ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 421-432

 บทที่ 421 คู่มือของลูกเรือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากออกจากนครเซนต์จอห์นได้ยี่สิบชั่วโมง ในตอนกลางคืน เรือฮาวิซทก็เข้าสู่ช่องแคบคาบ็อต


บนความเป็นจริงถ้าดูจากระยะห่างแบบเส้นตรงแล้ว นครเซนต์จอห์นจะอยู่ห่างจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่ไกล อยู่ห่างไปตามแนวยาวทางฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตกของเกาะนิวฟันด์แลนด์เท่านั้น ไกลสุดก็แค่สี่ร้อยกิโลเมตร


แต่การขับเรือไม่เหมือนกับการขับเครื่องบิน การสัญจรทางน้ำจากนครเซนต์จอห์นไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ อันดับแรกต้องล่องเรือไปตามทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทาง 350 กิโลเมตรจนถึงเกลซเบย์ ที่นี่เป็นทางเข้าท่าเรือเดินทะเลของช่องแคบคาบ็อต


หลังจากนั้น จากเกลซเบย์ก็ขับตรงไปสู่ฝั่งเหนือ ผ่านการเดินทางประมาณ 500 กิโลเมตร ก็จะถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์อย่างเป็นทางการแล้ว


เรือฮาวิซทเป็นเรือประมงทั่วๆ ไป ความเร็วในการเดินเรือไม่ถึงยี่สิบนอต ไม่เหมือนกับเรือลาดตระเวนหรือเรือยอชต์ทรอลเลอร์นางนวลที่สามารถเพิ่มความเร็วได้เหมือนลมที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่ง เมื่อขับเรือลำนี้จึงทำได้แค่ค่อยๆ ล่องไปบนผิวน้ำอย่างเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เท่านั้น


เมื่อเข้าสู่ยามดึก ฉินสือโอวก็เรียกลูกเรือมารวมกันที่ห้องกัปตันเพื่อเริ่มการประชุม


ความยาวของเรือฮาวิซทอยู่ที่สิบห้าเมตร ถ้ามองจากจุดนี้ก็นับว่ามันเป็นเพียงเรือประมงลำเล็กๆ ต่างกับเรือหาปลาทั่วไปที่มีขนาดห้าสิบหกสิบเมตร แต่ฉินสือโอวจ่ายเงินในราคาสูงเพื่อสร้างเรือประมงที่ทันสมัย ความยาวของเรืออาจจะทั่วๆ ไป แต่ทว่ามันมีห้องในเรืออยู่ถึงสามชั้นเต็มๆ


เมื่อดูจากภายนอกแล้ว เรือฮาวิซทไม่เหมือนกับเรือประมงส่วนใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแนวยาว แต่จะมีลักษณะเป็นทรงลูกบาศก์ ศูนย์แกนกลางค่อนข้างสูง ลอยอยู่บนทะเลเหมือนกันกับตุ๊กตาล้มลุก พอลมพัดมาเรือก็แกว่งไกว


ทว่านี่เป็นเรือประมงที่สร้างมาจากเทคโนโลยีการต่อเรือแบบทันสมัยที่สุด อย่ามองแค่ว่ามันโคลงเคลงได้ง่ายกว่าเรือทั่วๆ ไป แต่ที่จริงแล้วมันมีความสามารถในการต้านทานคลื่นลมที่ซัดกระหน่ำเข้ามาได้อย่างแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด


อีกทั้งเมื่อเรือประมงต้องประสบกับพายุสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ลมพัดแรง แต่เป็นยอดคลื่น ถ้าเรือยาวหรือสั้นเกินไป เมื่ออยู่ระหว่างยอดคลื่นสองยอดและยอดคลื่นส่งแรงออกมาจากระดับความสูงที่ต่างกัน ก็จะโจมตีจนเรือลำนั้นขาดออกเป็นสองท่อน


เรือประมงไม่เหมือนกับเรือรบ แผ่นเหล็กกล้ามีระดับความแข็งแรงไม่มากพอ เมื่อพบกับยอดคลื่นก็จะเกิดความเสียหายมาก


นอกจากนี้การออกแบบแบบนี้ก็มีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือเพิ่มที่ว่างสำหรับการทำกิจกรรมของลูกเรือ บนเรือประมงส่วนมาก ลูกเรือจะสามารถอาศัยอยู่ได้ในห้องพักใต้ดาดฟ้าเรือเท่านั้น แต่บนเรือฮาวิซทจะอยู่ที่ชั้นบน ห้องเรือด้านล่างล้วนแต่เป็นห้องแช่เย็น ห้องเก็บน้ำกับห้องเก็บของ มีพื้นที่กว้างยิ่งกว่า


ฉินสือโอวจัดให้ชาร์คกับแลนซ์พาลูกเรือหกคนไปนอนที่ห้องพักบนดาดฟ้าเรือชั้นหนึ่ง นอนห้องละสองคน ก็ใช้ห้องพักสี่ห้องพอดี ส่วนบนชั้นสองมีห้องใหญ่สองห้อง ชาวประมงสามคนนอนห้องหนึ่ง เขากับอีวิลสันก็นอนอีกห้องหนึ่ง


บนชั้นสามมีห้องที่ใหญ่ที่สุดอยู่แค่หนึ่งห้อง นำมาใช้เป็นห้องสำหรับทานอาหาร ห้องประชุมและห้องสำหรับทำกิจกรรมได้พอดี


อย่าคิดแค่ว่าเรือฮาวิซทมีข้อจำกัดอยู่แค่สองร้อยตัน ที่จริงแล้วมันได้รับการออกแบบตามแบบของเรือเดินสมุทร จึงสามารถเข้าไปจับปลาในบริเวณทะเลลึกได้


แต่จำนวนลูกเรือบนเรือลำนี้ถูกกำหนดไว้ที่สิบคน ตอนนี้เกินมาสามคน ซึ่งก็สามารถทำได้ ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร


ในตอนดึกลมทะเลค่อนข้างแรง ลมแรงส่งเสียงร้องหวีดหวิวพัดจนเรือประมงแกว่งไกว นอกจากชาร์คที่กำลังทำงานอยู่ในห้องขับเรือ คนอื่นๆ ก็เข้าไปประชุมกันอยู่ในห้องอาหารชั้นบนสุด


ฉินสือโอวแนะนำตัวเองนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ชี้แจงจุดประสงค์ของการเดินเรือในครั้งนี้ ซึ่งก็คือการจับกุ้งมังกรกับปูราชินี ถ้ามีฝูงปลาค็อดก็สามารถจับขึ้นมาได้บางส่วน ต่อจากนั้นก็พูดถึงการแบ่งปันผลกำไร


ชาวประมงขึ้นมาทำงานบนเรือ โดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกคือแบบร่วมลงทุน โดยจะออกเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการออกทะเลและค่าเสื่อมราคาของเรือ ซึ่งนับว่าเป็นการร่วมหุ้นแล้ว และจะสามารถแบ่งเงินปันผลได้ตามกำไรที่ได้จากการลงทุน ส่วนอีกแบบหนึ่งก็คือการขึ้นเรือมาเพื่อเป็นแรงงาน กัปตันเรือออกค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน ได้เงินค่าแรงเป็นวัน ดังนั้นจะได้ผลผลิตจากการออกทะเลมากน้อยเท่าไรก็ไม่เกี่ยวกับชาวประมงแล้ว


เรือฮาวิซทใช้วิธีการแบ่งกำไรแบบพบกันครึ่งทาง พอออกทะเลมา ทุกๆ คนจะได้เงินค่าแรงพื้นฐานวันละสองร้อยดอลลาร์ นอกจากนี้ เขายังจะเอายี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินรายได้มาแจกเป็นเงินโบนัสให้ลูกเรือทั้งสิบคน สำหรับส่วนแบ่งกำไรของทั้งสิบคนนี้ แลนซ์จะเป็นคนรับผิดชอบ และพวกเขาก็ไว้ใจแลนซ์


เรื่องพวกนี้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเรือแล้ว สิ่งที่ฉินสือโอวต้องการทำคือการเน้นย้ำเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนละเมิดข้อตกลง เพราะกลัวว่าหลังจากได้ผลผลิตแล้วจะกลับคำเป็นอย่างอื่น


เมื่อพูดเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ปล่อยให้ชาวประมงได้ปรึกษากัน


พวกชาวประมงปรึกษากันเสียงเบาอยู่สักพัก สุดท้ายแลนซ์ก็เป็นตัวแทนของพวกเขาแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกเราพอใจทั้งหมด บอส นี่เป็นราคาที่ยุติธรรมมาก หวังว่าพวกเราจะได้รับผลสำเร็จจากการออกทะเลครั้งนี้”


พอพูดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขามีบั๊กใหญ่อย่างจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ในมือ ถ้าเขาไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวอย่างงาม ก็คงไม่มีใครหาเงินจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้เลยสักคน


คุยกันถึงเรื่องการปันผลกำไรเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็บอกให้อีวิลสันแจกคู่มือสำหรับลูกเรือที่เตรียมไว้ให้กับทุกคน ส่วนเขาเองก็เน้นย้ำกฎระเบียบบนเรือ


พอได้อ่านคู่มือเล่มนี้ ทุกๆ คนก็ถึงกับอึ้งไปทันที เนื่องจากกฎข้อแรกที่เขียนไว้ว่า เคารพการตัดสินใจทุกอย่างของกัปตัน!


บรรทัดที่สอง: ต้องเคารพการตัดสินใจของกัปตัน!


บรรทัดที่สาม: ต้องยอมรับกฎข้อที่หนึ่งกับข้อที่สองของเรือ!


พวกลูกเรือพากันตะลึงค้างไปแล้ว แลนซ์เพิ่งจะเคยเห็นกฎของลูกเรือแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงพูดอย่าอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “กัป กัป กัปตัน นี่หมายความว่ายังไงครับ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ เขาพูดอย่างสบายๆ ว่า “ก็หมายความตามที่พวกนายเห็นนั่นแหละ เลือกขึ้นเรือของฉัน ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง ไม่อนุญาตให้ซักถามข้อสงสัยอะไรทั้งนั้น พวกนายมีคำถามอะไรไหม?”


ชายไว้หนวดคนหนึ่งลุกขึ้นกำลังจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แลนซ์โบกมือปัดบอกเป็นนัยว่าให้เขานั่งลง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ไม่ พวกเราไม่มีคำถามอะไรครับ บอส พวกเราเชื่อใจคุณ”


ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าในใจของทุกๆ คนไม่ได้คิดอย่างนั้น พวกเขาต่างก็ใช้สายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัยมองมายังฉินสือโอว


ฉินสือโอวก็ปล่อยให้พวกเขามองไป เพราะไม่ว่ายังไงความจริงก็จะช่วยพิสูจน์เรื่องนี้เอง เขาไม่อนุญาตให้ท้าทายอำนาจของเขา แต่ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ เขาจะอนุญาตให้คนพวกนี้สงสัยในความสามารถของเขาไปก่อน


ตอนประกาศจบการประชุม เด็กวัยรุ่นท่าทางฉลาดคนหนึ่งก็ถามเขาว่า “บอส เวลาที่พวกเรามีข้อสงสัย พวกเราจะมาขอปรึกษาหาคำตอบจากคุณได้ไหมครับ?”


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เจ้าเด็กคนนี้หาช่องโหว่อันเดียวของกฎข้อนี้ได้ เขาจึงพยักหน้าว่า “ได้สิ ฉันไม่ใช่เผด็จการนะ ฉันรับฟังข้อสงสัย แต่พวกนายทำได้แค่สงสัยฉันเท่านั้น ห้ามฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน นี่คือเส้นตาย!”


เมื่อเขาพูดคำนี้ออกไป ชายไว้หนวดที่ถูกบอกให้นั่งลงเมื่อสักครู่ก็ยืนขึ้นมาอีกครั้ง ถามขึ้นมาด้วยเสียงหยาบหนาว่า “ผมอยากรู้ว่า บอส พวกเราจะทิ้งอวนกันที่ไหน? คุณเคยไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มากี่ครั้งแล้ว?”


ฉินสือโอวยิ้มออกมาแล้วตอบกลับไปว่า “ฉันเคยไปมาไม่กี่ครั้ง แต่ฉันรู้จักมันดี ส่วนตำแหน่งที่จะวางกรงตาข่ายจับกุ้ง เรื่องนี้หลังจากที่เราไปถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์นายก็จะรู้เอง”


“แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ ผมคิดว่าพวกเราเป็นผู้ช่วยของคุณ พวกเรามีสิทธิ์ที่จะรู้!” ชายไว้หนวดพูดอย่างตื่นๆ


ฉินสือโอวบอกกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่นายคิดไปเอง ไม่ใช่ข้อเท็จจริง โอเค ลูกเรือ ไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ประชุมกันถึงแค่นี้พอ”


เห็นได้ชัดว่าชาวประมงคนอื่นๆ ก็มีข้อสงสัยแบบนี้เช่นกัน ยังไงซะพวกเขาก็มีสัดส่วนเงินปันผลอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผลการเก็บเกี่ยวในตอนท้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับรายได้ของพวกเขาอย่างมาก ในสายตาของพวกเขา ฉินสือโอวเป็นเศรษฐี คงไม่สนใจรายได้ แต่พวกเขาต้องอาศัยรายได้เพื่อเลี้ยงครอบครัว จึงต้องสนใจเรื่องนี้


ดังนั้นพวกชาวประมงจึงไม่ยอมไปไหน ต่างก็พากันนั่งจ้องฉินสือโอวอยู่อย่างนั้น


ชายไว้หนวดคนนั้นพูดขึ้นมาว่า “บอส พวกเราที่อยู่ตรงนี้เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น รู้ตื้นลึกหนาบางกันดี ไม่มีใครเอาตำแหน่งที่คุณเลือกจะทิ้งอวนไปบอกคนอื่นแน่ คุณสามารถบอกพวกเราได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลเลย”


ชาวประมงทุกคนพากันพยักหน้ารับ พร้อมทั้งมองฉินสือโอวอย่างไม่วางตา ซึ่งก็รวมถึงแลนซ์ด้วย


………………………………………


บทที่ 422 พายุจู่โจม

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ฉันเชื่อในความซื่อสัตย์ของพวกนาย ฉันไว้ใจพวกนายมาก แต่เรื่องจุดที่จะหย่อนกรง ฉันคงบอกไม่ได้” ฉินสือโอวยืนขึ้นแล้วพูดต่อว่า “ตอนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว ไปพักผ่อน นี่คือคำสั่ง พวกนายคิดเอาเองแล้วกันว่าจะทำยังไง”


นายหนวดโกรธจนหน้าแดง เขาเข้ามาจับไหล่ของฉินสือโอวเอาไว้ไม่ยอมให้เขาเดินหนีไป


ฉินสือโอวไม่ได้ขยับตัว อีวิลสันจึงเข้ามาผลักนายหนวดคนนั้นออกไปด้วยความรวดเร็ว แล้วตวาดเสียงดังว่า “อีวิลสันจะฆ่าแก!”


“อีวิลสัน ใจเย็น!” ฉินสือโอวแตะแขนเขาแล้วดึงเขามาไว้ด้านหลัง “ตอนนี้ยังอยู่ห่างจากเกลซเบย์ไม่ไกล ถ้าใครอยากกลับบ้าน ฉันจะพาไปส่งขึ้นฝั่ง แล้วฉันก็จะรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินให้ด้วย”


ชาวประมงทุกคนหันมาสบตากัน แล้วก้มหน้าลงพร้อมกันแบบที่ไม่ได้นัดกันไว้ก่อน นายหนวดฟึดฟัดๆ อย่างหยาบคายพร้อมกับจ้องหน้าอีวิลสันด้วยความมุทะลุ แลนซ์กดเขาไว้ ขมวดคิ้วแล้วพูดกับเขาว่า “บูล นายมาหาเงิน ไม่ใช่มาหาเรื่องทะเลาะ เข้าใจไหม?!”


ฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไรแล้ว จึงยิ้มแล้วเดินออกไป


หลังจากที่เขาเดินมาถึงดาดฟ้าเรือ แลนซ์ก็ตามเขามาเพื่ออธิบาย “บอส หวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่จะไม่ทำให้คุณต้องรู้สึกไม่ดีนะ ผมมาขอโทษคุณแทนบูล เขาแค่คนโง่ที่มุทะลุไปหน่อย อีกอย่างคือ เมียของเขาเพิ่งจากเขาไปด้วย…”


ฉินสือโอวถามด้วยความแปลกใจ “ตายแล้วเหรอ?”


แลนซ์ส่ายหัว เขายิ้มเจื่อนๆ “ไม่ใช่ หย่ากันน่ะ เธอทนความเจ้าอารมณ์กับความจนของเขาไม่ไหว ที่จริงแล้วบูลเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่งเลย มีสัจจะ ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เพียงแต่ว่าเขาโมโหร้ายไปหน่อย”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดกับเขาว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่ใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อยสักหน่อย เรื่องเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติมาก พวกนายไม่เคยเห็นความเก่งกาจของฉันมาก่อน จะไม่เชื่อใจฉันก็ถูกแล้ว”


ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ แลนซ์ก็อยากจะลองสืบสาวราวเรื่อง เขารีบพูดต่อว่า “ไม่ๆ ๆ พวกเราไม่ได้ไม่เชื่อใจคุณ แต่ก็ไม่รู้ว่าบอสจะจับกุ้งมังกรยัง…”


“ห้าธาตุพิชิตมังกร รู้จักไหม?”


“อะไรนะ?”


“ห้าธาตุพิชิตมังกร!” ฉินสือโอวจ้องมองไปที่ผืนน้ำด้วยใบหน้าที่ไม่อาจหยั่งรู้ความคิดได้ ในใจก็หวนคิดว่าโลกนี้ก็เป็นเหมือนโรงละคร ชีวิตของคนเราต่างก็ต้องพึ่งพาการเสแสร้ง เป็นอีกครั้งที่เขาต้องใช้ความสามารถจากรางวัลออสการ์ “เป็นเวทมนตร์คาถาอย่างหนึ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของพวกเรา มังกรน่ะนายรู้จักไหม?”


แลนซ์รีบพยักหน้าทันที “ผมรู้ๆ สัญลักษณ์ของคนจีน ได้ยินมาว่าร้ายกาจมาก”


“มังกรคือผู้ปกครองมหาสมุทร และร่างแปลงของผู้ปกครองในประวัติศาสตร์ชาติของเรา ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่จักรพรรดิทุกพระองค์ต่างก็อยากจะหามังกรให้เจอสักตัว ห้าธาตุพิชิตมังกรของวงศ์ตระกูลเราก็กำเนิดขึ้นเพราะจุดประสงค์นี้”


“ความหมายที่แท้จริงของวิชาคาถานี้ก็คือการหาชีวิตที่อยู่ในมหาสมุทรผ่านการสัมผัสลมหายใจของสิ่งมีชีวิตในทะเล ลมหายใจของมังกรจะทรงพลังที่สุด สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในทะเลล้วนแต่มีลมหายใจที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง จากการเพ่งพินิจก็จะสามารถรู้ได้ว่าในทะเลผืนไหนมีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนอาศัยอยู่บ้าง”


แลนซ์กะพริบตาปริบๆ เขาลองถามอย่างหยั่งเชิงว่า “บอส เมื่อกี้คุณไม่ได้พี้ยามาใช่ไหม?”


ฉินสือโอวกลอกตาใส่เขาแล้วตอบกลับไปว่า “นายจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ก็ไม่แปลก เพราะพวกเราถูกสอนมาไม่เหมือนกัน แต่นายจะตั้งแง่สงสัยกับศาสตร์ลับในตระกูลของพวกเราไม่ได้!”


พอยกเรื่องศาสตร์ลับของตระกูลขึ้นมา แลนซ์ก็รีบส่ายหัวแล้วพูดกับเขาว่า “ผมไม่ได้ตั้งแง่กับเรื่องนี้นะ แต่ว่าบอส คุณหมายความว่าคุณสามารถทำสิ่งนี้ได้เหรอครับ?”


ฉินสือโอวพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ในตระกูลของพวกเรานอกจากปู่รองแล้ว คนที่เชี่ยวชาญในเรื่องศาสตร์ลับพวกนี้ก็คือฉัน!”


เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ทันใดนั้นแลนซ์ก็พูดกับเขาด้วยความเคารพและความตื้นตันใจว่า “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ผมเชื่อคุณแล้ว บอส ผมเชื่อคุณแล้ว!”


ฉินสือโอวมองเขาด้วยความสงสัย แลนซ์จึงอธิบายกับเขาว่า “มิสเตอร์ฉินคนก่อนท่านเป็นนักจับปลาที่แข็งแกร่งที่สุดในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ ความสามารถและอุบายในการหาปลาของท่านเป็นตำนานของเกาะแฟร์เวล เล่ากันว่าทุกครั้งที่ท่านออกทะเลไปจับปลาท่านไม่เคยกลับไปมือเปล่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว! มีคนบอกว่าท่านมีพลังวิเศษ ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านมีสุดยอดศาสตร์ลับจากตระกูลของพวกคุณนี่เอง!”


ฉินสือโอวเผยรอยยิ้มออกมา ทำไมถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้ ถ้ารีบอ้างเรื่องปู่รองตั้งแต่แรกก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? ด้วยการพึ่งพาหัวใจโพไซดอน เขาแน่ใจว่าปู่รองต้องทิ้งตำนานไว้บนทะเลมากมายจนนับไม่ถ้วนแน่นอน


เมื่อได้คำตอบแล้ว แลนซ์ก็เดินจากไปพร้อมกับสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ต้องสงสัยเลย เขาคงจะไปอธิบายเรื่องศาสตร์ลับห้าธาตุพิชิตมังกรของฉินสือโอวให้พวกชาวประมงฟัง


ฉินสือโอวพิงหัวเรือคิดอะไรอยู่สักพักจากนั้นก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา ห้าธาตุพิชิตมังกร เขาก็เป็นคนที่มีความสามารถเหมือนกันนะเนี่ย ชื่อที่เขาตั้งขึ้นมาเองพอพูดออกไปคนอื่นฟังไม่เข้าใจแต่ก็คงรู้สึกว่าเขาเก่งมาก


ตั้งแต่ตอนที่ไปเมืองกลอสเตอร์ ฉินสือโอวก็คิดว่าควรจะอธิบายเรื่องความสามารถในการหาปลาที่เก่งกาจของเขาว่ายังไงดี ต่อไปนี้เขาจะต้องออกทะเลไปจับฝูงปลาใหญ่ ถ้าไม่มีวิธีอธิบาย ก็คงจะทำให้คนพากันสงสัยแน่ๆ


คิดไปคิดมา ฉินสือโอวก็คิดได้ว่าจะหยิบเรื่องที่ชาวต่างชาติจากอเมริกาเหนือมองว่าเป็นศาสตร์ลี้ลับของชาวตะวันออกมาอธิบาย ใช้ความลึกลับมาเป็นข้ออ้างก็ดูจะสอดคล้องกันดี ในสายตาของชาวต่างชาติ นอกจากวิชากังฟูของจีนแล้วก็มีศาสตร์มืดของชาวเอเชียนี่แหละที่น่าพิศวงที่สุด


เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว วันต่อมาเริ่มตั้งแต่ตอนทานอาหารเช้า ทุกคนต่างก็มองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าแลนซ์เอาข่าวเรื่องที่เขามีศาสตร์ลับตะวันออกไปบอกให้พวกชาวประมงฟังแล้ว


แต่ถ้าชาวประมงพวกนั้นเชื่อเขาก็น่าจะบ้าแล้วล่ะ พวกเขาเคยเรียนหนังสือมานะ โอเคไหม! พวกเขาเรียนรู้เรื่องธรรมชาติกับวิทยาศาสตร์มา!


ชาวประมงต่างก็เริ่มรู้สึกเสียดาย พวกเขารู้สึกว่าการมาออกทะเลกับคนพิสดารอย่างฉินสือโอวเป็นความผิดพลาด ถ้าการออกทะเลครั้งนี้จับกุ้งมังกรมาขายไม่ได้ ก็คงจะน่าสมเพชนัก


ฉินสือโอวขี้เกียจที่จะอธิบาย ตอนกลางวันเขาจึงลากเก้าอี้นอนตัวหนึ่งมานอนพักผ่อนตรงที่ว่างท้ายเรือ เมื่อคืนเขาหลับไม่สบายเนื่องจากเรือลำนี้โคลงเคลงเกินไป เขาควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปลาดตระเวนฟาร์มปลาทั้งคืนก็ยังนอนไม่หลับ


ในเวลาอาหารเย็นก็เริ่มมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชาวประมงคนหนึ่งถามเขาขึ้นมาตรงๆ เลยว่า “บอส เรื่องศาสตร์ลับของตระกูลคุณนี่มันยังไงเหรอครับ?”


ฉินสือโอวพูดขึ้นมาอย่างไม่อาจเดาความคิดได้ว่า “เรื่องนี้ฉันไม่สะดวกที่จะเล่าต่อ กระทั่งในตระกูลของพวกเราก็ถ่ายทอดกันแค่ในหมู่ผู้ชายเท่านั้น”


นายหนวดบูลก็หัวเราะเหอะๆ ออกมา “ลึกลับจริงๆ แต่ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องงมงายมากกว่า!”


อีวิลสันไม่มัวรอช้า เขารีบเข้ามาจับบูลทุ่มทันที บูลก็กระโดดขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วก็ถูกอีวิลสันจับทุ่มอีกครั้ง…


ตกดึก บนเรือที่โคลงเคลงไปมา ฉินสือโอวที่นอนกลางวันมาแล้วก็ยิ่งนอนไม่หลับ เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ เขาจึงพาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสู่ทะเล


ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปที่ฟาร์มปลา แต่ติดตามไปกับการเดินเรือ ตอนกลางวันเขาคุยโวไว้เยอะแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือกลบเกลื่อนคำโกหก


เมนล็อบสเตอร์มีชื่อเรียกอีกหนึ่งชื่อว่ากุ้งมังกรอเมริกาเหนือ แพร่กระจายไปทั่วน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ไม่จำเป็นต้องไปที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ที่เดียว


ถ้าพบฝูงกุ้งมังกรตั้งแต่ยังอยู่ในเส้นทางการเดินเรือ หากเขาจับขึ้นมาได้สักร้อยกล่อง ก็จะสามารถยืนยันความน่าเชื่อถือของห้าธาตุพิชิตมังกรได้แล้ว พวกชาวประมงก็คงจะเลิกสงสัยเขาไปเอง


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนค้นใต้ทะเลอยู่สักพักก็พบว่าถึงแม้บริเวณรอบๆ จะมีกุ้งมังกร แต่ก็มีอยู่น้อยเกินไป ไม่มีกุ้งมังกรที่อยู่กันเป็นฝูง ฝูงปลากับปูก็มีจำนวนน้อย ไม่เหมาะกับการปล่อยกรงจับกุ้ง


เขาว่ายไปข้างหน้าต่อ ฉินสือโอวก็พบกับแสงดาวที่ปรากฏขึ้นเป็นจุดๆ อยู่ในน้ำทะเล สวยงามมาก


เขาจึงเข้าไปดู ที่แท้ก็เป็นแมงกะพรุนพระจันทร์กับแมงกะพรุนไฟนั่นเอง แมงกะพรุนชนิดนี้พบได้บ่อยในน่านน้ำเอเชีย ในเขตอเมริกาเหนือจะพบได้น้อย และจะปรากฏตัวบนผิวน้ำในตอนกลางคืน เหมือนดวงดาวนับล้าน สามารถเปล่งประกายแสงได้สว่างยิ่งกว่า


ทว่าแมงกะพรุนจะชอบลอยอยู่บนผิวทะเลในตอนกลางคืนจะไม่ปรากฏตัวเป็นฝูงใหญ่ในน้ำทะเลลึกแบบนี้


ฉินสือโอวสังเกตเรื่องประหลาดใต้ทะเลอยู่สักพัก ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าที่จริงแล้วบริเวณน้ำทะเลรอบๆ มีแมงกะพรุนอยู่เป็นจำนวนมาก แมงกะพรุนกล่องมีพิษ แมงกะพรุนหนัง แมงกะพรุนด่างออสเตรเลีย แมงกะพรุนแตรไปจนถึงแมงกะพรุนจิ๋วเป็นต้น ขอแค่เป็นแมงกะพรุนที่พบได้ในน่านน้ำอเมริกาเหนือ ก็พากันปรากฏตัวขึ้นทั้งหมดในตอนนี้


นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าแมงกะพรุนพวกนี้จะพบเจอกับศัตรูทางธรรมชาติ พวกมันแต่ละฝูงต่างก็พากันว่ายออกไปจากช่องแคบคาบ็อตอย่างเร่งรีบ ขวักไขว่ไปมาอย่างไม่ขาดสาย


ได้เห็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ฉินสือโอวก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที อย่ามองแค่ว่าแมงกะพรุนอ่อนปวกเปียก ในความเป็นจริงพวกมันเป็นหนึ่งในนักฆ่าท่ามกลางมหาสมุทร นอกจากเต่าทะเลแล้วก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่มีสัตว์ที่เป็นศัตรูทางธรรมชาติอื่นอีก สิ่งที่ทำให้พวกมันต้องอพยพอย่างอลหม่านแบบนี้ มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น


หนึ่ง เต่าทะเลหลายล้านตัวปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน สอง เกิดพายุขึ้นในมหาสมุทร!


ฉินสือโอวให้ความสำคัญกับการศึกษาความรู้เกี่ยวกับทะเลมาโดยตลอด เขารู้ว่าแมงกะพรุนสามารถพยากรณ์การเกิดพายุได้


พายุไม่ได้อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นในมหาสมุทร ในตอนแรกมันคือกระแสอากาศกลุ่มหนึ่ง เวลาที่กระแสอากาศกลุ่มนี้เพิ่มความเร็วลมขึ้นก็จะปะทะเข้ากับคลื่นทะเลอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นคลื่นใต้เสียงที่มีความถี่ 8 ถึง 13 เฮิร์ท คลื่นเสียงประเภทนี้กระจายตัวไปในน้ำด้วยความเร็วมากกว่าสองกิโลเมตรต่อวินาที และเป็นตัวการก่อพายุ


แต่หูของมนุษย์จะไม่ได้ยินคลื่นเสียงแบบนี้ ปลาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ยินเช่นกัน แต่แมงกะพรุนได้ยิน!


แมงกะพรุนจำนวนมหาศาลขนาดนี้พากันแย่งชิงนำหน้าหนีออกจากช่องเขาแคบ ถ้าอย่างนั้นข้างหน้าจะมีพายุก่อตัวขึ้นลูกใหญ่ขนาดไหนกัน? ถ้าหากเป็นแค่ลมพายุลูกเล็กๆ พวกมันย่อมไม่กลัวอยู่แล้ว แค่ดำน้ำลงไปก็พอ แต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ ก็ชัดแจ้งว่าแมงกะพรุนพวกนี้อยากจะหนีออกจากช่องแคบเพื่อลงน้ำลึก!


ฉินสือโอวสัมผัสได้ว่าคืนนี้คงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว


……………………………………………….


บทที่ 423 พายุมาแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

เวลาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ จะดูเหมือนกับร่มที่ถูกกางไว้ไม่มีผิด ริมขอบของตัวมันมีหนวดเล็กๆ อยู่เป็นจำนวนมาก


บนหนวดพวกนี้มีลูกบอลเม็ดเล็กอยู่นับไม่ถ้วน ลูกบอลเม็ดเล็กๆ ทุกเม็ดจะมีตุ่มรับเสียงอยู่ข้างใน ตุ่มรับเสียงพวกนี้มีความว่องไวเป็นพิเศษ สามารถตรวจจับคลื่นใต้เสียงก่อนพายุจะมาถึงได้ทันเวลา


พวกมันจะส่งการสั่นสะเทือนของคลื่นใต้เสียงไปที่ปลายประสาทรับความรู้สึกที่ผนังหูด้านในของแมงกะพรุน ดังนั้นแมงกะพรุนจึงสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงพายุที่อยู่ไกลออกไป หลังจากนั้นก็จะรีบเคลื่อนย้ายไปหาที่ปลอดสำหรับหลบพายุ เพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจมของคลื่นพายุ


มีแมงกะพรุนมากขนาดนี้ในเวลาเดียวกัน นั่นต้องเป็นเพราะพวกมันทำนายได้ว่าจะเกิดพายุลูกใหญ่อย่างแน่นอน เนื่องจากความเป็นไปได้ที่ข้างหน้าจะมีเต่าทะเลอยู่ปรากฏตัวขึ้นกว่าล้านตัวนั้นเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นจึงเหลือแค่สาเหตุข้อนี้!


เมื่อคิดอย่างแน่ชัดแล้ว ฉินสือโอวก็ดีดตัวขึ้นมาทันที เขาดันอีวิลสันเพื่อปลุกให้ตื่น พร้อมทั้งตะโกนเสียงดังว่า “เร็ว ไปเรียกทุกคนมา! เร็วๆๆ บอกให้พวกเขามาที่ห้องขับเรือ!”


พอพูดจบแล้ว เขาก็วิ่งนำตรงไปยังห้องขับเรือ พอดีกับที่คนที่กำลังเข้าเวรอยู่ด้านในคือชาร์คกับบูลที่เคยเคลือบแคลงเขา


เห็นฉินสือโอวรีบวิ่งเข้ามาแบบนี้ ชาร์คก็ยกยิ้มแล้วถามกับเขาว่า “บอส เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ล่ะ?”


ตอนมื้อเย็นบูลถูกอีวิลสันจับทุ่มจนทำตัวดีขึ้น จึงยกแก้วกาแฟที่อยู่ในมือขึ้นมาแล้วถามด้วยความหวังดีว่า “บอส คุณอยากได้กาแฟสักแก้ว…”


นี่เป็นเวลาอะไรแล้วยังมีกะใจจะดื่มกาแฟอีกเหรอ? ฉินสือโอวผลักบูลออก แล้วพูดกับชาร์คเสียงดังว่า “หันหัวเรือกลับ! ตอนนี้อยู่ใกล้กับท่าเรือไหนที่สุด?!”


ชาร์คไม่เข้าใจสาเหตุ แต่ก็ตอบเขากลับไปด้วยจิตใต้สำนึก “พวกเราเพิ่งจะผ่านท่าเรือแชแนล-บาสก์มา กำลังจะเข้าอ่าวลอว์เรนซ์แล้ว…”


“หันเรือกลับเดี๋ยวนี้! เข้าไปที่ท่าเรือบาสก์ให้เร็วที่สุด!” ฉินสือโอวตะโกนขัดชาร์ค


ชาร์คเชื่อใจฉินสือโอว เขารีบพยักหน้าแล้วตอบรับว่า “โอเคครับ บอส”


ภายใต้การนำพาของอีวิลสัน คนอื่นๆ ก็พากันตื่นขึ้นแล้ว พวกเขาเดินเข้ามาในห้องขับเรืออย่างสะลึมสะลือและไม่สบอารมณ์


พอเห็นคนพวกนี้ ฉินสือโอวรีบบอกกับพวกเขาว่า “เร็ว! พากันไปมัดของบนเรือที่เคลื่อนที่ได้! พายุกำลังจะมาแล้ว!”


มีชาวประมงบางคนหัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า “เป็นไปไม่ได้ บอส คุณล้อเล่นหรือเปล่า?”


“ใช่แล้ว ฮ่าๆ ก่อนออกทะเลพวกเราอ่านพยากรณ์อากาศมาแล้ว หนึ่งสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงไม่มีพายุหิมะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ”


“ตอนกลางวันท้องฟ้าโปร่งมากๆ เลยนะ บอส พายุไม่ได้เกิดขึ้นง่ายขนาดนั้นนะครับ?”


แลนซ์ก็เกลี้ยกล่อมเขาว่า “บอส คุณตื่นตูมไปหน่อยแล้ว ถึงอากาศจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดพายุขึ้นนะครับ ดูสิ ขนาดกรมอุตุนิยมวิทยาก็ยังไม่ได้แจ้งเตือนพายุลมแรงเลย อุปกรณ์พยากรณ์พายุของพวกเราก็ยังนิ่งมาก”


อุปกรณ์พยากรณ์พายุแค่เห็นชื่อก็ทราบได้ถึงความหมายของมัน มันคืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเตือนภัยพายุลูกใหญ่ล่วงหน้า มันถูกติดตั้งไว้บนดาดฟ้าของเรือฮาวิซท แตรจะหมุนตามเข็มนาฬิกา เมื่อได้รับคลื่นใต้เสียงที่เกิดจากการปะทะกันของลมทะเลกับคลื่นทะเล มันก็จะหยุดหมุน ถ้าชี้ไปทางไหน ทางนั้นก็คือทิศที่พายุจู่โจมเข้ามา


ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ฉันไม่สนใจเรื่องพวกนี้! ให้ตายเถอะ ลืมคู่มือของลูกเรือไปแล้วเหรอ?! ทำตามคำสั่งฉัน! พวกนายจะสงสัยก็ได้ แต่ต้องปฏิบัติ! เร็ว!”


บูลถามเขาอย่างหัวแข็งว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณบอกสาเหตุที่คุณคิดว่ามีพายุได้ไหมล่ะ”


“ใช่ศาสตร์ลับชาวตะวันตกที่สืบทอดกันในบ้านอะไรนั่นหรือเปล่า?”มีคนหัวเราะแล้วถามเขาเสียงเบา


ฉินสือโอวพูดอย่างเย็นชาว่า “ใช่ ฉันใช้ห้าธาตุพิชิตมังกรในการคาดการณ์! ตอนนี้ลมหายใจของผิวทะเลยุ่งเหยิงและสับสน ซึ่งหมายถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในทะเลกำลังเคลื่อนย้ายอย่างสับสนวุ่นวาย นี่แปลว่าต้องเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นแน่ๆ!”


แลนซ์กับคนอื่นๆ ยักไหล่อย่างจนปัญญา ทำได้แค่แยกย้ายกันไปยึดของบนเรือที่สามารถเคลื่อนย้ายได้


ชาร์คมองไปที่ฉินสือโอว บนใบหน้าก็ปรากฏความสงสัยเช่นกัน ฉินสือโอวพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “ความเร็วเรืออยู่ที่เท่าไร?”


“20 นอตแล้วครับ” ชาร์คตอบ


“แล้วถ้าเร็วที่สุดล่ะ?”


“เร็วได้มากที่สุดถึง 28 นอต แต่ผมไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้น มันจะทำให้เรือได้รับความเสียหาย…”


“เพิ่มเป็น 28 นอตให้ฉันเดี๋ยวนี้!” ฉินสือโอวพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด!


เขาเชื่อว่าแมงกะพรุนจะไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผล เนื่องจากฝูงแมงกะพรุนที่อพยพมีจำนวนมากเกินไป อีกทั้งเขายังบังคับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มขีดจำกัด ตอนนี้เห็นเพียงแต่ใต้ทะเลด้านหน้าที่ยิ่งสับสนอลหม่าน ไม่ใช่แค่แมงกะพรุนที่พากันหนีแล้ว ฝูงปลาจำนวนมากก็พากันย้ายจากอ่าวมาสู่ช่องแคบเช่นกัน


ฉินสือโอวรู้ว่าความสามารถในการรับรู้ถึงพายุของแมงกะพรุนฉลาดกว่าอุปกรณ์ของพวกมนุษย์ในปัจจุบัน ชีวิตก็มหัศจรรย์เช่นนี้ สัญชาตญาณของสัตว์เป็นสิ่งที่เครื่องจักรชนิดไหนก็เทียบไม่ได้


บนดาดฟ้าเรือ ลูกเรือหลายคนกำลังยึดกรงตาข่ายจับกุ้งอยู่ นี่เป็นงานชิ้นใหญ่ พวกเขาทำมาครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังทำไม่เสร็จ พากันมัดเชือกไปด้วยแล้วบ่นให้แลนซ์ฟังไปด้วย


แลนซ์ก้มหน้าสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง ใจของเขาก็สับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าการออกทะเลครั้งนี้จะกลายเป็นแค่เรื่องตลกหรือเปล่า


ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ หลังจากนั้นก็หยุดการมัดเชือกไว้


แลนซ์เงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนใส่คนคนนั้นด้วยความโมโห “ชาลเมอร์ส ไอ้ลูกหมาเอ๊ย…”


“ดูสิ!” ชาลเมอร์สชี้ไปที่อุปกรณ์พยากรณ์พายุบนหัวเรือด้วยใบหน้าซีดเซียว


อุปกรณ์พยากรณ์พายุที่เพิ่งจะหมุนติ้วๆ อยู่เมื่อสักครู่ ไม่รู้ว่าแอบหยุดหมุนไปตั้งแต่ตอนไหน ตำแหน่งของแตรชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่นั่นเป็นทิศทางของหางเรือในตอนนี้ ก่อนหน้านี้เป็นทิศทางของหัวเรือ


“โอ้ พระเจ้า!” แลนซ์ร้องครวญครางออกมา เขาอ้าปากกว้างเพราะความตกใจ ซิการ์ที่คาบไว้ก็ ‘ตุ้บ’ ตกลงไปบนดาดฟ้าเรือ


เรือฮาวิซทเดินเรือด้วยความรวดเร็ว ขับฝ่าคลื่นลมไปบนน้ำทะเลที่สั่นโคลงเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังเกรี้ยวโกรธ ฉินสือโอวยืนอยู่บนหัวเรือขมวดคิ้วมองไปข้างหน้า


ฟ้ายามวิกาลมืดสนิท ไม่มีแสงดาวที่สาดส่องลงมาเลยแม้แต่น้อย ฉินสือโอวอยากเห็นประภาคารบนท่าเรือที่อยู่ด้านหน้า แต่น่าเสียดายที่มองไม่เห็น นี่แปลว่าพวกเขายังอยู่ไกลจากท่าเรือมาก


“พายุยังอยู่ไกลแค่ไหนนะ?” ฉินสือโอวพูดพึมพำกับตัวเอง


เสียงพูดของเขาเพิ่งจะสิ้นสุดลง ทุกๆ คนก็พากันวิ่งเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงดังโวยวาย เขานึกว่าคนพวกนี้ทนไม่ไหวแล้วเลยจะมาหาเรื่อง จึงชิงแสดงอำนาจด้วยการตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ใครมัน…”


“บอส เครื่องพยากรณ์พายุหยุดหมุนแล้ว!” แลนซ์ร้องตะโกน


ทันใดนั้นเรือฮาวิซทก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีก มันถูกคลื่นทะเลซัดจนเรือโคลงเคลง ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็ถึงกับซวนเซ


ชาร์คยื่นหัวออกมาจากห้องขับเรือ พร้อมทั้งตะโกนว่า “ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเลเพิ่งจะประกาศแจ้งเตือนพายุลูกใหญ่ผ่านเครื่องรับสัญญาณดาวเทียม! ให้ตายเถอะ กระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนืออยู่ๆ ก็เปลี่ยนทิศทางตอนที่พัดผ่านอ่าวฮัดสัน ทิศทางที่มุ่งหน้ามาก็คือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ! ตอนนี้พัดผ่านควิเบกมาแล้ว การแจ้งเตือนระดับสีแดง พายุลูกใหญ่ระดับห้า!”


ทุกๆ คนต่างก็งงเป็นไก่ตาแตก การแจ้งเตือนระดับสีแดง พายุลูกใหญ่ระดับห้า ถ้าอยู่บนบกก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าอยู่ในมหาสมุทร นั่นจะเป็นเหมือนพายุระดับเก้าถึงสิบ คลื่นทะเลม้วนกลับ สามารถลอยขึ้นสูงได้หกถึงแปดเมตร!


สำหรับเรือประมงลำเล็กขนาดสองร้อยตันลำนี้ กับพายุระดับนี้แล้ว เพียงแค่คลื่นลูกใหญ่โถมเข้ามากระทบ นั่นก็จะเกิดเป็นโศกนาฏกรรมเรือพลิกคว่ำจนผู้คนเสียชีวิต!


เห็นท่าทางที่กำลังตกอยู่ในความหวาดกลัวของทุกๆ คน ฉินสือโอวกลับเป็นคนที่ใจเย็นที่สุด เขาโบกมือปัดแล้วตวาดเสียงดังว่า “ยืนงงกันอยู่ทำซากอะไรล่ะ?! เร็ว! ไปมัดของที่เคลื่อนที่ได้เอาไว้ให้หมด ที่เหลือปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”


……………………………………………….


บทที่ 424 สู้กับคลื่นยักษ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ สัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นหมู่พวกก็เป็นเช่นนี้ อารมณ์เป็นโรคติดต่อที่น่ากลัวที่สุด เมื่อประสบภัย หากมีใครสักคนรู้สึกหวาดกลัว คนที่เหลืออยู่ก็จะรู้สึกหวาดกลัวตามกัน แต่ถ้าหากมีคนลุกขึ้นยืนแล้วออกคำสั่งด้วยความสุขุม ไม่นานคนอื่นๆ ก็จะค่อยๆ ใจเย็นลง


ในตอนนี้ฉินสือโอวคนที่สุขุมเยือกเย็นที่สุดคนนั้น!


บนใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องลึกเข้าไปบนท้องฟ้า แล้วถามขึ้นมาว่า “ชาร์ค ตอนนี้ความเร็วเรืออยู่ที่เท่าไร?”


“28 นอตครับ! กัปตัน!”


“เวรเอ๊ย! ไม่ใช่ว่า 28 นอตตั้งนานแล้วเหรอ? เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้เพิ่งเพิ่มความเร็วขึ้น!”


“เอ่อ กัปตัน ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 24 นอตครับ ผมกลัวว่าถ้า 28 นอตแล้วจะ…”


“แม่เอ็งสิ้น!”


ไม่ต้องฟังเขาอธิบายต่อ ฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าโง่ชาร์คไม่เชื่อใจเขา แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา ชาร์คแค่อยากจะปกป้องเรือจาก ‘ความวุ่นวาย’ ที่ฉินสือโอวก่อขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่าความปรารถนาดีของเขากลับทำให้เรื่องมันแย่ลงเสียอย่างนั้น


พายุเคลื่อนย้ายไปบนทะเลด้วยความรวดเร็ว เมื่อสักครู่นี้ผิวน้ำยังสงบนิ่งอยู่ แต่หลังจากมีแจ้งเตือนพายุเข้ามาได้ไม่ถึงห้านาที คลื่นทะเลก็เริ่มลอยสูงขึ้น ผิวน้ำเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือด มันผุดขึ้นผุดลง


ฉินสือโอวยังคงสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม แลนซ์กับคนอื่นๆ เห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกเลื่อมใส แววตาที่มองไปที่เขาก็เต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงและความนับถือ ไม่เหลือความเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้ว


ที่จริงแล้วพวกเขาแค่ไม่รู้ ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าการแจ้งเตือนสีแดงของพายุระดับห้าหมายความว่ายังไง เจ้าทึ่มนี่คิดว่ามันหมายถึงพายุระดับห้าบนบกเท่านั้น เขากำลังยืนอยู่บนหัวเรือ วางท่าเตรียมตัวรับลม…


พายุจะมาก็มา ตั้งแต่ตอนที่เกลียวคลื่นเริ่มม้วนตัวกลับ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคลื่นลูกใหญ่สูงกว่าสามเมตรสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง!


ลมทะเลระดับแปดสามารถทำให้เกิดคลื่นทะเลย้อนกลับ ตอนนี้อยู่ที่ระดับเก้าถึงสิบแล้ว!


‘ครืน’ เหมือนกับระเบิดที่ถูกปล่อยลงมาจากที่สูง หลังจากคลื่นลูกนี้ซัดเข้ากับหัวเรือแล้ว มันก็ตีกระทบจนเรือโซเซ! ละอองน้ำเย็นยะเยือกสาดเข้ามาจากรอบด้าน กระทบเข้ากับตัวของฉินสือโอวจนเจ็บปวดอย่างสาหัส!


“แรงอะไรขนาดนี้ล่ะวะ” ฉินสือโอวบ่นพึมๆ พำๆ


แลนซ์เข้ามาประคองเขาไว้ แล้วพูดกับเขาด้วยใบหน้าที่รู้สึกยากลำบากว่า “นี่เป็นแค่คลื่นลูกแรก ยังไม่นับว่ารุนแรงเท่าไร คลื่นยักษ์ยังมาไม่ถึง! ตอนนั้นนั่นล่ะถึงจะน่ากลัวจริงๆ กลัวว่ามันจะสูงถึงแปดเก้าเมตรด้วยซ้ำ!”


ฉินสือโอวชะงักงัน “พายุระดับห้า สูงเจ็ดแปดเมตร?”


แลนซ์ก็อึ้งยิ่งกว่า “ไม่ใช่สิ พายุครั้งนี้อยู่ที่ระดับเก้าถึงสิบต่างหาก! บอส คุณคงไม่…”


เวร! คราวนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที เขารู้ว่าตัวเองเผลอปล่อยไก่ออกไปแล้ว จึงพูดขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “ฉันต้องรู้อยู่แล้วสิ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ ! ห้าธาตุพิชิตมังกรมองเห็นทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้ว… ไอ้เวรเอ๊ย มัวแต่ยืนอึ้งทำหอกอะไรเล่า?! รีบเข้าไปในเคบิน! อยู่ข้างนอกรนหาที่ตายหรือยังไงล่ะ?!”


“ยังมีของที่ยังไม่ได้มัดอีกนะ!” มีลูกเรือตะโกนขึ้นมา


ฉินสือโอวก็ตะโกนกลับไปว่า “ของพวกนั้นค่อยซื้อใหม่ก็ได้! แต่ถ้าคนเป็นคนที่หายพวกนายก็จบสิ้นแล้ว! รีบเข้าไปในเคบิน!”


ได้ยินที่เขาตะโกน พวกลูกเรือถึงพากันทิ้งงานที่อยู่ในมือ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในเคบินอย่างตะลีตะลาน


แต่ยังมีคนบางส่วนที่ยังทำงานอยู่ บูลกับอีวิลสันกำลังดันกรงตาข่ายจับกุ้งที่ยังมัดไม่แน่นอยู่ที่หางเรือ อีวิลสันใช้พลังเหนือมนุษย์โดยกำเนิดยกมันเอาไว้ ส่วนบูลก็อดทนกัดฟันใช้เชือกมัดมันอย่างเร็ว พร้อมกับมือที่เป็นระวิง!


ฉินสือโอววิ่งเข้าไปหา ยังไม่ทันได้พูดอะไร คลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง ละอองคลื่นในครั้งนี้สูงถึงสี่เมตรเต็มๆ สาดซัดจนเลยแคมเรือมาแล้ว น้ำทะเลหมุนซัดขึ้นมา แค่ครู่เดียวก็จะถึงข้อเท้าของฉินสือโอวแล้ว


บูลที่ยืนไม่นิ่งก็ลื่นลงทันที ฉินสือโอวจับเขาไว้แล้วดึงเขาขึ้นมา จากนั้นก็ตวาดเขาไปว่า “อยากตายหรือไง?!”


บูลยังไม่หายสั่น หลังจากได้สติแล้วก็ยังไม่พูดอะไรออกมา เขาจับเชือกขึ้นมาแล้วมัดมันต่อ!


ฉินสือโอวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เขาตวาดออกไปอีกว่า “รีบกลับเข้าไปข้างใน!”


“นี่เป็นอันสุดท้ายแล้ว!” บูลตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง


ฉินสือโอวกระทืบเท้าอย่างแรงด้วยความโมโห เขากับอีวิลสันช่วยกันยกกรงตาข่ายจับกุ้งที่กำลังจะเอียงลงมาเอาไว้ แลนซ์ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วย เขากับบูลช่วยกันอยู่อีกด้าน ใช้เชือกยึดมันไว้กับแคมเรืออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในที่สุดกรงตาข่ายจับกุ้งอันสุดท้ายก็ถูกยึดไว้เรียบร้อย


พายุพัดเข้ามาแล้ว ลมทะเลหวีดเสียงอย่างบ้าคลั่ง คลื่นลูกใหญ่ที่น่าหวาดกลัวกรีดเสียงร้องคำรามเข้ามา ฟ้าและดินก็พลันเปลี่ยนสี!


คราวนี้พวกเขาเข้าไปในเคบินไม่ทันแล้ว ฉินสือโอวจับบูลและอีวิลสันกับแลนซ์เอาไว้ ทั้งสี่คนวิ่งฝ่ากระแสลมเข้าไปในห้องขับเรือ


ในห้องขับเรือ ชาร์คมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาต้องบังคับเรือหลบคลื่นแต่ละลูก ไม่เช่นนั้น หากถูกคลื่นลูกใหญ่แบบนี้โถมซัดสาดเข้าไม่กี่ครั้งเรือลำนี้ก็คงจะคว่ำ!


“กัปตัน ท่าไม่ดีแล้ว!” แลนซ์พูดขึ้นมาขณะที่มองไปยังคลื่นยักษ์ที่อยู่ด้านหน้า


ละอองคลื่น ‘ปังๆๆๆ’ กระทบเข้ากับเรือประมงส่งเสียงคล้ายกับเสียงปืนออกมา ราวกับว่าเรือเล็กลำนี้กำลังลอยเข้าสู่สนามรบบนท้องทะเล


ฉินสือโอวมองดูภาพเหตุการณ์รอบๆ ที่คล้ายกับวันสิ้นโลกด้วยความตื่นตะลึง ทันใดนั้นเขาก็กัดฟันตะโกนด่าออกมา “ใครที่มันบอกฉันว่าความตั้งใจของมนุษย์จะสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ก็พากันไสหัวไปให้หมด ฉันสาบานเลยว่าจะฉันกระทืบมันให้ตาย!”


คลื่นลูกยักษ์โถมเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ชาร์คโต้ตอบไม่ทัน เรือฮาวิซทจึงชนเข้ากับมันทันที!


ภายใต้การซัดสาดของคลื่น เรือประมงทั้งลำก็ถูกพลิกจนลอยขึ้น ชาร์คไม่กล้าจับหางเสือเพื่อพยุงร่างกายไว้ เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะออกแรงดึงหางเสือแรงเกินไป ดังนั้นตัวของเขาจึงเซจนชนเข้ากับขอบของแท่นขับเรือ เลือดไหลออกมาจนเต็มหัว!


แลนซ์รีบวิ่งเข้าไป หลังจากบังคับหางเสือไว้แล้วก็ดึงเรือประมงที่กำลังเอียงกลับขึ้นมาอีกครั้ง


บูลรีบคว้าไมค์ของโทรศัพท์วิทยุสื่อสารเอาไว้ แล้วกระหน่ำกดเบอร์โทรออกอย่างบ้าคลั่ง “เรือกู้ภัย! หน่วยรักษาการณ์ชายฝั่ง! รีบมา! รีบมา!!!”


ชาร์คผลักบูลออก แล้วพูดกับเขาว่า “อย่าเสียแรงเปล่าเลย สภาพอากาศอย่างนี้วิทยุสื่อสารก็ไร้ประโยชน์แล้ว! ไม่ต้องไปฝากความหวังไว้ที่พวกยามชายฝั่งเวรๆ พวกนั้นแล้ว…”


ฉินสือโอวนึกว่าเขาจะบอกให้พึ่งพวกเราตัวเอง แต่ปรากฏว่าชาร์คกลับพนมสิบนิ้วไว้ตรงอก แล้วพูดต่อว่า “พวกเราสวดมนต์ขอให้พระเจ้าคุ้มครองกันเถอะ!”


“นายล้อฉันเล่นใช่ไหม?!” ฉินสือโอวแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว


แต่ที่เขาคิดก็ไม่ผิด ตอนนี้จะให้ใครมาช่วยก็ไม่ได้ สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้จะพึ่งใครก็คงไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวรู้ว่า ครั้งนี้เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ พึ่งตัวเองก็ไม่ได้ ต้องพึ่งหัวใจโพไซดอนเท่านั้น!


เมื่อตัดสินใจได้ ฉินสือโอวก็วิ่งฝ่าออกมาจากห้องขับเรือ เขาตะโกนว่า “คอยดูมือของฉัน ถ้าฉันชี้ไปทางไหน! พวกนายก็ขับเรือไปทางนั้น!”


แลนซ์และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกสับสนงงงวย ฉินสือโอวจะอธิบายก็คงไม่ทัน เขาทำได้แค่พูดสั้นๆ ว่า “ห้าธาตุพิชิตมังกร สามารถค้นหาโอกาสที่จะมีชีวิตรอดบนผิวทะเลได้!”


พอเขาออกไปจากห้องขับเรือ ก็มีคลื่นอีกหนึ่งลูกที่กำลังจะโถมเข้ามา อีกทั้งคลื่นลูกนี้ยังอยู่ข้างหน้าเรือฮาวิซท อันตรายอย่างถึงที่สุด!


ฉินสือโอวโยกย้ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนด้วยความรวดเร็ว เขาพยายามรักษาอารมณ์ให้สงบ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าปกคลุมน่านน้ำที่อยู่ด้านหน้า ทันใดนั้นคลื่นทะเลที่หมุนวนอยู่ด้านหน้าก็สงบลงทันที


เขาคว้าโอกาสนี้ไว้ ฉินสือโอวชี้ไปด้านหน้า แลนซ์ที่อยู่ในห้องขับเรือก็เบิกตาโต แล้วทุ่มกำลังหมุนหางเสือ บังคับเรือฮาวิซทตามไปทางที่ฉินสือโอวชี้


แขนซ้ายของฉินสือโอวกำลังกอดแคมเรือ ส่วนแขนขวาของเขาก็ออกคำสั่งให้เรือขับเข้าไปทางด้านหน้า จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้คลื่นลมตรงไหนสงบลง เขาก็ชี้ไปทางนั้น


ที่จริงแล้วสถานการณ์ยังไม่ถึงทางตัน มาตรฐานในการต้านทานยอดคลื่นของเรือฮาวิซทอยู่ที่ 2 เมตร นี่เป็นแค่ครึ่งหนึ่งของมัน หมายความว่าหากคลื่นต่ำกว่าสองเมตรซัดเข้ากับเรือย่อมไม่ส่งผลต่อความปลอดภัย ขอแค่ขับผ่านไปอย่างถูกวิธี ก็ไม่มีทางกระทบกับเรือฮาวิซท


ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นน่ะเหรอ?


………………………………………………………


บทที่ 425 ฮีโร่

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหมือนคำพังเพยที่ว่า แม่น้ำฉางเจียงคลื่นลูกหลังย่อมดันคลื่นลูกหน้า ในความเป็นจริงแล้วในระยะห่างที่เป็นเส้นตรง คลื่นจะไม่ได้ตามมาติดๆ กัน แต่จะมีช่วงเวลาและระยะทางที่การปะทะจะค่อยๆ คลี่คลายลง ระหว่างยอดคลื่นทั้งสองยอด จะมีผิวน้ำระยะหนึ่งที่นิ่งเรียบ ซึ่งก็คือระยะห่างของความยาวคลื่น


ช่วงระยะห่างของคลื่นสูงสองเมตรจะอยู่ที่ราวๆ ยี่สิบเมตร เรือฮาวิซทมีความยาวประมาณสิบห้าเมตร ความยาวทั้งหมดอยู่ภายในระยะห่างความยาวคลื่น


ขอเพียงแค่อยู่ในระยะห่างความยาวนี้ เรือประมงก็แค่ต้องล่องไปตามคลื่นทะเลที่ม้วนขึ้นลง และเรือประมงจะไม่ถูกยอดคลื่นตัดจนขาด ซึ่งมันน่ากลัวยิ่งกว่าการถูกคลื่นโถมกระแทกเสียอีก ถ้าหัวเรือจมลงไปในทะเลแล้ว เรือก็มักจะจมลงไปทั้งลำแล้วลอยกลับออกมาไม่ได้อีกต่อไป…


ตอนนี้ระดับความสูงของคลื่นมากกว่าห้าเมตรแล้ว ระยะห่างความยาวของคลื่นก็จะยิ่งยาวออกไป มากถึงห้าสิบหกสิบเมตรเต็มๆ ขอแค่ไม่ถูกคลื่นทะเลสาดซัด เรือฮาวิซทก็จะสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย


เงื่อนไขข้อแรกก็คือ เรือฮาวิซทต้องสามารถอยู่บนผิวน้ำในระยะห่างของความยาวคลื่นให้ได้ตลอด และต้องไม่โดนคลื่นทะเลซัดสาด ไม่อย่างนั้นคงจบไม่สวยอย่างแน่นอน อาจจะถูกคลื่นซัดจนคว่ำทันทีเลยก็เป็นไปได้


หน้าที่ของฉินสือโอวไม่ซับซ้อนแต่ก็ลำบากและหนักหนามาก เขาช่วงชิงเวลาก่อนที่คลื่นด้านหน้าจะก่อตัวใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้มันนิ่งสงบ จากนั้นนำเรือฮาวิซทให้ข้ามผ่านไป


แค่อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเขาทำสำเร็จต่อเนื่อง ก็ไม่มีทางเกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าพลาดล่ะ? ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวสนุกกันได้เลย! ดูจากอุณหภูมิในตอนนี้ มันหนาวจัดจนเหมือนน้ำแข็งของแท้เลยล่ะ!


สาเหตุที่ฉินสือโอวอยู่ในห้องขับเรือไม่ได้และจำเป็นต้องมายืนอยู่บนหัวเรือก็เพราะว่า หากอยู่ในห้องขับเรือจะมองไม่เห็นสภาพผิวน้ำทะเลที่อยู่ใกล้กับเรือที่สุด!


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแสดงพลังอำนาจอย่างน่าเกรงขาม เมื่อฉินสือโอวยื่นแขนออกไป คลื่นทะเลที่ยังไม่ก่อตัวก็ถูกกดเอาไว้ ต่อจากนั้น แลนซ์กับชาร์คก็จะรับช่วงต่อด้วยการบังคับหางเสือให้เรือแล่นผ่านคลื่นน้ำพวกนี้ไป มุ่งหน้าไปอย่างยากลำบากหากแต่ว่ายังปลอดภัย


เมื่อยืนอยู่บนหัวเรือ ฉินสือโอวต้องเผชิญกลับลมหนาวเย็นยะเยือกที่ร้องหวีดหวิวและคลื่นทะเลคลั่งที่ส่งเสียงร้องคำราม แต่ไม่ว่ายังไงในตอนนี้เขาก็ต้องทำใจให้ห้าวหาญ ก็แค่พายุกับคลื่นทะเลไม่ใช่เหรอ? พวกแกเข้ามาพร้อมกันเลยสิ ฉันรีบ!


นิมิตส์บินฝ่าลมมา ท่าทางที่กล้าหาญของนกโจรสลัดที่แสดงออกอย่างเด่นชัดในขณะนี้ มันติดตามฉินสือโอวอยู่ทั้งทางซ้ายและขวา บินร่อนไปมาอยู่บนหัวเรือเหมือนเสาโทเทม ปากของมันก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมาเรื่อยๆ มันเข้าปะทะกับลมพายุอย่างทะนงตัว ไม่ยอมหลบหลีก!


ลมแรงคลื่นสูง เรือฮาวิซทจำเป็นต้องลดความเร็วในการเดินเรือลง แต่ภายใต้คำสั่งของฉินสือโอว ระหว่างทางอาจจะลอยละลิ่วไปอย่างน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ ท่าทางสง่าผ่าเผยและดุดันกล้าหาญ ดั่งทหารม้าที่ควบอาชาอย่างแกร่งกล้าเกรียงไกร


ฉินสือโอวยืนอยู่บนหัวเรือด้วยท่าทางสบายๆ แต่แท้จริงแล้วเขารู้สึกเหนื่อยล้ามาก ความเหนื่อยล้าของเขาไม่ใช่แค่เหนื่อยล้าทางร่างกายแต่ยังมีความเหนื่อยล้าทางจิตใจด้วย เนื่องจากมีเพียงเขาแค่คนเดียวที่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่คืออะไร! อีกทั้งการใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ทำให้เขายิ่งเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม!


สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอ่อนล้ายิ่งกว่านั้นก็คือ เขามองไม่เห็นความหวัง เขาทำได้เพียงอาศัยความรู้สึกในการมุ่งไปข้างหน้า เพราะไม่รู้ว่าท่าเรืออยู่ที่ไหน! ตอนนี้เกลียวคลื่นสูงเกินไป มันปิดกั้นทัศนวิสัยของเขาจนหาหอประภาคารของท่าเรือไม่เจอ!


ราวกับว่ามันตั้งใจจะทดสอบเขา พอเขาหันกลับไป ฉินสือโอวก็เห็นชาร์คและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องขับเรือกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยท่าทางหวาดกลัว


“เป็นอะไร?!” ฉินสือโอวใจกระตุกขึ้นมาทันที เขารีบหันไปมองรอบๆ ก็ไม่มีปัญหานี่ คลื่นยักษ์หลายลูกก็ไม่ได้ก่อตัวขึ้น ต่างก็ถูกเขาสะกดไว้หมดแล้ว ตอนนี้การเดินเรือเป็นไปอย่างมั่นคงยิ่งกว่าตอนเริ่มแรกด้วยซ้ำ


เป็นอย่างนั้นจริงๆ เรือสามารถขับไปได้อย่างมั่นคงยิ่งกว่าเดิมเยอะแล้ว กระทั่งบูลก็ยังวิ่งออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา


เห็นบูลวิ่งฝ่าออกมาจากห้องขับเรือ ฉินสือโอวก็ตะโกนออกมาด้วยความโมโห “หัวสมองนายมันพุ่งออกไปตามน้ำไอ้นั่นแล้วหรือยังไง? ฟัค นาย…”


“กัปตัน! วิทยุสื่อสารเพิ่งจะได้รับเรดาห์ค้นหาข้อความ SOS ขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ยืนยันตำแหน่งของเรือที่ขอความช่วยเหลือแล้วว่าอยู่ในระยะหนึ่งพันเมตรจากทางทิศตะวันออกเฉียงใต้!” บูลพูดทุกสิ่งออกมาในครั้งเดียว เขากลั้นหายใจจนหน้าแดง


สีหน้าของฉินสือโอวก็เปลี่ยนไปทันที หน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นกัน เขาเข้าใจสาเหตุที่ชาร์คกับคนอื่นๆ แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาแล้ว!


มีอุปสรรคเข้ามาตลอด ฉินสือโอวตะโกนด่าในใจ นี่หมายความว่ายังไง? สวรรค์อยากจะแกล้งเขาเล่นอย่างนั้นเหรอ?!


ข้อตกลงระหว่างประเทศกำหนดไว้ว่า ถ้าเรือได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ SOS เรือที่อยู่ใกล้ที่สุดจะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างไม่มีเงื่อนไข


ความจริงแล้วที่บอกว่าไม่มีเงื่อนไขก็คือไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัว เนื่องจากไม่มีการระบุสัญญาไว้ว่าเรือลำไหนควรจะช่วยเรือลำไหน ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นถึงสัญญาใจแห่งมหาสมุทรทั้งสิ้น ช่วยหรือไม่ช่วย ก็ดูกันที่จิตใจ


ฉินสือโอวใจกระตุกอย่างแรง เขาไม่รู้ว่าถ้าช่วยคนพวกนี้แล้วจะต้องพบกับอะไรบ้าง แต่เขารู้ว่าถ้าไม่ช่วย เขากับทุกๆ คนที่อยู่ในห้องขับเรือคงไม่รู้สึกสงบใจได้เลยชั่วชีวิต


นั่นเป็นเพราะว่าสิ่งที่พวกเขาถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจนโตและยังต้องนำไปสอนลูกๆ ต่อ ก็คือสอนให้พวกเขาเป็นลูกผู้ชาย ไม่ใช่คนขี้ขลาดที่หลอกทั้งตัวเองและผู้อื่น


ลองทำตัวเป็นพระแม่มารีสักครั้งแล้วกัน!


การตัดสินใจจำเป็นต้องใช้แค่แรงกระตุ้น ฉินสือโอวไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญอย่างรอบคอบ เขาหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางที่แขนชี้ ไปสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้!


ภายในห้องขับเรือ แลนซ์กับชาร์คก็กลืนน้ำลายลงไปหนึ่งอึก ใบหน้าของพวกเขาปรากฏสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมที่ไม่อาจถอยหนี จากนั้นจึงหมุนบังคับหางเสือ!


เรือประมงหันหัวกลับ น่านน้ำในทิศทางที่พวกเขากำลังเดินเรือไปเมื่อสักครู่ ก็เกิดคลื่นลมขึ้นมาทันที!


คราวนี้ขับฝ่ามาได้ไม่ไกลเท่าไร ผ่านยอดคลื่นมาไม่กี่ครั้ง เรือลำหนึ่งที่มีแสงไฟสว่างโชติช่วงก็ปรากฏขึ้นสู่ทัศนวิสัยของฉินสือโอว


เรือลำที่ปรากฏขึ้นเป็นเรือขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณ 30-40 เมตร มีห้องเคบินทั้งหมดสามชั้น ที่หางเรือมีสินค้ากองใหญ่หนึ่งกอง แค่ดูจากภายนอกก็สามารถระบุได้ว่า นี่คือเรือโดยสารบรรทุกสินค้าขนาดเล็ก


เหลวไหลมาก อยู่ๆ ฉินสือโอวก็คิดถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือไททานิกขึ้นมา


ว่ากันว่า สาเหตุที่เรือไททานิกจมลงนั้นเป็นเพราะว่าในตอนนั้นบนเรือได้บรรทุกมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-ราแห่งอียิปต์ไว้ ไม่ว่าใครก็ตามที่รบกวนชีวิตนิรันดร์ของเจ้าหญิงอาเมน-ราล้วนแต่ต้องได้รับการลงโทษ


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเพิ่งจะบังคับเรือไททานิกมา ดูท่าว่าตอนนี้เขาก็กำลังพบกับการลงโทษที่คล้ายๆ กัน หนึ่งวันก่อนที่เรือฮาวิซทจะถอนสมอเพื่อออกทะเล ศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเลยังบอกว่าอากาศปลอดโปร่งไม่มีพายุไม่มีหิมะ ทำไมอยู่ๆ กระแสลมหนาวจากขั้วโลกเหนือที่ควรจะพัดผ่านทางตอนใต้ของอ่าวฮัดสันก็เปลี่ยนทิศทางเสียได้?


ทว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ฉินสือโอวไม่มีเวลาคิดเรื่องไร้สาระ ความคิดนี้พอโผล่ขึ้นมาในหัวเขาแล้วก็หายไป เขาเริ่มจดจ่อกับการควบคุมเรือประมงให้เข้าไปใกล้เรือที่ประสบภัยลำนั้น คำถามคือเขาไม่รู้ว่าเรือลำนี้กำลังพบกับปัญหาอะไรอยู่!


แต่เรื่องที่เขาพอจะมั่นใจได้ก็คือ เรือโดยสารลำนี้กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่มากจริงๆ คลื่นที่อยู่รอบๆ ลำเรือสาดซัดขึ้นสูง เรือที่ถูกคลื่นซัดก็ทำได้เพียงสะบัดไปตามคลื่นทะเลอย่างบ้าคลั่ง


ชาร์คและคนอื่นๆ สามารถติดต่อกับเรือโดยสารผ่านวิทยุสื่อสารระยะสั้นได้อย่างชัดเจน ผู้คนบนเรือโดยสารก็ปล่อยเรือเล็กแต่ละลำลงมาทันที บนเรือลำเล็กบรรจุคนอยู่เต็มลำ บนร่างกายของคนเหล่านี้สวมใส่เสื้อชูชีพสีส้มสด ทุกๆ คนกอดกันไว้แน่น


คนทั้งสองฝั่งช่วยกันพายเรือลำเล็ก บนหัวเรือเล็กมีคนกำลังโบกแท่งไฟ ฉินสือโอวรีบออกคำสั่งให้นำเรือเข้าไปใกล้ๆ ทันที


พวกเขาต้องลงมืออย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นถ้าคลื่นโถมเข้ามา คนที่อยู่บนเรือเล็กคงไม่มีชีวิตรอด ต่อให้ไม่ถูกน้ำพัดจนตายก็คงจะจมน้ำตาย และต่อให้ไม่จมน้ำตายก็คงจะหนาวตายอยู่ดี!


ไม่ต้องสงสัยเลย คนที่คอยชี้นำในการเอาชีวิตรอดครั้งนี้ต้องเป็นคนที่มีฝีมือสูงแน่นอน จังหวะเวลาที่เขาเลือกที่จะปล่อยเรือเล็กเป็นช่วงที่กำลังได้จังหวะพอดี ทุกๆ ครั้งล้วนแต่เป็นตอนที่คลื่นลูกใหญ่พัดผ่านไปและคลื่นลูกที่สองยังมาไม่ถึง


อีวิลสันวิ่งเข้าไปในเคบินเรือเพื่อเรียกชาวประมงที่กำลังพากันพนมมือหลบอยู่ด้านในให้ออกมาข้างนอก คนกลุ่มนั้นพุ่งมาที่หางเรือแล้ววางบันไดลงไป อีวิลสันกับบูลเหยียบลงไปบนบันไดคนละขั้น ลากเรือเล็กเข้ามาใกล้เพื่อช่วยเหลือคนท่ามกลางแรงสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง


หลังจากผู้คนบนเรือยางขึ้นมาบนเรือประมงได้ ก็คุกเข่าลงแล้วเริ่มร้องไห้ ชายหนุ่มที่ถือแท่งไฟไว้ในมือขึ้นเรือมาเป็นคนสุดท้ายจากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “รีบไปบอกกัปตันของพวกคุณ! อย่าขับเข้าไปข้างหน้า มันมีโขดหิน! เรือของพวกเราชนโขดหิน!”


คนบนเรือยางจำนวนเจ็ดสิบแปดสิบคนจากเรือยางสี่ลำก็ทยอยกันขึ้นเรือมาเรื่อยๆ มีทั้งคนแก่และเด็กมีทั้งคนหนุ่มและคนสาว หลังจากขึ้นมาบนเรือประมงแล้วส่วนใหญ่ก็พากันตามหาคนในครอบครัวและกอดกันร้องไห้ ในนั้นมีคนบางส่วนที่สวมชุดคลุมสีขาวอยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นชาวอาหรับจากตะวันออกกลาง หลังจากขึ้นมาบนเรือแล้วพวกเขาก็คุกเข่าอยู่บนดาดฟ้าเรือ โน้มตัวลงเอาหน้าผากแตะพื้น ปากก็ส่งเสียงตะโกนว่า ‘อัลเลาะฮ์’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง


ฉินสือโอวพยายามสะกดคลื่นที่หมุนวนขึ้นมาจากใต้ทะเลเอาไว้ เขาตะโกนถามจากหัวเรือไปยังท้ายเรือว่า “บนเรือลำนั้นยังมีคนอยู่อีกกี่คน?! ชาร์ค! รีบพาคนเข้าไปข้างในเคบิน! เบียดกันไว้! เบียดๆ กัน!”


ผู้ชายคนที่ถือแท่งไฟกำลังร้องไห้ด้วยความรู้สึกโศกเศร้าก็ตอบเขากลับมาว่า “สองคน กัปตันเรือกับต้นหนเรือของเรา!”


“ถ้าอย่างนั้นก็รีบพายเรือยางกลับไป!” ฉินสือโอวตะโกนบอก


ชายหนุ่มคนนั้นก็ตะโกนออกมาเหมือนเสียงหอนของหมาป่าว่า “ไม่มีประโยชน์! เรือชนเข้ากับโขดหินและกำลังจมลงแล้ว! กัปตันคอยบังคับหางเสือไว้เพื่อให้เรือยังนิ่งอยู่โดยตลอด! เขาหนีออกมาไม่ได้! เขาหนีออกมาไม่ได้! เขาหนีมาจากตรงนั้นไม่ได้!”


“แล้วต้นหนเรือของพวกนายล่ะ?…”


“โครม!” คลื่นยักษ์ขนาดความสูงเจ็ดแปดเมตรอีกหนึ่งลูกพัดโถมเข้ามาจากตรงกลางแล้วชนเข้ากับเรือโดยสารบรรทุกสินค้า จนดูเหมือนว่ามีขีปนาวุธข้ามทวีปยิงเข้ามาใส่มัน!


ชาร์คที่กำลังรวบรวมกลุ่มคนให้เข้าไปอยู่ในห้องเคบินกับคนอื่นๆ ก็หันกลับไปมอง ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่กำลังจ้องมองด้วยความตะลึงงัน เรือโดยสารถูกพัดขึ้นมาจากผิวน้ำเหมือนตุ๊กตา จากนั้นตกลงมาชนกับโขดหินอย่างแรง!


ทันใดนั้น บาดแผลขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนด้านข้างของเรือโดยสาร เมื่อปรากฏบาดแผลขึ้นมามันก็กลายเป็นจุดอ่อนของเรือ น้ำทะเลจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้าไปข้างในด้วยความรวดเร็ว


เมื่อเป็นเช่นนี้ เรือโดยสารจึงค่อยๆ ค่อยๆ เอียงลง จนสุดท้ายก็ดูเหมือนกับเด็กที่หกล้ม ด้านข้างของเรือล้มลงบนผิวทะเล หลังจากนั้นก็ค่อยๆ จมลงไปในน้ำ…


“ต้นหนเรือของเราพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด เขาบอกว่าเขาเพิ่งจะติดต่อกับหน่วยลาดตระเวนฉุกเฉินบนชายฝั่งได้ เขาบอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว บอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว บอกพวกเราว่าไม่ต้องกลัว…” หนุ่มคนนั้นพูดพึมพำ พูดย้ำประโยคนี้อยู่ซ้ำๆ


คลื่นยักษ์สูงเทียมฟ้ายังคงสาดซัดถาโถมอยู่ทุกหนทุกแห่ง ลมหนาวที่ส่งเสียงหวีดหวิวก็ยังส่งเสียงร้องคำรามอยู่ในคืนมืดมิด สภาพอากาศกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม!


เมื่อสักครู่เป็นเพียงพายุระดับเก้า ตอนนี้ในที่สุดศูนย์กลางของพายุก็พัดมาถึงแล้ว ระดับของพายุเพิ่มสูงขึ้น พายุระดับสิบ!


………………………………………………………….


บทที่ 426 ราชาแห่งท้องฟ้าท่ามกลางพายุ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผู้คนบนเรือจับจ้องไปยังเรือโดยสารที่ค่อยๆ จมลง ทุกคนต่างก็ยกมือขึ้นมาพนมบนอกพร้อมๆ กัน


ฉินสือโอวเองก็พนมมือขึ้น เพื่อสวดภาวนาให้กับวิญญาณของกัปตันและต้นหนเรือ ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครสามารถหนีรอดจากเรือที่พลิกคว่ำอยู่ออกมาได้ แม้จะเป็นฉินสือโอวที่มีหัวใจโพไซดอนก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน!


ใบหน้าของชายหนุ่มที่ถือแท่งไฟก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาพูดพึมพำว่า “จบสิ้นแล้ว จบสิ้นทั้งหมด!”


ฉินสือโอวดันชายหนุ่มคนนั้นออก เขาตะโกนพูดกับชาร์คที่กำลังมองไปรอบๆ ห้องขับเรือว่า “ออกเรือ! เร็ว!”


บูลรู้ว่าฉินสือโอวค่อนข้างหลงทิศ เขาจึงกระตุ้นกลุ่มคนที่อยู่บนเรือ ด้วยการตะโกนขึ้นมาว่า “มีใครรู้บ้างว่าท่าเรือบาสก์อยู่ที่ไหน?! มีใครรู้ทิศทางบ้าง?!”


ในตอนนี้ทุกๆ คนต่างก็มึนงงสับสนทิศทาง กับคนเหล่านี้ที่กว่าจะรอดตาย พวกเขาทำใจให้สงบได้ก็ถือว่าดีเท่าไรแล้ว ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำกับคลื่นที่ซัดสาดใครจะแยกทิศทางได้กันล่ะ?


ฉินสือโอววิ่งกลับไปที่หัวเรือแล้วใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนกดคลื่นทะเลคลั่งที่ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ไว้ พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไหลออกจากตัวของเขาเหมือนกับสายน้ำ เหยียบกดฟองคลื่นที่หมุนวนขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าเอาไว้


นิมิตส์บินวนอยู่กับเรือประมง เมื่อเห็นว่าเรือฮาวิซทกำลังหมุนไปอย่างไร้ทิศทางท่ามกลางพายุคลื่น มันก็สะบัดปีกทั้งสองข้างอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ตัดสินใจบินเข้าไปปะทะกับลมพายุบินขึ้นไปสู่ที่สูงไกลลิบลิ่ว!


เรือประมงขับฝ่าคลื่นทะเลไปด้วยความยากลำบาก ผ่านความทรมานกับเวลาไม่กี่นาทีที่ดูยาวนานเหมือนศตวรรษ เสียงใสของนกก็ดังทะลุคลื่นลมมากระทบเข้ากับหูของฉินสือโอว นิมิตส์บินฝ่าคลื่นลมเข้ามาตรงๆ บินวนอยู่บนศีรษะของฉินสือโอวอยู่สองรอบ จากนั้นก็สะบัดปีกอย่างสุดแรง แล้วบินพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง


มองเห็นนิมิตส์บินทวนลมด้วยท่าทางองอาจสง่างาม ฉินสือโอวก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาเข้าใจความหมายของนิมิตส์ นกโจรสลัดตัวโตจะนำทางให้เขา!


ถึงแม้ว่านกโจรสลัดจะมีสมญานามว่าเป็นราชาแห่งท้องฟ้า สามารถบินอยู่ในพายุระดับเก้าได้ แต่การบินของพวกมัน คือการบินร่อนไปตามทิศทางลม ไม่ใช่การต่อสู้กับพายุ


ทว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นิมิตส์จึงต้องปะทะกับพายุ! มันเลือกที่จะนำทางให้เรือประมง ดังนั้นจึงไม่สามารถบินตามทิศทางลม แต่ต้องบินไปตามทิศทางที่ถูกต้องเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการบินตามลมหรือทวนลม ก็ต้องผ่านไปให้ได้!


“ตามนกโจรสลัดไป!” ผู้รอดชีวิตหลายคนที่เบียดกันอยู่ในห้องขับเรือตะโกนเสียงดัง พวกเขามองเห็นนกยักษ์ที่กำลังบินร่อนอย่างกล้าหาญอยู่ด้านหน้าเรือ


เรือฮาวิซทลำเล็กเกินไป เดิมทีที่ว่างในเคบินก็มีไว้สำหรับคนสิบคนเท่านั้น ตอนนี้มีคนอยู่มากกว่าหนึ่งร้อยคน ย่อมเบียดกันไม่พออยู่แล้ว ดังนั้นจึงทำได้แค่ยัดคนเข้าไปในที่ที่สามารถหลบฝนได้ ในห้องขับเรือก็มีคนเบียดกันอยู่หลายคนแล้ว


ตามร่องรอยของนิมิตส์ ในตอนนี้ฉินสือโอวกลายเป็นเทพโพไซดอนจริงๆ แล้ว จุดที่แขนของเขาชี้นำออกไป ต่อให้มีคลื่นก็เป็นเพียงคลื่นลูกที่ต่ำที่สุด


เมื่อเห็นว่าในมหาสมุทรเต็มไปด้วยคลื่นยักษ์ที่ทำให้ผู้คนตกใจกลัว นกโจรสลัดตัวใหญ่ก็บินว่อนไปมาท่ามกลางคลื่นลมอย่างไม่ย่อท้อ อีกทั้งเรือประมงลำเล็กก็แล่นผ่านคลื่นยักษ์แต่ละลูกไปอย่างง่ายดาย เส้นทางดูน่ากลัวหากแต่ว่าไร้ภัยอันตราย!


ไม่รู้ว่าขับมานานแค่ไหนหรือไกลเท่าไรแล้ว หลังจากที่คลื่นยักษ์ลูกหนึ่งม้วนต่ำลงไป ทันใดนั้นฉินสือโอวก็มองเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันที!


อยู่ๆ ก็เห็นแสงสว่างท่ามกลางมหาสมุทรที่มืดมิด ฉินสือโอวก็ถึงกับชะงักงันทันที หลังจากนั้นก็ยื่นมือมาปาดน้ำทะเลบนใบหน้าของตัวเอง แล้วมองไปยังด้านหน้าด้วยความตื่นเต้นดีใจ นั่นคือแสงไฟจากหอประภาคาร!


แสงไฟจากหอประภาคารไม่ได้ส่องสว่างขนาดนั้น นี่แปลว่าเรือประมงยังคงอยู่ไกลจากฝั่ง แต่แสงไฟพวกนี้กลับมีแรงส่องทะลุได้อย่างเต็มเหนี่ยว ดึงดันที่จะส่องแสงสีขาวทองออกมารอบด้านท่ามกลางคลื่นทะเลที่ซัดสาดไปทั่วทุกแห่ง!


เท่านี้ ภารกิจของนิมิตส์กำเสร็จสิ้นแล้ว ในที่สุดมันก็นำพาเรือประมงลำนี้มาสู่สถานที่แห่งความหวังได้แล้ว!


ฉินสือโอวอยากจะเป่าปากเรียกนิมิตส์กลับมา แต่ในตอนนี้เขาใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว เขารู้สึกเหนื่อยล้าเหมือนผ่านคืนที่หนักหน่วงมาจนแทบทนไม่ไหว แขนข้างซ้ายที่กอดแคมเรือเอาไว้ก็รู้สึกชาไปหมด เสียงผิวปากที่ส่งออกไปก็เบาจนแทบไม่ได้ยิน ยิ่งถูกเสียงคลื่นทะเลกลบ ก็ยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงเลย


นิมิตส์ไม่ได้ยินคำสั่งของเจ้านายที่บอกให้มันบินลงมาพักผ่อน จึงยังคงกางปีกบินฝ่าพายุคลื่นต่อไปอย่างดื้อรั้น!


ระยะห่างนับว่าใกล้พอแล้ว ทันใดนั้นวิทยุสื่อสารในห้องขับเรือก็ส่งเสียงจอแจออกมา “ศูนย์กู้ภัยทางทะเลท่าเรือแชแนล-บาสก์… ซ่าๆ ซ่าๆ โปรดตอบกลับ ซ่าๆ ซ่าๆ ….”


ได้ยินเสียงนี้ คนที่อยู่ในห้องขับเรือก็พากันร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ ชาร์คร้องตอบวิทยุว่า “พวกเราคือเรือประมงฮาวิซท! พวกเราคือเรือฮาวิซท เรือฮาวิซท! เร็วๆ ๆ ตอนนี้พวกเราอยู่ในอันตรายมากๆ แล้ว! ตำแหน่งของพวกเราอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกของหอประภาคาร…”


หลังจากเงียบไปพักหนึ่งเสียงทุ้มนิ่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “รับทราบ เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยจะเริ่มปฏิบัติการเดี๋ยวนี้!”


เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในห้องขับเรือก็ตะโกนขึ้นมาว่า “คุณใช้วิธีนี้ไม่ได้! ให้ผมคุย…”


เมื่อแย่งไมค์ของโทรศัพท์วิทยุสื่อสารไปแล้ว ชายหนุ่มก็ร้องขึ้นมาว่า “ที่นี่ไม่ได้มีแค่เรือฮาวิซท! แต่ยังมีผู้รอดชีวิตจากภัยทางทะเลบนเรือแนสแกสอีก 82 คน! ย้ำอีกครั้ง! เรือฮาวิซทรับผู้รอดชีวิตมา 82 คน! บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดอย่างรุนแรง!”


วิธีการของชายหนุ่มถูกต้องแล้ว หลังจากที่เขาพูดจบ ฝั่งตรงข้ามก็ตอบกลับมาทันที “รับทราบ! เรือกู้ภัยจะเดินทางไปถึงเดี๋ยวนี้!”


ศูนย์กู้ภัยทางทะเลตอบกลับด้วยความรวดเร็ว เฮลิคอปเตอร์ค้นหากู้ภัย HH-60G ‘เพฟฮอว์ค’ ลำหนึ่งก็ส่งเสียงร้องขณะที่บินเข้ามาท่ามกลางพายุ ไฟบนเฮลิคอปเตอร์ส่งแสงกะพริบอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำทางเรือกู้ภัยที่กำลังตามมาข้างหลัง


ฉินสือโอวรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขานึกว่าจะสามารถวางใจได้แล้ว แต่ปรากฏว่าเฮลิคอปเตอร์ค้นหาเฮงซวยลำนี้บินอยู่ด้านบนเรือฮาวิซทแค่รอบเดียวแล้วก็จากไปทันที ขณะที่เขากำลังสับสนงงงวย แลนซ์ก็ยื่นหัวออกมาจากห้องขับเรือ แล้วตะโกนบอกเขาว่า “ไอ้พวกลูกหมาขี้ขลาด! พวกเขาบอกว่าลมพายุแรงเกินไป! หยุดเฮลิคอปเตอร์ไว้ไม่ได้!”


“ไอ้พวกสวะ เงินภาษีของประชาชนลงท้องหมาไปหมดแล้วหรือยังไง! สู้นิมิตส์ของฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ!”ฉินสือโอวตะโกน


หลังจากนั้นเรือกู้ภัยที่รีบตามเข้ามาก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ฝ่าคลื่นลมบุกเข้ามาถึงด้านหน้าเรือฮาวิซท ตำรวจทะเลใช้ปืนยิงเชือกโยนเชือกทอดสมอเส้นหนาข้ามมา บูลกับอีวิลสันก็วิ่งฝ่าลมพายุไปที่ดาดฟ้าเรือเพื่อยึดเชือกเส้นหน้าเอาไว้ ช่วยฉินสือโอวให้เข้าไปในห้องขับเรือ


พอฉินสือโอวเข้ามา คนที่อยู่ด้านในก็เข้ามาล้อมเขาไว้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างก็พากันหอมกอดเขา


ฉินสือโอวเหมือนคนที่ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ เสื้อผ้าของเขาไม่ต้องออกแรงบิดก็มีน้ำไหลออกมา เขาพยายามดันคนเหล่านี้ออก แล้วใช้เสียงแหบแห้งตะโกนออกมาว่า “ชาร์ค ออกไปตะโกนเรียกนิมิตส์ลงมา!”


“นิมิตส์คือใคร?”


“นกโจรสลัดที่น่าสรรเสริญตัวนั้นยังไงเล่า!”


ในขณะที่นิมิตส์รวบปีกบินลงมา เหล่าผู้รอดชีวิตก็คึกคักขึ้นมาทันที ในสายตาของพวกเขา สิ่งที่ช่วยพวกเขาไว้คือเรือฮาวิซท ทว่าผู้ที่ช่วยนำทางพวกเขาให้หนีรอดจากภัยทางทะเลกลับเป็นนกโจรสลัดที่บินอยู่เหนือหัวเรือมาโดยตลอดตัวนี้!


นิมิตส์ในตอนนี้ไม่เหลือพลังอำนาจของนกโจรสลัดแล้ว ขนทั่วทั้งตัวถูกลมพายุพัดจนแตกกระจายไม่เป็นระเบียบ ขนของมันเปียกจนลู่ติดไปกับตัว ดูยากลำบากจนน่ากระอักกระอ่วนใจ


แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นิมิตส์ก็ยังคงไว้ซึ่งท่าทางสุขุมและหยิ่งยโส หลังจากขึ้นมาบนเรือแล้วก็มาเกาะอยู่ข้างๆ ฉินสือโอว


ผู้รอดชีวิตล้วงเอาโทรศัพท์ที่ยังใช้งานได้ออกมาถ่ายรูปไว้อย่างสุดกำลัง ปากก็ตะโกนเสียงดังว่า ‘ราชาแห่งท้องฟ้า’


เมื่อเห็นว่านิมิตส์ปลอดภัยดี ฉินสือโอวถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ฝ่าพายุกับคลื่นยักษ์มานานขนาดนี้ นิมิตส์ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว!


เรื่องนี้ต้องขอบคุณพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่เปลี่ยนมันให้เป็นนกการเวกที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า และต้องมาสู้กับพายุลูกใหญ่ขนาดนี้ มันคงจะบินไปถึงดินแดนอันไกลโพ้นจนได้ไปพบกับพระเจ้าแล้ว!


ท่ามกลางการสั่นโคลงอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดเรือฮาวิซทก็ตามเรือกู้ภัยจนเข้ามาสู่ท่าเรือแล้ว


เมื่อเรือเข้าเทียบฝั่ง ตำรวจทะเลกับหมอและพยาบาลที่ถูกเตรียมไว้ก็ถลันเข้ามาทันที แจกจ่ายเสื้อกันฝนและกระบอกใส่ออกซิเจนขนาดเล็ก ทีมตำรวจทะเลก็ประคองผู้รอดชีวิตที่ยังสามารถเดินได้อยู่ลงมาจากเรือ คนที่เดินไม่ได้ก็ถูกวางลงบนเปลแล้วหามลงมา


ขอบคุณพระเจ้า ฉินสือโอวที่หน้าซีดและมีสภาพดูไม่ได้ก็ถูกจัดสรรให้อยู่อีกเปลหนึ่งเช่นกัน…


………………………………………………………..


บทที่ 427 นิมิตส์ผู้ชี้นำ

โดย

Ink Stone_Fantasy

พายุมักจะมาคู่กันกับฝนหรือหิมะที่ตกหนัก แต่เนื่องจากอุณหภูมิของมหาสมุทร จึงปรากฏพายุหิมะได้ไม่บ่อยนัก มักจะมีแต่พายุฝนที่น่ากลัวยิ่งกว่า


หลังจากเรือฮาวิซทเทียบท่าได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พายุฝนห่าใหญ่ก็ส่งเสียงร้องคำรามสาดซัดเข้ามา เหมือนพระเจ้าเปิดก๊อกน้ำในสวนหลังบ้าน น้ำฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก


ผู้รอดชีวิตกับบรรดาชาวประมงถูกส่งไปที่โรงแรมบนท่าเรือแล้ว โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์บาสก์ส่งทีมหมอและพยาบาลที่เก่งกาจมาให้การบริการแก่พวกเขา หลังจากเข้ามาในโรงแรมแล้ว ก็มีพยาบาลเข้ามาวัดอุณหภูมิร่างกายของพวกเขาแต่ละคนทันที


เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวไม่ได้สวมหน้ากากออกซิเจน พยาบาลคนหนึ่งก็พูดกับเขาด้วยความเด็ดขาดว่า “มิสเตอร์ คุณต้องรับผิดชอบชีวิตของคุณนะคะ กรุณาสวมหน้ากากออกซิเจนด้วยค่ะ!”


นิมิตส์ร้องกู๊ๆ ออกมา พยาบาลคนนั้นก็ตกตะลึงทันที เธอร้องเสียงดังว่า “พระเจ้า ทำไมถึงได้มีนกอยู่ในนี้?”


ทันใดนั้นพนักงานโรงแรมก็รีบเข้ามาบอกให้ฉินสือโอวปล่อยนิมิตส์ออกไปข้างนอก เมื่อเห็นเช่นนี้ ไม่ต้องรอให้ฉินสือโอวพูดอะไรออกมา บรรดาผู้รอดชีวิตก็เข้ามาล้อมเอาไว้ด้วยความตื่นตัวทันที คนกลุ่มแรกที่ล้อมเข้ามาก็เป็นชาวอาหรับที่สวมชุดคลุมสีขาวพวกนั้น


“หลบไป พวกนอกศาสนาสมควรตาย! นี่ไม่ใช่นกทะเล! นี่คือผู้ชี้นำของพระเจ้า! เป็นผู้ชี้นำที่อัลเลาะฮ์ส่งมาเพื่อช่วยชีวิตพวกเรา! วิญญาณของกัปตันและผู้ช่วยกัปตันเรือก็ถูกผู้ชี้นำที่ยิ่งใหญ่พาไปส่งที่สรวงสวรรค์แล้ว!”


ชาวแคนาดาเองก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน “น่ารังเกียจจริงๆ! ในตอนที่พวกเราตกอยู่ในสภาพอับจนพวกคุณไปอยู่ที่ไหนกัน?! เป็นนิมิตส์ต่างหากที่บินฝ่าคลื่นลมนำทางพวกเราให้หนีออกมาได้ เขาเป็นฮีโร่ที่แท้จริง! พวกคุณจะไล่ฮีโร่ของพวกเราไปเหรอ?!”


“ถ้าไม่มีนิมิตส์ พวกเราคงพากันตายห่าอยู่ในทะเลไปตั้งนานแล้ว! ตอนนี้ขึ้นฝั่งได้แล้ว จะให้พวกเราไล่เขาไปอย่างนั้นน่ะเหรอ? จะให้ไล่เขาออกไปอยู่ท่ามกลางพายุฝนด้านนอกนั่นน่ะเหรอ?”


“ไม่มีอะไรเหลวไหลไปกว่านี้อีกแล้ว! เวรเอ๊ย ถ้าใครกล้าไล่นิมิตส์ ฉันจะให้มันได้ลิ้มรสหมัดของฉันว่ารสชาติมันเป็นยังไง!”


ฉินสือโอวอาศัยโอกาสนี้พูดออกไปว่า “ที่จริงแล้วเป็นนิมิตส์ที่พบเรือของพวกคุณ เขาเป็นคนนำทางเรือฮาวิซทให้ไปตามหาพวกคุณ…”


เขาคิดจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลทั้งหมดโยนไปให้นิมิตส์ แค่บอกไปว่านิมิตส์พาพวกเขาผ่านคลื่นทะเลมา ส่วนเรื่องห้าธาตุพิชิตมังกร? ช่างมันเถอะ อันนั้นเอาไว้หลอกแลนซ์กับพวกก็พอแล้ว


“ฮีโร่! นิมิตส์! ฮีโร่! นิมิตส์!”


เหล่าผู้รอดชีวิตที่กำลังมุงอยู่รอบๆ ก็โบกแขนตะโกนออกมา นิมิตส์ตกใจจนขวัญเสีย มันร้องกู๊ๆ พร้อมทั้งหลบอยู่ในอ้อมอกของฉินสือโอว แต่ปรากฏว่าเจ้านายแย่ๆ อย่างฉินสือโอวกลับยกมันขึ้นมาเหนือหัว ส่งมันขึ้นไปบนกระแสลมของเสียงปากที่แหลมคมอีกครั้ง


กระแสลมในครั้งนี้ เป็นกระแสลมแห่งเกียรติยศ


น้ำทะเลหนาวเหน็บ ลมพายุหนาวบาดผิวกาย บรรดาผู้รอดชีวิตต่างก็ติดไข้ไทฟอยด์ในระดับที่ต่างกัน กลุ่มแพทย์จึงเข้ามาเกลี้ยกล่อมให้พวกเขากระจายตัวกันเพื่อรับการตรวจอาการ


ฉินสือโอวเป็นคนที่ยังแข็งแรงดีที่สุด ถึงแม้ว่าตอนที่เพิ่งขึ้นฝั่งเขาจะดูน่าสงสารที่สุด ทว่าพอสูดออกซิเจนเข้าไปสองครั้งกับดื่มซุปบีทรูทร้อนๆ เข้าไปอีกนิดหน่อย ร่างกายของเขาก็อบอุ่นขึ้นจนแข็งแรงและมีพละกำลังเต็มเปี่ยมอีกครั้ง


แต่น่าเสียดายที่เขาใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปจนหมดจึงทำให้สภาพจิตใจของเขาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก


ตำรวจทะเลเข้ามาซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล เหล่าผู้รอดชีวิตก็เอาวิดีโอกับรูปภาพที่บันทึกไว้ออกมาให้คนพวกนี้ดูด้วยความตื่นเต้น


ในคลิปวิดีโอที่สั่นไปมา นิมิตส์กำลังบินอยู่เหนือหัวเรืออย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ใช้ลำตัวที่บอบบางของมันปะทะกับคลื่นลม พาเรือประมงฝ่าออกมาจากคลื่นยักษ์ที่น่าหวาดกลัวครั้งแล้วครั้งเล่า…


เมื่อได้ดูวิดีโอพวกนี้ คนในบริเวณนี้ต่างก็ตกอยู่ในความตะลึง ตำรวจทะเลอาวุโสคนหนึ่งก็พูดอย่างตื่นตกใจว่า “นี่เป็นผู้ชี้นำแห่งมหาสมุทรที่พระเจ้าส่งมาจริงๆ!”


มีนักข่าวยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา ถ่ายภาพนิมิตส์ที่อยู่ในอ้อมอกของฉินสือโอว ‘แชะๆๆ’ ฉินสือโอวที่เพิ่งจะสังเกตเห็นคนพวกนี้ ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “มีสื่อมวลชนมาด้วยเหรอครับ?”


ตำรวจทะเลที่อยู่ข้างๆ จึงอธิบายว่า “แน่นอนครับ กัปตันที่เคารพ พายุในมหาสมุทรเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ท่าเรือเสียหายย่อยยับ สื่อเลยพากันมาทำข่าวใหญ่นี้”


พวกตำรวจทะเลเริ่มดำเนินการตรวจสอบ แค่ครู่เดียวความจริงของเหตุการณ์ก็คืนสู่สายตาของพวกเขา


เรือแนสแกส เรือบรรทุกโดยสารน้ำหนักห้าร้อยตัน บรรจุผู้โดยสารจำนวนเจ็ดสิบคนออกเดินทางจากท่าเรือเซตตีลในรัฐควิเบก สถานที่ปลายทางคือแมรีส์ทาวน์ แต่ปรากฏว่าระหว่างทางประสบกับพายุจนหลุดออกนอกเส้นทาง ในตอนสุดท้ายจึงชนเข้ากับโขดหิน


ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นิมิตส์ก็พบเข้ากับเรือใหญ่ที่ชนเข้ากับโขดหินลำนี้ จึงนำทางเรือฮาวิซทให้เข้าใกล้เพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสาร หลังจากนั้น ก็เป็นนิมิตส์ที่ช่วยนำทางอีกครั้ง เรือฮาวิซทจึงหลบหลีกคลื่นทะเลที่แผดเสียงคำรามได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฝ่าอันตรายและรอดชีวิตมาได้อย่างนับครั้งไม่ถ้วน จนเข้าสู่ท่าเรือได้ในที่สุด


“กัปตันเรือของเราคอยบังคับเรือให้นิ่งอยู่ในห้องขับเรือโดยตลอด ส่วนต้นหนของพวกเราก็พยายามใช้วิทยุสื่อสารกับโทรศัพท์ดาวเทียมเพื่อขอความช่วยเหลือ ในตอนสุดท้ายพวกเขาหนีออกมาไม่ทัน เรือถูกคลื่นยักษ์บ้านั่นตีจนแตก!” ส่วนรองต้นหน ก็คือชายหนุ่มโบกแท่งไฟที่ร้องไห้โฮเมื่อก่อนหน้านี้


สีหน้าของฉินสือโอวก็เศร้าสลดลงเช่นกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักกัปตันเรือและต้นหนของเรือลำนี้ แต่ทั้งสองคนก็เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง พวกเขาปกป้องเกียรติและความภาคภูมิใจของชาวเรือไว้แม้ตัวจะตาย คู่ควรกับการยกย่อง!


ตำรวจทะเลหยิบเอาวอดก้าที่เตรียมไว้ออกมารินให้พวกเขาทุกคน คนละแก้วเล็กๆ เครื่องดื่มชนิดนี้สามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นได้ รอจนทุกๆ คนได้รับแก้วเหล้าไปครบแล้ว ก็มีคนยกแก้วเหล้าขึ้นมาเหนือศีรษะ แล้วพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “แด่กัปตันและต้นหนผู้ยิ่งใหญ่ สวรรค์อยู่ใกล้ถึงเพียงนี้ ขอให้ใจของพวกคุณได้อยู่ในที่สงบ อาเมน!”


ฉินสือโอวยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด แอลกอฮอล์ร้อนแสบคอ สดชื่นสุดๆ!


ผู้รับผิดชอบท่าเรือเป็นคนนำทีมกู้ภัยด้วยตนเอง เขารีบตามเข้ามาทันที เมื่อหาฉินสือโอวเจอแล้วก็โค้งคำนับพร้อมทั้งจับมือทักทาย “ผมได้ฟังวีรกรรมความดีของคุณมาแล้ว! เป็นกัปตันที่น่าสรรเสริญจริงๆ! ขอขอบคุณคุณกับลูกเรือของคุณที่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของชาวเรือแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้! คุณกับลูกเรือของคุณเป็นวีรบุรุษด้วยกันทั้งหมด!”


ฉินสือโอวตบนิมิตส์ที่กำลังใช้ปากจัดการขนของตัวเองเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมทำในสิ่งที่กัปตันควรทำ เขาต่างหากที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง โอเค หรือบางทีเธออาจจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็คือฮีโร่!”


จนถึงตอนนี้ ฉินสือโอวก็ยังไม่รู้เพศของนิมิตส์เหมือนกัน วินนี่บอกว่าเธอเป็นน้องสาว แต่ชื่อที่ฉินสือโอวตั้งให้ดันเป็นชื่อของผู้ชาย


หลังจากผ่านการต้อนรับอย่างเรียบง่ายไปแล้ว ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันเข้าห้องพักของโรงแรม นักข่าวที่มาทำข่าวเบียดกันอยู่ในห้องโถงอย่างแน่นขนัด ล้วนแต่เป็นนักข่าวที่อยากจะสัมภาษณ์ฉินสือโอวกันทั้งนั้น ทางโรงแรมจึงต้องให้ยามเข้ามาขวางทางเข้าตึกไว้ ผู้รับผิดชอบท่าเรือขอร้องให้บรรดาผู้สื่อข่าวอยู่ในความสงบ เพื่อให้เวลาผู้รอดชีวิตได้พักผ่อนและรับการรักษา


พายุรอบนี้มาไว และก็จากไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน หลังจากฝนที่เทกระหน่ำลงมาทั้งคืนหายไป ท้องฟ้าก็กลับกลายเป็นสดใส เมฆครึ้มถูกขับออกไป แสงอาทิตย์ก็สาดส่องลงมาบนผิวทะเลอีกครั้ง


มหาสมุทรทอแสงเป็นประกาย ทว่าสิ่งที่ฉินสือโอวสัมผัสได้เป็นอย่างแรก คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามนี้ มันคือความโกรธเกรี้ยวของทรราช ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่ต้องตายเพราะความเกรี้ยวกราดของมัน!


ตื่นเช้าวันต่อมา ฉินสือโอวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองควรจะโทรไปบอกคนที่บ้าน พอเขาคลำหาโทรศัพท์ก็หาไม่เจอแล้ว เขารู้ได้ทันทีว่ามันน่าจะตกลงไปในทะเลตอนที่หัวเรือกำลังโคลงเคลง ใจของเขาก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที


เขารีบใช้โทรศัพท์ของห้องพักต่อสายไปหาวินนี่ ทางฝั่งนั้นก็แทบจะรับสายโทรศัพท์ในทันที เสียงสั่นๆ ของวินนี่ก็ดังขึ้นมา “ฟาร์มปลาต้าฉินเมืองแฟร์เวล นครเซนต์จอห์น ฉันคือแฟนของฉินสือโอวกัปตันเรือฮาวิซทค่ะ ขอถามว่า…”


“วินนี่ผมสบายดีครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ท่าเรือบาสก์ เมื่อคืน…” ฉินสือโอวพูดแทรกเสียงวินนี่


ยังไม่ทันได้พูดจนจบ วินนี่ก็ร้องเสียงแหลมพูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง “พระเจ้าคุ้มครอง! ที่รักคะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?! สวรรค์ เมื่อคืนพวกเราฟังพยากรณ์พายุของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์จนขวัญเสียไปหมดแล้ว! ทำไมคุณถึงเพิ่งโทรศัพท์มาตอนนี้ล่ะคะ?! ฉันโทรไปหาคุณเป็นร้อยรอบแล้ว ไม่มีคนรับสายเลย!”


ฉินสือโอวจึงรีบปลอบเธอ บอกเธอว่าเขาปลอดภัยดี ขอให้เธอไม่ต้องเป็นกังวล


ทางฝั่งวินนี่พูดๆ อยู่ก็ร้องไห้ออกมา ฉินสือโอวไม่เข้าใจนัก ต่อมาเออร์บักจึงรับโทรศัพท์ไปคุยต่อ แล้วพูดด้วยความรู้สึกหนักอึ้งว่า จากสถิติของท่าเรือบาสก์ พายุลูกนี้ทำให้มีคนต้องตายอย่างน้อยยี่สิบคน!


“นี่เป็นภัยพิบัติที่น่ากลัวมาก เป็นภัยพิบัติทางทะเลที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นมากว่าสิบปีแล้ว!” เออร์บักพูดด้วยความเศร้าโศก


………………………………………………………..


บทที่ 428 รีบจับกุ้งมังกร

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนสุดท้ายที่คุยกันในสาย วินนี่ถามฉินสือโอวอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่าเขาจะเดินทางกลับเลยไหม การออกทะเลครั้งนี้ไม่ราบรื่นเลยจริงๆ ยังไม่ทันถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็เจอภัยพิบัติทางธรรมชาติก่อนซะอย่างนั้น สำหรับคนในครอบครัวอย่างวินนี่แล้ว เรื่องนี้มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ


ถ้าหากว่าฉินสือโอวมาคนเดียว แล้วเขาอยากจะกลับเลยก็คงไม่เป็นอะไร ต้องเจอกับพายุที่น่ากลัวขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่กลัวเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน


ทว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่ยังมีชาวประมงอีกสิบคนที่ออกทะเลมาพร้อมกับเขา และตอนนี้พวกชาวประมงก็ไว้ใจเขาอย่างถึงที่สุด จึงคาดหวังที่จะได้ออกทะเลไปหาเงินพร้อมกับเขา แล้วจะให้เขาจะทิ้งคนพวกนี้อย่างเห็นแก่ตัวได้ยังไงกัน?


เออร์บักสนับสนุนสิ่งที่ฉินสือโอวเลือก ทนายอาวุโสพูดอย่างนิ่งเรียบว่า “ฉิน นายเลือกได้ถูกต้องแล้ว ลูกผู้ชายก็ต้องพบกับการทดสอบจากลมฝนและพายุ ถ้าหากยอมถอยหลังเมื่อพบกับความอันตราย นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายพึ่งกระทำ! แต่ก็เอาทำเท่าที่พอจะทำไหว ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!”


หลังจากโทรศัพท์ไปหาคนที่บ้านแล้ว ฉินสือโอวก็พานิมิตส์ไปสำรวจห้องแต่ละห้อง หลังจากออกมานอกประตูก็พบกับรปภ.สองคนที่กำลังเข้ากะอยู่ พวกเขาทั้งสองคนค้อมหัวให้เขาด้วยความรู้สึกนับถือ รปภ.วัยรุ่นคนหนึ่งลองหยั่งเชิงถามเขาว่า “กัปตัน ผมขอถ่ายรูปกับนกสวรรค์ของคุณหน่อยได้ไหมครับ?”


ฉินสือโอวพูดกับเขาเล่นๆ ว่า “เรื่องนี้คงต้องถามความคิดเห็นจากมันแล้วล่ะ พวกคุณก็รู้นี่ ตอนนี้เจ้านี่ถูกเรียกว่าผู้ชี้นำของพระเจ้าไปแล้ว”


พอเอานิมิตส์ขึ้นไปเกาะอยู่บนไหล่ของรปภ.เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ช่วยเขาถ่ายรูปให้เขาด้วย สีหน้าของรปภ. คนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นั่นก็เพราะนิมิตส์เป็นนกตัวโตขนาดความยาวกว่าหนึ่งเมตร น้ำหนักตัวของมันจึงหนักมาก!


หลังจากถ่ายรูปไปแล้วหลายรูป ฉินสือโอวก็ไปที่ห้องพักของชาร์ค บรรดาชาวประมงกำลังนั่งล้อมวงเล่นไพ่ ดูแล้วน่าจะกำลังอารมณ์ดีกันมากๆ


เมื่อฉินสือโอวปรากฏตัวขึ้น ทุกๆ คนก็ลุกขึ้นยืนทันที อีกทั้งบูลก็ยังหาเก้าอี้มาให้เขานั่งอย่างเคารพนอบน้อม บนใบหน้าของเขาไม่เหลือซึ่งสีหน้าของดื้อรั้นอีกต่อไป


“เป็นอะไรกัน?” ฉินสือโอวยิ้มถาม “ทุกคนนั่งลงสิ”


แลนซ์หันไปมองพวกชาวประมง แล้วพูดขึ้นมาว่า “กัปตัน ผมขอเป็นตัวแทนของพวกเราทุกๆ คนเพื่อขอโทษที่ก่อนหน้านี้พวกเราสงสัยในตัวคุณ! พวกเรามันโง่ ที่กังขาในความสามารถของคุณที่เป็นหลานของมิสเตอร์ฉิน! พวกเราต้องยอมรับว่า วิชาห้าธาตุพิชิตมังกรของคุณ เป็นศาสตร์วิชาที่น่าเหลือเชื่อที่สุดของโลกนี้!”


ฉินสือโอวโบกมือปัดอย่างถ่อมตัว แล้วพูดกับพวกเขาว่า “เรื่องนี้มีแค่พวกเราที่รู้ก็พอแล้ว อย่าไปบอกคนอื่นอีก เข้าใจไหม? มันจะทำให้ตระกูลของฉันต้องพบกับความวุ่นวายโดยที่ไม่จำเป็น!”


บูลก็พูดอย่างฮึกเหิมว่า “คุณสบายใจได้เลย กัปตัน เรื่องนี้จะเป็นความลับของพวกเรา ถ้าใครเอาไปบอกคนนอก ผมจะเอาปืนยาวไปยิงหัวมันให้กระจุย!”


หลังจากนั้นทุกๆ คนก็นั่งลงคุยกัน ทอดถอนใจกับความน่ากลัวของค่ำคืนวานนี้กับความไม่น่าเชื่อถือของศูนย์อุตุนิยมวิทยาทะเล ต่อจากนั้นแลนซ์ก็ถามฉินสือโอวด้วยความกระวนกระวายใจว่าเขาจะทำยังไงต่อไป


ฉินสือโอวโบกมือปัด แล้วตอบกลับไปว่า “หลังจากเกิดพายุจะเป็นช่วงเวลาที่จับปลาได้ง่ายที่สุด นายยังจะต้องถามเรื่องนี้อีกเหรอ? หลังจากที่ทุกคนพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วพวกเราจะถอนสมอแล้วออกเรือทันที เราจะไปหาเงินที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์กัน!”


บรรดาชาวประมงก็ลุกยืนขึ้นด้วยความกระปรี้กระเปร่าทันที พวกเขาเปล่งเสียงออกมาพร้อมๆ กันว่า “กัปตัน ตอนนี้พวกเราสบายดีมากๆ!”


พวกเขากลัวว่าสภาพอากาศของคืนวานนี้จะทำให้ฉินสือโอวรู้สึกกลัว จนไม่กล้าเข้าไปจับสัตว์ทะเลในอ่าวต่อ


ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกนายก็พักผ่อนอีกสักหน่อยแล้วกัน หลังอาหารเที่ยงพวกเราจะตรงไปที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เลยทันที”


ท่าเรือบาสก์ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ถ้าออกเดินทางจากที่นี่ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็จะเข้าสู่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์แล้ว


ในตอนเช้า ฉินสือโอวออกไปหาอะไรทานนอกโรงแรม แต่ปรากฏว่าพอเขาเดินพ้นจากหน้าประตูก็ถูกนักข่าวที่กำลังแบกกล้องกับถือไมค์ล้อมเอาไว้ทันที


คนพวกนี้เหมือนกันกับโจรไม่มีผิด แค่แป๊บเดียวก็เข้ามาล้อมเขาเอาไว้รอบด้าน ฉินสือโอวนึกว่าคนพวกนี้จะมาปล้นเขา จิตใต้สำนึกจึงสั่งให้เขาหนี อีกทั้งนิมิตส์นกทรยศก็กระพือปีกร้องกาๆ บินขึ้นไปบนฟ้าแล้ว


พอรู้ว่าคนพวกนี้เป็นนักข่าว ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาจึงเอาแต่โบกมือปัดและบอกไปว่าตัวเองไม่มีอะไรให้น่าสัมภาษณ์


แต่พวกนักข่าวก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป ใช้กล้องบันทึกวิดีโอถ่ายภาพเขาไว้อย่างบ้าคลั่ง ฉินสือโอวได้แต่อึ้งจนวางไม้วางมือไม่ถูก จึงต้องออกแรงชนนักข่าวที่อยู่ด้านหลังเพื่อวิ่งกลับเข้าไปในโรงแรม


หลังจากนั้น บรรดาสื่อมวลชนก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในโรงแรมเพื่อทำการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากเรือแนสแกสกับพวกชาวประมง ชาวประมงทุกคนถูกบรรยายให้มีภาพลักษณ์ดั่งวีรบุรุษ บนเรือแนสแกสมีคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้บางส่วน และรูปพวกนั้นก็ถูกปล่อยลงเว็บไซต์ของสำนักข่าวไปตั้งแต่แรกแล้ว


นี่มันเกินความคาดหมายของฉินสือโอว พวกเขาโด่งดังถึงขนาดนี้แล้ว!


บูลเป็นคนที่ออกหน้าที่สุดในบรรดาชาวประมงด้วยกัน นั่นเป็นเพราะว่าเขากับอีวิลสันเป็นคนที่เหยียบอยู่บนบันไดเพื่อช่วยจับเรือยางกู้ชีพเอาไว้ มีรูปภาพที่ถูกถ่ายไว้ขณะที่เขากำลังจับแขนผู้ประสบภัยคนหนึ่งไว้ท่ามกลางละอองคลื่นที่กำลังซัดสาด ทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งมาก


เที่ยงวัน ฉินสือโอวก็เตรียมตัวพาชาวประมงออกจากท่า แต่บูลกลับอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป แลนซ์จึงทุบเขาหนึ่งหมัด พร้อมกับตวาดใส่เขา “นายจะอยู่ถ่ายรูปที่นี่ทำซากอะไร? นักข่าวพวกนั้นให้เงินนายหรือยังไง? ทำงานหาเงินไม่ใช่เรื่องที่สำคัญกว่าหรอกเหรอ!”


“ใช่ๆๆ ต้องไปหาเงิน ต้องไปทำงานหาเงิน!” บูลพูดพร้อมกับส่งยิ้มแหย


เมื่อคืนวานพวกเขาเข้ามาถึงท่าเรือพร้อมกับความวุ่นวาย ฉินสือโอวจึงไม่ทันได้ดูอย่างชัดๆ แต่ดูเหมือนว่า ท่าเรือแห่งนี้จะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน


มีท่าเทียบเรือจุดหนึ่งที่ถูกเรือชนจนพังลงมา ในตอนนั้นเรือลำนี้ไม่ได้ถูกยึดไว้ให้ดี จึงถูกคลื่นในทะเลพัดขึ้นมาจนกระทบเข้ากับท่าเทียบเรือ เรือเล็กใหญ่หลายลำลอยปนเปอยู่ด้วยกัน ทั้งมีเรือที่ถูกพัดจนพลิกคว่ำอีกด้วย หลังคาของอาคารเล็กๆ หลังหนึ่งก็หายไป เหลือไว้เพียงผนังทั้งสี่ด้านที่ได้รับความเสียหาย…


ฉินสือโอวลองตรวจดูเรือฮาวิซท เพราะความโชคดีและความขยันของลูกเรือ จึงไม่เกิดความเสียหายขึ้นอะไรขึ้นกับเขา เรือก็ไม่เกิดความเสียหาย นอกจากในตอนเริ่มต้นแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ชนเข้ากับคลื่นทะเลตรงๆ อีก


หลายคนกำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมแซมเรือที่ได้รับความเสียหาย พอเห็นฉินสือโอวกับกลุ่มชาวประมง พวกเขาก็เข้ามาทักทายด้วยตัวเอง เข้ามาชนหมัดกับพวกเขาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งยังเรียกพวกเขาว่า ‘ฮีโร่’


ในตอนสุดท้ายขณะที่พวกเขากำลังเดินเรือเพื่อออกจากท่า ผู้รับผิดชอบดูแลท่าเรือก็รีบตามเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงไปจนถึงคอ พอเห็นว่าเรือของพวกเขาออกไปไกลแล้วก็ทำได้เพียงแค่กระทืบเท้า แล้วตะโกนออกมาว่า “รีบใช้วิทยุสื่อสารติดต่อพวกเขา ยังมีงานแถลงข่าวที่พวกเขาต้องเข้าร่วมอีก!”


ทว่าฉินสือโอวกลับไม่ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว เขาไม่ได้ช่วยคนอื่นเพราะอยากมีชื่อเสียง หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ เขาไม่อยากดังเลยแม้แต่นิดเดียว


หลังช่วงบ่ายทางเข้าช่องแคบคาบ็อตเงียบสงบมาก ลมพัดเอื่อยไม่เบาหรือแรงจนเกินไป พัดคลื่นทะเลหมุนวนติดกันเป็นระลอกๆ อย่างไม่ขาดสาย แสงแดดอบอุ่นก็ส่องกระทบลงบนนั้น เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็ส่องประกายแสงสีทองระยิบระยับ จนดูเหมือนกับเกล็ดสีทองของมังกรทะเล


เรือฮาวิซทขับมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็พบกับเรือสองลำที่กำลังจอดอยู่กลางทะเลเพื่อกู้ซากเรือที่อยู่ใต้น้ำ ฉินสือโอวกับชาวประมงคนอื่นๆ ก็มารวมตัวกันอยู่ที่ท้ายเรือ จ้องมองไปยังบริเวณผืนน้ำที่อยู่ระหว่างเรือทั้งสองลำ หลังจากนั้นก็ถอดหมวกออกเพื่อแสดงความเคารพ


สิ่งที่เรือกู้ซากกำลังงมขึ้นมา ก็คือเรือแนสแกส กัปตันและต้นหนของเรือลำนี้ เป็นบุคคลที่ฉินสือโอวเคารพนับถือจากก้นบึ้งของหัวใจ


เมื่อรู้ว่าพวกเขาคือเรือฮาวิซทลำนั้น ผู้คนที่กำลังกู้ซากเรือก็แสดงความเคารพต่อพวกเขา เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อคืนวานนี้ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ก็ได้แสดงสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน


บ่ายสี่โมงเย็น เรือฮาวิซทก็เข้ามาถึงพื้นที่ด้านในของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์แล้ว เหล่าชาวประมงจึงพากันเริ่มงาน เตรียมกรงตาข่ายจับกุ้ง เชือกสำหรับทอดสมอ ทุ่นลูกบอลลอยน้ำกับเสาแสดงสัญญาณเตือนและอุปกรณ์ต่างๆ


ฉินสือโอวเป็นกัปตัน เขาไม่ต้องทำงานจิปาถะพวกนี้ สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเปรียบเทียบแผนที่ทางทะเลและสังเกตพื้นผิวทะเล เพื่อกำหนดตำแหน่งที่จะหย่อนกรงตาข่ายจับกุ้ง


ตอนนี้ทุกคนบนเรือล้วนแต่เคารพและเชื่อมั่นในตัวเขา พวกเขาเลื่อมใสศรัทธาพลานุภาพของห้าธาตุพิชิตมังกรอย่างถึงที่สุด


ในสายตาของสังคมภายนอกเป็นเรือฮาวิซทที่ติดตามนิมิตส์เข้าเทียบท่า แต่พวกเขารู้ว่า นิมิตส์เพียงแค่ช่วยนำทางพวกเขาเท่านั้น สิ่งที่ช่วยให้พวกเขาหลบหลีกคลื่นลมได้ก็คือห้าธาตุพิชิตมังกร


………………………………………


บทที่ 429 ฝูงล็อบสเตอร์อพยพ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“กัปตัน ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ เชิญคุณสั่งการได้เลย!” บูลตะโกนเสียงดัง


ฉินสือโอวโบกมือบอกว่าตัวเองรู้แล้ว ทันทีที่เริ่มมองสำรวจผิวน้ำอย่างละเอียด จิตสำนึกโพไซดอนก็ลงไปใต้ทะเลเรียบร้อย ทำการตามหาที่อยู่ของฝูงล็อบสเตอร์


พวกชาวประมงไม่ได้พูดอะไร เพียงมองฉินสือโอวด้วยความคาดหวัง รอเขาแสดงพลังปาฏิหาริย์ประจำตระกูล พวกเขาเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของฉินสือโอว การออกทะเลมาครั้งนี้ย่อมทำเงินได้แน่นอน!


พอถูกแววตาเลื่อมใสของเหล่าชาวประมงจดจ้อง ฉินสือโอวก็ค่อนข้างอึดอัด


เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ของกุ้งมังกรมันจะเกินไปแล้ว ตลอดทางฉินสือโอวยังไม่เจอลูกล็อบสเตอร์สักตัว เป็นที่แน่ชัดว่าทั้งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้ติดเชื้อเจ้าแบคทีเรียนี้เข้าแล้ว


สองปีที่ผ่านมาอ่าวอันอุดมสมบูรณ์นี้คงไม่สามารถผลิตเมนล็อบสเตอร์จำนวนมากได้อีก


เมนล็อบสเตอร์เจริญเติบโตค่อนข้างช้า พวกมันมีอายุขัยเจ็ดสิบปี ต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าปีจึงจะโตจากตัวอ่อนจนน้ำหนักหนึ่งปอนด์ และจะตัวหนักยี่สิบปอนด์หรือสิบกิโลกรัมได้ก็ยังต้องใช้เวลาอีกยี่สิบถึงสามสิบปี!


ตอนนี้ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ต้องลดการผลิตกุ้งล็อบสเตอร์ลง นอกจากถูกเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ทำลายจนหมด ยังเพราะเจ้าพวกบ้าที่ทำงานเรือจับกุ้งด้วย


พอรู้ว่ามีเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ปรากฏขึ้นนอกชายฝั่ง บริษัทการประมงและเรือจับกุ้งแต่ละแห่งต่างรู้ดีว่าวันดีๆ ของพวกเขากำลังจะจบลง จึงคิดกอบโกยครั้งสุดท้ายอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ฤดูจับล็อบสเตอร์ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เลยอลหม่านอัดแน่นไปด้วยเรือ


ที่อเมริกาเหนือมาตรฐานความต้องการในการจับล็อบสเตอร์และปลาทูน่าครีบน้ำเงินนั้นเหมือนกัน ลูกกุ้งตัวเล็กยังไม่สามารถจับได้ ล็อบสเตอร์ต้องโตจนมีน้ำหนักครึ่งปอนด์หรือประมาณ 227 กรัมเท่านั้นถึงจะสามารถจับและส่งขายได้


ดังนั้นช่องว่างตาข่ายดักกุ้งของฉินสือโอวจึงมีขนาดกลาง ปล่อยให้ล็อบสเตอร์ตัว 200 กรัมทะลุผ่านและดักตัวใหญ่กว่าแทน


กล่าวได้ว่า เมนล็อบสเตอร์จะโตจนครึ่งปอนด์ได้ต้องใช้เวลา 9-12 เดือน ปกติฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันคือเดือนเมษายนถึงปลายกรกฎาคม และช่วงพีกจะอยู่ที่เดือนพฤษภาคม ทุกปีต้นเดือนกรกฎาคมอเมริกาเหนือก็เข้าสู่ฤดูจับล็อบสเตอร์แล้ว ซึ่งเร็วกว่าแคนาดาที่อยู่เขตละติจูดสูงซึ่งอุณหภูมิต่ำกว่า ฤดูเก็บเกี่ยวจึงมาถึงช้ากว่า


ความจริงตั้งแต่ล็อบสเตอร์เริ่มลอกคราบในฤดูร้อนก็หมายถึงการมาถึงของฤดูจับล็อบสเตอร์แล้ว แต่กุ้งที่เพิ่งลอกคราบยังเป็นเปลือกนิ่ม เนื้อไม่เยอะ อุ้มน้ำ คุณภาพต่ำ เวลานั้นเลยไม่มีคนไปจับพวกมัน


พอเข้าเดือนกันยายนอุณหภูมิก็ต่ำลงพร้อมเปลือกกุ้งที่เริ่มแข็งขึ้น เนื้อก็ดีตาม กระทั่งเดือนพฤศจิกายนกุ้งจะอ้วนได้ที่ รัฐบาลแคนาดาจึงจัดให้ช่วงเวลานี้ถึงเดือนกุมภาพันธ์เป็นฤดูจับล็อบสเตอร์ และเดือนมีนาคมปล่อยให้พวกมันได้ขยายพันธุ์


งานจับกุ้งปีนี้วุ่นวายเป็นพิเศษ กุ้งจำนวนมากถูกกอบโกยไปก่อน เรือฮาวิซทมาช้าไป


ทว่าโชคดี ช่วงเย็นพายุน่าสะพรึงลูกหนึ่งเพิ่งผ่านไป เรือจับกุ้งทั้งหมดเลยต้องถอยกลับ แต่ละลำได้รับความเสียหายแตกต่างกัน ทำให้มีเรือจับกุ้งในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์น้อยลง ซึ่งเป็นโอกาสของพวกเขา


อย่างที่ชาวประมงกล่าวไว้ เมื่อเกิดโชคร้ายครั้งหนึ่งก็จะมีโชคร้ายติดๆ กัน


เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่เพิ่งจะแสดงความร้ายกาจของมันก็ต้องปะทะกับสภาพอากาศหนาวเย็นในรอบสิบปีอีก พายุเมื่อเย็นวานส่งผลต่อพวกชาวประมงหนักหนาทีเดียว ตาข่ายดักกุ้งของเรือหลายลำสูญหายไปกลางทะเล ฉินสือโอวเห็นผ่านจิตสำนึกโพไซดอนว่ามีตาข่ายมากมายในทะเล


ภายในตาข่ายพวกนี้พอมีล็อบสเตอร์อยู่บ้าง แต่มีน้อยและไม่ใช่ที่ฉินสือโอวต้องการ เขามุ่งไปทางเหนือต่อ


คนที่เหลือพากันสูบบุหรี่อย่างใจเย็น พวกเขาล้อมวงพูดคุยพลางอัดควันบุหรี่ กระทั่งเริ่มคุยว่าถ้าได้เงินมาแล้วจะเอาไปใช้ทำอะไร จะซื้ออะไรให้ภรรยาลูกพ่อแม่ ซื้ออะไรมาเพิ่มในบ้านดี ฯลฯ


ฉินสือโอวรู้สึกว่าค้นหาโดยไร้จุดหมายต่อคงไม่มีประโยชน์ จึงดูแผนที่ทะเลหาแนวปะการังใกล้ๆ ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์


เขารู้ว่าล็อบสเตอร์นั้นว่ายน้ำนานไม่ได้ เลยมักพักอยู่ตามโขดหินแนวปะการังน้ำตื้น แต่ปะการังมีสภาพแวดล้อมที่เข้ากับพวกมันที่สุด


เมื่อกำหนดเขตแนวปะการังใกล้เคียงเสร็จ ฉินสือโอวก็ให้ชาร์คพาไปยังตำแหน่งนั้น แลนซ์พอเห็นดังนั้นก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย อธิบายว่า “กัปตัน ที่นี่อาจมีล็อบสเตอร์ก็จริง แต่ก็อันตรายเกินไป น้ำตื้นมาก คิดจะเสี่ยงเหรอครับ?”


ฉินสือโอวตบบ่าแลนซ์พลางเอ่ยว่า “พวกเราต้องระวังความเสี่ยง แต่ไม่ได้หมายถึงให้กลัวความเสี่ยง คนจีนอย่างเรามีคำกล่าวว่า ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ! เอาเถอะ พวกนายคงไม่เข้าใจหรอก ทำตามที่ฉันบอกก็พอ เดินหน้าได้!”


ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกแลนซ์คงสงสัยการตัดสินใจของฉินสือโอวกัน เข้าไปในเขตน้ำตื้นช่วงน้ำลงในฤดูหนาวออกจะเสี่ยงเกินไป แต่หลังผ่านเรื่องเมื่อคืนมา ทุกคนก็เชื่อใจเขา ถ้าเขาบอกให้เดินหน้า ก็เดินหน้า!


เรือฮาวิซทมุ่งหน้าสู่น่านน้ำปะการังที่ใกล้ที่สุด ฉินสือโอวไม่เกรงกลัว เพราะมีจิตสำนึกโพไซดอนคอยเตือนล่วงหน้า หากมีอันตรายเขาค่อยให้ชาร์คจัดการก็ได้


ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือจริงๆ อีกสิบกิโลเมตรเรือประมงจะเข้าเขตปะการังน้ำตื้น ฝูงล็อบสเตอร์มหาศาลก็ปรากฏขึ้นในสายตาของจิตสำนึกโพไซดอน


ล็อบสเตอร์ฝูงนี้ประกอบด้วยล็อบสเตอร์ขนาดกลางประมาณสี่ห้าพันตัว มีแค่ล็อบสเตอร์ยักษ์สิบกว่าตัวที่มีขนาดครึ่งเมตรนำอยู่หน้าแถว โดยมีตัวอื่นๆ ตามหลังกลายเป็นแถวกุ้งเรียงยาวหลายกิโลเมตร หัวท้ายเดินแถวเป็นระเบียบไปด้านหน้าอย่างยิ่งใหญ่


เมื่อเห็นฝูงล็อบสเตอร์ฉินสือโอวก็ดีใจ ในที่สุดก็มีข่าวดีเสียที ผลจากการที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตช่วยคนเมื่อวานได้รับการตอบแทนแล้ว เพิ่งเข้าอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มาได้วันเดียวดันเจอฝูงล็อบสเตอร์ย้ายถิ่นพอดี


สายพันธุ์ที่ย้ายถิ่นฐานไม่เพียงเกิดขึ้นในกลุ่มนกอพยพเท่านั้น ยังพบเห็นได้ทั่วไปในปลากับกุ้งเช่นกัน โดยเฉพาะพวกล็อบสตอร์ พวกมันจะหนีความหนาวของฤดูหนาวไปยังทะเลที่มีกระแสน้ำอุ่น


สรุปได้ว่า เมนล็อบสเตอร์เป็นพวกสันโดษโดยธรรมชาติไม่ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่เวลาต้องอพยพตามกระแสน้ำอุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว พวกมันกลับมารวมกลุ่มกันเองก่อนจะเคลื่อนพลผ่านใต้ทะเลไป


ทำไมสัตว์ที่สันโดษอย่างล็อบสเตอร์ถึงมารวมฝูงขนาดนี้ได้? เหตุผลง่ายๆ การที่พวกมันเดินแถวอย่างเป็นระเบียบจะสามารถช่วยลดแรงต้านน้ำด้านหน้าได้นั่นเอง จากการวิจัยของนักวิชาการสิ่งมีชีวิตในทะเลและนักวิจัยจลนศาสตร์ พบว่าขณะการเดินแถวฝ่าแรงต้านของล็อบสเตอร์เมื่อเทียบกับเดินตัวเดียวแล้วช่วยลดแรงต้านได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์


นอกจากนี้ล็อบสเตอร์ยังมีศัตรูตามธรรมชาติเยอะมาก ทั้งฉลามทั้งวาฬ ฯลฯ พอพวกมันอยู่รวมกันก็จะคอยระวังและป้องกันตัวจากศัตรูได้


แต่ก็กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับมนุษย์ ถ้าพวกชาวประมงโชคดีรู้ทางกระแสน้ำอุ่นย่อมสามารถจับล็อบสเตอร์ได้จำนวนมาก


ฉินสือโอวโบกมือส่งสัญญาณบอกชาร์คให้ทิ้งสมอแล้วตะโกนว่า “ทุกคน ลงกรงดักกุ้งเร็ว ตรงนี้มีล็อบสเตอร์เต็มเลย ต้องมีฝูงล็อบสเตอร์อยู่แถวนี้แน่!”


แลนซ์และคนอื่นๆ ทิ้งบุหรี่ในมือทันที คนหลายสิบคนลั่นแตรและความวุ่นวายก็เริ่มก่อตัวขึ้น


กรงดักกุ้งไม่ใช่ว่าจะโยนลงน้ำไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้เลย ขั้นแรกชาร์คต้องสำรวจความลึกของน้ำจากห้องบังคับการก่อนโดยใช้โซนาร์เรดาห์ เขาสำรวจสักพักก่อนตะโกนขึ้นว่า “ลึก 110 เมตร!”


พอแลนซ์ทำสัญญาณมือว่าเข้าใจแล้ว เขาก็ให้บูลดึงเชือกพวนยาวประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบเมตรที่มีปลากุ้งอยู่ทั้งสองด้าน แล้วผูกกรงกุ้งไว้ยี่สิบอันบนเชือกนั้น กลายเป็นกรงที่ร้อยเข้าด้วยกัน


พอผูกเสร็จก็มีชาวประมงผู้เชี่ยวชาญสองคนขึ้นมาผูกลูกทุ่นยางที่สองด้านของเชือก มันเป็นทุ่นทรงกลมสีแดงเข้มที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่า ต่อให้มันลอยไปไกลก็ยังมองเห็นได้


คนอื่นๆ นำเครื่องในไก่ เป็ด หมู วัวแช่แข็งใส่ไปในกรงดักกุ้งทำเป็นเหยื่อล่อ เหยื่อพวกนี้ล้วนซื้อมาในราคาถูก เพราะคนแคนาดาไม่กินเครื่องในสัตว์กัน แต่กลับใช้ดึงดูดล็อบสเตอร์ได้ดีมาก


เตรียมการเรียบร้อย ที่เหลือแค่โยนกรงลงไป


………………………………………………….


บทที่ 430 ลากอวนจับปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

แลนซ์กับบูลยกปลายเชือกที่ร้อยกรงเข้าด้วยกันโยนลงไปในน้ำ ส่วนชาร์คค่อยๆ ขับเรือฮาวิซทไปยังทิศตะวันออกและวันตกตามที่ฉินสือโอวชี้บอก ขณะที่แลนซ์และบูลยังคงโยนกรงลงน้ำเรื่อยๆ กลายเป็นแนวกรงเชือกตลอดทิศตะวันออกถึงตะวันตก


ตามที่ฉินสือโอวประเมินไว้ หากล็อบสเตอร์อพยพไปทางใต้ สุดท้ายย่อมต้องผ่านมาทางกรงเชือกนี้และสามารถจับพวกมันได้มาก


ขณะเดียวกันพวกแลนซ์กับบูลก็ยังคงทิ้งเชือกร้อยกรงลงไปอีกสี่เส้น จนมีกรงดักกุ้งถึงสองร้อยอัน


โดยเชือกร้อยกรงแต่ละเส้นอยู่ห่างกันประมาณสองร้อยกว่าเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เชือกพันกัน ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องยุ่งยากได้ เชือกที่รับแรงไม่ไหวจะขาดจนพาลต้องเสียกรงดักกุ้งไป


สำหรับชาวประมงทั้งกรงดักกุ้งกับเชือกพวนเป็นของราคาไม่น้อยไม่ควรทำหายอย่างยิ่ง


เมื่อลงกรงดักกุ้งเรียบร้อย พวกแลนซ์ก็ตั้งเสาทุ่นเตือนไว้รอบๆ


เป็นเสาสีแดงเช่นกัน มันตั้งดิ่งอยู่ในน้ำโดยด้านบนมีธงที่เขียนด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นชื่อเรือฮาวิซท ใช้เตือนผู้ที่มาทีหลังว่าพื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของเรือฮาวิซทแล้ว


การตั้งเสาทุ่นเตือนค่อนข้างมีประโยชน์และสำคัญมาก เหตุวิวาทระหว่างการจับล็อบสเตอร์ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการรุกล้ำอาณาเขตของกลุ่มอื่นนั่นเอง ดังนั้นเสาทุ่นเตือนต้องสะดุดตาจะได้เป็นจุดเด่น


ในการทำกับดักจำเป็นต้องรออย่างน้อยครึ่งวันหรืออาจนานกว่านั้นถึงจะมีล็อบสเตอร์มาติดกับ ซึ่งระหว่างนั้นพวกฉินสือโอวไม่สามารถพักได้ พวกเขากำลังมาหาเงินไม่ใช่มาเที่ยวเล่น


ที่อวนท้ายเรือฮาวิซท ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนพยายามหาปลาเศรษฐกิจที่ได้ราคาอย่างพวกพอลล็อคหรือพันธุ์อื่นๆ เพิ่ม ถังน้ำแข็งยังมีที่ว่างเหลือพอให้จับปลาได้อีกเยอะ


ฉินสือโอวเจอฝูงปลาอย่างรวดเร็ว เขาสั่งให้เรือฮาวิซทปล่อยอวน แล้วเรือประมงก็เร่งความเร็วพุ่งไปจนสี่ห้าร้อยกิโลเมตร จึงลดความเร็วและเริ่มเก็บอวน


ด้านล่างดาดฟ้าท้ายเรือเป็นทางเข้าห้องแช่แข็ง บูลพาคนไปเปิดถังน้ำแข็ง พออวนถูกเครื่องยนต์ดึงขึ้นมาช้าๆ จนแขวนอยู่กลางอากาศ ชาร์คจึงบังคับทิศทางด้วยเครนควบคุมให้มันไปวางในห้องแช่แข็ง แล้วรอให้คนรีบมาแกะท้ายอวน


‘โครม’ ราวกับฝนปลาเทลงมา หลังแกะอวนออกปลาทะเลขนาดกลางสีน้ำเงินขาวกองใหญ่ก็ร่วงลงมาในห้องแช่แข็ง


แลนซ์หยิบมาดูสองตัว ก่อนเอ่ยยิ้มๆ “กัปตัน เวทมนตร์ของตระกูลคุณนี่สุดยอดจริงๆ อวนนี้พวกเราทำเงินได้เยอะเลย”


“ผมเดาว่าน่าจะได้สักสองพันกว่าปอนด์” บูลพูดด้วยความดีใจ


ฉินสือโอวลองไปดู ก็เห็นว่าพวกเขาดีใจจนหน้ามืดตามัวกันเกินไปหน่อย จึงส่ายหัวกล่าวว่า “อวนนี้ใช้ไม่ได้ บ้าจริง ทำไมถึงมีปลาค็อดน้ำเงินเยอะขนาดนี้? ฉันคงสนใจแต่ระดับกลิ่นอายชีวิตของมัน จนลืมดูว่าส่วนใหญ่เป็นปลาพันธุ์อะไร”


“ถึงกับสามารถแยกออกว่าเป็นปลาอะไรเลยหรือครับ?” ชาวประมงคนหนึ่งถามอย่างตะลึง


ฉินสือโอวยักไหล่ตอบ “แยกแบบเจาะจงไม่ได้หรอก แต่ตระกูลเราสั่งสมประสบการณ์มามากมาย ส่วนใหญ่เลยพอมองออกว่าปลาไหนทำเงินได้ ปลาไหนทำเงินไม่ได้”


การที่สามารถหลอกพวกลูกเรือได้ขนาดนี้ เพราะถึงอย่างไรหลังเขาออกไปจับปลาเดี๋ยวก็ทำเงินได้เยอะเอง แทบทุกอวนที่จับมาหากจะใช้เรื่องโชคมาอธิบายเพียงอย่างเดียวคงใช้ไม่ได้


การที่อธิบายว่าเป็นเวทมนตร์ประจำตระกูลแล้วพวกชาวประมงยอมรับอย่างง่ายดายนั้น เพราะทั้งคนที่หากินบนภูเขาหรือหากินในทะเลล้วนมีความหมกมุ่นในบางสิ่งเป็นพิเศษ จนเรียกว่าเป็นความงมงายก็ได้ ชาวประมงที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกคนต่างมีสิ่งที่เรียกว่าศาสตร์การหาปลาประจำตระกูลที่สาบสูญอยู่


อย่างเช่นซีมอนสเตอร์ เขาเชื่อในโชคลางมาก ชาร์คบอกฉินสือโอวว่า เมื่อก่อนเวลาซีมอนสเตอร์ออกทะเลไปตกปลาคนเดียว ทุกครั้งที่ตกปลาตัวแรกได้ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ เขาจะกินหัวใจของปลาตัวนั้น เพราะเชื่อว่ามันจะทำให้เขาโชคดีนั่นเอง


เมื่อฉินสือโอวกล่าวจบ พวกชาวประมงก็ไม่ได้สงสัยคำพูดของเขา เพราะความจริงก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่าฉินสือโอวมีฝีมือในการหาปลาจริงๆ


ระหว่างจิตสำนึกโพไซดอนล่องลอยไปในทะเล ฉินสือโอวก็พบฝูงปลาค็อดน้ำเงินอีก แต่ไม่ได้ปล่อยอวน


ปลาค็อดน้ำเงินไม่ได้ราคาเท่าไร หนึ่งกิโลกรัมได้แค่หนึ่งดอลลาร์แคนาดา หนึ่งอวนที่จับได้ก่อนหน้านี้อย่างมากก็ได้หนึ่งพันดอลลาร์ จะมีความหมายอะไร?


เป้าหมายของฉินสือโอวคือปลาแฮดดัค ที่เขาเลี้ยงแบบปล่อยที่ฟาร์มปลาส่วนใหญ่ก็คือปลาค็อดสายพันธุ์นี้ ซึ่งปลาแฮดดัคมีมูลค่ายิ่งกว่า ราคาเป็นสิบเท่าของปลาค็อดน้ำเงินทีเดียว อวนเดียวก็ได้มาถึงหนึ่งหมื่นดอลลาร์โดยไม่ต้องพึ่งโชคแล้ว


ขณะจิตสำนึกโพไซดอนเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวก็เจอฝูงปลาแฮดดัคพอดี เขาจึงบอกให้ชาร์คปล่อยอวน หลังลากไปได้สักพัก ก็เปิดเครนดึงอวนขึ้นมาไว้ในห้องแช่แข็งอีกครั้ง พอเปิดอวนออกก็มีแต่ปลาแฮดดัคตัวอ้วนสีเทาน้ำตาลซีดร่วงลงมา


ปลาพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในตลาดยุโรปอเมริกามาก มันรสชาติดี เต็มไปด้วยสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีน คนคนหนึ่งแค่กินปลาแฮดดัคไม่ถึงหนึ่งร้อยกรัมก็แทบได้รับปริมาณโปรตีนที่เพียงพอต่อวันแล้ว


นอกจากนี้ ปริมาณไขมันในเนื้อปลาแฮดดัคยังมีน้อย ไม่มีคาร์โบไฮเดรต และแคลอรีต่ำ เป็นปลาที่มักจะถูกนำมาทำเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับคนจีนอาจไม่ค่อยสำคัญเท่าไร แต่สำหรับคนอ้วนมากมายในอเมริกาเหนืออาหารที่อร่อย แคลอรีต่ำ และมีสารอาหารสูงกลับเป็นของราคาดี


เมื่อเห็นปลาแฮดดัคที่จับมาได้อวนใหญ่ บูล แลนซ์และชาวประมงทุกคนต่างเข้ามาล้อมฉินสือโอวตรงกลาง พวกเขากางแขนโอบไหล่คนด้านข้างแล้วร้องเพลงอย่างเอิกเกริกพลางเดินวนรอบฉินสือโอว


ฉินสือโอวเองก็ร้องเพลงประสานตาม นี่คือเทศกาลแห่งการเก็บเกี่ยวที่อะไรก็เกิดขึ้นได้


ต่อให้อ้างว่ามีห้าธาตุพิชิตมังกร แต่ฉินสือโอวไม่ได้ทำถึงขั้นนั้น จากนั้นก็จับได้อีกสี่ห้าอวน มีอวนหนึ่งเป็นปลาอีคุดและปลาดุกทะเล ส่วนที่เหลือคือปลาแฮดดัคที่มีมากมายในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์


ฝูงปลาอีคุดนี้โชคร้ายมาก เดิมฉินสือโอวไม่ได้สนใจพวกมัน แค่คิดจะจับปลาแฮดดัคเท่านั้น ปรากฏว่าปลาอีคุดที่กำลังไล่ฝูงปลาดุกทะเลอย่างละโมบพวกนี้ดันผ่านมาพอดี จึงถูกรวบไปกับอวนเรือฮาวิซทด้วย


ตกค่ำ เรือฮาวิซทจึงเก็บอวนดักปลา


ช่วงบ่ายพวกเขาจับปลาแฮดดัคได้ประมาณเจ็ดแปดพันกิโลกรัมและปลาอีคุดอีกหนึ่งพันกว่ากิโลกรัม เมื่อคำนวณดู แค่ปลาพวกนี้เรือฮาวิซทก็แทบทำเงินได้ถึงแสนดอลลาร์ เป็นการเก็บเกี่ยวที่เฟื่องฟูจริงๆ!


หากจะแบ่งแสนดอลลาร์ให้เหล่าชาวประมงได้เท่ากันก็จะได้คนละสองหมื่นแปดพันดอลลาร์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ถือเป็นรายได้ที่สูงมากแล้ว


หลังเก็บอวนดักปลา แลนซ์ตั้งใจจะไปเก็บกรงดักกุ้งเพื่อดูว่าจับอะไรได้หรือยัง


แต่ฉินสือโอวปฏิเสธ เขาคำนวณไว้แล้วว่าล็อบสเตอร์พวกนั้นเคลื่อนที่ไม่เร็วนัก ต้องรอจนบ่ายถึงจะเข้ามาใกล้กรงดัก ต้องรอก่อนคืนหนึ่งเพื่อความแน่ใจ


เหล่าชาวประมงต่างเชื่อมั่นในตัวฉินสือโอวอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเขาบอกให้รอคืนหนึ่ง พวกเขาก็ไม่คัดค้านทำตามแต่โดยดี


เมื่ออาทิตย์ลับทิศตะวันตก ลมเหนืออันหนาวเย็นก็พัดผ่าน แลนซ์จึงเข้าครัวไปอุ่นข้าวต้มซีฟู้ดหม้อหนึ่ง


ฉินสือโอวลองชิมไปหนึ่งถ้วย ข้าวต้มทำจากข้าวเหนียว ล็อบสเตอร์ แซลมอนแอตแลนติก เนื้อหอยเชลล์และอื่นๆ รสชาติอร่อยมาก


หลังกินอาหารเย็นง่ายๆ เรียบร้อย พวกชาวประมงก็ยังไม่มีเวลาพัก เพียงไปเปลี่ยนเสื้อมาเข้ากะดึก และไปจำแนกปลาทั้งหมดที่จับได้เมื่อบ่ายนี้ในห้องแช่แข็ง


มันเป็นชีวิตที่ยากลำบาก แต่พวกเขาไม่ใส่ใจเพราะเคยชินแล้ว แค่เก็บเกี่ยวหาเงินได้ พวกปลาที่อัดแน่นเต็มถังน้ำแข็งตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่เป็นตัวทำเงินดอลลาร์แคนาดาต่างหาก!


………………………………………………


บทที่ 431 เปิดประตูสู่ความสำเร็จ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ถ้าไม่มีกระแสลมหนาว ลมทะเลในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็ไม่ถือว่าแรงเท่าไร


อ่าวไม่เหมือนทะเลที่มีลมพัดผ่านรอบด้าน มันเหมือนกับอ่างน้ำขนาดใหญ่ ที่ลมภายนอกถูกกำแพงอ่างบังไว้


อย่างไรก็ตาม การปะทะกับกระแสลมหนาวก็เป็นปัญหาเช่นกัน


เพราะท้องฟ้าอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์จะมีกระแสลมอุ่นจากนิวฟันด์แลนด์พัดมาตลอดปี ซึ่งพอลมนี้มาเจอกับกระแสลมหนาวก็จะเกิดพายุไซโคลนที่ทรงพลังขึ้น พายุไซโคลนที่หมุนวนไปทั่ว‘อ่าง’แต่ไม่สามารถหาทางออกไปได้ย่อมเปลี่ยนเป็นเฮอร์ริเคนในที่สุด


หลังกลายเป็นเฮอร์ริเคนมันจะเคลื่อนที่ไปตามความกดอากาศ ตั้งแต่ทะเลไปยังพื้นดิน และสุดท้ายก็หายไป


นี่คือสาเหตุการเกิดพายุน่าสะพรึงในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เมื่อคืนนั่นเอง แล้วหนึ่งวันต่อมาพายุก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


ฉินสือโอวยืนอยู่ตรงหัวเรือพร้อมกาแฟร้อนแก้วหนึ่งในมือ รู้สึกเหงาเล็กน้อย ได้มาค้างคืนที่อ่าวก็ไม่เลวเหมือนกัน


ส่วนใหญ่แรงลมในอ่าวจะไม่แรง เรือประมงเลยลอยบนน้ำแบบไม่โคลงเคลงเท่าไร นอกจากนี้ลมกลางคืนของอ่าวค่อนข้างร้อนชื้นแม้อยู่ช่วงฤดูหนาว ฉินสือโอวจึงไม่ต้องทรมานกับอากาศนัก


ชาร์คคอยคุมหางเสือ ส่วนคนอื่นๆ ไปคัดแยกปลาที่จับได้ในถังน้ำแข็ง


สักพักบูลก็วิ่งตุบๆ เข้ามา ในมือถือปลาไหลทะเลตัวหนึ่งมาให้ฉินสือโอว พร้อมกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นหนึ่งในอาหารที่นกฟรีเกตชอบมากที่สุด พวกเราเลยคิดว่านิมิตส์น่าจะชอบมันครับ”


ฉินสือโอวตบบ่าบูลพลางเอ่ยขอบคุณ วิธีรับมือพวกชายฉกรรจ์ที่ดีที่สุด คือชนะใจพวกเขา แล้วเขาจะเชื่อฟังคุณอย่างสุดใจ


ฉินสือโอววางปลาไหลทะเลยาวครึ่งเมตรลง แล้วหยิบมีดสั้นสองเล่มขึ้นมาหั่นมันฉัวะฉัวะเป็นสี่ส่วน


เขาผิวปากเรียกนิมิตส์ที่กำลังบินอยู่เหนือเรือประมง ฉินสือโอวโยนชิ้นเนื้อปลาไหลแบบให้อาหารสุนัข ซึ่งนิมิตส์ก็รับแต่ละชิ้นได้อย่างแม่นยำ และร่อนลงมากินบนรั้วข้างเรือ


“เป็นนกที่เก่งอะไรอย่างนี้!” บูลเอ่ยชมนิมิตส์ที่ดูเชื่อฟังคำสั่งมาก


ฉินสือโอวลูบนิมิตส์อย่างอ่อนโยน แม้เจ้าหนุ่มนี่จะเคร่งขรึมไม่เข้าหาใครง่ายๆ ตลอด แต่พอยามคับขันมันก็จะรีบโผล่มาช่วยเสมอ


พวกชาวประมงแยกปลาต่อกระทั่งเที่ยงคืนครึ่งถึงเสร็จ ในอวนมีล็อบสเตอร์ตัวใหญ่บางส่วนที่ฉวยโอกาสมาล่าเหยื่อแล้วโดนจับมาด้วย ฉินสือโอวนำไปยังห้องครัวเพื่อช่วยพวกเขาทำมื้อดึก


เนื่องจากราคาของล็อบสเตอร์พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นฤดูหนาว แม้เป็นของใกล้ชายฝั่งจากเดิมราคาสิบกว่าดอลลาร์ยังเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยดอลลาร์ขึ้นไป ดังนั้นแม้แต่พวกแลนซ์ที่เป็นชาวประมงก็ยังไม่กินของพวกนี้


ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงตั้งใจทำกุ้งล็อบสเตอร์เป็นพิเศษ


ล็อบสเตอร์ที่ติดมาในอวนมีทั้งหมดสิบเจ็ดสิบแปดตัว เขาเอามาทำครึ่งหนึ่ง เป็นกุ้งตัวใหญ่ทั้งหมด ส่วนพวกที่ตัวเล็กเกินไปก็เตรียมปล่อยกลับลงทะเล


ชาร์คเห็นอย่างนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่จำเป็นแล้ว ด้วยมลภาวะแบคทีเรียในอ่าว ล็อบสเตอร์พวกนี้ถึงปล่อยไปก็คงอยู่ได้ไม่นาน สู้เอาไปไปใส่ในซุปสตูยังดีกว่า”


ทางอเมริกาเหนือมีการจำกัดความต้องการในการจับล็อบสเตอร์แต่ละตัวอย่างเข้มงวด อเมริกาจะตรวจสอบโดยวัดเป็นรายตัว หลังขึ้นฝั่งมาล็อบสเตอร์ทุกตัวต้องผ่านการวัดความยาว ถ้าความยาวไม่ถึงเกณฑ์จะไม่สามารถจับได้ ส่วนแคนาดาใช้วิธีชั่งน้ำหนักซึ่งง่ายและเร็วกว่า ถ้าน้ำหนักไม่ถึงครึ่งปอนด์ก็ไม่สามารถจับได้


ทว่าเดิมพวกชาวประมงแคนาดาไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นคนดีทำตามกฎ เช่นบางครั้งเวลาจับกุ้งก้ามแดงได้ พวกเขาจะเอากลับไปด้วยเพราะถึงอย่างไรก็ขายไม่ได้ เลยเอามาทำซุปกินเองหรือส่งให้เพื่อนบ้านแทน


ฉินสือโอวชอบกินอาหารทะเล ปกติก็เคยศึกษาวิธีทำเล่นๆ มาบ้าง ครั้งนี้เขาใช้วิธีปรุงล็อบสเตอร์สองแบบ


แบบแรกคือวิธีต้มล็อบสเตอร์แอตแลนติกแบบดั้งเดิม นำกุ้งมาล้างให้สะอาดก่อนแล้วนำไปต้มในน้ำเกลือง่ายๆ จากนั้นก็นำเนื้อกุ้งมาจิ้มกินกับครีมซอสที่ผสมไว้ถ้วยหนึ่ง


เนื้อกุ้งรสชาติเหมือนกันหมด ฉินสือโอวจึงเพิ่มลูกเล่นในครีมซอส โดยใส่มะนาว กระเทียม ซอสถั่วเหลือง แบล็กเบอร์รีและอื่นๆ ลงไปด้วย


นี่เป็นวิธีกินล็อบสเตอร์ของคนแคนาดา พวกเขาคิดว่าวัตถุดิบที่ดีควรปรุงอย่างง่ายๆ เพื่อให้คงรสชาติดั้งเดิมของมัน


ส่วนวิธีปรุงอีกแบบก็ไม่ยาก ตอนฉินสือโอวอยู่ที่บ้านวินนี่ช่วงคริสต์มาสก็กินอย่างนี้ คือนำล็อบสเตอร์ไปนึ่งเล็กน้อย ใช้มีดคมๆ หั่นครึ่งแล้วไปอบในเตาอบ


สิ่งสำคัญในการอบล็อบสเตอร์คือเครื่องปรุง หลังแกะเปลือกกุ้งแล้วต้องใส่เครื่องปรุงที่ตัวเองชอบลงไปด้วย แลนซ์อยากให้ปรุงรสแบบครีม บูลอยากได้เผ็ดแบบเกาหลี ชาร์คชอบซอสมะเขือเทศ คนที่เหลือก็พากันบอกแบบที่ตัวเองต้องการ


นอกจากซอส ฉินสือโอวยังใส่ถั่วพิสตาชิโอ วอลนัทบดกับเกล็ดขนมปังและส่วนผสมอื่นๆ ที่เตรียมมาลงไปด้วย


เพราะการอบล็อบสเตอร์นั้นเสียเวลากว่า ฉินสือโอวจึงทำเมนูนี้ก่อน หลังพวกชาวประมงเสร็จงานก็มารวมตัวกันในห้องทานอาหาร เขาจึงเริ่มต้มล็อบสเตอร์ ซึ่งเสร็จอย่างรวดเร็ว ยิ่งหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมดก่อน ทำไปกินไปดีที่สุด ร้อนๆ กำลังดี


พอเห็นฉินสือโอวกำลังจะจับกุ้งใส่น้ำเกลือไปตรงๆ บูลก็เข้ามาห้ามไว้ แล้วจับให้กุ้งหันหลังตอนใส่ลงไปแทน เขาหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ทำอย่างนี้ล็อบสเตอร์จะหลับทันที พอพวกมันนอนแล้ว จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดนัก”


แลนซ์และพวกพากันพยักหน้า พวกเขาชอบใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น เป็นความจริงที่ว่าแค่จับล็อบสเตอร์หงายให้เปลือกด้านหลังลงมันก็หลับแล้ว


ฉินสือโอวไม่สนใจวิธีนี้เท่าไรจึงเอ่ยว่า “ขอโทษทีพวก เมนล็อบสเตอร์ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดหรอก พวกมันไม่มีสมอง มีแค่รากศูนย์กลางประสาทที่กระจายอยู่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เลยไม่รู้สึกเจ็บ ไม่งั้นพวกมันจะก้าวร้าวขนาดนี้ได้ยังไง?”


ราวกับแลนซ์ดูช่างเสแสร้งกว่าเดิม เมื่อเขาเอ่ยว่า “กัปตัน ที่นิวฟันด์แลนด์เรามีประโยคสแลงหนึ่งกล่าวว่า ‘การหลับระหว่างตายจะนำพาดวงวิญญาณเข้าใกล้สวรรค์ยิ่งขึ้น’ เพราะอย่างนี้พวกเราเลยต้มล็อบสเตอร์ที่หลับแล้วเท่านั้นครับ”


ฉินสือโอวหลุดหัวเราะ ยกนิ้วโป้งให้เขาพร้อมกล่าวชมว่า ‘ไอ้คนดีเอ้ย’ จากนั้นก็จัดการต้มตามแบบที่พวกเขาบอก


ในห้องอาหารแลนซ์และคนอื่นๆ หัวเราะพูดคุยพลางแกะกุ้งกินด้วยท่าทางองอาจ ไม่ได้ใช้มีดกับส้อมเหมือนพนักงานออฟฟิศหรือนักวิจัย แต่ใช้มือฉีกเนื้อกุ้งจิ้มซอสกินกับขนมปัง พลางเคี้ยวเสียงดังแทน


หลังกินดื่มจนพอแล้วก็เข้านอน พวกชาวประมงรีบทำเวลา ตรงเข้าห้องตัวเองทันที


วันที่สองฉินสือโอวถึงเข้าใจว่าทำไมการออกทะเลมาจับกุ้งถึงเหน็ดเหนื่อยนัก ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ ฟ้ายังไม่ทันสาง พอตีห้าครึ่งกว่าพวกชาวประมงก็ต้องตื่นมาเตรียมทำงานแล้ว


ทำให้ตอนนี้พวกเขาได้นอนกันแค่สี่ชั่วโมงครึ่ง


พอขับเรือมาจอดยังจุดที่ตั้งเสาทุ่นเตือนไว้ เหล่าชาวประมงก็เริ่มงานต่อ


แลนซ์ใช้ตะขอเกี่ยวลูกทุ่นยางขึ้นมาแก้ปลายเชือกพวน ยึดไว้กับรอกไฟฟ้า และเปิดมอเตอร์ดึงเชือกพวนขึ้นมา


ซึ่งมีผู้ชำนาญคอยจับเชือกไว้ โดยบูลและคนอื่นๆ ที่แข็งแรงยืนประจำอยู่ตามหัวท้ายเรือ เชือกพวนดึงขึ้นมาได้หนึ่งร้อยสี่สิบกว่าเมตร ก็ปรากฏกรงดักกุ้งที่มีเจ้าตัวใหญ่


ชาวประมงทุกคนแทบกลั้นหายใจขณะมองดูกรงที่พวกเขาจับมา


พอกรงดักเริ่มขึ้นมา บูลกับอีกสองคนก็รีบผลัดกันดึงผลัดกันจับเชือกพวนลากอย่างรวดเร็ว


ภายใต้แสงที่เริ่มสาดส่อง มีล็อบสเตอร์ตัวใหญ่สี่ตัวอยู่ในกรงดักกุ้ง ทุกตัวล้วนยาวประมาณยี่สิบเซนติเมตร หนักไม่น้อยกว่าหนึ่งกิโลกรัม เป็นล็อบสเตอร์ยักษ์ของแท้!


“โอ้ว!” เห็นดังนั้นกลุ่มชาวประมงก็พากันโห่ร้อง ไม่คิดว่าการใช้กรงดักกุ้งจะได้ผลดีขนาดนี้ นี่ไม่ใช่แค่ดีธรรมดาแล้ว แต่ยอดเยี่ยมไปเลยต่างหาก!


…………………………………………………


บทที่ 432 กรงดักกุ้งแสนอัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

ขณะที่กรงดักกุ้งถูกดึงขึ้นมาทีละอัน สีหน้าพวกชาวประมงก็ยิ่งแย้มยิ้มกว่าเดิม


พอดึงเชือกร้อยกรงเส้นแรกที่มีกรงห้าสิบอันขึ้นมานั้น แทบเรียกว่าประสบความสำเร็จ ในกรงมีล็อบสเตอร์ทั้งหมดหกสิบเจ็ดสิบตัว โดยทุกกรงล้วนมีล็อบสเตอร์ไม่เกินสองตัว ถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดี!


“พวกเราช่างโชคดีชะมัดเลย!” ชาวประมงคนหนึ่งกล่าวพลางถอนหายใจอย่างอดไม่อยู่


บูลจ้องเขาเขม็งก่อนเอ่ยว่า “นายนี่มันโง่เหมือนกุ้งเลย พวกเราโชคดีงั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย เพราะเวทมนตร์ประจำตระกูลของกัปตันต่างหากที่สุดยอด!”


แลนซ์คาบกล้องยาสูบพร้อมพยักหน้าแกนๆ “เออ บูลนี่มันก็ช่างยอจริงๆ เลย”


ได้ยินดังนั้นคนที่เหลือก็หลุดขำกัน บูลพูดอย่างหัวเสีย “ก็แล้วไม่จริงหรือไง?”


ฉินสือโอวตบบ่าเขายิ้มๆ เป็นเชิงบอกให้ใจเย็นแล้วเอ่ยว่า “ฉันโชคดีด้วยแหละ เวทมนตร์จะสุดยอดได้ก็ขึ้นอยู่กับประสงค์ของพระเจ้าด้วย”


นี่เป็นข้อดีของการอยู่อเมริกาเหนือ เวลาที่ขี้เกียจอธิบายอะไรหรือบอกไม่ได้ก็แค่อ้างว่าเป็นประสงค์ของพระเจ้าก็พอแล้ว


แต่ล็อบสเตอร์ก็ค่อนข้างโง่จริงๆ หรือต้องพูดว่าพวกมันละโมบเกินไปต่างหาก ที่จริงตามกฎหมายรัฐบาลแคนาดากรงดักกุ้งพวกนี้ต้องมีช่องเปิดไว้สองทาง ทางหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกทางอยู่ด้านข้าง


ล็อบสเตอร์ที่เข้าไปในกรงจะได้หมุนตัวหนีออกมาได้ เป็นการป้องกันการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรล็อบสเตอร์


ทว่ามีส่วนน้อยที่หนีออกมาสำเร็จ พวกมันว่ายน้ำไม่เก่ง ทั้งยังขี้เกียจและตะกละ พอเข้ากรงไปกินเหยื่ออย่างเอร็ดอร่อยจนอิ่ม มันก็จะพักอยู่ตรงนั้นต่อ


เมื่อคัดแยกล็อบสเตอร์ตามขนาดแต่ละตัวคร่าวๆ ชาวประมงห้าคนก็นำล็อบสเตอร์โยนใส่รถเข็น และอีกสองคนคอยเข็นรถไปยังห้องแช่แข็ง


หลังดึงเชือกร้อยกรงเส้นแรกแล้ว ฉินสือโอวก็สั่งให้ชาร์คขับไปยังจุดต่อไป ต้องรอประมาณยี่สิบนาทีก่อนถึงจะเริ่มดึงเชือกร้อยกรงได้ ขณะเดียวกันที่เก็บเกี่ยวมารอบแรกก็เสร็จเรียบร้อยในครึ่งชั่วโมงต่อมา


คราวนี้ได้สองร้อยกรง เพราะฉินสือโอวกะตำแหน่งวางกรงดักกุ้งไว้พอดีกับทางที่พวกมันเดินผ่าน จึงจับได้เยอะมาก ล็อบสเตอร์ยักษ์สามร้อยตัวในครั้งเดียว


บูลให้แลนซ์ชั่งน้ำหนักดู แลนซ์พึมพำว่า “ประมาณห้าร้อยกิโลกรัมได้”


ได้ยินดังนั้น พวกชาวประมงก็โห่ร้องอีกครั้ง บูลหน้าแดงก่ำ เขาชกข้างเรือเต็มแรงพร้อมตะโกน ‘เย้’


ล็อบสเตอร์ห้าร้อยกิโลกรัมก็เท่ากับพันกว่าปอนด์ ตอนนี้ราคากุ้งกำลังพุ่งสูงขึ้น แม้จะขายส่งที่ท่าเรือหนึ่งปอนด์ราคาก็สูงขึ้นเป็นสองร้อยกว่าดอลลาร์ได้


พอลองคำนวณดู ล็อบสเตอร์หนึ่งพันปอนด์ขึ้นไปเท่ากับสองพันดอลลาร์ พวกเขาทุกคนก็จะแบ่งกันได้คนละห้าร้อยกว่าดอลลาร์


ห้าร้อยดอลลาร์นี้ไม่ถือว่าเยอะเท่าไร แต่นี่ยังเป็นแค่การเก็บเกี่ยวรอบแรก ตอนจับช่วงกลางวัน ครึ่งวันเท่ากับหนึ่งครั้ง ก็เท่ากับว่าวันหนึ่งจับได้ถึงสามครั้ง ถ้ามองในแง่ดีหน่อยวันหนึ่งก็จะจับได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ทีเดียว!


ฉินสือโอวรู้สึกว่าสองหมื่นดอลลาร์นั้นยังไม่เท่าไร เอาไปเป็นค่าซ่อมบำรุงรถพอร์ช 918 ไม่พอด้วยซ้ำ


แต่พอเห็นพวกชาวประมงดีใจขนาดนั้น เขาจึงถือโอกาสทำให้พวกเขาดีใจยิ่งกว่าเดิม เขาโบกมือให้ทุกคนเงียบก่อนแล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นการเก็บเกี่ยวรอบแรกของพวกเรา เพราะงั้นฉันจะให้เงินทั้งหมดกับพวกนาย!”


“จะให้เงินค่าขายล็อบสเตอร์ห้าร้อยกิโลกรัมกับเราหมดเลยเหรอครับ!”


“ใช่ พวกนายไปแบ่งกันเองนะ เดี๋ยวแลนซ์กับชาร์คจะจัดการเอง”


ฉินสือโอวกล่าวพร้อมพยักหน้ายืนยัน ได้ยินเช่นนั้นเหล่าชาวประมงก็พากันเข้ามาโอบไหล่เขา


ยามนี้ท้องฟ้าสว่างแล้ว แสงอาทิตย์สีทองอ่อนสาดส่องลงบนผิวน้ำและสีหน้าที่ผ่านความยากลำบากมาจนหยาบกระด้างของชาวประมง ซึ่งแฝงความอ่อนโยนกว่าปกติ


หลังเก็บเกี่ยวเสร็จ ฉินสือโอวก็สั่งให้ขับไปอีกสิบกว่ากิโลเมตรเพื่อวางกรงดักกุ้งต่อ คราวนี้เป้าหมายเขาคือฝูงเมนล็อบสเตอร์ แค่อีกสี่ห้าร้อยตัวก็พอแล้ว


พอได้รับคำมั่นจากฉินสือโอว พวกชาวประมงก็ยิ่งตั้งใจและเคารพเขามากขึ้น


ชาร์คเตือนว่า “บอส พวกเรามีเกณฑ์ในการแบ่งผลประโยชน์กันอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ก็ได้ ราคาที่พวกเราจะให้ก็ยุติธรรมพอแล้ว”


ฉินสือโอวบอกว่าเขารู้แล้ว เงินเล็กๆ แค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนดีใจก็พอ


แน่นอนว่าการที่เขาทำถึงขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพื่อให้ดีใจกัน แต่ยังเป็นการบอกพวกชาวประมงว่าหากตามเขามาก็จะสามารถทำเงินได้มากมายนั่นเอง


ฟาร์มปลาของเขาใกล้จะต้องเริ่มเก็บเกี่ยวช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้แล้ว ฉินสือโอวมีชาวประมงแค่สี่คนซึ่งไม่มีทางพอแน่ ปกติเจ้าของฟาร์มปลามักจ้างชาวประมงมาทำงานช่วงเก็บเกี่ยวชั่วคราว ทั้งประหยัดและมั่นใจในประสิทธิภาพได้


แต่ฉินสือโอวไม่ได้วางแผนอย่างนั้น เขาจะให้พวกชาร์คและนีลเซ็นสี่คนเป็นคนนำทีมชาวประมงที่แข็งแกร่ง


แลนซ์และพรรคพวกสิบคนอาจมีร่างกายและเทคนิคที่ไม่ได้โดดเด่นในหมู่ชาวประมงนัก แต่ฉินสือโอวมองที่จิตใจของพวกเขา คนพวกนี้ถึงกับอาสาช่วยเมืองเล็กๆ ซ่อมแซมโบสถ์ แสดงว่าเนื้อแท้ต้องดีมากทีเดียว


การออกทะเลมาครั้งนี้ ฉินสือโอวทำให้คนสิบคนทำเงินได้มากมาย เพื่อผูกมัดพวกเขาไว้กับเรือประมง สังคมทุนนิยมก็แบบนี้ ถ้าคุณสามารถทำให้เขามีรายได้จากการตามคุณได้ คนก็จะผูกพันด้วย


หลังลงกรงดักกุ้ง ฉินสือโอวก็นำชาวประมงไปทำงานต่อ คราวนี้ยังคงเป็นการล่าปลาแฮดดัคเช่นเดิม


เมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่ง ฉินสือโอวพบว่ามีเรือประมงมากมายอยู่บนทะเล ส่วนใหญ่เป็นเรือจับกุ้ง ตลอดทางเขานับได้ไม่ต่ำกว่าสี่สิบลำ!


“ทำไมถึงมาจับล็อบสเตอร์กันเยอะขนาดนี้เนี่ย?” ฉินสือโอวถือกล้องส่องทางไกลมองรอบด้าน มีลูกทุ่นยางมากมายหลายขนาดลอยอยู่บนน้ำ


แลนซ์คาบกล้องยาสูบพลางตอบอย่างไม่ใส่ใจ “นี่นับว่าเยอะแล้วเหรอ? ทุกปีอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์จะผลิตล็อบสเตอร์ถึงเก้าพันตัน! ถ้าไม่มีพายุเสียก่อน เรือทุกลำคงมาที่นี่แล้วก็จะมีกรงดักกุ้งไม่ต่ำกว่าสองแสนอันทั่วทั้งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์!”


“ขนาดนั้นเลย?” ฉินสือโอวสูดลมหายใจ ของเรือตัวเองก็สองร้อยกรงแล้ว หากประมาณตามอัตราส่วน อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็ต้องมีเรือจับกุ้งถึงหนึ่งพันลำเลย


“ช่วยไม่ได้นี่ ใครมันเป็นคนทำให้ของพวกนี้ราคาดีกันล่ะ?”


“จริง ล็อบสเตอร์มันแพงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เมื่อก่อนยังมีแค่ทาสเท่านั้นที่กิน ตอนนั้นขนาดขนมปังก็กินไม่ได้เลยแท้ๆ”


“ช่วงนั้นยังมีบทบัญญัติทางกฎหมายว่า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อทาส อาทิตย์หนึ่งพวกทาสจึงสามารถกินได้ถึงห้าตัน หึๆ ตอนนี้พวกเรายังไม่ดีเท่าทาสเลย” ทุกคนหัวเราะพูดคุยพลางส่ายหน้า


เป็นความจริงที่ก่อนกลางศตวรรษที่ 19 คนอเมริกันไม่กินล็อบสเตอร์ ส่วนคนแคนาดา? ตอนนั้นคนแคนาดาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งที่เรียกว่าล็อบสเตอร์อยู่


ตลอดช่วงก่อนกลางศตวรรษที่ 19 ล็อบสเตอร์ถือเป็นอาหารสำหรับคนจนและชนชั้นล่าง ขณะเดียวกันทางกองทัพเองก็มีกฎว่าทหารไม่สามารถกินล็อบสเตอร์ได้เกินสองครั้งต่ออาทิตย์


ช่วงนั้นคนที่กินล็อบสเตอร์มากที่สุดก็คือนักโทษในเรือนจำ เพราะสีหน้าน่าเกลียดตอนกินกุ้งเปรียบเสมือนบทลงโทษแบบหนึ่งสำหรับนักโทษผู้ไม่ซื่อสัตย์นั่นเอง


นอกจากนี้ ล็อบสเตอร์ยังเอาไปใช้เป็นแค่ปุ๋ยและอาหารปลาอย่างเดียว จนศตวรรษที่ 20 คนอเมริกันถึงเริ่มนำล็อบสเตอร์มาทำเป็นอาหาร แต่ก็ยังนับว่าเป็นของชั้นต่ำ ราคาถูกยิ่งกว่าอาหารกระป๋องเสียอีก


ฉินสือโอวรู้สึกว่าฝ่ายที่มาฟื้นฟูการตลาดล็อบสเตอร์อย่างแท้จริงก็คือฝั่งคนเอเชียนั่นเอง ไม่ว่าจะคนจีน คนญี่ปุ่นและคนเกาหลีล้วนชื่นชอบทั้งนั้น โดยเฉพาะซาชิมิล็อบสเตอร์ของอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยเป็นที่หนึ่ง


………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)