ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 422-426

ตอนที่ 422 ขอเพียงแค่เจ้าสามารถคลอดทา...

 

ผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้….คือองค์ไท่จื่อเผ่ามังกรทมิฬของพวกเขา! 


 


 


ทุกคนต่างก็รู้ว่า องค์ไท่จื่อไม่โปรดให้ผู้ใดจ้องมองพระองค์ ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกนางจะทำงานอยู่ในตำหนักของไท่จื่อมาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้มองดูพระองค์อย่างชัดเจนเลยสักครั้ง 


 


 


ฟังว่า….ก่อนหน้านี้มีนางกำนัลที่กล้าดีไปสบตากับองค์ไท่จื่อเข้า จึงถูกจับโยนลงไปในหุบเหวไร้ก้นในทันที 


 


 


จุ๊ จุ๊ …..หุบเหวไร้ก้นบึ้ง นั่นเป็นสถานที่เช่นไรกัน? 


 


 


หากถูกโยนลงไปแม้แต่เศษกระดูกก็ไม่มีเหลือ! 


 


 


มันคือสถานที่ต้องห้ามที่แม้แต่วิญญาณยังต้องถูกกลืนกิน! 


 


 


สำหรับคนเผ่ามังกรทมิฬแล้ว หากถูกโยนลงไปที่นั่น ย่อมถือเป็นการลงโทษขั้นสูงสุด! 


 


 


บุรุษผู้นั้นมิได้กล่าวอะไรให้มากความ พอโยนหญิงสาวที่อยู่บนบ่าลงไปแล้ว ก็เดินจากไปในทันที 


 


 


เขาเดินพลางก็ถอดเสื้อผ้าท่อนบนทิ้งไปตลอดทาง 


 


 


กระทั่งเหลือแต่ร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า และมีแต่มัดกล้ามเนื้อ 


 


 


เส้นผมสีดำที่ยาวสลวยของเขาปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง จึงช่วยปิดกล้ามเนื้อนั้นไว้กว่าครึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ ดูมั่นคง ทำให้คนที่ได้เห็นเป็นต้องสูดลมหายใจยาวเข้าไป 


 


 


พอถอดถึงชิ้นสุดท้าย ก็ได้ยินเสียงเขาเอ่ยขึ้นมาว่า “เสื้อผ้าชุดนี้เปื้อนเลือดแล้ว เอาไปทิ้งเสีย” 


 


 


“เพคะ ฝ่าบาท!” นางกำนัลสองคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียง แล้วกุลีกุจอวิ่งไปเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาจากพื้น 


 


 


อาภรณ์สีดำแม้ว่าเปรอะเปื้อนเลือด แต่ก็มองเห็นได้ไม่ชัด 


 


 


แต่พอหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ถึงได้เห็นว่าเลือดซึมลงไปถึงบนพื้น เป็นวงสีแดงๆ 


 


 


บุรุษผู้นั้นมิได่กล่าวอะไรอีก เพียงเดินตรงไปยังห้องบรรทมที่อยู่ด้านข้าง 


 


 


เตียงของเขาเป็นเปลือกหอยสีดำขนาดใหญ่ 


 


 


เขาตะแคงร่างนอนลงไปบนเปลือกหอย ถึงแม้ว่าจะถอดเสื้อผ้าออกไปแล้ว แต่ว่าบนร่างกายก็ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของตู๋กูซิงหลันอยู่ 


 


 


เขาก้มลงมองท่อนแขนที่เปื้อนเป็นสีแดง เลือดนั่นยังไม่แห้ง 


 


 


เขายื่นปลายนิ้วก้อยออกมา แตะไปเบาๆ ก็นำมาสูดดมใต้จมูก 


 


 


จากนั้นค่อยงอนิ้วก้อย วางลงบนริมฝีปากใช้ปลายลิ้นชิมดูเล็กน้อย 


 


 


อืม….เลือดนี่รสชาติไม่เหมือนเหล่าอนุที่ผ่านมา มีรสหวานน้อยๆ 


 


 


เขาหรี่ตาลงครุ่นคิดไปว่าอนุคนที่สองร้อยห้าสิบนี้ หากว่าไม่สามารถตอบสนองให้เขาพึงพอใจได้ละก็ เลี้ยงเอาไว้รอเลือดก็ไม่เลว 


 


 


………………………. 


 


 


ในสระน้ำ ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันรู้สึกตัวร่างกายก็ถูกเหล่านางกำนัลขัดถูจนสะอาดสะอ้านเรียบร้อยแล้ว 


 


 


พวกนางช่วยกันทำแผลบนศีรษะให้อย่างละเอียดลออ ใส่ยา ปิดปากแผลจนเรียบร้อย 


 


 


เมื่ออยู่ในตำหนักของไท่จื่อนานเข้า ความสามารถในการรักษาพยาบาลย่อมต้องเป็นอยู่บ้าง 


 


 


เหล่าอนุก่อนหน้านี้ ล้วนเคยมีการบาดเจ็บยิ่งกว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้ามามากมายนัก….. 


 


 


หักแขน ตัดขาล้วนมีให้เห็น แม่นางผู้นี้เพียงแค่ศีรษะแตกเท่านั้น ขอเพียงยังมีลมหายใจ ล้วนไม่หนักหนา 


 


 


จะอย่างไรนางก็เป็นถึงองค์หญิงทะเลตะวันตก …..เปรียบเทียบกับคนก่อนๆหน้านี้แล้วยังมีฐานะสูงส่งกว่ามาก ทั้งยังมีร่างเป็นมังกรทอง บางทีนางอาจจะสามารถคลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้? 


 


 


ดังนั้นยามที่เหล่านางกำนัลปรนนิบัตินางอาบน้ำต่างก็กระทำด้วยความระมัดระวัง 


 


 


พอเลือดบนใบหน้าถูกชะล้างออกไปจนหมดสิ้นแล้ว ทุกคนต่างก็ต้องสูดลมหายใจเข้าไปจนเย็นวาบ 


 


 


พวกนางเคยได้ยินมาว่า องค์หญิงจากทะเลตะวันตกผู้นี้งดงามอย่างยิ่ง ถือเป็นโฉมงามระดับต้นๆของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล 


 


 


แต่คิดไม่ถึงว่า …..จะงดงามจนถึงเพียงนี้? 


 


 


เดี๋ยวนี้คุณสมบัติด้านความงามของสตรีเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเลถึงกับมีข้อกำหนดเข้มงวดเพียงใดกันแล้ว? 


 


 


รูปโฉมของผู้ที่อยู่ตรงหน้า เป็นเพียงแค่แนวหน้าเท่านั้นหรือ มิใช่ว่าเป็นระดับสุดยอด?  


 


 


เช่นนั้นพวกนางก็คิดไม่ออกแล้วว่า สตรีที่ยังจะงดงามไปกว่าคนผู้นี้จะมีรูปโฉมเลิศเลอถึงเพียงใด! 


 


 


เพราะแค่…..รูปโฉมของแม่นางผู้นี้ เมื่อเปรียบเทียบกับองค์หญิงเยี่ยอิง ก็ต้องนับว่าไม่อ่อนด้อย ซ้ำยังออกจะเหนือล้ำกว่าด้วยซ้ำ 


 


 


หลายปีมานี้ เหล่าอนุทุกนางล้วนเป็นโฉมสะคราญดุจบุปผาและจันทราด้วยกันทั้งนั้น ไม่เคยมีผู้ใดที่น่าเกลียดมาก่อนเลย 


 


 


ดังนั้นเหล่านางกำนัลจึงยิ่งปรนนิบัติตู๋กูซิงหลันด้วยความขยันขันแข็งยิ่งกว่าเดิม 


 


 


พวกนางช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อย่างละเอียดลออ แม้แต่ซอกเล็บก็ยังจัดการจนสะอาดสะอ้าน 


 


 


กลิ่นเลือดบนร่างของแม่นางผู้นี้เข้นข้นมาก ยังดีที่พวกนางมิได้มีคนเดียว 


 


 


จนกระทั่งคราบเลือดบนร่างของตู๋กูซิงหลันถูกขจัดไปจนหมดแล้ว พวกนางถึงได้หยุดมือ 


 


 


จากนั้นก็ยกนางขึ้นมาจากน้ำ ให้นางสวมใส่ชุดนอนสีดำที่มีลวดลายงดงาม 


 


 


ชุดนอนนี้มีเนื้อผ้าแวววาว ขับผิวให้ดูขาวนวลละเอียดเนียน 


 


 


ก่อนหน้านี้ พวกนางรู้สึกว่าประโยชน์ของเสื้อผ้าชุดนี้มีไว้เพื่อส่งเสริมความงามของเหล่าอนุ 


 


 


แต่ตอนนี้พอสวมชุดลงไปบนร่างของตู๋กูซิงหลัน พวกนางถึงได้เข้าใจว่า….ผู้ที่งดงามล้ำเลิศเช่นนี้ แม้แต่เสื้อผ้าที่เป็นประกายงดงามก็ยังถูกนางข่มจนดูหมองลงไป 


 


 


แวบแรกพอมองไป สิ่งที่เข้าสู่สายตาก็ยังคงเป็นนางเท่านั้น มิใช้เสื้อผ้าอาภรณ์ 


 


 


เหล่านางกำนัลทั้งหลายต่างก็พากันอ้ำอึ้งไป 


 


 


“พวกเจ้าว่า องค์หญิงทะเลตะวันตกผู้นี้…จะเป็นที่โปรดปรานขององค์ไท่จื่อหรือไม่?” 


 


 


มีคนตอบคำถามขึ้นมาว่า 


 


 


“ต่อให้ไม่อาจคลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ได้ เพียงแค่รูปโฉมนี้ ไท่จื่อก็คงจะทรงโปรดปรานมากแล้วกระมัง?” 


 


 


“จริงด้วย พวกเรารับใช้ไท่จื่อมาเนิ่นนาน ไม่เคยเห็นใครจะงดงามเช่นนางมาก่อนเลย” 


 


 


ต่างก็กระซิบกระซาบต่อกัน กระทั่งเห็นสตรีที่เป็นหัวหน้านางกำนัลนำผงไข่มุกเข้ามา 


 


 


“พวกเจ้าอย่าพึ่งรีบร้อนดีใจ” 


 


 


หัวหน้านางกำนัลเอ่นขึ้นมา “ฟังมาว่าก่อนหน้านี้องค์หญิงมังกรตะวันตก มีเหล่ามังกรมากมายเฝ้าติดตามอยู่ไม่ขาด อายุก็พันกว่าปีแล้ว …..ยากที่จะรับประกันได้ว่านางไม่เคยมีความสัมพันธ์กับบุรุษใดมาก่อน” 


 


 


“หากว่านางมิได้มีร่างกายที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เช่นนั้นก็คงจะถูกโยนลงไปในหุบเหวไร้ก้นก็ได้” 


 


 


ขณะที่นางกำนัลผู้นั้นพูด นางกำนัลอีกสองคนก็ช่วยกันยกแขนของตู๋กูซิงหลันขึ้นมา เผยผิวบนเรียวแขนขาวนวลละเอียด 


 


 


ทั้งหมดต่างก็กลั้นลมหายใจเข้าไป มองดูหัวหน้านางกำนัลใช้ไม้สีทองแตะแต้มผงไข่มุก 


 


 


 


 


 


จากนั้นก็ประทับผงไข่มุกลงไปบนข้อมือของนาง 


 


 


นี่เป็นวิธีที่เผ่ามังกรทมิฬของพวกนางใช้พิสูจน์ความบริสุทธ์ของร่างกาย 


 


 


หากว่ายังเป็นพรหมจรรย์ ผงไข่มุกก็จะติดอยู่บนนั้นไม่หลุดออก 


 


 


หากว่านางเคยมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับบุรุษใดมาก่อน 


 


 


จนสูญเสียพรหมจรรย์ไปแล้ว เช่นนั้นมิว่าทำอย่างไรผงไข่มุกก็จะไม่ติด 


 


 


เพื่อเป็นการรับประกันว่าทารกที่เกิดมาเป็นสายเลือดที่บริสุทธิ์ เหล่าอนุทุกนางของไท่จื่อจะต้องเป็นสตรีพรหมจรรย์เท่านั้น 


 


 


องค์หญิงจากทะเลตะวันตกผู้นี้…..ก็ไม่อาจนอกเหนือไปได้เช่นกัน 


 


 


หัวหน้านางกำนัลกดลงไปอยู่เป็นนาน จึงค่อยๆคลายมือออกช้าๆ 


 


 


พอเห็นบนข้อมือของตู๋กูซิงหลันมีแต้มสีแดงเข้มเพิ่มขึ้นมา ทั้งหมดก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก 


 


 


“แม่นางน้อย ขอเพียงเจ้าสามารถคลอดทารกศักดิ์สิทธิ์ออกมา ก็จะกลายเป็นผู้มีบุญญาบารมีสูงส่งแล้ว” หัวหน้านางกำนัลส่งยิ้มให้ขณะที่พูดกับตู๋กูซิงหลันที่ยังคงสลบไสลอยู่ 


 


 


ถึงร่างกายของตู๋กูซิงหลันยังคงสลบไสลอยู่ แต่ที่จริงนางรู้สึกตัวบ้างแล้ว 


 


 


ที่คนอื่นๆพูดกันนั้นนางล้วนได้ยินอย่างชัดเจน แต่เพราะว่าถูกพิษ ทั้งยังถูกแมงกระพรุนตัวนั้นโยนทิ้งออกมา กระแทกจนศีรษะแตก นางจึงยังต้องการเวลาพักฟื้นอีกช่วงหนึ่ง 


 


 


ขณะที่ถูกเหล่านางกำนัลจับอาบน้ำ แล้วส่งเข้าไปในห้องบรรทมของไท่จื่อ นางก็รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา 


 


 


เยี่ยเฉินคุ้นเคยกับภาพที่มีสตรีถูกแบกมาส่งอยู่แล้วเขาจึงมิได้เหลือบแลแม้แต่น้อย 


 


 


กระทั่งเมื่อสาวน้อยผู้นั้นถูกวางลงบนเตียง เผยให้เห็นดวงหน้าที่งดงามจนหน้าตื่นตะลึง 


 


 


แววตาของเขา จึงเปลี่ยนไป……. 

 

 

 


ตอนที่ 423 เยี่ยเฉิน

 

 


 


ปลายลิ้นยังมีรสเลือดของนางอยู่ ในใจจดจำความหวานนั้นได้


 


 


ดวงหน้าที่ก่อนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด จนไม่อาจมองเห็นรูปโฉมได้อย่างชัดเจน ตอนนี้พอได้เห็นอีกครั้ง แม้แต่เยี่ยเฉินยังต้องหยุดมองอยู่เนิ่นนาน


 


 


ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นองค์หญิงทะเลตะวันตกอยู่ในสายตา จึงไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย


 


 


ที่เลือกนางก็เพียงเพราะฐานะของมังกรทองเท่านั้น


 


 


คิดไม่ถึงว่า อนุคนที่สองร้อยห้าสิบ จะสามาสรถสร้างความตื่นเต้นยินดีให้กับเขาได้ถึงเพียงนี้!


 


 


เขามองดูจุดสีแดงสดบนข้อมือที่ขาวสะอาดและละเอียดลออของนาง


 


 


ริมฝีปากบางค่อยมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา


 


 


บุตรของเขา จะต้องเกิดมามีรูปลักษณ์ที่ล้ำเลิศเท่านั้น ดังนั้นมารดาของบุตรต่อให้ไม่ได้เป็นยอดหญิงที่งดงามล่มบ้านล่มเมือง ก็ต้องมีรูปโฉมดั่งบุปผางดงามดุจจันทรา


 


 


สำหรับโฉมสะคราญที่ล้ำเลิศตรงหน้านี้…..เขาย่อมพึงพอใจอย่างที่สุด


 


 


เขาเอนร่างลงไป สูดดมกลิ่นกายจากร่างของนางเข้าไปในจมูกช้าๆ กลิ่นดอกกุหลาบกลบกลิ่นดอกฮว๋ายฮวาจางๆบนร่างของนางไป แต่ก็ปลุกเร้าผู้คนได้ดั่งเปลวไฟ


 


 


ฝ่ามือที่ได้รูปสัมผัสลงไปบนองค์เอวของนาง ปลายนิ้วบัดผ่านไปเบาๆ ค่อยคลายสายรัดบนเอวของนางออก


 


 


เผยให้เห็หน้าท้องแบนเรียบและขาวเกลี้ยงเกลา


 


 


เอวของนางบอบบาง ไม่มีเนื้อส่วนเกินแม้แต่น้อย แค่ฝ่ามือเดียวก็สามารกอบกุมไปได้เกินครึ่งแล้ว


 


 


สตรีผู้นี้งามล้ำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า


 


 


เยี่ยเฉินก้มลงมอง เขาผ่านอิสตรีมามากมาย …แต่ละคนนับว่าเป็นชั้นยอด แต่เมื่อเทียบกับนางแล้ว ก็ต้องถือว่าอ่อนด้อยไปหมด


 


 


สตรีผู้นี้…..เป็นของชั้นยอด


 


 


เขาขยับมือ ปลายนิ้วสัมผัสลงบนผิวพรรณของนาง


 


 


ทันใดนั้น ดวงตาที่ปิดอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาในทันที สายตาที่ลึกล้ำคู่หนึ่งเปล่งประกายขึ้นมา


 


 


ชั่วพริบตาที่สบตากันนั้น ทำให้มือของเยี่ยเฉินหยุดชะงักลง


 


 


เขาเงยหน้าขึ้น เห็นประกายตาของนางเปี่ยมไปด้วยแววสังหาร!


 


 


หน้าผากของตู๋กูซิงหลันยังพันด้วยผ้าพันแผลอยู่ แต่แววตาที่พุ่งออกมา แหลมคมอย่างยิ่ง


 


 


“ตื่นแล้ว?” มือของเยี่ยเฉินถอยออกไปเพียงครึ่งนิ้ว


 


 


เขาจดจ้องมองดูตู๋กูซิงหลัน ก็เข้าใจไปว่าสายตาของนางนั้นคือความหวาดกลัว


 


 


นางพึ่งจะมาถึง ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมในตำหนักไท่จื่อ ถึงได้จดจ้องเขาเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้นางได้บังอาจสักครั้ง แต่ว่าเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


 


 


นางเป็นอนุ ไม่ได้ต่างอะไรกับคนรับใช้ คนรับใช้ย่อมไม่มีสิทธิจะมาจดจ้องเขาเช่นนี้


 


 


ตู๋กูซิงหลันมองดูบุรุษตรงหน้า


 


 


ช่างคล้ายคลึงกับเยี่ยอิงมาก!


 


 


เส้นผมสีน้ำเงินเข้มอมดำ นัยตาก็เป็นสีน้ำเงินเข้ม แตกต่างกันเพียงรูปร่างของเขามีข้อมุมกว่าอย่างใบหน้าของบุรุษ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาลึก คล้ายจะมีสัดส่วนของเลือดผสมอยู่บ้าง


 


 


ขนตาของเขายาวและหนาเป็นแพ กึ่งกลางหน้าผากมีรูปมังกร


 


 


ที่ดูทั้งสูงส่งและโหดเ**้ยมตัวหนึ่ง!


 


 


ตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันเริ่มค่อยๆรู้สึกตัว ก็พยายามจะขยับควบคุมร่างกาย เพราะที่จริงแล้วร่างกายของนางในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก


 


 


ที่ศีรษะแตกนั้นเป็นเรื่องเล็ก เพียงแต่ว่าพิษของแมงกระพรุนนั้นยังคงอยู่ในร่าง ขับออกไปไม่หมด


 


 


ด้วยระดับของนางในตอนนี้ ขอเพียงมิใช่พิษที่ถึงกับพิฆาตชีวิตในทันที ก็สามารถจะค่อยๆขับออกไปด้วยกำลังของตนเองได้อยู่


 


 


พิษยังไม่ทันหมด บุรุษผู้นี้ก็ถือเอาว่าตนเองเป็นอนุของเขา คิดจะจับนางทำนั่นทำนี้เสียแล้ว


 


 


นางได้แต่ฝืนประคองร่างกายเอาไว้ก่อน อย่างไรไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นกลืนลงไปเพราะพลาดพลั้งมิใช่หรือ?


 


 


ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองโดยรอบครั้งหนึ่ง ตำหนักบรรทมสร้างด้วยชั้นหินทั้งหมด ไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตูที่ปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ด้านนอกมีแต่ความมืดมิดจนมองไม่เห็นอะไรชัดเจน


 


 


สุดท้ายนางค่อยกวาดตากลับมาที่ร่างของเยี่ยเฉิน


 


 


“ไท่จื่อทรงคิดจะลงมือกับคนที่สิ้นสติ ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อหรอกหรือ?”


 


 


ริมฝีปากสีแดงของนางเชิดน้อยๆ หางตาแตะแต้มด้วยละอองสีแดงบางๆ เป็นเสน่ห์ที่บรรยายไม่ถูก


 


 


นางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย


 


 


เยี่ยเฉินจะอย่างไรก็ผ่านสตรีมามากแล้ว เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย


 


 


เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก สตรีที่ไม่เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน พอเอ่ยปากขึ้นก็พูดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา


 


 


เขาขยับเขาไปใกล้ขึ้นอีกทั้งตัว ปลายนิ้วเชยคางของนางขึ้นมา


 


 


จากนั้นก็จับจ้องไปยังดวงตาดอกท้อของนาง ยิ่งดูก็ยิ่งใกล้ขึ้นกว่าเดิม ค่อยกระซิบลงไปที่ข้างหูของนางว่า “เจ้าตื่นแล้ว ก็ไม่น่าเบื่อแล้ว”


 


 


แน่นอน ทำเรื่องอย่างว่ากับคนที่หมดสติย่อมไม่สนุกสนานอันใด


 


 


ดวงตาของนางคล้ายคลึงกับดวงตาของเยี่ยอิงมาก


 


 


ก่อนหน้านี้ตอนที่ปิดตาอยู่จึงยังไม่รู้ ตอนนี้พอนางลืมตา จึงยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน


 


 


เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าใต้หล้านี้จะมีนัยตาที่เหมือนกันได้ถึงขนาดนี้


 


 


น่าเสียดาย……ที่เขาไม่อาจมีลูกกับเสี่ยวอิงได้


 


 


บางทีนี่อาจจะเป็นการชดเชยให้กับเขาก็เป็นได้


 


 


ถึงได้พบกับคนที่คล้ายกับเสี่ยวอิง……


 


 


ตู๋กูซิงหลันฝืนความรู้สึกรังเกียจเอาไว้ในใจ นางพยายามรวบรวมพลัง ขับพิษที่อยู่ในร่างกายออกไป


 


 


สำนักหุบเขาภูตเร้นลับของนางมีวิชาพลังจิต สามารถดึงดูดพลังในธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายกลายเป็นพลังจิตของตนเองได้


 


 


ตู๋กูซิงหลันเองก็เป็นของแปลก นอกจากฝึกฝนพลังจิตแล้ว นางยังฝึกฝนพลังวิญญาณ


 


 


นางสามารถใช้พลังจิตและพลังวิญญาณได้พร้อมๆกัน พลังทั้งสองด้านถูกนางควบรวมเข้าด้วยกัน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งเสริมนางให้กลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ไสยเวทย์ของโลกปัจจุบัน


 


 


เมื่อมาอยู่ในโลกนี้ ผ่านมาก็สองปีแล้ว นางฟื้นฟูพลังขึ้นมาได้สามสี่ส่วนอย่างที่ได้เห็นไป


 


 


เมื่อถูกแมงกระพรุนจับมายังรังของเผ่ามังกรทมิฬ ถึงแม้จะรู้ว่าตนมีพลังอยู่พอควร แต่นางก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างวู่วาม


 


 


บุรุษตรงหน้ามีทั้งพลังมังกรสู่งส่งและความโหดเ**้ยม ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าเยี่ยอิงมากมาย


 


 


ขณะที่ตู๋กูซิงหลันยังไม่อาจขับพิษได้หมด นางย่อมไม่ก่อความวุ่นวายกว่าเดิม


 


 


ในเมื่อเฉพาะหน้านี้ยังไม่อาจใช้กำลัง เช่นนั้นก็ต้องใช้ปัญญา


 


 


เยี่ยเฉินพูดแล้ว ก็คว้าหัวไหล่ของนาง กระตุกเบาๆก็ดึงแขนเสื้อชุดนอนของนางลงมา


 


 


เผยผิวพรรณที่ละเอียดราวเนื้อหยกบนหัวไหล่ของนาง ฝ่ามือที่ใหญ่โตของเขายิ่งคว้าลงไป


 


 


ขณะที่มือของเขาคว้าลงมา ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันก็วาดปัดออกไป เคลื่อนไหวอยู่บนทรวงอกของเขา


 


 


นางหัวเราะน้อยๆ “ไท่จื่อเพคะ ข้าเคยได้ยินมาว่า หากสตรีมีอารมณ์ร่วมจึงจะทำให้ตั้งครรภ์บุตรที่แข็งแรง เช่นนี้ไยพวกเราจึงไม่ทำอะไรที่น่าสนุกสนานกันสักหน่อย เมื่อต่างคนต่างก็เกิดความสุขสมจะไม่ยิ่งดีกว่าหรอกหรือ”


 


 


ว่าแล้ว ใบหน้าของตู๋กูซิงหลันเผยความตื่นเต้นเขินอายออกมา


 


 


ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกนางกำนัลเอ่ยขึ้นมาแล้วบ้างบางส่วน องค์ไท่จื่อแห่งเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้ รับอนุมาตั้งมากมาย ก็เพื่อต้องการให้กำเนิด ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’


 


 


เขาย่อมต้องให้ความสำคัญกับ ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’อย่างแน่นนอน


 


 


ถึงแม้ตู๋กูซิงหลันจะไม่รู้ว่า ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’นี้จะมีประโยชน์อย่างไร แต่ก็รู้ว่าหากนำมาเป็นข้ออ้าง จะต้องได้ผลอย่างอย่างแน่นอน


 


 


เยี่ยเฉินยังคงไม่คลายมือจากหัวไหล่ของนาง หัวคิ้วของเขาเลิกขึ้นมา คล้ายกับว่าไม่เคยพบเจอกับสตรีกล้าเสนอข้อแม้กับเขามาก่อน


 


 


มือของเขาเพิ่มแรงอีกเล็กน้อย จากนั้นค่อยคลายออกช้าๆ ดวงตาก็เพิ่มประกายสนใจ “เจ้าลองพูดมาซิ เจ้าจะเล่นสนุกสนานอย่างไร?”


 


 


ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เขาคาดหวังว่าสตรีผู้นี้จะสามารถให้กำเนิด ‘ทารกศักดิ์สิทธิ์’ได้


 


 


ถึงแม้ว่าสิ่งที่นางกำลังทำในตอนนี้อาจทำให้นางสมควรตาย เขาก็จะปล่อยตามใจนาง


 


 


ไม่เพียงยอมทำตามนาง ทั้งยังเกิดความสนอกสนใจขึ้นมา


 


 


ไม่เคยมีสตรีใดเป็นเช่นนางมาก่อน…..ทั้งขวัญกล้าและมีเสน่ห์เฉพาะตัว!


 


 


ตู๋กูซิงหลันวาดมือเป็นวงอยู่บนทรวงอกของเขา แววตาเพิ่มรอยยิ้ม นัยตาก็เพิ่มพูนความเย็นยะเยือกที่ดูลึกล้ำกว่าเดิม


 


 


นางเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูยั่วเย้าจนลึกลับอยู่บ้าง “แน่นอนว่า ……ต้องเล่นให้หนักอยู่แล้ว”

 

 

 


ตอนที่ 424 อนุ หืม?

 

“แน่นอนว่า ……ต้องเล่นให้หนักอยู่แล้ว” ว่าแล้วสายตาของนางก็ทอประกายโหดร้ายขึ้นมา 


 


 


ในชั่วแวบนั้น เยี่ยเฉินก็รู้สึกถึงไอสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาจากร่างของนาง และในชั่วพริบตานั้นทรวงอกของเขาก็เย็นวาบขึ้นมาในทันที 


 


 


เห็นกริชเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากในแขนเสื้อของนาง ปักเข้าใส่ทรวงอกของเขาอย่างไม่มีลังเล 


 


 


ตัวกริชที่แฝงพลังจิตจากร่างที่เปี่ยมไปด้วยไอสังหารของตู๋กูซิงหลัน ปักลงไปในผิวเนื้อของเขา….. 


 


 


ทรวงอกของเยี่ยเฉินรับมีดนั่นเข้าไปเต็ม แต่ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีดนี้ของตู๋กูซิงหลันจึงเจาะได้เพียงผิวชั้นหนึ่งของเขาเท่านั้น 


 


 


เลือดสดไหลออกจากทรวงอก เยี่ยเฉินพลิกมือเป็นคว้าจับมือของนางเอาไว้ 


 


 


แต่ตู๋กูซิงหลันใช้มือข้างหนึ่งยันเอาไว้แต่แรก คนลอยละลิ่วยืนห่างออกไปอีกหลายเมตร 


 


 


ดวงตาดอกท้อคู่นั้นมองดูเยี่ยเฉินด้วยสายตาเย็นชา “ไท่จื่อ ที่บ้านของพวกเรา นี่เรียกว่า ความสนุกสนานอย่างหนึ่ง ท่านไม่รู้จักสนุกบ้างหรืออย่างไร?” 


 


 


เยี่ยเฉินสีหน้ามืดครึ้มขึ้นมา เหลือบตาดูปากแผลแวบหนึ่ง เขายกมือขึ้นมา ในกลางฝ่ามือมีพลังขุมหนึ่ง เพียงชั่วแวบเดียวก็ทำให้ปากแผลปิดสนิทดังเดิม 


 


 


ไม่เหลือร่องรอยเลยแม้แต่น้อย 


 


 


จากนั้นก็จ้องไปยังสตรีที่ขวัญกล้าอย่างบังอาจผู้นั้น “งั้นให้ข้าแทงเจ้าดาบหนึ่ง ดูสิว่าเจ้ายังจะสนุกอยู่อีกหรือไม่?” 


 


 


ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็สะกิดร่างพุ่งมาถึงเบื้องหน้าตู๋กูซิงหลันในทันที มือข้างหนึ่งพุ่งเข้าหาลำคอของนาง 


 


 


ปลายนิ้วของเขามีกรงเล็บยาวงอกเงยขึ้นมา ทันทีที่กรงเล็บพุ่งเข้ามาเส้นผมของตู๋กูซิงหลันก็ถูกตัดขาดลงไปหลายเส้น 


 


 


ตู๋กูซิงหลันไม่ต่อสู้กับเขาตรงๆ เดิมนางคิดว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บ ค่อยหาทางหลบหนี อาณาเขตของเผ่ามังกรทมิฬทั้งกว้างใหญ่และมืดมิด ย่อมต้องมีสักที่ที่ให้นางสามารถหลบซ่อนตัวได้ 


 


 


พิษในร่างของนางยังไม่หมดสิ้นไป หากว่าสามารถขับพิษได้หมดสิ้น บางทีนางอาจจะทำให้เขาบาดเจ็บได้จริงๆ 


 


 


ไท่จื่อแห่งเผ่ามังกรทมิฬผู้นี้ยังแข็งแกร่งกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มากนัก 


 


 


สีหน้าของนางเย็นชา สะกิดปลายเท้าเพียงเล็กน้อย ก็ถอยหลังไปทางประตูบานใหญ่อีกหลายเมตร  


 


 


เยี่ยเฉินไหนเลยจะยอมปล่อยนางไป? 


 


 


เขาอยู่ในเผ่ามังกรมานาน กลับไม่เคยเจอะเจอสตรีเช่นนี้มาก่อน! 


 


 


ถูกเขาระบุตัวให้มาเป็นอนุ แล้วยังจะคิดฆ่าเขา? 


 


 


ตอนนี้เผ่ามังกรในสี่ทะเลกล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้เลยหรือ? 


 


 


หากจะฆ่าสตรีเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องใช้อาวุธด้วยซ้ำ แค่กรงเล็บก็สามารถดับชีวิตนางให้สิ้นไปได้แล้ว! 


 


 


นัยตาสีน้ำเงินเข้มของเขาเปล่งประกายสังหารขึ้นมา ตู๋กูซิงหลันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเขายังเหนือกว่านางก้าวหนึ่ง 


 


 


กรงเล็บนี้พอพุ่งออกไป ก็มุ่งเป้าไปที่ช่องท้องของนาง! 


 


 


สตรีที่บังอาจถึงเพียงนี้ หากฆ่าตายในครั้งเดียวย่อมไม่มีความหมายอะไร 


 


 


ต้องเก็บเอาไว้ค่อยๆเล่นด้วย จึงจะสนุกสนานมิใช่หรือ? 


 


 


พลังอันแข็งแกร่งที่เปี่ยมไปด้วยแรงกดดันครอบคลุมออกไป ราวกับจะทำให้คนสิ้นไร้หนทางหลบหนี 


 


 


ดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันไม่รู้ว่าหล่นไปอยู่ที่ใดแล้ว ตอนนี้จึงได้แต่อาศัยแรงกายเข้าต่อสู้ 


 


 


นางถอยมาถึงประตูแล้ว ด้านนอกมีแต่ความมืดและเงียบเชียบ ราวกับปากของสัตว์อสูร ที่มองไม่เห็น 


 


 


นางเหลือบตาดูอย่างไม่ประมาท มือข้างหนึ่งก็ยังขับพิษที่คั่งค้างอยู่เล็กน้อยออกไป มืออีกข้างหนึ่งก็หยิบยันต์ขึ้นมา 


 


 


เพียงพริบตาเดียวก็ปะทะเข้ากับกรงเล็บของเยี่ยเฉิน 


 


 


ทันทีที่แผ่นยันต์กระทบถูกกรงเล็บของเยี่ยเฉินก็เกิดเสียงระเบิดกึกก้อง 


 


 


เสื้อผ้าและเส้นผมของตู๋กูซิงหลันฉีกขาดจนปลิวขึ้นมา กระดูกในร่างของนางส่งเสียงเลื่อนลั่น คนละลิ่วถอยไปด้านหลังอีกหลายต่อหลายก้าว 


 


 


บุรุษผู้นี้แข็งแกร่งจนน่าตระหนกแล้ว! 


 


 


นางกัดฟันเอาไว้ ยันต์ในมือถูกเยี่ยเฉินฉีกจนขาดวิ่น 


 


 


เขาหรี่ตาลง มองดูสตรีที่ฝืนต้านทานตรงหน้า 


 


 


ในเผ่ามังกรยังมีผู้ที่สามารถใช้ยันต์ได้ด้วยหรือ? 


 


 


องค์หญิงจากทะเลตะวันตกผู้นี้ยิ่งทีจะยิ่งสร้างความประหลาดใจเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้…….. 


 


 


ยันต์แผ่นนั้นถึงกับสามารถต้านทานพลังของเขาได้ชั่วแวบหนึ่ง 


 


 


เขาหรี่ตาลง วาดกรงเล็บออกไปอีกครั้ง 


 


 


ครั้งนี้ใช้กำลังถึงสิบส่วน 


 


 


เยี่ยเฉินกระทำเรื่องใดล้วนไม่ชอบความยืดเยื้อ หากจบเรื่องได้ในครั้งเดียว ย่อมต้องไม่ปล่อยให้มีฝ่ามือที่สองอีกเด็ดขาด 


 


 


ขณะที่ตู๋กูซิงหลันกำลังหยิบยันต์แผ่นที่สองขึ้นมา กรงเล็บนั้นก็พุ่งมาถึงแล้ว แม้แต่เสือหิมะที่สลักจากก้อนหินที่อยู่นอกประตูคู่นั้นก็ยังแตกสลายเป็นผุยผง  


 


 


ตู๋กูซิงหลันรับฝ่ามือนี้เข้าไปอย่างเต็มที่ คนแทบจะลอยละลิ่วออกไป 


 


 


ช่วงท้องเจ็บร้าว นางถอยไปด้านหลังอีกหลายก้าว ทันใดนั้นที่ด้านหลังก็ปรากฏมือข้างหนึ่ง เข้ามาประคองนางเอาไว้ 


 


 


ทันใดนั้นเอง ไอหยินที่หนักแน่นและแข็งแกร่งขุมหนึ่งก็แผ่ออกมาจากด้านหลัง ไหลผ่านร่างกายและ พุ่งเข้าไปในแผ่นยันต์ของนาง 


 


 


“ปั้ง!” ทันทีที่ได้ยินเสียง ยันต์แผ่นนั้นก็บินออกไป พุ่งเข้าสู่ร่างของเยี่ยเฉิน และระเบิดเป็นประกายแสงสว่างและเย็นวาบอย่างรุนแรง 


 


 


ตำหนักของไท่จื่อทั้งหลังสั่นสะเทือน เหล่านางกำนัลต่างก็ยืนไม่อยู่ รู้แต่ว่ามีสิ่งที่รุนแรงระเบิดออกมา แทบจะกวาดล้างผู้คนออกไปราวฝุ่นผง 


 


 


“เกิดเรื่องอันใดกัน?” 


 


 


ผู้คนทั้งหมดต่างตกตะลึง รีบมองหาต้นเหตุอย่างเร่งด่วน 


 


 


คราวนี้ หัวไหล่ของเยี่ยเฉินถูกระเบิดจนเลือดไหลทะลัก 


 


 


พลังที่เย็นยะเยือกสายนั้นยังฝังลึกลงไปในปากแผลอีกด้วย 


 


 


เขาขมวดหัวคิ้ว มองไปทางตู๋กูซิงหลันที่ยืนอยู่นอกประตู 


 


 


ทันทีที่กวาดตามองออกไป ก็เห็นที่ด้านหลังของนางมีบุรุษชุดดำประกายทองยืนอยู่ผู้หนึ่ง 


 


 


ริมฝีปากของเขายังเป็นสีม่วงจางๆ ทั่วทั้งร่างมีแต่ละอองหมอกสีดำกำจายออกมาอย่างเข้มข้น แทบจะทำให้ตำหนักของไท่จื่อจมอยู่ในความมืดมิด 


 


 


เยี่ยเฉินไม่เคยได้เจอบุรุษผู้นี้มาก่อน 


 


 


และก็ไม่เคยเห็นบุรุษที่หล่อเหลางดงามถึงเพียงนี้ 


 


 


เขาใช้มือข้างหนึ่งประคบปากแผลเอาไว้ อาศัยพลังจิตรักษาบาดแผล เพียงแต่ระดับความเร็วในการรักษาช้ากว่าตอนที่โดนกรีดบนทรวงอกอย่างมาก 


 


 


“ผู้ใดกัน?” เขามองดูบุรุษผู้นั้นอย่างเย็นชา 


 


 


พอเอ่ยปาก ก็เห็นอีกฝ่ายโอบกอดอนุคนที่สองร้อยห้าสิบเอาไว้ ดวงตาหงส์คู่นั้นกวาดมองมา 


 


 


แฝงด้วยไอสังหารที่เย็นยะเยือก ที่พร้อมจะทำลายเขาให้กลายเป็นผุยผง! 


 


 


เยี่ยเฉินเกิดความสนใจขึ้นมาแล้ว…… 


 


 


บุรุษผู้นี้กำลังสะท้อนความโกรธเกรี้ยวในร่างออกมา พลังของเขาก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง 


 


 


ในมือของเขาปรากฏแสงสีดำกลุ่มหนึ่งขึ้นมา จากนั้นท่ามกลายแสงสีดำก็ปรากฏดาบยาวเล่มหนึ่ง 


 


 


เยี่ยเฉินขยับร่างเพียงวูบเดียวก็พุ่งเข้ามาถึงด้านหน้าของพวกเขา กระบี่เล่มนั้นชี้ออกไป ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แม้แต่อนุตัวน้อยของข้าก็ยังกล้ามายุ่งเกี่ยว เกรงว่าเจ้าคงจะมีชีวิตอยู่อย่างสบายเกินไปละมั้ง?” 


 


 


จีเฉวียนโอบกอดตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ไม่ได้หลบหลีกแม้แต่น้อย พอดาบสีดำลายทองปรากฏขึ้นในมือ ก็พลิกมือต้านทานกระบี่ของเยี่ยเฉินเอาไว้ 


 


 


“อนุตัวน้อย หืม?” 


 


 


น้ำเสียงของเขาเหมือนจะถูกย้อมด้วยเลือด ทั้งอหังการและโหดเ**้ยม 


 


 


เพราะก่อนหน้านี้โดนพิษ แถมยังถูกโยนทิ้งลงไปในความมืดมิดแห่งหนึ่ง 


 


 


ขณะที่ยังไม่ทันหล่นลงไป ก็แขวนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง เขาอาศัยด้ายผูกชะตาตามหาตู๋กูซิงหลันจนเจอ ก็พบว่านางกำลังตกอยู่ในอันตรายพอดี 


 


 


ที่แท้ก็ถูกจับตัวมาเป็นอนุ? 


 


 


 


 


 


พอมองเห็นว่าบุรุษผู้นั้นเปลือยร่างท่อนบนอยู่ หมอกดำบนร่างของจีเฉวียนก็ยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้นไปอีก 


 


 


แม้แต่ดาบในมือก็ยังถูกย้อมด้วยหมอกสีดำ พอตวัดดาบนั้นออกไป ก็แทบจะผ่าเยี่ยเฉินออกเป็นสองส่วน! 


 


 


 


 


 


กระบวนท่าทั้งร้ายกาจและโหดเ**้ยม! 


 


 


 


 


 


ตู๋กูซิงหลันถูกเขาโอบเอาไว้ในอกด้วยมือข้างเดียวอย่างไม่ทันได้มีปฏิกริยาใดๆ 


 


 


ฝ่ามือที่มีไอหยินที่ลึกล้ำและแข็งแกร่งเมื่อครู่ เป็นพลังของฮ่องเต้สุนัข….. 


 


 


นางคิดไม่ถึงว่า เขาจะสามารถตามหาจนเจอด้วยเวลาสั้นๆเพียงเท่านี้ 


 


 


ดูจากท่าทางแล้ว คล้ายมิได้รับผลใดๆจากพิษแมงกระพรุน 

 

 

 


ตอนที่ 425 นางพบว่าจีเฉวียนนั้นมีปัญหา

 

“จะบอกว่าสมบัติล้ำค่าที่เราถนอมเอาไว้ในมือ ไปเป็นอนุของเจ้าหรือ?” จีเฉวียนยังคงจับจ้องเยี่ยเฉินอยู่เช่นนั้น ทั่วทั้งร่างแผ่กระแสความยิ่งใหญ่ของผู้ครองใต้หล้าออกมา “เจ้ามันเป็นตัวอะไร!”


 


 


ในเมื่อดาบแรกยังไม่อาจสับเยี่ยเฉินได้ เขาก็ส่งดาบที่สองออกไป


 


 


พลังที่รุนแรงนั้นทำให้แม้แต่เยี่ยเฉินยังต้องสะท้าน


 


 


เขาใช้พลังในการรักษาตัวไปมาก บาดแผลบนร่างปิดเข้าหากันด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า


 


 


แต่ว่าจีเฉวียนกลับสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่า!


 


 


เพียงไม่กี่ชั่วพริบตา ร่างท่อนบนของเยี่ยเฉินก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย เนื้อหนังปลิ้นออกมา เลือดไหลนอง


 


 


“อย่าได้สู้รบยืดเยื้อ พวกเราไปกัน” ตู๋กูซิงหลันเห็นจีเฉวียนที่ดวงเนตรแดงก่ำ ก็รีบกระซิบลงไปที่ข้างหูของเขา


 


 


ที่นี่จะอย่างไรก็เป็นรังหลักของเผ่ามังกรทมิฬ นอกจากองค์ไท่จื่อแล้ว ขุมกำลังอื่นๆพวกนางยังไม่รู้จักอย่างชัดเจน จากว่าสู้กันยาวยืดเยื้อนานไป จะทำให้เกิดเหตุพลิกผันได้


 


 


จีเฉวียนยังคงมีสีหน้าดุจภูเขาน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลาย ดวงตาหงส์มีเส้นเลือดขึ้นราวกับถูกย้อมด้วยหมอกสีเลือดจางๆ


 


 


เขาจับมือข้างนั้นของตู๋กูซิงหลันเอาไว้อย่างแนบแน่น กล่าวช้าๆทีละคำว่า “เขารังแกเจ้า สมควรตาย”


 


 


ตอนที่ตู๋กูซิงหลันได้ยินคำว่า ‘รังแก’ สองคำจากปากเขาก็เข้าใจผิดไป


 


 


รอบด้านมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาทั่วทุกทิศทาง นางรีบถกแขนเสื้อขึ้นมาให้เขาดู “ก็แค่ล้อเล่นกันนิดหน่อย แต้มพรหมจรรย์นี้ แดงราวกับจะเป็นหยดเลือดอยู่แล้ว แสดงว่าข้าไม่ได้เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ? เขายังไม่ทันได้รังแกข้า ท่านคิดมากไปแล้ว”


 


 


สีพระพักตร์ของจีเฉวียนเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาในชั่วพริบตา


 


 


จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งลง ตรัสเสียงเย็นชาว่า “ที่เราพูดไป หมายถึงที่เขาทุบตีเจ้า”


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…..”


 


 


ว่าแล้ว ดวงเนตรหงส์ก็เป็นประกายขึ้นมา แม้แต่แววตาที่ฉายออกมาก็ยังนุ่มนวลลงไปอีกหลายส่วน


 


 


“ซิงซิง เจ้ารีบร้อนอธิบายให้เราฟัง แสดงว่าในใจห่วงใยกังวลในตัวเราอยู่ชัดๆ จริงไหม?”


 


 


“เวลาแบบนี้ ยังจะมาพูดเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรกัน มันใช่ที่หรือ?” ตู๋กูซิงหลันแทบจะคุกเข่าให้กับเขาแล้ว


 


 


พึ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ไม่กี่ลมหายใจ นางก็ใช้ยันต์ไปสิบกว่าใบแล้ว


 


 


ในบรรดายันต์เหล่านั้นยังมียันต์สีชาดที่ ยามคับขันสามารถช่วยชีวิตได้ด้วยใบหนึ่ง


 


 


“เรารู้ว่า เจ้าจะต้องห่วงใยเราอย่างแน่นอน” เห็นนางไม่ปฏิเสธ ในพระทัยของจีเฉวียนก็ยิ่งปิติยินดี


 


 


พระองค์ตรัสต่อไป “เรื่องของฉางซุนอิง ข้าสามารถอธิบายให้ฟังได้”


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “พี่ชาย ท่านช่วยลืมตาดูสถานการณ์หน่อยได้ไหม?”


 


 


ตอนนี้นางไม่มีอารมณณ์จะฟังคำอธิบายของเขาแม้แต่น้อย


 


 


ยิ่งไปกว่านั้น….ทำไมนางจะต้องไปฟังคำอธิบายของเขาด้วย?


 


 


ของที่ไม่เอาไว้ ต่อให้พยายามจะคืบคลานกลับมาอย่างไร นางก็ไม่คิดจะเหลือบแลแม้แต่น้อย


 


 


เยี่ยเฉินประเมินสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน นี่มันชัดเลยว่า บุรุษผู้นี้คือคนที่ไล่ติดตามอนุตัวน้อยของเขามา


 


 


ส่วนอนุของเขา ก็ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายเลยสักนิด


 


 


กระบี่ในมือของเขาวาดออกไปก็เห็นรอบด้านบังเกิดความเคลื่อนไหว


 


 


จากนั้นก็เป็นมังกรขนาดยักษ์สีดำพุ่งออกมาจากด้านบนของตำหนัก ล้อมตัวกันเป็นวงกลม จับจ้องลงมาที่พวกนางด้วยไอสังหารเป็นตาเดียว


 


 


ตู๋กูซิงหลันพบว่าจีเฉวียนนั้นคือตัวปัญหา!


 


 


ใครอยู่ใกล้เขา เป็นต้องพบกับความโชคร้ายไม่จบไม่สิ้น!


 


 


ถูกแมงกระพรุนยักษ์จับไปปล่อยพิษใส่ ที่จริงก็เป็นเรื่องที่น่าละอายที่สุดในชีวิตของนางแล้ว


 


 


พอเขาปรากฏตัวขึ้นมาก็เป็นต้องลากเอาเคราะห์กรรมต่างๆมาด้วย


 


 


นางได้แต่เอามือนวดขมับ เพราะตอนนี้รู้สึกว่าความดันโลหิตใกล้จะทะลุอยู่แล้ว


 


 


ตอนนี้ มังกรสีดำที่ตัวใหญ่ที่สุดยอบตัวลงมาเบื้องหน้าเยี่ยเฉิน


 


 


เยี่ยเฉินสะกิดร่างพลิกตัวขึ้นไปบนศีรษะมังกร บาดแผลบนร่างของเขาดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว เขายืนอยู่บนเศียรมังกรมองลงมาดูตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนที่ด้านล่าง


 


 


เอ่ยเบาๆอย่างเฉื่อยชาว่า “จับสตรีผู้นั้นเอาไว้ แล้วค่อยฆ่าบุรุษนั่น”


 


 


คนอย่างเขา หากว่ามีคนกล้ามายื้อแย่งอะไร เขาก็จะยิ่งไปช่วงชิงมา


 


 


ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว เขาจะร่วมรักกับอนุคนที่สองร้อยห้าสิบต่อหน้าต่อตาบุรุษผู้นี้


 


 


อนุน้อยชอบเรื่องสนุกสนาน


 


 


เช่นนั้นหากว่ามีสัมพันธ์รักกับนางต่อหน้าต่อตาบุรุษที่คลั่งไคล้นาง ไยมิใช่เรื่องที่ยิ่งสนุกสนานใหญ่หรอกหรือ?


 


 


เยี่ยเฉินยกยิ้มมุมปาก สีหน้ายิ่งตื่นเต้นยินดี


 


 


เขาไม่เคยรู้สึกครุ่นคิดถึงสตรีใดเช่นนี้มาก่อน ปรารถนาจะต้องได้มาให้ได้


 


 


เหล่ามังกรดำต่างรับคำสั่ง พุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนในทันที


 


 


มังกรดำหลายสิบตัวพุ่งเข้ามาอย่างพร้อมเรียง กลายเป็นภาพที่เหมือนกับเป็นวาระสุดท้ายของโลกกำลังมาถึงก็ไม่ปาน


 


 


เมื่อมังกรนับสิบตัวพุ่งเข้ามาใกล้ก็แผ่แรงกดดันมหาศาลออกมา


 


 


ศีรษะที่ใหญ่โตเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหน้า แต่ละตัวล้วนสามารถสร้างแรงกดดันบีบคั้นจนหายใจไม่ออก


 


 


แม้แต่แผ่นยันต์ที่อยู่ในมือก็ยังสั่นสะท้านน้อยๆ


 


 


ในตอนนั้นเอง ด้านหลังของจีเฉวียนก็ปรากฏหมอกสีดำที่เข้มข้นจำนวนมากออกมา


 


 


ร่างของเมียๆในตอนนี้ใหญ่โตกว่าที่ตู๋กูซิงหลันเคยเห็นในครั้งแรกมากนัก


 


 


ร่างของมันเป็นสีดำขลับ จนใกล้จะสามารถมองเห็นรูปกายที่แท้จริงได้แล้ว


 


 


ทั่วร่างเป็นเกล็ดสีดำเหลื่อมประกายสีทองตลอดทั้งตัว


 


 


ร่างของมันคล้ายกับกิเลน ด้านหลังมีปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง


 


 


หากว่ามันไม่ร้องเมียเมียละก็ จะต้องดูแล้วองอาจขึงขังหน้าเกรงขามอย่างที่สุดแน่นอน


 


 


แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้ามังกรนับสิบตัว เมียเมียก็ไม่ได้มีทีท่าตื่นตระหนกเลยสักนิด


 


 


มันมีดวงตาสีดำประกายทองคู่หนึ่ง พอดวงตาของมันมองมา ในดวงตาปรากฏแววตื่นเต้นยินดี


 


 


จีเฉวียนโอบกอดตู๋กูซิงหลัน พลิกร่างขึ้นไปบนหลังของเมียเมีย


 


 


เมียเมียก็กางปีกออกมา โผบินขึ้นไปกลางอากาศ


 


 


มังกรดำหลายสิบตัวนั้นไล่ตามมา ทั้งยังอ้าปากเปล่งแสงเย็นวาบออกมา


 


 


ลำแสงเย็นวาบนั้นรวมกับเป็นระเบิดแสงลูกหนึ่ง กำลังกลืนกินเมียเมียลงไป


 


 


ระเบิดแสงนั้นสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างแรง ทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบถูกระเบิดจนราบเรียบเป็นหน้ากลอง เหลือเพียงละอองธุลีลอยคละคลุ้ง


 


 


บนหลังของมังกรเยี่ยอิงกอดอกยืนชมอยู่บนนั้นด้วยดวงตาเย็นชาดุจดั่งเหยี่ยวราตรีตัวหนึ่ง


 


 


เส้นผมที่ยาวสลวยของเขาพลิ้วไปด้านหลัง


 


 


คิดดิ้นรนรึ?


 


 


ฮึ……


 


 


เมื่ออยู่ในอาณาเขตของเผ่ามังกรทมิฬ ก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น! มิใช่ว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้างก็จะรอดไปได้!


 


 


น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาพึ่งจะขาดหายไป ก็เห็นว่าท่ามกลางระเบิดแสงที่ฟุ้งกระจายมีเงาสีดำเงาหนึ่งปรากฏขึ้นมา!


 


 


เป็นเมียเมีย!


 


 


มันขยับบิน โผบินออกมาจากระเบิดแสงเหมือนกับตอนที่พึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา


 


 


ระเบิดแสงนั้นถูกความมืดขุมหนึ่งดูดกลืนลงไปทั้งหมด!


 


 


เยี่ยเฉินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ในตอนนั้นเองความมืดขุมนั้นก็พุ่งมาถึงเหนือศีรษะของเขา


 


 


ในความมืดมิดได้ยินเสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเสมือนสายฟ้าฟาดอยู่ภายใน


 


 


ทันใดนั้น ก็เห็นระเบิดแสงที่หายไปปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เสียงตูมตามดังอยู่เหนือศีรษะของเยี่ยเฉิน


 


 


ในระเบิดแสงนั้นมีสายฟ้าสีดำฟาดลงมาด้วยความรุนแรง แทบจะทำลายตำหนักของไท่จื่อจนราบเรียบ


 


 


กลายเป็นฉากของสายอสนีที่ฟาดลงมา ทั้งยังเป็นอสนีของทวยเทพเบื้องบน!


 


 


บนหลังของเมียเมีย พระหัตถ์ข้างหนึ่งของจีเฉวียนโอบตู๋กูซิงหลันเอาไว้ อีกข้างหนึ่งกุมกระบี่เหมันต์ ดวงเนตรคู่นั้นกวาดมองลงไป เย็นชาจนทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน


 


 


“ซิงซิง” จีเฉวียนเอ่ยเรียกนาง


 


 


“เจ้าดูสิ เราเก่งกาจมากเลยใช่หรือไม่?”


 


 


ตู๋กูซิงหลัน “…….”


 


 


ในมุมมืดแห่งหนึ่ง ดวงตาสีครามคู่หนึ่งลืมตาขึ้น พลางกวาดมองมาจากจุดที่มิได้ไกลสักเท่าไร


 


 


…………………………………..


 


 


守宫砂 (แต้มพรหมจรรย์): โส่วกงซา: เห็นมาหลายเรื่องแล้ว พอเกี่ยวกับพรหมจรรย์ เป็นต้องเอ่ยถึงจุดสีแดงที่แต้มอยู่บนท้องแขน มันมาจากไหน? คืออะไร? ตามที่ค้นคว้า 守宫(โส่วกง) นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของตุ๊กแก! โดยคนเลี้ยงจะป้อนแร่สีแดงชนิดหนึ่งให้มันกินเข้าไปจนผิวกลายเป็นสีแดง (แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วเขาบอกว่าที่มันเป็นสีแดงเพราะตัวเมียอยู่ในช่วยฤดูผสมพันธ์จ้า ไม่ต้องกินอะไรมันก็แดงเอง) ค่อยนำมันมาบดเป็นผง แล้วจึงนำมาแต้มบนแขนของสตรีที่ผ่านการคัดเลือดในวัง เป็นเครื่องหมายว่า นางผ่านการตรวจแล้วว่าเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ เชื่อกันว่าพอผ่านการมีสามี จุดแดงนี้จะหายไปเอง ซึ่งไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใดนะคะ ไม่ต้องไปเสียเวลาลอง

 

 

 


ตอนที่ 426 หวาชางสุ่ย

 

 


 


หวาชางสุยนั่งอยู่ในหอคอยที่สูงที่สุดในวังมังกรทมิฬ


 


 


นางทอดสายตาออกไปด้านนอกหน้าต่าง มองดูพลังของอสนีบาตที่ฟาดกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง


 


 


“องค์ราชินีเพคะ นี่มาจากทิศทางของตำหนักไท่จื่อ” สีหน้าของนางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างกายเปลี่ยนแปลงไปในทันที ขณะก้มลงมากระซิบที่ริมหูของนาง “วันนี้ ที่จริงสมควรจะเป็นวันมงคลที่ไท่จื่อรับอนุ ทำไมถึงได้….”


 


 


หวาชางสุ่ยหรี่ด้วยตาสีน้ำเงินเข้ม นัยตาของนางเป็นประกายแวววาวสะท้อนภาพแสงของ ‘อสนีบาต’ ที่ยังคงฟาดลงมาไม่มีหยุด


 


 


เผ่ามังกรทมิฬมิได้มีเรื่อง ‘น่าตื่นเต้น’ เช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว


 


 


“องค์ราชินีเพคะ ไท่จื่อทรงอยู่ตรงจุดที่อสนีบาตฟาดลงมา หรือจะเป็นเพราะว่าไท่จื่อทรงฝึกฝนการบำเพ็ญจนเกิดผลสำเร็จแล้ว จึงได้ทำให้เกิดอสนีบาตขึ้น…ตอนนั้นที่องค์ราชามังกรทรงบรรลุถึงระดับเดียวกับเทพไท้เบื้องบน ก็มีอสนีบาต เก้าเก้า แปดสิบเอ็ดสายฟาดลงมาเช่นกันนะเพคะ….”


 


 


แววตาของนางกำนัลผู้นั้นดูตื่นเต้นยินดี ตบะของนางมีพลังจำกัด จึงมิอาจมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้้นบนตำหนักไท่จื่อได้อย่างชัดเจน


 


 


จึงเข้าใจไปว่าไท่จื่อทรงทำให้เกิดอสนีบาต


 


 


ในหกภพภูมินี้ยามเมื่อผู้ทรงบำเพ็ญเพียรชั้นสูงทะยานสู่ขอบเขตใหม่ ต่างก็ต้องเผชิญกับด่านวิบากกรรมด้วยกันทั้งนั้น


 


 


อาจเป็นอสนีวิบาก หรือวิบากกรรมในชาติภพ


 


 


เผ่ามังกรก็มิได้นอกเหนือไปจากนั้น


 


 


เพียงแต่จำไม่ได้แล้วว่ากี่ปีมาแล้วที่เผ่ามังกรทมิฬของพวกนางไม่มีผู้ใดผ่านด่านอสนีวิบาก


 


 


วันนี้ในเมื่อมีสายฟ้าฟาดลงมา ย่อมต้องเป็นเรื่องดีอันยิ่งใหญ่!


 


 


นางมองดูสายฟ้าสีดำที่พาดผ่านท่ามกลางกลุ่มระเบิดแสงตรงหน้า ในใจก็ตื่นเต้นยินดีอย่างระงับไว้ไม่อยู่


 


 


ตอนนั้นที่ราชามังกรทรงรับวิบากสายฟ้าฟาดทั้งแปดสิบเอ็ดสายก็มีสายฟ้าสีดำปรากฏอยู่ด้วยเช่นกัน


 


 


“องค์ราชินี….อนุที่รับเข้ามาในวันนี้สมควรเป็นดาวนำโชคของไท่จื่อแล้วเพคะ พอมาถึงก็นำพาอสนีบาตมาด้วยบางทีเมื่อทรงให้กำเนิดทารกออกมา ไท่จื่ออาจจะทรงสามารถสืบทอดพลังของเผ่าทมิฬได้แล้วนะเพคะ”


 


 


หวาชางสุ่ยเหลือบตามองดูนางแวบหนึ่ง ก็เอ่ยเสียงหนักว่า “หุบปาก”


 


 


ด้วยพลังบำเพ็ญเพียรของนาง มิว่าการมองเห็นหรือได้ยินล้วนสูงล้ำกว่ามาก


 


 


ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้แต่ก็ยังสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบ‘อสนีวิบาก’ นั้นได้อย่างชัดเจน


 


 


นั่นมิใช่อสนีวิบากใดๆทั้งสิ้น


 


 


ความสว่างจากระเบิดแสงนั่นนางรู้จักและคุ้นเคยดี นั่นเป็นพลังของเฉินเอ๋อร์และเหล่ามังกรดำใต้บัญชาของเขา


 


 


พลังที่ระเบิดออกมาแต่ละครั้ง ล้วนรุนแรงอย่างที่สุด หญ้าแพรกแหลกลาญ มิว่าสิ่งใดก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก


 


 


แต่ว่าพลังเหล่านั้นกลับถูก วิชา‘หอกนั้นคืนสนอง’สะท้อนกลับมาได้?


 


 


นางคิดไม่ถึงว่า วิชาเวทย์ที่สูงส่งเช่นนั้นจะมาปรากฏอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬได้?


 


 


ทั้งยังใช้กับบุตรของนาง


 


 


เฉินเอ๋อร์แม้ว่าจะยังไม่ได้รับสืบทอดพลังทมิฬจากพระบิดาของเขา แต่ก็ผ่านการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมานานหลายปี นับว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว


 


 


ผู้ที่สามารถจะสะท้อนพลังของเขากลับได้ จะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งจนถึงระดับใดกัน?


 


 


เผ่าหมิง?


 


 


นางไม่กล้าระบุลงไป….


 


 


นางเพียงหรี่ตามองดูเยี่ยเฉินอย่างเรียบเฉยครู่หนึ่ง ไม่ถึงกับตาย ไม่จำเป็นจะต้องกังวลให้มากเกินไป


 


 


“องค์ราชินี…….” นางกำนัลข้างกายประหลาดใจอย่างยิ่ง


 


 


ภายใต้แสงเทียนเกศาขององค์ราชินี้เป็นสีขาวโพลน แสงเทียนที่จับลงบนใบหน้าก็สะท้อนให้เห็นความซีดขาวอย่างคนป่วยไข้ ราวกับคนที่ไม่เคยถูกแสงอาทิตย์มาก่อนเลย ผิวพรรณบอบบาง จนสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีเขียวได้อย่างชัดเจน


 


 


ในทันใดนั้นเอง นัยตาสีน้ำเงินเข้มก็ทอประกายแห่งความโหดเ**้ยมออกมา


 


 


นางกำนัลที่งงงวยไปก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา หรือนั่นจะมิใช่อสนีวิบาก มิเช่นนั้นไยองค์ราชินี้จึงจะมีปฏิกริยาเช่นนี้ได้กัน


 


 


นางติดตามอยู่ข้างกายองค์ราชินีมานานปี ย่อมรู้ชัดเจนกว่าผู้ใด ว่าองค์ราชินีปรารถนาให้ไท่จื่อทรงสืบทอดพลังของเผ่าทมิฬยิ่งกว่าผู้ใด


 


 


ท่าทางเช่นนี้ของพระนางแค่เห็นก็รู้แล้วว่า จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่แล้ว


 


 


นางเก็บสายตากลับมา ก้มศีรษะลงไป เพ่งมองดูประกายแสงที่สว่างจ้าเหล่าแสงกลุ่มนั้น


 


 


คล้ายกับว่า จะได้เห็นเงาร่างที่ดูคุ้นเคยอยู่บ้าง?


 


 


พอหันกลับไปมองดูองค์ราชินีอีกครั้ง เห็นพระนางเอาแต่จับจ้องมองไปที่นั่น


 


 


ทันทีที่สายตาของหวาชางสุ่ยจับจ้องไปยังร่างของตู๋กูซิงหลัน นางก็ชะงักงันไปทั้งร่าง หัวใจกระดอนออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ


 


 


นางที่เดิมทีนั่งอยู่บนตั่ง ก็ผุดลุกขึ้นมาในทันที เดินไปจนถึงริมหน้าต่าง ลำคอที่ยาวระหงของนางตั้งตรง จดจ้องไปยังตู๋กูซิงหลัน


 


 


สาวน้อยผู้นั้น….มีความคล้ายคลึงกับนางแพศยานั่นอยู่หลายส่วน?!


 


 


หวาชางสุ่ยขมวดคิ้วมุ่น ทันใดนั้น นัยตาของนางก็เปี่ยมไปด้วยไอสังหาร!


 


 


นางกำนัลเองก็ตระหนกไม่น้อย นางมองตามทิศทางสายตาขององค์ราชินีไป จึงได้เห็นเงาร่างสีแดงเงาหนึ่ง รูปลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นมายิ่งดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด


 


 


“สาวน้อยผู้นั้น หรือจะเป็น….อนุคนใหม่ขององค์ไท่จื่อหรือเพคะ?” นางพยายามเอ่ยเตือนองค์ราชินี


 


 


หวาชางสุ่ยนัยตาทอประกาย เป็นอนุคนใหม่ของเฉินเอ๋อร์หรือ?


 


 


เพียงแค่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนังแพศยานั่นอยู่หลายส่วน…..หรือว่ายังมีความนัยอื่นใดซ่อนอยู่กันแน่?


 


 


เพียงครู่เดียว ฝ่ามือใต้แขนเสื้อก็กำขึ้นเป็นหมัด


 


 


นางจดจ้องไปยังทิศทางที่ตู๋กูซิงหลันอยู่ ในสมองบังเกิดภาพที่ชั่วชีวิตก็ไม่อาจลืมเลือนไปได้


 


 


แต่ละภาพๆที่ปรากฏขึ้นมาล้วนทิ่มแทงหัวใจจนเจ็บแปลบ แม้แต่เลือดในกายก็ยังจับแข็งไปทั่วทั้งร่าง


 


 


ความทรงจำที่ไม่คิดจะแตะต้อง พลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะทำให้นางหายใจไม่ออก


 


 


ผ่านไปอีกพักหนึ่ง นางถึงได้สูดลมหายใจเข้าไปใหม่ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


ผ่านมาก็หลายปีแล้ว นางไม่เคยไปหาเรื่องเดรัจฉานเหล่านั้น…..แต่เจ้าเดรัจฉานน้อยนั่นกลับพาตัวเองมาถึงประตู?


 


 


มิว่าจะใช่หรือไม่….แต่แค่มีใบหน้าเช่นนั้น นางก็สมควรตาย!


 


 


คิดแล้ว นางก็ยื่นมือไปหยิบปิ่นปักผมรูปพัดออกมาจากมวยผมในทันที


 


 


ใจกลางฝ่ามือบังเกิดพลังวิญญาณขุมหนึ่ง พัดในมือของนางเล่มนั่นก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นพัดหยกขนาดใหญ่เกือบครึ่งเมตร


 


 


“องค์ราชินีเพคะ!” นางกำนัลร้องด้วยความตระหนกแทบจะคุกเข่าลงไปบนพื้น


 


 


พัดวายุ นางไม่ได้เห็นองค์ราชินีทรงใช้พัดวายุนี้มานับสิบปีแล้ว! ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ทรงนำมันออกมาอย่างกระทันหัน?


 


 


พัดนี้ เพียงโบกออกไปแค่วูบเดียวทั่วทั้งเผ่ามังกรทมิฬคงไม่อาจอยู่อย่างสงบสุขได้อีกต่อไปแล้ว!


 


 


“ผู้ใดทำให้ท่านขุ่นพระทัยถึงขนาดจะทรงใช้พัดเล่มนี้? ร่ายกายของท่าน….” นางกำนัลเอ่ยด้วยความกังวล แม้ว่าจะหวาดกลัวแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน


 


 


ทันใดนั้น ไต้ฝุ่นหอบหนึ่งก็พัดออกจากหอสูงออกไปอย่างคลุ้มคลั่ง ด้วยพลังที่ยังรุนแรงกว่าระเบิดแสงเหล่านั้นหลายเท่าเสียอีก ทุกที่ที่มันพัดผ่านล้วนระเนระนาด


 


 


ตำหนักหลังหนึ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้าถึงกับกลายเป็นซากปรักหักพังลงไปในทันที!


 


 


พายุลูกนั้นพัดจนฝุ่นผงตลบอบอวลมันม้วนหางดิ่งตรงเข้าหาตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียน


 


 


ความรุนแรงของไต้ฝุ่นที่มาถึงอย่างกระทันหันนั้น แม้แต่หมอกดำบนร่างของจีเฉวียนก็ยังถูกพัดจนอ่อนจางลงไป


 


 


พายุที่คลุ้มคลั่งกระชากจนเสื้อผ้าของทั้งสองขาดวิ่น!


 


 


สายลมที่โหมกระหน่ำกรีดลงไปบนผิวหนังบาดลงไปถึงกระดูก แทบจะทำให้ร่างคนต้องแหลกเละ!


 


 


นั่นเป็นพลังวิญญาณและแรงกดดันที่แข็งแกร่งจนไม่อาจต้านทานได้


 


 


แม้แต่เมียเมียก็ยังต้านเอาไว้ไม่อยู่ มันพยายามขยับปีก แต่ปีกกลับถูกสายลมบาดจนขาดวิ่น ราวกับโดนเครื่องบดเนื้อ


 


 


พลังที่แข็งแกร่งขุมหนึ่งบดขยี้ใส่มันราวกับจะทำให้มันต้องแหลกละเอียดเป็นเนื้อบด!


 


 


เมื่อไต้ฝุ่นลูกนี้พัดมาถึง แม้แต่เยี่ยเฉินเองก็ยังต้องตกตะลึงไป


 


 


ถึงแม้ตอนนี้ร่างของเขากำลังเกิดบาดแผลจากระเบิดแสงที่สะท้อนกลับมา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองกลับไปยังหอสูงแวบหนึ่ง


 


 


คนต่างเผ่าผู้หนึ่งและอนุผู้หนึ่งถึงกับทำให้พระมารดาพิโรธได้ขนาดนี้?


 


 


ประสงค์จะให้พวกเขาถึงกับตายไร้ที่กลบฝัง?


 


 


บาดแผลจากระเบิดแสงลึกถึงกระดูกทั้วร่าง เลือดไหลนองลงไป แต่ปากแผลก็กำลังผสานเข้ามาอย่างรวดเร็ว


 


 


เขาไม่ต้องการให้อนุผู้นั้นตายไปอย่างง่ายๆเช่นนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)