ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 431-432
ตอนที่ 431 จระเข้น้อยที่น่ารัก
วิญญาณทมิฬนั้นมีประสบการณ์ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตู๋กูซิงหลันมาไม่น้อย เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มันย่อมไม่ก่อความวุ่นวาย
สามารถหยิบยืมกำลังของแมลงกินวิญญาณพวกนี้ไปจัดการกับพวกจระเข้ผีดิบที่ไล่หลังมา คนที่สามารถใช้สมองได้ถึงเพียงนี้มิว่าอยู่ที่ใดย่อมต้องมีทางรอดอยู่เสมอ
เขวี้ยงยันต์ออกไปมากมายหลายใบ นางก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า
มือของนางกุมบังเ**ยนที่ทำจากเสื้อคลุมของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแนบแน่น สั่งให้จระเข้ยักษ์ตัวนั้นมุ่งหน้าต่อไป
กลิ่นเหม็นเน่าโชยชายมาจากหมอกสีดำคละคลุ้งที่อยู่ข้างกาย นางก็ไม่สนอกสนใจพวกมัน ดองตาดอกท้อทั้งคู่เพียงมองไปยังเบื้องหน้าเท่านั้น
เจ้าจระเข้ยักษ์นำนางมุ่งไปเรื่อยๆจนถึงจุดที่สายลมรุนแรง จึงได้เห็นว่าเส้นทางที่มืดมิดตรงหน้าขยายออกกว้าง บึงโคลนที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นแม่น้ำสีดำสายหนึ่ง
ในแม่น้ำสีดำมีดอกบัวสีดำอยู่มากมาย บนดอกบัวเหล่านั้นเต็มไปด้วยไข่หนอนของแมลงกินวิญญาณ เมื่อเกาะอยู่บนดอกบัว ก็เป็นประกายเล็กๆที่สวยงามน่าชม
ตู๋กูซิงหลันไม่มีกระจิตกระใจจะไปชื่นชมทิวทัศน์ตรงหน้า
นางก้มศีรษะลงไปมองดูอยู่แวบหนึ่ง น้ำถึงจะเป็นสีดำแต่ก็ใส จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีปลาประหลาดขนาดใหญ่ มันไล่ตามมาคิดจะขบกัดนางสักหลายคำ แต่น่าเสียดายที่นางอยู่บนหลังจระเข้ยักษ์ จึงได้แต่ว่ายกลับไปกลับมาอยู่ข้างๆ
รอบกายของปลาตัวใหญ่นั้น เต็มไปด้วยกระดูกมนุษย์ และกระดูกมังกร
น้ำสีดำมีกลิ่นเหม็นเข้มข้น พอมุ่งหน้าต่อไป ก็เปลี่ยนเป็นทวนน้ำที่ไหลเชี่ยวกว่าเดิมขึ้นไป จนลาดชันขึ้นไปถึงเกือบจะเป็นมุมฉาก
บนนั้นเป็นน้ำตกสีดำสายหนึ่ง
จระเข้ยักษ์นำนางไต่สูงขึ้นไป ท่ามกลางสายน้ำที่สาดซัดลงมาใส่ศีรษะ
ร่างกายเริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะไหลลงไปได้ตลอดเวลา ดอกบัวดำไหวเอนอยู่ท่ามกลางสายน้ำ ไข่หนอนของแมลงกินวิญญาณบนดอกบัวถูกแรงน้ำตกที่กระเซ็นมาพัดจนหล่นลงไปในน้ำสีดำ จมลงไปในความดำมืด
ตู๋กูซิงหลันประคองร่างเอาไว้ นางเกาะอยู่บนร่างของจระเข้ยักษ์ กำสายบังเหยียนเอาไว้อย่างแนบแน่น พอถูกน้ำสีดำรดราดลงมา โคลนบนร่างของนางก็ถูกชำระล้างออกไป เผยใบหน้าที่ขาวกระจ่างออกมา
เพียงแต่ว่าชุดสีแดงบนร่างถูกน้ำสีดำย้อมไปทั้งตัว คนจึงดูเหมือนตัวประหลาดที่มีแต่ความดำมืด
“พรู่ ตึง!”
ได้ยินเสียงดังสนั่นอยู่เบื้องหน้า จระเข้ยักษ์พามุดเข้าไปในน้ำตก รอบตัวจึงมีแต่ความมืดมิดหนาวเย็นรายล้อม
ในจมูกและริมหูมีแต่น้ำสีดำไหลเข้ามา ในหูมีแต่น้ำสีดำจนปวดแปลบ
ตู๋กูซิงหลันกลั้นลมหายใจเอาไว้ บังเ**ยนในมือยังคงกระชับแน่น
ไข่ของแมลงกัดวิญญาณที่มีอยู่มากมายสะท้อนใต้น้ำจนมีแสงสว่างรำไรขึ้นมา นางกระพริบตา มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าท่ามกลางสายน้ำเบื้องหน้า เป็นรากขนาดใหญ่ของต้นไม้
สีรากของต้นไม้อ่อนกว่าน้ำสีดำอยู่บ้าง รากของมันเกี่ยวกระหวัดพันเข้าด้วยกัน เกรงว่าต่อให้ใช้คนนับสิบคนก็ยังไม่อาจล้อมรากไม้เหล่านี้ได้รอบ
บนรากมีไข่หนอนของแมลงกินวิญญาณอยู่ไม่น้อย พอมองดูให้ละเอียดถึงได้เห็นว่าไข่หนอนเหล่านั้นกำลังฝังตนเข้าไปในรากของต้นไม้
มิใช่….แต่เป็นถูกรากไม้ดูดกลืนเข้าไป!
ไข่หนอนที่กลมเกลี้ยงเหล่านั้นถูกดูดกลืนเข้าไปจนฟีบลง!
ยิ่งไปกว่านั้น ยังกลายเป็นเส้นแสงสีเงินจางๆ ไหลไปตามรากไม้ถูกดูดกลืนเข้าไปเรื่อยๆ
ไม่เพียงแต่แมลงวิญญาณเหล่านั้น แม้แต่พอจระเข้ยักษ์เข้าไปใกล้ ตู๋กูซิงหลันเองก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลจากรากไม้กำลังดึงดูดพวกนางเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
นางกำสายบังเ**ยนของจระเข้ยักษ์จนแน่นกว่าเดิม เปลี่ยนทิศทางของเจ้าจระเข้ยักษ์ ให้มันว่ายสูงขึ้นไป
จระเข้ยักษ์อ้าปากขึ้นมา ในลำคอของมันมีรอยประทับที่ฝังลึกอยู่ มันส่งเสียงร้องคำรามครั้งหนึ่ง สะบัดหางออกไป จนสะท้านไปทั้งร่างจึงค่อยๆว่ายขึ้นไปด้านบน
ตู๋กูซิงหลันขาดอากาศอย่างรุนแรงแล้ว ในศีรษะมีแต่เสียงวิ้งวั้งดังไปหมด
แต่ว่ามือของนางยังกำบังเ**ยนที่ทำจากเสื้อคลุมของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแนบแน่น
นางยังตายไม่ได้!
พื้นน้ำห่างจากผิวน้ำเพียงสามสิบกว่าเมตรเท่านั้น แต่กว่าที่ตู๋กูซิงหลันจะถูกจระเข้ยักษ์พาขึ้นสู่ผิวน้ำกลับรู้สึกว่านานจนเหมือนได้เกิดใหม่ก็ไม่ปาน
ร่างเปียกชื้นไปทั้งตัว หนาวจนสั่นสะท้าน ใบหน้าของนางแดงก่ำ การขาดอากาศนานทำให้สมองของนางมีแต่เสียงวิ้งๆอยู่ตลอดเวลา
นางอ้าปากหอบหายใจเข้าไป อากาศที่เข้าไปในปากมีแต่กลิ่นคาวเลือด
ตู๋กูซิงหลันหอบหายใจอยู่หลายครั้ง ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เสียงวิ้งวั้งที่ดังอยู่ในสมองค่อยๆบรรเทาลงไป
พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าเบื้องหน้าคือต้นไม้สีดำทะมึนขนาดใหญ่
ต้นไม้นี้งอกอยู่บนน้ำตก มันผุดขึ้นมาจากใต้ผืนน้ำสีดำ รากที่ยืดยาวเหยียดขยายไปจนครอบคลุมบริเวณที่เป็นน้ำตกทั้งหมด
แสงสีเงินที่เลือนรางไหลไปตามรากจนขึ้นไปบนลำต้น
จากนั้นก็ขึ้นไปจนถึงปลายกิ่งทำให้ใบทั้งหมดของมันมีแสงสีเงินวับวาว
ท่ามกลางความมืดมิด มีแต่เพียงแสงสว่างสีเงินที่งดงามนี้เท่านั้น แสงนั้นทั้งนุ่มนวลและสวยงาม ส่องจนรอบด้านสว่างเรืองรองขึ้นมา
ที่ใต้ต้นไม้ เต็มไปด้วยดอกบัวสีดำมากมาย บนกลีบดอกตรงใจกลางดอกบัว เต็มไปด้วยไข่ของแมลงกินวิญญาณ
แสงสว่างเรืองรองส่องประกายออกมาจากไข่หนอนเหล่านั้น คล้ายดั่งเป็นไข่มุกใต้ท้องทะเล งดงามจนต้องหยุดหายใจ
อากาศบริเวณรอบๆต้นไม้ใหญ่บริสุทธิ์สะอาดขึ้นมาก
ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่บนหลังของจระเข้ยักษ์ มองดูภาพตรงหน้า อย่างที่อดจะตื่นตะลึงไม่ได้
ใครจะไปคิดว่า ใต้หุบเหวไร้ก้น จะมีทัศนียภาพเช่นนี้
นางเงยหน้าขึ้นมา ปาดเช็ดหยดน้ำสีดำบนใบหน้า หยิบเศษผ้ากางเกงของจีเฉวียนใส่เข้าไปในอกเสื้อ
ตอนมองอย่างผิวเผิน ก็คิดว่าต้นไม้บิดโค้งจนผิดรู้ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่ามันเหมือนกับมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง
กิ่งก้านที่สูงเขียวชะอุ่มที่สุดสองกิ่งนั้น ก็คือ ‘เขามังกร’ ของมัน
มันกำลังดูดซับพลังวิญญาณจากไข่หนอน!
หรืออาจจะบอกได้ว่า เหล่าแมงกินวิญญาณที่อยู่ด้านนอกนั่นก็คือเครื่องมือของต้นไม้ต้นนี้…..มิว่าสิ่งใดก็ตามที่ตกลงมาในหุบเหวไร้ก้นแห่งนี้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่มีชีวิตและจิตวิญญาณ พอถูกแมลงกินวิญญาณกัดกินแล้ว ก็จะกลายเป็นไข่ จากนั้นก็จะถูกต้นไม้ต้นนี้ดูดซับไป
ถึงแม้ว่าตู๋กูซิงหลันจะเคยเห็นสิ่งต่างๆมามากมายแต่ว่าก็ไม่เคยเห็นต้นไม้เช่นนี้มาก่อนเลย
ดูราวกับมังกรมีชีวิตที่กลายเป็นต้นไม้ไปแล้ว!
จระเข้ยักษ์หยุดอยู่ตรงนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกยันต์หุ่นเชิดของตู๋กูซิงหลันบีบคั้นอย่างไรก็ไม่ยอมขยับไปข้างหน้าอีกแล้ว
ทั้งๆที่มันเป็นผีดิบแต่ว่าดวงตาที่เหมือนกับดวงตาของปลาตายทั้งคู่ก็ยังแสดงความหวาดกลัวออกมา
มิว่าตู๋กูซิงหลันจะทำเช่นไรกับมัน มันก็ไม่ยอมขยับไปไหนอีก
ตู๋กูซิงหลันจึงมิได้บีบบังคับมันอีกต่อไป
บริเวณรอบๆต้นไม้มีพื้นดินอยู่บ้าง ด้านบนยังมีหญ้าที่สูงถึงครึ่งตัวคน
นางสั่งให้จระเข้ยักษ์ไปที่ริมตลิ่ง ค่อยพลิกตัวลงไป
นางไม่ได้คลายสะกดของยันต์หุ่นเชิดให้กับมัน แต่ใช่เสื้อผ้าที่ถักเป็นบังเ**ยนนั้นล่ามมันเอาไว้กับพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง
เจ้าจระเข้ยักษ์ใช้ตาปลาตายของมันมองมาที่นางด้วยท่าทางน่าสงสารราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันใช้มือตบลงไปบนตะปุ่มตะป่ำที่อยู่บนหัวอันใหญ่โตของมัน เอ่ยคำหนึ่งว่า “รออยู่นี่ดีๆ”
เมื่ออยู่ในหุบเหวไร้ก้นบึ้งนางยังจำเป็นต้องใช้พาหนะสำหรับเดินทาง วิญญาณทมิฬเป็นเพียงแค่ร่างจิต นางไม่อาจฝากความคาดหวังอะไรได้ เจ้าจระเข้ยักษ์ตัวนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ว่าแล้วก็ไม่ลืมเอ่ยกับวิญญาณทมิฬว่า “เจ้าจระเข้น้อยนั่นก็น่ารักดีนะ”
วิญญาณทมิฬมองดูเจ้าจระเข้ยักษ์ที่ตัวแข็งเหมือนกับผีดิบนั่นแวบหนึ่ง ก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่ามัน ‘น่ารัก’ ที่ตรงไหน
จระเข้ยักษ์ขยับตัวไปมาอยู่หลายครั้ง แต่ในเมื่อหนีไปไหนไม่รอดจึงล้มเลิกที่จะดิ้นรน กลับตัวไปนอนรออยู่ในคูน้ำตื้นๆ ดูท่าท่างไร้ทางเลือก
ท่ามกลางกอหญ้าสูงท่วมเอว ตู๋กูซิงหลันก็บังเอิญคลำไปเจอบางสิ่งแข็งๆเย็นๆที่นางรู้สึกคุ้นเคยเข้าพอดี
ตอนที่ 432 เจ้าก็คือซิงซิงผู้นั้น?
ท่ามกลางแสงสลัว นางคว้าสิ่งนั้นเอาไว้ในมือใช้กำลังฉุดดึงมันขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ที่นางทำหล่นหายไปนั่นเอง
แสงสีเงินยวงที่แวววาวพลันเปลี่ยนเป็นแสงสีดำทะมึนขึ้นมา
นางกระชับดาบเล่มนั้นเอาไว้ในมือ ตัวดาบที่หนักจมดินไปแล้วกว่าครึ่ง พอดึงขึ้นมาจึงมีโคลนดำๆเกาะอยู่เต็มไปหมด
ตู๋กูซิงหลันออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าดาบใหญ่เล่มนี้มาที่นี่ได้อย่างไร
นางนั่งลงพักผ่อนที่ก้อนหินใหญ่ข้างๆอยู่ครู่หนึ่ง พอร่างกายมีกำลังขึ้นมาหน่อยก็ค่อยแบกดาบเล่มนั้นไปที่ริมแม่น้ำสีดำ จุ่มลงไปแกว่งไปแกว่งมา
ทันใดนั้นเอง บนศีรษะก็มีกิ่งเถาวัลย์สองสามกิ่งห้อยลงมา
น้ำในแม่น้ำเป็นสีดำสนิท จึงทำให้มองไม่เห็นเงาสะท้อนบนศีรษะแม้แต่น้อย ตู๋กูซิงหลันพึ่งจะก้มเอวลงไป กิ่งเถาวัลย์เหล่านั้นก็พันลงมาอย่างรวดเร็ว
นางถอยไปด้านข้างวูบหนึ่ง ใช้มือเดียวกุมดาบยักษ์พลิกมือฟันกลับไป
“ตึง…..” ได้ยินแต่เสียงของโลหะกระทบกันครั้งหนึ่ง เป็นเสียงของดาบยักษ์กระแทกเข้ากับกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่จนส่งเสียงดังบาดหู
เกิดเป็นสะเก็ดไฟที่สวยงามกระเด็นขึ้นมา และหล่นลงไปในน้ำสีดำ ราวกับถ่านแดงๆที่ถูกแช่ลงไปในน้ำเย็นจัด
ตู๋กูซิงหลันเขม่นตามองออกไป ตระเตรียมตั้งรับขึ้นมาในทันที
ดาบยักษ์ของพี่ใหญ่ ขนาดตอนที่ใช้สับราชามังกรทะเลตะวันตกลู่กว่างก็ยังทำได้เหมือนหั่นแตงโม
แต่ว่าตอนนี้แค่กิ่งสองกิ่งกลับตัดไม่ขาด?
เรียวแขนที่บอบบางพ้นชายเสื้อออกมา ยามฟาดดาบลงไปสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าท่อนแขนของนางเกร็งจนกล้ามขึ้น
พอกิ่งเถาวัลย์เพียงสองกิ่งไม่อาจจัดการนางได้ ก็มีกิ่งเถาวัลย์อีกนับสิบกิ่งหล่นลงมาจากด้านบนในทันที
กิ่งเถาวัลย์เหล่านี้ล้วนมีชีวิตจิตใจ บนกิ่งมีใบสีดำ บางใบพอดูดซึมไข่ของแมลงกินวิญญาณเข้าไปแล้วก็เปลี่ยนเป็นแสงสีเงินยวง
ตู๋กูซิงหลันกวัดแกว่งดาบยักษ์ออกไป กำลังที่ใช้ออกยังโหดเ**้ยมกว่าตอนที่ใช้กับลู่กว่างมากนัก แต่ว่ากิ่งเถาวัลย์พวกนี้กลับแข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล!
นางสับลงไปจนส่งเสียงดังตึงตังๆ ก็ยังไม่มีใบหล่นลงมาสักใบ!
กลับเป็นตู๋กูซิงหลันที่ถูกพวกกิ่งเถาวัลย์นับสิบกิ่งรายล้อมเข้ามาพันตัวจนขยับไม่ได้
ได้ยินเสียง ‘ซวบ’ดังขึ้นมา คราวนี้แม้แต่ดาบยักษ์ของนางก็ยังถูกรวบขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยพร้อมๆกัน
วิญญาณทมิฬที่ช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง พยายามทั้งกัดและกระชากแต่กิ่งไม้พวกนั้นก็ไม่เป็นอะไร มันกัดเสียจนฟันโยกแล้ว
พอตู๋กูซิงหลันถูกลากขึ้นไป วิญญาณทิมฬก็ถูกมัดขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ริมหูได้ยินเสียงลมพลิ้วผ่าน ยิ่งสูงขึ้นไปกลิ่นเหม็นก็ยิ่งจางลง
ต้นไม้ต้นนี้สูงมาก ยังสูงกว่าน้ำตกสีดำนั้นอีกครึ่งหนึ่ง
ลำต้นขนาดใหญ่แทบจะครอบคลุมอยู่เหนือน้ำตกทั้งหมด พอตู๋กูซิงหลันถูกลากขึ้นไปถึงได้มองเห็นสภาพโดยรอบได้ชัดเจนมากขึ้น
ท่ามกลางความมืดมิด มีแสงสีเงินเล็กๆทอประกายราวกับหมู่ดาวในยามราตรี
มือที่กุมดาบยักษ์เอาไว้ถูกมัดจนแน่นหนา ทั่วทั้งร่างถูกพันทบไปมาจนเป็นลูกบ๊ะจ่าง คนถูกลากขึ้นไปเรื่อยๆจนเกือบจะถึงจุดที่เป็น ‘เขามังกร’ ต้นไม้ต้นนั้นถึงได้หยุดลง
ได้ยินเสียงดังซวบซาบดังมา กิ่งเถาวัลย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจับตู๋กูซิงหลันมัดเอาไว้บนกิ่งกิ่งหนึ่ง
พอมองลงไป ก็สูงจากพื้นถึงร้อยกว่าเมตร!
ใต้เท้ามีแต่ความว่างเปล่า หากว่าไม่ระมัดระวังจนตกลงไปมีหวังต้องพบกับจุดจบที่กระดูกหักทั่วร่าง
ตู๋กูซิงหลันกลั้นลมหายใจเอาไว้ ขณะเดียวกันก็พบว่ากิ่งเถาวัลย์ต่างๆค่อยๆถอยออกไป เหลือเพียงไม่กี่กิ่งทำหน้าที่คอยช่วยพยุงนางเอาไว้
พอนางคิดจะหยิบยันต์ขึ้นมา เพียงแค่ขยับมือก็ถูกจับมัดไว้อีกครั้ง แม้แต่ดาบยักษ์ก็ยังถูกต้นไม้ต้นนี้ลากออกไปจนไกลจากนาง
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงของบุรุษที่ผ่านโลกมามากผู้หนึ่ง “ช่างเป็นสาวน้อยที่อารมณ์ร้ายนัก”
น้ำเสียงนั้นดังมาจากทุกทิศทาง จนแยกไม่ออกว่ามาจากที่ใดกันแน่
ตู๋กูซิงหลันเบิกตาโต ถามออกไปว่า “ท่านผู้อาสุโสคือผู้ใด?”
ตั้งแต่ตอนที่นางตกลงมาในหุบเหวไร้ก้น ก็ไม่เคยได้พบกับคนที่ยังมีชีวิตมาก่อน อยู่ๆพอได้ยินเสียงที่สามารถใช้ภาษามนุษย์สื่อสารกันได้จึงรู้สึกว่าน่าสนิทสนมขึ้นมา
คืนต้นไม้ต้นนี้น่ะหรือ?
หรือว่าเป็นเทพเซียนที่อยู่เบื้องหลังของมันกัน?”
ด้วยความสามารถขนาดที่เจ้าจระเข้ผีดิบยังกริ่งเกรงและสามารถบังคับเหล่าแมลงกินวิญญาณเท่านี้ก็มิอาจมองข้ามได้แล้ว
“เจ้าถามว่าข้าเป็นใครหรือ?” คนผู้นั้นรู้สึกเหมือนได้ยินเรื่องขำขันจนต้องหัวเราะออกมา “เจ้าตกลงมาในหุบเหวไร้ก้น กลับไม่รู้ว่าข้าคือผู้ใดหรือ?”
“ทำไมเด็กรุ่นหลังในตอนนี้ จึงไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงเพียงนี้….”
ตู๋กูซิงหลัน “…….” นางต้องของอภัยในความไม่รู้เรื่องของตนเอง แต่ว่ามันคือเรื่องจริง!
ต้นไม้นั้นมิได้รัดนางจนแนบแน่น แต่ว่านางก็ไม่อาจดิ้นหลุดได้
นางก้มหน้าลง กระพริบตาเบาๆ ก็เห็นว่าด้ายผูกชะตาบนข้อมมือเป็นสีแดงเข้มขึ้นมา
หัวใจของนางกระตุกวาบ มองออกไป ก็เห็นว่าไม่ไกลออกไป ตรงจุดหนึ่งบนยอดไม้ที่มีกิ่งเถาวัลย์พันไปมาจนมิดชิด มีเงาร่างร่างหนึ่งถูกห่อหุ้มเอาไว้
เพราะถูกกิ่งก้านที่สลับซับซ้อนบดบังสายตา ตอนแรกจึงมองไม่เห็น
“ว่าอย่างไร พวกเจ้ารู้จักกันด้วยหรือ?” ครู่หนึ่งเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกด้วยน้ำเสียงที่หยอกเย้า
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ตอบคำถาม นางยังไม่รู้ชัดว่าอีกฝ่ายคือใครมาจากไหน ย่อมไม่ยอมตอบกลับไปง่ายๆ
มีเพียงข้อหนึ่งที่น่าจะยืนยันได้นั่นก็คืออีกฝ่ายเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง เป็นพวกสุดยอดของความแข็งแกร่ง!
หากว่าพลาดไปเพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้ตนเองต้องแหลกลาญได้อย่างแน่นอน!
เห็นนางไม่ตอบ อีกฝ่ายก็ไม่ได้โกรธ เพียงเอ่ยเรื่อยๆให้ได้ยินว่า “คนหนุ่มผู้นี้ ตอนที่ตกลงมา ก็บังเอิญกระแทกเข้ากับจุดที่มีหินที่แข็งที่สุดของหุบเหวไร้ก้น เดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว คราวนี้จึงถึงกับกระดูกแตกแหลกละเอียด ช่างน่าเสียดายรูปโฉมที่งดงามนั่นจริงๆ….”
ประโยคนี้ ถึงกับทำให้หัวใจของตู๋กูซิงหลันผวาขึ้นมาอย่าง่ายดาย?
เขา…..กระดูกแตกแหลกละเอียด?
“พอตกลงมา ก็ยังพึมพำเรียกหาซิงซิงอะไรนั่น?”
คนผู้นั้นเอ่ยต่อไปว่า “เจ้าก็คือซิงซิงผู้นั้นหรือเปล่า?”
หัวใจของตู๋กูซิงหลันหดเล็กลง ร่างโน้มออกไปด้านหน้าในทันที กิ่งเถาวัลย์ที่พันรัดนางเอาไว้จึงยิ่งขมวดแน่นกว่าเดิม
“จะตื่นเต้นเคร่งเครียดไปใย?” คนผู้นั้นหัวเราะเบาๆ “เจ้าก็คือซิงซิง (ดาว) ดวงนั้นจริงๆ?”
ตู๋กูซิงหลันถอนหายใจ จากนั้นเอ่ยเสียงต่ำว่า “ซิงหลันไร้แซ่ เป็นแม่ของเขา! เกิดเรื่องกับลูก แม่คนใดจะไม่ห่วงใยบ้างเล่า?”
คนผู้นั้น “…..”
แม้แต่วิญญาณทมิฬเองก็ยังนิ่งอึ้งไป เจ้านี่มันยึดติดกับการเป็นแม่มากเกินไปแล้ว!
หลังจากนั้นอีกครู่ใหญ่ ที่เบื้องหน้าพลันปรากฏแสงสีเงินทึมๆขึ้นมา ได้ยินเสียงวิ้งๆ ก็เห็นประกายแสงเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นเงาร่างร่างหนึ่งอย่างช้าๆ
แสงสีเงินเรืองรองตรงหน้า ดุจดั่งเทพเซียน
รูปร่างของเขาสูงโปร่ง มีเส้นผมยาวสีเงินยวง หันหลังให้กับตู๋กูซิงหลัน เสื้อผ้าบนร่างพลิ้วไหว เผยใบหน้าด้านข้างให้เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น
เป็นรูปโฉมที่งดงามจนไม่อาจจะหาใครมาเทียบเทียม!
เขาหันหลังให้กับตู๋กูซิงหลัน พลางเคลื่อนมายังด้านหน้าอีกสองก้าว พอมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลัน ก็คว้ากิ่งเถาวัลย์กิ่งหนึ่งเอาไว้ สอบถามอย่างจริงจังว่า “เจ้าชื่ออะไรนะ?”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
“นั่นเอ่อ ท่านผู้อาวุโส ข้าอยู่ด้านหลังของท่าน….” ผ่านไปพักใหญ่ตู๋กูซิงหลันค่อยเอ่ยขึ้นมา
“อ้อ……อายุมากแล้ว สายตาจึงไม่ค่อยดี” คนผู้นั้นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยหมุนร่างกลับมา เดินมาทางข้างกายตู๋กูซิงหลัน ……ตรงหน้าวิญญาณทมิฬ ก็ยื่นมือออกไปลูบคลำ
“ นี่เจ้ามีขนยาวด้วยหรือ?” เขามีสีหน้าจริงจัง คล้ายไม่ได้เสแสร้ง ว่าแล้วก็คลำดูอีกหลายรอบ
วิญญาณทมิฬถูกคว้าคอเอาไว้ มันไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
คนผู้นี้มีพลังสุดแข็งแกร่งอยู่ภายในร่าง เพียงแค่มายืนอยู่ตรงหน้า ก็แทบจะทำให้มันคุกเข่าลงไปบนพื้นร้องเรียกเป็นบิดาแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น