมตอบว่า “ที่พวกเราเพิ่งใช้เที่ยวเล่นไปล้วนเป็นเงินที่คุณเลี้ยงทั้งนั้น ถ้าเกิดพาสาวมาพวกเราก็ต้องจ่ายเองสิ ซึ่งไม่คุ้มหรอก”


เมื่อพวกเขากล่าวเช่นนั้น ฉินสือโอวก็กะพริบตาปริบๆ ท่าทางตอนแรกตัวเองจะคิดผิดไป ที่แท้แนวคิดการใช้จ่ายของคนแคนาดาเองก็ไม่ได้บ้าบอไปเสียหมด พวกเขาค่อนข้างหักห้ามใจได้ดีทีเดียว


กลับมาถึงโรงแรมเซนต์เจมส์ ฉินสือโอวก็ทำการแบ่งห้องให้ทุกคน


หนึ่งคนต่อหนึ่งห้อง ทีนี้ไม่ว่าคุณจะกรนกัดฟันหรือละเมอพูดไปเรื่อย ก็ทำได้เต็มที่แถมยังหลับได้สบาย


รุ่งเช้าหกโมงครึ่งฉินสือโอวล้างหน้าบ้วนปากก่อนออกไป พวกชาวประมงยังคงหลับสนิท เสียงกรนปานฟ้าถล่มที่ได้ยินจากประตู บ่งบอกว่าออกทะเลคราวนี้พวกเขาเหนื่อยกันขนาดไหน!


ฉินสือโอวตั้งใจจะไปเดินเล่นคนเดียว จึงไปวิ่งจ๊อกกิ้งที่ท่าเรือ ถือว่าได้ชมวิวไปออกกำลังกายไปด้วย


ท่าเรือสโนว์ดิคก็มาจากการขยายหมู่บ้านประมงแบบท่าเรือกลอสเตอร์ แต่ถ้าให้พูดตามตรงคือยังเป็นหมู่บ้านประมงที่การบริหารไม่ถึงมาตรฐานของเทศบาล


แต่เพราะโลจิสติกส์ของท่าเรือ การกู้ภัยทางน้ำและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจจึงฟื้นตัวทำให้ขยายพื้นที่ได้มากขึ้น


ทั้งท่าเรือเต็มไปด้วยอาคารเล็กรูปทรงต่างๆ ไม่ว่าสไตล์ทันสมัยหรือแนวโบราณเรียบง่าย เมื่อพวกมันผสมผสานเข้าด้วยกัน ตอนฉินสือโอววิ่งผ่านบนถนนก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปในทิวทัศน์ที่ราวกับภาพวาดประวัติศาสตร์


ไม่ว่าสไตล์ไหนอาคารพวกนี้ก็ได้สร้างภาพลักษณ์ให้กับท่าเรือและกลายเป็นจุดเด่นแห่งหนึ่งไป ตัวบ้านค่อนข้างลีบสูงเหมือนตัวเรือกลับหัว บนผนังวาดเป็นระลอกคลื่นสีฟ้าคราม ราวกั้นที่ขึ้นรูปอย่างสวยงาม ก็หน้าตาเหมือนอวนปลา…


เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเฟื่องฟูขึ้น ทำให้ในท่าเรือมีร้านกาแฟ บาร์ ร้านอาหารเล็กๆ ฯลฯ จำนวนมาก


ทุกเช้า กลิ่นนมเข้มข้นของชีสผสมกลิ่นหอมหวานของเค้กทำเองจะอบอวลตามถนน และรสชาติแสนอร่อยจากความกลมกล่อมของปลากุ้ง ทำให้ท่าเรือเล็กๆ เต็มไปด้วยความอบอุ่นแบบครอบครัวช่วยลดความเงียบเหงาลงบ้าง


ตามถนน คนหาบเร่กำลังย่างปลาบนกระทะส่งกลิ่นหอมหวาน ขณะที่บาร์ปิดร้านอาหารก็เริ่มเปิด นายคนหนึ่งในร้านอาหารร้องเพลงชาวประมงอย่างร่าเริงพลางขนถังเบียร์สดลงจากรถส่งของดันเข้ามาในห้อง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตวันหนึ่ง


พอวิ่งมาจนถึงข้างชายฝั่ง ฝูงนางนวลต่างส่งเสียงร้องระงมบินผ่านหมอกเหนือผิวน้ำ ไม่นานเงาร่างดุดันของนิมิตส์ก็ปรากฏขึ้น มันแผดเสียงบินฝ่าอากาศพุ่งไปทางนางนวลฝั่งฉินสือโอว ช่วยให้เขาสามารถออกกำลังต่อได้สะดวก


ตอนเช้ากับตอนเย็นล้วนเป็นเวลาที่ท่าเรือคึกคักที่สุด เพราะสองช่วงนี้มีเรือมาเทียบท่ามากที่สุดนั่นเอง เรือประมงมากมายออกทะเลไปทำงานตอนกลางคืนและมักกลับมาอีกทีตอนเช้า


เมื่อมีเรือเข้าเทียบท่าอยู่เรื่อยๆ ท่าเรือก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น เหล่าชาวประมงถามไถ่การเก็บเกี่ยวกันและกัน พนักงานบริษัทการประมงนำกล่องล็อบสเตอร์และปลาทะเลกล่องใหญ่มาชั่งน้ำหนักจ่ายเงิน


ทว่าก็ยังมีคนอีกเยอะที่กลับมามือเปล่า มื้อนี้ทะเลคงไม่เป็นใจนัก สำหรับชาวประมงส่วนใหญ่ ถ้าอยากมีเงินเก็บก็ต้องออกทะเล ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะทำเงินได้ง่ายๆ จะให้ออกทะเลครั้งเดียวแล้วได้มาห้าแสนกว่าแบบฉินสือโอว ยังเป็นไปได้ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก!


ขณะฉินสือโอววิ่งออกจากท่าเรือ มีคนคิดว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวตะวันออกที่มาพักผ่อน จึงชี้บอกทางให้เขาวิ่งตามทางหลวงไปยังทิศใต้ด้วยความหวังดี


เขาวิ่งไปตามที่พวกชาวประมงบอกจนถึงบริเวณศูนย์กลางท่าเรือ ไม่นานก็มองเห็นสวนสาธารณะโรตารี มีรูปปั้นหินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณต่างๆ ภายในสวนสาธารณะ


มันคือรูปปั้นเมนล็อบสเตอร์ยักษ์ ล็อบสเตอร์ยาว 10 เมตร กว้าง 4 เมตรครึ่ง สูง 1 เมตรครึ่ง ทั้งตัวทำมาจากทองเหลือง ดูน่าเกรงขามไม่ธรรมดา ยามแสงแดดสาดส่องก็เผยให้เห็นล็อบสเตอร์สีแดงเข้มแวววาว ชวนให้รู้สึกเหมือนมันกำลังถูกต้มทั้งเป็น


บนหัวล็อบสเตอร์มีรูปหล่อของกัปตันชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ชายคนนั้นยื่นมือมองไปด้านหน้า สีหน้าเคร่งขรึม


ฉินสือโอวหยุดเดินแล้วมองชื่นชมรูปปั้น คนหาบเร่ฉวยโอกาสทำธุรกิจ เข้ามาถามว่า “สนใจถ่ายรูปไหมครับ? หนึ่งรูปห้าดอลลาร์!”


ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน ฉินสือโอวจึงหยิบสิบดอลลาร์ยื่นให้คนหาบเร่ แล้วถ่ายรูปด่วนตรงด้านหน้าและด้านข้าง


คนหาบเร่บริการถ่ายให้อย่างดี ทั้งแสง เลือกมุมและเลือกฉากล้วนไร้ที่ติ ฉินสือโอวให้ทิปเขาอีกห้าดอลลาร์พร้อมกล่าวชมฝีมือการถ่ายภาพเขา


ได้ยินเขาชมดังนั้น คนหาบเร่ก็พูดทั้งสะอื้นว่า “ถ่ายรูปมาสามรุ่น ทั้งชีวิตพังเพราะกล้องเลนส์เดียว(SLR) เมื่อก่อนผมก็เคยเป็นช่างกล้องมืออาชีพแท้ๆ…”


…………………………………………


บทที่ 437 ออกทะเลอีกครั้ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวโดนคนหาบเร่หัวเราะใส่เสียงดัง เมื่อนิมิตส์ร่อนลงมาด้านหลัง ฉินสือโอวยกมือไปโอบมันบนไหล่แล้วถ่ายรูปต่อ สุดท้ายนิมิตส์ก็เหยียบหัวเขาพร้อมกางปีกคู่ใหญ่อย่างภูมิใจ


หลังจ่ายเงินค่าถ่ายรูปคนหาบเร่ ฉินสือโอวก็พานิมิตส์วิ่งกลับโรงแรม


จากนั้นชายแก่คนหนึ่งเดินอย่างสบายใจผ่านมา เห็นคนหาบเร่กำลังนับเงินอยู่จึงเอ่ยทักทาย “อรุณสวัสดิ์ แอนโทนี่ ดูท่าวันนี้นายจะโชคดีไม่เบานะเนี่ย ทำธุรกิจได้แต่เช้าเชียว”


“อรุณสวัสดิ์ ปู่ชัค ขอพระเจ้าอวยพรสโนว์ดิค”


“นายรู้หรือเปล่า เรือฮาวิซทมาที่ท่าเรือพวกเราด้วย เรือฮาวิซทที่ในข่าวบอกว่าเป็นนักรบเรือประมงน่ะ! ฉันเพิ่งไปดูมา มันเป็นเรือลำใหม่จริงๆ นายไม่ไปถ่ายสักสองรูปล่ะ?”


ได้ฟังชายแก่ดังนั้น คนหาบเร่ก็ชะงักไปก่อนเอ่ยว่า “เรือฮาวิซท? เรือประมงเซนต์จอห์นที่ช่วยชีวิตคนกลางพายุคราเคน18ใช่ไหม?”


พอได้รับการยืนยันจากชายชรา เขาพลันนึกถึงนกฟรีเกตที่เพิ่งจากไปและหนุ่มชาวตะวันออกที่พามันมา


เขารีบหยิบโทรศัพท์มาหาข่าวที่เกี่ยวข้อง คนหาบเร่ดูหน้าจอกล้องถ่ายรูปอีกครั้งแล้วนำมาเทียบกัน ชาวตะวันออกในทั้งสองรูปหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ตัวนกฟรีเกตก็… เอ่อ ยังไงของแบบนี้มันคงปลอมแปลงกันไม่ได้หรอก!


“ไอ้โรคไม่รู้หน้า[1]เวรเอ้ย!” คนหาบเร่คร่ำครวญ “ฉันน่าจะให้เขากับนกโพสท่าเท่ๆ แท้ๆ ไม่งั้นฉันคงได้รางวัลพูลิตเซอร์[2]ไปแล้ว”


หลังถึงโรงแรม ฉินสือโอวหยิบมือถือมาวิดีโอคอลทักทายวินนี่กับเด็กๆ ที่บ้าน


หลัวปอที่ยังหันหลังใส่ฉินสือโอวแสดงความดื้อรั้นของหมาป่าเล็กน้อย แต่พอเห็นฉินสือโอวฉีกยิ้มชั่วร้ายในหน้าจอ มันก็ชะงักก่อนรีบเปลี่ยนท่าทางจากนอนอย่างหมดแรงบนขาวินนี่ไปนั่งแบบหมาแทน


เหมือนเวลาลูกศิษย์จอมซนเจอครูประจำชั้นจอมโหด


วินนี่บอกฉินสือโอวว่าเธอจะหาเวลาลาหยุดสองวันเพื่อออกทะเลไปกับเขา ฉินสือโอวตอบว่าไม่ต้อง คุณรอผมอยู่บ้านต่อก็ได้


ปรากฏตอนเที่ยง เขาก็ต้องโทรหาวินนี่ให้เธอรีบเตรียมลาหยุดทันที


ข้าราชการนายหนึ่งของรัฐนิวบรันสวิกโทรเชิญให้เขากับลูกเรือเรือฮาวิซททั้งหมด มาร่วมงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากพายุในอีกห้าวัน กิจกรรมจะจัดขึ้นที่ท่าเรือบาสก์ สถานที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุมากที่สุด และกำชับให้พานิมิตส์ผู้เลี้ยงแกะของพระเจ้าไปด้วย


ฉินสือโอวไม่รู้สึกอะไรกับกิจกรรมนี้เท่าไร แต่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกัปตันและต้นหนเรือแนสแกส เขาจึงตอบตกลง


และเขาเป็นคนที่ช่วยผู้รอดชีวิตได้มากที่สุด จึงต้องเป็นตัวแทนกล่าวแถลง เลยให้วินนี่ร่วมทางมาด้วย เพราะเธอค่อนข้างเชี่ยวชาญการเขียนบทพูด


พวกประมงนอนเต็มอิ่มตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสองแล้วค่อยทยอยตื่นกัน สิ่งแรกที่ต้องทำหลังตื่นคือไปแลกเช็คที่ธนาคารและย้ายเงินเข้าบัตรเครดิต


ฉินสือโอวรู้สึกว่าควรพักสักสองวัน แต่พวกชาวประมงบอกว่าไม่เป็นไร ควรรีบใช้โอกาสช่วงหลังพายุพัดผ่านไปจับปลาที่อ่าวต่อ


ทั้งที่ยังเหนื่อยอยู่เนี่ยนะ? “ช่างมันเถอะน่าพวก การมีชีวิตมันสบายเสียเมื่อไร? ที่จริงตอนอยู่บนเรือฮาวิซทพวกเราไม่เหนื่อยกันเลยนะ อย่างน้อยก็มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมเยอะ แถมของกินก็อุดมสมบูรณ์!”


ทุกคนล้วนตอบแบบเดียวกัน ในมือคีบบัตรเครดิต ท่าทางกระตือรือร้น


ในเมื่อพวกเขาบอกไม่เหนื่อย ฉินสือโอวจะพูดอะไรได้? งั้นออกทะเลไปทำเงินกันต่อเลย!


ตอนนี้ฉินสือโอวรู้แล้วว่าพวกตัวเองกลายเป็นคนดังแล้ว ช่วงเช้าไม่มีอะไรทำเขาเลยดูทีวีเล่นมือถือ ไม่ว่าในโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ต รายงานที่เกี่ยวกับพายุคราเคน18ก็จะมีพูดถึงเรื่องเรือฮาวิซทเป็นหลัก


เรือประมงลำน้อยที่เสี่ยงลุยหินโสโครกฝ่าพายุน่าสะพรึงเพื่อช่วยเหลือแปดสิบกว่าชีวิตอย่างกล้าหาญ เป็นที่เห็นพ้องกันว่าสมควรได้รับการยกย่องวีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้


นอกจากนี้กัปตันเรือประมงลำนี้ยังเป็นหนุ่มชาวจีนผู้ย้ายถิ่นมาอีก ซึ่งยิ่งเพิ่มความแปลกลึกลับให้กับการกระทำอันกล้าหาญนั้น


ทว่านั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นตำนานคือคำบอกเล่าจากผู้รอดชีวิตทุกคนและกัปตัน นกฟรีเกตยักษ์ที่ฝ่าคลื่นพายุช่วยนำทางเรือประมง พาพวกเขารอดจากภยันตรายในที่สุด…


อย่างไรก็ตามด้วยการนำเสนอของสื่อ ทำให้เหตุการณ์เรือฮาวิซทช่วยชีวิตคนกลายเป็นพล็อตหนังฮอลลีวู้ดไป อาจเหมือนเรื่องขี้โม้แต่ผู้ประกอบการฮอลลีวู้ดอย่างยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ เอ็มจีเอ็มแสดงท่าทีชัดเจนว่าสนใจอยากนำไปดัดแปลงเป็นหนัง


ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาแค่อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายของตัวเองไปอย่างสบายๆ เท่านั้น


แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องนี้เข้าแล้ว คงเป็นไปได้ยากที่จะไม่กลายเป็นจุดสนใจในที่สาธารณะ ตอนเขาพาพวกชาวประมงมาถึงท่าเรือ ก็พบว่าเรือฮาวิซทกำลังโดนฝูงคนและเรือรุมล้อมอยู่


พอคนที่มุงดูเห็นพวกเขาก็เริ่มฮือฮากันทันที ถึงขั้นมีนักข่าวถือไมค์เข้ามาจ่อสัมภาษณ์


ฉินสือโอวเคยรับมือกับสื่อมาหลายครั้ง จึงมีประสบการณ์อยู่บ้าง ก็คือไม่ต้องสนใจว่าพวกเขาพูดว่าอะไรสนแค่เรื่องที่ตัวเองทำก็พอ


พวกชาวประมงค่อนข้างสนุกที่ได้คุยโว ครึ่งชีวิตของการเป็นคนสามัญธรรมดาย่อมรู้สึกดีใจเมื่อได้รับความสนใจ


ฉินสือโอวเข้าใจดี ก่อนเขาจะมาแคนาดาก็มักจะก่อเรื่องเล็กใหญ่เพื่อโอ้อวดตนเช่นกัน แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ที่ว่านั้นไม่ใช่การปล้นธนาคารหรือเรื่องผู้หญิงอย่างใด


ด้วยเหตุนี้เขาจึงขึ้นเรือไปเตรียมการเองคนเดียว ปล่อยให้ชาวประมงสัมภาษณ์ดึงความสนใจพวกนักข่าวไป


ทำการตรวจสอบเครื่องยนต์ อวนปลาและอุปกรณ์บนเรือแล้วไม่มีปัญหา ฉินสือโอวก็ไปซื้อน้ำเปล่ากับอาหารที่ร้านสะดวกซื้อในท่าเรือมาเติม


พวกเขาออกทะเลรอบนี้จะใช้เวลาอีกสามสี่วัน วันที่ห้าต้องเข้าร่วมงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิต เลยต้องเตรียมของจำเป็นเยอะหน่อย


ฉินสือโอวซื้อของเสร็จ เหล่าชาวประมงก็ขึ้นเรือมาด้วยความอิ่มเอมใจ แม้เรือฮาวิซทจะออกจากท่าแล้ว พวกเขาก็ยังคงไม่หายดื่มด่ำกับการได้ตกเป็นจุดสนใจของคนมากมาย ต่างพูดคุยหยอกล้อตอนที่ยอมให้สัมภาษณ์กัน


เห็นพวกเขาสนุกกันขนาดนี้ ฉินสือโอวจึงถามว่า “พวกคุณคงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องขุมทรัพย์ห้าธาตุของผมหรอกใช่ไหม?”


แลนซ์บอกกล่าวว่า “วางใจเถอะกัปตัน พวกเราไม่ได้โง่ คุณเคยเตือนตั้งหลายครั้ง พวกเราจะทำพลาดได้ยังไง?”


ฉินสือโอวโล่งใจ เขาสั่งชาร์คให้ขับเรือออกจากท่ามุ่งไปทางอ่าว


ต้องใช้เวลาเดินทางอีกสี่ห้าชั่วโมงจึงจะถึงอ่าวทะเลลึก ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยหยิบเบ็ดตกปลาที่แขวนไว้มาตกปลา


การตกปลาตอนฤดูหนาวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไร แม่จะเป็นยามบ่ายแต่ลมทะเลที่พัดก็พาลทำทั้งร่างเย็นยะเยือก ฉินสือโอวที่เดิมตั้งใจจะตกปลาแต่ทนความหนาวไม่ไหว เลยเสียบคันเบ็ดกับข้างเรือแล้วรีบวิ่งหนีความหนาวมายังห้องบังคับการ


เครื่องปรับอากาศที่เปิดในห้องบังคับการ อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ ตอนเปิดประตูห้องลมอุ่นผสมกลิ่นหอมหวานของกาแฟก็ปะทะเข้าเต็มหน้า ฉินสือโอวสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยว่า “ยอดเลย กลิ่นหอมจัง”


ชาร์คส่งกาแฟร้อนแก้วหนึ่งให้เขาพลางเอ่ยยิ้มๆ “แน่นอนสิบอส ผมมาคอยฉีดน้ำยาปรับอากาศในห้องวันละสองครั้ง ก็ต้องหอมอยู่แล้ว”


บูลกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “นายหมายความว่ายังไง กลิ่นห้องพวกเราก็ไม่เลวนะ พอๆ กับนายนั่นแหละพวก เราก็ทะนุถนอมเรือฮาวิซทกันทั้งนั้น”


แลนซ์ตบมือปราม “นี่พวกเราจะทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ? พูดตามตรงนะ กัปตัน คุณไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นล็อบสเตอร์หรือฝูงปลาบ้างเหรอ?”


จังหวะนั้น ชาวประมงทุกคนพลันหันมองฉินสือโอวเป็นตาเดียว


………………………………………………..


[1] Prosopagnosia ภาวะสูญเสียการจดจำใบหน้า


[2] รางวัลในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ระดับชาติของอเมริกา


บทที่ 438 รายได้ของชาวประมง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวยกยิ้มจิบกาแฟ ตอนนี้หน้าเรือฮาวิทซปรากฏหินโสโครกที่รวมกันกลายเป็นเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่ง บนเกาะมีประภาคารสีขาวที่สาดแสงไปบนท้องฟ้า ดูทรงพลัง


“ประภาคารนี่ไม่เลวเลย” จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกขึ้นได้ “ฉันว่าเกาะแฟร์เวลเราก็น่าจะมีประภาคารด้วยนะ ใช่ไหม? จะได้มาสร้างที่ฟาร์มปลาเราได้”


เกาะแฟร์เวลเคยมีประภาคารหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือสำคัญของนิวฟันด์แลนด์ น่าเสียดายพอฟาร์มปลาเริ่มทรุดโทรม ประภาคารเลยไม่ได้ใช้งานตอนนี้จึงโดนปิดตัวลง


ทีแรกฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจประภาคารนัก เขารู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ของแบบนี้คงไม่ได้ใช้บ่อยแล้ว ทั้งเรือประมง เรือยอชต์ล้วนมีอุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์นำทาง บนหัวก็มีดาวเทียม และใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการยืนยันตำแหน่งได้แม่นยำกว่าอีก


ทว่าหลังผ่านพายุคราเคน18มา ความคิดเขาก็เปลี่ยนไป สิ่งปลูกสร้างที่อยู่มายาวนาน เขาไม่มีทางลืมความรู้สึกในคืนนั้นตอนที่เห็นแสงจากประภาคารท่าเรือบาสก์ได้


ไม่นานมานี้เขาคิดว่า ถ้าตัวเองขับเรือออกทะเลไปแล้วกลับมาเจอแสงประภาคารของที่บ้านตัวเองจากไกลๆ น่าจะรู้สึกดีไม่น้อย? มีแสงประภาคารคอยส่องทางกลับบ้าน


เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินสือโอวเริ่มสนใจการสร้างประภาคารแล้ว


ชาร์คและพวกแลนซ์ล้วนเป็นชาวประมงเก่า พวกเขาจึงมีความรู้สึกเกี่ยวกับประภาคารแตกต่างกันไป ฉินสือโอวนำคำแนะนำเหล่านั้นมาหาข้อสรุปที่ลงตัว


เรือฮาวิซทขับเข้าไปใกล้เกาะประภาคารหินโสโครก และฉินสือโอวก็ค้นพบสิ่งใหม่อีกอย่าง มีแมวน้ำตุ้ยนุ้ยฝูงใหญ่อยู่รอบๆ หินโสโครก


เจ้าพวกตัวใหญ่มีขนาดราวหนึ่งเมตรครึ่ง ส่วนตัวเล็กแค่สิบกว่าเซนติเมตร ผิวสีเหลืองน้ำตาล กลมตั้งแต่หัวจรดท้าย มีขนสั้นๆ ขึ้นทั่วหลัง มีจุดใหญ่เล็กกระจายอยู่บนผิว มันคือแมวน้ำลายจุดที่พบเห็นได้ทั่วไปในอเมริกาเหนือนั่นเอง


เพราะไม่มีใครมาจับพวกมัน ศัตรูตามธรรมชาติอย่างฉลามหัวบาตร วาฬเพชฌฆาตก็เข้ามาใกล้หินโสโครกไม่ได้ ชีวิตพวกมันเลยไม่ต้องกังวลอะไรนักทำให้แต่ละตัวอ้วนตุ้ยนุ้ยเช่นนี้


ตอนเรือฮาวิซทเข้าไปใกล้แมวน้ำทะเลไม่มีท่าทีหวาดกลัว ส่วนใหญ่ยังคงนอนกระจัดกระจายอาบแดดอย่างเกียจคร้านกัน มีบางตัวเล่นน้ำราวกับมันไม่เห็นเรือประมงที่เข้ามาใกล้


ตอนนั้นเองสามีภรรยาชราคู่หนึ่งดันรถเข็นล้อเดียวเดินออกมาจากประภาคาร ชายแก่ผิวปากส่งเสียง ‘วู้ดวู้ด’ ทันทีที่ได้ยินเสียง เหล่าแมวน้ำจอมขี้เกียจก็รีบลุกขึ้นด้วยความกระตือรือร้น กระดึ๊บคลานไปหาชายชราอย่างรวดเร็ว


ชายแก่ยิ้มลูบหัวเหล่าแมวน้ำ เจ้าพวกนี้เปลี่ยนไปทำตัวว่านอนสอนง่าย เอาหัวถูไถสองสามีภรรยาแบบหมาน่ารัก


จากนั้นชายชราก็เริ่มหยิบปลาซาบะจากรถเข็นป้อนพวกมัน พอเห็นปลาซาบะเจ้าพวกเห็นแก่กินก็รีบรุมเบียดแย่งกันอย่างดุเดือด


“เป็นชีวิตที่ดีจังนะ”ฉินสือโอวมองรอยยิ้มของชายชราแล้วถอนหายใจ


บูลเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “เนี่ยนะชีวิตที่ดี? ไม่เลย กัปตัน ชีวิตแบบนี้มันจืดชืดเกินไป! ผมกล้าพนันเลยว่าคนแก่พวกนี้ไม่มีอะไรทำแล้วมาเลี้ยงแมวน้ำกันเท่านั้นแหละ”


“ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ผมเคยเฝ้าประภาคารมาก่อน พระเจ้า นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตของลูกผู้ชายสักนิด นอกจากดูโทรทัศน์ ฟังเพลง คุณก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำฆ่าเวลาแล้ว แทบทำคนเป็นบ้าได้ง่ายๆ เลย!”ชาวประมงคนหนึ่งเห็นด้วยกับบูล


แลนซ์เหยียดยิ้มเอ่ยว่า “งั้นคงต้องหาสาวสวยมาให้นายจัดการสักคนแล้วมั้ง? ถ้ามีสาวๆ นายจะได้ไม่เบื่อไง”


ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะ แล้วแต่ละคนก็เริ่มพ่นมุกหยาบโลนใส่กัน


พวกชาวประมงเป็นคนหยาบกระด้างทั้งนั้น ชีวิตอันน่าเบื่อในทะเล ทำให้มุกหยาบโลนกลายเป็นกิจกรรมหลักในการฆ่าเวลา


ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักคนกลุ่มนี้ไม่พอ เขาเข้าใจมาตลอดว่าแลนซ์เป็นคนซื่อๆ พอออกทะเลมาถึงรู้ว่าหมอนี่ก็มีสันดานชาวประมงโดยแท้


แน่นอนว่า ‘สันดาน’ นี้ไม่ได้หมายถึง ‘ลอยชาย’ ‘เสเพล’ ‘หยาบคาย’ แต่คล้ายกับ ‘จิ๊กโก๋’ ‘อันธพาล’ มากกว่า เป็นผู้มีประสบการณ์ รู้ไปทุกอย่างพึ่งพาได้


เช่นตอนพูดมุกหยาบโลน ไม่มีใครกล้าเล่นกับแลนซ์เลย เวลาเขาพ่นควันวงแหวนออกมาก็มักจะเป็นรูปทรงใหม่ ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มาบันทึกไว้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เลยอดแชร์


บูลนั่งเงียบถือนิตยสารอ่านอย่างใจจดใจจ่อ ฉินสือโอวถามว่าเขาอ่านอะไร บูลจึงยกนิตยสารให้เขาดู เป็นนิตยสารแนะนำรถแลนด์โรเวอร์


“นายอยากซื้อรถเหรอ?”ฉินสือโอวถาม ไม่รู้จะคุยอะไร


บูลยิ้มร่า ตอบว่า “ใช่ครับ ผมอยากได้แลนด์โรเวอร์ออโรร่ามานานแล้ว แต่ยังไม่มีเงิน ออกทะเลมาครั้งนี้ผมคำนวณว่าจะให้ได้สักห้าหกแสน แล้วค่อยกู้เงินมาซื้อคันหนึ่ง”


แลนด์โรเวอร์ออโรร่าในแคนาดาราคาถูกมาก แค่ประมาณเจ็ดแสนก็ซื้อตัวรถได้ บวกค่าบริการ ภาษีกับประกันเป็นแปดแสนแล้วขับกลับบ้านสบายๆ


แลนซ์เข้ามาตบบ่าเขา เอ่ยว่า “ไม่ต้องไปกู้เงินจากธนาคารทุนนิยมหน้าเลือดนั่นหรอก มายืมฉันก็ได้ ฉันว่าจะกลับไปจัดห้องอยู่ น่าจะมีเงินเหลือนิดหน่อย”


ฉินสือโอวส่ายหน้าจนใจ “ดูท่าพวกนายจะเก็บเงินไม่เก่งกันเท่าไรสินะ อย่าบอกนะว่าหลายปีมานี้พวกนายไม่ได้เก็บเงินเลย?”


บูลจนใจยิ่งกว่า เขาพูดอย่างกล้ำกลืน “ไม่ครับกัปตัน แต่เรื่องนี้คุณมาว่าเราไม่ได้หรอก ถ้าเกิดเราอยู่กับบอสที่เก่งอย่างคุณล่ะก็ คงเก็บเงินได้อยู่แล้ว ดูสิ ออกทะเลรอบเดียวผมก็ได้มาตั้งหนึ่งแสนห้า แต่ตลอดปีที่ผ่านมา เห็นแก่พระเจ้า นี่ผมไม่ได้โกหกเลยนะ ผมทำงานให้ไอ้เรือคว้าดาวตลอดช่วงฤดูจับปลายังได้แค่หนึ่งแสนหกพันเอง!”


แลนซ์ถอนหายใจ “ไม่ต่างกัน ฉันยังต้องเดินทางไกลถึงมหาสมุทรอินเดียเลย แต่นอกจากงานนั้นตอนทำงานอื่นก็ได้เงินมาแค่ประมาณสองแสน”


ฉินสือโอวพูดด้วยความตกใจ “เงินเดือนชาวประมงน้อยขนาดนี้เลยเหรอ?”


“ก็ขึ้นอยู่กับราคาปลาที่จับมาได้ ช่วงนี้จับแต่ปลาทั่วไปไม่ได้เลย ขนาดตัวกัปตันยังได้เงินไม่เท่าไร”ชาวประมงคนหนึ่งเอ่ย “พวกเราก็เลยอิจฉาชาร์ค เพราะได้ยินว่าเดือนหนึ่งเขาได้ตั้งเจ็ดแปดพัน?”


ชาร์คยิ้มกว้างตอบว่า “บอสเป็นเถ้าแก่ที่ตรงไปตรงมา ฉันเลยชอบทำงานกับเขา”


เขาไม่ได้พูดรายละเอียดมาก แต่ถือเป็นคำตอบว่าถ้าตามทำงานกับฉินสือโอวทุกคนก็จะได้เงินก้อนใหญ่


ขณะพวกชาวประมงกำลังปรึกษากัน ฉินสือโอวมองไปยังท้ายเรือก็เห็นเบ็ดตกปลาคันหนึ่งกำลังโดนดึงอยู่ จึงพูดว่า “เฮ้ ปลากินเบ็ดแล้ว”


ชาร์คหันไปมองตามเสียงเครื่องโซนาร์หาปลา ดวงตาเบิกกว้าง “เจ้านี่ตัวไม่น้อยเลย เร็ว ทุกคน มันน่าจะเป็นปลาทะเลตัวแบน”


ปลาทะเลตัวแบนเป็นชื่อทั่วไปที่ชาวประมงในนิวฟันด์แลนด์เรียก ชื่อแบบทางการต้องเป็นปลาแฮลิบัตแอตแลนติก ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์คือปลาซีกเดียว แฮลิบัตเป็นปลาขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง


ปลาชนิดนี้คือปลาทะเลหน้าดิน กระจายอยู่ตามทะเลแอตแลนติกเหนือในแลบราดอร์และกรีนแลนด์ไปจนถึงไอซ์แลนด์ สามารถตัวยาวได้ถึงสองเมตรครึ่ง


ตอนตกปลาได้ฉินสือโอวไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อย เพราะเขาใช้เหยื่อล่อที่เอามาจากฟาร์มปลา ซึ่งบรรจุพลังโพไซดอนไว้ ทำให้ดึงดูดปลาใหญ่ในทะเลได้เป็นอย่างดี เขาเอาใส่ถังน้ำแข็งมาด้วยเพราะตั้งใจจะตกปลาใหญ่โดยเฉพาะ


เมื่อมาถึงดาดฟ้าเรือก็รีบเข้าไปคว้าคันเบ็ดไว้ ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกโพไซดอนลงไปในน้ำ แล้วก็ต้องตะลึง มันไม่ใช่ปลาแฮลิบัต


………………………………………………………..


บทที่ 439 ปลาพระจันทร์มาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหตุผลที่ทำให้ชาร์คลงความเห็นว่าเป็นแฮลิบัต เพราะรูปร่างของปลาตัวนี้ค่อนข้างแบนๆ กลมๆ เหมือนแฮลิบัตนั่นเอง พอมองจากเครื่องโซนาร์หาปลาก็เห็นเป็นจุดกลมขนาดเท่าเหรียญจุดหนึ่ง


ปลาที่ตกมาได้มีขนาดหนึ่งเมตรกว่าและกว้างหนึ่งเมตร ทั้งตัวเป็นสีขาวไม่เหมือนปลาแฮลิบัตที่ตัวเป็นสีแดงสนิม และมีจุดขาวเต็มตัวเหมือนจานขนาดใหญ่สีแดงขาว


นอกจากนี้ส่วนครีบหลัง ครีบท้อง และครีบหางของปลาตัวนี้เป็นสีแดงน้ำตาลเข้มดูสวยงาม


ฉินสือโอวตั้งใจจะตกปลาใหญ่ตั้งแต่แรก เขาเลยใช้สายเบ็ดแบบหนา เพราะงั้นตอนปลาตัวนี้กินเบ็ดแม้จะแรงเยอะแค่ไหน ก็ไม่สามารถสะบัดหลุดได้ ทำได้เพียงดึงสายเบ็ดลงไปในน้ำเท่านั้น


ฉินสือโอวกดรอกยื้อยุดกับปลาใหญ่ ประมาณสองนาทีต่อมา ปลาใหญ่ก็เริ่มแผลงฤทธิ์ เขาปล่อยรอกให้มันลงไปในน้ำต่อ กระทั่งมันสงบลงเขาจึงรีบหมุนรอกดึงชักเย่อกับมันอีกครั้ง


สักพัก ปลาใหญ่ก็เริ่มเหนื่อย คราวนี้ถึงเป็นตาฉินสือโอวแสดงพลัง


หลังลองหยั่งเชิงเล็กน้อย ฉินสือโอวก็กระชากอย่างรวดเร็ว ปลาใหญ่ที่ตั้งตัวไม่ทันจึงโดนดึงขึ้นมาเหนือน้ำ


ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง เกล็ดของมันสะท้อนแสงเป็นสีทองแดงดูสวยงามน่าหลงใหล


“โอ้! ปลาพระจันทร์!”กลุ่มชาวประมงที่มุงอยู่ตรงดาดฟ้าท้ายเรือพลันอุทานด้วยความตื่นเต้น


ฉินสือโอวเองก็แย้มยิ้ม เขารีบเก็บสายเบ็ดดึงปลามาข้างเรือ ตอนนั้นเองทางแลนซ์ที่ทิ้งกล้องยาสูบสวมถุงมือรอก็เข้ามาแกะสายเบ็ดออก แล้วยกปลาพระจันทร์ขึ้น


แน่นอนว่าราคาปลาพระจันทร์ย่อมไม่ใช่น้อยๆ แต่สำหรับชาวประมงสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณนั้นมีความหมายกว่าราคา


ชาวประมงแอตแลนติกล้วนพูดเหมือนกันว่า ถ้าตกปลาพระจันทร์ได้ตอนออกทะเลแสดงว่าจะมีโชค เก็บเกี่ยวได้เยอะแน่นอน ด้วยเหตุนี้ ปลาพระจันทร์เลยถูกเรียกเป็นปลานำโชคเช่นกัน


ปลาพระจันทร์ปกติจะมีความยาวยี่สิบกว่าเซนติเมตร ซึ่งยังไม่นับเป็นปลานำโชค ปลานำโชคต้องมีขนาดเท่ากับตัวที่ฉินสือโอวตกคือยาวหนึ่งเมตรกว่า และหนักหนึ่งร้อยกิโลกรัม!


พอเห็นฉินสือโอวตกปลาพระจันทร์ได้ พวกชาวประมงที่ออกทะเลมาด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้าก็ยิ่งมั่นใจกว่าเดิม พวกเขานำปลาพระจันทร์มาถือไว้ตรงกลางแล้วถ่ายรูปหมู่กัน จากนั้นจึงเริ่มจัดการปลาตัวนี้


ฉินสือโอวไม่อยากขายปลาพระจันทร์ เขามีความคิดอื่น ให้ชาร์คกับแลนซ์หาทางสต๊าฟเก็บมันแทน


นอกจากปลาพระจันทร์ยังมี ‘ความพิเศษ’ อย่างหนึ่ง คือเป็นปลาชนิดที่สามารถรักษาอุณหภูมิในน้ำลึกได้


แต่ไหนแต่ไรทุกคนต่างรู้ว่า ในธรรมชาตินอกจากนกกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่เหลือก็เป็นสัตว์เลือดเย็นโดยเฉพาะปลา แต่ปลาพระจันทร์นั้นเป็นข้อยกเว้น


จากการวิจัยทำให้ทราบว่าปลาพระจันทร์สามารถรักษาอุณหภูมิร่างกายได้ด้วยการไหลเวียนของโลหิต เพื่อเก็บพลังงานตอนหาอาหารในน้ำลึกที่หนาวเย็น


เนื่องจากจากหลอดเลือดของมันอยู่ภายในเหงือกไม่ใช่กล้ามเนื้อที่ปลาใช้ว่ายน้ำกัน หมายความว่า เวลามันสะบัดครีบอกก็จะสร้างความร้อนในเลือดเพิ่มขึ้นแล้ว ‘ไหลเวียน’ ไปทั่วร่างกาย โดยที่ไม่โดนอุณหภูมิน้ำทำให้เย็นลงนั่นเอง


นอกจากนี้ เลือดที่เย็นลงในเหงือก ยังสามารถสร้างความร้อนต่อด้วยการเปลี่ยนออกซิเจนในน้ำ[1] เพราะความพิเศษของพวกมันนี้เอง เลยเกิดหัวข้อการวิจัยทางวิศวกรรมเรื่องกระบวนการถ่ายเทความร้อนแบบย้อนกลับ


พอเก็บเกี่ยวปลาพระอาทิตย์ได้ พวกฉินสือโอวก็ดีใจกัน บูลพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันว่าแล้วไงพวก นี่พวกเราจะได้เจอฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินด้วยไหมเนี่ย? ก่อนหน้านี้ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็มีฝูงปลาทูน่าตั้งเยอะ!”


“อย่าว่าแต่ทูน่าครีบน้ำเงินเลย ถ้าได้เจอฝูงปลาจะทูน่าตาโต ทูน่าครีบน้ำเงินใต้ก็ดีทั้งนั้น แน่นอนต่อให้เจอทูน่าครีบเหลืองก็ไม่เลวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? “ชาวประมงคนหนึ่งเอ่ยพลางหัวเราะเสียงดัง


การเจอฝูงทูน่าย่อมเป็นเรื่องดี ถ้าจับได้ยี่สิบสามสิบตัวในครั้งหนึ่ง ทุกคนก็จะแบ่งได้คนละสามสี่หมื่นดอลลาร์


“รอบอสหาล็อบสเตอร์ก่อนดีกว่า ตอนนี้คงหาฝูงทูน่าที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่เจอหรอก”ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาร์คไปหาข้อมูลมาก่อนแล้ว


เรือฮาวิซทแล่นต่อไป ฉินสือโอวเติมกาแฟใส่ท้อง ยังไม่เจอวี่แววของฝูงกุ้งแม้แต่น้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้


สถานการณ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ระหว่างทางเกรงว่าพวกเขาจะพบเรือประมงไปไม่ต่ำกว่าสองร้อยลำแล้ว และกรงดักกุ้งติดลูกทุ่นยางที่เยอะยิ่งกว่า บางครั้งตอนมองออกไปก็เห็นลูกทุ่นยางหลากสีลอยอยู่เต็มทะเล


ชาร์คปรับวิทยุเป็นช่องสาธารณะ เขากับพวกแลนซ์มีคนรู้จักอยู่ที่นี่กันทุกคน บางครั้งก็ใช้ช่องสาธารณะคุยสัพเพเหระกับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะญาติห่างๆ ป้าสองลุงสี่ข้างบ้าน เป็นเรื่องปกติ


เวลาฉินสือโอวได้ยินพวกเขากำลังพยายามตีสนิทอีกฝ่ายก็จะหลุดหัวเราะเสียงดัง เขารู้สึกว่าคนแคนาดานั้นเข้าหาง่ายกว่าคนจีนเสียอีก แต่บางครั้งแมวพันธุ์เดียวกันก็คุ้นเคยกันดี


พวกชาร์ควิทยุถามเรื่องการเก็บเกี่ยวของเหล่าชาวประมงคร่าวๆ


ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ พวกชาวประมงมักไม่จริงใจเวลา พูดถึงเรื่องการเก็บเกี่ยว อยากได้ข้อมูลจากปากพวกเขาน่ะเหรอ? คงยาก นอกเสียจากคนที่คุณเผชิญด้วยกำลังอัดบุหรี่หรือกระดกเหล้าอยู่


แต่ตอนนี้พวกเขากลับจริงใจกันมาก พอถามเรื่องการเก็บเกี่ยวล็อบสเตอร์ พวกเขาก็ตอบตามความตรงว่า “แย่มากเลย พวก แย่มาก! ก่อนหน้านี้ออกทะเลมายังจับกุ้งได้ร้อยกว่าปอนด์อยู่เลย แต่ตอนนี้ยากมาก ฉันล่องเรือมาสองวันแล้ว จับอะไรได้บ้างล่ะ? ก็ล็อบสเตอร์ยี่สิบตัวไง!”


“ท่าทางสถานการณ์จะไม่ค่อยดีเท่าไร” บูลพึมพำ แต่ก็ยังมองในแง่ดีอยู่เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในตัวฉินสือโอวกัน


ฉินสือโอวไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาคาดหวังลมๆ แล้งๆ ตอนเที่ยงคืนเขาหาสถานที่ที่พวกชาวประมงจะลงกรงดักกุ้งได้ไปเรื่อยๆ จากนั้นตอนเช้าวันที่สองเขามาดูอีกทีก็พบว่าที่นี่มีล็อบสเตอร์ไม่กี่ตัว แต่ดันเจอฝูงปลาแซลมอนแทน แซลมอนแอตแลนติกเลยนะ!


แซลมอนส่วนใหญ่เป็นปลาน้ำจืดอาศัยอยู่ในแม่น้ำหรือลำธารที่สะอาด แซลมอนแอตแลนติกนั้นต่างจากชนิดอื่น มันจะแยกเป็นสองช่วงชีวิตคือฝังอยู่ในดินน้ำจืดตอนเกิดและย้ายถิ่นลงทะเลเมื่อโตเต็มวัย


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝูงแซลมอนที่ฉินสือโอวเจอคือแซลมอนแอตแลนติกที่ย้ายถิ่นมาแล้ว


ตัวแซลมอนไม่ค่อยใหญ่มาก ตัวเต็มวัยก็หนึ่งปอนด์ไม่เกินสองกิโลกรัม มีส่วนน้อยที่ตัวใหญ่ สภาพราคาของปลาชนิดนี้ค่อนข้างดี สามารถเอาไปทำปลาแผ่นหรือสเต๊กก็ได้ และยังอุดมไปด้วยโปรตีนกับกรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นของขึ้นชื่อในยุโรปอเมริกาเอเชียแอฟริกา


ฉินสือโอวสั่งให้ปล่อยอวนเรือฮาวิซทลงน้ำ จากนั้นเปิดหวูดแล่นเรือไล่กวาดฝูงปลา


หลังลากในทะเลไปได้สี่สิบนาที ชาร์คก็เริ่มเก็บอวนขึ้นตามที่ฉินสือโอวสั่ง เมื่อเปิดอวนปลาที่ห้องแช่แข็งใต้ท้องเรือ ทันทีที่เห็นปลาอ้วนตัวสีเงินสีฟ้าหรือสีแดงชาดพวกเขาก็ดีใจแทบคลั่ง


“โว้วๆ สุดยอดไปเลยกัปตัน ผมล่ะอยากร้องเพลงสรรเสริญให้ทักษะการหาปลาของคุณเสียจริง! นี่มันแซลมอนแอตแลนติกเชียวนะ ตอนนี้ขายได้ราคาเท่าไรกัน? สิบดอลลาร์? สิบห้าดอลลาร์?”


“รีบจัดการเร็ว ยังจับได้อีกอวนหนึ่งนะ!”ฉินสือโอวพูดอย่างใจเย็น สิ้นคำกล่าวพวกชาวประมงก็เริ่มวิ่งวุ่นทำงานแทบทันที


……………………………………


[1] วิธีหายใจทั่วไปของปลาคือ ขณะว่ายน้ำน้ำที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเหงือกจะไหลสวนทางกับการไหลของเลือด ทำให้สามารถแพร่ออกซิเจนในน้ำสู่กระแสเลือดได้ ซึ่งปลาพระจันทร์ใช้วิธีการหายใจนี้ในรักษาอุณหภูมิร่างกาย ฟื้นฟูความร้อนที่เสียไป


บทที่ 440 ความจงรักภักดีของชาวประมง

โดย

Ink Stone_Fantasy

เรือประมงได้เงินก้อนแรกจากการเก็บเกี่ยวแซลมอนแอตแลนติกสองอวนติด แซลมอนสี่ตันกว่า ส่วนใหญ่ขายได้ประมาณหกหมื่นถึงแปดหมื่นดอลลาร์


ปลาชนิดนี้เอาไปขายให้บริษัทประมงที่ท่าเรือไม่ได้ เพราะราคาจะถูกกดจนต่ำเกินไป ถ้าไปส่งให้ตลาดก็จะขายได้เจ็ดสิบแปดสิบดอลลาร์ต่อหนึ่งกิโลกรัม


แต่พวกชาวประมงไม่มีช่องทางไปขายตลาด พวกเขากอบโกยปลามาเยอะแต่ขาดที่แช่แข็งกับเครื่องมือขนส่ง ซึ่งปลาพวกนี้ไม่สามารถรอจนถึงตลาดบนบกได้ ไม่งั้นจะถือว่ามันเสียแล้ว


ฉินสือโอวไม่อยากให้พวกพ่อค้าคนกลางได้กำไรโดยศูนย์เปล่า เขาใช้โทรศัพท์ดาวเทียมโทรหาบัตเลอร์ชายไว้หนวดที่ตลาดอาหารทะเลนิวยอร์ก ถามเขาว่าสนใจอยากรับซื้อแซลมอนแอตแลนติกไหม


บัตเลอร์ตอบอย่างลำบากใจ “ฉิน ส่วนใหญ่ผมทำแต่พวกอาหารทะเลที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงน่ะ แซลมอนแอตแลนติกก็ไม่เลว แต่ปลาชนิดนี้มีในตลาดเยอะแล้ว ต่อให้ผมไปซื้อกับคุณที่นั่นก็คงให้ราคาสูงไม่ได้ เพราะผมต้องจ้างเรือจากนิวยอร์กลำหนึ่งมาคอยขนส่งอีก ซึ่งค่าใช้จ่ายแพงมาก!”


ในเมื่อไม่มีทางเลือกฉินสือโอวจึงแค่ยักไหล่เอ่ยขอบคุณไป


แต่ไม่รู้ว่าทำไมบัตเลอร์ถึงใส่ใจฉินสือโอวเป็นพิเศษ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “เอาอย่างนี้ คุณจะกลับท่าเรือเมื่อไร? เดี๋ยวผมติดต่อนักธุรกิจอาหารทะเลของควิเบกบางส่วนให้คุณ พวกเขาอาจไม่ได้ให้ราคาสูง แต่ก็ดีกว่าพวกบริษัทประมงหน้าเลือดแน่นอน”


ฉินสือโอวดีใจมากจนพูดขอบคุณซ้ำๆ


บัตเลอร์ตอบอย่างสุภาพว่าคุณทำเป็นคนอื่นคนไกลไปแล้ว จากนั้นก็กล่าวอีกว่า “ฉิน สิ่งที่คุณทำในพายุคราเคนนั่นมันสุดยอดมาก คุณเป็นนักรบที่กล้าหาญจริงๆ ผมเองก็ยินดีไม่น้อยที่สามารถช่วยคุณได้ แล้วก็ ถ้าฟาร์มปลาคุณจับปลาแลมป์เพรย์ได้อีกก็อย่าลืมติดต่อผมมานะ”


ฉินสือโอวถามเขาว่าที่นี่มีล็อบสเตอร์ยักษ์ด้วยอยากได้ไหม บัตเลอร์หัวเราะขมๆ ปฏิเสธ เมนล็อบสเตอร์มีถิ่นกำเนิดจากอเมริกาที่นิวยอร์กซึ่งอยู่ใกล้รัฐเมน ขนาดของกุ้งย่อมไม่น้อยอยู่แล้ว


แม้อุตสาหกรรมล็อบสเตอร์บริเวณชายฝั่งจะโดนแบคทีเรียเล่นงานจนแทบล้มละลาย แต่ล็อบสเตอร์บริเวณน้ำลึกก็ยังมีจำนวนมาก เขาเลยสามารถซื้อจากเรือที่ไปจับตรงน้ำลึกแทนได้ ดังนั้นถ้าให้ซื้อล็อบสเตอร์จากแคนาดา คงไม่คุ้มเท่าไร


คุยธุรกิจเสร็จ ฉินสือโอวก็วางสาย การโทรครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ อย่างน้อยก็ได้ช่องทางคนขายอาหารทะเลของควิเบกมาส่วนหนึ่ง


ปัจจุบันด้วยพลังแห่งโลกาภิวัตน์ ช่องทางที่มีประสิทธิภาพจะเป็นรากฐานไปสู่ความสำเร็จ ไม่งั้นทำไมซูเปอร์มาเก็ตของวอลมาร์ตกับคาร์ฟูร์ถึงมีอิทธิพลนัก? เพราะพวกเขาได้ครอบครองช่องทางแหล่งค้าขายจำนวนมากนั่นเอง


ช่องทางเป็นสิ่งที่ถ้าไม่มีคนรู้จักช่วยแนะนำก็ยากที่จะบุกเบิก เพราะการร่วมงานกับนักธุรกิจไม่ใช่แค่เรื่องของผลประโยชน์ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความคุ้นเคยร่วมมือกันอย่างมีความสุข ต่อให้ได้กำไรน้อยหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหา


สิ่งสำคัญสำหรับช่องทางคือยี่ห้อ ถ้ายี่ห้อถูกทำลายก็เป็นอันจบ ดังนั้นพวกธุรกิจอาหารทะเลจึงรับชาวประมงแปลกหน้าน้อยมาก


หลังเก็บเกี่ยวแซลมอนแอตแลนติกไปสองอวน พวกชาวประมงก็จะก็บกรงดักกุ้งต่อ ฉินสือโอวลงไปดูใต้ทะเลมาก่อนแล้ว และไม่เห็นล็อบสเตอร์แถวนั้นเลย จึงน่าจะจับอะไรไม่ได้มากนัก


ซึ่งก็เป็นความจริง เหล่าชาวประมงที่รอเก็บเกี่ยวล็อบสเตอร์ด้วยความคาดหวัง จากกรงสิบกรง จับได้ทั้งหมดแค่สองตัว ถึงไม่ใช่ตัวเล็กราวสี่ห้าปอนด์ได้ แต่ก็ทำพวกเขาผิดหวังมากอยู่ดี


ฉินสือโอวทำใจให้สงบมั่นคง เขาจะได้ไม่รู้สึกหดหู่อะไร โดยการถือชาร้อนแก้วหนึ่งไปนั่งเล่นเกมที่ห้องบังคับการ


ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังจากด้านนอก ฉินสือโอวได้ยินคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยรีบออกไปดู


ปรากฏทันทีที่เปิดประตู บูลก็รีบวิ่งถือกรงดักกุ้งเข้ามา ตะโกนว่า “กัปตัน มาดูเร็วเข้า! โชคของปลาพระจันทร์ไม่ได้ขี้โม้จริงๆ ด้วย มาดูโชคของเราสิครับ!”


ฉินสือโอวมองตามแล้วก็อดตะลึงไม่ได้ ในกรงดักกุ้งมีอะไรอยู่? มันเป็นล็อบสเตอร์ตัวหนึ่ง แต่นี่มันบ้าไปแล้ว


ล็อบสเตอร์ตัวนี้มันเป็นสีขาว! ขาวเหมือนหิมะเลย!


ฉินสือโอวลองตบๆ กรง ล็อบสเตอร์ข้างในก็กางก้ามออกพลางหดตัวไปด้านหลัง ชัดเจนแล้วว่าเจ้าตัวนี้มันมีชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ของปลอมที่ใครเอามาใส่ไว้เล่นๆ


กุ้งภายในกรงมีความยาวประมาณสี่ห้าเซนติเมตร หน้าตาเหมือนเมนล็อบสเตอร์ทั่วไป แต่เปลือกเป็นสีขาว และดวงตาสีดำเป็นประกาย มองภายนอกก็ดูเหมือนงานศิลปะ


ฉินสือโอวเพิ่งจะเคยเห็นล็อบสเตอร์สีขาวเป็นครั้งแรก พวกบูลก็ไม่ต่างกัน เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงกัน


ชาร์คที่เป็นคนมีประสบการณ์ความรู้มากมาย พอมองล็อบสเตอร์แล้วก็พูดว่า “ผมเคยได้ยินมาว่า ล็อบสเตอร์พวกนี้เป็นล็อบสเตอร์แบบพิเศษ ว่ากันว่าพวกพิเศษนี้อัตราการรอดชีวิตคือหนึ่งในร้อยล้าน พวกเราโชคดีมากเลยนะเนี่ย ที่ได้เจอมัน!”


ฉินสือโอวเจอตู้ปลาเลยเอาล็อบสเตอร์ขาวไปเลี้ยงในนั้น เจ้าตัวนี้มันจะสวยเกินไปแล้ว เดี๋ยวเลี้ยงไว้ดูทีหลังน่าจะดี


หลังได้เห็นล็อบสเตอร์ขาว ในใจฉินสือโอวพลันรู้สึกประทับใจ แล้วนึกถึงล็อบสเตอร์ลายดาวที่ฟาร์มปลา


ล็อบสเตอร์ลายดาวเป็นชื่อที่เขาตั้งให้ล็อบสเตอร์กลุ่มแรกในฟาร์มปลา ช่วงที่พวกมันกำลังโตสีบนเปลือกหลังก็ยิ่งสวยงาม เหมือนดวงดาวที่มองจากกล้องโทรทรรศน์


เขาถามอย่างไม่แน่ใจว่า “พวกนายเคยเห็นล็อบสเตอร์ชนิดที่มีเปลือกหลังลายสีสวยๆ ไหม?”


พวกชาร์คงุนงง พร้อมส่ายหน้าไม่เข้าใจที่ฉินสือโอวพูด


ฉินสือโอวอธิบายพร้อมเอารูปกาแล็กซีมาเปรียบเทียบให้ดู พวกเขายังคงส่ายหัวสื่อว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย


ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ในฟาร์มปลามีล็อบสเตอร์แบบนี้อยู่ไม่น้อย ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวพวกเขาก็ได้เห็นเอง ฉินสือโอวบอกไปตามจริงกับแลนซ์ แต่แลนซ์ก็ยังยืนยันคำเดิม แล้วถามเขาว่า “กัปตัน นี่คุณเพิ่งไปสูบกัญชาที่ห้องบังคับการมาใช่ไหมเนี่ย?”


“เฮ้อ! เดี๋ยวฉันให้พวกนายไปดูที่ฟาร์มปลาฉันทีหลังก็แล้วกัน!” ฉินสือโอวถือล็อบสเตอร์ขาวเดินจากไป เขาเริ่มเดาออกแล้วว่า การเปลี่ยนสีบนเปลือกหลังของกุ้งพวกนั้นน่าจะมาจากพลังโพไซดอน


ทั้งวันนั้นยังคงลงอวนต่อเรื่อยๆ ล็อบสเตอร์จับได้ไม่มากนักแต่ได้ปลาทะเลมาเยอะแทน และช่วงบ่ายก็ได้ปลาทะเลสิบกว่าตันมาใส่ถังน้ำแข็ง ส่วนใหญ่เป็นปลาพอลลอคกับแฮดดัคเหมือนเดิม นอกนั้นคือปลาค็อด


ฉินสือโอวเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีแล้ว ปลาในเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่ได้อุดมสมบูรณ์แบบที่ตัวเองคิดไว้ จึงรีบส่งกองกำลังจากบ้านมา โดยเรียกไอซ์สเกตกับบอลหิมะคู่หูนำโชคฟาร์มปลามาที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ เพื่อให้พวกมันมาช่วยหากุ้งหาปลา


ทว่าระยะทางจากเซนต์จอห์นมาเซนต์ลอว์เรนซ์ค่อนข้างไกล ต่อให้ฉลามจะว่ายอย่างรวดเร็ว และลัดเลาะไปตามชายทะเลได้ ก็ยังต้องใช้เวลา ช่วงเย็นฉินสือโอวจึงต้องพึ่งตัวเองไปก่อน


แม้จับล็อบสเตอร์ได้ไม่เยอะ แต่ตอนกลางวัน เรือฮาวิซทก็เก็บเกี่ยวได้ไม่เลว ทำเงินได้แสนกว่าโดยไม่มีปัญหา


ดังนั้น พวกชาวประมงจึงยังมีพลังล้นเหลือกันตอนคัดแยกปลาช่วงเย็น


ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำ แต่เขาก็ไม่อยากไปลำบากในห้องแช่แข็ง เลยตั้งเตาย่างบนดาดฟ้าช่วยย่างปลาหมึกให้ชาวประมงกิน


นอกจากนี้อวนที่จับมาได้ยังมีหอยแครงอีกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหอยแครงสีขาวธรรมดา ปริมาณของพวกนี้ยังไม่คุ้มพอขาย ฉินสือโอวจึงเอามาใส่เตาด้วย แล้วผสมซอสพริกกับวุ้นเส้นอบกิน


ลมทะเลหนาวเย็นพัดผ่าน แต่พวกชาวประมงกลับรู้สึกอบอุ่นไปทั้งกาย ยิ่งพวกเขาติดตามฉินสือโอวมานาน ก็ยิ่งรับรู้ถึงข้อดีมากมาย


รายได้สูง มีเกียรติ มีของกิน ชีวิตชาวประมงจะยังมีอะไรดีกว่านี้ได้อีก


……………………………………………


บทที่ 441 เจ้าแห่งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหล่าชาวประมงทานอาหารเสร็จด้วยความอิ่มเอม แล้วไปเข้านอนอย่างพึงพอใจ ฉินสือโอวอยู่คอยไอซ์สเกตกับบอลหิมะที่กำลังมาจากฟาร์มปลา ตอนนี้เพิ่งผ่านแหลมเดลไป


ทั้งสองตัวเพิ่งเคยจากบ้านไกลมาขนาดนี้ครั้งแรก เมื่อก่อนอย่างมากก็ไปล่าอาหารในเขตน้ำลึกห้าสิบหกสิบกิโลเมตรจากชายฝั่ง ครั้งนี้ต้องมาไกลกว่าพันกิโลเมตร ฉินสือโอวกังวลว่าระหว่างทางจะเกิดอะไรขึ้น จึงอยู่รอพวกมัน


ก่อนไป แลนซ์ให้อ่างล้างหน้ากับฉินสือโอว ด้านในเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างเหนียวๆ มองเผินๆ ก็น่าขยะแขยง แต่ของสิ่งนี้มีค่ามาก มันก็คือปลิงทะเลอาร์กติกชื่อดังนั่นเอง


ภูมิประเทศใต้ทะเลนั้นไม่ได้เป็นพื้นที่ราบเรียบอย่างเดียว ยังสามารถพบเห็นภูเขาใต้ทะเล หินโสโครกได้เช่นกัน ดังนั้นบางครั้งเวลาลากอวนจับปลาก็อาจไปเกี่ยวเอาสิ่งที่อยู่ใต้ทะเลพวกนี้ขึ้นมาได้ เช่นปลิงทะเล


แต่ไม่สามารถจับหอยเป๋าฮื้อได้ด้วยวิธีนี้ หอยเป๋าฮื้อกับปลิงทะเลไม่เหมือนกัน พวกมันอาศัยอยู่ตามหินโสโครก การจะจับหอยเป๋าฮื้อในแคนาดาต้องอาศัยแรงงานคนลงไปในน้ำแล้วใช้มีดแซะออกมา


น่าเสียดายที่แคนาดาไม่ค่อยผลิตหอยเป๋าฮื้อ ผลิตภัณฑ์หอยเป๋าฮื้อบริเวณชายฝั่งตะวันตกของทะเลแอตแลนติกเหนือนั้นขาดแคลนมาก พวกเขาไม่แม้แต่จะติดอันดับสถิติผลผลิตทางทะเลระดับนานาชาติ


แต่ก็อย่างที่คำพูดเก่าแก่กล่าวไว้ว่า จงเน้นแค่ส่วนสำคัญ แคนาดาส่งออกหอยเป๋าฮื้อน้อยแต่ได้ราคาดี


ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์มีเป๋าฮื้อบริติชโคลัมเบียลายขาวดำน้อยมาก มันเป็นหอยที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ไม่มีอันดับอื่น เพราะพวกมันต้องการสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดในเจริญเติบโต คือในน้ำที่เย็นและสะอาดเท่านั้น


ตอนฉินสือโอววางแผนจะเพาะพันธุ์ปลิงทะเลอาร์กติก เขาก็อยากเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่หาซื้อตัวอ่อนไม่ได้ เพราะยังไม่มีตัวอย่างความสำเร็จจากการเพาะพันธุ์โดยฝีมือมนุษย์ และพวกเจ้าของฟาร์มปลาก็ไม่ได้ต้องการตัวอ่อนเป๋าฮื้อ ในเมื่อไม่มีใครเอาย่อมไม่มีการขาย


นอกจากนี้ถึงจะเพาะพันธุ์ได้ ฉินสือโอวก็ขายไม่ได้อยู่ดี กฎหมายแคนาดาระบุไว้อย่างเคร่งครัดว่าหอยเป๋าฮื๋อบริติชโคลัมเบียลายขาวดำเป็นผลิตผลทางทะเลที่ได้รับการคุ้มครอง ไม่อนุญาตให้ทำการค้าขาย ใครขายก็ถูกจับ


ดังประโยคที่ว่า ถ้ามีอุปสงค์ก็มีอุปทาน ถ้าฉินสือโอวอยากเลี้ยงเป๋าฮื้อจริงๆ ก็ไปติดต่อกับบัตเลอร์ มีวิธีส่งขายแล้ว


รัฐบาลห้ามขาย? งั้นเสนอเงินมาก็พอใช่ไหม? ใช้สื่อสักหน่อยก็น่าจะได้? อะไรนะ? คุณคิดว่าสินบนมันผิดกฎหมายเหรอ?


ไม่ ไม่เลย รัฐบาลแคนาดากับอเมริกาไม่ได้อะไรกับสินบน มันเรียกว่าเงินลงทุนทางการเมือง หรือเงินช่วยเหลือการเลือกตั้งต่างหาก


หลายปีมานี้ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลิงทะเลของแต่ละประเทศที่ติดทะเลเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ราคาปลิงก็ตกลง จากที่เคยเป็นตัวชูโรงในงานเลี้ยงชั้นสูงก็กลายเป็นตัวสมทบในการฉลองงานแต่งบ้านนอกแทน เมื่อตอนฉินสือโอวอยู่เมืองไหเต่า ช่วงเทศกาลปลิงทะเล ตัวหนึ่งแค่สองหยวนห้าเอง


แต่นี่เป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ธรรมดา ปลิงทะเลอาร์กติกต้องราคาแพงตลอดอยู่แล้ว ขนาดที่แคนาดา นิวฟันด์แลนด์และนิวบรันสวิกไปถึงบริเวณทะเลแอตแลนติกเหนือ ปลิงทะเลอาร์กติกตัวหนึ่งสิบเซนติเมตรก็ยังขายได้ถึงหนึ่งร้อยดอลลาร์ขึ้นไป


ปลิงทะเลอาร์กติกขนาดกลาง ถังหนึ่งทั้งหมดสิบกว่าตัว ก็เป็นสี่ห้าพันดอลลาร์


พวกชาวประมงจับปลิงทะเลอาร์กติกอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ฉินสือโอวเอาไปขาย แต่ฉินสือโอวคิดว่าแค่เอามากินก็พอแล้ว จะขายทำไม เลยทำอาหารเลี้ยงทุกคน


เขาเลือกปลิงทะเลตัวใหญ่มาสิบสี่สิบห้าตัววางไว้ในน้ำทะเลสะอาด ฉินสือโอวส่งพลังโพไซดอนเข้าไป แล้วกลับไปนอน


รุ่งเช้ายังไม่ทันหกโมง พวกชาวประมงต่างทยอยตื่นและเตรียมลงอวนจับปลาหรือกรงกุ้งกัน


ส่วนฉินสือโอวไปดูไอซ์สเกตกับบอลหิมะ หืม เจ้าสองตัวนี่เก่งชะมัด ด้วยการสนับสนุนของพลังโพไซดอนทำให้พวกมันมาถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้ภายในอึดใจเดียว


เขาส่งพลังโพไซดอนใส่ทั้งสองตัวเพิ่ม ฉินสือโอวปล่อยให้มันว่ายน้ำเล่นรอบๆ เรือฮาวิซท แต่ว่ายไปสักพัก พวกมันกลับหยุดชะงักไป


ฉินสือโอวคิดว่าพวกมันเจออะไรบางอย่างจึงเข้าไปดู แล้วก็ค้นพบครั้งใหญ่ว่า ทั้งสองตัวที่กำลังว่ายไปยังความลึกที่มีแรงดันน้ำน้อย ทว่าระหว่างทางด้านหน้าก็ปรากฏปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง


ปลาใหญ่ตัวนี้ยาวประมาณสิบสองสิบสามเมตร มีรูปร่างทรงกระสวย ลำตัวค่อนข้างหนาแต่ไม่มีเนื้อ ดูมีสติปัญญา หางสองด้านของมันชี้ขึ้น หัวใหญ่แบนเล็กน้อย ปากทรงกลมเรียว ทั้งตัวเป็นทรงกรวย


สิ่งที่เด่นที่สุดก็คือปากที่ใหญ่มหึมาของมัน ซึ่งตอนนี้กำลังอ้ากว้างเต็มที่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรครึ่งได้ ดูเหมือนมีหลุมโผล่ในทะเล


บอลหิมะกับไอซ์สเกตทีแรกพากันหนีอุตลุด แต่ปากของปลาใหญ่ก็ไม่ได้เข้ามาปะทะเสียที พวกมันจึงวนกลับมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่ายไปกัดฟันพร้อมสู้ไป


ปรากฏเจ้าปลาตัวใหญ่ที่อ้าปากอยู่นั้นไม่เห็นพวกมันทั้งสองตัวแต่แรก หรืออาจกำลังจ้องอยู่ ใครจะรู้ เทียบกับปากกว้างนั่นแล้วตาดูเล็กจิ๋วมาก เหมือนปรือตาง่วงนอน


พอเห็นท่าทางอกสั่นขวัญแขวนของพวกมัน ฉินสือโอวก็อดหัวเราะไม่ได้ หลังเขาเห็นตัวเจ้าปลาใหญ่ก็ไม่ได้กังวลอะไร มันคือฉลามบาสกิง ปลาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก


อย่าตัดสินจากปากขนาดใหญ่ และลำตัวกำยำของฉลามบาสกิง ที่จริงนิสัยพวกมันค่อนข้างเชื่อง เป็นปลากินพืช ส่วนใหญ่กินสาหร่ายและแพลงก์ตอน บางทีกินสัตว์จำพวกปลาหมึกบ้าง ไม่สนใจพวกปลา


เมื่อเห็นฉลามบาสกิง ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจมาก


เจ้าปลาใหญ่ที่ดูบึกบึนตัวนี้ ความจริงเหมาะสำหรับเป็นเพื่อนร่วมดำน้ำกับมนุษย์มาก ด้วยนิสัยอ่อนโยน ฉลาด ใจเย็นของมัน


นอกจากนี้ ฉลามบาสกิงยังแอบมีความลึกลับด้วย เพราะการเคลื่อนไหวอันเชื่องช้าที่ง่ายต่อการถูกฆ่า และหูฉลามของพวกมันก็ยังมีค่ามาก มีเครื่องในปลาที่ใหญ่เป็นสี่เท่าของปลาทั่วไป เลยต้องประสบกับการถูกมนุษย์ล่า


การล่าของมนุษย์แทบทำมันสูญพันธุ์ภายในเวลาไม่นาน กระทั่งช่วงทศวรรษที่ 80 ถึง 90 สิบปีเต็มๆ ที่ไม่มีใครได้เจอฉลามบาสกิงอีกเลย จนแต่ละประเทศประกาศว่าปลาชนิดนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว


ที่เป็นปริศนาก็คือ เมื่อถึงปี 1998 หลังการจับและฆ่าฉลามบาสกิงถูกประกาศให้เป็นสิ่งผิดกฎหมายในแต่ละประเทศแล้ว พวกมันก็ดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองได้รับการปกป้องจากการฆ่า จึงค่อยๆ ปรากฏตัวออกมากัน…


อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ฉลามบาสกิงโผล่มาบ่อยๆ ซึ่งตอนทศวรรษที่แปดสิบยังมีคนพบฉลามบาสกิงที่ใหญ่ที่สุดในสถานที่แห่งนี้อีกด้วย


ทว่าตั้งแต่ต้นปี 90 ไม่มีใครพบมันที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์อีกเลย ฉินสือโอวโชคดีมากที่ได้เจอตัวนี้


ขณะนั้นฉลามบาสกิงกำลังลอยอยู่เหนือสาหร่ายขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยสาหร่ายสีน้ำตาล และสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน มันอ้าปากดูดสาหร่ายเข้าไปก่อนจะว่ายอย่างเอื่อยเฉื่อยต่อ ท่าทางเหนื่อยหน่าย


เจ้าสองตัวต่างอารมณ์เสีย ตอนเพิ่งเผชิญหน้ากับฉลามบาสกิง พวกมันทั้งกลัวทั้งเสียใจที่พ่อแม่ให้ครีบหลังครีบท้องสั้นๆ แบบนี้มา ซึ่งจะใช้หนีให้ทันได้ยังไงกัน แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้โจมตีก็อยากไปแหย่เล่นเสียหน่อย


บอลหิมะเริ่มลงมือตัวแรก เจ้าวาฬขาวค่อยๆ เข้าไปใกล้อย่างลับๆ ล่อๆ แต่ฉลามบาสกิงไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย ยังจดจ่ออยู่กับการกินสาหร่ายแถวนั้น


ไอซ์สเกตพุ่งเข้าไปยิงฟันอวดฟันแหลม สัญลักษณ์ของฉลามเสือทรายตรงหน้าฉลามบาสกิง อีกฝ่ายมองมันอย่างนิ่งๆ ก่อนจะหมุนตัวว่ายไปไกล


………………………………………………….


บทที่ 442 ความสุดยอดของบอลหิมะกับไอซ์สเกต

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉลามเสือทรายกับฉลามขาวเป็นศัตรูตามธรรมชาติของฉลามบาสกิง ถึงจะเป็นลูกฉลามเสือทราย ฉลามบาสกิงก็ไม่อยากเสี่ยงหาเรื่องด้วย


ฉินสือโอวบอกให้เจ้าสองตัวทำตัวดีๆ หน่อย เขาใช้จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมปลาใหญ่ แล้วส่งพลังโพไซดอนให้ส่วนหนึ่ง ก่อนควบคุมจิตใจมันให้ไปทางออกอ่าวและพามันไปยังฟาร์มปลา


ฉลามบาสกิงว่ายช้ามาก แม้จะเร่งความเร็วแล้ว มันว่ายได้แค่ยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง


ยิ่งช้ายิ่งต้องไปก่อน เขาเลยส่งฉลามบาสกิงไปฟาร์มปลาล่วงหน้า


แลนซ์กับบูลสั่งการชาวประมงให้นำกรงดักกุ้งขึ้น ยังคงได้เท่าขี้ตาแมวแค่สองสามตัว พวกชาวประมงถอนหายใจด้วยความผิดหวัง


ชาวประมงอายุมากคนหนึ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเอ่ยว่า “เหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนอีกแล้ว”


ยี่สิบปีก่อนฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ได้ประกาศล้มละลายอย่างเป็นทางการ ทุกครั้งที่ชาวประมงออกทะเลจึงได้เงินจากการเก็บเกี่ยวแค่เล็กน้อย ภายหลังรัฐบาลแคนาดาก็สั่งปิดฟาร์มปลาจำนวนมาก


ฉินสือโอวไม่สนใจ โบกมือกล่าวว่า “เรื่องยังไม่ถึงขั้นเข้าตาจนหรอก ทุกคน พวกเราคนจีนมีคำกล่าวหนึ่งที่ดีมาก คือเมื่อจวนตัวเดี๋ยวก็มีทางออกเอง”


บูลยังคงมองในแง่ดี เอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าพวกเราก็อยู่บนเส้นทางความมั่งมีอยู่แล้วเหรอไง? จับล็อบสเตอร์ได้น้อยแล้วยังไง? พวกเรายังมีปลาแฮดดัคกับปลาพอลลอคตั้งขนาดนี้ ยังไงก็ทำเงินได้ไม่น้อย”


“ใช่เลย ชาร์ลเมอร์ พระเจ้ากำลังเตือนเราว่าความโลภนั้นเป็นบาป ปลาที่พวกเรามีก็เพียงพอแล้ว”


พวกชาวประมงพูดคุยกัน ฉินสือโอวเดินไปเตรียมอาหารเช้า เอาแฮมเบอร์เกอร์กับพิซซ่าไปอุ่น ชาร์ครับหน้าที่ทอดสเต๊กกับฮอตดอกชิ้นเล็ก เขายังทำจานหลักเป็นข้าวต้มปลิงทะเลด้วย


สิ่งสำคัญในการทำข้าวต้มคือความร้อน ขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อน ข้าวต้มปลิงทะเลเป็นสิ่งที่คนแคนาดาต้องเชี่ยวชาญ ฉินสือโอวเคยเห็นวินนี่ทำมาแล้ว จึงรู้ว่าควรทำยังไง


นำข้าวเหนียวไปต้มในหม้อก่อน เมื่อคืนฉินสือโอวต้มซุปไก่ไว้ เขาจึงเติมซุปไก่ลงไปในข้าวต้มด้วย


พอข้าวต้มสุกแล้วเขาก็หยิบพวกผักอย่างแครอท ผัก พริก หัวหอม ขิง ต้นหอม ฯลฯ มาหั่นเป็นลูกเต๋าหรือเส้นก็ได้แล้วใส่ในหม้อ ต่อมาหั่นปลิงทะเลดึงเครื่องในออกมาแล้วล้างให้สะอาด สุดท้ายก็เอาไปต้ม


นอกจากนี้ ตอนเขาให้ชาร์คทอดเนื้อวัวยังฝากให้ทอดพายไข่ด้วย แล้วนำพายไข่สีทองเป็นประกายนั้นมาหั่นเป็นเส้นบางๆ รอจนข้าวต้มได้ที่จึงใส่ลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ


หลังอดทนทำอาหารอยู่ครึ่งชั่วโมง อาหารเช้าก็พร้อมทาน ทันทีที่เปิดฝาหม้อ กลิ่นเข้มข้นของข้าวต้มพลันพวยพุ่ง


ส่วนสำคัญของปลิงทะเลก็คือสารอาหาร รสชาติแตกต่างจากอาหารทะเลอื่นๆ ไม่ได้มีรสหวานกลมกล่อม


สำหรับชาวประมง ข้าวต้มปลิงทะเลนั้นเป็นอาหารเลิศรส ยิ่งสำหรับคนที่ออกทะเลตลอดทั้งปี รสชาติของอาหารทะเลน่ากินก็จริง แต่อาหารที่รักษากลิ่นข้าว แป้ง ผัก และรสชาติไว้ได้นั้นน่าดึงดูดยิ่งกว่า


พอได้กินแฮมเบอร์เกอร์ฮอตดอก ซดข้าวต้ม ร่างกายที่หนาวเหน็บของชาวประมงพลันอบอุ่นขึ้น คนสิบกว่าคนพูดคุยหัวเราะด้วยกัน คุยเรื่องผู้หญิง รถยนต์และกีฬา กลายเป็นความพึงใจช่วงมื้อเช้า


พวกชาวประมงเป็นชายร่างท้วมแข็งแรง พวกเขาเลยไม่ได้สนใจพวกสมาชิกทีมฮอกกี้น้ำแข็ง เบสบอลของแคนาดานัก แต่ชื่นชอบรักบี้กับบาสเกตบอลมากกว่า


ฉินสือโอวรู้เรื่องรักบี้ไม่มาก แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องบาสเกตบอล ทุกคนจึงเริ่มคุยเรื่องเอ็นบีเอ


คุยเล่นทานข้าวเสร็จ ชาวประมงสองคนที่เหลือก็ไปขัดล้างจานชาม ฉินสือโอวเพิ่งขึ้นมายังดาดฟ้าก็ได้รับข้อความจากบอลหิมะว่า เจอฝูงล็อบสเตอร์แล้ว!


จิตสำนึกโพไซดอนตามไปดู มีล็อบสเตอร์ฝูงใหญ่อาศัยอยู่โขดหินโสโครกห่างจากเรือประมงไปสี่สิบกว่าเมตร โขดหินแถวนี้เหมือนจะได้รับพลังความร้อนใต้พื้นพิภพ อุณหภูมิน้ำจึงไม่ลดลง ล็อบสเตอร์ฝูงนี้เลยไม่ได้ย้ายถิ่นไปไหน


หลังค้นพบฝูงล้อบสเตอร์ ฉินสือโอวก็ฮึกเหิมขึ้น เขาประสานงานกับชาร์คแล้วขับเรือออกไป


ระหว่างทางเจอเรือไม่กี่ลำ มีบางลำที่กำลังลากกรงดักกุ้งอยู่ บูลใช้กล้องส่องทางไกลดูก่อนหัวเราะเสียงดังว่า “พวกเขาก็ตกล็อบสเตอร์ไม่ได้เหมือนกัน กัปตัน ดูเหมือนล็อบสเตอร์ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์จะโดนจับสูญพันธุ์หมดแล้วมั้งครับ!”


แลนซ์ส่ายหน้า “ไม่ขนาดนั้นหรอกพวก ผลิตผลมันแค่ลดลงไปเยอะเท่านั้น แต่พวกมันไม่ได้สูญพันธุ์แน่ ทะเลก็อย่างนี้ แม้แต่พระเจ้าก็ยังรู้ว่ามันมหัศจรรย์แค่ไหน!”


ฉินสือโอวพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว พวกมันไม่โดนจับไปทั้งหมดง่ายๆ หรอก ต้องมีอีกหลายที่ที่ยังมีกุ้งอยู่ ซึ่งฉันเจอแล้ว”


ได้ยินดังนั้น ชาวประมงทุกคนรวมถึงชาร์คต่างก็มีแรงฮึกเหิม ชาร์ลเมอร์พูดอย่างดีใจว่า “จริงเหรอครับ?”


บูลโบกมือตอบ “ยังต้องถามอีกเหรอ? รีบไปทำงานเร็วทุกคน เติมเหยื่อในกรงดักกุ้ง แล้วจับพวกมันให้ได้เต็มอวนเลย!”


“บูล นายไม่ใช่กัปตันไม่ใช่ต้นเรือและยิ่งไม่ใช่ต้นหนด้วยซ้ำ นายไม่มีสิทธิ์สั่งนะ”


“สงสัยบูลมันคงคึกไปหน่อย หึหึ”


“งั้นเขาต้องแก้นิสัยเรื่องอารมณ์เสียก่อน ถ้าเขาควบคุมอารมณ์ได้เมื่อไร ฉันถึงจะให้เขาเป็นกัปตันเรือฮาวิซท” ฉินสือโอวกล่าวเสริม


บูลที่โดนทุกคนยั่วโมโหจนหน้าแดง พอฉินสือโอวพูดเช่นนั้น เขาก็ดีใจ ถามว่า “กัปตัน คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ตอบ “ก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้า แต่ฉันสาบาน”


ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็นและเบิร์ด ในอนาคตฉินสือโอวจะให้พวกเขาเป็นกัปตัน ในเมื่อฟาร์มปลาเริ่มมีปลาให้จับแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้แค่เรือจึงประมงลำเดียว ยังต้องการอีกหลายลำ เช่น เรือจับปลาน้ำลึก เรือจับกุ้ง เรือสำหรับจับปลาทูน่าโดยเฉพาะ ฯลฯ


เรือฮาวิซทเป็นแค่เรือเล็กๆ ลำหนึ่งที่ใช้ระหว่างนั้น ถ้าบูลทำได้ จะให้เขาเป็นกัปตันก็ไม่มีปัญหาอะไร


พอได้รับคำมั่นจากฉินสือโอว บูลก็มุ่งมั่นยิ่งขึ้น พวกชาวประมงพากันหยอกล้อเขาแต่น้ำเสียงท่าทีล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉา


เรือฮาวิซทนำเครื่องในสัตว์มาแค่ส่วนหนึ่ง ยังไม่ได้ซื้อมาเพิ่ม เพราะอวนพวกเขาจับปลาหมึกจำนวนมากได้ ซึ่งปลาหมึกก็เป็นของโปรดของล็อบสเตอร์เช่นกัน


เมื่อมาถึงน่านน้ำโขดหินโสโครก ชาร์คตรวจสอบความลึกแล้วเหยียดยิ้ม “ระวังด้วย มีที่ที่ลึกไม่ถึงสิบเมตรอยู่เยอะเลย! พวกเราต้องรีบวางกรงดักกุ้งแล้ว!”


ฉินสือโอวเห็นผ่านจิตสำนึกโพไซดอนชัดเจน รอบนี้กรงดักกุ้งไม่จำเป็นต้องร้อยเชือกให้ตรงแล้ว จะวางยังไงก็ได้ เพราะทั่วทั้งหินโสโครกมีแต่ล็อบสเตอร์ทั้งนั้น


กรงดักกุ้งถูกวางลงน้ำไปทีละอัน สุดท้ายบูลก็ทิ้งทุ่นตาม แล้วรอการเก็บเกี่ยว


เพิ่งวางกรงไปได้ไม่ถึงชั่วโมง ฉินสือโอวก็ได้รับข้อความจากไอซ์สเกตว่าเจอล็อบสเตอร์อีกฝูงแล้ว…


ฉินสือโอวพลันเสียใจที่ไม่ได้พาไอซ์สเกตกับบอลหิมะไปอ่าวเซนต์ลอวเรนซ์เมื่อตอนนั้น การรับกลิ่นของวาฬเบลูกากับฉลามเสือทรายนั้นเฉียบไวมาก สามารถใช้เป็นหมาล่าเนื้อในทะเลได้ พวกมันอาศัยสัญชาตญาณกับการรับกลิ่นเลยหาล็อบสเตอร์เจอได้เร็ว


เห็นทั้งสองตัวหาล็อบสเตอร์ได้ขนาดนี้ ฉินสือโอวกระพริบตาปริบๆ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองโง่มาก ทำไมถึงคิดไม่ได้กัน ให้พวกมันไปหาฝูงปลาด้วยก็ได้นี่นา?


แต่ก่อนตัวเขาที่ช่างคิดน้อยมักจะไปหาปลากุ้งในทะเลเอง ทั้งที่สั่งการเจ้าเด็กสองตัวนี้ก็ได้ ถึงกับได้ชื่อว่าผู้พิชิตฉลามขาวเลยนะ ให้พวกมันทำไปเถอะ!


ฉินสือโอวตระหนักมาตลอดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติพอเป็นผู้นำเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คิดจะทำเองคนเดียว เป็นนายพลไม่ใช่จอมพล


พอเจอล็อบสเตอร์รอบสอง ฉินสือโอวก็ให้เจ้าเด็กสองตัวไปพักก่อน จากนั้นค่อยไปหาฝูงปลาต่อ


ปรากฏคำสั่งนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อบอลหิมะส่งข่าวใหม่มา เขาตามไปดู แล้วพบกับเรืออับปางที่ก้นทะเลเข้า!


………………………………………..


บทที่ 443 กลับก่อน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ใต้ทะเลอันเงียบงัน เรือสามเสากระโดงลำใหญ่เอนอยู่อย่างโดดเดี่ยว


เรือลำนี้มีอายุหลายปีแล้ว สาหร่ายขึ้นปกคลุมทั้งลำเรือ ดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่มีสีสันสวยงาม


ฉินสือโอวจะปัดสาหร่ายออก ทว่าจิตสำนึกโพไซดอนไม่มีแรงพอควบคุม เรือไม้ถูกกระแสน้ำซัดใส่จนข้างเรือถล่มลงมา รอบข้างอยู่สภาพที่จะพังมิพังแหล่


ตอนนั้นเองฉินสือโอวถึงพบว่า เรือทั้งลำนี้ทำมาจากไม้ทั้งหมด เป็นเรือที่ใช้แรงงานคนในการขับเคลื่อนซึ่งนิยมในช่วงศตวรรษที่สิบหกสิบเจ็ด ดูจากที่ไม่มีแม้แต่เตาไอน้ำบนเรือ


เขามองรอบๆ แต่หาชื่อของเรือไม้นี้ไม่เจอ จิตสำนึกโพไซดอนเข้าไปข้างใน เปิดประตูห้องเรือแล้วพบกับร่างไร้วิญญาณสิบกว่าร่าง


ถ้าไม่ใช่บางพื้นที่ที่อยู่ใกล้ความร้อนใต้พิภพจากภูเขาไฟใต้ทะเล อุณหภูมิน้ำในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็ค่อนข้างต่ำทั้งปี โดยเฉพาะก้นทะเล


ด้วยสภาพน้ำที่อุณหภูมิต่ำ ทำให้ศพพวกนี้ไม่เน่าเปื่อย และเพราะห้องโดยสารปิดกั้นแน่นหนาจึงไม่มีปลากุ้งเข้ามากัดกิน ร่างของศพเลยค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ก็ยังเกิดปฏิกิริยาทางเคมีอยู่ ศพโดนน้ำจนบวมซ้ำๆ แล้วแห้งกลายเป็นมัมมี่ในน้ำที่พบเห็นได้ยาก


ในห้องโดยสารด้านในสุด หญิงสาวสองคนโอบกอดลูกของตัวเองไว้ ศพพวกนี้มีสภาพบิดเบี้ยวจากการกลายเป็นมัมมี่ ด้วยท่าทางที่น่าสยดสยอง เขารับรู้ได้ถึงความกลัวและความสิ้นหวังของพวกเขายามเรือล่ม และความทรมานก่อนตาย


เรือลำนี้เป็นเรือสินค้า แต่ก็โดนน้ำทะเลและเวลาโจมตีเสียจนเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงไปหมด ในห้องโดยสารมีเครื่องประดับบางส่วนบนร่างของผู้เคราะห์ร้าย แต่ฉินสือโอวไม่ได้แตะต้อง


เขารู้สึกว่าในสถานการณ์นี้เป็นการดีกว่าที่จะไม่ไปรบกวนวิญญาณของผู้ล่วงลับ


หลังได้เห็นท่าทางการตายอย่างทรมานของผู้เคราะห์ร้าย ฉินสือโอวก็รู้สึกหดหู่มาก กระทั่งตอนเก็บเกี่ยวกรงดักกุ้งยามเที่ยงจึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง


แลนซ์กับบูลดึงกรงดักกุ้งขึ้นมา กรงแรกปรากฏล็อบสเตอร์หนักสี่ปอนด์คู่หนึ่ง ยังขยับก้ามจัดการกับปลาหมึกอีกครึ่งหนึ่งในกรง


“ดูเจ้าพวกตะกละนี่สิ!” บูลหัวเราะเสียงดัง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพวกมันน่ารักขนาดนี้ได้นะ?”


“หรือไม่นายก็เห็นพวกมันเป็นแลนด์โรเวอร์” แลนซ์เอ่ยพลางหัวเราะ ในใจเขายินดีเสียยิ่งกว่าบูล เขาคาบกล้องยาสูบพ่นวงแหวนควันวงใหญ่


อารมณ์ของชาวประมงคนอื่นๆ เองก็คงไม่ดีไปยิ่งกว่านี้แล้ว มีคนทำหน้าที่ดันรถขนเข้าห้องแช่แข็ง ที่เหลือก็ยุ่งอยู่กับการจับล็อบสเตอร์มัดก้ามโตด้วยยาง แบ่งงานกันชัดเจนและมีประสิทธิภาพ


มีอยู่กรงหนึ่งที่ด้านในเป็นปลาไหลเนื้อแน่น บูลใช้มีดหั่นม้นเป็นชิ้นๆ ฉินสือโอวผิวปาก แล้วนิมิตส์ก็บินลงมาคว้าไปกิน


ล็อบสเตอร์ที่เก็บเกี่ยวได้จากเชือกร้อยกรงเส้นนี้ ไม่มากไม่น้อย เป็นล็อบสเตอร์ยักษ์ทั้งหมดห้าสิบตัว แต่ละตัวตัวค่อนข้างใหญ่ จึงประมาณที่หกสิบกิโลกรัมก็เป็นหนึ่งร้อยสามสิบปอนด์


กรงที่เหลือถูกดึงขึ้นมา คราวนี้การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์มาก ล็อบสเตอร์สองพันกว่าปอนด์โยนเข้าไปในถังน้ำแข็ง สุดท้ายเหลือกุ้งตัวเล็กร้อยกว่าตัว


ล็อบสเตอร์ขนาดเล็กที่ตัวใหญ่ที่สุดตัวแค่ฝ่ามือ ซึ่งถือว่าโชคร้ายมากที่มาติดในกรงหรืออาจโดนลากมาด้วย


ตามกฎหมายล็อบสเตอร์ตัวเท่านี้ไม่สามารถส่งขายได้ ปกติชาวประมงจะโยนลงทะเลคืนปล่อยให้พวกมันโตต่อไปหรือไม่ก็เอากลับไปให้เพื่อนบ้านกิน


ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาเรื่องแบคทีเรีย ฉินสือโอวคงโยนพวกมันคืนไปแล้ว แต่ตอนนี้ถึงปล่อยไปก็คงมีโอกาสรอดชีวิตไม่มาก จึงเอาไปต้มซุปแทน


อย่างที่รู้กันว่า กระบวนการเจริญเติบโตของล็อบสเตอร์คือต้องผ่านการลอกคราบ ทุกครั้งที่ลอกคราบ ไคตินที่เคลือบเปลือกล็อบสเตอร์ก็จะหนาขึ้น และเนื้อแน่นขึ้นตาม


พวกมันจะลอกคราบสิบครั้งในหนึ่งปีแรก และเปลี่ยนเป็นปีละครั้งเมื่อพวกมันโตเต็มวัย


ทั้งตัวของล็อบสเตอร์นั้นมีค่า รวมถึงเปลือกของมันด้วย แต่ต้องเป็นเปลือกกุ้งที่ยังไม่โตเต็มวัยเท่านั้น สามารถนำไปเคี่ยว ต้มเป็นซุปน้ำใสหรือซุปชั้นยอดก็ได้


บดล็อบสเตอร์ตัวเล็กโดยไม่ต้องแกะเปลือกแล้วไปต้มในหม้ออัดแรงดัน ต้มจนได้ที่ก็กลายเป็นซอสกุ้งเข้มข้น ใช้ซอสกุ้งนี้ไปผสมกับอาหารเย็นๆ กิน ก็จะได้อาหารชั้นหนึ่ง!


ฉินสือโอวไม่เคยทำ ชาร์ลเมอร์เลยอาสาทำเอง เขาเป็นพ่อครัวชาวประมง มีฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยม ยิ่งเขาออกทะเลมาตั้งแต่เด็กเพื่อฝึกความชำนาญในการทำอาหารทะเล


เอากุ้งบดกับแครอท หัวหอม ขิง โนริสาหร่ายใส่รวมในหม้ออัดแรงดันอุ่นจนได้ที่ ชาร์ลเมอร์ หัวเราะพลางกล่าวว่า “ไว้รอถึงตอนเย็นพวกเรามาค่อยชิมความอร่อยของซอสกุ้งผสมผักกัน”


ล็อบสเตอร์ตัวเล็กร้อยกว่าตัว ทีแรกฉินสือโอวคิดว่าจะมีเหลือ เขาตั้งใจจะทำล็อบสเตอร์ผัดเผ็ด ปรากฏชาร์ลเมอร์ใช้ทั้งหมด แล้วอธิบายให้เขาฟังว่า “ยิ่งใช้เยอะ น้ำซุปยิ่งเข้มข้น และอร่อยขึ้นด้วย”


ฉินสือโอวไม่มีแรงจะเถียง เอาเถอะเอาเถอะ เพื่อให้รสชาติมันอร่อยขึ้นนี่นะ


ช่วงบ่ายบอลหิมะกับไอซ์สเกตทำการข้ามทะเลเหนือจรดใต้ หาปลาแฮดดัคตามที่ฉินสือโอวบอก


พอมีหมาล่าเนื้อทะเลก็จับปลาได้มีประสิทธิภาพขึ้น บอลหิมะกับไอซ์สเกตแยกกันตามหาสองทาง และเจอฝูงปลาแฮดดัคอย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวสั่งการ ขับเรือฮาวิซทไป ลงอวนจับ สุดท้ายก็ได้ปลาค็อดมาพันกว่ากิโลกรัม


ตลอดการจับปลาและเก็บกรงดักกุ้ง เรือฮาวิซทยังคงรักษาประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฉินสือโอวไม่ได้ทำอะไรมาก จนตกเย็นเลิกงาน พวกชาวประมงต่างเหนื่อยล้ากันถ้วนหน้า


ฉินสือโอวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่น่าดี จึงชะลอการจับปลาลง แต่พวกชาวประมงกระหายความรู้สึกที่จะได้ทำเงิน พวกเขาฝืนยันตัวเอง ปากตะโกนว่าไม่เหนื่อยไม่เป็นไร แล้วลงอวนจับปลาต่อ


จากสภาพของชาวประมง ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจว่าทำไมฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ที่ใหญ่โตถึงเปลี่ยนให้ทะเลว่างเปล่าได้ ความโลภในจิตใจมนุษย์ช่างน่ากลัวจริงๆ


แน่นอนว่าที่เขาบ่นแบบนี้ได้ เพราะทรัพย์สินตระกูลเขา ไหนจะขุมทรัพย์ฟาร์มปลาที่รอให้เขาไปตักตวงอีก เลยเกิดความรู้สึกปลงขึ้นได้


ถ้ายังยากจนแบบเมื่อก่อน แล้วฉินสือโอวจะได้เงินไม่กี่หมื่นดอลลาร์จากการวางอวนจับปลา เขาย่อมตะบี้ตะบันทำ 24 ชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนไม่พักไม่กินน้ำเช่นกัน


เดิมตั้งใจว่าออกทะเลครั้งนี้จะอยู่สามวันครึ่ง แต่ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าสองตัว ทำให้การจับปลาจับกุ้งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก เพียงสองวันครึ่งก็จับล็อบสเตอร์มาได้ห้าพันกว่าปอนด์และปลาทะเลอีกห้าหกตัน…ซึ่งเป็นแฮดดัคทั้งหมด!


ด้วยเหตุนี้ พอเห็นสภาพชาวประมงที่เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลง ฉินสือโอวก็โบกมือสั่งให้เดินทางกลับ!


พวกบูลไม่พอใจตะโกนว่า “บอส ห้องแช่แข็งพวกเรายังว่างอีกตั้งครึ่งหนึ่ง ไปจ่ออีกสักสองวันเถอะครับ”


ฉินสือโอวกลอกตา เอ่ยว่า “ขอโทษด้วย แต่พวกนายเหนื่อยกันมากแล้ว ร่างกายทำงานหนักเกินไป ที่จริง พวกเราก็เก็บเกี่ยวมาเยอะพอสมควรแล้ว เดินทางกลับได้ และสุดท้ายที่สำคัญสุด พวกเรายังต้องเตรียมเข้าร่วมงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากพายุคราเคนด้วย”


พลังของการเก็บเกี่ยวช่างทรงพลัง ขนาดชาร์คยังพูดอย่างสะเทือนใจว่า “พวกเราอยู่ห่างจากท่าเรือบาสก์แค่นี้เอง ใช้เวลาเดินทางหกเจ็ดชั่วโมงก็ถึงแล้ว ทำไมรีบกลับจังครับ?”


ฉินสือโอวชี้เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมอยู่ “ดูพวกนายแต่งตัวเข้าสิ ว่าก็ว่านะพวก พวกนายตั้งใจจะไปร่วมงานไว้อาลัยด้วยชุดนั้นจริงๆ เหรอ?”


ชาวประมงสวมชุดยางกันน้ำทั้งตัว ตามผมตามตัวเปื้อนพวกคราบเลือดคราบเกล็ดปลา สภาพไม่น่าดูนัก


ต่างคนต่างยืนนิ่งมองกันและกัน ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา


…………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)